ReadyPlanet.com


รวบรวมประสบการณ์การฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้านสวนพีระมิด


 ใครมีประสบการณ์อะไรในการฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้านสวนพีระมิด เชิญบอกเล่าเป็นธรรมทานให้แกญาติธรรมทุกท่านได้ในกระทู้นี้เลยครับ

ไม่ว่าจะเป็นการสื่อโดยเบื้องบน การท่องไปในจักรวาล หรือการฝึกกสิณต่างๆ

เชิญเลยครับ...



ผู้ตั้งกระทู้ คุณสิทธิ์(สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) (surasit2010-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-01 22:17:37


<< ก่อนหน้า 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 301 (1553403)

ขออนุโมทนา

ด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

เกดเชื่อว่าพี่ทำได้อยู่แล้นค๊า...

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-21 23:55:06


ความคิดเห็นที่ 302 (1553410)

 แต่ละท่านเขียนเล่าเรื่องเป็นธรรมทานกันแบบ ไม่ให้บุญตกหล่นกันเลยทีเดียว ละเอียดยิบทุกเม็ดทุกหน่วย จนไม่มีอะไรให้ผมได้บรรยายบรรยากาศกันอีกเลย(ฮั่นแน่...ข้ออ้างของพวกสันหลังยาวเช่นผมอีกตามเคย)...ก็แวะเวียนมาอ่านอยู่เรื่อยๆ หรือทุกวันนั่นแหละครับ แต่ก็อย่างว่าแหละกินหญ้าไม่พอ สันหลังยังยาวอีก

ก่อนอื่น...รูป Before and After ของคุณพี่สุริวรรณ์ นี่ต้องใตร่ตรองโดยใช้อสุภะกรรมฐานเป็นที่ตั้งอย่างที่คุณพี่เค้าบอกจริงๆ ด้วย...งามกะดั๊กกะเดื่อ...งามอีหลี...อีหลอ...ฮร่วย !!!แปลว่าหยังเนี่ย...ว่าแต่คุณพี่กล่าวพาดพุงถึงผม เพราะผมนั่งอยู่ใกล้พี่ที่สุดแล้ว...ก็ไม่ได้เอะใจอะไรในมือที่คุณพี่สุริวรรณ์พนมอยู่ตลอดช่วงเวลาที่เสด็จพ่อท่านเมตตาเสด็จลงมาโปรด เขย่าด้วยความเร็ว 2-3 ครั้งต่อวินาที อาการนี้ก็เห็นเป็นประจำทุกวันเสาร์แต่บางท่านอาจจะไม่ถี่ขนาดของคุณพี่ แต่คุณพี่หลับตาไปด้วย ผมก็ชำเรืองดู(ไม่ได้แอบชำเรืองทรัพย์นะครับ) คุณพี่ยิ้มตลอดเวลา ก็คงคิดว่าอยู่ในอารมณ์แห่งความปิติเป็นแน่...แหม ถ้าไปเขย่าที่พุงเนี่ย คงได้กลับมาหุ่นเหมือนในรูปอีกครั้งก็ได้น้าาาา เสาร์หน้าลองใหม่นะครับเอื้อย...

ก็อย่างที่หลายท่านบรรยายไปแล้ว เสาร์ที่ผ่านมานี่ มีทั้งโหด มันส์ ฮา อึ้ง ทึ้ง เสียว ตามเคย...สุดท้ายก็ด้วย พระเมตตาอันหาที่เปรียบไม่ได้ของเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ ที่ต้องการให้เราเปลี่ยนกรรมตัวเอง และเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเข้าสู่โลกยุคใหม่ ที่ศิวิไลซ์และไฉไลแบบไม่ต้องพึ่งพาวัตถุนิยม ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นโดยไม่ต้องสมมุติเช่นกัน

ใคร้จะไปว่าคุณพี่ตั้มแก่ได้ลงคอ...อ้าวเอ๊ะ ผมไม่ได้ว่านะครับ แค่ยกมายำ้เตือนเฉยๆ...ลำพังตัวผมเองก็ไฮไลท์จะเต็มกะบาลอยู่แล้วเหมือนกัน...แต่ที่แน่ๆ คือ คุณพี่ตั๊มทำแกงป่าได้ร้อยจั่งฮู้ว จริงๆ เลยครับ

ขอย้ำเตือนกันอีกครั้งกับพระเมตตา..."พวกมึงประมาทว่าภัยฯ จะไม่เกิด...สัญญาณสุดท้าย กูจะเปลี่ยนพวกมึง...สัญญาณเงียบสุดท้ายที่คิดว่าไม่เกิด...." (เดากันเอาเองนะครับ ว่าสัญญาณเงียบคืออะไร) 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์(สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) (surasit2010-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-22 00:48:40


ความคิดเห็นที่ 303 (1553418)

ฮ่า ฮ่า พี่มหา ถึงแม้จะมาช้า แต่ก็ยังคงคุณภาพความ"ฮา"ไว้อย่างคับพุง..ฮิฮิ

โอ้ววว..งานนี้ คุณพี่ตั้มโดนยำเละ...ซะงั้น..

แล้วก็ขออนุโมทนากับคุณพี่ชำนาญอีกครั้งนะคะ

ที่มุ่งมั่นอย่างจริงๆจังๆว่าจะไม่สูบบุหรี่อีกแล้ว..

สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-22 03:45:45


ความคิดเห็นที่ 304 (1553450)

ขออนุญาตสร้างธรรมะทานเอาเป็นรายๆไปน่ะค่ะ..

1.อ่านข้อความคุณคนึงนุช..ที่295..ขณะอ่านตลอดจนสุดท้ายที่โมทนาบุญ..

..มีอาการขนลุกชันไล่ขึ้นศีรษะอย่างชัดเจน ..สาธุค่ะ

 

 

 

2.ข้อความพ่อใหญ่ธนา ..ที่298..

โมทนาบุญกับเอื้อยสุนะโม ด้วยเด้อครับที่ตั้งใจจะทานมังสวิรัต ไม่ต้องห่วงว่าจะจ่อยเด้อ ยิ่งจ่อยยิ่งงามเด๊ เขาว่า

**ข่อยขอบใจหลายๆๆเด้อ..ที่พ่อใหญ่มีเมตตาเตือน..แต่คงจะงามได้อีกและจ่อยได้ใจ..ถ้าละกายหยาบนี้ไป..**ถ้าไปนิพพานไม่ได้ข่อยขอไปเป็นนางฟ้า..สวยงามอายุ 18ปีเท่านั้น..(อธิษฐานไว้จั่งสั่นแล้ว)**

3.ข้อความคุณชำนาญ..ที่301..ขออนุโมทนาบุญค่ะ  สาธุ

กายสังขารนี้ได้มาจากพ่อแม่..พ่อให้หัวใจ..แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลือง..ที่สำคัญได้กายมาเพื่อสร้างบุญบารมี..อย่าเอาบุหรี่มาเผาตัวเองน่ะค่ะ..ไม่เผาก็ต้องตายอยู่แล้วค่ะ  สาธุ..

4.ข้อนี้จัดหนักค่ะ..คุณน้องสิทธิ์ พ่อมหาจำเริญ..ข้อความที่303..

ที่หลับตาน่ะเพราะ..มีความสุขจ้าที่ได้อุทิศบุญ..แต่เอื้อย**แอบซิ่งตาน้อยเบิ่ง(ชำเลืองมอง)เจ้าอยู่ว่าเป็นเหมือนกันมั้ย..ถ้าสั่นแรงเขย่าแรงที่พุงอย่างนี้ คงผอมได้ทันตาเนาะ....

**สุดท้ายขอให้ทุกท่านพิจารณาว่า**ถ้าความตายใกล้เข้ามาแล้ว..เราเป็นทุกข์หรือ สุขค่ะ..แต่กายสังขารนี้มันไม่ยั่งยืนอยู่แล้ว..เป็นรังของทุกข์..เป็นที่ติฉินนินทา..เป็นที่มาของโรคภัย..เป็นที่รองรับความเศร้าโศรกเสียใจ..จากการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ..ขอทุกท่านได้พิจารณาค่ะ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-22 10:36:38


ความคิดเห็นที่ 305 (1553539)
image

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ไตรรักษ์ ที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

ความหนุ่มมันไม่จีรัง เดี๋ยวก้อได้ เป็น ไอ้คุณแก่ กันทั่วหน้า

เมื่อถึงเวลามันก้อต้องจากไป (ตาย)

ที่สำคัญเวลาที่เหลืออยู่เราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง

สำหรับผมกำลังพริจารณาตนเองว่าทำดีที่สุดหรือยัง

ความตายผมไม่เคยกลัว

เมื่อถึงเวลานั้นก้อพร้อมยอมรับอดีตสิ่งที่กระทำมาทั้งหมด

จะขึ้นหรือจะดิ่งก้อพร้อมยอมรับครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-22 17:46:48


ความคิดเห็นที่ 306 (1553634)

พี่สิทธิ์เม้นทีไรฮาทุกที

แต่ที่ฮากว่า คือฮาพี่ธนา

ที่จะเอาเงินใส่ไหฝังดิน ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เคยคิดอยู่เหมือนกันค่ะเรื่องเงิน

แต่ลำพังก็ไม่มีเยอะอยู่แล้ว

ขอใส่กระเป๋าตังค์หุ้มด้วยพลาสติกกันน้ำฝังดินอีกที กร๊ากกกกกกกกกก

ล้อเล่นค่ะ อิอิ

ถึงเวลานั้นหญิงคงจะเอาเงินไปซื้อของกินไว้เยอะๆ

ตายไม่กลัว กลัวอดตายค่ะ  อิอิ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-23 03:39:14


ความคิดเห็นที่ 307 (1553687)

การใช้รหัสลับ**อ.อุบล..ช่วยด้วย..**

เราควรฝึกใช้ค่ะ..ให้คุ้นชิน..นอกจากการสวดมนต์ ภาวนา และท่องคาถาคุ้มภัย..

เหมือนเราตอกย้ำจิตให้..จัดเก็บข้อมูลนี้ใน..ฮาร์ดดีส..เมื่อเราจะดึงข้อมูลขึ้นมาใช้..

จะง่ายและคุ้นเคย..แม้ขณะเกิดทุกขเวทนาใดๆๆ..ก็ตาม

เพราะอะไรที่ทำบ่อยๆๆจะง่ายและคล่องตัวค่ะ..ขอให้พี่ๆน้องๆทุกท่านได้ฝึกดู

ซึ่งสุ/นะโม..ได้ใช้แล้วประสบความสำเร็จ..สมใจ..พอใจ..ทุกครั้งที่ใช้บริการนี้ค่ะ

(ท่านอ.อุบล..ได้เมตตาให้โอวาทว่า..ขอให้ใช้บริการค่ะ)

..โปรดฟังอีกครั้ง..ต้องเรียกด้วยความเคารพน่ะค่ะ

**อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านค่ะ  สาธุ**

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-23 13:37:39


ความคิดเห็นที่ 308 (1553756)

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ทานมังสวิรัตแล้วไม่จ๋อยค่ะ

เกดคอนเฟริ์ม ตั้งแต่เกดทานมัง.....

มีแต่คนบอกว่ามีน้ำมีนวลขึ้น (อ้วนนั่นเอง อิ อิ)

 ม่ะโทรมเหมือนเมื่อก่อน ฟันธง!

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-23 18:01:08


ความคิดเห็นที่ 309 (1553898)

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆๆท่านด้วยน่ะค่ะ

ขอบคุณพี่่ๆๆทุกๆๆท่านด้วยน่ะค่ะ จะพยายามละความขี้เกียจให้จงได้ค่ะ

ขอร่วมอนุโมทนากับ พี่ชำนาญ ส่องประทีป เลิกบุหรี่ได้แล้ว

นู๊ปุ๊กเลิกได้เพราะเพื่อนก้อยกับพี่ตุ้ย ท่านอ.อุบล และ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์ค่ะ 

เย้ๆๆๆ เลิกได้แล้ว หลังจากกลับมาจากบ้านสวนพีระมิดวันเดียวเลยค่ะ พร้อมทั้งหนังเกาหลี ด้วยน่ะค่ะ พอกลับมาวันอาทิตย์ที่่ผ่านมาจนถึงวันจันทร์ จนถึงวันศุกร์ (วันนี้) รู้สึกไม่อยากดูไปเองด้วยอ่ะค่ะ  เหมือนอยากทำอย่างอื่นไปแทน เวลาในการดูซีรีย์เกาหลีภาคต่อแต่ละเรื่อง จะมีติดตามอยู่ทั้งหมด 3 เรื่อง ใช้เวลาในการเปิดดูทั้งหมดในแต่ละครั้งประมาณ 1 วัน เกือบเต็ม

ลูกขอกราบขอบพระคุณสมเด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านอ.อุบล ท่านอ.มงคล คุณท๊อป พร้อมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆๆพระองค์ ณ บ้านสวนพีระมิด ให้โอกาสคนเลวแล้วเลวอีกได้รับความเมตตาอีกครั้ง

ขอกราบขอบพระคุณเป็นที่สุดค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา คู่วิรัตน์ (นู๊ปุ๊ก) (x_periment_wow-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-24 12:21:06


ความคิดเห็นที่ 310 (1554181)

อนุโมทนากับคุณปุ๊กด้วยนะคะ

ที่เลิกบุหรี่ และซีรีเกาหลี

ด้วยความดีที่ไปทำในบ้านสวน

เลยให้บุญส่งผลรวดเร็ว

หันมาทำแต่ความดี

สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-25 01:59:55


ความคิดเห็นที่ 311 (1554196)

เพียงจิตเป็นสมาธิ เท่ากับ ช้างกระดิกหู  

งูแลบลิ้น  ก็มีอานิสงส์มากมายมหาศาล

ยิ่งการเจริญพรหมวิหารสี่ยิ่งมีอานิสงส์ใหญ่

เพราะจิตมีเมตตา  กรุณา  มุทิตา  อุเบกขา

ส่งไปถึงพระนิพพาน

เบลล์ขอกราบโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ในการฝึกสมาธิ  มโนมยิทธิ

การเริ่มทำความดี

กลับตัว+ใจ

ทำความดีเพื่อพระนิพพาน  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นายคมกริช นามมงคุณ (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-25 07:28:04


ความคิดเห็นที่ 312 (1554250)

ขออนุโมทนากับทุกท่านทุกบุญสาธุๆ(จะน้อมนำเปลี่นยตัวเองให้เร็วที่สุด)

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-25 14:48:53


ความคิดเห็นที่ 313 (1554484)

--ขอน้อมนำบารมีบุญที่ทำในวันอาทิตย์..

                       มาให้อนุโมทนาบุญค่ะ..สาธุ

1.บุญที่ถวายน้ำเพื่อสุขภาพ(น้ำข้าวโพด..เสาวรส..อื่นๆๆ)ให้ท่านอ.อุบล/อ.มงคล

2.บุญที่ไปทำน้ำหมักชีวภาพผลมะกรูดกับน้องนก(คุณสุรดา)

2.บุญช่วยขนปูน/หิน/ดิน/ทราย..สร้างวิหาร

3.บุญชำระหนี้สงฆ์

**ขออานุภาพบุญส่งผลให้ทุกท่านพบแต่ความสุขความสำเร็จในธุรกิจหน้าที่การงาน

ขอให้เหลือกินเหลือใช้เหมือนที่ท่านอ.อุบลให้พรค่ะ..สาธุ..

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 10:29:24


ความคิดเห็นที่ 314 (1554488)

 

อนุโมทนาสาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนวดี รัชตารมย์ (thanavadee_r-at-sepo-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 10:41:47


ความคิดเห็นที่ 315 (1554591)

เสาร์นี้ ทั้งอาจารย์และศิษย์ ต่างพากันน้ำตาซึมด้วยความซึ้งประทับใจกันถ้วนหน้ากันเลยทีเดียวเชียว

เริ่มจากคุณแม่ประคำ ฟักโต ที่อ่านบทกลอนอย่างซึ้งสุดใจ ตามด้วย presentation สุขสันต์วันเกิดจากลูกบ้านสวนฯ และ
และร่วมกันร้องเพลง Happy Birthday ให้อาจารย์ เป็นค่ำคืนมโนฯ ที่วิเศษสุด ๆ อีกคืน

ดอกบัวเพื่อบูชา
แด่ อ. อุบล  ศุภาเดชาภรณ์
๒๕  มิถุนายน  ๒๕๕๔

ก่อเกิดจากโคลนตมไม่จมน้ำ                สะอาดล้ำงามเหลือเหนือบึงใหญ่
มิแปดเปื้อนราคินมลทินใด         คือดอกไม้ควรคู่การบูชา
งามภายนอกภายในใสพิสุทธิ์             เพียงบัวผุดพ้นน้ำ กามตัณหา
สว่าง สงบ สะอาด กายใจ วาจา    มีศรัทธาธรรมะพุทธองค์ 
ยี่สิบห้า มิถุนาฯ วันฟ้าเปิด                        คล้ายวันเกิดดับหมดโลภโกรธหลง
ผู้รู้ปล่อยวางหมดรูปลดปลง                เทิดไตรรงค์ไตรรัตน์ปฏิบัติดี
กิจกรรมทั้งหลายถวายในหลวง             พระทรงห่วง คนไทยในทุกที่
หวังคนไทยรู้รักสามัคคี                        ถวายเป็นราชพลีพระทรงธรรม
แด่...อาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์     ผู้สั่งสอนผู้คนพ้นทางต่ำ
ผู้มุ่งผลวิมุติหลุดพ้นกรรม                 ผู้แนะนำคนทุกข์พบสุขใจ
เดชความดีความงามกรรมกุศล            คือมงคลคุ้มครองปกป้องให้
หมดทุกข์โศกกิเลสหมดเภทภัย                  คง "คุยไปแจกไป" ได้แสนนาน
เกิดจากทุกข์ชีวิตไม่ติดทุกข์        สงบสุขข้ามวัฏสงสาร
ถือชีวิต "การให้ธรรมเป็นทาน"                 แด่...บัวบานเต็มบุญคุณความดี ฯ

เคารพและศรัทธา
ลูก ลูก บ้านสวนพีระมิด

วันเกิด

นายดุสิต คร่ำสุข: ผู้ประพันธ์
ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนหนองยางพิทยาคม อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา
ประธานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย

และสิ่งที่อาจารย์จะขอเป็นของขวัญวันเกิดจากพวกเราก็คือ ขอให้พวกเราเริ่มพรหมวิหาร 4  ตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เลย

     - เมตตา ปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข พ้นทุกข์
     - สงสารคนอื่นเสมือนสงสารตัวเราเอง ให้คิดว่าเขาเป็นญาติเรา
     - มีใจพลอยยินดีกันคนอื่น
     - วางเฉย อย่าจิตตก อย่าเครียด อย่าโกรธ อย่าพยาบาท อย่าแก้แค้น ใครคิดว่ากรรมใคร กรรมมัน เราอยากโง่ เกิดมาเป็นคน เราก็ต้องมาทุกข์

หากเราทำได้ตามนี้ เราจะได้บ้านหลังใหม่ ก็คือบ้านที่พระนิพพาน

อาจารย์ให้ทุกคนออกมาพูดถึงความเปลี่ยนแปลงใน 5 ข้อ ตั้งแต่มาบ้านสวนฯ

     1. สุขภาพ
     2. การเงิน
     3. ความปรองดองในครอบครัว
     4. การนินทา, พุดเท็จ, พูดมาก มีคนเชื่อถือในคำพูดมากน้อยแค่ไหน
     5. อาการ (ขี้) ลืม

ท่านบอกว่าใครที่ทุกวันนี้ยังไม่มีความสุข แสดงว่ายังเป็นสัตว์นรก "นรก" แปลว่า ดินแดนที่ไม่มีความสุขเลยแม้แต่วินาทีเดียว

อานิสงค์ที่พวกเรามาขุดดิน ปลูกผัก ใช้แรงกายหนัก ๆ ที่บ้านสวนฯ ทำให้เรามีร่างกายที่ทนทาน เพื่อสู้กับวันที่เกิดภัยพิบัติขึ้นได้ เพราะวันนั้นเราจะจะทนไม่ได้ รับกับสภาพแบบนั้นไม่ได้

ต่างคนต่างออกไปพูดเรื่องตัวเองกันเกือบครบ จนมาถึงคู่สุดท้าย คือ ป้าพร และป้าเตือน (ป้าทั้งสองมาจากเชียงราย)

จู่ ๆ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ก็มาสื่อผ่านพี่ธนา (มาแบบ surprise) และเป็นท่านเองที่สร้างสาเหตุทำให้ป้าทั้ง 2 มาสร้างบุญที่นี่ต่อ (รายละเอียดตรงนี้ รอเพื่อน ๆ ท่านอื่นมาเหลาเหลาอีกทีนะคะ)

อ. อุบล : ในบ้านนา นครนายก จะปลอดภัยทั้งหมดหรือไม่ เจ้าค่ะ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : ไม่ทั้งหมด ไอ้พวกตาย มันต้องตายแน่ ๆ พวกที่ปรามาศในหลวง มันจะตายก่อน

อ. อุบล : คนที่ใช้ชื่อ อ. อุบล ใน facebook
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : ชีวิตมันจะหาดีไม่ได้ มันจะทุรนทุราย ทรมาน อย่าหวังจะมีความสุข กูจะเอามันไป ลง ๆๆ

อ. อุบล : เขาจะมีทางกลับใจไหมเจ้าค่ะ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : ไม่มีทางกลับใจ ไอ้พวกเลว หมดๆๆ ทาง ดีไม่เอา จะเอาแต่ชั่ว ไอ้คนจังไร มันตายไป แผ่นดินจะสูง มันอยากจะลองดี มันอยากรู้ว่ากูมีจริงไหม เดี๋ยวมันรู้ว่ากูมีจริงไหม พวกมึงคอยดู ไอ้โง่ทั้ง 3

อ. อุบล : ปกติแล้ว คนแค่คิดนิดหน่อยกับ อ. อุบล จะเป็นโน่นเป็นนี่ แล้วเขาจะไม่เจอบ้างเหรอ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : กูให้มันทุกรูปแบบ แต่ปากมันไม่พูด กูจะเอามันแบบทรมาน ตายทั้งเป็น สาสมกับความเลวของมัน

อ. อุบล : เขาจะมีทางเปลี่ยนไหมเจ้าค่ะ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : ไม่มีทางเปลี่ยน จิตมันเลว มันต่ำ ไม่มีใครเปลี่ยนมัน

อ. อุบล : ขอธรรมทานกับเสด็จพ่อว่าคนที่เข้ามาบ้านสวนฯ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว มีอะไรที่ดีขึ้นใน 5 ข้อบ้างไหม
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : จิตมันมัวหมอง ชั่ว ไม่เกาะบุญ มันอยากรวย อยากเด่น อยากดัง ไม่มีใครเอาอยู่ มีคนเดียวที่เอาอยู่คือ โน่นๆๆ (ชี้ลงไปข้างล่าง) (ท่านคงหมายถึงนายนิรยบาล)

อ. อุบล : ยังมีคนแบบนี้เขามาด้วยวัตถุประสงค์อื่นอีกหรือไม่
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : มันยังมี  มันอยากมามากกว่านั้น โน่นลูกมึง (หมายถึงคุณน้องท๊อป) ผัวรวย ๆ ใครไม่ต้องการ นั่นแหละทั้งแม่ทั้งลูกมันพอ ๆ กัน อาชีพมันเหรอ อีต้มตุ๋น อีนี่เอาอะไรกับมัน ทำไรไม่เป็น แดกอย่าง
เดียว

อ. อุบล : ตอนนี้ยังมีใครที่น่าห่วง เป็นเหยี่อของเขา
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : ไอ้ตุ้ม มันโง่ฉิบหาย มันเก่ง มันนึกว่าดี กูจะสงเคราะห์มัน ให้มันลงไปช่วยกันข้างล่าง แม่มันไม่ต้องมาขอกู กูไม่ช่วย

อ. อุบล : บุญกุศลที่ครอบครัวมาทำจะช่วยได้ไหมเจ้าค่ะ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : ไม่ได้ บุญใคร บุญมัน

อ. อุบล : ถ้ามีคนอื่นเข้ามาอีกด้วยวิธีอื่น ๆ ลูกหลานบ้านสวนฯ จะเสียรู้เขาเรื่อยไปหรือเปล่า
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : กูว่าไม่แล้ว ถ้ามันโง่อีก กูจะเอามันลงไปข้างล่าง พวกมึงเชื่อคนง่าย ไม่คิด คิดแต่โง่ ๆ

อ. อุบล : เขาเล่นคุณไสย
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : ในนี้มีคนโดน โน่นไอ้โจ (ชี้ไปที่น้องโจ) กูให้มึงทำอะไร
โจ: เรียก อ. อุบลช่วย
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : แล้วมึงเรียกรึเปล่า
โจ: ลืมครับ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : ลูกหลานกู ๆ ช่วยทุกคน

อ. อุบล : ท่านใดเป็นผู้บัญญัติคำว่า อ. อุบล ช่วยด้วย เจ้าค่ะ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ : โอยยยยยยย พระพุทธองค์! อ. อุบล เป็นตัวแทนพระพุทธองค์ ทุกอย่างเรียกอาจารย์ แล้วแต่มึงจะเรียก แต่ถ้าเรียกทำชั่ว มึงระวัง!

ในส่วนของก้อยก็มีเท่านี้ค่ะ หากข้อมูลไหนผิดพลาดไป ก็ขออภัยล่วงหน้านะคะ ยังไงรอเพื่อน ๆ มาช่วยเพิ่ม ช่วยซ้ำ อีกทีนะคะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา (pooyingnaya-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 15:36:06


ความคิดเห็นที่ 316 (1554603)

อนุโมทนาบุญค่ะ คุณก้อย สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 16:23:30


ความคิดเห็นที่ 317 (1554606)

 โมทนาบุญกับพี่น้องบ้านสวนพีระมิดทุกทุุกประการครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 16:41:47


ความคิดเห็นที่ 318 (1554608)

อนุโมทนากับเรื่องเหลาจากน้องก้อยด้วยนะคะ แต่..

แหม่..มากั๊กช่วงไฮไลท์ไม่ยอมเขียนต่อซะงั้น

หนูก้อยเอ๊ย..มาเขียนยั่วน้ำยาย..กันซะงั้น..

งั้นคงต้องรอให้ผู้่ร่วมเหตุการณ์มาช่วยกันเหลาช่วงที่

ท่านท้าวเวสสุวรรณมาเซอร์ไพรส์ลูกหลานแล้วล่ะค่ะ..

 

โอ้วว..แต่อ่านแล้วก็"อึ้ง" จริงๆนะ ว่า"คนเรา" ทำอะไรๆที่ไม่ควรทำ

ได้เยอะมาก เล่นคุณไสย์ ใส่เสน่ห์คนอื่น ในเขตบุญกับคนมีบุญอีก..

เฮ้อ..ทามปายได้..เน้อ...

 

อนุโมทนากับคุณพี่ สุริวรรณ์ คนสวยด้วยนะคะ ช่วงนี้ไปบ้านสวนฯบ่อยๆเลยนะค๊า..

 

และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ไปร่วมทุกๆบุญ

ในบ้านสวนฯด้วยค่ะ สาธ ุสาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 17:06:12


ความคิดเห็นที่ 319 (1554621)

เอิ๊กๆๆๆ นี่เป็นแผนค่ะพี่ชนิดา บอกหมดเด๋วไม่หนุกซีค๊า  คาดว่าคืนนี้เพื่อน ๆ บ้านสวนฯ คงจะพรั่งพรูเข้ามาเขียนอีกหลายคน อดรนตั้งตาคอยอีกนิสส์น๊าค๊า

แต่ถ้าไม่ค่อยจาไหววว...งั้นจะขอแง้มเรื่องของคุณลุงสมศักดิ์ นักเกษตรอินทรีย์ตัวยง ที่บอกว่า กว่า 20 ปีที่คิดค้นการเกษตรแบบธรรมะ โดยสังเกตุจากตัวบ่งชี้เหตุต่าง ๆ จากแมลง ให้เราได้ไปดูดิน ดูแสงแดด ดูน้ำ ว่าเพียงพอสำหรับพืชพรรณที่เราปลูกหรือไม่

แทนที่เราจะนำมาแก้ไขปรับปรุง แต่คนส่วนใหญ่กลับไปเอาสารเคมี ยาฆ่าแมลงมากำจัด ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด

เมื่อก่อนคุณลุงได้นำหลักสูตรเกษตรธรรมะนี้ ไปเผื่อแพร่ที่อื่น ๆ แต่ไปที่ไหน ก็มีแต่จะขัดผลประโยชน์คนอื่น ไม่ประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะมีผู้ว่าฯ ให้การสนับสนุน ก็ไม่เป็นผล

จนมาเจอบ้านสวนฯ และคิดว่าที่นี่แหละที่จะสามารถนำมาเผยแพร่ได้ ฉะนั้นท่านใดที่ต้องการเรียนรู้ สามารถมาลงมือทำได้ที่นี่ค่ะ คุณลุงบอกว่าเรียนการเกษตร จะได้ผลก็ต้องลงมือทำไปด้วย

ยังไงขอเชิญชวนเพื่อน ๆ ฝึกวิธีปลูกพีชผักจากคุณลุงได้นะคะ ท่านสอนแบบไม่มีหมกเม็ดกันเลย แล้วเราจะสงสารชาวสวน ชาวไร่ แบบซื้อของไม่กล้าจะต่อราคากันเลยทีเดียวค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา (pooyingnaya-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 18:12:20


ความคิดเห็นที่ 320 (1554660)

ดอกบัวคู่ควรการบูชา

ดอกบัวดอกนี้เกิดมาเพื่อนำพามวลมนุษย์ชาติสู่การพ้นทุกข์

ลูกขอกราบสักการะ เนื่องในวาระครบรอบวันเกิด และกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ได้โปรดดลบันดาลให้ อ.อุบลกระทำการทุกๆสิ่งได้สำเร็จลุล่วงด้วยเถิดค่ะ

ซาบซึ้งใจมากเมื่อท่านอาจารย์บอกว่า ไม่เคยจัดงานวันเกิดเลย แม้กระทั่งวันเกิดของท่าน อ.มงคล และน้องท๊อปก็ไม่มี  ท่านคงจะยุ่งแต่เรื่องทำยังไงให้พวกเราได้ไปนิพพานเหมือนท่าน แต่พวกเราก็โง่เหลือเกินแถมยังไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่านอาจารย์อีก แต่ท่านก็ยังเมตตาพวกเราเสมอ แม้กระทั่งเสด็จปู่ท้าวเวสสุวรรณ ท่านมาผ่านคุณธนาแต่ละครั้งก็จะด่าไอ้พวกโง่ ไอ้พวกขี้เกียจ เสมอ แต่สุดท้ายท่านก็เมตตาเสมอ เพราะเป็นลูกหลานของท่าน มาแต่ละครั้งก็ โหด มัน ฮา  

ลูกตั้งจิตขอน้อมรับความเมตตาของท่านอาจารย์ จะปฏิบัติตามคำสั่งท่านอาจารย์ จะรักษาพรหมวิหาร 4 ให้ได้ค่ะ

อ.อุบลให้ออกมาเล่าเรื่องของตัวเอง ใน5ข้อ ที่ท่านอาจารย์ตั้งโจทย์ ว่าตั้งแต่มาบ้านสวน มีอะไรดีขึ้นหรือไม่

ส่วนของตัวเอง เริ่มรู้จักบ้านสวนเมื่อ พ.ย. 53 จากการเพิ่งเริ่มติดตั้งจานดำ ได้เปิดดูทีวีทุกช่องด้วยความเห่อ อยากรู้ว่ารายการอะไรบ้าง ก็เลยเจอรายการคุยไปแจกไป รู้สึกแปลกใจที่แต่ละคนมาสารภาพบาปแล้วหายทันที และครูบาอาจารย์ของท่าน อ.อุบลคือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งก็นับถือท่านมาก แต่ยังไม่เคยได้พบตัวจริงหลวงพ่อเลยเพราะท่านไปนิพพานก่อน ก็เลยตามไปดูใน เวปไซด์ของบ้านสวนฯ ก็ยิ่งอยากไปบ้านสวนฯ

ได้ไปบ้านสวนครั้งแรก เมื่อเดือน เม.ย. 54 ช่วงปิดเทอม ตัวเองไม่ได้มีโรคอะไร แต่อยากไปสร้างบุญและฝึกมโนมยิทธิเท่านั้น หลังจากไปบ้านสวน ชีวิตตัวเองก็เปลี่ยนแปลง ด้านครอบครัวดีขึ้น เพราะตัวเองเป็นคนอารมณ์ ร้อน ขี้โมโห ฉุนเฉียวง่าย ใครทำอะไรไม่พอใจก็ปริ้ดแตก ทำให้ครอบครัวเหมือนกับอยู่ในความทุกข์ มีภาระเลี้ยงหลานมากมาย หลานก็ดื้อ เกเรก็โมโหหลานว่าต้องมาเหนื่อยทำไม แต่เมื่อมาบ้านสวนฯ ก็เข้าใจ ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เหตุดับ ผลก็ดับ เพราะตัวเราเองร้อน ทำให้ทุกคนรอบข้างร้อน จึงดับร้อนที่ตัวเอง ไม่โกรธง่าย ไม่โมโห วางอุเบกขาได้มากขึ้น แม้จะมีปัญหาเข้ามา และคิดว่าที่ตัวเองต้องมาเลี้ยงหลานมากมาย เพราะเราเคยทำกรรมกับเขาไว้ก่อน ชาตินี้จึงต้องมาใช้หนี้นี้ ซึ่งจะเป็นการดีถ้าเราไปนิพพานเพราะเราจะได้ล้างหนี้ก้อนนี้แล้ว

ทุกวันนี้ชีวิตครอบครัวมีความสุข ทานมังสวิรัติได้แล้ว แม้ว่าคนในครอบครัวยังไม่มีใครเลิกทานเนื้อสัตว์ ก็จะพยายามชักจูงให้มาด้านนี้ด้วยกัน

เงินก็มีใช้เรื่อยๆ ทั้งที่มีภาระต้องจ่ายหลานๆมากมาย แต่ก็ไม่เดือดร้อน

ขอบคุณท่านอาจารย์มากคะ

และท่านอาจารย์ยังได้เมตตาแจกภาพของอาจารย์ที่ถ่ายในวันพืชมงคล และบอดี้โลชั่นแจกทุกคน

บรรยากาศในวันเสาร์นั้น มีแต่น้ำตาแห่งความปิติ ซึ้ง ซาบซึ้ง ขนมเค็กที่ลูกศิษย์นำมามอบให้อาจารย์ก็แสนจะอลังการ คุณแมวมีไอเดียดีมาก ขนมเค็กเป็นรูปพีระมิดและรูปท่านอาจารย์ที่ถ่ายในวันพืชมงคลสกรีนลงในขนมเค็กเหมือนมาก สามารถทานได้ เมื่อตัดแจกกันไม่มีใครกล้าที่จะตัดตรงรูปท่านอ.อุบล

ส่วนของขวัญที่คุณโอ๋นำมามอบให้อาจารย์ เป็นแจกันดอกไม้ตกแต่งด้วยดอก Bird of paradise  ช่อราชพฤกษ์และต้นเกล็ดมังกร และชามแก้วใบใหญ่ที่ตกแต่งด้วยหัวใจทองคำฝังพีระมิดของท่าน อ.อุบลที่แกะสลักจากมะละกอดิบกำลังเริ่มสุก รอบๆประดับด้วยดอก Bird of paradise ซี่งมีลักษณะเป็นดอกสี่แดงทรงสามเหลี่ยมปลายดอกแหลม เปรียบเหมือนสติปัญญาอันเฉียบแหลมของท่าน ดอกราชพฤกษ์ซึ่งเปรียบเหมือนงานที่กำลังทำถวายในหลวง ดอกบัวพับหลายแบบหลายลักษณะเปรียบเหมือนลูกศิษย์มาจากหลายทิศหลายทางที่ม่งมาหาอ.อุบล ส่วนด้านล่างของหัวใจทองคำรองด้วยข้าว7อย่าง หมายถึงเกษตรกรปลูกข้าว ซึ่งอ.อุบลกำลังเริ่มปลูกที่บ้านสวนในวันเสาร์นี้  โห โห สุดยอดมากคะ

ความหมายที่บอกอาจผิดเพี้ยนจากต้นฉบับของคุณโอ่ไปบ้างก็ขออภัยนะคะ เพราะความหมายของแต่ละสิ่งมีมากมายจนจำเลอะเลือนบ้าง

จะเล่าเรื่อง งานที่ทำที่แปลงเกษตร อ.สมศักดิ์สอนเราปลูกข้าวโพด ซึ่งท่านได้เพาะมาให้แล้ว เราเพียงแต่นำออกจากกะบะเพาะมาลงในหลุมที่จิ้มไว้ มีแต่คนเคยกินทั้งนั้น ไม่มีคนเคยปลูก แค่เอาต้นออกจากกะบะก็ยังทำไม่ถูกวิธี ท่านบอกให้นวดก้นเบาๆ เบาๆ แล้วค่อยเอามือดันออกมา ก็ยังทำกันไม่เป็น ทำเอา อ.สมศักดิ์ต้องร้อง เฮ้อ เฮ้อ ด้วยความเหนื่อยใจ ต้องขอโทษ อ.สมศักดิ์ด้วยคะที่ลูกศิษย์สอนยากสอนเย็น

ท่านอ.สมศักดิ์ยังสอนเราเรื่อง การสังเกตแมลงที่จะมากัดกินตันไม้ด้วย ว่าเขามาบอกเราเรื่องการใส่ปุ๋ยของเราว่าพอดีหรือไม่ มากไปหรือน้อยไป ถ้ามีเพลี้ยอ่อน ก็แสดงว่า ต้นไม้โดนแสงแดดไม่พอ

และในวันอาทิตย์ท่าน ก็สอนเราเพาะเมล็ดข้าว เพื่อปลูกข้าวในอาทิตย์หน้า เย้ จะได้เป็นชาวนาปลูกข้าวแล้ว จะได้รับรู้ความลำบากของชาวนาที่ปลูกข้าวให้เรากิน

และสุดท้ายเรื่องที่เสด็จปู่ท้าวเวสสุวรรณท่านมาผ่านคุณธนา เรื่องภัยพิบัติที่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว คุณเตรียมตัวยังไง และพร้อมหรือยังที่จะรับมัน

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 21:24:07


ความคิดเห็นที่ 321 (1554670)

 อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ เสียดายมากเลยที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แค่ได้อ่านคำบรรยายของน้องก้อยแล้ว ก็รับรู้ได้ถึงความเมตตาของเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ และเบื้องบนทุกพระองค์ที่ไม่เคยจะปล่อยละเลย ลูกๆเลย ท่านจะทรงคอยดูแลพวกเรา และ เตือนพวกเราอยู่เสมอมิได้ขาดถึงความไม่ประมาท เพื่อให้พวกเราได้กลับสู่บ้านจริงๆของพวกเราซักที 

ขนาดไอซ์ไม่ได้อยู่เมืองไทยช่วงเวลานั้น ยังได้รับความเมตตาจากพระองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีรามิดอยู่ตลอดเวลา ว่าไม่ให้ประมาท และเมื่ออยู่ในสถานที่ไม่ปลอดภัย ท่านก็ทรงเมตตามาเตือน ให้ออกจากสถานที่นั้นทันที

เพราะฉะนั้นขอให้ลูกๆบ้านสวน มั่นใจนะคะ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลกนี้ ถ้าคนเป็นคนดี มีความตั้งใจในการทำความดี ตั้งใจกลับตัวกลับใจจริงๆ พระพุทธเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์จะอยู่กับคุณตลอดเวลาค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 21:46:07


ความคิดเห็นที่ 322 (1554677)

       ขอมาเหลาเรื่องของตัวเอง  ต่อคำถามของอ.อุบล  ใน 5 เรื่องนะคะ

1. สุขภาพ   เคยปวดท้องเวลาเป็นประจำดือน โดยเฉพาะด้านขวา ตอนนี้หายแล้วค่ะ  เพราะทำผิดศีลข้อ 1 และกล้าสารภาพออกทีวีแล้ว  ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่สารภาพเพราะหน้าด้าน เอ๊ย หน้าบางกลัวคนจะเกลียด ไม่นับถือ ได้ขอขมาแม่ แฟน และเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง  ไม่น่าเขื่อว่าทุกคนให้อภัย และเข้าใจ ไม่โกรธอย่างที่เราคิดเลย  ยังคิดอยู่เลย เรามันบ้า ขี้ขลาดอยู่ตั้งนาน 

2. การงาน เงิน  ดีขึ้นมาก การเงินคล่องตัว งานที่ทำดูเหมือนไม่หนักเหมือนสมัยก่อน อาจเพราะแต่ก่อน มันเหนื่อยทั้งกายและใจ แต่ตอนนี้ทำเต็มที่ไปเรื่อยๆ  แต่เอ๊ะ ทำไมยอดขายมันมากจัง มาไงเนี่ย

     เคยไม่ชอบหัวหน้า  ตอนนี้เข้าใจกันแล้ว  ที่ผ่านมาคิดว่าเราดี  เราไม่ผิด  เราเก่ง   แต่หัวหน้าไม่ดี หัวหน้าผิด หัวหน้าไม่เก่ง  แต่ตอนนี้ พึ่งดวงตาเห็นธรรม   ปัญหาทั้งหมด มาจากความเห็นผิด ของตัวเองนี่เอง  พอเราเริ่มเห็นถูก ทุกอย่างก็ถูก และดี ไปหมดเลย

3. ครอบครัว   ก็ดี  แม่มีความสุข คอยอนุโมทนาบุญอยู่ที่บ้าน ส่วนแฟนไม่มาที่บ้านสวนฯด้วยกัน  แต่ไม่ขัดขวาง อนุโมทนาบุญด้วยทุกคร้ง  เขาถือคติ ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ลบหลู่  ไม่เจอกันหลายอาทิตย์แล้ว  แต่อุทิศบุญให้เทวดาดูแลเค้าตลอด

4. สามารถลด ละ การพูดมาก พูดเท็จ นินทา เวลาพูดมีคนเชื่อถือคำพูดเรามากขึ้น หรือเปล่า

     ตอนนี้แทบไม่พูดโกหก ยกเว้นบางครั้งที่เผลอ ไม่มีสติ แต่น้อยมาก  ส่วนนินทา ก็น้อยลง  เวลาเตือนเพื่อๆเรื่องภัยพิบัติ ทุกคนเชื่อ และเริ่มเตรียมตุนอาหารแล้ว   แม้แต่คุณหมอ ที่เป็นลูกค้า เวลาจะเดินทางไปไหน ใน นอก ประเทศจะคอยถามว่า จะปลอดภัยมั๊ย จะเกิดรึยัง

5. ยังหลงๆ ลืม ๆ หรือเปล่า

     มีสติมากขึ้น

        

      ส่วนใหญ่แล้วทุกคน ดีขึ้นเกือบทุกข้อ ชีวิตมีความสุขขึ้น  ขอให้ทุกๆคนที่ตั้งแต่มารู้จักบ้านสวนพีระมิด แล้วชีวิตคุณดีขึ้น  ใน 5 คำถามของอาจารย์   ให้เข้ามาบอกเล่าด้วยนะคะ

      เพราะว่านี่เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่ง ว่าภารกิจสวรรค์ของอ.อุบล ท่านได้สำเร็จ  ก้าวหน้า   เพื่อเป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์   และนี่คือการแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณต่อ ครูบาอาจารย์

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 22:22:39


ความคิดเห็นที่ 323 (1554685)

โมทนา

กับน้องก้อยด้วยค่ะ

อ่านกำลังเพลินเลย แหม....ทำปายได้

และขออนุโมทนากับพี่อ้อยด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 22:41:52


ความคิดเห็นที่ 324 (1554708)

 อาทิตย์นี้ขอเป็นชาวเกาะกับเค้ามั่งนะครับ...ก่อนอื่น ก็ต้องขอโมทนาบุญ(ขอตลอด) กับทุกๆ ท่านที่ได้ไปร่วมบุญเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา รวมทั้งเรื่องเล่าที่เป็นธรรมทานนะครับ...

ตอนเช้าวันอาทิตย์ คุณพี่อมรก็โทรมาเล่าบรรยากาศคำ่คืนวันเสาร์ที่แสนประทับใจ ให้ร่วมโมทนาบุญด้วย ทำเอาผมหน้าชื่นตาบานตั้งแต่เช้า วันนั้นออกงานแสดงสินค้าวันสุดท้าย ก็ยิ้มได้ทั้งวัน ใครเดินผ่านก็ยิ้มตลอด

ขอร่วมบอกเล่า(ขออีกแล้ว)ผลของการมาบ้านสวนฯ ด้วยคนนะครับ...อยากเสนอหน้า(ด้านๆ) เล่าด้วย...

- สุขภาพ : ตัวผมเองไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร จะมีก็แต่ "อ้วน" นี่แหละ แถมดำอีกต่างหาก...มาร่วมสร้างบุญบ้านสวนฯ ก็ยิ่งทำให้สุขภาพกายดีขึ้นไปอีกครับ งานจับจอบ จับเสียม ที่เคยทำตอนเด็กๆ เมื่อเข้าสวน โตมาก็ไม่จับอีกเลย งานยกปูน ผสมปูน หรือก่อสร้างใดๆ ก็ไม่เคยทำ ที่สำคัญคือขับรถไถคูโบต้าแบบเดินตามนี่ก็ครั้งแรกในชีวิตที่บ้านสวนฯ...งานหนักเหล่านี้แทนที่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ก็กลับกันครับ ยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกสุขภาพดีขึ้น ไม่อิดออด ไม่ปวด ไม่เมื่อย

- การเงิน : เมื่อสุขภาพกายดี ก็ส่งผลให้สุขภาพจิตดีไปด้วย ทำให้สมองได้มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดี เมื่องานออกมาดี ผลตอบรับหรือผลตอบแทนในรูปการเงินก็ดีขึ้นตามลำดับเช่นกันครับ...เมื่อเราอยู่ในโอวาท หรือเชื่อฟังคำสั่งสอนพระพุทธองค์ที่ผ่านมายังท่านอาจารย์อุบล แล้วทำตาม เชื่อได้เลยนะครับว่า มีแต่สิ่งดีๆ ที่ท่านมอบให้ แล้วเมื่อเรานำมาปฏิบัติ ก็เกิดผลดีตามมานั่นคือ มีเงินเลี้ยงชีพ ก็มีความสุขในแบบของการไม่เบียดเบียนคนอื่น แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ต้องไม่ตั้งอยู่ในความโลภเช่นกันครับ

- ความปรองดองในครอบครัว : เดี๋ยวนี้ที่บ้านผม มีธรรมะเกิดขึ้นมากมาย เพราะเราพูดกันแต่เรื่องธรรมะดีๆ จากบ้านสวนฯ ก็ส่งผลให้พี่ๆ น้องๆ หลานๆ มาร่วมมือร่วมใจกันเข้าหาธรรมะมากกว่าแต่ก่อน ยิ่งได้ดูรายการคุยไปแจกไปด้วย ก็ยิ่งระมัดระวังในเรื่่องของการสร้างกรรมกันมากขึ้น ผมเองกับพี่ชายคนโตก็คุยธรรมะในแบบละเอียดขึ้นตามลำดับเช่นกันครับ

- การนินทา, พูดเท็จ และพูดมาก : เรื่องพูดเท็จนี้ยิ่งต้องสนใจเป็นพิเศษ เพราะเผลอได้ง่ายที่สุด และมันติดเป็นนิสัย(สันดาน)...เดี๋ยวนี้พูดน้อยลง ระวังความคิดมากขึ้น และกล้าที่จะพูดและเตือนคนอื่นในส่ิงที่คิดว่าผิดโดยไม่เกรงใจ เพราะขืนเกรงใจโกหก ก็มีแต่พากันลงเหวสถานเดียวเท่านั้น

- อาการ(ขี้)ลืม : อาการนี้อาจจะยังมีอยู่บ้าง เนื่องจากผลกรรมของการผิดศีลข้อ ๕ ซึ่งเมื่อก่อนที่ยังหลงผิดในทางโลก ดื่มกันยันรุ่ง...เดี๋ยวนี้พอมาฝึกกรรมฐานมากขึ้น ทำให้เราระมัดระวังความคิด สติก็ช่วยควบคุมอีกที เหมือนจะทำอะไรเชื่องช้า แต่ไม่ช้า เพราะเรารู้เท่าทันสติมากขึ้น คอยระวังไม่ให้คิดไปในทางไม่ดี

สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ผมได้จากบ้านสวนฯ นั่นก็คือ เรื่องของ ทานและศีล ซึ่งเมื่อช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ผมจะไปเน้นเรื่องของการภาวนาซะเป็นส่วนใหญ่(ซึ่งก็ยังคงไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม) โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องของทาน เพราะคิดว่าเราไม่มีเงินมากพอที่จะทำบุญ แต่กลับคิดผิดมหันต์เพราะการสร้างทาน ไม่ได้สร้างกันด้วยปัจจัยที่เป็นเงินตราเท่านั้น แต่แรงกายอันบริสุทธิ์ที่ท่่าน อ.อุบล ได้พร่่ำสอนมา ถือว่าเป็นทานอันยิ่งใหญ่ เมื่อเราใช้แรงกายสร้างสิ่งเพื่อเป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วมแล้วนั้น ก็ถือเป็นทานอันยิ่งใหญ่เช่นกัน...ศีล ที่ท่าน อ.อุบล ก็เน้นย้ำกันทุกวี่ ทุกวัน ให้เราอย่าได้เผลอเด็ดขาด และยังมีลูกบ้านสวนฯ อีกหลายท่าน ที่คอยเตือนสติไม่ให้เผลอเช่นกัน

สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้จากบ้านสวนฯ....นั่นก็คือ มีสติในการเจริญมรณานุสติ มากขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่านัก แม้ในหนึ่งวันเดี๋ยวนี้ก็สามารถนึกถึงความตายได้หลายๆ รอบ จิตเกาะเกี่ยวกับพระพุทธองค์ได้บ่อยครั้งมากขึ้น และมองโลกนี้ว่าเป็นทุกข์ได้บ่อยขึ้น ไม่ว่าการมีครอบครัว การแก่งแย่งหาเงิน การรบราฆ่าฟัน รวมไปถึงภัยธรรมชาติ...บ้านสวนฯ และท่านอาจารย์อุบล ทำให้ผมมีสติมากขึ้นกว่าเดิมมากมายยิ่งนักครับผม 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์(สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) (surasit2010-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-28 00:41:09


ความคิดเห็นที่ 325 (1554709)

ส่วนใหญ่แล้วทุกคน ดีขึ้นเกือบทุกข้อ ชีวิตมีความสุขขึ้น  ขอให้ทุกๆคนที่ตั้งแต่มารู้จักบ้านสวนพีระมิด แล้วชีวิตคุณดีขึ้น  ใน 5 คำถามของอาจารย์   ให้เข้ามาบอกเล่าด้วยนะคะ

เพราะว่านี่เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่ง ว่าภารกิจสวรรค์ของอ.อุบล ท่านได้สำเร็จ  ก้าวหน้า  

เพื่อเป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์   และนี่คือการแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณต่อ ครูบาอาจารย์

.................................................................................................................

ขอบคุณพี่อ้อยมากๆครับ

 

ตั้งแต่เบลล์รู้จักบ้านสวนพีระมิด  ......................

1. สุขภาพ  

แต่ก่อนเคยฉี่บ่อยมากจนคิดว่าเป็นเบาหวานซะแล้วทุกวันนี้หายเป็นปกติครับ  หน้าตาสดใสขึ้น  เพื่อนทักว่า  หน้าตาดูอิ่มเอิบกว่าแต่ก่อนครับ  เคยมีอาการปวดหัวบ่อยๆ  ทุกวันนี้ก็ดีขึ้นครับ

ผิวพรรณก็กระจ่างมากกว่าแต่ก่อน  ดีวัน  ดีคืนครับ  เพราะได้รับเมตตาจากอาจารย์  พลังพีระมิดครับ  ทั้งอาบ  ดื่ม  ครับ  สารพัดสิ่งดีดีจากอาจารย์ครับ

2. การงาน เงิน
การเรียนลื่นไหล  แม้ยังไม่ค่อยตั้งใจแต่ก็รู้สึกว่าเราอ่านน้อยแต่ก็พอทำได้เท่ากับเพื่อนๆ  เหมือนในหัวสมองไม่มีอะไรเลย  พออาจารย์ถาม  ก็ตอบได้ครับ  เงินพอใช้ครับไม่เดือดร้อน

3. ครอบครัว  

ดีขึ้นครับ  คุณแม่จะมาทางบุญกุศล  ผิดจากเมื่อก่อนครับ ครอบครัวเรามีความสุขมากขึ้นครับ  

4. สามารถลด ละ การพูดมาก พูดเท็จ นินทา 

พูดน้อยลงมากผิดจากเมื่อก่อนพูดน้ำไหลไฟดับ  ไม่นินทาใคร  ไม่พูดคำลวง   

5. ยังหลงๆ ลืม ๆ หรือเปล่า

นิ่งมากขึ้น ตั้งสติก่อนทุกครั้งครับ  เกือบจะไม่มีครับ  ถ้ามีก็น้อยนิดครับ

.......................................................................................

เบลล์มีความสุขมากครับ

ที่ได้มารู้จักกับบ้านสวนพีระมิด

ของอาจารย์อุบล

ขอบคุณมากๆครับ

ที่ทำให้เส้นทางธรรมของเบลล์

มีความสนุกสนาน  ร่าเริง

ทุกครั้งที่อ่านข้อความที่อาจารย์เขียน

เบลล์ดีใจครับ  สุขใจมากครับ

ลูกขอกลับบ้านนิพพานกับอาจารย์ในชาตินี้ครับ

บุญและความดีใดที่ลูกพอมีอยู่บ้าง

ลูกขอน้อมบูชาพระคุณของอาจารย์อุบลครับ

      

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-28 00:41:58


ความคิดเห็นที่ 326 (1554718)

ขอมาเขียนเล่าจากที่คุณอ้อยได้บอกด้วยคนนะคะ

แต่ยังไม่เคยไปบ้านสวนค่ะ

แค่อนุโมทนาหน้าจอและคอมเม้นเพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

 -สุขภาพ ปกติก็ไม่ได้มีโรคประจำตัวค่ะ

แต่มีบางทีที่อากาศหนาวมากๆจะเป็นหวัดง่ายค่ะ

แต่ช่วงหลังๆมาไม่เป็นแล้วค่ะ รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บค่ะ

-การเงิน ดีขึ้นอย่าเห็นได้ชัด ตั้งแต่รู้จักเวปบ้านสวนนี่แหละค่ะ

จากที่ไม่มีงานทำ ก็ได้งาน เงินเข้ามาเรื่อยๆ เพราะปาฏิหาริย์บ้านสวนนี่เอ๊งงงงงง-

-ครอบครัว  คุณแม่ก็จะหันมาทำบุญ ดูรายการคุยไปแจกไปกับหญิง และไม่ค่อยบ่นเหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ

ใจดีสุดๆ ฮ่าๆ อาจจะเป็นเพราะเราทำตัวดีขึ้น และคุณแม่จิตใจดีขึ้นหลังจากที่ได้มาอนุโมทนาหน้าจออยู่บ่อยๆค่ะ

-สามารถลด ละ การพูดมาก พูดเท็จ นินทา ตอนนี้เลิกแล้วค่ะได้ประมาณ 95 % แต่ยังมีเผลออยู่บ้าง แต่ถ้าเผลอ

จิตเราก็จะเตือนทันทีเลยค่ะ เลยทำให้รู้ตัวคิดได้ก่อนค่ะ

- ยังหลงๆ ลืม ๆ หรือเปล่า อันนี้ยังมีอยู่บ้างค่ะ

เป็นบางครั้ง จะพยายามปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่บกพร่อง

ให้ดีที่สุดค่ะ

เพื่อสิ่งดีๆที่รออยู่ในวันข้างหน้าาาาาา

 

ที่เปลี่ยนได้ขนาดนี้เพราะมีอาจารย์แม่เปนบุคคลตัวอย่างจริงๆค่ะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-28 03:11:09


ความคิดเห็นที่ 327 (1554847)

อนุโมทนาบุญค่ะ..น้องมหา..น้องเบลล์..น้องหญิง.

อานุภาพที่ได้จากการที่รู้จักบ้านสวนนั้น..อัศจรรย์ใจจริงๆๆ..

มีความสุขไม่รู้จะเปรียบกับอะไร อิ่มและปลื้มในบุญยิ่งกว่ากินข้าวเต็มท้อง..

**ที่สำคัญมีการเกรงกลัวต่อบาปอย่างเห็นได้ชัด..และมีเมตตากับผู้อื่นมากขึ้น

สามารถลดความโกรธลงโดยอัตโนมัติ..มีความตั้งใจรักษาศีล ..สวดมนต์.. ภาวนา 

ยิ่งขึ้น ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็เสาะหาหนทางในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อยู่บ่อยๆ..

พอไม่ไปนานเข้าก็เหมือนเดิม..อวิชชาเข้าครอบงำ

**แต่เมื่อมาบ้านสวนแล้ว..จิตใจเปลี่ยนไป..

ความสุขเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย..

อยากให้ทุกคนที่ยังไม่ได้เข้ามาบ้านสวนได้พบสิ่งเหล่านี้บ้างค่ะ..

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-28 17:05:06


ความคิดเห็นที่ 328 (1554909)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ  สาธุ   สาธุ   สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน (pouging1-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-28 21:10:03


ความคิดเห็นที่ 329 (1554912)

 

ขอเขียนด้วยคนคร๊า...ว่า

ผลที่เกิดขึ้นหลังจากมาบ้านสวนพิรามิด

ในเรื่องของ

=> สุขภาพ...โดยขอแยกเป็น สุขภาพจิต :  ที่แข็งแรงขึ้น เข้มแข็งขึ้นแต่ก่อนมาก  ลำดับความคิดได้ดีขึ้น...จนทำให้

 สุขภาพกาย  :  ดีขึ้น ปวดศีรษะเป็นประจำหาย

 เพราะไม่คิดมาก..ไม่วกวน หาทางออกได้

 ปวดท้อง .. โรคเวร โรคกรรม..อ.อุบลสอน

  ให้อุทิศบุญให้ลูกที่แท้ง..เป็นเมื่อก่อน..

 

 

 ต้องซื้อ เบียร์ ซื้อไวน์ ตามความเชื่อเพื่อ

  ให้เลือดลมดี..( ลำยอง ) อาการดีขึ้นชัดมาก

=> การงาน / การเงิน  

  ไม่มีปัญหา..มาให้ปวดหัวมานานมากแล้ว

   และได้จดจำ คกสอน อ.อุบล ใส่ไว้ในใจ

 

 

  เสมอมา จากที่มีความรู้สึกว่า ตนเองและเพื่อน ๆ

ถูก เจ้านายเอาเปรียบ..อ.อุบล ก็ได้ให้แง่คิดไว้ว่า  

หากเรารู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ เรากำลังได้กำไร แต่เมื่อไหร่ 

 ที่เรารู้สึกว่า เรากำลังได้เปรียบผู้อื่นอยู่ 

 แสดงว่า  เรากำลังขาดทุน  ทำให้รู้สึกดีมากๆ

  และได้นำคำสอนนี้ ไปบอกกับ น้อง ๆ ที่ทำงาน

 เวลามีใครมาปรึกษา หรือ ร้องไห้ด้วย...

 

 

รายรับครอบครัว...ก็มีมาแบบไม่ขาดมือ...

 พอที่จะทำบุญได้อย่างสบายใจ ตาม อัตภาพค่ะ

 ด้านครอบครัว =>  OK... เพราะ รู้จักการให้อภัยกันมากขึ้น

 

 การพูดเท็จ นินทา =>  ที่สุดขอที่สุด โดยสันดาน ที่คิดตื้น ๆ ว่า

 ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน..หรือการโกหก    

น่าจะทำให้ความรู้สึก อะไร ต่อมิ อะไร

ไปในทางที่ดี จนเคยปาก เคยตัวและ

  

ดื้อรัน ไม่เชื่อฟัง โดยเฉพาะ กับ อ.อุบล

 

และต่อจากนี้ไป.. จะพยามให้ดีที่สุด

 

อาการขี้ลืม  =>  ลดน้อยลงมาก ๆ ทราบดีค่ะว่า

 

ศิลข้อ 5 ( อ่านของคุณสิทธิ์ ) ถึงจะไม่ขี้ลืม

 

เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังมีบ้าง..พยามยาม

 

ทำ จำ จด ทุกสิ่งด้วยสติ ค่ะ

 

 และทุกสิ่งที่ปรากฏไปในทางที่ดีของชีวิตและครอบครัว

 

 

 หลังจากที่ได้สัมผัสกับ คำสอน ของ อ.อุบล บ้านสวนพิรามิด

 

 แมวขอกราบขอบพระคุณ และขอขมาอีกครั้งกับการที่ทำให้

 

  อ.อุบล ต้องเหนื่อย ทั้ง กาย ใจ

สรุป...แมว พอใจ ในทุกสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตนี้ค่ะ

รัก อ.อุบล และรัก บ้านสวนพิรามิด มาก ๆ ค่ะ                                    

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-28 21:22:47


ความคิดเห็นที่ 330 (1555241)

ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่เมตตาข้าพเจ้าให้ดีขึ้นทางกาย วาจา ใจในทุกวันนี้ค่ะ 

ตั้งแต่รู้จักบ้านสวนพีระมิด,

1. สุขภาพ

กินมังสวิรัติมาสักพักหนึ่งแล้ว ด้วยใจที่ไม่อยากเบียดเบียนสัตว์

ไม่มีเจ็บไข้ได้ป่วยเลยค่ะ นอกจากจะทำตัวเอง เช่น นอนดึก ทำให้ปวดหัว สิวขึ้น 

ผิวพรรณเท่าที่เห็น เรียบขึ้น หน้าใสขึ้น 

สุขภาพใจนี่ชัดมาก ใจสงบ อุเบกขาได้มากขึ้น

ปกติเป็นคนขี้โมโห ใจร้อนรุ่มมากๆ คิดสิ่งที่ไม่ดีในใจเยอะมาก แล้วปากก็ขยับทันที

แต่เดี๋ยวนี้ จะควบคุมความคิด ใจให้เฉยได้หลายครั้ง คิดถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า "หากเราโต้ตอบเท่ากับเราเป็นอย่างที่เขาว่า เราก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย จงทำตนให้เจริญแล้วทั้งทางโลกและทางธรรม" และคิดถึงการที่ได้ขอขมา ถวายใจ-กายต่อพระองค์ท่าน จะไม่ทำบาปทางกาย วาจา ใจอีก เมื่อเข้าใจแล้ว ก็จะหยุดได้ ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระเมตตา ให้อภัยเขา และ เกิดความเมตตาสงสารเขา 

2. การงาน 

ตอนนี้ยังเรียนหนังสืออยู่ ก็มีความใฝ่เรียนมากขึ้น ปกติจะขี้เกียจมาก ทรมานเวลาเข้าเรียน อ่านหนังสือ 

ใจวอกแวก ทุกข์เรื่องนั้น ทุกข์เรื่องนี้ แต่เดี๋ยวนี้ ได้ฝึกใจ เข้าใจธรรมะมากขึ้นกว่าก่อน ทำให้คิดน้อยลง เกิดสมาธิในงาน เกิดปัญญา

3. ครอบครัว

ครอบครัวโดยรวมมีความสุขค่ะ ซึ่งเนื่องมาจากการควบคุมจิตใจของเรามากขึ้น แล้วบาปทางวาจา และกาย ก็ไม่เกิด

4. วาจา

ข้าพเจ้าได้รักษาศีล 5 อย่างตั้งใจ 

พูดน้อยลงมาก แต่บางครั้ง พูดไร้สาระ ส่อเสียด นินทา ยังเลวอยู่มาก และไม่กี่ครั้งที่จะพยายามควบคุมการกระทำเหล่านี้

จากเมื่อก่อนที่ผิดศีลข้อ 4 เป็นชีวิตประจำวัน

5. อาการขี้ลืม

มีเป็นบางครั้งค่ะ น่าจะเนื่องมาจากการไม่ได้ฝึกใจอย่างจริงจัง 

ไม่ได้เสพสิ่งเสพย์ติด หรือของมึนเมาเลย

ขอให้ทุกๆท่านมีแต่ความสุข ความเจริญ เข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้ สาธุ สาธุ สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ (krongkwanw-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-30 13:14:09


ความคิดเห็นที่ 331 (1555322)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานทุกท่านค่ะ สาธุ

หลังจากไปบ้านสวนฯแล้วชีวิตมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

1.สุขภาพ

ก่อนไปบ้านสวนฯเป็นสารพัดโรคยกเว้นโรคเอดส์ โรคที่เป็นได้แก่ ซีสต์หน้าอก ซีสต์รังไข่ ซีสต์มดลูก ตับอักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ ไตอักเสบ กรดไหลย้อน ไมเกรน เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง ปวดหลังมากขนาดที่ว่าบางครั้งลุกนั่งไม่ได้ นั่งก็ปวด นอนก็ปวดกระดูกทั้งร่างกาย

โรคทั้งหมดหายตั้งแต่ไปบ้านสวนฯตอนเข้าค่ายรุ่นที่ 7 (3-5 ธ.ค.) และตาข้างที่ซ้ายที่ไม่ดีของตฤณเคยไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาฯแต่ก็เหมือนเดิม เดี๋ยวนี้มองดูเกือบเหมือนคนปกติ จนแม่ทักว่าไปทำอะไรตาเพราะเคยผ่าตัดตาก็ยังผิดปกติตฤณบอกแม่ไปทำบุญบ้านสวนฯมา และเมื่อก่อนเวลาอ่านหนังสือหรือถูกแสงแดดตาจะแสบมากสู้แสงไม่ได้ น้ำตาจะไหล แต่เดี๋ยวนี้ปกติมาก 

ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก สามารถทำงานหนักได้ทุกอย่างที่ผู้ชายทำ ขณะตั้งท้องเก้าเดือนทำงานหนักได้ทุกอย่าง

ลูกในท้องแข็งแรงดี โดยที่ไม่ต้องกินยาบำรุงที่หมอให้มา ไม่มีอาการแพ้ท้อง ปวดตัวส่วนต่างๆของร่างกายเหมือนที่คนท้องทั่วไปเขาเป็นกันเลย

2.ฐานะทางการเงิน

ก่อนไปบ้านสวนฯเป็นหนี้ที่ใช้หนี้ยังไงก็ไม่หมด เอาเงินแสนปิดหนี้หลักหมื่นบาทก็ไม่สามารถใช้หนี้ได้ แถมยังเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ต้องเอาทองไปจำนำใช้หนี้ ตอนนั้นตฤณไม่ได้ทำงาน แต่ก็มีรายได้จากสวนผลไม้ที่บ้านต่างจังหวัดรายได้ไม่พอรายจ่าย

หลังจากไปบ้านสวนฯ สามารถใช้หนี้ได้หมดทุกทาง สามีทำงานคนเดียว ตฤณไม่รายได้อะไร ตอนนี้รายได้พอรายจ่าย ไม่ขัดสน เงินใช้คล่องขึ้นมาก

3.ครอบครัว

ก่อนไปบ้านสวนฯ มีปัญหากับสามีทุกวัน แม้กับกระทั่งแม่ที่ต่างจังหวัดตฤณลำบากมากๆขอกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเพราะท่านเคยบอกว่าให้บ้านตฤณหลังหนึ่ง แต่พอไปขออยู่แม่กลับไม่ให้อยู่ ชีวิตตอนนั้นตันทุกด้าน เครียดมากๆ

แต่ชีวิตตอนนี้แม่พยายามบอกให้กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ให้พี่ชายพี่สะใภ้ช่วยพูดให้ตฤณกลับไป แต่ตฤณก็ยืนยันว่าไม่กลับไป เพราะชีวิตตอนนี้มีความสุขแล้ว รู้แล้วเงินทองทรัพย์สมบัตินอกกายไม่ได้สำคัญอะไรเลย กลัวตัวเองจากกลับไปเดินทางเดิมที่ไม่ดีอีก อยากอยู่สร้างบุญที่บ้านสวนฯ กับสามีก็เข้าใจกันมากขึ้น ไม่ได้ทะเลากันเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้สามีก็หยุดสูบบุหรี่ได้แล้ว(ยังไม่แน่ใจว่าจะเลิกได้ตลอดรึเปล่า)

4.ท่านลดการพูดมาก พูดเพ้อเจ้อ มีคนเชื่อถือท่านบ้างหรือมั้ย

ตอนนี้ลดการพูดน้อยลง เพราะอาจารย์เมตตาบอกว่าตฤณไม่มีเมตตา จึงพูดบอกใครจึงไม่มีใครเชื่อถือ และพูดมากปากเสียจึงไม่มีปัญญา จึงพยายามไม่เอาชีวิตคนไม่ดีไปยุ่งกับใครอีก ตอนนี้ยังทำได้ไม่ดีสำหรับข้อนี้เพราะไม่สามารถพูดให้พ่อแม่ พี่น้องหันมาทำบุญได้ ให้เขาเชื่อเรื่องเวรกรรมได้ กับสามีเขาไม่ได้ยินยอมเต็มใจให้ไปบ้านสวนฯด้วยความสมัครใจ แต่จะการที่อยู่กันมาสามีเขาก็ไม่ค่อยเต็มใจให้ตฤณไปไหนมาไหนคนเดียวบ่อยครั้งที่ตฤณฝืนไปตลอดเขาชอบให้ตฤณอยู่กบัเขาตลอด  แต่ตฤณก็ฝืนตลอดและยังไปบ้านสวนฯเพราะอยากสร้างบุญให้ได้มากๆก่อนที่ตายและทำเพื่อลูกเพราะสงสารเขาที่ต้องเกิดมาเป็นลูกตฤณมีสิ่งเดียวที่ตฤณจะทำให้ลูกได้คือบุญเท่านั้นจึงพยายามไปบ่อยๆ อาจารย์สอนอะไรก็พยายามทำตามทุกอย่าง

5.ท่านยังขี้หลงขี้ลืมหรือไม่

ข้อนี้ตอนนี้เริ่มมีสติมากขึ้น ไม่ค่อยขี้ลืมเหมือนเมื่อก่อนแต่ยังมีบ้าง แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนปัจจุบันนี้ดีขึ้นมาก มีสติมากขึ้นค่ะ

ลูกกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์บ้านสวนฯทุกพระองค์และอาจารย์อุบลและครอบครัวที่เมตตาสั่งสอนลูก ให้โอกาสลูกได้ไปสร้างบุญที่บ้านสวนฯค่ะ สาธู

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตฤณ นาคทุ่งเตา (voravee_pat-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-30 22:08:10


ความคิดเห็นที่ 332 (1555406)

หลังจากไปบ้านสวนฯแล้วชีวิตมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

1.สุขภาพ

 

ก่อนไปบ้านสวน  จะมีอาการ  ปวดบวมตามข้อนิ้วมือ เท้าบวมถ้านั่งนาน ๆ  ปวดไหล่  ปวดหลัง 

ขณะนี้อาการต่าง ๆ  หายหมดแล้ว

 

2.ฐานะทางการเงิน

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก  พอมีพอใช้ไม่ขัดสน  แต่ตอนนี้ ไม่ค่อยสนใจอยากซื้อนั่นนี่  เลยทำให้รายจ่ายลดลง

ขณะนี้รายรับก็ลดลง  แต่มีความสุขมากกว่า  ที่เรามีรายได้เยอะๆ

3.ครอบครัว

ถือว่าดีขึ้นมาก  เพราะตัวแปรคือลูก  ลูกก็มีสัมมาคารวะมากขึ้น  รับผิดชอบตัวเองได้มากขึ้น

ทำให้ครอบครัวมีความสุข

 

4.ท่านลดการพูดมาก พูดเพ้อเจ้อ มีคนเชื่อถือท่านบ้างหรือมั้ย

เดี๋ยวนี้พูดน้อยลง  ไม่ร่วมวงนินทา  (มีบ้างนิดหน่อย)  ยังมีโกหกบ้าง

จะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไป  

5.ท่านยังขี้หลงขี้ลืมหรือไม่

มีบ้างแต่ไม่มาก

          ชีวิตโดยรวมดีขึ้นมากค่ะ  ทำให้เราอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข  ทั้ง ๆ  ที่เราไม่ใช่คนดีที่สุด

แต่เราก็สามารถที่จะแยกแยอะแต่ละชีวิตที่ผ่านมาเจอเรา  โดยกลับไปมองว่า ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ

ก็จะทำให้เราได้เข้าใจว่า  ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้  ทำไมเขาถึงเป็นอย่างนั้น  ทำให้ไม่ทุกข์ใจกับเขา  เมื่อได้รับฟัง

เรื่องราวปัญหาของคนอื่น (งานที่ทำคือให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพ)  ซึ่งเมื่อก่อนถ้าต้องมารับรู้ปัญหาชีวิต 

ของหลาย ๆ คน ในแต่วัน  ตัวเองจะรู้สึก อิน ไปกับเขามาก  ถ้าเศร้ามาก ๆ  ตัวเราก็แทบจะร้องไห้ 

เลยไม่รู้ใครจะช่วยใคร  ทุกวันนี้ก็จะใช้ธรรมะของพระพุทธองค์  มาใช้ในการทำงานตลอด  "ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ"

ช่วยสะท้อนให้เขากลับไปย้อนนึกถึงการกระทำของตัวเอง

        ลูกขอขอบพระคุณพระพุทธองค์  ที่ช่วยให้ลูกได้พบพระธรรมของพระพุทธองค์  ทำให้ลูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-01 12:45:16


ความคิดเห็นที่ 333 (1555486)
image

สวัสดีค่ะ

เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกเว็บบ้านสวนค่ะ  ยังไม่เคยไปที่บ้านสวนเลยคะ แต่ตอนนี้กำลังฝึกนั่งสมาธิอยู่ค่ะแต่ยังไม่ไปถึงไหนเลย อยากจะกำหนดจิดได้บ้างค่ะ ตอนนี้ได้แค่ฝึกเองที่บ้านก่อนนอนยังไม่ไปถึงไหนเลยค่ะ ใครมีอะไรแนะนำได้โปรดแนะนำด้วยนะคะอยากจะฝึกได้แบบพี่ๆ บ้างค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัจฉราพรรณ อุสาย (ann_1985-at-live-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-01 21:40:44


ความคิดเห็นที่ 334 (1555507)

ยินดีต้อนรับ

น้อง อัจฉราพรรณ ค่ะ

หลังจากไปบ้านสวนพีระมิดแล้ว ชีวิตมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

1. สุขภาพ  :  โรคสะเก็ดเงิน อาการปวดทั้งตัว ภูมิแพ้  ปวดท้องประจำเดือน ดีขึ้นทุกอย่างค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องกินยาแก้ปวด แก้ภูมิแพ้ แล้ว โรคสะเก็ดเงินก็ดีขึ้น ผิวเริ่มดีขึ้น หลังจากที่ขึ้นมาทั้งตัวเพราะเลิกใช้สารอันตราย ( สเตอรอย )

2. ฐานะการเงิน  :  ดีขึ้นไม่ถึงกับมาก แต่ไม่ต้องกู้เงินนอกระบบแล้ว เมื่อก่อนต้องกู้ทกเดือน แล้วค่อยใช้เค้าเป็นรายวัน ตอนนี้เก็บเงินจ่ายค่านู้น นี่ เองได้แล้ว

3. ครอบครัว  :  ดีขึ้น สามีไม่บ่นเหมือนเดิม จิตใจเราก็สบายขึ้น ไม่ต้องคอยมานั่งเครียด ลูกของสามีเปลี่ยนเป็นทำงานสุจริตตามที่เราเคยขอไว้ (งานเก่าไม่ได้ไปปล้นจี้ใครนะค่ะ แต่ทำเกี่ยวกับเรื่องการพนัน) แม่ก็ไม่ค่อยโทรมาบอกต้องใช้หนี้คนโน้น คนนี่ ให้เราหาเงินมาให้ได้ เหมือนเดิม ก็ลดความเครียดของเราไปได้มาก

4. ท่านลดการพูดมาก พูดเพ้อเจ้อ มีคนเชื่อถือท่านบ้างหรือไม่  :  ลดค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยพูดนินทาใคร ไม่พูดเรื่องคนอื่น จะมีก็แต่มีคนมาเล่าเรื่องคนนู้น คนนี่ ให้ฟัง เราก็ฟังอย่างเดียว บางทีก็แสดงความคิดเห็นบ้าง ต่อไปจะพยายามห่างจากเรื่องพวกนี้ให้ได้ค่ะ

5. ท่านยังขี้หลงขี้ลืมหรือไม่  :  มีอยู่บ้างค่ะ เพราะเกดเป็นคนขี้ลืมมาก... ต้องเตือนสติตัวเองอยู่ตลอด ถ้ารู้ตัวว่าจะทำสิ่งที่ผิด ก็ดึงสติกลับมา ให้นึกอยู่เสมอว่าห้ามลืมที่อ.แม่สอนทุกเรื่อง

สรุปแล้ว

ก็มีแต่เรื่องที่ดีขึ้นค่ะ

ทำให้ตัวเองมีธรรมมะอยู่ในใจ

มากขึ้น และก็คอยบอกสอนเด็กๆ อยู่เสมอ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-02 00:01:24


ความคิดเห็นที่ 335 (1555528)

อนุโมทนากับทุกๆท่านทีี่มีชีวิตดีขึ้นในทุกๆด้านด้วยนะคะ

แหะ แหะ เข้ามาอ่านของคนอื่นก่อน

เดี๋ยวจะหาโอกาสเหมาะ ๆเวลาเยอะๆมาเขียนเรื่องของตัวเองมั่ง..

เหมือนทำข้อสอบปลายภาคเลยนะคะเนี่ย..ประเมินตัวเอง

แบบนี้ต้องวิเคราะห์แบบละเอียดๆที่สุ๊ดด.....

ขอเวลา..ไปสังเกตุตัวเองแบบถี่ถ้วนก่อนนะค๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-02 06:22:46


ความคิดเห็นที่ 336 (1555529)

อนุโมทนากับทุกๆท่านทีี่มีชีวิตดีขึ้นในทุกๆด้านด้วยนะคะ

แหะ แหะ เข้ามาอ่านของคนอื่นก่อน

เดี๋ยวจะหาโอกาสเหมาะ ๆเวลาเยอะๆมาเขียนเรื่องของตัวเองมั่ง..

เหมือนทำข้อสอบปลายภาคเลยนะคะเนี่ย..ประเมินตัวเอง

แบบนี้ต้องวิเคราะห์แบบละเอียดๆที่สุ๊ดด.....

ขอเวลา..ไปสังเกตุตัวเองแบบถี่ถ้วนก่อนนะค๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-02 06:24:10


ความคิดเห็นที่ 337 (1555612)

ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านด้วยคะ

เท่าที่อ่านดู ทุกคนที่เข้าคอร์สเรียนกับอาจารย์และน้อมรับคำสอนของอาจารย์ไปปฏิบัติ จะประเมินตัวเองออกมาในเกณฑ์ที่ดีขึ้น ทุก ๆ ด้านเลยนะคะ ถ้าเคร่งมากก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก เคร่งน้อยก็ได้ผลน้อย ขึ้นอยู่ที่ตัวเราเป็นหลัก อ่านเรื่องของทุกคน ก็รู้สึกดีใจกับทุกคนที่มีความสุข บางคนก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ขออนุโมทนาด้วยนะคะ สาธุ

สำหรับตัวเอง ก็รับคำสอนของอาจารย์มาปฏิบัติเหมือนกันคะ บางครั้งกำลังใจดีมีสติก็ปฏิบัติได้ดี แต่บางทีจิตตกบ้างก็หย่อน ๆ ไป กราบขอโทษอาจารย์ด้วยคะ แต่โดยรวมคิดว่าน่าจะดีขึ้นทุกด้านคะ

สุขภาพร่างกาย ไม่เจ็บป่วยอะไรเลย และคิดว่าแข็งแรงดีกว่าเดิม

การเงิน ไม่ขัดสน พอกินพอใช้ ที่คิดว่าจะติดขัดก็มีเหตุให้ผ่านพ้นไปได้เรื่อย ๆ

ครอบครัว ดีขึ้น พยายามปล่อยวาง ใจเย็น ก็ไม่มีอะไรต้องเครียดต่อกัน แต่บางทีก็มีหลุดบ้างนะคะ โดยรวมก็ดีขึ้นคะ

การพูด วัน ๆ ไม่ค่อยได้พูดกับใครมากคะ ถ้าพูดก็จะพยายามพูดไปธรรมดา พูดวิเคราะห์ไปในทางธรรม ตามเหตุผล ทุกคนก็ค่อย ๆ เข้าใจ คิดว่าก็น่าเชื่อถือขึ้นนะคะ(เข้าข้างตัวเองมั้ง)

ยังขี้หลง ขี้ลืมอยู่บ้าง แต่ดีกว่าเมื่อก่อนมากคะ

จะพยายามฝึกตัวเองให้ดีกว่านี้คะ เพราะอยากได้บ้านใหม่ที่นิพพานเหมือนคนอื่นเค้าเหมือนกันคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล และทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการขัดเกลาจิตใจ และยกจิตให้สูงขึ้นในครั้งนี้ด้วยคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-02 17:27:32


ความคิดเห็นที่ 338 (1555654)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ สาธุ สาธุ

อาจารย์ให้ทุกคนออกมาพูดถึงความเปลี่ยนแปลงใน 5 ข้อ ตั้งแต่มาบ้านสวนฯ

     1. สุขภาพ

 

          อ้วนท้วม (สมบูรณ์ขึ้นค่ะ) ทั้ง ๆ ที่อยากให้ตัวเล็ก ๆ ลงค่ะแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่ใจต้องการ (สงสัยเกี่ยวกับการที่ยังทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ เป็นแน่แท้ )


    
2. การเงิน

          การเงินดีขึ้นมากค่ะ มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ ทำบุญค่ะ จากแต่ก่อนทำงานประจำได้เดือน 15,000 บาท แต่ไม่เหลือเก็บแถมบางเดือนต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด


    
3. ความปรองดองในครอบครัว

          ครอบครัวมีความสุขมากขึ้นค่ะ เมื่อก่อนแม่ไม่ค่อยได้พูด ได้คิดเรื่องคำสอนฯ แต่พอดูอ.อุบล ก็นำคำสอนของท่านอ.อุบล มาใช้ในชีวิตประจำวันค่ะ ต้องขอกราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบล มาก ๆค่ะ

     4. การนินทา, พูดเท็จ, พูดมาก มีคนเชื่อถือในคำพูดมากน้อยแค่ไหน

          การนินทา พูดเท็จ พูดมาก น้อยลงค่ะ     

     5. อาการ (ขี้) ลืม

          ยังมีอยู่ค่ะ แต่ต้องคอยเตือนสติอยู่ตลอด ไม่ฆ่าสัตว์ (เห็บ หมัด สุนัข ยุง )

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด ท่านอ.อุบลและครอบครัวค่ะ สิ่งที่ท่านสอนนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรินทร คัดชา (อุ๊) (warintorn-dot-n2011-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-02 21:47:38


ความคิดเห็นที่ 339 (1555709)

ขออนุโมทนากั บทุกท่านที่สุขภาพ การงาน การเงิน ดีขึั้้นทุกๆท่านคะ

     ขอเล่าเรื่องของตัวเองที่เกิดขี้นหลังจากมาบ้านสวนพีระมิด

        1.  เรื่องสุขภาพ  ก่อนมาบ้านสวนมีโรคประ็จำตัวเป็นไทรอยด์  ไมเกรน หมอนรองกระดูกเสื่อม หลังจากมาบ้านสวน ก็หวังมาสร้างบุญด้วยแรงกาย ไม่ได้หวังว่าจะมารักษาโรค  เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนว่าใช้แรงกายแล้วได้บุญ จำไม่ค่อยแม่นคะว่าไปบ้านสวนกี่ครั้ง เพราะปัจจุบันไทรอยด์และไมเกรนหาย แล้ว ส่วนโรคหมอนรองกระดูกเสื่่อมก็ไม่มีอาการปรากฎแล้วคะ เวลามาบ้านสวนอาจารย์บอกว่าทำบุญไม่ต้องขอก็ได้บุญ (ทำดีย่อมได้ดี)

                       ลืมบอกไปคะ อาจารย์กรุณาบอกให้ทราบสาเหตุของโรคไมเกรน คือ การทำแ้ท้ง เมื่อมาทำบุญที่บ้านสวน ลูกได้รับบุญของเราก็จะขึ้นไปเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า ก็จะไม่มาเกาะที่ตัวเราทำให้เราไม่ปวดหัว 

      2.  เรื่องการเงิน  ไม่มีปัญหาคะ เพราะปกติจะเป็นคนกลัวความจน  กลัวการเป็นหนี้ จึงใช้จ่ายเท่าที่หาได้คะ

    3.  เรื่องครอบครัว ขอแยกเป็นสามี ,แม่, ลูก  

               - สามีดีมากเลยคะ ใจเย็น ใฝ่ทางธรรมมากขึ้น ไม่โมโหร้าย

ไม่ทำลายทรัพย์สิน เป็นกำลังใจให้เราปฏิบัติธรรมมากขึัึ้น

ทำให้บรรยากาศในบ้านไม่ร้อน

             - แม่ ปกติแม่เป็นคนใจบุญ ชอบทำทาน ทำบุญตามประเพณี

แต่บุญเราคงยังไม่มีพอเพราะ แม่ไม่ดูรายการคุยไปแจกไป แต่แม่ก็ไม่ได้ห้ามถ้าจะไปบ้านสวน ที่สำคัญแม่ไปเที่ยวเล่าต่อกับคนอื่นเกี่ยวกับบ้านสวนพีระมิดและแนะนำให้คนอื่นดูรายการ 

            - ลูกๆ เหมือนเดิมคะ แต่ทำสำคัญคือถ้าเป็นเมื่อก่อนจะทุกข์กับ

พฤติกรรมของลูกมาก เพราะจะห่วงและตั้งความหวังไว้กับลูก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยทุกข์ (จิตใจดีขึ้นมาก) เพราะอาจารย์จะสอนว่าที่ลูกดื้อ ก็เพราะพ่อแม่ผิดศีลข้อ 3 อาจารย์สอนว่าทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เมื่อเราเป็นคนสร้างเหตุเราก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของเรา       

         4.การนินทา พูดเท็จ พูดมาก มีคนเชื่อถือในคำพูดมากน้อยแคไหน  เป็นคนไม่นินทา ไม่พูดมาก พูดเท็จมีบ้างนิดหน่อย ปกติจะเป็นคนพูดส่อเสียด (พูดว่าคนอื่่นแบบสุภาพแต่ทำให้เขาเจ็บใจ) ครั้งหลังสุดที่ไปบ้านสวนอาจารย์บอกว่าคำพูดที่ไม่ดีทำให้เป็นไทรอยด์ ถ้าอยากให้ไทรอยด์กลับมาก็กลับไปพูดอีก ลูกขอให้สัจจะว่าลูกจะพยายามไม่พูด จะระมัดระวังคำพูดให้มากๆ ลูกจะขอยึดพรหมวิหาร4 ที่อาจารย์สอน ถ้าคนเรามีเมตตา มีความปรารถนาดีต่อคนอื่นเราก็จะไม่พูดจาไม่ดีกับคนอื่น

              5. อาการขี้ลืม  ก็ยังมีบ้างคะ

           กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์ทุกพระองค์แห่งบ้านสวนพีระมิดที่ได้่เมตตาลูกหลาน และ อ.อุบลที่เมตตาสั่งสอนให้ลูกได้มีโอกาสไ้ด้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ได้รู้จักสำรวจตัวเอง มีจิตสำนึกรู้ทันพฤติกรรม และมโนกรรม ทำให้ลูกได้พบความสุขที่แท้จริง

                                    กราบขอบพระคุณอย่างสูงคะ







 

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนาวดี ฟักโต (แหวว) (nongchok2010-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-03 13:40:13


ความคิดเห็นที่ 340 (1555768)

มโนมยิทธิวันเสาร์ที่ 2 ก.ค.นี้ อาจารย์สอนให้รู้จักและให้ทุกคนเข้าฌาณ 4 ให้ได้

จิตที่เป็นฌาณจะพาคนไปสูง และจิตที่ออกฌาณ 4 จะเป็นพรหม เทวดา ถ้าคนนั้น สามารถละ

   - ความโกรธ
   - ความอาฆาต พยาบาท
   - จิตที่ยังรำคาญผู้อื่น หรือสิ่งรบกวนต่าง ๆ
   - สงสัยในผลของมัน
   - หลงในเสียงเพราะ (คนส่วนใหญ่หลงเสียงเพราะก็อาจจะถูกหลอกได้), รสอร่อย (อยากกินของอร่อยก็ใส่ผงชูรส), กลิ่นหอม, สัมผัสระหว่าง
เพศ, ความสวย (บางคนต้องการดิ้นรนให้สวย สร้างความสวย ที่ไม่ได้สวยเอง เช่น ใช้ครีมทาหน้าขาว

ให้เราคิดว่าทิ้งร่างกายนี้เมื่อไหร่ เราไปนิพพานได้เลย แต่ไม่ใช่ทำร้ายตัวเองนะ

กสิน คือ วิธีฝึกให้จิตเป็นอัตโนมัติ  ถ้าได้กองใดกองหนึ่งก็จะได้หมด เปรียบกับการกินก๋วยเตี๋ยวที่แค่เปลี่ยนชาม เปลี่ยนภาชนะ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปใส่ในอะไร ก็ยังเป็นก๋วยเตี๋ยว

ประโยชน์ของกสิณ คือ ฝึกให้จิตเข้มแข็ง ใครจะทำอะไรมากระทบ ก็ไม่รู้สึก มีฤทธิ์ แต่ไม่ใช่เพื่อลาภสักการะ

วิปัสสนากรรมฐาน
วิปัสสนา แปลว่า คิด (แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคิด)
กรรม แปลว่า การกระทำ ทั้งดี และไม่ดี
ฐาน แปลว่า รากฐาน มั่นคง

กรรมฐาน มี 2 ประเภท  คือ
1. สมถกรรมฐาน คือ การยับยั้งพฤติกรรม ทำให้จิตสงบ (แต่มักจะทำกันไม่ได้)
2. วิปัสสนาญาณ คือ การใช้ปัญญา ไม่มีความรู้ใด ๆ ต่อสิ่งยั่วยุ จะไม่มีทุกข์ เช่น ถ้ามีคนมาด่าว่า เราก็แค่คิดว่าเขามืดมา ก็มืดไป แต่เราจะไม่
มืดไปกับเขาด้วย

เพราะฉะนั้น คำว่า "วิปัสสนากรรมฐาน" คือ การคิดไตร่ตรอง แล้วรู้เท่าทันทั้งความดีและชั่ว ใช้ปัญญาเป็น

บ้านสวนฯ ใช้หลักวิปัสสนากรรมฐาน การเจริญปัญญาคิดหาเหตุผล เช่น คนที่มาไต่สวนกรรม อาจารย์จะให้คิดกรรมความดี และชั่วของตัวเอง

ฌาน แปลว่า ปกติ เราต้องมีศีลอยู่ในจิตสำนึก ไม่ว่าฟ้าถล่ม ดินทลาย ไม่ว่าใครจะตาย จิตจะไม่หวั่นไหว คิดว่าการตายเป็นสิ่งที่ดี เพราะ

โลกมนุษย์ไม่น่าอยู่ เพราะเรายังต้องทำงาน หาเงิน  กินข้าว ต้องอาบน้ำ ดูแลลูก และอีกมากมาย

ถ้าเราตาย ถือว่าโชคดี เราจะได้ไม่ต้องอยู่กับร่างที่สกปรก ไม่ต้องทำงาน ไม่มีทุกข์ เราจะได้ไปอยู่บ้านที่นิพพานกับพระพุทธเจ้า

ตอนนึงที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ในพระไตรปิฎก หน้าที่ 319 ว่า...
"แม่น้ำที่ไหนที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถทำคนชั่วให้เป็นบุคคลให้ดีได้ เพราะฉะนั้นสถานใดที่ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคนชั่วเป็นคนดีได้ถ้ายังฝักใฝ่ในนรก ก็ไม่สามารถไปนิพพานได้"

ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้

"ฌาน 4" 

   - ถ้าเราไม่รู้สึกรำคาญเสียงที่ได้ยิน แสดงว่าเราเข้าขั้นปฐมฌาณ 
   - เมื่อเราภาวนากำหนดลมหายใจเข้า-ออก แล้วคำภาวนาหายไป รู้สึกจิตสงบ สบาย นี่แหละคือ ฌาณ 2
   - หากภาวนาไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกเนื้อตัวแข็ง ขยับตัวไม่ได้ ตึง และขณะนั้น เสียงที่ได้ยินในหูเบามาก นี่คือเข้าสู่ฌาณ 3 
   - และหากเสียงหายไป ไม่รู้สึกอะไรเลย จิตดื่มด่ำกับความสบาย กายเบาสบาย ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมภายนอกเลย แสดงว่าจิตได้
ฌาณ 4 (ขั้นหยาบ)
   - ถ้ารู้สึกว่านั่งไปเรื่อย ๆ แล้วจิตมีความสุขมาก รู้สึกเบาจนไม่รู้สึกว่ามีร่างกาย มีแค่ดวงจิต ถือเป็นฌาณ 4 (ขั้นละเอียด) และถ้าตายตอนออกฌาน 4 ก็ไปนิพพานได้

ช่วงนี้ อ. อุบล ได้รับสื่อสารจากเบื้องบนในเรื่องภัยพิบัติว่า ใกล้มากแล้ว ทั้งความฝัน การจำลองเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ลูกหลานบ้านสวนฯอย่าได้สนใจวันเวลา อย่าคิดว่าฉันต้องรอด คิดว่า ตายไปก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ไปนิพพาน

แต่การอยากไปนิพพาน ก็ถือว่ายังมีกิเลส เราควรทำคุณสมบัติทั้งหมดให้ได้ไป เปรียบเหมือนเราจะไปอเมริกา เราก็ต้องทำตามขั้นตอนการเตรียมตัวตั้งแต่เก็บเงินเพื่อซื้อตั๋ว ทำหนังสือเดินทาง ฯลฯ ถ้าได้แค่อยากจะไป แต่ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรเลย แล้วจะไปได้มั๊ยล่ะจ๊ะท่านผู้ชม

สุดท้ายและท้ายสุด พระพุทธองค์ และเบื้องบนทุก ๆ ท่าน ได้สอนพวกเราให้รู้ และละทุกสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่ง ให้ละกายหยาบนี้ เพื่อกลับบ้านที่พระนิพพานซะที นี่คือพระมหาเมตตาของท่าน ที่มากล้นกว่าคำพูดใด ๆ สาธุ

ขอจบรายงานมโนมยิทธิในส่วนของก้อยพอสังเขปนะคะ หากมีส่วนไหนผิดพลาด ก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยค่ะ

อ้อ!! อาจารย์แนะนำให้อ่านหนังสือธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม 5 ของพล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน อีกด้วยค่ะ

และอีกเรื่องนึง มีผู้ใจบุญ แต่ก้อยจำชื่อไม่ได้น่ะคะ ยังไงขออภัยอีกครั้ง เขาได้ทำบุญหนังสือ "นิพพานชาตินี้กันเถอะ" เรียบเรียงโดยท่าน ช มาแจกญาติธรรมบ้านสวนฯ ด้วย ขออนุโมทนา มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ

แต่สำหรับคนไกลบ้านอย่างพี่ชนิดา และคุณหญิง นันทนา อาจจะหาอ่านยาก วันพรุ่งนี้ ก้อยขอถือโอกาสพิมพ์ลงในกระทู้นี้ ให้อ่านกันแบบดื่มด่ำเข้าถึงพระนิพพานกันไปเลยนะคะ..อิอิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา (pooyingnaya-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 00:47:10


ความคิดเห็นที่ 341 (1555771)

พอเห็นชื่อหนูก้อย ล็อกอินเข้ามา ก็ดีใจมั่กๆ รู้เลยว่า

ต้องมาอัพเดทเรื่องการฝึกมโนมยิทธิให้ชาวเกาะได้อ่านกันแน่ๆ

และแล้วก็ไม่ผิดหวัง มาครบครันทั้งเนื้อหาสาระแห่งธรรมมั่กๆ

อนุโมทนากับหนูก้อยด้วยนะคะ สาธุ  แล้วก็ขอขอบคุณล่วงหน้า

ที่ใจดีจะพิมพ์เนื้อหาของหนังสือ มาให้คนไกลบ้านอย่างพวกเรา

ให้ได้อ่านกันด้วย ซึ้งในน้ำใจจริงๆ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะจ๊ะหนูก้อย...

 

และขออนุโมทนากับผู้ใจบุญบริจาคหนังสือ

นิพพานชาตินี้กันเถอะ ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 01:10:30


ความคิดเห็นที่ 342 (1555773)

ขออนุโมทนากับคุณก้อยด้วยค่ะ

น้ำใจดีงามจริงๆ

สักครู่นี้หญิงลองเสิร์ชหาดูในเนตค่ะ

สำหรับหนังสือที่คุณก้อยบอกมา

หนังสือที่ชื่อว่าธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม 5 ของพล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

หญิงหาเจอแล้วค่ะ เย้ๆๆๆๆอิอิ

http://www.tangnipparn.com/page_book_all.html

สำหรับพี่ชนิดาและคนที่อยู่ไกลบ้านทุกๆท่านนะคะ

(พอเข้าไปในเวปนี้แล้วจะมีตั้งแต่เล่ม 1-17 เลยค่ะ

พอเราเลือกเล่มที่ 5 แล้ว อย่าลืมดูสารบัญทางซ้ายมือนะคะ

ตอนแรกหญิงเข้าไปก็ว่าทำไมเนื้อหามันมีนิดเดียวเองหว่าาาา

ที่ไหนได้ดั๊นมองไม่เห็น ฮิฮิ)


 

ส่วนหนังสือ หนังสือ "นิพพานชาตินี้กันเถอะ" ยังหาไม่เจอค่ะ

เจอแต่เป็นคลิปอ่าค่ะ

ไม่รู้ว่าจะเหมือนในหนังสือรึป่าว

แหะๆ

ยังไงก็ขออนุโมทนากับผู้ที่บริจาคหนังสือและคุณก้อยอีกครั้งด้วยนะค๊าา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 02:45:05


ความคิดเห็นที่ 343 (1555780)

 โมทนาสาธุกับธรรมทานของทุกท่านครับ

พี่ก้อยสุดยอดไปเลยครับ

ขอบคุณนะครับ

สำหรับเรื่องราวการฝึกมโนมยิทธิเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทั้งสาระความรู้

ธรรมะเพื่อพระนิพพาน

โมทนาบุญทุกประการกับพี่น้องชาวบ้านสวนพีระมิดทุกท่านนะครับ

สำหรับค่ำคืนการฝึกมโนมยิทธิ

ได้บุญมากมายมหาศาล

และขอกราบขอบพระคุณ

พระพุทธเจ้า

พระธรรม

พระอริยสงฆ์

พ่อแม่ครูบาอาจารย์

และอาจารย์อุบล

ที่เมตตาลูกหลานมากๆครับ

โมทนาสาธุทุกประการครับอาจารย์

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 05:48:20


ความคิดเห็นที่ 344 (1555818)

กราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ สาธุ..

ขออนุญาตนำโอวาทธรรมะของท่านอ.อุบล

ในวันเสาร์ที่ 2 ก.ค.54       มาให้แก่ลูกๆบ้านสวนทุกคนค่ะ

**รหัส..อ.อุบล ช่วยด้วย..เป็นรหัสลับของจักรวาล**

1.หนังสือนิพพานที่อ.แจกไปต้องอ่านให้ครบภายใน 3 วัน

2.จักรวาลได้ส่งผู้มีบุญได้มาฉุดช่วยโลก..เป็นจำนวนมาก..ส่วนใหญ่ที่ลงมาแล้ว

และไม่สามารถดำเนินการต่อได้**เพราะหลงอัตตา หลงลาภสักการะ**

3.ตอนนี้มิติต่างๆได้เปิดที่บ้านสวน

4.ข้อนี้สำคัญ..ผู้ที่ลงมาทำหน้าที่ได้มาฉุดช่วยโลก..ต้องไม่ยึดตัวตน..ผลของการจริงใจที่ปกป้องบ้านสวนจะทำให้พบกับความอัศจรรย์เพื่อเป็นการยืนยันว่า**จักรวาลทั่วโลกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน**

5.จิตที่ออกจากฌาณ4..ถึงจะออกไปนิพพาน หรือเป็นพรหมได้

6.การละนิวรณ์ นั้นมีดังนี้

         6.1 ต้องละความโกรธ ความอาฆาตได้

         6.2 พิจารณาดูจิตยังรำคาญสิ่งที่มากระทบภายนอกอยู่ได้หรือไม่

         6.3 ยังสงสัยในผลของการปฏิบัติ

         6.4 ยังหลงในรสอร่อย กลิ่นหอม หลงความสวย..

         6.5 ยังมีความง่วงงาวหาวนอน ขี้เกียจ

7.ประโยชน์การฝึกกสิณ..

        7.1 เป็นวิธี ฝึกจิตให้เป็นอัตโนมัติให้มีปัญญารู้ด้วยตนเอง

        7.2 เพื่อก้าวข้ามจากกสิณธรรมดา

8.การฝึกวิปัสสนากรรมฐาน

        8.1 สมถะ ..เพื่อยับยั้งพฤติกรรมได้**แต่ไม่พ้นทุกข์**

        8.2 วิปัสสนากรรมฐาน..เพื่อใช้ปัญญาพิจารณาหามูลเหตุความดี และชั่ว             (ไม่มีความรู้สึกใดๆต่อปัญหาที่เกิดขึ้น)

9.ถ้ายังอยากไปนิพพานจะไปไม่ได้..***แต้ต้องทำทุกอย่าง เตรียมคุณสมบัติ..หาหนทางเตรียมตัวไปให้ได้..ไม่ใช่อยากอย่างเดียว**ให้เราใช้จิตอย่างชาญฉลาดเพราะใกล้ที่จะตายแล้ว

10. ***การซ้อมตาย***ให้พิจารณาต่อว่า  ตายก็ดีจะได้ไปนิพพาน.ไม่สนใจว่าจะเกิดภัยพิบัติวันไหน..วันที่จะเกิดคือวันที่เราประมาท**

11. การมาบ้านสวน..คนที่ยังลำบาก..ไม่ต้องเอาอะไรมา..ไม่ต้องซื้ออะไรมา..ให้มาใช้แรงกาย..แล้วทำการค้นหากรรม..อุทิศบุญ (ไม่ต้องขอค่ะ)

12. **ขอให้ทุกท่านได้ซ้อมตายและออกฌาณ4**

      .. โดยตั้งจิตอธิษฐาน..ขอบารมีพระพุทธองค์..ช่วยนำพาจิตเข้าเฝ้าพระองค์

ขอทิ้งร่างกายนี้เลย ซึ่งก่อนตายจะมีเวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น..ถ้าตัดไม่ได้..ขอบุญกุศลที่ทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้ช่วยด้วย..ดวงจิตจะได้ไปสู่สุคติภูมิ สวรรค์ชั้นต่างๆ หรืออาจเป็นพรหม..

13.เรื่องทุกข์ เช่น 1.การเงิน 2.การเจ็บป่วย ถ้ายังละ 2 สิ่งนี้ไม่ได้ก็ละกิเลสไม่ได้

14.การมีหนี้ทำอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์ ทำอย่างไรให้มีสุขกับการใช้หนี้

15.การกอบกู้จักรวาล..ผู้ช่วยอ.ลูกบ้านสวน อาจต้องมีหน้าที่บำบัดทุกข์

คนที่มารักษาโรค..โดย

                 15.1 ให้กรอกเอกสาร

                 15.2 ให้สารภาพหน้ากล้อง

                 15.3 ให้อุทิศบุญกุศล

***จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องมาบ้านสวนก็ได้..

ให้ทุกท่านพิจารณาว่า หลักคำสอนถ้าผิดจากศีล 5 หรือวิธีการที่ต้องใช้เงินทอง..

ไม่ใช่แน่ๆ อย่าเชื่อถือ..

สุดท้าย..ท่านอ.อุบล บอกว่าเวลาเราไปนิพพานไม่ได้เอาเสื้อผ้าไป เอาดวงจิตเท่านั้น

ขอให้ทุกท่านได้พิจารณา สังขาร ทั้งกายและจิตค่ะ สาธุ

ปล.เขียนมาเยอะมาก..จะมีคนอ่านจนจบมั้ยน้อ..พ่อมหานั่งใกล้ๆ..รอบนี้รอดตัวไป..อดชำเรืองข่อย..แต่ขอให้มาทำมาหากินซ่อยกันเด้อค่ะ

 จากใจ..นางงามจักรยานค่ะ(ภูมิใจนำเสนอเพราะท่านอ.ตั้งให้ค่ะ..อ.เมตตาอย่างแรงถามว่าจักรยานเอาไว้ทำอะไรจ๊ะ..ตอบว่าเอาไว้ถีบค่ะพร้อมกับส่งยิ้มค่ะ)

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 11:08:35


ความคิดเห็นที่ 345 (1555823)

...ขอเอาบุญที่ร่วมสร้างวิหาร สมเด็จองค์ปฐม

และบุญทุกบุญที่ทำในบ้านสวนมา

....ให้ทุกท่านได้โมทนาบุญค่ะ..สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 11:22:17


ความคิดเห็นที่ 346 (1555824)

อนุโมทนาด้วยค่ะ น้องก้อย

สาธุ สาธุ สาธุ

และขออนุโมทนากับผู้ที่บริจาคหนังสือด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 11:23:51


ความคิดเห็นที่ 347 (1555826)

ขออนุโมทนาบุญ กับคุณ สุริวรรณ์ และทุกๆท่าน

ที่ไปสร้างบุญกับบ้านสวนพีระมิด

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยนะค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนวดี รัชตารมย์ (thanavadee_r-at-sepo-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 11:27:11


ความคิดเห็นที่ 348 (1555832)

ขออนุญาติเล่าเพิ่มเติมด้วยคนน่ะครับ

คืนนั้นท่าน อ.อุบล ได้สอนธรรมะดีๆเยอะมากครับ

เช่นเรื่องศาสนา พุทธ คริส อิสลาม ฯลฯ

ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี

สอนให้ทุกคนไป สวรรค์ ไปนิพพานเหมือนกัน

ท่านยังพูดถึงอีกภพนึงที่มนุษย์ทั่วไปยังไม่รู้จัก

ซึ่งปิดบังซ่อนเล้นอยู่สูงกว่าพระนิพพาน

ผู้ที่ไปได้คงมีแต่องค์ศาสดาต่างๆ หรือองค์สัมมาสัมพุทธะ

ท่านบอกว่าที่นั้นเป็นที่อยู่ของ

ดวงจิตแรกเริ่มที่หยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งในโลกและอนันตจักรวาล

หรือที่ศาสนาอื่นๆเรียกว่า พระบิดา หรือ พระเจ้านั่นเอง

คืออันเดียวกัน ซึ่งบางศาสนา ปิดบัง แบ่งแยก ส่วนนี้

จนทำให้เกิดสงครามศาสนาต่างๆขึ้นในโลก

แท้ที่จริงก้อคือ ที่เดียวกันทั้งหมด

จะเรียก พระบิดา พระเจ้า หรือจิตหยั่งรู้ก้อคืออันเดียวกัน

เหมือนที่พวกเราฝึกสมาธิ มโนยิทธิ อธิษฐานไปนิพพาน

โดยเราได้น้อมจิตเข้าหาพระพุทธองค์

จนได้ ไปเที่ยวสวรรค์ นรก ไปไหว้พระจุฬามณี

ไปสักการะพระพุทธองค์

เช่นเดียวกับศาสดาทุกพระองค์ ก้อจะน้อมจิตเข้าหา

จิตหยั่งรู้นั้น(จะเรียกพระเจ้าหรืออะไรก้อแล้วแต่ศาสนานั้นๆ)

ก้อจะได้รับความรอบรู้ในทุกสิ่งในอนันตจักวาลได้

จิตรู้นั้นอยู่ในภพที่สูงกว่าพระนิพพาน เป็นจิตแรกเริ่ม

 ซึ่งน่าจะเป็น สมเด็จบิดาพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

ท่านยังได้สอนต่ออีกว่า มีดวงจิตอีกมากมาย

ที่รับหน้าที่มากอบกู้โลกและพระศาสนาเหมือนท่าน อ.อุบล

พอมาเกิดแล้ว ก้อจะได้รับสื่อส่งความรู้ต่างๆจากเบื้องบน

แล้วหลงตัวเองว่าเก่ง เหนือกว่าคนอื่น

จนลืมหน้าที่ของตน  หลงใน อัตตาและลาภสักการะ

จนในที่สุดเบื้องบนก้อจะไม่ส่งต่อความรู้ต่างๆมาให้อีก

แต่ก้อจะมีพวกที่เป็นดวงจิตด้านมืด

หรือพวกสัมภเวสีทั้งหลายเข้าแทรกแทน

ทำให้พวกนี้หลงผิดไปใหญ่ หลงในอัตตา ลาภสักการะต่างๆ

จนทำให้ตกนรกกันหมด ดังเช่นพวกเจ้าเข้าทรงทั้งหลายนั่นเอง

พวกนี้จะโดนหลอกโดยพวก สัมภเวสีทั้งหลายว่า เป็นเจ้าฯ เป็นเทพฯ เทวดาต่างๆนานา

ท่าน อ.อุบล ท่านมาทำหน้าที่ดึงพวกที่หลงผิดเหล่านี้กลับ

ที่สำคัญ อย่าลืมให้เรายึดมั่น ในศีลห้า เจริญสมาธิ

และ พรหมวิหารสี่ ที่ท่านอาจารย์ขอเป็นของขวัญวันเกิดด้วยอย่าลืมกันน่ะครับ

(ถ้าสิ่งที่นำมาเล่านั้น ผิดพลาดขาดตกบกพร่องอันใดลูกต้องขอคมาด้วยครับ)

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 11:45:51


ความคิดเห็นที่ 349 (1555858)

 

อนุโมทนาบุญกับคุณพี่ตั้มด้วยค่ะ

ทุกอาทิตย์จะได้ธรรมทานจากคุณพี่ตั้ม

ที่ขยันนำมาเล่าให้พวกเราทางบ้าน  ได้รับทราบคำสอนของท่าน  อ. อุบล

เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ 

ลูกขอบารมีพระพุทธเจ้า  ขอจงดลบันดาลบุญของลูกที่ทำมาทุกภพทุกชาติ

ทั้ง  ทาน  ศีล  ภาวนา ขอให้บุญมารวมตัวกัน  และขออุทิศบุญนี้ให้กับเทวดา

ที่ปกปักรักษา

พี่ชนาธิป  มานีมาน   และทุก ๆ ท่าน  ที่ได้นำความรู้จากบ้านสวน

มาเล่าเป็นธรรมทาน  ด้วยเทอญ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 13:03:42


ความคิดเห็นที่ 350 (1555867)

**คุณพี่ตั้มเขียนได้ดีมากๆๆค่ะ....ไม่ผิดเพี้ยนจากที่อ.ท่านให้โอวาทธรรมะทานค่ะ

อนุโมทนาบุญค่ะ  สาธุ...คืนวันเสาร์นอนหลับเหมือนตาย..

เนื่องจากได้รับความสุข ที่พวกเราขนหินปรับพื้นหน้าวิหาร

อย่างสนุกสนาน..เป็นบุญบันเทิงจริงๆๆ

ฝากขอบพระคุณพี่ตัวเล็กที่..เลี้ยงไอศครีม อร่อยมากๆๆค่ะ โมทนาบุญค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 13:33:20


ความคิดเห็นที่ 351 (1555869)

ตั้งแต่ไปบ้านสวนสิ่งที่ได้รับ คือ

1.สุขภาพ เรื่องโรคกรดไหลย้อน ค่อยๆ ดีขึ้นจน หาย โรคริดสีดวง นี่หายตั้งแต่อนุโมทนาหน้าจอ สุขภาพใจ ดีมากๆ ครับ

2.การเงิน คล่องตัว ไม่มีติดขัด

3.ครอบครัว ดีขึ้นมากๆ ครับ พอเราเริ่ม ลดความโกระ ตามที่อาจารย์ ท่านสอน บรรยากาศ ในครอบครัว ก็ ดูดีขึ้นมาก จากเมื่อก่อน จะเป็นคนค่อนข้าง รำคาญเสียงดังๆ เดี่ยวนี้ เฉยๆ แล้ว

4.การนินทา พูดมาก พูดเท็จ พูดน้อยลง นินทาน้อยลง โกหกเลิกเด็ดขาด ส่วนใหญ่ 2 ข้อแรก ค่อนข้างจะยากหน่อยเพราะ ยังต้องอยู่ในสังคม แต่เดี๋ยวนี้ถ้ามีใครนินทาเรื่องของใครให้เราฟัง เราก็แค่รับฟัง แล้วก็พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย หรือไม่ก็บอกช่างเขาเถอะ

5.ขี้ลืม มีบ้างนิดหน่อย ต่การที่เราสำรวมระวังในเรื่องของศีล ทำให้เรามีสติ มากขึ้น ทำให้ การหลงลืมน้อยลง

สรุปคือ ดีขึ้นทุกๆ อย่าง อาจจะมีบางที ที่เราทำผิดแล้วได้รับการเตือน แต่อย่างน้อยก็ ยังดี กว่าไม่รู้เลยว่า อันไหนถูก อันไหนผิด กว่าจะรู้อีกที อาจจะ ลง... แล้วก็ได้ครับ เพราะเรื่องกรรม บางเรื่องค่อนข้างละเอียดอ่อน อันที่ทำยากสุด เห็นจะเป็นมโนกรรม มัน แว่บ มาไวมาก แต่การมีสติ ก็ช่วยได้มากๆ เลยครับ

          ขอขอบคณและขออนุโมทนา กับทุกๆท่าน ที่ได้มาเล่าเหตุการณ์ แสดงความคิดเห็น  ในคืนวันเสาร์ ให้ฟังเป็นธรรมทานครับ เรื่อง ฌาน 1-4 ถ้าใครอยากจะลองโหลดไปฟัง ตามลิ้งค์นี้นะครับ  

http://audio.palungjit.com/f58/%E0%B8%8C%E0%B8%B2%E0%B8%99-1-4-a-3895.html

ที่มา : เวปพลังจิต

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 13:40:41


ความคิดเห็นที่ 352 (1555872)

ฝึกมโนมยิทธิ วันที่ 2 กรกฏาคม  2554

อ.อุบลเมตตาสอน

-คนที่ทำบุญมากมาย ปฏิบัติธรรมมามาก แต่ยังละนิวรณ์๕ไม่ได้ตายไปไปได้แค่สวรรค์ชั้นต่ำสุดคือ
สวรรค์ชั้นที่หนึ่ง เรียกว่า ชั้นจตุมหาราชิกา มีเทวราชผู้ปกครองถึง ๔ พระองค์ อยู่ประจำ ๔ ทิศ มีหน้าที่ปกปักรักษาโลกมนุษย์ จึงได้ชื่อว่า “ท้าวจตุโลกบาล” ทิศเหนือได้แก่ ท้าวเวสสุวัณมหาราชทิศใต้ ได้แก่ ท้าววิรุฬหกมหาราช, ทิศตะวันออก ได้แก่ ท้าวธตรฐมหาราช และ ทิศตะวันตก ได้แก่ ท้าววิรูปักษ์มหาราช นอกจากเป็นที่อยู่ของพวกเทวดาชั้นต่ำ แล้ว ยังเป็นที่อยู่ของพวกคนธรรพ์, อนันตยักษ์ ครุฑรา, นาคราช, กุมภัณฑ์, กินนร ฯลฯ อีกด้วย
ขยายความนิวรณ์ ๕ดังนี้

นิวรณ์, นิวรณธรรม, นิวรณูปกิเลส  ธรรมที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี,  กิเลส(สิ่งขุ่นมัว)ที่ขัดขวางจิตไม่ให้ก้าวหน้าในธรรม, สิ่งขุ่นมัวหรือกิเลสที่ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นนั่นเอง มี ๕ อย่าง คือ
        
๑. กามฉันท์  ความพอใจ,ความกำหนัด หรือราคะ คือ ความพอใจ ความยินดีใน รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ  หรือกามคุณ ๕
     
   ๒. พยาบาท  คิดร้ายผู้อื่น  ความอาฆาต พยาบาท  ความขุ่นเคือง  ความขัดข้อง
     
   ๓. ถีนมิทธะ  ความหดหู่ซึมเซา  ถีนะ - ความหดหู่ใจ  ความท้อแท้ใจ จิตหดหู่,  มิทธะ - ความง่วงเหงาหาวนอน ความง่วงงุน  ความซึมเซา อันเกิดแต่จิตเป็นเหตุ,  ส่วนการต้องการนอนเพราะร่างกายต้องการการพักผ่อนเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ หรือสภาวธรรมของชีวิต
        
๔. อุทธัจจกุกกุจจะ  ความฟุ้งซ่านและรำคาญใจ  อุทธัจจะ - ความฟุ้งซ่าน, กุกกุจจะ - ความรำคาญใจ อันเกิดจากความฟุ้งซ่านออกไปปรุงแต่งไปในสิ่งต่างๆ ซึ่งเมื่อผัสสะย่อมยังให้เกิดเวทนาเป็นไปตามธรรมหรือธรรมชาติ จึงย่อมเกิดเวทนาหรือความรู้สึก(Feeling)จากการผัสสะต่างๆจนเกิดความรำคาญใจต่างๆนาๆขึ้นได้เป็นธรรมดา
       
 ๕. วิจิกิจฉา  ความลังเลสงสัย  ความลังเลสงสัยในธรรมต่างๆ  ในการปฏิบัติ ฯ. เพราะเกิดจากศรัทธาหรือจากอธิโมกข์ จึงยังไม่เข้าใจหรือยังไม่สามารถเห็นได้ด้วยปัญญาจักขุเอง เมื่อปฏิบัติไปย่อมพบปัญหาบ้างเป็นธรรมดาก็ย่อมไม่สามารถแก้ไขได้ ย่อมเกิดวิจิกิจฉาขึ้นเป็นธรรมดา
 จึงพึงแก้ไขได้ด้วยปัญญาจึงถึงที่สุด

-กรรมฐานมี 40 กองและมี 2 ประเภท คือ

 1.สมถกรรมฐาน

สมถกรรมฐาน คือกรรมฐานเป็นอุบายสงบใจ ได้แก่การปฏิบัติธรรมด้วยการบริกรรม เป็นการบำเพ็ญเพียรทางจิตโดยใช้สมาธิเป็นหลัก ไม่เกี่ยวกับการใช้ปัญญาและ มุ่งให้จิตสงบ ระงับจากนิวรณ์ซึ่งเป็นตัวขัดขวางจิตไม่ให้บรรลุความดีเป็นสำคัญ

เป็นกรรมฐานที่ยับยั้งพฤติกรรม ห้ามพฤติกรรมได้

 2.วิปัสสนากรรมฐานนั้น เป็นไปเพื่อการเพิ่มพูน ‘ปัญญา’ โดยส่วนเดียว การเจริญวิปัสสนากรรมฐานไม่ได้เน้นเอาสมาธิ ที่กล้าและลึก แต่เน้นการมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะ ปัญญาจากการเจริญสติและการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนี้ เป็นปัญญารู้แจ้งแทงตลอด รู้แจ้งในตน รู้แจ้งในทุกข์ รู้แจ้งความเป็นจริงของโลก รู้แจ้งกิเลส รู้เท่าทันกิเลส ปัญญาที่สะสมเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จากการค่อยๆ รู้แจ้งเท่าทัน ในสิ่งทั้งปวงเหล่านี้เอง ที่จะค่อยๆ ประหารกิเลสเป็นขณะๆ ไป กิเลสก็จะเบาบางลงได้จริง เพราะไม่ได้ข่มไว้แบบสมถกรรมฐาน แต่ว่าค่อยๆ ตัดรากถอนโคนกิเลสไปทีละนิด กิเลสจึงตายไปได้ คือหมดไปได้ทีละน้อย ได้จริงๆ จนในที่สุดเมื่อปัญญาแก่กล้าจนถึงที่สุด ปัญญาตัวนี้ก็จะ สามารถประหารกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ เป็นสมุจเฉทปหาน เมื่อกิเลสหมด บุคคลก็จะไม่ต้องเกิดอีก คือ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก

วิปัสสนากรรมฐานเป็นวิธีปฏิบัติที่ใช้ปัญญาไม่ใช่แค่ห้ามพฤติกรรม จะอุเบกขาได้ จะไม่ทุกข์

วิปัสสนา แปลว่า คิด

กรรม      แปลว่า การกระทำ

ฐาน        แปลว่า ที่ตั้ง พื้นฐาน

สรุป วิปัสสานากรรมฐานคือ คิดพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง ธรรมชาติของการกระทำ คิดไตร่ตรอง คิดหามูลเหตุของความดี-ชั่ว- ความทุกข์- ความสุข การเจริญปัญญาหาเหตุและผล

- คนที่ปฏิบัติธรรมแล้ว ต้องอยู่ในสังคมได้

-การฝึกกสิณทำให้จิตมีเหตุ มีผล มีปัญญา มีความจำดี ไม่หลงลืมสติ ทำให้จิตเป็นสมาธิได้เร็ว ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไม่ง่วงนอนขณะทำสมาธิ  กสิณจัดเป็นกรรมฐานหยาบ

- สำหรับคนที่ฝึกกสิณไม่ได้ให้เอาเสียงเป็นหลักสำคัญ หากหูได้ยินเสียงดี แต่เราไม่รำคาญเสียง แสดงว่าจิตได้ปฐมญาณหรือจิตอัปปนาสมาธิ(สมาธิแน่วแน่ จิตตั้งมั่น) หากตั้งสมาธิแล้วหากจิตรับรู้ลมหายใจ แล้วลืมลมหายใจ จิตสงบดี หูได้ยินเสียงเบาลง มันเหมือนไม่ได้ยิน เมื่อจิตตั้งอยู่ในฌานจะไม่สามารถคิดอะไรได้ เพราะเอกัคคตารมณ์คืออารมณ์เป็นหนึ่งไม่มีอารมณ์คิดจะทรงตัวเฉยอยู่และไม่มีคำภาวนา เป็นฌาณขั้นที่ 2 ลมหายใจเบาลงมาเกือบไม่รู้สึกว่าหายใจ แต่ความจริงยังรู้สึกถนัดอยู่แต่เบามากนั่นเอง อาการทางร่างกายจะรู้สึกเหมือนเกร็งไปทั้งร่าง แต่ความจริงร่างกายเป็นปกติ เนื้อตัวตึงแข็ง ขยับไม่ได้ อย่าตกใจ แต่ที่มีความรู้สึกอย่างนั้นเป็นอาการของสมาธิ เสียงภายนอกที่เข้ามากระทบหูเกือบไม่ได้ยินเสียงนั้นเลยได้ยินแต่เบามาก จิตทรงอารมณ์เป็นหนึ่งสงัดดีมากเป็นพิเศษ อย่างนี้เป็นอาการของฌาณที่ 3 และหากปฏิบัติแล้วมีความรู้สึกว่า ลมหายใจหายไป ไม่รู้สึกว่าหายใจแต่ที่จริงแล้วลมหายใจยังมีตามปกติแต่ทว่าจิตไม่รับทราบว่าร่างกายทำอะไร หายใจหรือไม่ จิตใจย่อมไม่รับรู้ตามท่านพูดว่าจิตกับประสาทแยกกันเด็ดขาด ฌาน4หยาบแต่ตอนนี้จิตแยกออกจากประสาทจริงแต่ยังไปไม่ไกลนัก ฉะนั้นเมื่อมีเสียงดังขนาดเครื่องขยายเสียงที่ดังมากๆ ตั้งอยู่ใกล้หูยังพอได้ยินแว่วๆ เหมือนอยู่ไกลกันมาก และถ้านั่งสมาธิหูไม่ได้ยินเสียง จิตภาวนาหายไป ไม่รู้สึกมีร่างกายเลย ไม่รับรู้ประสาทสัมผัสเลย เป็นฌาณ4 ขั้นละเอียด

ฌาณ แปลว่า เพ่ง จริง < ศีลแปลว่า ปกติ (ศีลห้ายากกว่าทานเพราะศีลอยู่ที่ใจแต่ศีลยังง่ายกว่า การทำจิตใจให้สงบ(สมาธิ))

 

-คนที่จะไปนิพพานได้ต้องจับ ฌาณ 4 ให้ได้ จิตจับพระพุทธเ้จ้าด้วย แม้แต่อยากไปนิพพานยังมีกิเลสยังไปไม่ได้ แต่เราต้องตั้งเป้าหมาย เตรียมคุณสมบัติการไปนิพพาน

-การปฏิบัติไม่ต้องสนใจว่าตนเองได้ขั้นไหน ไม่ต้องคุยอวดใครบอกใคร ศีลห้าไม่ต้องไปถือที่วัดให้อยู่กับเราตลอดเวลา อย่าให้คนชั่วมาดึงเราได

-การทำความดีเพราะอยากทำความดี ไม่ใช่ทำเพราะกลัวนรก อยากไปสวรรค์

-อย่ากังวลเวลาในการเกิดภัยพิบัติ จิตอย่าไปใส่ใจมัน ทำชีวิตให้ปกติ ใช้ชีวิตประจำวันอย่างชาญฉลาด  ปราถนาดีกับคนอื่นจริงๆคิดถึงประโยชน์คนอื่นก่อนตัวเองเสมอ  ไม่ต้องคิดว่าฉันต้องรอดจากภัยพิบัติให้พร้อมตายอยู่เสมอ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตฤณ นาคทุ่งเตา (voravee_pat-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 14:19:58


ความคิดเห็นที่ 353 (1555889)

 โมทนากับพี่ตฤณด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 15:48:38


ความคิดเห็นที่ 354 (1555910)

คิดถึงทุกคนที่ไปบ้านสวน น้องเบลล์เมื่อไหร่จะไปสร้างบุญด้วยกันค่ะ

พี่คิดถึงน้องน่ะจ๊ะ เอาบุญให้น้องโมทนาด้วยค่ะ สาธุ..

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 17:30:13


ความคิดเห็นที่ 355 (1555912)

 ครับผมพี่สุขอบคุณมากๆนะครับ

เบลล์ขอโมทนาสาธุกับพี่สุทุกประการนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 17:38:12


ความคิดเห็นที่ 356 (1555939)

      ขออนุโมทนาบุญกับน้องก้อย น้องตฤณ คุณตัม และพี่สุ ที่มา update การฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสวนฯ วันเสาร์ที่ 2 ก.ค.  ได้ละเอียดมาก

       ขอมาร่วมเหลาเพิ่มเติมนะคะ

       อ.อุบล ได้พูดถึงน้องหญิง  ที่ได้ส่งเงินมาร่วมทำบุญ 5,000 บาท ของพี่ชาย 1,000 บาท ผ่านมาทางพี่ปิ่น (ปนัดดา ฤกษ์ใหญ่) ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ  ซึ่งพี่ปิ่นได้เล่าว่าเป็นเพราะน้องหญิง ได้อานิสงส์ ได้เข้าทำงานเป็นพนักงานประจำ  ได้เงินเดือนเยอะมาก  จึงแบ่งมาทำบุญ  อ.อุบลบอกว่าเป็นเพราะน้องหญิงมีความจริงใจ คอยช่วยปกป้องเวปบ้านสวนฯมาตลอด  แถมทำบุญธรรมทาน โดยเข้ามาแสดงความคิดเห็นดีๆตลอด  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจึงให้รางวัล  โดยที่ไม่ต้องมาที่บ้านสวนฯก็ได้    คุณทำดี มีความจริงใจ อยู่ที่ไหนก็ได้

       อ.อุบลได้สอนเรื่องการเตรียมตัวตายสำหรับพวกเรา

     โดยบอกว่าการที่เราจะไปนิพพานนั้น เราจะต้องออกฌาณ 4 และจิตจับที่พระพุทธเจ้า   ตอนที่อาจารย์พูดถึงฌาน 4 ก็เริ่มจะถอดใจแล้ว   แต่อาจารย์ได้พูดถึงฌาน 4 เอาไว้ แบบสั้นๆ และดูเข้าใจง่าย

     ฌาน 1  ถ้าเราฝึกกสิณจับภาพไม่ค่อยได้  เรายังมีอีกวิธีคือ หูเราเมื่อได้ยินเสียง  เราจะรู้สึกรับรู้แต่ไม่ค่อยรำคาญ

     ฌาน 2 ขณะภาวนาแล้ว คำภาวนาจะหายไป จิตสงบดี ได้ยินเสียงเบาลง

     ฌาน 3 ขณะภาวนา ตัวแข็ง ได้ยินเสียงเบาลงมาก

     ฌาน 4 ขณะภาวนา  เสียงหายไป ไม่ได้ยินอะไรเลย กายเบาสบาย ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมภายนอกเลย  ซึ่งอันนี้ยังเป็นขั้นหยาบ    แต่ถ้าเรานั่งต่อ แล้วรู้สึกตัวเบาจนไม่มีร่างกาย  มีแต่ดวงจิต ถือว่าเป็น ฌาน 4 ขั้นละเอียด

        ซึ่งฌาน 4 ต้องใช้ไม่ใช่แค่ตอนนั้งสมาธิ  ต้องนำมาใช้ในชีวิตจริงด้วย  เช่นเวลามีสิ่งมากระทบ มาทำให้เราโกรธ  แต่เราไม่โกรธ  หรือมี ฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย ญาติพี่น้อง พ่อแม่ลูก ต่ย จิตเราต้องไม่หวั่นไหว  จิตเราต้องคิดได้ว่า ความตาย คนตาย เป็นธรรมดาของโลก  เกิดขึ้นตลอดเวลา  แล้วทำไมจะไม่เกิดกับเราล่ะ  ทุกคนต้องเจอความสูญเสีย  เราจะต้องไม่ฟูมฟาย  ต้องเข้าใจ

       ถ้ากรณีเราเจอภัยพิบัติเช่นสึนามิ   มาแบบกะทันหัน ไม่ได้ตั้งตัว  เราจะทำฌาน 4 ได้ทันรึเปล่า  ถ้าไม่ทัน  และรู้ว่าจะตายแน่ๆ  ให้เราขอ บารมีพระพุทธเจ้า  ถ้าเราตายตอนนี้ ขอเข้าเฝ้าพระพุทธองค์  และเราจะไม่ห่วงร่างกายนี้แล้ว เรายินดีสละร่างกายนี้

       หรือนึกถึง อ.อุบลช่วยด้วย

    ตอนนี้ลูกบ้านสวนฯต้องทำบุญขั้นสูง

               คือ

          รักษาศีล 5

        ทำจิตให้บริสุทธิ์

          อย่าลืมนะคะ

      ถ้าอ้อยจำไม่ผิด  อ.อุบลท่านเคยบอกว่า ก่อนที่ภัยพิบัติจะเกิด เบื้องบนท่านต้องการให้อ.อุบล สอนพวกเราถึงวิธีเตรียมตัวตาย การฝึกฌาน 4

       ถ้าดูจากเนื้อหา  ธรรมทานที่หลายๆท่านมาเหลา ถึงการฝึกมโนมยิทธิ คืนวันที่ 2 ก.ค.แล้ว  พวกเราน่าจะได้เรียนรู้วิธีการเตรียมตัวตายอย่างสมบูรณ์แล้ว   เหลือแต่เราจะนำไปฝึกให้เก่ง  และเตรียมตัวให้พร้อม

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 19:36:53


ความคิดเห็นที่ 357 (1555951)

ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านที่เล่าประสบการณ์การฝึกกับอาจารย์อุบลนะคะ ได้เนื้อหาสาระครบถ้วนมากมายจากทุก ๆ ท่านเลยคะ และยังมีลิ้งค์ของอีกหลาย ๆ ท่านด้วย ขอบคุณมาก ๆ คะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 20:58:26


ความคิดเห็นที่ 358 (1555955)

ขอกราบขอบพระคุณ ท่านอ.อุบล

และอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน

ที่นำข้อมูลที่ได้ฝึก การเตรียมตัวตาย เพื่อเข้าสู่ นิพพาน

มาเขียนลง ให้คนหน้าจอ ได้ทราบแล้วนำไปปฏิบัติจ้า

           สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สำราญ เลสกิเนน (samrantu-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 21:43:36


ความคิดเห็นที่ 359 (1555957)

 

ขออนุญาตเพิ่มเติม มโนมยิทธิในวันเสาร์ที่ 2 ก.ค.54 ค่ะ

สมาธิจะเป็นตัวล้างกรรมเก่าในสิ่งที่ทำมาแล้ว

สิ่งศักดิ์สิทธ์ในจักรวาลพร้อมที่จะช่วยเราทุกคน ถ้าเราทำความดี ถ้าเราพยายามที่จะละ เลิก รักษาศีล ท่านจะให้โอกาสทุกคน

ต่อไปทุกมิติจะถูกเปิด เราจะสามารถเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยตาเนื้อ

การที่อาจารย์แต่งตัวเซ็กซี่ เพราะเบื้องบนไม่ต้องการให้ยึดติดแบบฟอร์ม  ให้ดูที่ความดีของคน ไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า เพราะเสื้อผ้าถอดได้ แต่ความดีถอดไม่ได้ จะติดตัวเราไปทุกที่

ไม่ให้ยึดติดกับตัวของอาจารย์ แต่ให้ยึดติดกับพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และให้รหัสลับ อ.อุบลช่วยด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกคน แม้ว่าจะเชื่อถือหรือไม่ก็ตาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะช่วยเหลือทุกคน ความเมตตามีให้ทุกคน อยู่ที่ว่าใครจะเปิดประตูรับหรือเปล่า?

ถ้าเกิดรู้ว่าตายแน่ ให้ทำฌาณ 4 แล้วขอบารมีพระพุทธเจ้า ว่าขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้า แล้วจิตให้นึกตัดร่างกายนี้ จิตก็จะไปนิพพาน แต่ถ้า ณ เวลานั้นนึกถึงพระพุทธเจ้าไม่ได้ ให้คิดถึง อ.อุบลช่วยด้วย จิตเมื่อตายก็จะไปตามกำลังที่วางไว้

ลูกพระพุทธเจ้าให้พร้อมตาย ให้คิดถึงความตายเป็นอารมณ์

การรู้ใจคนอื่นไม่ใช่เรื่องยาก โดยขอบารมีพระพุทธเจ้าให้เมตตาให้เราเห็นดวงจิตคนอื่นๆ  ถ้าเราเห็นดวงจิตคนนั้นเป็นสีขาว แสดงว่าคนนั้นเป็นคนคบได้

หรือถ้าใช้วิธีของ ดร.อาจอง ให้ใช้กรรมฐานแสงสว่างเข้าไปในดวงจิตของคนๆนั้น ถ้าดวงจิตเขามีแสงสีขาว แสดงว่าดวงจิตนั้นคบได้ ยิ่งถ้ามีแสงรัศมีรอบๆเหมือนออร่า ยิ่งดีมากขึ้น

แสงสีที่ดีคือ แสงสีขาว ใสเหมือนแก้ว

และแสงที่เหมือนธรรมจักรในดวงจิต

สุดท้ายค่ะ จากบางตอนในหนังสือนิพพานชาตินี้กันเถอะ ที่ท่านอ.แจกให้ลูกบ้านสวน

คำสอนสมเด็จพ่อองค์ปฐม

ลูกรักทั้งหลายของพ่อ ชาตินี้ลูกคนไหนที่คิดว่าทำดีกันแล้ว พ่อจะบอกลูกว่า...ยังดีไม่พอ ใครที่คิดว่าตนเองดีแล้วกว่าคนอื่น ก็แสดงว่ายังดีไม่พอ ส่วนมากยังทำความดีกันไม่ถูกต้องตามหลักของความดีสูงสุด ลูกๆจงทำจิตให้ถึงซึ่งความพ้นทุกข์ได้โดยวิธีที่ง่ายๆ ลัดๆสั้นๆตามวิธีการของพ่อ ให้จงจำให้ขึ้นจิตว่า " พ่อต้องการให้ลูกทั้งหลาย ได้พ้นจากความทุกข์ในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เข้าสู่แดนทิพย์อมตะสุขกันในชาตินี้เท่านั้น"

ทำจิตให้สงบนึกถึงภาพองค์พระปฐมบรมศาสดา และให้นึกในใจว่า "สมเด็จพ่อองค์ปฐม" หรือ "พระบรมบิดา"สัก 9 จบ จากนั้นให้ตั้งจิตคิดว่า...

ข้าแต่สมเด็จพ่อองค์ปฐมบรมบิดา พร้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหมดทั้งแดนทิพย์อมตะสุขนิรันดร ขอได้โปรดเมตตาประทานพลังบุญปัญญาของพระองค์ราดรดลงมาสู่กายวาจาจิตของลูก ขอให้จิตของลูกมีพลังปัญญา มีความเข้มแข็งกล้าหาญ อดทนตลอดไป ลูกขอพ้นจากความทุกข์ในชาตินี้เท่านั้น ลูกไม่ขอเกิดอีกแล้ว เพราะการเกิดมีแต่ความทุกข์ ต้องแก่ เจ็บ ตาย ไปในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเกิดขึ้นมาแล้วตั้งอยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายก็ต้องสลายตัวไปในที่สุด โลกนี้มีแต่สมมุติ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนว่างเปล่า ถ้าลูกถึงอายุขัยวันตายเมื่อใด ลูกขอไปอยู่กับพระผู้เป็นใหญ่สูงสุด บนแดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรด้วยเถิดเจ้าข้าฯ

สาธุ  สาธุ  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 21:48:36


ความคิดเห็นที่ 360 (1555962)

สาธุ สาธุ สาธุ

กับธรรมทานของทุกคน

ไปบ้านสวนกลับมา

ต้องรู้จักแบ่งปัน

อย่างนี้แหละ ที่เรียกว่า

ทานใหญ่

ธรรมทาน

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 22:14:18


ความคิดเห็นที่ 361 (1555964)

 

ทำจิตให้สงบนึกถึงภาพองค์พระปฐมบรมศาสดา

นึกในใจว่า

"สมเด็จพ่อองค์ปฐม" หรือ "พระบรมบิดา"สัก 9 จบ

จากนั้นให้ตั้งจิตว่า.....................

ข้าแต่สมเด็จพ่อองค์ปฐมบรมบิดา

พร้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหมดทั้งแดนทิพย์อมตะสุขนิรันดร

ขอได้โปรดเมตตาประทานพลังบุญปัญญาของพระองค์

ราดรดลงมาสู่กายวาจาจิตของลูก

ขอให้จิตของลูกมีพลังปัญญา มีความเข้มแข็งกล้าหาญ

อดทนตลอดไป ลูกขอพ้นจากความทุกข์ในชาตินี้เท่านั้น

ลูกไม่ขอเกิดอีกแล้ว เพราะการเกิดมีแต่ความทุกข์ ต้องแก่ เจ็บ ตาย ไปในที่สุด

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเกิดขึ้นมาแล้วตั้งอยู่ได้ไม่นาน

สุดท้ายก็ต้องสลายตัวไปในที่สุด โลกนี้มีแต่สมมุติ

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนว่างเปล่า ถ้าลูกถึงอายุขัยวันตายเมื่อใด

ลูกขอไปอยู่กับพระผู้เป็นใหญ่สูงสุด

บนแดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรด้วยเถิดเจ้าข้าฯ

สาธุ  สาธุ  สาธุ

................................................................................................

 

 กราบโมทนาสาธุกับธรรมทานอันสูงสุดของทุกท่านครับ

การไปนิพพานชาตินี้นั้นเป็นที่สุดแล้วของความปราถนาของผู้ต้องการพ้นทุกข์

ขอให้พี่น้องทั้งสามโลกได้กลับบ้านพระนิพพานพร้อมกันในชาตินี้ด้วยเทอญ

...........................................................

เบลล์จะอธิษฐานสั้นๆว่า

ด้วยพระบารมีพระพุทธเจ้า

ลูกขอเป็นคนดี

มีศีลห้าครบ

เคารพพระรัตนตรัย

ไม่กลัวตาย

ตายเมื่อไร

ลูกขอไปนิพพานเมื่อนั้น

......................

เราคิดถึงใครใจเราก็อยู่ที่นั่น

เราคิดถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา

ใจเราก็อยู่กับพระองค์ตลอดเวลา

พระองค์อยู่ที่พระนิพพาน

เราก็อยู่กับพระองค์

ฝากดวงจิตของเราไว้กับพระองค์

ขอให้พระองค์โปรดเมตตา

เมื่อใดที่ลูกตายลูกขอไปนิพพาน

ขอให้พระองค์เมตตา

เสด็จมารับลูกกลับบ้านพระนิพพานด้วยเทอญ

......................

เบลล์ขอกราบโมทนาบุญอันยิ่งใหญ่ของทุกท่าน

ที่ปราถนาและทำเพื่อพระนิพพานในชาตินี้

ขอให้ทุกท่านได้สมความมุ่งมาดปราถนา

เข้าถึงอารมณ์พระนิพพานเร็วๆไวๆ

มีจิตหลุดพ้นมีดวงตาเห็นธรรม

ด้วยพระบารมีอันมิอาจประมาณ

ของพระเบื้องบนพระนิพพานทุกๆ  

พระองค์ด้วยเทอญ

สาธุ  สาธุ  สาธุ

สัมปติจฉามิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สัมปจิตฉามิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นิพพานสุขขัง

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 22:20:41


ความคิดเห็นที่ 362 (1555977)

อาริยา ขออนุโมทนาบุญ มหาธรรมทาน กับ คุณก้อย  และผู้ใจบุญบริจาคหนังสือ นิพพานชาตินี้กันเถอะ เเละทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ 

เเละขอกราบขอบพระคุณท่าน อาจารย์ อุบล  ที่ได้แนะนำให้อ่านหนังสือธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม 5 ของพล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน ค่ะ  
 
   

 

 

                           

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 22:50:03


ความคิดเห็นที่ 363 (1555988)

ขออนุโมทนาบุญกับญาติธรรมทุกท่านเลยนะครับที่มา

เหลาประสบการณ์ให้ญาติธรรมท่านอื่นๆได้รับทราบกัน

ส่วนตัวผมเองก็มีเรื่องมาเหลาเช่นเดียวกันเท่าที่จำได้

ก็วันเสาร์ที่ผ่านมาอาจารย์ได้สอนการทำสมาธิและอธิบาย

ลักษณะของชาญ 1 2 3และ 4แบบง่ายๆ ดังนี้

ชาญ1 ถ้าเรานั่งทำสมาธิยู่แล้วมีเสียงรบกวนเราไม่สนใจหรือ

ไม่รำคราญเสียงนั้น นั่นคือเราได้ชาญ1แล้ว

ชาญ2 คือในขณะภาวนาอยู่แล้วลืมคำภาวนาแต่จิตเราสงบนิ่ง

ได้ยินเสียงรอบข้างเบาลงนั่นคือชาญ2

ชาญ3 ในขณะภาวนาอยู่แล้วแล้วรู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้ตัวแข็ง

นั่นเราได้ชาญ3แล้ว

ชาญ4 ถ้าเราภาวนาอยู่แล้วทำให้ตัวเรารู้สึกเบาเหมือนไม่มีร่างกาย

นั้นคือชาญ 4

ทั้งหมดนี้เป็นลักษณะของแต่ละชาญในญาติธรรมได้ฝึกและสังเกตุกัน

พอฟังอาจารย์สอนแบบนี้แล้วทำให้รู้สึกว่าชาญไม่ยากและก็ไม่ง่ายหุหุ

ยังไงก็จะพยายามทำตามครับ

และนี้ก็คงจบหลักสูตรแล้วละมั้งครับ

 "ถ้าอ้อยจำไม่ผิด  อ.อุบลท่านเคยบอกว่า ก่อนที่ภัยพิบัติจะเกิด เบื้องบนท่านต้องการให้อ.อุบล สอนพวกเราถึงวิธีเตรียมตัวตาย การฝึกฌาน 4"

สาธุ สาธุ สาธุ ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิรินพงค์ เพชรแสงศรี (โจลูกบ้านสวน) (Lucifer_zaaa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 23:33:17


ความคิดเห็นที่ 364 (1555990)

.....สำหรับพวกที่ยังไม่ได้กสิณ อาจคิดว่าตนทำไม่ได้ ผมขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมดังนี้

           ๑. ความสำคัญหรือหลักในการปฏิบัติพระกรรมฐาน ก็คือ การระงับนิวรณ์ ๕ ให้ได้ก่อน

           ๒. แม่บทที่ทำให้จิตสงบ เป็นฌาน เป็นสมาธิได้ คืออานาปานัสสติ ผู้ใดไม่สนใจจุดนี้ ก็อย่าหวังที่จะทำให้จิตสงบและทรงตัวได้

           ๓. ผู้ไม่ได้กสิณ ให้สังเกตเอาเสียงเป็นหลักสำคัญ หากหูได้ยินเสียงดี แต่จิตเราไม่รำคาญในเสียง คงพิจารณาได้ต่อเนื่องนั่นคือ จิตถึงปฐมฌาน จัดเป็นอัปปนาสมาธิ ซึ่งมีกำลังพอพิจารณาตัดกิเลสให้ขาดได้แล้ว หากจับรู้ลมหายใจเข้าและออกควบกับคำภาวนาอยู่ แล้วคำภาวนาหายไป จิตสงบดี หูได้ยินเสียงเบาลง นั่นเป็นฌานที่ ๒ หากปฏิบัติต่อไป รู้สึกว่าตัวแข็งขยับตัวไม่ได้ อย่าตกใจ อย่ากลัวตาย ขณะนั้นเสียงจะเบาลงมาก ขณะนั้นจิตเข้าสู่ฌานที่ ๓ และหากเสียงหายไป หูไม่ได้ยินเสียงเลย กายจะเบา จิตจะเบาสบาย ขณะนั้นเป็นฌานที่ ๔ อย่างหยาบ และหากรู้สึกว่าแม้แต่กายก็ไม่มี หายไปด้วย จิตเบาสบาย และเป็นสุขมาก ขณะนั้นเป็นฌาน ๔ อย่างละเอียด ให้ใช้หลักนี้เป็นข้อสังเกต

           ๔. อาการง่วงเหงาหาวนอนเกิด อย่าฝืน ให้ลุกขึ้นเคลื่อนไหวร่างกายโดยการเดิน ถ้าระงับนิวรณ์ ๕ ไม่ได้ การปฏิบัติก็ไม่มีผล

           ๕. อารมณ์จริงต้องเบา ๆ สบาย ๆ หากหนักและเครียดไม่ใช่อารมณ์จริง ตึงเกินไปก็ไม่มีผล หย่อนเกินไปก็ไม่มีผล การบรรลุต้องใช้ทางสายกลางทั้งสิ้น .......

ผู้แสดงความคิดเห็น ปราณี ผลเกิด (pholkird-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 23:50:12


ความคิดเห็นที่ 365 (1555991)

หตุที่ทำให้พระกรรมฐานไม่ค่อยได้ผล (ส่วนหนึ่งจาก ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม 5 โดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์  สืบสงวน)

๑. ให้หมั่นดูอารมณ์ของตนเองอย่าให้เกิดอารมณ์ ๒ คือพอใจกับไม่พอใจ หรือราคะกับปฏิฆะ ต้นเหตุเพราะจิตไม่สงบ ทำให้เกิดอารมณ์เกาะทุกขเวทนา กับสุขเวทนา จึงต้องรู้ตลอดเวลาว่า เมื่อถูกกระทบโดยกิเลสผ่านทวารทั้ง ๖ แล้ว อารมณ์ใดเกิดหมายถึงจริตทั้ง ๖ ถ้าไม่รู้ก็แก้ไขไม่ได้ เพราะต้องใช้กรรมฐานแก้จริตให้ตรงจึงจะมีผล จุดนี้คือหลักสูตรของพระอนาคามีผล ซึ่งผ่านยาก เพราะอดเผลอไม่ได้

           ๒. ความทุกข์ใด ๆ จักยิ่งไปกว่าอารมณ์จิตของตนเองทำร้ายตนเองนั้นไม่มี ดังนั้น บุคคลใดไม่คอยจับผิดตนเอง และคอยแก้ไขตนเองตลอดเวลา จึงไม่มีทางพ้นภัยตนเองได้ ผู้มีปัญญาจึงไม่ส่งจิตออกนอกตัว ไม่หาธรรมะนอกตัว ไม่จับผิดผู้อื่น ไม่ยุ่งกับกรรมของผู้อื่น จุดนี้ต้องใช้ปัญญาอันเกิดจากพรหมวิหาร ๔ จึงหนักเรื่องการใช้สมถะและวิปัสสนา แยกสิ่งที่เป็นสาระออกจากสิ่งไร้สาระ การพิจารณาหากยังไม่ถึงตัวธรรมดาไม่เห็นธรรมดา ถือว่ายังไม่จบ มิฉะนั้นอารมณ์ช่างมันหรือสังขารุเบกขาญาณไม่มีทางเกิด จุดนี้คือหลักสูตรอรหัตผล เมื่อข้อแรกยังเผลออยู่เป็นปกติ ข้อ ๒ จึงห่างไกลความจริงมากขึ้น แต่พระองค์ก็ทรงให้กำลังใจ โดยเน้นเรื่องบารมี ๑๐ อย่าทิ้ง และให้เร่งความเพียรให้ถูกหลัก ก็สามารถจะจบกิจได้ในชาตินี้ ถ้าไม่ประมาทในความตาย พร้อมตาย และซ้อมตายให้จิตชินด้วยความไม่ประมาทใช้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน พระองค์เป็นเพียงผู้บอกผู้ชี้แนะทางปฏิบัติให้เท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น ปราณี ผลเกิด (pholkird-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-04 23:58:30


ความคิดเห็นที่ 366 (1555997)

 สมเด็จองค์ปฐมทรงตรัสว่า

           ๑. นี่จัดว่าเป็นขออภัยทาน ซึ่งเป็นธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนาเช่นกัน หมั่นทำให้บ่อย ๆ ไม่ว่าจักเป็นผู้ให้อภัยทานหรือเป็นผู้ขออภัยทาน ก็สามารถทำจิตให้เยือกเย็นได้

           ๒. หมั่นมาพระนิพพานให้บ่อย ๆ จิตจักได้เคยชิน เป็นการซักซ้อมมโนมยิทธิไปในตัวด้วย

           ๓. พยายามปล่อยวางอารมณ์ที่เกาะกายให้มาก ๆ ด้วย จิตมันจักได้สบายขึ้น (เพื่อนของผมท่านนึกว่า วันนี้กายมีเวทนามาก สภาพพระนิพพานไม่แจ่มชัดเท่าที่ควร)

           ๔. ทรงตรัสว่า ให้จิตรู้ก็แล้วกันว่าระลึกได้อยู่กับพระนิพพานเสมอ จักชัดหรือไม่ชัดไม่สำคัญ สำคัญที่จิตมันเคยชินกับการมาอยู่ที่พระนิพพานนี้

          ๕. และที่สำคัญ คือ พยายามอย่าเกาะกายมากเกินไป รู้ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ยอมรับความเสื่อม ความสกปรกของร่างกายนี้อยู่เสมอ ให้จิตมันรู้อยู่อย่างนี้ ก็เป็นอันว่าใช้ได                   ๖. ก่อนนอน ให้จับภาพนิมิต เห็นกายจิต นอนอยู่บนพระนิพพานด้วยได้ยิ่งดี สมควรทำ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปราณี ผลเกิด (pholkird-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 00:28:56


ความคิดเห็นที่ 367 (1556015)

ขออนุโมทนากับธรรมทานจากคุณพี่ สุริวรรณ์ คุณพี่ตั้ม

คุณตฤน คุณอ้อย คุณเพชรดา คุณอาริยา บก.โจ

และคุณปราณี ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ..

ปลาบปลื้มใจจริงๆที่ทุกๆท่านมาร่วมด้วยช่วยกันเหลา

ให้ชาวเกาะได้อ่านกันจนเต็มอิ่ม ครบถ้วนสมบูรณ์มั่กๆ

และขอชื่นชมคุณพี่ตั้มด้วยนะคะว่า เดี๊ยวนี้เขียนได้ดี

มีเนื้อหาสาระจับต้องได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมั่กๆ..

เห็นไหม๊เล่า อะไรที่ำฝึกทำบ่อยๆ มันก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง

แต่อย่างน้อยต้องลองทำซะก่อน ชิมิ ชิมิ..

 

และที่สุดของที่สุดขออนุโมทนากับท่านอ.อุบล

ผู้สื่อนำ คำสอนและสัจธรรมต่างๆ มาถ่ายทอดสู่

พวกเรามาโดยตลอดค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 05:19:47


ความคิดเห็นที่ 368 (1556022)

 โมทนากับธรรมทานของพี่ๆทุกท่านนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 06:47:41


ความคิดเห็นที่ 369 (1556050)

ขอร่วมโมทนาบุญกับทุกๆท่านค่ะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 09:59:45


ความคิดเห็นที่ 370 (1556084)

เรียนทุกท่านค่ะ..

ขอมอบข้อความนี้พิเศษสำหรับผู้ที่มีความเห็นผิด หรือเห็นต่างค่ะ(รู้ว่าท่านเข้ามาอ่านเช่นกันค่ะ)

ท่านอ.อุบล..แนะว่าให้สงสารเขา..และถ้าใครเข้ามาปรามาสบ้านสวน....เราต้อง

เมตตา+กรุณา เขาก่อนค่ะ..หรือทำเป็นเห็นพ้องต้องกันไปก่อน คือ เป็นพวกเดียวกัน

กับเค้าก่อนค่ะแล้วค่อยหาทางอธิบาย เพิ่มเติมว่า..กลุ่มบุคคลที่ทำอย่างนี้ หรือทำกับ

ใครก็ช่างที่เขาไม่รู้ข้อเท็จจริงโดยเฉพาะผู้มีบุญบารมี..

มักจะประสบแต่ปัญหา **ไม่ว่าการเงิน  การงาน  ความรัก ครอบครัว ความเจ็บป่วย **

ถ้าคุณอยากเป็นเหมือนเขาก็เชิญทำตามนั้นค่ะ

**เราจะไม่เสียเวลา เสียสมองส่วนหนึ่ง กับพวกที่..มีบ่าไว้ตั้งศีรษะอย่างเดียวค่ะ

เพราะเวลาเราเหลือน้อยมาก..

 **สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ**

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 11:09:45


ความคิดเห็นที่ 371 (1556165)

อนุโมทนาสาธุกับทุกธรรมทาน ค่ะ

และรหัสลับจากสวรรค์ อาจารย์อุบล ช่วยด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น สุรดา ศรีสุข (นก) (su_rada-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 16:14:30


ความคิดเห็นที่ 372 (1556173)

แสงสีที่ดีคือ แสงสีขาว ใสเหมือนแก้ว

และแสงที่เหมือนธรรมจักรในดวงจิต

ขออนุญาตเพิ่มเติมเล็กน้อยค่ะ แสงที่เหมือนธรรมจักรในดวงจิตท่านอ.ให้ธรรมะทานว่า จะเป็นสีทองค่ะ

  อนุโมทนาบุญค่ะ คุณเพชรดา ..สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 17:14:11


ความคิดเห็นที่ 373 (1556207)

 สาธุโมทนาครับพี่สุและทุกท่าน

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 20:14:35


ความคิดเห็นที่ 374 (1556219)

 

ขออนุโมทนาบุญธรรมทานจากทุกๆท่านด้วยค่ะ 

ขออนุญาตปริ้นข้อความธรรมะและคำสอน

คำเตือนจากบ้านสวนเอาไว้อ่านเตือนใจตนบ่อยๆ

สาธุ   สาธุ   สาธุ.......

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี (kanungnuch03-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 20:58:27


ความคิดเห็นที่ 375 (1556225)

 

ภาพถ่าย

ดวงกลม ๆ

สีขาว ที่มีอยู่เต็ม

ณ.บ้านสวนพิรามิด

คือ ดวงจิต

ที่ประเสริฐ คร๊า

( เทวดา นะเอง )

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 21:05:49


ความคิดเห็นที่ 376 (1556227)

ขอร่วมอนุโมทนาสาธุ กับธรรมทานจากทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ ที่พยายามถ่ายทอดความรู้มาให้คนไกลปืนเที่ยง .. สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พิชญ์นันท์ สุขวัจนี (pitcha_nate-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 21:06:14


ความคิดเห็นที่ 377 (1556238)

(ส่วนหนึ่งจาก ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม 5 โดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์  สืบสงวน)

พรหมวิหาร ๔ทำให้ศีลบริสุทธิ์เต็มกำลังได้อย่างไร

           เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๑ มิ.ย. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนให้ มีความสำคัญดังนี้

           ๑. เจ้าลืมบันทึกเรื่อง หลักการของการถือศีล ศีลจักบริสุทธิ์ได้ด้วยหลัก ๓ ประการ คือ

           ก) ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง

           ข) ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล

           ค) ไม่ยินดีด้วยเมื่อบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้ว

           ๒. เจ้าพึงรู้แล้วว่า พรหมวิหาร ๔ ช่วยทำให้ศีลบริสุทธิ์ได้เต็มกำลัง ก็ควรจักพึงรู้ต่อไปว่า หลักการรักษาศีล ๓ ประการนั้น เกี่ยวข้องกับพรหมวิหาร ๔ ประการใด ตถาคตจักอธิบายให้เจ้าฟังสักครั้งหนึ่ง เพื่อเจ้าจักได้นำไปเป็นแนวทางของการปฏิบัติเพื่อความอยู่เป็นสุขของกายและจิต

           ๓. หากเจริญพรหมวิหาร ๔ ได้ถึงที่สุด ศีล สมาธิ ปัญญา ของเจ้าก็จักบริสุทธิ์ จนถึงระดับหมดความเบียดเบียนจิตและกายได้

           ๔. ประการแรก คือ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง เท่ากับพรหมวิหาร ๔ ตัวต้น (เมตตา) เราจักต้องมีให้กับจิตและกายของตนเองก่อน มีเมตตาความรัก กรุณาความสงสาร มุทิตา มีจิตอ่อนโยน มีอุเบกขา ที่จักไม่ยอมให้จิตตกเป็นทาสของกิเลสหรืออกุศลกรรมเข้าครอบงำ ชักชวนให้ละเมิดศีล ทางกาย วาจา ใจ อันกระทำแล้วเกิดเป็นบาป นำจิตของตนให้ไปเสวยกรรมชั่วในอบายภูมิ ๔ อันมีสัตว์นรกเป็นต้น จำไว้นะ พรหมวิหาร ๔ ลำดับต้น จงมีให้กับจิตและกายของตนเองก่อน

           ประการที่สอง เมื่อมีพรหมวิหาร ๔ ประจำจิตของตนมั่นคงแล้ว ก็เท่ากับศีลรักษา ตัดสังโยชน์ ๓ ประการแรกเบื้องต้นได้ บุคคลผู้นั้นเป็นพระโสดาบัน จึงมีสิทธิที่จักแจกพรหมวิหาร ๔ ตามที่ตนได้แล้ว สงเคราะห์บุคคลอื่นตามสังโยชน์ ๓ กล่าวคือ แนะนำให้ผู้อื่นรักษาศีลโดยปรารภอานิสงส์ของศีลที่ตัดอบายภูมิ ๔ ได้ ดังนั้น พระโสดาบันจึงไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นละเมิดศีล ดังนี้เป็นประการที่ ๒

           ประการที่สาม การไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้ว จักต้องมีอุเบกขา หรือสังขารุเบกขาญาณเป็นตัวคุม คือบุคคลผู้นั้นจักต้องเข้าใจในกองสังขารทั้งปวง เข้าใจในกฎของกรรมในแต่ละบุคคล วางอารมณ์เห็นกฎของกรรมเป็นเรื่องปกติ เห็นในเหตุของกรรมนั้น ๆ จึงจักไม่ยินดีได้ เมื่อเห็นบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้ว ประการสุดท้ายนี้ หมายถึงไม่ยินดี ยินร้าย แม้กระทั่งในมโนกรรม คือ ในความคิด (ก็นึกถามว่า อารมณ์นี้มีได้แต่พระอรหันต์เท่านั้นใช่หรือไม่)

           ๕. ก็ต้องปฏิบัติได้ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป กรรมบถ ๑๐ เป็นข้อคุมการปฏิบัติศีลให้ละเอียดขึ้นตามลำดับ ระงับกายให้สงบ ทำตั้งแต่หยาบขึ้นไปจนถึงละเอียด อย่าคิดว่าจักทำเอาทีเดียวถึงขั้นละเอียดได้เลย (ก็นึกว่าเป็นของที่ทำได้ไม่ง่ายเลย)

           ๖. เมื่อรู้วาระจิตว่าเศร้าหมอง ก็ให้ตรวจดูการรักษาศีล ๓ ประการเยี่ยงนี้ไปตามลำดับ เห็นจิตขาดพรหมวิหาร ๔ ตัวต้น (เมตตา) คือ ไม่ได้ให้กับจิตและกายของตนเอง เจ้าก็จงหมั่นเจริญพรหมวิหาร ๔ ตัวต้นให้เต็มเถิด

           ๗. และต่อ ๆ ไป ถ้าหากจักไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมชั่วของผู้ใด จักยินดียินร้ายก็ตาม จงหมั่นนึกถึงการไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้ว จงเตือนตนเองว่า พรหมวิหาร ๔ ประการ ข้อสุดท้ายบกพร่องไปเสียแล้ว จักได้ตัดใจระงับอารมณ์ยินดียินร้ายนั้นลงเสียได้ (เมื่อทรงตรัสถึงข้อนี้ ก็ทำให้เข้าใจว่า ที่ตนเองไปตื่นเต้นกับข่าวของใคร ๆ เขาที่ทำชั่ว ก็เพราะขาดพรหมวิหาร ๔ ข้อสุดท้ายนี่เอง ธรรมนี้ลึกซึ้งมาก และปฏิบัติให้จิตทรงตัวได้ยาก)

           ๘. เจ้าหมั่นทบทวนพรหมวิหาร ๔ คู่กับการรักษาศีล ๓ ประการนี้ไปเนือง ๆ แล้วเจ้าจักเข้าใจ ในความลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้นไปมากยิ่งกว่าเวลานี้

ผู้แสดงความคิดเห็น ปราณี ผลเกิด (pholkird-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 21:51:10


ความคิดเห็นที่ 378 (1556242)

(ส่วนหนึ่งจาก ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม 5 โดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์  สืบสงวน)

เมื่อนำเอาเรื่องพรหมวิหาร ๔ ทำให้ศีลบริสุทธิ์เต็มกำลังได้อย่างไรมาพิจารณา ก็พบความจริงที่พอสรุปได้ดังนี้

           ๑. ถ้ายังคิดว่าคนอื่นเขาเลว ก็แสดงว่าเราเลวกว่าเขา

           ๒. ต้องรู้อยู่เสมอว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องปกติธรรมดา

           ๓. ให้ยอมรับกฎของกรรมเข้าไว้ อย่าเผลอไปตำหนิใครเข้า

           ๔. เมื่อรู้ว่าผิดก็ให้กำหนดจิตขึ้นมาขอขมาพระรัตนตรัยทุกครั้งไป

           ๕. และก็ยังมีอารมณ์ปรุงแต่ง เปรียบเทียบออกนอกทางไปว่า อารมณ์นี้ก็คล้าย ๆ กับ หิริ - โอตตัปปะ หรือเทวธรรมขั้นละเอียดนั่นเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ปราณี ผลเกิด (pholkird-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 22:01:46


ความคิดเห็นที่ 379 (1556254)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-05 22:36:24


ความคิดเห็นที่ 380 (1556298)

ขออนุโมทนาทุกๆท่าน

ที่ได้เข้ามาเหลาให้ชาวเกาะได้อนุโมทนา

แถมยังได้ความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย

แม้จะไม่ได้ไปบ้านสวน

แต่ก็ยังมีหลายๆท่านมาคอยเม้นเป็นธรรมทานอยู่เรื่อยๆ

ฮิฮิ กำไรจริงๆ

สาธุ สาธุ ค่าาาาา

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-06 02:18:05


ความคิดเห็นที่ 381 (1556320)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุภาวดี วัดพ่วง(หญิง) (magic_nooying-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-06 08:37:45


ความคิดเห็นที่ 382 (1556397)

 

กราบสมเด็จพระบรมธรรมบิดา...องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่บ้านสวนพีระมิด..ท่านอ.อุบล..ท่านอ.มงคล ค่ะ

**ขออนุญาตคัดลอกธรรมทาน บางส่วนจากหนังสือ..นิพพานชาตินี้กันเถอะ ..เพื่อให้ลูกๆบ้านสวนทุกท่านได้อ่านเตือนจิต..ที่ท่านอ.ได้แจกในคืน วันที่ 2/7/54 ค่ะ..

***มอบสำหรับผู้ที่อยู่ไกลๆและผู้ที่ไม่ได้รับหนังสือค่ะ**

ดังนี้ค่ะ***ขอพวกท่านหลับตาลงเบาๆ..หายใจเข้าลึกๆ..ปล่อยจิตให้ว่างๆ..สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือหายใจเข้าลึกๆ..**ปล่อยลมหายใจออกยาวๆ ทำซ้ำ3-4 ครั้งหลังจากนั้นให้ตั้งจิตคิดว่า**

...เราเองเกิดมากี่ชาติที่เราเป็นคน เราก็มีโอกาสได้ทำความดีมามากแล้ว..ความไม่ดีก็มีบ้างเป็นของธรรมดา  พระพุทธเจ้าท่านก็เคยตรัสไว้ว่า**ผู้ไม่เคยทำผิดไม่มีในโลก**นับประสาอะไรกับเราที่เป็นสาวก ย่อมมีดีและเลวเป็นธรรมดา เอาหล่ะนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะไม่คิดถึงความผิดพลาดที่มันเป็นอดีตไปแล้ว  พระพุทธเจ้าสอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน และตอนนี้เรากำลังนึกถึงความดีที่เคยทำมาแล้วตั้งมากมาย นับภพนับชาติไม่ถ้วน ถ้ารวมความดีของเราทั้งหมดก็มีมากพอ ที่จะตั้งจิตรวมความดีทั้งหมดที่สั่งสมมา จงมารวมตัวกัน เป็นปัจจัยให้ข้าฯ สิ้นทุกข์ออกจากการเวียนว่ายตายเกิด เข้าสู่แดนนิพพานสวรรค์นิรันดร์ในชาตินี้เท่านั้นด้วยเทอญ...

                ***คำสอนสมเด็จพ่อองค์ปฐม***

"ลูกรักทั้งหลายของพ่อ..ชาตินี้ลูกคนไหนที่คิดว่าทำดีกันแล้ว  พ่อจะบอกลูกๆ

ว่า...ยังไม่ดีพอ ใครที่คิดว่าตนเองดีแล้ว ดีกว่าคนอื่นก็แสดงว่ายังดีไม่พอ ส่วนมากยังทำความดีกันไม่ถูกต้อง ตามหลักของความดีสูงสุด  ลูกๆที่เป็นเพียงชาวบ้านชายหญิงนั้น จงทำจิตให้ถึงซึ่งความพ้นทุกข์ได้ด้วยวิธีง่ายๆ ถึงแม้เราเป็นเพียงชาวบ้านชาวเมืองธรรมดาแต่ก็สามารถทำความพ้นทุกข์ ทำจิตให้แจ้งด้วยปัญญาเข้าถึงแดนนิพพานสวรรค์นิรันดร์ ได้ด้วยวิธีง่ายๆ.ลัดๆ..สั้นๆ ตามตำราเล่มนี้หรือเล่มไหนก็ตาม ที่เรียก ง่ายๆ ลัดๆ สั้นๆ ที่สุดแห่งที่สุดนั่นแหล่ะคือ..สัญญาณความรู้จากพ่อโดยตรง..

ในยุคปัจจุบันนี้คนที่มีความรู้(ทำได้แล้วจึงสอน) นั้นมีน้อย แต่คนที่ไม่มีความรู้ แต่อยากสอนผู้อื่นนั้นมีมาก ต่างก็แข่งขันกันเปิดสำนักแข่งดีแข่งเลวกันทั่วบ้านทั่งเมือง มีวิธีสอนกันไปต่างๆนาๆเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง บางสำนักก็ยังเอาตนเองไม่รอดจากอบายภูมิ ก็ยังอุตส่าห์เปิดสำนักสอนกัน แข่งกันทำความดีแตกแยกกันเพราะเหตุแห่งความดี  ทำให้ผู้คนไขว้เขวไม่รู้ความจริงว่า..สื่งไหนถูกสื่งไหนผิด ไม่รู้จะเชื่อใครดี แม้แต่ภิกษุผู้ประพฤติดี ก็ยังทำผิดวินัยกันอยู่จำนวนมาก เกือบจะทั้งประเทศไทยนั่นแหล่ะลูกเอ๋ย...

..จงตั้งจิตฟังกระแสเสียงของพ่อให้ดี **พ่อจะบอกวิธีการที่ ง่ายๆ ลัดๆ สั้นๆ  ให้จงจดจำให้ขึ้นจิตว่า..**พ่อต้องการให้ลูกทั้งหลาย ได้พ้นจากความทุกข์ในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เข้าสู่แดนนิพพานอมตะสุข กันในชาตินี้เท่านั้น..

..ลูกรักของพ่อ พวกเจ้าลงมาท่องเที่ยว เพื่อเรียนรู้ความเป็นไปในแดนมนุษย์นี้นานมาแล้ว ถ้าเทียบเวลาในแดนมนุษย์นี้ ก็นับเป็นเวลาล้าน ล้าน ล้าน ๆๆๆๆๆๆๆ ชาติแล้ว โดยเฉพาะถ้าใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ..***พ่อจะถือว่าพวกเจ้าได้ฟังสัญญาณเตือนจากพ่อแล้ว พวกเจ้าได้รู้จักพ่อผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงแล้ว ..และเวลานี้พ่อก็เฝ้ารอคอยการกลับคืนสู่ แดนทิพย์อมตะสุขของพวกเจ้าอยู่..ตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อได้ส่งสัญญาณความรู้ลงมาหาลูกๆ ที่ยังติดค้างอยู่ในแดนมนุษย์สมมุตินี้มานานแล้ว..ผู้ที่รับสัญญาณได้ก็ไม่มีสติปัญญามากพอที่จะเข้าจิตเข้าใจความปรารถนาของพ่อที่ถูกต้องได้ทั้งหมด จึงแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งยึดติดไปเสียสิ้น แทนที่จะออกจากทุกข์ได้ กลับต้องมาเวียนว่ายตายเกิดใหม่อีก เพราะเหตุแห่งการยึดติดในความดีจนไม่รู้จักคำว่าอิ่มแล้ว พอแล้ว สุขแล้ว เบื่อแล้ว ..พวกเจ้ายังไม่ยอมทำหน้าที่อย่างปล่อยสละ ละวาง  ว่างเปล่า..เป็นชาติสุดท้ายกันสักที.... แล้วอย่างนี้เจ้าจะสอนใครให้พ้นทุกข์ได้เล่าลูกเอ๋ย...

ในยุคนี้เวลานี้คนทีสามารถรับสัญญาณจากพ่อได้นั้นมีมากกว่าในสมัยอดีตที่ผ่านมาโดยเฉพาะในประเทศไทย แต่มีมากก็เหมือนมีน้อย เพราะยังยึดติดในตัวตนของตนเองอยู่ยังยึดติดคำว่าเจ้าสำนึก ยังหลงยึดติดในสัญญาณความรู้จากพ่อ บันทึกเป็นลิขสิทธิ์ของตน บางคนถูกพ่อทดสอบด้านสติปัญญาแล้วไม่ผ่านที่จะให้ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ต่อไปข้างหน้าได้ จึงให้ทำเพียงหน้าที่จำกัดตามจิตเท่านั้น...

คนธรรมดาสามัญที่มีความรู้ความสามารถ ในการสอนเรื่องแดนทิพย์อมตะสุขสวรรค์นิรันดรได้.. มีความสามารถรับสัญญาณจากพ่อได้พร้อมทั้งไม่ติดยึดใดๆประกอบแล้วด้วยสติปัญญาสูงสุดสามารถทำหน้าที่ได้ทุกหน้าที่..โดยไม่ยึดติดในสัญญาณความรู้ที่แท้จริงนั้น ก็ยิ่งหาได้ยากยิ่ง ..

ด้วยเหตุนี้ลูกๆที่ได้อ่านตำราเล่มนี้หรือเล่มไหนๆก็ตามไม่ว่าจะเป็นสัญญาณความรู้จากพ่อ จากพรหม จากเทพเทวดาองค์ใดที่ลงหน้าที่ในโลกมนุษย์ในยุคนี้..

ก็จงใช้สติปัญญาคิดพิจารณาให้ได้ปัญญา รู้ในความรู้ที่ได้อ่านได้ฟัง ได้ศึกษามาคิดพิจารณาให้ได้ปัญญา รู้ในความรู้ที่ได้อ่านได้ฟัง ได้ศึกษามา คิดพิจารณาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วยจิตของตนเองถามตนเองให้ได้ว่า ..

เราได้อะไรจากการอ่านการฟังมาจากสถานที่ต่างๆ จงอย่าพึ่งศรัทธา อย่า

งมงายอย่างผู้ขาดสติขาดปัญญานะลูกเอ๋ย...

นับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจิตลูกของพ่อจะอาศัยในร่างกายชายหรือหญิงไม่สำคัญ ถ้าจิตลูกต้องการความพ้นทุกข์ถาวรเข้าสู่แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องรอเวลาใกล้จะตายก่อนแล้ว...ค่อยกำหนดจิต

.. ถึงตอนนั้นก็ไม่ทันกาลแล้วมนุษย์เอ๋ย เพราะคนเรารู้เวลาเกิดแต่ไม่รู้เวลาตาย ลมหายใจเข้าแล้วไม่ออกก็ตาย ลมหายใจออกแล้วไม่เข้าก็ตาย ชาตินี้มีโอกาสได้พบความรู้แจ้งแห่งพุทธะสอนสั่ง จงรีบเร่งกำหนดจิต..

ตั้งจิต..ตามถึงสถานที่ที่จะนำจิตไปอยู่ในชีวิตหลังความตายตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส นั่นและถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต และไม่เสียชาติเกิด... ในชีวิตชาตินี้จึงจะมีชื่อว่า อนุพุทธะ..ผู้เดินตามผู้รู้แจ้ง..นะลูกเอ๋ย...

ลูกรักของพ่อทั้งหลาย พวกเจ้าที่ได้อ่านหนังสือนี้ พ่อจะถามจิตของพวกเจ้าว่าในเวลานี้พวกเจ้ารู้จักความทุกข์แล้วหรือยัง..

ถ้าพวกเจ้ายังไม่รู้จักความทุกข์ พ่อก็จะขอถามพวกเจ้าต่อไปอีกว่าพวกเจ้ารู้สึกตัวเองไหมว่า เจ้าแก่ไปทุกๆวัน ..จะต้องเจ็บป่วยและจะต้องตายไปในที่สุด..ใช่หรือไม่

ชาติต่อไปเจ้ายังต้องการความเกิด แก่ เจ็บ ตายกันหรือไม่ใช่.. ถ้าลูกคนไหนยังต้องการเกิดแก่เจ็บตายอยู่ และยังไม่เบื่อหน่ายการที่มีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์ก็ไม่ต้องเชื่อสัญญาณความรู้ในตำราเหล่านี้..

ถ้าคนไหนเชื่อและเบื่อหน่ายความทุกข์แล้ว ก็ทำตามที่พ่อแนะนะมาด้วยวิธีง่ายๆลัดๆสั้นๆ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

..นับตั้งวันนี้เป็นต้นไป เราจะเชื่อมั่นในความดีของตนเองจะไม่เชื่อผู้อื่นที่ไม่มีความรู้จริง เราจะทำความเข้าใจธรรมชาติของตัวเราว่า..*

*** ร่างกายของเราคือ ต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวงเพราะเราเกิดมามีร่างกาย.. จึงต้องแก่ เจ็บป่วยและตายไปในที่สุด..

ถ้าเราเกิดอีกเราก็ต้องทุกข์อีก ไม่ว่าเราจะรวยหรือยากจน สุดท้ายก็ต้องตายสลายไปในที่สุดเราไม่สามารถที่จะนำทรัพย์สมบัติใดๆติดตามเราไปได้แม้แต่อย่างเดียว..

เรามาคนเดียว ทุกข์ก็ทุกข์คนเดียวเจ็บป่วยคนเดียว และเราก็ต้องตายคนเดียวไม่มีใครช่วยใครได้เพราะฉะนั้นถ้าเราถึงอายุขัยถึงวันตายเมื่อไหร่ เราจะไม่ขอกลับมาเกิดอีกแล้ว สถานที่ที่เราจะไปนั่นก็คือ แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร แดนทิพย์อมตะสุขตลอดกาลเท่านั้น

ลูกคนไหนที่ตั้งจิตคิดพิจารณาตามนี้เป็นปกติทุกวันๆ...**นั่นเป็นคำมั่นสัญญากับพ่อว่า จะกลับคืนสู่แดนทิพย์อมตะสุขสวรรค์นิรันดร และพ่อจะถือว่า พวกเจ้าเป็นลูกที่มีความรักความเคารพต่อพ่ออย่างแท้จริง มีความจริงใจที่ตั้งจิตเป็นสัจจะวาจา

..ต่อฟ้า- ดิน เป็นคำอธิษฐานที่ประกอบไป...ด้วยสติและปัญญาขั้นสูงสุด

...พ่อบรมบิดา...รับรู้..รับทราบถึงความปรารถนาของลูกที่ต้องการพ้นทุกข์อย่างถาวรตลอดไป พ่อพร้อมที่จะช่วยให้ลูกของพ่อมีกำลังจิตที่เข้มแข็ง..

เต็มเปี่ยมด้วยกำลังบุญความดีของพุทธเจ้า ..ทั้งหมดรวมกัน ราดรดลงมาเข้าสู่จิตของพวกเจ้าทั้งหลายผู้ที่มีกำลังใจยังไม่เต็ม ให้มีกำลังใจเต็มเปี่ยมได้อย่างรวดเร็ว..

ถ้าลูกไม่ลังเลสงสัยในความดีของพ่อ และของตัวเองเมื่อไหร่..ก็จงสวดภาวนาชื่อของพ่อเป็นประจำ และก็ตั้งจิตอธิษฐานกลับคืนสู่แดนทิพย์อมตะสุขทุกๆวัน

พ่อขอรับประกันว่าลูกรักทั้งหลาย..ได้พ้นทุกข์เข้าสู่..แดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร ในชาตินี้แน่นอนลูกเอ๋ย

ยกเว้น..จิตของผู้ปรารถนาความเป็นพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ยังต้องการเรียนรู้ในความเกิดแก่ เจ็บ ตาย อยู่เพื่อเป็นแนวทางแห่งบรมครูสอนสั่งสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ในอนาคตข้างหน้า ย่อมยังไม่ปรารถนาจะกลับคืนสู่สถานที่ที่พ้นจากความทุกข์ในชาตินี้พ่อก็อนุญาต.......

ส่วนลูกรักคนไหนที่อ่านตรงแล้ว หากแจ้งจิตว่า ตนเองไม่ใช่โพธิสัตว์ที่แท้จริง ถ้าหากยังไม่อยากกลับเพื่อไปอยู่กับพ่อบนแดนทิพย์อมตะสุขในชาตินี้ พ่อก็จะถือว่าพวกเจ้ายังชอบเรียนรู้และยังติดอยู่ในอาการหลงภพหลงชาติ..

รักในความสุขและทุกข์ สุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็จะติดอยู่ในการเกิด แก่ เจ็บ ตายอย่างไม่รู้จบสิ้นใคร ๆ ก็ฉุดช่วยพวกเจ้าไม่ได้อีกต่อไป..

แต่..พ่อก็คือพ่อ..ผู้ให้กำเนิดจิตของพวกเจ้า ยังรักและห่วงใยต่อจิตของพวกเจ้าเสมอ และขอสั่งให้จิตของพวกเจ้าจงจดจำชื่อของพ่อผู้เป็นต้นกำเนิดในทุกๆ ดวงจิตไว้ให้ดี "พระบรมบิดา" หรือใครที่เคารพในพุทธศาสนาจะเรียกพ่อว่า "องค์ปฐม" ก็ได้เช่นกันจงจดจำและท่องให้ขึ้นจิตขึ้นใจ อย่าให้ลงลืมในทุก ๆ วัน และทุกภพทุกชาติ

...**จงภาวนาให้ได้มากที่สุดที่เจ้าจะทำได้ในแต่วัน แล้วจิต ของพวกเจ้าจะเชื่อมโยงถึงจิตพ่อบนแดนทิพ์อมตะสุขได้ แล้วพ่อจะส่งสัญญาณแห่งความดีที่ยิ่งใหญ่ ลงมาเพิ่มเติมเสริมแต่งจิตให้ซึ่งพวกเจ้าจะได้สัมผัสและรับรู้ถึงพลังความดีของพ่อได้ก็ต่อเมื่อกำลังจิตของพวกเจ้ามีความเชื่อมั่นในพ่อ และทำจิตให้สงบไม่ฟุ้งซ่านจนเกินไป ถ้าลูกคนไหนรับสัญญาณกกระแสความดีจากพ่อได้

..จงเชื่อมั่นในตนเองไม่ต้องลังเลสงสัยอีกต่อไป และไม่จำเป็นต้องไปเล่าขานให้แก่ผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจฟัง จงเชื่อมั่นและรู้ได้ด้วยจิตตนเองเท่านั้น แต่ถ้าไม่มั่นใจก็จงสอบถามผู้ที่เขียนตำราเล่มนี้ เขาจะเป็นผู้รับรองให้เจ้าได้ทั้งหมด..

ถ้าแม้แต่เพียงชื่อของพ่อผู้ให้กำเนิดจิตพวกเจ้า หากยังหลงลืมไม่ยอมจดจำ พ่อก็จะถือว่าลูก ๆ ไม่เคารพในจิตพลังงานรู้สูงสุดในจักรวาล พ่อก็จะลงโทษพวกเจ้า..

..ด้วยการปล่อยให้ผจญชะตากรรม ชดใช้กรรมเวรที่พวกเจ้าได้กระทำเอาไว้ตั้งแต่อดีต พ่อจะไม่ผ่อนหนักผ่อนเบาให้พวกเจ้าอีกแล้ว เพราะว่าพวกเจ้าไม่ยอมเชื่อฟัง หลงโลก หลงตัวตน หลงครูอาจารย์ ขาดสติและปัญญา ก็จงจมอยู่ในโลกนี้ต่อไปเถอะลูกเอ๋ย..

ลูกรักทั้งหลาย จงฟังพ่อให้ดี พวกเจ้าไม่ได้เกิดมาชาตินี้เป็นชาติแรก เจ้าเป็นมนุษย์

มากชาติแล้ว เกิดตายมาเป็นล้านล้านล้าน ๆๆๆๆๆๆๆ ชาติแล้ว พวกเจ้าทำความดีมา

มากแล้ว จงมีความเชื่อมั่นในความดีของตนเองได้แล้วว่า...

****ผู้ใด ได้มีโอกาส..อ่านตำราเล่มนี้แล้ว ก็แสดงว่าบุญ (ความดี) และบารมี(กำลังใจ)ขอเจ้านั้นเต็มเปี่ยมแล้ว..

มีมากพอเกินพอ ที่พวกเจ้าจะตั้งจิตกำหนดจิตกลับคืนสู่สถานที่เป็นทิพย์อมตะสุข

ตลอดกาล ไม่ต้องกลับคืนมารับผลแห่งกรรมเก่าและสร้างกรรมใหม่..

ในชาติใดอีกนะ..ลูกเอ๋ย.."

อ่านแล้วทุกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ตัวเอง รู้สึก..ปลาบปลื้มที่ พระองค์ไม่เคยทิ้งพวกเรา**ที่สำคัญก็เฝ้ารอ... รอ...รอ...รอ...รอ...เมื่อไหร่ลูกจะกลับบ้านซะที ***

(ต้องใช้กำลังใจอย่างสูงสุดในการเฝ้าเพียรพยายามอ่านให้จบ เพราะน้ำตาไหลไม่หยุดซะที...คิดถึงพระองค์มากค่ะ  สาธุ..สาธุ..สาธุ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-06 16:10:27


ความคิดเห็นที่ 383 (1556458)

 

สาธุ สาธุ สาธุ

อนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ธรรมทานค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรินทร คัดชา (อุ๊) (warintorn-dot-n2011-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-06 21:16:40


ความคิดเห็นที่ 384 (1556482)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆธรรมทานด้วยครับ สาธุๆๆ เดี๋ยวนี้แต่ละคนที่กลับมาจากบ้านสวนฯต่างมีเทคนิควิธี คือ มีสมุดจดธรรมะที่ท่านอาจารย์สอน และนำมาเหลาเป็นธรรมทานให้แก่เพื่อนๆได้อ่านกัน แบบชนิดที่ว่า แทบจะเก็บได้เกือบทุกคำเลยละมั๊งง หลังๆมานี้นักโพสเต่าๆ โง่ๆอย่างผมหมดมุขโพสต่อไม่ได้เลย ฮ่าๆๆ ดีใจมากเลยครับ ที่ทุกๆคนช่วยกันโพส ทำบุญแบบง่ายๆ แต่ได้บุญมากมหาศาล สาธุกับทุกๆท่านอีกทีครับ   

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-06 23:13:22


ความคิดเห็นที่ 385 (1556493)

 โมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-06 23:54:45


ความคิดเห็นที่ 386 (1556540)

..พ่อใหญ่ เจ่า..ช่างออกตัวได้ดีเหลือเกินเนาะ..

อย่างไรซะ ก็เป็นขวัญใจลูกบ้านสวนอยู่ดีแหล่ะ..คิดฮอดหล๋ายๆๆๆๆๆๆ

ไผ๋บ่ฮักเจ่ากะต๋าม..ข่อย แอบให้กำลังใจอยู่เด้อ..(คนบ้านเดียวกันแค่มองตากันก็เข้าใจอยู่....เพลงของไผ่เด๊ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-07 09:18:33


ความคิดเห็นที่ 387 (1556621)

มีใครรู้ว่ามดมีวิธีให้มดไปจากบ้านโดยไม่ต้องฆ่าทำอย่างไรแฟนพี่กลับจากอุทัยมาถึงบ้านเมื่อไหร่ชอบฉีดมดเหลือเกินมี่ยังหาวิธีไม่ได้ และพี่ก็เป็นแฟนครับบ้านสวนพีระมิดพี่ซุ้มทำอยูที่บ้านกับลูกๆและขออนุโมทนาบุญทุกท่านที่ไปใช้แรงกายและปัจจัยทุกบุยสาธุๆๆๆพี่จะรอคำตอบนะจะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-07 13:33:13


ความคิดเห็นที่ 388 (1556699)

ขอโมทนาธรรมทานกับทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปราณี ผลเกิด (pholkird-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-07 20:12:40


ความคิดเห็นที่ 389 (1556856)
image

 

นมัสการคุณพระรัตนตรัย

หลวงพ่อปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์

ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านอาจารย์อุบล-ท่านอาจารย์มงคล

-------------------------------------------------------------------------------

ขออนุโมทนาบุญจากธรรมทานของทุกท่านครับ

นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-08 12:50:47


ความคิดเห็นที่ 390 (1556920)

มีใครรู้ว่ามดมีวิธีให้มดไปจากบ้านโดยไม่ต้องฆ่าทำอย่างไร

ไม่ต้องฆ่าไม่ต้องไล่ก็ไปเอง

เคยได้ยิน อ.แม่บอกว่า...ให้อุทิศบุญให้เขาบ่อยๆค่ะ

เมื่อก่อนที่บ้าน...มด...แมลงสาป...หนู ก็มีแต่วิ่งอยู่

บนฝ้าขนาดแฟนซื้อเครื่องไล่แบบเสียบปั๊กไล่

ยังไม่ไปเลยค่ะ

ก็เลยหันมา...สวดมนต์...นั่งสมาธิ...อุทิศบุญให้พวกเขา

ได้ผลค่ะ...มีบ้างแต่ก็น้อยมากๆค่ะ คุณบุญพิบาล

ลองดูนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-08 20:41:40


ความคิดเห็นที่ 391 (1556995)

อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยคับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกรียงศักดิ์ สกุลคลานุวัฒน์(เบน) (koy8870-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-09 01:34:59


ความคิดเห็นที่ 392 (1557020)

ขอบคุณและอนุโมทนา

ด้วยค่ะ คุณน้าอ็อด สาธุ สาธุ สาธุ

เกดก็มัวแต่พูดกับมด เผื่อเค้าจะรับรู้ได้บ้าง

"ไปเถอะนะ ไปเถอะ จะได้ไม่มีคนฆ่าเจ้า

พอเจ้าไปกัดเค้า ก็โดนเค้าฆ่า

แล้วจะไปกัดเค้าทำไม

ไปไกลๆ เถอะ อย่าให้ใครเห็น"

พูดอยู่แบบเนี๊ยะค่ะ นึกไม่ถึงเลยว่าทำไม

เราไม่อุทิศบุญกุศลให้เจ้ามด เพราะสมองเรา

ประเทืองปัญญามากไปนี้เอง แหะ แหะ

สมองกลวงต่ะหาก

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-09 11:05:01


ความคิดเห็นที่ 393 (1557071)

ขออนุโมทนาสาธุค่ะสำหรับธรรมทานที่มีค่ายิ่ง

ขอขอบพระคุณทุกท่านด้วยค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น จินตนา อัลลาร์ด(แขก) (jintana1963-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-09 22:42:42


ความคิดเห็นที่ 394 (1557077)

มีประสบการณ์เรื่องมดเหมือนกันครับ

ที่บริษัทประมาณสองถึงสามเดือนที่แล้ว

มดมาจากใหนไม่ทราบมาเหมือนจะทำรังที่คีบอร์ด

ช่วงนั้นพยายามรักษาศีลไม่คิดฆ่า

ในใจก็บอกจะทำอะไรทำไปอย่ามากัดกันนะ

ซึ่งบางครั้งก็อาจจะมีตายเพราะผมบ้างเพราะเขาอยู่ในแป้นคีบอร์ด

เรามองไม่เห็นไม่รู้อาจจะไปกดอักษรตัวใหน

แล้วทับเข้าตายก็ได้โดยไม่ตั้งใจ โดนกัดบ้างก็มี

พี่ที่ทำงานโต๊ะข้างทนไม่ไหวก็พยายามช่วยเอาคีบอร์ดไปแกะ

เพื่อให้เขาออกไป พอเสร็จ มดก็กลับมาใหม่

ผมก็ยังงง หรือมดกำลังจะบอกอะไร หนีน้ำหรือเปล่า

ก็คิดไปต่างๆ นาๆ นึกขึ้นได้เคยอ่านข้อความในเวปบ้านสวน

ให้ส่งบุญที่เราทำมาตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันอุทิศให้กับมดเหล่านี้

ซึ่งเราอาจจะทำกรรมไว้กับเขาแล้วจำไม่ได้

แต่ก่อนส่งผลบุญนึกถึงพระพุทธองค์ขอบารมีท่านก่อนครับ

เพียงบารมีเราอาจมีไม่พอ ทำอยู่พัก

คือนึกขึ้นได้เมื่อไรก็อุทิศส่งผลบุญไปให้

ปัจจุบัน ไม่มากวนแล้ว

แต่ที่เขาทำไว้คือเล่นกัดลูกยางใต้คีบอร์ดซะบางตัวพังไปเลยกดแล้วไม่ขึ้นตัวอักษรหรือบางตัวต้องกดย้ำๆ ที่คีบอร์ด จนบางทีเพื่อนบนบอกแจ้งงานเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว ก็ประมาณนี้ครับเรื่องมด ส่งผลบุญให้เขาครับ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยครับ สาธุ อนุโมทามิ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-09 23:11:39


ความคิดเห็นที่ 395 (1557148)

ขออนุโมทนา

กับคุณเกียรติศักดิ์

ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ขอบคุณค่ะที่ช่วยเตือนเรื่อง

ให้ขอบารมีพระพุทธองค์ก่อนเพราะ

บุญเราไม่พอ ขอบคุณมากค่ะ เกดก็ไม่เคย

ขอบารมีท่านก่อนเลย มีแต่บางครั้ง

จะขอให้ท่านเป็นพระประธาน

และเป็นพยานในการ

ส่งบุญ เท่านั้น

เอง ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-10 12:54:29


ความคิดเห็นที่ 396 (1557154)

 

 

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มาเล่าประสบการณ์ให้เป็นธรรมทาน สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-10 13:34:21


ความคิดเห็นที่ 397 (1557185)

      ขอรายงานผลการเข้าร่วมฝึกมโนมยิทธิ วันเสาร์ที่ 9 ก.ค. 2554 ค่ะ

 - ตอนนี้โรคระบาดต่างๆกำลังมา ซึ่งเริ่มๆมาจากตั้งแต่โรงงานนิวเคลียร์ระเบิด ภูเขาไฟระเบิด มีข่าวปลาตาย และอื่นๆ ให้พวกเราทำใจให้เข้มแข็ง หนักแน่นมั่นคงไว้ ให้เราเชื่อมั่นในคุณความดี

      พลังพีระมิด

 เป็นทางออกของทุกปัญหาในจักรวาล

 ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ความทุกข์กังวง การเงิน คุณไสย หรือปัญหาอื่นๆ

        โดยมีรหัสการใช้

 ต้องใช้ร่วมกับจิต ต้องมีทั้งทาน ศีล สมาธิ

     โดยเฉพาะถ้าร่วมกับ

  การเจริญพรหมวิหาร 4 จะทำให้

เรารู้ความลับทุกอย่างในจักรวาล รู้เอง

      โดยอัตโนมัติ

- ตอนนี้การเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ขอให้ลูกบ้านสวนฯทุกคน อย่ามีอคติ กับพี่น้องคนไทยทุกคน  ถึงแม้ตอนนี้เราจะมีหลายกลุ่ม หลายสี เราต้องมีเมตตาต่อทุกคน   คนเรามีโอกาสคิด หรือทำผิดพลาดได้  ดูตัวอย่างลูกบ้านสวนฯสิ  แต่ละคนล้วนเคยทำผิดบาป  คิดผิด ด้วยความไม่รู้ทั้งนั้น    ถ้าเรายังมีอคติ แสดงว่าเราขาดเมตตา  เราจะปฎิบัติขั้นสูงไม่ได้

        อย่าลืมว่า

  เป้าหมายของลูกบ้านสวนฯ

           คือ

      นิพพาน

- ต่อไปขอให้ทุกคนเข้าไปดูรายการคุยไปแจกไป  แล้วดูว่าคนเหล่านั้น ได้รับกรรม มีความทุกข์ต่างๆ เช่น การงาน  การเงิน สุขภาพ ฯลฯ  มีสาเหตุมาจากกรรมอะไร  ทำผิดศีลข้อไหน   ให้เอาศีล 5 เข้าไปจับเลย  ให้เราคิดถึงเรื่องของเราไปด้วย  พอเรานึกได้  แล้วสำนึกผิดที่ได้ทำไปแล้ว เราก็อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร  ขอขมาเขา  เราก็จะดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องมาที่บ้านสวนฯก็ได้   แล้วก็ทำบุญให้ครบ ทั้ง

     ทาน    ใส่บาตรพระ  หรือบาตรวิระทะโย

     ศีล      รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์

    สมาธิ    ทำสมาธิ เจริญพรหมวิหาร 4

   ทำให้เต็มพิกัด

    เมื่ออาการดีขึ้น ต้องการมาขอบคุณ อ.อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์  จึงค่อยมาที่บ้านสวนฯค่ะ

 

        แต่อาจารย์บอกว่าคนที่มีกรรมหนัก  จะไม่อยากดูรายการ ฯ ค่ะเจ้ากรรมนายเวรจะขวาง  ทำให้ขี้เกียจ  และคิดแต่จะมาให้อ.อุบล ช่วยอย่างเดียว  โดยไม่ยอมช่วยตัวเองก่อน  ซึ่งถ้าใครได้ดูครบ 9 ตอนตามกฎกติกา  เคราะห์กรรมของท่านก็บรรเทา แทบจะหายไปหมดแล้วค่ะ

         

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-10 18:28:34


ความคิดเห็นที่ 398 (1557187)

 สาะธุโมทนากับพี่อ้อยครับ

และทุกท่าน

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-10 18:34:53


ความคิดเห็นที่ 399 (1557193)

ขออนุโมทนา

กับพี่อ้อยด้วยค่ะ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-10 19:00:28


ความคิดเห็นที่ 400 (1557203)

ขออนุโมทนากับคุณอ้อยด้วยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

ขออนุญาติเหลาด้วยคนน่ะครับ

เสาร์ที่ผ่านมาท่าน อ.อุบล ได้นำธรรมะดีๆและเรื่องราวต่างๆมากมายมาบอกเล่าให้พวกเราฟัง

เริ่มจากเรื่องภัยพิบัติต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นทั่วๆไปรอบโลก

ซึ่งนับวันจะเพิ่มมากขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้นดังตัวอย่างที่คุณอ้อยได้เล่ามาแล้ว

ท่านยังเล่าเรื่องสำคัญเกี่ยวกับภาคใต้ที่ยังไม่ยอมยุติเนื่องจากอะไร(ขออนุญาติไม่เหลาน่ะครับเรื่องนี้)อันตรายเกินไปกับเว็ปของเรา เพราะขนาดท่านอาจารย์จะเล่าให้พวกเราฟัง ยังต้องถามเบื้องบนก่อนเลย

ท่านฯบอกว่า พีระมิด เป็นประตูไขสู่ความลับทั้งปวงในจักรวาลจนกระทั่งถึงพระนิพาน

ถ้าท่านอยากรู้ความลับเหล่านี้ต้องรักษา ศีล ทำสมาธิ และตั้งมั่นอยู่ในพรหมวิหารสี่ให้ได้ ท่านถึงจะไขความลับเหล่านี้ได้

พีระมิดเป็นเหมือนเครื่องขยายเมื่อเราทำความดี ผลจะยิ่งมากมายทวีคูณ เช่นเดียวกันถ้าเราคิดไม่ดีทำชั่ว พีระมิดก้อจะส่งผลรวดเร็วเช่นกัน

ท่านอาจารย์ยังบอกว่า ต่อไปลูกบ้านสวนทั้งหลาย จะต้องเป็นตัวโคลนนิ่งของท่าน อ.อุบล ไม่ว่าจะเป็นการสอบสวนกรรมต่างๆและช่วยผู้คนให้มีดวงตาเห็นธรรม

ท่านอาจารย์ต้องการให้ลูกบ้านสวนฯ กล้ารู้จักสำนึกผิด เมื่อทำผิดและยอมรับกรรมที่ทำผิด เป็นคนจริงคนกล้า ไม่ใช่เอาแต่พอรู้ตัวว่าทำผิดอะไรหน่อย ก้อเอาแต่ขอคมา ของดเว้น ขออดโทษ ท่านฯบอกอยากให้ลูกบ้านสวนฯเมื่อทำผิด ก้อขอรับโทษที่ทำเพื่อจะได้จดจำ และ สำนึก จะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก

ท่านฯยังสอนให้รู้จักให้อภัยไม่แบ่งสีแบ่งพวก

เลือกตั้งก้อผ่านไปแล้ว ให้รู้จักอโหสิให้กันคนเราหลงผิดกันได้

ถ้าทำเช่นนี้บ้านเมืองถึงจะสงบ

ท่านยังพูดถึงผู้ที่เอาชื่อท่าน ไปเปิดเฟสบุ๊ค แล้วเอาไปล้อเลียนหยาบๆคายๆ

ท่านไม่เคยถือสาหาความ หรือโกรธแม้แต่ประการใด

แต่ถ้าลูกศิษย์ทั้งหลายที่เข้าไปก้อไม่ควรจะ ไปกระทำการที่ไม่สมควร เช่นไปท้าทายเขา หรือ ทะเลาะ ท่านให้วางอุเบกขาซะ

แต่ในกรณีที่ถ้าเขาลบหลู่ถึงเบื้องสูง ก้อให้พวกลูกบ้านสวนฯปรึกษาพริจารณา ดำเนินการตามแต่เห็นสมควรท่าน อาจารย์จะไม่ห้าม

ท่านยังแนะนำว่า ถ้าพวกเราจะเอาเว็ปบ้านสวนฯ ออกไปประชาสัมพันธ์เผยแพร่ เป็นธรรมทานให้ผู้อื่นเข้ามาศึกษา

ควรจะออกไปเริ่มด้วยการเล่าสิ่งที่ไม่ดี(ความชั่ว)ในตัวเราก่อนเผยแพร่เป็นธรรมทาน เมื่อได้เข้ามาบ้านสวนฯแล้ว เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จึงค่อยเชื้อเชิญเขา เข้ามาศึกษาธรรมะในเว็ปฯ

ไม่ควรใช้วิธีออกไป อวดอ้าง ท้าทาย แบบที่หลายคนทำกันมาแล้วก้อโดนแบนกลับมา เป็นการไม่สมควร

ท่านอาจารย์ฯให้เราใช้วิธี ออกไปเล่าความชั่วของตัวเราเป็นธรรมทานก่อน ในเว็ปต่างๆ เพื่อเผยแพร่แล้วชักชวนเขาเข้ามาศึกษาธรรมะในเว็ปเรา จึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องน่ะครับ ชาวลูกบ้านสวนตัวจริงทุกคน

ขอจบแค่นี้ก่อนน่ะครับเดี๋ยวคงมีท่านอื่นมาเหลาต่อ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-10 20:31:09



<< ก่อนหน้า 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.