ReadyPlanet.com


เรื่องเล่า จากการที่อาจารย์อุบลได้ไปแสดงธรรมะบำบัดที่ภาตเหนือ


 

   สืบเนื่องจากการที่ อาจารย์อุบล ได้ไปเปิดสาขาที่ 6 บ้านป้าเตือนและคุณ อัญชลา บุตรโส เมื่อวันที่ 1พฤษภาคม 2556

 หมอเห็นว่าน่าจะเผยแพร่ ให้คนที่หมอรู้จักได้รับความสุขด้วย โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พาน โรงพยาบาล พะเยา และ ผู้คนในตลาดอำเภอพาน จึงได้ขอใช้ห้องประชุมที่โรงพยาบาลพาน ที่วิทยาลัยพยาบาลพะเยาและห้องประชุมเทศบาลพาน มีผู้คนเข้ามารับธรรมะบำบัด แต่ละแห่งมากบ้างน้อยบ้างโดยเฉลี่ย ประมาณร้อยคน  แม้ว่าจะน้อยกว่าที่ตั้งความหวังไว้มาก สำหรับการจัด ธรรมะบำบัดครั้งแรก 

ผลการตอบรับ จากการรับฟังหลังการเข้าร่วมประชุม มีหลายกลุ่ม: 

·       พอใจมาก เพราะ หายเป็นอัศจรรย์

·       ไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะไม่มีอาการเจ็บป่วยก่อนไป

·       คิดว่าเป็นรายการขายวัตถุมงคล

·       อาการเจ็บป่วยหายนิดเดียว เพราะไปเอาน้ำทิพย์อย่างเดียว ไม่ได้ใสใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยและทำอย่างไรจึงจะหายถาวร  มีอยู่คนหนึ่งมาขอให้อาจารย์อุบลเป่าที่หัวให้หายจากอาการแขนขาซีกซ้ายไม่มีแรง แต่ไม่คิดสร้างบุญช่วยเลย

·       หายเจ็บขาที่เป็นมานาน กลับไม่กล้าเล่า เพราะกลัวเขาหาว่าบ้า ไม่รู้ว่าเอาสมองส่วนไหนมาพูดนะ แทนที่จะรีบขอบคุณแล้วบอกต่อ จนหมอว่าให้ ระวังเดี๋ยวจะกลับมาปวดอีก ถึงได้สติ 

สำหรับการจัดธรรมะบำบัดครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2556 เปลี่ยนสถานที่ย้ายไปจัดที่ห้องประขุมโรงเรียนแม่ใจ ห้องประชุมโรงพยาบาลแม่ใจและห้องประชุมเทศบาลพาน  ส่วนมากจะเป็นคนใหม่ๆ ที่มาจากอำเภออื่น 

ที่โรงพยาบาลแม่ใจ หมอ ได้เข้าไปขออนุญาตผู้อำนวยการโดยตรง ส่งเจ้าหน้าที่รังสีวิทยา และน้องอีกสามสี่คนเข้ามาฟัง ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่รังสีวิทยา และเจ้าหน้าที่แผนกแพทย์แผนไทยสองคนที่โชคดีหายจากอาการปวดไหล่ซึ่งเป็นมานานเป็นอัศจรรย์ ดูออกว่าตื่นเต้นมาก  ก็หวังว่าเขาจะไปจุดประกายให้ผู้อำนวยการ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของโรงพยาบาลแม่ใจได้รับรู้ว่าเรานำสิ่งที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถช่วยคนป่วยได้ 

คนที่เข้ามาฟัง บอกหมอว่า อยากไปบ้านสวนพีระมิดเพราะเขาเคยทำแท้งแล้วก็มีปัญหาเจ็บที่ไหล่มานาน  แถมมีคนหนึ่งถึงกับเอาใบปลิวที่หมอประกาศให้เข้ามาร่วมรับธรรมะบำบัดมาแล้วเขาก็เป็นอีกคนที่ได้รับความสุขหายจากโรคที่กำลังรุมเร้า มานานเช่นกัน  สาธุ สาธุ 



ผู้ตั้งกระทู้ วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2013-07-07 20:36:05


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1662234)

  ขอบคุณ อาจารย์อุบล คุณธนา คุณแมว น้องตุล ที่อดทนยอมเหนื่อยยากเดินทางไกลระยะทางเกือบ 900 กิโล นำธรรมะบำบัดมาช่วยเหลือผู้คน ที่กำลังมีทุกข์ทางภาคเหนือทั้งเช้าทั้งบ่ายคะ

  ขอบคุณคณะของดร.จิ๋ม ที่มีอาจารย์พันธ์ อาจารย์ณี คุณสมจิตคุณชิม และคุณแม่ ที่ช่วยให้การแสดงธรรมะบำบัดของอาจารย์อุบล สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีคะ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-07 21:50:07


ความคิดเห็นที่ 2 (1662237)

 อนุโมทนากับคุณหมอวัฒน์  ด้วยนะคะ

ขอชื่นชมในความเสียสละ  ความตั้งใจจริง ของคุณหมอค่ะ

แม้จะเจอแรงเสียดทานอย่างหนัก  แต่คุณหมอก็ไม่เคยละ

ความตั้งใจ  ที่จะนำความสุขไปเผื่อแผ่ผู้อื่น  

ขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจให้คุณหมอค่ะ

     และสุดท้าย  กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

ท่าน อ. อุบล ทีมงาน  และลูกบ้านสวนทุกท่าน

ที่ได้นำความสุขไปมอบให้กับ  พี่น้องทางภาคเหนือค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-08 00:51:03


ความคิดเห็นที่ 3 (1662263)

โมทนาบุญกับคุณหมอวัฒ น้องชิม และทีมงานบ้านสวนฯทุกๆท่านค่ะสาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-08 14:22:41


ความคิดเห็นที่ 4 (1662307)

หมอเคยสงสัยว่า ทำไมคนที่เคยมาพบอาจรย์อุบลครั้งหนึ่งแล้วไม่อยากกลับมาพบอาจารย์อุบลอีก ทั้งๆที่เขาได้รับความสุขจากการหายป่วยแล้ว จากการซักถาม พบว่า:

 - ส่วนมากจะมีเหตุให้ติดธุระ

 - ลืมไปอย่างไม่น่าเชื่อ

 - รู้แล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าการมาพบอาจารย์อุบลอีก จะ  ทำให้ได้รับแสงบุญเพิ่ม ช่วยปลดเปลื้องปัญหาต่างๆได้อีก

  เป็นไปได้ว่าเจ้ากรรมนายเวรไม่ปล่อย หรือเพราะเขาไม่มีบุญสัมพันธ์ กับอาจารย์อุบล ทำให้ไม่สนใจที่จะมาฟังอีก

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-07-09 10:21:39


ความคิดเห็นที่ 5 (1664025)

 เรื่องที่ได้พบจากการได้ไปแสดงกฎแห่งกรรมให้พระสงฆ์องค์หนึ่งที่ท่านอาพาธมาหลายปีด้วยโรคลมชัก บ่อยๆ ทำให้ศรีษะท่านโน เป็นลูกมะนาว แถมหน้าตา เป็นแผล หน้าผากเมีแผลถลอก พูดไม่ค่อยเป็นคำ เพราะลิ้นคับปาก 

จากการสอบถามได้รับฟังเรื่องไม่น่าเชื่อ คือเมื่อก่อนมาบวชเป็นพระสงฆ์ เมื่อยังเป็นหนุ่ม ท่านผิดศีลข้อหนึ่งมาอย่างมาก ตั้งแต่ฆ่าปลา ฆ่าไก่ด้วยวิธีมัดคอไก่ ผลก็คือท่านจะมีอาการปวดต้นคอ ทำร้ายสัตว์ที่ศรีษะ โดยเฉพาะ นกท่านได้ใช้หนังสติกยิงที่ศรีษะขณะที่มาจิกกินอาหารที่หน้ากุฏิของท่านตายไป 20 กว่าตัว ผลก็คือท่านจะชักไม่รู้สึกตัวทำให้ศรีษะกระแทกพื้น โน แตกเป็นประจำ คงจะเหมือนนกที่ถูกท่านยิงตายขณะทีท่านเป็นพระสงฆ์ หน้าผากของท่านจะถลอกเป็นแผลเหมือนหัวปลาที่ถูกทุบ

พอท่านสำนึกได้ขออโหสิกรรม ใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย อาการปวดที่ศรีษะ และอาการปวดต้นคอดีขึ้น ท่านพึมพำว่า บาปมีจริงเนาะ ท่านสำนึกได้แล้ว รู้สึกว่าท่านจะพูดได้ดีขึ้นด้วย สาธุ สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-05 13:25:07


ความคิดเห็นที่ 6 (1664033)

 เรื่องไม่น่าเชื่อ อีกรื่อง คือมีคุณผู้หญิงคนหนึ่งมีขอบตาล่างเป็นสีม่วงมี ถุงเล็กๆ เหมือนหมีแพนด้า เป็นทั้งสองข้างมาประมาณ 7 ปี คิดว่าเป็นเพราะ ไปทำผ่าตัดเย็บหนังตาที่หย่อนยาน รักษายังไงก็ไม่ดีขึ้น 

หมอให้เขาสำนึกกรรมว่าได้ไปตบตีใครที่หน้าไหม เขาว่าไม่เคย ก็เลยใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้เขานึกกรรมได้ สักพักเขาก็พูดว่า ตอนที่เป็นเด็กอายุ 6 ขวบ ชอบชกมวยมาก ทุกเย็นเขาจะท้าชกกับเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันมากมาย มีอยู่คนหนึ่งชื่อวันดี ถูกเขาชกจนหน้าเยินไปเลย แล้วเขาก็มีความสุขมากที่ชกชนะมาตลอด พอเขาขอขมาแล้วขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ รหัสอาจารย์ อุบุลช่วยด้วย รู้สึกสีม่วงที่หน้าจางลง แล้วเขารู้สึกว่าอาการตึงที่หน้าลดลง หลังจากมีความทุกข์มานานถึง 7ปี ทั้งที่เขาได้ทำกรรมนี้มาตั้งนาน ขณะนี้อายุ ประมาณ 40 กว่าปีแล้ว

ขอบคุณอาจารย์อุบล เทวดาที่รักษาอาจารย์อุบลและสิ่่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ และท่านพ่อดตาจินิน ที่เมตตาช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในวังวนของความทุกข์ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-05 13:47:04


ความคิดเห็นที่ 7 (1664384)

อนุโทนาค่ะ  คุณหมอ

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณหมวย พรรณสรลี ชูตระกูล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-10 14:09:15


ความคิดเห็นที่ 8 (1665850)

 เมื่อวันที่ 28-28 สค. 2556 อาจารย์อุบลได้พาคณะที่มีดร. จิ๋ม และคุณธนา ไปธรรมะบำบัดที่ ภาคเหนือ เป็นครั้งที่สาม ที่ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และ ที่อำเภอแม่กาจังหวัดพะเยา

จากการที่พบว่ามีผู้คนสนใจน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ ยกเว้นที่บ้านป้าเตือนกลับมีผู้ที่เดินทางมาจากที่ไกลๆเพื่อรับธรรมะบำบัดกันจนล้นหลาม ส่วนมากเคยดูรายการคุยแจกไป และรู้จักบ้านสวนพีระมิดดีว่า ช่วยให้ พ้นทุกข์ได้จริง

ก็ทำให้นึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า สัตว์โลกย่อมเห็นไปตามกรรม กรรมชั่วนั้นเมื่อทำแล้วย่อมให้ผล

แม้ว่าจะมีผู้มีบุญมาโปรด ก็ยังไม่สามารถหนีพ้นได้ เพราะจะทำให้ไม่เชื่อ หรือมีเหตุสุดวิสัยจนไม่สามารถมาพบอาจารย์อุบลได้แม้ว่าท่านจะมาถึงที่แล้วก็ตาม 

คนส่วนใหญ่กลับสนใจที่รูปแบบนุ่งขาวห่มขาว พอใจแค่มาสวดมนต์ถืออุโบสถศีลที่วัดเท่านั้น โดยไม่ได้สังเกตุว่า ความทุกข์ ความเจ็บป่วยก็ยังเหมือนเดิม 

 หรืออาจจะเห็นว่า เกิดแก่เจ็บตาย นั้นเป็นธรรมดาตามคำสวดในวัดก็เลยไม่คิดจะแก้ไข แม้จะมีผู้มาบอกทางพ้นทุกข์ ที่พระพุทธองค์ได้บอกมากว่า 2500ปีแล้วก็ตาม

 อาจารย์อุบลเคยพูดเสมอว่า ส่วนใหญ่จะถูกปิดกั้นโดยเจ้ากรรมนายเวร ไม่ปล่อย หรือเพราะไม่มีบุญสัมพันธ์กันมาก่อน และที่เศร้ามากๆก็เพราะคงยังไม่สาสมกับบาปที่เขาได้ทำไว้แล้ว สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-31 12:19:00


ความคิดเห็นที่ 9 (1665853)

ไชโย แม้จะมีผู้คนน้อยก็ทำให้ได้รับโอกาศบำบัดเกือบทุกคน สาธุ สาธุ

ที่โรงแรม PM Place อำเภอแม่กา คุณอนุวัฒน์ มีอาการมึนหัว และวูบตอนเช้า ปวดต้นคอและบ่า ทั้งสองข้าง มาประมาณ สองปี ได้ไปพบแพทย์ตรวจรักษาจากโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่ แพทย์หาสาเหตุจริงๆไม่พบ ทำ CT scan พบแต่ว่ามีจุดเล็กๆในสมอง สอง สามจุด รักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น

ระหว่างที่นั่งรอ ดูหน้าตาไม่สดชื่น มีความทุกข์ ทั้งๆที่มีตำแหน่งหน้าที่ และการงานดี

แต่พอมาสารภาพบาปที่ได้ทำมา ตั้งแต่มีส่วนร่วมในการทำแท้ง หรือเป็นผู้ทำให้ผู้หญิงที่ร่วมหลับนอนด้วยทำแท้งแม้ว่าตัวเองไม่ได้รับรู้ก็ตาม อาจารย์อุบลบอกว่าเด็กที่ถูกทำแท้งขี่คอ น้่งอยู่บนหัวและที่ไหล่ทั้งสองข้าง ทำให้มีอาการต่างๆ

อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือยิ้มได้หลังจาก อาจารย์อุบลนำพีระมิดจำลองรุ่นพระนางเนเฟอตารี วางที่ฝ่ามือตั้งแต่หนึ่งองค์จนกระทั่งเพิ่มจำนวนขึ้นถึง 599 องค์ ส่งวิญญาณเด็กขึ้นสู่นิพพาน และล้างมนต์ดำคุณไสย์

อาการหายเกือบหมดจนเหลืออยู่เล็กน้อย ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งๆที่ รักษาหมดเงินไปตั้งเยอะ

สุดท้ายอาจารย์อุบล ให้ไปแก้ไขเรื่องการทำงานในตำแหน่งวิศวกรโยธา ที่เอาเวลาราชการไปทำธุรกิจส่วนตัว รับเหมาก็สร้าง ซึ่งเขาก็ยอมรับ

เพราะคงจะติดหนี้แผ่นดินอยู่มากด้วย พื่อช่วยให้อาการที่เหลือให้หมดไปได้ สาธุ สาธุ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-31 14:00:07


ความคิดเห็นที่ 10 (1665856)

 มีคนที่ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกหลังจากดื่มเหล้าจัดติดต่อกันถึงสามวัน ทั้งๆที่ มีโรคความดันสูง แม้จะทำผ่าตัดแล้ว ก็ยังมีอาการแขนขาซีกขวาไม่มีแรงพูดไม่ค่อยได้ แถมจำอะไรไม่คอยจะได้ ทำให้ครอบครัวมีปัญหาขาดรายได้

นี่เป็นผล จากกาผิดศีลข้อ ห้า

สารภาพ บาปมาแต่ละเรื่อง ลมแทบใส่ อาชีพ เป็นช่างกลึงเหล็ก มีนิสัยชอบตีรันฟันแทงไม่เลือก จะมีคนบาดเจ็บมากมายเท่าไหร่ก็ จำไม่ได้น่าจะมาก ตามแบบฉบับของนักเรียน ช่าง ที่เป็นข่าวประจำ แล้วยังรุมโทรมผู้หญิงอีกจำไม่ได้ว่ากี่คน และขับรถเสียบท้ายรถสิบล้อ ทำให้คนที่นั่งมาด้วยตาย สองคน 

ผลก็อย่างที่ได้รับนั่นแหละ น่าสงสาร แต่ไม่รู้ว่าเจ้ากรรมนายเวรจะอภัยให้หรือเปล่าเพราะ คงผิดศีลมาทุกข้อ แล้วก็ไม่ค่อยจะสำนึกผิดเอาเสียเลย การบำบัดจึงไม่เห็นผลทันที เศร้า

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-31 14:29:25


ความคิดเห็นที่ 11 (1665857)

 คุณผู้หญิงอีกคนอุตสาห์เดินทางมาจากอุตรดิตถ์ ด้วยอาการชาปวดที่ร่างกายซีกซ้าย ปวดที่ไหล่ มาเป็นเวลาสิบกว่าปี รักษามานานไม่ดีขึ้น ชมรายการคุยไปแจกไป มาหลายปี

พออาจารย์อุบลนำพีระมิดจำลองรุ่นพระนางเนเฟอตารีวางที่ฝ่ามือ สารภาพบาป ที่ได้ทำแท้งมาอาการต่างๆหายไปหมด ได้รับความสุขเป็นอัศจรรย์ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-08-31 14:41:28


ความคิดเห็นที่ 12 (1665901)

ชนิดาเคยดูรายการคุยไปแจกไป ตอนนึง

ซึ่งเป็นภาพส่วนหนึ่งจากงานธรรมะบำบัด

ที่สาขา11ของคุณพี่ดร.จิ๋ม

 

 

ซึ่งวันนั้นมีคนมาร่วมงานประมาณ 10คน

ซึ่งต่างกันลิบลับจากวันแรก

ที่เปิดสาขาที่มีคนมาร่วมงาน

กันอย่างอบอุ่นและคับคั่ง

 

 

แต่ภาพที่ชนิดาเห็นในวันนั้นคือ

ท่านอาจารย์ยังคงทำหน้าที่

ในการให้ธรรมะบำบัดอย่างเต็มที่

 

เรียกได้ว่า"จัดเต็ม"ทุกงาน

ไม่ว่าคนจะน้อย จะมาก ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

คือ พลังใจของท่านไม่มีตกเลย ......

 

 

 

ชนิดาจึงคิดว่า

นี่คงเป็น บททดสอบนึง

ที่หัวหน้าสาขาทุกที่และแกนนำทุกงาน

 

 

ต้อง"ยกจิต"ให้อยู่เหนือ

"ความคาดหวัง"เหล่านี้ให้ได้

 

 

เพราะความคาดหวัง

ก็คือ รูปแบบนึงของกิเลส

ซึ่งก็คือ ความอยากให้มี อยากให้เป็น

อย่างที่ใจเรา้ต้องการ นั่นเอง

 

 

เพราะถ้าทุกคนปล่อยวางได้

ก็จะมีจิตใจที่มั่นคง ไม่หวั่นไหว

ไม่สับสน และ ที่สำคัญไม่ทุกข์อีกต่อไป .... 

 

เพราะถ้าวางไม่ได้

เราอาจจะทุกข์

ตั้งแต่เริ่มคิด ที่จะจัดงานแล้วล่ะค่ะ

 

 

 

แต่ก็อย่างที่คุณหมอว่านะคะ

เมื่อมีคนมาน้อย

ทุกคนจึงได้รับการบำบัดแบบจัดเต็ม

 

 

ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้

โอกาสที่ทุกคนที่มาร่วมงานในวันนั้น

จะมีจิตหลุดพ้นและมีดวงตาเห็นธรรม

ก็เปอร์เซ็นต์สูงขึ้นไปด้วย

 

 

ฉะนั้น งานนี้อาจจะเน้นที่"คุณภาพ" 

มิใช่ปริมาณก็ได้ค่ะ

 

 

ยังคงเป็นกำลังใจให้กับคุณหมอ

ต่อสู้กับทุกๆอุปสรรคต่อไปนะคะ

 

 

แล้วก็อนุโมทนากับจิตอันเป็นกุศล

ของคุณหมอด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-01 06:30:45


ความคิดเห็นที่ 13 (1665983)

 ขอบคุณคะคุณชนิดา 

หมอเป็นอย่างที่ คุณชนิดาว่าเลย คือตั้งความหวังไว้สูง ฝันว่าจะมีคนมารับธรรมะบำบัด กันตรึม พยายามจัดหาสถานที่ ไปป้อนให้ความสดวกทุกอย่าง เพื่อผู้คนจะได้รับรู้ และพ้นทุกข์ได้มากที่สุด

เรื่อง กลับเหมือนโดนหักหลัง หรือจะพูดให้ถูกก็คือถูกดัดหลัง ให้เห็นว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง

ตั้งแต่ . แต่ละที่ ดูไม่ต้อนรับไม่สนใจที่จะอยากให้เข้าไปจัด                   ธรรมะบำบัด

                      . ทั้งๆที่เราไปติดต่อไว้ล่วงหน้าตั้งนาน พอจะเข้าไปจัดก็ยกเลิก                     กระทันหันเพราะ มีงานอื่นที่น่าสนใจมากกว่า

                     . หมอเข้าไปจัดถึงในวัดที่เขามาปฏิบัติธรรมกัน กลับไม่เปิดใจ

             เข้า มารับฟัง อย่างไม่น่าเชื่อ

    ท้ังที่หมอก็ได้เอาประสพการณ์ และสิ่งที่ได้พบเห็นมาเล่าให้ฟังแล้วก็ตาม กลับมองข้ามว่าเราจะมาขายของ ขายวัตถุมงคล อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันคนจะพ้นทุกข์งง่ายๆได่อย่างไร

ก็ต้องชื่นชมอาจารย์อุบลทียอมเหนื่อยยาก เดินทางมาไกล คนจะมากหรือน้อยก็เกินร้อย ไม่เคยย่อท้อ

แต่หมอวัฒนาก็กิเลสเกินร้อยคืออยากได้ อยากมี อยากเป็น พอไม่เป็นอย่างที่หวังก็ เหี่ยวเฉาไปเลย ก็คงต้องตั้งสติใหม่

                     

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-02 09:50:56


ความคิดเห็นที่ 14 (1666053)

คิดซะว่า หน้าที่เรา คือ การให้

ให้ธรรมทาน

ให้โอกาสที่ดี

ให้พวกเค้าได้มาพบทางพ้นทุกข์

ดีกว่านะคะ

 

แต่ต้องคิด"ให้"...แบบไม่หวังผล

 

คือ ถ้าให้แล้ว เค้าเปิดใจรับ

แล้วชีวิตเค้าดีขึ้น เราก็ดีใจด้วย

 

แต่ถ้าให้แล้ว เค้าไม่สนใจ

ก็คิดซะว่า มันเป็น"กรรม"ของเค้า

ไม่ใช่เรื่องของเรา

เรามีหน้าที่"ให้" อย่างเดียวเท่านั้น   

 

 

สู้ๆนะคะ คุณหมอ

ตอนนี้อาจจะยัง"วาง"ได้ยาก

 

แต่ถ้า ต้องแบกหนักๆนานๆ จนเกินลิมิต

เดี๋ยว(จิต)คุณหมอ ก็ปล่อย เองแหล่ะ

 

พวกเราแต่ละคน

ก็ต่างมีแบบฝึกหัดที่แตกต่างกันไป

 

แต่สุดท้ายสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องทำให้ได้

ก็คือ "อุเบกขา" นั่นเอง


ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-09-03 08:07:47



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.