ReadyPlanet.com


รวบรวมประสบการณ์การฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้านสวนพีระมิด


 ใครมีประสบการณ์อะไรในการฝึกมโนมยิทธิ ที่บ้านสวนพีระมิด เชิญบอกเล่าเป็นธรรมทานให้แกญาติธรรมทุกท่านได้ในกระทู้นี้เลยครับ

ไม่ว่าจะเป็นการสื่อโดยเบื้องบน การท่องไปในจักรวาล หรือการฝึกกสิณต่างๆ

เชิญเลยครับ...



ผู้ตั้งกระทู้ คุณสิทธิ์(สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) (surasit2010-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-01 22:17:37


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 901 (1598719)

อย่าใช้รหัสศักดิ์สิทธิ์

อาจารย์อุบลช่วยด้วย

พร่ำเพรื่อโดยไม่ได้ถวายบุญ

เทวดารักษาตัวของท่านอาจารย์

 

คุณโฆษิต เข้าใจผิด


ผมกราบขอขมาท่านอาจารย์

ด้วยครับ

ด้วยภูมิธรรมที่จำกัด

จะระวังมากขึ้นในการเขียนธรรมทาน

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-22 12:57:52


ความคิดเห็นที่ 902 (1598733)

กราบอนุโมทนากับธรรมทานจากอ.อุบลคะ

เวลาอ่านธรรมทานจากอาจารย์

รู้สึกผ่อนคลาย ทำง่าย

มีความหวัง มีความสุข

อย่างบอกไม่ถูกเลยคะ

 

ขออนุโมทนากับดร.จุ๋ม ดร.จิ๋มด้วยนะคะ

ที่มีจิตประเสริฐ ช่วยเหลือ

กื้อหนุนทุกอย่างในบ้านสวน

และทุกเรื่องที่เกี่ยวกับอาจารย์อุบลเลยคะ

น่านับถือน้ำใจอันประเสริฐมากคะ 

 

ขออนุโมทนากับธรรมทานจากคุณธนาด้วยนะคะ

คุณธนาเป็นคนที่จับประเด็นได้ดีและนำมาอธิบายรายละเอียดได้ชัดเจนมาก

บางทียังมีคำพูดให้ขำได้อีก ขอบพระคุณมากคะ

และธรรมทานจากทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ

อ่านแล้วได้รายละเอียดที่แตกต่างเพิ่มขึ้น

ได้ความรู้ และแนวทางปฏิบัติที่ดี 

 

แนวทางปฏิบัติธรรมของบ้านสวนทุกอย่าง

ถือเป็นเรื่องที่ละเอียด แยบยล

แต่ฟังง่าย ใช้ได้จริง เกิดผลจริง

ทำให้ไม่ท้อ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

รู้สึกดี และสบายใจมากคะ

 

 

 

เรื่องรหัสจักรวาล อ.อุบล ช่วยด้วย

ถือเป็นความเมตตาของพระพุทธองค์และเบื้องบนจริง ๆ

ท่านต้องการช่วยทุกคน ให้หันมาสนใจ ใช้ชีวิตให้ถูกทาง ในทางธรรม

แต่ต้องรวดเร็ว ได้ผล และมีอุบายซ่อนอยู่ การแจกรหัสให้ใช้ก่อน

จะเหมือนการแจกสินค้าตัวอย่างให้ทดลองใช้ฟรีรึเปล่าคะ

ต่างกันที่จุดประสงค์ เพราะหากใช้ได้ผลในสินค้าแล้วต่อไปเราต้องเสียตังค์ให้เขา

แต่สำหรับรหัสจักรวาลนี้  ทดลองก็ได้ประโยชน์ ยิ่งรู้จักและมาศึกษา

ยิ่งมีประโยชน์สูงที่สุด เส้นทางนี้คงต้องมีบุญสัมพันธ์กันมาไม่มากก็น้อย

โดยรหัสจักรวาลจะช่วยรวบรวมลูกหลาน สาวกของท่าน ให้มารวมตัวกันเร็วที่สุด

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-22 14:06:30


ความคิดเห็นที่ 903 (1598839)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มาเล่าธรรมทาน คืนวันเสาร์ที่ 18ก.พ. ขอเล่าเพิ่มเติม เรื่องประสบการณ์ของตัวเองค่ะ

ท่าน อ.อุบล ได้เมตตาว่าใครยังมีปัญหาสุขภาพ เจ็บปวดตรงไหน ให้ออกมา

อ้อยก็ออกมาคนแรกเลย เพราะว่าตัวเองมีปัญหาปวด ยอกตรงชายโครงซ้าย และปวดตึงด้านขวา  ท่านอาจารย์ถามว่า ได้ใช้ รหัว อ.อุบลช่วยด้วยหรือเปล่า

ก็ตอบว่า ใช้ค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ผล

ท่านจึงถามว่า เคยทำบุญแล้วถวายบุญให้เทวดาคุ้มครองอาจารย์หรือเปล่า

ไม่เคยค่ะ

ท่านจึงเมตตาเฉลยว่าอ้อยใช้รหัสนี้ แต่ไม่เคยถวายบุญให้ทุกๆพระองค์ที่ท่านเมตตามาช่วยเหลือ  จึงช้รหัสไม่ได้ผล

อ้อยใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วยทุกวันค่ะ ตื่นมาเกือบทุกเช้าต้องเริ่มก่อนขอใหทำงานราบรื่น และใช้ระหว่างวันอีกนับครั้งไม่ถ้วน  ใช้เต็มที่ ใช้ตลอด

พอคนอื่นๆออกมา ปรากฎว่าเรื่องราวคล้ายๆกัน ใช้รหัสตลอด เทีบแล้วเหมือนกับ กดเงินในแบงก์มาใช้ตลอก  แต่ไม่เคยฝากเงินสดเพิ่มเข้าไปเลย

ก็เลยถึงบางอ้อว่า วันนี้ทุกๆพระองค์เมตตาเตือนลูกหลาน ในการที่จะรักษา และใช้ รหัสอ.อุบลช่วยด้วยให้ได้ผล

ใช้แล้วให้บอกต่อ

ถวายบุญให้เทวดาคุ้มครองท่าน อ.อุบล ซึ่งก็คือผู้ที่มาช่วยเรา

ยิ่งใช้ ยิ่งบอกต่อ ยิ่งถวายบุญ

จะสามารถใช้รหัสศักดิ์สิทธิ์ได้เพิ่มมากขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-22 22:54:57


ความคิดเห็นที่ 904 (1599433)

ขออนุญาตเล่าธรรมทานที่ได้จากการฟังธรรมจากท่านอาจารย์อุบลในคืนวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์2555 นะคะ

ถ้ามีข้อความไหนไม่ถูกต้อง เข้าใจผิดไป รบกวนชี้แนะได้นะคะ

ไม่เคยอยู่ร่วมกิจกรรมในคืนวันเสาร์(ที่ไม่ใช่สัปดาห์เข้าค่าย)มาก่อน ได้ฟังธรรมที่เข้าถึงได้ สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนั้นยังเห็นถึงความตั้งใจ ความทุ่มเทของครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ที่จะช่วยผู้คนโดยไม่คิดถึงความเหน็ดเหนื่อย ความสุขสบายส่วนตัว

(กราบขอบพระคุณค่ะ)

เริ่มประมาณทุ่มครึ่ง จบประมาณเที่ยงคืนครึ่ง มีการขอบคุณและขอขมาหลายราย เริ่มจาก

น้องต้นอ้อและคุณแม่

หายจากอาการที่เกิดจากมีความผิดปกติของแลงเกอฮานส์เซลล์หลายๆตำแหน่งตั้งแต่เกิด เช่น มีหนองไหลจากที่หูหลังจากมาทำบุญที่บ้านสวน ร่วมขุดฐานสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งเป็นบุญใหญ่ ทำMRI ไม่พบความผิดปกติที่เคยพบ แต่พบที่ตำแหน่งใหม่คือก้านสมอง อาการทางร่างกาย อารมณ์ คุณภาพชีวิตดีขึ้น

สาเหตุเพราะน้องต้นอ้อเคยเป็นนักฆ่า ฆ่าคนมามากฆ่าแม้กระทั่งเด็กๆ อดีตเคยไปนรกเพื่อใช้กรรมมาแล้ว ชาตินี้เกิดเป็นมนุษย์จากเศษกรรมที่เหลือมีผลให้เจ็บป่วย ทรมานตั้งแต่เกิด
เหตุที่ตำแหน่งที่เป็นหาย แต่พบตำแหน่งใหม่เพราะ หายแล้วคุณแม่ไม่ยอมบอกหมอและพยาบาลทันทีว่าหายเพราะอะไร เรื่องนี้สอนให้เรากตัญญูรู้คุณ รักษาสัจจะ
 
คุณสมจิต
มาบ้านสวนแล้วรายได้ดีขึ้น มาขอบคุณ
 
คุณสมจิตต์
ประกอบอาชีพขายเบียร์ เปิดบริการโต๊ะสนุ้กเกอร์ เคยคิดวิจารณ์อาจารย์อุบลเรื่องกางร่ม การแต่งกาย
มีการอาการเจ็บที่แขน ยกขึ้นได้ไม่สุด  ขอขมาแล้วอาการดีขึ้น
สอนว่า ไม่ต้องคิดวิจารณ์ผู้อื่น ทำตัวเราเองให้ดีขึ้นก่อนดีกว่าควรประกอบสัมมาชีพ
 
คุณวันเพ็ญ จากสวีเดน
เคยเล่นคุณไสย มีเสน่ห์ มีคนมาชอบและอุปถัมภ์มาก พูดอะไรใครก็เชื่อ
ปัจจุบันหมองคล้ำลง มีคนทักว่าเหมือนปิศาจ
เหตุที่พูดอะไรคนก็คล้อยตามเพราะ อยู่ในกลุ่มคนประเภทเดียวกัน ก็จะไปกันได้ แต่ถ้าไปเจอคนที่ศีลสมบูรณ์กว่า เค้าก็จะไม่เชื่อ ไม่คล้อยตาม
เคยทำส้มตำให้อาจารย์อุบล แล้วมีคนเอาไปทานโดยพลการ ก็ไม่กล้าตักเตือนบอกกล่าวตามที่อาจารย์บอก แสดงว่า รักตัวเอง ห่วงตัวเอง มากกว่าความถูกต้อง ควรจะคิดถึงความถูกต้องมากกว่าห่วงตัวเอง
 
คุณวิ,คุณบุญภิบาล
เหตุ:คิดเป็นห่วงแทนอาจารย์อุบลว่าผักปลูกเยอะจะทานไม่ทัน น่าจะให้เอากลับบ้านได้ถ้าไปขออนุญาตและชำระหนี้สงฆ์(ตามที่อาจารย์พันธ์บอก)
ผล: ทุกข์ กังวลใจ ไม่มีความสุข
 
อาจารย์นี อาจารย์พันธ์
อาจารย์นี หกล้ม ปวดหลัง เพราะ มาทำบุญที่บ้านสวนไม่สม่ำเสมอ ทำลดลง ท่านมาเตือนให้ทำบุญมากขึ้น
และการเจ็บป่วยของอาจารย์นีก็ทำให้อาจารย์พันธ์ทุกข์ไปด้วย กังวลไปด้วย และยังเสียทรัพย์จากขโมยขึ้นบ้านร่วมแสนบาท จากการที่ตอบผู้ที่อยากได้ผักว่าให้ขออนุญาตอาจารย์ก่อนแล้วชำระหนี้สงฆ์เอาน่าจะได้
 
เรื่องผักนี่สอนได้หลายเรื่องทีเดียว
เริ่มจากความอยาก(อยากได้ผัก) ของคนเพียงไม่กี่คน กระตุ้นให้ผู้อื่นคล้อยตามได้ถ้าเผลอขาดสติ ทำให้เกิดทุกข์ เสียทรัพย์ กระทบรอบข้างไปด้วย
การคิด ทำ นอกเหนือหน้าที่(ห่วงว่าผักเหลือแทนเจ้าของบ้าน, คิดว่าชำระหนี้สงฆ์แทนได้) ทำให้เกิดดารเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนไป
การคิดอยากได้ของที่เจ้าของไม่เต็มใจให้ จะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยนก็ไม่สามารถคิดเป็นมูลค่าได้
อาจารย์พันธ์เป็นหัวหลักใหญ่ในการทำแปลงเกษตร ไม่ใช้สารเคมี ถ้าไม่มีอาจารย์พันธ์คงไม่มีแปลงเกษตรอย่างที่เห็นซึ่งใช้ เป็นแหล่งการเรียนรู้ฝึกปฏิบัติ ให้คนมาดูงาน(จึงควรจะต้องดูดีอยู่เสมอ เพราะอาจมีผู้เยี่ยมชมแบบกระทันหัน) และป็นแหล่งอาหาร
 
คุณฉันทนา
ขอขมาเรื่องให้คำปรึกษาคุณตฤณในการมาบ้านสวน
สอนให้ เราระมัดระวังในการที่เราจะคิดแทนใคร ให้คำปรึกษาใคร ต้องมีสติคิดและทำในสิ่งที่ถูกที่ควร
ทำชามบ้านสวนบิ่น อาจารย์แนะนำให้ซื้อชามมาคืน ถ้าโดยส่วนตัวอาจารย์ไม่ได้ต้องการอะไร แต่กลัวว่าผู้ทำบิ่นจะติดหนี้สงฆ์ อาจารย์เล่าว่า อาจารย์เคยซื้อไม้คาน ถัง อุปกรณ์อื่นๆถวายวัดแล้วไม้คานหักตอนใช้ขนของ เลยโยนไม้คานที่ผุหักทิ้ง ก็กลายเป็นติดหนี้สงฆ์ ทั้งๆที่ถวายวัดเอง และก็เสียหายระหว่างใช้งาน ฉะนั้นเข้ามาเขตบุญก็ระมัดระวังหนี้สงฆ์กันนะคะ
 
(นอกเรื่องธรรมทานนะคะ ตอนกลางวันตัวเองทำขวดน้ำดอกอัญชัญ หรือน้ำกระเจี๊ยบ ในตู้เย็นที่โรงทานตกลงมา ขวดน้ำจึงรั่ว เลยนำไปทึ้ง ไม่ทราบว่าเป็นของใคร ขอโทษนะคะ ขออนุญาตหาน้ำมาให้ใหม่ภายหลัง )
 
สรุปว่า ต้องกตัญญูรู้คุณ, มีสติรู้ทันในสิ่งที่คิด พูด ทำ, ยุ่งเรื่องของตัวเอง ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องคนอื่น, คนประเภทไหนก็จะดึงดูดคนแบบเดียวกันมาอยู่ใกล้, ถ้าจะคิดวิจารณ์ใครก็ส่องกระจกวิจารณ์ตัวเองก่อน, ไม่ควรอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน, อย่าติดหนี้สงฆ์
ผู้แสดงความคิดเห็น อรศรี ชุติเนตร (aurasri05-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-26 23:24:22


ความคิดเห็นที่ 905 (1599497)

ขอบพระคุณ คุณอรศรีมากคะ

ทั้งเล่าเรื่องรายละเอียด และสรุปข้อคิดให้อีกด้วย

ขออนุโมทนากับธรรมทานของทุก ๆ ท่านคะ สาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-27 14:49:11


ความคิดเห็นที่ 906 (1599498)

กราบพระบาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์

.......................................................

ขออนุโมทนาบุญกับคุณอรศรี

ด้วยนะคะเป็นธรรมทาน

ที่ดีมาก และขอบคุณทุกท่านที่มาถ่ายทอด

ธรรมทานค่ะ

สาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-27 15:06:55


ความคิดเห็นที่ 907 (1599558)

ขออนุญาติเหลาธรรมทานเพิ่มเติมจากหมออรศรีค่ะ

1.เรื่องของน้องต้นอ้อ  

   น้องต้นอ้อเริ่มเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุ 6 เดือน จากการที่น้องต้นอ้อเป็นโรคร้ายตั้งแต่ิอายุน้อยมากนั้น ไม่ใช่เพราะกรรมที่สร้างมาจากชาตินี้ แต่เป็นเพราะกรรมจากชาติก่อน ซึ่งเคยเป็นนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ เป็นทั้งผู้บงการฆ่า และผู้ฆ่าเอง ฆ่าทั้งสัตว์และคน และฆ่าแม้กระทั่งเด็กๆ  น้องต้นอ้อได้ชดใช้กรรมโดยไปเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต มาแล้ว ก่อนที่จะมาเกิดเป็นคน แต่เมื่อเกิดเป็นคน ก็ยังมีเศษกรรมที่ต้องชดใช้ ทำให้เป็นโรคร้ายตั้งแต่เด็กๆ

    ซึ่งจริงๆแล้วน้องต้ันอ้อจะเสียชีวิตตอนอายุยังน้อย แม้กระทั่งคุณหมอที่รักษาต้นอ้อ ก็บอกกับแม่ของน้องต้นอ้อเองว่า ส่วนใหญ่เด็กที่เป็นโรคนี้จะมีอายุำอยู่่ได้ประมาน4-5 ขวบ แต่น้องต้นอ้อได้มาร่วมบุญที่บ้านสวนฯ ได้มาใช้แรงกายเอง โดยช่วยเก็บถังปูนเปล่า เพียงแค่เก็บถังปูนเปล่า น้องต้นอ้อก็มีร่างกายดีขึ้นมาก มะเร็งที่มีอยู่ในสมองตั้งหลายแห่ง ก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ มีหลงเหลือเพียงที่เดียวเท่านั้น คือที่แกนสมอง  ซึ่งที่เหลืออยู่นั้นก็เพราะ แม่น้องต้นอ้อไม่กล้าบอกคุณหมอว่า ต้นอ้อหายเพราะใคร นั่นก็เพราะไม่มีความกตัญญูรู้คุณ ไม่กล้าบอกความจริง

    เมื่อแม่น้องต้นอ้อได้ไปบอกคุณหมอให้ทราบ ปรากฏว่าคุณหมอเชื่อแถมยังบอกอีกว่า มีคนไข้อีกมากที่หมอรักษาไม่หาย คนไข้จะได้มีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งคุณหมอท่านก็มีความคิดเหมือนกันกับคุณหมอศิริพรคนสวยเลย

ธรรมทานเรื่องของน้องต้นอ้อนี้ ท่านอาจารย์ได้บอกว่า จะเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับคนที่คิดจะฆ่าใคร หรือคิดบงการฆ่าใคร จะต้องได้รับผลกรรมแบบเดียวกับน้องต้นอ้อ

2.คุณฉันทนา และ คุณแหม่ม

    คุณฉันทนาและคุณแหม่มออกมาขอขมา เรื่องที่ตฤณโทรศัพท์มาคุยด้วย เรื่องที่ตฤณต้องการจะเข้าบ้านสวนฯเพื่อมาขอขมาอาจารย์ แต่ไม่กล้าโทรมาหาอาจารย์ แต่โทรถามความเห็นของคนโน่น คนนี้ ถ้าใครแสดงความคิดเห็นในเชิงเห็นด้วย ก็จะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเข้ามาบ้านสวนฯ ท่านอาจารย์บอกว่า เขาโทรมาหาใคร ก็คงไปห้ามเขาไม่ได้ แต่ตัวเราควรเป็นผู้ฟังเฉย ไม่ต้องออกความเห็นใดๆ เพราะบ้านสวนฯ เป็นบ้านส่วนตัวของท่านอาจารย์ เราไม่ต้องคิดแทนท่านอาจารย์ ว่าสมควรให้เข้าหรือไม่ให้เข้าบ้านสวนฯ

  และถ้าสิ่งใดที่อาจารย์ไม่ได้พูดหรือบอก อย่านำชื่ออาจารย์ไปอ้าง

   ท่านอาจารย์ได้บอกเรื่องที่ ดร.อาจองบอกว่าน้ำจะท่วมสูงถึง 10 เมตรตามที่เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์นั้น ท่านอาจารย์กำลังเร่งสร้างพระปฐมธรรมบิดา และวิหาร 3 ชั้น รวมทั้งรื้อโรงทานสร้างใหม่นั้น พวกเราควรหาเวลามาสร้างบุญ ให้เต็มที่ก่อนที่จะไม่มีโอกาส ควรหาเวลา 3 วัน หรือ 9 วันมาสร้างบุญกัน อย่าห่วงทางโลกมากนักเพราะเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว( แฮะ แฮะ บอกตัวเองด้วยค่ะ เพราะเรื่องทางโลกของตัวเองก็มากเสียเหลือเกิน จนแกะไม่ค่อยออก)

ด้วยพระบารมีของพระพุทธองค์ ข้าพเจ้าขอเบิกบุญ ทาน ศีล ภาวนา บารมีที่ข้าพเจ้าร่วมสร้างในบ้านสวนฯทุกบุญ ขออุทิศใ้หแก่เทวดาประจำตัวของอาจารย์อุบล และพี่ๆน้องๆบ้านสวนฯทุกคนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-27 21:44:09


ความคิดเห็นที่ 908 (1599578)

จากธรรมทานเรื่องของน้าวันเพ็ญ หรือที่น้าเขามักบอกกับคนอื่นด้วยวลีเด็ดว่า "ชีวิตของอีเพ็ญ" ขอบอกว่าแซ่บ ร้อนไฟนรกหลาย

ด้วยความมั่นใจในความสวยของตนเองในสมัยสาวๆ ทำให้ใช้หน้าตาหลอกชายหน้าตาดีทั้งหลายมากิน เอ๊ย มาร่วมทำผิดศีลข้อกาเมด้วยกัน

แถมพูดโกหกอะไรใครก็เชื่อด้วยสิ อืม น่าคิดแฮะ! ท่านอาจารย์ให้ปัญญาเปรี้ยงเลย คนที่ผิดศีลข้อ๔เหมือนกัน มาเจอกันก็ย่อมตกเป็นเหยื่อของกันและกัน ง่ายๆคือ กรรมลิขิต ให้พวกเดียวกันเจอกัน ทำลายกันเอง 

และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้าเพ็ญถึงโดนคุณไสย์ โดนปอปเข้าสิงเล่นงานหลายปี เพราะตอนสาวๆอาศัยความสวย(มั๊ง)หลอกล่อผู้ชาย ทำให้เขารัก นั่นก็คือ เล่นของ มัดใจชายนั่นเอง ใช้คาถามนต์ดำเพื่อทำลายผู้อื่นด้วย

สุดท้ายชีวิตผู้ที่วนเวียนกับคุณไสย์มนต์ดำ ก็เปรียบเสมือนคุณได้เปิดประตูบ้านให้คุณไสย์พร้อมที่จะเข้ามาในชีวิตคุณได้เสมอ ชีวิตของน้าเพ็ญจึงไม่พ้นคุณไสย์ปอบที่เล่นงานมาจนสะบักสะบอม กลายเป็นที่รังเกียจของผู้คน ใครเห็นก็ด่าทอ

คิดว่าธรรมทานเรื่องนี้ให้ประโยชน์กับผู้คนมากมายเลยทีเดียว ผมเคยรู้จากที่ไหนน๊า เขาว่ายิ่งวงการนางงามยิ่งเล่นของพวกนี้ อยากชนะประกวด ดารายิ่งใช้ อยากมีงานเข้า โอว้ แล้วชีวิตพวกเขาต่อไปจะเป็นอย่างไรกันหนอ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-27 23:26:47


ความคิดเห็นที่ 909 (1599582)

 

ผมขอเล่าธรรมทานและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด ระหว่าง 25-26 ก.พ. 55 ที่ผ่านมา ดังต่อไปนี้ครับ 

1. ธรรมทานจากท่านอาจารย์อุบล ในคืนวันเสาร์ที่ 25 ก.พ. 55

    คนเราส่วนใหญ่มักมีคำพูดลื่นไหล พอมีความสุขก็มักลืมผู้ที่ให้ความสุข ตัวอย่าง กรณีของน้องต้นอ้อ ที่คุณแม่มาขอขมาท่านอาจารย์เรื่องที่ไม่ได้เผยแพร่ให้คุณหมอที่รักษาน้องต้นอ้อทราบว่า อาการที่ดีขึ้นจากโรคมะเร็งที่เป็นมาหลายปี ว่าดีขึ้นจากบุญที่มาทำที่บ้านสวนฯ จากพระบารมีของท่านท้าวเวสสุวรรณและท่านอาจารย์ ซึ่งการที่ไม่ได้ไปเผยแพร่ เป็นสาเหตุที่ทำให้น้องต้นอ้อยังไม่หาย 100% ยังเหลืออีกจุดหนึ่งที่ขั้วสมอง ซึ่งหมอได้แนะนำให้รักษาโดยการฉายแสงที่ค่อนข้างอันตรายมาก

   ปัจจุบันหลังจากที่ท่านอาจารย์ได้เตือนเรื่องนี้แก่คุณแม่ของน้องต้นอ้อในเว็ปไซต์ และคุณแม่ของน้องต้นอ้อได้เผยแพร่เรื่องที่ต้นอ้อมีอาการดีขึ้นมาก จากบุญบ้านสวนฯให้คุณหมอทราบแล้ว น้องต้นอ้อมีอาการดีขึ้น ไม่ฉุนเฉียวโกรธง่ายอหน้าตาก็สดใสกว่าแต่ก่อน ทั้งที่ไม่ได้รับการฉายแสงเลย โดยท่านอาจารย์ได้ฝากการบ้านให้คุณแม่น้องต้นอ้อ ให้ติดตามผลการรักษาและนำฟิล์มเอ็กซ์เรย์มาแจ้งให้ทางบ้านสวนฯ ทราบอีกครั้งหนึ่ง

    สาเหตุหนึ่ง ที่คุณแม่ของน้องต้นอ้อไม่กล้าบอกให้คุณหมอทราบเกี่ยวกับบุญบ้านสวนฯ ก็เพราะกลัวว่าจะคุณหมอจะไม่เชื่อ แต่เมื่อบอกไปแล้ว ปรากฏว่า คุณหมอกลับเชื่อและยังบอกอีกด้วยว่า คุณหมอยังมีคนไข้หนักอีกหลายราย ซึ่งการักษาที่บ้านสวนฯ นี้ น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะทำให้คนไข้หายหรือมีอาการดีขึ้น ซึ่งเราจะเห็นว่า คนเราชอบคิดไปเอง ชอบคิดแทนคนอื่น ทั้งที่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น

   เช่นเดียวกับกรณีของคุณแหม่มและพี่ฉันทนา ที่มาขอขมาเรื่องที่ให้คำแนะนำกับคุณตฤณ ทั้งคุณแหม่มและพี่ฉันทนาไม่ทราบว่า ท่านอาจารย์ได้คุยหรือตกลงอะไรไว้กับคุณตฤณบ้าง เรื่องที่ท่านไม่อนุญาตให้คุณตฤณเข้าบ้านสวน แต่ได้แสดงความคิดเห็น ได้ให้คำแนะนำ ไปคิดแทนท่านอาจารย์ ทั้งที่ไม่ทราบเรื่อง เป็นต้น 

   คนที่ท่านอาจารย์ไม่อนุญาตให้เข้าบ้านสวน ฯ ทุกคน ท่านอาจารย์มีเหตุผลทั้งสิ้น แต่ไม่ต้องการนำเรื่องที่ไม่ดีมาเล่า เป็นการประจานความไม่ดีของผู้อื่น แต่เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด ท่านอาจารย์อาจจะต้องเล่าที่มาที่ไปของเรื่องเหล่านี้ให้ทุกคนทราบ

    บางคนที่มาบ้านสวน ฯ บางส่วนมาเพราะต้องการใกล้ชิดท่านอาจารย์และครอบครัว เพื่อเอาท่านอาจารย์ไปแอบอ้าง หาผลประโยชน์ใส่ตัว ซึ่งคล้ายกันกับคนที่ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัวที่มักนำพระองค์ไปแอบอ้างหาผลประโยชน์ ทำให้เกิดการจาบจ้วงล่วงเกินพระเจ้าอยู่หัวอย่างมากมาย ตามที่เราเคยทราบกัน

    กรณีคุณสมจิต ที่มาจากต่างจังหวัด เพื่อขอขมาท่านอาจารย์ ขอจมาหลายเรื่อง แต่ที่ผมจำได้ คือ เรื่องการแต่งตัวและการถือร่มของท่าน ว่าทำไมท่านถึงแต่งตัวแบบนี้ ทำไมท่านต้องถือร่มเพื่อกันแดด ทั้งที่ไม่ควรกลัวเรื่องเป็นฝ้า ซึ่งท่านอาจารย์ได้สอนในเรื่องนี้ว่า ฝ้าน่ะใครๆ ก็กลัว ส่วนเรื่องการแต่งตัว ทำไมถีงชอบมาสนใจเรื่องการแต่งตัวของท่านนัก ทำไมถึงไม่สนใจในธรรมะที่ท่านแสดง ทำไมไม่มองในมุมกลับบ้างว่า แต่งตัวแบบนี้ทำไมถึงช่วยคนได้

    และอีกกรณีหนึ่ง คุณสมจิตยอมรับว่า เคยคิดว่า ท่านอาจารย์ไม่เห็นสวยเลย ท่านเลยถามว่า แล้วคุณสมจิตคิดว่า ตัวเองสวยหรือไม่ ซึ่งคุณสมจิตก็ยอมรับว่า แกก็ไม่สวย ท่านอาจารย์เลยสอนว่า คนเราชอบวิพากษ์วิจารณ์แต่คนอื่น คนเราควรหาความดีและความไม่ดีของตัวเอง ก่อนจะว่าคนอื่น ควรนำกระจกมาส่องตัวเองดูก่อน

     กรณีคุณสมจิต ผมยอมรับว่า กล้าพูด กล้าทำ กล้ารับ และกล้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งผมเห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดี มีความตั้งใจจริงที่จะมาขอขมาท่านอาจารย์ ซึ่งสิ่งที่ได้รับตอบแทนก็คือ ได้รับการบำบัดแขนขวาที่ยกไม่ขึ้น ให้ดีขึ้นมาก ซึ่งเป็นกรรมจากที่บ้านขายเบียร์ และเปิดโต๊ะสนุ๊ก คุณสมจิตตอนทำงานแกก็สู้ ขนาดล้มลงเพราะขากางเกงเกี่ยวเหล็ก แกก็ไม่บ่น ซึ่งคุณพระช่วย ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เป็นอะไรมาก (ตอนที่ล้ม มีคุณธนาเข้าไปช่วยดูแลทันที ขออนุโมทนาบุญกับคุณธนาและคุณสมจิตด้วย) 

    กรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ดังเช่น ที่กล่าวไว้ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนที่พระพุทธองค์ทรงให้พระอานนท์ไปตักน้ำ เนื่องจากทรงต้องการดื่มน้ำ แต่ปรากฏว่าน้ำขุ่น ซึ่งทรงตรัสแก่พระอานนท์ว่า เกิดจากกรรมเล็กน้อยในอดีตชาติที่พระองค์ทรงไม่ให้ควายกินน้ำจากบ่อที่ขุ่นแต่ให้มากินจากบ่อน้ำใสที่ใกล้กัน (อันนี้ผมยกตัวอย่างเองนะครับ) ที่บ้านสวน ฯ ก็เช่นกัน  อาจารย์นีบ่นเรื่องปวดหลังและเอว เนื่องจาก "หกคะล้ม" มาพักใหญ่แล้ว และที่บ้านท่านก็โดนโจรขึ้นบ้านเพราะเปิดหน้าต่างไว้ ก็ไม่เคยมีใครเคยคิดว่า จะเกิดมาจากกรรม ที่ผมขอเรียกว่า "กรรมแปลงผัก"

     วันนั้น ผมก็อยู่ในเหตุการณ์กับพี่ตุ๊กและคุณวิด้วย นั่งปลูกผักกัน ไม่แน่ใจว่า คุยกันเรื่องเมนูอาหารจากผัก และความอร่อยจากผักสดมากไปหรือเปล่า ก็เลยโยงมาถึงความอยากได้ผักไปทาน โดยมีท่านหนึ่ง ต้องขอโทษ ที่ผมจำชื่อไม่ได้ แกอยากได้ผักมาก ก็เลยปรึกษาอาจารย์พันธ์ และท่านก็แนะนำให้นำไปได้ และไปชำระหนี้สงฆ์  แต่ต้องไปขออนุญาตจากท่านอาจารย์อุบลก่อน ตอนนี้ต้องเล่าความชั่วของตัวเอง ที่ตอนแรกก็คิดว่า ทำไมเค้าอยากได้ผักมากมายนัก ทั้งที่ไม่ได้ปลูก แต่ตอนหลังพออาจารย์พันธ์บอกแบบนั้น ก็คิดคล้อยตามไปว่า ถ้าท่านอาจารย์อนุญาต ให้เอาไปกันไปก่อน พอเสร็จงาน หากเหลือตัวเองก็จะขอไปบ้าง เลยเป็นการอนุโมทนาบาปไปด้วย

      ซึ่งความจริงไม่ควรคิดเช่นนั้น เพราะแค่คิดก็ผิดแล้ว เนื่องจากเป็นของสงฆ์ คนที่ปลูกหลาย ๆ คนยังไม่เคยขอไปทานเลย และท่านอาจารย์เองก็ต้องใช้ผักปรุงอาหารเช่นกัน ยังไม่รวมถึงใช้เลี้ยงคนที่มาทำบุญที่บ้านสวน ฯ รวมทั้งใช้เป็นโชว์รูม การทำเกษตรของบ้านสวนฯตามที่ท่านอาจารย์บอก ดังนั้นการที่อาจารย์พันธ์ที่เป็นผู้นำการเกษตรของบ้านสวนแนะนำเช่นนั้นจึงเป็นสิ่งที่ผิด จึงเป็นที่มาของการถูกขโมยทรัพย์สิน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาจารย์นีเจ็บป่วย

     ท่านอาจารย์เอง ก็ได้เล่าถึงหนี้สงฆ์ที่ท่านติดเช่นกัน จากในอดีตชาติที่ท่านทำไม้คานเก่าใกล้พังหักแล้วเผลอทิ้งไป ทั้งที่ท่านเองเป็นโยมที่ถวายไม้คานนั้นแก่วัดเอง เป็นต้น ซึ่งเมื่อคืนวันเสาร์ท่านอาจารย์ก็ให้อาจารย์พันธ์และอาจารย์นี ขอขมากรรมนี้ ซึ่งผมเองก็ตั้งจิตขอขมาด้วย และขอขมาท่านอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มา ณ ที่นี้ อีกครั้งหนึ่งครับ          

2. ประสบการณ์การรดปุ๋ยที่แปลงผัก วันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ. 55

    ขอเล่าสู่กันฟัง ตามความเข้าใจ เผื่อมีผู้ที่สนใจไปช่วยรดปุ๋ยที่แปลงผัก หลักการรดน้ำ เราจะใช้ปุ๋ยน้ำที่หมักจากใบไม้ เศษผักผลไม้ต่าง ๆ ที่อาจารย์พันธ์ท่านหมักไว้ โดยตักปุ๋ยหมัก 2 เหยือกเต็ม ต่อ 1 บัว จากนั้นเติมน้ำเพิ่มจนเกือบเต็มบัว แล้วจึงนำไปรดผัก

    การรดผัก เราจะรดพอประมาณให้ดินชุ่มทั่วบริเวณ ไม่เว้นแม้แต่บริเวณที่ไม่มีผักขึ้น หรือเป็นเพียงผักต้นเล็ก ๆ เนื่องจากระบบรากของผักจะแผ่ขยายไปใต้ดินจนทั่ว เราต้องรดกระทั่งขอบแปลง แต่ไม่ให้เปียกจนเกินไปเพราะเราตั้งใจรดปุ๋ย ไม่ใช่รดน้ำผักตามปกติ และรดแล้วรดเลยไม่มาลดซ้ำเพื่อไม่ให้สิ้นเปลือง

    พยายามรดเป็นแปลงคู่ที่มีสปริงเกอร์อยู่ระหว่างแปลงทั้งสอง เพราะเมื่อรดปุ๋ยเสร็จแล้ว จะต้องรีบเปิดน้ำจากสปริงเกอร์พ่นน้ำให้ผักอีกครั้งเพื่อล้างใบผักไม่ให้ปุ๋ยตกค้าง โดยเฉพาะหากไม่ได้รดปุ๋ยในตอนเย็น ไปรดตอนบ่ายที่แดดอยู่ จะต้องรีบพ่นน้ำล้างใบผักเพื่อกันผักเหี่ยวครับ

    ที่จะลืมไม่ได้ คือ หากท่านใดต้องการรดปุ๋ย จะต้องเตรียมใจกับกลิ่นอันอบอวลของปู๋ยที่จะติดตัวของเรา โดยเฉพาะที่มือ และควรทานน้ำให้เสร็จก่อนรดปุ๋ยเพราะเราอาจจะทนกลิ่นปุ๋ยที่มือของเราเองไม่ได้ และระวังเวลาไปหยิบแก้วน้ำหรือหยิบฉวยสิ่งอื่น เพราะกลิ่นจะติดตามไปกับสิ่งนั้นด้วยครับ

3. ช่วงนี้หากท่านใดพอมีเวลา ก็ขอให้จัดคอร์ส 3 วัน 7 วัน แล้วแต่สะดวก วันธรรมดาก็ได้ มาทำบุญที่บ้านสวนฯ นะครับ ท่านอาจารย์ท่านให้เรารีบสร้างบุญ เพราะภัยใกล้จะเกิดแล้ว เราต้องใช้ที่นี่เป็นที่หลบภัยสำหรับผู้มาถึง แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มา ก็ไม่ต้องห่วง เพราะบุญจะคุ้มครองเราให้ปลอดภัยในที่อยู่อาศัยที่เราอยู่ มีกินมีใช้ตามกำลังบุญของเราทุกคนครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน และทุกบุญของทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-28 00:43:41


ความคิดเห็นที่ 910 (1599597)

 ขออนุโมทนากับคุณอรศรี คุณเพชรดา พี่ธนา และคุณโฆษิตด้วยค่ะ

พูดถึงเรื่องเล่นของแล้ว

เดี๋ยวนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของคนในหมู่มากจริงๆค่ะ

ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็มักจะได้ยินเรื่องคุณไสยเสมอ

ส่วนตัวญคิดว่าการเล่นของเพื่อให้คนอื่นมารัก มาหลง

มาสนใจตัวเอง มันไม่น่าภูมิใจเลยจริงๆค่ะ

เพราะหากคนที่เค้าจะรัก จะชอบเรา 

เราก็อยากให้เค้ารักด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆๆ

แต่นี่เค้ารัก เค้าหลง เพราะมีสิ่งดึงดูดเค้ามา

ไม่ได้มาจากคุณงามความดีของเรา

แถมยังบาปอีก คนเล่นก็ภูมิใจ คนโดนก็ไม่รู้เรื่องอะไร

แต่จะว่าไปคนที่โดนเล่นของแล้วติดกับคือ

รัก หลง คนที่เล่น ก็คงต้องเป็นคนประเภทเดียวกัน

อย่างพี่ธนาว่าจริงๆแหละค่ะ เพราะฉนั้นเป็นคนแบบไหน

ก็คงจะได้คนแบบนั้น มันเป็นอะไรที่ยุติธรรม

และลงตัวดีเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆ

ส่วนการเล่นของกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ

มองดูแล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมอีกเช่นกันนะคะ

ทั้งๆที่อีกคนไม่เคยไปทำอะไรให้

เพียงแค่เราไม่ชอบเค้า เราก็ไปทำเค้า

สุดท้ายแล้วคนที่สะบักสะบอมที่สุด

คือคนที่เล่นคุณไสยเอง

พอจิตเปิดรับเรื่องคุณไสยมนต์ดำแล้ว

เรื่องพวกนี้ก็เข้ามาหาเราได้ง่ายๆเหมือนกัน

ซักวันคนที่เล่น อาจจะไปเจอคนที่เล่นด้วยกัน

แล้วมันจะเป็นไงเน๊อะ นอกจากตกต่ำย่ำแย่

ขออนุโมทนากับธรรมทานเรื่องของคุณวันเพ็ญอีกครั้งนะคะ

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-28 06:18:43


ความคิดเห็นที่ 911 (1599640)

กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาบุญแด่ท่านอาจารย์อุบล ได้เมตตาสอนเป็นธรรมทานแก่ลูกศิษย์ด้วยความรักความเมตตาและปรารถนาให้ทุกคนพ้นทุกข์ กลับสู่นิพพานในที่สุด 

และอนุโมทนาบุญกับคุณอรศรี คุณเพชรลดา และคุณโฆษิต ที่บอกเล่าธรรมเทาน เพื่อเป็นประโยชน์และข้อเตือนสติแก่ทุกคนค่ะ

ทุกธรรมทาน ล้วนมีคุณค่าคุณประโยชน์เมื่อรู้จักใช้ธรรมทานเป็นเครื่องตรวจสอบความสะอาดบริสุทธิ์ภายในกายและใจของตนเองอยู่เสมอ

หากตระหนักว่ายังคงเจือปนความขุ่นมัว หมองใจ ความลังเลสงสัย ความต้องการอยากได้อยากมี(กิเลส) จึงต้องหมั่นชำระล้างจิตใจให้สะอาดเรื่อยๆ เพื่อยกระดับของจิตให้สูงขึ้นกว่าเดิม ไม่ถูกกิเลสใดๆ ครอบงำไม่ถูกดึงต่ำลงสู่อบายภูมิ

ภวยา เส็งพานิช

ผู้แสดงความคิดเห็น ภวยา เส็งพานิช (กระเต็น) (pavaya-dot-s-at-ghb-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-28 10:55:18


ความคิดเห็นที่ 912 (1599653)

 

ธรรมทานที่ได้ในคืนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555

คำคืนนี้นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสทำสมาธิแบบลืมตา (ตั้งใจฟังธรรมมะจากอาจารย์แม่) ตั้งใจรับฟังและคิดตาม

ลำดับแรกขออนุญาตเล่าเรื่องความอยากได้น้องผักไปทานที่บ้าน

ทุกสิ่งทุกอย่างรวมตัวในช่วงจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม(กรรมรวมตัวพอดี)

ขอเล่าเรื่องตั้งแต่เริ่มแรกเลยนะคะ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 55 ได้ลงชื่อร่วมงานตอนรับคุณหมอศิริพร ช่วงก่อนค่ำตัวเองและญาติธรรมอีก 5-6 ท่าน ( พี่อ๊อด พี่โฆษิต พี่ตุ๊ก พี่จิ๋ม พี่นุช น้องทศ )ได้มีโอกาสช่วยอาจารย์พันธ์เก็บวัชพืชในแปลงผัก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีฝนตกลงมาทำให้แปลงผักดูสดชื่น เขียวขจี ระหว่างที่เก็บวัชพืชนั้นก็ได้มีการคุยกัน ถึงการนำผักมาทำเป็นอาหารเมนูต่างๆและก็ได้ยินว่าผักจำนวนมากอย่างนี้จะทานหมดเหรอคะ ด้วยความหวังดีของท่านอาจารย์พันธ์จึงบอกว่าให้หยอดตู้ชำระหนี้สงฆ์ได้แต่ต้องไปขออนุญาตอาจารย์แม่ก่อน ตอนที่เดินลงไปในแปลงผักนั้นก็หมายที่จะช่วยอาจารย์พัน ท่านเก็บวัชพืชออกจากแปลงผักเท่านั้นมิได้ต้องการผักของอาจารย์แม่กลับบ้านเลย แต่เกรงว่าผักของอาจารย์แม่จะเป็นสว. หากว่าเราช่วยเอาไปทานที่บ้าน + ชำระหนี้สงฆ์ ก็น่าจะดีกว่า ด้วยความโง่เขลาจึงคิดแทนอาจารย์แม่ว่า ผักจำนวนมากทานกันไม่หมดหรอก อาจจะ สว.เสียก่อน พวกเรา 3 คน(พี่ตุ๊ก พี่จิ๋ม วิ)จะเดินทางกลับในค่ำคืนนี้เลย จึงอยากได้น้องผักไปทานที่บ้าน พี่จิ๋มจึงรับอาสาไปเรียนถามอาจารย์แม่เอง สักพักนึงพี่จิ๋มก็กลับมาบอกว่า อาจารย์แม่ไม่ขายผัก ไม่รู้จะคิดราคาเท่าไหร่ดี ก็ไม่เป็นไรค่ะลูกก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ แต่ก็เก็บวัชพืชที่ขึ้นแข่งกับผักในแปลงต่อ โดยที่มิรู้สึกตัวเลยว่าได้กระทำผิดเข้าแล้ว

      หลังจากวันนั้นก็ได้มีกระทู้ เรื่องน้องผักยาวมาก ในใจนั้นก็คิดว่าต้องมีเหตุมากกว่าที่เรารู้เห็นแน่ๆ ได้อ่านกระทู้ที่อาจารย์แม่เขียนแล้ว รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ไม่ได้ช่วยอาจารย์แม่แล้ว ยังนำความเดือดร้อนมาให้อาจารย์แม่อีก 2 สัปดาห์ต่อมาจึงขออนุญาตเข้าบ้านสวนไปกราบขอขมาอาจารย์แม่ด้วยตัวเองเนื่องจากมีความคิดอยากได้ผักของอาจารย์แม่

วันนี้ก็ได้เดินทางมาบ้านสวนฯอีกครั้ง และได้มีโอกาสขอขมาอาจารย์แม่ ต่อหน้าญาติธรรมท่านอื่นๆ หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็มีความทุกข์ใจตลอดและก่อนเดินทางมาบ้านสวน 1 สัปดาห์ สามีขับรถยนต์ไปทำงานระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุล้อหน้าระเบิดขับรถไปสีกับฟุตบาท เหตุการณ์นี้ไม่ได้เรียนอาจารย์แม่ทราบ ซึ่งคงจะเกี่ยวข้องกับความอยากได้ผักของอาจารย์แม่ด้วย ส่วนพี่ตุ๊กนั้นมีอาการเจ็บส้นเท้าและที่สำคัญได้ทราบจากท่านอาจารย์พันธ์และอาจารย์นี ถูกขโมยขึ้นบ้านเสียทรัพย์สินไปเกือบแสนบาท และอาจารย์นียังไปลื่นล้มก้นกระแทก ทำให้มีอาการปวดหลัง ทุกข์ทรมาน(วันนั้นช่วงที่เทคานวิหารชั้นล่าง ได้ยินอาจารย์แม่เมตตาบอกว่า หากใครมีอาการเจ็บปวดอยู่ให้ไปผสมปูน+ตักปูน การการจะดีขึ้นไม่แน่ใจว่าอาจารย์นีได้ยินหรือเปล่า จึงไปบอกอาจารย์นีใกล้ใกล้อีกครั้งนึง (ระหว่างที่พูดบอกอาจารย์นีนั้นรู้สึกขนลุกซู่ ทั้งตัว) แล้วอาจารย์นีก็เดินไปยังที่ผสมปูน ตามที่อาจารย์แม่เมตตาบอก

เหตุการณ์นี้ได้เกี่ยวเนื่องถึงบุคคลหลายคน ทำให้ได้รับรู้ว่ากรรมนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจะแสดงผลให้เราเห็นในรูปแบบต่างๆ กันคือ มีความทุกข์ใจ อุบัติเหตุ เสียทรัพย์สินเงินทอง อาจจะเกิดกับคนในครอบครัวของเราก็ได้ ดังนั้น การดำเนินชีวิตในแต่ละวันต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะทำ ละวางความอยากของตัวเองให้ได้ (อยากได้ อยากมี อยากเป็น)

ลูกกราบขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ อาจารย์แม่อุบลที่เมตตาลูกเป็นอย่างสูง มิเช่นนั้นแล้วลูกคงลงโลกันต์ไปแล้ว

 

กราบขอบคุณอาจารย์แม่เจ้าค่ะที่เมตตาให้ลูกมีดวงตาเห็นธรรม ลูกจะตั้งใจปฏิบัติให้ดีขึ้น รักษาศีลให้ละเอียดยิ่งขึ้น เจ้าค่ะ                                        

กราบขอขมาท่านอาจารย์ทั้งสองด้วยนะคะ(อ.พันธ์&อ.นี) ที่มีส่วนทำให้ท่านทั้งสองต้องเสียทรัพย์และเจ็บป่วย ขอเป็นกำลังใจให้ท่านทั้งสอง เป็นผู้นำบุญช่วยงานท่านอาจารย์แม่ ในด้านการเกษตรต่อไป

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-28 11:58:49


ความคิดเห็นที่ 913 (1599659)

 

คืนวันเสาร์พี่ตุ๊กก็ได้ฟังธรรมจากปากท่าน อ. อุบล   ชอบสาระแหนจังเลยพี่ตุ๊ก ...และมีวิธีตอบคำถามที่ดีที่สุด...สมมุติมีคนโทรมาปรึกษา...ตอบ...เธออยากพูดอะไรให้เราฟังๆได้หมด  แต่เราไม่มีความคิดเห็นเพราะเราไม่ทราบข้อตกลงระหว่างคุณกับ...คนที่โทรมาปรึกษา  (  หรือคุยกันก็นำมาใช้ได้ )  โมทนาบุญกับทุกท่านค่ะสาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-28 12:39:46


ความคิดเห็นที่ 914 (1599764)

 

ผมขอเหลาธรรมทานเมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา คิดว่าเนื้อหาสาระ ธรรมะ ข้อคิดดีๆเพียบไปหมดเลย

ผลแห่งบุญบ้านสวนฯ

ท่านอาจารย์อุบลเมตตาสอนว่า คนที่นำอาหาร ของกิน ของใช้ มาทำบุญ อานิสงค์จะทำให้ไม่ยากจน

ชาติหน้าที่ไหนลำบากเราจะไม่ไปเกิดที่นั่น สังฆทานที่พวกเราทำนั้นทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน

ทั้งนี้ทั้งนั้นเวลาทำบุญ หากวัตถุทานบริสุทธิ์ เนื้อนาบุญบริสุทธิ์ ก็จะเกิดอานิสงค์ทันทีอย่างที่พวกเราได้เห็นที่บ้านสวนฯจนชินตานั่นแหละครับ

แต่หากว่า บุญก็ทำ บาปก็ทำ แต่กำลังบาปมากกว่า ก็จะไม่เกิดผลเด้อครับ

การขอขมา และขอบคุณ

หนูหายแล้ว อาจารย์อุบลรักษาหนู

วันนี้คุณแม่อังคณาพาน้องต้นอ้อมากราบขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากน้องต้นอ้อเป็นโรคในตระกูลมะเร็งมาตั้งแต่อายุ ๖ เดือน จนกระทั่งน้องต้นอ้อวันนี้อายุ ๔ปี ๗เดือนแล้ว และบุญบ้านสวนฯได้สร้างปาฏิหาริย์กับแม่ลูกคู่นี้เข้าแล้วสิ

ตั้งแต่เด็กแล้วต้นอ้อจะเป็นผื่นขึ้นตามหัว ซึ่งบอกว่าเป็นอาการของโรคร้ายลุกลามที่สมอง ต้องเจาะไขกระดูกมาตรวจ ซึ่พบว่าโรคร้ายนี้กินกระดูกหลายจุด ทั้งตับ ม้าม ต้องให้คีโมตั้งแต่เล็กๆเลย และที่สำคัญหูเน่า มีกลิ่นเหม็นมานาน

คุณแม่พามาบ้านสวนตั้งแต่อายุ ๓ ขวบกว่าๆ แต่พวกเราเริ่มรู้จักน้องต้นอ้อเมื่อปีที่แล้วเอง ตอนที่ต้นอ้อพยายามขึ้นไปแสดงกับพี่ๆในงานบวงสรวงฯ ด้วยท่าทางที่น่ารัก แต่ว่าดุดัน โมโหร้าย ขี้วีน ฮ่าๆๆ ทำให้ทุกคนจำน้องต้นอ้อได้

ปาฏิหาริย์เริ่มเกิดตอนที่คุณแม่อังพาลูกสาวมาร่วมทำบุญใช้แรงกายขุดฐานสร้างพระปฐมบรมธรรมบิดา ต้นอ้อก็ช่วยพี่ๆลำเลียงนำบุ๋งกี๋เปล่ามาส่ง น่ารักอ่ะ!

พอกลับไปหมอสั่งทำMRI ปรากฏว่าจุดต่างๆที่โรคร้ายเคยกิน หายหมดเลย หูเน่าก็หายเลย แต่ยังเหลือจุดที่ก้านสมองอยู่ โอ้ แค่นี้ก็เรียกว่าปาฏิหาริย์สุดๆแล้วครับ

อืม!แล้วจุดตรงก้านสมองที่เหลือทำไมไม่หายล่ะ

ก็คุณแม่อัง ลีลาเยอะ มัวแต่ชักช้า อายไม่กล้าบอกหมอว่าที่น้องต้นอ้อหายเพราะบุญที่บ้านสวนฯ จนท่านอาจารย์ต้องเมตตาเตือนก่อนที่เบื้องบนจะไม่ให้แทรกแซงกรรมช่วยอีก

คุณแม่อังรีบไปหาคุณหมอเลย เล่าให้ฟังทุกอย่าง และพบว่าคุณหมอเองก็ไม่ได้มีท่าทีว่าไม่เชื่อ แต่กลับดีใจ แถมบอกอีกว่า ถือเป็นทางออกสำหรับคนไข้ เพราะมีอีกหลายๆคนที่หมอปัจจุบันรักษาไม่ได้ วิธีใช้บุญรักษาจะได้เป็นทางเลือกช่วยรักษาคนไข้ สาธุกับคุณหมอดีๆแบบนี้

สุดยอดครับ คุณหมอบอกว่าจุดตรงก้านสมองนี้หายยาก ต้องฉายแสง และน้องต้นอ้อต้องรักษาไทรอยด์ เพราะเหตุกรรมที่แม่ตามใจ ทำให้เป็นเด็กขี้โมโห ขี้วีน อย่างที่พวกเราเคยเห็น

แต่เดี๋ยวนี้ต้นอ้อกลายเป็นเด็กคนใหม่ ร่าเริง ไม่งอแง ไม่ขี้วีนเหมือนแต่ก่อน วิ่งเล่น แข็งแรงมาก ดีใจกับน้องต้นอ้อด้วยเด้อ

ท่านอาจารย์เมตตาเฉลยให้ฟังว่า น้องต้นอ้อในอดีตนั้นเคยเป็นนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งยิง แทง ทุกอย่าง ฆ่าเด็ก ผู้ใหญ่ บงการฆ่า ลงมือฆ่าเอง เคยตกนรกใช้กรรม เป็นทั้งเปรต สัตว์เดรัจฉานใช้กรรมมาแล้ว ทุกวันนี้เรียกว่าเจ้าหนี้เพียบ

ตอนนี้คุณแม่อัง ก็รอผล MRI ครั้งใหม่และจะนำผลตรวจมาให้ดูที่บ้านสวน และจะทำการขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

คิดว่าจุดตรงก้านสมองคงหายตั้งแต่คุณแม่อังยอมไปเล่าให้คุณหมอฟังเกี่ยวกับบุญบ้านสวนฯแว้ววว

บุญต้องทำง่ายๆทำทันที สม่ำเสมอและมากขึ้น

อาจารย์ณี ภรรยาคู่ใจของอาจารย์พัน ได้หกล้มก้นกระแทก ลุกเดินไม่ค่อยได้ ปวดไปหม๊ด

ซึ่งเหตุผลนั้น ท่านอาจารย์เมตตาให้ธรรมะว่า เกิดจากเดี๋ยวนี้อาจารย์ณีมาแค่วันเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งเมื่อก่อนมาตั้งแต่วันศุกร์-อาทิตย์

และบางคนที่จะเป็นผู้นำต่อไปในอนาคต เช่น อาจารย์พัน อาจารย์ณีนั้น ต้องเป็นผู้นำด้านเกษตรยุคใหม่ ควรต้องบำเพ็ญบารมีอย่างเข้มข้น เบื้องบนเลยเมตตามาเตือนให้ทำบุญอย่างน้อยควรเหมือนเดิมและมากขึ้นๆ ไม่ใช่ลดลง

เรียกว่าเบื้องบนเมตตาทุกคนมาก และยึดหลักที่ท่านอาจารย์เมตตาสอนไว้ว่า บุญให้ทำง่ายๆ ทำทันที สม่ำเสมอ และมากขึ้น สาธุ

รายได้หนูกระฉูดเลยค่ะ

พี่สมจิตร โพธิ์นิล ซึ่งมาสร้างบุญที่บ้านสวนฯสม่ำเสมอ มาขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมตตา เนื่องจากรายได้ทุกวันนี้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเมื่อก่อนรายได้ 700-800 บาทต่อวัน แต่เดี๋ยวนี้ รายได้ดีขึ้นเยอะมาก สูงสุด 3500 บาทต่อวันก็มี

ใช้ทั้งรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย และบูชาพีระมิดจำลองด้วย ว้าวว! อนุโมทนาสาธุ และดีใจด้วยครับ

แต่พี่สมจิตรเอง เมื่อก่อนที่มาบ้านสวนฯเดือนแรกๆจิตมักคิดปรามาสท่านอาจารย์อุบล ซึ่งพยายามห้ามตนเองไม่ได้ จิตมักคิดขึ้นมาเอง นั่นเป็นเพราะกรรมที่ทำมาเยอะส่งผล แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะ ถึงแม้ยังมีจิตคิดแว๊บๆอยู่

เอาใจช่วยนะครับ ขอให้ฝ่าฟันสู้กิเลสตัวนี้ให้ได้ เพราะมีอีกหลายคนมากเลยที่เป็นแบบนี้

ฉันสวยกว่า ดีกว่าอาจารย์อุบลทุกอย่าง

พี่สมจิตรจาก แสมสาร ชลบุรี ได้ขอขมาต่อท่านอาจารย์อุบล เนื่องจากที่ผ่านมาเคยได้คิดปรามาส ล่วงเกินท่านอาจารย์หลายอย่างเลย เช่น

เห็นอาจารย์อุบลกางร่ม แล้วคิดว่า ไหนว่าละวางได้หมดแล้วไง เรียกว่าคิดเอง เออเอง แถมให้เหตุผลที่คิดว่าอาจารย์เรื่องนี้ด้วยว่า เพราะเคยได้ยินตอนหนึ่งว่า ทำสมาธิแล้วละวางความโกรธได้ แป่ววว แล้วมันเกี่ยวอะไรกันเนี่ยย...แม่คุณ

"อาจารย์อุบลไม่สวยหรอก แต่ชอบทรงผม"

ท่านอาจารย์สอนว่า คนเราจะวิจารณ์ใคร ว่าใครเราต้องพิจารณาตัวเองว่าเราดีกว่าเขารึยัง ต้องส่องกระจกดูตัวเองก่อน

เราควรหาความดี และไม่ดีของตัวเราเอง ไม่ใช่ของคนอื่น

แหม!ไม่อยากคิดเลยว่า การปรามาสผู้มีบุญนี้คุณพี่สมจิตรจะมีชีวิตเป็นเช่นไร เฮ่อ!

ที่ผ่านมาพี่สมจิตรก็พยายามนำธรรมะของท่านอาจารย์อุบลมาปรับปรุงตัวเองอยู่ เช่น พยายามไม่วิจารณ์คนอื่น

และพี่สมจิตรท่านนี้ก็มีอาการปวดแขนมาก ยกแขนขึ้นไม่สุด โอ้ มีหลายคดี หลายกระทงแบบนี้ จนท่านอาจารย์ต้องเมตตาให้ขอขมาทีละเรื่อง สรุปได้ดังนี้

-เคยว่าท่านอาจารย์อุบลเรื่องกางร่ม

-ตัวเองขายเบียร์ ใช้มือทำผิดศีลข้อ๕

-ที่ร้านมีโต๊ะสนุกเกอร์

-ใช้มือกดรีโมตดูหนังโป๊

-ใช้มือต้มหอย ปู กิน

หลังขอขมา พบว่าอาการดีขึ้นแบบทันตาเห็นยกมือขึ้นได้สูงมากเกือบเป็นปกติเลย แต่ว่าไม่อาจหาย๑๐๐%ได้ จนกว่าจะเลิกขายเบียร์นั่นเอง สู้ๆ คิดให้ได้ เลิกให้ได้นะครับ

ท่านอาจารย์เลยเมตตาให้ธรรมะเด็ดๆว่า

ต่อไปคนไหนที่ยังปรามาสไม่เห็นหัวอาจารย์อุบล ให้เลิกเรียกรหัส อาจารย์อุบลช่วยด้วย แต่ให้เรียกชื่อตัวเองช่วยด้วย เรียกชื่อพ่อแม่ตัวเองแทน อะจ๊ากกก!!

ชีวิตของอีเพ็ญ

น้าวันเพ็ญ สาวไทยที่มีชีวิต ธุรกิจอยู่ที่สวีเดน ได้กลับมาเมืองไทยและขออนุญาติขอบคุณและขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

คุณเธอได้ไล่บาปกรรมที่ทำผิดศีล๕ มาทีละอย่าง

ข้อ๑ ทำแท้ง

ข้อ๒ ขโมยเงิน ขโมยโลชั่น ผิดหนี้แผ่นดิน

ข้อ๓ เล่นคุณไสย์ มนต์ดำ เพื่อทำให้ผู้ชายรักตน และมีสัมพันธ์กับผู้ชายหลายพันคน อะจ๊ากกก

ข้อ๔ พูดโกหก แต่คนเชื่อ แหม!คนผิดศีลข้อนี้มาเจอกัน ก็เชื่อกันเอง ทำลายกันเองนั่นแหละครับ ท่านอาจารย์เมตตาเฉลยให้ฟัง

ข้อ๕ ทานเหล้า ลองทุกชนิด

ดังนั้นชีวิตของน้าเพ็ญ หากตายแล้วต้องไปโลกันต์ ยกเว้นแต่จะต้องเป็นพระโสดาบันให้ได้

ซึ่งตอนนี้น้าเพ็ญบอกว่าเลิกแล้ว ยังไงก็สู้ๆนะครับ

ธรรมทานจากน้องผัก

พี่วิและพี่บุญภิบาลได้ขอขมาเบื้องบนและท่านอาจารย์ที่จิตเคยคิดอยากได้ผักของบ้านสวนฯโดยคิดว่า บ้านสวนคงกินไม่ทัน อยากช่วย เหตุผลฟังทะแม่งๆยังไงไม่รู้นะ 

โดยได้ยินจากอาจารย์พันว่า ผักมีเยอะ ไปขออนุญาติอาจารย์อุบลก่อน แล้วไปหยอดเงินชำระหนี้สงฆ์เอา

แต่เมื่อคุณจิ๋ม ตัวแทนไปขอท่านอาจารย์ ซึ่งท่านอาจารย์ปฏิเสธไปแล้ว โดยที่ท่านเมตตาต่อทุกคนที่ได้ช่วยกันปลูกแต่ยังไม่ได้เอาผักเลย แต่นี่คนที่เพิ่งมา แถมไม่ได้ช่วยปลูก มาขอไม่ว่าด้วยกรณีใด ท่านก็ยังนึกถึงลูกหลานคนอื่นๆ ท่านไม่อนุญาติ

แต่คุณจิ๋มท่านนี้ยังคงตื้อ ยังคงขออยู่นั่นหล่ะ ไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านอาจารย์พูด ขอแล้ว ขออีก เฮ่อ! นรกกำลังจะกินกะบาลแล้วยังไม่รู้ตัวอีกน๊าา

สรุปว่าทั้งพี่วิและพี่บุญภิบาล ได้คิดว่าตนเองได้ตัดสินใจแทนท่านอาจารย์ เข้าใจเองว่าผักกินไม่ทัน เลยอยากขอขมา

ท่านอาจารย์ได้เมตตาให้ธรรมะกรณีที่อาจารย์พัน ได้กล่าวว่า เอาผักไปได้ แต่ให้หยอดเงินชำระหนี้สงฆ์เอา

ซึ่งความเป็นจริงทำไม่ได้ เป็นบาป ไม่สามารถทดแทนด้วยการชำระหนี้สงฆ์ได้เลย เพราะเจ้าของยังไม่อนุญาติ คิดแบบนี้ไม่ได้

แต่โชคดีที่อาจารย์พันยังบอกให้ไปขออนุญาติอาจารย์อุบลก่อน ทำให้อาจารย์พันไม่ต้องตกนรก

ผลกรรมนี้จึงกลายเป็นมรดกกรรมตกทอดแก่อาจารย์ณีด้วย ทำให้อาจารย์ณีต้องได้รับทุกข์ทางร่างกาย ซึ่งความเจ็บป่วยของอาจารย์ณีทำให้อาจารย์พันทุกข์ใจไปด้วย และก่อนหน้านี้ครอบครัวอาจารย์พันก็ได้ถูกขโมยขึ้นบ้าน ได้คอมพิวเตอร์ราคาแพงไป ๒ เครื่อง เสียไปเป็นแสนบาทเลยทีเดียว

เรื่องนี้เป็นกรรมที่ให้แง่คิดกับพวกเราทุกคนได้ดีมาก พวกเราต้องระวัง ความคิด การกระทำทุกอย่างให้ดี

และพวกเราได้รู้ว่า ที่ผ่านมามีคนมาช่วยทำเกษตรน้อย อาจารย์พันต้องเหนื่อยมาก และเมื่อก่อนผมก็เคยพูดว่า เราใช้จำนวนคนทำเกษตรมากไป เลยทำให้งานอื่นๆไม่เดินหน้า

ซึ่งจุดนี้ทำให้พวกเราทุกคนต้องช่วยกันวางแผนกันใหม่ เพื่อทำให้งานทุกๆอย่างในบ้านสวนฯเดินหน้าไปพร้อมๆกัน และลงตัวในเรื่องปริมาณงาน ปริมาณคน เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพดีที่สุด

ให้คำปรึกษาดีนัก

พี่ฉันทนา และพี่แหม่ม ได้ขอขมาเรื่องที่ตนเองได้รับโทรศัพท์จากน้องตฤณที่มักโทรมาหา และตนเองทั้งสองก็ได้ให้คำปรึกษาแก่น้องตฤณไป ทั้งๆที่บางทีตนเองก็ไม่รู้เรื่องราวว่า เกิดอะไรขึ้น และอ้างคำพูดของท่านอาจารย์

ซึ่งจริงๆแล้วไม่เคยได้คุยโดยตรงกับท่านอาจารย์เลย แต่ก็ได้อ้างชื่อท่านอาจารย์ ซึ่งอาจต้องการให้คนฟังเชื่อ หรือจบปัญหาต่างๆแบบง่ายๆก็ตามแต่

ง่ายๆเลย คนที่มีปัญหากับบ้านสวนฯที่มักโทรไปหาคนนั้นคนนี้ เพื่อขอคำปรึกษา ตัวเราเองหากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเขาได้คุยกับท่านอาจารย์อุบลอย่างไร ตกลง สรุปกันอย่างไร ตัวพวกเราเอง ก็ไม่ควรให้คำปรึกษา

เราควรฟังอย่างเดียว ฟังได้ทุกเรื่อง แต่ควรบอกไปตรงๆว่า ไม่มีความเห็น ไม่สามารถให้คำปรึกษาได้...เพราะไม่รู้ความเป็นมา และคุณคุยกับท่านอาจารย์และตกลงอย่างไรกันไว้บ้าง...

มีเยอะนะครับ คนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ชอบโทรคนนั้น คนนี้ บางทีโทรไปถามคนที่มีปัญหากับบ้านสวนฯว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ได้หาอีกเหรอ... พวกคนแบบนี้ ต้องพิจารณาตนเองให้ดีนะครับ ว่าคุณทำไปเพื่ออะไร ทำไมอยากรู้อยากเห็นนัก...ระวังเบื้องบนจะจัดหนักแน่นอนคนแบบนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-28 20:01:53


ความคิดเห็นที่ 915 (1599781)

เสด็จพ่อ

ท้าวเวสสุวรรณ

เตือนมานานแล้ว

สำหรับคนที่สอดรู้สอดเห็น

เรื่องของชาวบ้าน หรือ สาระแน

เรื่องชาวบ้าน อยากรู้ว่า คนนั้นไปไหน

ทำไมไม่มา คนนี่เป็นอะไร พี่ไม่ได้เข้าเวป

เล่าให้ฟังหน่อยสิ 

 

เสด็จพ่อบอก

 

มันตอแหล

 

ชีวิตอีพวกนี้ ไม่เคยมีความสุข

แล้วยังคิดไม่ออกว่า

ทำไม ไม่มีความสุข ทำไมทุกข์

 

ก็เพราะ

ชอบสาระแน

เรื่องคนอื่น ความชั่วตัวเอง

ไม่คิดแก้ไข พวกนี้

ท่านขึ้นบัญชีดำไว้

 

ต่อให้พยายาม

เอาชนะเสด็จพ่อฯด้วยการ

พยายาม มา บ้านสวน ให้ได้

แต่

การมาแต่ละครั้ง

เลือดตาแทบกระเด็น

เพราะ

ต้องการเอาชนะ

ที่เสด็จพ่อบอกว่า

 

พวกนี้

จะไม่ได้มาบ้านสวนพีระมิด

อีกต่อไป

 

อยากลองของ

ว่า

ดูซิว่า ระหว่าง ฉัน

กับ

ท้าวเวสสุวรรณ

ใครเจ๋งกว่ากัน

 

ท้าวเวสสุวรรณ

ไม่ให้ไป

 

ฉันจะไปซะอย่าง

จะทำไม

 

ก็ทำอย่างที่เป็นอยู่

นั่นไง

 

ยังมีอีกหลายคน

ที่อยู่ในบัญชีดำ

 

มาแต่ละครั้ง

มีแผน สารพัด

 

หาเหยื่อ หาลูกค้า

หาข่าว แล้วในที่สุด

ก็

หาเรื่อง...ใส่ตัว

หาความ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-28 21:13:07


ความคิดเห็นที่ 916 (1599798)

ผมก็เสียวจริงๆครับ บางคนเห็นมาบ้านสวนฯ อย่างน้องโก้ เจ้าปัญหาซึ่งเป็นนักนวดอิสระ นวดบำบัด ประมาณนี้

เข้ามาบ้านสวนฯ ก็พยายามเข้าไปนวดคนนั้นที คนนี้ที หาทางเอาเบอร์ติดต่อของพี่น้องบ้านสวนฯ ง่ายๆคือเข้ามาหาลูกค้านั่นเอง

เลยอยากขอเตือนให้นักนวดตัว นวดหน้า นวดอะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย หรืออาชีพขายอะไรก็ตามแต่ ที่ชอบเข้ามาทำตัวเป็นลูกศิษย์บ้านสวนฯ อยากทำบุญ อยากถูกถ่ายวีดีโอออกทีวี เป็นต้น

ชอบนวดคนอื่นๆเพื่อขยายตลาด โดยทำทีเป็นเมตตาอยากช่วยผ่อนคลายคนอื่นๆก็มี หรือบอกขายคอร์สตรงๆก็มี ระวังตัวให้ดีด้วยนะครับ จะได้ไปทำสปาในกระทะทองแดง อูยยย...แค่คิดก็เสียวแทนแว้ววว

เลิกซะเถอะนะครับ เลิกหากินในแดนบุญ หากเลิกไม่ได้ ก็อย่าเข้ามาในบ้านสวนฯอีกเลยนะครับ จะได้ไม่ต้องมีบาปหนักติดตัวเพิ่มขึ้นอีก... 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-28 22:57:27


ความคิดเห็นที่ 917 (1599842)

 

ขอโมทนาบุญกับธรรมทานของทุก ๆ ท่านค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อังคณา สมมาก (angkhana-s2011-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-29 10:14:16


ความคิดเห็นที่ 918 (1599954)

กราบขอบพระคุณท่านท้าวเวสสุวรรณ

และท่าน อ.อุบลที่เมตตาเตือนลูกหลานค่ะ

ในเมื่อเป้าหมายของเราคือกลับบ้านนิพพาน 

ตอนนี้เราควรมุ่งสนใจมองดูตัวเอง

มองหาความชั่วของตัวเอง เรายังชั่วตรงไหน 

จะได้รีบปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไขตัวเอง

ยิ่งเวลาเหลือน้อยแล้ว 

ภัยพิบัติใหญ่ใกล้จะเกิดแล้ว 

เราเหลือเวลาน้อยแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง 

เพราะฉะนั้นอย่าเสียเวลาไปสนใจเรื่องของคนอื่น 

เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-29 20:35:08


ความคิดเห็นที่ 919 (1599961)

อนุโมทนา

กับ คุณอ้อย ค่ะ

ที่ยกจิตขึ้นสู่ภาวะแห่ง

เมฆจิต ได้แล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-29 22:11:36


ความคิดเห็นที่ 920 (1599996)

ขอกราบขอบพระคุณในคำสอนจากเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณและท่านอาจารย์อุบลด้วยครับ ตั้งแต่โดนเสด็จพ่อเตือนคราวนั้น(โดนถีบตกบ่อ) ก็เลิกพฤติกรรมโทรศัพท์ ไร้สาระทันทีเลยครับ บางที คนเรามันก็ ต้องเจ็บก่อนถึงจะจำ  แต่ยังดีที่ได้รับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงตัวเองครับ นับว่าเป็นความเมตตามากๆ 

เห็นด้วยกับพี่อ้อยนะครับ ใช้เวลาไปยุ่งเรื่องคนอื่นเอามาพัฒนาทำประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นดีกว่า เอาง่ายๆถ้าว่างจัด ไม่มีอะไรทำก็ ดูลมหายใจ ฟังเทปธรรมมะ อีกอย่างการไปสร้างบุญ เราก็ต้องตั้งใจไปทำบุญจริงๆ ถ้าไปด้วยเจตนาแอบแฝง มันก็จะได้บาปติดตัวมาอีก ไม่น่าเลย คนเราความคิดต่างกัน ที่ไปมันก็เลยต่างกัน จริงๆ 

ขออนุโมทนากับธรรมทาน จากพี่อร พี่เจี๊ยบ พี่ธนา พี่อ้อย ด้วยนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-01 00:03:17


ความคิดเห็นที่ 921 (1600178)

ขออนุโมทนากับธรรมทานจากทุกท่านค่ะ

โดยเฉพาะคุณอรศรีและคุณธนาเก็บตกได้หมด

ส่วนตัวขอเพิ่มเติมอีกนิดที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอน

ของอาจารย์ที่ยังไปเห็นอกเห็นใจคนที่อาจารย์ได้

ห้ามเข้ามาแล้วเหมือนกับการที่เราได้คบคนชั่วเป็นมิตร

สิ่งที่จะตามมานั้นจะทำให้เราเห็นผิดเป็นถูกได้ จนกระทั่ง

ลืมตัวทำความชั่วโดยที่ไม่ตั้งใจได้ ทำใ้ห้สิ่งที่ไ้ด้พยายาม

สร้างความดีนั่นอาจจะต้องสูยไปโดยเปล่าประโยชน์

สิ่งที่เราควรจะพยายามทำตอนนี้คือสร้างบุญให้สม่ำเสมอ

และมองหาความชั่วของตัวเราเองให้มากๆ จะได้แก้ไขที่ตัวเราเอง

แทนที่จะมองหาข้อบกพร่องของคนอื่น คอยตำหนิคนอื่นแต่

ตัวของเราเองกลับมองไม่เห็น

ขออนุโมทนากับคุณอ้อยด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น (coffe-dot-i-joker-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-01 15:34:38


ความคิดเห็นที่ 922 (1600567)

ขอส่งบุญให้แก่ทุกท่านได้มาร่วมอนุโมทนาบุญกับเจี๊ยบและพี่ๆน้องๆที่ได้มาสร้างบุญที่บ้านสวนฯในวันเสาร์อาทิตย์นี้

ในช่วงเช้าวันเสาร์ ได้ช่วยกันเทพื้นชัั้ั้นล่างของวิหารธรรมทาน 3 ชั้นจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สรุปพื้นปูน 3 ชั้นได้ช่วยกันเทเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ

ตอนบ่ายได้มาเรียนการทำปลาเค็มเจ และปลาจืดเจ วิธีทำไม่ยากเลยค่ะ สนุกและอร่อยด้วยค่ะ ส่วนสูตรและวิธการทำจะเขียนสูตรในกระทู้ค่ายพิเศษสอนนการการทำปลาเค็มเจอีกครั้งนะคะ

ส่วนในวันอาทิตย์ตอนเช้า ไปช่วยกันถอนหญ้าที่แปลงผัก หลังจากนั้นก็มาช่วยลุงบุญเทคานเสา(ไม่ทราบเรียกถูกหรือเปล่า)ของอาคารที่จะวางไบโอแก๊ส

จากนั้นก็ไปเรียนการทำปลาเค็มเจ ปลาจืดเจ และปลาฉิ้งฉ่างอีกครั้ง ที่เรียนกันใหม่อีกครั้ง เพราะในวันอาทิตย์นี้จะถ่ายทอดสดให้เพื่อนๆทางบ้านๆได้ดูไปพร้อมๆกันค่ะ แล้วคุณแมวก็ทำเมนูจากปลาจืดคือ ปลาบู่ผัดเผ็ดแต่งหน้าด้วยใบมะกรูดกรอบ มาให้ทานตอนเที่ยง ไม่อยากจะบอกเลยว่า อร่อยจนลืมเนื้อสัตว์ไปเลยคะ เด็กๆตอนแรกก็ไม่อยากกิน แต่พอได้ชิม ต่างชมเปาะถามหาสูตรจากแม่ครัวจะไปให้แม่ทำให้กินเลยค่ะ ขนาดคุณบิ๊กยังทานจนหมดแถมยังเดินตามต้อยๆขอทานอีก แล้วอย่างนี้จะไม่เปิดสอนในคอร์สต่อไปได้ยังไงละค่ะ

 

ธรรมทานวันเสาร์ที่ 3 มีค.55

การนั่งสมาธิคืนนี้ เมื่อสมาทานศีลแล้ว ได้ปฎิบัติแบบสมาธิลืมตา โดยการฟังอาจารย์อย่างตั้งใจมีสมาธิ ซึ่งอาจารย์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ลูกบ้านสวนฯมีสมาธิให้้ได้ 

เริ่มแรกอาจารย์ได้พูดถึงเรื่องการทำบุญ และผลของบุญ ซึ่งแต่ละคนก็ไปทำบุญกันทั่วทุกสารทิศแล้วแต่ก็ไม่ได้อานิสงค์ฉับพลันทันที เหมือนที่บ้านสวนฯ ซึ่งอาจารย์ก็บอกให้คนที่ได้ผลของการทำบุญแล้วมีเงินทองเพิื่ม่ขึ้นมากมายอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งก็มีคุณอร คุณสิทธ์ คุณอมร ซึ่งได้รับความเมตตาให้กิจการค้าเจริญรุ่งเรืองในเวลาไม่นาน ซึ่งท่านอาจารย์ได้ถามวิธการทำบุญว่ามีเทคนิคการทำบุญอย่างไร เผื่อพวกเราจะได้ทำตามบ้าง ซึ่งก็สรุปว่า การทำบุญอย่าหวังผลตอบแทน หรือหวังว่าจะได้รับอานิสงค์อย่างไร ซึ่งถือเป็นอารมณ์ใจที่เลว แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ไม่คาดหวัง นั้นก็คือ ไม่หวังแล้วจะได้

การสร้างธรรมทานเป็นทานอันสูงสุด ถ้าเราขยันเขียนธรรมทานจะทำให้เรามีบารมีสูงสุด จะทำให้เรามีฐานะดีขึ้นได้

จากนั้นก็อนุญาติให้ผู้ที่จะมาขอขมาและขอบคุณได้ออกมา

1.คุณอังคนา สมมาก(แม่น้องต้นอ้อ)

ได้มาขอขมาเมือเสาร์ที่ผ่านมาได้แจ้งเรืองก้อนเน้ื้อที่แกนสมองผิดไป ซึ่งจริงแล้วก้อนเน้อที่แกนสมองนั้นมีมาแล้วไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มีพร้อมกับก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นที่ส่วนอื่น หลังจากที่ต้นอ้อได้มาช่วยบุ้งกี๋เปล่า ก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นที่ส่วนอื่นได้หายไปเหลือเพืยงที่แกนสมองเท่านั้นที่โตขึ้นมาอีก ซึ่งเป็นเพราะ แม่ต้นอ้อไม่กล้าบอกกับคุณหมอเรื่องต้นอ้อหายเพราะอาจารย์อุบล

แม่ต้นอ้อได้นำผลการรายงานอาการเจ็บป่วยของต้นอ้อที่ โรงพยาบาลจุฬา ตั้งแต่ครั้งแรกและจนถึงครั้งล่าสุดที่ก้อนเนื้อฝ่อลง มาให้อาจารย์ดู แต่ไม่มีใครเข้าใจศัพย์ทางแพทย์ก็เลยยังไม่ได้อ่านรายงานผลค่

2.คุณอัครวุธ อดีตผู้จัดการธนาคารศรีนครและภรรยา

ภรรยาได้มาสารภาพผิดกับอาจารย์ในการผิดศีลทั้ง 5 ข้อ โดยเฉพาะข้อ1 ซึ่งได้แก่การทำแท้งลูกตัวเองถึง 3คน ทำให้ชีวิตไม่มีความสุขเลย ขัดสนเงินทอง โรคภัยรุมเร้า แฟนก็ตกงาน ลูกก็ดื้อ ไม่สนใจเรียนหนังสือ ภรรยาต้องเป็นคนหาเลี้ยงทั้งบ้านแถมตัวภรรยาก็ตาเจ็บเป็นโรคเยี่ื่อตาอักเสบ อาจตาบอดได้ ซึ่งอาจารย์บอกว่าเป็นผลกรรมจากการทำแท้ง ซึ่งเป็นกรรมหนัก ฆ่าคน และการที่ลูกดื้อ เกเร ก็เพราะพ่อแม่มีกิ๊ก ซึ่งคุณอัครวุธก็สารภาพว่า สมัยที่เขายังทำงานเป็นผ.จ.ก.แบงค์นั้นก็มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น 3-4 คน และก็มีคนท้องและไปทำแ้ท้งเช่นกัน

ซึ่งกรรมเหล่านี้มารวมตัวกัน ทำให้เกิดผลกรรมมากมาย

และในสมัยที่ยังเป็น ผ.จ.ก.ธนาคาร ก็บีบลูกค้า เร่งรัดหนี้สินจากลูกค้า ถ้าใครไม่จ่ายก็จะติดหนี้ NPL คือแบล็คลิสต์ ที่ไม่สามารถไปทำธุรกรรมใดๆอีกเลย เพราะติดแปล็คลิส์แล้ว ทำให้ตัวเองขาเน่า เป็นเหมือนรอยโซ่ตรวนล่ามขา เพราะไปสร้างความทุกข์ทรมานให้ผู้อื่น ขังผู้อื่นไว้ ตัวเองเลยมาโดนสะเอง

อาจารย์ให้ไปขอขมาพระพุทธองค์ที่บ้าน แล้วให้รายงานผลว่าเป็นอย่างไรบ้าง

จากนั้นท่านอาจารย์ได้เมตตาแจ้งให้บอกกล่าวแก่ผู้ที่ใส่บาตรวิระทะโย ให้แลกมาเป็นเงินแบงค์ก่อนนำมาถวายอาจารย์

บุญกุศลที่ข้าพเจ้าร่วมสร้างในบ้านสวนฯทั้งหมดขออุทิศแด่เทพประจำกายของอาจารย์อุบล เทพประจำกายของอาจารย์มงคล และของน้องท๊อป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนฯและพี่น้องลูกบ้านสวนฯทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-04 21:20:21


ความคิดเห็นที่ 923 (1600572)

อนุโมทนบุญ

ธรรมทาน

จาก

คุณเจี๊ยบ

นะจ๊ะ

 

ที่รีบ

มาเขียนเล่าเรื่องราว

ที่ได้พบเห็น

จาก

กิจกรรมที่บ้านสวนฯ

เมื่อ เสาร์+อาทิตย์ ที่ผ่านมา

3-4 มี.ค.55

 

แล้วคุณเจี๊ยบ

จะมีชีวิตที่ดีขึ้นทุกด้าน

เพราะ

 ธรรมทาน

เป็นบุญที่มีกำลังบุญสูงมาก

จ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-04 21:46:41


ความคิดเห็นที่ 924 (1600574)

โมทนาบุญกับพี่เจี๊ยบด้วยนะคะ  ส่งข่าวด้วยความรวดเร็ว

คงเข้าใจชาวเกาะ  ที่รอเกาะอยู่หน้าเวปนะคะ

 สรุปว่า การทำบุญอย่าหวังผลตอบแทน หรือหวังว่าจะได้รับอานิสงค์อย่างไร ซึ่งถือเป็นอารมณ์ใจที่เลว แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ไม่คาดหวัง นั้นก็คือ ไม่หวังแล้วจะได้

       แล้วจะพยายามทำอารมณ์ใจให้นิ่ง  ไม่คาดหวังค่ะ

____________________

แล้วคุณแมวก็ทำเมนูจากปลาจืดคือ ปลาบู่ผัดเผ็ดแต่งหน้าด้วยใบมะกรูดกรอบ มาให้ทานตอนเที่ยง ไม่อยากจะบอกเลยว่า อร่อยจนลืมเนื้อสัตว์ไปเลยคะ เด็กๆตอนแรกก็ไม่อยากกิน แต่พอได้ชิม ต่างชมเปาะถามหาสูตรจากแม่ครัวจะไปให้แม่ทำให้กินเลยค่ะ ขนาดคุณบิ๊กยังทานจนหมดแถมยังเดินตามต้อยๆขอทานอีก แล้วอย่างนี้จะไม่เปิดสอนในคอร์สต่อไปได้ยังไงละค่ะ

       คุณน้องแมวขา  จะมีโอกาสไหนที่จะทำเมนูนี้อีกไหมค่ะ

อ่านจากพี่เจี๊ยบเขียนแล้ว  อยากชิมค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-04 21:54:31


ความคิดเห็นที่ 925 (1600589)

 อนุโมทนากับคุณเจี๊ยบด้วยค่ะ

มาลงได้ไวทันใจชาวเกาะจังเลยค่ะ

ดีใจกับพี่ๆน้องๆทุกคนด้วยนะค๊าา

ที่ได้มีโอกาสเข้าค่ายครั้งนี้

ได้ทั้งบุญ ความสนุก ความสุข ความอร่อย

แถมยังได้วิชาชีพไว้ติดตัว

เพื่อไปใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าได้อีกด้วย

ว่าแต่อ่านแต่ละเมนูแล้ว

ชวนให้น้ำลายไหลจริงๆนะคะเนี่ย อิอิ

น่าทานทั้งน๊านนน 

ยิ่งได้ครูฝึกอย่างคุณอัมแล้ว

ความอร่อยนี่ที่ 1 เล๊ยยย

อ่านมาถึงเมนูปลาบู่ผัดเผ็ดจากพี่แมวแล้ว

หิวข้าวเลยอ่าค่ะพี่แมวขาา

น้ำลายไย๋อะค่า ฮี่ๆ

*************************************

ซึ่งก็สรุปว่า การทำบุญอย่าหวังผลตอบแทน หรือหวังว่าจะได้รับอานิสงค์อย่างไร ซึ่งถือเป็นอารมณ์ใจที่เลว แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ไม่คาดหวัง นั้นก็คือ ไม่หวังแล้วจะได้

ทำบุญแล้วไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นความคิด

ที่เราทุกคนควรจะมี และคิดให้ได้

เพราะเป็นความคิดที่ประเสริฐมากๆ

อ.แม่ท่านเปิดบ้านส่วนตัวให้เรามาทำบุญ

แต่ไม่หวังสิ่งตอบแทนจากเรา

ซึ่งนั่นก็คือท่านเป็นผู้ให้

เราอาจจะไม่มีอะไร

ที่จะมาตอบแทนอ.แม่

ให้สมกับที่ท่านให้เราได้

เพียงแค่เราทำบุญ ทำทุกอย่างด้วยใจ

ทำแล้วไม่หวังผลตอบแทน

นี่ก็อาจเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ 

ที่จะทำให้เราเป็นผู้ให้ ก็ได้ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 04:03:45


ความคิดเห็นที่ 926 (1600604)

 ขอนำธรรมทานเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 3 มี.ค.

มาฝากทุกท่านดังนี้ค่ะ


คุณพี่อร อุ่นศรี

ได้มาขอบคุณอ.ที่ทำให้กิจการค้าขายดี

ดีจนต้องหยุดใช้รหัสอ.อุบลช่วยด้วยเลยค่ะ

เพราะออร์เดอร์มีเข้ามาจนไม่ทันเลยค่ะ

และอ.อุบล ท่านให้เทคนิคว่า

ทำทานหากเราหวังผลของมัน

หลวงพ่อฤาษีบอกว่าถือเป็นทานที่เลว

เราหวังมากจะได้น้อย

อานิสงค์ทานจะไม่เกิดเพราะเราหวังผล


ผู้ที่ใช้รหัสอ.อุบลไม่ได้ผลเพราะยังศรัทธาไม่พอ

และทุกครั้งที่ใช้รหัสอ.อุบลได้ผล

เราควรกตัญญูโดยการอุทิศบุญถวายเทวดา

ที่ท่านช่วยเรา รวมทั้งเทวดารักษาตัวอ.อุบล ด้วย


บุญธรรมทานถือเป็นบุญใหญ่

(อ.อุบลบอกเราหลายครั้งแล้ว)

ยิ่งโดยเฉพาะพวกมีหนี้สิน มีปัญหาการเงิน

จะมีเจ้ากรรมนายเวรมาฉุดไว้

ม่ให้เราอยากเขียนธรรมทาน

เพราะบุญธรรมทานนั้น

ทำให้เรามีสภาพคล่องทางการเงินได้

เราต้องควรสร้างบุญธรรมทานให้มาก


น้องต้นอ้อ

คุณแม่นำผลตรวจของแพทย์มาแสดงให้เห็นว่า

อาการมะเร็งตรงก้านสมองที่ยังไม่หายนั้น

ตอนนี้เล็กลง มีพัฒนาการการรักษาที่ดีขึ้น

ซึ่งการที่น้องจะอาการดีขึ้นหรือไม่นั้น

ผู้เป็นพ่อแม่ มีส่วนทำให้ลูกดีขึ้นหรือแย่ลงได้

การเลี้ยงลูก หากสปอยมากทำให้เขา

เป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห

นี่ก็เป็นตัวที่ทำให้เขาป่วยได้

 

และคุณแม่ยังไม่กล้าบอกหมอ

ว่าที่มะเร็งส่วนอื่นหายนั้น

เป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิบ้านสวน

เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

คุณแม่กลัวหมอไม่เชื่อ

แต่เมื่อตัดสินใจบอกคุณหมอไป

คุณหมอกลับบอกว่า

"หมอจะได้บอกคนอื่น เพราะมีอีกหลายคน

ีที่หมอยังรักษาไม่ได้"


อ.นี ภรรยา อ.พัน

 มาขอบคุณเรื่องที่หลังหายเจ็บ

เพียงแค่คิดว่าจะมาบ้านสวน

เพียงแค่มาลงชื่อ หลังก็หายค่ะ 


พี่แก้ว มาขอขมา อ.อุบลที่บางทีมีจิต

คิดปรามาสอาจารย์

และเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

ไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้

พยายามใช้ความดีต่อต้าน

แต่ก็พ่ายแพ้ความคิดที่ไม่ดี

ซึ่งอ. อุบลได้กล่าวถึง 

การที่ อ.ใ้ห้ฝึกกรรมฐาน ฝึกกสิน

เพื่อให้เรามีอำนาจจิต อำนาจจิตนี้

ทำให้เราบังคับใจตัวเองได้ก่อน

และเมื่อช่วยตัวเองได้แล้วก็จะ

สามารถช่วยผู้อื่น ช่วยโลกได้


คุณณัฐนาท และสามี

หากชื่อผิดต้องขออภัยค่ะ

ได้มาสารภาพบาปของตน

ว่าเคยทำชั่วมามากมาย

ลูกดื้อ ตกงาน มีปัญหาสุขภาพ

จนไม่สามารถทำงานได้

ตัวเองคนเดียวต้องหาเลี้ยงครอบครัว

สามีอดีตเป็นผจก. ธนาคาร

เคยทำให้ลูกค้าติดแบล็กลิสต์

สร้างความเจ็บปวด

เป็นการตีตรวนให้ลูกค้า

จนตัวเองต้องตกงาน

มีแผลบริเวณหน้าแข้ง ข้อเท้า

หลังจากมาใช้แรงกายที่บ้านสวนครั้งแรก

อาการแผลที่ขาก็แห้ง ดีขึ้น

และ อ.อุบลได้ให้ข้อคิดถึง อาชีพนี้

ควรใช้ความเมตตาในการประกอบอาชีพ

ลูกหนี้บางคนเขาอาจพยายามใช้หนี้

ไม่ได้คิดโกง เราสามารถประนอมหนี้ได้

ให้ใช้วิจารณาญาณในการตัดสินใจ

ให้กรณีของครอบครัวคุณณัฐนาท เป็นอุทาหรณ์ค่ะ


ขอขอบคุณธรรมทานจากทุกท่าน

เป็นการสมาทานศีลให้เห็นเป็นรูปธรรม 

เข้าใจง่าย และทำให้เราแก้ไข

ย้อนดูตัวเอง สำรวจตัวเองเสมอค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 09:41:28


ความคิดเห็นที่ 927 (1600630)

กราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบลค่ะ

ที่รีบมาเขียนธรรมทาน เพราะถ้าไม่เขียนทันที ก็จะลืมเหตุการณ์ค่ะนึกไม่ออกกลัวไม่มีเรื่องที่จะเขียน

ส่วนสูตรการทำปลาเค็มเจ ปลาจืดเจ และปลาฉิ้งฉ่างได้เปลี่ยนไปเขียนในกระทู้อาหาร 4 ภาคของพี่เกสรค่ะ เพราะกระทู้เข้าค่ายพิเศษเรียนทำปลาเค็มไม่สามารถเข้าไปเขียนได้ เลยต้องย้ายกระทู้ค่ะ

เพิ่มเติมอีกเรื่องนะค่ะ

วันอาทิตย์ตอนเช้ามืดได้ช่วยคุณแมวทำน้ำเต้าหู้ เลยได้ความรูู้เรื่องการทำน้ำเต้าหู้เพิ่มขึ้นมาอีกค่ะ

สูตรการทำน้ำเต้าหู้ ใช้ถั่วเหลืองเม็ดแช่น้ำทั้งคืนแล้ว นำมาปั่นโดยใช้ถั่วเหลือง 2 ส่วนต่อน้ำ 3 ส่วน ปั่นให้เข้ากัน แล้วใช้ผ้าขาวบางกรองบีบน้ำใส่หม้อไว้ แล้วนำกากถั่วเหลืองไปปั่นอีกครั้งโดยใช้สูตรเท่าเดิม คือถั่ว: น้ำ  2:3 ทำ 2 ครั้งก็พอเพื่อความเข้มข้นของน้ำเต้าหู้

  แล้วนำไปต้ม ตั้งไฟอ่อนๆ คนไปเรื่อยๆ จนเดือดสักพักหนึ่งจึงยกลง

นำมาทาน โดยเติมน้ำตาลลงไป หรือสูตรใหม่ ใส่น้ำหวานเฮลบลูบอยสี่แดง จะหอมกลบกลิ่นถั่วที่บางคนอาจจะไม่ชอบได้เลย แถมสีน้ำเต้าหู้ก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน น่าทานมากเหมือนนมเย็น และขอบอกว่าอร่อยมากค่ะ

และการที่ใช้ถั่วเหลืองเม็ด จะมีเปลือกถั่วด้วยไม่ต้องเอาเปลือกถั่วออก ปั่นไปด้วยกันเลย จะมีจมูกถั่วผสมอยู่ในนั้นด้วย จะได้คุณค่าของสารอาหารครบเลยค่ะ แถมทานแล้วหน้าท้องจะแบนราบด้วยค่ะ เพราะถ่ายท้องสบายค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 12:12:46


ความคิดเห็นที่ 928 (1600638)

อ่านสูตร น้ำเต้าหู้ แล้ว ดูไม่ค่อยยากนะคะ

ขอบคุณคุณเจี๊ยบที่ถ่ายทอดความรู้ด้วยคะ

 

รวมถึงธรรมทานจากทุก ๆ ท่านด้วยคะ

อ่านเรื่องคนอื่น แล้ว ได้ย้อนมองตัวเองจริง ๆ

อย่างที่คุณตุ้ยบอกเลยคะ...

 

อาชีพ นี่ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากเลยนะคะ

ถ้าเราได้เลือกอาชีพที่ดี ก็ถือว่ามีโอกาสได้สร้างบุญ

เช่น เป็นครูก็มีโอกาสช่วยเหลือเด็ก ช่วยสังคมให้ดี 

แต่จริง ๆ ทุกอาชีพก็สร้างบุญได้หมด อย่างที่อ.อุบลเคยสอน

ถ้าเราเลือกที่จะทำให้อาชีพของเรามันดี มันก็จะดี

ค้าขาย ถ้าขายอย่างจริงใจไม่โกหก ไม่เอาเปรียบ ก็เป็นพ่อค้าที่ดี

แต่ถ้าเราเลือก ไปขายของผิดศีลธรรม เช่น เหล้าเบียร์

เราก็กลายเป็นพ่อค้าที่สร้างบาปได้ในทุก ๆ วัน

 

ทำงานแบ๊งค์ ถ้าเราเลือกที่จะปฏิวัติวงการเหมือนที่อาจารย์อุบล

เคยบอกคุณโจ(ผู้จัดการซิมแบ๊งค์)  ว่าให้เปลี่ยนแผนงาน

ให้ความจริงใจ ไม่เอาเปรียบลูกค้า

ถ้าเราเชื่อมั่นใน อ.อุบล เชื่อในกฏแห่งกรรม และความดี

เราก็จะกล้าเปลี่ยนทุกอย่างไปในทางที่ดี อาชีพของเราก็ดีเอง

 

................................................................................................

และเห็นด้วยกับน้อง ญ ที่ว่า...

 

เราอาจจะไม่มีอะไร

ที่จะมาตอบแทนอ.แม่

ให้สมกับที่ท่านให้เราได้

เพียงแค่เราทำบุญ ทำทุกอย่างด้วยใจ

ทำแล้วไม่หวังผลตอบแทน

นี่ก็อาจเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ 

ที่จะทำให้เราเป็นผู้ให้ ก็ได้ค่ะ

 

............................................................

ทุกอย่างมาจาก ใจ

ใจของเราเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง

ถ้าใจเราเลือกที่จะทำดี  ทุกอย่างก็จะออกมาดี

ถ้าใจเราเลือกที่จะเห็นแก่กิเลสมากกว่า

กิเลสก็จะนำทางแห่งความเสื่อมมาให้...เป็นเรื่องธรรมดา

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 12:49:15


ความคิดเห็นที่ 929 (1600645)

พูดถึงเรื่องอาชีพของท่านผู้จัดการธนาคาร ที่ถึงแม้จะทำ

ตามนโยบายของทางบริษัท ก็มารับผลกรรมตามที่น้องตุ้ย

เล่ามา ก็อยากจะเล่าถึงอาชีพเสริมของตัวเองบ้าง

คือแต่ก่อนมีอาชีพเสริมคือทำธุรกิจขายตรง ก็จะพยายาม

หาลูกค้าให้เขาร่วมทำธุรกิจกับเราให้ได้ โดยการพูดหว่าน

ล้อมต่าง ๆ นา ๆ  ว่าผลประโยชน์ที่เขาจะได้มีอะไรบ้าง พูด

เกินความจริง ซึ่งเขาก็หลงเชื่อ และยอมทำธุรกิจกับเรา แต่

แล้วเขาก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างที่เรานำเสนอ เพราะเรา

ก็จะบอกแต่ในส่วนที่ดี แต่ส่วนที่ไม่ดีของธุรกิจก็ไม่ได้บอกให้

เขารู้(แต่เราก็รู้ที่หลังเหมือนกัน)

ก็เป็นการทำผิดศีลข้อที่ 4 คือพูดปด หลอกลวง

แล้วก็มาพ่วงถึงศีลข้อที่ 2 คือทำให้เขาเสียเงินโดยไม่เต็มใจ

เพราะบางคนก็ร่วมทำเพราะเกรงใจเรา

ผลกรรมก็คือ ทำให้เรามีหนี้สินมากมาย เพราะไปหลอกลวงให้

เขาเสียเงิน

แต่ก่อนทำอาชีพหลายอย่าง  ทำงานทุกวันไม่ค่อยมีวันหยุด แต่กลับ

ไม่มีเงินใช้ ได้เงินมาก ก็มีรายจ่ายมาก

แต่เดี๋ยวนี้ทำงานหลักอย่างเดียว เสาร์-อาทิตย์ ไปทำบุญที่บ้านสวน

แต่มีเงินทำบุญ มีสภาพคล่องในการเงิน มีความสุข มีมิตรที่ดี

ขอขอบคุณบ้านสวนพีระมิด ที่ให้ชีวิตใหม่ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล (mamlak-w-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 13:25:56


ความคิดเห็นที่ 930 (1600654)

อนุโมทนาสำหรับ ธรรมทาน ที่ พี่เจี๊ยบ พี่ตุ้ย พี่แหม่ม มาเขียนให้ชาวเกาะ ได้อ่านกันนะครับ

เรื่องการทำบุญโดยไม่หวังผลตอบแทนนี่ดีมากๆ บางทีเราทำบุญเพื่อหวังผล เจือด้วยความอยาก บุญก็ไม่บริสุทธิ์ พอไม่ไ้ด้ตามที่หวังไว้ ก็ทุกข์ อีก ถ้าทำโดยไม่หวังผล ก่อนให้มีความสุข ขณะให้มีความสุข หลังให้มีความสุข(เพราะไม่หวังผลตอบแทน)

เรื่องสูตรน้ำเต้าหู้ นี่มีประโยชน์มากๆ ครับ เป็นความรู้ที่สามารถ นำไปประกอบอาชีพได้เลย อร่อยและมีประโยชน์ด้วย  

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 14:10:20


ความคิดเห็นที่ 931 (1600694)

พี่แก้ว มาขอขมา อ.อุบลที่บางทีมีจิต

คิดปรามาสอาจารย์

และเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

ไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้

พยายามใช้ความดีต่อต้าน

แต่ก็พ่ายแพ้ความคิดที่ไม่ดี

ซึ่งอ. อุบลได้กล่าวถึง 

การที่ อ.ใ้ห้ฝึกกรรมฐาน ฝึกกสิน

เพื่อให้เรามีอำนาจจิต อำนาจจิตนี้

ทำให้เราบังคับใจตัวเองได้ก่อน

และเมื่อช่วยตัวเองได้แล้วก็จะ

สามารถช่วยผู้อื่น ช่วยโลกได้

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

พี่แก้ว

 ท่านแม่ทัพ  ( มาร ) 

ได้ออกไปขอขมา อ.อุบล

อีก แว้ว.ว.ว.ว

ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไร ?

และการขอขมา ของพี่แก้วแต่ละครั้ง

ล้วนแต่มี ความคิดที่ไม่ดีล้วน ๆ

และหนักข้อขึ้นทุก ครั้ง

แปลกใจจัง พี่แก้ว เข้าวัด

ฟังธรรม มาตลอด

ทำไม พี่ไม่ท่อง พุทโธ ๆ ๆ

ในขณะที่พี่กำลังทำบุญ

แบบนี้เรียกว่า

ครูบาอาจารย์สั่งสอนแล้วไม่จำ

ถึงขั้น อยากทำร้ายตีอ.อุบล

และอยากฟัน ท่านท้าวเวสสุวรรณ

โอ้...พี่เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในโลก

...พี่แก้ว...

ถ้าพี่คิด แบบ มีเสียงด้วย

พี่คงไม่ปลอดภัย

แบบฉับพลันทันที..แน่นอน

ขอบอก 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 15:52:40


ความคิดเห็นที่ 932 (1600701)

อาทิตย์นี้ท่านอาจารย์ได้ให้กรรมฐานแบบลืมตาเช่นเดิม

โดยมีคุณอร คุณสิทธิ์ คุณอมรได้พูดถึงการอนุโมทนาหน้าจอ

การบูชาธนบัตร ฯลฯ การใช้รหัสอ.อุบล ตลอดถึงการเข้ามาสร้าง

บุญในบ้านสวนฯไม่ว่าจะเป็นการนำสิ่งของ อาหาร ปัจจัยต่างๆ

ตลอดจนบุญที่สร้างจากแรงกายเข้ามาสร้างในนี้ อย่างสมำ่เสมอ

ต่อเนื่อง โดยไม่คิดหวังสิ่งตอบแทน ทำเพื่อสร้างบุญเพิ่มและมี

ความสุข โดยการทำบุญก็มี 3 อย่างคือ สังฆทาน จากการที่ทุกคนน

นำอาหาร ผัก ผลไม้ มาสร้างบุญในบ้านสวนฯ   2.วิหารทาน ที่ทุกคน

ได้ร่วมกันสร้างอาคารที่พัก วิหารหรือสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์

ทั้งหลาย ไม่ว่าเป็นแรงกาย ปัจจัยสิ่งของที่ได้ร่วมกันสร้าง

และธรรมทานที่ทุกคนสามารถเข้ามาเขียน ซึ่งในบ้านสวนก็มีครบทั้ง

3 อย่างที่ทุกคนสามารถทำได้โดยตัวเองไม่เดือนร้อน จึงเกิดผลทีทำ

ให้ได้รับความสุขและพลิกผันให้ได้รับสิ่งที่ดีๆ โดยไม่คาดฝัน

จากนั้นก็เป็นการขอบคุณและขอขมาจากคุณอัง คุณนี คุณแก้ว คุณสมจิตร

คุณนัดและสามีเคยเป็นผู้จัดการแบงค์แต่ขาดความเมตตา กรุณา และทำผิด

ศีล 5 โดยเฉพาะข้อกาเมและปานาฯจึงทำให้ชีวิตไม่มีความสุข มีอุปสรรค

มีหนี้สิน ลูกดื้อ ตาเจ็บ แข้งเป็นแผลอักเสบเรื้อรังโดยที่หมอก็ไม่สามารถ

รักษาได้เป็นเวลา 2 ปี แต่มาสร้างบุญครั้งเดียว แผลที่แข้งแห้งลง และ

ป้าเตือนได้ขอบคุณที่ใช้รหัสอ.โดยนับลูกประคำ 108จบเป็นเวลา 9 วัน

จนได้อานิสงฆ์ขายที่ที่ไม่น่าจะขายได้ได้ สาธุ

 

กราบพระบาทพระพุทธองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวน และท่านอ.ค่ะ

ตอนเย็นวันเสาร์ได้ไปรดนำ้ผักด้านหลัง ขอบอกว่าเหม็นมากๆ

จึงขออ.อุบลช่วยด้วยขออย่าให้กลิ่นติดเสื้อผ้ามาเลย เลยติดอยู่

ที่ปลายมือนิดหน่อยพอให้ปลงๆ ลงไปบ้าง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทนา ชูนุ่น (coffe-dot-i-joker-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 17:34:09


ความคิดเห็นที่ 933 (1600750)

สวัสดีครับ

ขอเล่าประสบการณ์ของผม

ที่ไปสร้างบุญที่บ้านสวนฯ

 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนี้ครับ

 

1. คำสอนของท่านอาจารย์มงคล

ที่กรุณาให้ธรรมทานกับอาจารย์พันธ์

และผมที่แปลงผักครับ

ท่านบอกว่า

คนเราควรตั้งโปรแกรมความคิด

ของเราไว้เสมอ ว่าเราอยากทำอะไร

เพราะถ้าเราไม่ตั้งโปรแกรมไว้

เราก็จะไม่ไปถึงสิ่งที่ต้องการ

ควรคิดดี ๆ คิดเชิงบวกไว้เสมอ

ซึ่งหากนำมาประยุกต์กับสิ่งที่

ท่านอาจารย์อุบลพร่ำสอนพวกเรา

ให้ทุกคนไปนิพพานชาตินี้ให้ได้

เราต้องตั้งโปรแกรมความคิดของเราไว้

คิดไว้เสมอว่า

เราจะไปนิพพานชาตินี้ให้ได้

ชาตินี้ขอเป็นชาติสุดท้าย

หากเราไม่ตั้ง ไม่หวัง หรือมัวแต่คิดว่า

เราโง่ ไม่สามารถไปนิพพานชาตินี้ได้

(เช่น ผม เป็นต้น)

เราก็จะยิ่งไม่ได้ไป หรืออาจไปทัวร์นรกแทน

ท่านอาจารย์มงคล ได้ยกตัวอย่างว่า

มีฝรั่งที่เขียนในเรื่องพวกนี้ไว้เช่นกัน

ผมคิดว่า อาจเป็น the Secret ที่สอนไว้

ในเรื่องของกฎแห่งการดึงดูด

คือ ให้คิดแต่สิ่งดี ๆ แล้วสิ่งดี ๆ

จะถูกดูดเข้ามาหาเราเอง

ด้วยอำนาจพลังจิตของเราครับ

2. คำสอนของท่านอาจารย์อุบล

2.1 ทำไมคนไปวัดแล้ว

ไม่หายจากอาการป่วยทันที

ก็เนื่องมาจาก ทำบุญเพราะความอยาก

หวังผลตอบแทน เป็นอารมณ์ใจที่เลว

อานิสงฆ์ของทานจึงไม่เกิด

ต่างกับคนที่ทำบุญ

โดยไม่หวังผลตอบแทน

ทำด้วยความศรัทธา อานิสงฆ์จะเกิดทันที

แต่การทำบุญด้วยศรัทธาก็ยังไม่พอ

ถ้าศรัทธา แต่ไม่มั่นคง ไม่ทำตามที่

ครูบาอาจารย์สั่งสอน อานิสงฆ์ก็ไม่เต็มที่

เช่น ท่านสอนให้เราทำทานขั้นสูงสุด

คือ ธรรมทาน

แต่เราก็ไม่ค่อยมาเขียนกัน

เปรียบเสมือน

เราไม่มีความกตัญญูเป็นเลิศ  เป็นต้น

2.2 การทำความดี ต้องทำทันที

ทำอย่างสม่ำเสมอ และทำมากขึ้น

ซึ่งการที่เราสามารถทำได้แบบนี้

นั้นคือ จิตของเราทรงอยู่ในความดี

เราจะมีอำนาจที่สามารถคุมจิต

สามารถบังคับกระแสจิตของเราได้

โดยเฉพาะขั้นสูงสุด คือ

ไม่ให้ทุกข์ ไม่ให้เศร้า ไม่ให้เครียด

เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

เมื่อเราสามารถบังคับกระแสจิตของเราได้

เราก็สามารถควบคุมคนอื่น

หรือ สามารถควบคุมดินฟ้าอากาศได้

และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้

หากไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

ก็ขอบารมีพระพุทธองค์

บังคับกระแสจิตเราไม่ให้ทำชั่ว

คิดถึงพระพุทธเจ้าไว้เสมอ

คนส่วนใหญ่บังคับกระแสจิตของตนไม่ได้

จึงไม่แปลกที่มีคนชอบปรามาสในหลวง

2.3 อานิสงฆ์ของการรักษาศีล

สีเลนะ สุคะติง ยันติ....

การรักษาศีลทำให้เกิดความสุข

สีเลนะ  โภคะสัมปะทา ...

การรักษาศีลทำให้มีทรัพย์

สิเลนะ  นิพพุติง  ยันติ .....

การรักษาศีล เป็นหนทางให้เข้าสู่นิพพาน

ตัสมา   สีลัง วิโสทะเย ...

ทุกคนควรรักษาศีล

2.4 ให้พวกเราช่วยกันเผยแพร่อาหารมังสวิรัติ

เพราะจะทำให้เราไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น

อาหารมังสวิรัติมีประโยชน์

เช่น ปลาเจ ที่ฝึกทำกันนั้น ทำจากถั่วเหลือง

มีวิตามิน บี12 ทานแล้วทำให้ฉลาด ไม่โง่

(อันนี้ต้องทานมาก ๆ ซะแล้ว)

เราทุกคนควรฝึกทำอาหารมังสวิรัติ

และฝึกทำวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหาร

เพราะหากเกิดภัยพิบัติ เราติดอยู่

ไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้เพราะน้ำท่วม

เราก็สามารถหาอาหารไว้ทานได้

 

2.5 คำสอนต่าง ๆ

ท่านอาจารย์เป็นเพียงผู้ชี้นำให้

จะทำหรือไม่ ได้ผลเพียงไรนั้น

ให้ไปตัดสินใจเอาเองว่าจะทำตามหรือไม่

 



 ขออนุโมทนาบุญ

กับธรรมทานของทุกท่านครับ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 00:45:50


ความคิดเห็นที่ 934 (1600767)

พี่แก้ว มาขอขมา อ.อุบลที่บางทีมีจิต

คิดปรามาสอาจารย์

และเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

ไม่สามารถบังคับใจตัวเองได้

โอ้.....

บางคนขุดดิน ขนหิน ขุดตอ แทบตาย

แต่ผลบุญที่ได้ ไม่เท่ากับคนที่ทำน้อยกว่า

มาจากสาเหตุนี้นี่เอง 

 

เพราะว่า .....ต่อให้เราจะทำบุญด้วยเงินไปเท่าไหร่

จะใช้แรงกายไปมากแค่ไหน

แต่ถ้าใจไม่บริสุทธิ์

ผลบุญที่ได้ก็จะน้อยมากๆ

เพราะขณะที่เราทำบุญ

เราก็ได้ทำบาปไปด้วย ด้วยการคิดไม่ดี

เพราะฉนั้นเราทำ 2 อย่างคู่กัน

มันจึงสูสี เท่าๆกัน

ผลลัพธ์คือ.....

เหมือนเราไม่ได้อะไรเลย

ว่าแล้วเชียว....ทำไมอ.แม่

จึงต้องพยายามบอกให้พวกเราฝึกกสิณ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 06:11:40


ความคิดเห็นที่ 935 (1601002)

โมทนาบุญกับธรรมทานทุกท่านค่ะ  สาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-07 19:32:18


ความคิดเห็นที่ 936 (1601279)

กราบอนุโมทนาบุญกับครอบครัว

ศุภาเดชาภรณ์
..............................................................

และขออนุโมทนาบุญในธรรมทาน

กับทุกท่านที่มาถ่ายทอด

ให้น้อมนำพัฒนาจิต สาธุค่ะ...

.........................................

ขออนุญาติร่วมบุญกับน้องเจี๊ยบ

เสริมสูตรน้ำเต้าฮู้นะคะ

เพื่อให้น้ำเต้าฮู้กลิ่นหอม

ใบเตยทั้งใบผูกแบบเชือก 3 ใบต้มพร้อมกันค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-09 00:59:22


ความคิดเห็นที่ 937 (1601676)

ค่ำคืนวันเสาร์นี้ท่านอ.อุบลได้สอนเรื่องคำสมาทานพระกรรมฐานเวลาที่เราสมาทานให้คิดพิจารณาตามไปด้วย ไม่ใช่ท่องแบบนกแก้วนกขุนทอง สมาทานแล้วต้องใช้ให้เป็น เพราะที่บ้านสวนก็ใช้หลักการนี้ เหตุการณ์ที่ท่านอ.ได้รู้ ได้เห็น และที่ทำอยู่ก็เกิดขึ้นได้เหมือนคำสมาทานพระกรรมฐานเช่น ที่บอกว่า

ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิตรู้ภาวะการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบันได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เหตุภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ตามความจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นได้โดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

คือปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านสวน ก็เหมือนกับคำสมาทาน ซึ่งเวลาอ.จะบำบัดใครก็จะต้องรู้กรรม โดยที่ไม่ต้องกำหนดจิต ก็จะรู้ขึ้นมาเอง ผู้ที่ปฏิบัติพระกรรมฐานจะพยากรณ์ไม่ผิดเลย และจะต้องพิสูจน์ได้ อย่างกรณีของน้องอเล็คที่เป็นพ่อค้าขายแมลงทอดในชาติก่อน มาทำให้น้องอเล็คมีอาการคันที่ขา เกาจนแสบขา และมีเลือด น้ำเหลืองไหล คือท่านอ.อุบลก็เห็นภาพที่น้องอเล็กเป็นพ่อค้าชาวเขมรที่ขายแมลงทอด และถ้าเป็นจริงอย่างที่ท่านอ.เห็นภาพนี้ เมื่อน้องอเล็คขออโหสิกรรมแล้ว น้องอเล็คจะต้องหายจากอาการคันที่ขาและแผลที่เป็นจะต้องหาย ท่านอ.อุบลได้พูดไว้เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 55 และวันนี้วันที่ 10 มี.ค.55 ขาของอเล็กหายจากอาการคัน และแผลก็แห้ง ซึ่งน้องอเล็กมีอาการตั้งแต่แรกเกิดคือมีตุ่มแดง ๆ และต้องทายามาตลอดก็ไม่หาย นี่เป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ท่านอ.อุบลเห็นนั้นเป็นความจริง

อานุภาพของเสื้อบ้านสวนพีระมิด

โลโก้ที่เสื้อของบ้านสวนจะมีภาพองค์เทพสฟิ้งค์ ซึ่งตัวเป็นสิงโต หน้าเป็นคน มีชื่ออ.อุบล องค์พีระมิด สามารถป้องกันผี สัตว์มีพิษ เช่นงู เมื่อเห็นเสื้อจะอ่อนแรง สัตว์ที่มีเขี้ยวเล็บ เช่นเสือ ซึ่งแม่คุณแหวน กับพี่อีกคน(จำชื่อไม่ได้)ออกมาเล่าว่า ได้ใส่เสื้อพีระมิดไปเที่ยวสวนสัตว์ เมื่อเสือเห็นก็จ้องมาที่เสื้อบ้านสวนแล้วก็หมอบลงและเอาขาหน้าประสานกันเหมือนทำความเคารพ

ยังมีอีกเยอะเดี๋ยวให้คนอื่นมาเล่าบ้างนะคะ

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล (mamlak-w-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 10:24:59


ความคิดเห็นที่ 938 (1601720)

ขอเล่าธรรมทานเมื่อคืนวันเสาร์ ที่๑๐มีนาคม๒๕๕๕ ให้พี่น้องทุกท่านได้อ่านและพิจารณาธรรมะ เพื่อนำพัฒนาจิตใจและใช้ในชีวิตประจำวันครับ

การสมาทานพระกรรมฐาน

ท่านอาจารย์อุบลเมตตาสอนว่า เวลาเราสมาทานพระกรรมฐานต้องคิดตามไปด้วย ไม่ใช่ว่าพูดแต่ปากแต่ใจไม่ได้พิจารณาคิดตามเลย ก็ย่อมไม่มีผลอะไรเลย และพิจารณษดูว่าสิ่งที่เราสมาทานไปนั้นเกิดกับเราแล้วหรือยัง

เช่น "ขอให้รู้สิ่งนั้นได้โดยไม่ต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด" สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเช็คตัวเองได้ว่า เราทำตามพระพุทธองค์สอนหรือยัง ปฏิบัติตามกรรมฐาน ๔๐ หรือยัง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้และพยากรณ์ต้องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน เวลาฟังใคร อย่าเชื่อที่บุคคล อย่าเชื่อเพราะเป็นคนที่น่าเชื่อ แต่ให้มองว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นต้องพิสูจน์ได้

กรณีของน้องอเล็กซ์ที่ท่านอาจารย์อุบลเคยบอกไว้ว่า กรรมที่ขาเป็นแผล หนอง คันตั้งแต่เกิดแต่เด็กนั้น เกิดจากอดีตชาติเป็นพ่อค้าขายตั๊กแตนทอด ดังนั้นหากน้องอเล็กซ์เป็นพ่อค้าขายตั๊กแตนจริง และได้ขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ ขาของเขาต้องแห้งและหาย

ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราได้เห็นกันชัดเจนเลยว่าขาของน้องอเล็กซ์แห้งแล้ว ไม่เหมือนช่วงก่อนที่ดูแดง คล้ายหนอง เต็มไปหมด

นี่แหละครับที่ท่านอาจารย์อุบลสอนไว้แล้วว่า พยากรณ์อะไรก็ต้องพิสูจน์ได้จริง เห็นจริง อย่าเชื่ออย่างงมงาย ให้ใช้ปัญญาตามหลักกาลามาสูตรของพระพุทธเจ้า สาธุ

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การสมาทานศีลนั้น เพื่อให้เรานำมาใช้ในชีวิตจริงประจำวันนั่นเอง ไม่ใช่แค่เพื่อท่องหรือพูดเวลาจะปฏิบัติกรรมฐานเท่านั้น

การทำนายทายทักผิดต่อมหาศีล

ต่อเนื่องกันเลย ท่านอาจารย์สอนต่อว่า ศีลมี ๓ ระดับ คือ

จุลศีล ก็คือ เหล่าศีล ๕ ทั้งหลาย ที่เราไปฆ่า ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียเขา ฯลฯ

มัชฌิมศีล เช่น พูดจาเพ้อเจ้อ เท็จ ไร้สาระ ฯลฯ เป็นต้น

มหาศีล เช่น พวกประกอบอาชีพโดยไม่สุจริตทั้งหลาย ทำอาชีพทำนายทายทัก ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลต่างๆ

ดังนั้นให้ทุกคนฉลาด ต่อไปหากมีใครมาหา อ.อุบล ให้ทำนายทายทัก หรือใครก็ตามแต่ที่ชอบพูดทำนายทายทักคนอื่นๆให้พวกเราสอนเขาโดยใช้หลักศีลของพระพุทธองค์บอกเขาตรงๆว่า "มันบาป มันผิดต่อมหาศีล" ซึ่งเป็นการผิดศีลระดับที่รุนแรงที่สุด...โอ้ว คำสอนนี้แหล่มเลยครับพี่น้อง

อารมณ์ของเทวดา

ต่อไปบ้านสวนฯเราจะสวดมนต์บทต่างๆบทละ ๑ จบเท่านั้น เพราะทุกคนสวดเป็นหมดแล้ว ก็ให้ไปสวดกันที่บ้านเอง...

ท่านอาจารย์เมตตาสอนว่า คนที่มีอารมณ์ปรารถนาสิ่งใดแล้วสมหวัง เราเรียกว่า เป็นอารมณ์ของเทวดา..

นั่นแน่ ทุกคนอยากเป็นแบบนี้ใช่ม๊าา...จัดไป

ท่านอาจารย์สอนต่อว่า ไม่ยากเลย ธรรมที่ทำให้เป็นเทวดานั้น เราเรียกว่า...เทวธรรม ได้แก่

หิริ และ โอตัปปะ ซึ่งหมายถึง การเกรงกลัวและละอายใจต่อการทำบาป นั่นเอง

ง้าน หากใครอยากมีอารมณ์ของเทวดาก็ปฏิบัติตามเลยก๊าบพี่น้อง..จัดเต็มไปเลย

สัตว์เดรัจฉานน้อมเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนฯ

ได้ขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ให้ตอบคำถามที่ค้างไว้ในกระทู้อื่นว่า ทำไมพระพุทธองค์ถึงทรงเลือกท่านอาจารย์อุบลไม่ทรงเลือกพระอภิญญาเก่งๆ

ท่านอาจารย์เลยเปิดปัญญาให้ทุกคนด้วยการเชิญแม่คุณแหวนและคุณศิลป์ออกมาเล่าเรื่องปาฏิหาริย์บางอย่างให้ทุกคนได้รับรู้กันก่อน

ครอบครัวคุณแหวนและคุณศิลป์ได้ไปเที่ยวสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี เชียงใหม่ และได้เจอเสือขาว ซึ่งปกติสัตว์ชนิดนี้ก็เดินป้วนเ***ยนหรือมีพฤติกรรมตามปกติของเขา

แต่วันนี้ทั้งทีมมีคุณศิลป์ที่ได้สวมเสื้อบ้านสวนฯไปเที่ยวเพียงคนเดียว ทันทีที่พี่เสือเห็น ก็จ้องมองที่เสื้อบ้านสวนฯที่คุณศิลป์ใส่อยู่ไม่กระพริบตา แล้วก็เดินถอยหลังไปหมอบลง โดยใช้ขาหน้าสองขาไขว้กันหมอบลง ก้มหัวคำนับ แสดงความเคารพต่อเสื้อบ้านสวนฯทันที ซึ่งมีองค์เทพสฟริงซ์อยู่

สร้างความตกตะลึง อัศจรรย์ใจแก่ทีมนี้เป็นอันมาก คุณแหวนบอกคุณศิลป์เลยว่า "พี่!เขาจ้องมองที่เสื้อบ้านสวนฯที่พี่ใส่อยู่น่ะ" สงสัยคุณแหวนคงเห็นพฤติกรรมที่แปลกผิดปกติของพี่เสือตัวนี้แน่ๆ ยิ่งเห็นการแสดงความเคารพ ที่ทำด้วยท่าทางที่สง่างามนี้ด้วย โอว้...หากได้อยู่ในเหตุการณ์ก็คงขุนลุกเหมือนกัน

ท่านอาจารย์เลยเฉลยให้ฟังว่า องค์เทพสฟริงซ์ เป็นองค์เทพที่มีอำนาจมากที่สุดองค์หนึ่งในจักรวาล เป็นผู้กุมความลับทั้งหมดของจักรวาลไว้

ดังนั้นวัตถุมงคลต่างๆทุกชนิดของบ้านสวนฯ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ องค์พีระมิดจำลอง แหวน กำไลปะโตเมตัง อื่นๆ จะเป็นที่เคารพ และยอมรับจากทั้งเหล่าทวยเทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาล เปรต ผี อสูรกาย หรือแม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังเข้าใจและให้เคารพดังที่เห็นปรากฏการณ์นี้

ท่านอาจารย์อุบลเลยกล่าวช็อตเด็ดเน้นๆให้ฟังปิดท้ายกรณีนี้เลยว่า เสื้อบ้านสวนฯ ตกลงบ่อจระเข้ จระเข้ก็ไม่กัด เจองูพิษ งูก็หมดแรงไม่ทำร้าย ดังที่เคยมีผู้พบปาฏิหาริย์นี้มาแล้ว

รู้อย่างนี้แล้ว ก็จงใส่เสื้อบ้านสวนฯตลอดเวลาเลยยิ่งดีนะครับ วัตถุมงคลบ้านสวนฯต่างๆที่มีอยู่ก็ให้มั่นใจได้เลยว่า ท่านมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาลคอยคุ้มครองอยู่ ขอเพียงอย่างเดียวอย่าทำชั่ว เร่งสร้างบุญ บารมี ทุกๆพระองค์ก็จะทรงเมตตาพวกเราตลอดไป สาธุ

ทำไมพระพุทธองค์ทรงเลือกอาจารย์อุบล

เห็นมะครับปาฏิหาริย์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายในบ้านสวนฯ และที่เกิดขึ้นกับทุกๆท่าน โดยเฉพาะที่ท่านอาจารย์อุบลเมตตาพวกเรา เช่น ท่านบอกว่า หายนะลูก พวกเราก็หายทันที

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบุญฤทธิ์ และอิทธิฤทธิ์ ที่พวกเราเห็นกันจะๆจนชินตาแล้ว

ท่านอาจารย์อุบลเลยเมตตาเฉลยให้ฟังกันเลยว่า พระพุทธองค์ทรงพระเมตตาตรัสตอบคำถามนี้ว่า

ทุกวันนี้พระอภิญญาทั้งหลายที่มีอยู่ ต่างพากันกลัวผิดวินัยตามคำสอนของพระพุทธองค์ กลัวอาบัติปาราชิก

ก็เลยพากันสอนและแสดงแนวทางแบบสุขวิปัสโก ไม่กล้าแสดงฤทธิ์ หรือคุณสมบัติวิเศษที่มีอยู่ในตนเองให้ญาติโยมได้ฟัง ได้เห็น

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ท่านกลัวว่าจะเป็นอาบัติปาราชิกด้วยเหตุแสดงอุตริมนุษย์ธรรม... อืม น่าสนใจนะครับ ประเด็นนี้แล้วจริงๆเป็นอย่างไรน๊ออ

พระพุทธองค์ตรัสบอกกับท่านอาจารย์ว่า พระทั้งหลายพากันเข้าใจผิด แปลความหมายผิดกันหมด

การอวดอุตริมนุษย์ธรรม นั้น มี

๑) ลักทรัพย์ ตั้งแต่ ๑ บาปขึ้นไป

๒) เสพเมถุนกับสีกา

๓) ฆ่ามนุษย์

๔) การอวดอุตริมนุษย์ธรรม

สำหรับการอวดอุตริมนุษย์ธรรมนั้น คือ การแสดงสิ่งที่ไม่มีอยู่ในตัวเอง แต่หากมีให้แสดงได้และมีการพิสูจน์ได้จริง

ดังนั้นพระอภิญญาทั้งหลายจึงพากันแปลความหมายผิด พากันกลัวผิดอาบัติฯข้อนี้มาก ทั้งๆที่หากท่านแสดงเพื่อช่วยเหลือให้คนพ้นทุกข์ ได้ดวงตาเห็นธรรม และเข้าสู่พระนิพพาน ก็จะเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์อย่างมหาศาล

และพระอภิญญาทั้งหลาย ท่านปฏิบัติมาเพื่อความหลุดพ้นของตนเองเท่านั้น แต่ท่านอาจารย์อุบล อธิษฐานมาเพื่อช่วยคนทั้งปวง

ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงเลือกท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์อุบลต้องสอนให้ปัญญาแก่ทุกคน ตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ในทุกๆแนวทาง และบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น ณ บ้านสวนฯ จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น สัมผัสได้ และที่สำคัญคือ สามารถพิสูจน์ได้จริง สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 13:27:17


ความคิดเห็นที่ 939 (1601762)

พูดถึงเรื่องอวดอุตริมนุษยธรรม คือสมัยที่เคยทำบุญกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และก็มีญาติธรรมที่พูดให้ฟัง และเคยอ่านเจอในหนังสือของลูกศิษย์หลวงพ่อ พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน ได้พูดไว้ประมาณนี้ว่า

พระอภิญญาส่วนใหญ่ก็จะปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของตัวเอง ไม่กล้าแสดงหรือนำมาเขียนมาสอนให้กับประชาชนทั่วไป เพราะกลัวจะโดนปรับอาบัติปาราชิก แต่ที่รู้ก็มีแต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ท่านกล้าที่แสดง และสอนให้พวกลูกศิษย์ สอนมโนมยิทธิ ท่องเที่ยว สวรรค์ พรหม นิพพาน และก็มีพระที่ฝึกอย่างท่านไม่ได้ ก็นำทีมมาฟ้องร้องกรมการศาสนาเพื่อจะปรับอาบัติท่าน

อย่างเช่นท่านเขียนหนังสือประวัติหลวงปู่ปาน ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อ หนังสือเล่มนี้ถ้าใครได้อ่าน จะรู้ว่าเหมือนอภินิหาร แต่นั่นคือความสามารถจริงของท่านหลวงปู่ปาน และบางตอนก็มีการกล่าวถึงหลวงพ่อเวลาที่หลวงพ่อไปสวรรค์ พรหม นิพพาน หรือตอนที่หลวงพ่อฝึกกสิณเล่นฤทธิ์อะไรต่าง ๆ บางทีก็เหมือนเขียนเลี่ยง ๆ ว่าเป็นความฝันบ้าง เป็นนิทานบ้าง ก็ยังมีพระที่กล่าวฟ้องหลวงพ่อว่าอวดอุตริมนุษยธรรม

แต่ด้วยความที่หลวงพ่อท่านเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณ ท่านก็คงรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องโดนฟ้อง ท่านถึงได้ใช้นาม ฤาษีลิงดำ เป็นผู้เขียน

แต่พอถึงเวลาที่จะต้องปรับอาบัติหลวงพ่อ พวกพระอภิญญาต่าง ๆ ที่ฝึกได้อย่างหลวงพ่อก็มารวมตัวประชุมกัน เพื่อจะคัดค้าน และท่านก็บอกว่า คนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ คือฤาษี แล้วจะเอาผิดอะไรกับฤาษีและท่านไม่ใช่พระ ก็เป็นอันว่าหลวงพ่อไม่มีความผิด

เป็นเรื่องที่จำได้คร่าว ๆ นะคะ เล่าสู่กันฟัง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล (mamlak-w-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 14:59:11


ความคิดเห็นที่ 940 (1601835)

ขอเหลาเพิ่มเติมค่ะ จากวันเสาร์ืี่ที่ 4 มี.ค.

เรื่องความลับของพีระมิด

สามารถบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้หาย สามารถหายได้ทันที

น้ำไม่ท่วม หรือท่วมก็ไม่เสียหายมาก อย่างที่บ้านเจี๊ยบก็เช่นเดียวกัน จากคราวน้ำท่วมปี54 ซึ่งน้ำท่วมที่บ้านสูงประมาณ 130 ซม. แต่เมื่อน้ำแห้งแล้ว ทรัพย์สินที่เสียหายมีเพียงตู้ไม้เท่านั้น นอกนั้นเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆไม่ได้เสียหายเลย ไม่ว่าเครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องปั้มน้ำ ซึ่งแช่อยู่ในน้ำร่วม 2 เดือน ไม่ได้เสียหายเลย

ต่ออายุ ชุบชีวิตคนได้

พีระมิดมีอานุภาพมากมายมหาศาล ไร้ขีดจำกัดจริงๆ

ต่อไปพีระมิดจำลองจะเป็นที่ต้องการมาก เพราะสรรพคุณยิ่งกว่าพระเครื่อง ของขลัง

เพราะเครื่องรางของขลัง ไม่สามารถทำให้น้ำไม่ท่วม ไม่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ไม่สามารถต่ออายุ ชุบชีวิตคนได้  ดังนั้นมีพีระมิดจำลองไว้คุ้มครองตัวเอง ครอบครัว ดีกว่ากันเยอะเลย

เรื่องลุงเสริฐแฟนป้าจำเนียร

ที่มาดูสถานที่ก่อสร้างสมเด็จองค์ปฐมพระธรรมบิดา ท่านอาจารย์ได้เมตตาไต่สวนกรรมจากการที่ปวดเข่า ทรมานไม่สามารถนั่งคุกเข่าได้ เดินก็ไม่ค่อยถนัด

กรรมที่เกิดจากการใช้ขา เตะ ตีทั้งสัตว์ คน เมีย และลูกตั้งแต่ตอนลูกยังเล็กๆ และเตะเพื่อนๆ ที่เพียงแค่ล้อเล่น และกรรมที่เกิดจากการมีกิ๊กใช้ขา เข่าในการสร้างกรรม ทำให้กรรมรวมตัวส่งผลทำใ้ห้ปวดขา

เมื่อสารภาพกรรมแต่ละอย่าง ก็ค่อยๆดีขึ้น อัตราเปอร์เซ็นต์ในการหายดีขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งหาย

ซึ่งลุงเสริฐ ป้าจำเนียรและลูกๆซึ่งเป็นนักสร้างบุญบารมี สร้างองค์พระที่วัดท่าซุงเป็นร้อยๆองค์ ทั้งถวายค่าแรงในการสร้างองค์พระ และออกโรงทานที่วัดท่าซุงอยู่เป็นประจำ ก็ยังไม่สามารถหายจากโรคภัยไข้เจ็บที่ทุกข์ ทรมาน

นั่นเพราะบุญที่ทำมานั้นไม่รวมตัว จึงไม่ส่งผลใ้ห้หายจากโรคที่เป็นอยู่ แต่เพียงแค่คุณปิ ลูกสาวป้าจำเนียรถวายบาตรเล็กๆฝังเพชรแก่อาจารย์แม่เท่านั้น นั้นก็เกิดปาฏิหารย์ให้มีอาการทุเลาลงจากอาการเจ็บที่เข่า โดยยังไม่ได้ไต่สวนกรรม

เพราะอาจารย์เป็นสายตรงจากสมเด็จองค์ปฐม เมื่อถวายให้อาจารย์ก็เสมือนหนึ่งถวายโดยตรงแด่สมเด็จองค์ปฐม บุญจึงรวมตัวโดยฉับพลันทันที ทำให้เกิดเหตุอัศจรรย์ ที่ปรากฏต่อสายตาลูกบ้านสวนฯบ่อยๆ

คุณพิภพ(พี่แอ็ด ลูกเขยป้าจำเนียร) ซึ่งลูกบ้านสวนฯรู้จักดีเพราะมาปิดทองสมเด็จองค์ปฐมเมื่อปีที่แล้ว และได้มโนฯแจ่มใส

บอกว่า ที่วิหารพระประธานที่เรานั่งสมาธิกันทุกวันเสาร์นั้น เหมือนเทวสภาหรือจุฬามณี ซึ่งสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆองค์ พรหม เทพ เทวดาจะมาประชุมกัน ฟังธรรมกันที่เทวสภา

เช่นเดียวกับที่บ้านสวนฯทุกครั้งที่มีการนั่งสมาธิ ประชุมกัน ฟังธรรมจากท่านอาจารย์ สมเด็จองค์ปฐม พระพุทธองค์ทุกๆองค์เสด็จมาที่นี่ และสิ่งศักดิ์สิทธิทุกๆพระองค์ เทพ พรหม เทวดา ก็เสด็จมาฟังธรรมกันแน่นไปหมด เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้นเอง

บางครั้งที่อาจารย์พูดออกมานั้น จริงๆแล้วเป็นพระพุทธองค์ท่านเมตตามาสอนเอง

หรืออาจจะเป็นองค์อื่นเมตตามาสอนเรา ลูกกราบพระบาทในความเมตตาของทุกๆพระองค์ และท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 21:01:59


ความคิดเห็นที่ 941 (1601841)

 สาธุ  อนุโมทนาสาธุกับธรรมทานของพี่ๆทุกท่านนะครับ  อ่านแล้วก็เป็นปลื้ม  ดีใจที่ได้มีโอกาสมารู้จักและได้รับธรรมะจากอาจารย์อุบล  และผมตระหนักว่าการมาเขียนธรมทานของพี่ๆทุกท่านนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก  เพราะชาวเกาะอย่างเราทางบ้านจะไม่ได้รับรู้ธรรมะอะไรเลย  หากพี่ๆไม่ได้มาเขียนธรรมทานของแต่ละสัปดาห์  ขอบพระคุณอาจารย์อุบล  สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกๆพระองค์  ที่เมตตา  สอนธรรมะต่างๆ  ขอบคุณพี่ๆที่เขียนธรรมทานนะครับ  สาธุ  เป็นจริงอย่างที่อาจารย์อุบลสอนไว้เสมอว่า  การเขียนธรรมทานนั้นมีผลมากอานิสงส์มาก  เขียนภาษาง่ายๆ  ตามแบบฉบับของเราเอง  แต่ละคนก็มีสำนวนที่ถ่ายทอดภาษาที่ต่างกันออกไป  กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบลมากๆครับ  ที่เมตตาลูกๆ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 21:15:26


ความคิดเห็นที่ 942 (1601850)

 

ธรรมทานบ้านสวนพิรามิดวันเสาร์ที่ 10 มีค 55
                วันเสาร์ที่ 10 มีค.มีการขุดดินวางท่อระบายน้ำตั้งแต่หน้าห้องน้ำ ด้านที่ติดกับบ้านอาจารย์ไปจนถึงแปลงผัก บ่ายวันนั้นอากาศร้อนจัดมาก ทำได้สักพัก อาจารย์ก็ให้เป่านกหวีดเพื่อที่จะให้หยุดพัก อาบน้ำอาบท่า แล้วมาประชุมหารือเพื่อเตรียมงานบวงสรวงการสร้างพระชำระหนี้แผ่นดินกัน ท่านเล่าว่าแต่ก่อนคนก็นึกกันว่าการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์นั้นได้บุญมากมาย จนกระทั่งสมเด็จองค์ปฐม แห่งบ้านสวนพิรามิดท่านได้มีเมตตา ผ่านท่านอาจารย์อุบลว่า บุญที่สร้างพระชำระหนี้แผ่นดินนั้นีอานิสงค์มากกว่า เพราะคนเราทำบาปกับแผ่นดินมากกว่า นับตั้งแต่ การถ่ายอุจจาระปัสสาวะ การเหยียบย่ำแผ่นดิน การตัดไม้ ทำลายป่า การโกงเงินหลวง การโกงเวลาราชการ การนำทรัพย์สินทางราชการกลับบ้าน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการติดหนี้แผ่นดินทั้งสิ้น ดังนั้นการสร้างพระชำระหนี้แผ่นดินจึงมีอานิสงค์มากมายนัก ทางบ้านสวนพิรามิด ได้เชิญชวนให้ลูกหลานเข้ามาร่วมงานสมโภชน์งานสร้างสมเด็จองค์ปฐม ฯ โดยคุณธนาได้จดเงื่อนไขการเข้าร่วมงาน 6 ข้อ ท่านต้องปฏิบัติตามให้ได้ก่อนจึงจะเข้ามาได้
                ตกเย็นได้มาร่วมสวดมนต์กัน หลังจากร่วมกันอาราธนาพระกรรมฐานโดยว่าตามคุณธนาแล้ว ท่านอาจารย์อุบลได้บรรยาย เรื่องการใช้หลักพระกรรมฐานในการเจริญกรรมฐาน เมื่อเราอาราธนาแล้ว เราควรน้อมรับมาเข้าสู่ตัวเราทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ท่านบอกว่า ตัวท่านเองเวลาท่านรักษาคน ท่านก็จะใช้หลักพระกรรมฐานนี้ตลอด เช่นในการรักษา ดช. อเล็กซ์ ลูกคุณโอ๋ ซึ่งในอดีตชาติเป็นพ่อค้าขายแมลงทอด และทำการจับตั๊กแตนมาทอด การที่ทำกรรมดังกล่าว ทำให้อาจารย์อุบลเห็นเป็นตัวตั๊กแตนเกาะกินที่ขา แขนน้อง ทำให้คัน และเลือดออกซิบ ๆ ตลอดเวลา ซึ่งหลังจากที่ท่านบอกเหตุของกรรมของอเล็กซ์แล้ว ท่านก็ใช้หลักกาลามสูตรในการสอนให้เราเชื่อ นั่นคือ พอรุ้เหตุ ยอมรับในกรรมของเหตุที่ก่อขึ้น และต่อไปให้พิสูจน์โดยดูผล ปรากฎว่าพออเล็กซ์ทราบกรรมตนเอง และสำนึกในบาป ผลก็คือโรคหาย คือ ไม่เกา ไม่คันอีกต่อไป แผลก็ค่อย ๆ แห้งขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยาทาอีกต่อไป   นี่แหละคือหลักกาลามสูตร มีเหตุผล ให้สมควรแก่การเชื่อ ธรรมะพระพุทธองค์ช่างลึกซึ้งเหลือเกิน คล้ายคลึงกับหลักวิทยาศาสตร์ที่สอนให้มีเหตุและผล พร้อมกับพิสูจน์ในสิ่งที่ตั้งสมมุติฐานขึ้นโดยอาศัยการทดลอง และเฝ้าดูผลที่เกิด อย่างเช่นที่ลูกบ้านสวนกำลังดูผลของกฎแห่งกรรมของ ดช.อเล็กซ์นั่นเอง
   ชัชวลี            
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ (chatvalee-dot-k-at-pttplc-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 22:09:15


ความคิดเห็นที่ 943 (1601851)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของ คุณน้องนา คุณแหม่ม คุณเจี๊ยบ และคุณโฆษิต ที่ช่วยย้ำเตือนให่พวกเราจดจำกันอย่างละเอียด ขออนุญาตวิเคราะห์ข้อธรรมะที่โดนใจแล้วกัน

ว่าด้วยเรื่องที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนเลือกท่านอาจารย์อุบล ไม่เลือกพระผู้มีอภิญญาต่างๆ เพราะพระคุณเจ้าเกรงว่าจะเกิดอาบัติว่าอ้างอวดฤทธิ์

แต่ท่านอาจารย์ของพวกเราท่านตั้งใจอธิษฐานเกิดมารับหน้าที่ช่วยพาผู้คนสู่นิพพาน ขจัดปัดเป่าภัยพิบัติช่วยผู้คนให้รอด ท่านจึงยอมรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้

อีกทั้งท่านอาจารย์มีความกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์ที่ส่งต่อบุญฤทธิ์ต่างๆมาที่ท่าน ทุกครั้งที่ทำการปลดปล่อย บำบัดทุกข์ให้ลูกหลาน ลูกศิษย์ ไม่มีสักครั้งเดียวที่ท่านจะไม่ขอบารมีจากเทวดาของท่านและขอบคุณเทวดาของท่าน ท่านจะชอบพูดแต่ว่าท่านเป็นคนธรรมดา

แต่ความจริง ความมีจิตอาสาของท่านอาจารย์ที่จะพาลูกศิษย์กิเลสหนาปัญญาหยาบ เข้าสู่นิพพานนั้นหาไม่ได้อีกแล้วในโลก

ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวที่สนับสนุน ค้ำจุนท่าน จึงเป็นเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์ บวกเข้ากับพลังปิรามิดที่ท่านค้นพบ ต้องเชื่อว่าท่านคือที่สุดของครูบาอาจารย์ของพวกเราที่มีบุญให้มาเจอกันในชาตินี้

กราบขอบพระคุณอย่างสูง

จุ๋ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ (tmtkl-at-mahidol-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 22:09:45


ความคิดเห็นที่ 944 (1601862)

ขออนุโมทนาบุญกับพี่แหม่ม คุณธนา พี่เจี๊บบ ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม สำหรับธรรมทานวันเสาร์ที่ 10 ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะที่ท่านอาจารย์เมตตาสงเคราะห์ครอบครัวลุงเสริฐ-ป้าจำเนียร ที่จะมาช่วยเราสร้างพระชำระหนี้แผ่นดิน

ซึ่งเริ่มจากลุงเสริฐที่มีปัญหาสุขภาพ เบาหวาน ความดัน ปวดเข่ามานาน

ซึ่งปัญหาปวดเข่ามานาน คุกเข่าไม่ได้ เกิดจากกรรมรวมตัว เป็นผลจากใช้ขาเตะตีป้าจำเนียร สมัยหนุ่มๆ เตะเพื่อน เตะหมา ใช้ขาและเข่าทำผิดศีลข้อ 3 มีกิ๊ก หันเท้าไปทางพระ ซึ่งค่อยๆสารภาพมาทีละเรื่อง จนอาการดีขึ้นเรื่องๆ  สามารถคุกเข่าได้ จนเหลือแค่ไม่ถึง 5% อ.อุบลบอกว่าเอาไว้ตอนที่ลุงเสริฐให้ช่างบัติและทีม  มาสร้างพระแล้วค่อยมาดูกันอีกที

ส่วนปัญหาโรคความดันสูง  เกิดจากเป็นคนขี้โกรธ  ขี้โมโห ตีลูกโดยเฉพาะคุณปิ และพี่หญิง ท่าน อ.อุบลแนะนะให้ขอโทษลูกๆ แล้วบอกว่าถ้าเลิกโกรธได้ โรคก็จะหายได้ทันที

ส่วนเบาหวาน ตอนอ.อุบล ถามว่าอยากหายรึเปล่า  ลุงเสริฐพูดว่า จริงๆเบาหวานก็เกิดน้ำตาลขึ้นสูง ตอนทานอาหารรสหวาน หรือทานมากๆ และไม่ตอบว่าอยากหายรึเปล่า  ดูแล้วท่าทางเจ้ากรรมนายเวร จะยังไม่ให้อภัยจึงดลใจให้ลุงไม่บอกว่าอยากหาย หรืออยากได้รับการช่วยเหลือ   เอาไว้ติดตามตอนต่อไป  เพราะเชื่อว่าลุงเสริฐคงจะมาที่บ้านสวนฯอีกบ่อยๆ

 

 

 

 

คุณพิภพ(พี่แอ็ด ลูกเขยป้าจำเนียร) ซึ่งลูกบ้านสวนฯรู้จักดีเพราะมาปิดทองสมเด็จองค์ปฐมเมื่อปีที่แล้ว และได้มโนฯแจ่มใส

บอกว่า ที่วิหารพระประธานที่เรานั่งสมาธิกันทุกวันเสาร์นั้น เหมือนเทวสภาหรือจุฬามณี ซึ่งสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆองค์ พรหม เทพ เทวดาจะมาประชุมกัน ฟังธรรมกันที่เทวสภา

ตอนที่ได้ยินคุณพิภพพูด  รู้สึกขนลุกและปลาบปลื้มมาก เพราะมีแต่ที่บ้านสวนพีระมิดเท่านั้นที่สามารถยกจุฬามณีมาอยู่บนโลกมนุษย์ได้  พวกเราช่างโชคดีเหลือเกิน

และคุณพิภพยังได้บอกว่า  ตอนที่คุณปิ ได้มอบบาตรเพชร แก่ท่านอ.อุบล ในวันที่ 7 มีนาคม ที่โรงหล่อพระ เขาเห็น สมเด็จองค์ปฐม มารับด้วยพระองค์เอง  แสดงว่าบุญกุศลทุกอย่างที่พวกเราทำกับท่านอาจารย์  ก็เหมือนเราได้ทำกับเนื้อนาบุญที่ยิ่งใหญ่ คือองค์ปฐม  จึงทำให้อานิสงส์จึงเกิด ทันที เกิดรวดเร็ว   ถึงตรงนี้ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน  ที่มีโอกาสมาพบครูบาอาจารย์ ของจริง เนื้อนาบุญผู้ยิ่งใหญ่ไปทั้ง 3 โลก ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ยังเล่นหวย  ก็ถือว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 แถมแจ็คพ็อตด้วย  อิ อิ แต่ตอนนี้เลิกแล้วนะคะ

คุณหญิง ภรรยาคุณพิภพ ลูกสาวป้าจำเนียร (ได้มโนมยิทธิแจ่มใส)  พอมาถึงบ้านสวนฯ  ทักทายกันเล็กน้อย คุณพี่ก็ตรงดิ่งไปบ้านอาจารย์  ได้ความว่ารีบไปบูชาองค์พีระมิดรุ่นบวงสรวงท่านท้าวเวสสุวรรณ  และเสื้อบ้านสวนฯ   คุณหญิงบอกว่าเวลาใส่เสื้อบ้านสวนฯ ตัวเราจะสว่างมาก  สว่างทางธรรม  ใส่แล้วดูดี   เลยมาบูชาเพิ่ม

ซึ่งเรื่องนี้คุณพิภพ เคยเล่าให้ฟังตอนมาปิดทองพระว่า ของบูชาทุกอย่างของบ้านสวนพีระมิด มีญาณองค์ปฐมคลุมทั้งหมด

 

และขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของน้องอเล็กซ์ ซึ่งขาเป็นแผล มีน้ำเหลืองไหลเยิ้มตลอด  แถมคันมาก ยิ่งเกายิ่งมัน  มาทำบุญบ้านสวนฯอาการก็ยังไม่ดี  ไม่มีโอกาสได้รับการบำบัด เนื่องจาก มำทำบุญบ้านสวนฯ  ก็บุญก็ทำ บาปก็ทำ เล่นซน ไม่เชื่อฟังแม่และผู้ใหญ่  ไม่ค่อยชอบอาบน้ำ  จนวันมาฆบูชาที่ผ่านมาบุญรวมตัวกัน  ท่านอ.อุบลจึงบอกเหตุแห่มกรรมว่าชาติก่อนเคยขายตั๊กแตนและแมลงทอดที่เขมร  ท่านอาจารย์บอกว่าที่ขาอเล็กซ์จะมีตั๊กแตน แมลงและหนอนเกาะอยู่มากมาย กัดกินเนื้อหนัง น้ำเลือดน้ำเหลืองตลอดเวลา  พออเล็กซ์รู้เหตุ สำนึกผิด และตั้งใจจะไม่ทำผิดอีก และอุทิศบุญให้  ตอนนี้แผลที่ขาก็แห้ง  เริ่มตกสะเก็ด หายอย่างอัศจรรย์  แถมไม่คันเลย

ตอนที่ท่านอาจารย์บอกกรรมอเล็กซ์เรื่องขายหนอนทอดด้วย  นึกถึงตัวเองทันที  เพราะตัวเองชอบทานหนอนทอด (รถด่วน) มากๆๆๆๆ  เวลาไปเชียงใหม่จะซื้อมาหลายๆกล่อง  ทานได้ทั้งวันทั้งคืน  ผลที่ได้รับคือ เป็นภูมิแพ้ทางผิวหนัง  เวลาเย็นๆจะเริ่มคันตามตัวเป็นผื่นแดง  ยิ่งเกายิ่งมัน  โดยเฉพาะขอบเสื้อ กางเกง  แต่ตอนนี้เลิกเด็ดขาดแล้วค่ะ  เข็ดแล้วค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 23:34:32


ความคิดเห็นที่ 945 (1601865)

 

สวัสดีครับ ผมขอเล่าธรรมทาน

เมื่อวันที่ ๑๐-๑๑ มีนาคมที่ผ่านมา ดังนี้ครับ

๑. ความสำคัญของการสมาทานพระกรรมฐาน

คำสมาทานพระกรรมฐาน :

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต

อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ( ว่า ๓ จบ )

อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง

ตุมหากัง ปะริจัจชามิ

ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ขอมอบกาย ถวายชีวิต

แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์

พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์

พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย

ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย สืบ ๆ กันมา

มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) เป็นที่สุด

ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า

ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐาน ทั้ง ๔๐ ทัศ

พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙

ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕

และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ จงมาบังเกิดปรากฏ

ในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร

ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า

ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต

สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่าง ๆ

ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน

ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้

เมื่อรู้แล้ว ฃขอให้เห็นภาพนั้น

ได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้

ตามความเป็นจริงทุกประการ

เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า

ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้น

ได้โดยมิต้องกำหนดจิต

แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ท่านอาจารย์สอนว่า

ปรากฏการณ์บ้านสวนพีระมิด

ที่สามารถปลดเปลื้องช่วยคนพ้นทุกข์ได้นั้น

ก็เนื่องมาจากบุญพระกรรมฐานนั่นเอง

ดังที่เราได้เห็นการบำบัดของท่านอาจารย์

ท่านสามารถเห็นปัจจุบันของน้องอเล็กซ์

ที่มีแมลง หนอน และตั๊กแตน

มาเกาะดูดกินที่แขนขา

ทำให้เป็นแผลฝีหนองเรื้อรัง

ต้องเกาจนเป็นแผลมีหนองเยิ้มตลอดเวลา

ซึ่งคนทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกปฏิบัติตรงนี้

หรือไม่ได้มโนยิทธิจะไม่สามารถเห็นได้

ท่านเห็นว่าน้องอเล็กซ์อายุยังน้อย

ไม่ควรมีกรรมเช่นนี้

ท่านก็เห็นภาพพ่อค้าขายแมลงทอด

ที่เขมร ท่านจึงได้ทราบว่ากรรมนี้

เกิดจากกรรมในอดีตชาติส่งผลนั่นเอง

แต่ท่านก็ไม่สามารถช่วยได้

ทั้งที่ทั้งคุณแม่และน้องรวมทั้งน้องเค้า

มาทำบุญกับบ้านสวนสม่ำเสมอถึงสองปี

เนื่องจากน้องอเล็กซ์เล่นซนต่าง ๆ

ทำให้เป็นบาปในบ้านสวนฯเช่นกัน

จึงมีกรรมมาตัดรอนบุญไม่ให้รวมตัว

ไม่ถึงวาระที่ท่านจะช่วยได้

ท่านเคยสอนว่า

คนส่วนใหญ่ทำบุญกันไม่เป็น

ไม่อธิษฐานให้บุญมารวมตัวกัน

ให้มาตัดรอนวิบากกรรมของตนเอง

 ซึ่งกรณีน้องอเล็กซ์

บุญได้มารวมตัวกันเมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมา

ท่านอาจารย์จึงสามารถบำบัดให้ได้

ตามที่ทุกคนคงได้ทราบกันมาแล้วนั่นเอง 

หรือ กรณีของคุณอัครวุธ

อดีตผู้จัดการธนาคาร

ท่านมองเห็นที่ขามีโซ่เส้นใหญ่สีดำล่ามอยู่

ซึ่งเกิดจากกรรมที่ทำให้ลูกค้าติดแบล็คลิสต์

เป็นหนี้ NPL ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงิน

หรือทำธุรกิจได้ เหมือนไปล่ามโซ่ลูกค้าไว้

จึงถูกกรรมล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนเช่นกัน

เวลาเดินจึงเสียดสีผิวหนัง

เกิดแผลหนองเรื้อรัง ไหลเยิ้ม

เช่นเดียวกับน้องอเล็กซ์เช่นกัน

ซึ่งเมื่อท่านให้ขอให้ขอขมากรรม สำนึกผิด

และจะไม่ทำอีก อาการที่ทุเลาในทันที

ทุกคนเมื่อทำความผิดใด ๆ

หรือแม้แต่โกรธ ก็จะมีเจ้ากรรมนายเวร

มาเกาะทำให้เกิดทุกข์ โรคภัย

จึงพยายามอย่าทำผิดกัน

และเราทุกคนควรตั้งใจอาราธนา

พระพุทธองค์มาประทับในกาย วาจา ใจ

ตั้งใจสมาทานพระกรรมฐาน และคิดตาม

ไม่ใช่ท่องแบบนกแก้วนกขุนทอง

เพื่อให้เราสามรถยกจิต

ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต

รู้ในสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน

และพยากรณ์ได้ หรือหาทางบรรเทา

ทุกข์ที่มีให้หมดสิ้นไปได้

โดยการตั้งใจฝึกพระกรรมฐาน

และสำหรับท่านที่ฝึกได้แล้ว

ก็อย่าทำตัวเป็นหมอดู หรือเป็นขี้ข้าของใคร

เพราะการที่เราทำนายทายทัก

หรือ บอกคนที่มาถามไปเมื่อไร

เท่ากับตกนรก เพราะผิดขั้นมหาศีล

คือ ทำนายทายทักและใช้เล่ห์เหลียม

ในการประกอบอาชีพ 

๒. คนจะเป็นเทวดาได้

ต้องเป็นตั้งแต่ยังมีชีวตอยู่

การที่เราสามารถ รู้เมื่อปรารถนาจะรู้  

สามารถเห็นภาพที่ต้องการ

และพยากรณ์ได้แม่นยำ

เมื่อต้องการโดยไม่ต้องกำหนดจิตนั้น

ก็เป็นอารมณ์ของเทวดานั่นเอง

ท่านอาจารย์บอกว่า

เทวดาแค่คิดจะนั่ง ก็มีเก้าอี้มารองรับแล้ว

หรือคิดอยากกินทุเรียน

ก็อิ่มท้องทันทีเหมือนได้กินทุเรียน

คนที่จะเป็นเทวดาได้

ต้องเป็นตั้งแต่ยังไม่ตาย

เป็นได้โดยการมี

เทวธรรม คือ หิริโอตตัปปะ 

คือ มี "ความละอาย"ในบาป

และ "เกรงกลัว"ในผลของบาป

ที่จะเกิดขึ้นตามมานั่นเอง

การที่ท่านอาจารย์บำบัดผู้เจ็บป่วย

หรือให้เรามาเล่าและสารภาพบาป

ที่ทำให้เราเจ็บป่วยจากการทำผิดศีล

ที่นอกจากจะเป็นการสมาทานศีลแบบลืมตา

ก็เพื่อให้เราทุกคนมีหิริโอตตับปะด้วย

เพื่อให้เราไม่อยากทำบาปกรรม

เพื่อให้เราเกรงและกลัวผลของบาป

กลัวการตกนรก และให้เราทุกคนรักษาศีล

เพื่อความเป็นเทพ  พรหม จนสามารถ

บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าในชาตินี้

หรือไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

 

๓. ทำไมพระพุทธองค์ 

ทรงเลือกท่านอาจารย์ไม่เลือกพระอภิญญา

มาทำหน้าที่ รักษาสถาบันชาติ ศาสนา

พระมหากษัตริย์และกอบกู้โลกจากภัยพิบัติ

 

ก็เนื่องจาก 

- พระอภิญญาส่วนใหญ่

ท่านอธิษฐานมาเพื่อความหลุดพ้น

ของท่านเป็นหลัก  

แต่ท่านอาจารย์อธิษฐาน

มาเพื่อทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ

- พระส่วนใหญ่ท่านยังเข้าใจผิดว่า  

หากสอนและปฏิบัติแบบท่านอาจารย์แล้ว

จะอาบัติ เนื่องจากเป็นการ

"อวดอุตริมนุษยธรรม" 

ผมขอเสริมตามที่ได้เคยศึกษามาว่า

ทุกศาสนาต่างสอนให้คนเป็นคนดี มีเมตตา

แต่ต่อมาเวลาผ่านไป คำสอนก็ถูกบิดเบือน

เพราะศาสดาที่ไม่ใช่ศาสดาที่แท้จริง

ตอนที่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ไปสวรรค์พบพระเยซูนั้น

พระเยซูท่านก็บอกหลวงพ่อแบบนี้เช่นกัน

ว่าท่านไม่ได้สอนให้คนทำผิดแล้ว

มาสารภาพบาป มาล้างบาป

แล้วไปทำผิดใหม่ แล้วก็มาล้างบาปอีก

ท่านอาจารย์บอกว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ท่านทำ

พระอภิญญาก็สามารถทำได้โดยไม่อาบัติ

เนื่องจากพิสูจน์ได้ สามารถเชื่อได้ว่าจริง

กรรมทุกอย่าง ล้วนเกิดแต่เหตุ

เหตุดับ ผลย่อมดับ

ทุกอย่างไม่ได้ผิดจาก

คำสอนของพระพุทธเจ้า

 หากท่านสอนให้คนทั้งหลายหลุดพ้น

เช่นเดียวกับบ้านสวนพีระมิดนี้

พระศาสนาจะยิ่งเจริญรุ่งเรือง 

- หากพระอภิญญาท่านสามารถทำ 

แบบที่ท่านอาจารย์ทำได้ อาจทำได้ไม่นาน 

เพราะบุญฤทธิ์และอิทธิ์ฤทธิ์อาจทำให้เสื่อม

เสี่ยงต่อการติดลาภและสักการะ

ใช้ฤทธิ์ไปหาประโยชน์

ในที่สุดสิ่งที่เบื้องบนต้องการ

ก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน

ของทุกท่านครับ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 23:35:57


ความคิดเห็นที่ 946 (1601885)

 ขออนุโมทนากับธรรมทานจาก

พี่ธนา คุณเจี๊ยบ ดร.จุ๋ม-ดร.จิ๋ม 

พี่อ้อย คุณโฆษิตด้วยค่ะ

ได้ทั้งเนื้อหา แอนด์ สาระ แน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว

เพราะแต่ละท่านมาเล่ากันแบบจุใจ

ครบทุกเรื่อง ทุกรส

จนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนเลย ฮ่าๆ

ยังอ่านไม่หมดเลย แล้วจะมาทยอยอ่านนะค๊าา

อนุโมทนาสาธุกับธรรมทานจากทุกๆท่านอีกครั้งค่ะ

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-13 05:32:10


ความคิดเห็นที่ 947 (1601910)

โมทนาบุญกับคุณธนา   คุณต้น   คุณเจี๊ยบ  คุณอ้อย และทุกท่านที่ได้เอ่ยนาม

พี่เมื่อก่อนเป็นคนชอบทักทายผู้อื่น (  หมอดู  )  เป็นงานอดิเรก ไม่ได้เรียกค่าครูแต่พอมารู้จักบ้านสวนพีระมิดก็เลิกไปเลยมันผิดขั้นมหาศีล.......     มีคนมาให้พี่ดูพี่ก็ไม่ดูอีกต่อไปขอกราบพระคุณท่าน อ.  อุบล   และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์         

ขอบามีพระพุทธเจ้า  ขอเบิกบุญ  ศีล  ทาน   ที่ได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาต  จนถึงชาตินี้  กับบุญที่ทำกับบุญบ้านสวนทุกบุญขอให้บุญรวมตัวกันอุทิศบุญนี้ให้กับเทวดาที่รักษา  อ.  อุบล  และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์  +  บริวารหว่านเครือ 

                                ขอบคุณสำหรับทุกๆธรรมทานสาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-13 09:39:42


ความคิดเห็นที่ 948 (1601930)

 ขออนุโมทนากับธรรมทาน จากพี่ธนา พี่แหม่ม ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม พี่อ้อย  พี่เจี๊ยบ พี่โฆษิต ด้วยนะครับ ใครได้มาอ่านก็เหมือนได้อยู่ในเหตุการณ์จริง แน่นอน และ ยังมีมุมมองที่ได้รับธรรมทานแตกต่างกันไป ได้อรรถรสในการอ่านดีครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-13 10:49:49


ความคิดเห็นที่ 949 (1603230)

ขออนุโมทนาบุญ ในธรรมทาน ของคุณ ธนา พี่แหม่ม ดร.จุ๋ม ดร.จิ๋ม คุณอ้อย และทุกท่านด้วยค่ะ ลูกบ้านสวนทุกคนโชคดีมากประมาณค่ามิได้เลย เป็นบุญมากที่ได้พบเจอ ครูบาอาจารย์ อย่าง ท่าน  อ. อุบล  สิ่งที่ ท่าน อ. ให้กับทุกคน ทุกคําพูด ทุกการ กระทําในทุกเวลา นั้นเป็นการสอนชี้แนะแนวทาง ทุกกระเบียดก้าว จริงค่ะที่ท่าน บอกว่าครูอาจารย์ส่วนใหญ่ หรือพระอภิญญาทั้งหลาย ท่านปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของตนเองเท่านั้น บางทีเราอยากปฏิบัติตามท่านได้บาง ทั้งทาน ศีล ภาวนา ก็ได้แต่แค่ ลูบ คลํา หรือคอยแต่ ชื้นชมบารมี และกราบขอพรได้แค่ห่างๆ เพราะเข้าไม่ถึงถ้าไม่มีเส้นสาย หรือรู้จักคนในใกล้ชิด การที่ได้พบกับท่านอ.  อุบล อร เชื่อว่าทุกท่านได้สิ่งที่มีค่ามมหาศาล นั้นคือความพ้นทุกข์ทั้งปวง สิ่งที่ได้อีกก็คือ ความสุขทางโลก ในทุกด้าน แต่ต้องไม่ลืมว่า ทรัพย์สินเงินทอง ความสุขทั้งหลายในทางโลกนั้น เป็นเพียงสิ่งสมมุติเ่ท่านั้น  สิ่งที่ทําให้เรามีความสุขที่สุด ทั้งในโลกนี้และหลังความตายคือบุญ ยิ่งบุญที่ทําในบ้านสวนพีระมิดด้วยแล้ว รุ่งโรจน์เลยค่ะ   

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี (aon_aunsri-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-22 13:12:39


ความคิดเห็นที่ 950 (1603563)

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆๆๆท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ (yunoi20-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-25 00:49:35


ความคิดเห็นที่ 951 (1604186)

ขอโมทนากับทุกๆความเห็น พึ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน

เป็นธรรมทานที่วิเศษที่สุด สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิชนันท์ จงถาวร. (nichnun09-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-29 15:48:23


ความคิดเห็นที่ 952 (1604716)

ต้องขอโทษค่ะที่เข้ามาเหลาช้าไป 1 วัน เพราะกลับจากบ้านสวนฯเย็นมากแล้ว

ธรรมทานคืนวันเสาร์ที่ 31 มี.ค.55

1.ท่าน อาจารย์จะเปลี่ยนเวลาสมาทานศีลใหม่ โดยจะเปลียนจากช่วงเวลากลางคืนของวันเสาร์ เป็นตอนสายของวันอาทิตย์ทุกอาทิตย์ เนื่องจากช่วงกลางคืนของวันเสาร์นั้น พวกลูกๆนักโกยบุญทั้งหลาย ต่างก็เหน็ดเหนื่่อยจากการทำงานทั้งวันมาแล้ว พอช่วงเย็นร่างกายก็ล้าเต็มที จะคอยคำนับอาจารย์กันเป็นส่วนใหญ่ พอเวลาอุทิศบุญก็หลับกันไปบ้าง ตกๆหล่นๆ

 ทำให้ท่านอาจารย์ต้องหาช่องทางใหม่ๆ ที่จะให้ได้บุญกันเต็มที่ จึงต้องเปลี่ยนเวลามาเป็นวันอาทิตย์ตอนสาย แต่ท่านจะต้องมาสร้างบุญในวันเสาร์อย่างเต็มที่แล้วเท่านั้น จึงจะมาขอขมาและขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ มิฉะนั้นท่านจะไม่มีบุญมาอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร

และอย่าตั้งความหวังว่าจะมารักษาโรค ท่านจะไม่หาย แต่ถ้าท่านรู้ตัวว่าชั่ว เลว สำนึกได้ และตั้งใจจะมาสร้างบุญด้วยแรงกายเต็มที่ จึงจะุอนุญาติได้

2.คนที่ละความโกรธไม่ได้ แม้ว่าจะมีกำลังบุญเต็ม เมื่อตายไปจะเป็นได้แค่ เทวดาชั้นจาตุมฯเท่านั้น ท่านอาจารย์สอนให้ละความโกรธให้ได้

3.เรื่องมีผู้แอบแฝง เข้ามาในงานสร้างองค์ปฐมพระธรรมบิดา โดยแสดงตัวว่าเป็นนักบุญ ชอบทำบุญทุกที่ แต่แล้วมาหาลูกค้าขายยาในบ้านสวนฯ โดยท่านอาจารย์ได้ให้คุณเตี้ยและบุญตา ออกมาเล่าถึงการกระทำในอดีตที่เคยเป็นทั้งคนซื้อและคนขายในบ้านสวนฯ โดยขายสบู่ ซึ่งคิดว่าอาจารย์คงไม่ทราบและได้ประสบเคราะห์กรรมเจ็งทั้งคนซื้อและคนขาย

คุณเตี้ยเองประสบเคราะห์กรรมจนกระทั่งไม่มีจะกิน เงินไม่มีจะใช้หนี้ ตกงาน

ส่วนบุญตา เองก็เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่สามารถจะทำงานเป็นหลักแหล่งได้

ส่วนคนอื่นๆที่เคยซื้อสบู่จากคุณเตี้ย ก็ประสบเช่นเดียวกัน ไม่มีงาน มีปัญหาเรื่องเงิน

หลังจากที่คุณเตี้ยด้ขอขมาเรื่องนี้กับท่านอาจารย์ ปรากฏว่าอาการที่ร้อนแผ่นหลังและใบหูซึ่งทรมานมา 2 ปี ได้หายทันที

การเข้ามาซื้อขายในบ้านสวนฯ แล้วเจ็ง ทั้งคนซื้อและขายนั้น เพราะอานิสงค์ของบุญนั้นจะเกิดฉับพลันทันที เมื่อมีองค์ประกอบ 3 ส่วนครบ คือ

1. ศรัทธา

2.เนื้อนาบุญบริสุทธิ์

3.ทานบริสุทธิ์

ถ้าท่านมีครบทั้ง 3 ส่วนนี้ อานิสงค์ของบุญจะเกิดฉับพลันทันที แต่ถ้าท่านมาโดยมีเจตนาอื่นแอบแฝง ก็ไม่ครบ 3 ส่วนแล้ว อานิสงค์ของบุญก็จะไม่เกิด

ส่วนผู้ที่เข้ามาขายยาในบ้านสวนฯนั้น มีเจตนาอื่นแอบแฝง เพื่อขายยา โดยโฆษณาชวนเชื่อว่า สามารถรักษาได้สารพัดโรค และมีคุณเทวี แฟนลุงต้อย และลูกบ้านสวนฯอีก2 คนซื้อไป ซึ่งเมื่อทานไปก็ไม่ได้ทำให้โรคหาย ไม่เหมือนกับการมาใช้แรงกายขุดดิน ฟันหญ้าที่บ้านสวนฯ ซึ่งหายได้ในฉับพลัน และก็ต้องติดตามผลต่อไปว่า จะเจ็งทั้งคนซื้อและคนขายอีกหรือไม่

บุญที่ข้าพเจ้าได้สร้างมาทุกๆบุญ ขออุทิศให้แก่เทวดาประจำตัวท่านอาจารย์ อุบล ท่านอาจารย์มงคล และคุณท๊อบ และเทวดาประจำตัวของลูกบ้านสวนฯทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-02 21:33:55


ความคิดเห็นที่ 953 (1604892)

มาช้ากว่าน้องเจี๊ยบมากเลยค่ะ  คงดีกว่าไม่มา

เกสร  :       อาจารย์คะ ญี่ปุ่นโดนสึนามิบ่อย ๆ

                 ท่าน ดร.อาจองก็บอกชัดเจนถึงภัยที่จะมาถึงเร็วๆนี้

                 เป็นเพราะจับปลา(สัตว์น้ำ)

                 มาพัฒนาประเทศเหรอคะ

อ.อุบล:      ฆ่าเขาอย่างโหด***มทารุณ กินดิบ ๆ 

                 สึนามิถึงเข้าปักษ์ใต้ไง  พระพุทธองค์

                 ท่านทรงให้วางแผนชีวิตล่วงหน้าได้เลยว่า 

                 ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ

,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

ก็อยู่ที่เราอยากอยู่ หรืออยากตาย ถ้าอยากตาย

ก็ไม่ต้องหยุดกินเนื้อสัตว์  วันนั้นอันใกล้เร็วนี้

มีวิญญาณที่อาสามาแก้แค้น ที่เรากินเขาจะได้

เผชิญหน้าประจัญบาน  ท่านอาจารย์เขียนให้

อ่านเป็นธรรมทานอย่างชัดเจนมาก  ในกระทู้

ข่าวรายวัน และแทบทุกกระทู้มีประโยชน์หมดค่ะ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 14:30:56


ความคิดเห็นที่ 954 (1604985)

เดี๋ยวนี้

ไม่ค่อยมีคนมาเขียน

กระทู้นี้กันเลย สงสัยสลบ

หรือไม่ก็ บุญหล่นทับ

555

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 22:35:02


ความคิดเห็นที่ 955 (1605433)

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุก ๆ ท่านด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น จุมพล บัวโต (j-u123-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 21:08:53


ความคิดเห็นที่ 956 (1606219)

โมทนาบุญกับธรรมทานทุกๆท่านค่ะ  สาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-13 09:56:02


ความคิดเห็นที่ 957 (1607827)

 

สวัสดีครับ ผมขอเล่าธรรมทาน
เมื่อวันเสาร์ที่ 21 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา ดังนี้ครับ
 
1. พรวันสงกรานต์จากท่านอาจารย์มงคล
    ท่านขอบารมีพระพุทธองค์นำบุญของท่าน
    ทุกชาติให้แก่เทวดารักษาตัวชาวบ้านสวนฯ
    ให้ท่านมีพลังนำพาเราทุกคน
    ไปสู่การสร้างความดีไปสู่การพ้นทุกข์
 
2. พรวันสงกรานต์จากท่านอาจารย์อุบล
   ท่านเมตตาบอกทางแห่งการพ้นทุกข์
   พ้นความยากจน
   ให้เรานำไปปฏิบัติ ได้แก่
   
   อยากสวยต้องรักษาศีล
   อยากรวยต้องให้ทาน โดยเฉพาะอภัยทาน
   อยากฉลาดรู้ทันคน ต้องเจริญพระกรรมฐาน
   อยากสมหวังในรัก ก็ต้องรู้จักรักผู้อื่น
   อยากได้อะไร ก็รู้จักให้สิ่งนั้นกับคนอื่นก่อน
 
3. ธรรมะที่ได้จากการสมาทานศีล
    คุณอ้อย (ปาริชาติ)
    ออกมากล่าวขอบคุณ
    ท่านอาจารย์และครอบครัวและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ที่ช่วยทำให้ยอดขายทะลุเป้า
    และหัวหน้างานที่ไม่ถูกกัน
    ทำให้มีปัญหามาโดยตลอด
    ได้ถูกสั่งย้ายให้ไปทำงานอื่น
   
   ท่านอาจารย์สอนว่า
   การย้ายไม่ใช่การแก้ปัญหา
   เพราะทุกอย่างย่อมเกิดแต่เหตุ
   การที่มีปัญหากับหัวหน้านั้น
       หัวหน้าก็เป็นเสมือนกระจกเงา
       คุณอ้อยเองในอดีตก็เคย
   ทำเช่นนั้นกับผู้อื่นมาก่อนเช่นกัน
   กรรมจึงมารวมตัว ทำให้เกิดปัญหา
   
  การแก้ปัญหา ก็ทำโดยควรขอโทษ
  ทุกคนที่เคยกระทบกระทั่ง ทำให้ไม่สบายใจ
  เพื่อเปลี่ยนกรรมของตัวเอง
   
  คุณสกุล-คุณธิติมา กลิ่นพิมาย
  มากล่าวขอขมาท่านอาจารย์ที่อดีต
  เคยมารับการบำบัดจากท่าน
  และตั้งสัจจะว่า จะรักษาศีล จะเป็นคนดี
  แต่ก็ทำไม่ได้ โดยคุณสกุล ผิดศีลข้อที่ 3
  ซึ่งคุณธิติมา ซึ่งเป็นภรรยาก็ทราบ
  ทำให้มีปัญหาในครอบครัวมากมาย
  มีการด่าทอ ตบตีสามี
  รถของที่บ้านก็ถูกรถ 10 ล้อชน
  ได้รับความเสียหายมาก
 
  ท่านอาจารย์ได้สอนว่า
  พระพุทธเจ้าทรงสอนให้หลีก
  ความรัก โกรธ หลง
  ทรงสอนให้หลีกกาม จะมีความสุข
  เพราะรักมากจึงทุกข์มาก
  เพราะมีสามีเจ้าชู้
  ความขี้โมโห จะทำให้เสียทรัพย์
  ทุกครั้งที่ด่าทอ พูดคำหยาบ
  จะทำให้เสียทรัพย์
  และความที่คุณธิติมา เป็นคนขี้โกรธ
  ขี้โมโห ก็เป็นผลกรรมจากการทำแท้ง
 
  คุณอภิชัย ภิรมย์รักษ์
      กล่าวสมาทานศีล ซึ่งกรรมที่ทำให้ป่วย
   ฝ่าเท้าบวม เป็นผลมาจากการที่ไม่ได้ขอขมา
   องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
   ที่ไปเขียนภาพฝาผนังอยู่เหนือองค์พระ
   ทำให้ฝ่าเท้าบวมตึง ไม่มีรอยย่น
   ซึ่งเป็นมานานหลายปี
   จนกระทั่งมาที่บ้านสวนฯ
   อาการที่เป็นจึงดีขึ้น ประมาณ 95% แล้ว
 
4. ทำไมทำบุญมากมาย บุญไม่ส่งผล
    ก็เพราะสะพานเชื่อมไม่ดี
    เจ้ากรรมนายเวรจึงไม่สามารถรับบุญได้
   
    ผู้ที่จะส่งบุญให้เจ้ากรรมนายเวร
    จึงควรสร้างบุญพระกรรมฐาน
    และขอขมาเฉพาะเจาะจง
    เพราะเจ้ากรรมนายเวรจะไม่
    ละเมิดรับบุญที่ไม่ใช่ของตน
    โดยเฉพาะบาปที่ทำกับพ่อแม่
 
5. คนที่กลัวความตาย
   ให้เรียนรู้วิธีตาย ต้องตายให้เป็น
 
   โดยให้จิตจับภาพพระพุทธเจ้าเสมอ
    ไม่ห่วงอาลัยในพ่อแม่ ญาติมิตร
    อาชีพการงานและทรัพย์สิน
    ทำให้จิตเบิกบาน แจ่มใส ไร้กังวล
    ทำเช่นนี้ให้ได้เสมอ 
    จะเป็นทางลัดไปสู่พระนิพพานในชาตินี้
 
6.  คนที่มาบำบัดกับท่านอาจารย์
     เมื่อบำบัดแล้ว ต้องบอกว่า
     อาการดีขึ้นกี่ % ก่อน แล้วจึง
     บอกอาการที่เหลือ
 
     นอกจากนี้ยังต้องรู้จักขอบคุณ
     ท่านอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
     ต้องขอบคุณแบบดีใจสุด ๆ
     ที่หายทันที โดยไม่ต้องเสียทรัพย์
     เสียค่ารักษาที่อาจจะแพงมาก
 
     ขอให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
     ของท่านอาจารย์ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ
   
     อย่าขอบคุณเป็นประเพณี
     ให้พูดจากใจ ด้วยความจริงใจ
     ท่านจะซาบซึ้ง
 
7.  ความดีเป็นเรื่องปกติของคนเรา
     แต่เวลาจะทำ ทำไมต้องมีเงื่อนไข
     ทำไมต้องหวังผลตอบแทน
 
8.  ให้เราทุกคนทะนุบำรุงสามร่มโพธิ์ศรี
     คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
     มีโอกาสก็ตอบแทน ทะนุบำรุงชาติ
    
     โดยเฉพาะเรื่อง การจ่ายภาษี    
     ซึ่งเป็นเงินบำรุงและพัฒนาประเทศ
     ที่เราทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องจ่าย
     เพราะเราเป็นหนี้แผ่นดินไทย
 
     การจ่ายภาษีเราควรจ่ายเต็ม
     หรือควรจ่ายเพิ่มขึ้น เป็นการแถม
     ตามแนวทางของนางวิสาขาก็จะดีมาก
     
     เพราะเป็นบุญที่ใหญ่กว่า
     สังฆทาน วิหารทานและธรรมทาน
     คนไหนที่เลี่ยงภาษี หรือ โกงภาษี
     จึงควรระวังไว้ เพราะเป็นการโกงแผ่นดิน
     ได้ไม่คุ้มเสีย อาจจะต้องเสียเงินเรื่องอื่น
     มากกว่าที่ได้มา เช่น
     ปัญหาสุขภาพ ปัญหาครอบครัว
     และยังเสี่ยงต่อการตกนรก
     ถ้าไม่สามารถปฏิบัติตน
     เป็นพระโสดาบันได้
 
9. ทุกคนที่ได้ร่วมสร้าง
    สมเด็จพระพุทธปฐม พระบรมธรรมบิดา
    พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า
    ล้วนแต่เป็นผู้ที่พระองค์
    ทรงคัดเลือกแล้วว่า
    เป็นพระโสดาปัตติมรรค
    หรือพระโสดาบันอันดับต้น จึงจะมีสิทธิ์
    สร้างพระองค์ท่านได้
    พระองค์ทรงกีดกันช่างจากที่อื่น
    ไม่ให้มีส่วนสร้าง
    เพราะกินเหล้าเมายา ไม่ได้เคารพ
    พระองค์ท่านด้วยความศรัทธา
 
 
10. ปิรามิด เปรียบเสมือนดวงอาทิย์
      ที่ทุกศาสนาใช้ร่วมกัน
      และจะหล่อรวมทุกศาสนา
      ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน 
      จนอาจไม่ต้องเรียกว่า ศาสนาก็ได้
 
      เหมือนกับบ้านสวนฯตอนนี้
      ที่ไม่มีการแบ่งแยกศาสนา
      แต่เคารพทุกศาสนา ทุกศาสดา
      รวมทั้งศาสดาของทุกดวงดาวครับ
 
ขออนุโมทนาบุญกับ
ทุกธรรมทานครับ  
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 02:34:53


ความคิดเห็นที่ 958 (1607853)

ขอเล่าธรรมทานเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา 21/04/2555 คืนนั้นมีธรรมะดีๆมากมายเลย อันไหนดีก็ขอให้นำมาปฏิบัติกันนะครับ

พรอันประเสริฐคือพรที่เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ค่ำคืนนี้พี่ฉันทนาเป็นตัวแทนลูกหลานที่ไม่ได้มาร่วมรดน้ำดำหัวท่านอาจารย์ทั้งสอง มอบพานธูปดอกไม้แก่ท่านอาจารย์อุบลและท่านอาจารย์มงคล เพื่อแสดงมุทิตาจิต กตัญญูต่อครูบาอาจารย์ในวันปีใหม่ไทย

ท่านอาจารย์มงคล เมตตาให้พรโดยขอเบิกบุญทุกบุญมอบแก่เทวดาที่รักษาตัวทุกคน และให้ทุกคนมีความสุขความเจริญ กราบ กราบ กราบ สาธุ

ท่านอาจารย์อุบลเมตตาให้พร โดยกล่าวว่า พรที่อาจารย์ให้ทุกคนนั้นอาจจะไม่ทำให้ทุกคนสำเร็จสมหวังทุกอย่าง แต่สิ่งที่ประเสริฐยิ่งกว่า คือ อาจารย์อุบลสอนทางให้ทุกคนได้พ้นทุกข์

ไม่มีเงินก็สอนวิธีการทำให้มีเงิน ป่วยก็สอนทำอย่างไรจึงหายป่วย และด้วยธรรมะของพระพุทธองค์นั้นคือพรอันประเสริฐ หากทุกคนน้อมนำมาปฏิบัติแล้ว ชีวิตทุกคนก็จะประเสริฐ

ท่านอาจารย์อุบลเมตตาไล่ความหมายและอานิสงค์และผลของการละเมิดศีลแต่ละข้อแก่ลูกหลานทุกคน

อนุโมทนาสาธุ ลูกหลานทุกคนขอน้อมรับพรอันประเสริฐจากท่านอาจารย์ทั้งสองด้วยครับ

กระจกเงาสะท้อนกรรม

คุณอ้อย ปาริชาติ นักขายมือทองที่มีชีวิตการเงิน ส่วนตัว ทุกอย่างดีขึ้นหมดหลังจากมาทำบุญที่บ้านสวน

แต่ยังคงเหลือปัญหาการเงินกับหัวหน้าร่วมงานซึ่งค้างคาใจอยู่ และได้รับการปลดเปลื้องด้วยการอธิษฐานจิตขอต่อเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ

หัวหน้าที่เคยมีปัญหาด้วยกัน ถูกสั่งย้ายไปรับผิดชอบด้านอื่น ทำให้คุณอ้อยคลายความทุกข์ ไม่ต้องออกจากงาน

หัวหน้าที่เคยแต่คอยขัดแย้ง ความเห็นไม่ลงรอย และตำหนิคุณอ้อยหลังจากที่ได้ชมคลิปที่ท่านดตาจินินผ่านคุณอ้อยเมื่อปีทีแล้วว่า การทำเช่นนี้เป็นการทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรตกต่ำ เสียหมด เพราะเราขายสินค้า High Technology นี่มาทำตัวแบบนี้ได้อย่างไร

ซึ่งคุณอ้อยได้เพียรถามถึงผลเสีย ว่าทำผิดอะไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน คงมีแต่ว่า เสียภาพลักษณ์

ท่านอาจารย์อุบลเลยจัดหนักแบบตรงประเด็นว่า

บริษัท

ต้องการให้คุณอ้อย

ภาพลักษณ์ดีเหมือนอดีต

แต่ขายของไม่ได้ เป้าไม่ได้

หรือมาบ้านสวนฯแล้ว

ที่คุณคิดว่าภาพลักษณ์ไม่ดี

แต่ขายของดี ยอดขายเกิน

120%

ทุกเดือน

คุณจะเอาอย่างไหน

ท่านผู้อ่านเลือกเอาอย่างไหนก๊าบบ ส่วนผมไม่ต้องคิดเลยครับ เอามาบ้านสวนฯแล้วชีวิตดีขึ้นแน่นอนก๊าบบ

อืม!!คิดแล้วน่าสงสารคุณอ้อยจังนะครับ ว่าทำไมชีวิตถึงเจอแต่หัวหน้าที่คอยขัดขวาง ไม่สนับสนุนเช่นนี้ เฮ่อ...ชีวิตหนอ

ว่าแระ ท่านอาจารย์ก็เมตตาสอนต่อไปว่า "รู้ไหมว่าทำไมคุณอ้อยถึงได้เจอเหตุการณ์และหัวหน้าเช่นนี้"

คุณอ้อยคิดเสมอมาแค่ว่า เราคงเคยทำเขาไว้ก่อน

แต่จะทำอะไรนั้นไม่เคยคิด เอาละสิพี่น้อง อ่านให้ดีนะครับ อันนี้สำคัญมาก กับชีวิตท่านทั้งหลายว่าทำไมไม่เจริญ ไม่ได้เลื่อนขั้น เงินไม่ขึ้น หรือมีอุปสรรคต่างๆเต็มไปหมด

ท่านอาจารย์ได้ถามสะท้อนเงากรรมของคุณอ้อยทันทีว่า

คุณอ้อย

เคยมีนิสัยอิจฉาคนอื่นไหม

เคยพูดจาไม่ดี ทำให้คนอื่นเสียใจ

เคยเห็นคนอื่นได้ดีแล้วไม่พอใจ

เคยพูดจากระแทก ทำร้ายจิตใจคนอื่นไหม

ป๊าดด...ได้ยินแล้วถึงกับอึ้งเลยครับ เพราะสิ่งที่ท่านอาจารย์ถามมานี่ ช่างตรงกับที่คุณอ้อยโดนกระทำมาหมดเลย

คุณอ้อยตอบว่า ใช่ หมดทุกข้อเลย ตนเองเป็นคนอย่างนั้นจริงๆและกล่าวเสริมสิ่งที่ตนเองทำไม่ดีแต่ละข้อ

ถึงบางอ้อยังครับพี่น้อง ที่แท้ชีวิตที่ตกต่ำ ไม่เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน การเงินของพวกเรา เกิดมาจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่เราเคยทำกับคนอื่นเขา เช่น อิจฉาเขาไม่อยากให้เขาได้ดี

นี่แหละครับ กฏแห่งกรรม ที่กลายมาเป็นกระจกสะท้อนกรรมย้อนกลับมาหาผู้ทำอย่างถูกตัว ไม่ผิดตัวแน่นอน

เมื่อเราไม่อยากมีชีวิตเช่นนี้ ก็คงอย่าทำเช่นนี้กับคนอื่น

จงขอขมาต่อคนที่ท่านเคยทำผิด คิดร้ายต่อเขากันเถอะนะครับ และที่สำคัญตั้งจิตอธิษฐานว่า เราจะไม่ทำผิดเช่นนี้อีกแล้ว

เมียจ๋า...ผัวยอมแว้ววจ้าาา

สองสามีภรรยา คุณพี่สกุลและคุณพี่ธิติมา เดินทางรอนแรมมาเพื่อร่วมสร้างบุญและพี่สกุลจะขอขมาที่เคยได้ให้สัจจะไว้กับบ้านสวนฯว่าจะรักษาศีลแต่ทำไม่ได้

พี่สกุลนั้นเมื่อก่อนเป็นคนเรียบร้อย อยู่ในโอวาทของศรีภรรยา เขาว่านานๆทีถึงผิดศีลข้อ3 น่านแน่...

แต่หลังมาบ้านสวนฯพีระมิดเมื่อนานมาแล้ว และให้สัจจะว่าจะไม่ผิดศีลผิด

กลับไปบ้านก็ได้เริ่มออกลาย เมื่อก่อนเป็นคนเรียบร้อยแต่เดี๋ยวนี้กลายมาเป็นร้อยเรียบ 555

คุยกับสาวเล็ก สาวเหลือน้อย ทางอินเตอร์เน็ต นัดเจอกัน พาสาวเข้าโรงแรม ไปบ้านสาวเลยก็มี ได้เสียกัน เรียกว่านอกใจศรีภรรยาว่างั้น

ส่วนฝ่ายคุณเมียสุดที่รักนั้น อยู่ที่วัดปฏิบัติธรรม โกนหัวบวชชี ภาวนาไม่ลดละ เกิดเอะใจก็เลยนั่งสมาธิก็เห็นกระดาษเขียนสารภาพบาปกรรมของบ้านสวนฯ

ก็เลยได้รู้ด้วยจิตว่า สามีคงได้ละเมิดศีล ทำตนเองเจ็บกระดองใจแล้วเป็นแน่แท้

ด้วยความเป็นคนที่โมโหร้าย ทำให้ร้อนลุ่มไปหมด เลยเรียกสามีไปพบ จนได้ทราบความจริงอันขมขื่น จากปากสามี

กลับจากปฏิบัติธรรม ก็เลยสงเคราะห์สามีด้วยการเหน็บสามีขึ้นข้างฝา ซ้อมด้วยความรัก ปราณีจนสามีสะบักสะบอม

ฝ่ายสามีก็ยอมรับผิด บอกแก่ลูกๆว่า ไม่ต้องเป็นห่วง พ่อทำผิด ให้แม่เขาลงโทษนะลูก น๊านน...แมนซะ ดูว่าจะแมนแค่ไหนติดตามต่อ

"ขอชีวิตไว้เถอะนะ ยังไงก็อย่าตัดน้องชายเลยนะ"

อะจ๊ากกก คุณเมียที่เคารพรักกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์จนหนำใจ เคยขู่ไว้ด้วย ฮึ่มมม...อยากจะตัดเหลือเกินน ไอ้นั่นน่ะ และซ้อมจนสามีต้องรอขอชีวิตไว้....ป๊าดด

ยางง...ผลกรรมไม่ได้แค่นี้ คุณสามีปกติขับรถมานานไม่เคยมีปัญหา ก่อนมาบ้านสวนฯ จู่ๆก็ได้รับอุบัติเหตุ ทำให้ประตูรถตู้พังยับไปแถบหนึ่งเลยทีเดียว ต้องรออะไหล่จากนอกหลายหมื่นบาท พอดีคุณพี่จอดรถไว้ด้านหน้าผม เห็นสภาพรถแว้วว กลัวก๊าบ

เอ้า..เป็นไงละ เคยให้สัจจะไว้ แต่ไม่รักษา แถมทำผิดซ้ำไปซ้ำมา ว่าแล้วคุณสามีก็ขอระบายความรู้สึกในใจอีกว่า

เวลาขอมีอะไรกับคุณภรรยานั้น บางทีเขาก็อ้างว่าวันนี้วันพระบ้าง ขอถือศีล

คุณภรรยาก็ตอบว่า ไม่ได้โกหก แต่จำผิดวันเจงๆคิดว่าเป็นวันพระ ที่สำคัญบ้านก็คับแคบ อยู่กับลูกๆเลยไม่สะดวกง่ะ

ท่านอาจารย์เลยถามความเห็นคนอื่นว่า จะทำอย่างไรดี

อาจารย์อภิชัยเลยให้ความเห็นว่า ก็ทำอย่างที่ทำกับหญิงอื่นนั่นล่ะ คือ พาเมียเข้าโรงแรมสิ สาวอื่นยังพาไปได้ แต่เมียไม่ยักพาไป น๊าานนน...เป็นไงล่ะ ง่ายนิดเดียวเอง

เห็นรึยังครับว่า ผลกรรมในการละเมิดศีลข้อต่างๆทำให้ชีวิตมีแต่ความทุกข์ ได้รับเคราะห์กรรมต่างๆ

ถึงตอนนี้คุณสามีและภรรยา ก็ต่างตั้งใจรักษาศีล จะคุณสามีจะไม่นอกใจภรรยาอีก ส่วนภรรยาก็จะไม่ซ้อมสามี ไม่โมโหร้ายอีก

หนทางแห่งจิตวิญญาณที่กลับมารวมกันทำหน้าที่

อาจารย์อภิชัย ได้ออกมากล่าวขอบคุณและเล่าถึงปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับตนเองว่า ขาตนเองนั้นตอนนี้ไม่ตึงแล้ว เหลืออาการเท้าบวมอยู่ ซึ่งเวลามาบ้านสวนฯก็จะดี แต่กลับไปก็จะคล้ายๆเดิม

และวันเสาร์ที่มานี้อาจารย์อภิชัยได้คุยกับท่านอาจารย์อุบล และได้รับมอบหมายงานสำคัญมากอย่างหนึ่ง ซึ่งท่านอาจารย์ได้ถามผมว่า ลองบอกซิว่า ท่านเคยบอกอะไรไว้เมื่องานพิธีบวงสรวงสร้างองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา

คนที่จะมาสร้างพระองค์ท่านได้

อย่างน้อยที่สุด

ต้องเป็นโสดปฏิมรรคขึ้นไป

และผู้ใดที่ไม่มีคุณสมบัตินี้

ก็จะรู้สึกไม่อยากทำงาน

หรือไม่สามารถมาสร้างต่อได้

ต่อไปลูกบ้านสวนฯ

จะต้องเป็นผู้สร้างพระองค์ท่านต่อ

โดยตัวพวกเราเอง

นั่นคือ อาจารย์อภิชัยเอง ที่ได้มาบ้านสวนฯนั้นไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ได้มาด้วยลิขิตแห่งสวรรค์ และได้รับพระบัญชาให้มาช่วยสร้างองค์พระปฐมบรมธรรมบิดา หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ องค์เทพสฟริงซ์ ท่านท้าวมเหสักขา และอื่นๆในบ้านสวนฯต่อ

ไม่เพียงชาตินี้ที่อาจารย์อภิชัยจะได้มาทำงานนี้ แต่เมื่อชาติก่อนอาจารย์อภิชัยก็เคยทำหน้าที่สำคัญนี้มาก่อนแล้ว

คนทุกๆคนที่ได้ลงมาเกิดและได้มาเจอกัน ล้วนแต่มาจากการอธิษฐานจิตติดตามมาด้วยกันทั้งสิ้น และมาสั่งสมความรู้เฉพาะด้าน เฉพาะทางเพื่องานสำคัญอันยิ่งใหญ่ในกึ่งพุทธกาลนี้

อาจารย์จิตราเคยกล่าวไว้กับท่านอาจารย์อุบลไว้ว่า บัดนี้ดวงจิตสำคัญดวงหนึ่งได้มาเกิดในประเทศไทยแล้ว และบุคคลนี้จะทำให้ประเทศไทยได้เป็นผู้นำของโลก

และมีดวงจิตอีกจำนวนมากมายได้อธิษฐานติดตามดวงจิตนี้มาเพื่อช่วยงาน สั่งสมบารมี เพื่องานที่ยิ่งใหญ่นี้ให้สำเร็จ

แต่การมาพบกันนั้นจะมาด้วยเงื่อนไข คือ แต่ละคนที่มานั้นจะมาพร้อมด้วยความทุกข์ต่างๆ เช่น โรคภัยไข้เจ็บ หรืออื่นๆ

และการทำหน้าที่ของตนเองนั้น ก็จะได้รับการปลดเปลื้องทุกข์ต่างๆที่มีอยู่ให้หมดไป

ดังนั้นอาจารย์อภิชัยและอีกหลายๆคน ก็คือคนที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานลงมาเกิดเพื่อทำหน้าที่ต่างๆเพื่อช่วยดวงจิตสำคัญดวงนี้ให้ทำงานสำคัญยิ่งให้สำเร็จนั่นเอง สาธุ สาธุ สาธุ

ค่อยมาเหลาต่อนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะก๊าบบ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 10:46:43


ความคิดเห็นที่ 959 (1607856)

 เพลงเพราะมาก อนุญาติขอโหลดเพลงฟังนะค่ะ สุดยอดจริงๆ ผุ้แต่ง ผู้ร้อง ถอดจากอาจารย์เด๊ะทั้งคำร้อง เนื้อเพลง โดนใจมากค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กรองแก้ว เมธาธนสกุล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 11:03:41


ความคิดเห็นที่ 960 (1607877)

ต่อนะครับ

รอวันปาฏิหาริย์แห่งบุญ

วันนี้ดร.จิ๋มได้ออกมาสมาทานศีลเป็นทางการ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นนักสร้างบุญตัวยง ท่านอาจารย์บอกบุญเรื่องไร ทั้ง ดร.จิ๋มและ ดร.จุ๋ม จะรีบขอร่วมบุญทันที

และบุญแต่ละอย่างที่ทำมาล้วนเป็นบุญใหญ่ทั้งสิ้น และเป็นคนที่ชอบทำงานหนัก งานเบาๆไม่ชอบ สู้แดด ทำเกษตรอินทรีย์กลางแดดเปรี้ยงๆไม่เคยท้อเลย

ดร.จิ๋มเล่าว่าตอนนี้อาการที่ปวดหลังดีขึ้นแล้วรวมทั้งอาการที่ขาก็ดีขึ้นเช่นกัน และได้สารภาพบาปกรรมที่เคยทำมา

แต่ประเด็นอยู่ตรงที่ท่านอาจารย์อุบลเมตตาบอกว่า วันที่สร้างองค์พระปฐมบรมธรรมบิดาด้านหลัง ระหว่างที่ ดร.จิ๋มเดินทางกลับมาด้านหน้า ท่านอาจารย์เห็นภาพกรรมในอดีตที่ ดร.จิ๋มเคยทำมา

คือเคยขับรถชนคนตายแล้วหนี ซึ่งท่านอาจารย์ได้ลองบอกให้ ดร.จิ๋มอุทิศบุญให้กับเขาดู และปรากฏว่าอาการดีขึ้นจริงๆ

วันนี้ท่านอาจารย์เลยเมตตาบอกว่า ให้ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร และเอาบุญทุกๆบุญที่สร้างมาให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย

ด้วยผลบุญที่ทำมาและพระเมตตาอันหาประมาณมิได้ของเบื้องบน ขอให้ทุกคนรอดูอาการ ดร.จิ๋มให้ดีๆ เพราะขาของ ดร.จิ๋มที่เป็นโรคโปลิโอ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร และการหายจากโรคนี้ก็จะถือว่าเป็นรายแรกของโลกเลยทีเดียว

"นี่แหละครับ พลังแห่งบุญบ้านสวนฯ" มาเอาใจช่วยลุ้นกับดร.จิ๋มกันนะครับ

ผมไม่อยากตกนรกครับ

วันนี้น้องนัทลูกชายอาจารย์อภิชัย ได้ออกมาสมาทานศีล ได้เล่าให้ฟังถึงบาปกรรมต่างๆที่ตนเองเคยทำไว้

ข้อ1 เคยฆ่าสัตว์เล็ก สัตว์น้อย โตสุดไม่เกินกระรอก เคยคิดอยากให้คนอื่นตาย

ข้อ2 เคยหยิบเงินพ่อแม่ไปใช้ ชอบของฟรี อิอิ...ของชอบ

ข้อ3 เคยดูหนังโป๊ ภาพโป๊ ระบายความเครียด

ข้อ4 โกหก ปลิ้นปล้อน

ข้อ5 ดื่มเหล้า

ท่านอาจารย์อุบลเมตตาถามว่า กลัวตายไหม "กลัวก๊าบ" อืม ตรงดีเพื่อน

งั้นหากไหนๆเรากลัวตาย ก็จงเผชิญหน้ากับความตาย มาตายให้เป็น ซ้อมตายกันไม่ดีกว่าเหรอ โดยให้จิตเกาะเกี่ยวอยู่กับพระพุทธเจ้า คิดว่าอย่างไรเกิดมาเราก็ต้องตาย หนีไม่พ้น แต่ตายให้เป็น"

เป็นพระโสดาบันให้ได้ โดยคิดว่าวันหนึ่งเราต้องตายแน่นอน รักษาศีล5ให้ครบ เคารพพระรัตนตรัย เท่านี้ก็ปิดอบายภูมิได้แล้ว ท่านอาจารย์เมตตาสอน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 13:33:27


ความคิดเห็นที่ 961 (1607879)

 ถ้าเราทำบ่อย ๆ จิตเราจะ

ไม่มีเวลา ให้อกุศลเข้ามากล้ำกราย

 

อันนี้

เอามาจากคำสอน

หลวงพ่อฤาษีลิงดำนะ

 

ท่านบอก

ถ้าเราหมั่น

ทำให้จิตทรงความดี

ตลอดเวลาได้

@@@@@@@@@@@@@@@@

วันนี้ลูกรู้สึกเศร้าหมอง...เพราะจิตรับเอาอกุศลจากภายนอกเข้ามาเต็มๆ

สักพักก็รู้สีกโกรธเคือง..และทำบาปทางมโนกรรม

พอได้อ่านข้อความนี้ของอ.แม่อุบล

รู้สึกว่าเราโง่จริงๆที่ให้อกุศลมันมาเกาะกับตัวเรา

ขอบคุณอ.แม่คะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 13:43:23


ความคิดเห็นที่ 962 (1607936)

ธรรมะโดนใจในค่ำคืนของการสมาทานศีล วันที่ 21 เมย. ณ บ้านสวนพีรามิด

หนทางสู่บ้านสวนพีรามิดของอาจารย์อภิชัย อาจารย์คณะจิตรกรรม ม.ศิลปากร

ท่านเข้ามาครั้งแรกเมื่อสงกรานต์นี้เอง โดยไม่ได้เขียนกระทู้ขออนุญาต ได้แต่โทรบอกคุณธนา เพื่อมาร่วมอุทิศบุญให้เด็กที่ถูกทำแท้ง และเจ้ากรรมนายเวรที่เราฆ่าเขาไว้ ผ่านไป 1 อาทิตย์ เขาก็กลับมาอีกพร้อมลูกชาย ซึ่งตนเองคุ้นกับหลานมากตอนเต้นโคโยตี้ อาทิตย์นี้ท่านอาจารย์เฉลยว่า อาจารย์จากคณะจิตรกรรมท่านนี้ จะต้องมาช่วยชาวบ้านสวนพีรามิด สร้างสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา และประติมากรรมต่างๆ เพราะคนที่มาสร้างองค์ท่านได้ ต้องเป็นโสดาบัน ช่างก่อสร้างธรรมดาที่มีศีลไม่ครบ ดื่มเหล้าระหว่างงาน ขี้เกียจ จะทำไม่สำเร็จ ทั้งนี้ในอดีตชาติอาจารย์เขาน่าจะเป็นชาวอียิปต์ เคยช่วยท่านอาจารย์อุบลสร้างปิรามิด ชาตินี้จึงได้รับมอบหมายให้มาร่วมสร้าง ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเสด็จพ่อท่านท้าวเวชสุวรรณท่านจัดสรรไว้แล้ว

จุ๋ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ (tmtkl-at-mahidol-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 21:08:22


ความคิดเห็นที่ 963 (1607940)

การสมาทานศีลข้อกาเม

คุณผู้ชายท่านนี้เป็นข้าราชการงานสัตวบาล สารภาพว่าเจ้าชู้ มีอะไรๆกับผู้หญิงโสดบ้าง มีสามีแล้วบ้าง และส่วนมากเป็นข้าราชการด้วยกัน จำนวน 4-5 คน (ไม่แน่ใจ) และที่น่าแปลกใจคือเป็นของฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนคุณภรรยาก็มีกิ๊กบ้างเป็นการแก้แค้น ความละอายต่อบาปไม่มีเหลือแล้วในสังคมปัจจุบัน และเห็นว่าได้รับผลกรรม รถยนตร์มีอุบัติเหตุเสียหาย เพราะตั้งสัจจะกับท่านอาจารย์ไว้ตอนมาเข้าค่ายว่าจะรักษาศีลและไม่รักษาผิดสัจจะ

ยังไงก็ขออนุโมทนากับการสำนึกผิดและให้ธรรมทานในครั้งนี้ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ (tmtkl-at-mahidol-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 21:48:16


ความคิดเห็นที่ 964 (1607949)

  สวัสดีครับท่านอ.อุบล  ครอบครัวท่าอาจารย์  และพี่น้องลุงป้าน้าอา  ชาวบ้านสวนฯทุกท่าน  ผมขอเล่าการสมาทานศีล 5 ของตัวผมนะครับ  เนื่องจากเรื่องนี้ค้างคาอยู่ในใจของกระผมมานานอยู่  บางครั้งก็กล้าๆกลัวๆ  ไม่กล้าออกไปสมาทาน  อายครับ  แต่ได้ความคิดดีๆจากพี่ธนา  ว่าคนบางคนหนะเขาจะกลัวบาปมากกว่ากลัวอาย  กลัวตกนรกมากกว่า  ผมเองก็ไม่อยากไปนรกซะด้วย  ก็เลยตัดสินใจ  พอพี่ธนาพูดให้คนมาจองคิวสมาทานศีล  ขอขมา  ขอบคุณ ฯลฯ    ผมเลยถือโอกาสครั้งนี้แหละที่จะออกไปสมาทานศีล 5 เล่าบาปของตัวเอง

    ก่อนถึงคิวของผม  ผมตื่นเต้นหน้าดู  ใจเต้นรัวและแรง  แต่พอได้ไปนั่งไกล้ท่านอ.อุบลรู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันหายไปหมด  ว่าแล่วผมก็เริ่มขอขมาท่านก่อนเลย  เรื่องที่ตอนค่ายดร.อาจอง ตอนเตือนภัยภิบัติขั้นวิกฤต  นั้นตอนกลางคืน  ท่านอ.อุบล  เปิดโอกาส  อัญเชิญไฟนรกขึ้นมาให้เราได้รู้สึกกันสำหรับคนที่เคยผิดศีลข้อ 4   แต่ตอนนั้นผมไม่กล้าออกไป  คิดเองว่าอากาศมันร้อน  เมื่อคืนวันเสาร์ผมเลยมาขอขมาแล้วเล่าให้ท่านอาจารย์ฟัง  ถึงการตัดสินใจที่ผิดในวันนั้น    ก็ขอให้สิ่งนี้เป็นธรรมทานแก่ทุกๆท่านนะครับ  ว่าถ้าเรารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป  แล้วเมื่อท่านอาจารย์เปิดโอกาสแล้ว เราก็ควรคว้าเอาไว้ ไม่ได้ต้องการให้คนละโมบอะไรหรอกนะครับ  แต่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าเราก็ยังไม่รู้ว่าเราจะได้สมาทานอีกเมื่อไหร่  เราอาจจากโลกนี้ไปก่อนก็ได้  ถึงเวลานั้นท่านมิอาจหวนกลับมาแล้วนะครับ    


ต่อครับ  หลังจากนั้นผมก็สมาทานศีลห้าไล่ไปตามข้อ  

1.  ฆ่าสัตว์เล็ก  แมลงต่างๆ  เท่าที่เคยจำได้ในชาตินี้ก็ตัวไม่ใหญ่กว่ากระรอก   

2.  ขโมยเงินของพ่อแม่  หยิบเศษเงินที่ตกตามบ้าน  ซอกมุมต่างๆ  ขโมยของใน รร.ที่เจอเช่น  เงิน  ดินสอ  ยางลบ  ปากกา

3.  ดูหนังโป๊  รูปโป๊  ภาพโป๊  ต่างๆนานา  เพื่อคลายเครียด  ผ่อนคลาย

4.  โกหกพ่อแม่  ครูบาอาจารย์   เพื่อน  น้อง  พี่  พูดจาไร้สาระ  กวน  ส่อเสียด  นินทา  

5.  ดื่มสุรา  เบียร์  เหล้าปั่น  เล่นการพนัน  สูบบุหรี่ ( ลองครั้งแรก  แล้วไม่สูบอีกเลย  )  อันนี้ลืมสมาทานไปครับ     

ท่านอาจารย์ก็สอนผมหลายเรื่องทีเดียวครับ  ที่จำได้ก็คือ เวลากินเหล้าอ่ะ  มันขมไหม  ถ้ามันขม ทำไมไม่ไปกินอย่างอื่นแทนหละ  เช่น  บอระเพ็ด  มะระ  แล้วเวลากินหนะมันแสบคอไหม  ระวังไว้หละ  

แล้วเรื่องดูหนังโป๊  รวมถึงท่านทั้งหลายด้วยนะครับ  อาจารย์เตือนไว้ว่าเดี่ยวจะมีปัญหาด้านสายตา  

ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  จะเป็นภูมิแพ้  ซึ่งผมก็มีอาการเล็กน้อย  คือจามเวลาเข้าไปในห้องที่มีฝุ่นมาก

โกหก  พูดจาไร้สาระ  กวนประสาท  นินทาชาวบ้าน  จะปากเหม็น  ซึ่งข้อนี้รุนแรงนะครับ  


มาถึงคำถามของท่าน  ท่านถามผมว่า  กลัวตายมั้ย  เราอ่ะ ?  อืมม... กลัวครับ  

อาจารย์ท่านเลยบอกว่างั้นเราต้องทำความรู้จักกับความตายซะเลย   ตอนฟังนั้นตกกระใจมากครับ  เห้ยย ยังไงอ่ะ รู้จักกับความตาย  หรือจะให้ผมลองตายดู  ไม่นะ!!  แค่คิดก็เสียวแว้วว  

ท่านบอกว่าเมื่อเราไกล้จะตายให้นึกถึงภาพของพระพุทธองค์  นึกถึงความดีที่เคยทำมา  อย่านึกถึงความอาฆาตพยาบาทเบียดเบียน  ไม่งั้นละก็  ทัวร์นรกครับ  สรุปคือกำหนดจิตให้สงบ  อย่ารู้สึกถึงความเจ็บปวด  แล้วจะดีเอง  


สำหรับท่านไหนๆ  นะครับที่คิดว่าเดี่ยวค่อยออกไปสมาทานศีล5 หรือกรณีอื่นๆ  ลองเติมคำว่านี้  ไปด้วยสิครับ  " เดี่ยวนี้  "   ใช่ครับ  เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะอยู่ได้นานสักแค่ไหน  วันดีคืนดีอาจจะตายไปเลยก็ได้  โดยที่ยังไม่ได้สมาทานศีล 5  ออย่างที่ว่าแหละครับ รู้สึกผิดไปจนวันตาย   ถ้าท่านใด  ยังไม่อยากร้สึกเช่นนั้น  รีบเลยครับ  เวลาอาจจะไม่ยืนยาวอย่างที่ท่านคิดไว้ก็ได้.....   

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณภัทร ภิรมย์รักษ์ (natzfullstep-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 22:38:32


ความคิดเห็นที่ 965 (1607950)

เศษกรรมในอดีตชาติของ ดร.จิ๋ม

ในฐานะพี่สาวฝาแฝดของจิ๋ม ทุกๆคนในครอบครัวก็รักและดูแลกันอย่างดี โดยเฉพาะการตัดรองเท้าเสริมให้จิ๋ม พ่อแม่จะพาไปร้านรองเท้า ดูแลให้เดินสบายที่สุดตั้งแต่เด็ก แต่จิ๋มเขาอดทนไม่เคยคร่ำครวญ แถมเคยอธิษฐานจะรับกรรมให้หมดในชาตินี้ ก็เลยพบความเจ็บป่วยกันมาตลอด ที่หนักล่าสุดก็ผ่าหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และตาปลาที่เท้า เจ็ปปวดสุดๆ เพิ่งจะมาเบาบางก็เมื่อได้มาพบท่านอาจารย์อุบล ได้มาทำบุญใช้แรงกาย หมั่นอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร บุญที่ลูกทั้งสองทำ ยังมีอานิสงค์รักษาชีวิตคุณพ่อให้ยืนยาวขึ้น

ท่านอาจารย์เฉลยว่าจิ๋ม มีกรรมเก่าที่หนัก เคยขับรถชนคนแล้วหนี เคยใช้ปืนไรเฟอร์ยิงคนที่ขาจนขาขาด และแท้งลูกมาแล้วหลายคน อาจารย์แจ้งว่าชีวิตจิ๋มเป็นตัวอย่างของกรรมในอดีตชาติที่ส่งผลให้เขารับทุกขเวทนาเจ็บไปทั่วร่างกาย  จุ๋มและจิ๋มเองสำนึกในบุญคุณของท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคลตลอดเวลาในการสั่งสอนข้อธรรมะต่างๆให้ปรับปรุงตัว อีกทั้งเงินทองจากการขายหุ้นก็ได้จากอานิสงค์ธนบัตรหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และท่านท้าวเวชสุวรรณดลบันดาลทั้งสิ้น งานบุญใดๆต่อไปจึงขอปาวารณาร่วมบุญอย่างต่อเนื่อง

จุ๋ม และ จิ๋ม
 


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ (tmtkl-at-mahidol-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 22:45:34


ความคิดเห็นที่ 966 (1607970)

อนุโมทนากับธรรมทาน

อีกหลากหลายมุมมอง

ทั้งจากคุณ โฆษิต

พ่อใหญ่ธนา

คุณพี่จุ๋ม

และหนุ่มนัท ด้วยค่ะ

 

อ่านแล้ว...สรุปได้ว่า

 

พวกเราทุกคน

คงต้องทำหน้าที่ของตน

ที่ได้รับมอบหมายมา

และหน้าที่ของความเป็น"คน"

ให้ดีที่สุดนะคะ

 

และจงอย่ากลัว"การตาย"

แต่ขอให้กลัว"การเกิด" ที่เป็นบ่อเกิด

แห่งความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง

...ไม่รู้จักจบสิ้น ... 

 

เหนื่อยแล้วเนอะ

 

ขอให้พวกเราทุกคน

ได้กลับบ้าน..ด้วยกัน

ในชาตินี้ นะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-25 05:10:47


ความคิดเห็นที่ 967 (1608041)

 และจงอย่ากลัว"การตาย"

แต่ขอให้กลัว"การเกิด" ที่เป็นบ่อเกิด

แห่งความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง

...ไม่รู้จักจบสิ้น ... 

@@@@@@@@@@@@@

ลึกซึ้งแต่สะกิดใจจัง....สมแล้วที่คุณชนิดาเป็นเจ้าแม่ธรรมทานประจำบ้านสวนคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-25 14:46:07


ความคิดเห็นที่ 968 (1608110)

 อนุโมทนากับธรรมทานจากคุณโฆษิต

พี่ธนา คุณพี่จุ๋ม และคุณนัทด้วยค่ะ

เมื่อก่อนก็ชอบคิดว่าทำไมเราต้องเกิดด้วย

ทำไมเราไม่สูญหายไปเลยนะ

เพราะเบื่อความเป็นคนที่ต้องเจอกับ

สารพัดทุกข์ทุกรูปแบบ

แต่ตอนนี้รู้สึกโชคดีเหลือเกินค่ะ

ที่ได้มารูจักบ้านสวน 

ทำให้ได้รู้ว่าการเกิดเป็นคนนั้นโชคดีแค่ไหน

อย่างน้อยๆเราก็สามารถ "เลือกทางเดิน"

ที่จะทำให้เราไม่ต้อง"กลับมาเกิด"อีกได้

 

และจงอย่ากลัว"การตาย"

แต่ขอให้กลัว"การเกิด" ที่เป็นบ่อเกิด

แห่งความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง

...ไม่รู้จักจบสิ้น ... 

อนุโมทนากับพี่ชนิดาด้วยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-26 04:34:45


ความคิดเห็นที่ 969 (1608515)

 

ธรรมทานวันเสาร์ที่ 28 เม.ย.55

เป็นอาทิตย์แรกที่เริ่มกิจกรรมปิดนรกขุมที่ 1 ซึ่งคือผิดศีลข้อ1 ทั้ง

-ทางการกระทำ

-ทางคำพูด แช่งชักหักกระดูก พูดทำร้ายใจคนอื่น

-ทางมโนกรรม คิดให้คนอื่นตาย สมน้ำหน้าคนเจ็บ คนตาย

-การทำแท้ง มีส่วนรู้เห็นในการทำแท้ง

ซึ่งก่อนที่จะปิดนรกขุมที่ 1 ท่านอาจารย์ได้เมตตาให้มีการขอขมา ขอบคุณและสมาทานศีล ซึ่งค่ำคืนนี้มี 9 ท่านที่ขออนุญาติ

1.ป้าติ๋ม มาขอขมาพระพุทธองค์ ในหลวง และ อ.อุบล

  ป้าติ๋มนั่งสมาธิหลับตาทุกครั้ง จะเห็นอวัยวะเพศชายขึ้นที่หน้าพระพุทธรูปทุกครั้ง และในใจมักจะคิดถึงคำหยาบต่อในหลวง และท่าน อ.อุบล ซึ่งป้าติ๋มทุกข์มาก ไม่อยากคิดแต่จิตมักจะคิดทุกครั้ง อาจารย์บอกว่า เป็นเพราะป้าติ๋มผิดศีลข้อ3 ซึ่งป้าติ๋มก็ยอมรับว่า ผิดศีลข้อ 3 มา มีกิ๊ก มีความสัมพันธ์กับชายอื่นมาหลายคน ทั้งที่แต่งงานแล้ว

2.คุณภัทรพร มาขอขมาเรื่องที่เข้าบ้านสวนฯ โดยไม่ได้ขออนุญาติ และไม่ได้ดูรายการครบ 9 ตอน เมื่อกลับบ้านไป แทนที่จะมีความสุข กลับมีความทุกข์ใจ นอนไม่หลับ จึงต้องมาขอขมา 

และมาขอบคุณผิวพรรณ หน้าที่เป็นฝ้า เริ่มจางลงและลูกชายที่เป็นเด็กดี

และคุณภัทรพร ก็มาเล่าเรื่องประหลาดใจเกี่ยวกับแหวนองค์สฟริงซ์ ซึ่งคุณภัทรพรสามารถเห็น UFO ที่บ้านของเธอหลังจากที่ได้แหวนมา

อาจารย์ได้บอกความลับของแหวนสฟริงซ์

1.เปิดมิติเหมือนที่บ้านสวนฯ บ้านสวนฯเห็นอะไร เราก็สามารถเห็นได้ที่บ้านเราเช่นเดียวกัน

2.ทำให้เกิดความสุข ความสมหวัง 

3.ดลบันดาลให้ภัยพิบัติที่ร้ายแรง ไม่เกิดขึ้นในสถานที่เราอยู่ แต่เราต้องไม่ผิดศีล

3.คุณณัฐนันท์ มาขอขมาเรื่องคิดปรามาส พร และะพุทธเจ้าและอ.อุบล ซึ่งจิตมักจะด่าในใจ ทั้งที่ไม่พยายามคิดแต่จิตมักจะคิดไปเองทุกครั้ง

ซึ่งท่านอาจารย์ ได้บอกว่า เป็นเพราะผิดศีลข้อ 4 อย่างร้ายแรง ให้นึกกรรมที่หนักให้ออก คุณณัฐนันท์ บอกว่า มีนินทาพ่อแม่ ใส่ร้ายเพื่อนร่วมงาน จึงทำให้เกิดวิบากกรรมใหญ่หลวง

4.อาจารย์ณี มาสารภาพบาป เรื่องที่ตอนเป็นพยาบาลวิสัญญี ได้ทำคนตายไป 2 คน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในใจตลอดมา และช่วยคุณหมอทำแท้งเด็ก ประมาณ 30 คน ซึ่งเป็นกรรมหนัก เจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมอภัยให้ ทำไห้อาจารย์ พูดผิดพูดถูกตลอด แต่อาการปวดหลังที่ทรมานมาประมาณ 2-3 เดือนก็ทุเลาลง แต่ยังไม่หายขาด

ส่วนของคนอื่นเอาไว้ให้คนอื่นมาเหลาบ้างนะคะ

มาถึงช่วงกิจกรรมปิดขุมนรกขุมที่ 1

ท่านอาจารย์ได้นำการอธิษฐานจิตขอปิดนรกขุมที่ 1 ต่อเสด็จปู่ท้าวเวสสุวรรณ โดยให้เราอุทิศบุญถึงสัตว์ตั้งแต่สัตว์เล็กๆ มด ยุง แมลงสาบ ปลวก หมา แมว สัตว์ที่เรากินเป็นอาหาร  จนกระทั่ง คน ที่เราเคยฆ่า ทำร้าย ทั้งทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เคยทำแท้ง มีส่วนรู้เห็นในการทำแท้ง เชิญไฟนรกขึ้นมาให้เราสัมผัส ซึ่งเจี๊ยบก็รู้สึกร้อนบริเวณ คอ และใบหู และถ้าสัตว์ คน ที่เรานึกไม่ออก และไม่ได้อุทิศบุญให้ ก็ให้ปรากฏขึ้นมาในจิต ซึ่งเจี๊ยบ ก็เห็นเป็นสัตว์ตัวเล็กๆเต็มๆไปหมด ซึ่งตอนแรกก็นึกไม่ออกว่าเป็นอะไรบ้าง แต่พอรุ่งขึ้น ก็มีคนลืมอุทิศเหมือนเรามากมาย ซึ่งมีหลายอย่างที่เป็นสัตว์ตัวเล็ก เช่น เห็บหมา เหา ซึ่งเมื่อก่อนเคยฆ่า

และขอปิดนรกขุมที่ 1 ถ้าปิดได้ก็ให้เรารับสัมผัสปิติได้ เจี๊ยบรับสัมผัสได้เป็นอาการยิบๆขนลุก บริเวณมือทั้ง 2ข้าง และเห็นเป็นแสงสว่างวาบเข้ามา

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ที่เมตตากับลูกหลานได้ปิดนรกขุมที่ 1 กับทุกๆคนที่ไปในวันนี้ แต่อย่าไปทำผิดศีลมาอีก ก็ต้องตกนรกเหมือนเดิมค่ะ

อาทิตย์หน้าปิดขุมที่ 2 ท่านอาจารย์ได้ให้ทุกคนเขียนกรรมของตัวเองมาจากบ้านค่ะ เขียนให้ละเอียดที่สุด นึกให้ได้มากสุด จะได้ปิดขุมนรกได้หมดจดค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เพชรดา วรรณรักษ์ (fareastinn-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-29 21:22:15


ความคิดเห็นที่ 970 (1608517)

ขอบคุณและโมทนาบุญกับพี่เจี๊ยบด้วยนะคะ

พี่เจี๊ยบคงรู้และเห็นใจชาวเกาะทั้งหลายใช่ไหมค่ะ

ว่าเรารออยู่  รีบส่งข่าวทันที 

และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน  ที่ได้ปิดนรกขุมที่  1

ให้กับตัวเองแล้ว  สาธุ  สาธู

     และกราบขอบพระคุณพระพุทธองค์  เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ  ท่านอาจารย์อุบล

และครอบครัว  ที่มีเมตตาให้มีวันนี้เกิดขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-29 21:37:30


ความคิดเห็นที่ 971 (1608523)

 ขออนุโมทนากับพี่เจี๊ยบด้วยนะครับ ที่มาเล่าธรรมทาน สำหรับอาทิตย์นี้ และขออนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยครับที่ได้ปิดประตูนรกขุมที่1 ได้แล้ว

ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิื์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์ และ ท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล คุณท๊อปด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-29 23:09:32


ความคิดเห็นที่ 972 (1608524)

ขออนุโมทนาธรรมทานจากพี่เจี๊ยบด้วยนะคะ

และอนุโมทนากับทุกๆท่านที่สามารถปิดประตูนรกขุมที่ 1 ได้แล้ว

นับว่าทุกท่านที่ได้ร่วมกิจกรรมบุญนี้โชคดีมากๆเลยนะคะ

เพราะเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายเค้าอนุโมทนาแล้วและได้ขึ้นไปอยู่

ในภพภูมิที่สูงยิ่งขึ้นแล้ว ไม่มีแรงอาฆาตพยาบาทอีกต่อไป ฉะนั้นการ

ปฏิบัติธรรมก็จะสามารถปฏิบัติได้ดีขึ้นไปอีก เส้นทางที่เดินก็จะสะดวก

มากขึ้น สามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

อนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ดีขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ <ตั๊ก> (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-30 00:09:55


ความคิดเห็นที่ 973 (1608561)

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากพี่เจี๊ยบด้วยนะคะ

อ่านแล้วชนิดาก็ได้ลองอุทิศบุญ

ตามที่พี่เจี๊ยบเขียนแนะนำมาทันที

 

เพราะถ้าเป็นไปได้

ชาวเกาะอย่างเราๆก็อยาก

จะปิดขุมนรกขุมที่ 1

กับเค้าบ้างเหมือนกัน

แต่"กองบุญ"ที่มี อาจจะพอ

หรือ ไม่พอ บ้าง แต่ก็ยังดีกว่า

ไม่พยายามใช้หนี้ซะเลย

มีงบน้อย ก็ใช้หนี้

ไปตามงบประมาณที่มีก็แล้วกันนะคะ

ใช้เล็กใช้น้อย หมั่นใช้ไปเรื่อยๆ

ก็คงจะลดหนี้ลงได้บ้าง

 

ซักวันนึง เราต้องเป็น"ไท"

ไถ่ถอนตัวเองจากรากกรรมให้ได้...

 

 

ถึงแม้ว่า ชาวเกาะจะไม่มีโอกาส

ไปร่วมกิจกรรม"มหาบุญ"

ที่บ้านสวนฯ แต่เราสามารถ

ใช้บุญ"กรรมฐาน" ที่สามารถ

ทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน 

เพื่อปลดหนี้กรรมใหญ่ๆ

ให้กับตัวเองได้นะคะ

 

 

อนุโมทนากับทุกๆท่าน

ที่ไปร่วมแสดงธรรมทาน

ในค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วยนะคะ

 

แหะ แหะ แล้วก็รอฟัง

ส่วนที่เหลือ อยู่นะค๊า

 

 

กราบขอบพระคุณ เทวดาที่รักษา

ท่านอ.อุบล อ.มงคล

และคุณท็อป ทุกๆพระองค์

 

และ กราบขอบพระคุณในความเมตตา

ของท่านอ.อุบลและครอบครัว ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-30 04:25:00


ความคิดเห็นที่ 974 (1608584)

 ขอนำบรรยากาศบุญเมื่อวันเสาร์

ที่ 28 เม.ย. นี้ ดังนี้ค่ะ
ช่วงเช้าได้เริ่มสร้างบุญวิหารทาน
โดยการช่วยกันผสมปูน ส่งถังปูน
การตักปูนและส่งปูนนี้
สอนให้เรามีสติตลอด และต้องสามัคคีกันด้วย
ถ้าปล่อยใจลอย นั่นแหล่ะ สะดุดกันทั้งสายพาน

จากนั้นช่วงบ่ายเราช่วยกันขุดรางน้ำ
วางท่อระบายน้ำ  ตั้งแต่ช่วงด้านข้างเวที
ไปจนถึงด้านข้างวิหารพระ
พอใกล้เสร็จ เราก็ไปต่อกันที่แปลงผัก

ได้ช่วยกันถอนหญ้าที่แปลงต้นถั่ว
จนกระทั่งเย็นจึงมาอาบน้ำอาบท่า
เตรียมทำสมาธิกัน

วันนี้ท่าน อ.อุบลจะนำปิดขุมนรกขุมที่1
แต่ก่อนทีจะถึงขั้นตอนนั้น
ก็มีการขอขมา ขอบพระคุณ
และสมาทานศีลกันทั้งหมด 9 คนค่ะ

ท่านแรก ป้าติ๋มได้ขึ้นมาสารภาพบาป
ทางความคิดคือทุกครั้งที่นึกถึงพระพุทธเจ้า
จะเห็นภาพอวัยวะเพศชายขึ้นมาทุกครั้ง
และเมื่อนึกถึงองค์ในหลวงก็จะมีคำ
หยาบคายเป็นอวัยวะเพศหญิง
ที่ชื่อของพระองค์ด้วย
รวมทั้งเวลานึกถึงท่าน อ.อุบลก็จะ
มีสรรพนามนำหน้า ที่เป็นคำหยาบทุกครั้งไป
ทุกอย่างเป็นสิ่งที่คิดอยู่
โดยสร้างความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานใจ
ให้ป้าติ๋มทุกครั้งในเรื่องนี้

ท่าน อ.อุบลจึงเมตตาบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เนื่องจากป้าติ๋มได้ผิดศีลมาทุกข้อ 
โดยเฉพาะศีลข้อ 3 ป้าติ๋มผิดมากที่สุด
ซึ่งการเป็นครูดีเด่น ระดับชาติ
ไม่ได้แปลว่าผู้นั้นจะเป็นคนดีเสมอไป
และท่าน อ.อุบลได้บอกว่ากรรมนี้ถือเป็น
อนันตริยกรรม คือเป็นกรรมที่หนัก
ถึงแม้จะเป็นทางความคิดก็ตาม
ผู้ที่เคยพูด มึง กู ต้องเลิกซะ
ป้าติ๋มเสียสละและกล้าหาญมากที่มาสารภาพ
และให้ธรรมทานกับพวกเราเรื่องนี้ค่ะ

และเบื้องบนท่านต้องการให้เราเห็นว่า
ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงชิงสุกก่อนห่าม
ทำตัวไม่ดี ก็เพราะพ่อพิมพ์ แม่พิมพ์ของชาติ
ผิดศีลซะเอง เป็นข้าราชการ
ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่ทำตัวไม่ดี เยาวชนจึงมีตัวอย่าง
ประเทศชาติจึงไม่เจริญ

ท่านที่สอง เป็นแม่บ้านจบปริญญาโท
จากม.ศิลปากร
ได้มาขอขมาอ.อุบลที่ได้เข้าบ้านสวนโดยผิดกฎ
และได้รับผลคือมีแต่ความทุกข์ในใจ นอนร้องไห้
ด้วยผลกรรมนี้ หลังจากนั้นรู้แล้ว
ก็รีบปฏิบัติตามกฎได้จนครบ 
รวมทั้งได้สวมใส่แหวนสฟิงซ์
ชีวิตก็เกิดปาฏิหารย์มากมาย
ทั้งลูกที่ไม่เคยคุยกันรู้เรื่องก็เชื่อฟัง
และได้เห็น ufo ที่บ้าน 

ท่าน อ.อุบลเมตตาบอกว่า
แหวนสฟิงซ์นี้ ใส่แล้วสิ่งแรกเลย
ผู้ใส่จะมีความสุขเกิดขึ้นกับชีวิต
และสามารถดลบันดาลให้ภัยพิบัติ
ไม่เกิดในที่นั้นได้อย่างฉับพลัน

ท่านที่ 3 ได้มาขอขมาเรื่อง
ได้นำเนื้อสัตว์เข้าบ้านสวน
ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นการสอนให้เรา
ใช้ปัญญาไม่เบียดเบียนผู้อื่น
และให้เรามีชีวิตรอดในวันเกิดภัยพิบัติ

ท่านที่ 4 คุณหนึ่ง เจิดหทัย 
ได้มาขอขมาที่ตอนท้องได้ไปนั่ง
ร่วมวงสนทนากับผู้ที่กำลังปรามาส
ในหลวงและพระราชวงศ์
ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้คล้อยตาม
และไม่เห็นด้วย แต่ก็นิ่งเฉยไม่ได้แก้ต่างแทนท่าน
และเมื่อคลอดลูกออกมา เขามีอาการสายตายาว
และท่าน อาจารย์ได้บอกวพวกเราว่า
ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนนี้
ให้ถามเขาไปว่าคุณกับท่าน เป็นอะไรกัน 
คุณกับท่านใครดีกว่ากัน
ท่านมีพระราชกรณียกิจอะไรบ้าง
แล้วกรณียกิจของเรามีอะไร 555

ท่านที่ 5 คุณณัฐนันท์เคยคิดปรามาส
สมเด็จองค์ปฐมโดยใช้คำกับท่านเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
ผลมาจากเคยผิดศีลทุกข้อ
โดยเฉพาะข้อ 4 เคยพูดให้ร้ายป้ายสี
นินทาพ่อแม่

เด๋วมาต่อช่วงบ่ายแก่ๆ ค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-30 10:38:29


ความคิดเห็นที่ 975 (1608611)

 มาต่อค่ะ  

ท่านที่ 6 อ.นี ได้มาเล่าเรื่อง
ที่ตัวเองเคยเป็นพยาบาล
แล้ววางยาคนไข้แล้วแพ้ยาจนเสียชีวิต
อีกคนก็เสียชีวิตเพราะความประมาท
ในระหว่างทำการรักษา
และมีส่วนร่วมในการทำแท้งโดยวางยา
คนไข้เพื่อให้หมอทำแท้ง กว่า 30 ราย
หลังจาก อ.นีได้มีอาการปวดหลัง เป็น ๆ หายๆ
ครั้นพอเล่าธรรมทานนี้แล้วอาการที่หลัง
ก็หายเกือบหมด เหลือไว้เตือนใจบ้างนิดหน่อยค่ะ

ท่านที่ 7 พี่ศรี ภิชญาลักษณ์
ได้มาขอขมาที่นำรูปในหลวงและพระราชวงศ์
ไว้ในที่ไม่สมควร และวิพากษ์วิจารณ์
พระราชวงศ์เรื่องการแต่งกาย
ซึ่งท่าน อ.อุบลได้สอนว่า
พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เราสนใจ
ในร่างกายผู้อื่น และร่างกายตนเอง 

ผลกรรมของผู้ที่ปรามาส จาบจ้วงล่วงเกินนี้
ที่เห็นชัดเจนคือ จะมีปัญหาการงาน
การเงินเกือบทุกด้าน
และพี่ศรีก็เคยดูภาพโป๊ ซีดีโป๊
ทำให้ปัจจุบันสายตายาว

ท่านที่ 8 คุณอดิศักดิ์
ได้สมาทานศีลทั้ง 5 ข้อ
โดยเฉพาะศีลข้อ 3 เคยมีความสัมพันธ์
กับหญิงอื่นขณะที่ตัวเองก็มีภรรยาแล้ว
และหญิงเหล่านั้นบ้างก็มีคู่แล้ว บ้างก็ยัง
ผลก็คือทำให้ลูกดื้อ ถ้ายังไม่มีลูก 
บริวาร ลูกน้องก็กระด้าง กระเดื่อง
ซึ่งคุณอดิศักดิ์ก็ยอมรับว่าจริง

ท่านสุดท้าย น้องเบส
น้องเบสออกมาสมาทานศีลทั้ง 5 ข้อ
ซึ่งผิดมาทุกข้อ ทั้งชอบให้หวยเมื่อตอนเป็นเด็ก
ผลกรรมจากการผิดศีลทั้ง 5 ข้อนี้ 
จึงทำให้ ทุกวันนี้มีการเจ็บป่วย เงินไม่พอใช้
ผิดหวังในความรัก  ถูกหลอกลวง 
มีปัญหาทางการเงิน

และท่าน อ.อภิชัยได้มาสรุปทุกอย่างให้เราฟัง
ซึ่ง อ.อภิชัยได้รับภารกิจ
การสร้างสมเด็จองค์ปฐมฯ
ให้แล้วเสร็จ โดยลูกบ้านสวน
ต้องช่วยกันสร้างให้เสร็จ
ซึ่งจุดขององค์พระที่ยังมีปัญหา ไม่เสร็จนั้น
ก็คือช่วงแขน และ ช่วงขาของท่าน
ซึ่งเป็นสิ่งอัศจรรย์คือ
ในส่วนของร่างกาย อ.อภิชัย
ก็มีปัญหาช่วงแขน และขา (เท้า) เหมือนกัน
เหมือนกับต้องทำภารกิจนี้
ให้เสร็จเท้าถึงจะหายบวม

และได้เข้าสู่ขั้นตอนของการปิดนรกขุมที่ 1
คือขุมสำหรับผู้ที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
สั่งฆ่า รู้เห็น ยินดีในการฆ่า
ทั้งการพูด การคิด การกระทำ
ที่ทำร้ายผู้อื่น การแช่งชักหักกระดูก
ล้วนไปขุมนี้ทั้งสิ้น

ตัวตุ้ยเองเมื่อท่าน อาจารย์นำอุทิศบุญ
ก็ได้นึกถึงลูกที่เคยทำแท้ง
และที่มีส่วนรู้เห็นและให้คำปรึกษา
 พ่อ แม่ ที่เราเคยทำให้ท่านเสียน้ำตาเพราะเรา
คำพูดที่ทำร้ายจิตใจคน
ศัตรูทั้งหลายของเราที่ผ่านมา
เจ้ากรรมนายเวร ทั้งที่มีชีวิตและตายไปแล้ว
จนมาถึงสัตว์ต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน
ที่เจตนาฆ่า และไม่เจตนา ที่กินเขา
เพราะความอร่อย กินทิ้งกินขว้าง
ในนึกชื่อเขา ถ้านึกชือ่ไม่ออกให้นึกหน้า
ถ้านึกหน้าไม่ออกให้นึกถึงเหตุการณ์นั้นๆ
และท่านอาจารย์ได้อุทิศให้กับจิตวิญญาณ
ที่เราหลงลืม แล้วเขามารออยู่
ให้ได้กันหมดทุกดวงค่ะ 

ตัวตุ้ยได้รับสัมผัสคือรู้สึกแสบๆ ตามหน้า
(ไม่รู้ไฟนรกหรือเปล่า)
และตัวโยกอยู่ตลอด หัวใจเต้นแรง
ตอนจบที่กล่าวสาธุนั้น รู้สึกเหมือนมีหลายคน
แย่งเราพูดผ่านปากเรา
เสียงที่ออกมา สั่น ใหญ่ ขนลุก น่ากลัวค่ะ

และสัปดาห์หน้าเป็นขุมที่ 2 
ท่าน อ.อุบลแจ้งว่า
เราสามารถจดรายชื่อเจ้ากรรมนายเวร
หรือผู้ที่เราจะอุทิศบุญให้ มาได้
เพื่อที่ถึงเวลาสามารถเอาขึ้นมาอ่านได้ค่ะ
ดวงจิตวิญญาณจะได้ไม่มายืน
คอยร้องไห้คอยบุญจากเราค่ะ

จบแล้วค่ะ ขอบคุณธรรมทาน
ชีวิตจริงจากทุกท่านด้วยค่ะ
และกราบพระบาทพระพุทธเจ้า
สิ่งศักดิ์ทุกๆ พระองค์ และ
ท่าน อ.อุบล ท่าน อ.มงคล และน้องท็อป
ที่เปิดบ้านช่วยเหลือพวกเรา
ให้หมดทุกข์ พบสุข ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-30 14:59:18


ความคิดเห็นที่ 976 (1608661)


กิจกรรมปิดบัญชีนรก
สัปดาห์ละ 1 ขุม 9 สัปดาห์
เริ่ม วันเสาร์ที่ 28 เม.ย. 2555 นี้

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

กราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบล

และครอบครัวที่เมตตา อย่างที่สุด

หลังจาก กิจกรรมบุญในช่วงกลางวัน

ของวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555 เสร็จสิ้น

พวกเราก็ได้รับความเมตตาจากท่าน อ.อุบล

ในช่วงของการ สมาทานศิล ตามแบบฉบับบ้านสวนฯ

ป้าติ๋ม เป็นบุคคลที่ น่ายกย่อง ที่ออกมาให้ธรรมทาน

ในเรื่องของการกระทำ บาป กรรม

โดยผิดศิล ทุก ๆ ข้อ

โดยเฉพาะ ข้อ 3 ซึ่ง ทำให้ทราบว่า

สังคม การกระ เรียกได้ว่า

เบื้องหน้า และ เบื้องหลัง

ของ ข้าราชบริภาร ใน สมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว

( ข้าราชการ ครู )

เรียกได้ว่า ไม่เกรงกลัว ต่อบาป

ซึ่งส่งผลให้ ป้าติ๋มได้รับ ทุกข์ ทรมาน

ทางด้านจิตใจ อย่างแรง

ขณะทำสมาธิ..ก็จะเกิดภาพ ที่ไม่น่าเกิด

กับองค์พระพุทธเจ้า

หรือ มโนกรรม ที่มีต่อ อ.อุบล

จนทำให้ป้าติ๋ม ต้องร้องไห้ทุกครั้ง

และ

คุณนันทนันท์ พวงประโคน

ก็มีจิตแว๊ป..ใช้สรรพนาม

ที่ไม่เหมาะสมอย่างที่สุด กับ

องค์พระ และ อ.อุบล

เป็นเพราะ

ผิดศิลข้อ4 อย่างมาก เช่น

นินทา พ่อ-แม่ ฯลฯ

อีกหลาย ๆ ท่านออกมา สารภาพ

ในความคิดที่มีต่อ อ.อุบล

ทั้งในเรื่องของ บุคคลิก การแต่งกาย

หรือจิตแว๊ป ต่าง ๆ นา ๆ

ซึ่งล้วนแล้ว..คือ ธรรมทาน

( อ.อุบล สอนให้คิด บวก )

และธรรมทานในค่ำคืนนี้...ที่

อ.อุบล ได้มอบให้ ล้ำลึกมาก ๆ

ฟังแล้ว ฟอก จิต ใจ ได้มากมาย

อยากให้ทุกท่าน กลับไปอ่าน

ทำไม อเมริกา จึงเป็นมหาอำนาจฯ ใครรู้บ้าง

http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=baansuanpyramidcom&thispage=1&No=1379324

 ที่เห็นชัดเจน อยู่ หนึ่งข้อคือ

ประชากรของอเมริกาจะมีพฤติกรรม

ที่ไม่สนใจเรื่องของคนอื่น ( เรื่องชาวบ้าน )

อ.ณี สารภาพ บาปที่ คิดไม่ถึงว่า

บาปที่ได้ทำนั้น เนผลให้ได้รับเคราะห์กรรม

ปวดหลัง ปวดเนื้อตัว

ด้วยเหตุที่ว่า การประกอบอาชีพ

พยาบาล วิสัญญี ( ดมยา )

และได้ทำ คนไข้เสียชีวิต ( แพ้ยา )

อ.อุบล ได้ให้ อ.ณี อุทิศบุญ และขออโหสิกรรม

อาการเจ็บ ปวด ที่หลังก็หาย ไปเกือบสนิท

และแล้วก็ถึงเวลาที่ ท่าน อ.อุบล

ปืดบัญชี นรก ขุมที่ 1 ให้กับพวกเรา

พอ อ.อุบล ให้เอย นามเจ้ากรรมนายเวร

" ลูกขอโทษ เทวดาประจำตัวของลูก

ที่ลูกได้กระทำการ ฆ่าตัวเอง

ลูกผิดมาก ๆ บัดนี้ลูกรู้และสำนึกแล้ว

และขอมอบบุญที่กระทำมาทั้งหมด

แด่ เทวดาประจำตัวลูก

เท่านั้นเอง อาการ เจ็บแป๊บ.บ.บ วาบ

มาที่กลางศีรษะ ( กระหม่อม )

จี๊ด ไปทั่วร่างกาย..เป็นอาการที่สัมผัสได้ค่ะ

และขออโหสิกรรม ไปจนถึง แมลง ตัวเล็กตัวน้อย

ที่ได้เบียดเบียน ฆ่า ทุกชนิด

ฮู้...รู้สึก โล่ง มาก ๆ ค่ะ

อ.อุบล ขา กราบเท้าขอบพระคุณอย่างที่สุดนะคะ

ด้วยความเคารพรัก และศรัทธา

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-30 21:00:40


ความคิดเห็นที่ 977 (1608691)

กิจกรรมปิดบัญชีนรก
สัปดาห์ละ 1 ขุม 9 สัปดาห์
เริ่ม วันเสาร์ที่ 28 เม.ย. 2555 นี้

หลังจากได้ร่วมสร้างบุญมาทั้งวันก็ได้ถึงช่วงกลางคืนได้มีการสวดมนต์และสมาทานศีลขอเล่าในส่วนที่เก็บตกจากท่านอื่นๆนะคะ

เรื่องการทานมังสวิรัต ซึ่งท่านอาจารย์อุบลเมตตาได้อธิบายให้ฟังว่าในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์มิได้ทรงห้ามในการทานเนื้อสัตว์ พระองค์ทรงตรัสว่าผู้ใดใคร่ทานมังสวิรัตก็ทาน ผู้ใดใคร่ทานเนื้อสัตว์ก็ทาน แต่ในการกินเนื้อสัตว์สมัยนั้นจะเป็นการกินสัตว์ที่ตายเองมิได้มีการฆ่า จึงไม่บาป เพราะสมัยก่อนไม่มีโรงฆ่าสัตว์ ไม่มีอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีการเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพ มีโรงฆ่าสัตว์มากมาย และท่านอาจารย์ได้พูดถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำจะไม่ยอมรับนิมนต์ไปในงานบุญที่มีการประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ แม้ไข่ฟองเดียวก็ไม่ได้ เมื่อก่อนลูกก็เคยได้อ่านหนังสือหลวงพ่อถึงการทำบุญให้กับคนที่เสียชีวิตไปแล้วว่าถ้าอยากให้เขาได้บุญ ในงานบุญห้ามมีอบายมุขทุกอย่างรวมถึงการทำอาหารแม้แต่ไข่ฟองเดียวก็ห้ามทุบ จึงจะได้บุญเต็มที่ ซึ่งเราเองก็โง่นึกไม่ออกถึงเรื่องการกินเนื้อสัตว์และคิดมาตลอดว่าพระพุทธองค์ท่านก็มิได้ทรงห้ามกินเนื้อสัตว์ ตัวเองก็กินมาโดยตลอด แต่ก็เริ่มมาทานมังสวิรัตตอนที่มารู้จักบ้านสวนฯและพึ่งมาเลิกกินเนื้อสัตว์แบบจริงจังก็เมื่อวันเสาร์ที่ 21 เมษายน แต่ก็ยังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ตลอด จนมาถึงบางอ้อก็ตอนที่ท่านอาจารย์ได้เมตตาอธิบายขยายความทั้งหมดในคืนนั้น แหมโง่ดักดานมาได้ตั้งนาน โง่แถมยังอวดฉลาดอีก เข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ากินเนื้อสัตว์ก็ไม่น่าจะผิดเพราะพระพุทธองค์ไม่ได้ทรงห้าม แต่ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วค่ะ

อีกเรื่องหนึ่งท่านอาจารย์ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายของท่านกับปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น ว่าทุกคนมีความเห็นว่าอย่างไร ออกมาตอบหลายท่านแต่ก็ยังไม่ตรงประเด็น และท่านอาจารย์ก็ได้เมตตาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับการแต่งกาย แต่ทุกอย่างเกิดได้จากจิตตัวเดียว ซึ่งก็หมายความว่าจิตมีสำคัญมาก และมาถึงช่วงที่ท่านอาจารย์นำปิดบัญชีนรกขุมที่ 1 และได้นำพวกเราอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรโดยที่ท่านอาจารย์ได้ช่วยกล่าวนำและให้เราระลึกเอง จบตรงที่จิตวิญญาณที่รออยู่แต่เรานึกไม่ออกก็ให้ได้รับบุญด้วยทั้งหมดค่ะ และถ้าท่านทั้งหลายอโหสิกรรม ก็ให้สัมผัสได้ ในขณะที่อุทิศบุญลูกเองสัมผัสได้โดยมีอาการวูบวาบบริเวณแขนทั้งสองข้างและตึงบวิเวณหว่างคิ้วถึงจมูกค่ะ

ลูกขอน้อมกราบพระบาทพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ และท่านอาจารย์อุบลเป็นที่สุดค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) (poj9494-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-01 00:43:42


ความคิดเห็นที่ 978 (1608693)

 

สวัสดีครับ
ขอเล่าธรรมทาน
เมื่อวันเสาร์ที่ 28 เม.ย. 55 ดังนี้ครับ
 
1. คนเรามีความทุกข์เพราะอะไร
 
ท่านอาจารย์สอนว่า
คนเรามีความทุกข์
ก็เพราะการผิดศีลทุกข้อเป็นเหตุ
กรรมจึงมารวมตัว และส่งผลให้เรามีความทุกข์
เพื่อให้เรารู้รสชาติความเจ็บปวด
ที่เราเคยทำกับคนอื่นมาก่อนนั่นเอง
 
ยกตัวอย่างเช่น
 
คุณอดิศักดิ์ เคยจับได้ว่า ภรรยานอกใจ
รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่มีสติคิดได้ว่า
ตนเองก็เคยเป็นเช่นนั้นกับภรรยาของผู้อื่นมาก่อน
และให้อภัย และมีชีวิตคู่ที่ยั่งยืนมาจนทุกวันนี้
 
คนที่ผิดศีล ข้อที่ 4 มุสา
ปากก็มักจะเหม็น ฟันก็จะเสีย
แล้วมักจะถูกหลอกด้วยคำพูดได้ง่าย
คนที่พูดความจริงก็มักไม่เชื่อเค้า
แต่กับคนที่พูดจาหลอกลวงก็จะชื่อจริงเชื่อจัง
เพราะตัวเองก็เคยมุสากับคนอื่นมาแล้วมาก่อน
ดังตัวอย่างในบ้านสวนฯที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ที่เราคงทราบกันดี
 
ท่านอาจารย์บอกว่า
คนเราก็แปลก นินทาคนอื่นเก่ง
แต่ทำไมไม่ชอบนินทาตัวเอง
 
บางคนชอบดูภาพโป๊ภาพลามก
ทำไมไม่แก้ผ้าดูตัวเองบ้าง
ชอบแต่ไปดูของคนอื่น
 
พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราตัดขันธ์ห้าเพียงตัวเดียว
ไม่สนใจในกายของตนเองและกายของผู้อื่น
เท่านี้ก็สามารถไปพระนิพพานได้
 
แต่ก็ทำกันไม่ค่อยได้ รวมถึงผมด้วย
 
2. ทำไมเด็กไทยสมัยนี้ ถึงผิดศีลกันมากมาย
 
ก็เพราะครูที่เดิมเราเคยเรียกว่าเป็น
"แม่พิมพ์ของชาติ " ไม่ใช่แม่พิมพ์ที่ดีดังเดิม
 
ครูอาจารย์สมัยนี้ ผิดศีลกันมากมาย
ดังที่เราเคยเห็นตัวอย่างจากหนังสือพิมพ์
 
เช่น ทำอนาจารเด็ก ให้นักศึกษามีความสัมพันธ์
ทางเพศเพื่อแลกเกรด รวมทั้งทำแท้ง
หรือนำเด็กที่คลอดไปทิ้งในที่ต่าง ๆ  เป็นต้น
 
ยกตัวอย่างธรรมทานจากป้าติ๋มคนงาม
ที่เดิมเคยเป็นครูมาก่อน
 
ป้าติ๋มได้ออกมาสมาทานศีล
โดยสารภาพว่าผิดศีลมาแล้วทุกข้อ
 
ทุกวันนี้ป้าติ๋มทุกข์ทรมานใจอย่างมาก
เพราะเวลาที่หลับตาไหว้พระสวดมนต์ทุกครั้ง
ป้าติ๋มจะเห็นอวัยวะเพศชาย
ที่พระพักตร์พระพุทธเจ้าเสมอ
 
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นแบบนี้
จะทำสมาธิลำบาก ต้องเสียใจและทรมานใจ
 
 
ผมเองก็เคยเป็นมาก่อน เวลาหลับตาทำสมาธิ
ก็จะเห็นภาพมือบ้าง เท้าบ้าง
คอยกวาดพระพักตร์พระท่าน หรือ หลวงพ่อ อยู่เสมอ
 
จนได้ขอขมาพระพุทธองค์
ขอลาออกจากการเป็นสาวกพระเทวทัต
ตามที่ท่านอาจารย์เคยสอนไว้ จึงหลุดพ้นมาได้
 
ซึ่งท่านอาจารย์บอกว่า คนที่เป็นแบบป้าติ๋มนี้
ร้อยทั้งร้อยล้วนผิดศีลข้อกามามาก่อน
 
และก็เป็นความจริงตามที่ท่านอาจารย์บอก
 
ป้าติ๋มยอมรับว่า เคยหลอก…ผู้ชายมาก่อนกว่า 10 คน
เพราะตอนสาว ๆ ป้าติ๋มคงสวยน่าดู
 
แม้ในปัจจุบันความสวยของป้าติ๋ม
ก็ยังไม่สร่างซา ไม่ปรานีใคร
 
ป้าติ๋มมีกิ๊กรุ่นน้องซึ่งคบหากันมานานเก็บซ่อนไว้
 
ความทุกข์อีกเรื่องหนึ่งของป้าติ๋ม คือ
เวลาที่ป้าติ๋มไหว้ในหลวง หรือไหว้ท่านอาจารย์
ในใจของป้าติ๋มจะมีคำหยาบตลอด
แม้ไม่ได้เอ่ยออกมา
 
หรือเวลาเห็นแมลงวัน ก็จะนึกในใจว่า
บริวารเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรณมาแล้ว เป็นต้น
 
ซึ่งท่านอาจารย์บอกว่า
มีอีกหลายคนที่เป็นแบบเดียวกับป้าติ๋ม
เช่น คุณไอซ์ และคุณแก้ว
 
และสาเหตุที่ทำให้ป้าติ๋มต้องเป็นแบบนี้  
ก็มาจาก ป้าติ๋มเคยพูดคำหยาบ
พูดมึงกูกับเพื่อน ๆ มาก่อน
 
ซึ่งเป็นมโนกรรม ที่หากคิดบ่อย ๆ
โดยเฉพาะกับผู้ทรงศีล  ผู้มีบารมี
จะเป็นอนันตริยกรรม ที่นำไปสู่นรกขุมเดียว
กับพระเทวทัตคือ อเวจีมหานรก ที่ครึกครื้นนั่นเอง
 
3. จะทำความดีเพื่อพ่อหลวงอย่างไร
 
ทำได้โดยการมีความจงรักภักดี
ต่อพระองค์ทั้งกายและใจ
 
เช่น เพียงเราทุกคนมีใจ เก็บขยะกันคนละ 1 ชิ้น
ขยะก็จะหมดไปเองในที่สุด
 
หรือหากเราได้ยินคนนินทาว่าร้ายพระองค์
เราก็ไม่ควรนิ่งเฉยดูดาย
 
ควรถามเขาว่า คุณเป็นอะไรกับพระองค์ท่านหรือ
ถึงได้รู้จักท่านดีขนาดนี้
 
บางคนนินทาท่านในงานรับปริญญา
ตามที่คุณหนึ่ง เจิดหทัย (ถ้าจำผิดต้องขอโทษครับ)
เล่าให้ฟังว่า จ้างให้มาให้ปริญญาบัตรแล้วยังมาช้า
 
ก็ให้ถามเขากลับไปบ้างว่า
ตัวเขาเองในชีวิตตรงเวลาเสมอ ไม่เคยสายบ้างเลยหรือ
และในหลวงท่าน ทรงมีพระราชทรัพย์มากมาย
ทำไมถึงต้องจ้างท่านด้วย เป็นต้น
 
ท่านอาจารย์บอกว่า
คนเรามักหาประโยชน์จากในหลวงท่านเท่านั้น
มีสักกี่คนที่สนใจจะช่วยเหลือ
อยู่เคียงข้างพระองค์ท่าน
ในยามที่พระองค์ทรงทุกข์หรือต้องการความช่วยเหลือ
 
บางคนชอบวิจารณ์การวางตัว
และการแต่งกายของพระราชวงศ์
แต่ไม่เคยดูตัวเองว่า ตัวเองนั้นแต่งตัวดีกว่าท่าน
หรือวางตัวดีกว่าท่านหรือไม่
 
คนที่ชอบปรามาสในหลวง ว่าพระองค์นั้นไม่ดี
แต่ในชีวิตของตน เคยทำความดี
สักกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับพระราชกรณียกิจ
ของพระองค์ท่าน
 
ท่านอาจารย์กล่าวว่า
เหตุที่คนเรามักมีความทุกข์อีกประการหนึ่ง
ก็คือ
 
ชอบสนใจแต่เรื่องหรือการกระทำของผู้อื่น
แต่ไม่เคยสนใจเรื่องหรือการกระทำของตนเอง
ไม่เคยตรวจดูศีลของตัวเองว่า
ด่างพร้อย ขาด หรือทะลุปุปะ เช่นไรแล้ว
 
นอกจากนี้ มีหลายคนเช่นกันที่ชอบวิจารณ์
เรื่องการแต่งตัวของท่านอาจารย์
ซึ่งไม่ทราบว่า เค้าเดือดร้อนอะไร
 
ทั้งที่คนที่ควรเดือดร้อนที่สุดในเรื่องนี้
คือ ท่านอาจารย์มงคลและคุณท๊อป
แต่ทั้งสองท่านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
 
 
4. ทำไมท่านอาจารย์จึงไม่ให้กินเนื้อสัตว์
 
เพราะเราควรมีความรักและเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลาย
 
ส่วนใหญ่คนเรามักมีความเข้าใจผิด คิดว่า
การกินเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ฆ่าเองนั้น ไม่บาป
 
แต่ความจริงเป็นบาป
เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มีการฆ่าสัตว์
เป็นสาเหตุให้ผิดศีลข้อที่ 1
 
ตายไปแล้ว ต้องมาเกิดเป็นสัตว์ที่เรากิน
อย่างละ 500 ชาติ
 
และการไม่กินเนื้อสัตว์
ควรไม่กินทั้งที่บ้านสวนฯ และที่บ้านเราเอง
 
โดยเฉพาะปี 55 นี้ สัตว์ที่ถูกฆ่า
ได้รับสิทธิพิเศษให้มาแก้แค้น จัดการกับคนที่ฆ่า
หรือมีส่วนรู้เห็นในการฆ่าอย่างจริงจัง
 
ท่านอาจารย์จึงได้ย้ำให้ใส่แหวนองค์เทพสฟิงซ์ไว้เสมอ
และมีการปิดนรกขุมต่าง ๆ ให้แก่ลูกหลานบ้านสวนฯ
เพื่อป้องกันมิให้ได้รับอันตราย
จากเจ้ากรรมนายเวรที่รับอาสามาเหล่านี้
 
โดยจะมีการปิดนรก 1 ขุมต่อ 1 อาทิตย์
ให้ได้ครบ 9 ขุมโดยประมาณ
 
ซึ่งท่านอาจารย์ได้ขอบารมีพระพทธองค์ 
เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านสุวาร
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปิดนรกขุมที่ 1 ให้แก่ลูกหลาน
ไปแล้วในวันเสาร์นี้
 
ผมขอกราบขอบพระคุณ
ท่านอาจารย์และครอบครัว และเทวดาประจำตัว
ท่านอาจารย์และครอบครัวเป็นอย่างสูง
ที่ได้กรุณาปิดบัญชีนรกขุมที่ 1 ให้ผมครับ
 
ซึ่งผมสัมผัสได้โดยมีอาการร้อนที่หลัง
และภายหลังมีอาการขนลุก
ขณะที่ท่านอาจารย์ได้ทำพิธี
 
ในเสาร์ต่อไปท่านอาจารย์จะกรุณา
ปิดขุมนรกที่ 2 ซึ่งท่านได้อนุญาต
ให้จดกรรมที่ทำมาและนำมาดู
เพื่อให้สามารถระลึกกรรมที่ทำได้หมดครับ
 
5. การทำบุญโดยหวังผลตอบแทน
พระพุทธองค์ทรงบอกว่า
เป็นทานที่เลว มีอานิสงส์น้อย
 
คนเราควรทำความดีเป็นปกติ
ทำความดีโดยไม่มีเงื่อนไข
 
ที่สำคัญ ควรรู้จักรัก โดยไม่หวังผล
หรือหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ
 
เจอะเจอใครก็รู้จักรักและมีความปรารถนา
ช่วยให้เขาพ้นทุกข์
 
นอกจากนี้ ไม่ควรมีความอยาก
อยากได้นั่น นี่ โน่น ไม่ดี
เพราะความอยากก็เป็นกิเลสอีกอย่างหนี่ง
 
สรุป คือ ไม่ติดทุกข์ ไม่ติดสุข
ทำใจให้ร่าเริง เบิกบาน แจ่มใสอยู่เสมอ
ก็จะช่วยให้เราไปนิพพานได้
 
6. คนไทยชอบใช้ภาษาผิด
 
เช่น เวลาบำบัด มักบอกท่านอาจารย์ว่า
ชอบเป็นนั่น ชอบเป็นนี่
 
ซึ่งท่านอาจารย์สอนว่า ถ้าชอบก็ดีแล้ว
ก็ให้เป็นต่อไป ไม่ต้องบำบัด ดังนี้ เป็นต้น
 
7. น้องเบส กรณีตัวอย่างของผู้ถูกห้ามเข้าบ้านสวน
 
น้องเบสเป็นคนหนึ่งที่ถูกห้ามเข้าบ้านสวน
เนื่องจากน้องเบส ไม่ค่อยทำงานหรือขี้เกียจ
 
แต่ด้วยความตั้งใจที่จะปรับปรุงตนเองให้ได้ดี
 
จึงได้ขอพอพิสูจน์ตนเองกับท่านอาจารย์
ขอมาบ้านสวนพีระมิดอีกครั้ง
 
น้องเบสได้ตอบคำถามของท่านอาจารย์
ขณะที่ออกมาสมาทานศีลว่า
รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเข้าบ้านสวนฯ
และเห็นว่าชีวิตเหมือนไม่มีค่า
 
ซึ่งน้องเบสก็พิสูจน์ตนเองได้แล้ว
ช่วยทั้งงานเกษตร งานวิหารทาน และงานครัว
มาบ้านสวนฯ บ่อยกว่าเดิม และมีความขยันมากขึ้น
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
 
 
ขอจบธรรมทานเพียงเท่านี้
ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกท่านครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-01 03:01:53


ความคิดเห็นที่ 979 (1608704)

เพราะถ้าเป็นไปได้

ชาวเกาะอย่างเราๆก็อยาก

จะปิดขุมนรกขุมที่ 1 

กับเค้าบ้างเหมือนกัน

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

 

คุณชนิดาคะ....แค่ธรรมทานที่คุณชนิดาคอยอัพเดตให้ โดยเฉพาะการสรุปต่างๆ

ที่ชัดเจนทำให้เกิดปัญญาหรือปัญญาไม่เกิดเพราะ พื้นเดิมมันมีมาน้อย

หนึ่งก็ได้อนุโมทนากับคุณชนิดาไม่ครบแล้วคะ

คุณชนิดาดีกว่าหนึ่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

.หนึ่งได้แต่เกาะบุญคอยอนุโมทนาคอยภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเจ้ากรรมนายเวรเปิดทางให้ได้ไปทำไปทำบุญที่บ้านสวนแต่ไม่ยอมเขียนหรือหาข้อมูลธรรมทานอะไรเลย (คล้ายๆกาฝากเลยอ่ะ)

 

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตามที่คุณหนึ่ง เจิดหทัย (ถ้าจำผิดต้องขอโทษครับ)

เล่าให้ฟังว่า จ้างให้มาให้ปริญญาบัตรแล้วยังมาช้า

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) 

 

ถูกแล้วคะ……หลังจากอ.แม่อุบลอบรมชี้ทางสว่างให้หนึ่งรู้สึกโล่งมาก

สิ่งที่เอากลับมาคิดได้คือ หนึ่งทำตัวปิดหูปิดตา ฟังเขานั่งนินทาว่าพระองค์ท่าน กรรมนี้เลยรวมตัวเป็นผลตกมาถึงลูกชายทำให้เขามีปัญหาเรื่องสายตายาวไม่รู้ว่าระหว่างนั้นจิตไปเผลอคล้อยตามหรือเปล่า

 

วันนี้ระหว่างพิมพ์อยู่นี้ หนึ่งตั้งใจมั่นแล้วว่าถ้าเปิดไปทำงานหนึ่งจะเดินไปหาพี่คนที่พูดว่าพระองค์ท่าน, จะบอกเขาเฉยๆว่าหนึ่งรักในหลวงและรู้สึกไม่สบายใจอึดอัดใจที่ต้องทนฟังเขาพูดว่าพระองค์ท่าน…..

และจะเอาคำพูดที่อ.แม่อุบลชี้แนะว่า เราว่าท่านแล้วเรามีความดีกว่าพระองค์ท่านหรืออย่างไร

***แปลกจริงๆนะคะ แค่คิดว่าจะพูด ระหว่างพิมพ์นี้หนึ่งก็รู้สึกสบายใจมากจริงๆคะ มันโล่งขึ้น****

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-01 08:24:09


ความคิดเห็นที่ 980 (1608705)

 กิจกรรมที่เปิด-ปิดขุมนรกที่ 1 ณ.วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555

ตั้งแต่ที่อ.แม่อุบลกล่าวนำเปิดขุมนรก…..มีอาการร้อนผ่าวเหมือนโดนไฟจี้บริเวณขาด้านขวาและก็ปวดตามบ่า-หลังมากเหมือนโดนกดคะ แล้วก็เห็นเหมือนกับเงารูปร่างคนกับอะไรสักอย่างมันแว่บๆๆเต็มไปหมด

 พอช่วงที่อ.แม่อุบลกล่าวปิดขุมนรก….รู้สึกว่ามือมันจะสั่นๆเหมือนมีพลังอะไรสักอย่างจะพุ่งออกจากมือคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-01 08:32:10


ความคิดเห็นที่ 981 (1608707)

กิจกรรมสำหรับอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ท่านอ.อุบลได้เมตตาปิดนรกขุมที่ 1 ให้กับลูกหลานบ้านสวน โดยท่านได้นำขอบารมีของพระพุทธเจ้าให้พวกเราทำจิตคล้อยตามและให้พวกเรานึกถึงบาปกรรมที่ได้ทำกับคน และสัตว์ ไม่ว่าทางกาย วาจา ใจ ที่ได้เคยล่วงเกิน เคยฆ่า คิดจะฆ่า คิดอาฆาต พยาบาท จองเวร ไม่อยากให้เขาได้ดี หรือพูดให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ ซึ่งก็เหมือนจะรวมกับศีลข้อ 4 ด้วยทางด้านวาจา คือพูดให้เขาเสียหายและเสียใจ ท่านให้นึกถึงบุคคลต่าง ๆ ที่เราเคยทำร้าย เคยว่า หรือเคยคิดที่จะทำร้ายทุกคน และให้เรานึกภาพที่เรากราบบุคคลคนนั้นๆ ทุกคนเพื่อขออโหสิกรรม ตอนนั้นรู้สึกโล่งใจ และดีใจมาก เหมือนเราได้หลุดกรรมตรงนั้นไปเลย

ต่อไปก็ให้นึกถึงบาปกรรมที่ทำกับสัตว์ รวมทั้งสัตว์ที่เราเคยกินเป็นอาหารด้วย และท่านก็ขอบารมีให้เรานึกให้ออก เพราะมันมากมายเหลือเกิน บางทีก็ลืมไปแล้ว แต่ก็ได้ผลจริง ๆ นะ แหม่มไปนึกถึงตอนเด็กที่เคยบีบตัวเหา ช่วยกันหาเหาให้เพื่อน เพื่อนหาให้เรา แล้วก็ฆ่าเขาที่มาอาศัยผมเราเป็นที่อยู่

ระหว่างที่ทำพิธีก็รู้สึกได้ว่าเหมือนเห็นแสงสว่างเต็มไปหมด สว่างมาก เห็นพระพุทธองค์เป็นแก้วใสสว่าง แผ่ฉัพพรรณรังสี มาที่พวกเรา อารมณ์เป็นสุขมาก

ขอขอบพระคุณเทวดาที่ปกป้องรักษาท่านอ.อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ ขอขอบพระคุณอ.อุบลอย่างสูงที่ได้ช่วยลูกหลานโดยการปิดนรกขุมที่ 1 ให้ รู้สึกมั่นใจขึ้นอย่างมาก  เพราะตอนที่ไปเผากิ่งไม้ใบไม้ที่ข้างหลังตรงองค์พระปฐม เห็นไฟลุกโชน และร้อนมาก พวกเราก็นำกิ่งไม้ไปเผา ตอนนั้นรู้สึกว่าร้อนเหลือเกิน ถ้าเราตกนรกจะต้องร้อนกว่านี้มาก เราจะทนไหวมั้ยนะ ตอนนั้นรู้สึกเลยว่า ไม่อยากเกิดอีกแล้ว ไม่อยากทำอะไรผิดแล้วต้องมาตกนรกที่ร้อนอย่างนี้เลย ขอไปนิพพานดีกว่า ยังไงก็ขอเกาะท่านอ.อุบลไปด้วยคนนะคะ หนูเข็ดแล้วค่ะ จะพยายามรักษาศีล 5 ให้ได้ค่ะ  

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล (mamlak-w-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-01 09:16:00


ความคิดเห็นที่ 982 (1608800)

 อนุโมทนากับพี่ๆทุกๆคนด้วยนะคะ

ที่มาเล่าบรรยากาศอาทิตย์ที่ผ่านมาซะเห็นภาพเลย

 

เพราะถ้าเป็นไปได้

ชาวเกาะอย่างเราๆก็อยาก

จะปิดขุมนรกขุมที่ 1 

กับเค้าบ้างเหมือนกัน

ว่าแล้วก็ขออุทิศบ้างค่ะ

ถึงจะนึกได้ไม่หมด

แต่ก็รู้สึกโล่งไปเยอะเหมือนกันค่ะ

เราไม่สามารถทำบุญเพื่อล้างบาป

ที่เราทำมาตั้งแต่ชาติแรกจนชาติปัจจุบันได้

แต่เราสามารถที่จะทำบุญเพื่อหนีบาปได้

ยิ่งชาตินี้ก็คงเป็นชาติที่หลายๆท่าน

คิดอยากเกิดเป็นชาติสุดท้าย

ฉนั้นกรรมที่เราเคยสะสมมานาน

ก็คงจะตามเราเร็วเป็นพิเศษ

แบบฉบับรวบยอดกันเลยทีเดียว

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์และอ.แม่

จึงเมตตาทำทุกวิถีทางที่จะทำให้พวกเรา

ได้รับ "ทุกข์" จากกรรมที่เราทำมา

ให้น้อยที่สุด

โดยการ ปิดขุมนรก 

เหมือนเป็นการ "ตัดไฟต้นลม"

ตัดต้นเหตุเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามต่อไป

ต่อจากนี้ ที่เหลือ

ก็คงขึ้นอยู่กับเราแล้วเนอะ

 

 

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์

อ.แม่และครอบครัวเป็นอย่างสูง สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-02 03:39:17


ความคิดเห็นที่ 983 (1608827)

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาท่านอาจารย์อุบล

ได้นำลูกหลานบ้านสวนที่ไปร่วมกิจกรรม

ในวันนั้นปิดนรกขุมที่ 1 โดยท่านอาจารย์

นำอธิฐานจิตให้ลูกหลานทำจิตคล้อยตาม

และให้เวลาทุกคนคิดถึงกรรมที่เคยทำผิด

ศีลข้อ1ทั้งทางกาย วาจาใจ กับใครมาบ้าง

เช่นมีส่วนรู้เห็นในการฆ่า หรือทำร้าย กินเป็น

อาหาร เคยสมน้ำหน้า คิดอยากให้เขาต

พูดว่าให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจจนฆ่าตัวตาย ดีใจ

ที่เห็นคนอื่นตาย เท่ากับเราได้อนุโมทนาบาป

จะเจตนา หรือไม่กับใครก็ตามสิ่งเหล่านี้

เป็นกรรมที่ติดตามเราอยู่ตลอดเวลา

สำหรับจิตเองได้อธิฐานขอบารมีพระพุทธเจ้า

ขอให้เห็นภาพนึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยทำ

บาปมาตั้งแต่ชาติแรกจนถึงชาติปัจจุบันได้

ทำให้นึกและเห็นภาพที่เคยทำร้ายคน สัตว์

เป็นจำนวนมาก และอุทิศบุญให้กับทุกท่าน

ที่จิตเคยทำผิดศีลข้อ 1 ตั้งแต่ชาติแรกจนถึง

ชาติปัจจุบัน มีความรู้สึกว่าโล่งสบายใจและกายมาก

กราบขอบพระคุณเทวดารักษาอาจารย์อุบลและครอบครัว

กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบลและครอบครัว

ที่เมตตาปิดนรกขุม 1 ให้ลูกหลานค่ะ


 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล (shindo_ploy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-02 12:05:28


ความคิดเห็นที่ 984 (1608999)

อนุโมทนาบุญกับธรรมทานจากทุกๆท่าน

ขออนุญาตเล่าบางช่วงบางตอนของตัวเอง ที่ได้มากราบขอขมาต่อกระทำที่ผิดพลาดในอดีต

ซึ่งท่านอาจารยืได้เมตตาให้ธรรมทานและอธิบายขยายความให้พวกเราได้ตระหนักกันอีกครั้งในวันเสาร์ที่ผ่านมา

 - ในเรื่องการจัดเก็บภาพพระพุทธรูป แผ่น CD และแม้แต่วางหนังสือสวดมนต์ไว้ในที่ที่ไม่เหมาะสม

 -  การไม่ได้จัดเก็บภาพพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ให้เหมาะสม รวมถึงการทิ้งทำลายภาพปฏิทินปีเก่าๆที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน

ท่านอาจารย์แนะนำให้ใส่กรอบสวยๆ แล้วนำไปมอบเป็นของขวัญในวาระสำคัญๆ

 -  การได้มีร่วมอยู่ในวงสนทนาที่มีการวิจารณ์ถึงพฤติกรรม การวางตัว รวมไปถึงการแต่งตัวของพรมวงศานุวงค์

 -  การได้ดูภาพอันมิบังควร

 -  เรื่องการแต่วตัวของท่านอาจารย์

อันที่จริงเรื่องเหล่านี้ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่พวกเราเลยสักนิด ทำไมเราไม่หันกลับมาดูตัวเอง หรือว่าเรามีอะไรดีกว่าพระองค์ท่านอย่างนั้นหรือ ?????

เคยเดินตัดหน้าท่านอาจารย์ ทำให้ลื่นหกล้ม เท้าพลิก เจ็บข้อเท้าหลายวัน

ท่านได้เมตตาอธิบายว่า โดยส่วนตัวแล้วท่านอาจารย์ไม่ได้ถือสาอะไร แต่เบื้องบนท่านไม่ยอม  ท่านต้องการสอนให้เรามีมารยาท ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และต้องไม่เฉพาะกับท่านอาจารย์เองเท่านั้น ในที่สาธารณะก็ควรมีสำนึกมีมารยาทเช่นกัน

มาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงตอนนึงเคยได้ยินท่านอาจารย์พูดว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เราเป็น ผู้ดี ไม่เบียดเบียนกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

จากการผิดพลาดดังกล่าวมานี้เป็นผลให้

    เราเองไม่ค่อยมีสมาธิ นั่งสมาธิไม่ได้

    ทำให้ไม่อยากสวดมนต์ไหว้พระ

    มีปัญหาการงาน การเงิน ครอบครัว

    และปัญหาสายตา

เมื่อได้ขอขมาต่อทุกๆพระองค์ ทุกๆท่านแล้ว สุดท้ายได้กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาให้เราได้มีโอกาสมาสร้างบุญ ทำให้เรารู้จักมีใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นในที่สาธารณะอื่นๆ ไม่เพียงแต่เฉพาะในบ้านสวนเท่านั้น นอกจากนี้ท่านยังให้เราได้รู้จักคำว่า" เบิกบาน" อีกครั้ง ได้เรียนท่านว่าโดยส่วนตัวแล้วลืมคำนี้ไปนานนนน  ... มากแล้ว ขอบพระคุณท่านที่ทำให้ได้สัมผัสและระลึกได้อีกครั้ง เพราะคนเราหากยังทุกข์ ยังเครียดอยู่ จิตใจไม่แจ่มใสไม่เบิกบาน ก็ยังไปนิพพานไม่ได้

หลังจากนั้นก็มีการกราบขอขมา และสมาทานศีล จากญาติธรรมอีกหลายๆท่าน

ช่วงสุดท้ายท่านอาจารย์ได้เมตตาช่วยพวกเราปิดขุมนรกที่ 1

ตอนที่น้อมจิตตามท่านอาจารย์ พยายามนึกตามให้ได้ตลอด รู้สึกร้อนวูบที่หน้าขาทั้งสองข้างแล้วก็หายไป แต่มีช่วงนึงที่เผลอวูบหลับไปซะนี่ ทีนี้พอมารู้สึกตัวอีกทียังทันถึงช่วงที่ส่งบุญให้กับเค้า  รู้สึกเสียใจมากๆ เราคงทำกับเค้าไว้มากมายอย่างแสนสาหัส  บางจิตวิญญาณเค้าเลยยังใม่ยอมให้อภัยในตอนนี้ แต่ยังไงก็ตามเชื่อว่าอีกหลายๆดวงจิตคงได้ภพภูมืที่ดีที่สูงขึ้น ซึ่งเราก็จะส่งบุญให้เค้าอย่างต่อเนื่องต่อไป

กราบขอบพระคุณเทวดาประจำตัวท่านอาจารย์ และท่านอาจารย์ที่เมตตาทั้งฉุดทั้งดึงไห้ลูกหลานได้พ้นขุมนรกนี้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ (pin_akaras-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-03 11:22:58


ความคิดเห็นที่ 985 (1609122)

สวัสดีครับ ขอเล่าบางตอนของตัวเอง

ก่อนออกไปสมาทานศีลรู้สึกตื่นเต้นมาก พยายามคุมสติตัวเอง

    ผมก็เคยทำผิดศีล ทั้ง 5 ข้อ แต่ที่ทำผิดบ่อยคงจะเป็นศีลข้อ 3  ผมก็พยายาม 

          ลด ละ  ...  ในกามารมณ์ มาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว เพราะย้อนคิด

ทบทวนสิ่งต่างๆที่เราได้ทำไปก็มาจากกามารมณ์ มันบังคับให้เราทำสิ่งไม่ดีต่างๆมาก

มาย   แต่พอได้สารภาพบาป  ได้พูดได้ระบายออกมา

รู้สึกว่าใจมันโล่งมาก เหมือนกับว่าเราได้ชำระล้างสิ่งไม่ดีที่มันเกาะติดอยู่ในใจเรามา

นาน   ใครที่ยังมีทุกข์อยู่ก็รีบมาสารภาพบาปนะครับ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร (di2211-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-03 18:48:57


ความคิดเห็นที่ 986 (1609140)

นอกจากนี้ท่านยังให้เราได้รู้จัก

คำว่า" เบิกบาน" อีกครั้ง

ได้เรียนท่านว่าโดยส่วนตัวแล้วลืมคำนี้

ไปนานนนน  ... มากแล้ว

ขอบพระคุณ

 

ภิญญลักษณ์

------------------------------------

 

ในโลกนี้

ยังมีคนที่ ไม่รู้จักคำว่า

เบิกบาน

อย่างคุณศรีนี่เยอะมาก

 

เราสังเกตดูเถอะ

เวลาไปเจอคนที่ไหนก็แล้วแต่

เราจะเห็นว่า คน มีแต่ทุกข์

ยิ้มกันไม่ค่อยเป็น

หัวเราะไม่เป็น

สุขไม่เป็น

 

อ.อุบล

รู้จักผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง

เคยสนิทกันมากสมัยที่เราโสด

ส่วนท่าน สามีอยู่ต่างประเทศ

ก็เลยเป็นคู่หู คู่ฮา

เรียกว่า ฮา จริงๆ ไปไหนๆด้วยกัน

 

พอวันหยุด

(ตอนนั้น อ.อุบล ยังรับราชการ)

ท่านก็เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

แต่เราไม่เคยสนใจตำแหน่งท่าน

คือเรียกว่า ไม่เคยรู้เลย

ว่าคนที่เราคบอยู่นี้เป็นคนดังมาก

และตำแหน่งใหญ่โตมาก

 

เพียงแค่ถูกชะตากัน

จากการแนะนำของผู้ใหญ่

ที่เรานับถืออีกที

 

ด้วยความที่

เราชอบผู้ใหญ่ใจดี ผู้ดี

แล้วท่านก็เอ็นดูเรามาก

เป็นพิเศษ

 

คือ

คอยห่วงใย

เย็นเลิกงาน ก็นัดทานข้าว

วันหยุด

ก็ยังนัดกันทานส้มตำ

นั่งรถไฟ หรือ ไปธุระด้วย

 

วันหนึ่ง

ท่านเกิดกังวลว่า

เราไม่มีแฟน ตอนแก่ใครจะดูแล

 

ตอนนั้น

งอนท่านไปพักนึง

เพราะ

รู้สึกเหมือนท่านรังเกียจเรา

หรือไง ที่เราไม่มีแฟน

เราก็เลยเริ่มทำตัวห่างท่าน

 

ท่านชวนไปไหน

ก็ไม่ไปอ้างโน่น อ้างนี่

 

ข้ออ้างที่ใช้บ่อย

คือ

บอกท่านว่า ไปวัด

 

เพราะท่านเป็นคริสต์

 

ตอนหลัง

ท่านเอ็ดเอาว่า

ไปวัด พี่ก็ไปได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย

 

จนเวลาผ่านมา

เราแต่งงานแล้ว ก็เริ่มห่างมาก

เพราะ

หลังแต่งงาน 2 ปี

เรามีลูก ท่านก็มาหาที่บ้าน

เป็นระยะ แล้วก็ห่าง

 

ท่านมาเห็น

อ.อุบล อีกที ใน ที.วี.

เมื่อ ปี ปรมาณ 43-44

ท่านเลยโทร.หา

 

เชิญไปเป็นวิทยากร

ในรายการ ที.วี.

 

แล้วก็มีโอกาส

ได้รำลึกความหลัง

วันที่เคยเป็น คู่หู คู่ฮา

 

แม้ว่าจะจากกันนาน

เราก็ยัง(สันดาน)เหมือนเดิม

คือ

เจอก็ฮาตลอด

ท่านก็ฮากับเราเหมือนเดิม

 

แล้วท่านก็พูดว่า

 

น้อยรู้ไหมว่า

ตั้งแต่พี่ไม่เจอน้อย

พี่ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะเลย

 

จริงเหรอพี่

ใครทำให้พี่เป็นขนาดนี้

 

คน

มันทำให้พี่

ยิ้มไม่ออก หัวเราะไม่ออก

 

โอ้

อะไรกัน

นี่ก็เห็นพี่ยิ้ม หัวเราะดีนี่

 

ก็เฉพาะ

ตอนที่พี่เจอน้อยเท่านั้นแหละ

 

---------

แล้วทำให้เราจำ

คำพูดของท่านมาจนวันนี้

 

สังคมไทย

เป็นอะไรไปแล้ว

 

การที่เราอยู่ร่วมกัน

เจอกันอยู่นี้

เวลามันแสนสั้น

อยู่ไม่ถึงร้อยปี ก็จากกันแล้ว

 

ทำไม

ไม่ทำสิ่งที่ดีๆให้แก่กัน

จะห้ำหั่น เอาเปรียบ เอาชนะ

กันไปเพื่ออะไรกัน

 

ยิ้มให้กัน

หัวเราะด้วยกัน

ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

ดีกว่านะ

 

ตอนตาย

อย่างน้อยก็ได้ไปสวรรค์

ถ้ายังไม่นิพพานไม่ได้

ยังไงก็ไม่ตกนรก

 

แต่ถ้าไม่ยิ้ม

ไม่หัวเราะ มีแต่ทุกข์

มีแต่เครียด

 

เกิดตายตอนนั้น

ยังไงก็ไปนรก

แหง แก๋

 

พระพุทธเจ้า

ท่านบอกนะ ไม่ได้รู้เองนะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-03 20:37:32


ความคิดเห็นที่ 987 (1609144)

แต่ถ้าไม่ยิ้ม

ไม่หัวเราะ มีแต่ทุกข์

มีแต่เครียด

 

 

เกิดตายตอนนั้น

ยังไงก็ไปนรก

แหง แก๋

 

พระพุทธเจ้า

ท่านบอกนะ ไม่ได้รู้เองนะ

.............................

จำประโยคนี้ได้แม่นเลย

ได้ยินจากท่านอาจารย์

ในรายการเมื่อเกือบ2ปีที่แล้ว

 

จำได้ว่า ช่วงนั้น กลัวนรก จนหัวหด

และตั้งปณิธานว่าจะทำบุญทุกๆอย่าง

โดยเฉพาะ กรรมฐาน ให้ได้ทุกวัน

เพื่อจะหนีนรกให้ได้

 

เพราะตอนนั้น "ทุกข์"

อะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้

 

ตอนนี้"เริ่มบาน"ขึ้นมาหน่อยแล้ว...เย้

 

 

กราบอนุโมทนากับธรรมทาน

จากท่านอ.อุบล

และ

ธรรมทานจากทุกๆท่านด้วยนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-03 20:53:16


ความคิดเห็นที่ 988 (1609392)

 

กิจกรรมเมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา

1.เรื่องน้องต้นอ้อ :

จากเดิมที่หมอตรวจพบว่าเชื้อที่กระจายตามร่างกายของร่างกายน้องต้นอ้อหายไป เหลือแต่บริเวณก้านสมอง

คุณแม่น้องต้นอ้อแจ้งผลตรวจล่าสุดก้อนเนื้อบริเวณก้านสมองกับโตขึ้นมาซึ่งจะมีผลทำให้น้องต้นอ้อตาบอดและอาจจะเสียชีวิต

อ.แม่อุบลแจ้งให้คุณแม่น้องต้นอ้อทราบ : กรรมเก่าของน้องต้นอ้อได้หมดไปแล้ว เหลือแต่กรรมใหม่ที่มารวมตัวอันเป็นผลเนื่องมาจากครอบครัวน้องต้นอ้อทำอาชีพที่ผิดศีลคือ บ่อเลี้ยงปลาเพื่อขาย...ทำให้เจ้ากรรมนายวรไม่พอใจและไม่ยอมปล่อย

พระพุทธองค์ให้เงื่อนไขคือถ้าไม่อยากให้น้องต้นอ้อเสียชีวิตต้องเลิกอาชีพทันที, ซึ่งกรรมนี้ไม่ได้ตกอยู่ที่น้องต้นอ้อเพียงคนเดียวแต่จะตกทอดไปถึงทุกๆคนในครอบครัว

เสด็จพ่อเวสสุวรรณสื่อผ่านอ.แม่ว่าการต่อชีวิตให้น้องต้นอ้อในครั้งนี้ (กรณีที่ทางครอบครัวยอมเปลี่ยนอาชีพ) จะต้องมีเงื่อนไขคือ น้องต้นอ้อต้องเทิดทูน 3 สถาบัน ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์

2. คุณธนา :

ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนและอ.แม่อุบลที่ช่วยให้ได้งานใหม่ตามที่ได้ขอไว้กับเสด็จพ่อเวสสุวรรณคือ ให้เป็นงานที่ สามารถให้คนธนาสามารถมาประกอบกิจที่บ้านสวนได้โดยสะดวก

คุณธนาเชื่อว่าบุญที่ช่วยเรื่องงานในครั้งนี้คือ บุญธรรมทาน ที่เกิดจากการ post ผ่าน website บ้านสวน

.แม่อุบลจึงได้ยกตัวอย่างและย้ำเรื่องลำดับของบุญว่าบุญธรรมทานให้ผลยิ่งใหญ่เพียงใด และยกตัวอย่างกรณี น้องหญิง นันทนา ที่ได้เงินเดือนหลักแสน อันเป็นผลของบุญธรรมทาน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-06 20:19:45


ความคิดเห็นที่ 989 (1609395)

คาดว่านับจากนี้ไป webmaster คงจะต้องทำงานหนักขึ้น

เพราะลูกบ้านสวนจะพร้อมใจกันเขียนธรรมทานมากขึ้น

งานนี้คุณชนิดา ขาประจำคงจะเลิกเหงาแน่ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-06 20:23:40


ความคิดเห็นที่ 990 (1609398)

  นิพพาน คือ การไม่กลับมาเกิด….

 

การไม่กลับมาเกิด = ไม่มีร่างกาย

ไม่มีร่างกาย = เหลือแต่จิตวิญญาณ

จิตวิญญาณ = ดำรงอยู่ได้โดยแม้ไม่มีร่างกาย

จิตวิญญาณ= ไม่ต้องการ เครื่องนุ่งห่ม, ที่อยู่, ยา, อาหาร

   

"ไปนิพพานได้อย่างไร = ศีล 5 บริสุทธิ์ + พรหมวิหาร 4"

มาบ้านสวนทำไม = หาทางกลับบ้าน (นิพพาน)

กลับบ้าน = นิพพาน = ไม่มีร่างกาย = เหลือแต่จิต ----> ดูอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับกับการแต่งตัว????

ธรรมะหรือปรากฏการณ์ที่บ้านสวนจึงไม่เกี่ยวกับการแต่งตัวของอ.แม่อุบล

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-06 21:02:56


ความคิดเห็นที่ 991 (1609405)

ขอเล่าความรู้สึกของผมนะครับ ตอนช่วงทำพิธีในคืนวันเสาร์ที่ 5 ที่ผ่านมานะครับ  ยอมรับเลยนะครับว่าตอนนั้น นิวรณ์  โดยเฉพาะข้อ ง่วงหงาวหาวนอนนี่รุมเร้ามากครับ  ง่วงเอามากๆ  พอถึงช่วงทำพิธีปิดขุมนรกขุมที่ 2 ก็รู็สึกว่าคล้อยตามคำพูดของท่านอาจารย์นะครับ  แต่ว่าสมาธิไม่ค่อยนิ่ง ยังเผลอหาวออกมาด้วย  แล้วก็มีคิดถึงสิ่งที่เราทำผิดศีลข้อนี้มา  แต่นึกไม่ค่อบออก แบบจำได้เป๊ะๆ นี่ไม่ค่อยมีครับ  มีแต่แบบเลือนๆ    แล้วก็รู็สึกว่าเหมือนถูกรบกวนโดยสิ่งที่มิอาจบอกได้ว่าเป็นอะไร  แบบว่าผมทำสมาธินิ่งๆไม่ได้  จะรู็สึกเกร็งๆ  ต้องขยับตัว เกร็งแขน  อะไรประมาณนี้นะครับ   ตลอดเวลาในช่วบงทำสมาธิ   พอท่านอาจารย์กล่าวคำว่า สาธุ  หลังจากนั้นไม่กี่วิก็รู็สึกได้ว่าขนลุก  ซู่ซ่า  นิดหน่อย  ตรงบริเวณไหล่ทั้งสองข้าง  แล้วก็โล่งครับ  นี่ก็คือสิ่งที่ผมรู็สึกในวันทำพิธีนะครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ณภัทร ภิรมย์รักษ์ (natzfullstep-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-06 21:57:57


ความคิดเห็นที่ 992 (1609411)

การสมาทานศีล 5 ของแต่ละท่านนะครับ 

เริ่มด้ว ย น้องต้นอ้อคนสวยยย นะครับ  น้องต้นอ้อและคุณแม่ออกมาขอพระคุณท่านอ.อุบลและเทวดาที่รักษาตัวท่าน  ที่ทำให้น้องต้นอ้อหายจากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย  ประมาณพวกเนื้องอกอ่ะครับ แล้วก็มะเร็ง  เบาจืดนะครับ ( โรคอะไรหว่า )  ก็หลังจากที่น้องต้นอ้อได้มาทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด  ได้ช่วยญาติธรรมทำงานที่ทำได้  หลังจากนั้นกลับไปแล้วหมอได้ตรวจอาการน้องต้นอ้อ  ผลปรากฏว่าน้องต้นอ้อหายจากอาการทุกๆอย่างที่เคยเป็นไป  คุณแม่น้องต้นอ้อก็คิดว่าเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธ์ 50%  เพราะการรักษาจากหมอ 50% เพราะว่าได้ทำคีโมด้วย   แต่ยังไม่จบเท่านั้นนะครับ  พี่น้อง  เพราะว่าอาการเนื้องอกบริเวณก้านสมองของน้องต้นอ้อเริ่มกำเริบขึ้นเรื่อยๆ  โดยอาจเป็นอันตรายได้  ท่านอ.อุบลละสิ่งศักดิ์สิทธ์ได้ยื่นข้อเสนอต่อครอบครัวน้องต้นอ้อ  ว่าต้องเลิกทำอาชีพเลี้ยงปลาเพื่อขายไว้เป็นอาหาร เพราะว่าเป็นบาปอย่างมาก  ข้อเสนอนี้นะครับ  ผมคิดว่าแม่คุณน้องต้นอ้อคนสวย  นั้นยอมรับข้อเสนออยู่แล้ว  แต่ในใจผมคิดว่าอยู่ที่พ่อน้องเขา  เพราะว่าอาจจะกลัวๆ เรื่องบางเรื่อง  เช่น การเงินหลังจากเลิกอาชีพ  แต่ส่วนตัวผมคิดว่าต้องมีอาชีพที่ดีกว่าแน่นอน ก็ขอฝากถึงญาติธรรมที่ยังคงทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการผิดศีลนะครับ ว่าก็ควรจะเลิกนะครับ  เพราะว่าถึงจะได้เงินก็จริง แต่ว่าก็ได้บาปมากกว่านะครับ  ลองเก็บไปพิจารณาดูนะครับ

ท่านที่สองนะครับ พี่ธนา  สุดหล่อ (  รู็เลยว่าพี่ธนาก็ต้องมาบอกว่า รสนิยมของผมนั้นดีจริงๆ 555 คิดแล้วฮา  ) ก็ออกมาขอบพระคุณสิ่งศักดิ์าสิทธ์ทุกพระองค์ ที่ช่วยดลบันดาลให้พี่ธนานั้นได้อาชีพใหม่ที่สามารถทำอาชีพได้  และก็มีเวลามาร่วมบุญที่้านสวนด้วย  และก็เป็นอาชีพที่ดี้วย  และพี่ธนาเองตอนแรกก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะๆได้อาชีพนี้ไหม เพราะว่าคิดว่าตนเองนั้นก็คงไม่เหมาะสมกับอาชีพนี้  เพราะว่าประสบการณ์ที่เคยทำงานมานั้นไม่ตรงกับที่เขาต้องการ  แล้วบริษัทก็หาตำแหน่งนี้มานานแล้ว  แต่หายังไง๊ก็หาไม่เจอ  แต่ตอนนี้เจอแล้วครับ พี่ธนาครับ ๆ  ผู้ชิงตำแหน่ง  Country Quality Manager  and Customer Satisfaction  ยาวจริงๆ 5555  ท่านอ.อุบลก็ได้บอกว่าพี่ธนานั้นสมควรได้รับแล้ว  เพราะว่าบุญใหญ่ที่ได้สร้างที่บ้านสวนรวมถึงบุญธรรมทานทำให้พี่ได้งานนี้  ก็อนุโมทนากับพี่ด้วยนะครับที่ได้งานดีดี เงินดีดี  แล้วก็ยังมีเวลาทำบุญด้วย  


ก็จำได้เท่านี้อ่ะครับ  ขออภัยด้วยครับ  แฮะๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณภัทร ภิรมย์รักษ์ (natzfullstep-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-06 23:13:57


ความคิดเห็นที่ 993 (1609414)

 ธรรมทานประจำวันที่ 5 /5/ 55

คนแรก น้องต้นอ้อ และพี่อัง  คุณอังมาขอบคุณเรื่องที่น้องต้นอ้ออาการดีขึ้นหลังจากที่ได้มาทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด(สร้างฐานสมเด็จองค์พระปฐม)โดยการช่วยยกน้ำดื่มและยกบุ้งกี๋ปล่าว โดยน้องต้นอ้อเป็นโรคหลายอย่าง เช่น ไทรอย มะเร็ง เบาจืด และโกสฮอโมน โดยน้องต้นอ้อโดนคุณหมอให้คีโมเรื่อยมาตั้งแต่อายุ 6 เดือนโดยช่วงแรกให้ทุกวัน ต่อมาให้ 5วันต่ิอหนึ่งครั้ง โดยน้องต้นอ้อจะมีอาการ ปากซีด ตาดำคล้ำ หุเน่า ไม่มีโกสฮอโมน จึงทำให้น้องไม่สูงหรือสูงช้า (อยู่ที่ประมาน 90 เซนติเมตร) และเนื่ิองจากเป็นโรคเบาจืดร่วมด้วย จึงทำให้มีอาการฉี่บ่อยกว่าคนปกติ ( ฉี่เป็นสิบครั้งต่อหนึ่ง ชั่วโมง) และเมื่อต้องไปหาคุณหมอในแต่ละครั้งน้องต้นอ้อจะมีอาการเครียด ซึ่งเกิดจากกรรมที่น้องต้นอ้อทำมาในอดีตชาติมาส่งผล  และกรรมจากการที่คุณพ่อของน้องต้นอ้อเลี้ยงปลาเพื่อขาย โดยมีรายได้จากการเลี้ยงปลาปีละประมานสองล้านบาท ซึ่งท่านอาจารย์อุบลก็ได้เมตตาบอกว่า ถ้าอยากให้น้องต้นอ้อมีชีวิตรอดต่อไปต้องให้คุนพ่อน้องต้นอ้อเลิกเลี้ยงปลา(เสด็จพ่อบอกว่าถ้าเลิกเลี้ยงปลาต้นอ้อจะหาย แต่ถ้าไม่เลิกจะต้องตาย) เพราะกรรมจากการที่เลี้ยงปลาส่งผลมาถึงน้องต้นอ้อด้วย ซึ่งทุกคนต่างเอาใจช่วยน้องต้นอ้อและคุณแม่ ให้สามารถเกลี้ยกล่อมคุณพ่อให้เลิกเลี้ยงปลาให้ได้ เพราะตอนนี้น้องต้นอ้อจะต้องเข้ารับการฉายแสงโดยด่วน  ตอนนี้น้องต้นอ้อเป็นเหมือนสีสันของทุกๆคนที่บ้านสวนไปแล้วทุกคนเลยอยากจะให้น้องต้นอ้อหายจากโรคที่เป็นอยู่ ซึ่งในวัดถัดมา ท่านอาจารย์ก็ได้รับน้องต้นอ้อเป็นลูกสาว ซึ่งทำให้เป็นที่ฮือฮาของทุกๆคนมากครับ

พี่เหมี่ยว    พี่เหมี่ยวมาขอบคุณเรื่องมือหายจากอาการมือลอกและตกสะเก็ดโดยคนที่เห็นพี่เหมี่ยวแต่ก่อนจะเห็นพี่เหมี่ยวมีอาการตกสะเก็ดที่มือและเป็นขุยๆ โดยเกิดจากหลายกรณี เช่นเมื่อตอนเด้กๆพี่เหมี่ยวเคยขโมยของในสวนคนอื่น(ผลไม้) ตั้งแต่ป.4 ถึง ม. 2  / ขโมยขนมตามร้านค้า / ใช้มือตีลูกคนแรก แต่ก่อนเป็นคนโกรธง่าย / เคยทำเอกสารเท็จ (เขียนบิลเท็จ)และมีอาการที่เท้าด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจากกรรมที่พี่เหมี่ยวใช้เท้าไปในทางที่ไม่ดี / กระทืบเท้าลูก   โดยในตอนนี้พี่เหมี่ยวมีมือที่สวย และเนียนแล้ว ทำให้หลายๆคนต่างดีใจไปกับพี่เหมี่ยวด้วย   

พี่ไอซ์   พี่ไอซ์ได้มาขอบคุณเรื่ิ่องอาการของพี่ชายโดยคิดว่าน่าจะโดนคุนไสย์ โดยมีอาการหน้าดำคล้ำ และพูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่อง โดยพี่ไอซ์ได้ใช้องค์พีระมิดจำลองรุ่นบวงสรวงเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณในการช่วย ซึ่งผลคือ พี่ชายกลับมาเป็นปกติ และพูดจารู้เรื่อง

พี่อัญ (อัญชรา บุตรโส)  พี่อัญมาขอขมาเรื่องการใช้ไม้ขนไก่ผิดอันในการทำความสะอาดรูปภาพต่างๆในวิหาร โดยอาจารย์อุบลเมตตาบอกว่า ควรจะใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดแล้วเช็ด จะดีกว่าและ พี่อัญก็ได้ตั้งใจว่า จะ ลด ละ เลิก ในการโกรธลูก  และพี่อัญก็เคยปรามาสประเยซูซึ่งเป็นศาสดาของศานาคริส และก็ได้เคยมาขอขมาแล้ว ซึ่งอาจารย์ก็ได้เมตตาให้ธรรมทานว่าเราควรเคารพศาสดาของทุกศาสนาและศาสดาทุกพระองค์ก็ได้มาคอยดูแลพวกเราอยู่ที่นี่(ที่บ้านสวนพีระมิด) และท่านได้ถามว่าที่นั่งกันอยู่นี่มีใครที่นับถือศาสนาอื่นบ้าง โดนขณะนั้นก็มีน้องเบสซึ่งเป็นคนที่นับถือศาสนาอิสลามอยู่ อ.อุบลเลยให้มาเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์เกี่ยวกับ รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกศาสนา โดยมีการสร้างเหตุ ให้โดนผีอำและน้องเบสก็ได้ใช้รหัสอ,อุบลช่วยด้วย และผีตัวนั้นก็โดนถีบออกไป (โดนเสด็จพ่อถีบออกไป) และให้มั่นใจในรหัสนี้ รหัสนี้มากจากการที่สิ่งสักศิทธิ์ ได้ลงความเห็นกันและได้ยืมชื่อ อ.อุบลในการใช้ ใช้ได้ทุกคน

พี่แป้น  พี่แป้นมาขอบคุณเรื่องสุขภาพที่ดีขึ้นตั้งแต่การมาสร้างบุญ  และได้มาสารภาพบาป โดยเคยใช้เท้าแทนมือ/ ใช้เท้ายันสามีเพราะดื่มเหล้าแล้วกลับดึก / เตะหมาเตะแมว และผิดสีลทุกข้อ เช่น เคยทำแท้ง 1 ครั้ง และฆ่าสัตว์ต่างๆ /เคยเอาของหลวงกลับบ้าน/ ทำเอกสารเท็จ / ทำงานไม่เต็มที่/ เอาของวัดกลับบ้าน / เคบคบกับสามีคนอื่น / พูดกหก พูดเพ้อเจ้อ พูดคำหยาบ/ ดื่มเหล้า ซื้อหวย ลอตเตอลี่

พี่ธนา พี่ธนามาขอบคุณเรื่องได้งานใหม่ วึ่งอ.อุบลได้บอกว่าเป็นอานิสงค์ของการทำบุญมารวมตัว และการเขียนสร้างธรรมทานในเว็ปบ้านสวน ซึ่งพี่ธนาจะเป็นคนที่เขียนบ่อยมาก และก็มีน้องหญิง เขียนบ่อยมากซึ่งทั้งสองคนต่างมีสิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต ซึ่งอ.อุบลเมตตาบอกว่าการสร้างธรรมทานเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่มาก มีอานิสงฆ์มากกว่าวิหารทานถึง 100 เท่า ซึ่งเมื่อเขียนแล้ว พอมีคนมาอ่าน บุญของเราก็จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการทำบุญที่ฉลาด เพราะไม่ต้องออกแรงมากแต่ได้ผลเยอะ ท่านเลยอยากให้ทุกๆคนมาเขียนกันเยอะๆ แต่บางคนที่เขียนไม่ได้อาจเกิดจากเจ้ากรรมนายเวรเค้าไม่ยอมให้เขียน เพราะเค้ารู้ว่าเป็นบุญที่ใหญ่มาก

พี่แว๋ว พี่เแว๋ว มาขอบคุณเรื่องสามี   ซึ่งตอนนี้สามีใจเย็นลงโดยคุณต๋อง(สามี) เคยคิดจะออกจากศาสนาพุทธ 

พี่ภิญญลักษณ์ มีจิตคิดแวบกับอ.อุบล ว่า ทำไมชั้นต้องเชื่อเธอและอ.อุบลท่านได้ให้ธรรมทานว่า  จะไปนิพพานต้องตัดร่างกายของตัวเองและบุคคลอื่นให้ได้ และได้เล่าว่าพระพุทธเจ้าเคยขับไล่สาวกองค์หนึ่งออกไป เพราะเขาไม่สนใจธรรมะของท่านแต่สนใจพระรูปพระโฉมของของท่านอย่างเดียว โดยบุคลลิกของอ.อุบลเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนควรนำไปคิดว่าทำไมแต่งตัวแบบนี้ถึงช่วยคนได้ ผิดกับบางคนที่แต่งตัวเรียบร้อย แต่ไม่สามารถช่วยคนอื่นได้ โดยอ.อึบลท่านใช้จิตในการช่วยคนไม่ได้ใช้เสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกายในการช่วย โดยอ.อุบลได้บอกอีกว่า ต่อไปนี้ให้ค้นพบความดีของอ.อึบลก่อนแล้วจึงค่อยมาหาท่าน  และอ.อุบลก็เป็นบุคคลที่ตอบโจทย์ที่ว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น ซึ่งท่านอ.อุบลจะเน้นย้ำเรื่องหลักกาลามสูตรอยู่เสมอ ว่าไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ และให้พิสูจน์

และก็มีพี่ท่านอื่นๆอีกประมานสองสามคน ซึ่งในช่วงนี้เบสง่วงมากทำให้จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว เรียกได้ว่า แอบสลบไปหลายตื่น 

สุดท้ายท่านอาจารย์อุบลก็ได้ทำการปิดนรกขุมที่สองให้แก่ลูกหลานโดยขุมนรกขุมสองคือ การลักขโมยของ ชอบของฟรี อยากได้ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของของตน ซึ่งอาจารย์ก็ได้เมตตานำในการปิดขุมนรก เรียกได้ว่าปิดอย่างละเอียดกันเลยทีเดียว อิอิ ~  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย (sarinalich-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-06 23:29:59


ความคิดเห็นที่ 994 (1609424)

โอ้โห

คุณหนึ่ง น้องนัท น้องเบส

เป็นสิงห์ปืนไวจริงๆ

อนุโมทนาค่ะ

 

แล้ว

บุญก็ส่งผล

กับทุกแล้ว ด้วยนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 00:15:00


ความคิดเห็นที่ 995 (1609428)
 
สวัสดีครับ
ผมขอนำประสบการณ์จากการปิดนรกขุมที่ 2
เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 5 พ.ค. 55
มาเล่าให้ฟัง ดังนี้ครับ
 
น้องต้นอ้อ
 
หลายคนคงรู้จักน้องต้นอ้อ เป็นอย่างดี
น้องต้นอ้อ ซึ่งมีอายุเพียง 5 ขวบ
แต่ป่วยด้วยโรคถึง  5 อย่างด้วยกัน คือ
ไทรอยด์ มะเร็งทั้งตัวถึงกระดูก เบาจืด และ
ฮอร์โมนที่ช่วยการเติบโตต่ำ และหูเป็นน้ำหนวก
ด้วยกรรมในอดีตชาติที่เคยเป็นนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่
ต้องรักษาด้วยการคีโมมาตั้งแต่ยังอายุยังไม่ครบปี
 
คุณอัง คุณแม่ได้พาน้องต้นอ้อมาทำบุญที่บ้านสวนฯ
หลังจากได้ชมรายการคุยไปแจกไป แล้วศรัทธา
ซึ่งบุญได้รวมตัว ตั้งแต่น้องได้ช่วยเก็บบุ้งกี๋เปล่า
ในการสร้างฐานพระบรมธรรมบิดา
ทำให้โรคมะเร็งลดลง หูที่เป็นน้ำหนวกก็แห้ง
 
ตอนที่น้องต้นอ้อมีอาการดีขึ้นใหม่ ๆ
คุณอังซึ่งได้รับปากท่านอาจารย์ว่า
จะเผยแพร่เรื่องน้องต้นอ้อที่มีอาการดีขึ้น
จากบุญบ้านสวนฯ ให้คณะหมอที่รักษาทราบ
แต่ก็ไม่ได้ไปเผยแพร่เนื่องจากเกรงว่า
คุณหมอจะไม่เชื่อ
 
จนเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณได้สั่งท่านอาจารย์
ไม่ให้ยุ่งกับน้องต้นอ้ออีกต่อไป
คุณอังจึงตัดสินใจเผยแพร่บุญบ้านสวนฯ
ให้คณะแพทย์ที่รักษาน้องต้นอ้อทราบ
ซึ่งคุณหมอกลับรับฟังและเห็นด้วย
กับการรักษาทางเลือกใหม่ของบ้านสวนฯ
 
หลังจากนั้น อาการของน้องต้นอ้อก็ดีขึ้นตามลำดับ
และเปลี่ยนจากเด็กที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว ขี้วีน หน้าดำคล้ำ
มาเป็นเด็กน่ารัก อารมณ์ดี หน้าตาสดใส สูงเพิ่มขึ้น
ทั้งที่เดิมจากผลการตรวจของแพทย์
แทบไม่มีโอกาสที่จะดีหรือสูงขึ้นเช่นปัจจุบันเลย
 
คุณอังจึงได้ขึ้นมากล่าวขอบคุณท่านอาจารย์
เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณและสิ่งศักดิ์สิทธ์
และรายงานความก้าวหน้าของผลการตรวจ
ทางการแพทย์ของน้องต้นอ้อในวันนี้
 
แม้น้องต้นอ้อจะมีอาการดีขึ้นทั้งกายและใจ
ตามที่ได้กล่าวมา
 
แต่บุญที่ทำที่บ้านสวนฯ ก็ไม่อาจเอาชนะกรรม
ที่รวมตัวกันที่ครอบครัวก่อขึ้นได้
 
น้องต้นอ้อ ยังมีมะเร็งเหลืออีกจุดหนึ่งที่ก้านสมอง
ซึ่งโตขึ้นและไปกดทับสมอง
คุณหมอได้แจ้งให้ทำใจ และคอยสังเกตอาการ
 
ท่านอาจารย์บอกว่า
กรรมที่ทำให้น้องต้นอ้อไม่หายนี้
เกิดจากรายได้หลักของครอบครัวมาจากการทำบ่อปลา
ที่เป็นอาชีพดั้งเดิมตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ของคุณพ่อน้องต้นอ้อ
 
โดยเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณได้ให้คุณอังและสามี
เลิกอาชีพนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อแลกกับชีวิตของน้องต้นอ้อ
และแนะนำให้ใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย เพื่อให้คุณพ่อ
ของน้องต้นอ้อเปลี่ยนใจเลิกเลี้ยงปลา
ท่านได้อวยพรให้คุณอังทำสำเร็จ
ซึ่งผมและชาวบ้านสวนก็อยากให้น้องต้นอ้อหาย
เป็นขวัญใจของทุกคนต่อไปครับ
 
 
เทพีสงกรานต์บ้านสวน
หายจากอาการมือและขาเป็นตุ่มหนองและคัน
ด้วยแรงอธิษฐาน
 
เมื่อพูดถึงพี่เหมี่ยว เชื่อว่าทุกคน
คงรู้จักเป็นอย่างดี ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
เอาการเอางานและเป็นผูนำบุญสำคัญคนหนึ่ง
มีดีกรีเป็นถึงรมต.กระทรวงแรงงานบ้านสวนฯ
ซึ่งเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา
ได้รับคัดเลือกให้ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ
เป็นเทพีสงกรานต์รองอันดับ 1 ของบ้านสวนฯ
พี่เหมี่ยวแม้จะทำบุญบ้านสวนมากก็จริง
แต่ก็ทำบาปที่บ้านสวนฯ ด้วยเช่นกัน
จึงทำให้เกิดอาการคัน และเป็นตุ่มหนอง
ที่มือ แขน และขา มานาน
ซึ่งเป็นกรรมที่เกิดขึ้นจากการที่เคยขโมยของ
ตอนที่เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ
ตอนโตก็ตีลูก เคยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
และที่สำคัญ คือ สัจจะลื่นไหล ขี้เกรงใจ
เห็นคนที่ถูกหวยก็ไปอนุโมทนา
 
ท่านอาจารย์เปรียบเทียบเสมือนว่า
ปากบอกว่า รักพระพุทธเจ้า
แต่เวลาพระเทวทัตมาก็ปล่อยให้ละเมิด
 
การผิดสัจจะกับท่านอาจารย์
ทำให้เกิดเหตุได้หลายอย่าง
เช่น กรณีพระปราโมทย์ ที่มรณภาพไปแล้ว
เพราะผิดสัญญาว่าจะคืนเงินที่ยืมท่านอาจารย์
ไปแต่ในที่สุดก็ไม่มาตามกำหนด เป็นต้น
 
ปัจจุบันพี่เหมี่ยวได้หายจากโรคที่เป็นแล้ว
โดยพี่เหมี่ยวได้อธิษฐานต่อท่านอาจารย์ว่า
ขอให้มือดีเหมือนคนอื่น เมื่อหายแล้วจะใช้มือนี้
ไปทำแต่สิ่งที่ดี และขยันมากขึ้น
 
ซึ่งเมื่อเสาร์ที่ 28 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา
พี่เหมี่ยวก็ทุ่มเททำงานบุญมากกว่าเดิม
(เดิมก็มากอยู่แล้ว) จนต้องนอนพักที่แปลงผัก
ตื่นขึ้นมาก็ทำงานต่อ และปรากฏว่ากลับไปบ้าน
อาการที่ป่วยที่มือก็หาย แขนและขาก็ดีขึ้น
จึงมากราบขอบพระคุณท่านอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และให้ธรรมทานในเสาร์ที่ 5 นี้
ผมขออนุโมทนาบุญและดีใจกับพี่เหมี่ยวด้วยครับ
 
ธรรมทานส่งผลให้คุณธนา (คนหน้าตาดีมาก)
ได้งานใหม่ที่ดีมาก
 
คุณธนาได้ออกมากล่าวขอบคุณ
ท่านอาจารย์ เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ
และสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ช่วยให้ได้งานใหม่ ตำแหน่งใหม่
ทีดีมาก ๆ ทั้งงานและเงิน
โดยได้รับตำแหน่งผู้ดูแลคุณภาพของการให้บริการ
ของบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ระดับโลก
เป็นผู้จัดการที่รับผิดชอบดูแลลูกค้า
ถึง 3 ประเทศ คือ ไทย กัมพูชาและเวียดนาม
(ถ้าจำผิด ขออภัยด้วยครับ)
 
ซึ่งท่านอาจารย์ได้กล่าวว่า
สิ่งสำคัญที่ส่งผลให้ บุญรวมตัวกันนี้ คือ
ธรรรมทานของคุณธนา
 
คุณธนาขยันเขียนและตอบกระทู้เว็ปบ้านสวนฯ
มาโดยตลอด และเสมอมา
เป็นคนทำงานของบ้านสวนฯ อย่างทุ่มเท
ซึ่งเราทุกคนคงทราบกันดีในเรื่องนี้
และมีน้องหญิงอีกคนหนึ่งที่ขยันเขียน
ขยันตอบกระทู้ ซึ่งน้องหญิงเองก็ได้รับ
อานิสงส์ในเรื่องการงานเช่นนี้ไปแล้วเช่นกัน
 
ธรรมทานเป็นบุญใหญ่
ยิ่งกว่าสังฆทานและวิหารทานเป็น 100 เท่า
ท่านพยายามสอนให้เราทุกคนมาบอกเล่า
ธรรมทานในเว็ปบ้านสวนฯ แต่ไม่ค่อยมีใครทำ
เพราะเจ้ากรรมนายเวรเบียดบังไม่อยากให้ร่ำรวย
ไม่อยากให้พ้นอุปสรรค
 
คุณธนาได้บอกเคล็ดลับในเรื่องนี้ว่า
ทุกธรรมทานที่เขียน จะอธิษฐานเสมอ
ขอให้ธรรมทานนี้เผยแพร่ออกไป
และสามารถช่วยผู้คนทั้งโลก
 
ซึ่งผมขอเพิ่มอีกว่า เจตนาที่สำคัญของคุณธนา
ที่แฝงไว้อีกอย่างหนึ่งก็คือ
ต้องการช่วยให้คนทั้งโลกพ้นทุกข์และได้กลับสู่
บ้านเก่า-พระนิพพานวิมานแก้วนั่นเอง
อนุโมทนาบุญทุกประการครับ
 
ศาสดาของทุกศาสนาประทับที่บ้านสวนฯ
 
ท่านอาจารย์บอกว่า
บ้านสวนพีระมิดเป็นแหล่งรวมทุกศาสนา
และศาสดาของทุกศาสนาก็อยู่ที่บ้านสวนฯ
รวมทั้งท่านสัตยาไสบาบา
 
ทำไมรหัสอ.อบลช่วยด้วย สามารถไล่ผี
ให้น้องเบสที่นับถือศาสนาอิสลามได้
ก็เพราะเป็นแผนของเบื่องบนที่ต้องการ
ให้ไม่มีการแบ่งแยกศาสนา
และขอยืมชื่อท่านอาจารย์มาใช้
เป็นรหัสเพื่อช่วยผู้คนทั้งโลก
 
รหัส อ.อุบลช่วยด้วย นี้
เกิดจากการประชุมศาสดาของทุกศาสนา
ที่ต้องการสร้างความเป็นหนึ่งทางจักรวาล
ของทุกศาสนา ไม่มีแบ่งแยก
 
การนับถือศาสนาใดไม่สำคัญเท่า
เราตั้งใจทำความดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
ไม่ล่วงละเมิดผู้อื่น
 
ต่อไป ผู้คนจะเลิกลังเลสงสัย
และหันมาใช้แค่รหัสเดียว
อีกไม่นานหลังจากนี้
 
ผมจำได้ว่า ท่านอาจารย์เคยบอกว่า
ผู้ที่เชื่อในรหัสนี้ คือ ผู้ที่รอดจากภัยพิบัติใหญ่
ผู้ที่ยังลังเลสงสัย อาจรอดแต่พิการ
และท่านบอกว่า ถ้าใช้รหัสนี้
ขออาหารจากต้นไม้ ในยามที่ไม่มีอะไรจะกิน
ก็สามารถขอได้ เชื่อไหม
 
ปิดนรกขุมที่ 2 - กาฬสุตตนรก
 
นรกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละเมิดศีลข้อที่สอง
พวกที่ชอบของฟรี ลักทรัพย์ ฉ้อโกง รับสินบน
โกงหรือเลี่ยงภาษี ยักยอก ปอกลอก สับเปลี่ยน
เอาของ ๆ ผู้อื่น และผิดสัญญา
 
กาฬสุตต- มหานรก =นรกที่ลงโทษตามเส้นด้ายดำ
มีกำแพงทั้ง ๔ ด้านเป็นเหล็ก
พื้นเป็นเหล็กถูกเผาไฟจนแดงโชน

เหล่าสัตว์ที่อุบัติเกิดในนรกขุมนี้เขาย่อมถูกลงโทษ
โดยนายนิรยบาลจะจับเอาสัตว์นรกนอนลงไป
เอาด้ายดำมาตีเป็นเส้นเข้าตามร่างกาย
ตีจากหัวถึงท้ายบ้าง ตีตามขวางบ้าง
เป็นสายบรรทัดที่ทำจากสายเหล็กที่เผาไฟ
จนแดงฉานเป็นกรด แล้วก็เอาเลื่อยมาเลื่อย
บางทีก็เอาขวานมาผ่า
หรือเอามีดนรกมาเฉือน
กรีดตามรอยเส้นด้ายดำร้อนจัดที่ตีเอาไว้
ไม่ให้ผิดรอย ฉะนั้น นรกขุมนี้ จึงมีชื่อว่า
กาฬสุตต- มหานรก =นรกที่ลงโทษตามเส้นด้ายดำ
 
ก่อนที่ท่านอาจารย์จะกล่าวนำ
ท่านให้เราทำใจสบาย ๆ พยายามฝืนไม่ให้ง่วง
และนึกถึงบุญที่ทำมาตั้งแต่ต้น ทุกบุญ ทั้งทีทำเอง
และที่อนุโมทนาบุญ โดยเฉพาะบุญใหญ่มีกำลังสูง
เชน สร้างพระบรมธรรมบิดา
เพื่อให้มีกำลังบุญเพียงพอเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวร
ที่มารอรับบุญได้อย่างทั่วถึง และได้บุญเต็มที่
และแน่นอนว่า เราต้องนึกถึงการผิดศีลข้อสอง
ที่ทำมาให้หมด
 
ท่านอาจารย์จะกล่าวนำให้เราทุกคนน้อมใจตาม
โดยขอพระบารมีพระพุทธองค์
เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ให้ช่วยลูกหลาน
 
ผมเองก็นึกว่า ตัวเองไม่ค่อยผิดในข้อนี้
แต่เมื่อท่านอาจารย์ได้ยกตัวอย่าง
ก็ผิดเต็ม ๆ โดยเฉพาะติดหนี้แผ่นดิน
ทำงานขาด ลา มาสาย โกงเวลางาน
แต่รับเงินเดือนเต็ม
นำของหลวง ของที่ทำงานกลับบ้านไปใช้
ทำเอกสารเท็จเบิกเงินค่าเดินทาง เบี้ยเลี้ยง
เก็บเงินเก็บของที่ตก ชอบของฟรี ติดหนี้สงฆ์
หยิบของคนอื่นมาใช้โดยที่ไม่ได้ขออนุญาต
หรือไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งแม้เกิดขึ้นทางใจก็ผิดทั้งสิ้น
 
ท่านอาจารย์บอกว่า หากปิดได้แล้ว
เราจะรู้สึกโล่ง เบา สบาย
หากปิดครบทุกขุมแล้ว เราอาจจะเบา
จนเหาะได้ เหมื่อนสมัยครั้งพุทธกาล
 
ผมแม้จะไม่ได้รู้สึกเบาโล่งโปร่งสบาย
แต่ก็อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า
หากปิดได้จริงขอให้สามารถสัมผัสได้
ด้วยพระอาการปิติทั้ง 5 ก็ปรากฏว่า
มีอาการขนลุก
 
ซึ่งผมต้องขอขอบกราบพระคุณท่านอาจารย์
และครอบครัวทุกท่าน และเทวดาประจำตัว
ท่านอาจารย์ เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ
ที่เมตตาให้ผมมาสร้างบุญและปิดบัญชีนรกให้แก่
ผมในครั้งนี้ด้วยครั้บ
 
ขออนุโมทนาบุญกับทุกธรรมทานครับ
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 03:29:54


ความคิดเห็นที่ 996 (1609430)

 

โอ้โห

คุณหนึ่ง น้องนัท น้องเบส

เป็นสิงห์ปืนไวจริงๆ

อนุโมทนาค่ะ

 แล้ว

บุญก็ส่งผล

กับทุกแล้ว ด้วยนะ

@@@@@@@@@@@@@@@

กลัวจะตามลูกหม้อบ้านสวนไม่ทันนะคะ

เลยต้องใส่เกียร์ด้านหน้าสุดฤทธิ์

บุญที่ลูกได้รับ....แค่พิมพ์ธรรมทาน

จากการเริ่มสังเกตุดวงจิตของตน

รู้สึกเหมือนกับจิตนิ่งขึ้นทันทีเลยคะ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณโฆษิต ด้วยคะ สาธุ สาธุ สาธุ 

เจ้าพ่อเหลาอีกคนหนึ่งของบ้านสวน....

แอบเห็นว่าในกิจกรรมภาคกลางคืนจะถือสมุดกับปากกาเข้าไปจดธรรมะตลอดเลย

ในฐานะเคยเป็นคนที่เข้ามาแอบอ่านกระทู้ในบ้านสวน และ ไม่มีโอกาสร่วมอยู่กิจกรรมภาคกลางคืน

ธรรมทานที่คุณคุณโฆษิต เอามาร่วมเหลา มีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะกับสมาชิกใหม่ๆ

เพราะทำให้ตระหนักมากขึ้นว่า ธรรมะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก

และในทุกๆคำพูดของอ.แม่อุบล ล้วนแต่แฝงธรรมะทั้งนั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 05:13:48


ความคิดเห็นที่ 997 (1609436)

คาดว่านับจากนี้ไป webmaster คงจะต้องทำงานหนักขึ้น

เพราะลูกบ้านสวนจะพร้อมใจกันเขียนธรรมทานมากขึ้น

งานนี้คุณชนิดา ขาประจำคงจะเลิกเหงาแน่ๆ

....................................

าธุ สาธุ ค่ะ คุณหนึ่ง

เพราะชนิดาก็อยากเห็นทุกๆท่าน

มาทำงานร่วมกัน ด้วย"จิตที่อาสา"จริงๆ

 

พราะการเขียนธรรมทานนี้

ถือว่าเป็น มหาบุญ อานิสงค์ก็ยิ่งใหญ่

ซึ่งพวกเราจะสัมผัสและรับรู้ถึง"ผลบุญ"ได้

ไม่ว่าจะทางโลกหรือ ทางธรรม

 

ซึ่งคุณหนึ่งเอง

ก็รู้สึกได้ด้วยตัวเองแล้ว

 

ทั้งๆที่เปรียบเทียบกับงานส่วนอื่นๆแล้ว

ถือว่า เป็นความเสียสละ(ตน)

ในเบื้องต้น เท่านั้น

...................................................

อนุโมทนากับธรรมทานจาก

คุณหนึ่ง น้องนัท น้องเบส

และ คุณ โฆษิต รวมถึง

ทุกๆท่านที่นำชีวิตตน

ไปเป็นธรรมทานให้พวกเรา

ได้เรียนรู้ด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ

..............................................

และที่สำคัญกราบขอบพระคุณ

เบื้องบนทุกๆพระองค์

ท่านอ.อุบล และครอบครัว ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 07:17:36


ความคิดเห็นที่ 998 (1609449)

 

การผิดสัจจะกับท่านอาจารย์
ทำให้เกิดเหตุได้หลายอย่าง
เช่น กรณีพระปราโมทย์ ที่มรณภาพไปแล้ว
เพราะผิดสัญญาว่าจะคืนเงินที่ยืมท่านอาจารย์
ไปแต่ในที่สุดก็ไม่มาตามกำหนด เป็นต้น
 
 
โฆษิต
 
----------
 
พระปราโมทย์
ไม่ได้ผิดสัจจะเรื่อง
ยืมเงิน อ.อุบล หรอกจ้า
คุณโฆษิต
 
แต่
พระปราโมทย์
บอกว่า วันจันทร์
จะนำเงินมาร่วมบุญกับ
อ.อุบล
20,000,000,000
ล้านบาท
(สองหมื่นล้านบาท)
 
จ้า
 
ท่านอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ
สองหมื่นล้านบาท
ที่พระปราโมทย์ตั้งจิตอธิษฐานไว้
 
ท่านบอกว่า
มีเงินอยู่ในแบ๊งค์ชาติ
ที่องค์การน่าซ่า
โอนมาให้
2 ปีแล้ว เอาออกมาไม่ได้
เพราะ
นายใหญ่ และ กรรมการ
รับประทานดอกกัน
เพลิดเพลิน
 
โดย
ระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง
ในการหน่วงเหนี่ยวเงิน
รวมทั้งทนาย
ของแบ๊งค์ไว้หมดครบถ้วน
 
บอกว่า
มีเงินอยู่ แสนล้าน
ยังไม่รวมดอกเบี้ย
 
ซึ่งเวลาผ่านไป
ดอกเบี้ยก็มากขึ้นจน
ทำให้คณะกรรมการผู้เกี่ยวข้อง
 
หิวกระหายเงิน
และ
ท่านเป็นพระ เลยไม่สามารถ
ไปติดต่อออกหน้า
ออกตาได้
 
ได้แต่ให้ลูกศิษย์
ชื่อจาตุรง
ทำนิกรรมแทนทั้งหมด
กับทนายความ
 
ท่านมายืมเงิน อ.อุบล
เพราะเค้าเรียกเงินอีก
ค่าดำเนินการ
อะไรหลายอย่าง ท่านบอก
 
แต่
อ.อุบล
ให้ท่านเอาเงินสด
ที่ท่านบอกว่า มีอยู่ แปดพันกว่า
มาแลกเช็ค อ.อุบล
แล้ว อ.อุบลจะจ่ายเช็คให้
สั่งจ่าย นามผู้รับเลย
 
ต่อมาท่านบอกว่า
ได้เงินครบแล้ว
ไม่มาแลกเช็ค
 
แล้ว
จะนำเงินมาทำบุญ
กับบ้านสวนพีระมิด
 2 หมื่นล้าน
 
เป็นส่วนของคุณจาตุรง
1 หมื่นล้าน
 
ส่วนของท่านเอง
1 หมื่นล้าน
 
แต่ในที่สุด
ท่านก็บอกว่า
เงิน
ยังนำออกมาไม่ได้
 
ทางผู้บริหารแบ๊งค์
หาเรื่อง ไม่ให้ เงิน
อ้างโน่นนี่นั่น
 
อ.อุบล
ได้บอกท่านตั้งแต่
วันที่ท่านมาบอกเรื่องนี้แล้ว
 
ว่า
งานนี้ จะมีคน
ตาย
 
เพราะ
ความโลภ ผิดสัจจะ
 
ทั้งตัวท่าน
จาตุรง ทนายโป่ง
คุณปาริพันธ์ นายชาตรี
ที่ท่านกล่าวอ้าง
 
ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่ง
เบี้ยว
 
แล้วตัวท่าน
ก็ได้สังเวยชีวิต
เป็นคนแรก
 
แล้วงานนี้
 
เสด็จพ่อบอก
 
ใครที่มันเห็นลูกข้า
เป็นแค่ตัวตลก
อยากพูดอะไร ทำอะไรก็ได้
 
ก็ต้องแลกด้วย
ชีวิต
 
และ
ก็ยังมีคิวต่อจาก
พระปราโมทย์อีกที่ต้อง
ตาย
ตามพระปราโมทย์
 
ซึ่งตอนนี้
เสด็จพ่อบอกว่า
 
แต่ละคน
ได้มีอาการภายในแล้ว
บางคน ก็มีอาการ
แสดงออก
บอก
สัญญาณแล้ว
 
นี่ตัวอย่าง
ความโลภ ไม่เข้าใคร ออกใคร
 
มีเงิน แสนล้าน
แต่ไม่ได้ใช้ ตาย ซะก่อน
 
ดังนั้น
ท่านทั้งหลาย
ที่มีเงินไม่ได้มากมาย
แต่สุขสบาย
ไม่ตายก่อนอายุขัย
 
น่าจะดีกว่า
ไหมจ๊ะ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 09:36:20


ความคิดเห็นที่ 999 (1609454)

อนุโมทนากับธรรมทานจากทุก ๆ ท่านคะ

และกราบขอบพระคุณอ.อุบลที่เมตตาให้ธรรมะเสมอมา

ให้เห็นธรรมชาติของจิตมนุษย์

เห็นทุกข์ในการเป็นคน

จนเกิดความเบื่อหน่ายในการเกิด

และมุ่งหน้าปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นที่แท้จริง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 10:13:55


ความคิดเห็นที่ 1000 (1609461)

 ดังนั้น

ท่านทั้งหลาย
ที่มีเงินไม่ได้มากมาย
แต่สุขสบาย
ไม่ตายก่อนอายุขัย
 
น่าจะดีกว่า
ไหมจ๊ะ
 
++++++++++++++++++++++++
 
 
เบสคิดว่าดีกว่าแน่นอนที่สุดเลยครับอาจารย์
เงินมันจำเป็นก็จริงแต่มันก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง
เงินต้องใช้ให้เป็นเพราะมันเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน
ถ้าใช้ไปในทางที่ดีก็จะนำประโยชน์และความสุขมาให้
ส่วนถ้าใช้ไปในทางที่ไม่ดีก็จะนำความฉิบหายมาให้
แล้วความสุขมันก็อยู่ที่จิตใจไม่ได้อยู่ที่เงิน บางคนมีเงินเป็นแสนล้าน แต่มีความทุกข์ ป่วยเป็นโรคต่างๆนานา
สู้คนที่มีเงินไม่มากมายไม่ได้ เขาเหล่านั้น มีพอกินพอใช้ ไม่ขัดสน แต่เขาเมีความสุข มีจิตใจที่เบิกบาน ไม่ทุกข์ไม่ร้อน 

 
 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนพงศ์ ปรับโตวิดโจโย (sarinalich-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 10:44:52



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.