ReadyPlanet.com


เกษตรธรรมะในบ้านสวนพีระมิด


     ตอนนี้บ้านสวนฯมีกระทู้ใหลายๆแง่มุมล่ะครับ มีอีกมุมนึงที่น่าสนใจและคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับลูกบ้านสวนฯและทุกท่านที่ได้อ่าน นั่นก็คือ "งานเกษตรในบ้านสวนพีระมิด" ซึ่งไม่เหมือนใคร เพราะที่นี่ใช้เทคนิคพิเศษในการปลูก ส่วนจะเป็นไรนั้นเดี๋ยวจะมีผู้นำทางงานเกษตรมาเหลาให้ฟัง คงเป็นใครไม่ได้ นั่นคือ "อ.พันธ์+อ.ณี" นั่นเอง...เย้ๆ

    บ้านสวนพีระมิดปลูกหลายอย่างครับ เช่น ข้าว[พันธุ์พระราชทาน] ,พืชผักสวนสวนครัว มะเขือ ฝัก คะน้า แครอท แตงกงแตงกว่า...เยอะไปหมด เหลือแต่ต้นงิ้วนี่แหละที่ผมรออยู่ น่ะน่ะ ปลูกให้ดูหน่อยน่ะ

   องค์ความรู้มากมายและเทคนิคต่างๆที่ผมเองคิดไม่ถึง ว่าโอ้ว..ขนาดนี้เรยหรอ เช่น การปลูกผักต้องหันใบไปทางทิศตะวันออกเพื่อพืชจะได้รับแสงได้เต็มที่ อะไรแบบนี้ เรียกว่าเข็มขัดสั้นไปเรยเรา

   นอกจากได้ความรู้เกี่ยวกับงานเกษตรแล้ว ก็ยังได้บรรยากาศครื้นเครงในการทำงานไปด้วย เรียกว่า โหด มัน ฮา กันตรึม จนมีประโยคติดปากและพูดกันแหย่กันทุกครั้งที่ไปทำสวนผัก..ใช่ม่ะจารพันธ์

   อ้าว...เอาเป็นว่าใครอยากจะถามอะไรหรืออยากรู้อะไรเกี่ยวกะงานเกษตร เดี๋ยวจารพันธุ์แกจะเข้ามาตอบครับ หรือพี่น้องท่านใดอยากจะแชร์ความรู้ หรือบรรยากาศในการมาทำบุญงานเกษตรในบ้านสวนพีระมิดแห่งนี้ ก็เชิญเรยน่ะครับ ส่วนผมของเปิดคำถามแรกก่อนเรยล่ะกันครับ

    จารย์พันนน..ผักบุ้งพันธุ์อะไร ดีที่สุดดด..อิอิ



ผู้ตั้งกระทู้ กฤษณะ สิงห์ป้อม กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-03-05 20:27:23


[1] 2 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1600741)

พี่หมวยอยากให้ อ.พัน บอกวิธี

ทำถั่วงอกทานที่บ้าน ทีละสัก

2  3 โล ก็ได้   ใช้ภาวนะง่าย ๆ

ที่มีในบ้าน ขอบพระคุณล่วง

หน้าค่ะ ทั้ง อ.พัน และน้องป้อม

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-05 22:47:01


ความคิดเห็นที่ 2 (1600754)

อนุโมทนาในธรรมทานล่วงหน้าจากอาจารย์พันธ์ด้วยนะคะ

และอนุโมทนากับคุณป้อมด้วยค่ะ ที่มาเปิดกระทู้เกี่ยวกับผักผัก

มาให้พวกเราได้ทราบกัน

ขอถามเป็นคนที่สองนะคะ

คืออยากจะทราบว่า ปลูกผักยังไง ไม่ให้มีแมลงมากินน่ะค่ะ

ขอบคุณอาจารย์พันธ์มากค่ะ ^^

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ ((ตั๊ก)) (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 01:03:53


ความคิดเห็นที่ 3 (1600757)

อนุโมทนาบุญกับคุณป้อมด้วยครับ

ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ

เป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ท่าน

ที่ไม่มีโอกาสมาฝึกการเกษตรที่บ้านสวนฯ

(ไม่เสียแรงที่สมัครเป็น...ของอาจารย์จริง ๆ)

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 01:28:03


ความคิดเห็นที่ 4 (1600820)

      ต้องขอขอบคุณ"สิงห์ป้อม"ที่น่ารักของพวกเรามากนะครับ 

ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา  กระผมยินดีที่จะตอบทุกคำถามเลยครับ 

เรื่องแรกเลยน๊ะ  การปลูกผักบุ้ง   ใช้พันธุ์"ใบไผ่"ตลาดจะชอบ 

สำหรับผมชอบ "พันธ์-นี" ครับ/

   ตอบ   คุณหมวย การเพาะถั่วงอกใว้กินเอง  โดยการใช้เพาะ

ในถุงพลาสติกใส เริ่มแช่น้ำก่อนเป็นเวลา  3  ชม.  แล้วเทน้ำทิ้ง 

เป่าลมให้ถุงพองแล้วใช้หนังยางมัดปากถุงให้แน่น  ตั้งทิ้งใว้  

ดูแลถั่ว เช้า-กลางวัน-เย็น โดยการเติมน้ำให้ท่วมถั่ว ทิ้งใว้ 5 นาที

แล้วเทน้ำทิ้ง  เป่าลมให้ถุงพอง มัดปากถุงให้แน่น   ทำเช่นนี้

วันละ 3 ครั้งใช้เวลาประมาณ  3 วัน จะได้ถั่วงอกรับประทานกัน / 

   ตอบ คุณตั๊ก การปลูกผักไม่ให้มีแมลงกินต้องปลูกแบบเกษตร

ธรรมะในบ้านสวนพีระมิด ต้องมาเรียนรู้ที่แปลงเกษตรเองครับ/

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmaiL-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 13:58:38


ความคิดเห็นที่ 5 (1600826)

ขออนุโมทนากับพี่ป้อมและอาจารย์พันธ์ ด้วย ครับ เป็นกระทู้ ที่มีประโยชน์มากๆ ความรู้ตรงนี้ช่วยให้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 14:11:37


ความคิดเห็นที่ 6 (1600832)

กระทู้นี้ น่าสนใจมาก ๆ อีกกระทู้นึงเลยคะ

มีการถามตอบความรู้ทางเกษตรด้วย

 

ขอบพระคุณทั้งผู้ตั้งกระทู้

ผู้ถาม และอ.พัน ที่ตอบคำถามได้น่ารักมากด้วยคะ

 

(สำหรับผมชอบ "พันธ์-นี" ครับ/ )

 

ขออนุญาติเรียนเกษตรธรรมะด้วยคนนะคะ ^_^

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 14:17:56


ความคิดเห็นที่ 7 (1600870)

ป๊าดด...ใครบอกอาจารย์พันไม่ทันมุขหลานๆน้องๆ ต้องคิดใหม่ซะแว้วว

เพราะอาจารย์พันรู้อีกว่าผักบุ้งพันธุ์ดีที่สุดต้อง พันธ์-นี เท่านั้น ม่ายง้านผิด ฮ่าๆๆๆ ช่างรู้ใจ โดนใจวัยรุ่นซะเจงๆง๊าบบ

อืม ผมมีคำถามหน่อยครับ เพราะเห็นหลายๆคนถกกันเรื่องรดน้ำแปลงผัก ว่าควรรดน้ำกี่โมงดี บ้างก็ว่าเช้าๆดี สำหรับอาจารย์พันแนะนำว่าที่บ้านสวนฯต้อง ๑๑ โมงเด้อ

ก็เลยพากันพิจารณาได้คำตอบกันว่า ตอนเช้ามีน้ำค้างซึ่งผักชุ่มชื่นอยู่แล้ว หากรดน้ำอีกก็ไม่ค่อยให้ประโยชน์แก่น้องผักเท่าใดนัก สู้ให้ตอน ๑๑ โมงดีก่า ซึ่งตอนนั้นผักเริ่มขาดน้ำไม่งั้นเหี่ยวหมด แต่ก็อยากได้คำตอบชัดเจน มีประโยชน์จากอาจารย์พันนี่แหละครับ

เผื่อเพื่อนๆทางบ้านที่ปลูกผักจะได้มีวิธีการสังเกตหรือรดน้ำแก่พืชผักของตนเองได้ถูกต้องให้ประโยชน์แก่น้องผักมากที่สู๊ดด... ขอบคุณก๊าบบ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 16:14:43


ความคิดเห็นที่ 8 (1600887)

 ขอบคุณอาจารย์พัน  และเจ้าของกระทู้มาก ๆ เลยค่ะ

มีประโยชน์มากจริง ๆ  อันดับแรก  ขอทดลองเพาะถั่วงอกดูก่อนนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 19:17:25


ความคิดเห็นที่ 9 (1600910)

 

 (สำหรับผมชอบ "พันธ์-นี" ครับ/ ) 

-*-*-*-*-*-*-*-

Wow !!!! พันธ์-นี

พันธุ์ผักบุ้ง...กร๊าก ๆๆ

อ.พัน มีมุข ฮากระจาย

โดนสุด ๆ น่ารักอ่ะ...

อ.พันธ์ + อ.ณี

เป้นผู้ใหญ่อีก 2 ท่านที่

ลูก ๆ หลาน ๆ บ้านสวนฯ

เคารพนับถือ..

ท่านน่ารักค่ะ

ทำ ๆๆๆ แล้วก็ ทำ

บุญ

ที่ยิ่งให้ที่ อ.พันธ์ + อ.นี

ได้ร่วมสร้างที่บ้านสวนฯ

ขออนุโมทนา ค่ะ สาธุ ๆๆ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

อย่า ! เหยียบขอบแปลง..

อิ อิ มีคำถามคร๊า ต้องเป็นผลเสียแน่ ๆ

หากเราเผลอเหยียบขอบแปลงแล้ว

ผลเสียที่ตามมา คืออะไรคะ ?

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-06 22:56:50


ความคิดเห็นที่ 10 (1600924)

อนุโมทนากับพี่ป้อมเจ้าของกระทู้ด้วยนะค๊าาาา

เป็นอีก 1 ช่องทาง

ที่อ.พันธ์จะได้เข้ามาสร้างธรรมทานบ่อยๆ

แถมมาให้ความรู้กับพวกเราอีกด้วย


 

อาจารย์พันธ์แค่พูดธรรมดา

ก็ฮาได้แล้วค่ะ ฮิฮิ


แถมยังสอนวิชาความรู้

เกี่ยวกับการปลูกผักให้พวกเราอีกมากมาย

มีคำถามอยากถาม

พี่แมวก็มาถามให้ล่ะ ฮ่าๆๆๆ

งั้นรอฟังคำตอบด้วยคนนะค๊าา

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-07 05:42:49


ความคิดเห็นที่ 11 (1600952)

 

อ.พันตุ๊กขอถามว่าการรดน้ำกล้วยไม้รถตอนไหนถึงจะดี.....  ถ้าเรานำน้ำคลองมารถเราต้องผักน้ำไว้ก่อนหรือเปล่าค่ะ  รวมถึงการใช้ปุ๋ยอะไรดี....  และควรใส่ช่วงไหนถึงจะดีที่สุด  ขอรบกวนแค่นี้ก่อนนะค่ะ  ขอบคุณน้องป้อมผู้ตั้งกระทู้   อ. พัน + อ.ณี  รอคำตอบอยู่นะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-07 11:53:39


ความคิดเห็นที่ 12 (1600966)

เป็นประโยคยอดฮิตไปแล้วค่ะพี่แมว

ได้ยินประโยคนี้ก็อมยิ้มทุ๊กที

นึกถึงความน่ารักของอาจารย์ทั้งสองท่านจริงๆ

*********************

ขออนุญาตตอบนะค่ะ เนื่องมาจากได้ลองมาทำเองที่สวนผักที่บ้าน

การมีขอบแปลง เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำที่เรารดลงไปไหลออกจากแปลงผักค่ะ

ทำให้สามารถเก็บความชุ่มชื้นไว้ในแปลง ให้พืชได้ดูดน้ำไปเลี้ยงตัวเองค่ะ

ถ้าแปลงไหนที่ทำขอบแปลงไม่ดี หรือไม่มีขอบแปลง น้ำก็จะไหลบ่าออกจากแปลงหมดค่ะ 

รดน้ำไปก็เสียเปล่า ดินไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้เลยค่ะพี่แมว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-07 12:55:04


ความคิดเห็นที่ 13 (1601015)

อ.พัน ค่ะ  ดอกหอมที่ต้นเขียวๆ กลมๆ

ตัดเอามาผัดทาน ใช้หัวหอมแบบไหน

ปลูกค่ะ  หมวยเริ่มทำสวนผักแล้วค่ะ

ตอนนี้ผักบุ้งทานหลายมื้อแล้ว กระ

เพราเยอะมาก พริกขี้หนูมีทานตลอด

มีความสุขมากค่ะ  ขอบพระคุณล่วง

หน้าค่ะ  อ.พันและน้องป้อม

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-07 21:53:22


ความคิดเห็นที่ 14 (1601282)

ขอบคุณค่ะน้องน้องป้อมที่ตั้งกระทู้

ทำให้ได้เจอ อ.พัน อ.ณี บ่อย ๆ

ค่อยคลายคิดถึงกันบ้างค่ะ

พ่อใหญ่มาทีไร ป้าสรขำกลิ้งทุ๊กรอบ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-09 01:32:10


ความคิดเห็นที่ 15 (1601300)

           ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณไอ้ซ์ที่ยังจำได้/ 

ขอบแปลงช่วยกันน้ำไม่ให้ไหลออกได้

ดังนั้นจึงไม่ควรเหยียบขอบแปรง ครับ! 

        การรดน้ำควรรดเวลา 11โมง ถูกต้องครับ!

คุณธนา /

คุณหมวย  ดอกหอมที่เราเห็นกันขายอยู่ตลาดจะเป็น

                หอมแดงครับ/ 

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmaiL-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-09 09:37:16


ความคิดเห็นที่ 16 (1601373)

อ.  พันค่ะ  การรดน้ำต้นไม้ หรือกล้วยไม้ และ....ฯลฯ ต้องรด  11  โมงทั้งหมดใช่ไหม่ค่ะ? มีต้นอะไรบ้าง?

ที่รด  11   โมงล่ะค่ะ อ.พัน  ซ่อยตอบแหน่......รออ่านอยู่ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-09 13:43:14


ความคิดเห็นที่ 17 (1601399)

 ขอเรียนถามอาจารย์พัน ครับ

1.ถ้าเกิด สมมุติเกิดภัยพิบัติ แล้ว เราไม่สามารถ ที่จะหา ปุ๋ยขี้ไ้ก่ได้ ทำไงครับ

2.เราจะเริ่มการเตรียมดิน ยังไงครับเพราะ ตอนที่พวกเราเตรียมดิน จะต้องใช้ปุ๋ยขี้ไก่ คลุกกับดิน

3.สามารถใช้ ปุ๋ยที่เราแช่ใบไม้ ได้ไหมครับ/ถ้าได้ใช้อัตราส่วนเท่าไหร่ ครับ

4.การใช้หญ้า มาทำเป็นปุ๋ย ใช้วิธีเดียวกับการใช้ใบไม้หรือไม่ /อย่างไร

ขอรบกวนแค่นี้ ก่อนครับ ไว้จะหาคำถาม มาอีกนะครับ เพราะเป็น คนขี้สงสัย(มาก)

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-09 18:43:36


ความคิดเห็นที่ 18 (1601414)

ขอบพระคุณ อ.พันธ์ อ.นีค่ะ

ได้ความรู้เยอะมากขออนุโมทนาบุญในการเสียสละ

ของอาจารย์ทั้งสองค่ะ

คิดถึงหนูรินทร์ด้วยนะคะ

..........................................................

น้องไอซ์น่ารักจังช่วยแบ่งเบาภาระ อ.พันธ์

อะไรตอบได้ก็ช่วยท่านไปในตัว

เก่งจริง ๆๆๆๆๆ ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-09 20:56:10


ความคิดเห็นที่ 19 (1601703)

อ.  พันเคยแนะว่าเวลาเราปลูกมะนาวเราไม่ควรพรวน  ดิน  เราควรเอาหญ้าแห้งมาวางรอบๆโคมต้นมะนาว  ( หรือตระกูลมะทั้งหมดใช่ไหม? อ.  พัน   )   ใครก็ได้รู้แล้วช่วยกันเขียนเป็นธรรมทานกันค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 11:45:36


ความคิดเห็นที่ 20 (1602683)

 อ่านกระทู้นี้ดีจังได้รู้การทำสวนครัวโมทนาสาธุทั้งผู้เปิดกระทู้และอ.พันธุ์ผู้ให้ความรู้

ผู้แสดงความคิดเห็น กรชนต ธรรมะขันธ์คำ (duang-123-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-18 09:24:13


ความคิดเห็นที่ 21 (1603899)

 ก่อนอื่นต้องขอบคุณพีี่ป้อม ที่มาตั้งกระทู้นี้ด้วยนะคะ

แหม...เพื่อนเอิ้น ถามตัดหน้าเราเลยนะ

เราก็อยากรู้เหมือนกันว่า 

3.สามารถใช้ ปุ๋ยที่เราแช่ใบไม้ ได้ไหมครับ/ถ้าได้ใช้อัตราส่วนเท่าไหร่ ครับ

4.การใช้หญ้า มาทำเป็นปุ๋ย ใช้วิธีเดียวกับการใช้ใบไม้หรือไม่ /อย่างไร

 แล้ววิธีการหมักปุ๋ย ระหว่างใบไม้แห้ง และใบไม้สด อัตราส่วนการหมัีกเท่ากันรึป่าวค่ะ  หมักด้วยอะไรบ้าง ใช้เวลา่ีกี่วันค่ะอ.พันธ์ ขาาาา 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา (pooyingnaya-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-27 16:57:10


ความคิดเห็นที่ 22 (1604000)

บุญบวงสรวง 9 วัน 9 คืน  ขออนุโมทนาบุญ

กับ อ.พันธ์ อ.นี  ป้อนผัก เข้าครัวตลอดเวลาจนแม่ครัว

สนุกกับการคิดเมนูเพราะวัตถุดิบเหลือกินเหลือใช้

สด ใหม่ หวาน กรอบ ปลอดสารพิษ

โดยเฉพาะ น้องต้น(โฆษิต) เป็นผู้ช่วย อ.พันธ์

แบบถึงไหนถึงกัน

และมีโอกาสได้เห็นดวงธรรม สีชมพูสดเข้ม ชัดเจนมากค่ะ

3-4 องค์  กลางแปลงถั่วเหลือง 

ขณะที่ อ.พันธ์ถ่ายภาพแสงแดดจ้ามาก    สาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-28 12:12:25


ความคิดเห็นที่ 23 (1605401)
image

ครับผม ถือโอกาสลงภาพให้ลูกบ้านสวนได้เห็นกันเลยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 15:02:44


ความคิดเห็นที่ 24 (1605402)
image

ขอเพิ่มอีกรูปหนึ่งนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 15:11:26


ความคิดเห็นที่ 25 (1605403)
image

รูปที่ถ่ายจากกล้อง อ.พันธ์ น่าจะเป็นรูปของ UFO

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 15:15:08


ความคิดเห็นที่ 26 (1605405)
image

รูปพระอาทิตย์ตกที่บ้านสวน

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 15:26:59


ความคิดเห็นที่ 27 (1605406)
image

รูปพระอาทิตย์ทรงกลด  ถ่ายวันที่ 6เมย.55  เวลา  ประมาณ11.35น.

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 15:30:33


ความคิดเห็นที่ 28 (1605409)
image

รูปที่ถ่ายตอนกลางคืนวันบวงสรวงวันสุดท้ายค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 16:07:35


ความคิดเห็นที่ 29 (1605432)

ขออนุโมทนากับอ.พันธ์ อ.ณี ด้วยคะ

ภาพถ่ายสวยงามมาก ทุก ๆ ภาพเลยคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 21:08:19


ความคิดเห็นที่ 30 (1605441)

ขอบพระคุณ อ.พันธ์ ค่ะ

ได้เห็นรูปบ้านสวน  ก็ดี

ใจ ชื่นใจแล้วค่ะ

      อนุโมทนาค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 22:46:49


ความคิดเห็นที่ 31 (1605455)

อนุโมทนากับทุกๆภาพ

จากอ.พันธ์ และ อ.ณี ด้วยนะคะ

ทุกๆภาพดูสวยงามและมหัศจรรย์มากๆค่ะ

 

โดยเฉพาะรูปใน คห.ที่ 23 ข้างๆดวงธรรม

ตรงกลางตรงต้นไม้น่ะ ดูเหมือน

พระสวมจีวรเลยนะคะ หรือว่าชนิดา

คิดไปเองหรือเปล่า ไม่รู้ท่านอื่นๆว่าไงบ้างหนอ

 

 

แล้วก็อนุโมทนากับสิงห์้ป้อม จขกท

รวมทั้งเจ้าของคำถามและคำตอบ

ที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกๆท่านด้วยค่ะ

สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-07 05:08:17


ความคิดเห็นที่ 32 (1605511)

 อนุโมทนารูปจาก อ.พันธ์ด้วยค่ะ

แต่ละรูปล้วนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ติดมาในรูปทุกๆรูปเลย

ยิ่งรูปพระอาทิตย์ตกดิน

มีพระอาทิตย์ตั้ง 2 ดวง

เวลาที่เหลืออยู่คงน้อยมากๆ

กราบขอบพระคุณอ.แม่ด้วยค่ะ

ที่เคยมาเตือนพวกเราก่อนหน้านี้มานานแล้ว

ให้ลูกหลานได้มีโอกาสเตรียมตัว

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-07 19:29:51


ความคิดเห็นที่ 33 (1605628)

โดยเฉพาะรูปใน คห.ที่ 23 ข้างๆดวงธรรม

ตรงกลางตรงต้นไม้น่ะ ดูเหมือน

พระสวมจีวรเลยนะคะ หรือว่าชนิดา

คิดไปเองหรือเปล่า ไม่รู้ท่านอื่นๆว่าไงบ้างหนอ  

*****************

พี่ชนิดาคะ น้องวิเพิ่งสังเกตแบบละเอียดนะคะ

เห็นเป็นรูปสมเด็จย่า(ด้านซ้ายมือ) รูปในหลวง(ด้านขวามือ)

ทั้งสองพระองค์ มองลงมายังพื้นที่แปลงเกษตร

แต่ด้านขวาสุด

เหมือนอาจารย์แม่ใส่หมวก  ใส่เสื้อสีขาว แขนยาว+ผ้าพันคอด้วย

สาธุ สาธุ สาธุ

---------

ขอบคุณอาจารย์พัน/อ.นี

ที่นำภาพสวยๆมาให้พวกเราได้ชื่มชม

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-09 06:12:38


ความคิดเห็นที่ 34 (1605632)

คุณวิ สังเกตุเก่งจังเลย

ชนิดาลองมาเพ่งอีกที

ข้างในรูปดวงธรรมสีชมพู

เริ่มจะเห็นภาพลางๆ แต่เห็นหน้า

ไม่ชัดนะคะ เป็นหญิงใส่เสื้อขาว

แขนยาวจริงๆด้วยอ่ะ แต่ดูจาก

รูปร่างแล้ว ก็น่าจะเป็น ท่านอ.อุบลนะคะ

 

 

แต่ภาพในหลวง และ สมเด็จย่า

ชนิดาไม่เห็นนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-09 06:38:50


ความคิดเห็นที่ 35 (1605642)

อาจารย์พันครับ เห็นว่าอาจารย์ถ่ายรูปติดภาพลึกลับ น่าขนพอง สยองเกล้าใช่มะครับ

อยากชมแล้วสิ..ว่าเป็นภาพอะไรก๊าบบ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-09 10:27:49


ความคิดเห็นที่ 36 (1605672)

โมทนาบุญกับน้องป้อม   อ. พัน พี่ณี  พยาบาล คนสวย  วันที่ 7  เม ย. ตอนเย็นหลังได้เดินมาว่าจะไปห้องน้ำทั้งที่ปวดฉี่และแล้ว.....ก็ไม่ได้ไปฉี่เลยกับเดินไปตามเสียงเรียกของพี่น้องพวกบ้านสวนใจง่ายจังเรา....แล้วได้ครูเหมียวคนดีๆดีแนะกันต่อไปว่า.......การถากวัชพืชที่ต้นถั่วเหลืองมีดังนี้ค่......ถากตรงกลาง    ด้านข้าง   แล้วถากข้างบน....      ว่าอย่างไร ?    ครูเหมี่ยวถูก ต้องหรือเปล่า?  ถ้าถูกต้องขอเสียงแน่พี่ครับ?  ว่าแล้วก็ลงมือทำ?   ผลครั้งแรกไม่สำเร็จแล้วก็ทำต่อไปจนสำเร็จ......ไช โย    กว่าจะได้เดินไปอาบน้ำเจออ. พันไม่ให้กลับถ้าไม่เสร็จ

ว่าแล้วครูเหมี่ยวก็ฟ้อง  อ.  อุบล    ว่าใช้แรงงานพม่าเกินเวลา.....ผล....อ.  พันมีเหตุผลคือต้องรีบทๆให้เสร็จเช้าจะได้ปลูกมันสามนาที.....เพื่อให้พี่น้องลูกบ้านสวนทุกท่านได้กินกันโถอ. พันทำเพื่อพี่น้องบ้านสวนจริง  เราไม่น่าหลงยุครูเหมียวให้ฟ้อง อ. อุบลเลย......ว่าแล้วก็คุยกันเล่นแก้เหนื่อยพอหอมปากหอมคอ  ขอโทษนะค่ะ......ที่พูดเรื่องจริงที่รับได้....และพิสูจน์ได้?

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-09 15:02:16


ความคิดเห็นที่ 37 (1605864)

น้องนิดาและน้องวิ พี่ดูตามที่น้องบอกก็ใช่ค่ะ

และพระที่เห็นท่านสวมแว่นตาดำด้วย

ลูกบ้านสวนฯพอจะเดาออกค่ะ ส่วนสมเด็จย่า

เห็นท่านทรงชุด ตชด.แขนยาวสวมหมวก

ท่านอาจารย์อุบลก็เห็นตามที่น้องวิบอกค่ะ

องค์ในหลวงมองได้ชัดเจน

และเห็นชาวบ้านผู้ชายอยู่ซ้ายมือหลวงพ่อค่ะ 2 คน

นั่งกอดเข่า

,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

ขออนุโมทนาบุญกับคู่ขวัญอ.เกษตรของเรา

อ.พันธ์+อ.นี ทั้งสวย-หล่อ ใจดีค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-10 23:20:41


ความคิดเห็นที่ 38 (1605876)

คุณตุ๊ก ที่รัก

การถากวัชพืชที่ต้นถั่วเหลืองมีดังนี้ค่......ถากตรงกลาง   

ด้านข้างแล้วถากข้างบน....      ว่าอย่างไร ?   

ครูเหมี่ยวถูก ต้องหรือเปล่า

ถ้าถูกต้องขอเสียงแน่พี่ครับ?

การสอนให้ถากหญ้าถั่วเหลือง ที่เหมี่ยวบอกนั้น เป็นหลักการปฏิบัติ เมื่อลงมือทำจริงนั้น เป็นความสามารถของแต่ละคน ถ้าเข้าใจวิธีทำแล้วก็จะบอกว่าง่าย แต่ถ้าไม่เข้าใจ หรือมีจิตต่อต้านไม่ยอมรับก็จะบอกว่ายาก และการทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง    หากว่าเราตั้งใจทำหรือฝึกจนเกิดทักษะและชำนาญ   ก็จะบอกได้ว่า ง่าย หรือยากอย่างไร

คุณตุ๊ก ต้องการสื่อความหมายอะไร ทั้งๆ ที่คุณตุ๊ก ลงมือทำไม่น่าถึง 5 หลุม (พูดมากกว่าทำ)  คุณตุ๊ก ก็เริ่มไม่เห็นด้วยแล้ว คุณตุ๊ก จะต้องถากหญ้า ให้มากกว่านี้ก่อนนะคะ แล้วค่อยซาวเสียงจากพี่น้องเราแล้ว ว่าเหมี่ยวสอนทำถูกต้องหรือไม่

 

ครูเหมี่ยวก็ฟ้อง  อ.  อุบล    ว่าใช้แรงงานพม่าเกินเวลา.....ผล....อ.  พันมีเหตุผลคือต้องรีบทๆให้เสร็จเช้าจะได้ปลูกมันสามนาที.....เพื่อให้พี่น้องลูกบ้านสวนทุกท่านได้กินกันโถอ. พันทำเพื่อพี่น้องบ้านสวนจริง  เราไม่น่าหลงยุครูเหมียวให้ฟ้อง อ. อุบลเลย......ว่าแล้วก็คุยกันเล่นแก้เหนื่อยพอหอมปากหอมคอ  ขอโทษนะค่ะ......ที่พูดเรื่องจริงที่รับได้....และพิสูจน์ได้?

คุณตุ๊ก กำลังกล่าวหาเหมี่ยว เต็ม ๆเลยนะคะ ว่าเหมี่ยวเป็นคนขี้ฟ้อง คุณตุ๊กได้ฟังอะไรจากเหมี่ยวมา ถึงได้จับใจความว่า เหมี่ยวยุ คะ

เหมี่ยวจำได้ว่า เหมี่ยวไม่ใช่เป็นคนที่พูดว่าใช้แรงงานพม่าเกินเวลา”  คุณตุ๊กเองไม่ใช่หรือที่พูด  พูดเองแท้ ๆ ยังบอกว่าเหมี่ยวพูด อย่างนี้เขาเรียกว่า “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น”  คุณตุ๊ก กำลังยุยงให้พี่น้องบ้านสวนฯ แตกแยกกันนะ ไม่สร้างสรรค์เลย  ค่ะ

 

ขอโทษนะค่ะ......ที่พูดเรื่องจริงที่รับได้....และพิสูจน์ได้?

คุณตุ๊ก มีความจริงเรื่องอะไรอีก ความจริงข้อไหน จะให้พิสูจน์อะไร  เกี่ยวกับเหมี่ยวบอกมาได้เลย และพูดมาเลยให้ชัดเจน ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เหมี่ยวต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเอง หรือได้กระทำผิดต่อบ้านสวนพีระมิด ทั้งทางตรงทางอ้อม เหมี่ยวพร้อมจะพิจารณาตนเอง เหมี่ยวเต็มใจและยินดีจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กชายอมร (อมร ศิริมาศกูล) (amorn_possible-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-11 02:15:37


ความคิดเห็นที่ 39 (1605889)

 คุณวิ สังเกตุเก่งจังเลย

ชนิดาลองมาเพ่งอีกที

ข้างในรูปดวงธรรมสีชมพู

-------

ขอบคุณค่ะ แต่ว่า

จริงๆแล้ว ถ้าพี่ชนิดาไม่ได้เข้ามาเม้นตรงนี้

น้องวิก็ดูแล้วผ่านไปเหมือนกัน

-----------

พี่เกสรสุดยอดเลยค่ะ เก็บรายละเอียดได้ครบ

ว่าแต่ การที่เราจะมองเห็นเป็นภาพโน้นภาพนี้

เราต้องเคยเห็นภาพนั้นๆมาก่อน และเก็บไว้ในความทรงจำ

เมื่อเรามาเห็นภาพคล้ายๆกัน ทำให้เราจินตนาการได้ว่า

เป็นภาพอะไร

------------

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-11 07:48:56


ความคิดเห็นที่ 40 (1605898)

ตรงๆเลยนะครับ อ่านข้อความของพี่บุญภิบาลแล้วปวดหัว เพราะไม่แน่ใจว่าคุณพี่อยากจะเขียนอะไร ดูเหมือนว่าเวลาเขียนธรรมทานพี่ไม่ได้เช็คเลยว่าตัวเองเขียนอะไร อ่านรู้เรื่องหรือเปล่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาที่พาดพิงถึงบุคคลอื่นก็ยิ่งต้องเขียนให้ชัดเจน อ่านรู้เรื่องมากกว่านี้ คล้ายๆกับคนไม่มีสมาธิในการเขียนธรรมทานเลย ขอโทษนะครับที่เขียนตรงๆไม่รู้ว่าคนอื่นอ่านแล้วปวดหมองเหมือนผมเปล่า

มาถึงเรื่องการทำเกษตร ในความคิดของผมแล้ว อาจารย์พันปกติจะสอนทุกคนเกี่ยวกับการหว่าน การขุดดิน รวมทั้งการถอนหญ้าและอื่นๆ ซึ่งใครๆก็คิดว่าง่ายๆ ถอนๆไปเถอะ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย และเมื่อได้เรียนแล้ว มีคนใหม่เข้ามาพี่น้องเราก็จะช่วยกันสอนต่อแก่คนใหม่ๆ

หากพี่บุญภิบาลไม่มั่นใจ ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ถามอาจารย์พันหรือพี่เหมี่ยวให้ชัดเจนตั้งแต่อยู่บ้านสวนฯเลยละครับ มาถามในนี้ซึ่งความหมายเหมือนมีนัยยะลักษณะว่า พี่เหมี่ยวไม่น่าเชื่อถือ หรือสอนผิด เป็นการทำลายคนอื่นซึ่งไม่น่ากระทำเลย

แต่มาได้ข้อมูลด้านบนจากพี่เหมี่ยวว่าพี่เองได้ลองทำไม่ถึง5หลุมเลย ก็พอทราบได้ทันทีว่า พี่ลองทำแบบลูบๆคลำๆเท่านั้น อย่างนี้น่าจะกล่าวโทษตัวเองมากกว่านะครับ โถ ผมอ่านแล้วนึกว่าพี่ได้ทำจนเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ยังสงสัยเรื่องการถากวัชพืชอยู่ ที่ไหนได้ล่ะ...

และเรื่องที่บอกว่าพี่เหมี่ยวยุให้ไปฟ้องท่านอาจารย์อุบลนั้น เท่าที่อ่านข้อมูลของพี่บุญภิบาล ตรงๆเลยนะครับ ดูเหมือนว่าพี่คิดหรือไม่พอใจอะไรบางอย่างในตัวพี่เหมี่ยว ตั้งแต่เรื่องการถากวัชพืชแล้ว มาเรื่องนี้อีก พี่ต้องการบอกอะไรแก่คนอ่านเหรอครับ

เหมือนกับการระบายความอัดอั้นตันใจ ต้องการตำหนิคนอื่น หรือมีอะไรบางอย่างในใจที่ใช้ธรรมทานบังหน้ายังไงยังง้าน ไม่รู้นะครับ ผมก็วิเคราะห์ตามสิ่งที่ได้อ่านแบบตรงไปตรงมา...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-11 09:23:11


ความคิดเห็นที่ 41 (1605970)

ขอบคุณอ. พันธ์ และแม่นีนะคะ

ที่นำรูปมาให้ดูเป็นบุญตา

เห็นแล้วยิ้มทุกทีเลย ชื่นใจจัง..อิอิอิ

เมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ก้อยได้มีโอกาสไปช่วย อ. พันธ์ ถางหญ้า

และตัดผักต่าง ๆ ที่โตพร้อมให้พวกเราได้ทานกัน

สำหรับก้อย... งานแค่นี้ไม่ง่ายเลยค่ะ

ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ทั้งเมื่อย ทั้งร้อน

แต่ อ. พันธ์ซิค่ะ ทั้งเดินไป เดินมา

คอยสอน คนนั้น คนนี้ ใส่ใจทุกต้น ทุกรายละเีอียด 

ไม่มีที่ท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย ยิ่งมีคนมาเรียนรู้เยอะเท่าไหร่

ดูท่าทาง อ. พันธ์ ยิ่งมีความสุขมาก

สมกับเป็นนักเกษตรธรรมะจริง ๆ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ก้อย วินิตา สุทธิวรา (pooyingnaya-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-11 17:14:28


ความคิดเห็นที่ 42 (1605972)

คุณเหมี่ยวพี่ตุ๊กขอโทษๆจริงความหมายของพี่คือ..ช่วยแบ่งเบา อ.  พันก็เท่านั้นเอง   พี่ท่องและทำจนจำได้จ้า  พี่ก็เขียนตามพี่เข้าใจเท่านั้น   พี่พูดมากไปพี่ก็ขอโทษพี่จะได้สำรวมให้มากกว่านี้ขอบคุณที่น้องเหมี่ยวและคุณธนาที่ได้เตือน    ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-11 17:23:16


ความคิดเห็นที่ 43 (1605999)

อ่านที่คุณธนายกประเด็นขึ้นมา

แล้วกลับไปอ่านข้อความคุณบุญภิบาล

ก็รู้สึก งง เช่นกันคะ

ไม่ค่อยแน่ใจว่าต้องการสื่อสารอะไร

จะหยอก หรือ จะว่า หรือยังไง ไม่ค่อยรู้เรื่อง

 

แต่ถ้าจะเขียนพาดพิงถึงใคร

ก็ควรเขียนอะไรที่เป็นความจริง

และไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหายนะคะ

 

 

เท่าที่อ่านข้อความคุณบุญภิบาลรู้สึกว่า

คุณกำลังไม่พอใจอะไรในตัวพี่เหมี่ยวอยู่หรือป่าวคะ

แต่ความรู้สึกส่วนตัวของหนู

หนูว่าพี่เหมี่ยวคือคนที่ทำเกษตร ช่วยอ.พันค่อนข้างมาก

และเป็นคนที่ทุ่มเทให้งานทุกอย่าง

อย่างเต็มที่ และด้วยความเต็มใจจริง ๆ

 

(ยังจำได้ ที่อ.อุบลเคยบอกว่า  ยายเหมี่ยว

ได้ความรู้เกษตรจากอ.พัน มากกว่าใคร ๆ )

ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พี่เค้าใส่ใจลงไปในงานนั้นแค่ไหน

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-11 20:09:15


ความคิดเห็นที่ 44 (1606001)

แต่ถ้าจะเขียนพาดพิงถึงใคร

ก็ควรเขียนอะไรที่เป็นความจริง

และไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหายนะคะ

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

เห็นด้วย กับนู๋แหวนจ๊ะ

และในกรณีนี้ ที่เกิดขึ้นกับ พี่เหมี่ยว

ทำให้เห็นว่า พี่ตุ๊กเป็นคนประเภท...

ลำโพงแตก...คิด พูด เขียน เรื่อยเปื่อย

จับประเด็นไม่ได้..ว่า จริง หรือ เท็จ

เพราะโดยปกติแล้ว พี่เหมี่ยว จะไม่เคยเข้ามาเขียน

แสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะถูกแซวขนาดไหน

นี่แสดงว่า เจ๊เหมี่ยว สุดทน...

กับพี่ตุ๊ก ที่ขาดสติในการ คิด พูด เขียน ทำ...จิง ๆ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-11 20:22:28


ความคิดเห็นที่ 45 (1606073)

  ตรงๆเลยนะครับ อ่านข้อความของพี่บุญภิบาลแล้วปวดหัว เพราะไม่แน่ใจว่าคุณพี่อยากจะเขียนอะไร ดูเหมือนว่าเวลาเขียนธรรมทานพี่ไม่ได้เช็คเลยว่าตัวเองเขียนอะไร อ่านรู้เรื่องหรือเปล่า

ขอกดไลค์ทีเถอะค่ะพี่ธนา

เพราะรู้สึกได้มาสักพักใหญ่ๆแล้วอ่าค่ะ

ว่าสมองเรามันปั่นป่วน

หรือพี่ตุ๊ก เค้าเขียนไม่รู้เรื่องกันแน่นะ

เพราะอ่านเม้นพี่ตุ๊กทีไร

สมองต้องทำงานมากกว่าปกติทุกที

555+

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-12 04:20:53


ความคิดเห็นที่ 46 (1606186)

คุณตุ๊กจ๊ะ

คนดีชอบแก้ไขคน jun-rai ชอบแก้ตัว

(คำนี้เตือนพี่สรเองค่ะ)

คุณตุ๊กหายใจลึก ๆ นั่งคิดทบทวนดูว่าเราเข้าไปบ้าน

ท่านพ่อแม่อาจารย์ กิน นอน ใช้ห้องน้ำ

ทิ้งปัญหามากมาย แล้วสะบัด...กลับบ้าน ล้วนแต่

สร้างปัญหาให้กับบ้านสวนฯ

น้อง ๆ ทุกคนเขาไม่มีเวลาแต่เขาต้องเสียเวลา

กับคุณตุ๊กเพราะเขามี พรหมวิหาร 4

โดยเฉพาะพ่อใหญ่ธนาสายตัวแทบขาด

น้องแมว น้องเหมี่ยวและอีกหลาย ๆ คนสละ

ประโยชน์ตนเพื่อพี่น้องบ้านสวนฯ

ไม่ต้องมาศรัทธาท่านอาจารย์เพราะท่านไม่ได้

ขอร้องใครให้มารักท่าน ใจเราเคารพท่าน

ไม่ต้องประกาศ ทำตนให้ไม่มีปัญหานั่นคือ

ศรัทธาท่านอาจารย์ 

แต่คุณตุ๊กรักตนเองให้มากดีกว่าเพราะ

 หายใจเข้าได้ แต่หายใจออกไม่ได้น่ะซิ อืม!

น่าคิดจ้ะ พองยุบซะก่อน

แล้วพิจารณาดูว่าคำพูดของน้อง ๆให้

อะไรคุณตุ๊กบ้างค่ะ ถ้าเราไม่เตือนกัน

แสดงว่าเราขาดความเมตตากันค่ะ

กรรมใครกรรมมันง่ายออก

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-12 21:10:37


ความคิดเห็นที่ 47 (1606843)

ผมได้ไปร่วมงานสร้างบุญที่บ้านสวนฯมา

เมื่อวันที่ 15-16 เม.ย. 55 ที่ผ่านมาครับ

ขออาราธนาพระบารมีแห่ง

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านำบุญทั้งหมด

ที่ผมได้รับทั้งปัจจัย แรงกาย สิ่งของ

มาฝากลูกหลานบ้านสวนทุกท่านครับ

และขออนุญาตแจ้งความคืบหน้า

ของการเกษตรอินทรีย์ให้ทราบกัน

ดังนี้ครับ

ตอนนี้อาจารย์พันธ์กำลังปลูกผักรุ่นใหม่

แทนรุ่นเก่าที่หมดอายุไปแล้ว

เพื่อเป็นเสบียงสำหรับค่าย 12 ที่จะมีขึ้น

ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย. 55 นี้ครับ

เช่น แตง ผักคะน้า ถั่วเหลือง ถั่วเขียว

หอมแดง ผักกาด และมะละกอครับ

และได้เตรียมแปลงสำหรับปลูก

มัน 5 นาที ซึ่งท่านอาจารย์อุบล

ได้ไฟเขียวให้อาจารย์พันธ์ปลูกได้เต็มที่

เพื่อเป็นเสบียงในอนาคต

โดยเฉพาะในยามที่เกิดภัยพิบัติครับ

นอกจากนี้ยังได้เปลี่ยนตาข่ายกันไก่

เข้ามาคุ้ยเขี่ยทำลายแปลงผัก

จากเดิมที่เป็นซาแลนสีดำ

ที่กันทั้งไก่กันทั้งลม

ทำให้แปลงผักไม่ค่อยมีลม ร้อนอบอ้าว

มาเป็นตาข่ายโปร่ง สีขาว ลมผ่านสะดวก

ซึ่งพี่น้องบ้านสวนได้ช่วยกันเปลี่ยน

เมื่อ 13-14 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา

ซึ่งขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

งานแปลงผัก

เป็นงานที่ไม่ต้องลงแรงมาก

แต่ต้องมีความอดทนต่อแดด

ต้องพิถีพิถัน ต้องทันเวลา

เพราะผักเป็นสิ่งมีชีวิต

ต้องรีบทำ ไม่สามารถเลื่อน

หรือผลัดไปทำในเวลาอื่นๆ ได้

เช่น การดายหญ้า

และยกร่องแปลงถั่วเหลือง

ที่พี่เหมี่ยวนำทีมปลูกเพิ่ม

เมื่ออาทิตย์ที่ 8 เม.ย. 55ที่ผ่านมา

ท่ามกลางสายฝนอันเย็นฉ่ำ

(ซึ่งไม่รู้ว่าพี่เหมียวแกแอบปล่อยอะไร

ไปพร้อมกับสายฝนหรือเปล่า 5555)

ซึ่งหากปล่อยไว้ หญ้าจะยิ่งโตมาก

ทำให้ถั่วเหลืองไม่เติบโตเท่าที่ควร

ต้องดายหญ้ากันอาทิตย์ต่ออาทิตย์

จนกว่าถั่วเหลืองจะโตและคลุมดิน

ซึ่งจะคุลมหญ้าไปด้วยในตัว

กล่าวได้ว่า แปลงผักของบ้านสวนฯ

เป็นแปลงผักสาธิต

อันดับ 1 ของประเทศ

เพราะให้ผลผลิตที่สูงมาก

ทั้งที่ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมี

หรือใช้ยาฆ่าแมลง

ใช้เพียงปุ๋ยที่ได้จากการ

หมักใบไม้ ผักผลไม้ที่เหลือใช้

ของบ้านสวนฯเท่านั้น

เป็นแปลงผักที่ประหยัด

เพราะไม่ได้ใช้วัสดุอุปกรณ์

ที่ทันสมัยใด ๆ

และยังเป็นแปลงผักสาธิต

ให้แขกที่มาเยี่ยมบ้านสวนฯ

ได้ชมเป็นตัวอย่าง

และเผยแพร่ความรู้นี้

ไปทั่วประเทศและทั่วโลก

และที่จะลืมไม่ได้ คือ

ผักต่าง ๆ ที่ปลูกขึ้นนี้

ได้นำมาทำเป็นอาหาร

เลี้ยงทุกคนที่มาทำบุญที่บ้านสวนฯ

อานิงสงส์จึงมีมากมาย

ซึ่งผมขออนุญาต

นำคำสอนของท่านอาจารย์

ที่ได้กล่าวไว้ในกระทู้

6-8 เม.ย.55 สร้างบุญใหญ่

อุทิศบุญ+ส่งวิญญาณให้

ผู้ถูกทำแท้ง+ถูกฆ่า ขึ้นสวรรค์

มาให้ทราบกันที่กระทู้นี้

อีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ครับ


 

  ยังพูดกับลุงบุญ

เมื่อกลางวันนี้ว่า

สงสัยว่า

ห้องน้ำบ้านสวน

จะสึกหมดละมั้งลุง

มีแต่คนแย่งกันล้างห้องน้ำ

 

ตั้งแต่รู้ว่าทำให้ผิวสวย

ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน

 

ตั้งแต่รู้ว่า

คนที่ทำให้ห้องน้ำสกปรก

จะมีแต่เรื่องเสียเงิน

ผิวพรรณไม่สวย

 

โอ้ย

มีคนล้าง

วันละหลายรอบ

 

นี่ถ้ายิ่งรู้นะว่า

การไปถอนหญ้าแปลงผัก

จะได้ อานิสงส์

หลายเด้งนะ

สงสัยว่า แปลงผัก อ.พัน

หญ้าจะขึ้นทันรึเปล่า

 

ทั้งทำให้ผิวสวย

ทั้งทำให้ ไม่อด ไม่อยาก

อุดมสมบูรณ์ ด้วยอาหาร การกิน

เพราะ

อานิสงส์ ผักปลูกเพื่อ

ให้คนหมู่มากกิน

การถอนหญ้า

จึง

เทียบเท่าสังฆทาน

(ทำให้รวย เงินทองคล่องตัวฯ)

 

และ

เทียบเท่าวิหารทาน

(มากกว่าสังฆทาน 100 เท่า)

เพราะคนที่มาใช้แรงกาย

สร้างวิหารทานในบ้านสวน

ได้รับประทาน

 

เทียบเท่า

ธรรมทาน เพราะ

คนที่มาให้ธรรมทาน

ได้รับประทาน

 

เทียบเท่า

พุทธานุสติกรรมฐาน

เพราะ

คนมาสร้างพระได้รับประทาน

 

และอานิสงส์อื่นๆ

จากการทำการเกษตร

ในบ้านสวนพีระมิด

 

เพราะ

จะเป็น สถานที่

ศึกษาดูงาน ด้านเกษตร

ให้คนทั่วโลก ต่อไป

(อ.พัน เจ๋งมาก ขอบอก ดูงานกันไว้นะ)

 

เอาหละ

บรรยายมาก

เดี๋ยวจะมาแย่งกันทำแต่เกษตร

 

เดี๋ยว บอกก่อนนะว่า

อย่า

เหยีบขอบแปลงเด็ดขาดนะ

เวลาถอนหญ้า

 

เดี๋ยว

ท่าน รมต.เกษตร

อ.พัน

แกเอ็ด แกเคืองเอา 555

 

ส่วนท่านที่

ตัดหญ้า หน้าบ้าน +ใน

บ้านสวนพีระมิด

 

 

เคยมีคนเป็นนิ้วล๊อก

มาถอนหญ้าแล้วหายสนิท

 

เป็นการ

ตกแต่งสถานที่ให้งดงาม

 

อันนี้

มีผล ต่อผิวพรรณ

หน้าตา เพราะเป็นหน้าบ้าน

มีผลต่อ อาชีพ การงาน

เพราะเป็นสถานให้ธรรมทาน

 

มีผลต่อ

โรคภัยไข้เจ็บ

เพราะเป็นที่สมาทานศีล

บำบัดทุกข์โศกโรคภัย

 

บอกอานิสงส์ไว้

เผื่อว่า

คนที่มาถึงบ้านสวนแล้ว

เอ ไม่พบ อ.อุบล

จะทำอะไรดี 

นี่คนมาใหม่จะได้รู้


ขออนุโมทนาบุญ

กับธรรมทานของทุกท่านครับ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 03:01:42


ความคิดเห็นที่ 48 (1606856)

เห็นด้วยค่ะว่าการปลูกผัก ดูแลผัก

ต้องการความพิถีพิถันเป็นพิเศษ

 

ฉะนั้น คนใจร้อน มือร้อน

ปลูกผักปลูกต้นไม้ไม่งามแน่ๆ

 

แต่จะว่าไป การไปฝึกแบบนี้

อกจากจะทำให้เรามีความรอบรู้

เรื่องผักๆแล้ว ยังจะฝึกให้เรา

เป็นคนใจเย็นยิ่งขึ้น

แถมอานิสงค์ก็มากมายมหาศาล อีกด้วย

 

กราบอนุโมทนากับธรรมทานจากท่านอ.อุบล

และ คุณโฆษิต ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 04:26:18


ความคิดเห็นที่ 49 (1606909)

สาธุ อนุโมทนาธรรมทานของทุกๆท่านนะคะ 

ขอบคุณและอนุโมทนากับอาจารย์พันธ์ที่สอนขวัญถางหญ้านะคะ 

สอนให้หลายคนหลายรอบ อาจารย์เมตตาสูงจริงๆ แล้วก็ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลค่ะที่เมตตาบอกอานิสงส์ถอนหญ้าอย่างละเอียด

ต่อไปแปลกผักคงสะอาดยิ่งกว่าเดิมและผักต้องงอกงามดีขึ้นแน่ๆ

คนถอนก็ยังได้ถอนวัชพืชในใจอีกด้วย

ทำให้รู้ทันกิเลสแล้วมีกำลังใจมากขึ้นที่จะยับยั้ง หักดิบ หยุดตามใจมัน

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ (krongkwanw-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 12:03:52


ความคิดเห็นที่ 50 (1607860)

เพิ่งมาเจอกระทู้นี้ ดีใจจัง

ขอบคุณคุณป้อมเจ้าของกระทู้ค่ะ

กำลังหาวิธีเพาะถั่วงอกไว้กินเอง

เพราะไม่ค่อยมั่นใจ สืนค้าในตลาด หรือแม้แต่ในซุปเปอร์

มันทั้งขาวทั้งอวบ น่ากินเกิน

อีกอย่างอายุก็ยืนยาวผิดปกติ

เลยคิดจะทำเอง แบบง่ายๆ

ไม่ต้องใชอุปกรณ์มากมาย

อาจารยืพัน - นี ตอนนี้ลองทำแล้วค่ะ

แล้วจะรายงานผลนะคะ

>>>>>>

พูดถึงงานการเกษตร

เห็นด้วยที่ต้องใช้กำลังใจสูงจริงๆ

ต้องใกล้ชิดอยู่กับเค้า

ต้องหมั่นสังเกตตลอดเวลา

ถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิตความเป็นอยู่ของผลิตผลของเรา

ไม่เช่นนั้นเค้าก็จะงอแง ไม่โต ไม่แข็งแรง ขาดภูมิคุ้มกัน

อ.พัน สุดยอดที่ใช้ธรรมชาตินำหน้าเทคโนโลยี

ผสมกลมกลืนกันได้อย่างลงตัว

พร้อมคู่เขยของอาจารย์ คุณโฆษิต+ คุณอดิศักดิ์

ทีเต็มที่กับงานอย่างไม่ยอมพัก ไม่ยอมหิวซะงั้น

จอมอึดจริงๆ

>>>>>>

วันก่อนได้ช่วยถางหญ้าที่แปลงถั่ว

พร้อมด้วยทีมบุรีรัมย์ที่ทำกันอยู่ก่อนแล้ว

ท่ามกลางแดดที่เปรี้ยงมากๆ

ยอมรับว่าต้องใช้ความพยายามและอดทนอย่างมากๆๆ

เราเองทำไปได้นิดเดียวจริงๆ FFF

อาจารย์คะ คราวหน้าขอแก้ตัวค่ะ

FFFFFFF

โมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ช่วยดูแลพืชผักเป็นอย่างดีทำให้มีผักพร้อมเสิร์ฟห้องครัวทุกๆวัน

และกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลเจ้าของบ้านที่ใจดีเป็นอย่างสูงค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ (pin_akaras-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 11:46:51


ความคิดเห็นที่ 51 (1607915)

ขออนุโมทนาสาธุ กับธรรมทานทุกท่าน

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร (di2211-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 19:04:58


ความคิดเห็นที่ 52 (1609004)

อาจารย์คะ

จากการทดลองเพาะถั่วงอกจากเมล็ดถั่วเขียว 2 ถุง

สังเกตว่า

วันแรกน้ำในถุงจะค่อนข้างใส

วันที่สองน้ำยังใสอยู่ หางถั่วเริ่มโผล่ออกมาสั้นๆบางๆ

พอวันที่ 3  ฟองเยอะมากกว่าวันก่อน น้ำเรื่มขุ่น

    ถุงแรกมีกลิ่นบูดเน่า หัวถั่วงอกนิ่มเหลว - ติดเชื้อแล้วว

    อีกถุงนึง ไม่มีกลิ่นเน่า หัวถั่วงอกแข็งกว่าแต่หางยังคงสั้นๆบางๆ

ทำให้สงสัยว่า ที่เราได้ถั่วงอกหางบางๆสั้นๆ ความยาวไม่เกิน1 ซม.คงเป็นเพราะเราใช้ ถั่วเขียวเมล็ดเล็กเก็บไว้ในขวดแก้วนานไม่น้อยกว่า8 เดือน มังคะ

คราวต่อไปลองกับถั่วดำ หรือ ถั่งเหลืองน่าจะดีกว่าไหมคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ (pin_akaras-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-03 11:58:37


ความคิดเห็นที่ 53 (1609069)

ถุงแรกมีกลิ่นบูดเน่า หัวถั่วงอกนิ่มเหลว - ติดเชื้อแล้วว

-*-*-*-*-*-*

ขออนุญาติ นะคะ คือว่า

การเพาะถั่วงอก วิธีนี้ คือ ต้องล้าง และ เปลี่ยนน้ำใหม่ทุกวันค่ะ

ปัญหาที่พี่ศรี พบ จะไม่เกิดค่ะ...

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-03 12:39:41


ความคิดเห็นที่ 54 (1609145)

อ.พัน

นี่เป็นสุดยอด

ของนักเกษตรธรรมะ

ต่อไป ภาคการเกษตรจะต้องนำ

ภาคอื่นๆ ทั้งสังคมไทย และ สังคมโลก

 

ขอให้ทุกคน

ไปตักตวงความรู้

จาก อ.พัน

ให้ละเอียด ทุกขั้นตอน

 

ต่อไป

ยังไง ท่าน ต้องได้ใช้

กับชีวิตท่านแน่นอน

 

ถ้าท่านคิดจะอยู่ต่อ

หลังภัยพิบัติ

 

หรือ

จนถึงยุคศิวิไลซ์

 

ยุคนั้น

ภาคการเกษตร

จะโดดเด่น ต้องหล่อเลี้ยง

สรรพชีวิต

ให้อยู่รอดต่อไป

 

คือ

ทุกคนที่จะรอด

ต้องทำเกษตรเป็น

 

เบื้องบน

จึงจะเลือกไว้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-03 20:54:19


ความคิดเห็นที่ 55 (1609560)

 

ธรรมะจากโรงทาน บ้านสวนพิรามิด วันที่ 6 พค.
            เพิ่งจะได้คุยกับท่านอาจารย์อุบล และ อาจารย์พัน อยู่หยก ๆ ว่า ทำไมหนอ จะมีคนมีความรู้อย่างถูกต้องว่า สารเคมีนั้นมันมีพิษมากกว่าที่คิด ร้ายแรงจนคร่าชีวิตคนไปมากต่อมาก ควรจะหันมาใช้ความรู้ทางเกษตรอินทรีย์ อย่างที่ อาจารย์พันธ์ได้เป็นต้นแบบให้เราอยู่ เราสามารถทำปุ๋ยได้โดยการหมักขยะ หรือใช้ปุ๋ยจาก biogas เป็นต้น ไม่เห็นต้องใช้สารเคมีอะไรเลย 
            จิ๋มเลยสงสัย หันไปถามอาจารย์อุบลว่า ก็มันร้ายแรงอย่างนี้ทำไมคนไม่รู้ กันเยอะ ๆ ล่ะคะ ทำไมถึงหาคนอย่าง อาจารย์พันธ์ยากจัง อาจารย์บอกว่า สารเคมี หมดไปจากโลกไม่ได้หรอก เพราะเขาถูกส่งมาด้วยกรรมที่คนเราทำกันอยู่ สารเคมีเขาทำหน้าที่ในการกำจัดคนที่มีบาป และถึงวาระที่จะต้องไปใช้กรรม เขาทำหน้าที่ที่จะรักษาสมดุลของโลก โดยการเอาชีวิตคนที่ไม่ดีออกไปเสียบ้าง พอวันรุ่งขึ้นจิ๋มก็ได้ข่าวสารเคมีรั่วที่มาบตาพุด คนตายไป 9 คน และบาดเจ็บอีก 120 คน จึงได้เห็นสัจจธรรมอย่างที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า คนชั่วก็ต้องใช้กรรมผจญกับสารพิษต่อไป ส่วนคนดีที่มีคุณธรรม เขาก็จะเริ่มเข้าใจกฏแห่งกรรม จะเริ่มเลิกใช้สารเคมี ในการฆ่าแมลง ในการปลูกพืช หันมาสู่ธรรมชาติกันมากขึ้น   จนในที่สุดเมื่อมาถึงยุคที่คนดีครองโลก สารเคมี เขาก็จะค่อย ๆ หายไป เพราะเขาทำหน้าที่ของเขาจบลงแล้ว อาจารย์พันธ์ท่านเล่าว่า ตอนท่านเรียนเกษตร ก็ใช้ยาฆ่าแมลง และสารเคมีมากมาย พอมาร่วมกับบ้านสวน ฯ ทราบแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ดี ก็มีปัญญา และพัฒนาเกษตรอินทรีย์ได้ในที่สุด สาธุกับความมานะพยายาม เพื่อลูกบ้านสวน ฯ และเพื่อประชาชนชาวไทยในอนาคต ผู้ตระหนักถึงความหายนะของสารเคมีเหล่านี้
 
ชัชวลี
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ (chatvalee-dot-k-at-pttplc-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-07 22:03:35


ความคิดเห็นที่ 56 (1609711)

เมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านนำทีมโดย ร.ม.ต.เกษตรธรรมะ

อ.นีย์ คุณเหมี่ยว คุณโฆษิต คุณสมจิต ดร.จุ๋ม จิ๋ม คุณศักดิ์

คุณกัญญานีย์ หมอแป้น คุณแก้ว คุณอัญ คุณเจี๊ยบและอีก

หลายท่านได้ช่วยกันถางหญ้าโดยใช้มีดเล็กเฉือนหญ้าที่ขึ้น

ปะปนอยู่ในแปลงผัก ตอนนี้แปลงผักสวยงาม โปร่งโล่งตาขึ้น

มาก อ.พันธ์ ให้ปลูกตำลึง ใบแมงลักและปลูกมัน 5 นาที เพิ่มด้วย

อีกไม่นานพวกเราจะได้กินมัน 5 นาทีกันแล้วนะ สำหรับหญ้าจำนวน

มากที่พวกเราช่วยกันถากถางนั้น เราได้ช่วยกันเก็บใส่ถุงไว้ได้

หลายสิบถุงปุ๋ย เพื่อนำมาหมักทำปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ต่อไปค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล (shindo_ploy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-08 18:23:44


ความคิดเห็นที่ 57 (1609719)

อีกไม่นาน

เราจะได้ทาน BBQ.

มัน 5 นาที

 

หนาวนี้

จะได้ทานไหมจ๊ะ

อ.พัน จ๋า

 

ปีที่แล้ว

ช่วงอากาศหนาว

ก็ทาน บาร์ บี คิว ข้าวโพด

มันต่อเผือก

หนุกหนาน พร้อมกับ

ดู

UFO. ไปด้วย

สนทนาธรรมกันไปด้วย

 

ปีนี้

มีมัน 5 นาที

 

เอ

แล้วมันแกว

ปิ้งได้ไหมจ๊ะ อ.พัน

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-08 19:03:13


ความคิดเห็นที่ 58 (1609836)

การเพาะถั่วงอก วิธีนี้ คือ ต้องล้าง และ เปลี่ยนน้ำใหม่ทุกวันค่ะ

พี่เปลี่ยนน้ำวันละ 3 รอบ มีอยู่วันนึงอากาศมันร้อนมากเอาซะ 4 รอบเลยยย

ว่าจะลองกับถั่วเขียวเม็ดใหญๆ และก็ถั่วดำด้วย

ยังไม่ได้ไปหามาเลยยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ (pin_akaras-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-09 10:01:54


ความคิดเห็นที่ 59 (1615102)

ธรรมทานจากฝ่ายเกษตรอินทรีย์ 9-10 มิย.55


จุ๋มมาถึงสายๆของวันที่ 9 (มาสายยังดีกว่าไม่มา) อ.พันธ์ หัวหน้าฝ่ายเกษตร ชวนมาดูเครื่อง EC สำหรับวัด Electic conductivity เพิ่งแกะจากกล่อง ราคาประมาณ 4000 บาท เครื่องนี้ อจ.พันธ์ใช้วัด ความอุดมสมบูรณ์ของปุ๋ยและดิน โดยจะมีหลุมใส่สารละลายที่ตัวเครื่อง กดปุ่มแช่ แล้วอ่าน

ค่าบนหน้าปัด scale สูงสุด คือ 10 หลักการทำงานคือ ใช้วัดประจุ อิออน ต่างๆของเกลือ เพราะอิออนเหล่านี้เท่านั้น ที่จะนำไฟฟ้าได้ พวกเราน่าจะได้ยิน ปุ๋ย N (Nitrogen), P (Phosphate), K (potassium) สารเหล่านี้น่าจะสามารถสร้างสารประกอบกับอิออนของเกลือต่างๆ เช่น O, Cl, SO4, NO3 สารเหล่านี้นั่นเองที่เป็นตัวนำไฟฟ้า ให้วัดได้โดย EC

การทดลองที่ 1 เราจึงลองวัดค่า EC ของน้ำ ดิน ปุ๋ย บริเวณต่างๆ  
น้ำกลั่นที่ อจ.เอาใส่ขวดมาจากบ้าน EC=0
น้ำฝนที่ขังที่ฝาถังปุ๋ย EC=0
น้ำปุ๋ยผักที่หมักไว้ในถัง EC=10
ปุ๋ยขี้ไก่ละลายน้ำได้ค่า EC=10 เช่นกัน
ดินที่แปลงผัก โดยใส่น้ำเปล่าที่มีค่า EC=0 ในฝาพาสติกให้ถึงขีด A แล้วใส่ผงดินเพิ่มไปให้ถึงขีด B เขย่าให้ละลายเข้ากัน แล้วนำน้ำไปหยอด
ผลของดินแปลงผักมีค่า=0 แสงว่าดินที่แปลงผักไม่มีค่า EC
เมื่อทดลองรดปุ๋ยหมักผักที่มี EC=10 แล้วเอาผิวดินมาละลานวัด จะได้ค่าเพิ่มประมาณ 0.2
อจ.จึงให้นำหญ้าเน่าๆเละๆมาละลายน้ำจะได้ค่า EC=2

สรุปและวิจารณ์ผลการทดลอง
น้ำปุ๋ยทำจากผักหญ้ามีคุณภาพดีเทียบเท่าปุ๋ยขี้ไก่ ดังนั้นเราสามารถประหยัดเงินซื้อปุ๋ยได้ นับแต่นี้ไป
แต่การรดน้ำปุ๋ยลงสู่ดินที่ว่างเปล่า ปุ๋ยอันมีคุณค่าสูงเหล่านั้นจะซึมลงสู่ชั้นดินข้างล่างโดยเร้ว พืชผักเล็กๆไม่มีโอกาสดูดซึมปุ๋ยได้ทัน มีผลแสดงแล้วว่าแตงกวาที่ปลูกใหม่อาหารขาดใบเป็นรูๆเต็มไปหมด ผักก็ดูป่วยใกล้จะตาย

อจ.พันธ์ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการให้ปุ๋ย โดยสั่งงานให้ พนักงานประจำแปลงผักของเรา คุณโฆษิต คุณอดิศักดิ์ นำหญ้าเละๆไปคลุมดิน ตามโคนต้นผักให้หมดทุกต้น แล้วจึงรดปุ๋ยผัก โดยวิธีนี้ปุ๋ยจะได้จากน้ำปุ๋ยที่ค้างอยู่ตามหญ้า และจากอินทรีย์วัตถุจากหญ้าเน่าๆรอบโคนต้น อจ.บอกว่าในธรรมชาติจริงๆ ป่าดงดิบ ไม่มีการขาดสารอาหารเพราะธรรมชาติเติมปุ๋ยให้กันเอง

พนักงานสัญจรมาช้ากลับเร็ว ก็ได้ช่วยเหลือคลุมหญ้าและมานั่งโม้ให้ฟัง แต่ต้องออกตัวว่าช่วยไม่เยอะเท่าไร ช่วงนี้ได้ไปช่วย อจ.นี และ คุณแป้น คุณปาน บรรจุดินลงถาดเพาะกล้าข้าว ทำทั้งหมด 120 ถาด มองเห็นว่า อจ.พันธ์ เดินมาหาคนไปช่วยหยอดข้าวลงหลุม ตอนช่วงเย็น เพราะถ้าทิ้งไว้ดินจะแน่นเมล้ดข้าวลงไม่ได้

ขออนุโมทนาบุญกับพนักงานประจำและขาจรทุกๆท่าน ตัวพี่จุ๋ม จิ๋ม บดขยะเสร็จก็หนีกลับไปอาบน้ำเลย กลิ่นไม่ค่อยน่าคบนัก กลับเร็วอีกนั่นแหละ

จุ๋ม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ (tmtkl-at-mahidol-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-11 14:12:40


ความคิดเห็นที่ 60 (1615215)

 

เกษตรธรรมะ คล้ายกับกฎแห่งกรรม เรื่องจริงที่น่ารู้
                คืนวันอาทิตย์ที่ 3 มิย.ขณะที่รอเวียนเทียนวันวิสาขะอยู่ที่โรงทาน เพราะรอคณะที่ไปสวดพระอภิธรรมที่วัดใหม่สันติธรรมของหลวพ่อเสงี่ยม อาจารย์พันธ์ ได้เข้ามาคุยในศาลาโรงทานและแจ้งว่า ต่อไปจะหาอาสาสมัครที่จะมาดูแลแปลงผักกันคนละแปลง จะได้คอยดูแลพืชของตนเองเลยว่า ปุ๋ยครบมั๊ย มีแมลงปีกแข็งหรือไม่เป็นต้น เพราะอาจารย์บอกว่า ตอนนี้ผู้จะดูแลใกล้ชิดจริง ๆ ก็จะมีแต่คุณโฆษิต ส่วนคนอื่น ถอนหญ้า แล้วก็ไป ไม่ได้เรียนรู้อะไร
                อาจารย์เล่าว่า หลังจากจบ ป.โท จากเกษตร อาจารย์ก็มาทำงานที่ ศูนย์ฝึกพัฒนาอาชีพบริเวณชายแดน จังหวัดสระแก้ว ท่านบอกว่าท่านทำเกษตรแบบใช้สารเคมีมา 20 ปีแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ใช้ไปแล้วก็กลับมาเป็นอีก วนเวียนกันร่ำไป
                ตัวอย่างเช่น เวลาปลูกแตงกวา ก็มีแมลงปีกแข็งเข้ามากินใบ พืชทุกชนิดถ้าได้รับ ปุ๋ย หรือสารอาหาร ที่ไม่เพียงพอ ก็จะมีแมลงมาเกาะกินได้ จากประสบการณ์ของ ท่านอาจารย์พันธ์ที่ได้ลองกับสารเคมีแล้วไม่ได้ผล อาจารย์จึงได้มาลองกับ สมุนไพร เท่าที่ลองมาพบว่าแรก ๆ ก็เหมือนจะแก้ได้ คือ กันแมลงได้ แต่ในที่สุดก็เหมือนเดิม แมลงก็ไม่หวั่นสมุนไพร อ.พันธ์ใช้คำว่า ถึงแม้จะใช้สมุนไพร แมลงก็ดื้อได้หมด
                จนในที่สุดอาจารย์เลยลองมาใช้ หลักธรรมชาติ นั่นคือ อาหาร สิ่งแวดล้อม หรือการปรับสมดุลธรรมชาตินั่นเอง ถ้าพวกลูกบ้านสวนรุ่นเก่าๆ หน่อยคงจะจำกันได้ว่า เคยปลูกข้าวโดยใช้ปุ๋ย ขี้วัว ขี้ไก่ กลิ่นคลุ้งกันหมด อันนี้เป็นการที่เราเติมปุ๋ย จากชีวภาพลงไป หรืออีกทางเลือกหนึ่งถ้าจะไม่ใช้มูลสัตว์ ก็อาจจะใช้เศษใบไม้แห้ง หรือเศษฟางหญ้าก็ได้ ของหมักเหล่านี้จะถูกทำให้ย่อยสลายจากจุลินทรีย์ธรรมชาติ เกิดเป็นธาตุอาหาร ที่เหมาะกับการเติบโตของพืช
                วันเสาร์ที่ผ่านมา อ.พันธ์ได้นำเครื่อง EC หรือการวัดค่า electro-conductivity detector มาวัดดินที่ปลูกพืช โดยทำการวัด 1 ดินเปล่า 2 ดินที่รดปุ๋ย และ 3 ดินที่นำเอา ฟางหญ้าหมัก มาคลุมไว้ที่ผิว ผลก็คือ ดินเปล่า และดินรดปุ๋ย นั้นให้ค่า EC ไม่ต่างกันนัก แต่ดินที่มีฟางหญ้าคลุมนั้น ให้ค่า EC สูงกว่า นั่นแสดงให้เห็นว่า ถึงไม่จะรดปุ๋ยไปที่ต้นพืช แต่ปุ๋ยก็จะไหลลงไปในดินเร็วไป ซึ่งบางทีรากพืชที่ผิวดินอาจดูดไปใช้เป็นอาหารได้ไม่ทัน แต่ถ้ามีหญ้าคลุมเมื่อไร ปุ๋ยที่เกิดขึ้นก็จะค้างอยู่ในดินมาก และใช้เวลานานกว่าจะไหลลงไปข้างล่าง ทำให้พืชดูดมาใช้ได้ก่อน 
                ผลการทดลอง และข้อสมมุติฐานดังกล่าวทำให้คุณโฆษิต จุ๋ม จิ๋ม และน้องศักดิ์งานเข้าเลย ต่างนำเอาเศษฟางหญ้าที่หมักในถุงปุ๋ยมาวางบนผิวดิน รอบ ๆ ต้นผักทั้งหลาย คอยมาดูกันว่าอาทิตย์หน้า ปุ๋ยจะพอเพียงไม่ให้เกิด แมลงปีกแข็งมาลงอีกหรือไม่
                ข้อสังเกตอย่างนึง การหมักปุ๋ยควรหมักในที่อับอากาศ ใส่ในถุงปุ๋ยนั่นแหละดีที่สุด เหมาะกับการหมัก แบบนี้เรียกการหมักโดยวิธี anaerobic digestion  การหมักแบบนี้คล้ายกับการหมักน้ำหมักป้าเช็งที่จะปิดฝาไม่ให้อากาศเข้า ผลจากการหมักจะเป็นปุ๋ยอย่างดีทีเดียว
                อาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงได้เกริ่นชื่อหัวเรื่องว่ากฎแห่งกรรม ก็จะเฉลยเสียเลยว่า เป็นข้อเปรียบเทียบที่ อ.พันธ์ บอกไว้ อาจารย์บอกว่า ถ้าเราให้ปุ๋ยครบ แมลงก็ไม่มี ไม่ทำร้ายพืช ทำนองเดียวกันกับ การรักษาศีล 5 ถ้าเรารักษาศีล 5 ครบ ก็จะไม่มีกรรมตามมาทัน   ขอเปรียบเทียบให้ทราบกันแค่นี้ก่อนค่ะ
               
ผู้แสดงความคิดเห็น ชัชวลี กะลัมพะเหติ (chatvalee-dot-k-at-pttplc-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-11 20:52:15


ความคิดเห็นที่ 61 (1615233)

 

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน
ของทุกท่านครับ
 
และธรรมทานของพี่จุ๋มและพี่จิ๋ม
 
ทั้งทาน ธรรมทาน และจิตอาสา
ที่ช่วยงานท่านอาจารย์อุบลทุกอย่าง
 
งาน BIOGAS
ล่าสุดก็คือ งานบ่อบาดาลบ้านสวนฯ
 
รวมทั้งช่วยงานแปลงเกษตรเสมอมาครับ
อนุโมทนาบุญทุกประการครับ
 
 
ตั้งแต่เด็ก ผมเคยได้ยินคำพูด
ที่เปรียบเทียบอาชีพการเกษตรว่า
“หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน”
 
ก็ไม่เคยเข้าใจ
จนต้องกลายมาเป็นเกษตรกรจำเป็น
ที่บ้านสวนฯแห่งนี้ จึงได้เข้าใจดี
 
แต่ก่อนผมเป็นคนสำอางมาก
เข้าคลีนิกรักษาความหล่อเสมอ
เปลืองเงินมาก และเป็นเหตุแห่งหนี้
เพราะหล่อแล้ว ต้องหล่อตลอดไป
จึงต้องรักษาอยู่เรื่อย ๆ
 
แต่ตอนนี้หมดปัญหาไปมาก
เพราะทำเท่าไรก็คงไม่ได้ผล
โดยเฉพาะผิวที่เคยขาวผ่อง
ตอนนี้ดำจนเพื่อนที่ทำงานตั้งชื่อใหม่
ว่า “คุณดำลง” แต่ประหยัดเงินไปได้เยอะ
 
ก็คงขอหล่อเท่าที่มี หล่อแบบดำ ๆ
นี่แหละครับ แต่ดำก็ดำแค่ภายนอก
ข้างในไม่ได้ดำ ไม่เชื่อมาขอดูได้ครับ 
 
งานการเกษตรเป็นงานหนัก ร้อน
 
ต้องอาศัยกำลังใจและความอดทนสูง
แต่เกษตรกรไทยได้รับค่าตอบแทน
คุ้มค่าหรือไม่ ทำไมราคาพืชผลการเกษตร
ที่เกษตรกรผู้เพาะปลูกได้รับจึงตกต่ำ
และเป็นหนี้เป็นสิน แบบอมตะนิรันดร์กาล
 
สาเหตุที่สำคัญ ก็คือ
เกษตรกรส่วนใหญ่พึ่งสารเคมีเป็นหลัก
ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช ฮอร์โมนเร่ง ต่างๆ
ทำให้เสียเงินเสียทองมากมาย
ลงทุนสูง ผลตอบแทนต่ำ รายได้ไม่คุ้มทุน
 
หากเปลี่ยนมาเป็นการเกษตรอินทรีย์
หรือเกษตรแบบธรรมะ แบบที่อาจารย์พันธ์
ท่านนำมาใช้ที่บ้านสวนฯ
 
ใช้หลักกินอยู่อย่างพอเพียง
ตามพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
ไม่รังเกียจงานหนักโดย
 
ลดการพึ่งพาสารเคมีที่เป็นพิษตกค้าง
เป็นสารอันตราย และทำลายสภาพดิน
 
ลดการใช้เครื่องทุนแรง เครื่องยนต์หนัก
ไม่รังเกียจกลิ่นเหม็นของปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ
 
 
หันมาพึ่งพาการใช้แรงกายมากขึ้น
 
หันมาเปลี่ยนแปลงกรรมของตนเอง
โดยเปลี่ยนทัศนคติแบบเดิม ๆ
เปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานเสียใหม่
 
ผมเชื่อแน่ครับว่า เกษตรกรไทยจะตั้งตัวได้
มีกิน มีใช้ ไม่เจ็บและไม่จนครับ
 
อาจารย์พันธ์เคยเล่าว่า
มีเกษตรกรรายหนึ่งปลูกสวนผลไม้
ลงทุนใช้สารเคมีต่าง ๆ มาก
แต่ผลไม้กลับมีรสไม่อร่อย ขายได้ราคาต่ำ
ไม่คุ้มจนไม่มีเงินซื้อปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช
และฮอร์โมนมาบำรุงรักษาสวนของตน
 
ได้แต่ตัดหญ้าที่รกทิ้งลงในบ่อน้ำ
และใช้น้ำนั้นมารดสวนผลไม้
ซึ่งปรากฏว่า ผลไม้ที่ได้กลับมีรสชาติดี
ขายได้ราคาดี จนมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก
 
ที่บ้านสวนฯ พืชผักต่าง ๆ
ก็ออกดอกออกผลให้เรานำมาใช้
เป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารทุกสัปดาห์
ทั้งมีรสอร่อย และกินได้สนิทใจ
ไม่ต้องกลัวสารพิษ สารตกค้างต่างๆ
ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของ
ทั้งเกษตรกรผู้ปลูก และประชาชนผู้บริโภค
 
พืชผักของบ้านสวนดกและงาม
จนเคยมีคนอยากได้ไปขอซื้อผัก
จากท่านอาจารย์อุบล
 
จนเกิดเป็นกรณีตัวอย่างของ
การอยากได้ของสงฆ์ จนรับกรรมกันไป
ก็เคยมี เคยปรากฎกันมาแล้ว
 
แมลงเป็นตัวบอกเหตุ
บอกความผิดปกติของพืชผัก
 
ถ้าแสงแดดน้อย เพลี้ยก็จะลง
ถ้าปุ๋ยน้อย แมลงก็จะมากัดกินใบเป็นรู
แต่ถ้าปุ๋ยมากไปแมลงก็จะมากัดกินใบ
บริเวณขอบ ๆ ของใบ
 
หากเราแก้ไข เช่น
ปุ๋ยขาดก็รดปุ๋ยให้เพียงพอ
แสงไม่พอเพลี้ยลงก็เปลี่ยนสถานที่ปลูก
หรือปลูกพืชอื่นที่ไม่ต้องการแสงมาก
ก็สามารถแก้ปัญหาได้
 
แล้วทำไมเราผิดศีลข้อที่ 1
ต้องไปเสียเงินซื้อยาฆ่าแมลง
ต้องไปฆ่าทั้งที่เค้ามีประโยชน์กับเรา
 
 
เหมือนหอยทากที่ชาวสวนยางพารา
มักคิดว่าเป็นศัตรูของยางพารา
ต้องคอยฆ่าคอยทำลายมาตลอดนั้น
 
เชื่อไหมครับว่ามีเด็กมัธยม
ของโรงเรียนในจังหวัดสุราษฏร์ธานี
ทำโครงงานศึกษาในเรื่องนี้
กลับพบว่า หอยทากเป็นตัวช่วย
ระบบนิเวศน์วิทยาของสวนยางด้วยซ้ำ
 
ซึ่งงานวิจัยนี้ได้รับรางวัลระดับโลก
เมื่อเดือนพ.ค. 55 นี้
จากการประกวดที่สหรัฐอเมริกา
ในงาน Intel ISEF 2012
 
ทีเป็นงานประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์
มีเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือก
จากประเทศต่าง ๆ กว่า 1,500 คน
เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
 
ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับ
ผลย่อมดับ
 
 
เกษตรแบบธรรมะ
จึงเป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้
ตามหลักธรรมคำสอนของ
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า
 
ถ้าเราปฏิบัติตามคำสอนของท่าน
เราจะพบแต่ความสุขความเจริญ
 
 
ราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดี
บุญรักษาทุกคนครับ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-11 22:53:40


ความคิดเห็นที่ 62 (1615239)

 

       ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน

ได้ทั้งความรู้เรื่องการเกษตร  สำหรับมาปรับใช้ที่บ้าน

และได้ความรู้เรื่องเกษตรธรรมะ  กับกฏแห่งกรรม

คุณพี่จิ๋มช่างเข้าใจโยงถึงกันได้เนาะ

   และขอบคุณ  คุณโฆษิต  ที่ได้นำความรู้เรื่องเกษตร

จาก อ. พันธ์  มาถ่ายทอดให้ได้รับรู้

และเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป

สาธุ  สาธุ  สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-11 23:50:13


ความคิดเห็นที่ 63 (1615256)

อนุโมทนากับธรรมทานจาก

คุณพีุ่จุ๋ม และพี่จิ๋ม ที่เขียนออกแนว

ผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์

และพุทธศาสตร์อย่างลงตัวมั่กๆ

 

รวมทั้งอนุโมทนากับธรรมทาน

ของคุณโฆษิต คนเคยหล่อด้วยนะค๊า...

แหม่..เขียนมาได้ประเด็น

และกินใจมากๆ ยังกะหาเสียง..เลยอ่ะ..

ถ้าลงสมัคร สส. จะไปเทปุ๋ยหมัก

เจ๊ยย..เทคะแนนให้เลยนะเนี่ย..

 

ว่าแต่ พนักงานประจำที่ดูแล

ด้านการเกษตรแห่งบ้านสวนฯ

ทำไมน้อยจังล่ะคะ

 

คงต้องหา...พนักงานเพิ่ม..ด่วน

เพราะไม่ว่าจะงานส่วนใดในบ้านสวน

ก็อานิสงค์หาประมาณมิได้...ทั้งสิ้น

 

หรือไม่ก็ เบื้องบนคงจะต้องการ

ทดสอบ

ความอดทน และ ความมั่นคง

ของทุกๆท่านแน่ๆเลย...

.......................

อนุโมทนากับท่านอาจารย์พันธ์

และอ.นี ด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-12 05:10:35


ความคิดเห็นที่ 64 (1615289)

 ขออนุโมทนาธรรมทาน  ของพี่จุ๋ม พี่จิ๋ม และพี่โฆษิต มาก ๆ ค่ะ และ  พี่จิตร คุณศักดิ์ และ ท่านอื่น ๆ ที่ดูแลงานเกษตร ปลูกผักอร่อย ๆ ให้พวกเราได้ทาน

ต้องขอยอมรับจริง ๆ  ตัวอัญเองก็ไม่ค่อยได้ลงไปช่วยงานเกษตรซักเท่าไหร่

แต่ช่วงเย็นวันอาทิตย์ก่อนกลับ  พวกเราหลายคนได้ช่วยกันเพาะกล้าข้าวหอมนิล

แต่พบปัญหาที่พบคือเมล็ดข้าวลีบ (ไม่สมบูรณ์)  จึงมีชาวนามืออาชีพ อย่างพี่ปาน

เสนอว่าต้องแช่น้ำพันธุ์กล้าก่อน   เพื่อนำเมล็ดที่ลีบออก

จึงได้นำไปเสนอ อ.พันธุ์ แต่ ท่านก็บอกว่าแช่ได้ แต่ต้องเพาะให้หมดไม่งั้นจะเสีย

ส่วนพี่อมรของเรา จึงได้เสนอที่จะทำแปลงว่านกล้า ขึ้นอีก 1 แปลง (ลองหลาย ๆ วิธี)

รับรองว่าการปลูกข้าวของพวกเราปีนี้ ต้องสนุกแน่

ว่าแต่ พนักงานประจำที่ดูแล

ด้านการเกษตรแห่งบ้านสวนฯ

ทำไมน้อยจังล่ะคะ

ฮ้า ฮ้า จะไม่ให้น้อยได้งัยค่ะ

เกษตรกร บ้านสวน ฯ ของเรา

ระดับ ด็อกเตอร์ กับ ปริญญาโท  ทั้งน้านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร (ananya-an-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-12 10:20:33


ความคิดเห็นที่ 65 (1615428)

อนุโมทนาบุญกับธรรมทานจากพี่ๆน้องๆ

และพนักงานในแปลงเกษตรทุกๆท่านด้วยค่ะ

ก็อาจจะใช้เศษใบไม้แห้ง หรือเศษฟางหญ้าก็ได้ ของหมักเหล่านี้จะถูกทำให้ย่อยสลายจากจุลินทรีย์ธรรมชาติ เกิดเป็นธาตุอาหาร ที่เหมาะกับการเติบโตของพืช

ที่บ้านสวนฯ พืชผักต่าง ๆ
ก็ออกดอกออกผลให้เรานำมาใช้
เป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารทุกสัปดาห์
ทั้งมีรสอร่อย และกินได้สนิทใจ
ไม่ต้องกลัวสารพิษ สารตกค้างต่างๆ
ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของ
ทั้งเกษตรกรผู้ปลูก และประชาชนผู้บริโภค
 
ด้วยเหตุของพี่จิ๋ม และผลจากคุณโฆษิต
 
เกษตรกรบ้านเรา รวมถึงบัณฑิตจากรั้วมหา"ลัยมีชื่อ รุ่นแล้วรุ่นเล่า
ถูกหลอกมานานเน
ทั้งยาและปุ๋ยเคมี และเทคโนโลยีจอมปลอม
เมื่อหลายปีก่อนมีกลุ่มคนร่วมกันก่อตั้งชมรมเกษตรอินทรีย์
หันมาพึ่งพาธรรมชาติ
แต่อยู่ได้ไม่นานเงียบหายไปเฉยๆ
น่าเสียดาย คงสู้นายทุนไม่ไหว
ถึงตอนนี้หากจะหันกลับมาทำเกษตรแนวนี้กันอีกก็คงไม่สาย
ปลอดภัยทั้งคนทำและคนกิน
ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอกอีกต่อไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ (pin_akaras-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-12 19:52:33


ความคิดเห็นที่ 66 (1615441)

                 อนุโมทนาบุญ ธรรมทาน จากทุกท่าน ด้วยนะคะ

เพราะไม่ว่า จะงานส่วนใดในบ้านสวน ก็อานิสงค์ หาประมาณมิได้...ทั้งสิ้น

ใช่ที่สุดเลยค่ะ พี่ชนิดา งานทุกอย่างในบ้านสวน ล้วนมีความสําคัญ ทั้งสิ้น สอนให้เราทั้งทฤษฎี และปฏิบัติจริง งานส่วนใหนไม่เคยทํา ก็ได้ทํา งานส่วนใหนทําไม่เป็น ก็ทําเป็น ทุกอย่างมีที่เดียวในโลก คือ ที่บ้านสวนพีระมิดแห่งนี้  ได้ทั้ง ความเพียร  อดทน วิริยะ อุตสาหะ ทดสอบ ทางด้านจิตใจ ของการปฏิบัติ ด้วย  ความสําเร็จ จึงเห็นได้จริง สาธุค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี (aon_aunsri-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-12 21:08:59


ความคิดเห็นที่ 67 (1615447)

ผ่านแปลงเกษตรทีไร

เห็นท่าน ดร.จุ๋ม - ดร.จิ๋ม

แล้วก็พี่โฆษิตอีกคน

ต้องประจำอยู่ตรงนั้นทุกคราไป

มิน่าล่ะ ถึงได้เข้ามาเขียนธรรมทาน

ได้แบบละเอียดมาก

ได้ความรู้นำมาใช้จริงได้ด้วยค่ะ

งานเกษตรเป็นงานที่ดูเหมือนง่ายนะคะ

แต่พอได้ลงมือทำแล้ว

รู้เลยว่าต้องเป็นคนที่มีความอดทน

มีความรัก มีความละเอียดรอบคอบ

เป็นงานที่ใช้สมาธิมากๆ งานหนึ่งเลยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยค่ะ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-12 21:38:06


ความคิดเห็นที่ 68 (1615488)

อนุโมทนากับพี่จุ๋ม และ พี่จิ๋มด้วยค่ะ

อ่านแล้วได้ความรู้ไปอีกเยอะเลย

ต่อไปเราทุกคนคงต้องนำความรู้เหล่านี้

ไปใช้ในชีวิตประจำวัน และเผยแพร่ให้กับผู้อื่น

เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม

โดยเริ่มที่ตัวเราก่อน

ถึงไม่เก่งเรื่องเกษตร แต่ก็พอไปวัดไปวาได้คร๊า

เหยียบขอบแปลงแค่ไม่กี่รอบเอง ฮี่ๆๆๆๆ

**********************************

รวมทั้งอนุโมทนากับธรรมทาน

ของคุณโฆษิต คนเคยหล่อด้วยนะค๊า...

แหม่..เขียนมาได้ประเด็น

และกินใจมากๆ ยังกะหาเสียง..เลยอ่ะ..

ถ้าลงสมัคร สส. จะไปเทปุ๋ยหมัก

เจ๊ยย..เทคะแนนให้เลยนะเนี่ย..

ฮ่าๆ เข้าใจแซวนะคะเจ๊

นึกภาพออกเลย อิอิ

ไงก็อนุโมทนากับคุณโฆษิตด้วยนะคะ

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 04:42:14


ความคิดเห็นที่ 69 (1615498)

ถึงไม่เก่งเรื่องเกษตร แต่ก็พอไปวัดไปวาได้คร๊า

เหยียบขอบแปลงแค่ไม่กี่รอบเอง ฮี่ๆๆๆๆ

**********************************

ฮ่า ฮ่า เชื่อว่า ฝีมือพอไปวัดไปวาได้

 

แค่เราสองคนไปเปิดก็อก..รดผักเฉยๆ

ก็อก..ยังหลุดกระจายเลยอ่ะ

 

ฝีมือดีจริงๆนะเนี่ย

ดี..จนน่าจะได้รับซองขาวเจงๆ อิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 07:07:12


ความคิดเห็นที่ 70 (1615580)

พนักงานประจำที่ดูแล

ด้านการเกษตรแห่งบ้านสวนฯ

ทำไมน้อยจังล่ะคะ


อาจารย์พันธ์

ท่านรอทุกท่านที่มีจิตอาสาอยู่ครับ

แต่งานแปลงเกษตร

เราทำงานกับพืชผัก

ที่มีชีวิต

จึงต้องอาศัยคนที่มีเวลา

มาดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง

ส่วนองค์ความรู้เกษตรธรรมะ

อาจารย์พันธ์

ท่านมีความรู้มากและรู้จริงครับ

เพราะท่านทดสอบมานานหลายปี

คล้ายการวัดผลทางสถิติ

 

ขอขอบคุณ

คุณชนิดาที่เป็นห่วงครับ

แปลงการเกษตรยังรอ

ผู้มีความรู้จากต่างประเทศ

มาช่วยอยู่นะครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 12:41:54


ความคิดเห็นที่ 71 (1615697)

ขอขอบคุณ

คุณชนิดาที่เป็นห่วงครับ

แปลงการเกษตรยังรอ

ผู้มีความรู้จากต่างประเทศ

มาช่วยอยู่นะครับ

.............................

ได้ค่ะ เพราะชนิดาก็ต้องการ

ความรู้เรื่องนี้อีกมาก พอสมควร

 

คราวที่แล้ว ตอนอยู่บ้านสวนฯ

ได้ลองชิมลางนิดหน่อย

แต่พอกลับบ้านไป

ก็ได้ช่วยคุณแม่

ดูแลและรดน้ำผักแทบทุกวันเ่ลยนะค๊า

 

แต่ยอมรับว่า เป็นงานที่

ต้องใช้ความอดทนสูง

และต้องเอาใจใส่มากๆ...จริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-14 04:47:05


ความคิดเห็นที่ 72 (1615730)

อาทิตย์นี้เอาผักอะไรบ้าง?

เป็นคำถามที่อ.พันถามเสมอๆ

อะไรก็ได้ค่ะที่ถึงกำหนดต้องเก็บ

พอเห็นแล้วจะคิดออกว่าจะทำอะไรบ้าง

ไม่ปล่อยให้เน่าเสียหายแน่นอนค่ะ

เรียกว่ากินผักกันจนหน้าเขียวล่ะ

พักเดียวมาเป็นเข่งเลย

ทั้งปลูกทั้งดูแลสารพัด

แบกมาส่งถึงครัวเลย

นี่ถ้ามีเวลาคงมาปรุงเองด้วย

เห็นอาจารย์ณีบอกว่าทำอาหารอร่อยมาก

ลูกบ้านสวนๆได้ทานผักปลอดสารพิษ

กันทุกอาทิตย์ขออนุโมทนาบุญ

กับอ.พัน อ.ณี และทุกท่านที่ร่วมกัน

ผลิตวัตถุดิบป้อนครัวบ้านสวนค่ะสาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น อังคณา สมมาก (angkhana-s2011-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-14 10:13:10


ความคิดเห็นที่ 73 (1616115)

 

 

 

 ณัชชาอนุโมทนากับธรรมทาน ทุกๆท่านด้วยนะคะ สาธุ

อนุโมทนากับคุณ พันธ์ และคุณ นี ที่นำภาพมาให้ชมนะคะ 

มหัศจรรย์จริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว (phueng9574-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-16 08:38:32


ความคิดเห็นที่ 74 (1616434)

 

สวัสดีครับ


สัปดาห์นี้บ้านสวนฯของเรา

กำลังเร่งจัดเตรียมสถานที่สำหรับจัดค่าย 12

และต้อนรับคณะของครูบาอริยชาติ

ที่ท่านและคณะศิษย์จะมาที่บ้านสวนฯ

ในวั้นศุกร์ที่ 22 มิ.. 55 นี้ครับ


ที่แปลงเกษตรอินทรีย์

สัปดาห์นี้เราเร่งถอนหญ้าที่โตวันโตคืน

ทั้งที่แปลงผัก แปลงมัน 5 นาที และเสาวรสครับ


ผมเคยเรียนถามท่านอ.อุบลว่า

หญ้าที่ขึ้นงามโดยที่ไม่เห็นจะต้องดูแลนี้

ถ้านำไปทำอาหารทานได้ น่าจะดีนะครับ


ท่านก็บอกว่า วัวควายทานได้

คนก็ทานได้ แต่คนที่ขี้เกียจเท่านั้นล่ะที่จะทำ

เดี๋ยวจะให้ผมไปเกิดที่อาฟริกาซะเลย

(ประมาณว่า ให้กินหญ้าเป็นวัวควายที่นั่น)


ก็เรียนท่านว่า ไม่ไปครับ

(ขอกินที่บ้านสวนฯดีกว่า อิ่มด้วยได้บุญด้วย อิอิ)


การวางแผนการเกษตรทำได้ลำบากนะครับ

เพราะหลายครั้งที่เราเจอปัญหาเฉพาะหน้า

ต้องเร่งแก้ไข เป็นงานเพิ่มจากงานประจำที่มีอยู่

เลยกะเกณฑ์จำนวนคนมาช่วยงานลำบาก


โดยมากต้องอาศัยคนที่มีเวลามาดูแลพืชผักใกล้ชิด

เพราะต้องคอยสังเกตอาการของผักด้วย


อย่างหน้าร้อนที่ผ่านมา

(ที่ร้อนจนคนแทบทนไม่ได้ พืชผักจะไหวหรือ)

ผักต่าง ๆ โดยเฉพาะผักกาดเขียว

เหี่ยวและตายเป็นแห่ง ๆ ต้องรดน้ำวันละหลายครั้ง


แต่บางทีก็ช่วยไม่ได้มาก

เพราะระบบรากถูกทำลายไปแล้ว

การรดน้ำหลังจากพืชเหี่ยว

จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ


สาเหตุที่แท้จริง คือ ขาดน้ำ

จึงต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ

และให้ปุ๋ยเพียงพอ


การแก้ปัญหาให้ได้ผล

จะต้องแก้ที่สาเหตุแท้จริงเท่านั้น


ตัวอย่างเช่น

มาทำงานสาย โดยโทษว่ารถติด

ทั้งที่จริง นอนตื่นสาย


สาเหตุของการนอนตื่นสาย

ก็เพราะนอนดึก


นอนดึกเพราะอะไร

ก็เพราะมัวแต่ดูบอล หรือ ออนไลน์

ต้องแก้ไขโดยเลิกกิจกรรมดังกล่าว

เข้านอนเร็วจะได้ตื่นไปทำงานแต่เช้า เป็นต้น

 

ดังเช่น การไต่สวนกรรมของท่าน อ.อุบล

ที่ท่านต้องการให้เรานึกถึงกรรมที่ทำให้หมด

เพื่อขอขมาและอุทิศบุญให้เค้าครบถ้วน

และตัดเวรกรรมที่มีต่อกันให้หมดสิ้น


ทุกสิ่งเป็นจริงตามพุทธพจน์


ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ

เหตุดับ ผลย่อมดับ ตามพุทธพจน์



พอเข้าหน้าฝน ผมนึกว่าผักจะโตเร็ว

แต่ผิดคาด กลับโตช้า ใบเป็นรู เพราะขาดปุ๋ย

เราก็พยายามรดปุ๋ยที่เข้มข้นขึ้น


ปรากฏว่าก็ยังช่วยไม่ได้มาก


สาเหตุก็คือ ฝนที่ตกได้ชะล้างปุ๋ยที่รดไปด้วย

จึงต้องแก้ปัญหาโดยการคลุมด้วยหญ้าแห้งหรือเน่า

เพื่อกักปุ๋ยไว้อีกชั้นหนึ่ง


และเวลาที่ผ่านไป หญ้าที่คลุมไว้จะสลายตัว

กลายเป็นปุ๋ยเลี้ยงดูพืชผักต่อไปด้วยครับ


หญ้าที่เราตัดทิ้ง ถ้ากองทิ้งไว้

จะเน่าสลายเป็นดินไปไม่สามารถนำมาใช้

แต่ถ้าเราเก็บใส่ถุงไว้ เราก็จะมีปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้


ท่านใดที่เป็นเกษตรกรหรือปลูกต้นไม้ไว้ดูเล่น

ก็ลองนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้นะครับ

จะช่วยประหยัดเงินไปได้มาก



พูดถึงเรื่องหญ้า ดูไปก็เป็นธรรมทานได้นะครับ

ตอนแรกก็เขียวขจี แล้วแห้ง ต่อไปก็สลายตัว

กลายเป็นดินกลับสู่ธรรมชาติ เหมือนชีวิตคนเรา


ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อม และดับไปเสมอครับ


วันอาทิตย์ที่ผ่านมา

มีการปลูกผักทดแทนแปลงเดิมที่ต้องยุบไป

เช่น ถั่วฝักยาว ที่ปลูกแน่นไป จนแสงไม่พอ

เกิดเพลี้ยลง และผักที่หมดอายุ โตไม่มากแล้ว


คือ ผักโขมแดง หัวผักกาด และแคนตาลูปครับ


ผมขอบารมีพระพุทธองค์

นำบุญของผมทั้งหมดมาฝากทุกคนครับ

วันนี้ต้องขอจบเพียงเท่านี้

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกท่าน

บุญรักษาทุกคน ทั้งในประเทศและต่างแดนนะครับ

(คุณสีนวลมาฝึกงานถอนหญ้าแล้ว

คุณชนิดาจะมาเมื่อไรครับ 555)

ธรรมะสวัสดีครับ


ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-18 12:54:31


ความคิดเห็นที่ 75 (1616485)

โมทนาบุญกับน้องต้น  พี่จุ๋ม  พี่จิ๋ม    และทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-18 16:20:59


ความคิดเห็นที่ 76 (1616648)

เมื่อวันเสาร์  อาทิตย์ที่ผ่านมา ลูกบ้านสวนหลาย ๆ ท่านช่วยกันเพาะปลูกข้าวในถาดหลุมสีดำ อาจารย์พันธ์ให้ปลูกหลุมละ 1 เมล็ด และปลูกเสารสเพิ่มอีกประมาณ 20 ต้น  ผูกเชือกให้ผักตำลึงเพื่อให้ยอดตำลึงที่เจริญเติบโตขึ้นทุกวันมีที่เกาะเลื้อยขึ้นด้านบน ถ้ามียอดที่เลื้อยลงดินก็ให้ช่วยยกขึ้นให้เกาะกับเชือกที่ผูก พวกเราช่วยกันรดน้ำปุ๋ย กำจัดวัชพืชบริเวณแปลงเกษตรจนมองเห็นผัก ต้นมัน ฯลฯ ได้ชัดเจนสวยงามมากขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล (shindo_ploy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-19 10:08:39


ความคิดเห็นที่ 77 (1616677)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของดร.จุ๋ม+ดร.จิ๋มและ

คุณโฆษิต(คนเคยหล่อ!) ที่สรุปผลและวิจารณ์ทำให้

ผักเกษตรบ้านสวนฯ น่ารับประทานม๊ากๆๆเลย /

ม่ต้องไปเบียดเบียนขี้ไก่   ใช้แต่หญ้าก็สามารถเป็น

              ปุ๋ยได้ดีเยี่ยมเทียบเท่ากันได้เลย!

                            *********************

ว่าแต่พนักงานประจำที่ดูแลด้านการเกตรแห่งบ้านสวนฯ

                       ทำไมน้อยจังล่ะค่ะ!

                            *********************

ขออนุโมทนาบุญกับ คุณชนิดา ที่เป็นห่วง  งานเกษตรบ้านสวนฯ

อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ธรรมะจัดสรรมาค่ะ! หรือว่ายังไงดีค่ะ!

               คุณธนา (คนหล่อมากที่สุด!)น๊ะจ๊ะ

                                   *********************

ขออนุโมทนาบุญกับคุณโฆษิต ควรหาเวช ที่หา

ซื้อพันธ์ข้าวหอมนิล   มาให้ลูกบ้านสวนฯได้ปลูกกัน

อาทิตย์นี้จำนวน  5 กิโลกรัม ส่งมาที่บ้านสวนแล้ว/

                                  **********

 

ขออนุโมทนาบุญ กับคุณอังคณา(คุณแม่น้องต้นอ้อ)ที่ทำ

อาหารจากแปลงผักเกษตรบ้านสวนฯให้ลูกบ้านสวนฯ

ได้รับประทานกัน    อร่อยมากจริงๆๆ /                                 

 

                                  สาธุๆๆๆ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-19 12:22:19


ความคิดเห็นที่ 78 (1616678)

      เมื่อเสาร์--อาทิตย์ ที่ผ่านมา มีโอกาส ได้ลงแปลงผัก ที่เ้ค้าว่ากันว่าอานิสงส์ 3 เด้ง เพื่อ เตรียมพื้นที่ ถางหญ้า เพื่อต้อนรับคณะแขกที่จะมาเยี่ยมดูงาน ซึ่ง ลูกบ้านสวน บางคนได้ไปร่วมงานธรรมสัญจร บางคนก็ อยู่เพื่อเตรียมพื้นที่ ซึ่งจำนวนคนน้อยมาก ถางหญ้า กันกลางแดด ร้อนเอาการเลยล่ะครับ งานเกษตร นี่ต้องใช้กำลังใจ สูงจริงๆ ไหนจะมีกลิ่น ตุ่ยๆ ของปุ๋ย พรทิพย์มาอีก หอมชื่นใจ 

     ในระหว่างที่นั่งถอนหญ้า ก็นั่งบ่น กับพี่เหมี่ยว แดด ร้อนจัง แต่ไม่ได้ช่วยให้หายร้อนเลย แต่แค่ได้ระบายอารมณ์ออกมา เท่านั้นเอง เลยเปลี่ยนวิธีดีกว่า ใช้จิตจับภาพพระ เพื่อไม่ใช้ จิตเกาะกาย เพราะกายกำลังได้ ทุกข์เวทนา คือแดดร้อน ไหนจะเป็นหวัดแดดอีก ถ้าเอาจิตไปเกาะกาย ซึ่งร่างกายเป็นเหตุแห่งทุกข์ เมื่อจิตไม่เกาะร่างกาย เอาจิตไปเกาะพระ จิตใจก็เบาลง 

     คิดเล่นๆถ้าวันเกิดภัยพิบัติจริง ทุกขเวทนาจะขนาดไหน นะ การได้มาลงแปลงเกษตร มาทำงานที่มีเวทนามาก ก็ดีตรงที่เราได้ฝึกจิตของตนไปในตัว เรียกว่า ลงแปลงครั้งนี้ คุ้มค่า ได้ทั้งสร้างทาน และ ฝึกจิต+ฝึกร่างกาย

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-19 12:23:58


ความคิดเห็นที่ 79 (1616699)

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ได้ฟังอาจารย์พันธ์เล่าเกี่ยวกับวิธีการปลูกพืชที่ถูกต้อง เป็นวิธีเดียวทีทำให้พืชเติบโตสมบูรณ์แข็งแรงโดยปราศจากปัญหาจากศัตรูพืชและโรคทุกชนิด

ซึ่งอาจารย์พันธ์นั้นได้ทำการวิจัยพืชเป็นเวลานานนับ 10 ปี ใช้สารเคมี สมุนไพรเพื่อกำจัดศัตรูพืช แก้โรค แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างถาวร ทำให้ปัญหายังเกิดขึ้นเพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุซึ่งผิดกฏธรรมชาติ 

สุดท้าย อาจารย์ค้นพบว่า การปลูกพืชนั้นต้องปลูกโดยใช้ "กฏธรรมชาติ"  ไม่ว่าจะปลูกพืชชนิดใด ที่ไหน อย่างไร ก็ใช้หลักเดียวหลักนี้เท่านั้น

อาหาร กับ สิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยในการแก้ปัญหาของพืชทั้งหมด

- อาหาร คือ เศษพืชที่ได้รับความชื้นจากน้ำฝน ซึ่งก็คืออาหารจากพืชตามธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ใหญ่กินต้นไม้เล็ก, ใบไม้หล่นมาจากต้นไม้ โดยทั่วไปสูง 1 ฝ่ามือ แล้วย่อยสลายไปเรื่อยๆตามธรรมชาติกลายเป็นปุ๋ยเลี้ยงต้นไม้นั้นๆ แล้วใบไม้ก็หล่นลงมาใหม่ เป็นวัฎจักร (วิธีนี้อาจารย์พันธ์ก็ให้เราได้ทำกันโดยการถอนวัชพืชใส่เป็นถุงๆ วัชพืชที่ถอนคืออาหารที่จะนำมาเลี้ยงพืช)

- สิ่งแวดล้อม เช่น แสงอาทิตย์ หญ้าคลุมดิน ระยะห่างระหว่างต้น

พืชแต่ละชนิดมีความต้องการไม่เหมือนกัน บางชนิดหากได้รับอาหารไม่เพียงพอ แมลงปีกแข็งก็มาเยือน บางชนิดได้รับอาหารมากเกินไป หนอนก็จะมาและทำให้เกิดโรค เหมือนกับสุนัขแต่ละชนิดที่ต้องการอาหารปริมาณแตกต่างกัน

พืชบางชนิดต้องการแสงมาก บางชนิดต้องการแสงน้อย บางชนิดต้องการระยะห่างระหว่างกันพอสมควร

เช่น มัน ควรปลูกห่าง และหากปลูกหน้าฝนจะไม่มีเพลี้ย จะมีเพลี้ยเมื่อหน้าดินแล้ง

ความไม่รู้ของมนุษย์ทำให้ปัญหายังอยู่วนเวียนไม่จบสิ้น และทำให้เสียสมดุลธรรมชาติ ในขณะที่กฏของธรรมชาตินั้นจัดสรรเองตามความต้องการของพืช 

ในอนาคตจะมีคนมากมายมาเรียน ศึกษางานเกษตรที่บ้านสวนฯ อาจารย์พันธ์บอกว่าเราต้องเริ่มทำการเก็บข้อมูลเป็นตำรา โดยการทดลองปลูกพืชแต่ละชนิดและบันทึกขั้นตอนการเจริญเติบโตเป็นหลักฐาน

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ (krongkwanw-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-19 13:56:44


ความคิดเห็นที่ 80 (1616701)

   สมกับเป็นกระทู้เกษตรธรรมะ จริง ๆ

ทั้งคุณโฆษิต  น้องเอิ้น  ที่ลงแปลงเกษตร

แต่มีธรรมะดี ๆ มาฝากด้วย  สาธุ  สาธุ  สาธุ

  ++++++++++   

หญ้าที่เราตัดทิ้ง ถ้ากองทิ้งไว้

จะเน่าสลายเป็นดินไปไม่สามารถนำมาใช้

แต่ถ้าเราเก็บใส่ถุงไว้ เราก็จะมีปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้

   แล้วเอาหญ้าในถุงมาทำยังไงค่ะ  คุณโฆษิต

เอามาคลุมดินหรือเอามาแช่น้ำทำปุ๋ยหรือค่ะ

+++++++++

    คิดเล่นๆถ้าวันเกิดภัยพิบัติจริง ทุกขเวทนาจะขนาดไหน นะ การได้มาลงแปลงเกษตร มาทำงานที่มีเวทนามาก ก็ดีตรงที่เราได้ฝึกจิตของตนไปในตัว เรียกว่า ลงแปลงครั้งนี้ คุ้มค่า ได้ทั้งสร้างทาน และ ฝึกจิต+ฝึกร่างกาย

     งานเกษตรนี่ต้องใช้กำลังใจสูงจริง ๆ

และยังเป็นบททดสอบที่ดีด้วย 

ขอบคุณค่ะน้องเอิ้น  ที่มีวิธีคิดที่ดี

มาแบ่งปัน

   

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-19 14:04:01


ความคิดเห็นที่ 81 (1616779)

อนุโมทนากับคุณโฆษิต พี่เอิ้น

และและขวัญด้วยจ้า

หากว่าในอนาคตจะมีคนมากมาย

มาศึกษางานเกษตรกับบ้านสวน

คิดว่ากระทู้นี้คงเป็นกระทู้ที่จะช่วย

เก็บรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับด้านเกษตรได้ดีทีเดียวค่ะ

หากถึงเวลาที่ต้องรวมเล่ม

กระทู้นี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก

ที่เราจะเข้ามาเก็บข้อมูลเก่าๆที่ผ่านมาแล้วได้ง่ายมากๆ

 



ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 03:13:39


ความคิดเห็นที่ 82 (1616786)

เข้าใจแล้วว่า

ทำไมฝ่ายเกษตรฯบ้านสวนฯ

ถึงได้เน้นเด็กป.เอก ป.โท

เพราะต้องทำการทดลอง

แล้วก็ต้องหมั่นสังเกตุ

วิเคราะห์วิจัย

 

เพื่อจะนำองค์ความรู้ทั้งหมด

มารวบรวมเป็นตำราให้คนทั่วไป

ได้นำไปอ่าน เพื่อเรียนรู้

และศึกษาได้กว้างขวางยิ่งขึ้นนี่เอง..อิอิ

 

 

ว่าแต่ สงสัยจะต้องรีบรวมเล่ม

แจกเป็นความรู้ในระดับพื้นฐานก่อนรึเปล่าคะ

เผื่อสังเกตการณ์นานกว่านี้

ภัยพิบัติมาก่อน อาจจะไม่ทันได้แจก.(รึเปล่า) 

 

เป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านเช่นเคยค่ะ

 

 

เห็นอาจารย์ นี มาเขียนถึง

การทำงานของแต่ละคนแต่ละฝ่ายแล้ว

 

เห็นภาพการทำงานเป็นทีม

และเป็นวงจรที่สมบูรณ์มากๆเลยนะคะ

 

นี่แหล่ะชีวิต"พอเพียง" อยู่ได้ด้วยตัวเอง

ไม่ต้องพึ่งใคร แต่ก็"เพียงพอ"

.............................

อิอิ ฝากบอกเจ๊สีนวล ด้วยนะ

ฝึกถอนหญ้าให้คล่องๆนะ

เดี๋ยวชนิดาจะไปช่วย"กิน"

เพราะหญ้าแถวโปแลนด์

เคี้ยวเอื้องไม่มันส์เลยอ่ะ..

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 04:38:39


ความคิดเห็นที่ 83 (1616862)

 

ข่าวดี

ในวันที่

22 มิถุนายน 2555

ขอเชิญพี่น้องบ้านสวนฯ

ที่ร่วมต้อนรับครูบาอริยชาติ

งานนี้จะมีผู้คนมาร่วมงาน

ทั้งสิ้นประมาณ

300 กว่าคน

ท่านสามารถร่วมเป็นเจ้าภาพออกโรงทานอาหารมังสะวิรัต ขนม ผลไม้ อื่นๆ ตามกำลังศรัทธา

ซึ่งสังฆทานนี้มีอานิสงค์ทำให้ทุกท่านมีสภาพการเงินคล่องตัว ไม่ฝืดเคือง ไม่อดอยาก ซึ่งลูกบ้านสวนฯทราบกันดีอยู่แล้วในข้อนี้

ท่านสามารถนำอาหารมาร่วมกันคนละเล็กละน้อยตามกำลัง หรือแม้แต่ผลไม้ผลเดียว เช่น ส้มผลเดียวก็นำมาร่วมได้ 

จึงขอเรียนเชิญทุกท่านนะครับ ใครประสงค์จะเป็นเจ้าภาพอาหารออกโรงทานก็ขอให้แจ้งในกระทู้นี้ด้วยนะครับ จะได้จัดพื้นที่ให้ท่านได้

ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-19 22:34:34 IP : 124.121.243.96

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สิงห์เงิน อุดมศิริ ( ตาโต๊ะ ) (sing_toa-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 12:24:02


ความคิดเห็นที่ 84 (1616867)

หญ้าที่เราตัดทิ้ง ถ้ากองทิ้งไว้

จะเน่าสลายเป็นดินไปไม่สามารถนำมาใช้

แต่ถ้าเราเก็บใส่ถุงไว้ เราก็จะมีปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้

   แล้วเอาหญ้าในถุงมาทำยังไงค่ะ  คุณโฆษิต

เอามาคลุมดินหรือเอามาแช่น้ำทำปุ๋ยหรือค่ะ

+++++++++

ขอตอบคุณตาล ดังนี้ครับ

 

ที่บ้านสวนฯ เรานำหญ้าที่ถางหรือตัดไว้

ใส่ถุงปุ๋ย วางไว้ตามใต้ต้นไม้โดยไม่ต้องปิดถุงครับ

 

กรณีปุ๋ยน้ำ ให้นำหญ้ามาแช่น้ำใส่ถังปิดฝา

ทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ขึ้นไป เราก็จะได้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ

ไว้ใช้ตามต้องการ

 

หลักการทดสอบว่า ปุ๋ยที่ได้มีสารอาหารดีหรือไม่

ให้ดูจาก แมลงวันครับ ยิ่งตอมมาก ปุ๋ยก็ยิ่งดีครับ

(แต่กลิ่นก็จะเหม็นมากขึ้นตามระยะเวลาที่แช่ครับ)

 

ท่านที่ไม่ชอบกลิ่นเหม็นหรือเกรงรบกวนข้างบ้าน

ก็แนะนำให้แช่ไว้เพียง 1 อาทิตย์แล้วรดได้เลย

โดยที่ไม่ต้องผสมน้ำ

 

หากแช่ทิ้งไว้ 2 อาทิตย์ขึ้นไป ให้นำมาผสมน้ำก่อน

แล้วจึงนำไปรด อัตราส่วนที่ใช้ให้ลองทดลองดูครับ

ว่าใช้ขนาดไหนแล้วต้นไม้ของเรางอกงาม

หมั่นสังเกตและทดลอง และแล้วแต่ชนิดของพืช

และฤดูกาลที่เพาะปลูกด้วยนะครับ

 

ที่บ้านสวนฯ เราจะใช้บัวสังกะสีขนาดใหญ่

ใส่น้ำปุ๋ยประมาณ 6 ส่วนแล้วเติมน้ำอีก 4 ส่วน

แล้วจึงนำไปรดครับ

 

ข้อควรระวัง คือ

1. อย่าใส่หญ้าจนเต็มถังเพราะเวลาที่ใส่น้ำ

หญ้าจะลอยขึ้นจะปิดฝาลำบาก และเราสามารถนำ

หญ้าแห้งที่ทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ใส่ถังแทนหญ้าสด

ซึ่งจะมีข้อดี คือ  หญ้าจะเบา

ใส่ถังในปริมาณที่มากกว่า

ได้ปริมาณปุ๋ยที่มากกว่า แต่ระวัง

อาจมีมดหรือกิ้งกืออยู่ในหญ้า

เดี๋ยวจะผิดศีลข้อที่ 1 กันครับ

2. การรดปุ๋ย คือ การให้อาหารเสริมแก่พืช

จึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำจนเปียกชุ่ม

แต่รดแบบเราเติมซอสในอาหารครับ

แต่ก็อาจรดจนชุ่มได้ หากพบว่าขาดปุ๋ยมาก

ทั้งนี้ ต้งหมั่นสังเกตและทดสอบเป็นกรณีไปครับ

 

ขอทานข้าวก่อนนะครั

แล้วมาคุยต่อทีหลังนะครับ

สวัสดีครับ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 12:48:56


ความคิดเห็นที่ 85 (1616911)

   ขอบคุณ คุณโฆษิตมากค่ะ

ที่ได้แนะนำการทำปุ๋ย  แบบประหยัด

และมีประสิทธิภาพ  ปกติที่บ้านชอบปลูกต้นไม้

แต่ว่าไม่ชอบใส่ปุ๋ย  ก็จะเก็บกวาดใบไม้

และหญ้าที่ตัดในสวน  มาคลุมโคนต้นไว้

แล้วก็รดน้ำอย่างเดียว  รอบหน้าจะทำปุ๋ยน้ำ

ไว้ใช้บ้าง  รอหญ้าที่บ้านงามก่อนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-20 19:02:02


ความคิดเห็นที่ 86 (1617110)

สวัสดีครับ

 

ขอเป็นกำลังใจให้คุณตาลและทุกท่าน

ที่ต้องการนำการเกษตรธรรมะของบ้านสวนฯ

นำไปใช้กันที่บ้าน ไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์

และเบียดเบียนเงินในกระเป๋าของเราเองครับ

 

การทำปุ๋ยน้ำ

ไม่จำเป็นต้องใช้หญ้าเพียงอย่างเดียว

เศษใบไม้แห้ง ใบไม้สด ผักผลไม้ที่เหลือ

ก็สามารถนำมาใช้แทนหญ้าได้หมดครับ

สามารถผสมกันได้ด้วย

เพียงแต่ใบไม้แห้ง

กลิ่นจะไม่รุนแรงเหมือนที่ใช้แบบสดครับ

 

การคลุมดินด้วยเศษหญ้าหรือเศษใบไม้

 

วัตถุประสงค์ก็เพื่อป้องกันไม่ให้หญ้าและวัชชพืช

ขึ้นตามแปลงผัก หรือ โคนต้นไม้ของเรา

และเวลาที่ใบไม้ หรือ ผักเน่า ก็จะค่อยๆ สลาย

กลายเป็นปุ๋ยบำรุงพืช และช่วยรองรับน้ำ

ไม่ทำให้หน้าดินเสียหาย ช่วยชะลอหรือพักปุ๋ยที่รด

ไม่ให้ถูกดูดซึมไปในดินอย่างรวดเร็วอีกด้วยครับ

 

การคลุมหญ้ารอบต้นไม้ หรือคลุมแปลงผัก

ขอให้เว้นระยะจากโคนต้นไม้ ไม่คลุมหนาเกินไป

เพื่อให้น้ำที่รดไหลลงไปในดินได้สะดวกครับ

 

ผมลืมบอกไปว่า สูตรปุ๋ยน้ำของบ้านสวนฯนี้

เป็นสูตรรดในดินไม่ใช่ปุ๋ยที่ใช้ฉีดบำรุงใบนะครับ

 

หากต้องการให้ปุ๋ยเป็นหลัก แนะนำให้ใช้

หญ้าที่เน่า หญ้าแห้ง แทนหญ้าสดนะครับ

เพราะจะให้ธาตุอาหารแก่ดินได้รวดเร็วกว่า

เนื่องจากย่อยสลายมาระดับหนึ่งแล้ว

 

พี่ตุ๊ก (บุญภิบาล) เคยถามว่า

ใช้กับกล้วยไม้ได้หรือไม่

ก็ตอบว่า นำไปใช้ได้ครับ

โดยนำกล้วยไม้ทั้งกระถาง

จุ่มแช่ลงในน้ำปุ๋ยจนชุ่มทั้งต้น รากและใบครับ

 

ที่บ้านสวนฯ ท่านอ.อุบล ยังให้นำขยะอินทรีย์

พวกเศษผักเศษอาหารไปไว้ใต้ต้นไม้ในบ้านสวน

เพื่อเป็นปุ๋ยต้นไม้อีกด้วยครับ

 

องค์ความรู้ของบ้านสวนฯ ดูเหมือนจะใช้ได้

กับผักผลไม้เมืองร้อนเท่านั้น

 

แต่ผมว่าไม่ใช่นะครับ สำหรับผักผลไม้เมืองหนาว

ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้เช่นกัน

 

เช่น การคลุมเศษหญ้าหรือใบไม้แห้งให้กับพืช

สำหรับปุ๋ยน้ำก็อาจแช่ไม่เกิน 1 อาทิตย์

เพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็น หรือเลือกใช้ใบไม้แห้ง

ที่กลิ่นของปุ๋ยบางเบา ไม่รุนแรงเหมือนปุ๋ยผักครับ

 

วันนี้ขอจบเรื่องปุ๋ยน้ำและการคลุมดิน

เพียงเท่านี้ครับ ทานอาหารกลางวันให้อร่อย

ค่อย ๆ ทานนะครับ และหากมีเวลาก็อุทิศบุญ

ให้เทวดาของพืชผักในอาหารที่ทานด้วยนะครับ

 

แต่ตอนนี้ที่ต่างแดน คงนอนหลับปุ๋ยกันอยู่

ก็ขอให้ฝันดีนะครับ ZZZZZZZZZ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-22 12:42:49


ความคิดเห็นที่ 87 (1617116)

โมทนากับคุณโกษิตด้วยนะค่ะและทุกๆๆท่านค่ะ

ความรู้เรื่องทำปุ๋ยน้ำที่ใด้จากหญ้าแห้ง หญ้าสด และเศษอาหาร   อ่านแล้วเข้าใจง่าย ถ้ามีโอกาศกลับไปอยู่ต่างจังหวัดจะนำความรู้เรื่องเกษตรธรรมะไปไช้บ้างคงดีมากเลยนะค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) (parungrueang-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-22 13:16:50


ความคิดเห็นที่ 88 (1617272)

อนุโมทนากับคำตอบเรื่องปุ๋ยๆ

ที่มีคุณค่าทางอาหารแก่พืช

จากคุณ โฆษิต ด้วยนะคะ

 

โห..ความรู้แน่นเจงๆ

 

นึกว่า นักข่าวสายเกษตรฯ

มารายงานเองเลยนะเนี่ย อิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-24 05:03:57


ความคิดเห็นที่ 89 (1617363)

วันที่ 22-23 มิ.ย. ได้ไปใส่ปุ๋ยให้ต้นข้าวกับถอนหญ้า ได้ความรู้มานิดหน่อยค่ะ

ข้าว

* ไม่ควรปลูกชิดกัน อาจารย์พันธ์เลยปลูกบนแปลงเป็นหลุมๆ ข้าวต้นหนึ่งต่อหลุม แบบหลุมใครหลุมมัน (เสียดายจังลืมถ่ายรูปไว้) ไอเดียสุดยอดค่ะ

* ใส่ปุ๋ยขี้ไก่คลุมหน้าดิน แบบไม่หนามาก ซึ่งทำให้ไม่มีศัตรูพืช 

* รดน้ำ ควรรดแบบสาด ซ้ำไปซ้ำมาให้ชุ่ม ห้ามรดจี้ไปที่ต้นเพราะจะทำให้ปุ๋ยกระจาย 

ถอนหญ้า

* นอกจากห้ามเหยียบขอบแปลงแล้ว เวลาถอนให้เอามือหนึ่งจับที่วัชพืช อีกมือหนึ่งใช้มีดตัดไปที่รากตื้นๆ ไม่ใช่ถอนออกมาทั้งรากหรือดึงออกมาเลยเพราะจะไปกระทบกระเทือนรากของพืชผัก ซึ่งเพียงตัดรากส่วนบนๆก็ทำให้วัชพืชตายแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ (krongkwanw-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-24 23:07:29


ความคิดเห็นที่ 90 (1617830)

 

การพัฒนาทางด้านการเกษตร

"...เศรษฐกิจของเราขึ้นอยู่กับการเกษตร
มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รายได้ของประเทศที่ได้มา
ใช้สร้างความเจริญด้านต่างๆ
เป็นรายได้จากการเกษตร
เป็นส่วนใหญ่ จึงอาจกล่าวได้ว่า
 
ความเจริญของประเทศต้องอาศัย
ความเจริญของการเกษตรเป็นสำคัญ
และงานทุกๆ ฝ่ายจะดำเนินก้าวหน้าไปได้
ก็เพราะการเกษตรของเราเจริญ..."
 
พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร และอนุปริญญาบัตร
ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
๙ กรกฎาคม ๒๕๐๗
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-27 02:35:04


ความคิดเห็นที่ 91 (1617833)

 อนุโมทนากับข้อมูลเรื่องปุ๋ยจากคุณโฆษิต

และวิธีปลูกต้นข้าวจากขวัญด้วยจ้า

เรื่องเกษตรหากมองเผินๆแล้ว

แต่ก่อนคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆค่ะ

แต่มันก็แค่ความคิด

เพราะได้มาเห็นวิธีปลูก ดูแล เก็บเกี่ยว

ของแบบฉบับบ้านสวนแล้ว

รู้เลยค่ะว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆแบบที่เราคิด

เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน

และต้องมีใจรักด้วย

พืชผักจึงจะโตมาอย่างสมบูรณ์แบบ

มิน่าละ ตอนเด็กปลูกผักที่ ร.ร ไม่เคยได้กินสักที

ตายก่อนหมดอายุขัยตลอด อิ อิ

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-27 03:06:48


ความคิดเห็นที่ 92 (1618032)

ใช่ครับ น้องหญิง

ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน

และที่สำคัญต้องมี ใจรัก ด้วย

 

การที่เรามี ใจรัก ในการทำกิจการงานใด

เราก็จะมีความพอใจ มีความพากเพียร

เอาใจใส่ เอาใจจดจ่อกับสิ่งนั้น

และหมั่นทบทวน ค้นคว้า หาเหตุผล

ทดลองปฏิบัติให้แน่ชัด

ซึ่งนั่นคือ เรามี อิทธิบาท ๔ นั่นเอง

 

แน่นอนว่างานที่ทำนั้นย่อมได้ผลสำเร็จ

สมดังตั้งใจทุกกิจการงานที่เราทำ

ไม่เพียงแต่การปลูกพืชผักเท่านั้นครับ

 

ก่อนจากกันในวันนี้

ก็ขอฝากญาติธรรมทุกท่าน

ที่มาทำงานบุญที่แปลงเกษตร

ขอให้นำ ใจรัก มาทำงานบุญด้วยนะครับ

อย่ามาเพียงต้องการบุญเพียงอย่างเดียว

และขอเพิ่ม ความรับผิดชอบ อีกอย่างหนึ่งด้วย

เพราะเวลาที่ทุกท่านเลิกจากงานแปลงเกษตร

ก็จะทิ้งอุปกรณ์ เช่น คราด จอบ จอบขยัน

ไว้ให้ผู้ที่กลับทีหลัง ล้างทำความสะอาด

และต้องนำไปเก็บยังวิมานไม้ไผ่แทน

หรือบางท่านนำอุปกรณ์ไปเก็บแล้ว

แต่ไม่ได้ทำความสะอาดก็มี ซึ่งพบบ่อย

 

ผมอยากให้ทุกคนที่มาทำบุญ

ได้บุญกันเต็มที่ ไม่อยากให้สร้างวิบากกรรม

มาตัดรอนบุญที่ทุกท่านทำให้ลดน้อยลงเลย 

ก็ขอให้ฝากเรื่องนี้กับทุกท่านด้วยนะครับ

 

อ้อ คุณชนิดาครับ

เรื่องกินหญ้าบ้านสวนฯที่ฝากคุณสีนวล

ผมบอกให้แล้วนะครับ

 

เธออมยิ้มและขำอย่างเดียว

คงจะอิ่ม(บุญ) จนพูดไม่ออก

จริงหรือไม่ คงต้องท้าพิสูจน์

เอ แต่หญ้าไทยจะสู้หญ้าโปแลนด์

ได้หรือเปล่าหนอ ถึงจะเคี้ยวยาก

แต่ก็มีคนเคี้ยวเป็นประจำนี่นา

5555+++

 

แล้วพบกันใหม่ ธรรมะสวัสดีครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-27 22:33:27


ความคิดเห็นที่ 93 (1618043)

 

ขออนุโมทนาบุญ

กับ

พี่โฆษิต ค่ะ

-*-*-*-*-*-*-

ใส่ใจ..กับงานที่ทำ

เห็นแล้วว่าพี่

ใส่ใจในบุญ จริง ๆ

หากเราใส่ใจ

เพรามี ใจรัก

ที่จะทำอะไร

ผล ต้องออกมาดี

ทั้งที่เราไม่ได้หวังผล

ผลบุญ ที่ทำด้วยใจรัก

ไม่ต้องบอกว่า

จะขนาดไหน

สาธุ ค่ะพี่โค เอ้ย พี่โฆ

โอ๋ ล้อเล่นคร๊า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-27 23:15:48


ความคิดเห็นที่ 94 (1621998)

เกษตรธรรมะ 21-22 กค. 55

อาทิตย์นี้ อาจารย์พันธ์ได้นำเทคโนโลยีการรดปุ๋ยแบบใหม่มาใช้ที่บ้านสวน ที่ตนเองก็เพิ่งได้เห็นครั้งแรก โดยใช่เหล็กแหลมมีรูที่ปลาย ซึ่งน่าจะพ่นน้ำได้ แต่อจ.พันธ์ ใช้ทิ่มลงดิน ตามบริเวณรอบๆโคนต้น และอัดน้ำลงไป จนน้ำย้อนขึ้นมาแสดงว่าพอ บริเวณนั้นอิ่มน้ำแล้ว  โดยวิธีนี้จะต้องใช้วัสดุกลมๆถ่วงให้จมในน้ำปุ๋ย แล้วใช้ปั้มดูดขึ้น ถึงจะมีแรงอัดปุ๋ยลงดินได้ ปุ๋ยที่ใช้ EC=3 ก็พอเพียง เพราะเราฉีดป้อนที่รากเลย ไม่มีฝนมาชะหน้าดินได้เลย วิธีนี้เราไม่ต้องแบกน้ำปุ๋ยหนักเดิน 10 รอบ พวกสว.อย่างจุ๋ม-จิ๋ม สาธุ อจ.พันธ์กันหลายรอบเลย นอกจากนี้กลิ่นก็ไม่ตลบอบอวนเข้าประตูบ้านท่านอาจารย์อุบลอีก (กราบขอขมาอีกรอบค่ะ) อ.พันธ์บอกว่าท่านไม่ห่วงเรืองปุ๋ยไม่พอแล้ว  เมื่อก่อนต้องใช็ EC=10 รดพืชที่กินปุ๋ยมากๆ ใช้หมดเกลี้ยงเลย

อาทิตย์นี้หัดรดด้วยท่อ สวิทช์กดค้าง ทำให้ท่อไม่เป็นฝอย น้ำปุ๋ยเหม็นทะลักออกมา คุณโฆษิตพยายามซ่อมให้ ผลสุดท้ายได้อาบน้ำปุ๋ย พี่ขอขมาด้วยค่ะที่เป็นต้นเหตุให้คุณเปียกน้ำเหม็นๆ

ต้องติดตามผลว่าแปลงผักเราโตเร็วขึ้นอีกไหม อนาคต มัน เผือก ข้าว คงตามมาใช้กัน
อนุโมทนาบุญกับ กำลังทรัพย์ กำลังสมอง และกำลังใจอันตั้งมั่น ของ อ.พันธ์ นับวันก็จะปลูกมากขึ้นอีกเรื่อยๆ

จุ๋ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-31 16:42:14


ความคิดเห็นที่ 95 (1622044)

 

สวัสดีครับ
 
หลังจากห่างหายกันไปนาน
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง การอัดปุ๋ยลงในดิน
ตามที่พี่จุ๋มได้เล่าให้ฟังไปแล้ว
 
หน้าฝนแบบนี้ ปกติเราคิดว่า
พืชผักน่าจะงามใช่ไหมครับ
 
แต่ความจริง กลับไม่ใช่อย่างนั้น
เพราะน้ำฝนจะล้างปุ๋ยที่เรารด
ให้หมดไปอย่างรวดเร็ว
ไหลไปตามกระแสน้ำ ไม่ได้ซึมลึกลงไปในดิน
จนถึงรากของพืช
ทำให้พืชได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
จึงไม่งามอย่างที่เราเห็นกันอยู่
 
น้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อพืชก็จริง
แต่น้ำไม่มีสารอาหารเพียงพอแก่การเจริญเติบโต
ตามที่เราเคยวัดค่าสารอาหารของน้ำ
จะพบว่าต่ำมาก ยิ่งน้ำฝนด้วยแล้ว ค่าแทบเป็น 0
 
พืชกับคนเราก็ไม่ต่างกัน
ต่างประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
รวมทั้งอากาศธาตุ
ที่ต้องมาประชุมกันให้พร้อม
จึงจะสามารถเจริญเติบโตได้
ไม่ใช่เพียงอาศัยแค่น้ำเท่านั้น
 
การที่อาจารย์พันธ์
ท่านนำเทคนิคการอัดปุ๋ยน้ำลงในดิน
ก็เพื่อให้พืชได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
โดยเฉพาะในหน้าฝนเช่นนี้
 
โดยเราต้องเจาะให้ลึกลงไปให้มากที่สุด
เจาะกระจายกว้างตามระบบรากของพืช
เพื่อให้รากได้รับปุ๋ยโดยตรงและอย่างเพียงพอ
 
ข้อควรระวัง คือ
อย่าเจาะลึกหรือถี่มากเกินไป
เพราะระบบรากจะเสียหายได้จากแรงดันของน้ำปุ๋ย
ทุกอย่างต้องพอเหมาะพอดี
เป็นไปในทางสายกลางเช่นเดียวกัน
 
ขออนุโมทนาบุญกับพี่จุ๋มและพี่จิ๋มด้วยครับ
ทั้งธรรมทานและอุปกรณ์ทุกอย่างที่นำมาร่วมบุญ
ช่วยงานแปลงผักปลอดสารพิษของบ้านสวนฯ
ตั้งแต่ต้น จนถึงอุปกรณ์รดน้ำปุ๋ยนี้ด้วยครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-31 23:05:00


ความคิดเห็นที่ 96 (1622350)

อนุโมทนาบุญกับขาประจำที่แปลงเกษตรทุกท่านค่ะ

นอกจาก อ.พัน-นี ก็มีคุณโฆษิต คุณศักดิ์ พี่จุ๋ม พี่จิ๋ม คุณสมจิตและอีกหลายท่าน

ปักหลักทำงานแบบไม่ค่ำไม่เลิกตลอด

คราวก่อนได้มีโอกาสไปปลูกเสาวรส กับมะรุม

ได้เพิ่มรอยหยักในสมองขึ้นมาอีกหน่อย

เทคนิคสำคัญอยู่ที่การเตรียมหลุมก่อนเอาต้นกล้าลง

ขนาดของหลุมให้กว้างลึกกว่าต้นกล้าพอสมควร

พอเอาต้นกล้าลงหลุมแล้วค่อยๆเกลี่ยดินที่ขุดขึ้นมากลบลงไป

ดินซุยๆพวกนี่แหละที่ทำให้ให้ต้นอ่อนสามารถชอนไชหาอาหารได้

ถ้าหลุมเล็กขนาดพอดีหรือคับแคบเกินไป

ทำให้รากเค้าไม่อาจไชชอนได้

พาลจะขาดอาหาร เฉาตายซะก่อนค่ะ

นับเป็นเหตุผลที่สำคัญไม่ควรละเลย

กับต้นไม้อื่นๆคงต้องค่อยๆศึกษากันไป

ไม่น่าจะใช้หลักการเดียวกันได้ทั้งหมด

 

อย่างต้นส้ม มะนาว

พอดีได้ยินอาจารย์พันอธิบายพร้อมสาธิตการปลูก

ว่าไม่ต้องขุดหลุมลึกแต้เน้นกว้างๆไว้

พอเอาต้นอ่อนลงแล้วเอาดินกลบ ถมให้สูงหน่อย

ป้องกันน้ำขังที่โคนต้น พวกนี้รากฝอยจะเยอะ

พอเจอน้ำขังเยอะๆรากอาจเน่าได้ค่ะ

 

นึกได้อีกอย่างคือเผือก

พวกนี้ขอหลุมใหญ่ๆ

ใส่น้ำก้นหลุมเยอะหน่อย

พอเอาต้นอ่อนลงแล้วกลบดินลงไปหลวมๆ

ไม่ต้องรดน้ำซ้ำแล้ว

 

จะว่าไปการปลูกพืชแต่ละชนิดที่ว่ามาเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง

ระหว่างทางที่จะได้ผลผลิตยังมีองค์ความรู้อื่นๆอีกมากมาย

ต้องหมั่นสังเกตแล้วปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างอ.พันเป็นระยะๆ

อ.พันพร้อมที่จะถ่ายทอดวิชาให้แก่ผู้ที่สนใจจจริงจังนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-02 22:49:44


ความคิดเห็นที่ 97 (1622352)

อีกเรื่อง

หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาไปช่วยหยอดเมล็ดข้าวลงหลุม

เสียดายที่ไม่ทันได้เรียนรู้การเตรียมดินซะก่อน

หยอดข้าวลงไปหลุมละ 1 เม็ดใช้นิ้วโป้งกดให้จมครึ่งหัวแม่โป้ง

แล้วปิดหลุมด้วยปุ๋ยขี้ไก่ รดน้ำให้ชุ่ม

ตอนนี้ผ่านมาราว 4-5 อาทิตย์

ต้นกล้าเขียวขจีบางต้นสูงเกิน 50 cm

อันนี้มองจากมุมไกลๆนะคะ

อีกไม่นานอ.พัน คงพาลงแปลงนาแล้วค่ะ

ในระหว่างหยอดหลุมเม็ดข้าว

ลูกได้กระทำการด้วยประมาทเลินเล่อ

โดยการกระโดดข้ามถาดหลุมไปฝั่งตรงข้าม

มารู้ตัวอีกทีไม่ทันซะแล้ว ลูกรู้สึกผิดมาก

กราบขอขมาแม่โพสพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่บ้านสวนฯ

และท่านอาจารย์อุบล ที่ลูกได้กระทำการเช่นนั้น

จากนี้ไปลูกจะระมัดระวังกริยา มารยาทให้มากกว่านี้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-02 23:13:11


ความคิดเห็นที่ 98 (1622974)

 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 5 ส.ค.55

หลังจากที่พวกทีมเกษตร ปลูกเผือกกันแล้ว ทีมปลูกต้นโมก ปลูกกันแล้ว ก็มาบ่นกันว่า

สงสารต้นเผือก กับ ต้นโมกจัง เพราะแดดร้อน เหี่ยวตั้งแต่เริ่มปลูก ยกเว้นต้นโมกที่ไม่เหี่ยว แต่พวกเราก็เอาบัวรดน้ำ ไปเดินรดกันไว้ก่อน

ก็เลยบอกไปว่่า เดี๋ยวเทวดาท่านก็สงเคราะห์เองแหละ  พอตกกลางคืน ฝนเทลงมาอย่างหนัก เลยนึกถึงพวกเราที่กลัวเผือก กะ ต้นโมกเหี่ยว รุ่งขึ้นก็ไปดู ไปดูธงด้วย สวยเหมือนเดิม แต่ต้นไม้ สดชื่น วันนี้ก็ไปดู ถึงด้านหลังอีกที แล้วก็มาหยุดดูต้นเผือก ยังมีน้ำขังอยู่เลย

วันนี้ อากาศ บ้านสวน หนาวเย็น เหมือนเคย หนาวเลยทีเดียว อากาศดีมาก ทั้งทีี่วันนี้ฝนไม่ตก

สัปดาห์นี้ เตรียมรับความหนาวกันด้วยนะ เอาไว้ ใกล้ๆ สุดสัปดาห์ จะมาบอกสภาพอกาศอีกทีนะ  กลางคืน กับ กลางวัน เหมือนคนละประเทศเลยหละ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 22:08:57


ความคิดเห็นที่ 99 (1622978)

ขออนุญาตขยายตัวอักษรค่ะ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 5 ส.ค.55

หลังจากที่พวกทีมเกษตร ปลูกเผือกกันแล้ว ทีมปลูกต้นโมก ปลูกกันแล้ว ก็มาบ่นกันว่า

สงสารต้นเผือก กับ ต้นโมกจัง เพราะแดดร้อน เหี่ยวตั้งแต่เริ่มปลูก ยกเว้นต้นโมกที่ไม่เหี่ยว แต่พวกเราก็เอาบัวรดน้ำ ไปเดินรดกันไว้ก่อน

ก็เลยบอกไปว่่า เดี๋ยวเทวดาท่านก็สงเคราะห์เองแหละ พอตกกลางคืน ฝนเทลงมาอย่างหนัก เลยนึกถึงพวกเราที่กลัวเผือก กะ ต้นโมกเหี่ยว รุ่งขึ้นก็ไปดู ไปดูธงด้วย สวยเหมือนเดิม แต่ต้นไม้ สดชื่น วันนี้ก็ไปดู ถึงด้านหลังอีกที แล้วก็มาหยุดดูต้นเผือก ยังมีน้ำขังอยู่เลย

วันนี้ อากาศ บ้านสวน หนาวเย็น เหมือนเคย หนาวเลยทีเดียว อากาศดีมาก ทั้งที่วันนี้ฝนไม่ตก

สัปดาห์นี้ เตรียมรับความหนาวกันด้วยนะ เอาไว้ ใกล้ๆ สุดสัปดาห์ จะมาบอกสภาพอากาศอีกทีนะ กลางคืน กับ กลางวัน เหมือนคนละประเทศเลยหละ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 22:08:57

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 22:58:53


ความคิดเห็นที่ 100 (1622983)

ดีใจจังค่ะ ต้นเผือกรอดแล้ว ตอนที่ปลูกเห็นต้นเผือกเหี่ยวก็ยังนึกอยู่เหมือนกันค่ะว่าจะรอดไหมเนี่ย แต่ตอนนั้นท่านอาจารย์ก็บอกนะคะว่าเดี๋ยวฝนก็ตก และแล้วฝนก็ตกมาจริงๆด้วยค่ะ ขอกราบขอบพระคุณเทวดาทุกๆพระองค์ค่ะ ที่ประทานฝนมาให้ต้นเผือกกับต้นโมกได้สดชื่นกัน 

อาทิตย์ที่ผ่านมาได้แต่ปลูกต้นเผือกยังไม่ได้ปลูกต้นโมกกับเค้าเลยค่ะ แต่เดี๋ยวอาทิตย์นี้ขอแก้ตัวใหม่ยังไงจะต้องไปปลูกต้นโมกที่แดนนิพพานให้ได้เลยค่ะ ลูกขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์แม่ค่ะ ที่ให้โอกาสลูกได้สร้างบุญใหญ่ค่ะ กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรหมภัสสร กฤตธกร (พจน์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-07 23:22:08



[1] 2 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.