ReadyPlanet.com


เล่าเรื่องที่บ้านสวนฯ


      สวัสดีครับ  เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้  เป็นเรื่องที่อัศจรรย์  ซึ่งเกิดขึ้นกับผมและลุงบุญ (ช่างใหญ่

มาก)  เหตุนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่  23  มค. 54  ขณะที่เราสองคน (ตัวเอก)  และ ต๋อง  น้องชายผม  ได้เข้า

ทำงานสร้างห้องรับรองหลังใหม่  ติดกับพีระมิดองค์ใหญ่

       วันนั้นงานส่วนใหญ่เป็นงานขึ้นโครงสร้างหลังคา  ซึ่งต้องมีการเชื่อมประสานเหล็กโครงสร้าง  เพื่อ

ใช้ปูกระเบื้อง  มีเหตุจำเป็นบางประการ  ที่ทำให้เรา  คือ  ลุงบุญ  และ  ผม  ต้องเป็นผู้ทำการเชื่อม

ประสานเหล็ก  ด้วยตนเอง

      เราสองคนเคยปรารภกันว่า  ไม่ค่อยอยากทำหน้าที่นี้นัก  เพราะรู้ว่าทุกครั้งที่เชื่อมประสานเหล็ก

เสร็จ  ผู้เชื่อมส่วนใหญ่  จะเกิดการเจ็บตา  เหมือนมีทรายอัดอยู่ในกระบอกตา  สาเหตุจากควันของลวด

เชื่อม  หลายท่านอาจเคยมีประสบการณ์นี้  มันทรมานครับ

    ลุงบุญและผมสลับกันเชื่อมประสานตั้งแต่เช้า  จนเลิกงานห้าโมงเย็น  โดย "ต๋อง" เป็นผู้ช่วยจับยึด

เหล็ก "ขออนุโมทนากับ ต๋อง ด้วย" ให้น้องได้บุญมาก ๆ นะ  อุปกรณ์ที่เราใช้กัน  สำหรับใช้ป้องกันดวง

ตาขณะเชื่อมประสาน  คือ  แว่นตากันแดดเท่านั้น    อ้อ..ลืมบอกว่า  เราสองคนห่างการเชื่อมโลหะมา

นานมากครับ  ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า  เราสองคน  คือ  ลุงบุญกับผม  ต้องเจ็บตาแน่นอน  หลังเสร็จงาน

วันนั้น

      เราสองคนต่างวางแผนป้องกันตัวเอง  โดยจะใช้น้ำแข็งบ้าง  แตงกวาบ้าง  เตรียมไว้ประคบตา  เมื่อ

เกิดอาการเจ็บตาขึ้น  ผมเองเตรียมแตงกวาฝานเป็นแว่น  พอดีกับการปิดตาสองผลไว้ข้างที่นอน

  พร้อมกับการรอคอยว่า  อาการนั้นจะเกิดขึ้นเวลาไหน

       เช้ารุ่งขึ้นผมตื่นนอน  ผมใช้ความรู้สึกสำรวจดวงตา  พบว่าผมไม่มีอาการเจ็บตาเลยแม้แต่น้อย  ลุง

บุญเองก็คงเช่นกัน  แตงกวาที่ผมเตรียมไว้  จึงถูกนำมาใช้เป็นอาหาร ครับ

  ผมยืนยันว่า  ตัวเองนั้นเคยผ่านการเชื่อมประสานโลหะมาบ้าง  และทุครั้งก็จะเจ็บตาตลอด (ก่อนรู้จัก

กับบ้านสวนฯ) แต่ครั้งนี้  "ไม่"

                อัศจรรย์มากครับ  เจอกับตัวเองและลุงบุญพร้อมกันสองคน  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนฯ  คุ้ม

ครองป้องกันเรา  เพราะท่านคงเห็นเรากำลังสร้างความดี  ด้วยความตั้งใจให้งานออกมาดีที่สุด  สุดฝีมือ

ของเรา  "ลุงบุญและผมและน้องชาย "  ที่สละวันหยุดไปช่วยงานครับ

                อาจไม่มีเหตุผลที่อธิบายทางวิชาการ  แต่ผมเชื่อ  นี่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนฯ  ท่านแสดง

ให้เรารู้  เรื่องเล่านี้  ขอให้เป็นธรรมทานต่อทุกท่านครับ  ในการสร้างความดี

               สุดท้ายนี้  ผมขออาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้า  หลวงปู่ฤาษีลิงดำ  หลวงพ่อเสงี่ยมโอภาษี  พระอาจารย์รัตน์  รัตนญาโน  ท้าวมหาราชทั้งสี่ (ที่สุดแด่องค์ท้าวเวสสุวรรณ)  สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวน  องค์เทพสฟิ้งซ์ - ฟาโรห์  และอัญเชิญคุณธรรมของ อ. อุบล  อ. มงคล  ศุภาเดชาภรณ์  ได้ประสิทธิ์ประสาทให้ทุกท่าน  พบความหลุดพ้นในทุกข์ทั้งหลายที่มี  ให้ท่านมีกำลังใจในการทำความดี  ด้วยกำลังใจ  กำลังกาย  ที่ร่าเริง  กล้าหาญ  อย่างต่อเนื่องตลอดไปครับ

                      ขอแสดงความนับถือ

                     วรวรรธน์   ไชยพัชรทัศน์

 



ผู้ตั้งกระทู้ วรวรรธน์ ไชยพัชรทัศน์ (ตุ้ม) โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-01-30 22:48:58


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1529822)

 โมทนาบุญกับพี่ตุ้ม พี่ต๋อง และลุงบุญ ด้วยนะครับ...สาธุ สาธุ สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-01-30 22:54:53


ความคิดเห็นที่ 2 (1529832)

ขออนุโมทนาบุญ กับคุณตุ้ม คุณต๋อง และลุงบุญด้วยค่ะ 

สาธุ สาธุ สาธุ


คุณตุ้ม มีเรื่องราวดี ๆ  อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังอีกนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พรรณี-ณี วันที่ตอบ 2011-01-31 00:04:52


ความคิดเห็นที่ 3 (1529834)

อนุโมทนาบุญกับคุณตุ้ม ลุงบุญ และตุณต๋อง ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตฤณ วันที่ตอบ 2011-01-31 00:06:56


ความคิดเห็นที่ 4 (1529839)

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล ฉวีวรรณ นภาพรรณราย วันที่ตอบ 2011-01-31 00:13:04


ความคิดเห็นที่ 5 (1529852)

ขออนุโมทนาบุญกับช่างเชื่อมทั้งสามหนุ่มแห่งบ้านสวนฯด้วยนะคะ

นอกจากจะชำนาญเรื่องการเชื่อมเหล็กแล้ว

ยังช่วยเชื่อมบุญ นำมาเล่าเป็นธรรมทานถึงพวกเราทุกๆคนด้วยอีก

สาธุ สาธุ ค่ะ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-01-31 02:09:01


ความคิดเห็นที่ 6 (1529879)

 

 

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณตุ้ม ลุงบุญ และคุณต๋องค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีรดา อยู่นวล วันที่ตอบ 2011-01-31 10:36:02


ความคิดเห็นที่ 7 (1529884)

ขออนุโมทนาบุญด้วยคะ

 

ตอนอ่านแรก ๆ ก็คิดตามไปด้วยว่า

ใช้แค่แว่นกันแดด!!! โห ทนได้ไง

เพราะรู้ว่าเวลาเชื่อม แสงมันแรงขนาดไหน และความร้อนเนี่ย

ไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่ใส่เสื้อหนา ๆ ผิวก็ลอกได้เลยนะ

ดังนั้นเรื่องปวดตาไม่ต้องพูดถึงเลย

 

แต่พออ่านมาจนจบ ก็จบเลย

ว่าเป็นเพราะบารมีพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครองนี่เอง

สาธุ ๆๆๆๆ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ทุกบุญด้วยคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2011-01-31 10:54:09


ความคิดเห็นที่ 8 (1529908)

โมทนาบุญกับคุณลุงบุญ คุณตุ้ม คุณต๋อง ด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เสฏฐพัฒน์ วันที่ตอบ 2011-01-31 12:32:43


ความคิดเห็นที่ 9 (1529916)

            

       ขออนุโมทนาสาธุบุญกับลุงบุญ..คุณตุ้ม..และคุณต๋อง..

  ที่่ีได้ร่วมสร้างบุญในบ้านสวนพีระมิด  อย่างตั้งใจ และศรัทธาจากใจริง...

                 สาธุ....สาธุ...สาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น กรสรัชต์...(น้องเอ) วันที่ตอบ 2011-01-31 13:11:28


ความคิดเห็นที่ 10 (1529953)

 

ขอบคุณมาก

พี่ชาย

ที่นำข่าวสารของ

บ้านสวนพีระมิด มาฝาก

ขออนุโมทนาบุญกับ

ลุงบุญ และ พี่ชายทั้ง 2 คนด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น มวล+น้องหว่าหวา ครับ วันที่ตอบ 2011-01-31 15:26:23


ความคิดเห็นที่ 11 (1529962)

สาธุ......สาธุ.........สาธุ......บุญ

และ

ปาฏิหารย์ ในครั้งนี้ด้วย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกเขยแม่ยาย (sumate-at-lucky9gem-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-31 17:07:52


ความคิดเห็นที่ 12 (1529972)

สาธุ..สาธุ..สาธุ..ครับ

กับช่างใหญ่ 

ประจำบ้านสวนของเรา

ผู้แสดงความคิดเห็น ช้างเอราวัณ วันที่ตอบ 2011-01-31 19:05:32


ความคิดเห็นที่ 13 (1530119)

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยคะ  สาธุ   สาธุ   สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา วันที่ตอบ 2011-02-01 14:48:24


ความคิดเห็นที่ 14 (1530132)

ขอร่วมอนุโมทนาบุญ

ทุกๆๆบุญที่ลูกๆบ้านสวนฯทุกๆท่าน

ขมีขมันสามัคคีกันร่วมใจกัน

มิได้ย่อท้อแม้สักน้อยนิด

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อุไรวรรณ อติโพธิ วันที่ตอบ 2011-02-01 16:04:03


ความคิดเห็นที่ 15 (1530136)

  

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณตุ้ม ลุงบุญ และคุณต๋องด้วย ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญ์วิญาณ์ kuru (tata_su22-at-windowslive-dot-com)วันที่ตอบ 2011-02-01 16:23:51


ความคิดเห็นที่ 16 (1530224)

               ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับลุงบุญและพี่ตุ้มด้วยนะค่ะ สาธุ  สาธุ  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกไม้ โสวะภาสน์ วันที่ตอบ 2011-02-02 11:09:50


ความคิดเห็นที่ 17 (1530469)

 

 

                                                  ขออนุโมทนาบุญกับทั้งสามท่าน ดิฉันเชื่อว่าปาฏิหารย์เกิดได้ หากเราทำด้วยดีด้วยความศรัทธา

                  สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐธิญาณ์ อนุรักษ์ วันที่ตอบ 2011-02-04 07:33:35


ความคิดเห็นที่ 18 (1532277)

 

  สวัสดีค่ะได้ไปบ้านสวนเมื่อวันที่4-5ที่ผ่านมา 

  คืนวันเสาร์ อ.สอนธรรมะ เรื่องการทำสมาธิ

  ขออนุญาต อ.นำมาเล่าให้เพื่อนๆที่ไม่ใด้ไปวันนั้นฟังนะคะ

 

  การทำสมาธิโดยปรกติคือการนั่ง  ให้นั่งท่าที่สบายที่สุด 

  ถ้านั่งมันทรมานให้นอนทำ  ทำสมาธิแล้วหลับถือว่าประเสริฐมาก 

  หลับอยู่ในฌาณ  หลับอยู่ในบุญกุศล

  ถ้าตายเวลานั้นอย่างน้อยๆที่สุดก็ไปพรหม 

  สถานที่ในการนั่งสมาธิ ใด้ความสงบไม่เท่ากัน

  หลวงพ่อเล่าว่า  มีที่หนึ่ง ผู้ที่ไปนั่งสถานที่นั้นมีผู้สำเร็จ

  เป็นอรหันต์มาแล้วถึง7องค์  ฉนั้นสถานที่ในการนั่งก็มีความสำคัญ 

 

  การนั่งสมาธิก็จะมีนิวรณ์มาเป็นตัวถ่วง 

  1  ความง่วง 

  2 ความฟุ้งซ่าน 

  3  ความโกรธ 

  4 ความสงสัย

  5 ความหลงในรูป  

  สมาธิ  แปลว่าจิตที่สวย  จิตไม่คิดอะไรเลย  ฉนั้นจึง

  ต้องหาอุบายให้จิตสงบ โดยให้คิดถึงภาพพระพุทธเจ้า

  เพื่อเป็นพุทธานุสติ  ทำสมาธิแล้ว

  เมื่ออารมย์ใจสบายจึงค่อยท่องคาถาเงินล้าน

  ก่อนท่องต้องทำใจให้สบาย

  ทำใจให้เป็นสุข เพราะเราควรท่องตอนใจสบายที่สุดแต่ถ้าท่องแล้ว

 ไม่สร้างกุศลก็ไม่รวย  ต้องรักษาศีล+ให้ทานด้วย 

  ปาฏิหาริย์จะเกิดแน่นอน อ.อุบลเอาชีวิตเป็นประกัน

  ว่าฟื้นฟูใด้จริงๆ(คำพูด อ.เลยนะเนี่ย)

  อานิสงฆ์ของคาถาจะดึงดูดทรัพย์ ท่องแล้วทำประโยชน์

  เพื่อผู้อื่นก็จะใด้อานิสงฆ์มากถ้าแกล้งทำก็ไม่ใด้

  เมื่อก่อน อ.สวดมนต์วันละ 2 ชม.ไม่ประสพความสำเร็จ

  อ.เสงี่ยม  โอภาโส ใด้มาบอกให้เลิกปฎิบัติแบบนี้

 ให้สวดแต่อิติปิโส  แล้วให้ยกจิตขึ้น

 

 หลวงพ่อบอกว่า  การให้ยกจิตนั้น ก่อนหน้าจิตเราอยู่ที่ไหน

 อยู่ต่ามใช่ไม๊  การสวดมนต์ไม่จำเป็นต้องสวดแต่ในห้องพระ

 ขับรถก็สวดใด้  อยู่ห้องนำ้้(ไม้โทไม่มา)ก็สวดใด้  สวดอิติปิโสก็ไม่ต้องสวดเท่าอายุ

 ถ้าคนนั้นอายุเยอะ  สวดเยอะ...มันทรมาน

 การทรมานมันก็ไม่เกิดกุศล

 พระพุทธเจ้าก็เคยทรมานตนเองมาก่อน

 ให้เรามั่นคงในศีล  ถ้าทุกคนมีศีลโลกก็จะมีความสุข..

 การยกจิต   สามารถทำใด้โดยการทำ  สมาธิ

 การไหว้  การกราบ สำคัญที่จิต

 

  กราบครั้งที่1 

  ให้จินตนาการภาพของพระพุทธองค์

  และระลึกถึงคุณความดีของพระองค์อันประมาณมิได้

 

   กราบครั้งที่ 2

   ระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอน

  ให้นึกเห็นเป็นภาพดอกมะลิแก้วใสๆไหลลงมาที่ศีรษะเรา

 

  กราบครั้งที่ 3

  ให้ระลึกถึงความดีของพระสงฆ์

  ที่ท่านเป็นสื่อคำสอนของพระพุทธองค์

  ถ้าไม่มีพระสงฆ์เราจะไม่ใด้พบพระธรรม ให้คิดถึงฉัพรรณรังษีสีแสง

 

  เราใด้มีโอกาศมาแล้วอย่าให้เสียเที่ยว

  ฟังแล้วนำไปปฎิบัติ  ชีวิตจะใด้เปลี่ยนแปลง

 

  การปฎิบัตินั้นมันก็จะมีบางวันที่เราเหนื่อยมาก

  ก็ให้นอนสวดใด้  ธรรมะของพระพุทธเจ้าให้ทำง่ายๆ

  พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ให้ทรงความดีตลอดเวลา.... 

 

  ก่อนนอนสวดกระทั่งหลับไป  ตื่นยังไม่ทันลุกให้คิดถึงพระพุทธเจ้าก่อน

 

     คาถาประโตเมตัง จะมีพลังแสงออร่าออกมา 

   เวลาเกิดเหตุให้จิตเกาะเกี่ยวที่คาถา 

   แล้วแสงออร่า..จะออกมาคุ้มครองเมื่อ

   ภัยพิบัติมาถึง

 

  หหหหน้าที่ของเราต้องไปขยาย

  วิธีที่จะช่วยคนให้รอดจาก......

 

  ให้ทดสอบดังนี้  เอาคาถาพับครึ่งไม่ให้เขาเห็นตัวคาถา

  บอกให้เขา(ผู้ที่เราต้องการบอกบุญ)หลับตาซิ   มีอะไรจะให้...

  ลองจับซิ...   (เรายื่นใส่มือให้ )   จับแล้วเป็นยังไง

  มีอาการยังไงบ้าง  ความรู้สึกทางใจ  

 

  มันจะมีคนที่จับแล้วร้อน  ปวดหัว   ทรมาน

 

  ถ้าเขาขนลุก  จับแล้วสบายใจ  มีความสุขก็ให้เขาได้

  บอกให้เขาไปดูรายการของ อ.นะ

 

  แต่ถ้าเขาจับแล้วรู้สึกอึดอัดก็ไม่ต้องให้

 

  เราต้องช่วยกันไปบอกบุญ อ.ทำคนเดียวคงไม่ทัน

  แล้วเมื่อไหร่จะช่วยคนหมดประเทศ  

  แต่คนที่ยังไม่สำนึกก็จะไม่รอด

  เราต้องเป็นกระจกเงาให้เขา  เราต้องไม่เอาตัวเองรอด

  เชื่อไม่เชื่ออยู่ที่เค้า  

 

  แต่ตัวเราก็ต้องมีกุศลก่อน  ไม่ใช่ไปยื่นจานเปล่าให้.....

  บุญสร้างใด้ทุกขณะจิต  ง่ายๆก็โดยการคิดบวก 

  คิดถึงความดีของผู้อื่นฯ  ฯ

 

  สวดมนต์แล้วก็ทำสมาธิ  

  แต่บางคนทำเท่าไหร่ก็ไม่สงบ ฟุ้งซ่าน 

  ความจริงทุกคนใด้มโนยิทธิหมดแต่ไม้รู้ตัว  ใช้ไม่ถูกวิธี

  แต่การใด้มโนคือการเห็นภาพ   มันใด้ภาพจริงกับภาพหลอก  เวลาทำสมาธิ

  จิตมันชอบเที่ยว  ถ้าจิตมันอยากไป

 

  ให้มันไปซะ  แล้วเราก็บังคับจิตของเราให้ไปเป็นที่ ๆ

  เช่นไปทำบุญ  มาบ้านสวน  ไปที่ๆจิตเราเป็นสุข... 

 

  ส่วนคำภาวนา พุทโธ ทิ้งไม่ใ้ด้เลยนะ

  ใครอยากมีจิตเป็นทิพย์ ให้   นะมะพะทะ 

  ส่วนคำอื่นๆก็ป็นอุบายให้จิตสงบ

 

   คนที่มีทุกข์ส่วนใหญ่เพราะขาดปัญญา

 

   จดและจำมาใด้เท่านี้  พอดีกระดาษหมด ที่ต้องจดเพราะความจำสั้น

  ลูกขอกราบพระพุทธองค์ หลวงพ่อฤษี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆพระองค์ที่บ้านสวนฯ

  และ อ.อุบล หากลูกผิดพลาด ตกหล่นประการใด

  ลูกกราบขอขมาขออโหสิกรรมให้ลูกด้วยเถิด

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี วันที่ตอบ 2011-02-16 20:39:58


ความคิดเห็นที่ 19 (1532279)

สาธุ คะ คุณคนึงนุช

ถ่ายทอดคำสอนได้ดีมาก ๆ เลยคะ

เห็นภาพ เข้าใจได้ เหมือนไปนั่งฟังอ.อุบล พูดเลยคะ

ต้องขอบพระคุณมาก ๆ นะคะ ขอโมทนาบุญด้วยนะคะ

 

และต้องกราบขอบพระคุณ ท่าน อาจารย์อุบลมาก คะ

ที่ได้สั่งสอนตักเตือนลูกหลาน ได้ชัดเจน กระชับ

ครอบคลุม ทางลัดต่าง ๆ ให้นำไปปฏิบัติได้ทันที และอย่างง่ายดาย

หนูได้อ่านแล้ว รู้สึกดีมาก ๆ คะ จะพยายามน้อมนำไปปฏิบัติให้ดีที่สุดคะ

กราบเบื้องบน และท่านอ.อุบล คะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2011-02-16 21:03:00


ความคิดเห็นที่ 20 (1532300)

อนุโมทนาค่ะคุณ คนึงนุช อ่านข้อความที่คุณพี่เขียนแล้ว

เหมือนได้ฟังจากปากท่านอ.อุบล พูดโดยตรงอย่างที่คุณแหวนว่าจริงๆด้วย

 

จริงๆเป็นความคิดที่ดีมากๆเลยนะคะ ถ้าจะมีคนใจบุญ

มาช่วยกันเขียนในสิ่งที่อ.อุบลเมตตาสอน ในแต่ละอาิทิตย์ที่ไปและได้ฟังมา

เพราะคนไกลๆจะได้รับรู้ข้อความเหล่านี้ และน้อมนำไปปรับใช้และปฏิบัติต่อไป....


กราบขอบพระคุณอ.อุบลเป็นอย่างสูง อ่านแล้วก็รู้สึกสบายๆ คลายๆ

เพราะ ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นคำสอนที่เข้าถึงได้ง่ายๆ ถ้ารู้่จักเปิดใจ...

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ...

 

และขออนุญาตเสริมนิดนึง เรื่อง การทำสมาธิ ที่มีอาการฟุ้งซ่านนั้น

ส่วนใหญ่เป็นเพราะ ศีลขาดค่ะ ถ้าศีลพร่องไปข้อใดข้อหนึ่ง หรือทุกข้อ

แปลว่าเราได้ทำอะไรที่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่นไปแล้ว ฉะนั้น เวลามานั่งสมาธิ

เรื่องเหล่านั้นจะมารบกวนจิตใจเราตลอดเวลา จิตจึงไม่เป็นสมาธิ

ฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้อง ทำให้เต็มกำลังทั้งทาน และ ศีล จึงจะได้ สมาธิ..ที่สงบ...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-02-17 06:00:04


ความคิดเห็นที่ 21 (1532309)

 โมทนาบุญกับคุณคนึงนุช ด้วยครับ...เก็บรายละเอียดและนึกภาพตามเหมือนได้ฟังอยู่ทีบ้านสวนฯ เลยครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-02-17 08:28:34


ความคิดเห็นที่ 22 (1532317)

อ่านแล้วเรียกว่า เหมือนได้ฟังท่านอาจารย์พูดใหม่อีกครั้งเลย มีแต่สิ่งสำคัญๆสำหรับการปฏิบัติเพื่อพันทุกข์อย่างแท้จริง ใครไม่ได้อ่าน ไม่ได้นำไปปฏิบัติน่าเสียดายมาก

ได้รื้อความคิดเก่าๆ เพราะว่าท่านอาจารย์บอกว่า ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นสิ่งที่ทำง่ายๆ ไม่ใช่ทำยากๆอย่างที่พวกเราทำ หรือว่าเข้าใจทำกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านอาจารย์ได้นำธรรมะของพระพุทธองค์มาสอนเรานั้น ทำง่าย ถูกต้อง ได้อานิสงค์มาก

ผมโดนใจมากครับ ที่ท่านอาจารย์บอกว่า นั่งสมาธิหรือว่าปฏิบัติธรรมใดๆแล้ว มันทุกข์ เจ็บขา ปวด ทรมาน เราก็ฝืนนั่งอยู่ ทำอยู่ มันจะเป็นบุญ ได้บุญอย่างไร ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากครับสำหรับแสงสว่างทางปัญญาปัญญา และอนุโมทนาบุญกับพี่คนึงนุชมากๆด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา วันที่ตอบ 2011-02-17 09:29:13



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.