ReadyPlanet.com


น้ำพระทัยของในหลวง


 

 

ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเทิดพระเกียรติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และเพื่อเชิญชวนทุกท่าน

ได้รับทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณ

ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระราชินีและพระราชวงศ์

ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย

 

 

เพื่อเผยแพร่เรื่องนี้ไปสู่ชาวไทยทุกคน

โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

ที่อาจไม่เคยทราบถึงพระเมตตา คุณความดี

ของพระองค์ท่านมาก่อน

ท่านใดที่มีข้อมูลพระเมตตาอันมากล้น

ของล้นเกล้าล้นกระหม่อมทั้งสองพระองค์

และพระราชวงศ์

ก็ร่วมด้วยช่วยกันนำมาลง

เป็นธรรมทานอันยิ่งใหญ่

เป็นบุญโดยเสด็จพระราชกุศล

ร่วมกันนะครับ

ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้า

ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 

เพลงสรรเสริญพระบารมี

คำร้อง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ

เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

ทำนอง : พระเจนดุริยางวงค์ (ปิติ วาทยะกร)

ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน
นบพระภูมิบาลบุญดิเรก เอกบรมจักริน
 

พระสยามินทร์พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์
 

ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง
หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ 

คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
Name:	300520_239063212818483_231131060278365_694594_1327801727_n[1].JPG
Views:	1
Size:	118.0 KB
ID:	1739384



ผู้ตั้งกระทู้ โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-10-22 18:27:29


<< ก่อนหน้า 1 [2]

ความคิดเห็นที่ 101 (1618040)

 

การพัฒนาทางด้านการเกษตร

"...เศรษฐกิจของเราขึ้นอยู่กับการเกษตร
มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รายได้ของประเทศที่ได้มา
ใช้สร้างความเจริญด้านต่างๆ
เป็นรายได้จากการเกษตร
เป็นส่วนใหญ่ จึงอาจกล่าวได้ว่า
 
ความเจริญของประเทศต้องอาศัย
ความเจริญของการเกษตรเป็นสำคัญ
และงานทุกๆ ฝ่ายจะดำเนินก้าวหน้าไปได้
ก็เพราะการเกษตรของเราเจริญ..."
 
พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร และอนุปริญญาบัตร
ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
๙ กรกฎาคม ๒๕๐๗
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-27 23:03:56


ความคิดเห็นที่ 102 (1619838)

ในหลวงทรงพระประชวร คณะแพทย์ถวายโอสถ

สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่อง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช

ฉบับที่ 52 ความว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า

เมื่อเย็นวานนี้ (12 ก.ค.)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

มีพระอาการกระตุกที่พระหัตถ์ข้างขวา

พระหทัยเต้นเร็วกว่าปรกติเล็กน้อย

คณะแพทย์ฯ ได้ถวายตรวจพระสมองด้วยเครื่อง

เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่า

บริเวณใต้เยื่อหุ้มพระสมองชั้นนอกด้านซ้าย

มีพระโลหิตซึมเล็กน้อย

จึงได้ถวายพระโอสถทางหลอดพระโลหิต

หลังจากนั้นพระอาการกระตุกของพระหัตถ์

ข้างขวาหายไป เช้าวันนี้(13 ก.ค.)

คณะแพทย์ฯ ได้รายงานว่าพระหัตถ์ข้างขวา

เคลื่อนไหวได้เป็นปรกติ ไม่มีพระอาการกระตุก

การเต้นของพระหทัย และความดันพระโลหิต

เป็นปรกติ คณะแพทย์ได้ขอพระราชทาน

ให้ทรงงดพระราชกิจสักระยะเวลาหนึ่ง

**************

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง

ในหลวงทรงงดพระราชกิจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 

13 กรกฎาคม 2555 14:11 น.

    แถลงพระอาการประชวร

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระหทัยเต้นเร็ว พระโลหิตซึม

ใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอกเล็กน้อย

คณะแพทย์ฯขอพระราชทาน

ให้ทรงงดพระราชกิจ

ขณะรมว.เกษตรฯ เผย

สำนักพระราชวัง ประสานให้เลื่อน

การรับเสด็จฯ ติดตามงาน เขาชะงุ้ม

ราชบุรี ก่อน

วันนี้ (13 ก.ค.) คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า

เมื่อเย็นวานนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

มีพระอาการกระตุกที่พระหัตถ์ข้างขวา

พระหทัยเต้นเร็วกว่าปกติเล็กน้อย

คณะแพทย์ฯ ได้ถวายตรวจพระสมองด้วยเครื่อง

เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่า

บริเวณใต้เยื่อหุ้มพระสมองชั้นนอกด้านซ้าย

มีพระโลหิตซึมเล็กน้อย

จึงได้ถวายพระโอสถทางหลอดพระโลหิต

หลังจากนั้น พระอาการกระตุกของพระหัตถ์

ข้างขวาหายไป

เช้าวันนี้ คณะแพทย์ฯ ได้รายงานว่า

พระหัตถ์ข้างขวาเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ

ไม่มีพระอาการกระตุก

การเต้นของพระหทัยและความดันพระโลหิตเป็นปกติ

คณะแพทย์ได้ขอพระราชทาน

ให้ทรงงดพระราชกิจสักระยะเวลาหนึ่ง

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

สำนักพระราชวัง

13 กรกฎาคม พุทธศักราช 2555

            ขณะเดียวกัน นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจาก นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ว่า ให้เลื่อนการรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงเสด็จพระราชดำเนินติดตามงานโครงการศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันที่ 15 ก.ค.ออกไปก่อนจนกว่าจะมีการประสานจากสำนักพระราชวังอีกครั้ง

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-14 21:57:22


ความคิดเห็นที่ 103 (1619839)

   กราบขอบารมีพระพุทธเจ้า

ขอเบิกบุญ  ทาน  ศีล  ภาวนา

ที่ข้าพเจ้าทำมาทุกภพทุกชาติ

จนถึงชาติปัจจุบัน  และบุญทุกบุญ

ที่ทำที่บ้านสวนพีระมิด  ขอให้บุญมารวมตัวกัน

ข้าพพระพุทธเจ้า  ขอน้อมถวายบุญนี้แด่

เทวดาประจำตัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ภูมิพลอดุลยเดชด้วยเทอญ  โมทนาบุญนี้แล้ว

ขอให้ท่านมีฤทธิ์  มีกำลัง  และขอจงช่วยดูแลรักษา

ให้พระองค์  ทรงหายจากพระอาการประชวร

โดยเร็วด้วยเทอญเจ้าค่ะ 

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-14 22:03:39


ความคิดเห็นที่ 104 (1619843)

มาร่วมอธิษฐานอีกแรง ค่ะ

 

 

ลูกขอบารมีพระพุทธ พระธรรม

พระอริยสงฆ์ทุกๆพระองค์

ได้โปรดบันดาลบุญ

ที่ลูกสั่งสมทุกภพทุกชาติ

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ขอให้บุญรวมตัวกันทั้งทาน ศีล ภาวนา

รวมกับทุกๆบุญที่ลูกทำที่บ้านสวนฯ

ทั้งปัจจัย แรงกาย และธรรมทาน

 

ลูกขอถวายบุญทั้งหมดทั้งมวลนี้

แด่ เทพ พรหม เทวดา

ที่รักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ขอให้ท่านอนุโมทนารับบุญ

และส่งผลให้องค์พ่อหลวง

มีพระวรกายแข็งแรง หายจากอาการประชวร

โดยฉับพลันทันทีด้วยเถิด

สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

อนุโมทนากับเจ๊ตาลด้วยนะคะ

ที่นำข่าวมาแจ้งในนี้ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-15 01:10:09


ความคิดเห็นที่ 105 (1619903)

 มาร่วมอธิษฐานด้วยค่ะ

ขอบารมรพระพุทธเจ้า

ขอเบิกบุญ ศีล ทาน ภาวนา

ของข้าพเจ้าที่ทำมาแล้วทุกภพ ทุกชาติ

จวบจนชาติปัจจุบัน

และทุกๆบุญที่ทำในบ้านสวนพีระมิด

ข้าพเจ้าขอถวายบุญนี้แก่เทวดาประจำตัวในหลวง

ขอให้พระองค์ทรงายจากอาการประชวรโดยเร็วด้วยเถิดค่ะ

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-16 07:12:07


ความคิดเห็นที่ 106 (1620304)

 “ในหลวง” พระอาการดีขึ้น เสวยพระกระยาหารได้ บรรทมได้

                                     

 

สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 55 ความว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาในหลวง เผยรายงานผลการตรวจพระวรกายว่า การเคลื่อนไหวของพระวรกายดี พระหทัย พระปับผาสะ หรือปอด และระบบประสาท เป็นปกติ

วันนี้ (18 ก.ค.) วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานผลการตรวจพระวรกายว่า การเคลื่อนไหวของพระวรกายดี พระหทัย พระปับผาสะ หรือปอด และระบบประสาท เป็นปกติ จึงขอพระราชทานงดถวายพระโอสถทางหลอดพระโลหิต ตั้งแต่เมื่อวานนี้(17 ก.ค.) พระอาการทั่วไปดีขึ้นมาก เสวยพระกระยาหารได้ และบรรทมได้

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

สำนักพระราชวัง
18 กรกฎาคม พุทธศักราช 2555

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-18 21:55:43


ความคิดเห็นที่ 107 (1620314)

 10 มหัศจรรย์ เรียนรู้วิถีเกษตรตามรอยพ่อ

 

พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแบบอย่างและทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตร ผลงานอันเนื่องมาจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงาน พระราชกรณียกิจต่างๆ ล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งการพัฒนาด้านการเกษตรของไทย

หุ่นจำลองการประกอบราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

 พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯแห่งนี้ จัดแสดงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ แบ่งพื้นที่การจัดแสดงออกเป็น 10 โซน ในแนวคิด “10 โซนมหัศจรรย์การเรียนรู้วิถีเกษตรตามรอยพ่อ” ซึ่ง ได้รวบรวม พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ผลงานอันเนื่องมาจากพระอัจฉริยภาพ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งวิวัฒนาการ ภูมิปัญญา นวัตกรรม และพัฒนาการของเกษตรกรไทย ไว้สำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวของประชาชนผู้สนใจ

ห้องชมภาพยนตร์

 โซนที่ 1 “พระราชพิธีในวิถีเกษตร” จัดแสดงหุ่นจำลองการประกอบราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พิธีเพื่อความเป็นสิริมงคลสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวนา พร้อมประกอบด้วยคำอธิบาย ความเป็นมาและความหมายของพระราชพิธี

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-18 22:39:42


ความคิดเห็นที่ 108 (1620316)

                                               

ทางเดินวงกลมรอบห้องชมภาพยนตร์จัดแสดงพระราชกรณีย์กิจตลอดการครองราชย์กว่า 60 ปี

โซนที่ 2 เป็นห้องฉายภาพยนตร์ เรื่อง กษัตริย์ เกษตรเผยแพร่เรื่องราวของราษฎร ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จนสามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตให้มีพออยู่พอกิน ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ทางการ์ตูน แอนิเมชัน ซึ่งเมื่อดูแล้ว รู้สึกซาบซึ้งปีติ

ในน้ำพระทัยของพระองค์ท่านอย่างมาก
       
       
ในโซนนี้ที่ข้างนอกห้อง ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดระยะเวลาที่ครองสิริราชสมบัตินานกว่า 60 ปี โดยมีการจัดทางเดินเป็นวงกลมรอบห้องฉายภาพยนตร์

วีดีทัศน์ถ่ายทอดพระราชจริยวัตร ที่ โซนที่ 5

 เมื่อเดินออกมาจะเป็นโซนที่ 3 มีซุ้มประตูรวงข้าวโดดเด่น จัดแสดง เรื่องของพ่อในบ้านของเรานำเสนอเรื่องราวหลักการทรงงานทั้ง 23 ข้อที่ทำให้คนไทยกว่า 60 ล้านคนอยู่เย็นเป็นสุขมาถึงปัจจุบัน และพอสุดทางเดินนั้นก็ได้พบกับ บ้านชาวนาและสวนผักจำลอง เป็นพื้นที่ในโซนที่ 4 “หัวใจใฝ่เกษตรเป็นจุดนันทนาการสำหรับเด็ก คล้ายๆสนามเด็กเล่น แต่เป็นของเล่นในแบบอุปกรณ์การเกษตร

พื้นที่จัดแสดง จำลองศูนย์ศึกษาการพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ่าวคุ้งกระเบน

เดินต่อมาสู่พื้นที่เปิดโล่งในโซนที่ 5 โซนนี้จัดแสดงนิทรรศการ ตามรอยพ่อ อยู่อย่างพอเพียงห้องโถงโล่ง มีโคมไฟตกแต่ง แสดงเรื่องราวเศรษฐกิจพอเพียง จัดแสดงวีดีทัศน์ที่ถ่ายทอดพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจที่สะท้อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นตัวอย่างที่ควรน้อมนำไปใช้เป็นแบบอย่าง

เป็นที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

มิได้ทรงงานแต่ในพระราชวังเพียงเท่านั้น พระองค์ท่านยังได้ทรงเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ โดยทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายในการแก้ไขพื้นที่ที่ได้รับความเดือนร้อน พระองค์ท่านทรงค้นคว้าทดลองโครงการส่วนพระองค์ขึ้นมามากมาย แต่ละโครงการนั้นล้วนแล้วแต่นำพาประโยชน์สุขมาสู่ประชาชน เช่น โครงการหลวง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 เป็นตัวแทนการแก้ไขปัญหาในแต่ละภูมิภาค ซึ่งความรู้ในส่วนนี้จัดแสดงอยู่ที่โซน 6 “วิถีเกษตรของพ่อ

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-18 22:43:54


ความคิดเห็นที่ 109 (1620319)

 

แท่นจัดแสดงรางวัล จากพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตร

 ส่วนโซนที่ 7 “นวัตกรรมของพ่อจัดแสดงเรื่องราวสิ่งประดิษฐ์ ด้วยพระวิริยะและพระปรีชาสามารถทรงได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ต่างๆเพื่อพัฒนาการเกษตรไทย

ตัวอย่างเช่น กังหันน้ำชัยพัฒนา พระองค์ทรงมีพระราชดำริ ให้จดสิทธิบัตร จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและแจ้งในสิ่งที่คิดค้นเพื่อเป็นสมบัติและภูมิปัญญา เป็นมรดกสำหรับคนไทยและประเทศไทยและยังมีสิ่งประดิษฐ์ในด้านอื่น จัดแสดงไว้ให้ชม

กังหันน้ำชัยพัฒนา

โซนที่ 8 โซนภูมิพลังแผ่นดินมีจุดเด่นเป็นโดมที่ใช้ไม้สนในการสร้างแบบยุโรปเพื่อสื่อถึงความอบอุ่น เมื่อได้เข้าไปด้านใน ภายในประกอบด้วยภาพวีดีโอ ที่ย้อนไปเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระเยาว์ จัดแสดงภายในโดมไม้สน และยังมีการจัดแสดงยุคสมัยที่ 1-7 ตั้งแต่ที่พระองค์ได้พระราชสมภพ ขึ้นครองราชย์ และ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างมิทรงย่อท้อเหน็ดเหนื่อย
       
       
ทุกคนต่างทราบดีในเรื่องสายพระเนตรที่ยาวไกลและพระอัจฉริยะภาพของพระองค์ท่าน ในการบริหารจัดการน้ำ ที่ทำให้เกิดโครงการในพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อพสกนิกรปวงชนชาวไทย จะได้มีน้ำใช้น้ำกิน ซึ่งสามารถรับรู้ถึงพระอัจฉริยะภาพของพระองค์ท่านได้ในโซนที่ 9 ที่รออยู่ข้างหน้า

พื้นที่จัดแสดง จำลอง โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา

โซนที่ 9 เป็นโซน น้ำ คือ ชีวิตโซนนี้นอกจากการจัดแสดงต่างๆแล้ว ยังมีสิ่งเตือนใจคนไทยด้วยพระราชดำรัสของในหลวง ณ สวนจิตรลดา 17 มี.ค. 2529 ซึ่งมีความว่าตอนหนึ่ง หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำไว้บริโภค มีน้ำไว้ใช้ เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั้น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้" จัดแสดงพระราชกรณียกิจต่างๆ วิธีการทรงงานของพระองค์ท่านในการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อใช้ในด้านอุปโภคบริโภคและใช้ในการเกษตร

โซนจัด แสดง น้ำ คือ ชีวิต

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-18 22:47:07


ความคิดเห็นที่ 110 (1620321)

           มาถึงโซนสุดท้าย ตั้งอยู่กลางอาคารจัดแสดง โซนที่ 10 ลานภูมิปัญญาบรรยากาศของโซนนี้เป็นพื้นที่ร่มรื่น สงบเหมาะกับนั่งพักหลังการเดินชมในส่วนต่างๆ ประดับฝาผนังด้วยรูปพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ประดับแผ่นศิลาฤกษ์ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์ อาคารพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อ พ.ศ.2539 ด้านบนเป็นภาพนูนต่ำ แสดงสัญลักษณ์ กรม กองต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ไว้ให้ผู้ที่ได้มานั่งพัก ได้ชมกัน

 

ลานภูมิปัญญา

 นอกจากสิ่งน่าสนใจใน 10 โซนแล้ว ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมี ส่วนจัดแสดงภายนอกอาคาร เป็นส่วนเนื้อหาภาคปฏิบัติที่สอดคล้องเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่จัดแสดงภายในอาคาร มีการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อาทิ ฐานชุมชนพอเพียง 1 ไร่พึ่งตนเอง

ฐานมหัศจรรย์เกษตรไทย ฐานนวัตกรรมพลังงานทดแทน
       
       
นับได้ว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ชั้นดี ให้ผู้ที่เข้าชมได้ซึมซับนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะกับแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถ้าหากคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ด้วยพื้นฐานของคำว่าพอเพียง เพียงพอ

ประเทศของเราจะสวยงามน่าอยู่กว่านี้อีกมากโข

 

 พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ที่ 13 ถนนพหลโยธิน ต.คลอง1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 ตรงข้ามโรงพยาบาลนวนคร เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.30-15.30 น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0-2529-2212-13 หรือ www.wisdomking.or.th เปิดให้เข้าชมฟรี ถ้าต้องการมาเป็นหมู่คณะ กรุณาติดต่อทางสำนักงานพิพิธภัณฑ์ ฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กรกฎาคม 2555 17:55 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-18 22:51:24


ความคิดเห็นที่ 111 (1622049)
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-31 23:16:33


ความคิดเห็นที่ 112 (1624945)

 ถวายวัดในอินเดีย-พระบรมรูปในหลวง

พระบรมรูป- พระสงฆ์ 84 รูป เจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายในพระอุโบสถวัดมหาธาตุฯ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ก่อนนำไปประดิษฐานที่วัดไทยกุสินาราฯ ประเทศอินเดีย

พระบรมรูปในหลวงสร้างเสร็จแล้ว สูง 2.30 เมตร หนัก 600 ก.ก. ฉลองพระองค์ชุดจอมทัพ ไทย เตรียมอัญเชิญไปประดิษฐานวัดไทยกุสินาราฯประเทศอินเดีย พร้อมจีดพิธีสมโภชยิ่งใหญ่ต้นปีหน้า ให้คนไทยในอินเดียถวายสักการะเผยเป็นพระบรมรูปองค์แรกที่ไปประดิษฐานต่างประเทศระหว่างสร้างทีมงานกราบบังคมทูลถวายรายงานในหลวงตลอด

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่พระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราช รังสฤษฎิ์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ มูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ แถลงข่าวการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ประดิษฐาน ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย 

โดยพระราชรัตนรังษี หัวหน้าพระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาลกล่าวว่า การจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในครั้งนี้สืบเนื่องจากโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา มูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์จึงร่วมกับพุทธศาสนิกชนดำเนินโครงการจัดสร้างพระบรมรูปขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ขณะนี้พระบรมรูปเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะอัญเชิญไปประดิษฐานยังวัดไทยกุสินาราฯช่วงเดือนก.พ.2556 ซึ่งวัดจะได้เตรียมการสมโภช พร้อมจัดงานวันมาฆบูชาเพื่อให้พุทธศาสนิกชนคนไทยในประเทศอินเดียและชาวอินเดีย ได้ร่วมถวายสักการะ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ 

พระราชรัตนรังษี กล่าวว่า ชาวพุทธมีความเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เกิดพลังในการดำเนินชีวิตได้ คือ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่าจะกลายเป็นสถานที่ที่จะได้พบพระองค์ จึงเป็นสถานที่ที่ชาวพุทธอยากไปเห็นและสักการะพระพุทธเจ้า ขณะเดียวกันคนไทยเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ประทับอยู่ในใจของคนทั้งชาติ วโรกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนม พรรษา 84 พรรษา จึงอยากอัญเชิญพระบรมรูปไปประดิษฐานยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศอินเดียด้วย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ให้มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน 

นายธวัชชัย ทวีศรี อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐอินเดีย กล่าวว่า พระบรมรูปสร้างจากบรอนซ์ผสมเงิน ฉลองพระองค์ชุดจอมทัพไทย พระพักตร์ทรงพระสรวล (ยิ้ม) ขนาดความสูง 2.30 เมตร น้ำหนัก 600 กิโลกรัม ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยแบบพระบรมรูป โดยคณะผู้จัดทำกราบบังคมทูลรายงานตั้งแต่เป็นรูปปั้นดินน้ำมัน พร้อมถ่ายรูปหล่อไปถวายให้ทอดพระเนตรเป็นระยะ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงขอบใจคณะผู้จัดทำและประชาชน เนื่องจากพระบรมรูปเป็นที่พอพระทัย ที่สำคัญพระบรมรูปองค์นี้ถือเป็นพระองค์แรกของโลกที่หล่อและอัญเชิญไปประดิษฐานยังต่างประเทศ นอกจากนี้คณะผู้จัดทำยังให้กรมศิลปากรตรวจสอบสัดส่วนต่างๆ เพื่อให้มีความงดงาม สมพระเกียรติมากที่สุดด้วย

นางวนิดา พึ่งสุนทร ศิลปินแห่งชาติ สาขาสถาปัตยกรรม กล่าวว่า อาคารประดิษฐานพระบรมรูปเป็นอาคารรูปโดม ผสมผสานศิลปะไทยและอินเดีย ภายในเป็นลวดลายงานเขียนภาพท้องฟ้า ประกอบฉัตร 9 ชั้น และเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยทอดพระเนตรโดยตลอด

นายณรงค์ฤทธิ์ เอี่ยมเจริญยิ่ง ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิวัดไทยกุสินาราฯ กล่าวว่า ขณะนี้พร้อมอัญเชิญจากประเทศไทยไปวัดไทยกุสินาราฯ ประเทศอินเดีย โดยสายการบินไทยให้เร็วที่สุด เมื่อไปถึงอินเดียแล้วจะมีพิธีสมโภชอีกครั้ง อย่างไรก็ตามก่อนจะอัญเชิญไปอินเดีย เปิดให้ประชาชนเข้าชมที่พระอุโบสถวัดมหาธาตุฯ จนถึงวันที่ 19 ส.ค. จากนั้นจะเคลื่อนไปยังมูลนิธิวัดไทยกุสินาราฯ ซอยเทพลีลา 7 แต่หากมีประชาชนสนใจมากๆ จะขออนุญาตพระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ ให้ประดิษฐานต่อเพื่อให้ประชาชนได้ชมความงดงามพระบรมรูป นอกจากนี้คณะผู้จัดทำได้สร้างพระบรมรูปจำลอง 21 นิ้ว ทำจากบรอนซ์ผสมทอง 250 องค์ ให้ประชาชนอัญเชิญไปสักการะองค์ละ 50,000 บาท รายได้สมทบทุนสร้างอาคารพระประดิษฐานพระบรมรูป

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-19 23:34:18


ความคิดเห็นที่ 113 (1625004)

 

 

ช่วยกันทำความดีเพื่อพ่อหลวงของเรา

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-20 12:22:37


ความคิดเห็นที่ 114 (1626808)
image

ดร.สุเมธเตือนสติคนไทย

“ในหลวง”ทรงงานหนักจนประชวร

แต่คนไทยเทิดทูนพระองค์แต่ปาก"


ที่กระทรวงกลาโหม วันนี้ (๘ ส.ค. ๒๕๕๕)

นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา

บรรยายพิเศษ เรื่อง “คุณธรรมสร้างชาติ”

ให้แก่ข้าราชการของกระทรวงกลาโหม

 

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๑๒ ส.ค. ๒๕๕๕ ว่า

 

ประเทศไทยเคยมีคุณธรรม จริยธรรม

ประเทศไทยเคยบูชาความดี มีความเอื้ออารีต่อกัน

บ้านใครทุกร้อนใครหนีมาเพิ่งพระบรมโพธิสมภาร

ประเทศไทยเคยมีแต่ขณะนี้เป็นของที่เราสูญสิ้นไปหมดแล้ว

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงเหน็ดเหนื่อยมา ๖๕ ปี เพื่อดูแลประเทศรอดมาถึงทุกวันนี้

เป็นงานที่เหนื่อยยากอย่างยิ่ง

ในฐานะที่ท่านเป็นประมุขของประเทศ

ท่านได้พูดประโยคว่า

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม

เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

 

การที่ไม่ใช่ว่าปกครองแต่ใช้คำว่าครอง

แสดงให้เห็นว่าไม่มีเรื่องอำนาจแม้แต่น้อย

พระองค์ท่านอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจ

ดูแลพสกนิกรเหมือนคนในครอบครัว

 

ซึ่งการครองนั้นเป็นเรื่องของความรัก ความเมตตา

ความรับผิดชอบ โดยยึดเรื่องของธรรมทศพิธราชธรรม

ในการยึดถือในการครอง และยึดถือเรื่องทศพิธราชธรรม

 

คนไทยชอบเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่

แต่ไม่เคยมอง

พอพระองค์ท่านทรงรับสั่งอะไรก็ทำให้ทุกคนชื่นใจ

แต่เวลาผ่านไปเพียง ๕ นาที ทุกคนก็ลืมไปหมดแล้ว

พระองค์ท่านทรงพระอาการประชวรทุกวันนี้

เพราะใช้พระวรกายประกอบพระราชกรณียกิจ

อย่างเหน็ดเหนื่อยจนถึงทุกวันนี้ พระองค์ท่านทรงทำให้

แผ่นดินอยู่ได้จนมาถึงทุกวันนี้

 

พระองค์ให้ใช้ความดี และความถูกต้องในการปฏิบัติงาน

เราท่องมาแต่ไม่เคยใส่ใจ และไม่เคยนำมาปฏิบัติ

 

ในหลวงทรงเน้นเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม ทั้งนี้

มองว่างบประมาณแผ่นดินจะมีเท่าไหร่ไม่สำคัญ

มันสำคัญอยู่ที่ว่าใช้เงินนั้นอย่างไร

พระองค์ท่านมุ่งไปถึงประโยชน์ หากทุกบาททุกสตางค์

ถูกใช้อย่างมีประโยชน์ก็มีความสุข แต่ใช้ไม่ถูกต้อง

ก็เกิดความทุกข์ และถ้าเอาเงินของแผ่นดินไปถลุง

หรือใช่ไม่ถูกต้องก็จะยิ่งทำให้เกิดความทุกข์ ทั้งนี้

ครมาอาศัยบุญแผ่นดินนี้จะได้รับความยุติธรรม

ความถูกต้องเหมือนกันหมด พระองค์ท่านทรงเป็น

พระมหาบรมครู

บูชาในหลวงเหมือนเป็นการบูชาพระ

เหมือนเวลาไปฟังพระสวดก็พนมมือไป

แต่ก็ไม่ได้ฟังว่าสวดอะไร

สรุปคือสนใจในพิธีการเท่านั้น”

 

ที่มา : จะกู่ร้องว่ารักพ่อให้ก้องโลก แฟนเพจ

 

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-28 23:59:01


ความคิดเห็นที่ 115 (1628017)

หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
----------------------- 
มนุษย์สามารถเข้าถึงที่สูงสุด 3 ประการคือ
1.ความดี
2.ความจริง
3.ความงาม
ในความจริงที่มีความดีและความงาม ในความดีที่มีความจริงและความงาม

ในความงามที่มีความจริงและความดี
คุณธรรม คือ สิ่งกำกับจิตใจให้ปรากฏออกมาเป็นพฤติกรรมที่กำหนดได้ว่าเป็นความดี

ความจริง และความงาม
คนมีคุณธรรม คือ คนที่มีเครื่องกำกับจิตใจให้การกระทำและคำพูดปรากฏออกมาเป็นความดี

ความจริง และความงาม
คนไร้คุณธรรม คือ คนที่มีเครื่องกำกับจิตใจให้การกระทำและคำพูดปรากฏออกมาเป็นความเล
ความเท็จ และความอัปลักษณ์ 

 หลัก 23 ข้อ ในการทรงงานของในหลวง

ข้อที่ 1 จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ
อดีตทำอะไรมาบ้าง ทั้งเอกสาร สอบถามเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้จริงๆ เช่นงานยาเสพติด ต้องดูข้อมูลให้ลึกซึ้ง ทำไมทำงานไม่สำเร็จ ต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ทั้งการพูดคุย การดูตัวเลข แต่อย่าให้ตัวเลขมาหลอกเราได้ ผู้ยิ่งใหญ่เห็นแต่ภาพสวยหรู แท้ที่จริงเละตุ้มเป๊ะ แม้ทำไม่ได้ มีปัญหา ตัวเลขก็สวยหรู เพราะมีการคาดโทษ ต้องยอมรับความจริงก่อน แล้วลงมือแก้ไข
 
ข้อที่ 2 ระเบิดจากภายใน สร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความเข้าใจ และอยากทำ มิใช่สั่งให้ทำ คนไม่เข้าใจจะไม่ทำ แยกให้ออกระหว่างคุณค่ากับมูลค่า ว่ามีเหตุผลอย่างไรจึงควรทำ
 
ข้อที่ 3 แก้ปัญหาจากจุดเล็ก มองภาพรวมก่อนเสมอ แต่การแก้ปัญหาต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ ไม่เริ่มทีเดียวใหญ่ๆ และควรมองในสิ่งที่มักจะมองข้าม ถ้าปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ให้คิดแก้ปวดหัวก่อน เป็นคำพูดที่ฟังดูตลก แต่ลึกซึ้ง คิดใหญ่ทำเล็ก คิดกว้างทำแคบ คิดละเอียดทำหยาบ ลงมือทำในจุดเล็กๆ ก่อน สำเร็จแล้วจึงค่อยขยาย มิใช่สั่งทำพร้อมกันทั่วประเทศ ดูดี แต่ลงทุนสูงได้ผลน้อย ในที่สุดทุกคนก็จะหมดแรง เพราะมีแต่คนสั่งคนทำมีอยู่ไม่กี่คน
 
ข้อที่ 4 ทำตามลำดับขั้น เริ่มทำจากความจำเป็นก่อน สิ่งที่ขาดคือสิ่งที่จำเป็นเช่น ประชาชนต้องแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพก่อน จากนั้นก็ไปแก้ที่สาธารณูปโภค แล้วต่อด้วยการประกอบอาชีพ ถ้าทำเป็นขั้นเป็นตอน ก็จะทำให้สำเร็จได้ง่าย เช่น งานยาเสพติดรักษา --> ส่งเสริม --> ฟื้นฟู -->กลับอยู่ในสังคมปกติ เป็นคนดีของชาติ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-05 22:18:05


ความคิดเห็นที่ 116 (1628019)

 ข้อที่ 5 ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ การทำงานทุกอย่าง ต้องคำนึงถึงภูมิศาสตร์ว่า อยู่แถบไหน อากาศเป็นอย่างไร ติดชายแดน ติดทะเล และสังคมของเราเป็นอย่างไร นับถือศาสนาอะไร คนนิสัยใจคอเป็นอย่างไร รวมไปถึงพวกเรากันเองด้วย ถ้าไม่รู้เขารู้เราจะรบชนะได้อย่างไร สั่งทำโครงการทั่วประเทศไม่ได้ ต้องดูเฉพาะพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุขออกแบบสถานีอนามัยเหมือนกันทั่วประเทศ บางครั้งก็ไม่ดีนัก


ข้อที่ 6 ทำงานแบบองค์รวม โดยคิดความเชื่อมโยง ทรงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีแนวโน้มทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง ที่ฟังแล้วโอเวอร์ไปหน่อย แต่ก็จริง ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวพันกัน แยกออกจากกันโดยเด็ดขาดมิได้
 
ข้อที่ 7 ไม่ติดตำรา ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด บางครั้งเรายึดทฤษฎีจนเกินไปทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่เราทำบางครั้งต้องโอบอ้อมต่อสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม จิตวิทยาด้วย


ข้อที่ 8 ประหยัด เรื่องง่ายได้ประโยชน์สูงสุด ทำได้เอง หาได้เองในท้องถิ่น ใช้เทคโนโลยีเรียบง่าย เช่น ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ปล่อยให้ขึ้นเอง บางครั้งมีพิธีกรรมใหญ่โตผู้ยิ่งใหญ่ทำพิธีปลูกป่า โดยนำรถไถไปไถที่ให้เรียบเพื่อปลูกป่า โดยทำลายต้นไม้ไปมากมาย น่าตลกเรื่องเช่นนี้ยังมีในสังคมไทยมากมาย กรอบแนวคิด Input ----> Process ----> Output ประหยัด เรียบง่าย ประโยชน์สูงสุดข้อ
 
ข้อที่ 9 ทำให้ง่าย
ทำอะไรให้ง่ายๆ ทำให้ชีวิตง่าย โปรดรับสั่งทำสิ่งยากๆ ให้กลายเป็นสิ่งที่ง่ายๆ
นักข่าวชาวฝรั่งเศสถามพระองค์ว่า พระองค์ทรงงานแบบใด ท่านตรัสตอบเป็นภาษาฝรั่งเศสว่าซิมปลีฟีเย่” ซึ่งภาษาอังกฤษแปลว่า ซิมพลีฟาย(simplify) ภาษาไทยแปลว่า ทำให้ง่าย คนส่วนใหญ่ชวนทำสิ่งง่ายๆให้เป็นสิ่งยากๆ ผมบอกเจ้าหน้าที่งานยาเสพติดว่า ถ้าใครโทรศัพท์มาของความช่วยเหลือให้ถามเขาคำแรกว่า“คุณจะให้ผมไปหาคุณหรือคุณจะมาหาผมเดี๋ยวนี้”
 
 
ข้อที่ 10 การมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น หัดทำใจให้หนักแน่น รับฟังความคิดเห็นการรับฟังคือการเก็บความคิด เราจะประมวลความคิดเพื่อมาใช้ประโยชน์
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-05 22:25:32


ความคิดเห็นที่ 117 (1628020)

 ข้อ 11 ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม จากพระราชดำรัส ใครต่อใครชอบบอกให้นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม ให้ส่วนรวมคือการช่วยตัวเองด้วย เพราะเมื่อส่วนรวมได้ประโยชน์ เราเองก็ได้ประโยชน์ การช่วยกันแก้ปัญหายาเสพติด ส่วนรวมได้ประโยชน์ ลูกหลานเราก็ปลอดภัยจากยาเสพติดด้วยประเทศชาติยู่ไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าเราจะอยู่ได้


ข้อที่ 12 บริการที่จุดเดียว วันนี้เราพูด วันสต๊อปเซอร์วิส แต่ในหลวงตรัสไว้เกิน20ปีมาแล้ว ศูนย์ศึกษาพัฒนา 6แห่งทั่วประเทศให้บริการจุดเดียวมากกว่า 20 ปี ใครทันสมัยกันแน่

 
ข้อที่ 13 ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ มองธรรมชาติให้ออก กักน้ำตามลำธารช่วยให้ป่าสมบูรณ์ช่วยให้ชาวเขามีอาชีพ เราก็จะลดปัญหายาเสพติดลงไป การช่วยดูแลผู้ติดยา เขาจะไม่กลับไปเสพซ้ำและสามารถกลับมาช่วยเราอีกแรง ทำให้ได้แนวร่วมเพิ่มขึ้นอยู่แบบสมดุล ซึ่งการจะมองปัญหาออกต้องมีใจว่าง ไม่ลำเอียง ต้องมีจิตอันพิสุทธิ์
 
ข้อที่ 14 ใช้อธรรมปราบอธรรม เอาผักตบชวาที่เป็นปัญหาของเราในประเทศ มากำจัดน้ำเสียเอาปัญหามาช่วยขจัดปัญหา เอาปัญหายาเสพติด มาช่วยพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมของคนไทยกันดีกว่า แผ่นดินธรรมแผ่นดินทองควรจะเฟื่องฟูได้แล้ว
 
 
ข้อที่ 15 ปลูกป่าในใจคน ต้องปลูกป่าที่จิตสำนึกก่อน ต้องให้เห็นคุณค่าก่อนที่จะลงมือทำการดูแลปัญหายาเสพติด ถ้าคน ทำหน้าที่นี้ยังทำเพราะเป็นหน้าที่ งานสำเร็จได้ยาก แต่ถ้าทำด้วยความดีใจที่ได้ช่วยลูกเขาให้กลับคืนสู่อ้อมอกพ่อแม่ได้เพียงหนึ่งคน ซึ่งคุ้มค่ากว่าได้เงินทองเป็นล้าน แสดงว่าพลังต่อสู้กับยาเสพติดได้เกิดขึ้นในใจของท่านแล้ว จงปลุกสิงโตทองคำในหัวใจ ให้ตื่นขึ้นมาให้ได้ก่อน
 
 
ข้อที่ 16 ขาดทุนคือกำไร อย่ามองที่กำไรขาดทุนที่เป็นตัวเงินมากจนเกินไป บางครั้งเราได้กำไรจากการขาดทุน ลงทุนมหาศาล ได้ธรรมชาติกลับคืนมา ลงทุนมหาศาล ได้ลูกคืนมา ลงทุนมหาศาล ได้คนดีๆ กลับมา ลงทุนมหาศาล ได้ความรู้ไว้คอยช่วยเหลือ
 
 
ข้อที่ 17 การพึ่งตนเอง ในหลวงทรงสอนให้พวกเราพึ่งตนเอง เพราะสังคมบริโภคจะเป็นทาสของผู้ผลิต การพึ่งตนเองได้ทำให้ไม่ต้องเป็นทาสใคร เมื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วพยายามพึ่งตนเองให้ได้
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-05 22:31:01


ความคิดเห็นที่ 118 (1628021)

 ข้อที่ 18 พออยู่พอกิน พออยู่พอกินก่อน แล้วค่อยพัฒนาเราขอให้บำบัดให้ได้ก่อน==> ประคับประคอง==> เป็นที่ปรึกษา==>เป็นผู้ช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป

 

ข้อที่ 19 เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการต่อสู้ รับมือความเปลี่ยนแปลงของโลก การจัดการกับปัญหายาเสพติด ต้องคำนึงถึงเรื่องความพอดีให้ดีโดยอาศัยหลักเศรษฐกิจพอเพียง

 

ข้อที่ 20 ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน คนที่มีความรู้มากแต่โกง สู้คนที่ไม่เก่งแต่ดีไม่ได้ วีรบุรุษ วีรสตรีคือคุณธรรมที่ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น พวกเราที่ทำงานยาเสพติดคือ วีรบุรุษ วีรสตรีผู้หนึ่ง

ข้อที่ 21 ทำงานอย่างมีความสุข “ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ ฉันมีแต่ความสุขที่ร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นเท่านั้น” ทำอะไรต้องมีความสุขด้วย เพราะศึกครั้งนี้ยาวนาน ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุขจะแพ้แต่ถ้าเรามี ความสุข เราจะชนะ เพียงแต่คนทำงานเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีความสุข สนุกกับการทำงานเพียงเท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว
 
 
ข้อที่ 22 ความเพียร กว่า 60 ปีที่ทรงงาน ในหลวงไม่เคยทรงท้อถอย ไม่มีการลาพักร้อนหยุดงานสักเวลาเดียว
 
ข้อที่ 23 รู้ รัก สามัคคี
คิดเพื่องาน
รู้ = ต้องรู้ปัจจัย รู้ปัญหา รู้ทางออกของปัญหา
รัก = เมื่อรู้แล้ว ต้องเกิดความอยากในทางที่ดีก่อนคือฉันทะเห็นว่าเป็น
ประโยชน์ต่อ ประเทศชาติ ภูมิใจ อยากทำ
สามัคคี = ลงมือปฏิบัติ ต้องร่วมมือเพื่อเกิดพลัง แยกกันไร้ค่ารวมกันไร้เทียมทาน คิดเพื่อตัวเราเอง รู้ = รู้จักทุกคนทั้งหน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัวทำอย่างไร จึงจะรู้จักให้ดีได้
รู้จุดอ่อน จุดแข็ง โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา รัก = เน้นความดี ใส่ใจกันและกันมองกันในแง่ดี สามัคคี = จึงจะเกิด
 
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-05 22:34:42

 


ความคิดเห็นที่ 119 (1628205)

หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 

 

หลักการและปรัชญาการทรงงาน 10 ประการ

1. ทรงเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต 
2. ทรงเน้นความอ่อนน้อมถ่อมตน 
3. ทรงเน้นความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน 
4. ทรงเน้นให้เริ่มจากหลักการ หลักวิชาการ และทดสอบทดลอง        
5. ทรงเน้นความต้องการของประชาชนเป็นหลัก 
6. ทรงเน้นธรรมชาติเป็นหลัก 
7. ทรงเน้นให้ยึดหลัก รู้ รัก สามัคคี 
8. การจะทำอะไรก็ขอให้เริ่มจากเล็กไปหาใหญ่ 
9. ทำอะไร พูดอะไร คิดอะไร ปฏิบัติอะไร ก็ขอให้ยึดความพอดี พอควรเป็นที่ตั้ง 
10.ยึดธรรมะเป็นที่ตั้งทุกเรื่อง    
  
ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-06 23:09:23


ความคิดเห็นที่ 120 (1628812)
image

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา

จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ

ทั่วประเทศ ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ประชาชน
อยู่ดีมีสุขตามสมควรแก่อัตภาพ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบอาชีพด้านการเกษตร
ซึ่งถือว่า เป็นอาชีพหลักของประเทศ จึงทำให้เกิด

“โครงการส่วนพระองค์ เกี่ยว
กับการเกษตร สวนจิตรลดา”

ภายในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐานอันเป็น
เขตพระราชฐานที่ประทับ ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๔

โครงการส่วนพระองค์  สวนจิตรลดา

มุ่งเน้นการดำเนินงานโดยยึดหลักปรัชญา
“เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร

อย่างยั่งยืน ให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้

ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร

ภายในประเทศ เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ

และการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้

ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้กระบวนการผลิตที่ง่าย

แต่มีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ ยังดำเนินการภายใต้กระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์ ที่มีการศึกษา ทดลอง บันทึกรวบรวมข้อมูล
และผลการศึกษา เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่เกษตรกร

และผู้ที่สนใจทั่วไป

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์

สร้างโครงการอันหลากหลายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา

เพื่อเป็นโรงงานตัวอย่างและพระราชทานโอกาสให้บุคคล

กลุ่มต่าง ๆ ที่สนใจ "ดูกิจการได้ทุกเมื่อ" ในแต่ละปีจึงมีผู้เข้ามาศึกษาดูงานโครงการต่าง ๆ

เกือบ ๒๐,๐๐๐ คนต่อปี

 

โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา

มีวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินงาน ๓ ประการ คือ

  1. เป็นโครงการทดลองเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับงานทางด้านเกษตรกรรมต่าง ๆ
  2. เป็นโครงการตัวอย่าง ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาทำการศึกษา และสามารถนำไปดำเนินการเองได้
  3. เป็นโครงการที่ดำเนินงานโดยไม่หวังผลตอบแทนเชิงธุรกิจ

ลักษณะของโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา

แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ

1. โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ
เป็นโครงการสนองแนวพระราชดำริ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร
ทรงให้ความสำคัญกับการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
โดยมีแนวทางที่สำคัญคือ
ทำให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ทางด้านอาหาร
และสนับสนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นนอกเหนือไปจากภาคเกษตร
อีกทั้งเน้นการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
โครงการเหล่านี้ ได้แก่
โครงการเกี่ยวกับปลานิล ป่าไม้สาธิต นาข้าวทดลองข้าวไร่
การผลิตแก๊สชีวภาพ  ปุ๋ยอินทรีย์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช
สวนพืชสมุนไพร สาหร่ายเกลียวทอง
โครงการทดลองปลูกพืช โดยปราศจากดิน
2. โครงการกึ่งธุรกิจ
เป็นโครงการทดลองแปรรูปผลิตภัณฑ์จากการเกษตร
มีการจัดผลิตภัณฑ์ออกจำหน่าย
ในราคาย่อมเยาในรูปแบบที่ไม่หวังผลกำไร
แต่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคสินค้าที่ผลิตได้
ในประเทศไทย ซึ่งมีคุณภาพและราคาไม่แพง
โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ได้แก่
โรงโคนมสวนจิตรลดา โรงบดและอัดแกลบ
ห้องปฏิบัติการทดลอง โรงผลิตน้ำผลไม้ โรงนมเม็ดสวนดุสิต โรงอบผลไม้ โรงกลั่น แอลกอฮอล์
โรงเนยแข็ง โรงสีข้าว โรงเห็ด โรงอาหารปลา
โรงผลิตกระดาษสา และโรงหล่อเทียนหลวง

ทีีมา :ฐานความรู้ที่ 30 โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-12 00:10:49


ความคิดเห็นที่ 121 (1629325)
image

 

 

ความหมายของตราสัญญลักษณ์

โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา

 

พระมหาพิชัยมงกุฎ หมายถึง พระมหากษัตริย์

เนื่องจาก โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา

 

เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงเป็นเจ้าของ

 

 

"รัศมี”แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณ

ในการที่ทรงให้การสนับสนุนและพระราชทาน

ความช่วยเหลือแก่เกษตรกร

 
“สีเขียว” หมายถึง การเกษตรกรรม
เนื่องจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
เป็นโครงการที่สนับสนุน เผยแพร่และพัฒนา
ทางด้านการเกษตรตามแนวพระราชดำริ
 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-14 00:37:20


ความคิดเห็นที่ 122 (1629326)
image

  พระราชนิพนธ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-14 00:58:59


ความคิดเห็นที่ 123 (1629477)
image

คำสอนของในหลวง

ของขวัญจากในหลวง

1.อย่าทำลายความหวังของใคร ...

เพราะอาจเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้น...

2.รู้จักฟังให้ดี ... โอกาสทองบางที

มันก็มาถึงแบบแว่วๆ เท่านั้น...

3. จะคิดการ....จงคิดการใหญ่เข้าไว้

แต่เติมความสนุกสนานลงไปเล็กน้อย

4.หัดทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย ..

โดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้...

5.จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น...

6.ใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ช่าง...

ไม่ต้องเสียเวลาโต้ตอบ...

7.ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ "2" แต่อย่าให้ถึง"3"...

8.เราไม่ได้ต่อสู้กับ คนโหดร้าย  

แต่เราต่อสู้กับ ความโหดร้าย ในตัวคน...

9.เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ... ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน...

10.อย่าไปหวังเลยว่าชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม...

11.ประเมินตัวเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง

ไม่ใช่มาตรฐานของคนอื่น...

12.คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย ...

อ่อนโยนและอยากรู้อยากเห็น...

13.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด

โดยสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้...

14.อย่าวิจารณ์นายจ้าง ...

ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุข ก็ลาออกซะ...

15.คำนึงถึงการมีชีวิต "กว้างขวาง" มากกว่าการมีชีวิต "ยืนยาว"...

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-15 00:11:57


ความคิดเห็นที่ 124 (1630958)

 

รูปภาพ : ธ ทรงเป็นพระมิ่งขวัญอันยิ่งใหญ่
ธ ทรงเป็นหลักชัยอันสูงค่า
ธ ทรงเป็นร่มโพธิ์ไทรในนภา
ธ ทรงเป็นพระราชาของข้าไทย
เป็นหยาดฝนโชลมใจไทยทั่วถิ่น
เป็นเหมือนน้ำที่หลั่งรินให้กินใช้
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ปัดเป่าภัย
ขอเกิดในใต้พระบาททุกชาติกาล
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

การทำความดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ

เพราะหาไม่ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่

แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว

พระบรมราโชวาท

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-26 00:06:45


ความคิดเห็นที่ 125 (1630980)

 

ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

ขอเดชะฯ

 

*********

 

ขออนุโมทนากับคุณโฆษิต

ในทุกๆบทความด้วยค่ะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธัญญาภรณ์ พุกภัย พิสมัย (ฝรั่งเศส) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-26 05:10:56


ความคิดเห็นที่ 126 (1631741)

 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่อง" น้ำ "

 

        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นที่ยอมรับนับถือกันโดยทั่วไปว่าพระองค์คือ ปราชญ์ในเรื่องน้ำของแผ่นดินอย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของการทรงงานหนักตรากตรำอย่างไม่เคยทรงหยุดหย่อนนั้น งานพัฒนาที่สำคัญยิ่งของพระองค์คือ งานที่เกี่ยวข้องกับ “น้ำ” ศาสตร์ทั้งปวงที่เกี่ยวกับน้ำไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาและจัดหาแหล่งน้ำ การเก็บกัก การระบาย การควบคุม การทำน้ำเสียให้เป็นน้ำดี ตลอดจนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนั้น ย่อมประจักษ์ชัดและ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถ ของพระองค์นั้นหาผู้เสมอเหมือนได้ยากยิ่ง

             

           

 ใน ส่วนที่เกี่ยวกับน้ำนี้ใคร่ขอหยิบยกแนวคิดและทฤษฎีที่ทรงดำเนินการเกี่ยวกับ น้ำในลักษณะต่างๆ กัน มาแสดงให้เห็นพอสังเขป ณ ที่นี้เพียง ๒-๓ ประการ เช่น แนวคิดเรื่อง “น้ำดีไล่น้ำเสีย” ใน การแก้ไขมลพิษทางน้ำนั้น ทรงแนะนำให้ใช้หลักการแก้ไขโดยใช้น้ำที่มีคุณภาพดีจากแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ช่วยผลักดันและเจือจางน้ำเน่าเสียให้ออกจากแหล่งน้ำของชุมชนภายในเมือง ตามคลองต่างๆ เช่น คลองบางเขน คลองบางซื่อ คลองแสนแสบ คลองเทเวศร์ และคลองบางลำพู เป็นต้น วิธีนี้จะกระทำได้ด้วยการเปิด-ปิดประตูอาคารควบคุมน้ำ รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงจังหวะน้ำขึ้นและระบายน้ำสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ในระยะน้ำลง ผลดีก็คือน้ำตาม 

 

 

        ลำคลองต่าง ๆ มีโอกาสไหลถ่ายเทหมุนเวียนกันมากขึ้น น้ำที่มีสภาพทรงอยู่กับที่และเน่าเสียก็จะกลับกลายเป็นน้ำที่มีคุณภาพดีขึ้น ด้วยวิธีธรรมชาติง่ายๆ อย่างที่ไม่มีผู้ใดคิดมาก่อนเช่นนี้ ได้มีส่วนทำให้น้ำเน่าเสียตามคูคลองต่างๆ ในกรุงเทมหานคร มีสภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปัจจุบัน วิธีการง่าย ๆ เช่นนี้คือการนำระบบการเคลื่อนไหวของน้ำตามธรรมชาติมาจัดระเบียบแบบแผนขึ้น ใหม่ เป็นการ “จัดการทรัพยากรธรรมชาติในเชิงอนุรักษ์ควบคู่ไปกับการ พัฒนาที่เรียบง่าย” ไม่ขัดกับหลักธรรมชาติ แต่สอดคล้องและนำไปสู่ประโยชน์ที่ต้องการได้

        “ไตธรรมชาติ” ของกรุงเทพ มหานคร ที่บึงมักกะสัน ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของแนวความคิดในเรื่องการบำบัดน้ำเสียของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้ทรงวางแนวพระราชดำริพระราชทานไว้ว่า เมืองใหญ่ทุกแห่งต้องมี “ปอด” คือสวนสาธารณะไว้หายใจหรือฟอกอากาศ ในขณะเดียวกันก็ควรมีแหล่งน้ำไว้สำหรับกลั่นกรองสิ่งโสโครกเน่าเสีย ทำหน้าที่เสมือนเป็น “ไตธรรมชาติ” จึงได้ทรงใช้ “บึงมักกะสัน” เป็นแหล่งน้ำที่รองรับน้ำเสียจากชุมชนในเขตปริมณฑลและในกรุงเทพมหานคร โดยทรงเปรียบเทียบว่า “บึงมักกะสัน” เป็นเสมือนดัง “ไตธรรมชาติ” ของกรุงเทพ มหานคร ที่เก็บกักและฟอกน้ำเสียตลอดจนเป็นแหล่งเก็บกักและระบายน้ำในฤดูฝน และที่บึงแห่งนี้เองก็ได้โปรดให้มีการทดลองใช้ผักตบชวา ซึ่งเป็นวัชพืชที่ต้องการกำจัดอยู่แล้วมาช่วยดูดซับความสกปรกปนเปื้อน รวมตลอดทั้งสารพิษต่าง ๆ จากน้ำเน่าเสีย ประกอบเข้ากับเครื่องกลบำบัดน้ำเสียแบบต่าง ๆ ที่ได้ทรงคิดค้นประดิษฐ์ขึ้นเองโดยเน้นวิธีการที่เรียบง่าย ประหยัด และไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนในพื้นที่นั้น มีพระราชกระแสในเรื่องนี้ว่า “… สวนสาธารณะ ถือว่าเป็นปอด แต่นี่ (บึงมักกะสัน) เป็นเสมือนไตฟอกเลือด ถ้าไตทำงานไม่ดีเราก็ตาย อยากให้เข้าใจหลักการของความคิดนี้…” บึงมักกะสันในปัจจุบันได้ทำหน้าที่ “ไตธรรมชาติ” ของกรุงเทพมหานครอย่างมี ประสิทธิภาพ ได้มีส่วนช่วยบรรเทามลพิษทางน้ำ และเป็นแหล่งศึกษาทดลองด้านการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมอาชีพ และการนำของเสียมาใช้ให้ก่อประโยชน์ได้อย่างดียิ่ง

            แนว คิดและทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นมีอยู่มาก และหลากหลายดังได้กล่าวไว้แล้วเป็นปฐม โดยนับตั้งแต่แนวความคิดในโครงการเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ของประเทศ เช่น โครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก อันเกิดจากน้ำพรราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยถึงปัญหาวิกฤตการณ์น้ำที่จะเกิดขึ้นแก่ ประเทศไทยในอนาคต คือปัญหาน้ำท่วมกับปัญหาน้ำแล้ง ซึ่งเกิดขึ้นสลับกันอยู่ตลอดเวลา สร้างความสูญเสียอันยิ่งใหญ่แก่เกษตรกรและประชาชนโดยทั่วไปอยู่เป็นประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการจัดสร้างโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นแหล่งต้นทุนน้ำชลประทานในการเกษตรกรรมในฤดูแล้ง เพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในบริเวณลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอน ล่างในฤดูน้ำหลาก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำเน่าเสียในเขตกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ในภาคกลาง และเพื่อผลประโยชน์ทางอ้อมนานัปการที่จะบังเกิดขึ้น สำหรับในเรื่องนี้ 
ได้เคยมีพระราชกระแสไว้ด้วยความห่วงใยว่า

            “… หาก ประวิงเวลาต่อไปไม่ได้ทำ เราก็ต้องอดน้ำแน่ จะกลายเป็นทะเลทราย และเราก็จะอพยพไปไหนไม่ได้ โครงการนี้คือ สร้างอ่างเก็บน้ำ ๒ แห่งรวมกันจะเก็บน้ำเหมาะสมพอเพียงสำหรับ การบริโภค การใช้น้ำในเขตกรุงเทพฯ และเขตใกล้เคียงในที่ราลุ่มของประเทศไทย …”

            แนว ความคิดหลักในเรื่องที่จะต้องมีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งและป้องกัน บรรเทาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากนั้น ก็เนื่องมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า : แม่น้ำป่าสักมีปริมาณน้ำไหลเฉลี่ยทั้งปีประมาณ ๒,๔๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร เฉพาะปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยในเดือนกันยายนและตุลาคมจะมีถึงประมาณ ๑,๖๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากเป็นฤดูฝน แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า ปริมาณน้ำเหล่านี้ถูกปล่อยทิ้งลงทะเลโดยเปล่าประโยชน์ แทนที่จะได้เก็บกักไว้ใช้เพื่อการเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค และอื่นๆ ในฤดูแล้ง และช่วยลดความสูญเสียจากอุทกภัยซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำได้ ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีระบบกักเก็บน้ำที่สมบูรณ์นั่นเอง

 

 

 

               พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นย้ำหลายครั้งและให้ความสำคัญแก่โครงการนี้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เนื่องจากหากดำเนินการได้สำเร็จโดยเร็ว ปัญหาและวิกฤตการณ์เกี่ยวกับน้ำในทุกรูปแบบของประเทศไทย ก็จะบรรเทาเบาบางลงได้แน่นอน

            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นย้ำหลายครั้งและให้ความสำคัญแก่โครงการนี้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เนื่องจากหากดำเนินการได้สำเร็จโดยเร็ว ปัญหาและวิกฤตการณ์เกี่ยวกับน้ำในทุกรูปแบบของประเทศไทย ก็จะบรรเทาเบาบางลงได้แน่นอน นอก เหนือไปจากโครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสักแล้ว ทางภาคใต้ของประเทศไทยก็ประสบปัญหาของน้ำท่วม น้ำจืด น้ำเปรี้ยว น้ำเค็ม อันเป็นผลทำให้การเกษตรกรรมไม่ได้ผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพื้นที่โดยรอบเขตพรุและที่ใกล้กับเขตดินพรุ เช่น บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังและบริเวณลุ่มน้ำบางนรา เป็นต้น โดยมีหลักการสำคัญให้วางโครงการและก่อสร้าง ระบบแยกน้ำ ๓ รสออกจากกันคือ สร้างระบบป้องกันน้ำเปรี้ยวจากพรุที่ทำให้พื้นที่เกษตรกรรมเป็นกรด ระบบป้องกันน้ำเค็มบุกรุก และระบบส่งน้ำจืดช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรม และเพื่อการอุปโภคบริโภค เกี่ยวกับโครงการ ฯ นี้ได้ทรงวางแผนแนวคิดและวิธีการในเรื่องการแยกน้ำแต่ละประเภทในพื้นที่ เดียวกันให้แยกออกจากกันด้วยวิธีการที่แยบยล อันแสดงถึงพระอัจฉริยภาพในศาสตร์ของน้ำอย่างแท้จริง 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-30 22:04:58


ความคิดเห็นที่ 127 (1631769)

รูปภาพ : กษัตริย์เกษตร
พระราชวังที่ใดในโลกนี้
เป็นเขตที่ทดลองเกษตรการศึกษา
มีโครงการหลากหลายมีไร่นา
มีโคนมมีสวนป่าส่วนพระองค์
เพื่อช่วยเหลือกสิกรผู้ทุกข์ยาก
พ้นอดอยากชีวิตดีทรงประสงค์
จึงทดลองแล้วสอนสั่งอย่างยืนยง
ให้ดินคงเกษตรล้ำชุ่มฉ่ำเย็น
ด้วยพระทัยการุณช่วยหนุนราษฎร์
ทรงทุกข์ยากตรากตรำลำบากเข็ญ
แม้กันดารดินแห้งผากยากลำเค็ญ
ดำเนินช่วยให้ร่มเย็นทั้งกายใจ
จึงสมนามเอกกษัตริย์ภัทรราช
พระจอมปราชญ์กษัตริย์เกษตรวิเศษสมัย
ปวงราษฎร์รักในหลวงเปี่ยมดวงใจ
ชีวิตพลีภักดิ์ทรงชัยเพื่อแทนคุณ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้าในนามคณะศิษย์วัดเขาแร่
ในสมเด็จพระสังฆราชูปถัมป์ อ.ทุ่งเสลี่ยม  กรุงสุโขทัย
(นายวรุตม์   หุตวาณิชกุล: ประพันธ์)

กษัตริย์เกษตร
พระราชวังที่ใดในโลกนี้
เป็นเขตที่ทดลองเกษตรการศึกษา
มีโครงการหลากหลายมีไร่นา
มีโคนมมีสวนป่าส่วนพระองค์
เพื่อช่วยเหลือกสิกรผู้ทุกข์ยาก

 
พ้นอดอยากชีวิตดีทรงประสงค์
จึงทดลองแล้วสอนสั่งอย่างยืนยง
ให้ดินคงเกษตรล้ำชุ่มฉ่ำเย็น
ด้วยพระทัยการุณช่วยหนุนราษฎร์
ทรงทุกข์ยากตรากตรำลำบากเข็ญ
แม้กันดารดินแห้งผากยากลำเค็ญ
ดำเนินช่วยให้ร่มเย็นทั้งกายใจ
จึงสมนามเอกกษัตริย์ภัทรราช
พระจอมปราชญ์กษัตริย์เกษตรวิเศษสมัย
ปวงราษฎร์รักในหลวงเปี่ยมดวงใจ
ชีวิตพลีภักดิ์ทรงชัยเพื่อแทนคุณ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้าในนามคณะศิษย์วัดเขาแร่
ในสมเด็จพระสังฆราชูปถัมป์
อ.ทุ่งเสลี่ยม กรุงสุโขทัย

(นายวรุตม์ หุตวาณิชกุล: ประพันธ์)

 

ทีีมา : จะกู่ร้องว่ารักพ่อให้ก้องโลก แฟนเพจ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-01 05:10:46


ความคิดเห็นที่ 128 (1633965)
image

อย่ามองแต่สิ่งของที่ในหลวงทรงประทาน

แต่ให้มองในธรรมที่ในหลวงทรงประทานด้วย

 

ภาพนี้คือ ภาพหลอดยาสีพระทนต์(ยาสีฟัน)

ที่ในหลวงทรงใช้ด้ามของแปรงสีพระทนต์

กดและรีดยาสีพระทนต์จนเป็นรอย

เพื่อสอนให้ทุกคนรู้จักใช้สิ่งของอย่างประหยัดนั่นเอง

 

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-12 00:22:05


ความคิดเห็นที่ 129 (1635611)
image

พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า
ทำความดี ไม่ต้องเกรงใจใคร

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-20 22:16:48


ความคิดเห็นที่ 130 (1635922)
image

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-22 23:43:39


ความคิดเห็นที่ 131 (1636162)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-23 23:25:21


ความคิดเห็นที่ 132 (1636877)

 

แสงเทียน

 

จุดเทียนบวงสรวงปวงเทพเจ้า
สวดมนต์ค่ำเช้าถึงคราวระทมทน
โอ้ชีวิตหนอล้วนรอความตายทุกคน
หลีกไปไม่พ้นทุกข์ทนอาทรร้อนใจ
ต่างคนเกิดแล้วตายไป
ชดใช้เวรกรรมจากจร
นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยงเสี่ยงบุญกรรม
ทุกคนเคยทำกรรมไว้ก่อน
เชิญปวงเทวดาข้าไหว้วอน
ขอพรคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน
แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน
เปรียบเทียนสิ้นแสงยามแรงลมเป่า
ชีพดับอับเฉาเหมือนเงาไร้ดวงเทียน
จุดเทียนถวายหมายบนบูชาร้องเรียน
โรคภัยเบียดเบียนแสงเทียนทานลมพัดโบย
โรครุมเร่าร้อนแรงโรย
หวนโหยอาวรณ์อ่อนใจ
ทำบุญทำทานกันไว้เถิดเกิดเป็นคน
ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่
เคยทำบุญทำคุณปางก่อนใด
ขอบุญคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
แสงเทียนบูชาจะดับพลัน
แสงเทียนบูชาดับลับไป

 

เพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรก ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2498

ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็น สมเด็จพระอนุชาธิราชได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ

ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

(ขณะดำรงพระยศเป็นหม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์)

นิพนธ์คำร้องภาษาไทย แต่เนื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะทรงแก้ไขทำนอง

และคอร์ดบางตอน จึงยังไม่โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้นำออกมาบรรเลงในเวลานั้น

ต่อมา ได้พระราชทานให้นำออกบรรเลงครั้งแรก พ.ศ.2490

และใน พ.ศ.2496 นางสาวสดใส วานิชวัฒนา (รองศาสตราจารย์สดใด พันธุมโกมล)

ประพันธ์คำร้องภาษาอังกฤษ

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-26 21:01:42


ความคิดเห็นที่ 133 (1641365)
image

 "ไม่ต้องกั้น "

 

โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล 

มีอยู่ครั้งหนึ่งเสด็จฯ ไปที่เซ็นทรัลวันที่มีประชุมรัฐสภาโลก

 
วันนั้นผมจำได้ผมติดอยู่บนท้องถนนฝนตกผมก็มีวิทยุ

 

เลยได้ยินรับสั่งมากับตำรวจมาเลย "วันนี้ไม่ต้องกั้นรถ"

 

ทรงเข้าใจความทุกข์ของราษฏรอยู่ตลอดเวลา

 

วันนี้เป็นวันฝนตกรถติดกันอย่างมหาศาลถ้าขืนต้องไปติดขบวนอีก

 

สร้างความทุกข์ให้กับประชาชน ทรงวิทยุบอกตำรวจว่า 

 

"ขบวนจะแล่นไปพร้อมกับรถของประชาชน

 

ไม่ต้องกั้นเคลื่อนที่ไปพร้อมกัน"

 

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดช

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-20 01:44:01


ความคิดเห็นที่ 134 (1641388)

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงรับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา

ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

 

 
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา 16.53 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ทรงรับ นายบารัค โอบามา (The Honorable Barack Obama) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2555 

การนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และคณะ ได้ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2555 ทั้งนี้ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ในช่วงระยะเวลา 60 ปี ที่ผ่านมา และแสดงความปลื้มปิติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำประเทศไทยสู่ความเจริญ ความมั่นคง และทรงเป็นที่เคารพรักของพสกนิกรโดยถ้วนหน้า 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาอีกสมัยหนึ่ง และมีพระราชดำรัสถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา รวมถึงสถานการณ์สันติภาพในภูมิภาคต่างๆ ของโลก โดยเฉพาะสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ถวายของขวัญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันประกอบด้วยอัลบัมภาพถ่ายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ฉายร่วมกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นับแต่ประธานาธิบดี ดไวต์ ดี.ไอเซนอาวร์ ลินดอน บี. จอห์นสัน , ริชาร์ด นิกสัน , จิมมี คาร์เตอร์ , โรนัลด์ เรแกน , จอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช , บิล คลินตัน และจอร์จ ดับเบิลยู. บุช พร้อมกับภาพวาดธงชาติไทยและสหรัฐอเมริกา โดยจิตรกรร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานหนังสือเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และโครงการอันเนื่องมากจากพระราชดำริ จำนวน 3 เล่ม  และพระราชทานผ้าไหม แพรวา สำหรับนางมิเชล โอบามา ภริยาประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
 
 
ชมลิงค์วีดีโอ :    
http://www.youtube.com/watch?v=vDHIHxpfwGE

ลิงค์ที่นำมาให้ชมนี้ นักข่าวเขาได้วิเคราะห์ได้ดีมากค่ะ
โดยให้ข้อสังเกตว่าครั้งนี้ทางสหรัฐอเมริกา
ทำการบ้านมาดีมาก และ การเยือนครั้งนี้ก็มีนัยยะ
โดยเป็นการมาเพื่อ 3 ด้าน คือ
ชาติ (การเมือง)   ศาสนา (ไปวัดโพธิ์)  
พระมหากษัตริย์  (เข้าเฝ้าในหลวง)
 ซึ่งสหรัฐคงเล็งเห็นความสำคัญของไทยเรามากค่ะ
ขอพระองค์ท่านทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงในเร็ววันค่ะ
 
 
 
 
 
 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-20 09:23:03


ความคิดเห็นที่ 135 (1643159)
image

ในหลวงทรงเดินด้วยพระองค์เองได้แล้ว

ไชโย ไชโย ไชโย ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

เป็นไปตามที่อาจารย์อุบลท่านเคยบอกไว้ว่า

อีกไม่นานในหลวงจะเดินได้

(เมื่อครั้งท่านถวายปิระมิด

ให้สมเด็จพระเทพฯ นำไปถวายในหลวง)

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-01 01:08:35


ความคิดเห็นที่ 136 (1643481)
image

   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ในราชวงศ์จักรี เสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 จนถึงปัจจุบัน ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ในฐานะประมุขแห่งรัฐ เป็นเวลายาวนานที่สุดในโลกที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่

       พระองค์ได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า "สมเด็จพระภัทรมหาราช" มีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่ง" ต่อมามีการถวายพระราชสมัญญาใหม่ว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" เมื่อ พ.ศ. 2510 และ "พระภูมิพลมหาราช" อนุโลมธรรมเนียมเช่นเดียวกับ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า "พระปิยมหาราช"

       ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกพระองค์ว่า "ในหลวง" โดยย่อมาจาก "ใน (พระบรมมหาราชวัง) หลวง" บ้างก็ว่ามาจากคำว่า "นายหลวง" ซึ่งแปลว่าเจ้านายผู้เป็นใหญ่

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

   ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-04 02:49:29


ความคิดเห็นที่ 137 (1643656)
image

 

ในหลวงเสด็จออกสีหบัญชรพระที่นั่งอนันตสมาคม

 

๕ ธันวาคม ๒๕๕๕

ทรงมีพระราชดำรัส

ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น 

ทรงย้ำ

ความพร้อมเพรียง จะทำให้ไทยรอดได้

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ

---------------------------------------------------

เวลา ๑๑.๐๔ น. ในการออกมหาสมาคมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทรงพระราชทานพระราชดำรัส มีใจความว่า

 "คำอวยพร และคำปฏิญาณสัญญาที่ทุกท่านได้กล่าวนั้น

เป็นที่ประทับใจมาก ขอขอบใจและท่านทั้งหลาย

ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคนที่พรั่งพร้อมกัน

มาด้วยความปรารถดี และไมตรีจิต

ความปรารถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่าน

อย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น

มีความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปรารถนาดีของท่านต่อกันนี้

เป็นปัจจัยอย่างสำคัญ ที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้เกิดขึ้น

ดีขึ้นทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง

แต่ถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมข้อนี้ประจำอยู่ในจิต

จก็จะมีความหวังได้ว่าบ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ

ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และธรรมธำรงมั่นคงปลอดภัย

ได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน

ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนไตยและสิ่งศักดิ์สิ่งทรงคุ้มครองรักษาท่าน

และชาติไทยให้มีแต่ความผาสุก ร่มเย็นยั่งยืนตลอดไป"

 

ที่มา : thaiinsider.info/news2012b/the-news/general/20759-2012-12-05-06-55-27

---------------------------------------------------------

 

ด้วยพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐม พระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์

 

ขอได้โปรดดลบันดาลให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

 

ทรงพระเกษมสำราญและมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์

 

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-05 16:49:49


ความคิดเห็นที่ 138 (1643703)

        ก้มกราบองค์สมเด็จพระปฐม

          ขอบรมบารมีพระศรีอารย์

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนและท่านอาจารย์

     จงอภิบาลพระองค์ ทรงพระเจริญ

                ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป รักในหลวงค่ะ

 ขออนุโมทนากับคุณโฆษิต และทุกท่านทุกข้อความค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุระณี สิริมานุวัฒน์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-06 00:20:39


ความคิดเห็นที่ 139 (1643832)

ข้าพเจ้าและครอบครัว ภิรมย์รักษ์ ขออำนาจบารมีองสิงศักดิ์สิทธ์ทั่วจักรวาล และบารมีพระศรีอาริย์ที่อ.อุบลเป็นผู้อัญเชญมา ขอเบิกบุญศีลทานภาวนา ที่ได้ทำมาทุกๆชาติ โดยเฉพาะบุญที่ทำที่บ้านสวนพีระมิด ขอถวายพระพรและถวายบุญกุศลที่ได้ทำมา อุทิศให้แด่เทวดาที่รักษาตัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกๆ พระองค์  ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน  ปราศจากโรคาพยาธิแผ้วพาน  ทรงพระเกษมสำราญ ตลอดกาลเป็นนิตย์เทิญ  สาธุ .....

ผู้แสดงความคิดเห็น ณภัทร ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-06 21:26:16


ความคิดเห็นที่ 140 (1647629)

ในหลวงพระราชทาน ส.ค.ส.ปี 2556

 

      

ส.ค.ส.พระราชทาน

ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประจำปีพุทธศักราช 2556

นี้ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในฉลองพระองค์เชิ้ตลำลองสีฟ้า มีลายเส้นสีชมพูและสีฟ้าฟ้าเข้มพาดตัดกัน

พระสนับเพลาสีดำ และฉลองพระบาทสีดำ

ประทับบนพระเก้าอี้ ด้านขวาของพระเก้าอี้ที่ประทับ มีโต๊ะกลม

วางพระบรมฉายาลักษณ์ครอบครัว และเชิงเทียนแก้ว

ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง คือ คุณทองแดง

ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 สวมเสื้อสีทอง

หมอบอยู่แทบพระบาทด้านขวา

และคุณมะลิ แม่เลี้ยงคุณทองแดง สวมเสื้อสีทอง

หมอบอยู่แทบพระบาทด้านซ้าย

ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับ ตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้หลากสี 

 ด้านขวาบน มีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับ

ส่วนด้านซ้ายมีผอบทอง (ผะ-อบ-ทอง) ประดับ

ด้านล่างของผอบทอง(ผะ-อบ-ทอง)  มีตัวอักษรสีทอง

ข้อความว่า ส.ค.ส. พ.ศ. ๒๕๕๖ สวัสดีปีใหม่

และ ตัวอักษรสีขาว ข้อความว่า

ขอจงมีความสุขความเจริญ HAPPY NEW  YEAR

ด้านขวา ใต้ตราพระมหาพิชัยมงกุฎ มีข้อความพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีเหลือง

ข้อความว่า “ความเมตตาเป็นคุณธรรมนำความสุข ช่วยปลอบปลุกปรุงใจให้

หรรษา ความกตัญญูรู้คุณผู้เมตตา  ทวีค่าของน้ำใจไมตรีเอย”

ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีแถบสีม่วงเข้ม

มุมล่างขวา มีข้อความ  ก.ส. 9 ปรุง 181122 ธค.55

(กอ สอ เก้า ปรุง สิบแปดสิบเอ็ด ยี่สิบสอง ทอ คอ ห้าห้า)  

พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร,

ผู้พิมพ์โฆษณา  Printed at the Suvarnnachad,D Bramaputra,Publisher

(พริ้นเทด แอ้ท เดอะ สุวรรณชาด,ดี. พรหมบุตร, พับลิชเชอร์)

กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้

เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ เรียงกัน

ด้านซ้ายและด้านขวาเรียงกันด้านละ 3 แถว

ส่วนด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละ 2 แถว

ทุกหน้า มีแต่รอยยิ้ม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ (ตาโต๊ะ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-31 23:16:54


ความคิดเห็นที่ 141 (1647636)

อนุโมทนาบุญกับคุณตาโต๊ะครับ

อย่าลืมว่า อย่าเพียงแค่อ่านพระราชดำรัสหรือแค่ดูภาพของพระองค์ท่าน

ที่สำคัญ เราต้องน้อมนำและปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงสอนครับ

"เมตตาเป็นคุณธรรมนำความสุข ช่วยปลอบปลุกปรุงใจให้

หรรษา ความกตัญญูรู้คุณผู้เมตตา  ทวีค่าของน้ำใจไมตรีเอย”

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-01-01 03:52:20



<< ก่อนหน้า 1 [2]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.