ReadyPlanet.com


หากเจอบททดสอบของมาร ห้ามสอบตก


ขอรวบรวม การตอบปัญหาธรรมในวาระต่างๆ

โดยหลวงพี่เ่ล็ก สุธัมมปัญโญ

แห่งวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี

 

มารวมไว้ในกระทู้นี้นะคะ

เพราะว่าอ่านแล้วทั้งสนุก

และได้สาระธรรมมากมายเลยทีเดียว

 



ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา เชิงสะอาด กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2013-10-01 07:27:38


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1668042)

 

หากเจอบททดสอบของมาร ห้ามสอบตก

พระอาจารย์ เล่าให้ฟังว่า "ตอนไปพม่า ตื่นเช้าขึ้นมาเข้าร้านอาหารก็ดันประเคนกาแฟ ฉันกาแฟเข้าไปแล้วกาแฟดีด เห็นพญามารกับบริวารกำลังขย่มรถจะให้รถคว่ำ "เฮ้ยๆ ทำอะไร ?"

 

 

เขาก็บอกว่า "ก็เห็นอยู่ว่าจะทำอะไร" คราวนี้อาตมาจะทำอย่างไรดี ถ้าคว่ำไม่เจ็บก็ตายกันบาน แน่นทั้งคันรถขนาดนั้น ก็เลยบอกพวกเขาว่า "นี่ พวกเรากำลังจะไปไหว้พระกันนะ กำลังใจของแต่ละคนกำลังเกาะพระอยู่ ถ้าหากว่ารถคว่ำตาย อย่างน้อยๆ ไปเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม พ้นมือแกไปนานเชียวนะ"

 

 

 

แกก็ทำหน้าคิด พอทำหน้าคิดเสร็จ แกคงเปลี่ยนใจแล้วก็ทำท่ายิ้ม ท่ายิ้มแกเห็นแล้วสยอง ยิ้มแบบเอาเรื่องแน่ แต่ไม่รู้จะมาไม้ไหน

แกก็หายไปหมด อาตมาก็คิดว่าปลอดภัย ที่ไหนได้ ยางระเบิดตูมสองเส้นหน้าหลังเลย อันนั้นถ้าไม่เตือนเขาไว้ก่อนก็คว่ำจริงๆ เพราะว่าตอนที่เห็นภาพ เขาขย่มรถเอียงไปข้างหนึ่งแล้ว

 

 

อาตมาลงจากรถได้ก็ปูผ้าอาบ นอนเลย รู้อยู่แล้วว่าเขาตั้งใจแกล้ง สรุปว่าปกติออกจากย่างกุ้ง ๖ โมงเย็นจะไปถึงหลวงพ่อมหามุนีประมาณ ๙ โมงเช้า วันนั้นออก ๖ โมงเย็น ไปถึงเกือบ ๕ โมงเย็น รถเสียไปตลอดทาง นึกอยากจะเสียอะไรก็เสียหน้าตาเฉย เขาก็ซ่อมกันไป อาตมาก็ไม่ว่าอะไร

บางทีเราเจออุปสรรคอะไรเยอะๆ ให้ระแวงไว้ด้วยว่าเป็นการกลั่นแกล้งของเขา เป็นการทดสอบของเขา คราวนี้การสอบจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ห้ามตก ถ้าตกก็ตกไปเรื่อย

 

 

แต่ถ้าสอบได้ครั้งหนึ่ง

จะไม่มีวันตกตรงจุดนั้นอีก

เพราะ เรารู้แล้วว่าถ้ามาท่านี้ต้องแก้อย่างนี้ เขาก็จะไม่มาท่านั้น จะตะแบงไปท่าอื่น

 

ถึงเวลาเจอครูขยันสอบบ่อยๆ ก็มาแค่รัก โลภ โกรธ หลง เท่านั้นแหละ ไม่ได้มาเกินนั้นหรอก เพียงแต่ว่าแตกแขนงได้เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน ต้องระมัดระวังตัวอย่างสุดชีวิต"


สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


ที่มา :
http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3835&page=3

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-01 07:35:28


ความคิดเห็นที่ 2 (1668043)

 

ปฏิบัติมาจนรู้สึกว่าถึงทางตันแล้ว

จะมีวิธีปรับปรุงอย่างไร ?

 

 

ถาม : ปฏิบัติมาจนรู้สึกว่าถึงทางตันแล้ว เราจะมีวิธีปรับปรุงอย่างไรครับ ?

ตอบ : ไม่ตันจ้ะ...ถ้ารู้สึกว่าตันแสดงว่ากำลังไม่พอ ให้ทำย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก เบื่อไม่ได้ ต่อให้ ๑ ปีก็ต้องทำ ๒ ปีก็ต้องทำ ๓ ปีก็ต้องทำ ถ้ากำลังพอจะก้าวข้ามไปเอง


ที่บอกว่าตันจริงๆ ไม่ใช่หรอก

กำลังยังไม่พอที่จะผ่านตรงจุดนั้น

 

ให้ใช้ภาวนาสลับกับพิจารณา อย่างน้อยๆ จะได้มีอะไรให้ทำ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวใจเบื่อแล้ว บางทีไม่เอาเลย

พอ ภาวนาจนกระทั่งกำลังใจเต็มที่แล้ว เผลอปล่อยให้ถอยออกมา ถ้าไม่หาวิปัสสนาให้พิจารณา ก็จะเอากำลังไปฟุ้งซ่าน คราวนี้จะฟุ้งอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการมากเลย เพราะมีกำลังดี

 

ฉะนั้น..ต้อง หาวิปัสสนาญาณให้ใจคิด คิดๆ พิจารณาจนกำลังใจทรงตัว แล้วจะเป็นภาวนาไปโดยอัตโนมัติ แต่ตอนหยุดภาวนาออกมาแล้วต้องบังคับให้คิด ถ้าไม่บังคับให้คิดแล้วจะฟุ้ง

สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


ที่มา :
http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3835&page=3

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-01 07:43:33


ความคิดเห็นที่ 3 (1668044)


เมืองลับแลมีอยู่ทุกมุมโลก

พระอาจารย์ กล่าวว่า "ต้องบอกว่าความกลัวตายเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม

 

บาลีบอกว่า อาหารนิทฺทํภยเมถุนญฺจ สามญฺญเปตปฺปสุภีนรานํ ธมฺโมหิ เตสํ อธิโก วิเสโส ธมฺเมน วีณา ปสุภีนรานา

อาหาระ การกิน นิททัง การนอน ภยะ การกลัวภัย เมถุนนะ การเสพกาม สามัญญะเปตัปปสุภีนะรานัง เป็นเรื่องธรรมดาที่เสมอกันทั้งคนและสัตว์

 

 

ธัมโมหิ เตสํ อธิโก วิเสโส พระธรรมเท่านั้นที่ทำให้คนต่างไปจากสัตว์

 

ธัมเมนะ วีณา ปสุภีนะรานา ธรรมจึงเป็นเครื่องจำแนกคนและสัตว์ออกจากกัน ถ้าไม่มีหลักธรรม คนก็เหมือนกับสัตว์ดีๆ นี่เอง

ในเมื่อยังกลัวตายอยู่ อะไรที่ช่วยให้ไม่ตายได้ ก็ต้องแสวงหามา จิ๋นซีฮ่องเต้ แสวงหายาอายุวัฒนะ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม จิ๋นซีฮ่องเต้พลัดเข้าไปใน เมืองลับแล คนจีนเรียกว่า แดนดอกท้อ เพราะว่าแจวเรือทวนน้ำขึ้นไปเห็นดอกท้อปลิวลงน้ำไหลมาเยอะแยะไปหมด ทวนขึ้นไปดูจนไปเจอเข้า เป็นแดนที่สุขสงบสวยงามมาก เขาชวนอยู่ก็ไม่อยู่ด้วย กลับออกมา พอตอนเหนื่อยยากกับการทำสงครามปกครองแคว้น อยากจะไปก็หาไม่เจอแล้ว

แบบที่ฝรั่งเขาหลงเข้าไปใน แชงกรีลา ไปเจอคนอายุ ๒๐๐ - ๓๐๐ ปี ยังแข็งแรงเป็นหนุ่มอยู่เลย เดินขึ้นเขาลงห้วยสบาย

ตัวเองเดินตามแทบตาย ทุกวันนี้จีนหรือปากีสถาน ต่างคนต่างมีแชงกรีลาของตัวเอง

 

 

จีนบอกว่าเป็นที่ จงเตี้ยน เพราะว่าลักษณะภูมิประเทศเหมือนที่เขาอธิบายไว้ในเรื่อง the lost horizon แต่ว่าของปากีสถานบอกว่า เป็นตรง Hunsa ด้านบนของปลายถนนคาราโครัม ต่างคนต่างเอาเป็นจุดขาย นักท่องเที่ยวจึงต้องไปทั้งสองที่"

"ที่ว่ามาก็เพื่อที่จะให้รู้ว่า

เมืองลับแลจริงๆ แล้ว

มีอยู่ทุกมุมโลก ท่านทั้งหลายเหล่านี้

ก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานี่แหละ

 

เพียงแต่สร้างความดีไว้มากกว่า

ความดีของท่านไม่พอ

ที่จะไปเกิดเป็นเทวดา

 

แต่ก็ดีเกินกว่าที่จะอยู่ปะปนกับพวกเรา

เลยต้องแยกเขตออกไป

ถ้าไม่ใช่บุคคลที่มีกรรมเนื่องกันมา

หรือว่าเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาต

จะเข้าไปในเขตเขาไม่ได้

อาตมายังติดหนี้พวกลับแลอยู่เลย ถึงขนาดท้าเขาแข่งกัน คือวันนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจให้เห็นหรอก แต่อาตมาดันทะลึ่งไปอยู่ผิดที่ผิดทาง วันพระใหญ่ พระที่ไหนๆ ก็ต้องอยู่บนศาลาให้ญาติโยมมาทำบุญ อาตมาดันไปนั่งพิงภูเขาภาวนาอยู่คนเดียว อยู่ๆ เขาก็มาโผล่อยู่ตรงหน้า อาตมาก็คิดว่านี่ผิดปกติแล้ว พอเห็นว่าผิดปกติก็ถามเขาว่ามาจากไหน ? เขาก็สารภาพตรงๆ ว่า มาจากเขตลับแล

 

 

ถามเขาว่า "การที่คุณมา เป็นฤทธิ์โดยกรรมวิบาก หรือเป็นฤทธิ์โดยอภิญญา ?" เขาบอกว่าเป็น ฤทธิ์โดยกรรมวิบาก ถ้าใครเกิดเป็นชาวลับแลสามารถไปมาอย่างนี้ได้ทุกคน เป็น กัมมวิปากชาฤทธิ์ เลยบอกว่าลองแข่งกันดูหน่อยไหม ? ...(หัวเราะ)...

 

 

 

เขาบอกว่าแข่งกันเฉยๆ ไม่สนุก ต้องมีเดิมพันหน่อย ถามเขาว่าเดิมพันอย่างไร ? เขาเอาถุงเงินมาให้ดู เขาบอกว่าถ้าท่านชนะ เขาจะให้หมดเลย ชาวลับแลพม่าใช้เหรียญสมัยพระราชินีวิกตอเรียด้วย เป็นเหรียญเงินแท้ของพระราชินีวิกตอเรีย ถุงเบ้อเร่อเลย ถามว่าเอามาจากไหนเยอะแยะอย่างนี้ ?

 

เขาบอกว่าตอนอังกฤษครองเมืองพม่า เขาขนเข้ามากันเยอะแยะ

"ถ้าท่านชนะ ผมให้หมดเลย ถ้าท่านแพ้ ท่านต้องหาเพื่อนพระอีก ๔ รูป รวมท่านด้วยเป็น ๕ รูป เข้าไปให้พวกผมทำบุญวันหนึ่ง" พอได้ยินว่าวันหนึ่ง อาตมาก็บอกว่าไม่แข่งด้วยแล้ว วันหนึ่งของเขาเท่ากับปีหนึ่งข้างนอก ไป ปีหนึ่งพวกเราก็ตายพอดี เลยยังตกลงกันไม่ได้ เขาบอกเอาอย่างนี้แล้วกัน จะพาไปดูทางก่อน ถ้าท่านเปลี่ยนใจเมื่อไร มาถึงตรงนี้แล้วเรียก เขาจะมารับ

แล้วเขาทำภาพให้ดู อยู่ด้านหลังภูเขา

เดินข้ามลำห้วยสายหนึ่งแล้วลัดเข้าซอกเขาไป

ถามว่าอย่างนี้ใครๆ ก็ไปได้ใช่ไหม ?

 

เขาบอกว่า

ถ้าไม่ใช่คนที่มีกรรมเนื่องกันมา

หรือคนที่ได้รับอนุญาตจริงๆ

เดินมาจะเจอแต่ภูเขาตันๆ

ลักษณะอย่างนี้อาตมาเคยเจอที่ ด่านช้าง มาแล้ว

ตอนเดินเข้าไปเป็นถ้ำ

แต่พอหันหลังกลับมาเป็นผนังหิน ออกไม่ได้

ต้องตะกายไปออกทางอื่นแทบตาย

ตอนที่เขาให้เข้า ก็เดินเข้าไปได้เรื่อยเปื่อย

 

ตอนนั้นมี ท่านมหาเค ท่านกอล์ฟ อยู่ด้วย

อาตมาจึงมีพยาน เดินเข้าไปเป็นถ้ำโล่งๆ

แต่หันกลับมาเป็นหินตันๆ เลย"

สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

ที่มา :
http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3835&page=4


.

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-01 07:55:50


ความคิดเห็นที่ 4 (1668045)

 

บูชาพระของหลวงปู่เณรคำมา

จะทำอย่างไรกับพระนั้นดี ?


ถาม : หนูไปบูชาพระของหลวงปู่เณรคำมา

จะทำอย่างไรกับพระนั้นดีคะ ?

ตอบ : บูชาไว้สิจ๊ะ พระก็คือพระ..!

คำว่า พระ แปลว่า ดีเลิศประเสริฐศรีอยู่แล้ว

 

เราก็นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่าไปนึกถึงเณรคำสิ..!

แค่นี้ก็กำลังใจตก

ถ้าเป็นสมัยโบราณออกศึก

ก็กลายเป็นศพ ถมสนามไปนานแล้ว

 

สมัยโบราณเขามีแค่ว่านยา

เขายังรอดมาไม่รู้ตั้งกี่สนาม เพราะใจเขายึดมั่น

ส่วนเราขนาดเป็นพระแท้ๆ หมดความนับถือ

กำลังใจไม่ยึดมั่น

แล้วจะไปปลอดภัยอีท่าไหน ?

เรื่องของตัวบุคคล เราอาจจะยึดผิด

ฉะนั้น..ท่าน ถึงให้ยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ให้ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 

 

ในส่วนที่เป็นนามธรรม คือคุณความดีของท่าน

ไหว้เมื่อไรก็ถึงเมื่อนั้น

ไม่ว่าเณรคำหรืออาตมาก็เหมือนกันนั่นแหละ

เป็นแค่รูปแค่นามแค่ธาตุ ๔ เหมือนกัน

ถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังเหมือนกัน

ถ้าเรายึดผิด พูดง่ายๆ ว่าวางกำลังใจผิดเอง

ถ้า จะยึดจริงๆ ยึดความดี

 

พระสงฆ์ท่านเป็นสุปฏิปันโน...ปฏิบัติดี

อุชุปฏิปันโน...ปฏิบัติตรง

ญายปฏิปันโน...ปฏิบัติสมควรแก่ธรรม

สามีจิปฏิปันโน...ปฏิบัติชอบแล้ว

 

 

 

พระพุทธเจ้า ท่านถึงสอนไม่ให้ถือมงคลตื่นข่าว

ไม่ใช่ใครเขาว่าอะไรที่ไหนดี

เราก็ตื่นไปโดยที่ไม่ได้พิจารณา

ถึงเวลาเราเองพอเห็นว่าไม่ดีจริง ก็เสียกำลังใจอีก

ถ้าตอนกำลังใจตก กำลังเศร้าหมองอยู่

เกิดตายตอนนั้นก็ซวยอีก

 

 

ถ้าเรายึดในคุณพระรัตนตรัย

ที่เป็นพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณจริงๆ

อย่างไรก็ไม่พลาดอยู่แล้ว

เมื่อวานนี้มีโยมมาถามว่า

ถ้าอยู่ในที่เลือกเนื้อนาบุญไม่ได้

ก็ทำบุญไม่ได้เลยสิ ?

 

 

 

อาตมาบอกว่า ถ้าโง่ก็ทำบุญไม่ได้

ถ้าฉลาดก็ ถวายเป็นสังฆทาน

ต่อให้เป็น อาจารย์นิกร อาจารย์ยันตระ

ท่านภาวนาพุทโธ หรือเณรคำ

มานั่งรับสังฆทานพร้อมกันก็ไม่เป็นไรหรอก

เพราะเราตั้งใจเป็นสังฆทาน

คนรับเป็นเพียงตัวแทนสงฆ์

อานิสงส์ของเราได้เต็มร้อยอยู่แล้ว

ใน ปฐมสมโพธิกถา อันตรธานปริวรรต

กล่าว ถึงการเสื่อมสูญของพระศาสนา

ว่าช่วงท้ายก่อน ๕,๐๐๐ ปีเล็กน้อย

เพศพระจะหายไป

เหลือเพียงผ้าเหลืองพันข้อมือ

หรือผ้าเหลืองคล้องคอไว้นิดหนึ่ง

เพื่อเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น

ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร

ให้ไปดูที่ประเทศญี่ปุ่น

พระญี่ปุ่นใส่ชุดสากล มีแถบติดคออยู่หน่อย

ให้รู้ว่าเป็นพระเท่านั้น

 

 

ท่านบอกว่าต่อให้เพศพระเสื่อมไปถึงขนาดนั้นก็ตาม

ถ้าถวายเป็นสังฆทานตั้งใจอุทิศเฉพาะเจาะจงแก่สงฆ์

ก็มีอานิสงส์เท่ากัน เณรคำเขายังห่มจีวรอยู่เต็มผืน

ถวายไปเถอะ..!

สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3835&page=4

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-01 08:09:11


ความคิดเห็นที่ 5 (1668046)

 

พระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า

มีตลอดเวลาหรือไม่ ?

 

 

ถาม : พระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า

มีตลอดเวลาไหมครับ ?

ตอบ : ต้อง การให้ปรากฏถึงปรากฏ

จะมีอยู่บางพระองค์ในอดีตที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลา

นั่นท่านสงเคราะห์บริวารของท่านโดยเฉพาะ

แล้วก็มีบางองค์รัศมีไม่ได้มีเฉพาะโลกของเรา

พระพุทธเจ้ามีนามว่า มังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า

รัศมีท่านแผ่ไปหมื่นโลกธาตุ

พอๆ กับพระอาทิตย์นั่นแหละ

ถาม : เห็นด้วยตาเปล่าหรือครับ ?

ตอบ : ถ้าพระองค์ท่านแสดงก็เห็นด้วยตาเปล่า

แต่ว่า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ของเรา

ต้องบอกว่าพระรัศมีแคบที่สุด ไม่กี่วา

หลายองค์มีรัศมีปกติก็ ๑ โยชน์

แต่ว่าในรัศมี ๑๖ กิโลเมตรนี่เห็นท่านหมด

พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรา

ต้องไปดูในพุทธวงศ์

รู้สึกว่าทุกอย่างของพระองค์ท่านนี่จะน้อยกว่าคนอื่น

และยากกว่าคนอื่นทั้งหมด

 

มีอยู่พระองค์เดียวที่เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ลำบากกว่า

เจ้าชายสิทธัตถะ คือ พระพุทธนารทสัมมาสัมพุทธเจ้า

ออกเดินไป ส่วนเจ้าชายสิทธัตถะของเราทรงม้าไป

บางท่านทรงช้างไป บางท่านนั่งคานหามไป

 

 

มีบางองค์ลอยไปทั้งปราสาทเลย

ไม่ต้องลงจากปราสาท

ท่านเจตนาจะออกมหาภิเนษกรมณ์

แล้วปราสาทถอนเสาลอยไปทั้งหลังเลย

บารมีท่านขนาดนั้น

พระพุทธเจ้าของเราบำเพ็ญเพียรนานที่สุด ๖ ปี

มีหลายท่านที่บรรลุใน ๗ วัน

อย่างลำบากเลยก็ ๖ เดือนบ้าง ๑ ปีบ้าง

 

 

ต้องบอกว่าพระพุทธเจ้าของเรา

ท่านทรงผจญทุกอย่างมาโชกโชนที่สุด

ถ้าเปรียบกับพระพุทธเจ้าองค์อื่นแล้ว

ก็ต้องบอกว่าต้นทุนน้อย

ในเมื่อต้นทุนน้อยแล้วสามารถทำกำไร

จนกระทั่งอยู่ในระดับมหาเศรษฐีเท่ากัน

ก็ต้องคิดเหมือนกันนะว่าฝีมือขนาดไหน

ถึงได้บอกว่าท่านเป็นปัญญาธิกะจริงๆ

 

 

ก็คือเป็นพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีมา

ในด้านปัญญา ต้นทุนน้อย

เรียนระยะสั้น แต่จบเท่ากัน

สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

ที่มา :
http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3835&page=5

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-01 08:19:39


ความคิดเห็นที่ 6 (1668134)

อ่านแล้วค่ะคุณชนิดาโมทนาบุญด้วยนะค่ะที่มีธรรมะดีๆ ที่สกิดใจได้มามายอย่างนี้   พี่พอสรุปได้อย่างนี้นะค่ะ................คนไม่ต่างจากสัตว์ เพราะการกิน  การนอน  การกลัวภัย  การเสพกาม    เป็นเรื่องธรรมดาที่เสมอกันทั้งคนทั้งสัตว์     พระธรรมเท่านั้นจึงทำให้คนต่างจากสัตว์    ธรรมจึงเป็นเครื่องจำแนกออกจากกัน

ถ้าไม่มีหลักธรรม  คนก็เหมือนสัตว์ดีๆ นี่เอง.......พูดถึงเรื่องบุคคล...เราอาจจะยึดผิด  ท่านให้ยึดคุณของพระรัตนตรัย  พระพุทธ   พระธรรม  พระสงฆ์    แต่ถ้าเรายึดผิด   หรือเข้าใจผิด ถ้ายิดจริงๆ ให้ยึดที่ความดี หรือการกระทำต่างหาก   ต่อให้ พระเณรคำ  พระยันตระ  พระภาวนาพุทธโธ ฯลฯ  มานั่งรับสังฆทานเอง....ก็ไม่เป็นไรหรอก..  เพราะเราตั้งใจเป็นสังฆทาน  คนรับเป็นตัวแทนสงฆ์

อนิสงค์เราก็ได้เต็มร้อย  ขอบคุณมากมายนะค่ะคุณชนิดาที่เอาธรรมะมา        เสริพถึงบ้านทำให้พี่ตุ๊กได้ทดสอบความเขลาของพี่ตุ๊กคนนี้ได้บ้างนะค่ะ   ขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-02 12:45:02


ความคิดเห็นที่ 7 (1668440)

  คุณชนิดาเยี่ยมจริงๆ ที่ช่างสรรหาเรื่องดีๆมาให้อ่านเสมอ ทำให้ได้ข้อคิดอะไรๆหลายอย่าง หมอกำลังจิตตกอยู่พอดี ขอบคุณคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-06 19:57:24


ความคิดเห็นที่ 8 (1668537)

ยิ่งดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ

คุณหมอวัฒน์ และ คุณพี่ตุ๊ก บุญภิบาล

 

เพราะชนิดาก็อ่าน

แ่ล้วก็ได้ข้อคิดมากมายเหมือนกัน

จึงได้ตัดสินใจนำมาฝากทุกๆคนด้วยจ๊า....

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2013-10-08 07:26:34



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.