ท่านสาธุชนทั้งหลาย
สำหรับวันนี้ก็มาปรารภกับท่านพุทธบริษัทถึงบารมีที่ ๔
ความจริงบารมี ๑๐ นี้ อาตมาจะไม่พูดเป็นตอนถึง ๑๐ ตอน เพราะว่าเสียเวลาเปล่า
เพราะบารมีแต่ละบารมีเมื่อปฏิบัติแล้วก็ควบกันอยู่เสมอไป
ก็สร้างความเข้าใจให้เกิดแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทอยู่แล้ว
จงอย่าทำตนเป็นคนนอนตื่นสาย เช้ามืดไม่ตื่นหากว่าท่านไม่ตื่นนอนตอนเช้ามืด
หรือว่าตอนเช้ามืดตื่นขึ้นมาแล้วไม่ทำกิจให้สมควรแก่สมณวิสัย
ก็เห็นจะตอบแก่ท่านได้ว่า “ท่านไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา”
แล้วก็จะเป็นสาวกของใครก็เป็นเรื่องของท่าน
พอพูดเรื่องพระโสดาบันมาแล้วก็รู้สึกว่าจะยากเกินไป สำหรับบางท่าน
แต่หากว่าท่านมีบารมีทั้ง ๑๐ ประการครบถ้วน เต็มบริบูรณ์ถึงปรมัตถบารมี
เรื่องพระโสดาบันท่านก็จะเห็นว่าเล็กเกินไป
ไม่ใช่วิสัยของท่านทั้งหลายจะคิดว่ายาก
วันนี้เราก็มาพูดกันถึง ปัญญาบารมี บารมีที่ ๔
ดีหรือไม่ดีก็อาจจะยกเลิกกันไปเสียเลยเรื่องบารมี
ทั้งนี้ก็เพราะว่าถ้าถึง ปัญญาบารมี แล้ว ก็ควรจะจบกันได้
เพราะปัญญาบารมีเป็นปัญญาครอบจักรวาล
ถ้าเรามีปัญญาเสียอย่างเดียว อย่างอื่นใดทั้งหมดไม่ต้องมีก็ได้
เพราะว่าปัญญานี้ เหมือนกับรอยเท้าช้าง รอยเท้าสัตว์ทั้งหลายในป่า
เมื่อเหยียบลงไปก็เล็กกว่ารอยเท้าช้างทั้งหมด
ฉะนั้นในมรรค ๘ องค์สมเด็จพระบรมสุคตจึงเอา “สัมมาทิฎฐิ” คือปัญญา เป็นที่ตั้งอยู่ตัวหน้า
|