|
หากเจอบททดสอบของมาร ห้ามสอบตก | |
ขอรวบรวม การตอบปัญหาธรรมในวาระต่างๆ โดยหลวงพี่เ่ล็ก สุธัมมปัญโญ แห่งวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
มารวมไว้ในกระทู้นี้นะคะ เพราะว่าอ่านแล้วทั้งสนุก และได้สาระธรรมมากมายเลยทีเดียว | |
ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา เชิงสะอาด :: วันที่ลงประกาศ 2013-10-01 07:27:38 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1668042) | |
หากเจอบททดสอบของมาร ห้ามสอบตกพระอาจารย์ เล่าให้ฟังว่า "ตอนไปพม่า ตื่นเช้าขึ้นมาเข้าร้านอาหารก็ดันประเคนกาแฟ ฉันกาแฟเข้าไปแล้วกาแฟดีด เห็นพญามารกับบริวารกำลังขย่มรถจะให้รถคว่ำ "เฮ้ยๆ ทำอะไร ?"
เขาก็บอกว่า "ก็เห็นอยู่ว่าจะทำอะไร" คราวนี้อาตมาจะทำอย่างไรดี ถ้าคว่ำไม่เจ็บก็ตายกันบาน แน่นทั้งคันรถขนาดนั้น ก็เลยบอกพวกเขาว่า "นี่ พวกเรากำลังจะไปไหว้พระกันนะ กำลังใจของแต่ละคนกำลังเกาะพระอยู่ ถ้าหากว่ารถคว่ำตาย อย่างน้อยๆ ไปเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม พ้นมือแกไปนานเชียวนะ"
แกก็ทำหน้าคิด พอทำหน้าคิดเสร็จ แกคงเปลี่ยนใจแล้วก็ทำท่ายิ้ม ท่ายิ้มแกเห็นแล้วสยอง ยิ้มแบบเอาเรื่องแน่ แต่ไม่รู้จะมาไม้ไหน
อาตมาลงจากรถได้ก็ปูผ้าอาบ นอนเลย รู้อยู่แล้วว่าเขาตั้งใจแกล้ง สรุปว่าปกติออกจากย่างกุ้ง ๖ โมงเย็นจะไปถึงหลวงพ่อมหามุนีประมาณ ๙ โมงเช้า วันนั้นออก ๖ โมงเย็น ไปถึงเกือบ ๕ โมงเย็น รถเสียไปตลอดทาง นึกอยากจะเสียอะไรก็เสียหน้าตาเฉย เขาก็ซ่อมกันไป อาตมาก็ไม่ว่าอะไร
แต่ถ้าสอบได้ครั้งหนึ่ง จะไม่มีวันตกตรงจุดนั้นอีก เพราะ เรารู้แล้วว่าถ้ามาท่านี้ต้องแก้อย่างนี้ เขาก็จะไม่มาท่านั้น จะตะแบงไปท่าอื่น
ถึงเวลาเจอครูขยันสอบบ่อยๆ ก็มาแค่รัก โลภ โกรธ หลง เท่านั้นแหละ ไม่ได้มาเกินนั้นหรอก เพียงแต่ว่าแตกแขนงได้เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน ต้องระมัดระวังตัวอย่างสุดชีวิต" | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2013-10-01 07:35:28 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1668043) | |
ปฏิบัติมาจนรู้สึกว่าถึงทางตันแล้วจะมีวิธีปรับปรุงอย่างไร ?
ถาม : ปฏิบัติมาจนรู้สึกว่าถึงทางตันแล้ว เราจะมีวิธีปรับปรุงอย่างไรครับ ?
ที่บอกว่าตันจริงๆ ไม่ใช่หรอก กำลังยังไม่พอที่จะผ่านตรงจุดนั้น
ให้ใช้ภาวนาสลับกับพิจารณา อย่างน้อยๆ จะได้มีอะไรให้ทำ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวใจเบื่อแล้ว บางทีไม่เอาเลย
ฉะนั้น..ต้อง หาวิปัสสนาญาณให้ใจคิด คิดๆ พิจารณาจนกำลังใจทรงตัว แล้วจะเป็นภาวนาไปโดยอัตโนมัติ แต่ตอนหยุดภาวนาออกมาแล้วต้องบังคับให้คิด ถ้าไม่บังคับให้คิดแล้วจะฟุ้ง สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2013-10-01 07:43:33 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1668044) | |
เมืองลับแลมีอยู่ทุกมุมโลกพระอาจารย์ กล่าวว่า "ต้องบอกว่าความกลัวตายเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม
บาลีบอกว่า อาหารนิทฺทํภยเมถุนญฺจ สามญฺญเปตปฺปสุภีนรานํ ธมฺโมหิ เตสํ อธิโก วิเสโส ธมฺเมน วีณา ปสุภีนรานา
ธัมโมหิ เตสํ อธิโก วิเสโส พระธรรมเท่านั้นที่ทำให้คนต่างไปจากสัตว์
ธัมเมนะ วีณา ปสุภีนะรานา ธรรมจึงเป็นเครื่องจำแนกคนและสัตว์ออกจากกัน ถ้าไม่มีหลักธรรม คนก็เหมือนกับสัตว์ดีๆ นี่เอง ตัวเองเดินตามแทบตาย ทุกวันนี้จีนหรือปากีสถาน ต่างคนต่างมีแชงกรีลาของตัวเอง
จีนบอกว่าเป็นที่ จงเตี้ยน เพราะว่าลักษณะภูมิประเทศเหมือนที่เขาอธิบายไว้ในเรื่อง the lost horizon แต่ว่าของปากีสถานบอกว่า เป็นตรง Hunsa ด้านบนของปลายถนนคาราโครัม ต่างคนต่างเอาเป็นจุดขาย นักท่องเที่ยวจึงต้องไปทั้งสองที่" เมืองลับแลจริงๆ แล้ว มีอยู่ทุกมุมโลก ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานี่แหละ
เพียงแต่สร้างความดีไว้มากกว่า ความดีของท่านไม่พอ ที่จะไปเกิดเป็นเทวดา
แต่ก็ดีเกินกว่าที่จะอยู่ปะปนกับพวกเรา เลยต้องแยกเขตออกไป ถ้าไม่ใช่บุคคลที่มีกรรมเนื่องกันมา หรือว่าเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาต จะเข้าไปในเขตเขาไม่ได้ อาตมายังติดหนี้พวกลับแลอยู่เลย ถึงขนาดท้าเขาแข่งกัน คือวันนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจให้เห็นหรอก แต่อาตมาดันทะลึ่งไปอยู่ผิดที่ผิดทาง วันพระใหญ่ พระที่ไหนๆ ก็ต้องอยู่บนศาลาให้ญาติโยมมาทำบุญ อาตมาดันไปนั่งพิงภูเขาภาวนาอยู่คนเดียว อยู่ๆ เขาก็มาโผล่อยู่ตรงหน้า อาตมาก็คิดว่านี่ผิดปกติแล้ว พอเห็นว่าผิดปกติก็ถามเขาว่ามาจากไหน ? เขาก็สารภาพตรงๆ ว่า มาจากเขตลับแล
ถามเขาว่า "การที่คุณมา เป็นฤทธิ์โดยกรรมวิบาก หรือเป็นฤทธิ์โดยอภิญญา ?" เขาบอกว่าเป็น ฤทธิ์โดยกรรมวิบาก ถ้าใครเกิดเป็นชาวลับแลสามารถไปมาอย่างนี้ได้ทุกคน เป็น กัมมวิปากชาฤทธิ์ เลยบอกว่าลองแข่งกันดูหน่อยไหม ? ...(หัวเราะ)...
เขาบอกว่าแข่งกันเฉยๆ ไม่สนุก ต้องมีเดิมพันหน่อย ถามเขาว่าเดิมพันอย่างไร ? เขาเอาถุงเงินมาให้ดู เขาบอกว่าถ้าท่านชนะ เขาจะให้หมดเลย ชาวลับแลพม่าใช้เหรียญสมัยพระราชินีวิกตอเรียด้วย เป็นเหรียญเงินแท้ของพระราชินีวิกตอเรีย ถุงเบ้อเร่อเลย ถามว่าเอามาจากไหนเยอะแยะอย่างนี้ ?
เขาบอกว่าตอนอังกฤษครองเมืองพม่า เขาขนเข้ามากันเยอะแยะ เดินข้ามลำห้วยสายหนึ่งแล้วลัดเข้าซอกเขาไป ถามว่าอย่างนี้ใครๆ ก็ไปได้ใช่ไหม ?
เขาบอกว่า ถ้าไม่ใช่คนที่มีกรรมเนื่องกันมา หรือคนที่ได้รับอนุญาตจริงๆ เดินมาจะเจอแต่ภูเขาตันๆ ตอนเดินเข้าไปเป็นถ้ำ แต่พอหันหลังกลับมาเป็นผนังหิน ออกไม่ได้ ต้องตะกายไปออกทางอื่นแทบตาย ตอนที่เขาให้เข้า ก็เดินเข้าไปได้เรื่อยเปื่อย
ตอนนั้นมี ท่านมหาเค ท่านกอล์ฟ อยู่ด้วย อาตมาจึงมีพยาน เดินเข้าไปเป็นถ้ำโล่งๆ แต่หันกลับมาเป็นหินตันๆ เลย" | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2013-10-01 07:55:50 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1668045) | |
บูชาพระของหลวงปู่เณรคำมา
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2013-10-01 08:09:11 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1668046) | |
พระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้ามีตลอดเวลาหรือไม่ ?
ถาม : พระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า มีตลอดเวลาไหมครับ ? จะมีอยู่บางพระองค์ในอดีตที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลา นั่นท่านสงเคราะห์บริวารของท่านโดยเฉพาะ แล้วก็มีบางองค์รัศมีไม่ได้มีเฉพาะโลกของเรา พระพุทธเจ้ามีนามว่า มังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า รัศมีท่านแผ่ไปหมื่นโลกธาตุ พอๆ กับพระอาทิตย์นั่นแหละ แต่ว่า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ของเรา ต้องบอกว่าพระรัศมีแคบที่สุด ไม่กี่วา หลายองค์มีรัศมีปกติก็ ๑ โยชน์ แต่ว่าในรัศมี ๑๖ กิโลเมตรนี่เห็นท่านหมด ต้องไปดูในพุทธวงศ์ รู้สึกว่าทุกอย่างของพระองค์ท่านนี่จะน้อยกว่าคนอื่น และยากกว่าคนอื่นทั้งหมด
มีอยู่พระองค์เดียวที่เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ลำบากกว่า เจ้าชายสิทธัตถะ คือ พระพุทธนารทสัมมาสัมพุทธเจ้า ออกเดินไป ส่วนเจ้าชายสิทธัตถะของเราทรงม้าไป บางท่านทรงช้างไป บางท่านนั่งคานหามไป
มีบางองค์ลอยไปทั้งปราสาทเลย ไม่ต้องลงจากปราสาท ท่านเจตนาจะออกมหาภิเนษกรมณ์ แล้วปราสาทถอนเสาลอยไปทั้งหลังเลย บารมีท่านขนาดนั้น มีหลายท่านที่บรรลุใน ๗ วัน อย่างลำบากเลยก็ ๖ เดือนบ้าง ๑ ปีบ้าง
ต้องบอกว่าพระพุทธเจ้าของเรา ท่านทรงผจญทุกอย่างมาโชกโชนที่สุด ถ้าเปรียบกับพระพุทธเจ้าองค์อื่นแล้ว ก็ต้องบอกว่าต้นทุนน้อย ในเมื่อต้นทุนน้อยแล้วสามารถทำกำไร จนกระทั่งอยู่ในระดับมหาเศรษฐีเท่ากัน ก็ต้องคิดเหมือนกันนะว่าฝีมือขนาดไหน ถึงได้บอกว่าท่านเป็นปัญญาธิกะจริงๆ
ก็คือเป็นพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีมา ในด้านปัญญา ต้นทุนน้อย เรียนระยะสั้น แต่จบเท่ากัน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2013-10-01 08:19:39 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1668134) | |
อ่านแล้วค่ะคุณชนิดาโมทนาบุญด้วยนะค่ะที่มีธรรมะดีๆ ที่สกิดใจได้มามายอย่างนี้ พี่พอสรุปได้อย่างนี้นะค่ะ................คนไม่ต่างจากสัตว์ เพราะการกิน การนอน การกลัวภัย การเสพกาม เป็นเรื่องธรรมดาที่เสมอกันทั้งคนทั้งสัตว์ พระธรรมเท่านั้นจึงทำให้คนต่างจากสัตว์ ธรรมจึงเป็นเครื่องจำแนกออกจากกัน ถ้าไม่มีหลักธรรม คนก็เหมือนสัตว์ดีๆ นี่เอง.......พูดถึงเรื่องบุคคล...เราอาจจะยึดผิด ท่านให้ยึดคุณของพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ถ้าเรายึดผิด หรือเข้าใจผิด ถ้ายิดจริงๆ ให้ยึดที่ความดี หรือการกระทำต่างหาก ต่อให้ พระเณรคำ พระยันตระ พระภาวนาพุทธโธ ฯลฯ มานั่งรับสังฆทานเอง....ก็ไม่เป็นไรหรอก.. เพราะเราตั้งใจเป็นสังฆทาน คนรับเป็นตัวแทนสงฆ์ อนิสงค์เราก็ได้เต็มร้อย ขอบคุณมากมายนะค่ะคุณชนิดาที่เอาธรรมะมา เสริพถึงบ้านทำให้พี่ตุ๊กได้ทดสอบความเขลาของพี่ตุ๊กคนนี้ได้บ้างนะค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว วันที่ตอบ 2013-10-02 12:45:02 |
ความคิดเห็นที่ 7 (1668440) | |
คุณชนิดาเยี่ยมจริงๆ ที่ช่างสรรหาเรื่องดีๆมาให้อ่านเสมอ ทำให้ได้ข้อคิดอะไรๆหลายอย่าง หมอกำลังจิตตกอยู่พอดี ขอบคุณคะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ วันที่ตอบ 2013-10-06 19:57:24 |
ความคิดเห็นที่ 8 (1668537) | |
ยิ่งดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ คุณหมอวัฒน์ และ คุณพี่ตุ๊ก บุญภิบาล
เพราะชนิดาก็อ่าน แ่ล้วก็ได้ข้อคิดมากมายเหมือนกัน จึงได้ตัดสินใจนำมาฝากทุกๆคนด้วยจ๊า.... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2013-10-08 07:26:34 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1449465 |