ReadyPlanet.com


ความศักดิ์สิทธิ์ของรอยพระพุทธบาท


ความศักดิ์สิทธิ์ของรอยพระพุทธบาท

ที่มา http://techovipassana.org/

ท่านทั้งหลาย

ก่อนอื่นจะขอแจ้งเพิ่มเติมเป็นหลักการไปเลยว่า อ.จะโพสต์คำสอนและหรือเรื่องราวที่น่าสนใจที่เป็นไปเพื่อการเติมบุญ  ให้ได้อ่านกันทุกวันอังคารและวันศุกร์  ยกเว้นสัปดาห์ไหนติดสอนวิปัสสนาก็ต้องยกยอดไป  เชิญติดตามอ่านและเชิญชวนส่งต่อให้ผู้ที่ไม่ใช่ศิษย์ให้อ่านกันได้ตามอัธยาศัย ก็ถือเป็นการฟังเทศน์ ได้บุญในข้อฟังธรรม  จิตใจจะได้มั่นคงในพระรัตนตรัยไม่เสื่อมคลาย

ขอเพิ่มเติมเล่าเรื่องรอยพระพุทธบาทที่เขาพระบาทน้อยนี้ เพื่อให้สาธุชนได้รับทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์

รอยพระพุทธบาทนี้  เป็นรอยพระพุทธบาทโบราณ  และมีความศักดิ์สิทธิ์มาก  ได้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งมาสร้างศาลาเรียบง่ายเพื่อคลุมไว้และให้สะดวกต่อผู้มาสักการะ   เทือกเขานี้จึงได้ชื่อว่า เขาพระพุทธบาทน้อย  ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธบาท  ทำให้เทือกเขาหินปูนนี้ รอดพ้นจากเงื้อมมือของนายทุนในยุคของนายกชาติชาย ชุณหะวัณ  ที่เร่งทำให้ประเทศเป็นเมืองอุตสาหกรรม  แล้วภูเขาในสระบุรีก็ถูกกว้านซื้อมาระเบิดทำหินปูน  จนกลายเป็นแผ่นดินที่แห้งแล้ง   กำนันและชาวบ้านร่วมกันต่อสู้อนุรักษ์เทือกเขานี้ไว้ได้  ด้วยพระบารมีแห่งพระพุทธบาท   เทือกเขานี้อยู่ลึกลับมาก  ใครไม่เข้ามาในแก่งคอยและเลยมาที่ต.พุแค ไม่มีวันได้รุ้ว่า  มีิเทือกเขาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แฝงตัวอยู่   เทือกเขานี้ดูขลังและน่าเกรงขามมาก  เหมือนในหนังเรื่องอวตารศิษย์เตโชวิปัสสนามาถึงสถานที่แล้วก็ตะลึงกันทั้งนั้น  ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า  Majestic  

ตอนที่ได้มาสร้างเตโชวิปัสสนาสถานที่นี้   อ.ก็พบอุปสรรคมากมายจนท้อ  คือมารไม่ยอมให้สร้าง ไม่ยอมให้สอนวิปัสสนา  แกล้งทุกอย่าง ช่างชุดแรกก็ไม่ซื่อตรง   อ้อนวอนขอช่างอื่นๆ นับ 10 ก็หาไม่ได้ ทุกคนบอกติดงานกันหมด ขนาดช่างเดิมกำลังมุงหลังคาอยู่ดีๆ ก็หนีกลับบ้านไป  อ.ต้องไปขอบารมีจากพระพุทธองค์ที่รอยพระพุทธบาทนี้   เพราะการสอนวิปัสสนาและสร้างวิปัสสนาสถาน ถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆ  เพราะเป็นการเปิดศึกรบกับมาร พาคนไปนิพพาน  กระแสมารที่มาต้านจะรุนแรงมาก   เมื่ออ.ได้กราบรอยพระบาท  ก็ได้สัมผัสถึงกระแสพระรัตนตรัยรู้ชัดแน่ว่าเป็นรอยพระพุทธบาทโบราณแท้    

พอไปกราบขอบารมีเท่านั้นราวๆ 2 วัน จู่ๆ คุณจุไร  เดินไปชนช่างรับเหมาคนหนึ่งอยู่คนละอำเภอกันเลย  คุยกัน 4-5 คำ ตกลงมาทำเลย พาคนมารุมอีกนับ 10  และยังไปได้ช่างมาอีก 2 ทีม มีคนมาช่วยรุม  งานทาสีก็มีคนส่งทีมช่างมาทาให้ฟรีไม่คิดสตางค์   ขอมาร่วมบุญด้วย   ผู้ที่มีส่วนช่วยอย่างมากในการดูแลไม่ให้มารมารังควานได้อีก คือ พระหนุมาร  เทพองค์นี้นี้ เป็นผู้พิทักษ์พระศาสนาจริงๆ  เตโชวิปัสสนาสถานสามารถสร้างเสร็จได้อย่างทุลักทุเล  ทันสอนคอร์สแรกของปี 2554 พอดี

อ.ได้อธิษฐานว่า เมื่อสอนเสร็จแล้ว จะรีบมาบูรณะปฏิสังขรณ์รอยพระพุทธบาท ไม่ให้ดูโทรมและถูกทอดทิ้งให้รกร้างอย่างนี้  พอเสร็จการสอน  ก็ให้ผู้จัดการมูลนิธิคุณจุไร ไปกราบเรียนท่านเจ้าอาวาสว่า มูลนิธิที่มาสร้างเตโชวิปัสสนาสถานข้างๆ วัดเนี่ย  จะมาขอบูรณะปฏิสังขรณ์ศาลาพระพุทธบาท ท่านก็ว่า ให้เอาแบบมาดู   เราก็เป็นคนที่ไม่ติดยึดในวัตถุว่าทำอะไรต้องหรูหรา  แต่ขอเพียงให้เหมาะสมดูงามเพื่อรักษาพระเกียรติพระศาสดา และให้คนได้มากราบไหว้เกิดมีจิตศรัทธาเลื่อมใส  วันที่เราเอาแบบไปให้ท่านเจ้าอาวาสวัดดู  เราก็ขับรถไป   ไม่ได้คิดว่าจะมีอุปสรรคอะไร  ไม่ได้แผ่เมตตา ไม่ได้ขอบารมีพระรัตนตรัยนำก่อน   ปกติจะขับรถไปที่วัดก็ใช้เส้นนี้ประจำไม่เคยมีอะไร  แต่ครานี้ กลับมีงู กับตัวเงินตัวทอง มาเดินคู่กันมา ขวางหน้าไว้  มากันเป็นทีมทีเดียว   ต้องรอมันเดินผ่านเสร็จ จึงจะขับต่อได้ ….  แล้วก็งานเข้าจริงๆ

พอเอาแบบให้ท่านเจ้าอาวาสดูเท่านั้น  ท่านไม่ยินดี  ท่านบอกด้วยสีหน้าอันเมินเฉยว่า  ท่านอยากสร้างให้สวยและยิ่งใหญ่แบบวัดหลวงพ่อโสธร   อ.บอกว่า เราไม่มีเงินขนาดนั้น หอปฏิบัติถาวรเรายังไม่มีเงินสร้างเลย  แต่ศาลารอยพระพุทธบาท คิดว่าจะบูรณะได้ด้วยเงินไม่กี่หมื่น เราพอทำได้  และเราก็ถามท่านต่อว่า  แล้วใครจะออกแบบ ท่านบอกว่าท่านจะออกแบบเอง  ท่านมีแบบอยู่ในหัว   อ.ถามต่อว่า  แล้วท่านจะเอาเงินมาจากไหน  ท่านว่าท่านก็ยังไม่มี  รอเมื่อไหร่มีคนบริจาคมาก็ค่อยๆ  ใช้งบไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน  แต่ตอนนี้ศาลาอะไรของท่านก็ไม่รู้ยังทำไม่เสร็จเลย  อ.ก็คอตกกลับไป  ใจก็คิดว่าจะทำไงหนอ  เจ้าที่เขาไม่ให้สร้าง   จะทำไงดี..เราได้ให้สัตย์กับพระพุทธองค์ไว้แล้ว  ก็เก็บเรื่องนี้ค้างจิตใจไว้

เมื่อมาถึงการสอนคอร์สที่ 5  เมื่อเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา  ลูกศิษย์รุ่นใหญ่ คุณสาครที่สะสมบารมีด้านสมถะมามาก  เล่าให้ฟังว่า ตนไปกราบรอยพระพุทธบาท และไปนั่งเตโชวิปัสสนาเบื้องหน้ารอยพระพุทธบาท  พอหลับตาสักพัก  รอยพระพุทธบาท ก็ลอยขึ้นเหนือพื้นดิน  เห็นพระลัญจกรที่ฝ่าพระบาทชัดเจน คือรอยที่พระบาท  พร้อมกับมีเสียงของพระพุทธองค์ดังขึ้นว่า  ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นเรา”    

อ.ได้ฟังแล้วก็เกิดกระแสธรรมแผ่ซ่านไปทั่วยืนยันว่า เป็นเครื่องยืนยันว่า คุณสาครพูดจริงเห็นจริง  ทำให้อ.ต้องฮึดสู้กับอัตตาของท่านเจ้าอาวาสอีกครั้ง   วันสุดท้ายของการสอน ก็เชิญชวนให้ศิษย์ทั้งหลายไปกราบนมัสการรอยพระบาทเพื่อเป็นสิริมงคลตามปกติ แต่ไม่ได้เชิญให้ร่วมทำบุญปฏิสังขรณ์   มีแต่ปรารภให้ศิษย์ฟังถึงปัญหานี้

พอตี 4 วันที่ทุกคนจะกลับบ้าน มีการแผ่เมตตาใหญ่อีกครั้ง  อ.ก็ได้รับการดลใจให้ลุยเรื่องนี้อีกครั้ง จึงได้มาวางแผนกับศิษย์ทั้งหมดว่า  เมื่อเสร็จแผ่เมตตาและไปกราบรอยพระพุทธบาทแล้ว  ให้คุณสาครนำศิษย์ไปสัก 10 คน (ที่บอกว่าให้ไปแค่ 10 ก็เพราะเกรงใจศิษย์ บางคนเขาคิดถึงบ้านอยากรีบกลับไปหาครอบครัว) ไปกราบเจ้าอาวาส   เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์อีกครั้ง    โดยมีคุณสาครเปิดฉาก  ดร.จุฬานี เป็นคนมีหลักการคุยในหลักการ   ศิษย์ที่เหลือก็เป็นกองหนุน  อ.ก็แผ่เมตตาพร้อมเชิญพระหนุมานไปบล๊อกเปิดทางไว้ล่วงหน้า  ให้เจ้าอาวาสอยู่ที่วัด  ทำไปทำมา ศิษย์ไปกันหมดทุกคน 50 กว่าคน  ขึ้นไปกันล้นศาลา  ผู้มีหน้าที่คุยก็คุย  ศิษย์อื่นๆ ก็นั่งสงบเสงี่ยมขู่ แบบธรรม ( อันนี้เราคิดเอาเอง)  คุณอนุคมก็เป็นคนสรุปความ

เจอศิษย์เตโชรวมพลังธรรมไปถล่มมารที่คอยขวาง เจ้าอาวาสท่านเลยยอม  โดยมีเงื่อนไขว่า   หากท่านได้เงินก้อนใหญ่เมื่อไหร่  ท่านจะทุบศาลาที่เราสร้างทิ้ง แล้วสร้างใหม่ให้ยิ่งใหญ่อลังการตามจริตท่าน   เราก็ไม่ว่าอะไร ได้คำมั่นว่าให้สร้างได้ก็จะได้รีบลงมือ  อนาคตเป็นอย่างไรไม่รู้  แต่ตอนนี้ขอทำถวายพระศาสดาก่อน  เพราะศาลานี้ถูกทิ้งร้างมานาน  หากเราทำให้ดีแล้ว  ผู้มีกราบก็จะมีจิตใจเลื่อมใสศรัทธา  มีความมั่นคงในพระรัตนตรัยยิ่งขึ้น  ไม่ใช่มาเห็นแล้วเกิดความสลดหดหู่ว่า  แม้แต่รอยพระบาทแท้ๆ ที่พระองค์ทรงมาวางรากฐานไว้ให้ดินแดนนี้เป็นแผ่นดินแห่งธรรมอันศักดิ์สิทธิ์  ผู้คนยังไม่เหลียวแล  หลงแต่วัตถุ แต่เข้าไม่ถึงธรรมกัน

อานิสงค์ของการบูรณะปฏิสังขรณ์รอยพระบาท  จะทำให้ผุ้ร่วมบุญมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง  มีกระแสพระรัตนตรัย และมีเทวะคุ้มครอง  ทำให้ทำอะไร เมื่อติดขัด คิดถึงบุญที่ได้แสดงความกตัญญูต่อพระศาสดาก็จะผ่านอุปสรรคไปได้  ทั้งจะเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือ  ไม่อยู่ในฐานะที่ตกต่ำทั้งในชีวิตนี้และอีกหลายภพหลายชาติทีเดียว

การทำบุญใหญ่เช่นการบูรณะปฏิสังขรณ์รอยพระบาท  หรือสร้างหอปฏิบัติวิปัสสนาเพื่อการปฏิบัติสู่การหลุดพ้นนี้  ไม่ควรทำคนเดียว  ควรทำเป็นมหาบุญ คือร่วมบุญกันของคนหรือมหาชนหมู่มาก  เพราะต้องรวมเอาพลังหรือบารมีของแต่ละคนมาประกอบรากฐานให้แน่น  ความสำเร็จจะได้มั่นคง  เหมือนคนๆเดียว จะสร้างเรือนบังลมให้ตัวเองอยู่รอด  ก็เอาเสามาปัก เอาผ้าใบมากาง ก็สร้างได้สำเร็จ เกิดเป็นที่อยู่อาศัยได้เฉพาะตัวคนเดียว  แต่หากจะสร้างเรือนหรือสถานที่ๆเป็นที่พึ่งทางจิตใจหมู่มาก เป็นไปเพื่อความยั่งยืนของพระศาสนา เสาต้นเดียวค้ำไม่ได้  ต้องมีเสาค้ำยันหลายๆ ต้น  จึงเป็นเหตุแห่งการต้องบอกบุญ  ให้เกิดเป็นมหาบุญ   คนแต่ละคนสะสมบุญมาต่างกัน แต่ละคนเอาความต่างมารวมพลังกัน  มารก็โค่นพระศาสนาไม่ได้ 

งบประมาณของการบูรณะปฏิสังขรณ์รอยพระบาทอยู่ที่ 200,000 บาท มูลนิธิยังขาดปััจจัยส่วนนี้อยู่ประมาณ 140,000.-  ก็ขอบอกบุญมา ณ ที่นี้   หากมีผู้บริจาคมาเกินกว่างบ  มูลนิธิก็จะโอนเงินนี้ไปรอสร้างหอปฏิิบัติวิปัสสนากรรมฐานและใช้ในการอบรมเตโชวิปัสสนากรรมฐานต่อไป

เชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญใหญ่โอนเงินบริจาคได้ที่   มูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต  ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 003-2-41586-7  สาขาสุขุมวิท33

ผู้ที่บริจาคมาแล้วอยากแจ้งให้มูลนิธิทราบ  ก็โทร.มาได้ที่ 02 634 7461-3 หรือหากไม่โทร.ก็ไม่เป็นไร

ใครอยากได้ใบอนุโมทนาก็ต้องโทร.แจ้งไป

อนุโมทนาในจิตกุศลทุกดวง

เจริญในธรรม

อัจฉราวดี



ผู้ตั้งกระทู้ ขวัญ ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ (krongkwanw-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-01-26 16:30:30


Copyright © 2010 All Rights Reserved.