ReadyPlanet.com


น้ำพระทัยของในหลวง


 

 

ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเทิดพระเกียรติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และเพื่อเชิญชวนทุกท่าน

ได้รับทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณ

ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระราชินีและพระราชวงศ์

ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย

 

 

เพื่อเผยแพร่เรื่องนี้ไปสู่ชาวไทยทุกคน

โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

ที่อาจไม่เคยทราบถึงพระเมตตา คุณความดี

ของพระองค์ท่านมาก่อน

ท่านใดที่มีข้อมูลพระเมตตาอันมากล้น

ของล้นเกล้าล้นกระหม่อมทั้งสองพระองค์

และพระราชวงศ์

ก็ร่วมด้วยช่วยกันนำมาลง

เป็นธรรมทานอันยิ่งใหญ่

เป็นบุญโดยเสด็จพระราชกุศล

ร่วมกันนะครับ

ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้า

ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 

เพลงสรรเสริญพระบารมี

คำร้อง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ

เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

ทำนอง : พระเจนดุริยางวงค์ (ปิติ วาทยะกร)

ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน
นบพระภูมิบาลบุญดิเรก เอกบรมจักริน
 

พระสยามินทร์พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์
 

ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง
หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
Name:	300520_239063212818483_231131060278365_694594_1327801727_n[1].JPG
Views:	1
Size:	118.0 KB
ID:	1739384



ผู้ตั้งกระทู้ โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-10-22 18:27:29


[1] 2 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1579647)

พระราชกระแสรับสั่งของ"ในหลวง"
 

"จะหลับลงได้อย่างไร...ในเมื่อประชาชน..ไม่มีที่จะนอน"

ในหลวงทรงงาน เพื่อพระราชทานแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปรับห้องประทับพักผ่อน

มาเป็นห้องทรงงาน เพื่อพระราชทานแนวทาง

แก้ปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วม

สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้

ยังคงวิกฤติอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย

ไม่เว้นกระทั่งในกรุงเทพฯ

โดยในขณะนี้ น้ำเริ่มเข้าท่วมพื้นที่บางส่วนแล้วเช่นกัน

ซึ่งจากมหันตภัยน้ำท่วมที่ร้ายแรงในครั้งนี้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรเป็นอย่างยิ่ง

โดย นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ได้เปิดเผยว่า พระองค์ทรงห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วมในทุกพื้นที่

แต่ละวันทรงงานและให้เจ้าหน้าที่กราบทูลรายงาน

สถานการณ์น้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ซึ่งมีข้อมูลทั้งในส่วนของโรงพยาบาลศิริราชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการทอดพระเนตรริมแม่น้ำเจ้าพระยาบ่อยครั้ง


นอกจากนี้ นพ.ธีรวัฒน์ ยังกล่าวอีกด้วยว่า

ส่วนน้ำท่วมชุมชนคลองบางกอกน้อย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยเช่นกัน

เห็นได้จากโครงการพระราชดำริเรื่องการแก้ไขปัญหาจราจร

ยังครอบคลุมเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่ด้วย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยเสมอ

ทรงทราบถึงความเดือดร้อนและยังทรงงานตลอดเวลา

ชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช ทรงปรับห้องประทับพักผ่อน

มาเป็นห้องทรงงานส่วนพระองค์

พระราชทานพระราชดำริแก้ปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วม

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-22 18:34:01


ความคิดเห็นที่ 2 (1579658)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ผู้แสดงความคิดเห็น รมภ์รวินท์ กระสวย (som1932-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-22 18:55:55


ความคิดเห็นที่ 3 (1579664)

 

ขอพระองค์ทรงพรเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 


ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-22 19:42:11


ความคิดเห็นที่ 4 (1579675)

 

 

 วันที่ 7 ต.ค.54 ที่โรงเรียนบ้านจันทเขลม

ตำบลจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ

เสด็จฯทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในกิจกรรมของ

มูลนิธิแพทย์อาสา

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

หรือ หน่วยแพทย์ พอ.สว.

และหน่วยแพทย์พระราชทาน

สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่ออกให้บริการตรวจรักษา

แก่ราษฎรในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
       
       หลังจากเสด็จเยี่ยมหน่วยแพทย์ พอ.สว.แล้ว

พระราชทานโอวาท

พร้อมมีพระราชดำรัสเป็นห่วงราษฎร

ที่ประสบภัยน้ำท่วมขอหน่วยแพทย์ พอ.สว.

ร่วมกับมูลนิธิจุฬาภรณ์จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่

ช่วยเหลือราษฎรอีกครั้ง อย่างเร่งด่วน

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรผู้ประสบภัย
       
       ข้าพเจ้ามีความเป็นห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วม

และขอร้องว่า 

เราชาว พอ.สว.แสดงสปิริต ว่า

ช่วยพี่น้องประชาชนคนไทย

โดยที่ว่าข้าพเจ้า จะนำหน่วยแพทย์

จากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์

และขอหน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช

และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาช่วยกัน

อาจจะเป็นการออกหน่วยแพทย์เต็มวัน ครึ่งวัน

อาจจะอยู่จังหวัดหนึ่ง อีกครึ่งวันอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง 

ซึ่งจะเป็นจังหวัดไหน

ข้าพเจ้าจะขอไปดูความเร่งด่วน

ของการช่วยเหลือทุกคน

ให้ทำถวายเป็นพระราชกุศลแด่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
       
       ตอนนี้อีกไม่กี่เดือน

ก็จะถึงวันเฉลิมที่ท่านจะครบ 84 ปีแล้ว

พระองค์ท่านทรงตรากตรำ

ทำงานเพื่อประชาชนคนไทย

มาเป็นเวลา 60 กว่าปี 

ตอนนี้ท่านประชวร พระชรา

แม้ว่าอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยพระชนมายุ 84 ปี

ท่านจึงไม่สามารถที่จะตรากตรำออกพื้นที่ได้


       
       
แต่ว่าไม่ใช่ไม่ทรงสนพระทัย

ทรงเรียกกรมชลประทาน มาเสมอๆ

และพระราชทานคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างเขื่อน

เกี่ยวกับการเก็บน้ำ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

ทรงทำตลอดเวลา
       
      
 ข้าพเจ้าได้รับหนังสือจากราชเลขา

เมื่อวานนี้ มีรับสั่งว่า

ที่จะทำการเฉลิมฉลองพระชนมายุ ครบ 84 ปีนั้น

ให้จัดแบบเรียบง่าย เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อน

ทีมา : www.manager.co.th/Home/ViewBrowse.aspx

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-22 20:48:30


ความคิดเห็นที่ 5 (1579690)

 

 

สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สภากาชาดไทย

มอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัย จ.สุพรรณบุรี

วันนี้( 12 ต.ค. )สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ

สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า

ห้นายแผน วรรณเมธี

เลขาธิการสภากาชาดไทยเป็นผู้แทนพระองค์

นำชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน

พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 1,000 ชุด

ไปมอบให้กับราษฎรที่ประสบ

อุทกภัยในพื้นที่ ต.บางตะเคียน อ.สองพี่น้อง

จากนั้นได้เดินทางต่อไป พื้นที่ ต.องค์รักษ์ อ.บางปลาม้า

มอบสิ่งของพระราชทานพร้อมน้ำดื่ม

จำนวน 1,200 ชุดไปมอบให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัย

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก จ.สุพรรณบุรี

มีพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยรวมทั้งสิ้น 5 อำเภอ

ได้แก่ อ.เมือง อู่ทอง บางปลาม้า ศรีประจันต์

และ อ.สองพี่น้อง

มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น 145 หมู่บ้าน

17,961 ครัวเรือน หรือประมาณ 42,250 คน

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี

ขณะนี้น้ำได้เอ่อล้นจากแม่น้ำท่าจีน

ทะลักเข้าทุ่งนาขยายเป็นวงกว้าง

ทำให้พื้นที่การเกษตร การประมง บ่อกุ้ง บ่อปลา

ได้รับความเสียหายจมอยู่ใต้น้ำแล้วจำนวนมาก

และกำลังไหลโอบเข้าตัวเมืองสุพรรณบุรี

ซึ่งเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ และเริ่มท่วมวัด โรงเรียน

สถานที่ราชการและถนนหลายสายในเขต อ.เมือง 

ก็ถูกน้ำท่วมบางช่วงรถยนต์ไม่สามารถแล่นผ่านได้แล้ว

 ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

 ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-22 21:43:36


ความคิดเห็นที่ 6 (1579745)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

อนุโมทนา

กับพี่โฆษิต ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-23 08:49:23


ความคิดเห็นที่ 7 (1579750)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

          สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) (parungrueang-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-23 10:40:49


ความคิดเห็นที่ 8 (1579812)

ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน 

และขออนุโมทนากับพี่โฆษิตด้วยค่ะ

สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรรณทิพา พาก่ำ (Punti_pa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-23 19:55:21


ความคิดเห็นที่ 9 (1579813)

 

 

ธ ทรงเป็นขวัญเกล้าชาวสยาม
ทุกโมงยามตามติดคิดแก้ไข
ทรงดำริเตรียมแก้มลิงรับน้ำไว้
ด้วยห่วงใยประเทศชาติราษฎร
อุทกภัยครานี้มากที่สุด
มิอาจหยุดกั้นขวางได้ใช่สิงขร
ทรงดำริเปิดทางให้น้ำไหลก่อน
ผ่านสาคร สามสาย สู่อ่าวไทย
ทรงบำบัดทุกข์สุขปวงประชา
พระเมตตาไพร่ฟ้าหน้าผ่องใส
ถุงยังชีพ หน่วยแพทย์ น้ำพระทัย 
ถวายพระพรชัย ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ

ตั้งแต่น้ำท่วมมา ในหลวงท่านทรงพระราชทาน

ทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อช่วยเหลือไปแล้ว

มากกว่า 63 ล้านบาท

..และตั้งแต่น้ำท่วม
 
สมเด็จพระเทพฯ และพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ
 
 เสด็จไปกับรถทหารเพื่อช่วยเหลือ

ประชาชนที่ประสบอุทกภัย

โดยไปเป็นการส่วนพระองค์

โดยไม่มีใครรู้ ...

...พ่อของแผ่นดิน

นับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมพระองค์ทรง

นั่งมองปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาทุกวัน

แม้ในยามที่พระองค์ทรงพระประชวร

และรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลศิริราช

ก็ยังมีคำสั่งให้คณะแพทย์และบุคคลใกล้ชิด

ช่วยกันรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาถวาย

เพื่อหาแนวทางป้องกัน

และทรงเปลี่ยนห้อง

ที่พระองคพักรักษาตัวเป็นห้องทรงงาน

พระองค์ทรงทอดพระเนตร

ดูข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วมทั้งวัน

จนบ่อยครั้งที่พระองค์ลืมเสวย

จนหมอส่วนพระองค์ต้องคอยเตือนอยู่ตลอด...

ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กล่าวระหว่างตรวจสถานการณ์น้ำท่วมเขตบางพลัด ว่า

ในหลวง ทรงห่วงประชาชนน้ำท่วม

ทรงเป็นห่วงประชาชนมาโดยตลอด และรับสั่ง

ในเขตพระราชฐานไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ

ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ

ขณะที่ กองทัพได้ประสานไปยังสำนักพระราชวัง

ในการทำทางลาดโค้งหลังเต่าทุกประตู

โดยให้สามารถปิดประตูได้

แต่พื้นที่ภายในดำเนินการค่อนข้างลำบาก

ซึ่งขณะนี้แม้ยังจะไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวัง

อย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้เตรียมแผนไว้แล้ว

Link : http://www.innnews.co.th/ผบ-ทบ-เผยในหลวงทรงห่วงปชช-น้ำท่วม--317051_01.html

 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-23 20:04:15


ความคิดเห็นที่ 10 (1579830)

ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอยู่กับลูกนานๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น กุลภัค ชาครประดิษฐ์ (kunkun70-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-23 21:17:41


ความคิดเห็นที่ 11 (1579868)

 ขอให้พระองค์รทรงพระเจริญ

สาธุ สาธุ

***************************

ขอนำเรื่องของในหลวงมาให้อ่านกันนะคะ

อ่านแล้วปลาบปลื้ม รักในหลวง ที่สุดเลยค่ะ

เจอมาจากเวปอื่นค่ะ

เลยก๊อปมา

 

มีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก เมื่อพระเทพฯ ทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด เมื่อมาถึงแม่ค้าปลา พระองค์ทรงตรัสถามว่า "ปลาพวกนี้ขายอย่างไรจ๊ะ"
แม่ค้าตอบว่า "ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ้ะ"
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน 
---------------------------------------
เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ........ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง 
------------------------------------
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน 
เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกจะแปลกใจในการกราบบังคมทูล
ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงนของราษฎรผู้นั้น
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว.
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นเรื่องที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้แต่ในหลวง 
------------------------------------- 
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น 
เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า "ไปบอกเค้านะว่าเราไม่ใช่มิกกี้เม้าส์"
--------------------------------------
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"
เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อ ในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
"เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."
ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องกลั้นหัวเราะกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้ 
-----------------------------------

มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย 
ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า "ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"
ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"
------------------------------------
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรอยู่ครั้งหนึ่ง พระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว "

------------------------------------
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาทที่แถวหน้า ก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
"ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง"
แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัยหรือไม่ แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบกับหญิงชราคนนั้นทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
"เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"
-------------------
ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา

คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์ก็กราบบังคมทูลว่า "เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ 
พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง"
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ 
ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป 

------------------------------

เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 
อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
ปรากฏว่า ในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
"เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว"
และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนหน้าทั่วทั้งหอประชุม
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-24 02:52:22


ความคิดเห็นที่ 12 (1580147)


 


พระมหากรุณาธิคุณที่ พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว
ทรงมีต่อทหารผ่านศึก

ปี ๒๕๕๔ ที่จะถึงนี้

ถือเป็นปีมหามงคล

ของประชาชนชาวไทยอีกครั้งหนึ่ง

เพราะเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ
     หรือ ๘๔ พรรษา  

โดยที่พระองค์ทรงเป็น  

กษัตริย์ที่ครองสิริราชสมบัติ

ยาวนานที่สุดในโลก

ตลอดเวลาที่ผ่านมา

ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ
     นานับปการ

ซึ่งล้วนแล้วแต่มีคุณประโยชน์

ต่อประเทศชาติ

และพสกนิกรอย่างอเนกอนันต์

แก่ปวงชน
     ชาวไทยทุกหมู่เหล่า

องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก

ได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงรับองค์การฯ

เข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์
     เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๔๙๑ 

และทรงมีพระราชดำรัสต่าง ๆ  

ซึ่งถือเป็นการพระราชทานแนวทาง

ในการดำเนินงานสงเคราะห์  

ช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว

เพื่อมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี 

ทรงมีพระเมตตาและห่วงใยต่อบรรดาทหาร 

ซึ่งพระองค์ถือว่าเขาเหล่านั้นเป็นด่านแรก

ที่ยอมสละเลือดเนื้อชีวิตเพื่อปกปักรักษาชาติ


     ครั้งยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์

พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนิน

ไปทรงเยี่ยมเยียนทหารหาญในพื้นที่อันตราย

ไม่เว้นแม้แต่ที่ฐานปฏิบัติการ  โดยได้
     ทรงนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค

ไปพระราชทานถึงที่ 

แม้ใน ยามที่เขาเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บ

พระองค์ก็ยังทรงให้ความ ห่วงใย

สด็จไปเยี่ยมปลอบขวัญถึงโรงพยาบาล
     โดยมีพระราชดำรัสพระราชทานกำลังใจ

ให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บพิการ  

พิการทุพพลภาพ เพื่อมิให้เกิดความย่อท้อ

เพราะพระองค์ทรงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพ
     ของมนุษย์ว่า แม้จะสูญเสียอวัยวะไป

แต่ก็ยังสามารถใช้ความคิด  

และความสามารถทางสติปัญญาที่มี

ดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควร

ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้

นับเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ

ให้กับทหารผ่านศึกอย่างหาที่สุดมิได้ 

อีกทั้งเมื่อบรรดาทหารหาญเสร็จสิ้น

จากภารกิจหน้าที่ในสนาม

ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทาน
     เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นต่าง ๆ

ให้ตามควรแก่ การปฏิบัติหน้าที่

เพื่อเป็นการยกย่อง

สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจนพิการ

ก็ยังทรงให้การดูแลอย่าง
     ต่อเนื่องผ่านองค์การสงเคราะห์

ทหารผ่านศึก

โดยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ ได้ทรงมีพระราชดำริ

ให้จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูบำบัดทหารผ่านศึก

พิการทุพพลภาพ ที่กองแพทย์

องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก

เพื่อรับผู้ป่วยที่พิการทุพพลภาพจากการรบ 

และปลดประจำการจากสามเหล่าทัพ 

และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ไว้ดูแลให้การรักษาบำบัดอย่างต่อเนื่อง 

หรือตลอดชีวิตในกรณีจำเป็น

โดยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ

เสด็จพระราชดำเนิน

เปิดอาคารด้วยพระองค์เอง

เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๑๓ เวลา ๑๖.๐๐ น.

ซึ่งปัจจุบันกองแพทย์ดังกล่าว  

ได้เลื่อนฐานะเป็น

โรงพยาบาลทหารผ่านศึก

มีการให้บริการด้านรักษาพยาบาล

แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก

ตลอดจนประชาชนทั่วไป

และยังมีภารกิจ

ในการฟื้นฟูบำบัดทั้งทางด้านร่างกาย  

และจิตใจแก่ทหารผ่านศึกพิการ ทุพพลภาพ 

มีการจัดทำอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ช่วย

สภาพความพิการ
     รวมทั้งฝึกอาชีพให้กับทหารผ่านศึก  

นับได้ว่าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

ถือกำเนิดมาจากพระมหากรุณาธิคุณ  

ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ที่ทรงมีต่ออดีต
     ทหารหาญของชาติอย่างแท้จริง

ที่มา : www.thaiveterans.mod.go.th/wvoth/new/king_for_army(06_08_53)/index1.html

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-25 08:44:46


ความคิดเห็นที่ 13 (1580155)

บ้านสวนพีระมิด

คือ

บ้านส่วนตัว อ.อุบล

ที่ยินดี

ให้ลูกในใส้

ไปพึ่งพิง อาศัย ได้เมื่อ

มีภัย ไปได้ตั้งแต่บัดนี้

แม้ไม่มีสิ่งใดติดตัวไป

ก็ให้เอาชีวิต ร่างกาย ใจที่เต็มร้อยไป

 

ถ้าจะอยู่ กทม.

ต้องยอมรับ น้ำเน่า โรคระบาด

ขาดอาหาร น้ำสะอาด

ตัดขาดโลกภายนอก

2-3 เดือนนะ

 

อย่าลืม

เตรียม อาหาร เสื้อผ้ากันหนาว

ยารักษาโรค ของใช้จำเป็น

เผื่อไว้สำหรับเวลาที่

ออกไปไหนไม่ได้

+

นกหวีด

อย่าลืมนะ(ลืมแล้ว)

 

ไอ้ที่ฝึก ที่ซ้อม ที่เคี่ยวเข็ญกันมา

เลิกทำกันหรือยังจ๊ะ

 

เหยียบเท้าสฟิงซ์ ก็ฝึกแล้ว

 

ฝึกตาย ก็ฝึกแล้ว

 

ฝึกเตรียมเสบียง ก็ฝึกแล้ว

 

เวลา ที่จะมีภัย

รูปแบบของภัยพิบัติ

ก็รู้หมดแล้ว

 

อารมณ์

ก่อนตาย (ฌาน 4)

ก็ฝึกแล้ว

 

อารมณ์

นรก สวรรค์ ก็ฝึกแล้ว

จบหลักสูตรสูงสุดแล้ว

คือ

นิพพาน

 

แล้วยังต้องการอะไรกันอีกจ๊ะ

 

อย่าห่วง กทม.

กันเลย

 

ดร.จุ๋ม + ดร.จิ๋ม

รู้จัก อ.อุบล + บ้านสวนพีระมิด

ทีหลังพวกเรา

แต่

ตัดสินใจ เตรียมพร้อม

ก่อนพวกเรา

 

เชื่อ

ตั้งแต่ดูเทปแรก

ไปหาซื้อบ้านที่นครนายกเลย

ตอนนี้เลยสบายไป

สบายกว่าใคร

พ่อแม่ก็ยอมไปอยู่ด้วยแล้ว

สาธุ

 

แล้วพวกเราล่ะ

ที่บอกว่าเชื่อ + ศรัทธา อ.อุบล

ทำอะไรกันบ้างจ๊ะ ตอนนี้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-25 09:23:59


ความคิดเห็นที่ 14 (1580982)

26-10-2011, 10:39 AM

21.43น. คุณจะรู้ไหม

มีใครคนหนึ่งเฝ้ามองพวกเราเสมอชั้นที่ 16

รพ.ศิริราช ..


ในหลวงท่านมองลงมา ทุกคนรู้มั้ย

หายเหนื่อยๆๆๆ สู้นะทุกคน


ภาพโดย tigernutch

@FM. 91 Trafficproดูเพิ่มเติม
โดย:
ม้าเร็ว สยามประเทศ

 องค์พ่อหลวง

ศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ

ขอพระบารมีปกปักรักษา

กรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้ปลอดภัย

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-28 22:57:53


ความคิดเห็นที่ 15 (1581293)
image

วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เวลา 20:04:54 น. 
มติชนออนไลน์

ดร.สุเมธเผย
 
"ในหลวง" 
 
ทรงเตือนสติ-ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่าง
แต่ไม่มีใครทำตาม
 
ระบุเคยรับสั่งถึง 3 ครั้ง
"ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป"
 
เลขาฯ มูลนิธิชัยพัฒนาเตือน
อย่าให้เหมือนรัสเซีย
อยากมีพระเจ้าแผ่นดิน แต่สายไป
 
ดร.สุเมธ กล่าวว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็น
องค์ศาสนูปถัมภกและทรงเป็นพุทธมามกะโดยแท้
 
ในขณะที่สังคมสมัยนี้
มีแต่พุทธมามกะโดยรูปฟอร์ม
 
เจอพระสงฆ์ก็ได้แต่กราบและขอหวย
แต่เรื่องแก่นของธรรมะกลับไม่สนใจ
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงใช้หลักธรรมภิบาลปกครองแผ่นดิน
ทรงใช้มาตลอด 60 กว่าปี
 
ในขณะที่ฝรั่งเพิ่งรู้จักเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา
แต่คนไทยกลับเพิ่งมาเห็นคุณค่า
เพราะคนไทยบ้าฝรั่ง
 
อะไรที่เป็นของดี ของใกล้ตัว
กลับไม่เห็นคุณค่า เป็นกิ้งก่าได้ทอง

หลักทศพิธราชธรรมเป็นหลักธรรม
ที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้
ประกอบด้วย
 
1.ทาน คือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
2.ศีล  ขอแค่ศีล 5 ข้อก็ยังดี 
3.ปริจจาคะ การสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
 
เพราะไม่มีข้าศึกคนไหน
สามารถทำให้ประเทศไทยแตกได้
ให้ยิ่งใหญ่หรือทรงพลังแค่ไหน
ไม่สามารถทำให้คนไทยแตกได้
คนไทยจะแตกหรือไม่แตก อยู่ที่คนไทยด้วยกันเอง
 
กรุงศรีอยุธยาแตกแต่ละครั้ง
แตกเพราะข้าศึกหรือ
 
ดร.สุเมธ กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้
ได้มีโอกาสไปประเทศรัสเซีย
ประเทศที่เป็นต้นตำรับของ
ระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์
เมื่อก่อนเคยมีระบบกษัตริย์ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ตอนนี้คนรัสเซียอยากมีพระเจ้าแผ่นดิน
คิดถึงพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซีย
แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
จึงอัญเชิญพระอัฐิของพระเจ้าซาร์มาประดิษฐาน
ในโบสถ์หลวง สถาปนาให้เป็นนักบุญนิโคลัส
เพื่อสักการะบูชา
 
ซึ่งก็สายไปแล้ว
เพราะได้ทำลายสิ่งที่ต้องการที่สุดไปแล้ว
 
แล้วของเรามียิ่งกว่านักบุญ
ปฏิบัติมาตลอด 60 ปี นักบุญบางคน
ผลงานอาจไม่ค่อยเป็นที่ประจักษ์เท่าไหร่
 
แต่นี่ 60 ปี เราไม่ค่อยจะถนอมกัน
แล้ววันนั้นจะเสียใจ ก็ฝากไว้ให้คิด

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยทรงโกรธ
อาจมีบ้างที่ทรงไม่พอพระทัย
แต่ไม่เคยทรงโกรธ
 
เพราะความโกรธไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น
แต่จะเป็นอย่างสังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้

เป้าหมายการทรงงานหนัก
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ
ความเป็นประชาธิปไตย
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า
 
เหตุผลที่ทรงงานหนักอยู่ทุกวันนี้
เพราะประชาชนยังยากจนอยู่
 
เมื่อยังยากจนแล้ว
เขาก็ไม่มีอิสรภาพเสรีภาพ
 
เมื่อเขาไม่มีอิสรภาพเสรีภาพ
เขาจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้
 
จุดหมายปลายทางของพระองค์
คือเรื่องประชาธิปไตยที่ทุกคน
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
 
เข้าใจแต่ว่าประชาธิปไตยคือเลือกตั้งเท่านั้น
ทั้งที่ความจริง ลึกซึ้งกว่านั้น
 
ก่อนจบปาฐกถา ดร.สุเมธ
ย้ำถึงพระราชดำรัสของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในวันเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี
 
ที่ไม่ค่อยมีใครจดจำได้ว่า
 
พวกเราชอบเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่ไม่เคยมองพระองค์
 
ชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่เคยฟังพระองค์
เพราะฉะนั้นถึงไม่เคยจดจำอะไรได้เลย
 
หลัก 4 ข้อคือ
 
1.คิด พูด ทำ คิดดีต่อกัน
2.ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
3.อยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต
4.คิดต่างกันได้ แต่ให้ตั้งอยู่บน
ความเที่ยงตรงและมีเหตุมีผล
 
ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม 4 ข้อนี้ได้
เหตุการณ์บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างปัจจุบันนี้
และจะทำให้เกิดเอกภาพขึ้นในประเทศ

เป็นที่น่าเสียดาย เรามีพระบรมครู
ยอดปราชญ์อยู่ในแผ่นดิน แต่ไม่ฟัง
กลับไปฟังอะไรก็ไม่รู้
 
แล้ววันหนึ่งจะเสียใจ ผมพูดได้แค่นี้
ยังไม่สายนะครับ อย่าเสียกำลังใจ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1243688760&grpid=00&catid=42

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-31 12:14:14


ความคิดเห็นที่ 16 (1581298)

เป็นที่น่าเสียดาย เรามีพระบรมครู

ยอดปราชญ์อยู่ในแผ่นดิน แต่ไม่ฟัง
กลับไปฟังอะไรก็ไม่รู้

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

 

สาธุ ๆ ๆ

จริงที่สุดคะ

เราคนไทยจะต้องเสียใจมาก ๆ

ถ้ายังไม่กลับตัว กลับใจ

มาเชื่อพ่อของเรา ตั้งแต่บัดนี้

 

กราบพระบาทพระเจ้าอยู่หัว

ของพระองค์ ทรงพระเจริญคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-31 12:33:04


ความคิดเห็นที่ 17 (1581306)

หนูแหวนจ๊ะ

มันเป็นกฎของกรรม

 

คนบาป

ก็ต้องฟัง คำสั่ง คำสอน คำแนะนำ

ของคนบาปด้วยกัน ด้วยคิดเหมือนกัน

 

ส่วนคนบุญ

ก็ต้องฟังคนบุญ เชื่อคนบุญ

ทำตามคนบุญ

 

มันเป็นกฎธรรมดาโลก

 

คนรู้ว่า

พระพุทธเจ้าสอนถูก

ถ้าทำตามจะพ้นทุกข์ มีสุข

แต่

ไฉนไม่ทำกันล่ะ

 

ดังนั้น

ไม่ต้องสงสัยว่า

ทำไม

คนไม่ฟังในหลวง

 

เพราะ

ถ้าฟังในหลวง

ก็ไม่ต้องใช้กรรมนะซิ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-31 12:54:37


ความคิดเห็นที่ 18 (1581470)
image

ฟ้าหญิงฯตรัส

"ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน"

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:25:45 น

วันนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ

เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

เสด็จโดยรถยนต์ที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราช

ไปพระราชทานถุงยังชีพให้แก่

ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ

ทรงตรัสห่วงใยพสกนิกรที่ประสบอุทกภัยใหญ่ดังนี้

"ข้าพเจ้าเข้าใจคนที่ลำบากน้ำท่วม

บ้าข้าพเจ้าก็น้ำท่วม แต่ยังคิดว่า

มีแรงเหลือมาช่วยพี่น้องประชาชน

ส่งหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพประชาชน

และสัตว์เลี้ยง

ข้าพเจ้า สัญญาว่า จะไม่ปั๊มน้ำออกจากบ้าน

เพื่อให้บ้านน้ำแห้ง ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน

และเราจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้ไปด้วยกัน

ข้าพเจ้าได้สั่งแม่บ้านของข้าพเจ้าแล้ว

ให้ทำอาหารส่งหมู่บ้านที่ห่างไกล ได้ทราบว่า

แม่บ้านได้ทำอาหารแจกชาวบ้าน

โดยรอบ 1,000 กล่อง/วัน

ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์

จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ

ขอใจทุกคนสู้อดทน และพวกเรา

จะฝ่าวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน"

( จาก ไอเอ็นเอ็น)

ฟ้าหญิงฯตรัส ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน : มติชนออนไลน์

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 11:29:30


ความคิดเห็นที่ 19 (1581700)

สุขตามคำพ่อ

คนเราถ้าพอใจในความต้องการก็โลภน้อย

เบียดเบียนคนอื่นน้อย

ถ้าทุกประเทศคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง

ไม่สุดโต่ง ไม่โลภ คนเราก็อยู่เป็นสุข

ที่มา : www.nhailuang.com/2009/images_view.php

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-02 13:48:40


ความคิดเห็นที่ 20 (1581843)

 ทรงพระเจริญ  พระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย   

ผู้แสดงความคิดเห็น จารุวรรณ์ สุจินตนาธรรม (rkdragon999-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-03 03:41:37


ความคิดเห็นที่ 21 (1582858)
image

 

 

ที่มา: http://www.facebook.com/note.php?note_id=241008409291222  

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงรับสั่งเรื่อง
 
การป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ 2538

ออกอากาศทางโทรทัศน์
รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
เวลา 20:40-22:45
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2538
 
วันที่ 18 กันยายน 2538
ฝนตกหนักในกรุงเทพฯ พายุดีเปรสชั่น Ryan
 
ทำให้ฝนตกมากเหนือประเทศไทยและกรุงเทพฯ
น้ำเหนือไหลบ่าลงมาจะเข้าท่วมกรุงเทพฯ
การระบายน้ำออกจากเขื่อนสิริกิติ์
ทำมากกว่าเขื่อนภูมิพล
สร้างปัญหาน้ำจะเข้าท่วมกรุงเทพฯปี 2538

ทันทีในวันรุ่งขึ้น วันที่ 19 กันยายน 2538
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกประชุม
ข้าราชการที่เกี่ยวข้­องเป็นการด่วน
 
ทรงอธิบายต่อที่ประชุมฉุกเฉิน
ข้าราชการกรมชลประทาน
 
(อธิบดี และ รองอธิบดี -ปราโมทย์ ไม้กลัด,
สวัสดิ์ วัฒนายากร, รุ่งเรือง จุลชาต),
 
ผู้ว่าฯกทม. (กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา),
ปลัด กทม. (ประเสริฐ สมะลาภา)
 
และองคมนตรี ที่มีความชำนาญ
เรื่องน้ำและวิศวกรรม รวมทั้งข้าราชการ
ผู้ชำนาญเรื่องน้ำอีกหลายท่าน
 
ทุกคนนั่งร่วมโต๊ะประชุมแบบล้อมวงรี
ร่วมกับพระเจ้าอยู่หัว
 
พระองค์ทรงรับสั่งให้เร่งแก้ปัญหา
พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดทาง­วิชาการ
 
วิธีการทำงานป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ
ให้น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำตามธรรมชาติของน้ำ
 
ทรงให้ขุดตัดถนนที่ขวางทางน้ำ
ขุดใต้ทางรถไฟ หาทางให้น้ำ
ไหลลอดออกลงคลองระบายน้ำ
เพื่อให้ลงทะเลไปโดยเร็ว
 
ทรงรับสั่งทำให้เสร็จในสามวัน
 
ส่วนโครงการใหญ่ระยาว
ก็ทรงให้เตรียมการขุดขยายคูคลอง
ระบบประตูร­ะบายน้ำและสูบน้ำต่า­งๆ
 
การทำความเข้าใจกับประชาชน
ที่อาจต้องเสียสละและอาจต้องโยกย้าย
อ­อกจากที่สาธารณะริมค­ลองต่างๆ
 
ทรงประสงค์จะให้เร่ง
ทำความเข้าใจกับประชนชนถึงความสำคัญ
ของโครง­การเขื่อนแก่งเสือเต้น
ของกรมชลประทาน
และโครงการอ่างเก็บน้ำ
ในลุ่มน้ำต่างๆในภาคเหนือ ฯ
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 12:46:54


ความคิดเห็นที่ 22 (1582896)

ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระนางเจ้าพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร (varinthon_bla-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 16:10:49


ความคิดเห็นที่ 23 (1583081)

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วิจิตร บุญศิริ (wijit2502-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-11 20:08:22


ความคิดเห็นที่ 24 (1583371)



สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ

เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์

อัครราชกุมารี

ทรงเล่าถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า

ทรงประชวรอยู่ที่รพ.ศิริราช

มาเป็นเวลา 2 ปีเศษ

โดยที่อาการแรกรับเมื่อ 2 ปีนั้น

เป็นเพราะว่าปอดอักเสบ

และพอรักษาปอดอักเสบหาย

ก็ปรากฏว่าทรงพระดำเนินหรือทรงเดินไม่ได้

ตอนแรกคิดว่ากล้ามเนื้อลีบ หรือฝ่อ

ก็ทำกายภาพบำบัดหลายอย่าง

จนกระทั่งคุณหมอมาตรวจอีกที

พบว่าน้ำในพระสมองมีมากเกินไป

ซึ่่งจะไปกดระบบประสาท

ทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก

ก็ถวายผ่าตัดเพื่อเอาน้ำออกจากสมอง

ดยการเจาะจากไขสันหลัง

ดูดน้ำออกจากสมอง

ออกบางส่วนไปทิ้งในช่องท้อง

และท่านก็ทรงพระสำราญมาเรื่อยๆ

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้

ข้าพเจ้าตอนนั้นไปเยี่ยมคน

ที่ประสบอุทกภัยที่ จ.อยุธยา

พอกลับมา พยาบาลก็รีบมาตามตัว

ข้าพเจ้า

ให้รีบไปดูพระเจ้าอยู่หัวหน่อย

ว่าพระเจ้าอยู่หัวถ่ายเป็นเลือด

ประมาณ 800 ซีซี

ความดันตกมาก

อยู่ในภาวะทรงช็อคไม่รู้สึกพระองค์

ตอนนั้นเขาก็กำลังถ่ายเลือด

และสารอาหารทางเส้น
อันนี้ที่เลือดออกจาก

ในกระเพาะและลำไส้
หมอสันนิษฐานว่าเป็นเพราะทรงกัง
วล

ข้าพเจ้าจึงถามพยาบาลว่า

ทรงทำอะไรบ้างในวันสองวันนี้


ก็ปรากฏว่าท่านทรงดูข่าวน้ำท่วม

อันนี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู
่หัวท่าน

รักประชาชนเหมือนลูกเหมือนหลาน

ทรงเป็นห่วงเป็นใย

านเป็นคนไม่ค่อยรับสั่ง

ท่านรับสั่งน้อย

แต่อาการที่แสดงออกคือ

ทางร่างกายท่าน

พอเพียบขึ้นมาก็เกิดอาการเลือด

อกในกระเพาะ และลำไส้

แต่ขณะนี้แพทย์ได้ถวายการรักษา

นทรงเป็นปกติแล้ว

แต่ที่มาเล่าให้ฟังนี่

ข้าพเจ้าเองยังซาบซึ้งเลยว่าท่านป่วยอยู่

ท่านยังห่วงราษฎรถึงเพียงนี้

สมเด็จพระนางเจ้าฯ

พระบรมราชินีนาถก็เช่นกัน

ทรงตื้นตันทรงห่วงราษฎรตลอดเวลา

ทรงติดตามข่าวทั้งทางโทรทัศน์

ทั้งทางวิทยุ อยู่เสมอ

และทรงถามข้าพเจ้าเรื่องที่ข้าพเจ้า

ออกมาเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยต่างๆ

 

จะเห็นได้ว่า ทั้งสองพระองค์

ประทับอยู่ศิริราชก็จริง

แต่พระทัยอยู่กับราษฎรทุกคน

 

ถ้าใครรู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัย  

ก็ขอเพียงแต่ให้อธิษฐานในใจเท่านั้นว่า

ขอให้พระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุยืน

และทรงพระสุขภาพพลานามัยดี

 

แค่คิดแค่นี้

ข้าพเจ้าถือว่ากำลังใจของท่านทุกคน

จะถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

 

และจะทรงได้กำลังใจ

จากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังทรงย้ำให้ราษฎร

ที่ประสบอุทกภัยมีความอดทน

มีระเบียบวินัย

โดยทรงยกตัวอย่างที่ดี

ของคนญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาสึนามิ

และไม่กักตุนของจำเป็นจนคนอื่นลำบาก

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ที่มา : //@เด็กชายเลน ข้อมูลจากFACEBOOK

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-13 20:17:05


ความคิดเห็นที่ 25 (1584026)

ขอพระองค์

ทรงพระเจริญ

ยิ่งยืนนาน

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-17 20:47:26


ความคิดเห็นที่ 26 (1584194)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทอดพระเนตรสภาพน้ำ
ในแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่โรงพยาบาลศิริราช
 
วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๕.๕๗ น.
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
เสด็จลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลศิริราช
ไปยังบริเวณลานสระว่ายน้ำ
สมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช
ในพระบรมราชูปถัมภ์
ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
 
โดยทรงฉลองพระองค์เชิ้ตแขนสั้นสีเหลือง
ลายดอกกุหลาบ
พระสนับเพลาสีน้ำตาล
ฉลองพระบาทหนังสีดำผูกเชือก
ประทับรถเข็นไฟฟ้า
โดยมีคุณทองแดงเดินนำหน้า
เพื่อทอดพระเนตรทิวทัศน์
และสภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา
 
ระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนิน
มีประชาชน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
รวมทั้งญาติผู้ป่วย
ที่ทราบข่าว ได้มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ตลอดทางเสด็จพระราชดำเนิน
 
พร้อมทั้งเปล่งคำถวายพระพร
ทรงพระเจริญด้วยความปลื้มปิติ
ที่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส
 

 

 
 
ต่อมาเวลา ๑๗.๒๘ น.
 
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 
ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรง
ร่วมทอดพระเนตรแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
หลังจากทอดพระเนตรสภาพน้ำ
ในแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว
เวลา ๑๘.๓๕ น.
จึงได้เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ที่มา : board.palungjit.com

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-18 15:04:40


ความคิดเห็นที่ 27 (1585563)

โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

วัดจันทาราม (ท่าซุง)  จ. อุทัยธานี

วันนั้นมีโอกาสอยู่กับท่าน

คือท่านสนทนาด้วยตามเวลา

ที่เจ้าหน้าที่เขาบอกมา

เขาบอกว่าพระองค์ทรงใช้เวลา ๔๕ นาที

ซึ่งมีใครเขาบอกมาก็ไม่ทราบว่า

พระองค์จะทรงพบได้แค่ ๑๕ นาที

ผมคิดว่าคนอย่างผม

มีวาสนาบารมีต่ำต้อยอย่างนี้

ถ้าจะมีโอกาสอยู่กับพระเจ้าอยู่หัว

องค์เดียวของประเทศไทย

คือประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ครั้งละ ๑ องค์

คนไทยเวลานั้นถึง ๔๕ ล้านคน

ก็ยากที่จะเข้าไปใกล้

แต่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้

แปลกกว่าองค์อื่นทั้งหมด

ซึ่งมีประชาชนได้เข้าใกล้พระองค์

ได้มากที่สุด ในดินแดนต่างๆ

ที่พระองค์เสด็จ และเสด็จไปเข้านั่งใกล้คน

มีโอกาสจะพูดโอภาปราศรัย พูดด้วยเสมอ

อันนี้เป็นของหายาก

แต่ถึงกระนั้นก็ดี ทุกคนก็จะทำอย่างนั้นได้ยาก

ถ้าจะหาทุกคนไม่ได้ตั้ง ๔๕ ล้านคน เวลานั้น

และถ้าผมมีโอกาสสักครึ่งวินาที

ผมก็จะชื่นใจว่าใน ๔๕ ล้านคน

ผมก็คนหนึ่ง

ที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระราชาผู้ทรงธรรม

คำว่าพระราชาผู้ทรงธรรม

อย่าคิดว่าผมยกย่องพระองค์

เกินความเป็นจริงนะ

ผมบอกแล้วนี่ อันดับต้น

สังคหวัตถุ ๔ ของพระองค์ครบถ้วน

ขั้นสุดท้ายกำลังใจสูงส่งในด้าน

สมถวิปัสสนา และขันติ กำลังใจ

เมตตาของพระองค์ดีมาก

ใครว่าอะไรก็ตาม นินทาอะไรก็ตาม

ไม่ทรงโต้ตอบ

และก็ไม่เคยตำหนิใครว่าชั่ว

อันนี้หาได้ยาก

ถ้ามากไปกว่านี้ ผมคิดว่าเทปอีกสัก ๑๐๐ ม้วน

ผมพูดเรื่องของท่านไม่จบ

ก็รวมความว่าวันนั้นเข้าไป

พระองค์ทรงแสดงชัดไม่เคยถือพระองค์

และผมเองก็เป็นพระป่าพระดง

ราชาศัพท์ผมก็ใช้กับเขาไม่เป็น

ไม่รู้ว่า พระเขาพูดกับพระเจ้าแผ่นดินว่าอย่างไร

ผมก็เล่นลูกทุ่งตามปกติของผม

ท่านถามมาผมก็ตอบไป

ท่านถามมาผมก็ตอบไป

ผมจำไม่ได้ว่าท่านถามเรื่องอะไรบ้าง

มาในช่วงหลังพอจะนึกออก

ท่านถามถึงภาวะความเป็นไป

ของชาติและประชาชนในชาติ

เห็นไหมบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร

และญาติโยมพุทธบริษัท

ท่านไม่ได้ถามว่า

พระองค์จะมีความสุข

พระองค์เองจะร่ำรวยขนาดไหน

ไม่ได้เคยปรารภถึงพระองค์เองเลย

ทรงปรารภเฉพาะเวลานี้

บ้านเมืองมันเต็มไปด้วยความคับแคบ

บรรดาประชาชนอดอยากยากจนกันมาก

ฝืดเคืองมาก

ท่านถามว่า

“ต่อไปชาติเราจะเจริญรุ่งเรืองขนาดไหน

และจะมีความอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน?”

ที่มา : board.palungjit.com/f23/ในหลวง-อริยกษัตริย์-247348.html

 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 01:23:05


ความคิดเห็นที่ 28 (1585572)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

มีพระวรกายสมบูรณ์

และ หายจากอาการประชวรโดยเร็ว ด้วยเถิด

สาธุ

 

กราบอนุโมทนาในธรรมทาน

จากท่านอ.อุบล ด้วยค่ะ เพราะคนบุญ

ย่อมเืชื่อคนบุญ และคนบาป ก็ย่อมเชื่อใน

คนบาป ด้วยกัน นั้น เป็นสัจธรรม

ที่จริงแท้แน่นอนจริงๆค่ะ สาธุ

 

 

อนุโมทนากับคุณ โฆษิต

และทุกๆท่านด้วยนะคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 06:15:13


ความคิดเห็นที่ 29 (1585626)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญ

..........

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 20:16:10


ความคิดเห็นที่ 30 (1585916)

กระแสพระราชปราศรัย

แด่ประชาชน
ในวันปีใหม่ พ.ศ.2495

“…อันสถานการณ์ของโลกทั่วไป
และของบ้านเมืองเราเป็นอย่างไร
ก็ย่อมเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว
 
ทางที่จะช่วยให้ประเทศเรา
ผ่านพ้นภัยพิบัติ
มีความวัฒนาถาวรไปได้
 
ก็โดยที่เราชาวไทยทุกคน
มีน้ำใจรักชาติอย่างแท้จริง
 
ไม่ถือเอาประโยชน์ของตน
และพรรคพวกแต่ฝ่ายเดียว  
มุ่งบำเพ็ญกรณียกิจ
หน้าที่ด้วยความสุจริต  
ขยันหมั่นเพียร
เพื่อคุณประโยชน์ส่วนรวม
ของประเทศชาติ
 
และพร้อมที่จะเสียสละ
ประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม
 
เมื่อเป็นดังนี้แล้ว
สามัคคีก็ย่อมจะแผ่ขยาย
กว้างขวางออกไป
ในระหว่างพี่น้องชาวไทยด้วยกัน
 
ทำให้กำลังของชาติส่วนต่าง ๆ
ประสานกันเป็นบึกแผ่น
 
สิ่งที่เคยยากก็จะกลายเป็นง่าย
และสิ่งที่ไม่เคยทำได้
ก็กลับจะบรรลุผลสำเร็จ
อย่างงดงาม
 
ด้วยอานุภาพแห่งความสามัคคี
 
เพราะฉะนั้นขอให้พวกเราชาวไทย
จงยึดมั่นในศีลธรรม
 
ซึ่งบิดามารดาและครูบาอาจารย์
ได้พร่ำสอนเรามาแต่เล็กแต่น้อย
 
และพยายามประพฤติปฏิบัติตาม
ในอันจะส่งเสริมสามัคคีธรรม
ให้มั่นคงแผ่ขยาย
ในระหว่างพี่น้องไทยทั้งปวง
 
เพื่อความวัฒนาถาวร
ของประเทศชาติสืบไป…”
 
แล้วถึงเวลาแล้วหรือยัง
ที่เราคนไทยทุกคน
จะร่วมแรงร่วมใจกัน
แก้ไขปัญหาทั้งส่วนตัวและส่วนรวม 
โดยการตั้งใจถือศีล 5
ปฏิบัติตามแนวทางต่าง ๆ ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
หันมารักและสามัคคีกัน
ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกัน
เช่นปัจจุบัน 
 
ความคิดแตกต่างกันได้
แต่เราไม่แตกแยกในชาติ
 
หากเราทุกคน
ต่างเห็น

ประโยชน์ส่วนรวม
มากกว่าส่วนตน

 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

 

เพลง สามัคคีชุมนุม


 

ผู้ประพันธ์:เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
(ม.ร.ว.เปีย มาลากุล ณ อยุธยา) 
 
พวกเราเหล่ามาชุมนุม
ต่างกุมใจรัก สมัครสมาน

ล้วนมิตร จิตชื่นบาน
สราญเริงอยู่ ทุกผู้ทุกนาม
 
* อันความกลมเกลียว
กันเป็นใจเดียว ประเสริฐศรี
ทุกสิ่งประสงค์จงใจ
จักเสร็จสมได้ ด้วยสามัคคี
 
 
กิจใด ธ ประสงค์มี
ร่วมใจภักดี แด่พระจอมสยาม
พร้อมพรึ่บดังมือเดียวยาม
ยากเย็นเห็นง่าย บ่หน่ายบ่จาง

ที่หนักก็จักเบาคลาย
ที่อันตราย ขจัดขัดขวาง

ฉลองพระเดชบ่จาง
กตเวทิคุณ พระกรุณา

สามัคคีนี่แหละล้ำเลิศ
จักชูชาติเชิด พระศาสนา

สยามรัฐจักวัฒนา
รากฏเกียรติฟุ้งเฟื่อง
ระเดื่องแดนดิน
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 12:17:19


ความคิดเห็นที่ 31 (1585922)

วันนั้นได้เข้าไปบ้านสวน   และท่านอาจารย์อุบล

มีเมตตาได้มาพูดคุยด้วย  และอาจารย์อุบล

ได้กล่าวถึงในหลวงว่า  ให้เราสังเกตุว่า

ทุกครั้งที่ในหลวงเสด็จทอดพระเนตรน้ำ

อาการประชวรของพระองค์ท่าน

ก็จะทรุดทุกครั้ง  เพราะพระองค์

ขอเอาชีวิตของพระองค์  แลกกับความสุขของประชาชน

ของพระองค์ทุกครั้ง  แล้วอีกเมื่อไหร่  พี่น้องชาวไทย

ถึงจะรักกันสักที

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 13:00:43


ความคิดเห็นที่ 32 (1585964)

 

                                        

                                  อนุโมทนากับคุณโฆษิต และทุก ๆ ท่าน อยากให้คนไทยมีความจงรักภักดีเหมือนพวกคุณจังเลยค่ะ บางคนพูดสิ่งที่ไม่ควรจะพูด จนเราต้องเดินหนี สำหรับเรา ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐธิญาณ์ อนุรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 17:00:56


ความคิดเห็นที่ 33 (1586241)

 

 

"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม

เพื่อประโยชน์สุข

แห่งมหาชนชาวสยาม"

พระปฐมราชโองการ

ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 

เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 22:35:33


ความคิดเห็นที่ 34 (1586406)

ในหลวงพระมหากษัตริย์ยอดกตัญญู

 

 

ก่อนสมเด็จย่าจะสิ้นพระชนม์ปีเศษ

ในหลวงเสด็จจากวังสวนจิตร

ไปวังสระปทุมตอนเย็นทุกวัน

ไปกินข้าวกับแม่ ไปคุยกับแม่

ไปทำให้แม่ชุ่มชื่นหัวใจ

พอเขาแถลงถึงตรงนี้
เสด็จไปกินข้าวมื้อเย็นกับแม่
สัปดาห์ละกี่วัน...ทราบไหมครับ?

5 วัน

มีใครบ้างครับ? ที่อยู่คนละบ้านกับแม่
แล้วไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน
หายาก...

ในหลวงมีโครงการ

เป็นร้อยเป็นพันโครงการ
มีเวลาไปกินข้าวกับแม่สัปดาห์ละ 5 วัน

พวกเรา ซี 7 ซี 8 ซี 9

ร้อยเอก พลตรี อธิบดี ปลัดกระทรวง

ไม่เคยไปกินข้าวกับแม่ บอกว่างานยุ่ง
แม่บอกว่าให้พาไปกินข้าวหน่อย
บอกว่าไม่มีเวลา จะไปตีกอล์ฟ

ทุกครั้งที่ในหลวงไปหาสมเด็จย่า
ในหลวงต้องเข้าไปกราบที่ตัก
แล้วสมเด็จย่าก็จะดึงตัวในหลวงเข้ามากอด

กอดเสร็จก็หอมแก้ม

ตอนสมเด็จย่าหอมแก้มในหลวง
อาจารย์คิดว่าแก้มในหลวงคงไม่หอมเท่าไร
เพราะไม่ได้ใส่น้ำหอม

แต่ทำไมสมเด็จย่าหอมแล้วชื่นใจ
เพราะท่านได้กลิ่นหอมจากหัวใจในหลวง

หอมกลิ่นกตัญญู
ไม่นึกเลยว่าลูกคนนี้จะกตัญญูขนาดนี้

จะรักแม่มากขนาดนี้

ตัวแม่เองคือสมเด็จย่าไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์
เป็นคนธรรมดาสามัญชน
เป็นเด็กหญิงสังวาลย์

เกิดหลังวัดอนงค์เหมือนเด็กหญิงทั่วไป
เหมือนพวกเราทุกคนในที่นี้

ในหลวงหน่ะ...เกิดมา เป็นพระองค์เจ้า

เป็นลูกเจ้าฟ้า ปัจจุบันเป็นกษัตริย์

เป็นพระเจ้าแผ่นดินอยู่เหนือหัว

แต่ในหลวงที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน
หัวใจลูกที่เคารพแม่ กตัญญูกับแม่อย่างนี้

หาไม่ได้อีกแล้ว

คนบางคน พอเป็นใหญ่เป็นโต ไม่กล้าไหว้แม่
เพราะแม่มาจากเบื้องต่ำ
เป็นชาวนา

แต่นี่ในหลวงเทิดแม่ไว้เหนือหัว

นี่แหละครับความหอม
นี่คือเหตุที่สมเด็จย่าหอมแก้มในหลวงทุกครั้ง

ท่านหอมความดี

หอมคุณธรรม

หอมความกตัญญูของในหลวง

หอมแก้มเสร็จแล้วก็ร่วมโต๊ะเสวย

 

...มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จำได้แม่น สมเด็จย่าเล่าว่า
ตอนเรียนหนังสือที่สวิส ในหลวงยังเล็กอยู่

เข้ามาบอกว่า อยากได้รถจักรยาน
เพื่อนๆ เขามีจักรยานกัน

แม่บอกว่า ลูกอยากได้จักรยาน
ลูกก็เก็บสตางค์ที่แม่ให้ไปกินที่โรงเรียนไว้สิ
เก็บมาหยอดกระปุกวันละเหรียญ สองเหรียญ

พอได้มากพอ ก็เอาไปซื้อจักรยาน

พอถึงวันปีใหม่ สมเด็จย่าก็บอกว่า

"ปีใหม่แล้ว เราไปซื้อจักรยานกัน
เอ้าะกระปุก...ดูซิว่ามีเงินเท่าไร?"

มากกว่าเงินที่มีในกระปุกอีก
มีเมตตาให้เงินลูก ให้ไม่ได้ให้เปล่า

สอนลูกด้วย สอนให้ประหยัด
สอนว่าอยากได้อะไร ต้องเริ่มจากตัวเรา

คำสอนนั้นติดตัวในหลวงมาจนทุกวันนี้
เขาบอกว่าในสวนจิตรเนี่ย...

คนที่ประหยัดที่สุดคือในหลวง

 

คราวหนึ่งในหลวงป่วย สมเด็จย่าก็ป่วย
ไปอยู่ศิริราชด้วยกัน แต่อยู่คนละมุมตึก

ตอนเช้าในหลวงเปิดประตู แอ๊ด...ออกมา
พยาบาลกำลังเข็นรถสมเด็จย่าออกมา

รับลมผ่านหน้าห้องพอดี

ในหลวงพอเห็นแม่
รีบออกจากห้องมาแย่งพยาบาลเข็นรถ

มหาดเล็กกราบทูลว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องเข็น
มีพยาบาลเข็นให้อยู่แล้ว

ในหลวงมีรับสั่งว่า

แม่ของเรา ทำไมต้องให้คนอื่นเข็น

เราเข็นเองได้

นี่ขนาดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นกษัตริย์
ยังมาเดินเข็นรถให้แม่

ยังมาป้อนข้าว ป้อนน้ำให้แม่ ป้อนยาให้แม่

ให้ความอบอุ่นแก่แม่ เลี้ยงหัวใจแม่

ยอดเยี่ยมจริงๆ เห็นภาพนี้แล้วซาบซึ้ง...

 

ในหลวงเฝ้าสมเด็จย่าอยู่จนถึงตี 4 ตี 5

เฝ้าแม่อยู่ทั้งคืน จับมือแม่
กอดแม่ ปรนนิบัติแม่

จนกระทั่ง "แม่หลับ..." จึงเสด็จกลับ

พอไปถึงวัง เขาโทรศัพท์มาแจ้งว่า

สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์

ในหลวงรีบเสด็จกลับไปศิริราช
เห็นสมเด็จย่านอนหลับตาอยู่บนเตียง

พระพักตร์ในหลวงตรงกับหัวใจแม่

"ขอหอมหัวใจแม่เป็นครั้งสุดท้าย"

ซบหน้านิ่งอยู่นาน

แล้วค่อยๆ เงยพระพักตร์ขึ้น
น้ำพระเนตรไหลนอง

ต่อไปนี้....จะไม่มีแม่ให้หอมอีกแล้ว

เอามือกุมมือแม่ไว้

มือนิ่มๆ ที่ไกวเปลนี้แหละ

ที่ปั้นลูกจนได้เป็นกษัตริย์

เป็นที่รักของคนทั้งบ้านทั้งเมือง

ชีวิตลูก แม่ปั้น

มองเห็นหวี ปักอยู่ที่ผมแม่

ในหลวงจับหวี ค่อยๆ หวีผมให้แม่
หวี...หวี...หวี...หวี

ให้แม่สวยที่สุด แต่งตัวให้แม่

ให้แม่สวยที่สุด

ในวันสุดท้ายของแม่...

เป็นภาพที่ประทับใจอาจารย์ที่สุด...

เป็นสุดยอดของลูกกตัญญู...

หาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว

ที่มา :

คัดลอกมาจากหนังสือเรื่อง

หยุดความเลว..ที่..ไล่ล่าคุณ

โดย พ.อ. (พิเศษ)ทองคำ ศรีโยธิน

เว็ปพลังจิตดอทคอม

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-30 20:50:29


ความคิดเห็นที่ 35 (1586720)

สิ่งที่พระเจ้าอยู่หัว

ทรงเป็นห่วงคนไทยมากที่สุด

และสิ่งที่ทรงขอจากคนไทย

 

 

 

ในหนังสือ “ธรรมดีที่พ่อทำ”   

ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล

เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาได้เปิดเผยถึง

สิ่งที่พระเจ้าอยู่หัว

ทรงเป็นห่วงคนไทยมากที่สุด

และสิ่งที่ทรงขอจากคนไทยว่า

สิ่งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงคนไทย

เห็นจะเป็นเรื่อง

จิตสำนึกที่มีต่อแผ่นดิน

ตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีที่ผ่านมา

พระองค์ได้พยายามเสด็จไปทั่วทุกหัวระแหง

ทรงดูแลตั้งแต่บนฟ้า ยอดเขา จรดชายทะเล

อาจกล่าวได้ว่าชีวิตของเรา

เกี่ยวข้องกับสิ่งใดนั้น

พระองค์จะเข้ามาดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่หากคนไทย ๖๐ ล้านกว่าคน

ไม่แยแสแผ่นดิน

เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน

ทำลายแผ่นดินแบบมักง่าย

นับเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ

๘๔ พรรษาแล้ว

ควรจะทรงพักผ่อน แต่ก็ยังทรงกังวลอยู่

เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราทุกคนคือ

ต้องช่วยเหลือพระองค์ท่านในการรักษา

ดิน น้ำ ลม ไฟ

อันเป็นปัจจัยของชีวิตและแผ่นดิน

ให้คงอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป

เมื่อถึงวันนั้นพระองค์ก็จะทรง

คลายความเป็นห่วงนี้ลงไปได้

ที่มา :

เราหลงลืมอะไรไปหรือเปล่า

dc-danai.com/archives/2461

 

 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-02 15:10:26


ความคิดเห็นที่ 36 (1586789)

ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

ตราสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ

๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

[Official Emblem]

The Celebration on

the Auspicious Occasion of His Majesty

the King’s 7th Cycle Birthday Anniversary

5th December 2011

 

ความหมายตราสัญลักษณ์

 

อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองทอง

อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ

อยู่กลางตราสัญลักษณ์

ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทอง

บนพื้นวงกลมสีน้ำเงิน

ล้อมรอบด้วยกรอบโค้งเรียบ สีเหลืองทอง

หมายความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ

ด้านบนอักษณพระปรมาภิไธยเป็นเลข ๙

หมายถึงพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๙

แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

เลข ๙ นั้น อยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ

อันเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ

ของพระมหากษัตริย์ และเป็นเครื่องหมายแห่ง

ความเป็นสมเด็จราชาธิราช

ถัดลงมาด้านข้างซ้ายขวาของอักษรพระปรมาภิไธย

มีสายพุ่มข้าวบิณฑ์สีทอง

ซึ่งมีสัปตปฎลเศวตฉัตรประดิษฐานอยู่เบื้องบน

ด้านนอกสุดเป็นกรอบโค้ง

มีลวดลายสีทองบนพื้นสีเขียว

หมายถึงสีอันเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ

อีกทั้งยังหมายถึงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์

และความสงบร่มเย็น

ด้านล่างอักษรพระปรมาภิไธยเป็นรูปกระต่ายสีขาว

กระต่ายนั้นทรงเครื่องอยู่ในลักษณะกำลังก้าวย่าง

อันหมายถึง

ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ

ตรงกับปีเถาะ ซึ่งปีกระต่าย

เป็นเครื่องหมายแห่งปีนักษัตร

โดยรูปกระต่ายอยู่บนพื้นสีน้ำเงิน

มีลายกระหนกสีทอง

อันหมายถึง

ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทย

ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร

เบื้องล่างตราสัญลักษณ์เป็นแพรแถบ

สีชมพูขลิบทองเขียนอักษรสีทอง ความว่า

“พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ”

ที่มา : www.princessofdesign.com/article/design-article/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81/

 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-02 23:20:27


ความคิดเห็นที่ 37 (1587087)

 

 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เสด็จออกมหาสมาคม
ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ในพระบรมมหาราชวัง
พระราชทานพระบรมราชโอกาส
ให้พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี
คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา คณะทูตานุทูต
ข้าราชการ ตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเฝ้าฯ

  

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงมีพระราชดำรัสตอบ มีใจความว่า

ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง

ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกัน มาอวยพรวันเกิด

รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาเป็นประการต่างๆ

ข้าพเจ้าขอสนองต่อพร

และไมตรีจิตเหล่านั้นด้วยใจจริงเช่นกัน

ท่านทั้งหลายในปีนี้

ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ

ทั้งฝ่ายพลเรือน และทหาร

ย่อมทราบแก่ใจอยู่ทั่วกันว่า

ความมั่นคงของประเทศชาตินั้น

จะเกิดมีขึ้นได้ ก็ด้วยประชาชนในชาติ

อยู่ดี มีสุข ไม่มีทุกข์ ยากเข็ญ

ดังนั้น การอันใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อน

ของประชาชนทุกคน

ทุกฝ่ายจึงต้องถือเป็นหน้าที่

จะต้องร่วมมือกัน ปฏิบัติ แก้ไข

ให้เต็มกำลัง

โดยเฉพาะขณะนี้

ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วม

จึงขอที่จะร่วมมือกัน

ปัดเป่าแก้ไขให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว

และจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำ

อย่างยั่งยืน อย่างเช่น


โครงการต่างๆ ที่เคยพูดไปนั้น

เป็นการแนะนำ ไม่ใช่สั่งการ

แต่ถ้าปรึกษากันแล้ว

เห็นว่าเป็นประโยชน์ คุ้มค่า

และทำได้ ก็ทำ

ข้อสำคัญจะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกัน

หากจะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

เพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่มีประโยชน์

เพื่อความผาสุกของประชาชน

และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ

 

ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่าน

ให้ปราศจาคทุกข์

ปราศจากภัย และอำนวยความสุข

ความเจริญ

ให้แก่ท่านทั่วกัน

Link : http://www.innnews.co.th/ในหลวงมีพระราชดำรัสขอร่วมมือแก้น้ำท่วม--325321_22.html

     

 

พระราชพิธีมหามงคล

เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ

5 ธันวาคม 2554 

 

เราทุกคนมักจะตั้งใจรับฟังกระแสพระราชดำรัส

แต่มีสักกี่คนที่จะตั้งใจปฏิบัติตาม

สิ่งที่พระองค์ทรงรับสั่ง

 

เปรียบเสมือนครั้งสมัยพุทธกาล

ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

ท่านเคยเทศน์ให้ฟังว่า 

พระพุทธองค์ทรงเสด็จไปสั่งสอนธรรม

ให้แก่ชาวบ้าน ณ ที่ใด

พอพระองค์เสด็จกลับ ธรรมะนั้น

ก็มักจะตามสมเด็จพระพิชิตมารกลับไปด้วย

เพราะชาวบ้านมักไม่ได้นำธรรมะ

ที่พระองค์ทรงสอนกลับไปเลย

-------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ขอทรงมีพระราชหฤทัย
พระพลานามัยแข็งแรงในปัจจุบันทันที 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-06 13:26:01


ความคิดเห็นที่ 38 (1587823)

ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน   หายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า น.ส.สุภา วิเชียรพงษ์

ผู้แสดงความคิดเห็น สุภา วิเชียรพงษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-10 13:24:24


ความคิดเห็นที่ 39 (1589464)

เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น

ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ประทับรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนิน

ไปยังสนามบินดอนเมือง

เพื่อทรงศึกษาเพิ่มเติมที่สวิตเซอร์แลนด์

ก็ทรงได้ยินเสียงราษฎรคนหนึ่งตะโกนว่า

"ในหลวง อย่าทิ้งประชาชน"

จึงทรงนึกตอบในพระราชหฤทัยว่า

"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว

ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชน

อย่างไรได้"

เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจว่าต่อมาอีกประมาณ 20 ปี

ขณะทรงเยี่ยมราษฎรในต่างจังหวัด

ทรงได้พบชายผู้ร้องตะโกนคนนั้น

ชายผู้นั้นกราบบังคมทูลว่า
 

ที่เขาร้องตะโกนออกไปเช่นนั้น

เพราะรู้สึกว้าเหว่และใจหาย

เขาเห็นพระพักตร์เศร้ามาก

จึงร้องไปเหมือนคนบ้า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตอบว่า 

 "นั่นแหละ ทำให้เรานึกถึงหน้าที่

จึงต้องกลับมา"

ที่มา : www.oknation.net/blog/doctornursethailoyalty/2008/11/17/entry-1 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-21 00:42:07


ความคิดเห็นที่ 40 (1589468)

 http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=3rxvgQMBkbI

เพลงของพ่อหลวง

ฟังแล้วสุขใจโปรดฟัง

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-21 01:14:57


ความคิดเห็นที่ 41 (1589469)

 http://www.youtube.com/watch?v=k617fLdoqRQ&feature=related

ผมรักในหลวง  อลัน  เบท

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-21 01:20:43


ความคิดเห็นที่ 42 (1589470)

 http://www.youtube.com/watch?v=TIjr7qjfVHI&feature=related

ทรงพระเจริญ

 ต่อไปคงจะไม่มีภาพอย่างนี้ให้เราดู

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-21 01:33:23


ความคิดเห็นที่ 43 (1589471)

 http://www.youtube.com/watch?v=3zqe_YSnVlo&feature=related

ของขวัญจากก้อนดิน

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-21 01:39:08


ความคิดเห็นที่ 44 (1589486)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า

นางสาวลักขณา  ศรประสิทธิ์

ขอเป็นข้ารองบาทพระองค์ทุกชาติไป

หากแต่ชาตินี้ไม่ได้ไปแดนนิพพาน

และหากต้องเกิดใหม่ในชาติหน้า

ข้าพระพุทธเจ้าขอเกิดเป็นคนไทย

นับถือศาสนาพุทธ

อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์

ทุกชาติไป

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-21 07:52:53


ความคิดเห็นที่ 45 (1589687)

 

 

 

 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ 

ด้วยเกล้าด้วยกละหม่อม ขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว (phueng9574-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-21 22:59:18


ความคิดเห็นที่ 46 (1589703)

ประเทศจะอยู่ได้ เพราะเราสร้างความดี

ความดีสร้างกำลังใจ

เป็นเหมือนการฉีดยาป้องกันโรค

 

เราต้องทำในสิ่งที่ดีที่ชอบตลอดไปเป็นเวลานาน

อาจน่าเบื่อ

แต่แม้กระนั้นอย่างเพิ่งท้อใจ

แม้กระนั้น บางทีเราทำตลอดชีวิตแล้วก็ยังไม่พอ

 

แต่ทำไมเมืองไทยอยู่ได้

ก็เพราะว่า

บรรพบุรุษของเราทำมาเป็นแรมปีเป็นร้อยๆ ปี

ทำมาด้วยความสุจริตใจ

ประเทศไทยนี่ทำไมอยู่ได้

ก็เพราะพวกเราทุกคน ถ้าเราสร้างความดี

คือ

ทำปฏิบัติในสิ่งที่บริสุทธิ์ใจที่สุจริต

ที่ตั้งใจดีมันอาจมีผิดพลาดบ้าง

แต่ว่าไม่ได้ตั้งใจผิดพลาด

ตั้งใจทำดี

ก็เป็นการสร้างกำลังของบ้านเมือง

ทำให้เป็นเหมือนฉีดยาป้องกันโรค

 

ซึ่งถ้าเราฉีดยาป้องกันโรควันนี้

พรุ่งนี้ไม่ใช่ไม่ได้ผล หมอก็ทราบดี

ถ้าเราฉีดยา ต้องได้ครบโดส

ถึงจะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้

การป้องกันให้ครบโดส

 


ที่มา :  พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

หนังสือคำพ่อสอน ในโครงการตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด้วยความรักและความดี

60 ปี 60 ล้านความดีถวายในหลวง น้อมเกล้าถวายในหลวง

 www.v4king.in.th/index.php/supporter/101


~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-22 02:09:54


ความคิดเห็นที่ 47 (1590823)

 image

 

 

ขอให้เจ้าของกะทู้มีแต่ความสุข

 

ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืน สุขภาพแข็งแรงและเปี่ยมด้วยความเบิกบาน
ดุจดั่งมีกระเป๋าแห่งทองคำ ขอให้ฐานะมั่งคั่งร่ำรวย
ขอให้ความฝันที่เธอใฝ่ กลายเป็นจริงสมดั่งใจปรารถนา
ความเอื้ออาทรที่เธอมักแบ่งปันต่อผุ้อื่น
ขอให้กลับคืนมาสู่เธอเสมอไป สุขสันต์วันปีใหม่จ๊ะ

โซบิเดย์  ยมโดย

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-29 21:17:44


ความคิดเห็นที่ 48 (1591055)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ยิ่งยืนนาน

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจพร เลามาสุวพันธ์ (benjaporn-dot-tam-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-31 10:37:48


ความคิดเห็นที่ 49 (1591056)

ขออวยพรวันปีใหม่

ให้กับเจ้าของกระทู้นี้

คือ คุณโฆษิต

ขอให้สุขสมหวัง

ดั่งใจหมาย

ทั้งทางโลกและทางธรรม

ตลอดจนเข้าสู่พระนิพพาน

สาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจพร เลามาสุวพันธ์ (benjaporn-dot-tam-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-31 10:43:39


ความคิดเห็นที่ 50 (1591289)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทาน ส.ค.ส.ปี พ.ศ.2555

แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวาระดิถีขึ้นปีใหม่

ส.ค.ส. พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในปีพุทธศักราช 2555 นี้

เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ในฉลองพระองค์สากลสีเทาลายริ้วสีอ่อน

ปกด้านซ้ายทรงประดับเข็มเครื่องหมายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์

มูลนิธิที่พระราชทานกำเนิดและทรงดำรงตำแหน่งพระบรมราชูปถัมภก

ทรงผูกเนคไทสีแดงลวดลายสีทอง เข้าชุดกับผ้าปักพระกระเป๋า

ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว

ประทับ บนเก้าอี้ ด้านข้างพระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้าง มีโต๊ะกลม

โต๊ะด้านขวาวางแจกันขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสี

ทรงฉายร่วมกับสุนัขทรงเลี้ยง คือ คุณทองแดง

ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 สวมเสื้อสีทอง หมอบอยู่แทบพระบาท

หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย

ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับตกแต่ง เป็นสวนดอกไม้ประดับ

ด้านซ้ายมีระแนงไม้สีขาว ประดับอักษรชมพู ข้อความภาษาไทยว่า สวัสดีปีใหม่

และข้อความภาษาอังกฤษ ว่า Happy New Year

ด้านขวามีต้นสนประดับเครื่องตกแต่ง

ฉากหลัง เป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน ด้านซ้ายบน มีตราพระมาหพิชัยมงกุฎประดับ

ส่วนด้านขวามมีผอบทองประดับ

ตรง กลาง ส.ค.ส. ด้านขวา มีข้อความจากบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก

ซึ่งเป็นคำตอบที่พระมหาชนกทรงตอบนางมณีเมขลาว่า

จะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่าย อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร

โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น"

ทรงเตือนสติให้คนไทยทั้งหลายมีความเพียร เช่นเดียวกับพระมหาชนก

ที่ทรงอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียร

จนรอดชีวิต ประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น

ล้วนเกิดจาการกระทำ ไม่ได้เกิดจากแค่เพียงความคิด

ตรงกลาง ส.ค.ส. ด้านซ้าย มีข้อความภาษาไทยพิมพ์ด้วยสีชมพูขอบสีเหลืองว่า

ขอจงมีความสุขความเจริญ ๒๕๕๕ และ ข้อความภาษาอังกฤษ

พิมพ์ด้วยสีแดงขอบสีเหลืองว่า Happy New Year 2012

ด้าน ล่างของ ส.ค.ส. มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีน้ำเงินว่า

ขอจงมีความสุข ความเจริญ มุมล่างขวา มีข้อความ ก.ส. 9 ปรุง 185029 ธค.54

พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา

Printed at the Suvarnnachad publishing ,

D Bramaputra , Publisher

กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ

เรียงกันด้านละ 3 แถว ส่วนด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละ 2 แถว

ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม

 ที่มา : board.palungjit.com/f178/ในหลวงพระราชทานพรปีใหม่-2555-a-320307.html

ต่อมาในเวลาประมาณ 20.00 น.

โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

ถ่ายทอดพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพรปีใหม่แก่ปวงชนชาวไทย

ความว่า ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่

ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆคน

และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมากที่ร่วมกันจัดงาน

ฉลองอายุครบ 7 รอบให้อย่างเหมาะสมงดงาม

ระหว่างปีที่แล้ว เหตุการณ์ต่างๆในบ้านเมืองนับว่าเป็นปกติดี

แต่พอเข้าปลายปี ก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ประชาชนหลายจังหวัด

ต้องประสบอันตรายและความเดือดร้อนลำบาก

ความเสียหายครั้งนี้ ดูจะร้ายแรงกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา

ข้อนี้ น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญ

ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้หลายครั้งแล้วว่า

วิถีชีวิตของคนเรานั้น จะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรค ผ่านเข้ามาเนืองๆ

ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปกติสุขอย่างเดียวได้ 

ทุกคนจึงต้องเตรียมกาย เตรียมใจ  และเตรียมการไว้ให้พร้อมเสมอ

เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขความไม่ปกติเดือดร้อนต่างๆ

ด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม

ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ประชาชนชาวไทย

ได้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท

โดยมี สติรู้ตัวและปัญญารู้คิด กำกับอยู่ตลอดเวลา

ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใด ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงไป

ให้ทันการณ์ทันเวลา ผลงานทั้งนั้นจะได้ส่งเสริมให้แต่ละคน

ประสบแต่ความสุขความเจริญ และ ทำให้ชาติบ้านเมืองดำรงมั่นคง

และก้าวหน้าต่อไปด้วยความผาสุกสวัสดี

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

----------------------------------------------------------------------------

ขอขอบพระคุณคำอำนวยพรจากทุกท่าน

ขออาราธนาพระบารมีแห่งพระบรมธรรมบิดา

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรมจักร พระอริยสงฆ์

ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุกพระองค์

พระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ท่านอาจารย์มงคล-ท่านอาจารย์อุบล

โปรดดลบันดาลให้คำอำนวยพรที่ผมได้รับทั้งหมดนี้

ย้อนกลับไปสนองตอบแก่ทุกท่านร้อยเท่าพันทวี

มีจิตหลุดพ้น จากโลภะ โทสะ โมหะ

ในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-03 13:47:57


ความคิดเห็นที่ 51 (1591294)
image

 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

และ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณโฆษิต

ด้วยค่ะ

 

 

...สาธุ สาธุ สาธุ...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาต้า(ชรินทิพย์ ลิ่มอรุณ) (tata14012544-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-03 14:45:34


ความคิดเห็นที่ 52 (1591817)

วันนี้  ( ๖ มกราคม ๒๕๕๕ )

เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น.

เป็นความภาคภูมิใจของผสกนิกร

ตำบลพะตงเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น

ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่

ที่ได้มอบน้ำพระทัยอันหาประมาณมิได้

ขององค์ท่านให้แก่ผสกนิกรของพระองค์

พระองค์ทรงมอบถุงยังชีพให้แก่ผสกนิกร ตำบลพะตง

จำนวน ๒,๒๐๐ ชุด

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-06 15:57:36


ความคิดเห็นที่ 53 (1592479)

 

"ไม่มีใครรักคนไทยเท่าในหลวง"

 

ที่มา : แผ่นดินของในหลวง

 

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียน

ที่ได้รับพระราชทานรางวัล ณ ศาลาดุสิดาลัย

วันจันทร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๒๔

         “...ประเทศไทยเราอาจไม่เป็นประเทศที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก

หรือรวยที่สุดในโลก หรือฟู่ฟ่าที่สุดในโลก

แต่ก็ขอให้เมืองไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มีความสงบได้

เพราะว่าในโลกนี้หายากแล้ว เราทำเป็นประเทศที่สงบ

ประเทศที่มีคนที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันจริง ๆ

เราจะเป็นที่หนึ่งในโลกในข้อนี้

แล้วรู้สึกว่าที่หนึ่งในโลกในข้อนี้จะดีกว่าผู้อื่น

จะดีกว่าคนที่รวยที่สุดในโลก จะดีกว่าคนที่เก่งในทางอะไรก็ตามที่สุดในโลก

ถ้าเรามีความสงบ แล้วมีความสบายความมั่นคงที่สุดในโลกนั้น

รู้สึกว่าจะไม่มีใครสู้เราได้...”

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-11 23:01:14


ความคิดเห็นที่ 54 (1593287)

เราหลงลืมอะไรไปหรือเปล่า

เราลืมไปว่า คนไทยโชคดีแค่ไหน

ที่มีพระเจ้าอยู่หัว

พระเจ้าอยู่หัวผู้ทรง

รักคนไทยมากที่สุด

ที่มา : www.thailoveking.com/

 

 

 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-18 22:59:42


ความคิดเห็นที่ 55 (1593448)
image

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-19 23:30:37


ความคิดเห็นที่ 56 (1594322)
image

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-26 00:17:23


ความคิดเห็นที่ 57 (1595075)

ขอพระองค์

ทรงพระเจริญ

ยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์

หายประชวรโดยเร็ว

ขออนุโมทนาบุญ

กับคุณ โฆษิต

สาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจพร เลามาสุวพันธ์ (benjaporn-dot-tam-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-31 10:14:32


ความคิดเห็นที่ 58 (1595440)

   




ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดที่จะรัก
พสกนิกรทั้งหลายอย่างเท่าเทียมกัน
ดังเช่นพระองค์ท่านอีกแล้ว

พระองค์ทรงแลกได้แม้กระทั่งพระชนม์ชีพ
กับความผาสุข และปลอดภัยของ
พสกนิกรอันเป็นที่รัก


แล้วถึงเวลาหรือยังที่คนไทยทุกคน
จะปฏิบัติตาม
แนวทางที่พระองค์ท่านทรงรับสั่ง


 
 

กระแสพระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย

ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2514

วันพฤหัสบดี ที่ 31 ธันวาคม 2513

เหตุการณ์ต่าง ๆที่เกิดขึ้น

แก่บ้านเมืองเป็นลำดับมา

ทำให้ทราบได้แน่ชัดว่า

เราจำเป็นจะต้องทำงานช่วยตัวเอง

ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น

เพื่อรักษาตัวให้อยู่รอดตลอดไป

โดยอิสระและเสรี

คนไทยเรานั้น แท้จริงมีนิสัย

จิตใจดี เป็นนักสู้

เป็นคนซื่อตรง ขยันขันแข็งและอดทน

เป็นคนรักเผ่าพันธุ์พวกพ้อง

และบ้านเกิดเมืองนอน

แต่ละคนจะต้องหยิบยกเอา

คุณสมบัติเหล่านี้ที่มีอยู่

ภายในตัวขึ้นมาปฏิบัติให้ได้ผล

โดยถือว่าทุกคน

ล้วนมีความสำคัญต่อประเทศชาติ

อยู่ด้วยกันทั้งนั้น

จะต้องทำหน้าที่ของตนๆให้พร้อมเพรียงกัน

เพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

หากทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถ

แก้ไขความบกพร่องต่าง ๆ ที่มีอยู่

และจะสามารถร่วมแรงกัน

สร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคง

พร้อมทั้งความเจริญรุดหน้า

ให้แก่บ้านเมืองของเราได้อย่างแน่นอน

--------------------------------------
ร่วมกันและพร้อมใจกันทำความดี

เนื่องในวโรกาสพระราชพิธี
มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
 

ขอให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-01 23:32:00


ความคิดเห็นที่ 59 (1596619)

พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย

พระปฐมบรมราชโองการ
เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม  เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-09 00:10:20


ความคิดเห็นที่ 60 (1597090)

 

สังวร สงบ สามัคคี คิดถึงชาติเป็นที่ตั้ง

ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็มาจาก

ยึดตัวเอง

ยึดพวกเป็นที่ตั้ง

พอประเทศชาติพัง

 ตัวเองจะไปอยู่ไหน ขอให้คิด

ที่มา :  www.siamintelligence.com/thai-people-hear-voice-but-no-listening/ 


  

ขอให้ทรงหายจาก
พระอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-11 02:12:52


ความคิดเห็นที่ 61 (1597151)

โครงการพระราชดำริ

 

 

พระราชภารกิจอันใหญ่หลวงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

คือ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร

เพื่อทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยพระองค์เอง 

 
  
 
ภูมิภาคที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรครั้งแรก คือ
จังหวัดอุดรธานี โดยใช้เวลา 24 วัน
 
เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วภาคอีสาน
ซึ่งได้ชื่อว่าทุรกันดารที่สุดในประเทศ 
 
 
หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรตามถิ่นทุรกันดาร ตามภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
ทรงถือพระราชกรณียกิจที่ทรงทำเป็นประจำทุกปี
 
 
 
โครงการราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงจัดตั้งขึ้นรวม 3,264 โครงการ
ส่วนใหญ่จะเน้นไปงานด้านเกษตรกรรม
ซึ่งเป็นรายได้หลักขอประเทศ
เช่น หาแหล่งน้ำและปรับปรุงพื้นดิน
จัดสรรที่ดินทำกินให้ราษฎรที่ไม่มีที่ดิน
 
 
เป็นที่น่าสังเกตว่า พระองค์ไม่โปรดให้
ชาวไร่ชาวนาใช้เครื่องจักร
หรือเครื่องมือที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้า
หรือน้ำมันเชื้อเพลิง
 
ทรงเห็นว่ากังหันลม หรือระหัดที่ใช้กระแสลม
ใช้ประโยชน์ได้ดีเท่าๆ กัน

      

ทรงสนับสนุนให้ชาวนารู้จักตั้งธนาคารข้าว
และธนาคารโคกระบือ เพื่อไม่ต้องไปกู้ยืมเงิน
 
โครงการพระราชดำริ
ประกอบไปด้วย
 
มูลนิธิชัยพัฒนา, มูลนิธิโครงการหลวง,
โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา,
โครงการหลวงอ่างขาง,
โครงการปลูกป่าถาวร,
โครงการแก้มลิง,
โครงการฝนหลวง,
 
 
โครงการสารานุกรมสำหรับเยาวชน,
โครงการแกล้งดิน,
กังหันชัยพัฒนา,
แนวพระราชดำริผลิตแก๊สโซฮอล์
ในโครงการส่วนพระองค์

ที่มา : atcloud.com/stories/49416

  

ขอให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-11 21:26:23


ความคิดเห็นที่ 62 (1597408)

 โครงการพระราชดำริ

โครงการกังหันน้ำชัยพัฒนา
 
       
 
เริ่มต้นขึ้นเนื่องมาจากอัตราการเกิด
มลภาวะทางน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น
จนยากแก่การแก้ไข
ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร
ปริมณฑล และจังหวัดรอบนอก
 
 
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทรงตระหนักถึงเรื่องนี้และทรงเป็นห่วงใน
คุณภาพชีวิตพสกนิกรของท่าน
 
จึงได้มีพระราชดำริ
เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาน้ำเสียขึ้นมา
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2531
 
โดยดำริให้สร้างเครื่องกลเพื่อช่วยเติมอากาศ
โดยใช้รูปแบบที่เรียบง่าย
แต่มีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียสูง
ในนาม กังหันน้ำชัยพัฒนา
 
หลักการทำงานของกังหันน้ำชัยพัฒนา :
 


โครงกังหันน้ำ 12 เหลี่ยมๆ ละ 6 ซอง
โดยแต่ละซองที่พื้นจะมีรูพรุนเพื่อที่จะได้วิดน้ำ
ขึ้นไปสัมผัสกับอากาศและตกลงมากระทบกับผิวน้ำ
ก็จะเกิดฟองอากาศขึ้นมา ทำให้มีออกซิเจนในน้ำเพิ่มขึ้น
 
ซึ่งแต่ละซองสามารถวิดน้ำได้ลึก 0.50 เมตร
และวิดน้ำขึ้นไปแตกกระจายในอากาศได้ถึง 1 เมตร
และในขณะที่ซองน้ำกำลังเคลื่อนที่ลงสู่ผิวน้ำ
แล้วกดลงไปใต้ผิวน้ำนั้น จะเกิดการอัดอากาศภายในซองน้ำ
จนกระทั่งซองน้ำจมน้ำเต็มที่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพ
ในการถ่ายเทออกซิเจนได้สูงขึ้น 

กังหันน้ำชัยพัฒนาได้นำมาติดตั้งใช้งานกับระบบบำบัดน้ำเสีย
ตามสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2532
และได้มีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
 
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะให้มีการบำบัดน้ำเสีย
อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกในการใช้งานประหยัดค่าใช้จ่าย
และบำรุงรักษาได้ง่ายตลอดจนมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 

 
การบำบัดมลพิษในน้ำ
ด้วยการใช้เครื่องกลเติมอากาศ
""กังหันน้ำชัยพัฒนา""
 
ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจทำให้น้ำใสสะอาดขึ้น
ลดกลิ่นเหม็นลงได้มากและมีปริมาณออกซิเจนในน้ำเพิ่มขึ้น
สัตว์น้ำสามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย
และสามารถบำบัดความสกปรกในรูปของมวลสารต่างๆ
ให้ลดต่ำลง ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด 

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2536
เครื่องกลเติมอากาศ """กังหันน้ำชัยพัฒนา"""
ได้รับการพิจารณาและทูลเกล้าฯ
ถวายสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย
 
นับเป็นสิ่งประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศเครื่องที่
ของโลกที่ได้รับสิทธิบัตร
 
และเป็นครั้งแรกที่ได้มีการรับจดทะเบียนและออกสิทธิบัตร
ให้แก่พระบรมราชวงศ์ด้วย
 
จึงนับได้ว่าเป็น
 
""สิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย
ของพระมหากษัตริย์พระองค์แรก
ในประวัติศาสตร์ชาติไทย
และเป็นครั้งแรกของโลก""
 

 

ขอให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-13 23:36:34


ความคิดเห็นที่ 63 (1597743)

 โครงการพระราชดำริ

โครงการแกล้งดิน
 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เสด็จ ฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส

ในปี พ.ศ. 2524

ทรงพบว่าหลังจากมีการชักน้ำออกจากพื้นที่พรุ

เพื่อจะได้มีพื้นที่ใช้ทำการเกษตร

และเป็นการบรรเทาอุทกภัยนั้น

ปรากฎว่าดินพื้นที่พรุแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด

ทำให้เพาะปลูกไม่ได้ผล

จึงมีพระราชดำริให้ส่วนราชการต่าง ๆ

พิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพื้นที่พรุ

ให้เกิดประโยชน์ในทางการเกษตรมากที่สุด

และให้คำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ด้วย

การแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด

เนื่องจากดินมีลักษณะเป็นเศษอินทรีย์วัตถุ

หรือซากพืชเน่าเปื่อยอยู่ข้างบน

และมีระดับความลึก 1-2 เมตร

เป็นดินเลนสีเทาปนน้ำเงิน ซึ่งมีสารประกอบกำมะถัน

ที่เรียกว่า สารไพไรท์ (pyrite : FeS2) อยู่มาก

ดังนั้น เมื่อดินแห้ง สารไพไรท์จะทำปฏิกิริยา

กับอากาศปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา

ทำให้ดินแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่อง

มาจากพระราชดำริ

จึงได้ดำเนินการสนอง

พระราชดำริโครงการ "แกล้งดิน"

เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลง

ความเป็นกรดของดิน

เริ่มจากวิธีการ "แกล้งดินให้เปรี้ยว"

ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไป

เพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดิน

ซึ่งจะไปกระตุ้นให้สารไพไรท์ทำปฏิกิริยา

กับออกซิเจนในอากาศ

ปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา

ทำให้ดินเป็นกรดจัดจนถึงขั้น

"แกล้งดินให้เปรี้ยวสุดขีด"

จนกระทั่งถึงจุดที่พืช
ไม่สามารถเจริญงอกงามได้

จากนั้นจึงหาวิธีการปรับปรุงดินดังกล่าว

ให้สามารถปลูกพืชได้

ที่มา :

siweb.dss.go.th/sci60/team100/royalpro/klangdin.htm


  

ขอให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-15 22:51:40


ความคิดเห็นที่ 64 (1597744)
ตั้งใจสร้างความดี
รักและสามัคคี
มีเมตตาต่อกัน
ไม่ทะเลาะกันในชาติ


ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
 
 
รักษาศีลเป็นประเพณี

เปรียบเสมือน
วาระแห่งชาติ

ที่ไม่ต้องประกาศ
ที่ไม่ต้องบังคับใช้
 
 
แต่เราต่างเต็มใจ
ร่วมใจกันประพฤติปฏิบัติ



 

มีความละอายต่อบาป
มีความเกรงกลัวใน
ผลของการทำบาป
 
 
ทั้งชาติปัจจุบัน
และชาติหน้า
 
เพื่อถวายพ่อหลวง
ของเรา
 

มหาอนุโมทนาบุญ

กับทุกท่าน

ที่ทำเพื่อส่วนรวม
 

 สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-15 23:10:50


ความคิดเห็นที่ 65 (1598022)

 

โครงการพระราชดำริ

โครงการหลวง

โครงการหลวง
ประวัติความเป็นมา                                           การดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวง
ผลผลิตของมูลนิธิโครงการหลวง
สู่ความสำเร็จ                                                                     สถานที่ทำงาน
แผนภูมิโครงการหลวง

เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

เสด็จแปรพระราชฐานไปจังหวัดเชียงใหม่ 

ทรงเสด็จขึ้นไปเยี่ยมราษฎรบนดอยต่าง ๆ 

ทรงเห็นสภาพความแร้นแค้น ยากไร้ ของชาวเขา  

ที่ดำรงชีพอยู่ด้วยการปลูกฝิ่น ถางป่า เผาป่า

เพื่อทำไร่เลื่อนลอย

ไม่มีที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง

โยกย้ายไปเรื่อย ๆ

ป่าต้นน้ำลำธารถูกทำลายเป็นจำนวนมาก

สิ่งที่พระองค์ทรงพบเห็นในครั้งนั้น 

ทำให้พระราชทานแนว

 พระราชดำริและทรัพย์ส่วนพระองค์  

 

ตั้งโครงการหลวงขึ้นในปี พ.ศ.2512 
เพื่อพัฒนาเกษตรบนที่สูง ลดการปลูกฝิ่น
และอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธาร  
เพื่อช่วยเหลือราษฎรชาวไทยภูเขา
ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น   
 
 
 
"เรื่องที่จะช่วยชาวเขา
และโครงการชาวเขานั้น 
 
มีประโยชน์โดยตรงกับชาวเขา เพื่อส่งเสริม
และสนับสนุนให้ชาวเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้ 
สามารถเพาะปลูกสิ่งที่เป็นประโยชน์ 
และเป็นรายได้ให้กับเขาเอง
 
จุดประสงค์อย่างหนึ่ง  
 
คือมนุษยธรรม
 
หมายถึงให้ผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร  
สามารถมีความรู้พยุงตัว มีความเจริญได้ 
อีกอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องช่วยในทางที่ทุกคน
เห็นว่าควรจะช่วยเพราะเป็นปัญหาใหญ่
 
 
 
คือปัญหาเรื่องยาเสพติด
ถ้าช่วยชาวเขาปลูกพืช
ที่เป็นประโยชน์บ้าง
เขาจะเลิกปลูกยาเสพติด
 
คือ ฝิ่น ทำให้นโยบายการระงับการปราบปราม
การปลูกฝิ่น และค้าฝิ่นได้ผลดี
อันนี้เป็นผลอย่างหนึ่ง  
 
อีกอย่างหนึ่งคือชาวเขาตามที่รู้  
เป็นผู้ทำการเพาะปลูกโดยวิธีที่จะทำให้
บ้านเมืองของเรา สู่หายนะได้ที่ถางป่า
และปลูกโดยวิธีไม่ถูกต้อง 
 
ถ้าพวกเราทุกคนไปช่วยเขาก็เท่ากับ 
  
ช่วยบ้านเมืองให้มีความดี อยู่ดี กินดี 
และปลอดภัยได้อีกทั่วประเทศ
 
 
 
ถ้าสามารถทำโครงการนี้สำเร็จ  
ให้ชาวเขาอยู่เป็นหลักแหล่ง
และสนับสนุนนโยบายจะรักษาป่าไม้ 
รักษาดินให้เป็นประโยชน์ต่อไป และยั่งยืนมาก

  

ขอให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 ที่มา : http://web.ku.ac.th/king72/2539/kaset9.htm

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-17 23:59:22


ความคิดเห็นที่ 66 (1599230)

เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

เวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น.

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เสด็จพระราชดำเนิน

ด้วยรถไฟฟ้าพระที่นั่งจากชั้น ๑๖

อาคารเฉลิมพระเกียรติ

รพ. ศิริราช มายังท่าน้ำ ริมสระว่ายน้ำ

สมาคมศิษย์เก่าแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล

เสด็จทอดพระเนตรระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

และทัศนียภาพริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ทรงฉลองพระองค์ด้วยเชิ๊ตแขนสั้น

ลายดอกไม้เล็ก ๆ

ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส พระวรกายแข็งแรง 

ทรงแย้มพระสรวล

ให้แก่ประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ

อยู่ตามสองฟากฝั่งถนนทั้งในและนอกของ

โรงพยาบาลศิริราชอย่างเนืองแน่น

ที่ต่างเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ"

ดังกึกก้องทั่วทั้งโรงพยาบาลศิริราช

กระทั่งเวลา 19.30 น. จึงเสด็จฯ ขึ้นไปยังชั้น 16

อาคารเฉลิมพระเกียรติที่ประทับ

รวมเวลาประทับอยู่ที่ท่าน้ำบริเวณลานสระว่ายน้ำ

สมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชฯ

ประมาณ 2 ชั่วโมง

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ที่มา : board.palungjit.com/f178/พระบารมี-ภูมิแผ่นดิน-แผ่ผืนน้ำ-327784.html

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-24 23:12:41


ความคิดเห็นที่ 67 (1600004)

พระราชดำรัส

ต้องจำไว้นะ ว่างานทุกอย่างนั้นน่ะ
มีด้านหน้าด้านหลังเหมือนเหรียญบาท
งานด้านหน้านั้นมีคนทำเยอะ และแย่งกันทำ
เพราะมีผลเห็
นได้ชัดและก็ปูนบำเหน็จกันได้เต็มที่

แต่งานด้าน
ที่ไม่ปรากฎแก่สายตาคนน่ะ
ต้องเป็นคนที่เข้าใจงานและหน้าที่ของตัวจริงๆ จึงจะทำได้
และต้องเสียสละด้วย
 
เพราะงานด้านหลังนั้นน่ะ
เป็นงานปิดทองหลังพระ

ที่มา : board.palungjit.com/f178/พระบารมี-ภูมิแผ่นดิน-แผ่ผืนน้ำ-327784.html

 

ขอให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-01 01:10:18


ความคิดเห็นที่ 68 (1601455)

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ 

จ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์  อัครราชกุมารี 

ได้ตรัสกับคนไทยในประเทศเยอรมนี   ตอนหนึ่งว่า  

 

การปลูกฝังของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  

และสมเด็จพระราชินี  ทรงสอนตลอดว่า 

ถ้าไม่มีประชาชนก็ไม่มีพวกเรา 

เราเกิดมาได้เป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน 

คนเขาเคารพกราบไหว้  ก็ควรทำประโยชน์ 

ทำตัวให้เหมาะสมกับที่เขาเคารพนับถือ  

ท่านสอนอย่างนี้เสมอ 

ข้าพเจ้าก็ทุ่มสุดตัวที่จะทำสำหรับประเทศไทย 

อะไรที่ดีกับไทยก็ทำ 

อยากให้ทุกท่านคิดเหมือนกันว่า 

อะไรที่ดีที่สุดสำหรับแผ่นดินแม่ 

เราก็ควรทำ 

ถ้าไม่มีแผ่นดินไทย  ไทยล่มสลาย 

จะไม่มีใครมีความสุขได้เลย

ที่มา : www.thaipost.net/news/240410/21239

 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-09 23:44:17


ความคิดเห็นที่ 69 (1604754)
image

   สุขตามคำพ่อ

คนเราถ้าพอใจ

ในความต้องการ

ก็โลภน้อย

เบียดเบียนคนอื่นน้อย

ถ้าทุกประเทศคิดว่า

ทำอะไรต้องพอเพียง

ไม่สุดโต่ง ไม่โลภ

คนเราก็อยู่เป็นสุข  

ที่มา : ในหลวง ดอท คอม

 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-02 23:53:24


ความคิดเห็นที่ 70 (1604817)

 โอ้โฮ ไม่ได้อ่านกระทู้นี้เลย

ขอบคุณพี่โฆษิตมากๆค่ะ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา

พอดีกำลังจะนำเรื่องราวของพระองค์มาลง

อยู่พอดี แต่ยังหากระทู้ที่เหมาะไม่ได้ค่ะ

มาเจอกระทู้ของพี่โฆษิต 

ธรรมะจัดสรรจริงๆค่ะ


393599_297400030293099_247359951963774_903675_889659267_n

ขอนำเรื่องราว ที่ในหลวงทรงตรัสกับ

หลวงพ่อฤาษีลิงดำของเรา

เรื่อง "วัตถุและทรัพย์สินทุกอย่างของพระองค์"

ใจความดังนี้


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ตรัสกับอาตมา

(หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ 

วันนั้นเป็นวันเททองหล่อรูป หลวงพ่อปาน

เนื่องในงานสร้างพระอุโบสถ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า..


"เวลานี้จิตใจของผมไม่มีห่วงใยในวัตถุแล้วขอรับ

เห็นว่าวัตถุทุกอย่างทรัพย์สินทุกอย่าง

ที่เรารับมานี้ มันเป็นมรดกตกทอดจากญาติผู้ใหญ่ 

แต่ว่าญาติผู้ใหญ่ที่หาไว้ให้นั้นก็ปรากฏว่า

ทุกท่านเวลานี้ไม่มีใครอยู่เหลือเลย ตายหมด... 

แต่ละท่านที่ตายแล้ว ไม่มีใครแบกภาระ

คือ ทรัพย์สมบัติไปได้เลย

ปล่อยทอดทิ้งไว้ให้คนอื่นปกครองต่อไป

ที่เสียหายไปก็มาก"


ทรงตรัสต่อไปว่า 

"ผมไม่ติดใจในวัตถุ ไม่เยื่อใยในวัตถุ

มียังไงกินอย่างนั้น มียังไงใช้อย่างนั้น 

มีความต้องการอย่างเดียว

ถ้ามีวัตถุขึ้นมา ถ้าสามารถจะแจกจ่าย 

หรือหาทางทะนุบำรุง

บรรดาประชาชนทั้งหลาย

โดยทั่วหน้าให้มีความสุขได้ อย่างนี้ผมพอใจ"


ที่มา : Facebook ธรรมโอสถ

------------------------------------

****อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ****

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 10:45:45


ความคิดเห็นที่ 71 (1604872)

 

38 ปีมาแล้วที่พระองค์ทรงตรัสไว้

สังเกตุผู้ที่มุ่งนิพพานมีแต่ ให้ก้บให้ จริง ๆ

เปรียบเทียบกับตัวเรามีแต่ อยากได้ อยากดี ฯลฯ

ขอบคุณสำหรับธรรมทานดี ๆ ค่ะ คุณตุ้ย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อังคณา สมมาก (angkhana-s2011-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 13:58:23


ความคิดเห็นที่ 72 (1606202)

อนุโมทนาบุญกับธรรมทาน

ของน้องตุ้ยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-12 23:50:40


ความคิดเห็นที่ 73 (1606207)

 

โครงการพระราชดำริฝนหลวง
 
 
เงยหน้าดูท้องฟ้ามีเมฆทำไมมีเมฆอย่างนี้
ทำไมจะดึงเมฆนี่ลงมาให้ได้ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝน
ก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้ มีหนังสือ
เคยอ่านหนังสือ ทำได้..."

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 
โครงการพระราชดำริฝนหลวง
เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงห่วงใยความทุกข์ยาก
ของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร
ที่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ
เพื่ออุปโภคบริโภค
และเกษตรกรรมอันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้ง
ซึ่งมีสาเหตุมาจาก
ความผันแปรและความคลาดเคลื่อน
ของฤดูกาลตามธรรมชาติ
 

นับตั้งแต่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล
ได้รับสนองพระราชดำริไปดำเนินการศึกษา
ค้นคว้าทดลองโปรยสารเคมี
ด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรก
วนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เมื่อ ๒ กรกฎาคม ๒๕๑๒
จากนั้นเป็นต้นมาก็มีการขยายผลการปฏิบัติ
ไปช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ
เป็นประจำทุกปีจนรัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกา
ก่อตั้งสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง
ในสังกัดสำนักงานปลัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘

พระราชกรณียกิจที่เกี่ยวกับฝนหลวง
เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่
วางแผนสาธิตการทำฝนหลวง
ลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจานจังหวัดเพชรบุรี
ให้ผู้แทนจากประเทศสิงคโปร์
ชมวางแผนปฏิบัติการด้วยพระองค์เอง
สามารถทำให้ฝนตกลงสู่พื้นที่เป้าหมาย
อ่างเก็บน้ำได้อย่างแม่นยำภายในเวลาที่กำหนด

ภารกิจของสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง
มีเพิ่มมากขึ้นตามลำดับและเพื่อให้การปฏิบัติงาน
มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕
คณะรัฐมนตรีจึงเห็นชอบให้รวม
สำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงกับกองบินเกษตร
เข้าเป็นหน่วยงานเดียวชื่อว่า
"สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร"

กองทัพอากาศได้เข้ามารับสนอง
พระราชดำริในโครงการฝนหลวงอย่างจริงจัง
ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๕ เนื่องจากในปีนั้น
ได้เกิดภาวะฝนแล้งผิดปกติในฤดูเพาะปลูก
และเกิดขาดแคลนน้ำอย่างหนัก
กองทัพอากาศจึงได้จัดเครื่องบิน
พร้อมเจ้าหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวง
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร้องขอ
จนถึง พ.ศ.๒๕๓๗ ผู้บัญชาการทหารอากาศ
ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์
ที่ประเทศชาติจะได้รับจากโครงการฝนหลวง
ในพระราชดำริ
 จึงได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ
ฝนหลวงกองทัพอากาศขึ้น
เพื่อวางแผน อำนวยการ ควบคุม
กำกับการ และประสานการปฏิบัติ
ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ในการปฏิบัติการฝนหลวง
ของกองทัพอากาศมิใช่เพียงการใช้เครื่องบิน
และกำลังพลเข้าปฏิบัติการเท่านั้นหากแต่ยังได้จัดทำ
  • โครงการวิจัยและพัฒนากระสุนสารเคมีซิลเวร์ไอโอไดด์
  • ใช้กับเครื่องบินปฏิบัติการทำฝนหลวงในเมฆเย็น
  • โครงการวิจัยควบคุมดินฟ้าอากาศแนววิจัยโครงการนี้
  • คือ การนำสารเคมีขึ้นไปโปรยในท้องฟ้า
  • ทำให้เมฆรวมตัวและก่อให้เกิดฝนตกได้
  • ถึงแม้ว่าในขณะนั้นท้องฟ้าจะไม่มีเมฆเลยก็ตาม
  • ซึ่งกองทัพอากาศสามารถผลิตจรวด
  • ที่นำสารเคมีบรรจุในหัวจรวด
  • แล้วยิงขึ้นฟ้าที่ระดับความสูง ๑-๑.๕ กม.

ในช่วงฤดูแล้งของ พ.ศ.๒๕๓๐
ได้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค
อย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ในพื้นที่ ๘จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาวะดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนทุกข์ยาก
ให้ประชาชนอย่างหนัก
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงพระราชทานกระแสพระราชดำรัสแก่
ผู้บัญชาการทหารบก
เมื่อ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๐
ให้หาลู่ทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็วด้วย
อันนำไปสู่โครงการน้ำพระทัยจากในหลวง
หรือโครงการอีสานเขียว

ในปีเดียวกันนี้เอง
กองทัพเรือก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมปฏิบัติงาน
ในโครงการปฏิบัติฝนหลวงพิเศษ
ตามพระราชดำริ
ภายใต้โครงการน้ำพระทัยจากในหลวง
หรือโครงการอีสานเขียว
และในทุกปีที่ผ่านมา
ในส่วนของกองเรือยุทธการ
จะทำพิธีส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ
ฝนหลวงพิเศษกองทัพเรือ
ประมาณต้นเดือนมีนาคม ณ กองการบิน
ทหารเรือ จะมีโอกาสอวดธงราชนาวี
เหนือน่านฟ้าของไทย
ในภารกิจบรรเทาความเดือดร้อน
ให้กับประชาชน

บัดนี้โครงการฝนหลวง
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้พระราชทานแนวพระราชดำริไว้
ตั้งแต่พ.ศ.๒๔๙๘
ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาล
แก่อาณาประชาราษฎร์
ช่วยให้พื้นที่ที่เคยแห้งแล้ง
กลับมีความชุ่มชื่น
ก่อให้เกิดความชุ่มฉ่ำแก่แผ่นดิน
แม้แต่น้ำในเขื่อนต่างๆ ที่ใกล้จะหมด
ก็มีปริมาณมากขึ้น
ทั้งนี้ด้วยพระอัจฉริยภาพ
และพระปรีชาญาณ
ในพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช อย่างแท้จริง
 
เขียนโดยTKA296612  
 
ที่มา : tka29005.blogspot.com/

  

ขอให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-13 00:24:18


ความคิดเห็นที่ 74 (1607828)

 

“ในหลวง” ทรงตั้งมูลนิธิสู้ภัยน้ำ

ใช้ชื่อว่า “มูลนิธิอุทกพัฒน์”

 

“พระมหาพิชัยมงกุฎ”

เครื่องหมายประจำ “มูลนิธิอุทกพัฒน์”

 

รูปภาพ


ข่าวพระราชสำนัก / Royal news :

วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๕

“ในหลวง” ทรงตั้งมูลนิธิสู้ภัยน้ำ

ใช้ชื่อว่า “มูลนิธิอุทกพัฒน์”

เพื่อทำหน้าที่ในการดูแลบริหารจัดการ

ทรัพยากรน้ำร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ

พระราชทานทุนทรัพย์ ๘๔ ล้าน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

พระราชทานทุนทรัพย์ ๘๔ ล้านบาท

เพื่อเป็นทุนประเดิมในการก่อตั้ง

“มูลนิธิอุทกพัฒน์”

ตามที่สถาบันสารสนเทศ

ทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.)

ขอพระราชทาน พร้อมทรงให้ใช้

“พระมหาพิชัยมงกุฎ”

เป็นเครื่องหมายประจำมูลนิธิ

ทำหน้าที่บริหารและจัดการ

ทรัพยากรน้ำในประเทศไทย 


 

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 03:03:18


ความคิดเห็นที่ 75 (1608843)

พระเทพฯ พระราชทานสัมภาษณ์ ′หลักการทรงงานพัฒนาประเทศ′ของในหลวง

วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 09:52:37 น

ไม่บ่อยครั้งนักที่พสกนิกรชาวไทยจะได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

หากครั้งนี้ นับเป็นความพิเศษอย่างยิ่ง เมื่อ "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัมภาษณ์เกี่ยวกับ "หลักการทรงงานพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ในโอกาสที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ประธานที่ปรึกษาคณะทำงานจัดทำหนังสือเฉลิมพระเกียรติ"พระมหากษัตริย์นักพัฒนา เพื่อประโยชน์สุขสู่ปวงประชา" นำคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และทีมงานจัดทำหนังสือเข้าเฝ้าฯ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับหลักการทรงงานพัฒนาประเทศ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งขอน้อมอัญเชิญมาดังนี้

- ทรงแก้ไขปัญหาให้ประชาชน โดยใช้องค์ความรู้

หลักกว้างๆ ของพระองค์คือ เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรว่ามีสิ่งอะไรที่ควรปรับปรุงได้ดีกว่านี้ ทำประโยชน์ให้เจริญรุ่งเรืองได้มากขึ้นกว่านี้ หรือประชาชนยังมีปัญหาความทุกข์ในพื้นที่แบบนี้ จะทำอย่างไร โดยพระองค์จะทรงใช้ความรู้ที่มีอยู่แล้ว หรือหากยังทรงไม่มีความรู้ในสิ่งที่คิดว่าสำคัญ พระองค์จะทรงหาความรู้ โดยทรงศึกษาและสนทนากับผู้รู้ต่างๆ แล้วนำมาประยุกต์ปรับปรุง ด้วยความตั้งพระราชหฤทัยที่จะทำประโยชน์ให้แก่ประชาชน พระองค์เองจะทรงลำบากเดือดร้อนอย่างไร ก็ทรงไม่สนพระทัย ถ้าทรงเห็นว่าดีแล้วก็ต้องเข้มแข็งพอที่จะทำ หากว่ามีปัญหาหรือใครว่ามา ก็ทรงต้องมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไข ไม่ใช่ว่าพอมีปัญหาก็หลีกเลี่ยงไป ต้องอดทน ตั้งใจ ระมัดระวัง และรอบคอบ

- ทรงพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ ′การพัฒนาที่ยั่งยืน′

เป้าหมายในการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ "การพัฒนาที่ยั่งยืน" เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของคน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ให้คนมีความสุข โดยต้องคำนึงเรื่องสภาพภูมิศาสตร์ ความเชื่อทางศาสนา เชื้อชาติ และภูมิหลังทางเศรษฐกิจ สังคม แม้ว่าวิธีการพัฒนามีหลากหลาย แต่ที่สำคัญคือ นักพัฒนาจะต้องมีความรัก ความห่วงใย ความรับผิดชอบ และการเคารพในเพื่อนมนุษย์ จะเห็นได้ว่าการพัฒนาเกี่ยวข้องกับมนุษยชาติ และเป็นเรื่องของจิตใจ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนอยู่เสมอว่า งานพัฒนานั้นต้องเป็นที่ต้องการของบุคคลเป้าหมาย และผู้ร่วมงานต้องพอใจ งานพัฒนาเป็นงานยากและกินเวลานาน ผู้ที่ทำงานพัฒนาหรือที่เรียกว่า "นักพัฒนา" จึงต้องเป็นผู้ที่อดทน เชื่อมั่นในคุณความดี มีใจเมตตากรุณา อยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์และอยากให้ผู้อื่นมีความสุข ต้องมีความรู้กว้างขวาง เพราะงานพัฒนาเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ มาก ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้าใจ และยอมรับนับถือผู้อื่น เพราะเป็นงานที่ไม่มีทางทำสำเร็จได้โดยลำพัง
 


นอกจากนี้ นักพัฒนาต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ถ้าคอร์รัปชั่นหรือโกงเสียเองแล้วก็จะเป็นที่เกลียดชัง ผู้อื่นไม่ไว้ใจ หรือไม่เป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อพัฒนาสำเร็จ มีความเจริญรุ่งเรืองก็จะเกิดความสุขถ้วนทั่วทั้งบุคคลเป้าหมายและนักพัฒนาเอง

ด้วยวิธีเช่นนี้ และด้วยความตั้งใจจะทำประโยชน์ให้แก่คนอื่น ตัวเองจะลำบากเดือดร้อน ไม่สนใจ หรือหากเห็นว่าดีแล้วก็ต้องมีความตั้งใจเข้มแข็ง และอดทนพอที่จะทำต่อไปโดยไม่ย่อท้อ

- ทรงเป็นต้นแบบ ′ประชาพิจารณ์′

ก่อนจะเสด็จฯไปทรงงานตามที่ต่างๆ จะทอดพระเนตรจากแผนที่ทางอากาศก่อนว่าควรจะเสด็จฯที่ไหน หรือจะทรงแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างไร สำคัญต้องไปคุยกับชาวบ้านก่อนว่าเขาต้องการไหม ถ้าเขายังไม่ต้องการ ยังไม่สบายใจที่จะทำ เราก็ไปทำที่อื่นก่อน นั่นคือ ทรงทำประชาพิจารณ์ด้วยพระองค์เอง

- ทรงมุ่งพัฒนาทั้งคนและพื้นที่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริเรื่องต้องพัฒนาทั้งคนและพื้นที่ โดยจะทรงพยายามให้ทั้งคนและพื้นที่ได้รับการพัฒนา

- ทรงบริหารความเสี่ยง...ทดลองจนได้ผลดีก่อนพระราชทานแก่ราษฎร

พระองค์ตรัสเสมอว่า ถ้ายังไม่ดีจริง ไม่ให้ประชาชนนำไปทำแล้วต้องรับผลแห่งความผิดพลาดหรือรับกรรม พระองค์จะทรงทำโดยต้องทดลองจนแน่พระทัยว่าทำได้แล้วจึงให้เขาทำ เป็นการ "บริหารความเสี่ยง" ไม่ให้เขาเสี่ยง คนที่ไม่มีแล้วยังมาเสี่ยงต้องรับเคราะห์กรรมอีก พระองค์จะไม่ทรงทำ

- พระองค์ทรงงานเพื่อให้ชีวิตของคนไทยมั่นคง

หลักของพระองค์คือ อยากให้คนมีความรู้ เป็นการทรงงานเพื่อให้ชีวิตของคนไทยมั่นคง มีสุขภาพดี มีความรู้ มีการศึกษาที่สามารถจะทำอะไรได้ และจะได้ฝึกหัดนักพัฒนารุ่นต่อๆ ไป ให้มีจิตใจอยากจะทำสิ่งดีๆ ให้แก่ประเทศชาติ และให้มีความรู้ที่จะทำได้ มีสปิริต มีจิตอาสาที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่องของการสอนคนอื่นให้ทำ พระองค์ทรงถือว่าสำคัญ

- ทรงเน้นให้การศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาส

ในการพัฒนานั้น การศึกษาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะค้ำจุนให้ประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ ต้องมีการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับ ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา จะต้องฝึกนักเรียนให้มีทักษะทั้งในการปฏิบัติ และมีพลังความคิด ให้มีระบบแบบวิทยาศาสตร์ และต้องมีจินตนาการ ซึ่งจะนำให้เกิดความสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพื่อให้การศึกษาประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

หลักของพระองค์คือ ทรงทำทุกอย่างที่จะช่วยเหลือประชาชนให้มีความสุข
 


- ทรงช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ

เมื่อเร็วๆ นี้ มีเพื่อนนักเรียนมาบอกว่า ไม่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงช่วยอะไรคนกรุงเทพฯเลย คือจริงๆ แล้วพระองค์ทรงช่วย อย่างเรื่องน้ำท่วม ตั้งแต่ทำเขื่อนป่าสัก น้ำก็ไม่ท่วมหนักอย่างเก่า

ทรงตั้ง ′มูลนิธิชัยพัฒนา′ เพื่อช่วยเหลืออย่างครบวงจร

พระองค์ทรงเห็นว่าบางอย่างเป็นงานที่เร่งด่วน หากรองบประมาณอาจจะไม่ทันการณ์ จะทำให้การพัฒนาไม่ครบวงจร และไม่ครอบคลุมการช่วยเหลือ พระองค์จึงทรงให้ทำในรูปแบบของเอกชน โดยตั้งเป็น "มูลนิธิชัยพัฒนา" ขึ้นมา โดยทำในลักษณะขององค์กรเอกชน หรือเอ็นจีโอ โดยระดมทุนจากการบริจาค

นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนแต่การลงทุนของเราทำอย่างประหยัดและรอบคอบ เพราะฉันดูแลเองอย่างใกล้ชิดทุกบาททุกสตางค์ โดยมีที่ปรึกษาการลงทุนก็พยายามดูว่าเรื่องไหนที่สมควรลงทุน เพราะจะรอจากการบริจาคอย่างเดียวไม่พอ ระยะหลังจึงมีกิจกรรมและการลงทุนหลายอย่าง เช่น ออกงานขายของ มีร้านกาแฟ ร้านขายเสื้อ และขายของอื่นๆ อีกหลายอย่าง

- ต้องพัฒนาแบบกึ่งการกุศล กึ่งเมตตาจิต

บางครั้งแม้ว่าจะเห็นด้วยกับนักบริหารยุคใหม่ แต่ก็ต้องดึงๆ ไว้เหมือนกัน เพราะบางอย่างต้องพัฒนากึ่งการกุศล กึ่งเมตตาจิตด้วย บางทีจะมุ่งเน้นพัฒนาชนิดที่ว่า พอลงทุนแล้วจะต้องได้ผลที่ก้าวหน้าออกมาอย่างเดียวไม่ได้ แต่ว่าต้องมีเมตตาจิต คือช่วยเหลือ เขาน่าสงสาร ซึ่งเดิมมูลนิธิชัยพัฒนาเคร่งครัดเรื่องนี้มาก ทำแต่งานพัฒนา ตอนหลังๆ ไม่ไหว ต้องเมตตาจิตด้วย

พระองค์ตรัสว่า ต้องระวังในการทำธุรกิจ แม้ว่าจะทำเพื่อหารายได้มาช่วยเหลือประชาชน แต่ก็ต้องทำธุรกิจแบบมีเมตตา ต้องรักเขา รักที่จะทำ รักคนที่เราอยากจะช่วย เราก็จะคิดออก แล้วเราก็จะทำได้จะยอมสละได้ทุกอย่าง

ผู้บริหารรุ่นใหม่บางครั้งเขาเคร่งครัด เขาบอกต้องทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้ มีกำไร ถ้าอย่างนั้นง่ายมากเลย ขายเสื้อ ขายก๋วยเตี๋ยว ขายไอศกรีมเดี๋ยวก็ได้ แต่การทำอย่างนี้จะไม่ถึงชาวบ้าน หรือคนที่เราต้องการจะช่วย บางครั้งก็ต้องติงๆ เหมือนกัน การช่วยเหลือชาวบ้านก็ต้องมีเสียทิ้งน้ำไปบ้าง แต่ในขณะเดียวกัน การที่เขาติงหรือตัดงบประมาณก็ดี ทำให้เราต้องรอบคอบ ฉันสามารถตัดงบประมาณร้อยล้านสองร้อยล้านบาท เหลือสิบเก้าล้านบาท ที่ฉันตัดงบประมาณส่วนใหญ่จะตัดพวกก่อสร้างอะไรที่หรูหราฟุ่มเฟือยมากเกินไป แต่อะไรที่จะให้คนจน ก็ให้เขาเถอะ

- ดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง

ใครบอกว่าเดี๋ยวนี้พระองค์ไม่เสด็จฯแล้ว ถือว่าไม่ทำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้นไม่ถูก ที่ถูกคือ เราทำกันมานานจนกระทั่งรู้แล้วว่าพระองค์ทรงโปรดแบบไหน พระองค์จะทรงให้ช่วยราษฎรพ้นจากความเดือดร้อนอย่างไร ต้องช่วยคน ต้องทำเท่าที่จะทำได้ เรารู้ว่าหลักการเป็นแบบนี้ สิ่งที่ฉันได้มาจากการตามเสด็จฯคือ การที่พระองค์ทรงปฏิบัติให้เห็น ทำให้เราคิดได้ว่าควรจะทำอย่างไร

- พระองค์ทรงงานจนรู้สึกเป็นชีวิตประจำวัน

พระองค์ก็คงทรงเหนื่อยเหมือนกัน แต่ทรงไม่บ่น ทรงงาน 365 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะมีเสียงวิทยุดังมาตลอด และยังมีอุปกรณ์สำหรับติดตามข่าวสารพัดอย่าง พระองค์ก็ทรงพยายามสอนถ่ายทอดให้ฉัน เช่น ไฟฟ้ากี่แอมแปร์ กี่วัตต์ กี่โวลต์ พระองค์ทรงฟังคลื่นวิทยุหลายเครือข่าย ถึงทรงรู้ว่า มีน้ำท่วม ไฟไหม้ตรงไหน มีอะไรพระองค์ก็ทรงให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที ตรงนี้คงไม่เรียกว่าพัฒนา เป็น "บรรเทาสาธารณภัย" มากกว่า

เดี๋ยวนี้ก็ยังทรงทำอยู่เลย พระองค์ทรงงานแบบนี้จนรู้สึกว่าเป็นชีวิตประจำวันของพระองค์ จะทรงมีของพระราชทานวางไว้ตามกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนตลอด พอเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน ก็สามารถนำไปมอบให้ชาวบ้านได้ทันที แต่ว่าตอนหลังๆ พาหนะอาจจะชำรุดไปบ้าง ก็กำลังให้เขาซ่อมและทำใหม่ ขณะเดียวกันก็พยายามหาเครือข่ายในการทำงานร่วมกัน

พระองค์ทรงสนพระทัยในการช่วยเหลือราษฎรเป็นอย่างมาก และยังทรงงานอยู่ ตรงไหนที่พระองค์เสด็จฯไหวก็จะเสด็จฯ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เสด็จฯไปทรงเปิดคลองลัดโพธิ์ และสะพานภูมิพล ส่วนผู้รับผิดชอบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ก็ทำงานอย่างต่อเนื่อง และมาถวายรายงาน พระองค์ก็มีพระบรมราชวินิจฉัยในการดำเนินงาน

- แม้ประทับ ณ โรงพยาบาล... ยังทรงห่วงใยประชาชน

ขณะนี้ แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ก็ยังทรงงานเพื่อจะช่วยเหลือพสกนิกรอยู่ตลอดเวลา มีพระราชดำริแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณใกล้เคียงโรงพยาบาลศิริราชที่หนาแน่นมากทั้งทางบกและทางน้ำ เนื่องจากพระองค์ทรงทำเรื่องการจราจรอย่างต่อเนื่องมาตลอด พระองค์จะทรงมอบหมายให้ตำรวจไปดูตามจุดต่างๆ คำนวณการเลี้ยวของรถ และสำรวจจุดจราจรที่สำคัญๆ เช่น ตามอนุสาวรีย์ สี่แยก หรือวงเวียนต่างๆ ว่าควรจะออกแบบถนนให้มีรูปร่างแบบไหน ขนาดเท่าไหร่ ตรงไหนควรมีสะพาน หรือควรมีอะไรเพื่อให้การจราจรเคลื่อนตัวได้อย่างลื่นไหล

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้รับพระราชทานสัมภาษณ์เรื่องราว "อันทรงคุณค่ายิ่ง" ซึ่งหลักการทรงงานนี้หากพสกนิกรชาวไทยดำเนินตามรอยพระยุคลบาท นำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ เชื่อว่า ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยอย่างแน่นอน

  คัดลอกจาก matichon.co.th

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-02 14:22:49


ความคิดเห็นที่ 76 (1609478)

ฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่

ที่ทรงใช้ประจำ


เปิดใจในรายการ "วีไอพี" คืน 24 ก.ย. 2550


 

เรื่องความพอเพียงของ "ในหลวง"

ทรงฉลองพระบาทเก่าที่ต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก
คุณศรไกร แน่นศรีนิล  ช่างทำรองเท้า

ร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย)

ได้มีโอกาสถวายงาน

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช"

เป็นเวลาหลายสิบปี !

"ผมเป็นลูกจ้างร้านซ่อมรองเท้ามาสิบกว่าปี

จนมาเปิดร้านของตัวเองแถบถนนพิชัย

วันหนึ่งเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังถือพาน

ใส่รองเท้าเดินเข้ามาในร้าน 

ก่อนยื่นให้ผม เขาก้มลงกราบพาน 

ผมก็ตกใจถามว่าเอาอะไรมาให้ผม

เขาก็บอกว่าเป็นรองเท้าของ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงโปรด 

แต่เก่ามากแล้วไม่รู้

จะเอาไปซ่อมที่ไหน โอ้โห ผม ขนลุก 

บรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง 

ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสดีๆ แบบนี้ 

เพราะร้านดังๆ ก็มีเยอะแยะ 

แต่กลับกลายเป็นร้านเราที่
ได้รับโอกาสสำคัญ ทำงานในครั้งนี้"


ฉลองพระบาททั้งสององค์

ที่ทรงใช้อย่าง "พอเพียง

ฉลองพระบาทคู่แรกสภาพเป็นอย่างไร ?
 
"เป็นรองเท้าหนังสีดำ และเท่าที่ผมสังเกตเห็น

สภาพชำรุดทรุดโทรม

จากการใช้งานมาหลายสิบปี 

ภายในรองเท้าผุกร่อนหลุดลอกหลายแห่ง 

ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปก็อาจจะทิ้งไปแล้ว

แต่ทรงให้เจ้าหน้าที่นำมาซ่อมเพื่อใช้งานต่อ 

เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าฉลองพระบาทหนังสีดำคู่นี้

คือฉลองพระบาทคู่โปรดของพระองค์

ผมใช้เวลาซ่อมเกือบเดือน

ทั้งที่จริงแล้วทำแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ !

แต่ด้วยความอยากให้อยู่บ้านเรานานๆ 

เสร็จแล้วผมก็ถือโอกาสตัดฉลองพระบาท

ถวายพระองค์ท่านเพิ่มอีกคู่หนึ่งด้วย"


พื้นด้านล่างฉลองพระบาท "ในหลวง"

ที่ทรงโปรดให้ซ่อมแล้วซ่อมอีก

หลังจากนั้น ได้มีโอกาสซ่อมฉลองพระบาท

ในหลวงเพิ่มอีกหรือไม่ ??

"ผมได้มีโอกาสซ่อมฉลองพระบาทอีก 4 คู่ 

อาการแตกต่างกันไป ทั้งพื้นสึก ก็ซ่อมแซมตรงส้น

กันพระองค์ลื่น  แล้วฉลองพระบาทลำลองขาด 

ปะตรงรอยที่ขาด

บางคู่ก็เป็นรอยสุนัขทรงเลี้ยงกัด แหว่ง

ซ่อมแซมตามอาการ

แต่ที่ประทับใจสุดคือ

ได้ซ่อมฉลองพระบาทคู่หนึ่งเก่ามาก

หนังข้างนอกหลุดลุ่ย 

พอผมรับมาก็เอามาทำทรงใหม่

ต้องเลาะหนังเก่าออก 

แต่ตอนที่เลาะออกมาเห็นรอยพระบาท

ตื่นเต้นมาก 

คุณศรไกรและพิธีกรถ่ายรูปร่วมกับฉลองพระบาท

เคยเห็นในทีวีคนเค้าไปรับเสด็จ

เค้ามีผ้าเช็ดหน้ารองให้ทรงเหยียบ 

แต่นี่เราเห็นรอยปรากฏอยู่อย่างนี้  เราจะทิ้งได้ยังไง

ผมก็เลยเอาไปใส่กรอบแล้วตั้งเอาไว้บนหิ้งสูงสุด

ตกแต่งอย่างดี มีพานและผ้าคลุมพานสีเหลือง

พอลูกค้าเข้ามาเห็นก็ถามว่า

ทำไมเอารองเท้าไปตั้งบนพาน 

เราก็ไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไหร่ 

แต่ก็จะแย้มว่าเป็นรองเท้าของพระองค์ท่าน

เค้าก็จะดีใจกันขออนุญาตเอามาเทินหัว


ที่มา : www.abhakara.com/webboard/index.php


 

 

 

  

ขอให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 12:36:35


ความคิดเห็นที่ 77 (1609573)

 "ครองใจคน" หลากเหตุผลที่คนไทยรักในหลวง

(เตรียมผ้าซับน้ำตาด้วยนะตอนอ่าน เพราะซึ้งมาก ๆ)

".... ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ่นดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใด
ที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
ให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้
...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อน ๆ ทรงครองแผ่นดิน
แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้
ทรง "ครองใจคน.."


หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
 
เรื่อง "เดิมพันของเรา"
 
ครั้งหนึ่ง เมื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า
"เคยทรงเหนื่อย ทรงท้อบ้างหรือไม่"
ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสตอบว่า
"ความจริงมันน่าท้อถอยหรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย
แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูง
เหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านคือเมือง
คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ"
 
ข้อมูลจาก ไทยรัฐ ฉบับ 5 ธ.ค.32
 
เรื่อง "ราษฎรยังอยู่ได้"
 
ปีพุทธศักราช 2513 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์
ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎรในตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองพัทลุง
อันเป็นแหล่งที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ปฏิบัติการรุนแรงที่สุดในภาคใต้เวลานั้น
ด้วยความห่วงใยอย่างยิ่งล้น ทางกระทรวงมหาดไทยได้กราบบังคมทูล
ขอให้ทรงรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
เสียก่อน แต่คำตอบที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้รับก็คือ
"ราษฎรเขาเสี่ยงภัยยิ่งกว่าเราหลายเท่า เพราะเขาต้องกินอยู่ที่นั่นเขายังอยู่ได้
แล้วเราจะขลาดแม้แต่จะไป เยี่ยมเยียนทุกข์สุขของเขาเชียวหรือ"
 
ข้อมูลจากคำอภิปรายเรื่อง "พระบิดาประชาชน"
 
 
และมีอีกหนึ่งพระกระแสพระราชดำรัสที่เป็นคำตอบว่า
เหตุใดจึงไม่อาจหยุดทรงงานได้
"...คนเราจะอยู่สุขสบายแต่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ล้อมรอบมีความทุกข์ยาก
ควรต้องแบ่งเบาความทุกข์ ยากของเขาบ้าง
ตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้"
 
"เขาเดินมาเป็นวัน ๆ"
 
"...มีอยู่ครั้งนึง ข้าพเจ้าอายุ 18 ปี ได้ตามเสด็จ...ตอนนั้นเป็นช่วง
หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จฯ เยี่ยมราษฎร
ทุกจังหวัดและอำเภอใหญ่ ๆ ก็เสด็จฯ ประมาณ 9 โมงเช้า
เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรมาเรื่อย ๆ
ทีนี้ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า แหม นานเหลือเกิน ตอนนั้นยังไม่กางร่ม
ตอนนั้นยังไม่ค่อยกลัวแดด ไม่ใส่หมวก ก็รู้สึกแดดเปรี้ยง
หนังเท้านี้รู้สึกไหม้เชียว ก็เดินเข้าไปกระซิบท่านว่า
พอหรือยัง ก็โดนกริ้ว
นี่เห็นไหมราษฎรเขาเดินมาเป็นวัน ๆ เพื่อมาดูเราแม้แต่นิดเดียว
แต่นี่เรายืนอยู่ไม่เท่าไรล่ะ ตอนนี้ทนไม่ไหว
เสียแล้ว.."
 
พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ วันที่ 11 ส.ค. 2534
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 23:03:04


ความคิดเห็นที่ 78 (1609575)

 "ดอกไม้จากหัวใจ"

ที่นครพนม บนเส้นทางรับเสด็จตรงสามแยกชยางกูร-เรณูนคร
บ่ายวันที่ 13 พ.ย. 2498 อาณัติ บุนนาค หัวหน้าส่วน
ช่างภาพประจำพระองค์ ได้บันทึกภาพในวินาทีสำคัญที่กลาย
เป็นภาพประวัติศาสตร์ าพหนึ่งของประเทศ 
 
ภาพที่พูดได้มากกว่าคำพูดหนึ่งล้านคำ
 
วันนั้นหลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
เสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จฯ
โดยรถยนต์พระที่นั่งกลับไปประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูก จูงหลานหอบ
กันมารับเสด็จที่ริมถนนอย่างเนืองแน่น
ดังเช่นครอบครัวจันท์นิตย์ ที่ลูกหลานช่วยกันนำ แม่ตุ้ม จันท์นิตย์
วัย 102 ปี ไปรอรับเสด็จ ณ จุดรับเสด็จห่างจากบ้าน 700 เมตร
โดยลูกหลานได้จัดหาดอกบัวสายสีชมพูให้แม่เฒ่าจำนวน 3 ดอก
และพาออกไปรอที่แถวหน้าสุดเพื่อให้
ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่สุด
เปลวแดดร้อนแรงตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย
แผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรา
ยังเบิกบาน เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า
แม่เฒ่าได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้น
ขึ้นจบเหนือศีรษะแสดงความ
จงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระเจ้าแผ่นดินทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด
จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า
ทรงแย้มพระสรวลอย่างเอ็นดู พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำ
ของเกษตรกรชราชาวอีสานอย่างอ่อนโยน
เป็นคำบรรยายเหมือนไม่จำเป็น
สำหรับภาพที่ไม่จำเป็นต้องบรรยาย
ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า
แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีวันลืม
เช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญ
ที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลานและเหลนของแม่เฒ่าเล่าว่า
"หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้ว
ทางสำนักพระราชวังได้ส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม
พร้อมทั้งพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพลาสเตอร์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานผ่านมาทางอำเภอพระธาตุพนมให้แม่เฒ่าตุ้ม
ไว้เป็นที่ระลึก"
พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้
อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้แม่เฒ่ายืนยาวขึ้นอีก
ด้วยความสุขต่อมาอีกถึงสามปีเต็ม ๆ
แม่เฒ่าตุ้ม จันท์นิตย์ ราษฎรผู้โชคดีที่สุดคนหนึ่งในรัชกาลที่ 9
สิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่ออายุได้ 105 ปี
 
ข้อมูลจาก "แม่เฒ่าตุ้ม จันท์นิตย์"
ภาคพิเศษโดย คุณหญิงศรีนาถ สุริยะ วารสารไทย
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 23:15:16


ความคิดเห็นที่ 79 (1609578)

 "ต่อไปจะมีน้ำ"

บทความ
"น้ำทิพย์สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวงาม ทั่วเขตคามชื่นธารา"
เขียนโดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ ตีพิมพ์ใน
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 ธ.ค.2528
ได้เล่าให้ผู้อ่านชาวไทยได้ประจักษ์ถึงเรื่องอัศจรรย์ของ
 
"ในหลวง" กับ"น้ำ"
 
ที่เกิดขึ้นในคำวันหนึ่งของเดือน ก.พ.2528
ด้วยความทุกข์ที่เปี่ยมล้นใจอันเนื่องมาจาก
ต้องเผชิญความแห้งแล้งอย่างหนัก
หญิงชราคนนึ่งที่มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ
ได้คลานเข้ามากอดพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กราบบังคมทูลด้วยน้ำตาอาบแก้ม ขอพระราชทานน้ำ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบว่า
 
"ยายไม่ต้องห่วงแล้วนะ ต่อไปนี้จะมีน้ำ เราเอาน้ำมาให้"
 
แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระดำเนินกลับ
ไปยังรถพระที่นั่งซึ่งจอดห่างออกไปราว 5 เมตร ปรากฏว่า
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนแล้ง จู่ ๆ
ก็เกิดฝนตกลงมาเป็นครั้งแรกในรอบปี
ทำให้ผู้ตามเสด็จและราษฎรในที่นั้นถึงกับงุนงง
ไปตาม ๆ กัน
 
"เก็บร่ม"
 
การเสด็จพระราชดำเนินทุกครั้ง
แม้จะต้องเผชิญกับแดดร้อนหรือลมแรง
ราษฎรก็ไม่เคยย่อท้อที่จะอดทนรอรับเสด็จให้
ถึงที่สุด แม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ไม่มีใครยอมกลับบ้าน
ร้อยเอกศรีรัตน์ หริรักษ์ เล่าไว้ในบทความ
 
"พระบารมีปกเกล้าฯ ที่อำเภอท่ายาง"
 
ตีพิมพ์ในหนังสือ
"72 พรรษาราชาธิราชเจ้านักรัฐศาสตร์"
 
ว่า ครั้งหนึ่งที่โครงการห้วยสัตว์ใหญ่
เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลง
มาอย่างหนัก ราษฎรและข้าราชการที่มาเข้าแถวรอรับเสด็จ
ต่างเปียกปอนกันหมด แต่ก็ยังตั้งแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย
อยู่อย่างนั้น
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
นายตำรวจราชองค์รักษ์ที่ตามเสด็จได้เข้าไปกางร่มถวาย
ทรงทอดพระเนตรเห็นบรรดาข้าราชการและราษฎร
ที่มายืนตั้งแถวรอรับเสด็จอยู่ต่างก็เปียกฝนโดยทั่วกัน
 
"จึงมีรับสั่งให้นายตำรวจราชองครักษ์เก็บร่ม
แล้วทรงพระดำเนินเยี่ยมข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเสด็จ
โดยทรงเปียกฝนเช่นเดียวกับข้าราชการ
และราษฎรทั้งหลายที่ยืนรอรับเสด็จในขณะนั้น"
 
"สิ่งที่ทรงหวัง"
 
ครั้งหนึ่งขณะเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎร
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนหนึ่งได้ขอพระราชทาน
สัมภาษณ์ และได้กราบบังคมทูลถามว่า
การที่เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรและมีโครงการตามพระราชดำริ
เกิดขึ้นมากมายนั้น
ทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์น้อยลงใช่หรือไม่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งตอบว่า
 
"มิได้ทรงสนพระทัยว่าคอมมิวนิสต์จะน้อยลงหรือไม่ แต่ทรงสน
พระทัยว่าประชาชนของพระองค์จะหิวน้อยลงหรือไม่"
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 23:25:02


ความคิดเห็นที่ 80 (1609579)

 "รักถึงเพียงนี้" และ "จุดเทียนส่งเสด็จ"

บทความชื่อ

 
"แผ่นดินร่มเย็นที่นราธิวาส" ตีพิมพ์ในนิตยสาร "สู่อนาคต"
 
ฉบับพิเศษเนื่องในวันเฉลิมฯ ได้เล่าย้อนให้เรา
ได้เห็นภาพความยากลำบากในการเสด็จฯ
เยี่ยมราษฎรทางภาคใต้เมื่อหลายปีก่อน
โดยเฉพาะช่วงก่อนสร้างพระราชตำหนักทักษิณราชนิเวศน์นั้น
เป็นที่รู้กันว่าจังหวัดนราธิวาสชุกชุมไปด้วยโจรร้าย โจร
ปล้นสะดมและพวกโจรเรียกค่าไถ่ ถึงขนาดที่ในหลาย ๆ
หมู่บ้านนั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป
ทว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในทุกข์
อันลึกล้ำของชาวบ้านที่ทั้งทุกข์เพราะยากจน
และทุกข์เพราะภัยคุกคาม
จึงได้เสด็จฯ ลงไปเยี่ยมเยียนเป็นขวัญกำลังใจ
ให้ราษฎรของพระองค์โดยไม่ทรงหวาดหวั่น
บางวันถึงกับเสด็จ
เป็นการส่วนพระองค์โดยปราศจากกำลังอารักขา
และบางหมู่บ้านตำรวจเพิ่งถูกคนร้ายแย่งปืนแล้วยิงตาย
ก่อนเสด็จไปถึงเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ทรงรักราษฎรถึงเพียงนี้ จึงไม่แปลก
ที่หญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้านหนึ่งของอำเภอรือเสาะจะ ..
 
"เข้ามาเกาะ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ร้องไห้แล้วบอกว่า
ไม่นึกเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไทยชาวพุทธ
จะมารักมุสลิมได้ถึง
ขนาดนี้"..
 
บทความเดียวกันได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า
ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอเดียวกันนั้น
 
"โต๊ะครูได้พาพรรคพวกมายืนรอรับเสด็จ
แล้วพูดขึ้นว่า ..รายอกลับไปเถอะ
ประไหมสุหรีกลับไปเถิด
ประเดี๋ยวพวกโจรจะลงจากเขา..."
 
และเมื่อถึงเวลาเสด็จฯ กลับที่มืดสนิทอย่างน่ากลัว
โต๊ะครูกับชาวบ้านก็พากันมาจุดเทียนส่งเสด็จตลอด
เส้นทางอันตราย ด้วยความห่วงใยใน
 
"รายอ" และ "ประไหมสุหรี"
หรือ
พระราชาพระราชินีของพวกเขา
อย่างสุดซึ้ง
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 23:33:47


ความคิดเห็นที่ 81 (1609580)

 "รถติดหล่มกับถนนสายนั้น"

หากย้อนกลับไปค้นหาจุดเริ่มต้นของพระราชกรณียกิจ
ในด้านการพัฒนาแล้ว ชื่อของ
 
"ลุงรวย" และ "บ้านห้วยมงคล"
 
คือสองชื่อที่ลืมไม่ได้
 
เรื่องราวของ "ลุงรวย"
เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2495 หรือมากกว่าห้าสิบปีล่วงมาแล้ว
ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กใน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
บ้านห้วยมงคลนี้อยู่ทั้ง
"ใกล้และไกล" ตลาดหัวหิน
ใกล้เพราะระยะทางที่ห่างกันนั้นไม่กี่กิโลเมตร
แต่ไกลเพราะไม่มีถนน
หากชาวบ้านจะขนพืชผักไปขายที่ตลาด
ต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ
ห่างไกลความเจริญถึงเพียงนี้
แต่วันหนึ่งกลับมีรถยนต์คันหนึ่ง
มาตกหล่มอยู่ที่หน้าบ้านลุงรวย
เมื่อเห็นทหารตำรวจกว่าสิบนาย
ระดมกำลังกันช่วยรถคันนั้นขึ้นจากหล่ม
ลุงรวยผู้รวยน้ำใจสมชื่อก็กุลีกุจอออก
ไปช่วยทั้งงัด ทั้งดัน ทั้งฉุด จน
ที่สุดล้อรถก็หลุดจากหล่ม
เมื่อรถขึ้นจากหล่มแล้ว ลุงรวยจึงไดรู้้วา่
รถคันที่ตัวทั้งฉุดทั้งดึงนั้นเป็น รถยนต์
ระที่นั่งและคนในรถนั้นคือ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชินีนาถ
แม้จะตื่นเต้นตกใจที่ได้เฝ้าฯ ในหลวงอย่างไม่คาดฝัน
แต่ลุงรวยก็ยังจำได้ว่าวันนั้น
"ในหลวง" มีรับสั่งถามลุงว่า
หมู่บ้านนี้มีปัญหาอะไรบ้าง..
ลุงได้กราบบังคมทูลว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดคือไม่มีถนน
จึงนอกจากจะโชคดีได้รับพระราชทาน
"เงินก้นถุง" จำนวน36 บาท
ซึ่งลุงนำไปเก็บใส่หีบบูชาไว้เป็นสิริมงคลจนถึงทุกวันนี้แล้ว
อีกไม่นานหลังจากนั้น
ลุงรวยก็ได้เห็นตำรวจพลร่มกลุ่มหนึ่ง
เข้ามาช่วยกันไถดินที่บ้านห้วยมงคล
และเพียง
หนึ่งเดือนเท่านั้น
ชาวบ้านก็ได้ถนนพระราชทาน
ถนนห้วยมงคลที่ทำให้ชาวไร่ห้วยมงคล
สามารถขนพืชผักออกมาขายที่ตลาดหัวหิน
ได้ภายในเวลาเพียง 20 นาที
 
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 23:41:12


ความคิดเห็นที่ 82 (1609581)

 "สามร้อยตุ่ม"

มีหลายหนที่ทรงงานติดพันจนมืดสนิท
ท่ามกลางฝูงยุงที่รุมตอมเข้ามากัด
บริเวณพระวรกาย รอบพระศอ พระกร พระพักตร์
รวมทั้งแมลงต่าง ๆ ที่เข้ามารุมรบกวนพระองค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จะยังทรงทอดพระเนตรแผนที่อยู่ภายใต้แสงไฟฉาย
ที่มีผู้ส่องถวายอย่างไม่สะดุ้งสะเทือน
อย่างมากที่ทรงทำคือ
โบกพระหัตถ์ปัดไล่เบา ๆ เท่านั้น
ครั้งหนึ่งทรงมีรับสั่งเล่าเรื่อง "ยุง"
ด้วยพระอารมณ์ขันว่า
"..ที่บางจาก แต่ไม่มีจากหรอกนะ ยุงชุมมากเลย
ไปยืนดูแผนที่ เลยโดนยุงรุมกัดขาทั้งสองข้าง
กลับมาขา
บวมแดง
ไปสกลนครกลับมาแล้วถึงได้ยุบลง
มองเห็นเป็นตุ่มแดง
ลองนับดูได้ข้างละร้อยห้าสิบตุ่ม สองข้าง
รวมสามร้อยพอดี.."
 
แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 48 10:31:50
 
อันนี้ชอบมากครับ...
 
เคยอ่านบทสัมภาษณ์ที่
ในหลวงให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
เมื่อครั้งเดินทางไปที่อเมริกา ว่า
เพราะเหตุใดพระองค์ถึงไม่ทรงยิ้มหรือพระสรวลบ้างเลย
เวลาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
 
พระองค์ทรงชี้ไปที่พระราชินีที่นั่งอยู่ข้างๆ พระองค์
พร้อมกับตอบคำถามที่นักข่าวคนนั้นถามว่า
 
"She"s my smile"
 
เมื่อนักข่าวมองไปที่พระราชินี
ท่านก็ทรงยิ้มให้กับนักข่าวต่างประเทศเหล่านั้น
 
ผมชอบประโยคนี้จังครับ
 
"คำสอนประโยคเดียว"
 
เมื่อนิตยสาร "สไตล์"ฉบับปี 2530
ได้ตั้งคำถามกับ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล
ถึง "คำสอน" ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ประทับอยู่ในหัวใจ ดร.สุเมธ
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการ กปร.
ตอบว่า
 
"คำสอนประโยคเดียวก็เกินพอ"
 
นั้นคือพระราชดำรัสที่ว่า
 
"มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้
นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น"
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 23:49:12


ความคิดเห็นที่ 83 (1609582)

 "141 ตัน"

เป็นที่รู้กันดีว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เริ่มเสด็จฯ
พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493
และหลังจากนั้น
บัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอ
ที่จะได้
รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ
ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตร
กลายเป็นของล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือน
และเป็นสัญลักษณ์แห่ง
ความสำเร็จของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา
จน 29 ปีต่อมา
มีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่
พระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตร
นั้นเป็นพระราชภารกิจที่หนัก
หน่วงไม่น้อย
หนังสือพิมพ์ลงว่าหาก
เสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง
ประทับครั้งละราว 3 ชม.
เท่ากับทรงยื่น
พระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร
470,000 ครั้ง
น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด
รวมน้ำหนักทั้งหมดที่
พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน
ไม่เพียงเท่านั้น
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
ยังเล่าเสริมให้เห็น
"ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ"
ที่ไม่มีใครคาดถึงว่า
 
"..ไม่ได้พระราชทานเฉย ๆ
ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา
โบว์หลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่
ให้เรียบร้อย
บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน
ฝุ่นมันจับ
พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก"
 
 
"ฉันทนได้"
 
ในเดือนหนึ่งของปี 2528
พระทนต์องค์หนึ่งของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หักเฉียดโพรงประสาทฟัน พระทนต์องค์
นั้นต้องการการถวายการรักษาเร่งด่วน
แต่ขณะนั้นกรุงเทพฯ
ก็กำลังประสบปัญหาอุทกภัย ต้องการการบรรเทาทุกข์
เร่งด่วนเช่นกัน
เมื่อทันตแพทย์เข้ามาถวายการรักษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รับสั่งถามว่า "จะใช้เวลานานเท่าใด"
ทันตแพทย์กราบบังคมทูลว่า อาจต้องใช้เวลา 1-2 ชม.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รับสั่งว่า
 
"ขอรอไว้ก่อนนะ ฉันทนได้
วันนี้ขอไปดูราษฎรและช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมก่อน"
 
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 23:56:52


ความคิดเห็นที่ 84 (1609584)

 "ดีใจที่สุด"

สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์มืดมน
พระบรมฉายาลักษณ์
ไม่เพียงเป็นรูปเคารพบูชา
แต่ยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของ
ความศรัทธา
ที่ช่วยให้มีแรงต่อสู้กับความทุกข์ต่อไปได้
ดัง คุณยายละเมียด แสงเนียมวัย 72 ปี
ชาวจังหวัดชุมพร
ผู้ที่
เผชิญกับอุทกภัยภาคใต้ในปี 2540
น้ำท่วมบ้านสูงมากจนอยู่อาศัยไม่ได้
"อยู่ ๆ น้ำก็ท่วมมาเร็วมาก
ยายต้องไปขออาศัยบ้านคนอื่นเขาอยู่
ต่อมาก็ขึ้นไปอยู่ชั้นบน
ออกไปไหนไม่ได้เลย
...พอดีที่บ้านนี้เขาปลูกมะละกอ
ต้นมันสูงมาถึงหน้าต่างเราก็เอื้อมถึงพอดี
เลยได้กินข้าวกับมะละกอ
ก็กินมาสามวัน
มาเมื่อวานผู้ใหญ่บ้านมาบอก
มูลนิธิในหลวงจะเอาของมาแจก
ยายคิดเลยว่า ไม่อดตายแล้ว
ทุกครั้งที่คนไทยเดือดร้อน
ในหลวงจะให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง
ของที่ยายได้มา
ที่ดีใจที่สุดคือมี
รูปของท่าน
มาด้วย ที่บ้านเสียหายหมดแล้ว
ยายจะเอารูปท่านไว้บูชา
ยายพูดแล้วก็ก้มลงกราบ
พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ด้วยความจงรักสุดหัวใจ
 
"สุขเป็นปี ๆ"
 
ด้วยเหตุนี้
จึงมีผู้กราบบังคมทูล
ขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จฯ
พระราชทานปริญญาบัตร
ลงบ้าง โดยอาจงดเว้น
การพระราชทานปริญญาบัตรในระดับปริญญาตรี
คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโท
ขึ้นไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กลับมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า
พระองค์เองเสียเวลายื่นปริญญาบัตร
ให้บัณฑิตคนละ
6-7 วินาที
นั้น แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปี ๆ
เปรียบกันไม่ได้เลย
ที่สำคัญคือ
ทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญา
สำหรับผู้สำเร็จปริญญาตรี
นั้นสำคัญ
เพราะบางคนอาจไม่มีโอกาส
ศึกษาชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก
ดังนั้น
"จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจนกว่าจะไม่มีแรง.."
*****
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-08 00:04:16


ความคิดเห็นที่ 85 (1609586)

 "เชื่อมั่น"

เย็นย่ำแล้ว
แต่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งยังไม่หมดภารกิจ
เมื่อรถวิ่งกลับมาทางถนนพัฒนาการ
ทรงแวะฉายภาพบริเวณ
คลองตัน
ทอดพระเนตรระดับน้ำ
แล้ว
ทรงวกกลับมาที่คลองจิก
เวลานั้นฟ้ามืดแล้วเพราะเป็นเวลาจวนค่ำ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงทรงนำไฟฉายส่วนพระองค์ออกมาส่องแผนที่
ป้องกันน้ำท่วม
และแนวพนังกั้นน้ำอยู่เป็นเวลานาน
กลายเป็นอีกภาพหนึ่ง
ที่สร้างความตื้นตันใจแก่ประชาชนชาวกรุงเทพฯ
อย่างยิ่ง
ประชาชนคนหนึ่งในละแวกเคหะนคร 1
แขวงบางบอน เขตประเวศ
บอกว่า
"รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
เป็นล้นพ้นที่ทรงห่วงใยทุกข์ของราษฎร
เสด็จฯ มาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วยพระองค์เอง
พวกเราถึงจะทนทุกข์
เพราะน้ำท่วมขังเน่ามาเป็นเวลานาน
ก็เชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงช่วยพวกเราได้อย่างแน่นอน"

"น้ำท่วมครั้งนั้น"
 
วันที่ 7 พ.ย. 26
ขณะที่ชาวกรุงเทพมหานคร
ส่วนหนึ่งกำลังทนทุกข์หนักกับสภาพน้ำท่วมขัง
น้อยคนที่จะรู้ว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กำลังทรงพยายามหาหนทางบรรเทาทุกข์
ให้พวกเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ
วันนั้นรถพระที่นั่งแวนแวคคอนเนียร์
แล่นออกจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ราวบ่ายสองโมงเศษ
สู่ถนนศรีอยุธยา
เลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี
มุ่งสู่ถนนบางนาตราด
ไม่มีหมายกำหนดการ
ไม่มีการปิดถนน
แม้แต่ตำรวจท้องที่ก็ไม่ทราบล่วงหน้า
รถยนต์พระที่นั่งชะลอเป็นระยะ ๆ
เพื่อทรงตรวจดูระดับน้ำ
จนเมื่อถึงคอสะพานสร้างใหม่
ที่คลองลาดกระบัง
จึงเสด็จลง
จากรถยนต์พระที่นั่ง
เพื่อทรงหารือกับเจ้าหน้าที่ที่ตามเสด็จ
ทรงฉายภาพด้วยพระองค์เอง
ทรงกางแผนที่ทอดพระเนตรจุดต่าง ๆ
จนถึงเวลาบ่ายคล้อย
รถยนต์พระที่นั่งจึงแล่นกลับ
เมื่อถึงสะพานคลองหนองบอน
รถพระที่นั่งหยุดเพื่อให้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงฉายภาพบริเวณน้ำท่วม
และทรงศึกษาแผนที่ร่องน้ำอีกครั้ง
ปรากฏว่าชาวบ้านทราบข่าวว่า
"ในหลวงมาดูน้ำท่วม"
ต่างก็พากันมาชมพระบารมีนับร้อย ๆ คน
จนทำให้การจราจรบนสะพาน
เกิดการติดขัด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต้องทรงโบกพระหัตถ์ให้รถขบวนเสด็จผ่านไป
จนเป็นที่
เรียบร้อยด้วยพระองค์เอง
*****
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-08 00:12:02


ความคิดเห็นที่ 86 (1609587)

 สุดท้าย แต่ยังไม่ท้ายสุด

"พระมหากษัตริย์"
 
เมื่อมีผู้สื่อข่าว BBC
ขอพระราชทานสัมภาษณ์
เพื่อประกอบภาพยนตร์
เรื่อง The Soul of Nation ในปี 2522
โดยได้
กราบบังคมทูลถามถึงพระราชทัศนะ
เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ไทย
พระองค์ได้พระราชทาน
คำตอบว่า
"การที่จะอธิบายว่า พระมหากษัตริย์ คืออะไรนั้น
ดูเป็นปัญหาที่ยากพอสมควร
โดยเฉพาะในกรณีของ
ข้าพเจ้า
ซึ่งถูกเรียกโดยคนทั่วไปว่า
พระมหากษัตริย์
แต่โดยหน้าที่ที่แท้จริงแล้ว
ดูจะห่างไกลจากหน้าที่ที่
พระมหากษัตริย์ที่เคยรู้จัก
หรือเข้าใจกันมาแต่ก่อน
หน้าที่ของข้าพเจ้าในปัจจุบันนั้น
ก็คือ
ทำอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์
ถ้าถามว่า
ข้าพเจ้ามีแผนการ
อะไรบ้างในอนาคต
คำตอบก็คือ
ไม่มี
เราไม่ทราบว่า
อะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
เรา
ก็จะเลือกทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับเรา"
 
*****
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-08 00:16:26


ความคิดเห็นที่ 87 (1610704)

 

"ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์

แต่หน้าที่ของข้าพเจ้าไม่ใช่หน้­าที่ของกษัตริย์...

ข้าพ­เจ้าเพียงแต่ทำสิ่งต่างๆที่ข้าพ­เจ้าคิดว่า

จะเป็นประโยชน์ต่อประ­เทศไทย....

ท่านถามข้าพเจ้าว่าข้­าพเจ้ามีแผนไหม...

ข้าพเจ้าไม่มี­แผน

ข้าพเจ้าแค่รู้ว่าข้าพเจ้าต้­องทำอะไรแล้วก็ลงมือทำ...

ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้าง

แต่มั­นต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ"

ที่มา : เว็ปพลังจิต ดอท คอม

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอทรงมีพระราชหฤทัย พระพลานามัย

แข็งแรงในปัจจุบันทันที

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-15 01:57:45


ความคิดเห็นที่ 88 (1612359)




เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2555

พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข
องคมนตรีผู้แทนพระองค์เดินทางมามอบ

สิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

แก่ราษฎรที่มีฐานะยากจนในพื้นที่ อ.เสริมงาม จ.ลำปาง
หารือกับทุกฝ่ายเกี่ยวกับการสร้างอ่างเก็บน้ำ

ในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ
พืชผลทางการเกษตรขาดน้ำเพาะปลูก

และบ้านเรือนราษฎรขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภค
 

พลอากาศเอก ชลิต เปิดเผย

ภายหลังมอบสิ่งของพระราชทานว่า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงหายจากพระอาการประชวรแล้ว
ทรงพระดำเนินได้ 50 ก้าว
โดยไม่ต้องใช้ธารพระกร หรือ ไม้เท้า

คาดว่าไม่นานในหลวงจะเสด็จ

ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว


หากประชาชนที่จะแสดงความจงรักภักดี

และขอบพระทัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 

ที่ทรงห่วงใยประชาชน ขอให้อธิษฐาน

ให้ทรงหายจากอาการพระประชวร

และมีพลามัยสมบูรณแข็งแรง

ที่มา: http://breakingnews.nationchannel.com/home/getVajaDB.php

-----------------------------------------------------------------------

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทยมาช้านาน

หากไม่มีพระองค์ท่าน เราทุกคนอาจไม่มีชีวิตเช่นวันนี้

หากไม่มีพระองค์ท่าน ภัยพิบัติคงทำลายเราทุกคน

มากกว่านี้ไม่รู้อีกกี่เท่า

ช่วยกันทำความดีเพื่อพ่อหลวงของเรา
ทำบุญ ทำทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา



และขอบารมีพระพุทธองค์นำบุญของเรานี้

ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และเทวดารักษาพระองค์
 

ขอพระองค์ทรงมีพระราชหฤทัย

พระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


นึกภาพพระองค์ทรงรับผลบุญของเรา
เป็นแสงสีขาวสว่างสดใสประกายเพชร

ครอบคลุมพระวรกาย
 

ขอพระบารมีหากพระองค์ทรงได้รับบุญของเราแล้ว

ขอให้สามารถสัมผัสได้ด้วยอาการปีตีทั้ง 5

หากรับรู้ได้ จะทราบว่า พระองค์ทรงรับบุญของเรา
และทรงให้บุญของพระองค์ท่าน

มาให้เรา มาคุ้มครองเรา
ไม่รู้อีกสักกี่ร้อยพันเท่า


ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน

ที่ทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศล
และตั้งในทำความดีเพื่อส่วนรวม
 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-25 12:38:03


ความคิดเห็นที่ 89 (1612489)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงหายจากพระอาการประชวรแล้ว 
ทรงพระดำเนินได้ 50 ก้าว
โดยไม่ต้องใช้ธารพระกร หรือ ไม้เท้า

คาดว่าไม่นานในหลวงจะเสด็จ

ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว


หากประชาชนที่จะแสดงความจงรักภักดี

และขอบพระทัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 

ที่ทรงห่วงใยประชาชน ขอให้อธิษฐาน

ให้ทรงหายจากอาการพระประชวร

และมีพลามัยสมบูรณแข็งแรง  

**********

อนุโมทนากับพี่โฆษิตด้วยนะคะ

ที่นำข่าวพ่อหลวงของชาวไทยมาแจ้งให้ทราบ

และขอบารมีพระพุทธองค์นำบุญของลูกนี้

ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และเทวดารักษาพระองค์ 
 

ขอพระองค์ทรงมีพระราชหฤทัย

พระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


ขอพระบารมีหากพระองค์ทรงได้รับบุญของเราแล้ว

ขอให้สามารถสัมผัสได้ด้วยอาการปีติทั้ง 5

 

กราบพระบาทองค์พ่อหลวง

พระองค์ทรงได้รับบุญของลูกแล้ว

ขอพระองค์ทรงพระเจิญ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-26 09:20:50


ความคิดเห็นที่ 90 (1612522)

ขอให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร

และมีพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงตลอดไป

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) (parungrueang-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-26 13:31:38


ความคิดเห็นที่ 91 (1612576)

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุณญิสา พูลชื่น (Ratanapoolchuen-at-yahoo-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-27 02:50:52


ความคิดเห็นที่ 92 (1612578)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

และขอให้พระองค์หายจาก

อาการประชวร และ มีพลานามัย

ที่สมบูรณ์แข็งแรงโดยฉับพลัน

สาธุ สาธุ สาธุ

................................

อนุโมทนากับคุณ โฆษิต ด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-27 05:05:51


ความคิดเห็นที่ 93 (1612650)

 

ภาพในหลวงบนท้องฟ้าค่ะ 

ขอพระองค์ทรงยิ่งยืนนานค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุณญิสา พูลชื่น (ratanapoolchuen-at-yahoo-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-27 23:40:48


ความคิดเห็นที่ 94 (1612662)

ขอบคุณ ภาพอันประทับใจ

ของคุณปุณญิสา

พระองค์สูงส่งจริงๆค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-28 01:13:54


ความคิดเห็นที่ 95 (1612664)

ภาพอันศักดิ์สิทธินี้ แสดงให้เห็นถึง

ความสูงส่ง ของพระองค์

และ พระบารมีปกเกล้า ชาวไทยจริงๆค่ะ

 

ขอบคุณภาพจาก คุณ ปุญญิสา ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-28 01:21:43


ความคิดเห็นที่ 96 (1612675)

 ดูแล้วปลื้มปิติ

ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย

ใต้ร่มพระบารมีพระพุทธองค์จริงๆค่ะ

ขอบคุณภาพจากคุณปุญญิสาด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-28 04:27:21


ความคิดเห็นที่ 97 (1613343)

ขอพระองค์

ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญ

ทรงพระเจริญ

.............

และอนุโมทนาบุญสำหรับภาพ

จากคุณปุณญิสาด้วยค่ะ...สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (noosineni-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-31 15:59:55


ความคิดเห็นที่ 98 (1613485)

อนุโมทนาบุญกับคุณโฆษิต และทุกท่าน

ที่นำภาพละบทความอันทรงคุณค่า

ประทับใจมาให้ดูและอ่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล (shindo_ploy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-01 11:51:58


ความคิดเห็นที่ 99 (1617829)
image

ข่าวพระราชสำนัก ( 25 มิ.ย. 55 )

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระเทพรัตนราชสุดา
เสด็จออกรับเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น
และพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ
เป็นการส่วนพระองค์ ณ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ
พระบรมมหาราชวัง

~ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว~

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-27 02:25:41


ความคิดเห็นที่ 100 (1617887)

  ได้ดูข่าวเหมือนกัน

พ่อหลวงของเราดูสดชื่นมาก

การทรงตัวก็ดูดีขึ้น (ดูจากท่านั่ง)

     ลูกขอบารมีพระพุทธเจ้า  ขอเบิกบุญ 

ทาน  ศีล  ภาวนา

ที่ลูกทำมาทุกภพทุกชาติ  จนถึงชาตินี้

และบุญทุกบุญที่ทำที่บ้านสวน  ลูกขอถวายบุญนี้

แด่เทวดาประจำตัวพ่อหลวง  และพระบรมวงศานุวงศ์

ทุก ๆ  พระองค์ด้วยเทอญ

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ขอให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-27 10:16:55



[1] 2 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.