ReadyPlanet.com


รวบรวมประสบการณ์การฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้านสวนพีระมิด


 ใครมีประสบการณ์อะไรในการฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้านสวนพีระมิด เชิญบอกเล่าเป็นธรรมทานให้แกญาติธรรมทุกท่านได้ในกระทู้นี้เลยครับ

ไม่ว่าจะเป็นการสื่อโดยเบื้องบน การท่องไปในจักรวาล หรือการฝึกกสิณต่างๆ

เชิญเลยครับ...



ผู้ตั้งกระทู้ คุณสิทธิ์(สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) (surasit2010-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-01 22:17:37


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 [16]

ความคิดเห็นที่ 1501 (1622622)

 คุณณัฐสินี ผู้มีศักดิ์เป็นน้า ซึ่งพามา อ้อ ต้องเรียกว่า จูงมา ถึงจะถูก

ก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่า หลานชาย ดร.อั๋น คนนี้ เป็นโรคร้าย ทราบแต่ว่า เป็นเบาหวาน เข้าตา ตาบอดสนิท หนึ่่งข้าง อีกข้าง กำลังจะบอด

หมอไม่ผ่าให้ เพราะ มันทำอะไรไม่ได้แล้ว รอดวันบอดเท่านั้น   คราวนี้ ท่านผู้อ่านเข้าใจ ดร.อั๋นแล้วยังว่า ทำไมอยากสารภาพบาป อยากออก ทีวี. ทั้งที่เสี่ยงต่อสังคมรังเกียจ การงาน เพราะ ดร.อั๋น ตัดสินใจแล้วว่า นี่อาการเรามันหนักหนาสาหัส หันไปไหนก็ตายทั้งนั้น ยารักษาเอดส์ไม่ได้ แค่กินไปตามอาการเท่านั้น ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว เนื้อตัวมันปวด มันเจ็บ มันหนัก เหมือนหินถ่วง เหมือนมีดทิ่มแทงตลอดเวลา ใครไม่เป็นเอง ก็คงไม่รู้ว่า ทรมาน หน้าตาแกเศร้าหมองเหลือเกิน โดยเฉพาะตา เศร้ามาก

นี่เป็นความเศร้าที่สุดในชีวิตคน คนหนึ่ง ที่รู้ว่าความตายกำลังย่างกรายเข้ามา เหมือนคนรู้วันตายของตัวเอง ไม่ใช่แค่กำลังจะตาย แต่ก่อนตายอาจตาบอดสนิททั้งสองข้างก็ได้  ชีวิต ดร.มันไม่มีความหมายอะไรเลย นอกจากพ่อต้องการเห็นลูกคนนี้ เอาดีได้ เป็น ดร.ได้เท่านั้นเอง

พอแกสารภาพกับจี้สฟิงซ์ที่คุณธนาเป็นคนถือ 

ร่างกายแกจากที่ไม่มีแรง แม้แต่เดินก็แทบไม่ไหว กลับมีแรงขึ้นมาอย่างประหลาด เดินได้ฉับๆๆ จนแกเองก็งง เพราะปกติจะเซ ด้วยตาไม่ค่อยเห็นด้วย แต่นี่เดินได้ เดินโชว์ไปกลับ อย่างองอาจ เรี่ยวแรง กำลังวังชามันมาจากไหนก็ไม่รู้  เอาเป็นว่า แกสารภาพว่า มีเพศสัมพันธุ์กับผู้ชายมา ยี่สิบกว่าคน ป้องกันโดยใช้ถุงยางอนามัย แต่ติดเอดส์ได้  คราวนี้  คงนึกถึงคำพูด อ.อุบล กันขึ้นมาได้บ้างแล้วละมัง การติดเอดส์ ไม่ได้ติดกับคนมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น  แต่กรณี ดร.อั๋น ป้องกันโดยใช้ถุงยาง แต่หมอซักถามว่า ใช้ตอนไหน ดร.อั๋นบอก ตอนก่อนร่วมเพศ หมอบอกว่า ใช้ปากก่อนหรือไม่  ใช้ครับ หมอบอกว่า ติดทางน้ำลาย น้ำเมือก  คราวนี้คงนึกถึงป้ายประกาศ วิธีล้างแก้ว ล้างจาน ที่ อ.อุบล พิมพ์ไปติดไวว้อีกใช่ไหม เพราะเห็นพวกเราล้างแก้วน้ำกันแบบ มีน้ำใส่กะมังไว้หน่อย  ใครดื่มน้ำแล้ว ก็เอาแก้วมาจุ่ม แล้วคว่ำ อย่างนี้มีหวัง รับเชื้อโรคกันทั่วหน้า โดยเฉพาะโรคติดต่อ เช่น หวัด ไวรัส เอดส์ เขียนบอกไว้ตั้งแต่เิร่ิมใช้โรงทานใหม่่  เพราะอะไรถึงไปเขียนติดไว้ ก็เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณอีกนั่นแหละ บอกให้เตือนลูกหลาน ท่านบอกว่า คนเป็นเอดส์กันทั่วแผ่นดิน กินนอน นั่งอยู่ด้วยกัน เขาไม่มีป้ายแขวนคอ แต่เขามาร่วมใช้ภาชนะเหล่านี้ แม้ไม่เจตนาแพร่เชื้อ แต่คนที่ไม่สะอาด ก็ต้องรับเชื้อ เพราะกรรมมักง่าย กรรมสกปรก กรรมลามก รวมตัวกัน ให้ต้องมาติดต่อกันทางน้ำ ทางอาหาร  ทางภาชนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-05 23:52:41


ความคิดเห็นที่ 1502 (1622623)

 ตอนที่ ดร.อั๋นสารภาพ แต่บอกว่า พ่อห้ามบอกใคร

อ.อุบล ได้ย้อนถามว่า แล้วเข้าใจกฎบ้านสวนหรือไม่ ว่าทุกคนที่เข้ามา ต้องถูกบันทึกภาพ และ ออก ทีวี.โดยไม่มีเงื่อนไข  

ทราบครับ ดูรายการมาครบ 9 ตอนเลยครับ ตัดสินใจดีแล้วครับ

ที่สำคัญ ดร.อั๋น ยอมเสี่ยงสารภาพดีกว่า อันนี้ เดาใจ ดร.อั๋นนะ ว่า ยังไงก็ต้องตายเร็ววันนี้ หนีไม่พ้นแน่ ทั้งอาจตาบอดก่อนตายทั้งสองข้าง

แต่ถ้าสารภาพ มีโอกาสหาย หรือ ดีขึ้น มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ตาอาจไม่บอด หรือ หายบอดได้ มันน่าเสี่ยง และ คุ้มค่าแก่การเสี่ยงมาก

ระหว่าง

ไม่สารภาร ตายแน่นอน เร็วๆนี้ด้วย ตาบอด 2 ข้างก่อนตาย หรืออาจตายก่อน

สารภาพ มีโอกาสรอด มีโอกาสหาย หรือ อาจไม่หายก็ได้

แต่ก็ยังดีที่มีช้อยส์ให้เลือก การไม่สารภาพ ไม่มีทางเลือก มีแต่ทางตัน ตายอย่างเดียว

อันนี้ เดาว่า เป็นเหตุผลสำคัญ ทำให้ ดร.อั๋น เลือกที่จะไม่แคร์สังคม ที่ทำงาน พ่อแม่ แต่ต้องเลือกเอาประโยชน์สูงสุดของชีวิต

ไม่ใช่ไม่แคร์ใครเลยทีเดียว แต่คิดแล้ว ทุกคนที่แคร์ ช่วยเราไม่ได้ก็เลยลองเลือก วิธีของคนที่อาจจะช่วย เขาได้ ก็คือ วิธีของ อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด

แต่จริงๆ เป็นวิธีของพระพุทธเจ้า ก็ ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ก็ใช้วิธีค้นหาเหตุ ดับเหตุ เพื่อดับผล ซึ่งพิสูจน์มานักต่อนักแล้ว

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 00:02:51


ความคิดเห็นที่ 1503 (1622626)

ขออนุโมทนาค่ะท่านอาจารย์

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 00:23:36


ความคิดเห็นที่ 1504 (1622627)

 ในที่สุด

เมื่อ ดร.อั่๋นสารภาพ ว่าตนได้ร่วมเพศกับชาย ชอบดูหนังโป๊  ภาพลามก ชอบเขียนข้อความเกี่ยวกับ อวัยวะเพศ ถึงคู่นอน ใน แมสเซส ที่คุยกัน

เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ แล้วก็รีบมาสมสู่กัน ชอบมองค้อน ใช้สายตาตำหนิคนอื่น มองจับผิดคนอื่น หมกมุ่นเรื่องเพศ โหลดหนังโป๊ะ แจกจ่ายเพื่อน  แม้ว่าตาบอดแล้วหนึ่งข้าง

ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดจากกรรมใด พึ่งมารู้เมื่อวันเสาร์ ที่บ้านสวน เพราะมีคนบอกนี่เอง

ก็แปลกนะ หลังสารภาพเสร็จ อาการอ่อนเพลีย หมดแรง หายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนคนปกติเลย นี่ ดร.อั่นบอกเลยว่า ขาที่หนัก ก็หาย หายทั้งตัว ตัวเบาสบายอย่างอัศจรรย์

ตามองเห็น 98 เปอร์เซ็นต์ ม่านหมอกที่เคย เคลื่อนไหวอยู่ในตา หายไป เหลือแต่ หมอกนิ่งๆ นิดเดียว การมองเห็น ชัดเจนจนเกือบปกติ

ตอนเช้าวันนี้ วันอาทิตย์ ก็ถาม ดร.อั๋นว่า เป็นไง เรี่ยวแรง ดีมากเลยครับ สบาย ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่เหนื่อย เหมือนคนปกติเลยครับ ตาก็เห็นชัดเจนครับ อัศจรรย์ครับ

ผมคิดว่า ผมต้องหายครับอาจารย์ แกไปปลูกต้นโมกอีกนะวันนี้ตอนสาย ตอนเช้า ตอนบ่าย เรียกว่า แรงไม่ตก กลางแดดเปรี้ยงๆๆ เลย คนปกติยังยอมแพ้แกเลย

แถมไม่ใส่หมวกด้วย โอ้ อะไรจะขนาดน๊านนนนน ดร.อั๋น  เอ หรือ ว่า  ฝันของแก จะเป็นจริงนะเนี่ย เอดส์ระยะสุดท้าย หายได้ ด้วยการสารภาพบาป หมดเปลือก หมอจะวาไงเนี่ย ตาที่หมอบอกกำลังจะบอด หาย เห็นชัดแจ๋ว ด้วยการสารภาาพบาป หมอจะว่าไงเนี่ย ถ้าใครไม่เชื่อ ก็ลองทำตาบอดดู ลองเป็นเอดส์ดู แล้วค่อยพิสูจน์ดูเองละกันเน้อ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 00:27:38


ความคิดเห็นที่ 1505 (1622628)

ขออนุญาตขยายตัวอักษรครับ จาก คห.1501 ของท่านอาจารย์ครับ

 

คุณณัฐสินี ผู้มีศักดิ์เป็นน้า ซึ่งพามา อ้อ ต้องเรียกว่า จูงมา ถึงจะถูก

ก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่า หลานชาย ดร.อั๋น คนนี้ เป็นโรคร้าย ทราบแต่ว่า เป็นเบาหวาน เข้าตา ตาบอดสนิท หนึ่่งข้าง อีกข้าง กำลังจะบอด

หมอไม่ผ่าให้ เพราะ มันทำอะไรไม่ได้แล้ว รอดวันบอดเท่านั้น   คราวนี้ ท่านผู้อ่านเข้าใจ ดร.อั๋นแล้วยังว่า ทำไมอยากสารภาพบาป อยากออก ทีวี. ทั้งที่เสี่ยงต่อสังคมรังเกียจ การงาน เพราะ ดร.อั๋น ตัดสินใจแล้วว่า นี่อาการเรามันหนักหนาสาหัส หันไปไหนก็ตายทั้งนั้น ยารักษาเอดส์ไม่ได้ แค่กินไปตามอาการเท่านั้น ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว เนื้อตัวมันปวด มันเจ็บ มันหนัก เหมือนหินถ่วง เหมือนมีดทิ่มแทงตลอดเวลา ใครไม่เป็นเอง ก็คงไม่รู้ว่า ทรมาน หน้าตาแกเศร้าหมองเหลือเกิน โดยเฉพาะตา เศร้ามาก

นี่เป็นความเศร้าที่สุดในชีวิตคน คนหนึ่ง ที่รู้ว่าความตายกำลังย่างกรายเข้ามา เหมือนคนรู้วันตายของตัวเอง ไม่ใช่แค่กำลังจะตาย แต่ก่อนตายอาจตาบอดสนิททั้งสองข้างก็ได้  ชีวิต ดร.มันไม่มีความหมายอะไรเลย นอกจากพ่อต้องการเห็นลูกคนนี้ เอาดีได้ เป็น ดร.ได้เท่านั้นเอง

พอแกสารภาพกับจี้สฟิงซ์ที่คุณธนาเป็นคนถือ 

ร่างกายแกจากที่ไม่มีแรง แม้แต่เดินก็แทบไม่ไหว กลับมีแรงขึ้นมาอย่างประหลาด เดินได้ฉับๆๆ จนแกเองก็งง เพราะปกติจะเซ ด้วยตาไม่ค่อยเห็นด้วย แต่นี่เดินได้ เดินโชว์ไปกลับ อย่างองอาจ เรี่ยวแรง กำลังวังชามันมาจากไหนก็ไม่รู้  เอาเป็นว่า แกสารภาพว่า มีเพศสัมพันธุ์กับผู้ชายมา ยี่สิบกว่าคน ป้องกันโดยใช้ถุงยางอนามัย แต่ติดเอดส์ได้  คราวนี้  คงนึกถึงคำพูด อ.อุบล กันขึ้นมาได้บ้างแล้วละมัง การติดเอดส์ ไม่ได้ติดกับคนมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น  แต่กรณี ดร.อั๋น ป้องกันโดยใช้ถุงยาง แต่หมอซักถามว่า ใช้ตอนไหน ดร.อั๋นบอก ตอนก่อนร่วมเพศ หมอบอกว่า ใช้ปากก่อนหรือไม่  ใช้ครับ หมอบอกว่า ติดทางน้ำลาย น้ำเมือก  คราวนี้คงนึกถึงป้ายประกาศ วิธีล้างแก้ว ล้างจาน ที่ อ.อุบล พิมพ์ไปติดไวว้อีกใช่ไหม เพราะเห็นพวกเราล้างแก้วน้ำกันแบบ มีน้ำใส่กะมังไว้หน่อย  ใครดื่มน้ำแล้ว ก็เอาแก้วมาจุ่ม แล้วคว่ำ อย่างนี้มีหวัง รับเชื้อโรคกันทั่วหน้า โดยเฉพาะโรคติดต่อ เช่น หวัด ไวรัส เอดส์ เขียนบอกไว้ตั้งแต่เิร่ิมใช้โรงทานใหม่่  เพราะอะไรถึงไปเขียนติดไว้ ก็เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณอีกนั่นแหละ บอกให้เตือนลูกหลาน ท่านบอกว่า คนเป็นเอดส์กันทั่วแผ่นดิน กินนอน นั่งอยู่ด้วยกัน เขาไม่มีป้ายแขวนคอ แต่เขามาร่วมใช้ภาชนะเหล่านี้ แม้ไม่เจตนาแพร่เชื้อ แต่คนที่ไม่สะอาด ก็ต้องรับเชื้อ เพราะกรรมมักง่าย กรรมสกปรก กรรมลามก รวมตัวกัน ให้ต้องมาติดต่อกันทางน้ำ ทางอาหาร  ทางภาชนะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-05 23:52:41
ผู้แสดงความคิดเห็น พิสุทธิ์ แดงเอม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 00:40:59


ความคิดเห็นที่ 1506 (1622629)

ขออนุญาตขยายตัวอักษรของท่านอาจารย์ครับ จาก คห.1502

ตอนที่ ดร.อั๋นสารภาพ แต่บอกว่า พ่อห้ามบอกใคร

อ.อุบล ได้ย้อนถามว่า แล้วเข้าใจกฎบ้านสวนหรือไม่ ว่าทุกคนที่เข้ามา ต้องถูกบันทึกภาพ และ ออก ทีวี.โดยไม่มีเงื่อนไข  

ทราบครับ ดูรายการมาครบ 9 ตอนเลยครับ ตัดสินใจดีแล้วครับ

ที่สำคัญ ดร.อั๋น ยอมเสี่ยงสารภาพดีกว่า อันนี้ เดาใจ ดร.อั๋นนะ ว่า ยังไงก็ต้องตายเร็ววันนี้ หนีไม่พ้นแน่ ทั้งอาจตาบอดก่อนตายทั้งสองข้าง

แต่ถ้าสารภาพ มีโอกาสหาย หรือ ดีขึ้น มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ตาอาจไม่บอด หรือ หายบอดได้ มันน่าเสี่ยง และ คุ้มค่าแก่การเสี่ยงมาก

ระหว่าง

ไม่สารภาร ตายแน่นอน เร็วๆนี้ด้วย ตาบอด 2 ข้างก่อนตาย หรืออาจตายก่อน

สารภาพ มีโอกาสรอด มีโอกาสหาย หรือ อาจไม่หายก็ได้

แต่ก็ยังดีที่มีช้อยส์ให้เลือก การไม่สารภาพ ไม่มีทางเลือก มีแต่ทางตัน ตายอย่างเดียว

อันนี้ เดาว่า เป็นเหตุผลสำคัญ ทำให้ ดร.อั๋น เลือกที่จะไม่แคร์สังคม ที่ทำงาน พ่อแม่ แต่ต้องเลือกเอาประโยชน์สูงสุดของชีวิต

ไม่ใช่ไม่แคร์ใครเลยทีเดียว แต่คิดแล้ว ทุกคนที่แคร์ ช่วยเราไม่ได้ก็เลยลองเลือก วิธีของคนที่อาจจะช่วย เขาได้ ก็คือ วิธีของ อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด

แต่จริงๆ เป็นวิธีของพระพุทธเจ้า ก็ ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ก็ใช้วิธีค้นหาเหตุ ดับเหตุ เพื่อดับผล ซึ่งพิสูจน์มานักต่อนักแล้ว

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 00:02:51

ผู้แสดงความคิดเห็น พิสุทธิ์ แดงเอม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 00:48:19


ความคิดเห็นที่ 1507 (1622630)

ขออนุญาคขยายตัวอักษรของท่านอาจารย์ครับ จาก คห.1504

 ในที่สุด

เมื่อ ดร.อั่๋นสารภาพ ว่าตนได้ร่วมเพศกับชาย ชอบดูหนังโป๊  ภาพลามก ชอบเขียนข้อความเกี่ยวกับ อวัยวะเพศ ถึงคู่นอน ใน แมสเซส ที่คุยกัน

เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ แล้วก็รีบมาสมสู่กัน ชอบมองค้อน ใช้สายตาตำหนิคนอื่น มองจับผิดคนอื่น หมกมุ่นเรื่องเพศ โหลดหนังโป๊ะ แจกจ่ายเพื่อน  แม้ว่าตาบอดแล้วหนึ่งข้าง

ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดจากกรรมใด พึ่งมารู้เมื่อวันเสาร์ ที่บ้านสวน เพราะมีคนบอกนี่เอง

ก็แปลกนะ หลังสารภาพเสร็จ อาการอ่อนเพลีย หมดแรง หายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนคนปกติเลย นี่ ดร.อั่นบอกเลยว่า ขาที่หนัก ก็หาย หายทั้งตัว ตัวเบาสบายอย่างอัศจรรย์

ตามองเห็น 98 เปอร์เซ็นต์ ม่านหมอกที่เคย เคลื่อนไหวอยู่ในตา หายไป เหลือแต่ หมอกนิ่งๆ นิดเดียว การมองเห็น ชัดเจนจนเกือบปกติ

ตอนเช้าวันนี้ วันอาทิตย์ ก็ถาม ดร.อั๋นว่า เป็นไง เรี่ยวแรง ดีมากเลยครับ สบาย ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่เหนื่อย เหมือนคนปกติเลยครับ ตาก็เห็นชัดเจนครับ อัศจรรย์ครับ

ผมคิดว่า ผมต้องหายครับอาจารย์ แกไปปลูกต้นโมกอีกนะวันนี้ตอนสาย ตอนเช้า ตอนบ่าย เรียกว่า แรงไม่ตก กลางแดดเปรี้ยงๆๆ เลย คนปกติยังยอมแพ้แกเลย

แถมไม่ใส่หมวกด้วย โอ้ อะไรจะขนาดน๊านนนนน ดร.อั๋น  เอ หรือ ว่า  ฝันของแก จะเป็นจริงนะเนี่ย เอดส์ระยะสุดท้าย หายได้ ด้วยการสารภาพบาป หมดเปลือก หมอจะวาไงเนี่ย ตาที่หมอบอกกำลังจะบอด หาย เห็นชัดแจ๋ว ด้วยการสารภาาพบาป หมอจะว่าไงเนี่ย ถ้าใครไม่เชื่อ ก็ลองทำตาบอดดู ลองเป็นเอดส์ดู แล้วค่อยพิสูจน์ดูเองละกันเน้อ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 00:27:38

ผู้แสดงความคิดเห็น พิสุทธิ์ แดงเอม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 00:50:00


ความคิดเห็นที่ 1508 (1622636)

กราบอนุโมทนากับทุกๆธรรมทาน

จากท่านอ.อุบล ด้วยค่ะ

 

อาจารย์เมตตารีบเร่ง

เข้ามาเขียนเรื่องของดร.อั๋น ครั้งนี้

คงจะเร่งสร้างบุญธรรมทาน

ให้อานิสงค์ผลบุญนี้

ส่งผลให้ดร.อั๋น หายทุกโรค

ทุกอาการ โดยเร็วแน่ๆเลยนะคะ

 

 

อ่านแล้วก็"อึ้ง"นะคะ

เพราะช่วงหลังๆมานี้

คนที่มาสารภาพบาปที่บ้านสวนฯ

มีแต่เคสหนักๆ ยากๆ ทั้งนั้นเลย

แต่ก็น่า"ทึ่ง"เช่นกัน 

 

เพราะทุกคนก็หายได้ง่ายๆเช่นกัน

ถึงแม้จะป่วยหนัก อาการแย่สุดๆแค่ไหน

แต่บารมีพระพุทธองค์

และ บารมีท่านอ.อุบล

ก็ช่วยได้เสมอ

 

เพราะทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ

เมื่อทุกคนตั้งใจมาแก้ที่เหตุ

ผลที่ได้รับก็คือ "หายทันที" แบบนี้

นี่เอง

 

 

อนุุโมทนากับธรรมทาน

จากพี่เจี๊ยบ เพชรดา ด้วยเช่นกันค่ะ

กลับมาจากบ้านสวนฯทีไร

ต้องมาเขียนรายงาน ก่อนใครๆทุกที

..........................

อนุโมทนากับทุกๆท่าน

ที่ช่วยขยายตัวอักษรด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 02:48:41


ความคิดเห็นที่ 1509 (1622637)

 

ธรรมทานประจำวันที่ 4 .. 55
 
 
อุทาหรณ์ผิดศีลข้อที่  5
 
คุณแม่ของน้องตุ้ย ป่วยเป็นโรคตับ
ทั้งที่เคยทานเหล้าตอนสาว ๆ เท่านั้น
ไม่ได้ติดเหล้า แต่มีอาชีพขายเหล้า
ขายมานานกว่า 10 ปี
จึงผิดศีลทั้งที่ทำด้วยตนเอง
และยุยงส่งเสริมผู้อื่นทำผิด
ผิดศีลขั้นกลาง
กรรมจึงรวมตัวทำให้ต้องเป็นโรคตับ
 
ท่านอาจารย์บอกว่า
ถ้ายิ่งคนขายใช้อุบายเพื่อให้ขายได้มาก ๆ
ก็เท่ากับส่งเสริมให้คนไปนรก
สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
ผิดศีลขั้นละเอียด มหาศีล
ตายแล้วต้องไปเอเวจีมหานรก
 
อุทาหรณ์ผิดศีลข้อที่ 3
ดร.อนุชิต (คุณอั๋น)
 
คุณอั๋นบวชเรียนมาแล้ว 7 ครั้ง
ปัจจุบันอายุ 42 ปี
มีอาการเบาหวานขึ้นตา
ตาขวาบอดสนิท ส่วนตาซ้ายเส้นเลือดตาแตก
มองเห็นไม่ชัด พร่ามัว
 
มีนิสัยชอบผู้ชายด้วยกัน
ชอบอ่าน ชอบเขียน ชอบคุยเรื่องใต้สะดือ
ชอบดูและโหลดหนัง XX
มีความสัมพันธ์กับผู้ชายมาประมาณ 20 กว่าคน
และติดเชื้อเอดส์ระยะสุดท้าย
 
ซึ่งจากการพิสูจน์กรรม โดยท่าน อ.อุบล
กรรมจากการมีความสัมพันธ์กัน
โดยผู้ปกครองไม่ได้อนุญาต และไม่มีความรัก
ชอบทำแต้ม ทำให้คุณอั๋น ต้องเป็นโรคเอดส์
 
กรรมจากการชอบพูด เขียน อ่าน เรื่องใต้สะดือ
ชอบเขียนถ้อยคำลามกเกี่ยวกับอวัยวะเพศ
และชอบโหลดชอบดูหนัง XX  เป็นชีวิตจิตใจ
นอกจากนี้ ยังชอบใช้สายตาตำหนิคนอื่น
ใช้สายตามองค้อน ด่าคนอื่น
มองไม่เห็นความดีของผู้อื่น
ทำให้ตาขวาบอด ตาซ้ายก็มีปัญหาการมองเห็น
ขนาดตามีปัญหาคุณอั๋นยังดูหนังXX
จนตาซ้ายเส้นเลือดแตก
 
ซึ่งเมื่อคุณอั๋นได้สารภาพว่า เคยใช้สายตา
ทำลายความดีด้วยที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
อาการตาข้างซ้ายก็ดีขึ้นประมาณ 98%
 
ท่าน อ.อุบล บอกว่า
พระเทวทัต และพระเจ้าอชาติศัตรู
จัดคุณอั๋นมาให้ธรรมทานครั้งนี้
เพื่อให้ทุกคนรักษาศีล เพราะยังมีคนในโลกนี้
อีกเป็นจำนวนมากที่มีปัญหาแบบเดียวกับคุณอั๋น
หรือมีปัญหาแบบผมและน้องเอิ้น
ที่ชอบทำผิดศีลข้อที่ 3
 
คุณอั๋นจบปริญญาเอก ผมเองจบปริญญาโท
ดูมีความรู้สูง แต่เราทั้งคู่ต่างด้อยปัญญา
ใช้ชีวิต ใช้ร่างกายไปในทางที่ผิด
ใช้ในทางทำลายความดี ทำผิดศีล
อันเป็นเครื่องวัดความเป็นปกติของมนุษย์
 
พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ
คนที่มีปัญญามากกว่าคนที่มีความรู้
ความรู้ไม่อาจทำให้คนพ้นทุกข์
แต่ปัญญาถึงจะสามารถทำให้คนพ้นทุกข์
ทำให้คนมีจิตหลุดพ้น
 
สิ่งที่จะทำให้คุณอั๋นหายจากโรคได้
ก็โดยการนำชีวิตมาบอกเล่าเป็นธรรมทาน
ในเว็ปไซต์ และในเฟสบุ๊ค
ยิ่งมีคนอ่านมาก ก็ยิ่งได้บุญเพิ่มขึ้นมาก
มีโอกาสหายได้มากแบบน้องเอิ้น
และให้ไปอ่านคู่มือหนีกรรม เพราะจะช่วยทำให้
ตาที่บอด กลับมาดีดังเดิมได้
 
อุทาหรณ์ความอยากไปพระนิพพาน
จนฝ่าฝืนคำสั่งของครูบาอาจารย์
 
ท่าน อ.อุบล ได้บอกว่า
ท่านได้นำคณะบ้านสวนบางส่วน
ไปถางที่และปลูกต้นโมก
บริเวณพระบรมธรรมบิดา
แล้วมีอาการโล่ง เบาสบาย
 
หายจากอาการป่วย เจ็บปวดต่าง ๆ
เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นแดนนิพพาน
ผม อาจารย์นี และพี่คนึงนุช
ทั้งสามคนก็อยากได้บุญแดนนิพพานบ้าง
ตื่นเช้าจึงได้นำต้นโมกไป 9+1 ต้น
ตามเคล็ดของอาจารย์นี
บอกว่าปลูกเต็มแล้ว
 
พอไปถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงดลใจ
ให้เราปลูกเพียง 1 ต้นเท่านั้น
ซึ่งมาทราบภายหลังว่า สิ่งที่เราทำไป
นอกจากจะไม่ได้บุญนิพพานแล้ว
ยังขาดทุนมหาศาล ล้มละลายเลยทีเดียว
เพราะได้ไปทัวร์โลกันต์นรกแทนทั้งคณะ
 
โชคยังดี ที่อาจารย์พันธ์ท่านไปดูแล้ว
ตั้งใจว่าจะขออนุญาตท่านอ.อุบล ปลูกต้นโมก
เพิ่มในบริเวณดังกล่าวอีก 200 ต้น
จึงนับว่ารอดพ้นการทัวร์ครั้งนี้ไปได้
(อันนี้เข้าข้างตัวเองอีกหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้)
 
ก็เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนนะครับ
เราจะทำอะไรขอให้ดูแบบอย่างที่ท่านผู้นำ
หรือท่าน อ.อุบล ได้สั่งสอน
อย่าแตกแถว หรืออกนอกทางที่ท่านนำ
 
ท่านสอนอะไรก็ขอให้นำมาปฏิบัติตาม
และอย่าให้ความอยากอยู่เหนือเหตุผล
อย่า งกบุญ เพราะอาจจะได้บาปแทน
แบบผมและคณะครับ
 
ผมต้องกราบขอขมาท่านอาจารย์
ที่ผมและคณะฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน
ไปปลูกต้นโมก ทั้งที่ท่านบอกว่าปลูกเต็มแล้ว
 
กราบขอขมาท่านอาจารย์ทั้งสองด้วยครับ
 

 

ผมขอกราบขอบพระคุณ
ท่านอาจารย์ทั้งสอง คุณท็อป
และเทวดารักษาท่านอาจารย์และครอบครัว
ทุกพระองค์ที่ให้โอกาสผมได้มาสร้างบุญ
ที่บ้านสวนพีระมิดครับ
 

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน

ของทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 02:55:24


ความคิดเห็นที่ 1510 (1622639)

 กราบอนุโมทนาธรรมทานของท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

ธรรมทานของ ดร.อั๋น ที่ท่านอาจารย์ได้เล่ามา และการสารภาพบาปของ ดร.อั๋น 

การได้ใช้แรงกายทำบุญ ต้องทำให้ดร.อั๋นหายเป็นปกติได้แน่ๆ ค่ะ

เพราะบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านสวน

และบารมีของท่านอาจาย์อุบลค่ะ

..........................................................

ขอบคุณคุณเพชรดา ที่รายงานเหตุการณ์ให้ทราบค่ะ แม้จะง่วงนอน

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุณญิสา พูลชื่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 03:07:17


ความคิดเห็นที่ 1511 (1622640)

คนเราต้องรอให้ชีวิตหมดทางเลือกแล้วจริงๆ

ถึงจะยอมรับ และปฏิบัติตาม

เราจะให้ถึงวันนั้น หรือ

จงเชื่อในกฎของกรรม

 

ยอมรับและแก้ที่เหตุ

กราบอนุโมทนาธรรมทานของท่านอาจารย์และ

 ดร.อั๋น

 

 

ด้วยครับ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 04:36:52


ความคิดเห็นที่ 1512 (1622665)

   กราบอนุโมทนาบุญกับธรรมทาน

จากท่าน อ. อุบล และ ดร. อั๋น  และพี่เจี๊ยบด้วยค่ะ

    จะเห็นว่าทุกวันนี้  ผู้ที่เข้ามาบ้านสวน

ส่วนมากจะเป็นผู้มีความรู้สูง  และเป็นโรคที่รักษาไม่ได้แล้ว

แต่ด้วยพระเมตตาของพระพุทธองค์ และท่าน อ. อุบล

ที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์  เมื่อทุกคนสำนึกผิดได้

จึงได้เกิดปาฏิหาริย์กับทุกคน  นับว่า ดร. อั๋น ท่านได้ตัดสินใจ

ได้ถูกต้องที่สุดแล้ว  ที่มาสารภาพบาป  และเป็นการละอัตตา ตัวตน

ได้จริง ๆ  เพราะโดยสถานะ เป็น  ดร.  อาจารย์สอนมหาวิทยาลัย

พ่อเป็น ผจก. แบ็งค์  นับว่าฐานะทางสังคม  เป็นสิ่งที่ตัดสินใจยากมาก ๆ

แต่สุดท้าย ดร. อั๋น ก็มีกำลังใจอันสูงส่ง  ที่ตัดสินใจสารภาพบาป

โดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ใด ๆ ของตัวเอง  ในสังคม

ขออนุโมทนาบุญกับ  ดร. อั๋นด้วยนะคะ

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 09:56:59


ความคิดเห็นที่ 1513 (1622668)

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์

กราบขอบพระคุณในธรรมทาน จากอาจารย์อุบล

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุณหพงศ์ ทองศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 10:09:05


ความคิดเห็นที่ 1514 (1622671)

 ขอนำธรรมทานคืนวันเสาร์ที่ 4 ส.ค.55 



ช่วงแรกได้พูดถึงอานุภาพขององค์จี้สฟิงซ์
ที่ลูกบ้านสวนได้พบเจอกันมา
ขอเหลาเรื่องของตัวเองก่อนนะคะ
ตัวตุ้ยเอง ที่ตั้งแต่บูชาองค์จี้ไป
อาการป่วยของแม่ก็ดีขึ้น
มีอาการสงบไม่ปวดท้องทรมาน
และได้พบเจอสิ่งแปลกๆ เป็นระยะ
คือแม่จะเห็นคนมาคุยด้วยรอบๆ เตียงนอน
แต่ก็เข้ามาใกล้สัมผัสตัวไม่ได้
ชวนคุยนั่นคุยนี่ แบบเรื่องทั่วไป

และล่าสุดเมื่อไม่กี่วันแม่ก็เจอเรื่องราวแปลกๆอีก
คือวันนั้นตอนกลางคืนแม่เรียกตุ้ยเข้าไป
แล้วบอกว่าให้ไล่ผู้หญิงคนนี้ไปที
เราก็มองไปไม่เจอใคร
แม่ก็ชี้ไปที่ข้างเตียงค่อนไปทางปลายเตียง
ว่านี่เขานั่งอยู่ตรงนี้ ตื้ออยู่ได้ไม่รู้เอาอะไร
ตุ้ยก็ตกใจเหมือนเกัน เพราะเรามองไม่เห็นใคร
ใจก็นึกว่า เอาแล้ว แม่เจออีกแล้ว
แต่อีกใจนึงก็คิดว่า เอ๊ หรือเป็นเพราะโรคตับแข็ง
ที่ทำให้แม่มีอาการทางสมอง
ความจำเสื่อมจนสับสนในบางครั้ง
จึงได้บอกให้แม่ถามเขาไปว่าเขาต้องการอะไร
แม่บอกว่าเขาอยากได้ของดี
ตุ้ย : ของดีอะไร บ้านเรามีของดีหลายอย่าง
แม่ : เขาบอกว่าของดีของ อ.อุบล
ตุ้ยก็เลยอืม ชัดแระ เลยได้แต่บอกให้แม่อุทิศบุญให้เขา
รวมทั้งตัวเราให้เขาไปค่ะ
 
 
นี่ก็คงเป็นอานุภาพ ขององค์จี้สฟิงซ์
ซึ่งท่าน อ.อุบลได้บอกว่า
วิญญาณ หรือผีเขาก็อยู่รอบตัวเรา
เพียงแต่เรามองไม่เห็นเขา ซึ่งอานุภาพของจี้สฟิงซ์
ก็คงทำให้เปิดมิติอีกมิติหนึ่ง
ให้เราได้เห็นด้วยตาเนื้อก็เป็นได้

และต้องท้าวความไปถึงเรื่องแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งตับ
เมื่อประมาณสามปีก่อน แม่ได้พบว่าเป็นมะเร็งตับ 
และได้ทำการรักษาจนเชื้อไม่ลุกลามแพร่กระจายใหม่
แต่ก็จะมีอาการตับแข็งเป็นโรคที่เกิดคู่กันอยู่ด้วย
โรคนี้จะทำให้ ท้องโต ท้องมาน ถ้าไม่ขับถ่าย
ของเสียก็จะติดเชื้อ จนเชื้อขึ้นสู่สมองได้
ทำไห้เกิดอาการเบลอ เอ๋อ ความจำเสื่อม สับสนได้
ซึ่งแม่ตุ้ยเป็นมาหมดทุกอย่างแล้ว
เวลาปวดท้องนี่ เรียกว่าใครเห็น
ต้องใจเสียกันหมดค่ะ
 
 
หลายคนคงจะคิดว่าแม่ตุ้ย
ต้องดื่มเหล้ามาแน่เลยถึงเป็นโรคนี้
ก็ดื่มจริงๆ ค่ะ แต่ดื่มแบบสังสรรค์กับเพื่อนฝูง 
ซึ่งก็เป็นสมัยสาวๆ ค่ะ ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นโรคนี้ได้
แต่เมื่อประมาณปี 43-44 ได้
แม่เริ่มมาขายของชำ
เริ่มขาย เหล้า เบียร์บุหรี่
นับแล้วขายมาร่วม10ปีค่ะ
 
ผลกรรมนี่แหล่ะที่ตุ้ยมั่นใจมาก
ว่ามาจากการขายเหล้า
ซึ่งเมื่อก่อนเราก็คิดว่า
เราไม่ได้ทำผิดศีลข้อ 5
เพราะเราไม่ได้ดื่มเอง
ที่ไหนได้ ขาย นี่ยิ่งกว่าดื่มเองอีกค่ะ
ทำลายตับไตไส้พุงของผู้คนทุกวัน วันนึงไม่รู้กี่คน
และในช่วง 10 นี้ ก็มีขาประจำซื้อเหล้าของเรา
ได้ตายไปประมาณ 2-3 คน 
นี่ชัดเจนมากเลยค่ะ
แม่ตุ้ยถึงมาเป็นมะเร็งตับ ตับแข็ง
แถมวันดี คืนดี มีสมองเสือม
ความจำเลอะเลือนขึ้นมาด้วย
ที่พระพุทธเจ้าทรงบอกนั้น
เป็นความจริงหมดทุกอย่างเลยค่ะ
ผิดศีลข้อห้าจะเป็นอย่างไร
แม่ตุ้ยก็เป็นอย่างนั้นชัดเจนเลยค่ะ

และเมื่อได้บูชาองค์จี้สฟิ่งซ์ไปแล้ว อาการปวดท้อง
แบบทรมานครวญครางไม่มีอีกเลยค่ะ
มหัสจรรย์มาก
ไม่ต้องนอนโรงบาลอีกเลย
 
 
หนูขอกราบพระบาทสมเด็จองค์ปฐม
เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ
องค์เทพสฟิ๊งซ์ สิ่งศักดิ์สิทธิทุกพระองค์ 
และท่าน อ.อุบล ที่ให้ธรรมมะ ให้ความรักเมตตา
ให้หนทางพ้นทุกข์หนูและครอบครัวค่ะ
ขอบคุณค่ะ

ธรรมทานท่านอื่นเดี๋ยวมาต่อนะคะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 10:16:29


ความคิดเห็นที่ 1515 (1622679)

ข่าวดีก๊าบบบ...

ในช่วงวันหยุดสัปดาห์วันแม่

11-13 สิงหาคม 2555

ทางบ้านสวนพีระมิด

จะจัดกิจกรรมพิเศษเนื่องในโอกาสวันแม่

เราจะมีกิจกรรมรำลึกพระคุณแม่ ขอขมาต่อบาปกรรมที่เรา กระทำต่อแม่และพ่อด้วยกาย วาจา ใจ เช่น เถียงพ่อแม่ ด่าว่าพ่อแม่ หรือพูด ทำให้ท่านเสียใจ ทุกข์ใจ

หรือเรากระทำตนก้าวร้าว ติดยา สร้างปัญหาสารพัดให้แม่และพ่อทุกข์ใจ ร้องไห้

บางคนคิดร้ายต่อแม่และพ่อ กระทำสิ่งชั่วสารพัดต่อท่าน

ท่านอาจารย์บอกว่านี่คือ อนันตริยกรรม ต้องตกนรกอเวจี หากทำซ้ำๆ เช่น ด่าหรือเถียงพ่อแม่ อย่างน้อย2-3ครั้งขึ้นไปตกนรกโลกันต์

ดังนั้นเราจะสร้างบุญใหญ่ มีกำลังบุญที่สูงมาก เพื่อขอขมาต่อบาปกรรมที่เราเคยทำต่อบุพการีไว้ ซึ่งบางท่านพ่อแม่อาจเสียชีวิตแล้ว

เราจะได้มีโอกาสนำบุญใหญ่นี้อุทิศบุญให้แก่ท่าน และขอขมาท่านในเวลาเดียวกัน

ซึ่งคิดว่าพวกเราแทบทุกคนคงเคยสร้างกรรมใหญ่นี้ไว้อย่างแน่นอน โอกาสดีๆแบบนี้หายากครับ

โอกาสเดียวกันเราจะได้มีโอกาสอุทิศบุญให้กับเด็กที่เคยถูกทำแท้ง ท่านใดที่เคยทำแท้ง รู้เห็น ส่งเสริม ให้คำปรึกษาหรือแนะนำ พาคนอื่นไปทำแท้ง ท่านจะได้มีโอกาสสร้างบุญใหญ่อุทิศให้กับจิตวิญญาณเด็กที่ถูกทำแท้งเหล่านั้น ซึ่งยังคงโกรธแค้น และวนเวียนอยู่กับท่านทั้งหลาย สร้างอุปสรรค โรคภัย ปัญหาชีวิตรอบด้านให้กับทุกท่านอยู่

กิจกรรมบุญพิเศษ

- การสร้างบุญด้วยแรงกาย

เช่น ปลูกต้นโมกประดับบริเวณรอบบ้านสวนพีระมิดทั้งหมด เริ่มจากด้านหน้าสุดจนถึงด้านหลังบริเวณที่ประทับขององค์พระปฐมบรมธรรมบิดา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา บุญใหญ่มากกกก

การขุดบ่อน้ำพีระมิด การดำนาข้าว การประดับธงต่างๆทั่วบ้านสวนฯ และอื่นๆอีกมากมาย

- กิจกรรมการแสดง

การประกวดร้องเพลงวันแม่ รับสมัครตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

การแสดงบนเวที เช่น ละครเวที การเต้นประกอบเพลง และอื่นๆ

- กิจกรรมไฮไลท์

การสมาทานศีล กรรมที่ทำกับพ่อแม่ การขอขมา และอุทิศบุญกุศลแก่พ่อแม่ทั้งมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตไปแล้ว รวมทั้งอุทิศบุญให้แก่จิตวิญญาณเด็กที่ถูกทำแท้ง

ก็ขอเรียนเชิญทุกท่านสามารถร่วมกิจกรรมบุญพิเศษเนื่องในโอกาสวันแม่นะครับ

ท่านที่เป็นขาประจำบ้านสวนพีระมิด สามารถนำญาติพี่น้อง เพื่อน ศิษย์ มาบ้านสวนฯได้แต่ท่านต้องแจ้งกฏระเบียบข้อบังคับให้เข้าใจก่อนมาบ้านสวนฯ รวมทั้งดูแลผู้ที่ท่านพามาอย่างใกล้ชิดด้วย

ทุกท่านต้องทำการขอเข้าบ้านสวนฯล่วงหน้า 3-7วันตามกฏระเบียบในกระทู้ขอเข้าบ้านสวนฯเช่นเดิมนะครับ กรุณาแจ้งรายชื่อและรายละเอียดต่างๆให้ครบด้วยเน้อ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 10:36:54


ความคิดเห็นที่ 1516 (1622694)

     ขอกราบขอบคุณและอนุุโมทนา กับบุุญธรรมทาน จากท่านอาจารย์อุบล และธรรมทานวันเสาร์ จาก ดร.อั๋น พี่เจี๊ยบ พี่ตุ้ย พี่โฆษิต และทุกๆท่านด้วยครับ

     ขออนุโมทนาสำหรับข่าวกิจกรรมวันแม่จากพี่ธนาด้วยครับ

     คิิดเหมือนพี่ชนิดาเลยครับ ว่าเดี๋ยวนี้ มีแต่ธรรมทานที่ ให้เห็นผลกรรมจากการผิดศีล ที่ส่งผลรุนแรง และคงเป็นประโยชน์ ให้ทุกๆคน หันมารักษาศีล กันอย่างจริงๆจังๆ ขอเป็นกำลังใจให้คุณอั๋นเข้มแข็ง และหายในเร็ววันนี้ครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 11:20:26


ความคิดเห็นที่ 1517 (1622731)

กราบอนุโมทนาบุญกับธรรมทานของท่านอาจารย์อุบลฯเรื่องดร.อั๋น

            และคุณเจี๊ยบ,คุณโฆษิต ควรหาเวช ด้วยค่ะ/

คำสุภาษิต สอนว่า "ว่าแต่เขา  อิเหนาทำเอง"  ทุกครั้งที่เห็นคนทำผิด ก็คิดว่าไม่น่า

ทำเลย  ทำไมไม่คิดให้ดีเสียก่อน  ตัวอย่างก็มีเยาะยะไป ทำไปได้อย่างไร แล้วก็เตือน

ตนเองอยู่เสมอว่าเราจะไม่เป็นเช่นนั้นหรอก  มันต้องคิดให้ดีก่อนซิ/ 

           เรื่องการกระทำผิดต่ออาจารย์ อุบลฯนั้นยิ่งต้องระวังมากๆๆ และคอยเตือนตน

เองอยู่เสมอ    รวมทั้งคอยเตือนคนข้างเคียง   ที่เรารู้เห็นและพบเห็นอยู่เป็นประจำ

ว่าสิ่งนั้นไม่ถูก   ไม่ควรทำและคอยห้ามปรามคนอื่นอยู่เรื่อยไป ที่เราพบเห็น /

          แต่เมื่อถึงเวลาที่ตัวเองทำผิดไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจให้ทำ   ซึ่งในความเป็นจริง

จะว่าเป็นความโง่เขลาก็คงไม่ผิด    ที่ไม่คิดให้ดีเสียก่อนทำ   ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปใด้

เมื่อย้อนกลับมาคิดดู    ก็รู้สึกเสียใจมากจริงๆ   เราทำไปได้อย่างไร  น่าจะมีความคิด

ให้ดีๆกว่านี้    แต่ทุกอย่างก็คือการกระทำของเราเอง ลูกยอมรับผิดค่ะ/

           ลูกกราบขอขมาความผิด  เรื่่องการขัดคำสั่งในการปลูกต้นโมก  ในครั้งนี้

กับสมเด็จองค์ปฐมฯ  เทวดาที่ดูแลรักษาอ.อุบลฯและอาจารย์อุบลฯอย่างมากๆๆเลยค่ะ  

ต่อไปจะระวังตัวให้มากกว่านี้และ จะไม่ทำอีกแล้วค่ะ/ 

                                             กราบ  กราบ  กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 15:13:53


ความคิดเห็นที่ 1518 (1622757)

ขอกราบอนุโมทนาธรรมทานจากท่านอาจารย์อุบลและจากทุกๆท่านค่ะ

อ่านธรรมทานเรื่องของคุณแม่พี่ตุ้ยแล้วก็อยากเล่าเรื่องของตัวเองบ้างค่ะ กรณีเดียวกันเลย คือคุณพ่อของพจน์เองเมื่อก่อนก็เคยขายเหล้า ขายบุหรี่ ทั้งปลีกทั้งส่ง แต่ว่าตัวท่านเองเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่ไม่ดื่มเหล้า จะเคยดื่มก็ตอนเป็นหนุ่มดื่มนิดหน่อยตามงานสังคม แต่ด้วยป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับตับและเป็นเบาหวานจึงเลิกดื่มโดยเด็ดขาด แต่ก็ขายมาตลอดทำมาประมาณ 25 ปี แล้วพึ่งมาหยุดทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วเพราะอายุมากตอนนี้ก็ 70 ปีแล้วค่ะ แต่โอนกิจการมาให้พจน์ทำต่อเป็นธุรกิจของครอบครัว ทำมาตั้งแต่เราเกิด แต่ที่ผ่านมาครอบครัวเราไม่ว่าจะหาเงินมาได้มากเท่าไหร่ก็ไม่เคยที่จะเก็บเงินอยู่เลยมีอันให้ต้องจ่ายด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ตลอด พจน์เองก็พยายามคิดนะว่าทำไมครอบครัวเราถึงเป็นแบบนี้แต่ตอนนั้นก็หาคำตอบไม่ได้ค่ะ คุณพ่อนี่เริ่มแรกท่านเป็นไวรัสตับอักเสบ b มาก่อน แล้วก็กลายพันธุ์มาเป็นไวรัสตับอักเสบ c ซึ่งผลระยะยาวก็คือสามารถทำให้กลายเป็นมะเร็งได้ และในที่สุดเมื่อปีที่แล้วคุณพ่อก็ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะแรกและได้ทำการผ่าตัดตับในส่วนที่มีเชื้ออยู่ออกไปแล้ว และต้องคอยดูแลตัวเองให้ดีเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอีก ตอนช่วงที่ผ่าตัดหลังจากที่คุณพ่อฟื้น เห็นแล้วสงสารท่านมากท่านบอกว่ามันเจ็บและปวดทรมานมากที่สุดในชีวิต ปกติท่านเป็นคนที่มีความอดทนสูงมากเวลาเป็นอะไรจะไม่ค่อยพูดหรือบอกใครแต่นี่ท่านพูดแสดงว่าความเจ็บปวดนี่มันคงสุดๆจริงๆ เมื่อก่อนพจน์ก็คิดว่าการผิดศีลข้อสุรานี่เราไม่ได้กินเองเราก็ไม่ผิดศีลแต่ไม่ได้คิดว่าเราขายนี่เราส่งเสริมเค้าทำผิดศีลนะ ตัวเองก็ขายมาตลอดมาเลิกขายโดยเด็ดขาดก็เมื่อสิ้นปีที่แล้วเพราะเหมือนเริ่มคิดอะไรได้บางอย่างและหลังจากนั้นได้มารู้จักบ้านสวนฯก็ยิ่งทำให้เห็นถึงความละเอียดของการรักษาศีลมากขึ้น อ้อเรื่องของคุณพ่อยังไม่หมดค่ะ คุณพ่อจะมีอาการทางประสาทคือจะมีอาการนอนไม่หลับ คิดมาก คิดฟุ้งซ่าน สายตามีปัญหา พร่ามัวผลมาจากเบาหวาน วิตกกังวลเกินเหตุจนต้องเข้ารับการรักษาที่รพ.ศรีธัญญา หมอก็จะจัดกลุ่มยานอนหลับมาให้ อาการนี้เป็นมาหลายปีแล้วค่ะต้องกินยาตลอดขาดยาไม่ได้เลยเพราะจะทำให้นอนไม่หลับ ฟุ้งซ่าน แล้วร่างกายก็จะทรุดตามมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากที่เราขายเหล้า ส่งเสริมให้คนอื่นทำผิดศีล ทำให้คนอื่นป่วย เป็นโรคประสาทหรืออาจถึงขั้นตาย เพราะผลจากเหล้าที่เราขายไป และตอนนี้ผลกรรมก็ได้ตามมาส่งผลเรียบร้อยแล้วแต่ก็คงยังไม่หมด พจน์คิดว่าคงมีอีกหลายๆคนที่เป็นเหมือนคุณแม่ของพี่ตุ้ยและคุณพ่อของพจน์ที่ทำเหตุมาแบบนี้แล้วกำลังได้รับผลอย่างนี้อยู่ หรือกำลังจะได้รับผล ทำให้ยืนยันได้ถึงกฏแห่งกรรมที่ท่านอาจารย์อุบลได้นำมาสอนลูกหลานตลอดมาว่าทำเหตุมาเช่นไรก็ได้รับผลเช่นนั้นจริงๆ และตัวพจน์เองก็คงได้รับผลในสักวันหนึ่งข้างหน้าเพราะก็ทำผิดมาเช่นเดียวกัน กรรมเก่าเราลบทิ้งไม่ได้แต่เราก็สามารถสร้างกรรมใหม่ที่ดีเพื่อหนีกรรมเก่าให้ทันให้ได้ค่ะ ทุกวันนี้พจน์จะพยายามนำสิ่งที่ท่านอาจารย์ได้สอน มาเล่าให้คุณพ่อฟังบอกท่านให้รักษาศีล คิดดี ทำดี พูดดี และก็ได้บูชาจี้องค์เทพสฟิงซ์มาให้คุณพ่อได้สวมใส่ไว้ รู้สึกว่าทุกวันนี้คุณพ่อสุขภาพแข็งแรงขึ้น อารมณ์ดีดูมีความสุขค่ะ

ลูกขอน้อมกราบแทบพระบาทขอบพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรมคำสอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกๆพระองค์ ท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ที่ได้เมตตาลูกและครอบครัวเสมอมาค่ะ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 18:16:15


ความคิดเห็นที่ 1519 (1622766)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของท่านอาจารย์ น้องตุ้ย และน้องพจน์ด้วยค่ะ สาธุ

มาต่อค่ะ ธรรมทานวันที่ 4 ส.ค. จากเมื่อวานนี้

มีผู้มาขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิจากผลที่ได้รับดังนี้

1.คุณศรี  ได้รับเงินหนี้คืนบางส่วน

คุณศรีได้รับเงินหนี้คืน 2 ครั้ง โดยใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย แต่ใช้เวลานานจึงจะได้รับเงินหนี้คืนครั้งแรก เลยไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลจากการใช้รหัสหรือไม่ จึงไม่ได้มาขอบคุณท่านอาจารย์ เลยทำให้ลูกสาวขับรถไปเฉี่ยวกับรถสิบล้อ และต่อมาคุณศรีก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุเองอีก จึงมานึกทบทวนดู ค่อนข้างแน่ใจว่าเกิดจากไม่มาขอบคุณ จึงมาขอขมาท่านอาจารย์ และขอบคุณที่ได้รับเงินอีกบางส่วนในครั้งที่ 2

ท่านอาจารย์อธิบายว่า ทุกคนที่ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย นั้นไม่ใช่ว่าขอแล้วจะได้รับทุกคน แต่มีบางคนที่ขอแล้วไม่ได้นั้น เป็นเพราะกำลังบุญของเราไม่พอ ทั้งที่มาทำบุญที่บ้านสวนฯ แต่เพราะทำบาปร่วมด้วย จึงใช้ไม่ได้ผล แต่ถ้าเราทำความดีถึงที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอเลยเราจะได้เอง

2.น้องตุ้ย บารมีของจี้องค์เทพสฟริงซ์ ทำให้แม่หายป่วย

แม่ของคุณตุ้ยเคยขายเหล้า เลยทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับตับ

ถ้าเราดื่มเหล้าเอง เราผิดศีลขั้นหยาบ คือศีลขั้นต้น

ถ้าเราขายเหล้า    เราผิดศีลขั้นมัจฉิมศีล

ถ้าเราใช้อุบายหลอกล่อเพื่อขายเหล้า เราผิดศีล ขั้นมหาศีล

หลังจากคุณตุ้ยบูชาจี้องค์เทพสฟริงซ์ไปให้แม่สวม  แม่ก็มีอาการดีขึ้นหายจากอาการปวดท้องซึ่งทุกข์ทรมาน และอีกเรื่อง คือแม่จะเห็นจิตวิญญาณมาคุยด้วยหลายครั้ง แต่ไม่สามารถเข้ามาใกล้ตัวแม่ได้ นั่นเป็นเพราะบารมีขององค์เทพสฟริงซ์นั่นเอง  

และมาขอของดีของ อ.อุบลกับแม่ ซึ่งแม่ก็บอกคุณตุ้ย แต่ไม่มีใครสามารถมองเห็นจิตวิญญาณเลยนอกจากแม่คนเดียวเท่านั้น เพราะห้องนั้นไม่มีคนอื่นเลย และของดีของ อ.อุบลที่จิตวิญญาณพูดขอนั้นคือ บุญของท่านอาจารย์นั่นเอง

3.คุณอมร เล่าเรื่องเพื่อนสารภาพบาปเอง เมื่อจับจี้องค์เทพสฟริงซ์

เพื่อนของคุณอมรชอบไปวัด สำนักทรงเจ้า เมื่อไปวัดที่มีการรับขันธ์ครู และอาบน้ำมนต์ แต่เมื่อกลับมาแล้วก็ไม่สบายใจ เพราะมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตามมา จนกระทั่งฝันเห็นงูสีเหลืองเลื้อยตามมา จึงแน่ใจว่าพระองค์นั้นคงทำมนต์ดำใส่เขา

คุณอมรเอาจี้องค์เทพสฟริงซ์ให้เขาจับ แล้วหน้าของเขาแดงก็แดงปลั่ง เมื่อเขาจับจี้แล้วก็สารภาพเองโดยที่คุณอมรยังไม่ได้บอกเลย และเขาก็ยังไม่ได้รู้จัก อ.อุบล

เขาสารภาพว่าเคยทำหมาตาย ซึ่งเขาไม่เคยบอกใครเลย หลังจากนั้นหน้าก็แดงอีกครั้ง ก็เลยใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย ทำให้เขาดีขึ้น คุณอมรเลยให้รูปของท่านอาจารย์ไว้คุุ้้มครองเขา

4.ด็อกเตอร์จิ๋ม เอาพีระมิดให้แม่คนงานซึ่งป่วย ทำให้อาการดีขึ้น

แม่ของคนงานในที่ทำงานของคุณจิ๋มป่วยหนัก คุณจิ๋มมีเมตตาเอาพีระมิดจำลองไปวางที่หัวนอนของแม่คนงาน และสารภาพบาปที่เคยทำมา ทำให้อาการดีขึ้น

5.คุณนุช สารภาพบาปกับจี้ ทำให้หายจากอาการเข่าลั่น

คุณนุชสารภาพบาปกับจี้องค์เทพสฟริงซ์ที่ตัวเองมักจะหงุดหงิดแล้วชอบกระทืบเท้า ซึ่งเป็นการกระทืบใส่พระแม่ธรณี ทำใ้หมีอาการเข่าลั่น และปวดเป็นบางครั้ง เมื่อสารภาพแล้ว อาการเข่าลั่นก็ได้หายไป

สุดท้ายนี้ ลูกขอพระบารมีพระพุทธองค์ขอเบิกบุญ ทาน ศีล ภาวนาที่สร้างมาตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ และบุญที่สร้างในบ้านสวนฯทั้งปมด ขออุทิศบุญทั้งหมดแด่เทวดาประจำกายของท่าน อ.อุบล ท่านอ.อุบล ท่าน อ.มงคล คุณท๊อป และลูกบ้านสวนฯทุกท่านค่ะ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 20:58:48


ความคิดเห็นที่ 1520 (1622789)

 
 
ความเห็นที่ 1306 (1622780)
แจ้งลบความคิดเห็น

 ขอแจ้งข่าว การรีรัน รายการ คุยไปแจกไป หน่อยนะจ๊ะ

เมื่อวาน อาทิตย์ที่ 5 ส.ค.55 รายการย้ายไปช่อง เอ็ม วี สตาร์ เป็นครั้งแรก แต่ เวลาเดิม คือ บ่าย3 ถึง 5 โมงเย็น

แต่ตอนออกอากาศซ้ำ แจ้งผิดไป พึ่งมาดูหนังสือแจ้งผังใหม่ เมื่อคืนนี้ 

คือ

เขาออกอากาศซื้อ เที่ยงคืน วันอาทิตย์ คือวันเดียวกัน ไม่ใช่วันจันทร์ อย่างเก่าแล้ว

ดังนั้น

คนที่คอยดู เที่ยงคืนวันนี้(จันทร์ที่ 6) คงรอเก้อ เพราะออกอากาศไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้

ช่วยแจ้งหลายๆกระทู้ให้ด้วยนะจ๊ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยขยายตัวอักษรค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 23:26:21
 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 23:49:22


ความคิดเห็นที่ 1521 (1622790)

 

กราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

ลูกได้ตามไปช่วยปลูกต้นโมกด้วย

ปลูกเสร็จก็รู้สึกดีใจและมีความสุขมาก

เพราะคิดว่าวันเสาร์ลูกก็พลาดไปไม่รู้เลยว่า

เขาไปปลุกต้นโมกกันเเล้วตอนไหน  

คิดว่าได้ปลูกซักต้นก็ยังดี เพราะไม่ค่อยมีโอกาส

มาได้บ่อยเท่าที่ต้องการ วันเสาร์ก็ไม่ได้ปลูกกะเขา

วันอาทิตย์ก็คงไม่มีโอกาศเพราะเขามาลงต้น

แล้วปลูกให้ด้วย  แต่พอตอนพักทานข้าว

คุณธนาได้บอกว่าที่เราไปปลูกต้นโมกโดยพละการนั้น

เป็นกาารฝืนคำสั่งครูบาอาจารย์ ก็ตกใจมาก

ใจตกไปอยู่ตาตุ่มเลย.. ลูกอยากสร้างบุญแต่ก็ขาดปัญญา

ความจริงทุกๆที่ ทุกๆงานในบ้านสวน ก็ได้บุญหมด

ลูกต้องกราบขอขมาท่านอาจารย์อีกครั้ง

ความผิดพลาดที่เกิดลูกจะขอจดจำเป็นบทเรียนสอนใจ

จะไม่ทำซ้ำอีกเจ้าค่ะ กราบ  กราบ  กราบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 00:35:55


ความคิดเห็นที่ 1522 (1622795)

ได้อ่านเรื่องราว

คุณแม่ของหนูตุ้ย

และ คุณพ่อของคุณพจน์แล้ว

 

ก็ทำให้เรารู้สึกและเห็นได้ชัดถึง

ความละเอียดของศีลนะคะ

ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นคน ดื่มเหล้า เอง

แต่การส่งเสริม

หรือ มีส่วนทำให้ คนอื่นดื่มนั้น

เป็นบาปที่ยิ่งใหญ่กว่าซะอีก

 

ว่าแล้วก็นึกถึงน้องสาวตัวเอง

เพราะเคยตั้งข้อสังเกตุ

มาบ้างเหมือนกันว่า

ถึงแม้ว่า เค้าจะมีรายได้

ในระดับที่ค่อนข้างใช้ได้

แต่เค้าไม่เคยมีเงินพอใช้เลย

การเงินไม่มีความคล่องตัว

ต้องหยิบต้องยืมคุณพ่อคุณแม่บ่อยๆ

รวมทั้งใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย

ใช้จ่ายซ์้อของในเรื่องไร้สาระเยอะมาก

 

ส่วนหลานสาว

ซึ่งเป็นทายาทกรรมคนเดียว

ก็จะเป็นโรคปวดท้องหนักๆ

แบบไร้สาเหตุ บ่อยมากๆ 

 

ซึ่งชนิดาก็เคยบอกน้องสาวไปเหมือนกันว่า

เป็นเพราะเค้าขายเหล้า เบียร์ บุหรี่

จึงส่งผลแบบนี้ต่อลูก 

 

เพราะได้เห็นกรณี น้องหว่า หวา

ในรายการ คุยไปแจกไป ตั้งแต่นานมาแล้ว

 

ซึ่งตอนนั้นเค้าก็แค่รับฟัง

แต่ก็ยังไม่เลิกขาย

 

แต่ตอนนี้ดีใจมาก ที่น้องสาว

เลิกกิจการนี้แล้ว สาธุ

 

และรู้สึกได้ชัดเลยค่ะว่า

ทุกคนมีความสุขยิ่งขึ้น

หลานสาวก็สุขภาพจิตดีขึ้น

ตั้งใจและขยันเรียนยิ่งขึ้น

ส่วนน้องสาว ก็ชีวิตดีขึ้นในทุกๆด้าน

กิจการใหม่ก็ไปได้ด้วยดี

ส่วนคุณพ่อคุณแม่ชนิดา

ก็พลอยมีความสุขกาย สุขใจไปด้วย

......................................

ว่าแล้วก็อยากอ่าน

ความรู้สึกของดร.อั๋น บ้างจังเลย

ว่าหลังจากที่สารภาพบาปแล้ว

ทำให้ตาที่เกือบบอดนั้น

กลับหายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ทันที

 

คุณอั๋นคิดอย่างไร

และ คิดว่า คุ้มค่าไหม๊

ที่ออกไปสารภาพบาปอันขมขื่น

และต้องคอยปกปิดใครต่อใคร

มานานแสนนาน

 

ก็อย่างว่านะคะ

ถ้าเราละอัตตาได้

ก็เหมือนกับเราได้ชีวิตใหม่

ที่ไฉไลกว่าเก่าเสมอ...

........................................

อนุโมทนากับทุกๆธรรมทานด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 05:20:55


ความคิดเห็นที่ 1523 (1622813)

 


อ่านเรื่องราวของน้องพจน์แล้ว
บอกได้คำเดียวค่ะว่า คำสอนพระพุทธเจ้า
ที่ท่าน อ.อุบลพร่ำบอก กฎของกรรม
ให้พวกเราฟังอยู่ทุกวี่ทุกวัน
ช่างเป็นสิ่งที่เที่ยงแท้และแน่นอนที่สุด
ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น อันนี้พิสูจน์
เป็นวิทยาศาสตร์จริง มีเหตุ และผลรองรับ
หลักฐานทั้งตัวบุคคลและทางการแพทย์
ไม่มีผิดตัว ไม่มีลำเอียง หรือผิดพลาดแม้แต่น้อย
นี่แหล่ะค่ะ สิ่งที่เราทำ ผลของกรรมเราต้องรับมัน
ถึงเราไม่ได้ผิดศีลด้วยตัวเอง แต่มรดกกรรม
เราก็ต้องเข้าไปมีส่วน สิ่งที่ได้รับคือเราต้องเป็นทุกข์
ทรมานทางจิตใจที่เห็นท่านเจ็บป่วย
หันมารักษาศีลเดินตามรอยพระพุทธเจ้า
ชีวิตเราจะเป็นปกติสุขจริงแท้แน่นอนค่ะ

*****************************

มาเหลาธรรมทานคืนวันเสาร์ที่ 4 ส.ค.ต่อค่ะ

ผิดศีลข้อสาม ทำให้เป็นโรคร้าย
คุณอนุชิต หรือ ดร.อั๋นนั้น
ท่านได้ออกมาสารภาพบาป
ต่อหน้าองค์จี้สฟิงซ์ว่าตนเองนั้น
เป็นโรคเอดส์ระยะสุดท้ายแล้ว
และเป็นโรคเบาหวานด้วย
ซึ่งเบาหวานนี้ขึ้นตา
ทำให้ตาข้างขวาบอดสนิทไปแล้ว 
ส่วนข้างซ้ายมัวการมองเห็นได้เพียง 40%
ซึ่งไปไหนมาไหน
ต้องใช้คนจุง ตาข้างซ้ายนั้น กำลังจะผ่าตัด
แต่ก็มาเส้นเลือดในตาแตกเสียก่อน 
จึงทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้
ดร.อั๋นท่านได้พูดสารภาพอย่างหมดเปลือกว่า
ที่ผ่านมาสมัยวัยรุ่นได้คบเพื่อนไม่ดี ชักจูงให้ทำชั่ว
โดยการให้ลอง และเอาผู้ชายมาไว้ในห้อง
ให้มีอะไรด้วย

ซึ่งตัว ดร. อั๋นเองท่านเป็นคนเรียบร้อย
และไม่เคยมองไม่เคยสนใจ
แต่เหมือนชะตาฟ้าลิขิตกรรมเก่าด้านนี้ส่งผล
ทำให้ได้มาพัวพันกับผู้ชาย เพียงแค่อยู่เฉยๆ 
ก็มีผู้ชายมาขอเบอร์ อยากเป็นแฟนด้วย
ในชีวิตผ่านผู้ชายมา 20 คน
และก็ไม่รู้ว่าคนไหนที่ทำให้ติดเชื้อ
หลังสารภาพต่อองค์จี้สฟิงซ์แล้วร่างกายดีขึ้น
มีแรงมากขึ้น เดินทรงตัวได้ดี  

ส่วนสายตาที่บอดและพร่ามัวนั้น 
ดร.อั๋นท่านได้สารภาพว่า ชอบดูหนังโป๊
ชอบโหลด ต้องโหลดให้ได้มากที่สุด
และแจกจ่าย มีทุกเรื่อง
แม้กระทั่งตาบอดก็ยังดูอยู่
เพราะไม่รู้ว่านี่คือกรรม
ประกอบกับ พี่ชายเอง ก็มีปัญหาที่ดวงตาเหมือนกัน
เพราะพี่ชายเป็นคนชวนดู ดูด้วยกันมาตลอด

หลังสารภาพ สายตาดีขึ้นถึง 60% จากเดิม 40%
และชอบใช้สายตามองค้อนคนอื่น 
มองแต่ความไม่ดีของคนอื่น จับผิดผู้อื่น
สารภาพตรงนี้ดีขึ้นเป็น 70% 
และยังใช้สายตาบวกความคิด
ปรามาสเมื่ออ่านพระธรรมคำสอน
สารภาพตรงนี้ดีขึ้นอีกเป็น 75%
และดร.อั๋นยังเขียนคำลามกอนาจาร หยาบคาย
เวลาแชทกับผู้ชายเป็นเรื่องใต้สะดือ
หลังสารภาพดีขึ้นอีกเป็น 90%
และได้ใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วยอีก
รวมทั้งก้มลงกราบท่าน อ.อุบล
ผลโดยรวมดีขึ้นถึง 98%

สาเหตุที่ยังไม่ดีขึ้น 100% เพราะ
ดร.อั๋นท่านกำลังบุญยังไม่พอ
จึงต้องมาสร้างบุญเพิ่มขึ้นไปอีกค่ะ

ขอขอบคุณธรรมทานของทุกท่าน
และกราบพระบาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์
และท่าน อ.อุบลที่ได้ให้ธรรมทาน
ตอกย้ำเรื่องกฎแห่งกรรมให้พวกเรา
รับรู้ ละอายและเกรงกลัว ไม่ทำบาปกรรมซ้ำเพิ่ม
กราบขอบพระคุณค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 09:52:39


ความคิดเห็นที่ 1524 (1622841)

 

ขอเล่าธรรมทานคืนวันเสาร์เพิ่มเติมนะคะ  

ธรรมทานจากคุณอมรที่ได้ลองเอาจื้องค์เทพสฟิ้ง

ให้น้องที่เป็นลูกค้าประจำที่ร้าน ลองจับสร้อยดู

หลังจากที่น้องเขารู้สึกว่าถูกคุณไสย์

เมื่อน้องจับสร้อยทั้งพวงแล้ว ก็บอกว่ารู้สึกดีมาก

โดยปกติเวลาน้องไปที่ไหนๆเขาจะสัมผัสได้

โดยมีอาการขนลุกและพอจับสร้อยก็เริ่มเล่ามาเอง

เหมือนสารภาพบาปต่อองค์จี้สฟิงค์

พี่อมรก็รู้สึกแปลกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วได้ให้รูปท่าน อ.

พอน้องเขารับไปหน้าก็แดงขึ้น  ซักพักก็หาย

พอน้องเขาพูดว่า " อ.อุบลช่วยด้วย "

หน้าของน้องก็สุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งพี่อมรสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน

แต่ตัวน้องคงรู้สึกร้อนจึงคิดว่ากำลังเป็นไข้

จึงขอตัวกลันบัาน

...................................

 

ธรรมทาน ดร.จิ๋ม

แม่คนงานป่วยไปหาหมอๆรักษาแล้วก็ให้กลับบ้าน

ทั้งๆที่ยังมีอาการ ปวด บวมเดินไม่ได้

เขามีอาการเจ็บขามาก จึงตัดสินใจไปช่วยเขา

ทั้งๆที่คนป่วยมีอารมณ์ร้าย ชอบดุด่า อาละวาดเหมือนผีเข้า

ทั้งที่ก็กลัว แต่ ดร.ก็ลองเสี่ยงดู

ขอชื่นชมและนับถือน้ำใจอันกล้าหาญของ ดร.

ที่ได้ทำเป็นแบบอย่างในการเสียสละ

และการเจริญพรหมวิหาร4อย่างแท้จริงค่ะ สาธุ สาธุ

พอไปถึง ดร.ก็บอกว่า " ยายหนูมาช่วยนะยาย "

ยายกลับต้อนรับเป็นอย่างดี ซักพักยายก็เล่ากรรมของตังเอง 

ว่าฆ่าสัตว์มามากมาย ชอบด่าหลานประจำ

เหมือนสารภาพไปเรื่อยๆโดย ดร.ไม่หนักใจเลย

วันนั้นยายก็หายเจ็บขา ซึ่งปกติจะแตะไม่ได้เลย

และยายจะรักษาศีล ทำบุญใส่บาตรด้วย

.......................................... 

 

อ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่อยากช่วยเหลือคน เอาจี้ไปให้เขาจับ

อ.คาดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไปกับจี้จะช่วยให้เขา สารภาพออกมาเอง

และจี้นี้เหมาะกับคนขี้อายหรือจำได้ไม่หมด

ตัวเองก็ทำอยู่ค่ะอาจารย์ พยายามนึกและสารภาพไปเรื่อยๆ

แต่พอเอาปากกาจะจดก็ลืมอีกแล้ว

ความจำสั้นมากๆเลยค่ะ

บางครั้งนึกคำพูดอยู่ในหัวแต่พอจะพูดข้อมูลหายไปแล้ว

เหมือนถูกลบออก นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกเลย

 

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ท่านอาจารย์และครอบครัว

ที่ให้โอกาศลูกเข้าบ้านสวนได้พาสร้างบุญ

 

และบุญใหญ่คือการเขียนธรรมทาน จากนี้ไปจะพยายาม

ทำให้มากขึ้น  จะเข้าไปสารภาพบาปที่กระทู้คุณชนิดาค่ะ

เพื่อนๆช่วยตามไปอ่านนะคะ  

 

อนุโมทนาทุกๆธรรมทานของทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ  สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 11:41:57


ความคิดเห็นที่ 1525 (1622848)

เสาร์นี้ ได้มีโอกาสร่วมบุญปลูกต้นโมก บริเวณรอบๆ สมเด็จองค์พระปฐม ด้วยความเมตตาจาก ท่านอาจารย์อุบล เป็นผู้นําทางในการทํา ช่วยกันเคลียพื้นที่ ช่วงก่อนพักเที้ยง ตอนภาคบ่ายออกไปทําต่อ อากาสร้อนมาก หลังจากขุดดิน ถางหญ้าได้ไม่ถึง 15นาที ทุกคนก็เริ่มเหนื่อยมาก มีอาการเห็นได้ชัดว่าหมดแรง น้องอัญก็บอกว่า มือไม้สั่น อรเองก็ร้อนวูบวาบ บอกไม่ถูก จึงเข้าพักร้อนกันในร่ม พระบารมีใต้ฐานพระ ทุกคนหมดแรงอย่างน่าประหลาด พักกันพอสมควร เริ่มทําต่อประมาน ครึ่งชั่วโมง ท่านอาจารย์ ก็เข้ามาช่วย ท่านเห็นว่าอากาศร้อนมาก จึงนําพาพวกเราพักอีกรอบ พอแดดร่ม ลมตก ท่านอาจารย์ ก็พาทําต่ออย่างเต็มที่ ทีนี้ทุกคนเหมือนได้พลังจากสวรรค์โปรด ความเมตตาบารมีท่านอาจารย์โดยแท้ มีแรงขึ้นมาทันที ตอนนี้งานเดินเร็วมากๆ และมีน้องก๊อต มาช่วยตัดหญ้าถางพง อ.พันใช้รถไถช่วยเกลี่ยพื้นที่ เพียงแป๊บเดียว งานเสร็จสมบูรณ์ สวยงามมากๆ ด้วยพลังสามัคคี อนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยค่ะ

รู้สึกปิติอยู่ในใจ ว่าวันนี้โชคดีและคุ้มมากเลย แ้ล้วก็มีความสุขบอกไม่ถูก ที่ได้มาปลูกต้นโมกบริเวณสมเด็จองค์พระปฐมท่าน แล้วท่านอาจารย์เมตตาบอกอีกว่า ที่พวกเรากําลังตกแต่งกันอยู่ เป็นแดนนิพพาน โอ้โห ขนแขนสเตนอัพทันทีเลยค่ะ แล้วท่านอาจารย์ยังเมตตาบอกอีกว่าผู้ที่ได้สร้างบุญตรงนี้ จะมีภูมิคุ้มกันโรคระบาดอีกด้วย

กราบพระบาทขอบพระคุณ พระพุทธองค์ สิ่งศักสิทธิ์ทุกพระองค์ในบ้านสวน และทั่วมหาจักวาล กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์อุบล ที่ให้ลูกได้มีโอกาสมาสร้างบุญในบ้านสวน บุญใหญ่ทั้งน้านเลย

บุญทั้งหมดที่ลูกทําในบ้านสวน แม้เพียงน้อนนิด ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา ขอบูชาคุณครูบาอาจารย์ ด้วยความเคารพอย่างสูง

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 12:29:38


ความคิดเห็นที่ 1526 (1622868)

พลังอานุภาพ จี้องค์เทพสฟิงซ์ เมื่อผู้ถือสารภาพบาป

พี่อมร ออกมาเล่าว่ารู้จัก น้องคนหนึ่งเค้าไปวัดมา หลังจากนั้นรู้สึกว่าอาการไม่ค่อยดี เพราะว่าไปเจอ พระสงฆ์รูปหนึ่ง ทักและชักชวนให้รับขันร์ และก็แฝงด้วยคุณไสยมนต์ดํา พี่อมรจึงให้ถือ องค์เทพสฟิงซ์ และมีรูปท่านอาจารย์ อุบลด้วย แล้วหน้าน้องเค้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง พอใช้รหัส อาจารย์อุบลช่วยด้วย หน้ายิ่งแดงมากขึ้น หลังจากนั้นเธอก็พูดเล่าออกมาว่า เห็นเหมือนงูหล่นลงมาบนหลังคาบ้าน พอตกกลางคืนก็ฝันเห็นงูอีก เธอจึงมั่นใจว่าเป็นของพระที่วัดส่งมาแน่นอน

ดร.จิ๋ม ออกมาเล่าเรื่องช่วยคนด้วยอานุภาพองค์เทพสฟิงซ์ น้องคนหนึ่งชื่อภา ซึ่งคุณแม่ของภา จะเป็นคนที่ชอบด่าคน พูดจาไม่ดีอยู่ตลอด และตอนนี้กําลังป่วย เดินไม่ได้ ขาบวมนอนร้องโอยๆ อยู่ที่บ้าน ด้วยจิตใจที่งดงาม ของดร.จิ๋ม คิดอยากช่วย จึงไปที่บ้าน พอไปถึงก็ให้คุณยายถือ องค์เทพสฟิงซ์ไว้ในมือ แล้วก็ถามว่าคุณยายเคยทําอะไรที่ไม่ดี มาบ้างบอกมาให้หมดนะคะ จะได้หาย ปากแกผิดรูปด้วย ฟันเหยิอนเหมือนแก้วหน้าม้าเลย ดร.จิ๋มบอก แกก็สารภาพหลายอย่าง เคยด่าลูก ด่าหมดทุกคน พูดไม่ดีสารพัด คุณยายพูดเองหมดเลย หลังจากนั้นอาการเจ็บขาก็หาย ซึ่งก่อนหน้านั้นแม้แต่จับยังไม่ได้เลย

น้องตุ้ยเล่าเรื่องแม่ที่ป่วยเป็นโรคตับแข็ง เรื่อรังจนกลายเป็นมะเร็ง สาเหตุมาจากเคยขายเหล้ามา กว่าสิบปี ถึงแม้ตัวเองไม่ได้กิน แต่การขายเป็นต้นเหตุ ให้มีผู้ซื้อ หรือชักชวนให้เค้าซื้อ หรือซื้อให้เค้ากิน ทําให้เกิดทุกข์ เกิดโทษคนกิน และกรรมก็ย้อนกลับเข้ามาหาผู้ขาย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด ให้ผลไม่เคยผิดตัว  น้องต้ยบูชาองค์เทพสฟิงค์ อาการของแม่ก็ดีขึ้น แล้วก็มองเห็นจิตวิญญาณมาขอ ของดีของท่านอาจารย์อุบล

ดร.อั๋น (คุณอนุชิต)ออกมาสารภาพบาปที่ตนเองทํามา ในเรื่องของการผิดศีลข้อ3 ท่านอาจารย์ให้ถือองค์เทพสฟิงซ์ ของคุณธนาไว้ในมือ ตลอดเวลาของการสารภาพ มีสัมพันธ์สํ่าส่อน กับชายเพศเดียวกัน กว่า20คน ชอบดูหนังx แถมแจกจ่ายให้คนอื่นดูด้วย ส่งเมตเซทขียนข้อความ ไปในทางลามกปลุกเล้าอารมณ์ ใช้สายตามองค้อนคนอื่น ดร.อั๋นจึงได้รับผลกรรม ทําให้เป็นโรคเอดส์+เบาหวาน และตาข้างขวาบอดสนิท ข้างซ้ายการมองเห็นเหลือแค่40เปอร์เซนต์ หลังจากสารภาพหมด รวมทั้งใช้ รห้สอาจารย์อุบลช่วยด้วย และสุดท้าย กราบท่านอาจารย์ ครบสูตรบุญฤทธิ์แก้้ว มีผลทําให้ ตาข้างซ้ายก็ดีขึ้น มองเห็นได้98เปอร์เซนต์ ท่านอาจารย์ถามว่า ทําไมถึงมาบ้านสวน เพื่อสารภาพบาป ดร.อั๋นบอกว่ายังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว ก่อนตายก็ขอเอาชีวิตของตัวเองเป็นธรรมทาน เพื่อประโยช์แกผู้อื่น ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ เรื่องราวของดร.อั๋น น่าสนใจมาก จะเห็นได้ว่าชีวิตคนเรา ไม่ว่าจะมีความรู้มากมาย ถึงระดับดร. หรือรํ่ารวยเงินทองเป็นเศรษฐี หากขาดการพัฒนาทางด้านจิตใจแล้ว ก็เหมือนใจเสีย เท่ากับเสียทั้งหมด การดําเนินชีวิตก็ไปไม่รอด ขออนุโมทนาธรรมทานจากทุกท่านค่ะ     

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 14:47:34


ความคิดเห็นที่ 1527 (1622890)

 วันนี้ บุญตา ถามแปลก

ถามว่า อ.คะ ทำไม ดร.เป็น เอดส์ได้คะ

ใครก็ได้

ช่วยมาตอบคำถาม ยายบุญตา หน่อยเร้ว ทำไม ดร.ถึงเป็นเอดส์ได้

(แล้วก็ตาบอดได้ด้วย แกบอก แกสงสัยมากอ่ะค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 16:02:53


ความคิดเห็นที่ 1528 (1622901)

ขออนุญาตขยายตัวอักษรค่ะ

วันนี้ บุญตา ถามแปลก

ถามว่า อ.คะ ทำไม ดร.เป็น เอดส์ได้คะ

ใครก็ได้

ช่วยมาตอบคำถาม ยายบุญตา หน่อยเร้ว ทำไม    ดร.ถึงเป็นเอดส์ได้

(แล้วก็ตาบอดได้ด้วย แกบอก แกสงสัยมากอ่ะค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 16:02:53

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 16:39:40


ความคิดเห็นที่ 1529 (1622905)

 

วันนี้ บุญตา ถามแปลก

ถามว่า อ.คะ ทำไม ดร.เป็น เอดส์ได้คะ

ใครก็ได้

ช่วยมาตอบคำถาม ยายบุญตา หน่อยเร้ว ทำไม    ดร.ถึงเป็นเอดส์ได้

(แล้วก็ตาบอดได้ด้วย แกบอก แกสงสัยมากอ่ะค่ะ)

==========

เรียนท่านอาจารย์อุบล

ที่ดร.เป็นเอดส์ก็เพราะยังมีกิเลสอยู่

ยังไม่ได้รักษาศลีห้า

และยังไม่ทราบว่าที่ทำนั้นเป็นบาปทำให้กรรมส่งผลค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 17:11:21


ความคิดเห็นที่ 1530 (1622911)

 ขอบคุณ รศ.เบญจรัตน์ค่ะ ที่มาตอบคำถาม ชี้แนะยายบุญตา เดี๋ยวจะบอกเค้าให้ค่ะ

แล้วก็ยังอยากได้รับคำชี้แนะจากท่านอื่นด้วยนะคะ บุญตาจะได้หายข้องใจ

ว่าทำไม ดร.เป็นเอดส์ได ตาบอดได้ แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 17:37:47


ความคิดเห็นที่ 1531 (1622913)

ขอตอบคำถามพี่บุญตาค่ะ ว่าทำไมดร.ถึงเป็นเอดส์และตาบอดได้ ก็เพราะว่าทำผิดศีลมาค่ะ ผลที่ทำให้ดร.เป็นเอดส์ก็เพราะผิดศีลข้อ 3 หมกหมุ่นทางเพศโดยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายมาแล้วประมาณ 20 คน ส่วนผลกรรมที่ทำให้ตาบอดก็เพราะใช้ตาไปในทางที่ไม่ดี ชอบดูภาพโป๊ ภาพลามก หนังx แล้วยังแจกจ่ายให้ผู้อื่นได้ดูอีกด้วย รวมทั้งเขียนข้อความลามก ใช้ภาษาลามก และยังใช้สายตาด่าว่า ตำหนิติเตียนคนอื่น มองจับผิด มองหาความไม่ดีของคนอื่น มองค้อนเวลาไม่พอใจ เวลาอ่านหนังสือธรรมะแล้วคิดไม่ดี สงสัยในพระธรรมคำสอน ตำหนิติเตียน คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าพระพุทธเจ้า คิดปรามาสในใจ ผลกรรมทั้งหมดรวมตัวจึงทำให้ตาบอดค่ะ

ผลกรรมไม่ได้เลือกค่ะว่าคุณเป็นดร. เป็นหมอ เป็นวิศวะ เป็นครู พอทำกรรมแล้วไม่ต้องรับผลกรรม ส่วนคนที่จะรับผลกรรมได้นั้นต้องเฉพาะคนจนหรือกรรมกรเท่านั้น  กรรมยุติธรรมเสมอค่ะ ใครทำคนนั้นก็ต้องเป็นผู้รับผลกรรมนั้น ไม่เลือกเพศ ชนชั้น วรรณะหรือแม้แต่ศาสนา  ขนาดคนเป็นหมอยังป่วยเป็นมะเร็งได้เลยค่ะ

จากธรรมทานคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ดร.อั๋น เล่าว่าขนาดคุณพ่อของดร.เองยังไม่เชื่อเลยว่าลูกของท่านที่เรียนระดับปริญญาโทจนจบดร.จะเป็นเอดส์ได้ ท่านอาจารย์จึงได้เมตตาสอนว่าคนมีความรู้กับคนมีปัญญาต่างกันและพระพุทธองค์ก็ให้ความสำคัญกับปัญญามากกว่า ความรู้ทำให้เราทำมาหากินทางโลกได้แต่ไม่สามารถทำให้เราพ้นทุกข์ได้ เหมือนอย่าง ดร.อั๋น มีความรู้ทางโลกมากแต่ขาดปัญญาในการดำเนินชีวิต คงจะเหมือนอย่างสุภาษิตที่ว่าความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 17:47:45


ความคิดเห็นที่ 1532 (1622923)

ความเห็นที่ 1530 (1622911)
ขออนุญาตขยายตัวอักษรค่ะ
แจ้งลบความคิดเห็น

ขอบคุณ รศ.เบญจรัตน์ค่ะ ที่มาตอบคำถาม ชี้แนะยายบุญตา เดี๋ยวจะบอกเค้าให้ค่ะ

แล้วก็ยังอยากได้รับคำชี้แนะจากท่านอื่นด้วยนะคะ บุญตาจะได้หายข้องใจ

ว่าทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้ แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายบุญตาหน่อยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 17:37:47

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 18:23:39


ความคิดเห็นที่ 1533 (1622925)

 

 

 

 

ขอบคุณ รศ.เบญจรัตน์ค่ะ ที่มาตอบคำถาม ชี้แนะยายบุญตา เดี๋ยวจะบอกเค้าให้ค่ะ

แล้วก็ยังอยากได้รับคำชี้แนะจากท่านอื่นด้วยนะคะ บุญตาจะได้หายข้องใจ

ว่าทำไม ดร.เป็นเอดส์ได ตาบอดได้ แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

+++++++++++++++++

เบสคิดว่าการที่ ดร.เป็นโรคเอดและตาบอดนั้น

เกิดจากผลกรรมที่สร้างไว้ในอดีต

คือการผิดศีลข้อสาม และการชอบดูหนังโป๊

ซึ่งหลังจาก ดร.มาสมาทานศีล

ก็ทำให้ตาข้างที่ยังไม่บอดมีอาการดีขึ้น

แถวยังมีเรี่ยวแรงขึ้นอีกด้วย

ซึ่งกฎแห่งกรรมให้ผลไม่ผิดตัว

ไม่ว่าใครก็ต้องรับผลจากกรรมที่ตัวเองทำไว้ทั้งนั้น

กฎแห่งกรรมไม่ละเว้นไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น

ไม่ว่าจะสูงศักดิ์ติดฟ้า หรือต่ำต้อยติดดิน

ยังไงก็ต้องรับผลของกรรมนั้นเท่ากัน

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น ดร. หรือจบชั้นไหน หรือไม่เคยเรียนหนังสือเลย

ถ้าหากประกอบกรรมเหมือนกัน

ก็ต้องได้รับผลกรรมเช่นกัน โดยไม่มีข้อยกเว้นครับ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 18:28:26


ความคิดเห็นที่ 1534 (1622939)

ทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้

แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

555++

ป๊าด.ด.ด.ด  คุณบุญตาเจ้าขา

ด๊อกเตอร์  ก็เป็น คน เด้อคร๊า

มี 2 มือ 2 แขน 2 หู  2 ตา

และมีอวัยวะ 32 ประการ

เหมือนกันในความเป็น คน

เหมือนที่ท่าน อ.อุบล

บอกให้พวกเรา

ใช้อวัยวะต่าง ๆ ที่มี

ในการสร้างเสริม บุญ

บุญ แปลว่า ความดี

ตรงข้ามกับ..ชั่ว

ฉะนั้น กรณีของ

ดร. เป็นเอดส์

ก็เป็น ผล ของ

การกระทำที่ไม่ดี

โดยเฉพาะ ศิลข้อ 3

เป็นเหตุ ซึ่งส่ง ผล

ความทุกข์  ทรมาน

ทั้งร่างกายและจิตใจ

เรื่องของ ดร.อั๋น นั้น

เป็นอะไรที่อยากเล่าบ้างค่ะว่า

ครั้งแรกที่ท่าน อ.อุบล

เห็น ดร. อั๋น

อ.อุบล ก็ได้บอกแมวก่อนเลย

ว่า ดร.อั๋นเป็นเหมือน เอิ้น

เพียงแต่ ดร. จะกล้าที่จะพูด

กล้าที่จะสารภาพ หรือไม่เท่านั้น

 

ก็เป็นที่ต้องลุ้นอีกค่ะว่า

ดร. จะกล้าหรือไม่

ก็เหมือน ฟางเส้นสุดท้าย

ที่ ดร. ต้องตัดสินใจ

แม้กระทั้ง คุณอา ของ ดร.เอง

ก็ยังไม่ทราบมาก่อน

ว่า ดร.อั๋น เป็นเอดส์

มารู้ก็วันที่ ดร. จะตัดสินใจ

ให้ธรรมทาน นั่นเอง

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ความสุข  ความทุกข์

ไม่ได้วัดกันที่ ระดับการศึกษา

ผู้แสดงความคิดเห็น ประวีณา แค้มป์ ( แมว ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 18:59:16


ความคิดเห็นที่ 1535 (1622953)

 

ทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้

แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

-----------------------------------------------

ดร.อั๋นจบการศึกษาถึงขั้นสูงสุดของการศึกษา

คือปริญญาเอก

นับว่าเป็นผู้มีความรู้มาก ประกอบอาชีพเป็นครูบาอาจารย์

แต่ผู้มีความรู้มาก ไม่ได้หมายถึงผู้มีปัญญามาก

ผู้มีปัญญาจะต้องรู้จักรักษาศีล รักษาความดี

เหมือนพระพุทธองค์

ดร.อั๋นยังมีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง

ผิดศีลข้อ 3 หมกหมุ่นในกามารมณ์ ดูหนังโป๊ โหลดหนังโป๊

เผยแพร่หนังโป๊ ใช้วาจา การเขียนถ้อยคำลามก

ซึ่งผิดศีลตั้งแต่ศีลขั้นต้น จนกระทั่งศีลขั้น 3

และยังมีการกระทำผิดในด้านการใช้สายตาค่อนขอดคนอื่น จิกสายตาใส่ผู้อื่น

กระทำการผิดศีลซ้ำๆมานานหลายปี

จนกระทั่งกรรมรวมตัว

ทำให้เป็นเอดส์ และตาบอด

แต่อย่างไรก็ตามขอชื่นชม ดร.อั๋น ที่เอาชีวิตของตัวเองมาเป็นธรรมทาน

ให้ผู้ที่หลงผิด และผู้ที่กำลังทำผิด

ได้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 20:05:08


ความคิดเห็นที่ 1536 (1622958)

ทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้

แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ต่อไปนี้อย่าได้ปฏิเสธ

หรือทำตัวไม่รู้ไม่เห็น

ในการรักษาศีล5

มันไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป

แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศชาติบ้านเมือง

หลวงพ่อฤาษีบอกไว้

ต้องเคร่งครัดจริงๆ ถึงขนาด

ยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีลเลยด้วยซ้ำ

ฉะนั้นเมื่อเห็นผลกรรมแล้ว

ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว

ตายทั้งเป็นมันทรมานขนาดใหน

ความเห็นผิด

คบคนชั่วเป็นมิตร

จึงทำให้พวกเราหลงวนอยู่

ทุกภพทุกชาติ

จงตื่นเถิด

ลมหายใจที่เหลือมันน้อยลงทุกที

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 20:50:35


ความคิดเห็นที่ 1537 (1622980)

ทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้

แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

---------

สาวบุญตาจ๋า ดร.เธอผิดศีลกามาอย่างแรงส์

ดร.อั๋น เชิดหยิ่งแต่หน้าตาดี

จึงเป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยมากหน้าหลายตาตั้งแต่ยังเรียนมัธยม

ของขวัญพิเศษที่เพื่อนๆจัดให้เก๋กว่าใครๆ

ก็เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนเลยย

แต่เค้ากล้าที่จะมีอะไรกัน

ตัณหาราคะ ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

ดร.อั๋น เป็นประธานชมรมพุทธศาสตร์

เชิญชวนคนมาบวชเป็นพระมาก็มากมาย

ตัวเองก็บวชเป็นพระห่มผ้าเหลืองมา 7 หน

อันนี้ไม่ได้ช่วยให้ยับยั้งชั่งใจเธอได้

เธอยังคงหมกมุ่น หลงระเริงในสังเวียนโลกีย์

แถมยังก็อป***หนังอย่างว่าแจกจ่ายคอเดียวกันซะอีก

ไม่สะทกสะท้านหรือว่าเกรงกลัวบาปกรรมกันเลยย

พออายุ 29 ถึงได้รู้ว่าติดเชื้อเอดส์

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากับใคร เมื่อไร

แปลว่าตัวแกเองก็แพร่เชื้อไปแล้วเรียบร้อย

อันนี้ก็เลยผิดศีลข้อ 1เข้าไปด้วยอีกแบบไม่ได้ตั้งใจ

ส่วนเรื่องตาบอด

ดร.เป็นคนหน้าตาดี มั่นใจต้วเองสูง

ชอบใช้สายตาจิกค้อนคนอื่น

นิยมดูหนังเรต XX เป็นชีวิตจิตใจ

แม้อ่านพระธรรมคำสอนก็ไม่ศรัทธาเลื่อมใส

กลับตำหนิติเตียนซะอีก

อนุโมทนาบุญกับดร.อั๋นที่ตัดสินใจนำเอาชีวิตตัวเองมาเปิดเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจแก่ใครหลายๆคน ที่ยังประมาท ล้อเล่นกับชีวิตอยู่ในขณะนี้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 23:11:43


ความคิดเห็นที่ 1538 (1622985)

 ขอบคุณธรรมทาน คำอธิบาย ชี้แนะ ยายบุญตา ขอให้ทุกท่าน มาบอก มาแสดงความเห็น

ให้ยายบุญตา ตัวน้อย ๆ ที่ยัง งง งัน ใน ดร.อั๋น ไม่หายซักกะที

.......

คราวนี้ ก็มาพิจารณา คำพูด ดร.อั๋น ที่ว่า

ที่ต้องเป็นอย่างนี้ เพราะเพื่อนทั้งนั้น ครั้งแรก ก็เพื่อน นำผู้ชายมาไว้ในห้อง เป็นของขวัญวันเกิด

ต่อมาก็บอกว่า เพื่อน ชักนำ ชักชวน อีกนั่นแหละ สรุปว่า ดร.อั๋น บอกว่า เป็นเพราะเพื่อนทั้งนั้นเลย

อย่างนี้ จัดว่า คบคนชั่วเป็นมิตร หรือว่า ดร.อั๋น ไม่เข้มแข็งเอง

ถ้าเกิดอะไรขึ้นในชีวิต แล้ว เป็นเพราะว่า เพื่อน ทั้งนั้น ตัวเราไม่ได้ผิดเลย อย่างนี้เราจะทำอย่างไรกับชีวิตเรา

เพราะเราคงไปควบคุมความประพฤติเพื่อนไม่ได้ เราควรทำอย่างไร จึงจะไม่ต้องผิดพลาด แบบ ดร.อั๋น  หรือว่าเราต้องบังคับให้เพื่อนเรา

เป็นคนดีให้ได้ หรือ ว่าจะบังคับตัวเองให้อยู่ในศีล 5  ดี  ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 23:33:36


ความคิดเห็นที่ 1539 (1622994)

ขออนุญาติ ขยายตัวอักษรครับ

ขอบคุณธรรมทาน คำอธิบาย ชี้แนะ ยายบุญตา ขอให้ทุกท่าน มาบอก มาแสดงความเห็น

ให้ยายบุญตา ตัวน้อย ๆ ที่ยัง งง งัน ใน ดร.อั๋น ไม่หายซักกะที

.......

คราวนี้ ก็มาพิจารณา คำพูด ดร.อั๋น ที่ว่า

ที่ต้องเป็นอย่างนี้ เพราะเพื่อนทั้งนั้น ครั้งแรก ก็เพื่อน นำผู้ชายมาไว้ในห้อง เป็นของขวัญวันเกิด

ต่อมาก็บอกว่า เพื่อน ชักนำ ชักชวน อีกนั่นแหละ สรุปว่า ดร.อั๋น บอกว่า เป็นเพราะเพื่อนทั้งนั้นเลย

อย่างนี้ จัดว่า คบคนชั่วเป็นมิตร หรือว่า ดร.อั๋น ไม่เข้มแข็งเอง

ถ้าเกิดอะไรขึ้นในชีวิต แล้ว เป็นเพราะว่า เพื่อน ทั้งนั้น ตัวเราไม่ได้ผิดเลย อย่างนี้เราจะทำอย่างไรกับชีวิตเรา

เพราะเราคงไปควบคุมความประพฤติเพื่อนไม่ได้ เราควรทำอย่างไร จึงจะไม่ต้องผิดพลาด แบบ ดร.อั๋น  หรือว่าเราต้องบังคับให้เพื่อนเรา

เป็นคนดีให้ได้ หรือ ว่าจะบังคับตัวเองให้อยู่ในศีล 5  ดี  ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 23:33:36

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 00:15:14


ความคิดเห็นที่ 1540 (1622996)

ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

 

++++++++++++++++++

เบสคิดว่าการบังคับตัวเองจะง่ายกว่าครับ

เพราะว่าเราบังคับใจตัวเองได้ง่ายกว่า

ทำตัวให้อยู่ในศีล 5 ได้ง่ายกว่า

อีกทั้งยังทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อใคร

ทำตัวเองให้ดี ไม่ว่าใครจะมาชวนทำอะไรไม่ดี

ถ้าเราัตั้งมั่นในความดีแล้ว

ยังไงมันก็เลวไม่ได้เราก็ไม่ทำตามคนชั่ว

ยกเว้นแต่ใจเรามันเลวเอง

พอมีคนมาชวนทำเลว

มันเลยไหล ไปกองกัน

ประมานว่า ฝนตกขี้หมูไหล คนจังไรมาพบกัน

แต่ถ้าเราตั้งมั่นใจศีล 5 มั่นคงในความดี

ไม่ว่าใครมาชวนให้ทำความเลวยังไง

มันก็ไม่ทำหรอกครับ

เพราะใจมันไม่เลว

อยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 00:25:16


ความคิดเห็นที่ 1541 (1623011)

 ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น

กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล

อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

-----------------------------------------

 คำตอบคือ  บังคับตัวเอง เปลี่ยนที่ตัวเราเองดีและง่ายที่สุดค่ะ

เพราะส่วนตัวแล้ว อัญ ก็เป็นคนหนึ่งที่เมื่อก่อนคิดแต่อยากจะเปลี่ยนคนอื่น

อยากให้ทุก ๆ คนรอบข้่าง ได้อย่างใจเรา แม้กระทั่ง พ่อ กับ แม่

 

แต่ไม่เคยส่องกระจกมองดูตัวเองเลยซักนิด

ว่าคนที่สมควรจะเปลี่ยนมากที่สุด คือ ตัวเรา เพราะทำผิดศีลทุกข้อ

ผลที่ได้รับนั้นแทบจะกระอักเลือดก็ว่าได้ เพราะ ต้องทุกข์ใจ อย่างมาก

ชีวิตมีปัญหาทุกด้าน ทั้งการงาน การเงิน ครอบครัว หาทางออก ทางแก้ปัญหาไม่ได้

 

หลังจากได้รู้จัก บ้านสวนพีระมิด

เปลี่ยนตัวเองมารักษาศีล 5  เลิกคิดเปลี่ยนคนอื่น

ผลที่ได้รับ คือ เรากลับเห็นความเปลี่ยนแปลง

ในทางที่ดีขึ้นของทุก ๆ คน รอบตัวเรา ด้วย อานิสงของบุญบ้านสวน..

กราบขอบพระคุณท่านเจ้าของบ้านสวน

ท่าน อ.อุบล ท่าน อ.มงคล และ คุณท้อป ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 02:49:57


ความคิดเห็นที่ 1542 (1623017)

 

ทำบุญแล้วขอนั่นขอนี่
                อาจารย์อุบล ท่านได้ปรารภว่าทำไม คนที่มาทำบุญที่บ้านสวนพิรามิด จึงชอบขอ นั่น ขอนี่ ตลอด บางทีขอไปมาก ๆ ก็ไม่ได้ผล เพราะกำลังบุญเราไม่พอ ท่านบอกว่า ให้ดูท่านเป็นตัวอย่าง ทำบุญ สะสมบุญไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เคยขออะไรเลย ก้มหน้าก้มตาทำบุญไปเถิด
                เห็นได้ว่าปฏิปทาของท่าน อ.อุบล น่ายกย่อง สรรเสริญยิ่ง ท่านสามารถตัดกิเลสที่เรียกว่า โลภะ ออกไปได้หมด กิเลสตัวนี้ละเอียดยิ่งนัก ถ้าไม่จับตามองด้วยสติตั้งมั่น เราก็จะเผลอให้ความอยากเข้าครอบงำเรื่อยไป เหมือนที่เรามาทำบุญที่บ้านสวน สละแรงกาย แรงใจ แล้ว เรากลับไปสละให้หมด กลับไปอยากได้นั่น อยากได้นี่เรื่อยไป
 
เกี่ยวกับจี้องค์สฟิงซ์ช่วยรักษาโรค
คุณอมร มาเล่าเรื่ององค์สฟิงซ์ และรูปห้อยคอ ที่คุณอมรเอารูป อ.อุบลมาทำเป็นล็อคเก็ตให้ ลูกค้า ชื่อนุช ห้อยคอ พร้อมจี้ คุณอมรเล่าว่า พอคุณนุช เอาไปกำ ก็เกิดอาการหน้าแดงก่ำ เหมือนได้รับพลังอย่างนึง และเขาบอกว่า รู้สึกว่าของดังกล่าวศักดิ์สิทธิ์ คุณนุชคนนี้เคยไปเล่นทางไสยศาสตร์ และรับขันธ์มาแล้ว จึงรู้สึกได้ถึงพลังของจี้องค์สฟิงซ์ และล็อคเก็ตรูป อ.อุบล
                ส่วนจิ๋มเองก็ออกมาเล่าเรื่องที่ไปช่วยแม่ของคนงานที่ ปตท.ชื่อว้นทา เป็นแม่บ้านทำความสะอาด แม่เขาเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคปวดบวม ต้องเข้า ไอซียู และมีอาการกระวนกระวาย เพ้อคลั่ง พอหมอรักษาปวดบวมได้แล้ว กลับบ้านกลับลุกไม่ขึ้น ปวดเนื้อ ปวดตัว ไปหมด ลูกจะจับขาให้พลิกตัวก็เจ็บปวด จิ๋มขับรถจากที่ทำงาน ประมาณ 10 นาที นำองค์จี้สฟิงซ์มาด้วย ไปถึงก็ให้เขากำไว้ และแนะว่า ป้าทำบาปมาถึงมาต้องตกในสภาพอย่างนี้รู้ไหม เขาก็บอกว่ารู้ แล้วเล่าออกมาเองโดยเราไม่ได้ถาม เขาฆ่า ปลา หอย กุ้ง เพราะแถวอยุธยา มีคลองเยอะ ชาวบ้านแถวนั้นจะหากินโดยยกกุ้ง หอย คือเอาอวน หรือสวิงไปข้อนมาง่าย ๆ ได้เป็นร้อยเป็นพัน แล้วก็เอามาขายบ้างกินบ้าง ป้าคนนี้ก็ทำเข่นกัน แถมยังชอบด่า ว่า หลาน สังเกตจากปาก และฟันของแกไม่ได้รูป ฟันเขยิน คล้ายแก้วหน้าม้า นั่นแสดงว่าคงใช้วาจาในทางที่ผิด พอสารภาพเสร็จ ป้าเขาบอกว่า เขาค่อยยังขั่ว หายเจ็บขาแล้ว จิ๋มก็สอนให้เขาทำบุญมาก ๆ แล้วแผ่ไปให้เจ้ากรรมนายเวรซะ
ล่าสุด วันทา มาบอกว่า แม่ดีขึ้น ถึงแม้จะลุกไม่ได้ แต่ก็ไม่ร้องเวลาพลิกตัวแล้ว และสามารถลุกนั่งและกินข้าวได้ ผิดกับแต่ก่อนที่กินก็ไม่ได้
                ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล และจี้องค์สฟิงซ์ ที่ข่วยคนให้หายจากความทุกข์ทางกายในครั้งนี้ด้วย
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 04:13:33


ความคิดเห็นที่ 1543 (1623018)

 

ธรรมทานจาก ดร.อนุชิต
      ดร.อนุชิต อนุรักษ์ มากับคุณอา ที่เป็นลูกบ้านสวนฯ พาเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก ดร.อนุชิต หรือ ดร.อั๋น เพิ่งจะจบ ป.เอกจาก ม.ขอนแก่น ตอนนี้เป็นอาจารย์สอนที่ ราชภัฎสวนดุสิต เขามีอาการเบาหวาน เป็นมากจนขึ้นตา เป็นได้เกือบปี ไปรักษากับหมอ หมอได้วางแผนการรักษาว่าจะผ่าตัดตาทีละข้าง โดยจะผ่าข้างขวาก่อน แต่เมื่อผ่าข้างขวาพบว่าตาข้างซ้ายแตก และบอดในที่สุด ส่วนข้างขวายังเห็นราง ๆ เป็นสีขาวขุ่น ๆ คนนี้มีกิริยาเรียบร้อย รักพ่อ รักแม่มาก คิดว่าตัวเองรอดชีวิตเพราะพรคุณพ่อ แม่ โดยเฉพาะแม่ ได้ดูแลอาการเบาหวานอย่างใกล้ชิด เช่น คุมอาหารให้ ส่วนพ่อก็ให้กำลังใจในการเรียน ถึงแม้ตาบอด คุณพ่อซึ่งทำงานเป็นผู้จัดการธนาคารออมสิน ก็บอกว่า ถ้า ดร.อนุชิตจะตาย ก็เอา ป.เอก มาให้ได้ก่อน ตอนเขาสอบวิทยานิพนธ์ตอนจะจบ ปรากฏว่าตาบอดมองไม่เห็นแล้ว แต่เขาก็พยายามท่องจำ และสอบผ่านมาได้นอกจากตาบอดแล้ว ดร.อั๋น ยังติดเชื้อ HIV อีกด้วย น่าจะที่มาจากเคยผิดศีลข้อ 3 มาเยอะ โดยเฉพาะเขาชอบผู้ชายด้วยกัน ชอบดูและสะสมหนังโป๊มากมาย พร้อมเผยแพร่หนังโป๊ให้คนอื่นดูเยอะ ๆ โดยตนเองดูมาตั้งแต่อายุ 15 ปี จนปัจจุบันอายุ 42 ปีแล้ว อานิสงค์ของการดูหนังโป๊ และผิดศีลข้อ 3 ทำให้เป็นเบาหวานจนตาบอด
อาจารย์อุบลได้เมตตาให้ ดร.อั๋น สารภาพบาปกับจี้องค์สฟิงซ์ ว่าเขาทำผิดศีลข้อ 3 มีแฟนเป็นผู้ชายจำนวนกว่า 20 คน ชอบใช้สายตาด่าคน จ้องจับผิดผู้อื่น ชอบเขียนคำลามก เกี่ยวกับอวัยวะเพศ ขณะสารภาพอาการทางการเห็นก็ค่อย ๆ ดีขึ้น จนในที่สุดได้ถึง 90% อาจารย์บอกว่าได้แค่นี้ก่อน เพราะบุญยังไม่พอต้องมาทำบุญต่อ 
อาจารย์บอกว่า ดร.อั๋น ทำบาปมาเยอะ ทำบุญก็มาก เข่น รักพ่อแม่ เคยบวชเรียนมา 7-8 ครั้ง เป็นศิษย์วัดธรรมกาย เคารพคุณยายอาจารย์จันทร์ที่วัดธรรมกายมาก แต่บุญเหล่านั้นก็ช่วย ดร.อั๋นไม่ได้ เขาเล่าว่าในครอบครัวเขานั้น ไม่ใช่เขาเท่านั้นที่ ตาแตก พี่ชายของเขาที่ชอบดูหนังโป๊ด้วยกัน ก็เป็นต้อหิน และตาแตก เช่นกัน   เขาโชคดีที่มีอาเป็นกัลยาณมิตรพาเขามาที่บ้านสวนฯ ได้พบท่านอาจารย์อุบล และได้สารภาพบาปกับจี้องค์สฟิงซ์จนอาการดีขึ้น ดีใจกับ ดร.อั๋น และอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์อุบลที่ได้ช่วยคนที่มีความทุกข์ให้หายจากโรคที่เป็นอยู่ค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 04:16:46


ความคิดเห็นที่ 1544 (1623019)

ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น

กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล

อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

--------------------------------

คำตอบที่คิดได้ทันที

คือ บังคับตัวเองน่ะง่ายกว่า

บังคับคนอื่นค่ะ

 

แต่ค่อนหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมา

กลับ"โง่" มัวแต่ไปคิด ไปทำ

ไปกดดัน

หรือ ไปบังคับคนอื่นซะมากกว่า

 

ผลที่ได้รับ ก็คือ

ทุกข์ทั้งเรา ทุกข์ทั้งเขา

แต่เราก็ไม่เคยโทษตัวเองเลย

คิดโทษคนอื่นตลอดเวลา

เพราะกรรมชั่วมาบังตาบังใจ

ให้ไม่เห็นอะไรได้ชัดเจน


ตอนนี้ตาสว่างแล้วค่ะ

รู้แล้วว่า บังคับตัวเอง

เปลี่ยนตัวเองนั้น

 

ถึงแม้ว่ามันจะยาก

แต่ก็ยังง่ายกว่า ไปบังคับคนอื่น


ฉะนั้น ขั้นตอนที่ถูกต้อง

คือ เปลี่ยนตัวเองให้ได้ก่อน

แล้วค่อยคิดไปเปลี่ยนคนอื่น

ด้วยการนำความรักและความปรารถนาดี

ไปแนะนำและทำให้เค้าพ้นจากทุกข์ที่มี ให้ได้

.................................

ส่วนคำตอบเรื่อง

ทำไมดร.จึงเป็นเอดส์ได้

  ตอนนี้ พี่บุญตา

คงได้รับคำตอบที่ชัดๆ

จากหลายๆท่านที่เขียนมาแล้วนะคะ

 

เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ที่มีพฤติกรรมา

อย่างที่ดร.อั๋น ทำมา

 

ก็มีสิทธิ์ เป็นเอดส์

และ แพร่เอดส์ ได้ทั้งสิ้น

ไม่มีข้อยกเว้น ค่ะ

 

เพราะการมีดีกรีการศึกษาทางโลกสูงๆ

ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า

คนนั้นจะไม่ทุกข์ ไม่โศก

หรือไม่มีโรคภัยเบียดเบียน

 

แต่สิ่งที่การันตีชีวิตได้ดีที่สุด

ก็คือ ดีกรีของทาน ศีล และสมาธิ

ที่เรามีในจิต จ๊า พี่บุญตา จ๋า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 04:59:47


ความคิดเห็นที่ 1545 (1623028)

ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น

กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล

อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

 

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

การบังคับคนอื่นให้ประพฤติอยู่ในศีลนั้นทำยากมากค่ะ

คนที่เรารู้จักจะมีหลายระดับมาก เปรีบเหมือนบัว4เหล่า

พวกเหล่าที่4นี้จะเยอะมาก

เราเจอใครพยายามคุยเรื่องศลี เรื่องธรรม การปฎิบัติตัวในการทำบุญ

ส่วนใหญ่ไม่เข้าวัด ไม่ทำบุญ ไม่รู้จักศีล 

บางคนรู้แค่ผิวเผิน ไม่เชื่อ ไม่สนใจ

มีส่วนน้อยมากที่ทำได้ด้วยใจ

เพราะฉนั้นเปลี่ยนตัวเองจะง่ายกว่า

แต่ถ้าทุกคนคิดเหมือนกันเยอะๆ เปลี่ยนแค่ตัวเองเท่านั้น

แค่ลูกบ้านสวนทุกคน ทำด้วยความศรัธา และเกิดการเปลี่ยนแปลง

ต่อชีวิตของคนนั้น ในทางที่ดี 

เชื่อว่าจะมีคนข้างตัวหันมามองและอยากมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง

เมื่อเขาเปิดใจรับ ก็คนจะมีคนสนใจศีลธรรมมากขึ้นค่ะ

ต้องเริ่มจากตัวเราทำให้เต็มร้อยค่ะ


 

 
ผู้แสดงความคิดเห็น ปุณญิสา พูลชื่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 08:28:04


ความคิดเห็นที่ 1546 (1623031)

                                                        ทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้

แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

 

งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

 

คุณบุญตาคงจะไม่คิดว่าคนเป็นถึง ดร.จะติดเอดส์ได้

เพราะคงคิดว่าคนมีการศึกษาสูง น่าจะมีความรู้เรื่องต่างๆ ได้ดี

คุณบุญตาคงลืมมองเรื่องกฏแห่งกรรมไป 

ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ สร้างเหตุเช่นไรไว้ ก็ต้องได้รับเช่นนั้น

แต่ชีวิตดร.ถูกกำหนดให้มาแสดงธรรมทานต่อสาธารณะ

ถ้าชีวิตดร.ซึ่งมองแล้วมีฐานะสูงทุกๆ ด้านเป็นเอดส์แล้วหายได้

คงมีคนอีกเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนอยากหายบ้าง

คนจะมีคนอยู่ในศีลธรรมมากขึ้นอีกนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุณญิสา พูลชื่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 08:41:32


ความคิดเห็นที่ 1547 (1623043)

 


ตัวตุ้ยเองก็ได้ร่วมปลูกต้นโมก
ข์บริเวณด้านหลังด้วย
ในขณะที่ปลูกช่วงเช้านั้น ท่านอ.อุบล
ได้นำทีมพวกเราปลูก และได้ให้พักเป็นระยะ
ช่วงที่ท่านพาปลูก พาขุดดินนั้น
รู้สึกมีแรงอย่างบอกไม่ถูก
ทั้งที่ตัวเองนั้นรู้สึกเลยว่า
วันนี้เราทำไมเหนือยจัง
แบบเหมือนไม่มีแรง
ทั้งๆที่เคยทำหนักกว่านี้ก็ทำได้สบาย
แต่พอท่าน อาจารย์มาอยู่ใกล้ๆ
มันมีแรง และทำได้เป็นเวลานาน
 
 
พอพักเที่ยงหลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้ว
พวกเราก็มาลุยปลุกต้นโมกข์กันต่อ
ปรากฎว่าทำไปไม่ถึง 15 นาทีได้
รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว
มันเหมือนจะขาดใจ
มือไม้ หัวใจสั่นไปหมด 
จึงสรุปกันว่าเราไปพักกันก่อนดีกว่า
ช่วงที่พักนั้น
เหมือนแบบว่าร่างกายเพลียมากๆ
ทั้งๆ ที่เพิ่งทานข้าวอิ่มกันมา
บางคนล้มตัวลงนอน หมดสภาพค่ะ

สักพักท่าน อาจารย์ก็มาถึง
และนำพวกเราทำงาน
ปรากฎว่าจากตอนที่ท่านไม่อยู่
เหมือนพวกเราจะสิ้นลมในบัดดล
ตอนนี้ฟื้นขึ้นมาเหมือนมีอะไรมาช่วย
ทำกันแบบไม่เหนื่อย ไม่ท้อเลยค่ะ
มีพลังอย่างน่าประหลาด
และทำกันได้เป็นชั่วโมงติดต่อกัน

ตุ้ยเองตอนขุดรู้สึกยอก
และเจ็บตรงหลังมาก
คิดว่าจะไหวไหมเนี่ยเรา
แต่ในที่สุดก็ทำกันจนเสร็จ
มีท่าน อ.พัน คุณน้องก๊อตมาช่วยถางให้อีกแรง
ช่วยพวกเราได้มากทีเดียวค่ะ
 
 
ผลปรากฎว่าหลังทำเสร็จ
แทนที่จะปวดหลัง ตรงที่ยอก
กลับหาย สบายตัว
เหมือนไม่เคยเป็นอะไรเลยค่ะ
นับว่าเป็นบารมีของท่าน อ.อุบล
ที่แผ่มาถึงพวกเรา
ทำให้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
อยู่ใกล้ๆ ท่าน มีแต่เทพพรหมเทวดา
อนุโมทนาปกปักคุ้มครอง
สาธุ กราบ กราบ กราบ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 09:18:40


ความคิดเห็นที่ 1548 (1623049)

 

 

วันนี้ บุญตา ถามแปลก


ถามว่า อ.คะ ทำไม ดร.เป็น เอดส์ได้คะ


ใครก็ได้


ช่วยมาตอบคำถาม ยายบุญตา หน่อยเร้ว ทำไม    ดร.ถึงเป็นเอดส์ได้


(แล้วก็ตาบอดได้ด้วย แกบอก แกสงสัยมากอ่ะค่ะ)


ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ 

 

**************************************************************

 



 

ดร.ก็คือมนุษย์ค่ะ

ดร.ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด

และหนีกฎแห่งกรรมไปไม่พ้น

ขนาดพระพุทธเจ้าท่านก็ยังหนีกฎแห่งกรรมไปไม่ได้

แล้วเราซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดา

ยังมีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลงอยู่

จะไปดีกว่าพระพุทธเจ้าท่านได้อย่างไร


การที่คนเรามีการศึกษาเป็นถึงดอกเตอร์

แสดงว่าผู้นั้นจะต้องเป็นคนฉลาด มีความรู้

แต่การมีความรู้ กับการมีปัญญานั้น

คนละส่วนกันค่ะ ความรู้ที่มีก็คง

เหมือนกับเราเรียนหนังสือ เราจดจำสิ่งที่เรียนไว้

เรียนมาก ก็มีข้อมูลมาก


แต่ปัญญานั้น นอกจากมีความรู้แล้ว

เมื่อมีสิ่งใดเข้ามาในชีวิตเราต้องรู้จัก

นำความรู้ที่เรามีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

คงเหมือนกับการมีสติค่ะ เวลามีทุกข์เข้ามา

เราต้องวิเคราะห์ และหาสาเหตุให้เจอ

และหาวิธีแก้ไขให้ถูกทาง จึงเรียกว่ามีปัญญาค่ะ


ซึ่งตรงนี้แหล่ะค่ะ ที่ทำให้ไม่ว่าดอกเตอร์

คนจน คนรวย คนสวย คนขี้เหร่ ฯลฯ

ก็สามารถเป็นโรคเอดส์ได้ สามารถตาบอดได้

มีความทุกข์ อุปสรรค ฯลฯ ได้

หากเราขาดปัญญา

ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการมีความรู้ มีการศึกษา

เพราะกฎแห่งกรรมคือกฎธรรมชาติ

ที่ไม่มีผู้ใดหนีพ้นค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 09:37:43


ความคิดเห็นที่ 1549 (1623085)

 ทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้

แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

****

ผมคิดใครๆ ก็เป็นได้ครับ ถ้าเรายังผิดศีลข้อ 3 อยู่ ไม่ว่าเราจะ มีคำนำหน้าเป็นอะไรก็ตาม ความรู้ และ ศีลธรรม เป็นคนละส่วนกัน

ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชนที่ ยังละเมิดศีลอยู่

ส่วนเรื่อง ตาบอด ก็ เราใช้สายตาในทางที่ผิด เช่น ดูหนังโป๊ มองเห็นความไม่ดีของคนอื่น เท่าที่อ่านดู เหมือนว่า ดร.อั๋น ยังโทษเพื่อน ก็คือ ยังมองเห็นความไม่ดีของคนอื่นอยู่น่ะครับ อีกอย่าง การสารภาพบาปเรา ควรจะสำนึกผิดจริงๆ ว่า เราผิด

*****

ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น

กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล

อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

****

บังคับตัวเอง ง่ายกว่าแน่นอนครับ แต่เราก็ต้องเข้มแข็งพอ ที่จะเอาชนะกิเลส ของเราให้ได้ ถึงแม้อาจจะยาก ในบางครั้ง เพราะ มันมีสิ่งยั่วยุเราอยู่ตลอดเวลา
แต่เราก็ควรจำกัด เอาไว้ไม่ให้ละเมิดศีล 5 เป็นอันดีทั้งต่อตัวเราและผู้อื่นครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 11:31:27


ความคิดเห็นที่ 1550 (1623099)

 ทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้

แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายยุญตาหน่อยค่ะ

-----------------------------------------

คงเป็นอีก ตัวอย่างธรรมทาน

ที่ทุกชีวิต ไม่ว่า จะยาก ดี มี จน

ไร้การศึกษา หรือ มีความรู้สูงส่ง แค่ไหน

ทุกคนต่างมีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น 

และ กรณีของ ดร.อั๋น ก็ได้มายืนยัน

ในเรื่องกฏของกรรม ได้อย่างชัดเจน

ไม่ว่าคุณจะมีการศึกษาสูงเพียงใด  

แต่ถ้าไม่ยกระดับจิตใจให้สูงตาม 

ทำผิดศีล 5 ทุกข้อ และ ใช้อวัยวะในร่างกายทำแต่สิ่งไม่ดี

ยังงัยก็หนีผลกรรมไม่พ้น

สร้างเหตุใดไว้ก็ต้องได้รับผลนั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 13:01:18


ความคิดเห็นที่ 1551 (1623109)

เราควรทำอย่างไร จึงจะไม่ต้องผิดพลาด แบบ ดร.อั๋น  หรือว่าเราต้องบังคับให้เพื่อนเรา

เป็นคนดีให้ได้ หรือ ว่าจะบังคับตัวเองให้อยู่ในศีล 5  ดี  ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

------

อย่างแรกเลยเราต้องบังคับตัวเองก่อน

สักระยะหนึ่งหากเราเข้มแข็งพอแล้ว

ชักชวนเพื่อนให้เข้ามาด้วย

เพื่อเป็นแรงกระตุ้นซึ่งกันและกันในทางที่ดี

หากมีศีลประจำใจแล้วคงไม่มีใครพาไปนอกลู่นอกทางแน่นนอน

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 13:49:58


ความคิดเห็นที่ 1552 (1623145)

ปรากฎว่าทำไปไม่ถึง 15 นาทีได้

รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว
มันเหมือนจะขาดใจ
มือไม้ หัวใจสั่นไปหมด 
--------------------------------------
อาการนี้อัญก็เป็นค่ะ เป็นเหมือนพี่ตุ้ยทุกอย่างเลย
ตอนที่ ท่าน อ.อยู่ มีกำลัง ไม่รู้สึกเหนื่อย
แต่พอช่วงบ่าย ขุดยังไม่ 10 ทีด้วยซ้ำ
แดดก็ไม่แรง แต่รู้สึกร้อนมาก มือสั่น ใจสั่น
และดูเหมือนว่าทุกคน ๆ จะเป็นเหมือนกันหมด
แต่พอท่าน อาจารย์ มา ก็กลับมีแรง ทำเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อย  
แต่ช่วงที่ขุดดินจะรู้สึกปวดหัวมาก
จึงรีบอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ขออโหสิกรรม
ที่เราทำผิดศีลข้อ 5 มา  ก็ยังปวดอยู่
แต่พอได้อาบน้ำ อาการปวดหัวก็หาย
และ รู้สึกตัวเบาโล่งสบายมากค่ะ
ลูกขอน้อมอุทิศบุญ ความดีทั้งหมดที่ได้ทำมา
ให้กับ เทวดาที่รักษา ท่าน อ.อุบล ท่าน อ.มงคล และ คุณท้อปค่ะ สาธุ
ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 15:33:56


ความคิดเห็นที่ 1553 (1623186)

คนที่มีความรู้สูงๆ เรียนจบปริญญา ดร. แม้จะเรียนจบได้ปริญญามาหลายๆ ใบ

ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความจำดี เป็นสัญญา หรือปัญญาทางโลก ไม่ใช่ปัญญาใน

ทางพระพุทธศาสนา เพราะการเรียนในทางโลกเรียนเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักจบ

เพราะไม่ได้เรียนรู้ทางด้านจิตใจ จึงได้ข่าวอยู่เสมอว่า คนเรียนมาสูงๆ ก็ยัง

กระโดดตึกตาย ผูกคอตาย ฆ่ากันตาย เป็นอาจารย์ล่วงละเมิดลูกศิษย์ ฯลฯ

แต่วิชาของพระพุทธเจ้าเรียนแล้วจบเลย จบการเวียนว่ายตายเกิด หมดทุกข์

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุณหพงศ์ ทองศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 17:32:43


ความคิดเห็นที่ 1554 (1623191)

ระหว่างบังคับเพื่อน

หรือคนอื่น กับบังคับตัวเอง

ให้อยู่ในศีล อันไหนทำง่ายกว่ากัน

ตอบทีนะจ๊ะ

----------------

เคยอ่านคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม

แก้ที่ธรรมภายใน

ไม่ให้แก้ธรรมภายนอก

เช่น

ฟ้าฝน ลมพัด อากาศร้อน

เราจะไปแก้ให้เป็นดังใจนั้นไม่ได้

ให้แก้ที่ใจเรา

ฉะนั้นธรรมภายนอกทั้งหมด

ไม่เป็นปัญหา

แต่ใจเราต่างหาก

ที่ไปเกาะ ไปหลง

ลงไปเล่น

ผสมกลมกลืม

จึงเป็นทุกข์ถึงทุกวันนี้

พระองค์สอนไม่ให้หาความผิด

ที่คนอื่นแต่ให้หาผิดที่ตนเอง

กล่าวโทษตนเองอยู่เสมอ

และไม่ให้คิดว่าตนฉลาด

เมื่อไหร่ที่คิดนั่นคือ

ความหายนะ

ตามท่านอาจารย์ อุบลไปดีที่สุด

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 18:29:04


ความคิดเห็นที่ 1555 (1623211)

อาทิตย์ที่ผ่านมา

อ้อยได้ไปบ้านสวนฯบ่ายวันศุกร์ที่ 3

เพราะกลับจากงานประชุม

ราชวิทยาลัยศัลย์ที่พัทยา

ไปถึงพบท่าน อ.มงคล

ท่านบอกว่าท่าน อ.อุบลและคนอื่นๆ

ไปทำบุญด้านหลัง ก็เลยตามไป

พบว่ากำลังปลูกต้นโมกข์กันอยู่ 

ได้เข้าร่วมปลูกด้วยขณะที่ทำอยู่

มีอาการหน้ามืด ใจสั่น หวิวๆจะเป็นลม

พยายามอุทิศบุญก็ไม่ดีขึ้น

สักพักรู้สึกไม่ไหว

เลยบอกท่าน อ.อุบล

และบอกท่านว่า

 คิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณ

สัตว์ทะเลติดตามมาจากพัทยา  

เพราะตลอด 3-4 วัน

ที่พัทยาต้องเลี้ยงอาหารลูกค้า

ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีแต่เมนู

อาหารทะเล กุ้ง หอย ปู ปลา

แถมงานนี้มีหมอและครอบครัว

ไปร่วมน่าจะเป็นพันคน 

แต่ตัวอ้อยไม่ได้ทานด้วยนะคะ

  แต่ได้สั่งและจ่ายเงิน 

พอท่านอาจารย์ทราบ

ก็บอกว่าเอ้าเอาบุญ

ท่านอาจารย์ทั้งหมดให้กับสัตว์ทะเล

ที่มากับอ้อยด้วย 

ท่านอื่นๆก็อุทิศบุญด้วย

  ปรากฎว่าอ้อยมีอาการดีขึ้นทันที

ตาสว่าง หน้าไม่มืด

มีกำลังร่วมบุญต่อได้ 

ฉับพลันทันทีเลย

  อ.อุบลเมตตาบอกว่า

บุญอ้อยยังไม่พอให้เค้า 

อ้อยก็คิดว่าอาการหนักขนาดนี้คงตามมาทั้งพัทยาแน่ๆเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 20:45:11


ความคิดเห็นที่ 1556 (1623214)

ธรรมทานคืนวันเสาร์

ยอมรับว่าคืนนี้เพลียและง่วงมาก

นั่งเคารพสัปหงกอาจารย์ตลอด 

เพราะได้ร่วมบุญปลูกต้นโมกข์

ตรงรั้วด้านข้าง

องค์พระปฐมบรมธรรมบิดา 

ซึ่งท่านอาจารย์

ได้นำพวกเราทั้งถางหญ้า

ตรงรั้ว เก็บ ขนย้ายกองไม้กองโต 

จากการทำบุญวันนี้

ได้เห็นถึงกำลังใจท่านอ.อุบล 

เพราะก่อนปลูกต้นโมกข์ที่ริมรั้วนั้น

  เราจะต้องเคลียร์พื้นที่ข้างรั้วทั้งต้นไม้

เถาวัลย์ ที่สำคัญกองไม้กองโต

  ที่แค่เห็นก็หมดกำลังใจแล้ว

  ไม่คิดว่าจะทำได้ 

แต่ท่านอาจารย์ค่อยๆพาทำไป 

จนในที่สุดก็สำเร็จ 

  ซึ่งท่านไม่ได้คิดเลย

ว่าจะไม่ไหว ทำไม่ได้ หรือหมดกำลังใจ 

 ท่านก็แค่ลงมือทำเลย 

ทำไปเรื่อยๆ

  ถ้าเรามัวแต่คิดกลัวโน่น นี่ นั่น

สุดท้ายมัวแต่คิด 

จนอาจไม่กล้าทำอะไรเลย

   ถ้าเราไม่ลงมือทำก่อน

เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราทำได้ หรือ ไม่ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 20:56:50


ความคิดเห็นที่ 1557 (1623253)

ได้คุยกับพี่(ดร.)อั๋นครั้งแรกวันอาสาฬหบูชา เขาเตรียมรูปถ่าย สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน มาลงทะเบียน แบบตั้งใจมาสร้างบุญอย่างเต็มที่ ศรัทธามากๆ

ได้คุยกันนิดนึง เขาเล่าว่าตัวเองจบด้านการอาหาร มีประสบการณ์สอนทำอาหารมาก แต่เป็นเบาหวานขึ้นตา ตาใกล้บอด มองไม่ค่อยเห็น เวลาเดิน อาที่มาด้วยกัน ก็ช่วยดูช่วยพยุง

จากการสังเกต พี่อั๋นเป็นคนมีใจเมตตา ชอบให้ เล่าเรื่องอาหารเป็นวิทยาทานให้ฟังว่า อาหาร/ขนมที่ทำจากน้ำมันมะพร้าวดีอันดับหนึ่ง รองลงมาคือเนยสด (เค้กs&pก็ทำจากเนยสด) ส่วนที่ทำจากมาการีน ชอร์ทเทนนิ่ง ให้หลีกเลี่ยงเพราะเป็นไขมันที่ให้โทษ 

ตอนทำอาหารที่บ้านสวนฯก็ตั้งใจทำเต็มที่เพื่อให้คนทานมีความสุข

เพราะจิตใจดี บริสุทธิ์ จึงเข้าถึงธรรมได้ง่ายขึ้นจริงๆ พี่อั๋นบอกว่าดูรายการคุยไปแจกไป 9 ตอนภายใน 2 วัน วันแรก 6 ตอน วันที่สอง 3 ตอน สุดยอด

ขอร่วมอนุโมทนาบุญทุกบุญ และดีใจกับพี่ด้วยนะคะที่ร่างกายกลับมาเป็นปกติเบาสบาย หายจากอาการอ่อนเพลีย หมดแรง ขาที่หนักก็หาย ตาหายบอดเกือบ 100 % หลังจากสารภาพบาปเป็นธรรมทาน ว่าผิดศีลข้อ 3 หมกมุ่นในกาม ชิงสุกก่อนห่าม  ดูหนัง-ภาพโป๊ โหลดหนังโป๊ให้คนอื่นดู เขียนข้อความลามกถึงคู่นอน ใช้ตาไปในทางที่ผิด ชอบมองค้อน ใช้สายตาตำหนิ จำผิดคนอื่น

เพราะเต็มที่ ตั้งใจทำความดีด้วยความจริงใจ จึงได้หายจากความทุกข์การเจ็บป่วย และได้สร้างบุญเพิ่มขึ้นต่อไป 

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-09 00:51:21


ความคิดเห็นที่ 1558 (1623272)

 ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น

กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล

อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

*********************************

หนูคิดว่าบังคับตัวเองง่ายกว่าค่ะ

เพราะทีผ่านมาก็ชอบบังคับคนอื่น

รู้สึกว่าที่พี่ชนิดาพิมมามันโดนจังค่ะ

ผลสุดท้าย ก็ทุกข์ทั้งผู้บังคับ ผลและผู้ถูกบังคับ

หากเรายังบังคับตัวเองไม่ได้

ก็คงไม่ต้องหวังให้คนอื่นทำตามใจเรา

ตัวเราเองยังบังคับตัวเองไม่ได้

และใครจะอยากอยู่ใต้อำนาจของเรา

******************************

อ่านเรือง ดร.อั๋นแล้ว

ก็ยิ่งคิดถึงที่ อ แม่ เคยบอกไว้ว่า

โรคเอดส์ไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นได้

ป้องกันยังไงก็เป็นได้

เพราะโรคเอดส์ไม่ได้ป้องกันด้วยถุงยาง

หรือ การไม่ใช้ของร่วมกัน

แต่เราต้องหยุดตัวเราเอง

และรักษาศีลข้อ 3 ให้ได้

เพราะถึงจะป้องกันยังไงแต่รักษาศีลไม่ได้

ก็คงไม่พ้นอยู่ดี

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-09 05:25:15


ความคิดเห็นที่ 1559 (1623463)

 เรื่องราวธรรมทานของ คุณอั๋น

อาจารย์อุบล จะบอกเสมอว่า อาการเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็น เด็ก ผู้ใหญ่  เป็นหญิง หรือ ชาย  แม้จะไม่ใช่หญิง ไม่ใช่ชายก็ป่วย  คนจน คนรวย ก็ป่วย  คนมีการศึกษาน้อย หรือมีการศึกษามาก ระดับไหนก็ป่วย

คุณอั๋น  เป็นผู้มีการศึกษาดี เรียนจบปริญญาเอก ได้ตัดสินใจขอนำเรื่องราวชีวิตของตนเองมาเล่าเป็นธรรมทาน   โดย ได้บอกว่า  ชีวิตตนเองจะต้องตายอยู่แล้ว หากว่าได้นำเรื่องราวชีวิตที่เดินผิดพลาด มาเผยแผ่ ให้เป็นประโยชน์แก่สังคม และคนรุ่นหลัง ให้รู้ถึง การเจ็บป่วย ติดเชื้อ HIV   และตาบอด หนึ่งข้างอีกข้างหนึ่งมองเห็นเพียง 40 เปอร์เซ็นต์   เกิดจากการ ผิดศีลข้อ กาเม 

อีกทั้งการใช้สายตามองค้อน จิกตีด้วยสายตา  การดูหนัง X  ดูภาพโป้ลามก ทุกรูปแบบ  เพื่อนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ จำนวนมาก กว่า 20 คน  แม้ว่าจะมีการป้องกัน โดยใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็สามารถติดต่อได้โดยทางการใช้อวัยวะอื่นเช่นปาก

คุณอั๋น สารภาพบาปผ่านจี้สฟิ้งซ์  เพื่อบำบัดตาที่องเห็นเพียง 40 เปอร์เซ็นต์   โดยสารภาพว่า เป็นคนชอบดูหนังโป้ ชอบโหลดคลิปลามก แจกจ่าย เพื่อน ๆ   หมกมุ่นในกาม ตั้งแต่อายุ 15 ปี จนปัจจุบัน อายุ 42 ปี   สารภาพแล้วทำให้คุณอั๋น มองเห็นชัดขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ 

คุณอั๋น เป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะ แล้วมีจิตสงสัย หลักธรรมข้อปฏิบัติของพระพุทธองค์  มีจิตปรามาสว่า ไม่เชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้  สารภาพแล้ว เห็นชัดเพิ่ม เป็น 75 เปอร์เซ็นต์ 

คุณอั๋น ชอบมองค้อน  ใช้สายตาด่า เหยียดหยาม  สารภาพแล้วเห็นเพิ่มอีก เป็น 85 เปอร์เซ็นต์ 

สารภาพว่า เคยเขียนคำลามก หยาบคาย ใช้คำใต้สะดือ  เพราะว่าใช้สายตาเพ่งมองกระทำสิ่งที่ไม่ดี เป็นเหตุให้ตาบอดได้  สารภาพแล้วมองเห็นชัดอีก90 เปอร์เซ็นต์ 

ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ทำให้เห็นชัดอีก 95 เปอร์เซ็นต์ 

กราบอาจารย์อุบล ทำให้เห็นอีก 97 เปอร์เซ็นต์ 

 ทั้งหมดเป็นการวัดกำลังใจ กำลังศรัทธา และกำลังบุญ ที่ยังมีอาการหลงเหลืออยู่เพราะว่ากำลังบุญที่มีอยู่บยังไม่เพียงพอกับบาปกรรมที่คนสร้างมาตลอดชีวิต ต้องสร้างบุญเพิ่ม อย่างต่อเนื่อง

คุณอั๋นสร้างความหวังของตนด้วยการสารภาพบาป และ ยังคงต้องกลับเข้ามาบ้านสวนฯ อีก เพื่อ ตั้งใจสร้างบุญด้วยปัจจัยแรงกาย เพื่อการมชีวิตที่ดีขึ้นแล้วหายจากการเจ็บป่วยในที่สุด

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-10 00:06:00


ความคิดเห็นที่ 1560 (1623475)

        

     วันเสาร์ ผมได้เล่าเรื่อง การโดนคุณไสยwww.baansuanpyramid.com/index.php

หน้าที่2 ความเห็นที่ 146

   จากที่คุณนุช ได้เล่าประสบการสู่ผมฟัง เรื่องของการโดนคุณไสย อาจโดนแบบเราไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว เธอไม่ได้บอกเรื่องอาการทางกาย แต่ได้บอกว่า ไม่ชอบที่จะเป็นร่างทรง  แต่อาการทางใจนั้น เธอเคยทุกข์กายทุกใจ อย่างมาก เรื่องการทำบาปผิดศีล และไม่อยากทำอย่างนั้นอีก เธอกำลังต่อสู้ เพื่อเปลี่ยนจิตตนเอง  เธอเพียรสร้างบุญอย่างสม่ำเสมอแม้ไม่อยากไปทำบุญที่วัด ก็ขอทำบุญให้ทานกับคนดีกว่า  เช่น พ่อแม่ คนแก่สูงอายุ  ผู้ด้อยโอกาส  เพราะนุชรู้แค่นี้ นุชมีความสุขอย่างนี้   เป็นธรรมจัดสรร ที่จะทำให้เธอได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด

ได้เห็นอานุภาพของจี้สฟิงซ์ ของบ้านสวนพีระมิด  เพียงได้จับและสัมผัส  ก็มีจิตอยากพูด อยากสารภาพบาป กรรมที่ตนเคยทำมาในอดีต  โดยที่ไม่มีใครบอกหรือแนะนำให้ทำ  ที่ อ.อุบล บอกว่า การเชื่อมสัญญาณจากจี้สฟิงซ์ ถึงจิตผู้ปรารถนา อยากพ้นทุกข์ นั้นเห็นได้จริง ๆ คือการสารภาพเอง โดยไม่มีใครบอก

ได้เห็นอานุภาพของรูปภาพของอาจารย์อุบล  ผู้โดนคุณไสย อาจแสดงอาการแตกต่างกันไป บางคนอาจเก็บอาการไว้ไม่อยู่  ที่ผมเห็นเป็นสิ่งที่แปลกมากหน้าเขาแดงมาก ๆ จนตกใจ เพราะมันเกิดขึ้นทันที ขณะน้องเขาถือรูป อ.อุบล ไว้ในมือแล้ว  เห็นเหงื่อไหลออกที่มือ ขนลุก หน้าแดงสุก เธอบอกว่า รู้สึกร้อนเหมือจะเป็นไข้

ได้เห็นอานุภาพของ รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย    ผมเพียงแนะนำให้รู้จัก รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย  แล้วเธอพูดตามเท่านั้น  เธอยังไม่ได้ใช้จริงเลย เธอบอกว่ารู้สึกดี เหมือนกับว่าชีวิตเรากำลังมีความหวังอะไรสักอย่าง

จึงถือว่าเป็นปรากฎการณ์ ที่เกิดขึ้น อย่างอัศจรรย์  เหมือนกับเจาะจงให้มีเรื่องราวเพื่อให้พิสูจน์ สร้างเป็นหลักฐาน ยืนยัน โดยไม่ต้องคลางแคลงสงสัยอีกต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-10 00:44:19


ความคิดเห็นที่ 1561 (1623478)

 ทำไม ดร.เป็นเอดส์ได้ ตาบอดได้

แกบอก แกไม่อยากเชื่อเลย

ถ้าแกไม่เห็นกับตา ป่านนี้แกยัง งง อยู่เลย

ช่วยกันตอบยายบุญตาหน่อยค่ะ

*************

พี่บุญตาอาจจะวัดความสุข ที่ระดับการศึกษา

จริงอยู่ ที่คนที่มีการศึกษาสูง อาจแปลว่ามีความรู้ทางด้านวิชาการ การวิจัยมาก

ซึ่งมีโอกาสทำความผิดน้อยกว่า มีโรคภัยไข้เจ็บน้อยกว่า

คนที่มีการศึกษาน้อยหรือไม่มีการศึกษา

แต่จริงๆแล้ว ผู้ที่มีความรู้ทางโลกไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนดีด้วย

แต่เป็นผู้รักษาศีลต่างหากที่ใกล้การเป็นคนดี 

ขวัญเคยอ่านคำสอนของพระศาสดาว่า

บุคคลผู้ไม่มีศีล ปราศจากการรักษาศีล หรือเข้าใจว่าตัวเองดีกว่าผู้มีศีล

จัดเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นคนหลงทาง

ห่างจากความสุขในมนุษย์ สวรรค์ และพระนิพพาน

ดังนั้น ระดับการศึกษาสูงสุดทางโลก ดอกเตอร์

ไม่ได้เป็นตัววัดความสุขหรือความทุกข์อาการเจ็บป่วยของพี่อั๋นเลย

แต่เป็นการรักษาศีล การละกิเลสที่เป็นเครื่องวัดความดีหรือความสุข

คนถือศีล คือ คนที่อยู่ใกล้้ความสุข

ขอยกตัวอย่าง

ดร.จิ๋ม ผู้ที่มีการศึกษาสูง หน้าที่การงานดี แต่เจ็บป่วยด้วยโรคโปลิโอค่ะ 

เพราะเหตุจากการผิดศีลข้อ 1 

แสดงให้เห็นว่า คำสอนของพระพุทธองค์ถูกต้อง

คนที่ผิดศีล ห่างไกลความสุข

 

ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น

กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล

อันไหนทำง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

*************

ขอตอบค่ะว่า บังคับตัวเองให้อยู่ในศีลย่อมง่ายกว่า 

เพราะการจะไปบังคับใครให้ถือศีล ต้องมีเหตุผล ต้องมีคำอธิบายอ้างอิง

โดยเฉพาะการพิสูจน์จากตัวเองเพื่อเป็นตัวอย่างว่า

ผลจากการถือศีลดีอย่างไร

ดังนั้น หากไม่มีประสบการณ์จริงมาเพิ่มเติม

ก็ยากที่ใครจะมาเชื่อ มาปฏิบัติตาม

ทั้งนี้ทั้งนั้น

หากเรามีสัญญาอบายภูมิติดตัวมามาก

เราอาจรักษาศีลได้ยากกว่า คนที่ไม่ค่อยมีสัญญาอบายภูมิ 

เพราะเขาจะเข้าถึงธรรมได้ง่ายกว่าเรา

เช่น คนที่เข้าบ้านสวนมานานนับปี

แต่อาจบังคับตัวเองให้ถือศีลได้ไม่ดีเท่าคนที่เพิ่งรู้จักบ้านสวน  

คนใหม่บางคนใกล้หมดเคราะห์กรรมแล้ว แต่คนเก่ายังมีทุกข์อยู่เลย

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-10 01:38:29


ความคิดเห็นที่ 1562 (1623561)

 

กราบสวัสดี ท่านอาจารย์อุบล

ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น

กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล

อันไหนทำงานง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ

....................................................

บังคับเพื่อนก็คงเป็นเรื่องยาก

แล้วบังคับตัวเองก็อาจจะยากกว่า

ถ้าเราคิดว่า เราปฏิเสธเพื่อนไป

แล้วเพื่อนไม่คบ 

เราก็ไม่มีเืพื่อนสิ

เหงาไม่สามารถอยู่คนเดียวได้

โดยลืมไปว่าถ้าเราไม่เพื่อนกลุ่มนี้

เพื่อนคนอื่่นก็ยังมีอีกเยอะ

ถ้าเราเปิดใจเปิดตาให้กว้าง

พร้อมที่จะ

สร้างสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ ๆ

ก็อาจจะมีเพื่อนดีมีศีล

รอให้เราคบหาก็ได้

อย่างเล็กเพื่่อนสมัยเรียนอยู่ใต้

ชวนไปเที่ยวกลางคืน

ดูคอนเสิร์ต

เราปฎิเสธไปเพื่อนเหล่านี้ก็ไม่ชวนเราอีกเลย

เขาก็ไม่ค่อยจะสนใจ จะคุยกับเรา

เล็กก็รู้สึกเฉย ๆ 

เพราะถือว่าเราไม่ชอบ

ดีด้วยไม่เสียเงิน และเสียสุขภาพ

เพื่อนที่คุยกันได้ เวลาเราคุยเรื่องธรรมะ

ก็ไม่เห็นเขา

จะทำหน้าเบื่อ ๆ เหมือนยัยนี่กำลังพูดอะไร

หรือว่าเราอีกว่า แกไปบวชเลยไป

...............................................................

ส่วนเรื่องที่ดร.อั๋น ซึ่่งเป็นเอดส์

และเคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายมาแล้วหลายคน

จากที่เคยสัมผัสมากับเพศที่ 3

เขาก็ชอบสนุกกันแบบนี้ืื

โดยไม่คิดอะไรกันมากหรือเปล่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน

เพราะที่ทำงานเห็นน้องเขาคุยเฟซ แล้วนัดเจอกัน

ซึ่งมีให้เห็นบ่อย ๆ เลิกผู้ชายคนนี้

ก็มีผู้ชายคนใหม่ไปเรื่อย ๆ

จนเพื่อนต้องเตือนให้ดูแลตัวเองบ้างมันอันตรายนะ

 

 และขอเป็นกำลังใจให้ ดร.อั๋นด้วยนะค่ะ

ขอให้โรคต่าง ๆ หาย สุขภาพแข็งแรง

และขออนุโมทนาบุญ

สำหรับการเอาประสบการณ์ชีวิตมาเล่าเป็นธรรมทาน

 

 

 


 

ผู้แสดงความคิดเห็น เยาวลักษณ์ เกิดมีทรัพย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-10 14:24:29


ความคิดเห็นที่ 1563 (1623931)

ระหว่างบังคับเพื่อน หรือคนอื่น

กับบังคับตัวเอง ให้อยู่ในศีล

อันไหนทำงานง่ายกว่ากัน ตอบทีนะจ๊ะ*******

เราบังคับตัวเองได้ แต่ บังคับคนอื่นไม่ได้

เราสามารถทำตัวของเราให้เป็นตัวอย่างได้/

*********

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-13 19:12:05


ความคิดเห็นที่ 1564 (1623939)

เสาร์-อาทิตย์(11-12สค55)นี้ได้สร้างบุญ ด้วยการ

         ซื้อต้นโมก มาปลูก  200ต้นและพวกญาติธรรมร่วมบุญฝากซื้ออีก 100ต้น

รวมทั้งที่ท่านอ.อุบลฯได้ซื้อใว้ให้ลูกหลานบ้านสวนฯทุกท่านได้ร่วมสร้างบุญกันอีก

400+500ต้นรวม  1200ต้น พวกลูกบ้านสวนฯทุกท่านที่มาในวันนี้ได้บุญใหญ่กันถ้วน

หน้าในวันเสาร์   พอวันอาทิตย์ ตอนเช้า  ก็ปลูกชะอม ที่ญาติธรรมซื้อมา  900 ต้น 

เสร็จสวยงามมาก  และหลังจากรับประทานอาหารเช้ากันแล้ว ก็ปลูกข้าววันแม่ 

กันอีก3แปลงโดย ที่มีท่านอาจารย์ อุบลฯ  นำปลูกพันธ์ุ  ข้าวพระราชทานแล้ว

พวกเราร่วมกันปลูกต่อข้าวพันธ์ุหอมนิลกันต่อไป ได้ 3 แปลง เสร็จแล้วก็พากัน

ไปพักรับประทานอาหารกลางวันกัน  ซึ่งทุกคนต่างมีความสุขและอิ่มบุญกัน

ถ้วนหน้าไปตามๆกัน/

                                         สาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-13 19:55:17


ความคิดเห็นที่ 1565 (1624035)

กราบอนุโมทนา ท่านอาจารย์อุบล นําปลูกข้าวพระราชทานค่ะ

ทุกคนต่างมีความสุขและอิ่มบุญกันถ้วนหน้าไปตามๆกัน/สาธุ ๆ ๆ
 ขอ อนุโมทนากับ อ.นี อ.พันธ์ และพี่น้องบ้านสวนทุกท่าน ที่ได้ร่วมบุญปลูกต้นโมก ปลูกข้าวและงานเกษตรด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-14 11:47:42


ความคิดเห็นที่ 1566 (1624059)

 

ผมขอนำธรรมทานเมื่อวันแม่

วันอาทิตย์ที่ 12 .. 55 ที่ผ่านมา

มาฝากทุกท่าน ดังนี้ครับ


ธรรมทานจากคุณยายร่างทรง


หากเราจำกันได้ เรื่องที่ลุงเบิ้มเคยเล่าให้ฟังว่า

มีคุณยายที่บอกว่า

ตนเป็นร่างทรงของพ่อปู่ศรีสุทธโธ

ราชาแห่งพญานาค

คุณยายที่เคยไหว้เสื้อปะโตเมตังของบ้านสวน

และบอกให้ลุงเบิ้มเก็บรักษาเสื้อบ้านสวนฯไว้บนที่สูง

เพราะเป็นเสื้อศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งท่านอ.อุบล ได้บอกให้ลุงเบิ้ม

รีบพาคุณยายมาที่บ้านสวนฯให้เร็วที่สุด


สัปดาห์ที่ผ่านมานี้

คุณยายได้มากราบท่านอาจารย์ที่บ้านสวนฯแล้ว

 

ท่านอาจารย์ได้กล่าวเป็นปริศนาว่า

อยากรู้ไหม ทำไมคุณยายที่บอกว่าตนเป็น

ร่างทรงของพ่อปู่ฯ

ทำไมถึงยากจนข้นแค้น หนี้สินมากมาย

คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นอัมพาต

สามีและลูกก็เสียชีวิตหมด ชีวิตมีแต่ปัญหา


คุณยายเองก็ร้องไห้และยอมรับว่า

ตนน้อยใจมาก ๆ ที่เป็นร่างทรงของพ่อปู่ท่าน

รับใช้ท่านมานาน แต่ชีวิตมีแต่ความทุกข์ยาก

มีแต่อุปสรรค ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ


ซึ่งท่านอาจารย์ก็ได้เฉลยให้คุณยายฟังว่า

ฟังแล้วคุณยายอย่าเสียใจนะ

พ่อปู่ศรีสุทธโธ ท่านบอกว่า

ท่านไม่ได้มาผ่านร่างคุณยายเลย

แต่เป็นสัมภเวสี หรือบริวารของท่าน ที่มาผ่าน

มาพาคุณยายเลื้อย ให้เจ็บปวดร่างกาย


หากเป็นท่านจริง

ท่านจะบันดาลและชักนำให้ลูกศิษย์ของท่าน

มีความสง่างาม อุดมสมบูรณ์

ชีวิตครอบครัวราบรื่น มีแต่ความสุข


สาเหตุที่สัมภเวสีต่างๆ มาใช้ร่างคุณยายได้ก็เพราะ

1. คุณยายผิดศีลแทบทุกข้อ (ยกเว้นข้อที่ 3)

2. ทำทานไม่ถูก ไม่ครบ 3 ส่วน

ไม่บริสุทธิ์ ทั้งผู้ให้ ปัจจัย และผู้รับ

3. คุณยายเป็นคนที่มีจิตอ่อน ยอมให้สัมภเวสีแทรกจิตใจ

4. เหล่าสัมภเวสีชักนำกระแสจิตของคุณยายแสดงฤทธิ์

เพื่อหวังขอบุญโดยไม่ได้พาสร้างบุญ

โดยเฉพาะบุญบ้านสวนฯ

5.ที่สำคัญที่สุด คือ

คุณยายมีจิตฝักใฝ่ในเทพมากกว่าพระพุทธเจ้า

 

ท่านอาจารย์ให้นับถือเทพได้ แต่ไม่ให้ติด

เช่น ในอดีตที่ผ่านมา สมัยที่ท่านติดต่อเทพพรหมได้

มีอะไรติดขัด ท่านจะถามเทพตลอด

แม้กระทั่งรหัสตู้เซฟ

จนกระทั่งหลวงพ่อเสงี่ยม

ท่านสั่งห้าม ไม่ให้ติด เพราะไม่ใช่ของจริง

และจะทำให้มีสัมภเวสีมาแทรกแซงได้


เช่นที่คุณยายเป็น

คุณยายจะมีอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง

ถูกครอบงำจิตใจ พูดจาเลื่อนลอย 

จะพูดจาว่าติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอด

จนเพื่อนบ้านสงสัยว่าคุณยายเป็นบ้า

 

 

ลองเปรียบเทียบชีวิตของคุณยาย

และของท่านอาจารย์เป็นตัวอย่าง

ชีวิตของท่านอาจารย์และครอบครัวมีแต่ความสุข

มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีความทุกข์

แต่ชีวิตคุณยายย่ำแย่มาตลอด


ที่บ้านสวนฯ ท่านอาจารย์นำให้เราไปสูงที่สุด

คือ พระนิพพาน ไปพบพระพุทธองค์

ไม่ให้เราแวะพักระหว่างทาง เทวโลกพรหมโลก


ท่านให้ลุงเบิ้มรีบพาคุณยายมาให้เร็วที่สุด

ก็เพราะต้องการช่วยคุณยายให้พ้นทุกข์

โดยให้คุณยายมาบอกเล่าชีวิตเป็นธรรมทาน

และมาทำบุญแรงกายที่บ้านสวน

 

แต่ปรากฎว่า พอคุณยายมาถึง

กลับมีคนขอให้คุณยายทรง

พากันไปทัวร์นรกกันเป็นแถว


หากเปรียบพระพุทธองค์เป็นเจ้าของธนาคาร

ท่านให้เราำไปพบเจ้าของธนาคาร

แต่เรากลับไปพบไปติดกับเทพ

หรือยามของธนาคารแทน และก็ติดอยู่แค่นั้น

ทั้งที่ท่านนำพาเราให้เป็นพระอริยเจ้า


ท่านอาจารย์ได้เมตตาสงเคราะห์คุณยายและครอบครัว

ทั้งกำลังบุญและปัจจัย มีปัญหาก็มาที่บ้านสวนฯได้

โดยขอให้คุณยายปฏิบัติตน ตามคำสอนของท่าน ดังนี้

1. ขอให้เลิกเป็นร่างทรง

ได้รับการสื่อสารก็เฉย เงียบไม่เล่าต่อ

2. ขอให้เลิกสอนคนอื่น

ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังมีทุกข์ ไม่พ้นทุกข์

3.ขอให้ตั้งใจทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา

 

ผู้ที่เดินตามพระพุทธองค์อย่างแท้จริง

ต้องไม่ทุกข์ ต้องช่วยตัวเองได้ก่อน

แล้วจึงจะช่วยผู้อื่นได้

และขอให้ลูกหลานบ้านสวนฯ

ใช้รหัสและจี้องค์เทพสฟิงซ์

ช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ด้วย และช่วยกันเผยแพร่

 

ขอจบธรรมทานเพียงเท่านี้ครับ

 

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์และครอบครัว

และเทวดาประจำตัวของทุกท่าน

ที่เมตตาให้โอกาสผมได้ไปสร้างบุญ

แก้ไขตัวเองที่บ้านสวนฯมาโดยตลอดครับ

และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-14 13:14:17


ความคิดเห็นที่ 1567 (1624141)

 ขอเล่าเรื่อง คุณยายร่างทรงครับ

        เช้าวันเสาร์ ก่อนอาหารเช้า ผมได้ชวนคุณยายทั้งสองไปแปลงเกษตร สร้างบุญตอนเช้า คุณยายทั้งสองรีบไปทันที ผมเตรียมเครื่องตัดหญ้า เลยต้องไปทีหลัง ผมเดินยังไม่ถึงแปลงผัก เห็นคุณยายร่างทรงเดินสวนกลับขึ้นมา ดูเหมือนว่า จะยังไม่ได้เริ่มทำอะไร  ผมจึงถามว่า เป็นไงยาย  ยายไม่พูดอะไร เดินเฉยกลับไป  ผมคิดว่ายายคงรีบกลับไปเข้าห้องน้ำ และผมก็ไม่สนใจอะไร ผมได้ตัดหญ้าริมรั้วเตรียมปลูกต้นโมกข์ และตัดหญ้าที่คันนาจนเสร็จ  จนคุณตาโต๊ะเรียกไปทานข้าวเช้า

        ขณะที่ผมตักอาหาร  มองดูคุณยายร่างทรง ตักอาหารเข้าปากช้า ๆ มือสั่น วางซ้อนลง แล้วคุณยายพยายามจะดันตัวลุกขึ้น  ผมถามคุณยายว่า คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่า ยายไม่สบายหรือเปล่า ผมรีบวางถาดอาหารแล้วไปประคองแขนยายลุกขึ้นเกรงว่าคุณยายจะล้ม

 พอคุณยาย ยืนได้เท่านั้นแหละครับ   มาเป็นชุดเลยภาษาที่ผมฟังไม่รู้เรื่องคุณยายเข้ามากอดรัดผมไว้ ส่งเสียงดัง ผมงง ๆ  ผมได้แต่พูดว่า ผมขอโทษครับ ที่ทำให้คุณยายโกรธ ได้ยินเสียงลุงเบิ้ม  บอกว่า... ผมบอกไม่ทัน ว่าคุณยายมีปู่ประทับร่างอยู่  

ผมต้องการมีคำตอบ  ทานข้าวเสร็จเข้าไปถามคุณยายว่า... ที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้นี้ ผมทำผิดอะไร   คุณยายบอกว่า ... ไม่ได้ผิด แต่ต้องการให้รู้ว่ามีการประทับร่างอยู่จริงจะทำให้คนอื่นรู้ด้วยว่า มีวิญญาณปู่ประทับร่างจริง   ออ.. แค่ให้รู้เฉย ๆ นะคุณยาย นะ    ทำให้ผมมีความคิดเรื่องการเข้าทรงของยายว่า การประทับทรงเอาอารมณ์จิตดั้งเดิมของตนเองมาใช้ แสดงลักษณะนิสัยการผิดศีลของตนเองออกมา

ทำไมต้องแสดงอารมณ์โกรธ  แสดงเพื่ออะไร .... หรือเป็นการแสดงฤทธิ์ ก็เพียงเพื่อให้คนกลัว หรือเกรงว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ อย่างนั้นหรือ

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-14 21:07:13


ความคิดเห็นที่ 1568 (1624160)

 ต่อ

มีผู้ที่มาให้ธรรมทาน น่าสนใจครับ เรื่องการใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย

คุณช้างและคุณกุ้ง เดินทางมาจาก อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ได้มาขอบคุณอาจารย์อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บ้านสวนพีระมิด เดินทางมาพร้อมกับลุงเบิ้ม ป้าตู่ คุณช้างคุณกุ้ง เล่าว่า ทำอาชีพรับติดตั้งแผ่นรองกระบะ รถปิ๊กอั๊พ  ช่วงนั้นงานไม่มี ขายของไม่ได้ เงินไม่มา ขาดทุน ไม่มีสภาพคล่อง ทำให้เคลียดหนัก ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร รู้จักป้าตู่ ภรรยาลุงเบิ้ม  คุณกุ้งได้เล่าความทุกข์ของตนให้ป้าตู่ฟังเพื่อระบายทุกข์ ป้าตู่แนะนำให้ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย และต้องเข้าไปศึกษาดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเวปไซค์

เพียงเท่านี้ คุณกุ้ง ได้ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย เพียงข้ามคืน งานเข้า เริ่มมีงานเข้ามา เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เกิดอัศจรรย์กับการใช้รหัสนี้ เลยลองใช้เพื่อดลจิตแม่สามี ..อาจารย์อุบลช่วยด้วยขอให้แม่สามี มีเมตตาให้เงินลูกมาหมุนเวียนในร้านด้วยเถิด เจ้าค่ะ รุ่งเช้า แม่สามีเรียกลูกชาย ให้มารับเงินไปให้แม่ไปทำทุน  ประหลาดใจมาก

งานติดตั้งก็เพิ่มขึ้น มีโทรศัพท์มาสั่งซื่อสินค้าแผ่นปูพื้นกระบะจำนวนมาก จาก กรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทำให้มีกำไร ได้ใช้หนี้สิน เริ่มมีสภาพคล่อง

คุณช้างและคุณกุ้ง บอกว่า ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ใช้ได้ผลดีมาก  จึงไม่ลังเลสงสัย มีความเชื่อในทันที ใช้ทุกวัน แถมยังบอกต่อด้วย จึงต้องมากราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-14 22:38:52


ความคิดเห็นที่ 1569 (1624167)

 อนุโมทนากับธรรมทานของ

ด.ข.อมร คุณโฆษิต และ ทุกคน ค่ะ

 

คุณโฆษิต

เขียนได้รายละเอียดเยอะดีจัง

จำเก่งเน๊าะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-14 23:26:20


ความคิดเห็นที่ 1570 (1624204)

อ่านเรื่องของคุณยายร่างทรงแล้ว

คงต้องบอกว่า

คุณยายถูกผีหลอกมานานเป็น10ปี

โดยที่ไม่รู้ตัวเลยนะคะเนี่ย

 

นึกภาพว่า ในปัจจุบันนี้

มีคนที่ต้องตกเป็น"ทาสผี"

ที่อ้างชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้กี่ราย

 

ซึ่งคนถูกทรงก็ทุกข์ทุกด้าน

คนไปหาร่างทรง

ส่วนใหญ่ก็ทุกข์พอๆกันนั่นแหล่ะ

ก็เลยไม่มีใครสามารถ

ชี้ทางพ้นทุกข์ให้ใครได้

 

ฉะนั้น คุณยายคงจะถูกเลือก

มาเป็นนักแสดง(ธรรมทาน)คนสำคัญอีกคนหนึ่ง

 

ที่จะทำให้ผู้ชมและผู้อ่าน

ตาสว่าง เกี่ยวกับ เรื่องนี้ซักที

เพราะคนส่วนใหญ่

เห็นว่าทางที่พระพุทธองค์

สอนนั้นเดินตามได้ยาก

ก็เลยไปเลือกทางง่ายๆ

แต่ผิดมหันต์และทุกข์หนักแบบนี้..นี่เอง

 

นี่ถ้า คุณยายไม่ได้

มาพบท่านอาจารย์

แล้วชีวิตคุณยาย จะเป็นอย่างไรเนี่ย

 

 

อนุโมทนากับธรรมทานจากคุณโฆษิต

คุณพี่อมร และทุกๆท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-15 06:07:56


ความคิดเห็นที่ 1571 (1624281)

       

                   ช่วงที่อ.อุบล กำลังจะให้คุณยายขึ้นบนเวทีเพื่อที่จะสอบถาม เล่าเรื่องที่มาที่ไปของคุณยาย แต่ต้องรีบพาแม่เตือนและน้องอัญกลับเชียงราย ไม่ได้อยู่ช่วงเวลาเวลานั้น กำหนดจิต ขอบารมีองค์สมเด็จและหลวงพ่อ ดูคุณยายก่อนแล้ว เรื่องจะเป็นอย่างไร ก่อนหน้านั้นช่วงที่อ.อุบลจะพูดถึงชีวิตคุณยายและได้เห็นคุณยายเหมือนว่าได้ประทับทรง รำถวายช่วงที่พวกเราร่วมอวยพรงานวันแม่ให้กับอาจารย์หน้าเวทีการแสดง  ใช้จิตดูแล้วไม่ใใช่เป็นร่างทรงหลวงปู่ใดๆ แต่เป็นวิญญาณที่เหมือยงู ทีีมีฤทธิ์ ไม่ใช่เทพเทวดาเหมือนประมาณ คนธรรม์ของเมืองลับแล ที่ต้องการให้คนอื่นเห็นเป็นอิทธิฤทธิ์ เชื่อถือและศรัทธา ตายไปนานแล้ว ไม่สามารถต่อบุญได้ คิดว่าสิ่งที่กระทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกแล้ว ที่สามารถเข้าเกาะจิตคุณยายได้เพราะคุณยายเองชอบคุณไสย์และการทรงเจ้า ชีวิตที่ไม่ดีขึ้นของคุณยายเพราะไม่ได้ทำบุญที่เป็นบุญเลยเพราะหลงผิดคิดว่าการผ่านร่างทรงเจ้าหรือการเป็นร่างทรง จะทำให้ชีวิตดีขึ้น มีการเคารพกราบไหว้ของชาวบ้านได้ลาภสักการะ หรือเป็นสิ่งของ เป็นการเข้าใจที่ผิด  โชคดีที่ได้พบเจอ อ.อุบลในชาตินี้  โชคดีมาก ไม่เช่นนั้นต้องเวียนว่ายอย่างนี้ต่อไปอีกหลายชาติ

ผู้แสดงความคิดเห็น เทวฤทธิ์ ท้าวคำ (เอก ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-15 14:17:12


ความคิดเห็นที่ 1572 (1624425)

 อนุโมทนาคำบอกเล่าเพิ่มเติมจากคุณเอกด้วยค่า

ร่างกาย จิตใจเรา หากเราคุมไม่ได้

ไม่มีความดีมาเป็นเกาะคุ้มครอง

ก็ง่ายต่อพวกวิญญาณเร่ร่อน อสูรกาย

ที่จะแฝงมาใช้เราเป็นเครื่องมือได้ง่ายๆเลยนะคะ

น่ากลัวจริงๆค่ะ

แต่เชื่อว่าหากรักษาศีล 5 อย่างที่อ.แม่บอกได้

ไม่ว่าอะไร ก็คงทำเราไม่ได้แน่ๆค่ะ

นอกจากตัวเราเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-16 04:35:14


ความคิดเห็นที่ 1573 (1624429)

ใช้ จิตดูแล้วไม่ใช่เป็นร่างทรงหลวงปู่ใดๆ

แต่เป็นวิญญาณที่เหมือนงู ที่มีฤทธิ์

ไม่ใช่เทพเทวดาเหมือนประมาณ

 คนธรรม์ของเมืองลับแล

ที่ต้องการให้คนอื่นเห็นเป็นอิทธิฤทธิ์

เชื่อถือและศรัทธา

ตายไปนานแล้ว ไม่สามารถต่อบุญได้

คิดว่าสิ่งที่กระทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกแล้ว

ที่สามารถเข้าเกาะจิตคุณยายได้

เพราะคุณยายเอง

ชอบคุณไสย์และการทรงเจ้า

 

ชีวิตที่ไม่ดีขึ้นของคุณยาย

เพราะไม่ได้ทำบุญที่เป็นบุญเลย

เพราะหลงผิดคิดว่า

การผ่านร่างทรงเจ้าหรือการเป็นร่างทรง

จะทำให้ชีวิตดีขึ้น

.....................................

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากคุณเอก เช่นกันค่ะ

ที่ทำให้เรารู้เพิ่มเติมว่า

 

ที่คุณยายมีกรรม ถูกเลือก

ให้เป็นร่างทรงผิดๆแบบนี้

เพราะมีเชื้อกรรมมาจากการที่

คุณยายชอบเรื่องคุณไสยและการทรงเจ้า

เป็นทุนอยู่แล้วนี่เอง

 

ก็เลยถูกจัดให้ ในสิ่งที่ตน...ชอบ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-16 06:46:03


ความคิดเห็นที่ 1574 (1624453)

 บ่ายวันอาทิตย์จึงได้คำตอบ “ร่างทรง” ทำให้หมดความสงสัย ในตัวคุณยายที่เป็นร่างทรง

คุณยายยังมีปัญหาสุขภาพยังเจ็บป่วยปวดขา ปวดเข่า ยังทีความทุกข์กายทุกข์ใจ แสนเข็ญ ต้องเลี้ยงดู พ่อ แม่ ป่วยช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นหนี้สินเกือบสามแสนบาทพอกพูนมานาน รายได้จากการทำนาทำไร่ไม่เพียงพอ ได้รับเงินจากลูกส่งให้เป็นปี ปีละ 30,000 บาท

การเป็นร่างทรงขอพ่อปู่ศรีสุทโธ หรือจิตวิญญาณอื่นที่มาผ่านร่าง ทำให้คุณยายเกิดความสงสัยว่า ทำไมร่างทรงจึงทุกข์ขนาดนี้  ทำไมพระพุทธเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ที่มาผ่านร่างคุณยายไม่ช่วยให้คุณยาย มีชีวิตที่ดีกว่านี้

คุณยาย ยังเป็นมิจฉาทิฎฐิ ที่สงสัยพระพุทธเจ้า สงสัยการทำบุญความดี  ทำมามากแล้วทำไมพระพุทธเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ช่วย  คุณยายเชื่อมั่นในพ่อปู่ศรีสุทโธ มากกว่าพระพุทธเจ้า แต่คุณยาย มีความนอบน้อมมาก

เวลาคุณยาย เป็นร่างทรง คุณยายอ้างถึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้  โดยไม่เป็นตัวของตัวเอง  ผู้ที่มาผ่านร่างของคุณยาย อ้างเป็นเทพชั้นสูงซึ่งพิสูจน์ไม่ได้  หากเป็นจริงต้องนำพาร่างทรงให้เกิดปัญญาในการพ้นจากความทุกข์ได้และรู้หลักและวิธีบำเพ็ญบุญที่เกิดอานิสงส์ได้สูงสุด เปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ได้  

อาจารย์อุบลได้พาลูกบ้านสวนฯ ปฏิบัติตน ทำด้วยความเชื่อมั่น ตรงต่อพระพุทธเจ้า โดยไม่ต้องแวะข้างทาง หากแวะ ก็เพียงเพื่อให้รู้ เท่านั้น ใครก็ตามที่ยึดติดเรื่องของฤทธิ์อย่างคุณยาย จะทำให้ไม่ก้าวหน้าไม่ถึงมรรคผลนิพพาน

สิ่งที่คุณยายกำลังเป็นอยู่นี้ทำให้คุณยายไม่พ้นทุกข์ มีแต่จะทำให้คุณยายมีทุกข์มากขึ้น อาจารย์อุบล ได้บอกว่า  ผู้ที่มีความยากจน คือ ผู้ที่มีความบกพร่องในทานและศีล  คุณยาย ได้ให้ทานแต่ไม่ถูกวิธีจึงไม่มีอานิสงส์ และผิดศีลมาทุกข้อ

ผู้ที่เป็นร่างทรงของพ่อปู่ศรีสุทโธ จะเป็นผู้มีกายสะอาด สง่างาม บริบูรณ์ด้วยทรัพย์ไม่ขาดแคลน ไม่ตกต่ำย่ำแย่ จิตท่านจะใสสะอาด จะนำพาให้ร่างรู้จักการสร้างบุญที่ถูกวิธีตามแนวทางของพระพุทธเจ้า

แล้วที่คุณยาย ให้ผ่านร่างไม่ใช่ พ่อปู่ศรีสุทโธ เป็นสัมพเวสี ตระกูลพระยานาคแอบอ้างชื่อท่าน และจิตวิญญาณอื่นที่เกิดจากการผิดศีลของคุณยาย เขาต้องการบุญจากบ้านสวน ด้วยการดลใจหาหนทางให้คุณยายเดินทางมาบ้านสวน เพื่อมารับบุญที่บ้านสวน และให้คุณยาย ดิ้นรนให้หลุดจากความทุกข์

คุณยาย โชคดีที่ได้รับความเมตตาจากอาจารย์อุบล เฉลยให้รู้คำตอบแก่คุณยาย และให้ทางออกแก่คุณยาย โดยการส่งวิญญาณที่แอบแฝงแอบอ้างชื่อพ่อปู่ศรีสุทโธ  วิญญาณสามี และวิญญาณที่ต้องการบุญจากคุณยาย  ให้รับบุญจากอาจารย์อุบล ส่งขึ้นสวรรค์ไป และคุณยาย ต้องไม่ยอมให้ใครผ่านร่างอีกต่อไป ต้องรักษาศีลบำเพ็ญภาวนา คุณยาย จึงจะหลีกพ้นความทุกข์ทั้งมวลได้

ขอเป็นกำลังใจให้คุณยาย ให้เข้มแข็ง หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล ครับ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-16 11:09:09


ความคิดเห็นที่ 1575 (1624576)

 

ธรรมทาน 11 สค. ก่อนวันแม่
                จำได้ว่า วันแม่วันนี้อาจารย์นำปลูกต้นโมกจำนวนมาก และเล่าให้ฟังว่าในบ้านสวนฯนี้ท่านแผ่บุญให้เทวดาผู้รักษาต้นไม้ ใบไม้ แม้กระทั่งยอดหญ้าก็ตาม เรียกเทวดาประจำต้นไม้เหล่านี้ว่า ภูมะเทวา ถ้าเราไปทำร้ายที่อยู่ท่านต้องขอขมาขออภัยก่อน ซึ่งเหตุการณ์ที่ยืนยันว่าภูมะเทวามีจริงก็ได้เกิดขึ้นยืนยันโดยผ่านคุณสิงห์ป้อม โฆษก ของบ้านสวน เนื่องด้วยวันนั้นหลังปลูกต้นโมก คุณป้อม มีอาการเหมือนมีลมพิษเห่อขึ้นทั่วตัว ตั้งแต่ ทีแขน หน้า มือ ปาก และยังรู้สึกใจสั่น ๆ ด้วย แม้เรียก รหัส อาจารย์อุบลช่วยด้วยก็ยังไม่หาย จนในที่สุดคุณป้อม ต้องมารอพบอาจารย์ที่หน้าบ้าน พอมาใกล้ๆ อาจารย์คุณป้อมก็ค่อยยังชั่ว อาการใจสั่น เหมือนจะขาดใจก็หายไป อาจารย์บอกว่าคงจะเป็นเพราะพวกเราทำลายจอมปลวกนั้นแน่นอน  อาจารย์บอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเลือกคุณป้อมให้เป็นตัวแทนที่จะพิสูจน์ให้รู้ว่าภุมมะเทวดามีจริง
                น้องที่ทำงานรามาฯ มีอาการตัวร้อน คล้ายเป็นไข้มาเป็น ปี ๆ แล้ว เหตุเป็นเพราะชอบลาดน้ำร้อนไล่กองมด และนำหอยแครงสดที่ยังไม่ตาย เผาโดยโยนเข้าไฟ เพื่อเป็นอาหาร อาจารย์บอกว่า หนู มีบุญนะที่ยังมีคนมาบอกมาเตือน เขาลองอธิษฐานสารภาพบาปกับจี้องค์เทพสฟิงซ์ก็ไม่หาย และท่านอาจารย์จึงบอกให้ไปทำบุญเพื่มเติมอีกเพื่อมีพลังบุญมาช่วยให้หายต่อไป
                ส่วนคุณยาย ที่เป็นเพื่อนบ้านลุงเบิ้มนั้น เป็นคนที่ลุงเบิ้มมาเล่าธรรมทานให้ฟังครั้งก่อนว่า ตอนนั้นลุงเขาซื้อเสื้อบ้านสวนพีรามิดไปที่บ้าน พอคุณยายเขาเห็นเข้า เขาก็ยกมือไหว้ บอกว่าท่านท้าวเวสสุวรรณเสด็จมากับเสื้อด้วย ทำให้ลุงเบิ้มทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เอาเสื้อขึ้นหิ้งบูชา และวันนั้นอาจารย์อุบลบอกว่าให้พาคุณยายมาที่บ้านสวนพีรามิดด้วยเถิด อาจารย์ต้องการช่วย จำได้ว่าคุณยายคนนี้เขามีเทพมาเข้าทรง หนึ่งในองค์นั้น เขาบอกว่าคือเสด็จพ่อศรีสุทโธ หรือพญานาคนั่นเอง คุณยายจะคอยพูดตลอดว่าเสด็จพ่อองค์นั้นองค์นี้มาช่วย บางทีถ้าเขาถูกเข้าทรง เขาจะลงไปเลื้อยคล้ายงู หรือ นาคด้วย และตอนวันแม่ ที่เห็นภาพประทับใจ คุณท๊อปขึ้นมากราบท่านอาจารย์อุบลนั้น คุณธนา ก็ให้พวกเราชาวบ้านสวน ขึ้นไปกราบทีละคนเช่นกัน คุณยายคนนี้แกก็เข้าไปกราบกับเขาด้วย แต่กว่าจะกราบได้ก็รำ แล้ว รำอีก ตลกดี เหมือนกับว่าเขาถูกวิญญาณอะไรมาเข้าสักอย่าง และจิ๋มได้แอบดูหน้าท่านอาจารย์อุบล ท่านก็ทำหน้าพะอือพะอม รวมกับการปลงสังเวช เราก็ได้แอบขำอยู่ในใจ โถ คุณยายขา ไม่ยอมเรียกสติกลับมา ปล่อยให้กระเจิดกระเจิงวิญญาณที่มาขอบุญก็เข้าครอบเท่านั้นเอง
                คำเฉลยของอาจารย์ก็คือ ท่านบอกว่า ไม่ใช่เทพหรอกที่มาเข้าร่างอาจารย์แต่เป็นวิญญาณสัมพเวสี ที่มาขอส่วนบุญ มาอยู่ที่ร่างคุณยาย ท่านอาจารย์อุบลบอกว่า ถ้าเป็นเทพจริง คุณยายต้องดีขึ้น มีความสุข ขึ้น ร่ำรวยขึ้นสิ แต่นี่เปล่าเลย เจ็บป่วย เป็นหนี้เป็นสินตลอดเลย อาจารย์บอกให้เรียกสติคืนมา โดยภาวนาพุทโธ ก็ได้ให้จิตอยู่กับเนื้อกับตัว จะได้ไม่มีใครมาครอบ ท่านเมตตาส่งบุญให้ วิญญาณที่เกาะมากับคุณยาย ให้ไปสู่ในภพภูมิสูงขึ้นจะได้ไม่มารบกวนคุณยายอีก นอกจากนั้นยังมอบเงินให้ด้วย เพราะรู้ว่าคุณยายขัดสนเหลือคณา ท่านแนะนำให้ คุณยายตักบาตรวิระไทโยด้วย แม้วันละบาทก็ยังดี จะได้สร้างบุญเรื่อย ๆ ไป การสะสมบุญให้มากพอนี้ ก็จะทำให้วิญญาณที่มาเกาะเกี่ยวกะเราได้รับบุญไปด้วย
อนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์ที่เมตตาพวกเรา ท่านเกิดมาสร้างบารมีโดยแท้ สมแล้วที่ลูกบ้านสวนต่างยกย่องให้ท่านอาจารย์อุบลเป็นแม่ทางธรรมของพวกเรา
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-16 21:56:56


ความคิดเห็นที่ 1576 (1624607)

และ จิ๋มได้แอบดูหน้าท่านอาจารย์อุบล

ท่านก็ทำหน้าพะอืดพะอม

รวมกับการปลงสังเวช

 

เราก็ได้แอบขำอยู่ในใจ

โถ คุณยายขา

ไม่ยอมเรียกสติกลับมา

ปล่อยให้กระเจิดกระเจิง

วิญญาณที่มาขอบุญก็เข้าครอบเท่านั้นเอง

.......................................

แหม่..เพราะเป็นคนช่างสังเกตุอย่างนี้นี่เอง

ถึงได้เป็น ด็อกเตอร์ ได้

 

อนุโมทนากับธรรมทาน

จาก คุณพี่ดร.จิ่ม

และ คุณพี่ ดช.อมร ด้วยนะค๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-17 06:39:17


ความคิดเห็นที่ 1577 (1624928)

 เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้นั้นเป็นเรื่องที่ผมพิสูจน์มาเองแล้วถึงเชื่อ นั่นคือเรื่องพลังของจี้องค์สฟริงส์  สิ่งที่ท่านอ.อุบลบอกเป็นจริงทุกประการ  เมื่อเราสารภาพบาปต่อจี้ พร้อมกับสำนึกผิด  อาการเจ็บปวดต่างๆก้จะหายไป  แต่ถ้าเรากลับมาทำใหม่ อาการเหล่านั้นก็จะกลับมา  วันนั้นผมมีอาการปวดบริเวณข้อพับแขนข้างขวา  ปวดมาก ปวดขนาดเหยียดแขนสุดแล้วตึง  วันนั้นไปบ้านสวนฯพอดี  ตอนคืนวันเสาร์ท่านอ.ก็เมตตาบอกถึงเรื่องวิธีการใช้จี้สฟริงซ์  ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งนะครับที่ออกไปทดสอบ  ตอนนั้นอาการเจ็บของผมนั้นทุเราลงมากก่อนออกไป  เหลือประมาณอีกนิดเดียว  ก่อนออกไปผมได้ทำการสำรวจอาการความเจบปวดดู  จะได้เช็คถ้าเกิดหาย  แล้วพอออกไป ผมก็สารภาพเรื่องที่เคยทำบาปโดยใช้มือมา ตั้งแต่ฆ่าสัตว์ แมลงต่างๆ เท่าที่ผมจะจำได้  แล้วก็สารภาพต่อจี้องค์สฟริงซ์ โดยที่ท่านอ.อุบลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับผม  อาการปวด ตึงๆ นิดๆ ที่ผมประสบมะกี้นี้ หายไปหมด เลยครับ หลังจากที่ผมได้สารถาพและบอกไปว่าจะพยายามไม่ให้พลากพลั้งไปทำอีก  ตั้งแต่นั้นมาผมก็เชื่อครับ  เชื่อเพราะเราได้พิสูจน์จริง  ประสบมาจริงๆ  ขอให้เป็นอีกตัวอย่างสำหรับผู้ที่มีความกังขานะครับ   

ผู้แสดงความคิดเห็น ณภัทร ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-19 22:23:51


ความคิดเห็นที่ 1578 (1624929)

อีกหนึ่งเรื่องที่จะเล่าต่อไปคือเรื่องเกี่ยวกับองค์สฟริงซ์นะครับ ที่ว่าหลายคนคงสงสัยกัน  เรื่องมีอยู่ว่า พ่อของผมถามท่านอ. ว่าทำไมสารภาพกับจี้องค์สฟริงซ์ถึงได้ผล  แต่ว่าถ้าเราลองสารภาพต่อพระองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้ผลไหม  ท่านอ.อุบลเลยเมตตาให้ลองทดสอบดูตามหลักวิทยาศาสตร์ครับ  คือให้ลองให้ดร.จิ๋มซึ่งตอนนั้นมีอาการปวดบริเวณเท้า ถ้าจำไม่ผิดนะครับ  มาตั้งจิตสารภาพต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ในบาปที่เคยทำผิดมา  ปรากฏว่าไม่หาย  และไม่ดีขึ้น   ต่อมาก็ได้พิสูจน์โดยการให้มาสารภาพต่อจี้องคืสฟริงซ์ซึ่งพ่อของผมสวมใส่อยู่  ก็สารภาพไป  ผลสรุปว่า  ดีขึ้น  แต่ยังมีอาการอยู่นิดๆ  แสดงว่าได้ผล  

ท่านอ.เลยเมตตาบอกและสนับสนุนคำตอบของพี่ป้อมที่ว่า  การที่เราสารภาพโดยตั้งจิตถึงพระองค์นั้นเหมือนกับว่าเรายังไม่ได้กรรมฐานขั้นสูงสุด  เลยไม่สามารถสื่อโดยตรงถึงพระองค์ได้  ดังนั้นจี้องคืสฟริงซ์นี้จึงเป็นสื่อที่เชื่อมญาณของเรากับพระองค์ถึงกัน  คล้ายกับหลักการที่ผมเปรียบเทียบเองที่ว่า ถ้าเราจะเปลี่ยนช่องทีวีโดยกดรีโมทที่ไม่ได้ใส่ถ่าน ก็เหมือนว่าเราสารภาพกับพระองค์แต่พระองคืไม่รับรู้ เพราะเราไม่ได้กรรมฐานขั้นสูงสุด  แต่ถ้าเรามีจี้ ก็เหมือนกับว่าเราใส่ถ่านใส่รีโมทไปแล้ว  ก้มีตัวสื่อนำกระแสไฟฟ้า  และสามารถทำงาน  สามารถเปลี่ยนช่องได้  ประมาณนี้ครับ  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณภัทร ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-19 22:25:28


ความคิดเห็นที่ 1579 (1624955)

อนุโมทนากับน้องณัฐด้วยนะคะ

ที่มาช่วยยืนยันทางข้อเขียนอีกที

ว่าการสารภาพบาปกับจี้องค์เทพสฟริงซ์นั้น

ได้ผลจริงร้อยเปอร์เซ็นต์

เพราะทดสอบด้วยตัวเองมาแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-20 02:57:33


ความคิดเห็นที่ 1580 (1624957)

ธรรมทานบ้านสวนพีระมิดประจำวันที่ 18-19 .. 55

 
 
สัปดาห์นี้ที่บ้านสวนฯ มีงานบุญใหญ่ 3 งานด้วยกัน
ได้แก่
 
1.       งานถมหินกรวดและเทปูนที่ฐานบัวรองพระบาท
สมเด็จองค์ปฐม พระบรมธรรมบิดา
 
2.       งานย้ายกระท่อม 3 หลังที่อยู่ติดกับโรงงทาน
เพื่อเตรียมพื้นที่ก่อสร้างส่วนขยายของอาคารอเนกประสงค์
ที่จะเริ่มก่อสร้างขึ้นในสัปดาห์หน้านี้
 
3.       งานปลูกข้าว
 
สัปดาห์นี้เรามีคนไม่มาก แต่งานทุกอย่างก็สำเร็จ
ด้วยความสามัคคีของพวกเรา
โดยเฉพาะงานย้ายกระท่อมไม้ไผ่ซึ่ง
ท่านอาจารย์ทั้งสองและคุณท๊อป
ได้มากำกับและช่วยยกกระท่อมด้วย
 
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
และ ขอบารมีพระพุทธองค์นำบุญของผมทั้งหมด
มาฝากญาติธรรมด้วยครับ
 
ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
บ้านสวนฯ มีการปรับปรุงกิจกรรมใหม่
โดยท่านอ.อุบล กำหนดให้วันเสาร์เป็นวันที่
ทำบุญแรงกายกันให้เต็มที่ ส่วนวันอาทิตย์
เป็นวันที่ทำกิจกรรมสมาทานศีล และขอบคุณ
ท่านอาจารย์  บรรยายธรรม ฝึกกรรมฐาน
รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การแสดง
 
ที่สำคัญ ท่านอาจารย์จะได้อัญเชิญพระบารมี
แห่งองค์สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย์ มาให้ลูกหลาน
ได้สัมผัสพระบารมีอย่างใกล้ชิด
ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้
 
โดยท่านอาจารย์ได้ให้ทุกคนบอกปัญหาต่าง ๆ
ทั้งสุขภาพ การงาน การเงิน ความรัก และอุปสรรคต่าง ๆ
ทั้งทางโลกและทางธรรม และขอพระบารมีสมเด็จท่านช่วย
โดยมีการบันทึกภาพไว้ เพื่อเปรียบเทียบ
 
เมื่ออัญเชิญพระบารมีแห่งสมเด็จท่านเสร็จแล้ว
ปรากฎว่า อาการเจ็บปวดต่าง ๆ ของทุกคน
ก็เบาลง หรือ หายจากอาการที่เป็น
ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองที่ผมได้สัมผัสพระบารมี
ของพระองค์ท่าน
 
ครั้งแรก คือที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน
มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 17 .. 55
ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจัดธรรมะบำบัดสัญจร
ที่พี่จุ๋ม ดร.ธารีรัตน์ ได้จัดงานบุญใหญ่ครั้งนี้ขึ้น
(ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งหนึ่งครับ)
ซึ่งมีผู้ที่เข้าร่วมรับฟังหลายท่าน หายจากอาการเจ็บป่วย
แค่เพียงระหว่างที่เดินไปหาท่านอาจารย์อุบลบนเวที
 
ซึ่งท่านได้อัญเชิญพระบารมีของสมเด็จท่าน
เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนทราบว่า
พระองค์เสด็จมาจริง ไม่ใช่แอบอ้าง
 
สำหรับเหตุการณ์ครั้งที่สองนี้ก็เช่นเดียวกัน  
ต่างกันที่ครั้งนี้เป็นการบำบัดหมู่
ซึ่งมีหลายคนสัมผัสพระองค์ท่านโดยการเห็น
เช่น คุณอร อุ่นศรี ได้เห็นพระองค์ประทับด้านหลัง
ท่านอ.อุบล โดยทรงถือพระขรรค์ที่พระหัตถ์ขวา
และธรรมจักรที่พระหัตถ์ซ้าย
มีรัศมีสีรุ้ง คุณมงคล ก็เห็นเช่นเดียวกัน
และมีปีติอย่างมากจนต้องร้องไห้ออกมา
หลายคนก็สัมผัสได้ว่า มีแสงพุ่งมาที่หน้าผาก
ส่วนผมเองกำหนดจิตที่ภาพสมเด็จท่านที่วัดท่าซุง
ก็เห็นภาพชัดเจนพอสมควร
 
ท่านอาจารย์บอกว่า พระองค์ทรงเมตตามาก
ดังพระนามที่ลงท้ายด้วยคำว่า เมตไตรย์
ซึ่งพระบารมีของพระองค์ยิ่งใหญ่ไพศาล
 
ผมเองก็หายจากการปวดฝ่าเท้า ขา และ
หลัง บ่าและแขนข้างขวา ประมาณ 80%
หลังจากที่ท่านอาจารย์อาราธนาพระบารมีท่านเสร็จ
 และหายเพิ่มขึ้นจนเกือบ 100%
ระหว่างที่มายืนต่อคิวพบท่านอาจารย์
เพื่อกล่าวถึงสิ่งที่ทุกคนสัมผัสพระองค์ท่านได้
และยืนยันว่าสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย์ท่านมีจริง
 
มีหลายคนที่หายจากอาการเจ็บป่วยเช่นเดียวกัน
เช่น น้องต้นอ้อ หายจากอาการปวดขาและมีขนตาล่าง
แทงหรือแนบติดนัยต์ตาข้างซ้าย ทำให้ระคายเคือง
คุณอร หายจากอาการคอเคล็ด คุณธนาสายตาดีขึ้น
อาจารย์นี สามารถนั่งกับพื้นแล้วลุกขึ้นได้เอง
โดยไม่ต้องอาศัยคนพยุง
พี่สมจิตมีอาการโล่งสบายและสายตาดีขึ้น
พี่เจี๊ยบ หายจากอาการแพ้เป็นตุ่มคัน
คุณอติศักดิ์หายจากข้อมือข้างขวาเคล็ด
พี่จุ๋มและอาจารย์อภิชัย หายจากอาการ
ปวดเมื่อยตามตัว
 
ซึ่งทุกคนต่างยืนยันว่า สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย์
ท่านมีพระองค์จริง
 
ผมขอกราบขอบพระคุณสมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรย์ที่
ช่วยให้ผมหายจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ครับ
และขอกราบขอบพระคุณท่านอ.อุบลและครอบครัว
เทวดารักษาตัวของทุกท่าน มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
 
ท่านอ.อุบล ได้กล่าวว่า
เราได้เข้าสู่ยุคของพระธรรมราชา
ซึ่งจะเป็นผู้หมุนธรรมจักรเพื่อเผยแพร่
พระธรรมอันงดงามขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ที่ไม่เคารพ หรือ เคารพพระองค์ท่านเพียงลมปาก
ธรรมจักรจะหยุดหมุน
 
ต่อไปนี้ขอให้พวกเราเร่งสร้างความดี
อย่าลืมใช้จี้องค์เทพสฟิงซ์ช่วยเหลือผู้คน
ให้พ้นทุกข์เพราะถือว่ามีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้
และจะเป็นผู้ที่มีชีวิตรอดจากภัยพิบัติ
 
ผู้ที่ใส่จี้ แต่ไม่เคยใช้ช่วยเหลือผู้อื่น
อานุภาพของจี้ก็จะได้แค่เพียงช่วยคนผู้นั้น
จะต่างจากผู้ที่ใช้จี้ช่วยผู้อื่น
ยิ่งช่วยผู้คนเท่าไร
พลังของจี้ก็จะยิ่งมีอานุพภาพมากยิ่งขึ้น
 
สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้จี้ช่วยเหลือผู้อื่น
ก็จะกลายเป็นผู้ที่ต้องให้คนอื่นช่วย
แต่ก็ต้องระวัง
เพราะการรอดอาจรอดแบบ
อาการไม่ครบ 32  หรือ พิกลพิการ เป็นต้น
 
ให้พัฒนา ยกจิตของตัวเองให้สูงขึ้น จนมี
Superego สูง คือ มีสติ ยั้งคิด ไม่ละเมิดต่อผู้อืน
 
ไม่เพียงแค่มี Id หรือ มีแต่ความต้องการ อยากทำอะไรก็ทำ
โดยไม่สนใจคนอื่น ซึ่งจะไม่ต่างจากสัตว์
ที่อยากถ่าย ก็ถ่าย อยากผสมพันธุ์ก็ผสมพันธุ์
หรือมีเพียง Ego หรือมีสติ แต่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
ซึ่งเป็นปัญหาอันยิ่งใหญ่ของสังคมไทยสมัยนี้
 
ลองคิดดูว่า ถ้าแก้ปัญหานี้ได้
ประเทศไทยเราจะเจริญขึ้นไม่รู้มากสักเท่าใด
 
ก่อนจบก็ขอฝากธรรมทานเล็ก ๆ น้อย ๆ
จากรายการธรรมะสัญจร เมิ่อวันที่ 17 .. 55 ดังนี้ครับ
 
ธรรมทานครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้ทราบ
ประวัติการทำงานของท่านอาจารย์อุบล
ซึ่งล้วนเป็นงานที่มีเกียรติและมีตำแหน่งสูงทางสังคม
ใครจะเคยรู้ว่า ท่านเคยเป็นพี่เลี้ยงส่งนางงามถึงดวงดาว
จนได้ตำแหน่งนางสาวไทยมาก่อน
และแน่นอน หากปฏิบัติตามคำสอนของท่าน
พวกเราทุกคนต้องไปถึงสิ่งที่ฝันไว้ คือ พระนิพพานแน่นอน
 
สาเหตุที่ท่านไม่ต้องการเปิดเผยประวัติของท่าน
ก็เนื่องมาจากท่านบอกว่า รู้ประวัติท่านแล้วสิ้นทุกข์ไหม
คงคล้ายกับที่ท่านบอกว่า
เราทุกคนคงเคยไปทำบุญตามที่ต่างๆ มาแล้ว
แสวงหาครูบาอาจารย์มามากมาย เราก็ยังทุกข์
ก็เพราะพวกเราต่างทำบุญกันไม่เป็น
บุญที่ส่งผลให้เกิดอานิสงส์ฉับพลันทันที
จะต้องประกอบด้วยความบริสุทธิ์ครบ 3 ส่วน ได้แก่
1.       ผู้ให้ทานมีจิตบริสุทธิ์
2.       วัถุทานบริสุทธิ์
3.       ผู้รับบริสุทธิ์
 
ให้เราลองประเมินตัวเองว่า
การให้ทานของเราที่ผ่านมานั้น
มีความบริสุทธิ์ครบ 3 ส่วนหรือไม่
เราทำบุญแบบเอาหน้าหรือเปล่า
เงินเดือนของเราได้มาจากการทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่หรือไม่
ไม่ใช่ขาด ลา มาสายแต่รับเงินเดือนเต็ม
แม้ทำธุรกิจของตัวเอง ก็เคยพูดจาเอาแต่ได้หรือไม่
เอาเปรียบลูกค้าหรือไม่ ของไม่ดีก็บอกว่าดีที่สุด
ถ้าเราสร้างทานเต็มพิกัด ต่อให้เอาอะไรมากั้นไว้
ก็ห้ามอานิสงส์ของทานไว้ไม่อยู่
และการทำบุญก็ไม่จำเป็นต้องไปวัด
 
บุญ คือ ความดี ขอให้คนที่เราทำบุญหรือสงเคราะห์
เป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ ก็เพียงพอแล้ว
 
แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์
 
ใครดีหรือไม่ดี ก็ให้เอาศีลมาจับ
เพราะศีล คือ ความเป็นปกติของมนุษย์
 
ตัวเราเองขณะที่ทำบุญ ก็ต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ด้วย
ไม่ใช่มัวแต่หงุดหงิด ด่าลูกด่าสามี
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยบอกว่า
ใครจะทำงานบุญ เจ้าภาพไม่ต้องทำอะไร
ให้แต่งตัวมาฟังธรรม มาทำบุญ ให้จิตใจผ่องใส ไม่มีนิวรณ์
 
ปาฏิหาริย์มี 3 อย่างดังนี้

1. อิทธิปาฏิหาริย์  ปาฏิหาริย์ คือ การแสดงฤทธิ์ต่างๆ

2. อาเทศนาปาฏิหาริย์  ปาฏิหาริย์ คือ การทายใจคนอื่นได้

3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์  ปาฏิหาริย์ คือ คำสอนที่เป็นจริง
สอนให้เห็นจริงและนำไปปฏิบัติได้ผลสมจริง
 
อิทธิปาฏิหาริย์  และอาเทศนาปาฏิหาริย์
ปาฏิหาริย์ทั้งสองประการนี้
ต่างก็ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้เช่นกัน
 
ต่างกับอนุสาสนีปาฏิหาริย์  ที่สามารถช่วยให้พ้นทุกข์
และเป็นปาฏิหาริย์ที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ
 
ซึ่งเราชาวบ้านสวนฯได้พบและสัมผัสได้มาโดยตลอด
จากการแสดงกฎแห่งกรรมของท่านอาจารย์อุบล
 
และที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน
ทุกคนต่างก็ได้สัมผัสอนุสาสนีปาฏิหาริย์เช่นกัน
แต่จะพิเศษกว่าที่บ้านสวน นั่นคือ
 
เป็นปาฏิหาริย์จากพระบารมีของสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย์
เพียงพระองค์เดียวที่ท่านอาจารย์ได้อัญเชิญ
บุญฤทธิ์และเทวฤทธิ์ของพระองค์มาโปรด
 
และแสดงให้เห็นว่า พระองค์เสด็จมาจริง
จากการที่ทุกคนที่เดินไปหาท่านอาจารย์ที่หน้าห้อง
ต่างมีอาการเจ็บป่วยลดลงและหาย
 
ทั้งที่ยังเดินไปไม่ถึงตัวท่านอาจารย์
ทั้งนี้จะหายมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ
ความศรัทธาและจิตที่เปิดรับพระบารมี
ของแต่ละคนว่ามีมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
 
ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มงคล ท่านอาจารย์อุบล
และคุณท็อป รวมทั้งเทวดารักษาทุกท่านที่เมตตาผม และครอบครัว
และให้ผมได้มีโอกาสมาสร้างบุญที่บ้านสวนมาโดยตลอดครับ
 
ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกท่านครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-20 03:56:26


ความคิดเห็นที่ 1581 (1624963)

 

ท่านอ.อุบล ได้กล่าวว่า
เราได้เข้าสู่ยุคของพระธรรมราชา
ซึ่งจะเป็นผู้หมุนธรรมจักรเพื่อเผยแพร่
พระธรรมอันงดงามขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ที่ไม่เคารพ หรือ เคารพพระองค์ท่านเพียงลมปาก
ธรรมจักรจะหยุดหมุน
.........................................
ได้คำตอบชัดเลยค่ะว่า
พวกเราได้เข้าสู่ยุค
ของพระศรีอาริย์จริงๆแล้วหรือนี่
 
แล้วพระธรรมจักรของพระองค์
ก็ออกมาทำหน้าที่
อย่างเป็นทางการแล้วด้วย
สาธุ สาธุ สาธุ
 
อนุโมทนาในทุกๆบุญ
และธรรมทานจากคุณโฆษิตด้วยนะคะ
สาธุ
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-20 06:24:29


ความคิดเห็นที่ 1582 (1625014)

ธรรมทานวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555

ตั้งแต่อาทิตย์นี้เป็นต้นไป กิจกรรมธรรมทานจะย้ายมาเป็นวันอาทิตย์ รวมถึงการขอบคุณ สมาทานศีล การแสดงครับ

ธรรมทานจากน้องเอิร์ท

     น้องเอิรท์ เป็นเด็กพิการที่ขา มาัตั้งแต่เด็กๆ ได้ฝันถึง เรื่องราวเกี่ยวกับ เสือและสิงโต มารวมร่างกันตัวใหญ่เท่าบ้าน และน้องเอิรท์ ก็ตั้งชื่อว่า ไครอ้อน

     น้องเอิรท์พยายามวาดรูป โดยที่เป็นผู้หญิง มือข้างขวา ถือธรรมจักร มือข้างซ้ายถือปิรามิด มีสฟิงค์เกาะที่บ่า ในขณะที่พยายามวาดรูป มีอาการปวดตามตัว

     แล้วก็เหมือนมีเสียงคน 2 คน เสียงหนึ่งก็พูดว่าจะวาดทำไม ปวดตัวขนาดนี้แล้ว อีกฝั่งหนึ่งพูดตรงกันข้าม เปรียบเสมือนว่า ตัวเราเองนั้นจะ มีทั้งฝั่งดี และฝั่งมาร

     เมื่อใดที่เราพยายามทำความดี ฝั่งมารก็จะพยายามมาบั่นทอนกำลังใจของเรา เพื่อไม่ให้เราพ้นทุกข์ จนกระทั่งน้องเอิรท์ วาดเสร็จอาการต่างๆ ก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเลย

     พอน้องเอิรท์ตื่นมาก็นั่งดูการ์ตูนและพยายามวาดรูป ผู้หญิงตามความฝัน ซึ่งมาทราบภายหลังว่าคือท่านอาจารย์อุบล ซึ่งวาดยังไง ขาของรูปผู้หญิงก็ดูไม่ตรง แล้วเรื่องนี้ก็โยงไปถึงญาติธรรม ที่อาการพิการคล้ายๆน้องเอิรท์ ที่พยายามวาดรูปท่านอาจารย์อุบล ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกว่า ทำไม ตนสองคน ที่อาการเีดียวกัน ชอบการวาดรูปเหมือนๆ กัน อยู่ดีดี ก็คิดอยากจะวาดรูปท่านอาจารย์อุบล

ID EGO SUPEREGO

     ID คือ คนที่มีกิเลส เหมือนสัตว์ เมื่อเวลามันหิว มันก็กิน ไม่สนใจว่าเป็นของๆ ใคร เวลามีอารมณ์ อยากผสมพันธ์ มันก็ผสมพันธ์กันเลย ถ้าคนที่เวลาเกิดอารมณ์ แล้วไปข่มขืน คนอื่นก็ ก็ผิดกฎหมาย

     EGO คือ คือคนที่มีสติ เวลาเราจะผิดอะไร ก็มักจะมีความกลัวเกิดขึ้น เช่น กล้วคนอื่นเห็น กลัวผิดกฎหมาย แต่คนกลุ่มนี้บางทีอาจจะทำดี เฉพาะต่อหน้าก็ได้ แต่เมื่อไม่มีคนเห็นอาจจะทำตามกิเลสตัวเอง

     SUPEREGO คือผู้ที่มีจริยธรรม ไม่ทำผิด ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป มาจากใจจริง

จี้องค์เทพสฟิงค์

วันนี้ท่านอาจารย์ได้มาบอกว่า ใครที่มีจี้ แล้วไม่เคยคิดที่จะใช้ให้รีบใช้เพราัะ เมื่อยามเกิดภัยพิบัติ จะมีคนอยู่ 3 พวก คือ

1.ผู้ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือคนอื่น โดยจะมีสัญญาเดิม เกิดขึ้น คือ เริ่มจะใช้ จี้ช่วยเหลือคนอื่นบ้างแล้ว

2.ผู้ที่จะได้รับการช่วย คือ ซึ่งก็มีทั้ง รอดโดยสมบุรณ์ และ รอดแต่พิการ ไม่เสียสติ

3.ผู้ที่ไม่รอด

     ซึ่งตอนนี้ เราก็ล้วนแล้วแต่มีจี้กันหลายคนแล้ว ก็แล้วแต่เราเอง ว่าอยากอยู่ในกลุ่มไหน เพราะ การที่มีจี้ก็ไม่ได้เป็นการการันตี ว่าเราจะรอด ซึ่งจี้องค์เทพสฟิงค์นั้นเืมื่อเราใช้ 1 ครั้ง ก็จะยิ่งมีพลัง ในการช่วยเหลือคนอื่นมากขี้น

     ซึ่งผู้ที่รอด ก็จะเหลือแต่ พระโสดาบันขึ้้นไปเท่านั้น ซึ่ง นี่ก็เป็นโจทย์ ที่เบื้องบนมีหน้าที่ให้ท่านอาจารย์ ช่วยเหลือพวกเราให้ อย่างน้อยๆ ให้เป็น พระโสดาบัน ให้ได้ โดยที่อาทิตย์หน้าจะเป็น วิธีลัด สู่การเป็นพระโสดาบัน แบบง่าย ๆ 

อารธนาบารมีพระศรีอาริย์

     อาทิตย์นี้ท่านอาจารย์ อุบลได้อารธนาบารมีพระศรีอาริย์ มาให้พวกเราได้สัมผัส เป็นครั้งที่ 2 หลังจาก กิจธรรมที่ ม.มหิดล ซึ่ง แต่ละคนก็ได้สัมผัส ต่างๆ กันไป ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะขาดศรัทธา ความเชื่อมั่น จิตไม่เปิด ซึ่งก็เป็นเหตุให้ จักรแก้วไม่ทำงานเต็มที่

1.เริ่มต้นที่ตัวผมเองครับ คือ มีอาการเหมือนว่ามีพลังงานอะไรสักอย่าง หมุน อยู่บนศรีษะ ในขณะที่หลับตาก็เห็น เหมือนพระศรีอาริย์ในรูป ที่เคยเอามาลงครับ โดย ที่ตัวผมเองอาการ ที่ เจ็บคอ จมูกไม่โล่ง เหมือนเป็นหวัด ตามัว อาการที่จมูกดึขึ้นมาก อาการเจ็บคอ โล่งขึ้นแต่ไม่หายขาด เพราะ ยังมีกรรมในการนินทาผู้อื่น บวกกับ จิตที่ยังไม่เปิด ยังมีความลังเล สงสัย ทำให้จักรทำงานไม่เต็มที่ อันนี้ก็เป็นความผิดที่ตัวผมเองครับ เราศรัทธาท่านไม่เต็ม 100 และ เราไม่ได้ทำตามที่ท่านบอก 100 เปอร์เซนต์ ก็เลยไม่ได้ผลเหมือนคนอื่นๆน่ะครับแต่ยังไงก็ ขอกราบขอบพระคุณท่านที่ได้ให้ผมสัมผัสบารมีของท่านครับ

2.คุณมงคล มีอาการ ปิิติ น้ำตาไหล และได้เห็นองค์ท่านเต็มๆ ครับ

3.พี่จุ๋ม ได้เห็นพระองค์ท่าน แม้จะไม่ได้ฝึกมโนมยิทธิ อาการวปวด ข้อมือก็หายไป

4.พี่ลิน มีอาการร้อนที่มือ เหมือนได้สัมผัสพลังงาน

5.พี่ธนา รู้สึก เหมือนจะ มีอะไรดึงศรีษะไปทางด้านหน้า อาการทางสายตา ดีขึ้น

6.พี่สิทธิ์ อาการที่ข้อมือ ดีขึ้น

7.อ.อภิชัย มีอาการ ขนลุก และอาการปวดเมื่อยตามตัวหายไป ซึ่ง อ.อภิชัยก็ได้ให้ความเห็นว่า การสัมผัสท่านไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาเนื้อ เสมอไป นี่ก็ถือว่า เราได้ พบพระศรีอาริย์เช่น อาจจะไม่ได้ใช่ ด้วยตาเนื้อ แต่ อาการปวยที่เราเป็นอยู่หายไป

8.น้องเบส อาการภูมิแพ้ เป็นหวัดได้หายไป

9.พี่อร อาการที่คอ ที่หันได้ไม่เต็มที่ก็หายเป็นปรกติ 

10.พี่ป้อม รู้สึกเหมือน มีพลังงาน คิดว่าเป็นจักรแก้วหมุนอยู่บนศรีษะ อาการเจ็บหน้าอกดีขึ้น

11. พี่แก้ว อาการปวดไหล่ ดีขึ้น 70 เปอร์เซนต์ อาการที่หัวดีขึ้น

12.อ.ณี สามารถ นั่งแล้วลุกขึ้นได้แล้ว จากเมื่อก่อนที่นั่งแล้วลุกขึ้นไม่ได้ 

13.พี่แหม่ม ปิติ ขนลุก

14.พี่อดิศักดิ์ อาการที่ข้อมือดีขึ้น

15.พี่สมจิต อาการทาง สายตาดีขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-20 13:18:57


ความคิดเห็นที่ 1583 (1625087)

 

วันอาทิตย์ที่ 19 สค, 55   บารมีพระศรีอารย์
                วันนี้บ้านสวนฯ มีการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมการฟังธรรม และทำงานใช้แรงกาย โดยตอนเช้าตื่นขึ้นมาจะมีการ ไปทำเกษตร ปลูกผัก ปลูกข้าว พอตอนสายหลังกินข้าว ก็จะมาฟังธรรมะบรรยาย จากอาจารย์ กินข้าว แล้วก็มาฟังธรรมต่อ กลับบ้านประมาณบ่าย 3 โมง ท่านอยากให้ฟังธรรมเยอะ ๆ และมาใช้แรงกายวันเสาร์ให้เต็มที่แทน 
วันนี้ท่านพูดถึง คำว่า ID, EGO และ SUPEREGO 
คนที่เป็น ID จะมีกิเลสหนา ทำแต่ความชั่ว
ถ้าคนที่เป็น EGO  ก็คือยังมีกิเลสอยู่บ้าง เข่น มาทำบุญบ้านสวน ก็ทำบุญเพื่อ หวังรวย หรือหวังจะหายจากโรค
ส่วนคนที่เป็น superego ก็จะทำดี อย่างไม่ต้องการผลตอบแทน เช่น คุณป้อม มาทำงานที่บ้านสวน ก็เพราะคิดว่า ตนเองได้รับสิ่งที่ดีๆ มากแล้ว ควรทำอะไรตอบแทน ท่านอาจารย์อุบลบ้าง
ซึ่งท่านบอกให้พวกเราพยายามปรับตนให้เป็น superego ให้ได้ ท่านบอกว่าคนที่จะรอดจากภัยพิบัติ คือ พวกที่เป็นคนดี และท่านได้รับมอบหมายให้ ปรับคนที่มาบ้านสวนให้เป็นโสดาบันให้ได้ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท่านหนักใจไม่น้อยทีเดียวเลยแหละ
 
อย่างไรก็ดี ได้ลองไปค้น ความหมายของคำนี้อีกแนวหนึ่งใน net ได้ดังนี้
"Id, Ego และ Superego"

ขจิตรัตน์ ปูนพันธุ์ฉาย กรมสุขภาพจิต

เห็นชื่อคอลัมน์แล้วอย่าเพิ่งงงนะคะ เพราะเป็นภาษาอังกฤษปนไทย แต่ผู้เขียนจะหยิบยกประเด็นเรื่องของจิตมนุษย์มากล่าวถึง เพราะสังคมไทยเราในทุกวันนี้ดูเหมือนว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่ต้องเป็นผู้มีปัญหาทางจิตหรือสุขภาพจิตไม่ดี แล้วเราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ซึ่งก่อนอื่นคงต้องแปลความหมายของเจ้าภาษาอังกฤษ 3 ตัวข้างต้นก่อนนะคะ

Id คือ ส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณ หรือจิตไร้สำนึก เป็นความต้องการที่จะทำสิ่งใดตามความพึงพอใจของตนเอง หรือการกระทำในลักษณะป่าเถื่อนหรือ Id คือ สมบัติติดตัวของมนุษย์มาแต่กำเนิด

Ego คือ การพัฒนาหรือการขัดเกลา Id ไม่ให้กระทำสิ่งใดตามสัญชาตญาณ หรือตามใจตนเอง Ego เกิดขึ้นจากเรียนรู้หรือการรับการฝึกฝนมาจากครอบครัว โรงเรียน และสังคม ทำให้เขารู้จักหน้าที่บทบาทของตน เคารพกฎหมายทางสังคม

Superego คือ Id ที่ได้รับการพัฒนาขัดเกลาเป็นอย่างดียิ่ง จนมีความรับผิดชอบชั่วดี ศีลธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมศาสนา จะเป็นบุคคลที่กระทำสิ่งใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รู้จักการเสียสละ มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความเต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ

จิตของมนุษย์มีหลายรูปแบบตามข้างต้น หรืออาจกล่าวได้ว่ามนุษย์ที่กระทำแต่ความดีเป็นพวกมี Superego สูง แต่ในทางตรงกันข้ามมนุษย์ประเภทผู้ร้ายก่อกรรมก่อคดีต่างๆ อันรุนแรง ล้วนแต่มี Id ในตัวสูงค่ะ
 
ตอนบ่าย ท่านก็เมตตาอัญเชิญบารมีพระศรีอารย์มาให้พวกเรา เพื่อขอให้หายจากอาการเจ็บปวด ร่างกาย เข่น ปวดขา ปวดไหล่ ปวดหลัง หรือแม้แต่สายตา ท่านบอกว่า อ.อุบล อาราธนาบารมีท่าน ไปที่มหิดล พอคนเดินผ่านท่านอาจารย์ก็หายได้ วันนี้ท่านจึงอาราธนาบารมีพระศรีอารย์มา โดยให้ลูกบ้านสวนแต่ละคนมาบอกอาการที่เจ็บปวด ที่ไหล่ ที่หัว และหลัง พออาราธนาบารมีท่าน ตอนนั้นหลับตาอยู่ ก็เห็นแสงสีนวล ๆ ทีตา แล้วก็มีอาการขนลุก บริเวณเจ็บปวด ก็จะชา ๆ แล้วเบาลง ท่านอาจารย์อุบลบอกว่าจิ๋มไม่รู้กรรมหรอก เพราะเป็นกรรมที่มีแต่ในอดีตชาติ แต่บารมีของท่านก็ช่วยเราได้จริง ส่วนน้องต้นอ้อ พบว่าอาการที่ขนตา แทงเข้า ใกล้ตา จนเกือบลืมไม่ขึ้น ก็ดีขึ้น ตาโตขึ้นมาเลย ซึ่งจิ๋มเห็นใกล้ ๆ ด้วย เพราะได้นั่งหน้า คุณโฆษิต เจ็บไหล่ อาการก็ดีขึ้นด้วย คุณธนา ขอเรื่องผมที่บาง และสายตาสั้น พบว่า อาการดีขึ้น เห็นชัดขึ้น คุณอร ก็ขอเรื่องการเงินให้ใช้หนี้ได้ และขอให้คอที่เคล็ดให้ดีขึ้น ปรากฏว่าเธอก็หมุนคอได้ในที่สุด คุณเหมี่ยวนิ้วล็อคอยู่ ก็หายเลย คุณอมรมีอาการปวดหัว พอเดินมาใกล้ ๆ อาจารย์มาบอกอาการก็หาย ก่อนมาถึงอาจารย์เสียอีก อาจารย์นี บ่นปวดเข่า พอรับบารมีท่านปุ๊บ ลองนั่งคุกเข่าให้อาจารย์อุบลดูเลย ว่าไม่เจ็บแล้ว พี่จุ๋มของจิ๋ม ก็ยิ้มเข้ามาบอกว่า แขนที่เจ็บก็ดีขึ้น และหายเจ็บ เพราะฆ่าหนูมาเยอะเป็นพัน ตัว กว่าจะจบ ป.เอกมาได้   พวกเราทุกคนต่างขอบคุณ และชื่นชมบารมีท่าน และเชื่อว่าพระศรีอารย์มีอยู่จริง ล้านเปอร์เซ็นต์ อาจารย์บอกว่า พวกเรามีอาการปิติกันหลายคน เช่น คุณมงคลจากภาคเหนือ ขึ้นมาก็นั่งร้องไห้เลย พวกเราดีใจแลสำนึกในบุญคุณของท่านอาจารย์อุบล ที่อัญเชิญบารมีพระศรีอารย์มาให้พวกเราได้ชมบารมีกัน

อนุโมทนาในธรรมทานของท่านอาจารย์อุบล และความเมตตาของ อาจารย์มงคล ที่ถ่ายทำวีดัโอให้พวกเราที่ไม่ได้เข้ามาได้ชมกัน และคุณท๊อปที่ช่วยอำนวยความสะดวกขาย พาเมล่า และของศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเรา

ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-20 21:50:55


ความคิดเห็นที่ 1584 (1625110)

 

ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
บ้านสวนฯ มีการปรับปรุงกิจกรรมใหม่
โดยท่านอ.อุบล กำหนดให้วันเสาร์เป็นวันที่
ทำบุญแรงกายกันให้เต็มที่ ส่วนวันอาทิตย์
เป็นวันที่ทำกิจกรรมสมาทานศีล และขอบคุณ
ท่านอาจารย์  บรรยายธรรม ฝึกกรรมฐาน
รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การแสดง
 
ที่สำคัญ ท่านอาจารย์จะได้อัญเชิญพระบารมี
แห่งองค์สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย์ มาให้ลูกหลาน
ได้สัมผัสพระบารมีอย่างใกล้ชิด
ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้
 
************
ขออนุโมทนากับทุกท่าน
ที่ได้สัมผัสพระบารมีของพระองค์
สาธุ สาธุ สาธุ
 
 
 

 
 
 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธัญญาภรณ์ พุกภัย พิสมัย (ฝรั่งเศส) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-21 00:18:27


ความคิดเห็นที่ 1585 (1625116)

พูดถึงการจัดตารางเวลา

ในการสร้างบุญและธรรมทานแบบใหม่นี้

 

ชนิดาว่าลงตัวดีนะคะ

เพราะที่ผ่านมาทุกๆวันเสาร์

แต่ละคนลุยงานกันเต็มที่

บางทีก็ล้า ก็เพลีย

 

พอสองสามทุ่ม ตาก็เริ่มจะปิดแล้ว

แบบว่า ฟังคนสารภาพบาป

และ ฟังคำสอนของท่านอาจารย์ไป

แต่ละคนก็ตีตั๋วไปเที่ยวประเทศเลบานอน กันหม๊ด...

 

แต่ตารางเวลาใหม่ ได้ทำบุญเต็มเวลา

และ กระจายทั่วถึงทุกๆบุญ

 

พอสายๆก็มานั่งฟังธรรมะ

ด้วยใจสบายๆ และแช่มชื่นยิ่งกว่าด้วย

 

 

ว่าแล้วก็รอติดตาม

ภาระกิจอันยิ่งใหญ่ของท่านอาจารย์

ที่ต้องผลักดันให้ทุกคน

ถึงขั้นโสดาบันให้ได้ โดยเร็วที่สุด...

 

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากน้องเอิ้น และ พี่จิ๋ม ด้วยนะค๊า...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-21 03:22:55


ความคิดเห็นที่ 1586 (1625188)

เสาร์นี้ หลายท่าน อิ่มบุญกันทั่วหน้า ในการสร้างบุญ ทั้งการก่อสร้างฐานบัวรองพระบาท สมเด็จองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา  ย้ายวิมานไม้ไผ่ 3 หลังมาอยู่ด้านข้างรั่ว   ได้ทํานาปลูกข้าว จะเห็นความเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่เข้ามาบ้านสวน ในทางที่ดีขึ้น สถานที่ถูกปรับให้ สวยงามลงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ  ทําให้มาย้อนคิดถึงตัวเองว่า ในเมื่อเราเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นคือ ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นทุกด้าน  แล้วตัวเรา จิตใจของเราหละ เราได้เปลี่ยนตัวเองเปลี่ยนจิตใจ ไปในทางที่ดีขึ้น ได้แค่ใหน อย่างไรแล้วบ้าง เรายังต้องพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็ง ก้าวข้ามผ่านพยามารตรงหน้าให้ได้ การรักษาศีลเข้มข้นดีหรือไม่ และสิ่งไม่ดีต่างๆในตัวเรา ได้รับการแก้ไขหรือยัง คิดยาววเลย

ท่านอาจารย์เมตตา เปลี่ยนเวลาทํากิจกรรมบุญใหม่ วันเสาร์ให้สร้างบุญเต็มที่ ส่วนภาคกลางคืนให้สวดมนต์ ใหว้พระ และวางแผนกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น ส่วนวันอาทิตย์ ให้ไปสร้างบุญช่วงเช้าที่แปลงผัก หรือที่ต่างๆ เพื่อออกกําลังกาย หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ก็จะเริ่มกิจกรรมในร่ม ฟังธรรมะ ฝึกสมาธิ ขอบคุณสิ่งศักสิทธิ์ สมาทานศีล จนจบกิจกรรม

ท่านอาจารย์ได้ รับมอบหมายมา ให้ลูกบ้านสวนเ ต้องป็นพระโสดาบัญให้ได้ และคนที่มีสัญญามา จะต้องทําหน้าที่ช่วยท่านอาจารย์ โดยใช้องค์เทพสฟิงซ์ช่วยคน ทําทุกอย่างแทนท่านอาจารย์ เพื่อช่วยปลดเปลื่องทุกข์ให้กับผู้คน ที่จิตเปิด เชื่อศรัทธาและเคารพพระพุทธเจ้า เชื่อกฎแห่งกรรม 

อาทิตย์นี้ พวกเราได้รับความเมตตาอย่างสูงสุดจากท่านอาจารย์ ขอพุทธานุญาต อาราธนา อัญเชิญ พระบารมี พระศรีอาริย์เสด็จลงมาโปรด ลูกหลาน ให้พวกเราได้ สัมผัสพระบารมี องค์ท่าน แบบเต็มๆ ท่านไดเมตตาปลดเปลื่องความทุกข์ให้ทุกคน ได้เห็นกันจะๆ ใครมีปัญหา ปวดหัว ปวดคอ ปวดบ่า ปวดมือ ปวดหลัง สายตาสั้น -ยาว ท่านเมตตาเช็คที่ละคน ได้ผลกันทั่วหน้า ทุกคนที่มีอาการหายหมดเลยค่ะ ได้รับความสุข เกิดอาการปิติจนร้องให้บ้าง สมหวังกันแบบสุดๆเดี๋ยวนั้น

 อาการของ อร ตอนนั้น ปวดคอเวลาหันไปทางด้านซ้ายจะปวดมาก และก็ปวดหัวแบมึนๆหนักๆ พอท่าน พออาจารย์ อาราธนาอัญเชิญท่าน ลงมาสถิต ที่กาย วาจา ใจ ตอนนั้นรู้สึก เป็นมโนภาพเห็นท่าน ยืนอยู่องค์เดียว ไม่เห็นองค์อื่นๆเหมือนทุกครั้ง องค์ท่านใสเหมือนแก้ว มือข้างขวาถืออะไรสักอย่างเป็นแผ่น ท่านยืนนิ่งๆ แต่แผ่นที่ท่านถืออยู่ มีแสงสว่างจ้าแล้วก็หมุนเร็วมากตลอดเวลา ส่วนมือข้างซ้ายที่ท่านถือ เเป็นแบบยาวๆ ไม่ค่อยชัดเจน แล้วก็รู้สึกวาบๆ เหมือนอยากร้องให้ อาการปวดหัว ดีขึ้น 90เปอร์เซนต์ อาการปวดคอดีขึ้น80เปอร์เซนต์ ช่วงที่เดินออกมาขอนคุณ พอมาถึงระยะเสา ใกล้ท่านอาจารย์ อาการทุกอย่างโล่งหายหมด หันคอได้ที่โดยไม่เจ็บ ดีใจมากที่    พระองค์เสด็จแล้ว  มาโปรดลูกหลานแล้วจริง                                 ขอน้อมกราบพระบาท พระพุทธองค์ศรีอาริย์เมตตรัย ลูกขอทําความดี ปฎิบัติตามคําสั่งสอนของพระองค์ท่าน จะเปลี่ยนตัวเองให้ได้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแต่พระองค์ท่าเจ้าค่ะ (ขณะที่เขียนธรรมทานรู้สึกตัวเบาโล่ง เกิดปิติบอกไม่เลยถูกค่ะ)  

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-21 13:10:29


ความคิดเห็นที่ 1587 (1625215)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้รับพระเมตตาได้เห็น ได้สัมผัสพระบารมีขององค์พระศรีอาริย์ รู้สึกตื้นตันและดีใจว่าเราได้เข้าใกล้พระองค์เข้าไปทุกที

มีการจัดตารางเวลาสร้างบุญและกิจกรรมใหม่นี้ลงตัวดีครับ เพราะช่วงที่ไปบ้านสวนแรกๆ ก็ปรับตัวยังไม่ทัน ช่วงกลางวันสร้างบุญจนเหนื่อยล้า พอได้มาอาบน้ำสดชื่น  ทานข้าวหนังท้องตึง พอกิจกรรมภาคกลางคืนก็หนังตาเริ่มหย่อน จะฟังธรรมะที่ท่านอาจารย์เมตตาสอนก็ฟังไม่ประติดประต่อ หลายๆครั้งนั่งเข้าฌาน(นั่งหลับ)หรือไม่ก็แอบตีตั๋วตามพี่ชนิดานั่งไปเที่ยวเลบานอนเหมือนกันครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชวนินทร์ กฤตธกร (ก็อต) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-21 16:15:29


ความคิดเห็นที่ 1588 (1625282)

อนุโมทนกับทุกท่านที่ไปสร้างบุญกันในเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา

พระองค์ท่านเสด็จมาโปรดลูกหลานให้ได้สัมผัสใกล้ชิด

รับพลังวิเศษจากพระองค์ท่านถ้วนหน้า

พระเมตตาที่ทำให้ผู้คนมีความสุข

ยินดีกับพี่จุ๋ม คุณอร และทุกท่านเลยย

ตารางบุญใหม่ ตรงใจดีค่ะ

ไม่งั้น ภาคกลางคืนวันเสาร์

พากันไปเฝ้าพระอินทร์ซะส่วนใหญ่

บ้างก็

ตีตั๋วตามพี่ชนิดานั่งไปเที่ยวเลบานอนเหมือนกันน

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-21 17:33:13


ความคิดเห็นที่ 1589 (1625475)


ขอขอบคุณธรรมทาน

ของญาติธรรมทุกท่านด้วยค่ะ
ที่ถ่ายทอดได้เหมือนเราได้อยู่

ที่บ้านสวนด้วยตัวเอง

และยิ่งได้เห็นว่า

บารมีของพระศรีอาริย์นั้น

ประมาณมิได้จริงๆ

ได้ฟังเรื่องราวของน้องเอิร์ทแล้ว
นี่แสดงว่าน้องเอิร์ท

ต้องได้รับสื่อสารนะคะ
ว่าคนที่น้องเอิร์ทวาดรูป

อาจเป็นคนที่จะช่วยน้องเอิร์ท
และคนอื่นๆ ให้เจ็บป่วยได้
เพียงแค่วาดรูปอาการเจ็บป่วยก็หายได้

และแต่ละคนที่ได้รับสัมผัส

บารมีขององค์พระศรีอาริย์นั้น
เรียกว่า เกือบ 100% ที่เห็นผลดีขึ้น
มีส่วนน้อยที่จิตยังไม่เปิด

หรือมีจิตต้าน ผลคือได้ไม่เต็มร้อย
แต่ก็ถือว่าบารมีท่านมากจริงๆ
ขนาดจิตไม่เปิด

ยังมีอาการดีขึ้นมากขนาดนี้

แล้วถ้าศรัทธาด้วยใจเต็มร้อย

จะเกิดผลขนาดไหน

หรืออาจเพียงแค่คิด

ก็สัมฤทธิ์ผลแล้วก็เป็นได้
ยุคของท่านคงใกล้

เข้ามาทุกทีแล้วนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-22 09:12:03


ความคิดเห็นที่ 1590 (1625500)

     อาทิตย์นี้มีการเปลี่ยนแปลงการทำบุญที่บ้านสวนด้วย คือวันเสาร์เราจะสร้างบุญ ด้วยแรงกาย อย่างเต็มที่ ให้ครบ 9 ชั่วโมง  ส่วนวันอาทิตย์อาจารย์อุบล จะให้พวกเราได้สร้างบุญด้วยธรรมทาน  พร้อมกับการให้ธรรมะของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ โดยท่านอาจารย์อุบล

      ก็เป็นโชคดีของลูกบ้านสวนที่มาในวันอาทิตย์นี้  ซึ่งมีราว 28 คน ได้เป็นผู้ที่ได้สัมผัส บารมีของพระศรีอาริย์ อย่างใกล้ชิดทุกคน  ท่านอาจารย์อุบลได้ให้พวกเราได้บอกอาการที่เจ็บป่วย  ของแต่ละคน  รวมถึงความทุกข์  ทั้งหลายทั้งปวงด้วย ในขณะที่อาจารย์ท่านได้อาราธนาบารมีแผ่แสงอานุภาพให้พวกเราได้หาย  ตั้งแต่การอาราธนายังไม่จบ   บางคนขนลุกบางคนปิติมีความสุข  บางคนร้องให้  บางคนสามารถมองเห็นท่าน ประทับอยู่บนศรีษะ อาจารย์อุบล 

สำหรับเหมี่ยว มีอาการนิ้วล๊อก  กำมือก็ไม่ได้เต็มที่ปวดด้วย  รู้สึกว่า อาการปวดหาย นิ้วล๊อกคลายตัวเหยียดกำมือได้คล่องเป็นปรกติ ตั้งแต่ท่านอาจารย์ บอกว่าจะอาราธนาพระบารมีพระศรีอาริย์ ให้พวกเราได้สัมผัสว่าจริงหรือไม่ 

พออาจารย์อุบลท่านอาราธนาเสร็จ อาจารย์ท่านก็ถามว่า  ใครมีอาการเจ็บปวดอะไรหายบ้าง  เพื่อเป็นการยืนยันการได้สัมผัสพระบารมีพระศรีอาริย์ มีผู้ออกมายียันดังนี้

1.  น้องต้นอ้อ ออกไปหาอาจารย์อุบลก่อนใครเลย หนูค่ะต้นอ้อปวดขา  วันเสาร์ทำงานหลายอย่าง ที่ป้าเหมี่ยวเห็น ก็มียกทราย ยกหิน   กับพวกพี่ๆเขา โดยการหิ้วกระป๋อง ท่านอาจารย์ถามว่า หายปวดขาหรือยังจ๊ะ  ต้นอ้อบอกว่าหายแล้วค่ะ  หายโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย  ไม่ต้องสารภาพบาป

        2.  อาจารย์นีย์ มีอาการปวดขาเวลานั่ง ลุกขึ้นลำบาก  อาการปวดขาหายลุกนั่งสะดวกขึ้น

3.  คุณสิทธิ์  ปวดข้อมือ เคล็ดด้วยวันเสาร์ผสมปูนหนัก  ป้าเหมี่ยวบอกให้เรียกอาจารย์อุบล ช่วยด้วยก็ไม่หายดี  ยังเจ็บมีอาการเจ็บ มาถึงวันอาทิพย์  พอมาเจอบารมีพระศรีอาริย์หายทัน

      4.  คุณธนา สายตาสั้นมองหนังสือไม่ชัดต้องใส่แว่น และผมที่อยู่กลางศรีษะบางด้วย คุณธนาก็สามารถอ่านหนังสือที่ไกลได้ชัดเจน

      5.  คุณอร  อุ่นศรี  คอเคล็ดหันก็ไม่ได้เจ็บมาก แต่พอเข้าไปใกล้ท่านอาจารย์ คอหันได้ คล่องทั้งซ้ายและขวา

      6.  ดร.จุ๋ม  ปวดแขนกับขาชา  ก็หายทันที่เพราะ ดร.นั่งอยุ่แถวนี้  บารมีสอดส่องเต็ม ๆ ดร.จุ๋ม  ปวดแขน แล้วก็หาย ท่านไม่ได้มามโนนะแต่ ท่าน ดร. เห็นแสงสีขาวเต็มบ้านสวนเต็มไปหมด

      7.  คุณสมจิตร  รายได้ลดลงอาจารย์ท่านมีมโนกรรมอยู่  คุณสมจิตรก็ยอมรับว่ายังมีนิดหน่อย  คุณสมจิตรพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง  อาจารย์ท่านเมตรตาคุณ สมจิตรว่า กลับไปรายได้จะดีขึ้น

      8.  คุณอดิศักดิ์  ก็ปวดข้อมือ  เหมือนกันแต่เป็นมานานหลายปี  เห็นคุณอดิศักดิ์หมุนข้อมืออยู่นานจนเดินไปถึงท่านอาจารย์  คุณอดิศักดิ์ก็บอกว่าหายหมดเลย กับอาการเจ็บปวดแต่ที่หมุนข้อมือไปเรื่อย ๆ ก็เพราะอยากเช็คระยะดูว่าหาย อยู่ห่าง อ.อุบล  อยู่ตรงกี่เมตร  คุณอดิศักดิ์  จะหายอยู่ที่ตรง 2 เมตร

      9.  อาจารย์อภิชัย  ใช้เวลาที่เหลือจากทานข้าวเที่ยง  ไปทำงานต่อที่องค์ปฐม  เข้าศาลาทีหลังเพื่อน อาจารย์ขึ้นศาลามาด้วยความปวดเมื่อยทั้งตัว  แต่พอมาพบบารมีของพระศรีอาริย์ อาจารย์อภิชัย ก็หายจากอาการเจ็บปวดทั้งหมด

      เหมี่ยวเห็นกับตัวเองว่า เป็นสิ่งที่วิเศษมาก เพียงสัมผัสบารมีท่านเราก็พบกับความสุขกันถ้วนหน้า สัมผัสได้จริง ๆ เหมี่ยวเชื่อว่าจริง ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ เราจะต้องปฏิบัติตนรักษาศีล หมั่นเพียรสร้างทาน บำเพ็ญภาวนา ทำให้เป็นนิสัย เราต้องได้สัมผัสได้มากกว่านี้แน่นอนค่ะ กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล อาจารย์มงคล ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-22 10:44:56


ความคิดเห็นที่ 1591 (1625893)

 วันเสาร์ที่ 18 อาทิตย์ที่ 19 ส.ค.55

          สัปดาห์นี้มีผู้มาร่วมสร้างบุญที่บ้านสวนฯ ไม่มากนักแต่มีงานที่ได้มาก เช่น ขนหินคลุกใส่ฐานรองพระบาทสมเด็จองค์ปฐมและเทปูน,ถากหญ้าแปลงเผือก ,ขนย้ายฟืน,ย้ายกระท่อม,ปลูกข้าว

        คืนวันเสาร์ ได้สวดมนต์ และชี้แจงรายละเอียดการปรับเปลี่ยนเวลาการทำกิจกรรมภาคกลางวัน ให้มีเวลาสร้างบุญให้ครบ 9 ชั่วโมง กลางคืนรับฟังข่าวสารข้อชี้แจงต่าง ๆในกิจกรรมต่าง ๆ สวดมนต์ ทำสมาธิ ต้องเลิก 5 ทุ่มแล้วพักผ่อน เช้าวันอาทิตย์ สร้างบุญแต่เช้า รับอาหารเช้า เก้าโมงเช้า แล้วเข้าห้องสมาทานศีลทดสอบการปรับเปลี่ยนเวลาการทำกิจกรรมบุญให้มีเวลาสร้างบุญมากยิ่งขึ้น

        วันอาทิตย์ ผมได้ชมบารมีพระศรีอาริย์ที่ อาจารย์อุบล เมตตาอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์ ให้ลูกหลานบ้านสวนได้สัมผัส  อ.อุบลบอกว่า เพียงคนที่เข้าไปใกล้ อาจารย์อุบล เราก็จะพบกับปรากฏการณ์ใหม่ สามารถทำให้ อาการเจ็บป่วย เจ็บปวด ดีขึ้น หรือหาย ได้เช่นกัน  นับเป็นความอัศจรรย์ วันนี้ ตัวผมเองได้สัมผัสเองด้วยการพิสูจน์ด้วยตนเองครับ

        ผมมีอาการปวดหัวเข่า, ประสาทสั่งการการพูด, ผิดปรกติ สายตายาว อาการปวดหัวเข่าหายทันที รู้สึกโล่งตัว เย็นวาบในร่างกายรู้สึกสบายตัว เมื่อเดินเข้าใกล้ อาจารย์อุบล และเห็นแสงสว่างวับวาบ จนต้องลืมตาดู ขณะที่อาจารย์อุบลกำลังอาราธนาบารมีพระศรีอาริย์ ผมเชื่อว่าเป็นพระบารมีของพระศรีอาริย์ ทำให้ผมสัมผัสได้อย่างชัดเจน ผมเชื่อว่าเป็นจริงล้านเปอร์เซนต์ ครับ

        มีอีกหลายท่านที่ได้ยืนยันสัมผัสพระบารมีจนมีอาการดีขึ้นหรือหาย ดังนี้

1.คุณสุรสิทธิ์  ศรประสิทธิ์ มีอาการเจ็บที่ข้อมือที่ออกแรงจับจอบผสมปูน เมื่อเข้าใกล้ อาการเจ็บปวดหายไป

2.คุณอดิศักดิ์  โพธิ์สาร มีอาการเจ็บข้อมือมานานนับปี จนมีกังวล เมื่อเข้าใกล้ระยะสองเมตร อาการเจ็บปวดหายไปอย่างอัศจรรย์

3.คุณเพชรดา  วรรณรักษ์ มีอาการคัน เป็นผดผื่นที่หัวเข่า อาการผื่นคันหายไป

4.คุณอภิชัย ภิรมย์รักษ์ มีอาการปวดเมื่อยหัวไหล่ ไม่ทราบว่ามีการอัญเชิญบารมีพระศรีอาริย์ เข้ามาทีหลัง อาการดังกล่าวได้หายโล่งเบาสบายตัว

5.คุณธนา  มีอาการสายตาสั้น และเส้นผมที่กลางศรีษะร่วงบาง ขอบารมีพระศรีอาริย์ ทำให้ สายตามองได้สว่างขึ้นอย่างชัดเจน

6.คุณสุนีย์  ศิริมาศกูล มีอาการนิ้วล๊อก เหยียดนิ้วไม่สะดวก  อาการนิ้วล๊อกหายทันที

7.คุณอร  อุ่นศรี  มีอาการคอเคล็ดหันหน้าไปด้านข้างไม่ได้ สามารถหันหน้าอาการหายเป็นปรกติ

8.คุณมงคล  เดินทางมาจาก จ.เชียงราย ขณะที่อาราธนาพระบารมี เสียงคุณมงคลร้องให้สะอึกสะอื้น ที่ได้เห็นภาพของพระองค์ด้วยจิต จึงเกิดปิติที่ได้สัมผัสพระบารมี   

9.คุณกฤษณะ  สิงห์ป้อม  มีอาการเสียวแป๊บที่หัวใจ สัมผัสพระบารมีพระศรีอาริย์ แล้วทำให้สังเกตได้ว่า ไม่มีอาการดังกล่าวอยู่เลย

10. ดร.จุ๋ม มีอาการปวดที่แขนและข้อมือขวา ชี้ชัดว่าเป็นผลของกรรมที่เกิดจากใช้มือฆ่าหนูทดลอง หนึ่งพันตัว ตอนสมัยเรียน  สัมผัสพระบารมีด้วยการเห็นแสงสีขาวเจิดจ้า ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และทำให้อาการปวดที่ข้อมือและแขนหายไป

        นับเป็นความเมตตาของอ.อุบลและอ.มงคล  และกราบขอบพระคุณ ที่ทำให้ได้พบพระศรีอาริย์ด้วยการ อัญเชิญพระญาณบารมีของพระองค์ เพื่อให้ลูกหลานได้สัมผัส อธิบายได้ด้วยตนเองว่า เราสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เรามีทุกข์จากความเจ็บป่วย แล้วหายในทันที  เราอาจพบกับความอัศจรรย์ ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมายที่เรายังไม่ได้สัมผัส  คงต้องมาสำรวจตนเองที่การรักษาศีลยังไม่บริบูรณ์ เพียงเริ่มต้นให้รู้ว่า มีจริงและเป็นจริง 

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-24 02:21:30


ความคิดเห็นที่ 1592 (1631764)

ธรรมทานประจำวันที่ 29-30.. 55

 
ก่อนที่จะเล่าธรรมทาน
ผมขอกราบขอบพระคุณ
ท่านอาจารย์ทั้งสองและคุณท็อบ
ที่ให้โอกาสผมมาสร้างบุญที่บ้านสวนฯ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์
และเทวดาประจำตัวท่านอาจารย์
ที่กรุณาช่วยเหลือให้รถของพี่สมจิต
ที่ผมโดยสารกลับมาด้วย
และเสียระหว่างทางใกล้จะถึงบ้าน
ให้วิ่งต่อกลับบ้านได้โดยสวัสดิภาพครับ
 
ผมขอนำเรื่องที่คิดว่า สำคัญที่สุด
ตามความเห็นของผม
มานำเสนอเป็นเรื่องแรกนะครับ นั่นคือ
เรื่องของ  
ความกตัญญู
 
ทุกวันนี้ลูกหลานบ้านสวนฯ
มักจะบกพร่องในเรื่องนี้มาก
เราขอธรรมะบำบัดจากท่านอาจารย์อุบล
เพื่อช่วยให้หายจากความทุกข์สำเร็จแล้ว
มักจะลืมหรือไม่ให้ความสำคัญกับ
การที่ท่านอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ได้แผ่พระบารมีช่วยเหลือให้หายทุกข์
 
เวลาที่มีความทุกข์
ต้องการให้ความทุกข์ต่าง ๆ หมดไป
ก็มักพูดจาฉะฉาน เสียงดังฟังชัด
บอกรายละเอียดได้ชัดเจน
แต่เวลาที่หายจากอาการ
มักจะลืมกล่าวขอบคุณท่านอาจารย์
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วยรักษา หรือ
พูดแต่พูดเบา ๆ
 
บางคนลืมแม้กระทั่งกล่าวขอบคุณด้วยซ้ำ
และส่วนใหญ่ที่พบ มักจะไม่บอกอาการที่หาย
แต่กลับบอกแต่อาการที่เหลืออยู่
เพื่อให้ท่านช่วยรักษาให้หมด ให้พ้นทุกข์
 
โดยลืมไปว่า ที่หายไปน่ะ มีกี่โรค โรคอะไรบ้าง
และหากไปรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว
จะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายอีกมากเท่าไร
คิดแต่จะหายท่าเดียว
 
หรือ เมื่อหายแล้วก็ไม่บอกเล่าต่อให้หมอ พยาบาล
คนที่รู้จักทราบว่า อาการที่หายเกิดจากบุญบ้านสวนฯ
และบางคนก็ยังไม่ศรัทธาท่านอาจารย์เต็มร้อย
ยังมีความลังเล สงสัย
 
จึงเป็นสาเหตุของการที่หลายคนที่หายแล้ว
กลับมาเจ็บป่วยอีกครั้งหนึ่ง
เพราะขาดความกตัญญูนั่นเอง
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-01 03:08:30


ความคิดเห็นที่ 1593 (1631765)

 

ธรรมทานประจำวันที่ 29-30.. 55

เรื่องของ  พระไตรปิฎก
 
ลูกหลานบ้านสวนฯ มักไม่สนใจอ่านพระไตรปิฎก
ทำให้ขาดภูมิธรรม ขาดปัญญา
 
เมื่อไม่มีปัญญาเป็นอาวุธ
จึงไม่สามารถต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ
 
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่สนใจครับ
ซื้อพระไตรปิฏกฉบับที่ทำให้ง่ายแล้ว
มาตั้งแต่ตอนมาบ้านสวนฯครั้งแรก ๆ
จนป่านนี้อ่านไปไม่ถึง 1%
จึงทำให้โง่ไม่หายจนทุกวันนี้
 
หลายคนที่คิดว่ายังเขียนธรรมทานไม่เก่ง
ลองซื้อหามาอ่าน หรือ อ่านในเน็ตก็ได้
ผมคิดว่า เราจะสามารถรับฟัง
ท่านอาจารย์แล้ว เข้าใจ ตามทัน
ในสิ่งที่ท่านสอนมากยิ่งขึ้น
และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตประจำวันเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ
ทั้งปัญหาส่วนตัวและส่วนรวมได้
 
สำหรับสัปดาห์นี้
ท่านได้สอนเรื่อง
 
ผลแห่งความเป็นสมณะ หรือ
ผลแห่งการบำเพ็ญคุณงามความดี
 
ซึ่งอยู่ในพระไตรปิฎกฉบับที่ทำให้อ่านง่ายแล้ว
(เรียบเรียงโดย วศิน อินทสระ)หน้า 39
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม
ให้แก่พระเจ้าอชาตศัตรู ดังต่อไปนี้
 
1.    ผู้ที่เคยเป็นทาส เมื่อบวชแล้วย่อมพ้นจากความเป็นทาส
และได้รับการยกย่องนับถือ เคารพกราบไหว้
ให้เกียรติ ถวายปัจจัย 4 ด้วยความเคารพอ่อนน้อม
แม้จากผู้ที่เคยเป็นนาย
 
2.    ผู้ที่เคยทำนา หรือ มีอาชีพเป็นกรรมกรอย่างอื่น
เมื่อบวชแล้วก็พ้นจากความเป็นชาวนาหรือกรรมกร
และกลับเป็นที่เคารพยกย่องให้เกียรติ
ของคนทุกชั้น ตั้งแต่พระราชาลงมา
 
สองประการนี้เป็นผลทางโลกที่เห็นได้ในปัจจุบัน
 
3.    ผู้เป็นคหบดี หรือบุตรของคหบดี (คหบดี คือ เศรษฐี)
ผู้ออกบวชด้วยความศรัทธา
มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย สำรวมในศีลดีแล้ว
สมบูรณ์ด้วยศีลระดับต่าง ๆ ทั้ง
จุลศีล มัชณิมศีล และมหาศีลแล้ว
สำรวมอินทรีย์ คือ ระวังตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ
มิให้ความยินดียินร้ายเข้าครอบงำได้
ในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง เป็นต้น
มีสติสัมปชัญญะ (ระลึกได้และรู้ตัวเสมอในการทำ พูด คิด)
มีความสันโดษ ยินดี พอใจด้วยปัจจัย 4
ตามมีตามได้ ปลีกตนออกไปอยู่ในเสนาสนะอันสงัด
 
บำเพ็ญศีลสมถะภาวนาทำให้ใจสงบเป็นสมาธิ
ย่อมละนิวรณ์ 5 ได้ คือ
ละกามฉันท์ (ความพอใจในกาม)
พยาบาท (ความคิดปองร้ายผู้อื่น)
ถีนมิทธะ (ความง่วงงุนเกียจคร้าน)
อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านและรำคาญ)
และวิจิกิจฉาเสียได้ 
(ความลังเลสงสัยในกุศลธรรม หรือคุณงามความดี)
มีความรู้สึกปลอดโปร่ง เบากาย สบายใจ
เหมือนคนเป็นหนี้แล้วพ้นจากหนี้
เคยเป็นโรคที่ร้ายแรงแล้วหายจากโรค
เคยติดคุกจองจำแล้วพ้นจากคุก
พ้นจากเครื่องจองจำ
เคยเป็นทาสแล้วพ้นจากความเป็นทาส
เคยเดินทางไกลกันดารเต็มไปด้วยภัยอันตรายแล้ว
ข้ามพ้นทางไกลกันดารถึงแดนอันเกษม ปลอดภัย
ย่อมมีความชื่นชมโสมนัส ฉันใดก็ฉันนั้น
 
ภิกษุนั้นเมื่อละนิวรณ์ 5 ได้แล้ว
ย่อมบรรลุณานที่ 1 อันประกอบด้วยองค์ 5 คือ
วิตก (อาการที่จิตจับอารมณ์ได้ ไม่ฟุ้งซ่านไปที่อื่น)
วิจาร (อาการที่จิตเคล้าอยู่กับอารมณ์)
ปีติ (ความอิ่มใจ กายเบา)
สุข (ความสุขใจ) และเอกัคคตา
(ความสงบนิ่งแห่งใจ ความที่ใจเป็นหนึ่ง ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว)
 
เพื่อความเข้าใจเรื่อง
ปฐมฌาน
ขอนำตัวอย่างของอารมณ์ปฐมฌาน
ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
มาประกอบความเข้าใจ ดังนี้

ปฐมฌานนี่มีองค์ ๕ คือ มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
 
คำว่าวิตกก็ได้แก่
อารมณ์นึกที่เราจะกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก
 
วิจารก็ได้แก่
การรู้ว่าเวลานี้เราหายใจเข้าหรือว่าหายใจออก
หายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้น
หรือว่าจะพูดกันถึงในกรรมฐาน ๔๐
เราก็จะมีอารมณ์รู้ว่าเวลานี้ลมกระทบจมูก
กระทบหน้าอก กระทบศูนย์เหนือสะดือ
สำหรับลมหายใจเข้า ถ้าสำหรับลมหายใจออก
ก็จะกระทบศูนย์เหนือสะดือ กระทบหน้าอก
กระทบจมูกหรือว่าริมฝีปาก
อย่างนี้เป็นอาการของวิจาร จำไว้ให้ดีด้วย
 
และก็ปีติ
เป็นความเอิบอิ่มใจ ตามที่กล่าวมาแล้ว
มีความชุ่มชื่น มีความเบิกบาน ไม่มีความอิ่ม
ไม่มีความเบื่อ ในการเจริญพระกรรมฐาน
สามารถจะรวบรวมกำลังสมาธิเมื่อไหร่ก็ได้
 
สุข
ก็ได้แก่ ความสุขเยือกเย็น
ที่หาความสุขเปรียบเทียบใดๆ ไม่ได้
และมีความเอิบอิ่มใจมาก
 
เอกัคคตา
มีอารมณ์เดียว หมายความว่า
ในขณะนั้นจิตจะจับเฉพาะ
อารมณ์ลมหายใจเข้าออกอยู่ตามปรกติ
จิตจะไม่รับอารมณ์ส่วนอื่น
อันนี้เป็นอาการของที่เราจะทราบได้ตามจริยา
คือ อาการของปฐมฌาน มีองค์ 5
 
แต่ทว่าจะพูดถึงความรู้สึก
ขณะที่จิตของเราเข้าถึงปฐมฌาน
จิตจะจับลมหายใจเข้าออก ลมหายใจจะเบา
มีความสุขสดชื่น
หูได้ยินเสียงภายนอกชัดเจนแจ่มใส
แต่ทว่าไม่รำคาญในเสียง
จะเป็นเสียงดังจะเป็นเสียงเบา เสียงเพลง
เสียงทะเลาะกัน เอะอะโวยวาย
ของขี้เมา ขี้เหล้าเมายาก็ตาม
เราไม่รำคาญในเสียง
สามารถจะคุมอารมณ์ได้ตามปรกติ
อย่างนี้เรียกว่า
ปฐมฌาน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กำลังจิตสำหรับผู้ฝึกที่จะเข้าปฐมฌานนั้น
ก็มีความสำคัญอยู่จุดหนึ่ง คือ
ขณะที่จิตก้าวเข้าไปสู่ปฐมฌานเบื้องแรก
กำลังของจิตยังไม่มั่นคง
ตอนนี้เวลาที่เราจับลมหายใจเข้าออกจะมีอารมณ์สงัด
จะมีสภาพนิ่งคล้ายๆ อาการเคลิ้ม
บางทีเราคิดว่าเราหลับแต่ความจริงไม่หลับ
ถ้าหลับมันจะโงกหน้าโงกหลัง
 
อาการเช่นนั้นที่เกิดขึ้นกับเรา มีอาการเฉยๆ ตัวตั้งตรง
แต่ว่ามีอาการเคลิ้มลืมตัวเหมือนหลับ
สักครู่เดียวหรือประเดี๋ยวเดียว
จะมีอาการหวิวคล้ายตกจากที่สูง
และเราก็ไม่สามารถจะนำอารมณ์นั้นขึ้นมาใช้ได้อีก
เพียงแค่รักษาอารมณ์สบาย
อาการอย่างนี้ ขอท่านทั้งหลายพึงทราบ
ว่านั่นสมาธิจิตของท่าน ขณะที่มีอารมณ์สบายเงียบสงัด
มีอาการคล้ายเคลิ้มเหมือนหลับ
เป็นอาการจิตหยาบของอารมณ์หยาบของปฐมฌาน
เป็นการก้าวขึ้นสู่ปฐมฌานแบบหยาบๆ
แต่ทว่าจิตไม่สามารถจะทรงฌานอยู่ได้
จิตพลัดจากฌาน จะมีอาการหวิวคล้ายกับตกจากที่สูง
ถ้ามีอาการอย่างนี้เกิดขึ้น ก็จงอย่าสนใจ
มันจะเป็นยังไงก็ช่าง เราก็รักษาอารมณ์ปรกติไว้
ได้เท่าไหร่พอใจเท่านั้น
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-01 04:21:39


ความคิดเห็นที่ 1594 (1631767)

 

ธรรมทานประจำวันที่ 29-30.. 55
เรื่องของ  ภัยพิบัติ
 
เราสามารถเลือกที่จะหยุดยั้ง
ภัยพิบัติไม่ให้เกิดได้
ดังเช่นที่ท่านอาจารย์ดร.อาจอง
ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
หากคนทั้งโลกเพียงแค่ 50%
ช่วยกันทำความดีมีเมตตา
เลิกเห็นแก่ตัวหันมาช่วยเหลือกันและกัน
ภัยพิบัติก็จะไม่เกิด
 
เหมือนที่ท่านอาจารย์ได้สอน
ให้เรารีบตามหา อย่าหยุดตามหา
สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย์
ให้เราช่วยกันเผยแพร่ธรรมะของบ้านสวนฯ
ช่วยกันใช้จี้องค์เทพสฟิงซ์ไปช่วยผู้อื่น
การใช้รหัสจักรวาล
อาจารย์อุบลช่วยด้วย
 
แต่เราไม่ค่อยทำกัน
นั่นคือ เราเป็นคนเลือกแล้ว
ว่าจะให้ภัยพิบัติเกิด
ดังนั้นภัยพิบัติก็ต้องเกิด
 
ดังนั้น
เราต่างร่วมด้วยช่วยกัน
ช่วยกันปฏิบัติตามที่ท่านสอน
 
เพื่อช่วยกันลดภัยพิบัติ
ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
 
เริ่มต้นที่จิตเรามีความเมตตา
มีความรักต่อกันโดยปราศจากเงื่อนไข
ไม่ท้อถอยแม้เกิดอุปสรรค
 
ผมเชื่อว่าเราสามารถ
ช่วยยับยั้ง ลดความเสียหาย
ผ่อนหนักกลายเป็นเบา
จากปัญหาภัยพิบัติได้
 
ขออนุโมทนาบุญ
กับธรรมทานของทุกท่านครับ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-01 04:45:29


ความคิดเห็นที่ 1595 (1672594)

ได้ชมรายการธรรมะบำบัดแล้วได้ทดลองใช้น้ำทิพย์ที่ได้รับจากการได้รับชมทางหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว อาการปวดแขนหายจริง ๆ ค่ะ

ขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอาจารย์อุบลมาก ๆ ค่ะ แล้วจะได้ไปโอนเงินทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร 99+1 ต่อไปค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เสาวลักษณ์ ชะม้ายกลาง (pang-dot-sao-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-12-13 11:16:11



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 [16]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.