ReadyPlanet.com


สารภาพบาปทางความคิด


มันแปลกดีเนอะ ที่บางทีความคิดแย่ๆของเราก็เกิดมีอิทธิพลขึ้นมาเฉยๆ

เพราะอยู่ดีๆเมื่อวานก็มีความคิด ล่วงเกินอาจารย์อุบลขึ้นมาซะเฉยๆ

เรื่องเงินเกี่ยวกับการทำบุญต่างๆ ทั้งๆที่ชนิดาเองมีความเชื่อมั่นและศรัทธา

ในตัวอ.อุบลและบ้านสวนพีระมิดเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อยู่ดีดี๊

ไอ้เจ้าจิตมืดๆบอดๆเจ้ากรรมทั้งหลาย ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา

ให้มีความคิดลบๆซะงั้น.. พอแว๊บคิดขึ้นมา ก็รู้สึกผิด และขอขมาอาจารย์ในใจ

ไปทันที แต่ไม่ได้ส่งสติไปไล่จับไอ้ความคิดแย่ๆนั้นให้มันหยุด

ฉะนั้นพอเห็นอะไรเข้ามาในรัศมีสายตาก็ไปมีความคิดลบๆต่อเรื่องอื่นๆ

ต่อไปได้อีก... แบบเนียนๆเลย..

เฮ้อ..ไม่ไหวจะเคลียร์...

เดือดร้อนเลยทีนี้ พอคิดเสร็จ ก็มีอาการกลัวบาป ยิ่งกลัวก็ยิ่งเกร็ง

ยิ่งเกร็งก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ทีนี้แหล่ะ สติหายไปเลย..ท่องคาถาก็บรรเทาไปได้บ้าง

พอจิตว่างอีกก็เกิดไม่สบายใจขึ้นมาอีก .. ..ฮ่าๆ สมน้ำหน้าตัวเอง...............

 

ตอนนี้ก็ตั้งสติสู้กับมัน งัดวิชาต่างๆที่เคยอ่านมา นำมาใช้สู้กับมัน

ฉะนั้น ชนิดาก็เลยนำวิชา ตั้งสติสู้กับจิตลบๆชั่วๆ ที่บางทีมันหลบๆซ่อนๆ

อยู่ในซอกในมุมของจิต จนเราตายใจคิดว่าเราควบคุมมันได้

แต่ถ้าเรายังประมาท เผลอเรอ ชะล่าใจ มันก็กลับมามีอิทธิพลกับความคิดของเรา

ได้ทุกเมื่อเช่นกัน

 

และในโอกาสนี้ ชนิดาขอกราบขอขมาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ท่านพระยายมราช เทพองค์สฟริงซ์ อ.อุบล

และเทพ พรหม เทวดา แห่งบ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์

ที่ชนิดามีความคิดล่วงเกินและปรามาสอ.อุบล

แม้เพียงหนึ่งวาบของความคิดก็ตาม ..

ได้โปรดอโหสิกรรมให้กับชนิดาด้วยเถิด

สาธุ สาธุ สาธุ...

 



ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-03-06 06:05:35


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1534646)

การฝึกแยกสติแบบง่ายๆ (เขียนโดยอ.สุดใจ จากเว็บเขากะลา)

มาลองฝึกแยกสติแบบง่าย ๆ 
ที่ระบบสอนไว้ในช่วงฝึกที่เขากะลา
คือการฝึกสติในอิริยาบท 4...  ยืน...เดิน...นั่ง...นอน

เริ่ม แรก  ขอให้เข้าใจว่า   ร่างกายส่วนใดที่รับน้ำหนัก  ส่วนนั้นจะมีการรับรู้ในการสัมผัสโดยอัตโนมัติ   และส่วนนั้นสติจะวิ่งไปเกาะได้ง่ายสุด 

ดังนั้น  การแยกสติแบบง่าย ๆ  คือการปฏิบัติฝึกให้สติไปอยู่ตามท่าพื้นฐาน  ตามลักษณะนั้น ๆ

ท่า ยืน    ถ้าท่านกำลังยืนอยู่  เท้าทั้งสองข้าง  จะรับน้ำหนัก  จะรู้ตัวว่ามีน้ำหนักกดที่เท้า  เวลากระทบสิ่งใด  แล้วเกิดการปรุงแต่งให้มีความคิด   ให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ  ถ้ารู้ตัว   ให้แยกสติออกจากการปรุงแต่งนั้น  ไปหาที่เกาะ   ให้วิ่งไปจับอยู่ที่น้ำหนักที่เท้าในท่ายืนนั้น    จะมีการรับรู้ว่า  กำลังยืนอยู่  เพราะเท้าทั้งสองข้างมีน้ำหนักกดอยู่  นี่คือมาอยู่กับปัจจุบัน  คือกำลังยืนอยู่ในปัจจุบัน   สติมาทัน  ก็จะแยกออกมาจากอารมณ์  หรือความคิดในทันที   เพราะสติไม่ไปอยู่กับความคิด และอารมณ์นั้นเสียแล้ว  แต่วิ่งไปอยู่ที่เท้าทั้ง 2 ข้าง   ที่มีน้ำหนักกดทับนั้น

วงจรกำลังคิด  กำลังอินกับอารมณ์ กำลังจินตนาการมากมาย  ก็จะสะดุด ขาดหาย  เพราะการรับรู้ไปอยู่ที่ใหม่  คือที่เท้าทั้งสองข้าง  ที่ไม่วุ่นวายนั่นเอง  นี่คือให้สติมาอยู่กับปัจจุบัน  เท้าที่กำลังยืนอยู่...คือปัจจุบัน  ถ้ารับรู้ปัจจุบัน  ก็คือรับรู้แค่ความมีน้ำหนัก  การยืนอยู่  ความเงียบ  ความสงบ  ตรงจุดนั้น ๆ  นั่นเอง

หรือ ขณะนั่งอยู่    ในท่านั่งนั้น  น้ำหนักจะกดที่บริเวณก้น    จะรับรู้น้ำหนักที่ก้น  นี่คือปัจจุบันคือกำลังนั่งอยู่ (ทดลองได้ขณะอ่านข้อความนี้  แบ่งน้ำหนักส่วนหนึ่งไปไว้ที่ก้นที่ติดกับเก้าอี้  จะมีสติรู้ตัวว่ากำลังนั่งอยู่ และกำลังอ่านข้อความนี้)
 
ขณะนั่งคุย  สนทนา  หรือนั่งอ่านคอมอยู่  ให้สติแบ่งไปอยู่ที่บริเวณก้นที่รับน้ำหนัก  ขณะนั่งอยู่  คุยโทรศัพท์อยู่ แต่สติจะรู้ว่า  มีน้ำหนักอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ก้นที่กำลังสัมผัสพื้นเก้าอี้นั้นอยู่   

หรือขณะเดิน  เท้าที่กำลังก้าว จะรู้ตัวอยู่ว่ากำลังก้าวเดิน  น้ำหนักจะมี  สติจะไปอยู่ที่เท้าที่กำลังก้าวนั้น

หรือแม้แต่ท่านอน  นอนอยู่  แผ่นหลังที่รับน้ำหนัก  จะมีสติไปอยู่ตรงนั้นอัตโนมัติ

หาก คิดฟุ้งซ่าน หรือเกิดอารมณ์หงุดหงิด  เบื่อหน่าย  หรือซึมเซา  มันเป็นอารมณ์ขันธ์ห้า  ที่บังคับบัญชาไม่ได้  อย่าไปอยู่กับมัน  อย่าไปจมอยู่กับความคิด อารมณ์เหล่านั้น  เพราะมันจะปรุงไปเรื่อย แล้วเราก็จะตามทุกข์ไปเรื่อยเช่นกัน

ให้แยกสติไปเกาะยังจุดรับ น้ำหนักที่กดติดในท่านั้น ๆ  นั่นคือเห็นปัจจุบันที่กำลังนั่งอยู่  ถ้าสติมีที่เกาะ  วงจรการปรุงแต่งของขันธ์ 5 จะขาดหาย  ต่อไม่ติด  ทุกข์ที่กำลังก่อตัว  อารมณ์ที่กำลังหลั่งไหล  ก็จะถูกตัดขาดไปนั่นเอง

นั่นคือ  เป็นอุบาย หาที่ให้สติเกาะ  ถ้าไม่มีที่เกาะ สติจะลอยไป ลอยมา  ตามแต่ขันธ์ จะพาไปนั่นเอง

และ หากทำบ่อย ๆ ทำจนเชี่ยวชาญ  เมื่อกระทบกิบสิ่งใด ๆ   สติจะวิ่งกลับไปอยู่ตามจุด  ที่ ยืน เดิน นั่ง นอน โดยอัตโนมัติ  โดยจะไม่วิ่งออกไปไกลจากขันธ์

และสามารถนำไปใช้ได้ทุกเวลา   ในชีวิตประจำวัน    ก็ฝากสติไว้กับความสงบในท่าต่าง ๆ ของอิริยาบท จึงจะสงบได้ท่ามกลางความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน     

หากไม่อย่างนั้น  มันคอยแต่จะฟุ้งซ่านเรื่อยไป

เมื่อ มีสติรู้เท่าทันขันธ์ ก็จะเกิดสังเคราะห์ปัญญาขึ้นมา  เริ่มเห็นขันธ์ ปรุงแต่งตามเหตุปัจจัยที่มากระทบ  บังคับบัญชาไม่ได้  จึงเห็นความที่มันไม่ใช่ตัวตนของตน   มากขึ้น 



เป็นเทคนิคง่าย ๆ  ที่ทำสติได้ตลอดเวลา  และไม่ขัดกับการทำงานที่วุ่นวายในชีวิตประจำวัน 

เพราะ ต้องขยับเขยื้อนร่างกายในชีวิตประจำวันตลอดเวลา  จึงไม่อาจหาเวลามานั่งสมาธิให้สงบได้  ต้องอาศัยการแยกสติ   และจะเป็นสมาธิต่อไป หากทำให้เชี่ยวชาญ  แล้วการทำงานก็จะเป็นแบบรู้ตัวตลอดเวลานั่นเอง

มีการฝึกสติอีกมาก มายหลายวิธี   หากท่านใดถูกจริตกับวิธีไหน  ขอให้นำมาใช้  เพื่อแยกสติออกมาดูขันธ์ 5 ปรุงแต่งให้ได้  ทุกข์มากมายก็จะน้อยลง

เพราะมีสติเห็นการปรุงแต่งของขันธ์ ที่มันเกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป  ตามกลไกของขันธ์นั่นเอง

เป็นอีก 1 เรื่องง่าย ๆ  ที่หากทำได้  ก็เอาตัวรอดจากทุกข์ของอุปาทานขันธ์ 5 เช่นกันค่ะ

ขออนุโมทนา  และเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน...หาปัจจุบันให้เจอค่ะ

 

อนุโมทนากับข้อมูลนี้ด้วยนะคะ ต้องขออภัยที่ชนิดาไม่ได้นำลิงค์เว็บไซต์มาลง

เพราะข้อมูลนี้ตัวเองก็อป***ไว้ในไฟล์เพื่อเก็บไว้อ่านและศึกษาส่วนตัว

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกๆท่านนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-06 06:20:18


ความคิดเห็นที่ 2 (1534647)

 

การใช้ปัญญา..อยู่กับปัจจุบัน...คือการปฏิบัติธรรม






พอ มีเรื่องมากระทบ ถ้ามันเริ่มคิด ก็จะฮั่นแน่ เริ่มคิดอีกแล้ว ตามดูไปว่ามันจะคิดออกไปในมุมไหน มันคิดไม่อยาก ก็จะเห็นว่า อ๋อ.. มันเริ่มไม่อยากไปอีกแล้ว แล้วไงอีก

อ๋อ.. มันเริ่มวางแผนหาข้ออ้างอีก แล้วไงอีก อ๋อ เพื่อนมา..ถ้าเห็นทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มกระทบเริ่มปรุงแต่ง เริ่มเกิดอารมณ์สุข ทุกข์ พอใจไม่พอใจ......ก็จะไม่รีบไปยึด ว่าอารมณ์นั้นเป็นเรา เรากำลังไม่พอใจ เรากำลังกังวล เรากำลังไม่อยากไป มันจะใจเย็น เรียกว่า


รอหน่อยๆ..อย่าเพิ่งแสดงความโง่


(คือโง่ไปหลงยึดว่าสิ่งที่กำลังคิดกำลังไม่พอใจนั้นเป็นของเรา) เพราะมันไม่ใช่ของเรา !!!!!!!!


เขาให้เกาะขันธ์ห้ามาเพื่อออกจากมัน เห็นกลไกของมัน เห็นการแสดงของมันแล้วก็จะเห็นว่า มันไม่ได้เป็นตัวใครของใคร

มันบังคับบัญชาไม่ได้แล้วก็จะเบื่อหน่ายจากมันเองแหละ......




ไม่ ต้องไปทำอะไร ดูให้เห็นสายความคิด ดูให้เห็นการปรุงแต่ง ดูให้เห็นการส่งสารเคมีมาให้เกิดอารมณ์นั้นๆ สุข ทุกข์...ก็แค่ดู แค่เห็นแล้วจะไปตกใจอะไร กับอารมณ์ สุข ทุกข์...

ถ้าเห็น ก็จะขำว่า ดู ดูมันทำเป็นสุขอีกแล้ว ดู ดูมันทำเป็นทุกข์อีกแล้ว....

สุข ทุกข์มันก็จะเท่ากัน เพราะมันไม่ได้เป็นของเรา....เราก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูในการเห็น

คือ เห็นขันธ์ห้ามันปรุงแต่งกันเอง แต่ไม่ได้มีใครเป็นผู้ทุกข์....นี่คือสิ่งสำคัญ

เมื่อไม่มีตัวตน ไม่มีตัวใคร ก็ไม่มีสุข ทุกข์ของใคร ยกเว้นของขันธ์ห้าเอง
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-06 06:25:55


ความคิดเห็นที่ 3 (1534648)

อยากเกิดอีกไหม ขันธ์ห้าน่ะ ถามมันดู


ถ้ามันเกิดอีก มันต้องทุกข์อีกนะ ไม่เกี่ยวกับใคร.....


เพราะผู้รู้ ผู้บรรลุธรรม คือท่านหลุดพ้นแล้ว คือหลุดพ้นจากอุปาทานขันธ์ห้า....

ขันธ์ห้าหลอกท่านไม่ได้ แต่ขันธ์ห้ามันก็ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ....ขันธ์ห้ามันก็ทำแบบขันธ์ห้า


แต่ผู้หลุดพ้น ไม่ได้ไปอุปาทานว่าขันธ์ห้านั้นเป็นท่าน ไม่ไปเยื่อใย อาลัยอาวรณ์ เรียกว่าจากกันไปทั้งๆที่ยังไม่ตายจากกัน...

นี่คือ มีขันธ์ห้าไว้แต่ไม่ได้ติดกัน....เราก็ออกจากขันธ์ห้าได้




ถ้ารู้ว่ามันก็เป็นแค่ขันธ์ห้าที่หลอกเรามานับแสนนับล้านชาติ นับกัปล์นับกัลป์....ออกจากมันไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นมันตามจริงเลย....จึงต้องอาศัยปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ท่านค้นพบสัจจธรรม ความจริงของธรรมชาติ แล้วมาบอก.....


ขนาดท่านมาบอกว่าขันธ์ห้าไม่ใช่ตัวเราของเรา ไม่ได้มีใครในขันธ์ห้า มันเป็นธรรมชาติยังเชื่อได้ยากเลย ยังคิดไม่ได้เลย......

แล้วถ้ากัปล์ไหนไม่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ล่ะ จะออกกันได้ไหมนี่ จะรู้ไหมนี่ ว่าขันธ์ห้ามันไม่ได้มีตัวใครของใคร

มันเป็นแค่กลไกของธรรมชาติที่ปรุงแต่งตามเหตุปัจจัย ก็คงไม่มีทางรู้เลย......

ดังนั้น หากไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติถือว่ากัปล์นั้นมืดบอด มืดบอดจากการที่จะพบสัจจธรรม ก็ยึด ก็เกิด ก็ตายกันไปตามเรื่อง.....

ดังนั้น พระพุทธองค์ตรัสรู้ในกฏของธรรมชาติ
มาบอก มาสอน มาชี้ให้เห็นทางออกจากสังสารวัฎแล้วจะมัวชักช้ากันอยู่ทำไม......โชคดีแค่ไหน

ที่ ได้เกิดในยุคที่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ยังมีโอกาสเห็นแสงสว่างที่จะนำทางออกจากการยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ์ห้า ออกจากวัฏฏสงสารได้....





ดังนั้น ธรรมะ จึงมีค่ามากกว่าชีวิตทั้งหลายที่เวียนเกิด เวียนตายไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว....

ถ้าเกิดมาแล้วไม่พบเจอธรรมะก็เป็นโมฆะไปในชาตินั้น......

การให้ธรรมะเป็นทาน การให้ธรรมะที่ถูกตรงกับผู้อื่นจึงเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดๆ.....

เพราะเขาพบทางเขาก็มีโอกาสออกจากทุกข์ได้เช่นกัน

ข้อมูลจาก

http://ufokaokala.com/index.php?topic=2878.msg23135;topicseen#msg23135

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-06 06:29:47


ความคิดเห็นที่ 4 (1534649)

คุณสมบัติของผู้ที่เลือกอยู่ฝ่ายพระพุทธองค์ (เขียนโดยอ.อุบล..)

ฝ่ายพระพุทธเจ้า ก็ต้อง ศรัทธาพระพุทธเจ้า ด้วยความจริงใจ

มุ่งหมายไปอยู่กับท่าน(นิพพาน) คือให้ทาน รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิ

เจริญพรหมวิหารสี่ ละความรัก โลภ โกรธ หลง (ทำจริงๆ ไม่ใช่สร้างภาพ)

เป็นผู้รู้   ผู้ตื่น  ผู้เบิกบาน

เป็นผู้รู้  คือรู้พระธรรมคำสอน(รู้จริง) ไม่บิดเบือน

ผู้ตื่น คือ รู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องปฎิบัติด้วย ถ้ารู้แต่ไม่ปฎิบัติ

ก็ยังไปนรกอยู่ (ก็ยังไกลนิพพาน......เอาแค่สวรรค์ ก็ไม่มีสิทธิ์)

ผู้เบิกบาน คือ ต้องเป็นคนที่มีอารมณ์ใจร่าเริง ยิ้มแย้ม แจ่มใส

เป็นมิตร หัวเราะง่าย  ยิ้มง่าย  เข้าได้กับคนทุกคน ทุกชนชั้น ฯลฯ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-06 06:49:05


ความคิดเห็นที่ 5 (1534650)

จงระลึกถึงความตายตลอดเวลา (เขียนโดย อ.อุบล)

พระพุทธองค์

ท่านให้นึกถึงความตาย

ไว้ทุกลมหายใจ

 

ฉะนั้น วันจะ 7 เวลา

พระองค์ยังบอกน้อยไปเลยค่ะ

 

ที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้

เพราะเราคิดว่าเราจะไม่ตาย(ไง)

 

ถ้าเราคิดว่า

เราอาจตายวันนี้ เดี๋ยวนี้ เราจะทำแต่ความดี

ไม่ผลัดเวลาว่าเดี๋ยวค่อยทำบุญ

เดี๋ยวค่อยทำดี ก็ได้

ถ้าบังเอิญตายก่อนล่ะ

จะเอาบุญที่ไหนกิน แล้วถ้าลูกหลานมันไม่เชื่อ

เรื่องบุญกุศล มันไม่ทำให้

หรือทำให้

แต่กำลังบุญมันอ่อน เราก็ไม่ได้รับอีก

หรือรับก็ไม่พอกินอีก

ดังนั้น

 

เราอยากได้มากแค่ไหน

เราต้องทำไว้เอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-06 07:01:00


ความคิดเห็นที่ 6 (1534654)

สาธุ

อนุโมทนากับธรรมทานของพี่ชนิดาด้วยนะคะ

และขอบพระคุณอีกครั้งที่รวบรวมบทความธรรมทานดี ๆ

เป็นประโยชน์ต่อหนูมาก ๆ คะ

จะพยายามควบคุมจิตให้ได้ แม้ยังห่างไกล แต่จะพยายามคะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2011-03-06 08:42:23


ความคิดเห็นที่ 7 (1534656)

 

 ขออนุโมทนากับคุณชนิดาด้วยนะคะ

สำหรับธรรมทาน  ที่จะช่วยให้เราอยู่ได้อย่างมีความสุขในชีวิต

                            ********

 สวัสดีจ้ะ คุณแหวน  พวกเราชาวเกาะ (หน้าจอ)

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล ฉวีวรรณ นภาพรรณราย วันที่ตอบ 2011-03-06 09:09:38


ความคิดเห็นที่ 8 (1534660)

น้องทรายก็ขอเป็นชาวเกาะ (หน้าจอ)ด้วยคนนะค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-03-06 09:37:46


ความคิดเห็นที่ 9 (1534671)

สวัสดีคะ คุณตาล น้องทราย

เราสี่คน (พี่ชนิดาด้วย) ชาวเกาะหมดเลยจ้ะ

 

น้องทราย

พี่ชายหายดีแล้วเหรอคะ

ต้อนรับกลับสู่เว็ปบ้านสวนจ้ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2011-03-06 10:35:35


ความคิดเห็นที่ 10 (1534676)

โห คุณชนิดา ยังกะนัดกันมาเลยนะครับ เมื่อวานนี้ผมเพิ่งคุยกับท่านอาจารย์เรื่องจิตมารในตัวเอง ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันครับ แต่ของผมจะรุนแรงกว่า ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยเกิดมาก่อนเลย ไม่ว่าเราจะเคารพครูบาอาจารย์ท่านใดก็ตามแต่

แต่หลังจากที่เราตั้งใจมั่นแน่ๆว่าชาตินี้ขอไปพระนิพพานแน่นอน ไม่เอาอย่างอื่นแล้ว สิ่งนี้ผุดขึ้นมาแบบว่าเรางงตาแตกไปเลย ทรมานใจผมมานานเป็นปีแล้วครับ แต่ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ เชื่อไหมครับ ทำไรอยู่ก็ตามแต่ ภาพความชั่วรูปแบบต่างๆในการปรามาสพระ ครูบาอาจารย์ผุดขึ้นมาเอง ซึ่งเราก็แปลกใจว่ามันมาจากไหน แต่เรามั่นใจแน่ๆว่าไม่ใช่ความคิดเรา แต่เราก็ทุกข์ใจมาก ขอขมาพระเรียกว่า บางวันไม่น่าต่ำกว่า 10 เที่ยว 

ก็ศึกษาหาความรู้จากสิ่งที่ครูบาอาจารย์ต่างๆก็พอทราบได้ว่า เมื่อมารรู้ว่าเราจะหนีเขาพ้นแน่ๆ เขาไม่ยอมปล่อยเราง่ายๆ บททดสอบหินก็เกิดขึ้นมา มารตัวนี้ไม่ใช่ไรที่ไหน ก็กิเลสต่างๆในใจที่รวมตัวกัน ช่วยกันยุดยื้อเราให้อยู่กับมัน พอพิจารณาดีๆก็รู้ว่า ที่มันยังอยู่กับเราได้เพราะว่าเรายังมีปัญญาไม่พอ สติเรายังไม่ดีพอ ไม่รู้เท่าทันเขา พอเขาเกิดขึ้นมา ยิ่งเราไปแต่งเติมสู้กับเขาในขณะที่ปัญญาและตัวสติเรายังไม่แกร่งพอ สุดท้ายก็แพ้ครับ เพราะว่ายิ่งคิดสู้ว่าไม่ใช่เราคิด เขาจะปรุงแต่งว่าเรากำลังปรามาสแบบนี้เราก็พยายามเปลี่ยนใหม่คิดใหม่ว่าไม่ใช่ ไม่ทำ สู้แบบนี้ ผมลองมานานแล้วครับ แพ้ครับ ผมเพิ่งดีขึ้นเรื่อยๆดีขึ้นมาก ตอนได้สติว่า เขาคิดไม่ใช่เราคิด เขาจะลงนรกก็ช่างเขา ไม่ใช่เราลง แต่ไงก็อาศัยจิตเรา เราก็ต้องขอขมาพระ

ตอนนี้ผมได้แต่สักว่ารู้ ภาพไร ความคิดไรเกิดขึ้น ก็สักแต่ว่าดู ไม่ปรุงแต่งเพิ่ม เพราะว่าสู้กับเขา ปรุงแต่งและไม่ยอมกับเขา เท่ากับเราไปเพิ่มกำลังให้กับเขา และจะยิ่งกลับมา ตอนนี้เกิดความแปลกมาก พอภาพเกิดขึ้น สติมันเกิดรู้เท่ากัน มองดูเฉยๆเพราะว่าไม่ใช่เรา ภาพนั้นก็เกิดขึ้น แล้วดับไปเอง โดยที่เรารู้แล้วว่า มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา รวมทั้งเห็นความคิดอื่นๆด้วย ทั้งดีและไม่ดีว่า เป็นสิ่งปรุงแต่งของจิต มองดูเฉยๆเห็นมันเกิดแล้วดับไปเอง โห อัศจรรย์ใจมาก แต่ไม่ใช่ผมเก่งแล้วนะครับ ผมแค่ทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน และแค่เริ่มเห็นผลเล็กๆ แต่ช่วยเรื่องบาปตรงจุดนี้ได้ดีมาก สักแต่ว่ารู้ ไม่ปรุงแต่ง ตอนนี้ว่างๆมองดูแต่ลมเข้าออก พุทโธ บ่อยขึ้นๆ โดยอัตโนมัติ แปลกมาก คิดถึงแต่ความตายบ่อยขึ้นๆ โดยตัวเราไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนี้

ผมบอกกับท่านอาจารย์ว่า ผมฟังเทปเทศน์ฟังธรรม ครูบาอาจารย์พระอริยะสงฆ์มามากมาย ซึ่งทุกๆองค์เรียกว่า เพชรแท้ และสอนถูกต้องหมดทุกอย่างตามคำสอนพระพุทธเจ้า แต่ทำไมเราเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้มาบ้านสวน ส่วนใหญ่ใช้แต่แรงกาย ทำบุญตามกำลัง นั่งฟังท่านอาจารย์สอน ทำสมาธิแบบง่ายๆ แต่ทำไมตัวเองกลับเปลี่ยนแปลงมากมายในทางบุญ มีปัญญามากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าพระนิพพานในชาตินี้เรามีหวังแน่นอน ด้วยทางที่ถูกต้อง ด้วยสติ และมีปัญญา ทำง่ายๆแต่ได้มาก

เพื่อนๆมีประสบการณ์และความเห็นบ้างไหมครับ ว่าทำไมตัวเองมาบ้านสวนพีระมิดแล้วทำไมเปลี่ยนไปมากในทางบุญ ทางธรรม แบบนี้ โทษทีนะครับ เขียนยาวไปหน่อย

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา วันที่ตอบ 2011-03-06 12:04:02


ความคิดเห็นที่ 11 (1534685)

เดี๋ยวนี้มาบ้านสวน ส่วนใหญ่ใช้แต่แรงกาย

ทำบุญตามกำลัง นั่งฟังท่านอาจารย์สอน

ทำสมาธิแบบง่ายๆ แต่ทำไมตัวเองกลับเปลี่ยนแปลงมากมายในทางบุญ

มีปัญญามากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าพระนิพพานในชาตินี้เรามีหวังแน่นอน

ด้วยทางที่ถูกต้อง ด้วยสติ และมีปัญญา ทำง่ายๆแต่ได้มาก

************************************************

ที่สุดของที่สุด ในชีวิตค่ะ

************************************

ขอบคุณ

กับธรรมทาน ของ

คุณชนิดา และ คุณธนา

สำหรับแมวเอง

ตอนนี้ เวลาขอพระพร..จากพระพุทธองค์

ก็คือเรื่องนี้แหละ ค่ะ

ขอบารมีพระองค์ช่วยปกป้อง

อย่าให้ จิตใฝ่ต่ำ เห็นผิดเป็นชอบ

มาครอบงำ จิตใจลูก

ขอให้ลูกมี จิตใจที่เข้มแข็ง ตั้งมั่น ในพระธรรมคำสอน

สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-03-06 12:59:25


ความคิดเห็นที่ 12 (1534705)

ขอบคุณสำหรับคำอนุโมทนาจากทุกๆท่าน รวมถึงข้อความวิเคราะห์ที่อธิบาย

"ความคิดและความรู้สึก"จากนามธรรม มาเป็นรูปธรรม ให้ได้เห็นการทำงาน

ของ"จิตมาร"กันแบบชัดเจนยิ่งๆขึ้นจากคุณธนา.. อนุโมทนาด้วยนะคะ

เป็นประโยชน์อย่างยิ่งและจะเขียนยาวกว่านี้ก็ยิ่งดีค่ะคุณธนา..

 

จริงอย่างที่คุณธนาว่า เรา"โง่"ที่เราไปสู้กับมัน เพราะมันดู"ฝืนๆ" เหมือนไปงัดข้อกับพญามาร

ที่สั่งสมกำลังมานานแสนนาน ไอ้แขนอันบอบบางของเราจะไปสู้กับแขนล่ำๆได้ยังไง ...

สู้ด้วยกำลังจึง"แพ้"ราบคราบ จริงๆ ........ยิ่งแพ้ ความคิดชั่วๆก็ยิ่งเหิมเกริมไปใหญ่

เพราะ"จิตมาร" เค้าก็มาทำหน้าที่"ความเป็นมาร"ของเค้าอย่างสมบูรณ์ที่สุด

ฉะนั้น ถ้าเรามีปัญญาพอ เราควรจะมี"สติ" แค่เพียงตาม"ดู"มันไปเท่านั้น

ไม่เหนื่อย ไม่ฝืน และไม่เพิ่มทุกข์ให้ใจตัวเอง ด้วย...(แต่ยาก..ชะมัดเลยเน้อ)

 

พอมานั่งนึกดูว่า ทำไม"จิตมาร"ถึงเข้าโจมตีเราเรื่องนี้ คำตอบก็คือ

เพราะเรื่องความคิดล่วงเกินและปรามาสอ.อุบลและบ้านสวนพีระมิด

เป็นสิ่งที่เรา"กลัว"มากที่สุด ฉะนั้น พอ"จิตมาร"รู้ว่า เรา"กลัว"ในเรื่องใดเป็นพิเศษ

แสดงว่า นั่นเป็น"จุดอ่อน"ของเรา เค้าจึงมาโจมตีได้ถูกจุด ซึ่งมันก็ำทำให้เราได้เห็นตัวเอง

อีกระดับหนึ่งว่า เรายังมี"สติ"ไม่มากพอ ไม่ตลอดเวลา ฉะนั้น ในเมื่อ"สติ"ยังขาดๆแหว่งๆ

"ปัญญา" ก็คงจะ"ผลุบๆ โผล่ๆ"เหมือนกัน...

 

ถ้าใครมีความคิดเห็นหรือคำแนะนำเพิ่มเติมก็เชิญได้นะคะ ชนิดาจะดีใจมาก

และยินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกท่าน เพราะชนิดาคิดว่า

แฟนพันธ์แท้ของบ้านสวนฯหรือเว็บบ้านสวนฯทุกๆคน

น่าจะมีความสามารถหลากหลาย รับได้"หลายบทบาท" ตามเหตุและปัจจัย

บางครั้งเราอาจจะเป็นผู้ให้ธรรมทาน และในบางขณะเราก็ต้องเป็น"ผู้รับ"ได้เช่นกัน..

เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะ"รับบทบาท"อะไรอยู่ ซักวันนึง เราก็ต้อง"ทิ้ง"ทั้งหมด

เพื่อก้าวไปสู่"ความว่าง" ให้ได้...

ขอให้พวกเราทุกๆคนเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ สาธุ...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-06 19:33:04


ความคิดเห็นที่ 13 (1534716)

ขออนุโมทนากับพี่ชนิดาและพี่ๆๆทุกๆท่านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

รวมทั้งบทความธรรมทานอย่างดีเยี่ยมทุกๆๆข้อความค่ะ

และลูกขอขอบคุณองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ท่านพระยายมราช เทพองค์สฟริงซ์ อ.อุบลที่เคารพค่ะ แล้วร่วมทั้งเทพ พรหม เทวดา แห่งบ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์ ด้วยน่ะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา คู่วิรัตน์ (นู๊ปุ๊ก) (x_periment_wow-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-06 21:11:56


ความคิดเห็นที่ 14 (1534719)

เห็นว่าอาจจะมีประโยชน์กับหลายๆท่านที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นแนวทางอีกทางหนึ่งนะครับ แต่อย่างบ้านสวนพีระมิดของพวกเรา กรณีคุณประจวบก็เป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน เพราะว่าเคยเห็นดีเห็นงามกับการกระทำของพระเทวทัต กรรมต่างๆเหล่านี้เลยติดตามมา พวกเราอาจเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นก็ได้นะครับ ง้าน ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม เราก็ต้องรีบจัดการกับกิเลสมารตัวนี้ด้วยธรรมะพระพุทธองค์ให้เร็วที่สุด เพราะว่ากรรมหนักเหลือเกิน

ด้านล่างเป็นธรรมะของพระอาจารย์เล็ก พระสุปฏิปันโนซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำอีกองค์หนึ่ง ซึ่งท่านอยู่ที่วัดท่าขนุน กาญจนบุรี

สนทนา กับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๔

ไม่มีเจตนาที่จะด่าพระ
ถาม : บางทีเวลานั่งรถ เราก็นึกถึงครูบาอาจารย์ แต่บางทีมันก็มีที่เรานึกถึงคำหยาบคายอะไรก็ไม่รู้ เราก็คิดว่าอย่าทำ ๆ ไม่รู้ว่าจะหาวิธีแก้ไขอย่างไรให้มันสงบ ?

ตอบ : ลักษณะอย่างนี้เป็นกำลังใจของคนที่กำลังก้าวเข้าไปหาความดี คราวนี้ "เขา" รู้ว่า ถ้าเราก้าวลึกไปกว่านั้นเราจะพ้นมือเขา เขาก็พยายามขัดขวางเราด้วยวิธีการต่าง ๆ อันนี้เรียกว่ากิเลสมาร คือ เขากระตุ้นให้เราคิดไม่ดี พูดไม่ดี แล้วทำไม่ดี ต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ถ้า มันมาอย่างนี้ เราก็ตั้งใจขอขมาพระรัตนตรัย แล้วก็ดึงอารมณ์เข้ามาสู่การภาวนาใหม่ ถ้าหากว่ารั้งแล้วมันไม่มาก็ตามดูมัน ว่ามันจะมีปัญญาไปถึงไหน เอ็งคิดได้แต่ข้าจะไม่พูด ข้าจะไม่ทำ อย่างน้อย ๆ ก็เอาชนะมันให้ได้ ๒ ใน ๓ หลังจากนั้นก็ตั้งใจกราบขอขมาพระบ่อย ๆ
เขา ตั้งใจจะกวนเราให้ขุ่นว่า ทั้ง ๆ ที่เราตั้งใจจะทำดีแท้ ๆ แต่ทำไมไปคิดแต่ในทางชั่ว ถ้าเราไปหงุดหงิดจะเข้าทางมันเลย แต่ถ้าเราทำไม่รู้ไม่ชี้ เอ็งจะเป็นก็เป็นไป ข้าก็จะขอขมาพระไปเรื่อย ๆ ภาวนาได้ก็ภาวนาไป ภาวนาไม่ได้ก็ดูว่ามันจะไปได้สักเท่าไร ถ้าเราทำอย่างนี้บ่อย ๆ เขาเห็นเราไม่หวั่นไหว เขาก็จะถอยไปเอง

ถาม : เป็นบ่อยมาก
ตอบ : เป็นทุกคน

ถาม : บางทีด่าคำหยาบคาย คำผวนบ้าง ด่าหลวงพ่อบ้าง บางทีก็แปลกใจว่าทำไมเราเป็นอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้ตัว
ตอบ : ขอให้รู้ไว้เลยว่าจริง ๆ ไม่ใช่เรา มัน เป็นการกระตุ้นของกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลต่าง ๆ ที่เราเคยทำมา มันรวมกันเพื่อที่จะรั้งให้เราอยู่แค่นี้ ต้องคิดว่า เอ็งมีปัญญาทำไป ข้าก็จะทำของข้า

ถาม : เราก็เลยกลัวว่าจะเป็นบาป
ตอบ : นั่นเป็นแค่มโนกรรม ถ้าหากว่าปากไม่ได้พูด กายไม่ได้ทำ นี่ก็ผิดน้อย

พระ ครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ถาม-ตอบ ช่วงเย็น ณ บ้านอนุสาวรีย์
วัน ศุกร์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา วันที่ตอบ 2011-03-06 21:29:08


ความคิดเห็นที่ 15 (1534727)

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ

พี่ชนิดา พี่แมว พี่ธนา และอ.แม่อุบล

คำแนะนำต่างๆ เป็นสิ่งที่เตือนสติสำหรับเกดมากค่ะ

และเกดก็เคยมีความคิดที่ไม่ดีบ้างแว๊ปเข้ามาในสมองทั้งที่

ก็ศรัทธา 1,000 เปอร์เซ็นต์  เวลาดูคนที่คิดไม่ดีเราก็แว๊ปบ้าง พอแว๊ป

เสร็จ ก็ขอขมาสาธุ  ก็พยายามอธิษฐานขอให้บารมีพระพุทธองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ช่วยปกป้องอย่าให้จิตใจใฝ่ต่ำ ขอให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง สิ่งที่ไม่ดีจงอย่าเข้ามาในหัว

สมอง ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ๊กตาฝน (tee-ged-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-06 22:24:17


ความคิดเห็นที่ 16 (1534745)

อนุโมทนาอีกครั้งค่ะคุณธนา จริงๆก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นเหมือนกันนะ เพราะถ้าจิตมันเผลอแว่บเมื่อไหร่

เราก็จะขอขมาไปเรื่อยๆทุกๆครั้งเหมือนกัน ประมาณว่าถ้าใครเอาสีดำมาป้ายที่ใจของเรา

พอเราเห็น ก็จะรีบล้างออกทันที มันจะได้ไม่เป็น"คราบสกปรก"ที่ติดฝังแน่นในใจ.. ต่อไป..

แล้วก็อนุโมทนากับน้องเกดด้วยนะคะ.. รู้สึกว่า..จะเป็นโรคจิตแว่บกันทุกคนเลยนะค๊า..

เอ๊..โรคนี้เป็นโรคติดต่อรึเปล่าน้อ...

 

ฉะนั้น คงต้องรบกวนให้อ.อุบล ช่วยคิดค้นและฉีดวัคซีนป้องกันโรคจิตแว่บ

ให้พวกเราทุกคนแล้วละมั้ง.. เนอะ..

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-07 02:52:32


ความคิดเห็นที่ 17 (1534762)

 

                             ดิฉันก็เคยเป็นโรคจิตแว่บ มันแว่บจริง ๆ ชั่วระยะเวลาเรียกว่าเป็นวินาที ค่ะ ความคิดชั่วสุด ๆ หยาบสุด ๆ เป็นแว๊ปนึง เคยสงสัยนะว่าทำไมถึงเป็น แต่ก็พยายามขัดเกลาอยุ่ทุกวี่ทุกวัน เฮ้อ ไอ้ความคิดที่คิดชั่วนี่มันเร็วยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ต้องผ่านการทดสอบ ต้องผ่านความเพียร ความทุกข์ยากมาก ๆนะจิตเอ๋ย

                       ขอบคุณสำหรับธรรมะทานทุกท่าน เราจะขัดเกลาจิตชั่วของเราให้จงได้ในชาตินี้

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐธิญาณ์ อนุรักษ์ วันที่ตอบ 2011-03-07 10:11:53


ความคิดเห็นที่ 18 (1534779)

ขออนุโมทนาบุญ สำหรับธรรมทานของคุณ ชนิดาและคุณธนาด้วยคะ

ดิฉันเองก็ไม่สามารถผ่านบาปทางความคิดนี้ เหมือนกัน

จะนำไปปฎิบัติ เพื่อให้มีจิตใจที่เข้มแข็งและเชื่อมั่นในพระพุทธองค์ตลอดไป

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา (fareastinn-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-07 11:41:45


ความคิดเห็นที่ 19 (1534837)

ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกัน

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่เป็นสะพานบุญช่วยชี้แนะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น จรัล โพธิ์อุน(ระยอง) วันที่ตอบ 2011-03-07 17:15:24


ความคิดเห็นที่ 20 (1534846)

โรคแว่บๆวาบๆ ในทางคิดชั่วๆก็เป็นเหมือนกันค่ะ เพราะเมื่อก่อนที่จะรู้จักบ้านสวนฯมันคือสันดานเดิม อยากคิดอะไรยังไงก็คิด อยากแช่งก่นด่าพ่อล่อแม่ใครก็ด่า(ในใจ)

ด่าว่าคนยังไม่พอ ยังต่อว่าเทวดาฟ้าดิน ว่าไปตามใจฉัน นั่นเพราะไม่เคยรู้ว่าผลกรรมอันนั้นจะส่งผลต่อตนเช่นไร

คิดชั่วทำตัวเลวแค่ไหน ก็ว่า คนอื่นก็เลวกันทั้งนั้นยังไม่เห็นเป็นไรเล้ย ตูทำบ้างจะก็คงไม่เป็นไร น้าน...

หากไม่เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนและท่านอ.แม่อุบล ก็ยังคงมันส์ปากไม่สำนึก ที่ยังแว่บเพราะยังกำจัดจิตชั่วไม่หมด เป็นเพื่อนรักกันมานาน จะยอมจากไปโดยง่ายก็กระไรอยู่

นานๆก็แว่บมาทักทายตามประสาคุ้นเคย หากมีวัคซีนป้องกันจิตแว่บคิดไม่ดี ขอฉีดด้วยคนค่ะขอเข็มใหญ่ๆบรรจุยาเยอะๆ อาการหนักอ่ะค่ะ

     ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกะทู้ คุณชนิดาด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพ็ญศิริ วันที่ตอบ 2011-03-07 18:14:43


ความคิดเห็นที่ 21 (1534849)

อ่านเรื่องราวของคุณธนา แล้วการพูดจา

คล้ายๆ พี่มหาเหมือนกันนะคะ อิๆ

ตัวตุ้ยเองยอมรับค่ะว่าบางขณะในแต่ละวัน

ทำไม๊ ทำไม มันดันไปคิดสงสัยนู่น สงสัยนี่อาจารย์ขึ้นมา

แล้วก็ต้องรีบเรียกสติ หยุดความคิดนั้น

ความคิดที่ไม่เป็นเรื่องเช่น

อ.จะเคยมีชีวิตแบบสามี ภรรยา บ้างไหมนะ ดูสิคะ

ยังแอบคิดสงสัยล่วงเกินท่าน

เฮ้อ ทำให้คิดและเป็นทุกข์มากเลยค่ะ

แต่ต้องใช้สติเตือนตัวเองตลอดให้จิตใจเบิกบาน

อย่าจิตตก และหดหู่ แปลกมากนะคะ

ทั้งๆ ที่เคารพ เทิดทูน อ.มาก

แต่ไอ้ความคิดอุบาศนี้มันแว๊บเข้ามาได้อย่างไร

บางครั้ง สวดมนต์ไหว้พระอยู่แท้ๆ

เหลือบไปเห็นรูป อ.อุบล กับอ. มงคล

เอาอีกแล้วคิดอีกแล้ว ทดสอบใจอย่างแรงเลยค่ะ

 งง ตัวเองมากๆ ค่ะ

ได้อ่านเรื่องของคุณธนาแล้วใน

คห.ที่ 14  อ๋อ I see เลยค่ะ

 

แล้วที่คุณธนาถามในตอนท้าย

ว่าทำไมทำบุญหรือฝึกฝนตัวเองที่ไหนมาก็ตาม

ทำไมยังทำได้ไม่ดีเหมือนมากับมาทำที่บ้านสวน

โดยส่วนตัวตุ้ยขอบอกว่า

ที่นี่มีปวงเทพเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบทุกมิติ

ครบทุกภพภูมิ ทำอะไรถ้าทำดี ได้ดีไว้

ทำชั่ว ได้ชั่วไว แรง ในเมื่อเราตั้งใจเป็นคนดีแล้ว

ย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกื้อหนุนให้ได้ไปไวค่ะ

และสำคัญตรงที่ว่า ที่นี่ต้อนรับเฉพาะคนชั่ว คนเลว เท่านั้น

มันโดนใจที่สุดเลยค่ะ คุณสมบัติครบทุกข้อค่ะ

ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ

ขอขอบคุณ คุณชนิดา และคุณธนา

และทุกๆ ท่านที่ได้แสดงความคิดเห็นให้เกิดปัญญาค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ วันที่ตอบ 2011-03-07 18:35:41


ความคิดเห็นที่ 22 (1534889)

มโนกรรม

เคยเป็นค่ะ ตอนที่เริ่มดูรายการใหม่ ๆ เมื่อประมาณ ปลายปี 2552

เดี๋ยวมั่นใจ   เดี๋ยวไม่มั่นใจ

ขนาดมาเข้าค่าย ครั้งที่ 1   เม.ย. 2553  ยังพกความลังเล สงสัยมาด้วยเลย

 ตอนหลังนี่ต้องตั้งสติ ค่ะ เลยดีขึ้น

เดี๋ยวนี้ไม่เป็นอีกแล้วค่ะ เพราะใช้สูตรที่อาจารย์อุบลท่านเคยบอกไว้

ณีเขียนติดไว้บนหัวนอนค่ะ

ขอฉัพพรรณรังสีบารมีของพระพุทธองค์ ช่วยบังคับกระแสจิตของลูก

ให้คิดดี พูดดี ทำดี

ให้กาย วาจา  ใจ ของลูกบริสุทธิ์

ตราบจนกระทั่งเข้าสู่พระนิพพานเทอญ


 


จริง ๆค่ะ คุณธนา เมื่อก่อนก็อ่านหนังสือธรรมะ ก็เปลี่ยนตัวเองได้บ้างน่ะค่ะ แต่ยังเปลี่ยนได้ไม่มากเท่าที่ควร

พอมาบ้านสวนฯ   เราได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง   เห็นคนจริง ๆที่เขามาสารภาพกรรม   ก็เลยคิดอะไร ๆ ได้มากขึ้น

และเมื่อมาบ้านสวนฯ

ได้มาเรียนรู้วิธีการทำบุญที่บริสุทธิ์  และได้ทำบุญที่บริสุทธิ์ จึงได้บุญเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง ๆ

ได้ฟังธรรมะจากอาจารย์ที่เข้าใจง่าย ปฎิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน

ได้ไปเข้าค่าย ฟังในรายการ อ่านคำสอนจากในเวปไซด์ที่ละเอียดอ่อน   ลึกซึ้ง

อาจเข้าใจบ้างในครั้งแรก หรือ ต้องคิดเยอะ ๆถึงจะเข้าใจ

แต่ก็ได้ธรรมะที่ละเอียดอ่อน

ลึกซึ้ง เข้าใจได้

อาจจะถูกกับจริตของเราก็เป็นได้น่ะค่ะ เราจึงสามารถเรียนรู้ และเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว 

บวกกับที่เราตั้งใจนำมาปฎิบัติด้วย จึงเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวเอง

สำหรับตัวเอง  ก็พยายามตั้งใจเรียนรู้ค่ะ  ฟัง อ่าน คิด  จำ นำไปปฎิบัติ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณี วันที่ตอบ 2011-03-07 23:20:50


ความคิดเห็นที่ 23 (1536341)

 

ศิริก็เป็นด้วยค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับพี่ชนิดา คุณธนา และทุกๆท่านค่ะ สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิริ สุดใจ วันที่ตอบ 2011-03-17 10:22:06


ความคิดเห็นที่ 24 (1536374)

โมทนาในธรรมทานของทุกๆ ท่านครับ

เป็นเหมือนกันครับจิตมารเนี่ย

ก็พยายามที่จะตัดมันไปเรื่อยๆ ละครับ

อย่างที่พระอาจารย์เล็กสอน

อย่าให้กิเลสมันล้นออกมาทาง

กาย และ วาจา

เบรคมันไว้แค่ความคิด

แล้วสู้กับมันไปเรื่อยๆ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เสฏฐพัฒน์ วันที่ตอบ 2011-03-17 12:31:27


ความคิดเห็นที่ 25 (1537288)

 

 

                               โมทนากับทุก ๆท่านนะคะ และเจ้าของกระทู้ คุณชนิดาสุดสวย

                  มีความรู้สึกเหมือนกันว่ายิ่งเราทำเพื่อละกิเลสและสนใจในธรรมะมากเท่าไหร่

         โรคนี้ก็ยิ่งเป็นเงาตามตัว  บางครั้ง มีความรู้สึกว่าทำไมจิตเราจึงมีความคิดชั่ว ๆ แบบนี้ ก็พยายามที่จะดึง

          กลับมา คงต้องพยายามกันต่อไปจนกว่าจะรู้ทันจิตของเราเองแบบที่คุณธนาทำได้นะคะ

                                  ทุกวันนี้ก็จะขอบารมีของพระพุทธองค์เหมือนกันเพื่อป้องกันจิตมาร และนำธรรมมะของ

           อาจารย์ไปปฏิบัติ  และขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ดี ๆ ของทูก ๆท่านด้วยนะคะ  สาธุ..สาธุ

         

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น วันที่ตอบ 2011-03-23 23:22:40


ความคิดเห็นที่ 26 (1537467)

สวัสดีค่ะ ทุกๆคน หญิงเองค่ะ ตอนนี้หญิงก็ได้พบประสบกรรมทางความคิดอย่างที่เล่าไปในกระทู้ก่อน ตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น มันยิ่งบุกใหญ่ นอนไม่ค่อยหลับแล้ว เครียด คิด ใคร่ครวญ นอย... น้อยใจในโชคชะตา เรานะ ตั้งใจจะทำดี นำคำสั่งสอนของท่านอ. มาใช้แทบทุกอย่าง พูดถึงคำสอนของท่านบ่อย มีใจปราศจากอคติ เคารพ รัก ศรัทธา เชื่อมันในพระพุทธองค์ พร้อมมอบกายถวายชีวิต โดยอฐิษฐานจิตว่า ถ้าชีวิตที่เต็มไปด้วยความชั่วช้า(ทางความคิด)เช่นนี้ ล่วงเกิน ด้วยคำลามก หยาบคาย ต่อพระพุทธองค์ และท่านอ.อุบล ต้องการเอาชีวิตลูกไปเดี๋ยวนี้ ก็เอาไปได้เลย ลูกไม่หวง และไม่ต้องการอยู่ต่ อไปสร้างบาปล่วงเกินอีก แต่หากว่าชีวิตลูกที่เหลืออยู่นี้จะพอทำดีมากกว่าความชั่ว และสามารถปรับตนเองได้ ก็ขอโอกาสให้ได้พบทางออกด้วยเถิด เจ้าค่ะ 

คำแต่ละคำที่ผุดขึ้นมาในสมองมันหยาบโลนสุดๆ เหมือนพวกโรคจิต ต่อมาก็เหมือนไฟลามทุ่ง พ่อ แม่พี่น้องลูกสามี คิดหมดแทบไม่มียกเว้น ไม่ทันมันจริงๆ พอคิดก็เสียใจ นึกถึงแต่คำที่คิดว่าคิดไปได้ เป็นมากจริง ๆ มันคือเรา ก็ใครกันแน่ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ใฝ่แต่ความดี แต่ไหงเป็นงี้ แถมที่เจ็บทีสุดเราดันรู้ตัวอีกว่าคิดอยู่ ทรมานค่ะ รักดีคะ รักเคารพพระพุทธองค์ อ.อุบล แต่กลับเหมือนเราเลวขึ้นมากๆ(ได้ไง)

จนมาวันนี้เข้ามาได้อ่านเรื่องราวของเพื่อนๆพี่ๆ โดยเฉพาะพี่ธนา โดนใจหญิงมากค่ะ มันใช่เลยค่ะ เพราะที่หญิงทุกข์อยู่เพราะคิดอยู่เสมอว่า หญิงมันแตกต่างจาก คนในบ้านสวน คือมันคิดได้ชั่วกว่ากว่า ผู้อื่นแน่ๆนอนๆค่ะ   ออกแนวโรคจิต บ้า ลามก มากๆ (ซึ่งมันไม่ใช่หญิงอย่างแน่นอน) แต่ทำไมมันกำลังแรง แรงขึ้น แทบถอดใจยอมแล้ว เหนื่อยจังค่ะ แต่เมื่อรู้ว่ามีคนที่เป็นคล้ายๆเราถึงไม่มากเท่า ก็ยังดี มีเพื่อน และได้แง่คิดขึ้นด้วยค่ะ หญิงจะลองทำตามทำแนะนำของเพื่อนๆพี่ทุกคนที่บ้านสวนค่ะ

ขอบพระคุณพระพุทธองค์ อ.อุบล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนทุกๆพระองค์ หญิงซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาอันล้นพ้นที่ให้คนชั่วคนนี้ได้รับบทบาทสำคัญ สำคัญเสมอค่ะ ซึ่งทุกๆธรรมทานของหญิง ขอถวายเป็นปฏิบัติบูชาต่อพระพุทธองค์และอ.อุบลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตลอดไปเจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง (magic_women2007-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-25 12:50:54


ความคิดเห็นที่ 27 (1537511)

สาธุ สาธุ

น้องก็มีอาการเดียวกันเลยค่ะ..ได้แต่คิดสวนกลับไปอีกรอบว่า จิตนั้นไม่ใช่เรา (ไม่ได้แก้ตัวนะ)

เป็นแค่มารที่มีหน้าที่ขัดเกลาจิตเดิมแท้ให้บริสุทธิ์

แต่ก็ต้องคอยกราบขออภัยสิ่งศักสิทธิ์ ครูบาอาจารย์ พระพุทธองค์ เหมือนกันค่ะ

เพราะมารมีกำลังแรง มาเรื่อย ๆ มาบ่อย ๆ ถ้าเป็นนักมวยก็หวังจะล้มเราแบบไม่น๊อค เอาแค่เมา

แต่ขอโทษ..เราก็ "ดู" อย่างเดียว แถมบอกกลับไปด้วย

"เอ่อ..เอ็งนะ(จิตใฝ่ต่ำ)ที่ตกนรก  ฉาน(จิตที่ปราถนาความหลุดพ้น)ม่ายปายด้วยเด้อ"...อ่านะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พิชญ์นันท์ สุขวัจนี วันที่ตอบ 2011-03-25 21:07:53


ความคิดเห็นที่ 28 (1537605)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณชนิดาด้วยค่ะ ดิฉันก็เป็นคล้ายๆ คุณชนิดาค่ะ ทั้งๆ ที่เคารพอาจารย์ แต่บางรั้งจิตมันก็ปรุงแต่งให้ใจเราคิดชั่วๆ ไปซะงั้น ทั้งที่ไม่เคยคิตแบบนี้ อยู่จิตมันก็แว๊บขึ้นมาซะงั้น ก็ยังโทษว่าเพราะกรรมเราเยอะซะงั้น ถ้ามาคิดอีกทีก็เหมือนว่าเรากำลังฝึกอยู่ว่าจิตกะมารในใจเราอะไรจะชนะ แต่สำหรับตัวเองรู้สึกว่าจิตจะแพ้ทางมารในตัวซะมากกว่า แย่จิง จิง ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติมณฑน์ วันที่ตอบ 2011-03-27 00:30:22


ความคิดเห็นที่ 29 (1537611)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์ความร้ายกาจของเจ้าจิตมาร

นอกคอก ด้วยนะคะ... แต่ข้อดีก็คือถ้าเรารู้ตัวปุ๊บ ความคิดเหล่านี้เค้าจะอยู่กับเราไม่นานค่ะ

ฉะนั้นเราก็ต้องทำอะไรก็ได้ ที่ไม่ทำให้ใจเราจดจ่อกับความคิดเหล่านั้นมากเกินไป

เช่น สวดคาถาปะโตเมตังฯตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้ แล้วก็ทำใจสบายๆ เปลี่ยนบรรยากาศ

อย่าปล่อยตัวเองจมอยู่กับปัญหาหรือความคิดเหล่านั้นตลอดเวลา แต่ช่วงชนิดามีอาการนั้น

ประมาณสองสามวันนั้น ถูกบุกหนักมาก แถมมีอาการคันมาให้พิจารณาอีก บอกตามตรงว่า

เป็นอาการคันที่ส่งผลรอบทิศทางยังกะระบบเสียง sensurround จริงๆ กำหนดแทบไม่ทัน

คันตัว คันขา หน้า หลัง จนปวดหัวตุ๊บๆเลย สุดท้ายก็เลยใช้ไม้เด็ด เรียกหาอ.อุบลช่วยด้วย..

เรียกบ่อยมากๆ ถ้าอาจารย์ได้ยิน คงจะรำคาญได้ง่ายๆแหล่ะ ฮิฮิ

จนบัดนี้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ความคิดและอาการคันเหล่านั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่ถ้ามีแว๊บๆมาบ้างเราก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ

กับมันเท่าไหร่แล้ว มันก็เลยไม่ได้มีอิทธิพลกับจิตใจเรามากมายอีกต่อไป

 

หรือถ้าใครมีอุปกรณ์เสริมที่เป็นวัตถุมงคลต่างๆจากบ้านสวนฯ ก็นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะ..

รับรองช่วยได้แน่นอน โดยเฉพาะการฝึกสมาธิ.. ได้ผลดีขึ้นแน่นอน..ค๊า...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-27 02:16:30


ความคิดเห็นที่ 30 (1537625)

อ้อ..อาการคัน น้องก็เป็น คันตัว คันขา หลังเท้า หน้า หลัง จมูก

แรก ๆ เกา แต่หลัง ๆ ปล่อยไป อยากคันก็ปล่อยไป ไม่เกา เอาแค่รู้ว่าคันพอ

อ้อ..อาการคันเป็นผลมาจากความคิดหรอกเหรอ..อ่า..

ไม่เคยสังเกตเลยว่า อาการคันมาเกิดกับเราตอนไหน???

คุณชนิดาช่างสังเกตุมาก ขอบคุณค่ะ

สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พิชญ์นันท์ สุขวัจนี วันที่ตอบ 2011-03-27 09:51:53


ความคิดเห็นที่ 31 (1539251)

      ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของคุณชนิดา คุณธนา เกี่ยวกับ "จิตมาร" ด้วยค่ะ เพราะตอนแรกคิดว่าทำไมตัวเอง บางครั้งก็มีความคิดแบบจิตมารเข้ามาเฉยๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยว่าจะคิด แต่เมื่อคิดแว๊บเข้ามาก็ใช้วิธีรีบภาวนา พุทโธ ทันที เพื่อจะได้ไม่ปรุงแต่งให้มากไปกว่านี้  พอมาได้อ่านประเด็นของคุณชนิดา คุณธนา และท่านอื่น ๆ ก็ทำให้หายสงสัยที่เรียกว่า จิตมาร  แล้วค่ะ ขอขอบคุณสำหรับธรรมทานในครั้งนี้นะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กนกกร วันที่ตอบ 2011-04-06 22:03:17


ความคิดเห็นที่ 32 (1539254)

  หาก "จิตมาร" ของลูก ได้เคยคิดปรามาส ล่วงเกินทางมโนกรรมต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ ท่านดตาจินิน องค์สฟริงส์ เทพ พรหมเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ และอ.อุบล โดยไม่มีเจตนา ลูกขอกราบขอขมากรรมกับทุกท่าน ณ ที่นี้  ขอให้ยกโทษให้จิตมารของลูกด้วย ซึ่งลูกจะใช้ความพยายามในการบังคับจิตไม่ให้มันเข้ามาในมโนกรรมให้ได้ โดยจะยึดคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ตลอดไปค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น กนกกร วันที่ตอบ 2011-04-06 22:18:36


ความคิดเห็นที่ 33 (1539364)

อนุโมทนาบุญกับน้องชนิดา คุณธนา และทุกท่านที่ให้ธรรมทานนะคะ

จิตมารนี่คงจะมีมาทดสอบกันทุกคนนะคะ 

การฝึกแยกสติที่น้องชนิดานำมาเผยแผ่

เหมือนกับการนำการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเลยค่ะ  สาธุ   สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สวรส วันที่ตอบ 2011-04-07 15:41:47


ความคิดเห็นที่ 34 (1539371)

อนุโมทนากับคุณน้อง พิชญ์นันท์ คุณกนกกร และคุณพี่เสาวรส ด้วยนะคะ

ที่หมั่นสำรวจจิตของตัวเอง แล้วก็ได้พบ"เจ้าจิตมาร" ตัวร้ายที่แอบมาเยือนใจพวกเราในบางครา

ซึ่งอาจจะมีมากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่วิบากกรรมของแต่ละคน

แต่อย่างน้อยพวกเราก็โชคดีที่ได้รู้จัก"จิตมาร"เหล่านั้นนะคะ

ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2011-04-07 16:51:48


ความคิดเห็นที่ 35 (1568232)

ช่วงนี้ใครเจอ"จิตมาร" มาเล่นงานบ้าง..

ขอมือขวา..หน่อย..

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-08 07:08:47


ความคิดเห็นที่ 36 (1568381)

 อนุโมทนากับพี่ชนิดาด้วยค่ะ

ช่วงนี้หญิงเจอไปเต็มๆค่ะ

คิดโน่น คิดนี่ ที่จะทำให้จิตตกอยู่เรื่อย

บางทีว่าดึงกลับมาได้แล้ว  ก็ชล่าใจ

อยู่ได้ไม่นาน อ้าวววว....แว๊บไปอีกแล้ว

เห้อ...แย่จริงๆเลยเรา

พีชนิดามีเคล็ดลับ อะไรยังไงแนะนำน้องบ้างนะค๊าาาา

จิตตกบ่อย ก็ทุกข์บ่อย เห้อ มนษย์

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-09 03:22:38


ความคิดเห็นที่ 37 (1568668)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณชนิดา และคุณธนา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 15:23:33


ความคิดเห็นที่ 38 (1569017)

ขออนุโมทนากับคุณ ชนิดาและ พี่ธนา ด้วยครับ ผมเองก็เป็นนะครับ อาการคัน เนี่ย คันหัว คันหลัง เนี่ย แต่ พอตั้งใจว่าจะไปบ้านสวนฯ ก็ หายไปพักนึง อยู่ที่บ้านสวนฯ ก็ไม่มีอาการมากเท่าอยู่ที่บ้าน พอกลับมาบ้านก็เป็นอีก แต่ก็ดีเหมือนกัน ที่ทำให้เราเบือหน่าย ในร่างกายมากขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 10:58:08


ความคิดเห็นที่ 39 (1569021)

 

ช่วงนี้ใครเจอ"จิตมาร" มาเล่นงานบ้าง..

ขอมือขวา..หน่อย..

555555555555555555555555555555555555555

ยกมือขวาด้วยคนคะ

มาในฝันทุ๊กคืนเลย

เจ้ากิเลสตามเล่นงานตลอด...

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 11:04:23


ความคิดเห็นที่ 40 (1569044)

หนูขออนุโมทนากับพี่ชนิดาและพี่ธนานะคะที่ได้ให้ธรรมทาน

หนูก็เป็นอีกคนที่จิตแว๊บคิดไม่ดีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอาจารย์อุบล

แต่ในใจของหนูไม่ได้อยากที่จะคิดแบบนั้นเลยค่ะ แล้วพอหนูคิดหนูก็จะรู้สึกผิดและกลัวบาปมาก

ทำให้จิตคิดฟุ้งซ่านต่อไปอีกเรื่อยๆ ทำให้ยิ่งทุกข์ไปเรื่อยๆ

หนูขอขอบคุณพี่ชนิดาและพี่ธนานะคะที่ได้ให้ธรรมทาน

หนูขอกราบขอขมาสมเด็จพ่อองค์ปฐม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ 

ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านพระยายมราช มหาเทพสฟิงค์ 

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ค่ะ

หนูขอทำความดีและเป็นคนดีค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รินพร ร่มเย็น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 12:04:42


ความคิดเห็นที่ 41 (1569287)

พีชนิดามีเคล็ดลับ อะไรยังไงแนะนำน้องบ้างนะค๊าาาา

จิตตกบ่อย ก็ทุกข์บ่อย เห้อ มนษย์

....................................................

นอกจากที่เขียนไปแล้ว ใ

นช่วงนี้ก็มีเคล็ด(ที่ไม่)ลับ ใหม่ก็คือ

หายใจเข้า..ภาวนาช้าๆ ว่า อา...จารย์.....อุ...บล

หายใจออก ภาวนา           ช่วย....ด้วย....

ลองดูนะจ๊ะน้องหญิง

รับรอง หยุดฟุ้ง โดยฉับพลันทันที..


.................................................

ส่วนหนูแหวนเจอจิตมารมาเล่นงานในฝัน

อันนี้จะแ้ก้ไขยังไงล่ะเนี่ย เพราะเวลาเรานอนหลับสนิท

แล้วก็ฝัน จิตเราเคลื่อนไปอยู่ในมิติที่ 4

งั้นก็ต้อง ใช้สูตร ทรงฌาณ ให้ได้ก่อน หลับ

มารจะได้เข้ามาแทรกไม่ได้..(รึเปล่า)

เดาอีกแล้วนะเนี่ย

..................................................

อ่ะ น้องเิอิ้น เท่ห์สุดๆ พิจารณาอาการ คัน

ซะจน ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายกับกายนี้

ฉะนั้น ถ้าคันบ่อยๆ ซักวันนึง

ก็คงจะตัดจิตออกจากขันธ์ห้าได้สำเร็จ

สาธุ สาธุ จ๊า

..............................................

ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะคุณน้อง รินพร

ที่กระทู้นี้เป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้อ่านและผู้เขียน

 

อนุึโมทนากับทุกๆท่านด้วยนะค๊า สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 06:30:02


ความคิดเห็นที่ 42 (1569368)

   -  ขออนุโมทนาบุญ สำหรับธรรมทานของทุกท่านค่ะ   สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน (pouging1-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 13:33:07


ความคิดเห็นที่ 43 (1569585)

 โอ้ว้าว ขออนุโมทนาบุญกับคุณชนิดาเจ้าของกระทู้

พี่ธนาและทุกท่านที่เข้ามาให้ธรรมทานด้วยนะคะ

ตอนนี้กำลังโดนอยู่เลยค่ะพี่ชนิดา

จิตมารมาเต็มกำลังเลย ทั้งจิตคิดเลว ฝันเลว

แบบว่าตั้งรับเกือบไม่ทัน

แถมยังมาอาการคันอีก ทั่วตัวเลย แปลกจังอาการคันนี้มันเกี่ยวกันยังไงหนอ

ก่อนหน้านี้ทุกข์มาก ไม่รู้จะทำัยังเกือบจะเลิกปฏิบัติไปซะงั้น

แ่ต่ดีที่หลวงพ่อฤาษีท่านให้กำลังใจ เลยผ่านมาได้ในรอบแรก

ตอนนี้มาอีกแล้ว และเริ่มบุกหนักเลย ทั้งมโนกรรม และฝัน

โอ้.... ขอบอกว่าสุดๆเลยค่ะ

คิดปล่อยวางมองดูเค้าไป ทำเฉยไปกับมันไม่ทุกข์ไม่ร้อน

แต่ก็ขาดปัญญา มาคิดมากไปอีก คิิดว่าถ้าเราไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับมัน

อาจทำให้เราเห็นดี เห็นงาม ไปกับเจ้าจิตชั่วนี้ซะงั้น

เอ้ากลับมาทุกข์ใหม่อีก ได้มา่อ่านของพี่ธนา ทุกอย่างกระจ่างหมดเลยค่ะ

เตรียมพร้อมเต็มที่ ไม่กลัวแล้วจิตมารเอ๋ย

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 20:25:17


ความคิดเห็นที่ 44 (1569823)

 ลองดูนะจ๊ะน้องหญิง

รับรอง หยุดฟุ้ง โดยฉับพลันทันที..

*****

ขอบคุณค่าพี่ชนิดา

น่ารักจังเลยค่ะ

หายใจเข้า 4 พยางค์

หายใจออก 2 พยางค์ 

ฮ่าๆๆๆๆ แล้วจะนำไปใช้ค่าา

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-14 04:01:08


ความคิดเห็นที่ 45 (1569839)

ยกสองมือเลยค่ะ พี่ชนิดา

ตอนนี้ ถึงกับนั่งดูจิตตัวเอง เป็นอาทิตย์ๆ

เพ่งคิด ไตร่ตรอง

ต่อสู้กับความเลวร้ายในตัวเอง

เริ่มไม่มั่นคงค่ะ แต่ที่สุดแล้ว

วันนี้ได้กำลังใจ จาก พี่ๆน้องๆ ในบ้านสวนฯ

ที่สำคัญที่สุด คือ อ.อุบล ท่านไม่เคยทิ้งให้เราต้องเผชิญปัญหาตามลำพัง

คอยเตือน คอยสอน ผ่านธรรมะ เสมอ

ขอบคุณค่ะ

ขออนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น แอ๊ด อร่ามศรี สุวัตถิกุล (adda_bkk-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-14 09:01:50


ความคิดเห็นที่ 46 (1570587)

ขอยกมือด้วยคนค่ะ ช่วงนี้จิตตกบ้าง แต่ที่แน่ๆ ผิดศีลนี่ละค่ะ

พักนี้เด๋วตบยุงมั่ง ฆ่ามดมั่งแบบ ตั้งใจบ้าง ไม่ตั้งใจบ้าง บาปจริงๆ ค่ะ

แต่ระลึกนึกถึงครูบา อาจารย์ และอาจารย์แม่แล้วก็ระวังจิตระวังได้มากขึ้นค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติมณฑน์ ใจดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-14 23:20:56


ความคิดเห็นที่ 47 (1570660)

อ่า สู้ๆนะจ๊ะ สาวๆ เพราะถ้าเราไม่ลองสู้

เราก็จะไม่มีวันรู้หรอกว่า ไอ้เจ้าจิตมารที่มากระทบใจระดับนี้

เราจะอยู่ในระดับสูสี แพ้ราบคราบ หรือว่า ชนะขาดลอย

 

แหะ แหะ แต่ละคนโดนมิใช่น้อยเลยนะคะเนี่ย

หนูไอซ์ หนูแอ๊ด และคุณ ชุติมณฑณ์ จ๋า... 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-15 06:30:07


ความคิดเห็นที่ 48 (1638507)

ขออนุโมทนาในธรรมทานของคุณชนิดาด้วยนะคะ

ตอนนี้ไม่แปลกใจแล้วว่า

ทำไมตัวเองมีจิตมารเข้ามาแทรกในความคิด

ตอนที่เกิดอาการกับตัวเองครั้งแรกก็ตกใจมาก

นึกว่าคงจะมีเราคนเดียวที่มีอาการอย่างนี้

ขอร่วมส่งแรงใจอัญเชิญท่านมาร

ให้ไปอยู่ ณ ที่ ที่ท่านชอบ

อย่ามากวนพวกเราเลยนะ

สาธุ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปัญจกานต์ วรรณทอง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-04 10:34:09


ความคิดเห็นที่ 49 (1638598)

ขออนุโมทนาในธรรมทานของคุณชนิดาด้วยนะคะ

ตอนนี้ไม่แปลกใจแล้วว่า

ทำไมตัวเองมีจิตมารเข้ามาแทรกในความคิด

ตอนที่เกิดอาการกับตัวเองครั้งแรกก็ตกใจมาก

นึกว่าคงจะมีเราคนเดียวที่มีอาการอย่างนี้

ขอร่วมส่งแรงใจอัญเชิญท่านมาร

ให้ไปอยู่ ณ ที่ ที่ท่านชอบ

อย่ามากวนพวกเราเลยนะ

สาธุ

.........................................

ก็ท่านมาอยู่ในที่ ที่ท่านชอบ

อย่าง"จิตเรา"แล้วนี่ไง...คุณแพม

 

ถ้าคิดดีๆแล้ว พญามาร

ที่เราคิดๆและเจอๆกันอยู่นี้

 

จริงๆแล้ว"มาร"ที่ว่าน่ากลัวเหล่านี้

อาจจะมี"ระดับจิต" และ บารมี สูงกว่า

พวกเรามากมายแล้วก็ได้นะคะ

 

เพราะ"มาร"มีหลายระดับ

แล้วก็คงฝึกจนทะลุและช่ำชอง

จนรู้ชัดทั้ง ความดี และ ความชั่ว

ในจิตของมนุษย์ในแต่ละระดับแล้วล่ะ

 

ไม่งั้น เค้าคงจะสรรหาวิธีมา หลอกล่อ

ให้คนหลงทางไม่ได้หรอก  

 

ฉะนั้น หน้าที่ของเราต้องฝึก

ต้องตามรู้"จิต"ของตนให้แน่ชัด

ว่าอันไหน คือ ความคิดมาร

หรือ ความคิดเรา

 

แล้วต้องเฝ้าสำรวจ"ความคิด"

คำพูด และ การกระทำ

ของตัวเองเสมอๆ

 

เผลอเมื่อไหร่ โดนสอยล่วงได้ง่ายๆ แน่ๆ

 

แล้วเรื่องแบบนี้ก็ต้อง เจอเอง

และ เรียนรู้ ด้วยตัวเองซะด้วยสิ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-05 07:28:36


ความคิดเห็นที่ 50 (1675646)

 

จิตมารภาค 2

เห็นด้วย

กับคุณชนิดาเป็นอย่างมากเลยค่ะ

ว่าท่านมารชอบมาอยู่ในใจเรา

 

เพราะหลังจาก

ที่คิดว่าสามารถเอาอยู่ (ความคิดชั่ว)

และเผลอประมาทไปแค่นิดเดียว

 

ปรากฏว่า

จิตคิดปรามาส

ท่านอาจารย์อุบลกลับมาอีกแล้ว

แถมมีอาการคันน้องหนูเพิ่มมาอีกต่างหาก

 

ฮ่วย

ถ่าเป็นแบบนี้ข่อยกะตายยังเขียดเด้นิ

ต้องหอบเอาแต่บาปมาให้ตัวเองเรื่อยๆแบบนี้

ไม่โสภาแน่นอน

 

พยายาม

หาทางแก้ไขยังไงก็ยังไม่หลุดสักที

แค่ดีขึ้นเล็กน้อยชั่วคราวเท่านั้น

 

วันนี้พอมีเวลา

จึงพยายามเข้ามาค้นหาทางแก้ไข

จากเว็บบ้านสวนฯแห่งนี้

 

และก็ไม่ผิดหวัง

ที่มาอ่านที่กระทู้นี้อีกครั้ง

ทำให้รู้จักจิตมารเพิ่มขึ้นพร้อมทั้งรู้วิธีแก้ด้วย

จะพยายามใช้สติพิจารณาให้บ่อยขึ้นกว่าเดิม

 

บัดนี้

ข้าพเจ้า

นางสาวปัญจกานต์ วรรณทอง

 

ขอกราบขอขมา

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระศรีอาริยเมตไตร

หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านพญายมราช

ท่านอาจารย์อุบล

และเทพ พรหม เทวดา

ที่รักษาบ้านสวนพีระมิดทุก ๆ พระองค์

ที่หนูมีความคิดล่วงเกินและปรามาสท่านอาจารย์อุบล

แม้เพียงแว้บเดียวก็ตาม

ขอได้โปรดอโหสิกรรมให้หนูด้วยเถิด

 

อาจารย์อุบลช่วยด้วย

ขอให้หนู

ได้มีสติตามทันความคิด

ของท่านมารที่อยู่ในจิตนี้ด้วยเทอญ

สาธุ  สาธุ  สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปัญจกานต์ วรรณทอง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2014-02-12 11:55:10



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.