ReadyPlanet.com


หลอกตัวเองไปวัน ๆ


 

       ทุกครั้งที่ใช้คำรุนแรงกับลูก  ก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองทุกครั้ง 

อย่างเช่น  วันนี้  ว่าลูกว่า  "โกหกเอาตัวรอดไปวัน ๆ"  พอมามองตัวเอง

  ก็ทำไม่ต่างจากลูกเลย  และทำมากกว่าลูกด้วยซ้ำ

     เนื่องจากตัวเอง  ยังบาปหนา  จิตใจยังหยาบอยู่มาก  ทำให้ยังห่าง

ไกลจากพระนิพพานมาก  ที่ยังหลอกตัวเอง  และผู้อื่นอยู่   เพราะยังไม่

กล้าที่จะมองตัวเอง  มองความเป็นตัวตนของตัวเองที่แท้จริง

พอมีอะไรมากระทบ ใจก็คิดแว๊ป  ไปในทางลบ  แล้วก็บอกตัวเองว่า

  อย่าคิดแบบนี้  มันไม่ดี  แล้วพยายามเบี่ยงเบนความคิดของตัวเองไป 

แต่ไม่เคยมองเข้าไปในใจตัวเองลึก ๆ  เลยว่า  ทำไม  เราถึงแว๊ป  แบบ

นั้น  ไม่กล้าคิด  ไม่กล้ามอง  กลัวเห็นสิ่งที่ไม่ดีในตัวเอง 

ก็พยายามกลบ ๆ  มันเรื่อยมา

จนกระทั่ง  วันที่  18  มค.  53  มีเหตุการณ์  ที่ทำให้ต้องตัดสินใจ 

มามอง  ตัวตนที่แท้จริง  ของตัวเอง

  คืออ่านกระทู้ต่าง ๆ ในเวปบ้านสวนฯ ก็ได้ทราบว่า มีผู้มีจิตเป็นกุศล 

ต้องการสร้างพระพุทธรูป  สร้างท่านท้าวมหาราชทั้งสี่  สร้างมหา

พีระมิด  ฯลฯ  ซึ่งทุกครั้งที่อ่าน  ก็ดีใจ  ปิติ  ที่มีผู้นำบุญใหญ่ ๆ มาให้เรา

ได้ร่วมทำบุญด้วย  แต่วันนี้อ่าน  แล้วใจก็แว๊ปคิดว่า " สร้างแข่งกันใหญ่

เลย"  รู้สึกผิด ถ้าจะปล่อยผ่านไป  เราก็ไม่รู้ว่า  ทำไม  ใจเราคิดอย่างนั้น

  เริ่มมองตัวเองแล้วว่า  อยู่ข้างพระพุทธองค์  หรืออยู่ข้างเทวทัต  ก็เริ่ม

มานั่งอ่านใหม่  ทุก ๆ กระทู้ที่เกี่ยวข้อง  อ่านให้เข้าใจในทุกตัวอักษร  ว่า

มีตรงไหน  ที่ทำให้เราคิดว่า  เขาสร้างแข่งกัน  อ่านหลายรอบ  ก็ไม่มีตรง

ไหนเลย  มีแต่อยากให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วม  ทำบุญด้วยกัน  ก็มานั่งมอง

ตัวเอง  และถามตัวเองว่า  ถ้าเรามีความสามารถที่จะทำอย่างเขาได้  เรา

จะทำไหม  ก็ได้คำตอบว่าทำ  และนั่งดูตัวเองไปเรื่อย ๆ  ก็ได้คำตอบว่า 

เป็นเพราะเรา  อิจฉาเขา  เราทำไม่ได้อย่างเขา   ยิ่งมองก็ยิ่งเห็น  ทำไม

เราถึงได้เป็นคนบาปหนาขนาดนี้

        ที่ผ่านมา  ก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนบาป  แต่ก็เหมือนแค่รู้  ไม่กล้านั่งดูตัว

เอง  กลัวจะเห็นสิ่งไม่ดี  พยายามสร้างเหตุที่ดี  เพื่อผลที่ดีในอนาคต  แต่

ถ้า  เราไม่ชำแหละใจเราออกมาดู  ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริง

ของเรา  เราก็คงได้แต่  โกหก  หลอกลวงตัวเองไปวัน ๆ  ว่า  เรารู้แล้ว 

เราพยายามทำแล้ว  ต้องขอขอบคุณ  ลูกชาย  ที่ทำให้ได้มีโอกาส  กลับ

มามองตัวเองบ่อย ๆ

       และสุดท้าย  ลูกขอกราบขอขมา  ต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทพ

  พรหม  เทวดา  ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ หลวงพ่อปาน  หลวงพ่อฤาษีลิง

ดำ  พระอาจารย์รัตน์  หลวงพ่อเสงี่ยม  องค์สฟิ้งซ์และมหาพีระมิด

อ. อุบล  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านสวนฯ รวมทั้งทุก ๆ  ท่าน  ที่ลูกได้

ล่วงเกิน  คิดไม่ดี  คิดอิจฉา  ลูกสำนึกได้แล้ว  และต่อไปลูกจะพยายาม

สำรวม  กาย  วาจา  ใจ  ให้มากยิ่งขึ้น  ขอทุกพระองค์  ทุกท่าน  ได้โปรด

อโหสิกรรม  ให้กับลูกด้วย  เทอญ

ปล. รบกวนทุก ๆ  ที่ได้อ่าน  ช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำ  แก่ดิฉันด้วย  ว่าจะสำรวมใจ  จะต้องทำอย่างไรบ้าง  หรืออื่น ๆ ที่จะแนะนำ  ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง



ผู้ตั้งกระทู้ ตาล ฉวีวรรณ นภาพรรณราย โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-01-20 10:23:34


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1528124)

 

ขออนุโมทนาบุญกับ พี่ตาลค่ะ

ขอถือบทความขอพี่ตาลเป็นธรรมทานใหญ่ค่ะ

*********************************************

" สร้างแข่งกันใหญ่เลย"

ตอนนี้ต้องรีบสะสม..บุญค่ะ

เพราะเหลือเวลาน้อยเต็มที

มีคนสร้างบุญมาก ๆ หลาย ๆ บุญ

เราก็ขออนุโมทนาบุญ มาก ๆ หลาย ๆ บุญ

แม่บอกว่า...แม่บอกว่า

รับเหนาะ ๆ บุญละ 90 % แล้วจ้า

ในกระดานบ้านสวนพิรามิดนี่

บวกบุญไม่ไหวแล้วจ๊ะ..พี่ตาล

ต้อง คูณบุญ....ไปเรื่อย ๆ

ชิมิ ชิมิ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น LAI - LA วันที่ตอบ 2011-01-20 11:35:12


ความคิดเห็นที่ 2 (1528129)

พี่ตาลค่ะ อาจารย์แม่อุบลเคยบอกไว้ในรายการคุยไปแจกไปตอนหนึ่งว่าคนเรายังมีอารมณ์โกรธอยู่แต่เมื่อรู้ตัวแล้วจะต้องดึงตัวเองออกจากอารมณ์นั้นให้เร็วที่สุดนะค่ะ บอกทีน้องทรายก็มีหลุดเหมือนกันค่ะแต่โชคดีนึกได้เร็วก็เลยพยายามดึงความคิดของเราออกจากอารมณ์นั้นให้เร็วที่สุดค่ะ น้องทรายเอาใจช่วยนะพี่ตาล คนบาปหนาอย่างเราต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะจู่ ๆ จะไม่มีอารมณ์นั้นเลยคงเป็นไปได้ยากหน่อยแหละค่ะ แต่เราก็พร้อมที่จะปรับปรุงตัวไม่ใช่เหรอค่ะพี่ตาล

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-01-20 11:53:19


ความคิดเห็นที่ 3 (1528130)

 พี่ตาลครับ...ผมก็เคยคิดแบบพี่ตาลเรื่องทำบุญแข่งกันครับ แต่เดี๋ยวนี้เรื่องเหล่านั้นไม่ได้เก็บมาใส่ใจอีกเลย เพราะเห็นแล้วว่ามันเป็นเรื่องของกำลังในแต่ละคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องของมูลค่าที่เค้าทำแต่อย่างใด ลองคิดดู...ถ้าคนนึงมีเงิน 9 บาท แล้วเค้าทำบุญหมดตัวทั้ง 9 บาทด้วยใจศรัทธาว่าไม่รู้จะมีโอกาสอยู่รอดถึงพรุ่งนี้ได้ทำบุญหรือปล่าว...แต่ถ้าอีกคนมีเงิน 9 ล้าน แล้วเค้าทำบุญ 999 บาทด้วยความเสียดายว่าเงินจะหมด แต่ขอทำด้วยเลขสวยๆ ไว้ก่อน...เท่านี้ก็แยกออกได้แล้วว่าใครได้บุญมากกว่ากัน

แต่ก็อีกนั่นแหละ...เรา(ตัวผม)ทำบุญด้วยเพื่อหวังว่าจะสละ ละ วาง โดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน แต่ขอให้ได้สร้างบุญตอนนี้ วันนี้ และเดี๋ยวนี้ เพราะเราเอง(ตัวผม)ไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตอยู่สร้างบุญได้ถึงพรุ่งนี้ หรือเย็นนี้ หรืออีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าได้อีกหรือไม่...

โดยส่วนตัวผมเอง เห็นกระทู้สร้างพระพุทธรูปและองค์เทพเทวดา พอท่านอาจารย์อุบลบอกหมายเลขบัญชีปั๊บ ผมไม่คิดมากและโอนปัจจัยร่วมบุญโดยทันที เนื่องด้วยคำที่พระพุทธองค์ทรงพร่ำสอนเราให้เจริญมรณานุสติเป็นกำลัง...แต่ก็อยู่บนพื้นฐานที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง อย่างที่ท่านอาจารย์อุบลบอกทุกครั้งที่ทำบุญ

ส่วนจะมากน้อยเพียงใดนั้น จิตที่เป็นกุศลของเราเองจะเป็นผู้ตัดสินด้วยกำลังที่มีของเราและไม่คิดเปรียบเทียบกับใครๆ เป็นดีที่สุด...เมื่อก่อนผมไม่มี ก็ได้แต่อนุโมทนากับท่านผู้ใจบุญ ยินดีกับเขา เราก็เป็นสุข มีขึ้นมาหน่อยก็แอบหยอดใส่ตู้ในวัดบ้าง สิบบาท ยี่สิบบาทตามกำลัง แต่เราก็ชื่นใจด้วยตัวของเราเองอีกนั่นแหละ

จิตใจที่พลอยยินดีในบุญของทุกๆ ท่าน ในทุกๆ บุญ โดยปราศจากจิตอันเป็นอกุศล ถึงแม้เรามีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอที่จะทำเหมือนเขา เท่านี้ก็ทำให้เราเป็นสุขได้แล้วครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-01-20 11:56:19


ความคิดเห็นที่ 4 (1528133)

 

      ขอบคุณ  คุณแมว  คุณสิทธิ์  และน้องทราย  นะคะ ที่เป็นกำลังใจ

ใจจริง  ตัวเอง  ก็ตั้งใจ  ทำบุญด้วยเพื่อหวังว่าจะสละ ละ วาง โดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน 

เหมือนคุณสิทธิ์  แต่ด้วยกิเลสยังมากอยู่  ทำให้บางครั้งก็แอบหวัง  และเมื่อไม่ได้ดังหวัง  ก็

พาลเกเร

      สิ่งที่กลัวมาก  คือตรงนี้แหล่ะค่ะ  คือการต่อสู้กับกิเลสในใจตัวเอง   ถ้าใจเอาออกมาขัด 

มาล้างให้สะอาดได้  ก็คงจะดีนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล ฉวีวรรณ นภาพรรณราย วันที่ตอบ 2011-01-20 12:14:41


ความคิดเห็นที่ 5 (1528223)

     พี่ตาลครับ...ตัวเล็กว่ามันเป็นธรรมดา...ที่ลึกๆแล้ว...เวลาทำอะไรที่หวัง

สิ่งตอบแทน...ที่พวกเรามีอาการเหล่านี้...ก็เพราะว่า...เรายัง..ละ..วาง..ยังไม่

ได้...เพราะฉนั้นพวกเรามาฝันให้ไกล...และไปให้ถึงนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตัวเล็ก (phongdech1665-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-20 21:24:08


ความคิดเห็นที่ 6 (1528279)

 


และถามตัวเองว่า  ถ้าเรามีความสามารถที่จะทำอย่างเขาได้  เรา

จะทำไหม  ก็ได้คำตอบว่าทำ  และนั่งดูตัวเองไปเรื่อย ๆ  ก็ได้คำตอบว่า 

เป็นเพราะเรา  อิจฉาเขา  เราทำไม่ได้อย่างเขา   ยิ่งมองก็ยิ่งเห็น  ทำไม

เราถึงได้เป็นคนบาปหนาขนาดนี้


 

คุณตาลค่ะไม่ได้มีคุณตาลคนเดียวหรอกค่ะที่คิดแบบนี้

-   เมื่อก่อนณีก็เป็นเหมือนกัน เห็นคนมีกะตังค์เค้าทำบุญหลักหมื่น หลักพัน หลักแสน หลักล้าน

เราก็เกิดกิเลส  อยากทำบุญเยอะๆแบบนั้นบ้าง แต่ฐานะไม่เอื้ออำนวย  (เรารู้ว่าเป็นกิเลส แต่เราก็แอบคิดว่ามันก็เป็นความอยากทำดี  ) 

ตอนนี้ก็เข้าใจแล้ว เพราะเวลาเราอ่านหนังสือธรรมะ ก็มีคำสอนว่าให้ทำบุญตามกำลังศรัทธา ทำบุญอย่าเบียดเบียนตนเอง อย่าให้ตนเองเดือดร้อน  และ ได้ยิน อ.อุบลท่านพูดย้ำเรื่องนี้อยู่เสมอ ๆ

-  เมื่อก่อนเคยมีบางครั้งที่เราแอบอิจฉา ( แต่ไม่ริษยา ) คนที่มีเงินทำบุญเยอะ ๆ

แต่ก็เหมือนมีอีก ความคิดหนึ่ง บอกกับเราว่า จะไปอิจฉาเค้าทำไม 

เราต้องยินดีในบุญ และอนุโมทนาบุญกับเค้าซิ มันจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่า เพราะอะไร    เขาถึงมีเงินทำบุญเยอะ 

เพราะเขาสร้างเหตุมาดี  เขาจึงมีทรัพย์

เพราะเขามีจิตที่เป็นกุศล เขาจึงสละทรัยพ์มาทำบุญ

  และเขามีศรัทธาและกำลังใจสูง   จึงได้สละทรัพย์จำนวนมากทำบุญ  

  เขามีเป้าหมาย เขาจึงเปลี่ยนทรัพย์ภายนอกให้เป็นอริยะทรัพย์ เพื่อเป็นเสบียงบุญ จนไปถึงเป้าหมายได้

- เมื่อก่อนเราได้แต่อ่าน และฟังธรรมะ แต่ไม่ค่อยปฏิบัติตาม ตอนนี้ก็พยายามอยู่ค่ะ

สิ่งที่เอาไว้เตือนใจตัวเองเสมอ ๆ คือ ทำบุญทำทานด้วยอาการของใจ ดังนี้

ทำด้วยความเลื่อมใสศรัทธา   ทำแล้วใจเกิดปิติ โสมนัส จิตใจผ่องใส เบิกบาน   (จำนวนเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากำลังใจ)

ทำด้วยความคิดที่สละ วัตถุทานนั้นอย่างแท้จริง

ทำโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ไม่หวังแม้บุญที่จะได้รับ คือ ให้เพื่อให้จริง ๆ   (แล้วผลของบุญ

ก็จะส่งผลเองตามหน้าที่ของบุญ โดยที่เราไม่ต้องร้องขอ เพราะมันเป็นกฏธรรมชาติ เมื่อเราสร้างเหตุปัจจัยไว้   ก็จะมีผล ตามมา   

(ถ้าเราทำบุญโดยหวังผลตอบแทน  ก็จะเป็นการกั้นกระแสบุญ ทำให้บุญส่งผลช้า  )

 


ขอบคุณในธรรมทานของคุณตาลมากค่ะ

และขอให้คุณตาลเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณี วันที่ตอบ 2011-01-21 01:03:23


ความคิดเห็นที่ 7 (1528282)

แหะ แหะ พอถึงบ้านปุ๊บ เข้ามาในเว็บบอร์ดปั๊บ เห็นชื่อกระทู้ที่คุณตาล ตั้งไว้ สะดุดตา...มากๆ

ท่าทางจะพลาดไม่ได้ แล้วพอมาอ่านก็เป็นไปตามคาดจริงๆ ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนากับธรรมทานอัน

ยิ่งใหญ่ ที่ยอมชำแหละและเปลือยใจคุณตาลเองอีกครั้ง...ด้วยนะคะ.... สาธุ...

 

เท่าที่อ่านเรื่องคุณตาล พอจะวิเคราะห์ได้ว่า สิ่งที่คุณตาลคิดและรู้สึกในขณะนั้น ไม่ได้ประหลาด

หรือแปลกแตกต่างจากคนส่วนใหญ่เลย เกิดขึ้นได้กับทุกๆคน และเท่าที่ชนิดาได้เคยอ่าน

เรื่องเกี่ยวกับ "จิต" ผ่านๆตามาบ้าง ก็มีคนเคยเขียนไว้ว่า ในกายคนเรามีดวงจิตเกาะอยู่ตั้ง89 ดวง

หรือในบางคนมี121 ดวง ฉะนั้นอาจเป็นไปได้ว่า ในหนึ่งกายของคุณตาล

อาจมีดวงจิตที่คิดดีไปแล้วเกินกว่า 80 ดวงจิต แต่ยังมีดวงจิตนิสัยเดิมๆก่อกวนอยู่บางส่วนก็เป็นได้...

ฉะนั้น เรา่ควรพุ่งความสนใจไปในส่วนของดวงจิตที่คิดดีและมีกุศล พร้อมจะทำดีตลอดเวลาดีกว่า

อย่าไปให้ความสนใจไอ้พวกดวงจิตที่ชอบคิดไม่ดีเลย หัดทำเมินบ่อยๆ

เดี๋ยวพวกจิตซนๆ ชอบคิดลบๆเหล่านั้นก็อ่อนกำลังไปเอง..... 

 

ขั้นตอนต่อไปก็คือ คุณตาลจะทำอย่างไรจึงจะ เพิกเฉยกับไอ้เหล่าดวงจิตร้ายคิดลบเหล่านั้น....

มีสามขั้นตอนสั้นๆ ที่อาจารย์ผู้สอนสมาฺธิชนิดามักจะเน้นและย้ำทุกครั้ง คือ ดู รู้ แล้ว ละ วาง.....

แต่ขอบอกก่อนว่า คำอธิบายที่จะเขียนนี้เป็นความเข้าใจของชนิดาเอง ถ้าผิดพลาดหรือ ไม่ถูกต้อง

ประการใดขอให้ชนิดาเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว มิใช่ความผิดของอาจารย์ผู้สอนแต่อย่างใด

1. ดู เราต้องใช้ "สติ" ในการดู ว่าเรากำลังคิดอะไร หรือ ทำอะไรอยู่ เช่น ถ้านั่งอยู่

ก็ต้องให้มีสติรู้ว่า กำลังนั่ง หรือ ถ้าอ่านเรื่องอะไรอยู่ก็ต้องคิดตามตัวอักษรหรือประโยคนั้นๆไป

เหมือนกับที่คุณตาล เริ่มคิดจะ"ดู" ความคิดของตัวเอง นั่งไล่ นั่งอ่านไปกระทู้ต่างๆ

อย่างนั้น คือ การใช้"สติ" ซึ่งดีแล้ว ...

2. รู้ เราจะ "รู้" ว่าอะไรถูก อะไรผิด ต้องใ่ช้ "ปัญญา" ซึ่งก็คือ การพิจารณา นั่นเอง 

อย่างที่อ.อุบล เคยพูดเสมอๆว่า ดูจากผล แล้วคิดไปหาเหตุ หรือ ทำเหตุไว้เช่นใด

ก็พอจะคาดคะเน "ผล"ที่จะเกิดขึ้น ได้นั่นเอง แต่ก็นั่นแหล่ะ ปัญญา จะเกิดได้

เราก็ต้องมีสติ และ ทำสมาธิ จึงจะเกิดปัญญา...  เช่น ต้องให้เวลาตัวเองอย่างน้อยวันละ 5 นาทีก่อนนอน

สำรวจตัวเองว่า วันนี้เราทำอะไรที่ขัดต่อ ศีลห้า บ้าง แล้วคิดว่าทำไมเราถึงทำหรือคิดเช่นนั้น

เช่น ถ้าวันนี้เราอารมณ์เสียใส่ลูก ในใจก็รู้สึกผิดแต่ทำเนียนเฉยๆแล้วก็เดินหนีไป แต่ในใจรู้สึกไม่ดีเลย

พอตกดึก เราก็นึกได้ว่า โอ้แม่เจ้า วันนี้เราผิดศีลทั้งข้อ 4 และ ข้อ1 เพราะใช้คำพูดที่เสียดสีหรือด่าลูก

ถือว่าเป็นการเบียดเบียนจิตใจลูก เมื่อคิดได้เช่นนี้เกิดปัญญา เราก็พิจารณาต่อว่า

แล้วเราจะทำอย่างไรดี เช่น พรุ่งนี้เช้าจะเข้าไปกอดลูก แล้วพูดขอโทษตรงๆ ที่แม่จี๊ดแบบไม่มีเหตุผล

แต่เป็นเพราะว่า..(ุถ้าอยากอธิบาย) หรือ ถ้าคุณตาลเป็นพวกผู้ร้ายปากแข็ง ก็อาจจะทำกับข้าวที่เขาโปรด

ให้เค้ารู้เป็นนัยๆว่า "แม่ขอโท๊ดดดด"  อะไรประมาณนี้...เนอะ


3.ละ แล้ว วาง พอวาง แล้วก็จะ"ว่าง" ไม่หนักอีกต่อไป ก็คล้ายๆกับที่ชนิดาเคยเขียนไว้

ครั้งก่อนโน้น... สั้นๆอีกทีก็คือ ก่อนที่เราจะวาง เราต้องรู้ก่อนว่า เราถืออะไรไว้ นั่นเอง

เหมือนเป็นการพิจารณาที่สูงขึ้นมาอีกขั้น อย่างกรณีคุณตาล รู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่แว๊บคิดลบ

กับผู้มีจิตกุศลสร้างพระ แต่พอตั้งสติได้ ค้นหาคำตอบให้กับตัวเองแล้ว ก็คือ จิตมันคิดไปเอง

ขั้นตอนต่อไป ก็คือว่า จะทำยังไงต่อไป หนึ่งคือ กล่าวคำขอขมาในใจ หรือ เขียนขอขมาบนกระทู้

เพื่อจะได้รู้สึกโล่งสบายใจ แล้วผลจะออกมาเป็นเช่นใดก็ต้อง "อุเบกขา"

คิดซะว่า "ช่างมัน" เพราะเราได้ขอโทษแล้ว

 

จะเห็นได้่ว่า ทุกอย่างมันมีลำดับขั้นตอน คุณตาลจะคิดข้ามขั้นตอน ไป "วาง" ก่อนที่จะ ดู หรือ รู้ ไม่ได้

นั่นก็แปลว่า คุณตาลจะบอกตัวเองว่า จะไม่โกรธหรือคิดไม่ดีอีกต่อไปไม่ได้หรอก...

แต่คุณตาลจะต้องชำแหละความคิดและความรู้สึกของตัวเองในทุกๆครั้งที่มันเกิดขึ้น

หัดไปเรื่อยๆ ฝึกบ่อยๆ ซักวันนึง มันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้อง"ฝืน" ตัวเองเลย....

ฉะนั้น ตอนนี้คุณตาลพอจะมองภาพออกแล้วใช่ไหม๊ว่า ทำไมเบื้องบนท่านจึงส่ง"สิ่งที่มากระตุ้น"

คุณตาลทุกๆวัน หรือ ทุกๆขณะจิต ให้คุณตาลได้ฝึก "ชำแหละ" ก็จะได้ชิน

ถ้าปล่อยมันหมักหมมเมื่อไหร่ กลายเป็นขยะใจกองใหญ่ มันก็ต้องใช้ "พลังอย่างมหาศาล" เท่านั้น

จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงหรือกำจัดมันได้....

 

ขออย่างเดียว "อย่าท้อ" เด็ดขาด ฝึกๆไปด้วยกันนะคะ อย่าหยุดเดินเด็ดขาด

เพราะแต่ละคนหนทางสู่เส้นชัยไม่เท่ากัน แต่ถ้าเราเดินหน้าทุกวัน ไม่ว่าเส้นชัยจะอยู่ไกลแค่ไหน

ชนิดาคิดว่า ซักวันมันก็ต้องถึงเส้นชัย....... ค่ะ

 

เป็นกำลังใจให้นะคะ....

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-01-21 04:20:07


ความคิดเห็นที่ 8 (1528292)

 

    ขอขอบคุณ  คุณณี  คุณตัวเล็ก  และคุณชนิดา 

สำหรับกำลังใจและแนวทางในการดูแลจิตใจตัวเอง

ขอสัญญาว่า  จะไม่ท้อ  จะไม่หยุดเดิน   สักวัน  เราคงถึงเส้นชัย 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล ฉวีวรรณ นภาพรรณราย วันที่ตอบ 2011-01-21 08:30:03


ความคิดเห็นที่ 9 (1528356)

 

 

สวัสดีค่ะ คุณตาล

กัญญ์วิญาณ์มาช้ากว่าเขาอีกแล้ว แต่พอเห็นกระทู้ต้องรีบมาเขียน

ให้กำลังใจเลยค่ะ  กัญญ์วิญาณ์ คิดตามแบบคนโง่ๆ คิดง่ายๆ

ตามแบบท่านอาจารย์ แม่อุบล สอนนะคะ 

ทุกวันนี้ คุณตาลพยามยามที่จะใช้พื้นที่

ที่เคยใช้ปลูกต้นข้าวมาก่อน..เพื่อ.. มาปลูกต้นมะม่วงค่ะ

ด้วยเคยคิดว่า.. ข้าวนั้นจะทำให้คุณตาลได้กำไร มากๆ

โดยอาจจะเลือกวิธีที่ปลูก หรือไม่ได้เลือกวิธีที่ปลูก

แต่ใช้ความเคยชินของการปลูกต้นข้าว  มาช้านานกลายเป็นความเคยชิน 

แล้วไม่ประสบความสำเร็จ 

แต่วันนี้ พระพุทธองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และท่านอาจารย์ แม่อุบล

ให้แสงสว่างให้พันธุ์พืช ที่เป็นพันธ์ที่ดี ที่สุด เท่าที่ท่านจะมีได้.. ให้คุณตาล 

คุณตาลต้องให้โอกาสกับตนเองนะคะ 

วันนี้คุณตาลได้ให้โอกาสกับลูกแล้ว

เข้าใจ.. ลูกแล้ว 

 เชื่อมั่นแล้วว่าพระพุทธองค์ ให้สิ่งดีๆมา

ไม่แปลกหรอกค่ะ ที่เรายังไม่สามารถตัดได้หมดในทันที

ให้กำลังใจนะคะ

แค่.. คิดได้ว่าไม่สบายใจในการทำผิดแล้ว

แสดงว่าเข้า..ใกล้พระพุทธเจ้ามาก..แล้วล่ะค่ะ

ปลูกมะม่วง ก็ต้องได้มะม่วง สิคะ  สู้ๆ ค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญ์วิญาณ์ สุวัฒนาพร kuru ru ru (tata_su22-at-windowslive-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-21 15:53:07


ความคิดเห็นที่ 10 (1528412)

คุณตาลค๊ะ

ขอร่วมอนุโมทนาบุญ

กับคุณตาลเป็นอย่างยิ่งค่ะ

ต้องบอกว่า LIKE LIKE LIKE ค่ะ

สุดยอดจริงๆๆค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

flowers-desi-glitters-39

ผู้แสดงความคิดเห็น อุไรวรรณ อติโพธิ วันที่ตอบ 2011-01-21 22:10:58


ความคิดเห็นที่ 11 (1528489)

ขออนุโมทนาในธรรมทานกับคุณตาลและทุกท่าน

ที่แนะแนวทางปฏิบัติมาด้วยนะคะ

คิดว่ามีหลายคนที่เคยคิด เคยเป็นเช่นคุณตาล

(หนูเองก็เคยคะ)

 

แต่ตัวเองใช้วิธี  ...ระลึกถึงความตาย...ไว้เสมอ

แล้วเราจะคิดได้ว่า เรื่องอะไรก็ไม่เป็นสาระทั้งนั้น

จะมัวเสียเวลาไปคิดทำไม

เอาเวลาที่เหลือมาคิด มาทำ ในสิ่งที่ต้องรีบทำดีกว่า

เดี๋ยวเราก็ต้องตายแล้ว..

 

คุณตาล ไม่ต้องคิดมากนะคะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2011-01-22 20:07:01


ความคิดเห็นที่ 12 (1529069)

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา วันที่ตอบ 2011-01-26 13:58:54



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.