ReadyPlanet.com


จะพาหนีนรก ไม่รู้จะสำเร็จหรือเปล่า


 

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔ คะ ทุกท่าน

 

คิดทบทวนอยู่หลายวันว่าควรจะเขียนเรื่องนี้ดีหรือไม่

เพราะเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ และไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน เกรงว่าจะเสียเวลาเปล่า

เป็นเรื่องส่วนตัว แต่มาพาดพิงถึงบ้านพีระมิด และอ.อุบล(คนสวย คนดีมาก ๆ)อีกด้วย

จึงตัดสินใจเล่าแล้วกันนะคะ

 

เหตุเกิดเมื่อช่วงปีใหม่นี้เองคะ

แฟนได้นอนมองดูรูปที่หัวเตียง(พระพุทธรูป,องค์ฟิงค์,พระเจ้าอยู่หัว,หลวงพ่อฤาษีลิงดำ,

และประเด็นสำคัญคือ รูป อ.อุบล) แล้วเกิดไม่ต้องตาต้องใจขึ้นมา จึงพูดว่า

"ทำไมต้องเอารูปผู้หญิงมาไว้บนหัวด้วย น่าจะตัดเอาแต่รูปพระมาก็พอ"

ก็เลยถามกลับไปว่า "ทำไมเหรอ?"

ได้คำตอบมาว่า.. "ก็ไม่ทำไม ไม่อยากให้งมงายมากไปกว่านี้"

แหวนพูด "งมงายอะไร ไปฟังใครพูดอะไรมาบ้าง เล่ามาสิ"

แฟนพูด "ไม่เอา ไม่อยากพูดถึงละ ไม่อยากทะเลาะ"

แหวนพูด "ไม่ได้ทะเลาะนี่ เราเข้าใจไม่ตรงกันก็ต้องอธิบายสิ จะได้เข้าใจ ตกลงโทรไปหาใครบ้างแล้วเขาพูดว่ายังไงบ้าง ลองเล่ามาสิ"

แฟนพูด "ก็โทรไปทุกเบอร์นั่นแหละ(ในโบรชัวร์)"

แฟนพูด "นี่เค้าไปถามพระมานะ ท่านบอกว่าทำบุญ ทำที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปใช้แรงกายอะไรขนาดนั้น ไอ้เรื่องศรัทธาก็เข้าใจ แต่ท่านก็บอกว่าทำที่ไหนก็ได้เหมือนกัน"

แหวนพูด "ก็ใช่ทำที่ไหนก็ได้ แต่เค้าอยากไปที่นี่ไง" (คิดในใจ เราไปก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรใครนี่นา)

แฟนพูด "แล้วก็ไอ้น้ำวิเศษอะไรนั่นอีก ที่บอกกินแล้วจะหาย ไม่เชื่อหรอก"

แหวนพูด "เค้าก็ไม่ได้บอกว่ากินน้ำแล้วจะหายนี่ เค้าให้สำรวจกรรม สำนึกบาป อุทิศบุญต่างหากล่ะ"

แฟนพูด "การทำบุญเค้าไม่ให้เรี่ยไร นี่พูดให้คนซื้อเครื่องสำอางค์อะไรก็ไม่รู้"

(แหวนคิดในใจ ..อ้าว ตัวเองก็เคยใช้ แล้วยังบอกว่าดีอยู่เลย อะไรว๊า ทำลืมไปได้)

แหวนพูด "เค้าไม่ได้บอกให้ใครมาซื้อนะ แทบไม่ค่อยจะขายด้วยซ้ำไป"

แฟนพูด "แล้วที่บอกเห็นพระฤาษีอะไรนั่น ใคร ๆ ก็พูดได้ ฉันก็พูดได้ว่าเห็น ๆๆ ทั้งที่ไม่เห็นอะไร ใช่มั้ย?"

"ลองคิดดูนะ ทำไมคนที่เขาไปตั้งแต่แรก ๆ ไปบุกเบิกอะไรต่าง ๆ นานา ถึงไม่ไปอีก คิดดูสิว่าทำไม"

แหวนพูด "อ้าว ก็แล้วเค้าบอกว่า ทำไมล่ะ?"

แฟนพูด "เขาก็บอกว่าไม่อยากงมงายไปมากกว่านี้แล้ว ที่ผ่านมา อุปาทานกันไปเอง" "คิดดูสิ ทำไมต้องให้คนกลุ่มหนึ่งคอยพูดให้คนอื่นมาเชื่อ คน ๆ เดียวด้วยล่ะ คิดดูสิ"

แหวนพูด "เค้าก็ไม่เคยบอกให้ใครมาเชื่อ มาศรัทธาในตัวเค้าเลย เค้าให้นับถือพระพุทธเจ้านู้น"

แฟนพูด "ทำไมต้องพูดเสียงดังด้วย ฮ้า"

แหวนพูด "ก็จะพูดให้ฟังนี่ไง จะได้เข้าใจเสียที"

แฟนพูด "ไม่อยากฟังแล้ว" (แล้วก็ทำหลับตา ไม่รับรู้อะไรเหมือนเด็กดื้อ ๆ)

แหวนก็ยังพูดต่อ "ที่นี่เค้าเน้นเรื่องกรรมนะ เค้าทำให้เรารู้ว่าทำเหตุอะไรไว้ถึงได้รับกรรมอย่างนี้ เค้าให้สำนึกบาป อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร หยุดกรรมชั่วต่างหาก"

แฟนหลับตาอยู่ แต่ยังเถียงอีกว่า "การกระทำทุกอย่างมันก็เป็นกรรมทั้งนั้นแหละ!!!"

แหวนพูด "ก็ใช่ไง การกระทำมันก็คือกรรม แต่เราเลือกได้ว่าจะทำกรรมดีหรือชั่ว"

 "อย่างน้อยที่นี่ ก็ทำให้แหวนรู้ว่าทำไมชีวิตแหวนจึงเป็นดังทุกวันนี้ เข้าใจเหตุผล เข้าใจเรื่องกรรม แล้วเลิกโทษอย่างอื่น เลิกโทษว่าดวงซวย เลิกโทษสิ่งแวดล้อมรอบตัว คนโน้นคนนี้ไม่ดียังไง แต่หันมามองตัวเอง มองว่าเราทำอะไรไว้ สำนึกในบาป แล้วก็เลิกทำบาปได้เสียที"

รู้สึกว่าเค้าเริ่มฟัง เลยพูดยกตัวอย่างต่อไปอีกว่า "เช่น คนที่ไม่สมหวังในความรักและครอบครัว เกิดจากการผิดศีลข้อ 3 เจ้าชู้ มีกิ๊ก " "คนที่ยากจน มีปัญหาด้านการเงิน เกิดจากการไปคดโกง ขโมยของคนอื่นมา" "คนที่เจ็บป่วยก็เพราะชอบฆ่า ทำร้ายคนหรือสัตว์"

แฟนหลับตาแต่เถียงมาว่า "แล้วพวกคนรวย ๆ มันมีความทุกข์อะไรอีก"

แหวน (คิดในใจ ..อ้าว ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงจริ๊ง) ตอบไปว่า " ก็คนรวย มันไม่เจ็บไม่ป่วยเหรอ ครอบครัวมีความสุข สมหวังในความรักทุกคนรึเปล่าล่ะ บางคนทุกข์ใจเรื่องลูกเรื่องอะไรก็มีนี่ "

"จะบอกให้นะ คนบนโลกนี้เกิดมาไม่ทุกข์นั้นไม่มีหรอก ทุกข์หมด ทุกข์ไปคนละแบบแค่นั้นเอง"

 

.........จบบทสนทนาในคืนนั้น...........

พอเค้าหลับไป ใจก็นึกเป็นห่วงเค้าเหมือนกันว่าเป็นอะไรมั้ย พูดพาดพิงไปซะมากมาย แต่อีกใจคิดว่าที่เค้าคิด ที่เค้าพูดแบบนั้น เพราะเค้าได้ข้อมูลมาแบบนั้น เค้าแทบไม่เคยได้ดูรายการเลย เค้าไม่รู้กิจกรรมอะไรมากมาย ไม่รู้ว่ามีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หรืออะไรต่าง ๆ ที่เค้าพูดมา หนูจึงมั่นใจว่านั่นคือ สารน์ จากทางโทรศัพท์ บวกกับที่เค้าไม่พอใจที่หนูอยากไปทำงานใช้แรงกายที่นั่นด้วย และอีกครั้งก็แอบไปไม่ได้บอก (เพราะรู้ว่าบอกไป เค้าก็จะเป็นห่วงไม่อยากให้ไป) 

คืนนั้นจึงกราบรูปบนหัวนอน และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยชี้ทางสว่างแก่เค้า ช่วยเมตตาด้วยเถิด

 

เช้าวันต่อมาขับรถไปธุระด้วยกันสองคน พูดเรื่องอะไรมากมายในรถจำไม่ได้ แต่ไปลงท้ายเรื่องคนทุกคนบนโลกมีความทุกข์จริง ๆ  แล้วหนูก็ยกตัวอย่างคุณมาร์คกับคุณเพชร ว่าเค้าสองคนก็มีฐานะดี หน้าตาดี การศึกษา การงานดี แต่เขาก็ทุกข์ เล่าอาการป่วยของคุณเพชร การรักษาที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ก็ชี้ให้เค้าเข้าใจ

วันนี้ดูเค้าไม่ค่อยต่อต้านแล้วก็ยอมรับฟังเรามากขึ้น

 

อีกวันต่อมาหนูขับรถไปธุระด้วยกัน  เค้านั่งเบาะหลังกับคุณแม่ เห็นแม่ใส่แหวน

เค้าก็บอกว่าแหวนอะไรแม่ สวยดีนะ แม่บอกแหวนพีระมิด ก็คุยไปคุยมา

บอกอยู่นั่นแหละว่าสวย แม่เลยถอดให้ไป(ด้วยความรัก เมตตา อยากให้มีดวงตาเห็นธรรมมั้ง)

แม่บอกเค้าว่าใส่ไว้ตลอดเลยนะ จะช่วยคุ้มครอง เค้าก็ถามอยู่ว่าใช้ยังไง เก็บยังไง อยู่นั่น

หนูไม่มีมารยาท เลยพูดแทรกไปว่า "ใส่แหวนแล้วต้องทำความดี ถึงจะดี

พลังพีระมิด ต้องใช้คู่กับพลังความดีจึงจะได้ผล"

....จบบทสนทนาในวันนั้น.....

 

เย็นวันอาทิตย์ไปธุระหลายที่รีบกลับบ้าน มาถึงก่อนห้าโมงเย็น

รีบเปิดทีวี รายการยังไม่จบ ได้ดูอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดี

เปิดมาตอนหลวงพ่อ เทศน์เรื่องการบอกคนให้เข้าใจธรรมะ พอดีเลย

ท่านบอกว่าเปรียบกับการที่เราเป็นนักแสดง เราต้องแสดงให้เขาประทับใจ

ต้องรู้ใจคนว่าคนแถวนี้เขาชอบแบบไหน ไม่ใช่ไปโทษเขาว่าเขาตาไม่ถึง หูไม่ถึง

ไม่มีรสนิยม อะไรแบบนี้ไม่ได้ หรือการที่เราเป็นแม่ครัว เราก็ต้องรู้วิธีปรุงอาหาร

ให้ถูกใจคนทาน ต้องรู้ใจเขา

ก็เลยได้ข้อคิดตรงนี้ ตรงประเด็นเลยทีเดียวคะ

 

เช้ามืดคืนต่อมาหนูสะดุ้งตื่น อยู่ ๆ จิตก็นึกถึงเรื่องคนที่เค้าโทรหาว่าควรจะคุยกับแฟน

บอกเหตุผลให้เค้าหายสงสัย ว่าทำไมปลายสายถึงพูดมาเช่นนั้น

แล้วจิตก็แว่บ บอกมาว่า คนเราทุกคนเวลามีทุกข์ก็แสวงหาทางจะพ้นทุกข์กันหมด

บางคนวิ่งหาพระ หาพมอดู ไปสะเดาะเคราะห์บ้าง แต่คนพวกนี้(คนรับโทรศัพท์)

เค้าได้มาเจอ อ.อุบล จึงทำตามที่อ. บอกทุกอย่างเพราะอยากพ้นทุกข์ของตน

เมื่อได้ดังหวัง มีอะไรดีขึ้น จึงคิดว่าอ.อุบลศักดิ์สิทธิ์บันดาลสิ่งต่าง ๆ ได้ดั่งใจ

 

แต่เมื่อมีคนอื่นมาแล้วเค้ารวยขึ้น สวยขึ้น หายป่วยขึ้น

คนพวกนี้จึงเกิดความโลภ อยากรวย อยากสวย อยากดีเหมือนเขา ก็เกิดความหวัง

แต่พอไม่สมดังหวัง ก็เลยไม่พอใจ ว่าทำไมตนทำมาตั้งเยอะ ทำมาก่อนคนอื่นอีก แต่ไม่เห็นได้ดีเท่าเขา

ก็เลยคิดว่าที่ผ่านมา คงอุปาทานไปเอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นมีจริงเลย

โดยลืมประเด็นสำคัญที่สุดไปว่า เราทำบุญทำกรรมมาไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน

คนที่เขาถูกหวย รวย หรืออย่างอื่น เขาก็ต้องสร้างบุญของเขามาก่อนแล้วด้วยจึงส่งผล

 

แล้วอีกอย่างถ้าสมมติว่าคุณอายุ 30 คุณได้มาเจออ.อุบล 1 ปี

ถามว่าบาปที่คุณทำมา 29 ปี กับบุญที่ทำมา 1 ปี

(ซึ่งอาจไม่เต็มดี เพราะก็ยังรักษาศีลไม่ร้อยเปอร์เซนต์ ทำทาน ทำสมาธิ ละวางความโกรธไม่ได้หมด)

ลองเทียบดูว่าอันไหนเยอะกว่ากัน เป็นกี่เท่า

ดังนั้นการมาทำตัวดีแค่ไม่กี่เดือน แต่ทำบาปมาทั้งชีวิต จะมาหวังให้

จู่ ๆ ดีขึ้นมาเว่อร์ ๆ ได้ไงถ้าเป็นอย่างนั้นกฏแห่งกรรมก็ไม่ยุติธรรมน่ะสิ

 

ใช่ นี่แหละ ที่เราต้องพูดกับเค้า เช้ามาจึงเล่าเรื่องนี้ให้เค้าฟัง...

 

เค้าก็เลยเล่าว่าเมื่อคืนก็ฝันเหมือนกัน

ฝันว่าดูดวง และมีคนบอกให้กดเครื่องคิดเลขจะดูดวงให้

ทีแรก กดไม่ได้เลย ตอนหลังกดได้เลขอะไรไม่ทราบ แต่ลงท้ายด้วย 9

คนในฝันทำนายเขาว่า คุณน่ะใจก็อยากไปทางบุญนะ

แต่จิตใจด้านร้าย ๆ คอยขัดอยู่เรื่อย

ให้อุทิศส่วนกุศลให้จิตใจด้านร้ายของคุณบ่อย ๆ แล้วจะดีขึ้น

 

หนูจึงบอกให้ทบทวนดูดี ๆ สิว่าตัวเองทำกรรมมาครบหมด หนัก ๆ ทั้งนั้น

ตั้งแต่ เป็นเอเย่นค้ายาบ้า ฆ่าคนตาย รู้เห็นทำแท้งลูกกับแฟนเก่า 2 คน

ทำร้ายจิตใจแม่จนตรอมใจตาย ทำร้ายจิตใจผู้หญิง โมโหร้าย

ปากร้ายด่าเก่ง พูดจาให้คนอื่นเจ็บไปถึงใจ ลูกน้อง คนรอบตัว

โดนหมด และอื่น ๆ อีกมาก

(อันนี้ไม่ได้มาประจาน แต่เขาเล่ามาให้ฟังเองทั้งหมด

เล่าให้แม่หนูฟัง เล่าให้คนรู้จักฟังมาหลายคนแล้ว)

 

ดังนั้นวิบากกรรมเหล่านี้จึงมาขัดขวางทางบุญ ไม่ให้เขาได้หลุดพ้นง่าย ๆ

เขาต้องต่อสู้กับจิตใจด้านร้ายของเขา เขาเองก็เคยบวชวัดป่ามา

แสดงว่าบุญก็มาก บาปก็หนา ต้องเข้มแข็งจึงหนีนรกได้นะ

 

หนูคิดว่าคงมีอีกหลาย ๆ คนที่เป็นแบบนี้ คือ รู้ผิดชอบชั่วดี แต่..

แต่ไม่ปฏิบัติ หรือปฏิบัติไม่ได้

 

ตอนนี้ก็เพียงหวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บุญเก่า และพลังพีระมิด

จากแหวนวงนั้นจะมีส่วนช่วยให้เค้า มีจิตหลุดพ้น ดวงตาเห็นธรรม

ขึ้นมาบ้างก็คงจะดี อย่างน้อยขั้นแรกขอให้หนีนรกได้ก่อนเถอะ

 

ส่วนตัวก็ปลงมาหลายรอบแล้ว ว่าจะดึงเค้ามาได้มั้ย

แต่ในเมื่อเรายังมีชีวิต มีลมหายใจอยู่ ก็ยังมีหวังใช่มั้ยคะ

ถึงเขาจะเป็นยังไง ก็รักเขา รักเพราะเขาเป็นสามี เป็นพ่อของลูก

เราเป็นภรรยา เราก็ต้องทำหน้าที่ชักจูงเขาไปในทางที่ดีใช่มั้ยคะ

ก็พยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดในทุกบทบาท ทุก ๆ วัน

ทำวันนี้ให้ดี่ที่สุด จะได้ไม่เสียใจภายหลัง

 

ที่เล่ามาทั้งหมดหากมีข้อมูลตรงไหนที่หนูได้พูดไปไม่ถูกต้อง

ขอให้ท่านผู้อ่านช่วยชี้แนะด้วยนะคะ

หากบทความนี้พอจะมีประโยชน์อยู่บ้างขอให้บุญในธรรมทานนี้

ถึงแก่เจ้าของเรื่องที่ถูกนำมาเล่า และท่านผู้อ่านทุก ๆ ท่าน

ให้มีดวงตาเห็นธรรม หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงนะคะ

 

(แหวน : นางพัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร)

(แฟน : นายยศพัทธ์ วังกาวันมณเฑียร)



ผู้ตั้งกระทู้ แหวน โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-01-06 12:04:17


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1525646)

 

พี่ขอเป็นกำลังใจ

และ

ขอพรพระพุทธองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

ขอให้นู๋แหวน....ทำหน้าที่ ... อย่างดีที่สุด

ประสบผลสำเร็จ .. เกินความคาดหมายโดยเร็ววัน

สาธุ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-01-06 13:15:22


ความคิดเห็นที่ 2 (1525648)

 

      ขอบคุณ คุณแหวนมากนะคะ  ที่นำเรื่องราวมาเล่าให้ได้ทราบ  ก็มีหลายอย่างที่ตวเองต้องเก็บมาคิด

  ขออนุโมทนาบุญกับคุณแหวนด้วยค่ะ  ขอให้พบแต่สิ่งที่ดี ๆ  ในชีวิตนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล ฉวีวรรณ นภาพรรณราย วันที่ตอบ 2011-01-06 13:17:08


ความคิดเห็นที่ 3 (1525654)

นู๋แหวน....พี่ตาล

หากเราย้อนเวลากลับไปได้

ก็คงจะไม่แต่งงาน..เนอะ

มีลูกกวนตัว...มีผัวกวนใจ..จริงสุด

บางครั้ง ทัมใจ  เอาไม่อยู่

ต้อง..ประสาท..นอแรด คู่ตามไป

ที่ได้ฟังเรื่องจากพี่ตาล

ได้อ่านเรื่องของนู๋แหวน

เฮ้ย...เรายังโชคดีนะ...สามีใจดี

แต่ก็ยัง..คิดรำคาญ...บางเวลา

อย่างเช่น...

ไปที่บ้านซอยสายลม...

ให้ขับรถพาไป

ก็จะถาม

เคยมาเมื่อไหร่...มากับใคร...รู้จักได้ไง

เขาทำอะไรกัน....ฯลฯ

แมวก็เลยบอกว่า.....ขอตอบทีเดียวนะ

เป็นสาขา...วัดท่าซุง...ในกรุงเทพฯ

ก็เหมือนที่แค้มป์ ... พาแมวไปโบทถ์

ก็ไปหลายที่...อัสสัมชัน...เซ็นหลุยส์...

โบทถ์...ที่องครักษ์...นครนายก..ก็เข้ามาแล้ว  OK.

แมวแกล้งทำสีหน้า จริงจัง

หันมาส่งยิ้ม.....พูดว่า ... ถามดูเฉย ๆ

เห็นไหม...กวนใจแค่ไหน

แบบนี้ต้องเอาใจ..เข้าสู้

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-01-06 13:34:03


ความคิดเห็นที่ 4 (1525656)

สาธุ ..ขอบคุณพรของพี่แมว และคุณตาลมาก ๆ นะคะ

ขอให้พรนั้นกลับคืนหาพี่ทั้งสองร้อยพันเท่า

ให้คนใกล้ตัวของเราทุกคนมีดวงตาเห็นธรรมด้วยนะคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2011-01-06 13:39:47


ความคิดเห็นที่ 5 (1525659)

พี่แมวโชคดีจริง ๆ คะ

ที่มีสามีใจดี และเข้าใจง่าย

(มองหน้านิดเดียว รีบบอก..ถามดูเฉย ๆ น่ารักจัง)

ดีกว่าสามีของอีกหลาย ๆ คน

ที่พูดไม่ยอมฟัง ดื้อยิ่งกว่าลูกตัวเองอีก........

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2011-01-06 13:58:23


ความคิดเห็นที่ 6 (1525662)

สวัสดีค่ะ คุณแหวน

 

ได้อ่านข้อความของคุณแหวนแล้ว บอกได้เลยนะคะว่า

คุณแหวน เข้าใจได้มากมาย..ใกล้หมดกรรมแล้วล่ะค่ะ การช่วย

ให้ผู้อื่นเข้าใจในธรรม ที่แท้จริงเป็นเรื่องที่ยาก  ใครๆก็อยาก

พ้นทุกข์หมดกรรมทั้งนั้นแต่การกระทำต่อไป ในบททดสอบ

นี่ยากนะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ขอให้บุญในธรรมทานนี้

 

 

ถึงแก่เจ้าของเรื่องที่ถูกนำมาเล่า และท่านผู้อ่านทุก ๆ ท่าน

 

ให้มีดวงตาเห็นธรรม หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญ์วิญาณ์ (tata_su1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-06 14:04:53


ความคิดเห็นที่ 7 (1525689)


หนูแหวนครับ ผมเกรงว่าหากแฟนหนูมาอ่านบทความนี้ อาจไม่เป็นผลดี

ผู้ชายต้องการเป็นช้างเท้าหน้าเสมอ ควรระมัดระวังการแสดงความเห็น

สิ่งใดที่ผู้ชายไม่ได้เป็นคนคิดคนเริ่ม อาจไม่ได้รับความร่วมมือ

อย่าได้หวังที่จะไปเปลี่ยนคนอื่น  ไปเรื่องยากมากๆ อาจจะเป็นการไปสร้างบาปให้กับเขา โดยไม่เจตนา

ให้เปลี่ยนตนเองดีกว่า เปลี่ยนตัวเองอย่างไร ลองพิจารณา ศีล สมาธิ ปัญญา ของตัวเองดู

ตัวผมเองผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ถึงในใจมีธรรมะอยู่น้อยนิด

แต่ผมก้พอที่จะบอกหลักการกว้างๆให้ได้


ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ก็จริง แต่ควรรู้ว่า เวลาใด สถานที่ใด อารมณ์คนฟัง ณ เวลานั้น

เหมาะสมที่จะเปิดเผยรึเปล่า

พระพุทธเจ้าท่านจะเทศน์โปรดใคร ท่านจะดูจิตใจผู้นั้นก่อนว่า พร้อมที่จะรับฟังหรือไม่

วิธีการเปิดเผย ควรหาวิธีนำเสนอที่แยบคาย และที่สำคัญให้เป็นโทษกับทุกฝ่ายน้อยที่สุด

ตัวผมเองเคยทำตัวเป็นผู้พิพากษา  ใช้วาจาอาจหาญไปเพ่งโทษผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนใจและกาย


กำลังใจทีทุกคนให้หนูแหวน จะไม่มีประโยชน์ ถ้าหนูแหวนไม่ปฏิบัติดี

สิ่งศักดิ์สิทธิื์์์ที่ไหน ก็จะไม่ช่วยหนูหรอก หากบุญบารมีของหนูมีไม่พอ

ตัวหนูแหวนเองนั่นแหละ จะช่วยตัวเองได้ ดังพุทธพจน์ที่ว่า

"ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน"  "จงเตือนตน ด้วยตนเอง"

สุดท้ายขอกล่าวว่า

"สมาธิเป็นบุญบารมีที่ยิ่งใหญ่มาก ที่หนูแหวนสามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้เงินทอง

และไม่ต้องมาบ้านสวนพีระมิด และที่สำคัญไม่ต้องทะเลาะกับใคร"

มีกัลยาณมิตรที่ช่วยหนูแหวนเรื่องสมาธิได้ ขอเพียงระลึกให้ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุ้ม ณฐพลสรรค์ (nathaponson-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-06 15:18:28


ความคิดเห็นที่ 8 (1525697)

สุดท้ายขอกล่าวว่า

"สมาธิเป็นบุญบารมีที่ยิ่งใหญ่มาก

ที่หนูแหวนสามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้เงินทอง

และไม่ต้องมาบ้านสวนพีระมิด

และที่สำคัญไม่ต้องทะเลาะกับใคร"

"ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน"  "จงเตือนตน ด้วยตนเอง"

************************************************************

จริงที่สุด...ในบทความที่พี่ปุ้มได้เขียนนี้ค่ะ

การสร้างบารมี...ด้วยการทำสมาธิ...ยิ่งใหญ่มาก ๆ

ได้บุญบารมีมาก..เป็นที่ทราบกันดี..ของทุกคน

แต่สำหรับ...มือใหม่หัดขับ...แถมยังมีบาปติดตัวแบบหนาแน่น

ก็ยังไม่เคยได้รู้เลยว่า...เหตุ...และ...ผล...ของกรรม..คืออะไร

การทำสมาธิ..ทำที่ไหนก็ได้...แต่...บอกตรง ๆนะคะ

ไปมาหลายที่...หลายวัด...แม้กระทั่งที่บ้าน..ทำได้จริง ๆ

จิตใจสงบ...ก็OK.

แต่ก็ไม่เหมือนกับที่ไป...บ้านสวนพิรามิด...เพราะได้กับตัวมาแล้ว

โดยมี..อาจารย์อุบล..เป็นอาจารย์...ส่วนตัวคิดว่า...ถูกจริต

กับสถานที่แห่งนี้มาก ๆ ... ได้ยิน..ได้เห็น..แบบไม่คิด..ไม่ฝัน

จิตใจ...สงบ...นิ่ง...ทำให้ทราบว่า..

พระพุทธองค์..อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด....

ท่านท้าวเวสสุวรรณ...ที่เมตตา...ทั้งร่างกาย...และจิตใจ

แบบมีหลักฐาน....พิสูจน์ได้...

และพี่ปุ้ม...นู๋แหวน..พี่ตาล...พี่กัญญ์..และลูกบ้านสวนฯทุกท่าน

ก็น่าจะยืนยันได้..มาก ๆ ..เช่นเดียวกัน

ด้วยความเคารพ

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-01-06 16:27:07


ความคิดเห็นที่ 9 (1525701)

น้องทรายขออนุโมทนาบุญกับคุณพี่แหวนด้วยนะค่ะ

สำหรับธรรมทานดี ๆ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย วันที่ตอบ 2011-01-06 16:46:19


ความคิดเห็นที่ 10 (1525705)

 

ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่ายหรอกจ่ะ แม้แต่คนใกล้ตัวที่สนิทที่สุด บางสิ่งบางอย่างบางเรื่องหรือทุกเรื่องยังมองไปคนละมุม ทั้งที่เป็นเรื่องเดียวกัน แม้แต่ตัวเราเองบางทีก็ยังเอาชนะตัวเองไม่ได้ นู๋แหวนมีความมุ่งมั่นมาก พี่ว่านู๋ต้องผ่านไปได้จ่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ (opensirio -at-hot mail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-06 17:04:40


ความคิดเห็นที่ 11 (1525732)

ขอบคุณทุกมุมมอง ความคิดเห็นของทุกท่าน ๆ นะคะ

จากที่พี่ปุ้มเขียนมา ก็ทำให้เห็นอีกหนึ่งความคิดเห็นของผู้ชาย (ต้องขอบคุณมาก ๆ)

ซึ่งเรื่องนี้หนูเองก็ได้เคยคิดไว้ก่อนจะโพสท์ลงไปแล้ว คิดแล้วก็ยังคิดอีกนะคะ

แต่ก็ตัดสินใจโพสท์ลงไป ด้วยหลายเหตุผล ประการแรกคือ

มันมีการพาดพิงถึงบ้านสวนพีระมิดและ อ.อุบล ซึ่งหนูไม่เคยสบายใจเลย

แต่หากได้บอกได้พูดไป ถ้าจะช่วยลดบาปให้เบาบางลง(ที่เขาเคยคิดไม่ดีต่ออ.อุบล)

หรือหากมีใครบางคนที่เคยคิดแบบนี้ จะทำให้มีความเข้าใจในด้านอื่นบ้าง แล้วเกิดกุศลขึ้น

ก็อยากให้กุศลนั้น ส่งถึง สามีหนูบ้าง

 

ประการต่อมา ก็คือ หนูอยากให้หลาย ๆ ท่านช่วยวิจารณ์คำพูดที่หนูได้พูดบอกไปว่ามีคำไหน

หรือความเข้าใจอะไรของหนูที่ผิดพลาด ไม่ถูกต้องไปจากความจริงบ้าง เพื่อปรับปรุงความคิดของตัวเอง

เพราะหนูยอมรับว่าหนูยังไม่รู้อะไร คือยังโง่กับเรื่องทางนี้มาก ๆ ต้องให้พี่ ๆ ช่วยชี้แนะเยอะ ๆ

 

ที่พี่ปุ้มบอกมาก็ถูกต้องมาก ๆ ว่า

"วิธีการเปิดเผย ควรหาวิธีนำเสนอที่แยบคาย และที่สำคัญให้เป็นโทษกับทุกฝ่ายน้อยที่สุด"

 

ตรงนี้หนูยอมรับว่าหนูผิด ที่ไม่มีปัญญาใช้วิธีที่แยบคายได้ แถมยังจะให้โทษกับเขาอีกด้วย หนูผิดจริง ๆ ยอมรับคะพี่

หนูคงใจร้อนมากเกินไป เพราะคิดว่าเวลามันเหลือน้อยเต็มทีแล้ว

อีกอย่างถ้าไม่พูดวันนี้ วันไหนที่เริ่มพูดมันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละคะ

เพราะเขาเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าเราไม่หาเหตุผลมาหักล้าง เขาไม่มีวันเปิดใจแน่

หนูเคยตัดใจหลายครั้งว่า ปล่อยไปตามบุญตามกรรมเถิด จะเอาตัวเองกับลูกให้รอดก่อนแล้วกัน

ส่วนเขาถ้าเขาไม่รับฟัง ก็คงช่วยไม่ได้

แต่มาคิดอีกที เราเห็นนรกอยู่ตรงหน้า แล้วเรายังมีโอกาสช่วย แต่เราทำเฉย ปล่อยให้เขาเดินต่อไป

หนูคงผิดแน่ ๆ ผิดที่เป็นภรรยาที่ไม่ดีเลย ไม่ยอมช่วยสามี หนูรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่นะคะ

 

หนูคิดแค่ว่าหนูเป็นแม่ ถ้าหนูไม่สอนลูก ปล่อยให้ลูกเป็นคนเลว หนูเป็นแม่ที่ชั่วมาก ๆ

เป็นภรรยา แล้วไม่ช่วยเหลือ ไม่ช่วยรวบรวมกำลังใจให้สามี หนูก็เป็นภรรยาที่ทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์

เช่นเดียวกัน การที่หนูเป็นลูก หากหนูไม่ช่วยพ่อแม่ หนูก็รู้สึกว่าเป็นลูกที่ไม่ดี

 

ด้วยความเคารพพี่ปุ้มมาก ๆ หนูไม่เคยคิดเพ่งโทษใครเลย นอกจากตัวเอง

แต่เพียงอยากชี้ให้เค้าเห็นเรื่องกรรม เพื่อให้เค้าไม่ต้องวิ่งไปหาหมอดูที่ไหนอีก

หรือคิดแต่จะขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย โดยไม่เปลี่ยนการกระทำของตัวเอง

เอาง่าย ๆ คืออยากให้เค้ากลัวบาป และเร่งสร้างบุญให้เร็ว ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปหาทางพ้นทุกข์ด้วยวิธีอื่นแล้ว

เพราะนี่คือวิธีลัดที่สุด  หนูคงจะบังอาจมากไปที่คิดจะไปเปลี่ยนคนอื่น

แต่ก็คงขอบังอาจต่อไป โดยไม่หวังผลว่าจะสำเร็จหรือไม่ ขอเพียงได้พยายามแล้วก็พอ

 

ส่วนเรื่องทำสมาธินั้น หนูขอขอบพระคุณพี่มาก ๆ ที่ได้ชี้แนะมา

ด้วยเพราะเป็นบุญ บารมีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจริง ๆ หนูเองก็พยายามอยู่เสมอคะ

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะ เชิญชี้แนะหนูอีกนะคะ รู้สึกดีมาก ๆ คะ

ทั้งพี่ปุ้ม พี่แมว และพี่ ๆ ท่านอื่นทุกคน เมตตาปัญญาให้หนูเยอะ ๆ นะคะ ขอบคุณคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2011-01-06 20:04:53


ความคิดเห็นที่ 12 (1525746)

       คุณแหวนครับ  ตัวเล็กขอเป็นกำลังใจ

อีกคนนะครับ ผมคิดว่าหนทางไม่ได้โรย

ด้วยกลีบกุหลาบ เพราะฉนั้นเป็นธรรมดา

ที่แนวทางจะไม่เหมือนกัน ขนาดญาติ

ธรรมที่มาบ้านสวนด้วยกัน ยังคิดไปคนละ

แบบ เพราะฉนั้นเริ่มที่ตัวเราก่อน คิดก่อน

ได้ก่อนครับ ไปเถอะบ้านสวนใครจะคิดยัง

ไงก็ช่างหัวเผือก

ผู้แสดงความคิดเห็น ตัวเล็ก (phongdech1665-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-06 21:55:15


ความคิดเห็นที่ 13 (1525760)

 ต้องขอบคุณนู๋แหวนมากๆ ที่ช่วยเล่าเป็นธรรมทาน และคิดว่าหลายๆ ท่านคงประสบเหตุการณ์คล้ายคลึงกันอีกหลายคน ผมเองก็ไม่มีอะไรจะแนะนำหรือเสนอแนะ เพียงแต่เล่าสู่กันฟังไปเรื่อยๆ

ก็อย่างที่นู๋แหวนเห็นว่าอะไรหลายๆ อย่างเป็นทุกข์นั่นแหละ...อยู่คนเดียวหรืออยู่กับคู่ก็เป็นทุกข์ มีลูกหรือไม่มีลูกก็เป็นทุกข์ รวยหรือจนก็เป็นทุกข์ ร้อนหรือหนาวก็เป็นทุกข์ หิวหรืออิ่มก็เป็นทุกข์...ในเมื่อเราเห็นทุกข์ได้ด้วยตัวเอง ก็น่าจะลองหาทางดับทุกข์ด้วยตัวเอง อย่างที่พี่ปุ้มยกคำกล่าวมาพูดถึงนั่นคือ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

ส่วนใหญ่เราจะมองนอกกายอยู่เสมอ สติมี แต่ชอบแว็บไปนอกกาย ไม่ว่าลูก คู่ครอง พ่อแม่ ของในบ้าน ของนอกบ้าน เพื่อนบ้าน ตลอดจนไปถึงนอกโลก นอกจักรวาล จนลืมไปว่าตัวเองยังดูตัวเองไม่หมดเลย แต่ทำไมไปดูข้างนอกตลอดเวลา แล้วก็ไปตัดสินคนอื่นด้วยปัญญาของตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด แต่เป็นผู้พิพากษาอย่างที่พี่ปุ้มบอกอีกนั่นแหละไปซะงั้น...

แต่ถ้าเรากลับหลังหันมามองตัวเองเป็นหลัก โดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ซึ่งไม่ได้บอกให้เห็นแก่ตัวนะ หน้าที่ของความเป็นแม่ของลูก ภรรยาของสามี หรือลูกของแม่ ก็ยังต้องทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่บกพร่อง และอยู่ในศีลธรรม...กลับมามองสติในตัวเรา เฝ้าดูจิตดวงนี้ว่าสิ่งที่เราเห็น มันคือสิ่งที่เราทำหรือไม่ และสาเหตุเกิดจากอะไร แล้วเราจะดับมันได้ไหม...มีสิ่งเดียวที่จะดับมันได้ ก็คือการเจริญกรรมฐาน

การเจริญกรรมฐานไม่ได้อยู่ที่การนั่งสมาธิอย่างเดียว แต่เราสามารถทำได้ทุกขณะจิต ยืน เดิน นั่ง นอน เร่ิมจากอยู่กับคำภาวนา ไม่ว่าพุทโธ ธรรมโม หรือสังโฆ หรือยุบหนอ พองหนอ หรือพองยุบ หรือแม้กระทั่งคาถาปะโตเมตัง ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็เอาคำภาวนาเหล่านั้นมาท่อง เท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทำสมาธิแล้ว เพราะใจไม่ได้คิดไปเรื่องอื่นเลย อยู่กับคำภาวนาตลอด

นู๋แหวนนับว่าโชคดีกว่าใครๆ อีกหลายล้านคนที่ยังไม่เห็นทุกข์เหล่านั้น ฉนั้นจะรอช้าอยู่ใย ในเมื่อเลือกเดินทางที่ดีแล้ว ก็มุ่งมั่นต่อไป ตั้งใจมั่นกับตัวเองก่อน ฝึกตัวเองก่อน ชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน แล้วหลังจากนั้นสติจะพาเราให้ช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นทุกข์เหมือนเราเช่นกัน...เป็นกำลังใจครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-01-06 23:39:33


ความคิดเห็นที่ 14 (1525768)

ที่เล่ามาทั้งหมดหากมีข้อมูลตรงไหนที่หนูได้พูดไปไม่ถูกต้อง

ขอให้ท่านผู้อ่านช่วยชี้แนะด้วยนะคะ

 

 ในความคิดเห็นของชนิดา เท่าที่อ่านเรื่องเล่าของคุณแหวนมาตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว

บอกตามตรงว่า ชนิดาหา้ข้อโต้แย้งไม่ได้เลยแม้เพียงจุดเดียว

แล้วก็ประเมินด้วยปัญญาอันน้อยนิดของตัวเอง

คิดว่าคุณแหวนมีความเข้าใจที่ค่อนข้างถูกต้องและถูกตรง

กับคำสั่งสอนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่แล้วพอสมควร

คุณแหวนนำทุกปมทุกปัญหามาพิจารณาอย่างถ้วนถี่ เพื่อจะก้าวสู่ขั้นตอนต่อไป

คือ "การยอมรับความจริง" เท่าที่อ่าน เดาว่าคุณแหวนได้ตัดสินใจแล้วว่า

ไม่ว่าตัวเองจะเปลี่ยนความคิดของสามีได้หรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ขอให้ได้ลอง...

ก็พอใจและถือว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว แล้วคุณแหวนก็กล้าพอที่จะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา...

 

และโดยส่วนตัวต้องขอชื่นชมคุณแหวนมากๆอย่างหนึ่งคือ

อย่างน้อยคุณแหวนก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ตัวเองมีความศรัทธาที่ตั้งมั่นพอสมควร

นี่ขนาดคนที่มีอิทธิพลกับชีวิตคนหนึ่ง มีความคิดและมุมมองที่ต่างกันสุดขั้วขนาดนี้

คุณแหวน ยังไม่ไขว้เขวและเอนเอียงไปแม้แต่น้อยเลย.. ถือว่าสุดยอด...ทีเดียว....

ฉะนั้น ดูจากบททดสอบที่เจอแล้ว ต้องบอกว่า สมควรแล้วที่คุณแหวน

จะมาเป็นหนึ่งในนักแสดงคนสำคัญ แ่ห่งโรงละครชีวิตบ้านสวนพีระมิด ..Theatre

 

แต่...มุมมองของคุณปุ้มก็น่าคิด น่าคิดตรงที่ว่า เพราะเรื่องนี้พาดพิงถึงคุณสามีเต็มๆ

ฉะนั้น ไม่ทราบว่าคุณแหวนได้แจ้งให้เค้าทราบก่อนมาโพสต์หรือไม่

ถ้าไม่ได้บอก แล้วถ้าวันนึงเค้าเข้ามา่อ่านเจอโดยบังเอิญ หรือถ้าแย่ไปกว่านั้น คือ

มีคนที่เค้ารู้จักมาอ่านเจอแล้วนำไปบอกเค้า...มันอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้....

ฉะนั้นถ้ายังไม่ได้บอก รีบหาทางบอกซะ่ก่อน ที่เค้าจะมาเห็นด้วยตัวเอง หรือคนอื่นบอก

แล้วถ้าบอกแล้วเค้าไม่เห็นด้วย ก็จะได้แจ้งคุณมาร์คให้ช่วยลบได้ทันท่วงที...

 

แต่ถ้าคุณแหวนเตรียมตัวตั้งรับกับทุกปัญหาที่จะเกิดไว้แล้ว

ชนิดาก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วยจริงๆ สาธุ

 

ป.ล. เท่าที่อ่านช่วงท้า่ย ชนิดามีความรู้สึกว่า หัวใจของคุณสามีสุดเลิฟของคุณแหวนเริ่มจะนิ่มๆลงแล้วนะ เหมือนจะเปิดใจรับกระแสธรรมให้่แทรกซึมเข้าไปได้แล้วน๊า... ..เหมือนตัวเค้าเองก็มีใจใฝ่ทางบุญอยู่ิพอสมควร...แต่แค่รอให้ถึงเวลาอันสมควรเท่านั้นเอง (ชนิดาน่ะ ใช้ Vert to เดา ตาหล๊อด... ฮิฮิ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-01-07 02:38:41


ความคิดเห็นที่ 15 (1525810)

ขอขอบคุณพี่น้องทุกคนอีกครั้งนะคะ ที่ให้กำลังใจ

และช่วยชี้แนะแนวทางในการเดินทางต่อไป ให้กระจ่างยิ่งขึ้นอีกขั้น

 

ก่อนอื่นขอรายงานพี่ปุ้มและพี่ชนิดาก่อน  ถึงความห่วงใยในปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

หนูได้บอกกล่าวและปรึกษาสามีแล้วคะ ว่าจะนำมาเขียน

เพื่อให้คนอื่นที่อาจมีความคิดแบบสามี เกิดสงสัย ไม่เข้าใจ หรืออื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกัน

ได้มีอีกหนึ่งความคิดเห็นเพิ่มเข้าไป ให้ได้พิจารณากันด้วย

 

คุยกับสามีว่าอยากชี้ประเด็นให้เห็นว่า หากเราฟังความข้างเดียว หรือปิดหูปิดตา

เราก็จะคิดได้แค่ด้านเดียว ซึ่งผิดหรือถูกไม่รู้

แต่หากเราเปิดใจให้กว้างขึ้น (ลองหงายแก้วของเราดูบ้าง) เราอาจได้ความรู้ใหม่ ๆ

ได้สิ่งดี ๆ เพิ่มมา ให้เราได้รู้ได้เห็น ได้พิจารณาเอง ว่าใช่หรือไม่ เพิ่มขึ้นด้วย

 

ตอนนี้เค้าก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก เข้าใจเหตุผล(ของหนู)แล้ว

ทุกสิ่งที่ทำไปในอดีต  เขายอมรับและไม่เคยปิดบัง

(อันนี้เขาบอกนะคะ ไม่ได้เขียนเอง)

และเขายังบอกว่า เขาอยากจะทำบุญไปเรื่อย ๆ โดยไม่หวังผลของมันด้วยคะ

 

ขอบคุณพี่ปุ้ม และพี่ชนิดา มาก ๆ ที่เห็นกรุณาเป็นห่วงในประเด็นนี้คะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2011-01-07 10:57:00


ความคิดเห็นที่ 16 (1525824)

 

ผมขอยืนยันความคิดเห็นเดิมครับ ทุกคนต้องเปลี่ยนตัวเอง

อย่าคิดไปเปลี่ยนคนอื่น  พระพุทธองค์ ตรัสว่า "ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกทาง"

พระพุทธเจ้าเลิศเลอขนาดไหน ยังไม่สามารถทำให้ทุกคนไปนิพพานได้

การปฏิบัติธรรมเป็นทางของคนคนเดียวครับ ทุกคนต้องเดินไปเอง รู้ก็รู้ด้วยตนเอง ไม่มีใครรู้แทนได้

หรือที่เรียกว่า "ปัจจัตตัง" นั่นเอง


อาจารย์อุบลต้องตื่นตีสี่ เพื่่อมานั่งสมาธิ แล้วเพื่อนๆล่ะครับ

ถึงเวลาหนึ่งอาจารย์ก็ต้องเข้านิพพานไป

แล้วพวกเราควรจะทำอย่างไรดี ทุกคนน่าจะมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว

"ตนนั่นแหละ เป็นที่พึ่งแห่งตน"

"ไม่มีใครที่จะเตือนตัวเราเองได้ดี ไปกว่าตัวของเราเอง"

"จงเตือนตน ด้วยตนเอง"

ไม่จำเป็นต้องเชื่่อผม แต่ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุ้ม ณฐพลสรรค์ (nathaponson-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-07 12:02:10


ความคิดเห็นที่ 17 (1525849)

ขอบคุณพี่ปุ้มอีกครั้งนะคะ

หนูไม่เคยไม่เชื่อพี่เลยนะ พิจารณาตามทุกครั้ง ทุกคำ

และเห็นว่ามันเป็นความจริงทุกประการ ถูกต้องที่สุด

ตรงตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ แน่นอนด้วยคะ

และหนูเองก็กำลังทำ และพยายามให้มันดีขึ้นด้วยนะคะ ขอบคุณที่เมตตาคะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2011-01-07 13:38:30


ความคิดเห็นที่ 18 (1525953)

 คุณแหวน  ทำถูกแล้วจ้า  นี่เป็นเวปบอกบุญและเวปสารภาพบาป  ทุกคนไม่มีใครหลอกที่ไม่เคยทำผิด  ไม่ต้องไปกลัวใคร คนเราไม่ได้รักกันที่รูปภายนอก รักกันด้วยความจริงใจและรู้ว่าที่เคยทำผ่านมามัมไม่ดีเราก็ไม่คิดจะไปทำมันอีกและคนอื่นได้อ่านก็เป็นธรรมทานบางคนอาจจะทำเหมือนเราก็จะได้รู้บาปบุญ  วีภูมิใจในตัวคุณแหวนจังเลยรักนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีลูกบ้านสวน วันที่ตอบ 2011-01-08 07:33:05


ความคิดเห็นที่ 19 (1526015)

สามีคุณไม่รู้ครับ (เค้าย่อมไม่ผิด)

พระนิพพานจะไปได้ เปรียบเท่ากับเขาโค (2 เขา)

ลงสู่อบายภูมิ เปรียบเท่ากับขนโค (นับไม่ได้)

    อ่านความคุณเล่ามา ผมขอเดานะครับ ว่ามีเหตุทำให้สามีคุณไม่พอใจอะไรบางอย่างเลยพาลเอาที่บ้านสวนพีระมิดมากกว่า  แต่ดูจากที่คุณเล่ามาผมว่า ตัวเค้าเองก็น่าจะมีจิตโน้มเข้าหาธรรมนะครับ มิเช่นนั้น คงไม่อ้างว่า เขาไป "ถามพระมา" หรอกครับ  ลองสำรวจดูให้ดีว่ามีเหตุอันใดที่เกี่ยวกับบ้านสวนฯ หรือไม่ แล้วทำให้เขาคุ้มดีคุ้มร้ายมาพาลเอากับบ้านสวนฯ

    ทางที่ดีถ้าคุณเป็นห่วงเขาจริง ก็หาอุบายธรรม แลกการที่เขายอมดูรายการคุยไปแจกไปครบกติกา  กับสิ่งที่คุณไม่เคยทำให้เขา  เมื่อเขาครบกติกา  คุณก็พาเขามาด้วย

    ผมว่าคนที่ชั่วมาจนถึงขีดสุดแล้ว(ไม่ได้ว่าสามีคุณนะครับ) แล้วก็เลิกทำแล้ว  เขาคงอยากจะหาทางทำกุศลอยู่แล้วละครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เอกไชย ทรงประไพ (ekachai_sh-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-08 17:16:29


ความคิดเห็นที่ 20 (1526059)

โธ่..คุณน้องแหวนจ๋า........... ถ้าคุณสามีรู้เห็นและยินดีให้คุณแหวนมาเขียนกระทู้นี้

แสดงว่า ใจของเค้ามาทางบุญเรียบร้อยแล้วนะ...

มีทั้งหิริ โอตัปปะ และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วเนี่ย....

ชนิดาค่อนข้างมั่นใจนะว่า ถ้าผู้ใดก็ตาม ยอมรับอดีตของตัวเองได้

และยินดีให้เผยแพร่เรื่องราวเหล่านั้นต่อสาธารณชนให้ทราบ

แสดงว่า คนผู้นั้นมีจิตที่เป็นกุศล และอยู่กับปัจจุบันขณะ

มากกว่า ไปเกาะติดอยู่กับอดีตหรืออนาคต นั่นแสดงว่า

เค้ามีสติและพิจารณาได้แล้วว่า

"สร้างเหตุไว้เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น"

 

ส่วน...สิ่งที่เคยเกิดขึ้นและทำให้สามีคุณแหวนเข้าใจผิดเกี่ยวกับบ้านสวนฯนั้น

น่าจะ"ไม่ใช่ความบังเิอิญ"อีกแล้ว.. แต่เป็นกลอุบายอันแยบยลของ.....(เติมคำในช่องว่างเอาเองนะจ๊ะ)

 

ขออนุโมทนากับกุศลจิตของสามีคุณแหวนและคุณแหวนอีกครั้งนะคะ...

ยินดีด้วยจริงๆ....นะค๊า...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-01-09 05:26:07


ความคิดเห็นที่ 21 (1526092)

"สร้างเหตุไว้เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น"

แจ่มแจ้งเลยค่ะคุณพี่ชนิดาซึ้งกับประโยคนี้จังเลยไม่ต้องหาเหตุผลใด ๆ มาอธิบายเลยค่ะ น้องทรายเอาใจช่วยคุณพี่แหวนเสมอะนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย วันที่ตอบ 2011-01-09 13:09:09


ความคิดเห็นที่ 22 (1526101)

หนูขอบคุณพี่วีมากคะ ที่ให้กำลังใจ หนูก็รักพี่วีและสมาชิกทุกคนในบ้านสวน เช่นกัน

 

คุณเอกคะ หนูปัญญาทึบมาก จึงไม่รู้จะใช้วิธีแยบยลนั้นยังไง ไม่มีอะไรไปต่อรองจริง ๆ

แต่ใด้ให้ดีวีดีไปแล้ว ถ้าบุญส่งผลแก่เขาเมื่อไหร่ก็คงได้ดู บุญ กรรมทำมาไม่เท่ากัน

หนูคงทำได้ดีเพียงเท่านี้ ก็จะบอกเค้าเสมอ ว่าทำไปทุกอย่างเพราะรักนะ  ได้แค่นี้เอง

 

แต่คิดว่าอีกไม่นานนี้แหละคะ

เพราะวันนี้เริ่มมีสัญญาณจากเจ้ากรรมนายเวรของเขาบ้างแล้ว

 

พี่ชนิดาขา.. หนูอยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างพี่ว่ามามาก ๆ คะ

ถ้าเบื้องบนจะเมตตา แก่เรา ชีวิตนี้คงหาคำใดมาพูดไม่ได้เลย

ขอบคุณคุณพี่ชนิดา (ทายาทสวรรค์) ที่คอยดูแล

และคอยให้กำลังใจ  (ให้ความรู้หลายด้าน) แก่ทุกคน เสมอมา

 

น้องทรายคนดี พี่ขอบคุณอีกครั้ง และขอให้น้องมีกำลังใจที่เข้มแข็ง

ฟันฝ่าอุปสรรคจากภายใน และภายนอก ไป ได้ เช่นกัน

เรามาสู้กับใจตัวเองไปด้วยกันนะคะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2011-01-09 14:02:50


ความคิดเห็นที่ 23 (1526120)

คุณแหวนค๊ะ

ขอร่วมเป็นพลังใจให้คุณแหวนด้วยอีกคนนะค๊ะ

แล้วทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ

เรื่องราวที่คุณแหวนเขียนมานี้

รวมทั้งกระทู้ดีๆจากลูกบ้านสวนฯทุกๆท่าน

จะทำให้มีคนอีกมากมายเหลือคนานับ

กลับตัวกลับใจมาเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบค่ะ

ขออนุโมทนา

สาธุ สาธุ สาธุ

ด้วยใจจริงค่ะ

vintage strawberry shortcake cute picture and wallpaper

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อุไรวรรณ อติโพธิ วันที่ตอบ 2011-01-09 16:42:34


ความคิดเห็นที่ 24 (1526174)

ถ้าไม่มีอะไรต่อรองกับเขาให้ถามเขาว่า

เขารักแม่ของเขาไหม อยากตอบแทนบุญคุณของคุณแม่เขาไหม

อยากชดเชยในความไม่ดีที่เขาทำกับแม่เขาไหม

แต่รู้ไหมว่าแม่เขาก็เหมือนแม่แหวนด้วยเพราะสามีภรรยาเปรียบเหมือนคนคนเดียวกัน

แหวนก็รักแม่ของเขา อยากตอบแทนบุญคุณของคุณแม่เขาแทนเขา

อยากชดเชยในความไม่ดีที่เขาทำกับแม่เขาแทนเขา

และที่บ้านสวนพีระมิดนี่แหละ  จะชี้ทางธรรมให้แหวนได้พบทางปฏิบัติ สร้างกุศล ที่มีอานิสงฆ์ ที่ยิ่งใหญ่พอที่จะส่งให้คุณแม่เขาได้เห็นผลภายในเวลาไม่มาก

บ้านสวนพีระมิดหรืออาจารย์อุบล ไม่ใช่ผู้วิเศษ น่ะถูกอย่างที่สามีคุณคิด  แต่อาจารย์อุบลเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามทางของพระพุทธองค์และได้เข้าถึงธรรมด้วยวิธีการที่ชาญฉลาด ตามแนวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ  และมีความเสียสละเวลาความเป็นส่วนตัวพอที่จะเอาผลดีที่ได้เกิดจากการปฏิบัติ มาแนะนำผู้อื่นซึ่งไม่ใช่ญาติได้มีโอกาสหลุดพ้น บ่วงมารในทางโลกีย์ ที่มนุษย์ผู้มิได้ใฝ่ในทางธรรม ไม่อาจหลุดพันจากบ่วงนี้ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น เอกไชย ทรงประไพ (ekachai_sh-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-10 00:25:29


ความคิดเห็นที่ 25 (1526235)

สู้ สู้ นะค่ะพี่แหวนคนดี อย่างที่พี่แหวนบอกแหละค่ะ เราต้องสู้กับหัวใจของเราเองให้ได้ น้องทรายโชคดีที่น้องทรายได้เจอกับบ้านสวนพีระมิดได้รู้จักทุก ๆ คนที่นี่ เพราะที่นี่มีกำลังใจให้เราเสมอเปรียบเหมือนกับมีน้ำทิพย์ให้เราได้คอยเติมกำลังของตัวเองได้ทุก ๆ วัน โดยเฉพาะกำลังใจค่ะพี่แหวน น้องทรายยังมีปัญหาอีกเยอะค่ะพี่แหวนที่น้องทรายต้องฟันฝ่าให้ผ่านไปให้ได้ ยังงัยเรา 2 คนก็เป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอนะค่ะ...สู้ ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย วันที่ตอบ 2011-01-10 12:28:35


ความคิดเห็นที่ 26 (1526453)

 

                  ขอส่งอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ อยากบอกว่าทุกสิ่งที่คุณเขียนมาเข้าใจความรู้สึกคุณหมดเลย ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องท้อ ยิ้มสู้สู้ ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐธิญาณ์ อนุรักษ์ วันที่ตอบ 2011-01-11 09:23:35


ความคิดเห็นที่ 27 (1526693)

 

 

                                    ขออนุโมทนาบุญกับคุณแหวนด้วยนะคะสาธุ   สาธุ  สาธุ

ขอเป็นกำลังใจให้พยายามต่อไปคะอย่าท้อถอยหมดกำลังใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน วันที่ตอบ 2011-01-12 12:34:18


ความคิดเห็นที่ 28 (1526773)

ขออนุโมทนากับหนูแหวนนะค่ะ ส่งกำลังใจมาให้อีกหนึ่งกำลังใจค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อ เขมจิรา ระวังสัตย์ (suparat_aor-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-12 21:52:33


ความคิดเห็นที่ 29 (1527547)

ต้องขอขอบคุณ คุณอุไรวรรณ คุณเอก น้องทราย คุณณัฐธิญาณ์ คุณรัตน์ คุณอ๋อ

และทุก ๆ ท่าน

ที่ให้คำแนะนำ

และกำลังใจดี ๆ มาให้กันด้วยนะคะ

(ต้องขอโทษด้วยที่ตอบช้าคะ)

 

ทำให้หนูยังมั่นใจเสมอว่า ณ ที่แห่งนี้

บ้านสวนพีระมิด และเว็ปไซด์นี้

เป็นที่ที่มีแต่ความรัก(เมตตา)  ความดี  ความจริงใจ ให้แก่กัน

รวมถึงเป็นเขตอภัยทาน แก่ทุกชีวิตด้วยคะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2011-01-17 19:52:11



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.