ReadyPlanet.com


นี่ละคือเหตุผลที่ท่านอาจารย์อุบล เมตตาให้เราทานมังสะวิรัต


ยามเกิดภัยพิบัติผู้มีเซลล์ดำรอดยาก

 

http://ainews1.com/article401.html

 

 

บุคคลและกลุ่มคนที่จะมี%รอดสูง

 

เสบียงบุญ (พระมหาชนกเตรียมเสบียงและกำหนดทิศก่อนเรือแตก)

 

๑) ทานมังสะวิรัติ (ข้อนี้ดูแนวโน้มแล้ว สันติอโศก นักเรียนโรงเรียนสัตยาไสของดร.อาจอง จะมี%รอดสูงเชียวละ)

๒) มีกิเลสเบาบาง (ถือศีลอุโบสถวันพระ เช่นพระมหาชนก)

 

ทำไมถือศีลอุโบสถ จึงมี%รอดสูง?

 

ข้อนี้จะสามารถอธิบายข้อแรกได้ด้วย 

เวลาที่สัตว์ใหญ่ๆ ใกล้ตาย แรงอาฆาตจะสูง เวลาจะตาย ก็จะเกิดอาการตกใจกลัวเมื่อคนจะเอาไปเข้าโรงฆ่า การกลัวตายนี้จะทำให้ร่างกายของสัตว์หลั่งสารเคมีชนิดหนึ่ง (แอ๊ดดีนาลีน หรือสารแห่งความทุกข์) ออกมากระจายไป ทั่วตามร่างกาย(ดีซ่าน) สารเคมีชนิดนี้ ความร้อนในการหุงต้มไม่สามารถทำให้สลายตัวได้ จึงส่งต่อไปที่คนกิน

 

 

เมื่อคนกินเนื้อสัตว์เข้าไป สารเคมีตัวนี้ก็จะเข้าไปสะสมในเซลล์ของร่างกายมนุษย์ด้วย

ทำให้เกิดความเศร้าหมองและเกิดโรคต่างๆตามมา (แรงกรรม)

 

สารเคมีตัวนี้ จะทำให้เซลล์มีความทึบแสงเศร้าหมอง 

 

ซึ่งต่างกับคนที่ถือศีล กินเจ (มังสะวิรัติ) ซึ่งเซลล์ต่างๆในร่างกายจะสดใส ไม่เศร้าหมอง จนเราสามรถเห็นด้วยตา เช่นการเห็นว่า

พระที่ท่านเมตตาสูงๆ ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ จะมีรัศมีของบุญและแสงออร่า

 

ซึ่งตรงกันข้ามกับ คนที่กิเลสหนา โลภจัด โกรธจัด หลงจัด 

พวกนี้จะเศร้าหมองจากข้างใน เซลล์ถูกสารความเศร้าหมองครอบงำ(แรงกรรม)

 

ขออธิบายเรื่องนี้ด้วย ผลการทดลองของ ดร.มาซารุ อิโมโต๊ะ เรื่องของผลึกน้ำที่เมื่อเราใส่พลังงานที่ไม่ดีลงในน้ำ เมื่อแช่เย็นตกผลึกแล้วภาพถายยังแสดงออกซึ่งความแตกต่างอย่างชัดเจน

 

สรุปคือ เมื่อเซลล์ในร่างกาย มีความเศร้าหมองน้อย อาวุธเส้นแสงก็จะทำปฎิกิริยากับเซลล์ในร่างกายน้อยด้วยเช่นกัน

 

 

 

นี่จึงเป็นที่มา เรื่องของความเชื่อเรื่องวันชำระโลก วันพิพากษา ของศาสนาต่างๆ 

ที่พระเจ้าจะเลือกให้คนดีอยู่ คนชั่วต้องตกนรก

และมีศพลอยน้ำเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด

 

สำหรับหลายๆท่านที่หมดข้อกังขาแล้ว เริ่มปฏิรูปการรับประทานอาหารเสียใหม่เสียตอนนี้ ยังพอมีเวลา

 

สำหรับผู้ที่รับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ กรดอะมิโนจากโปรตีนของสัตว์ต่างๆ จะไวต่อรังสีแกมม่า ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยาพบว่า เซลล์ที่มีกรดอะมิโนจากเนื้อสัตว์ เมื่อสัมผัสกับรังสีแกมม่าที่มากับแสงอาทิตย์จะไหม้กลายเป็นสีม่วงคล้ำแล้วเซลล์จะเน่า

 

วิธีแก้ไข ก่อนวิบัติกาลของโลกจะเกิดขึ้นเป็นเวลา 6 เดือนให้งดกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันรังสีต่างๆที่โลกเกิด Earth Wobble อยู่เป็นประจำ จึงเปิดโอกาสให้รังสีแกมม่าและอื่นๆลงมาบนผิวโลกบ่อยขึ้น และยิ่งเข้าใกล้วิบัติกาลของโลกมากเข้า โลกจะเกิด Severe Wobble โอกาสสัมผัสรังสีแกมม่ายิ่งจะมีมากขึ้น  จึงเป็นอีกสาเหตุที่คนจะเสียชีวิต เนื่องเพราะเซลล์เน่านี่เอง

 



ผู้ตั้งกระทู้ ชุติมณฑน์ ใจดี กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-01-25 12:36:27


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1594194)

อนุโมทนากับธรรมทาน

ของคุณชุติมณน์ ค่ะ

การทานมังสวิรัส

มีผลดีกับร่างกายมากๆ

และเป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์อุบล

คอยย้ำเตือนอยู่เสมอ

แต่หลายคนก็ยังทำตามไม่ได้รวมถึงตัวเองด้วยยังคงหลงในรสชาติและความเคยชิน

ขอบคุณท่านอาจารย์

 

ท่านคงทราบ

ว่าเราจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง

ดูจากแผนการเตรียมพร้อมต่างๆ

การเตรียมเป้ยังชีพ

การทานมังสวิรัส

โดยท่านทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง

ว่าทานแล้วสวย

และก็ไม่เบียดเบียนชีวิตใคร

สร้างสถานที่เตรียมรับภัยพิบัติ

โรงทาน

การเข้าค่ายรุ่นต่าง

เวลาคงใกล้เข้ามาแล้ว

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุกันยา จรพินิจ (g-dot-greengreen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-25 14:03:20


ความคิดเห็นที่ 2 (1594304)

ขออนุโมทนา

กับพี่ชุติมณฑน์ ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-25 23:37:52


ความคิดเห็นที่ 3 (1594315)

เจ้ากรรมนายเวร

ที่ได้รับอนุญาตให้ออกมา

แก้แค้นเอาคืน ในวันพิพากษาโลก

ก็คือ วิญญาณสัตว์ และ คน

หรือ อาสาสมัคร ทั้งหลาย

จะได้รับสิทธิพิเศษ

ให้ออกมา

ตามหา คู่กรรม คู่แค้น

ที่เคยกินเขา เคยฆ่าเขา

เคยทำร้ายเขา

 

เคยให้คนอื่นฆ่า

ให้คนอื่นทำร้าย เบียดเบียนเขา

เตรียมรับมือได้เลย

 

ไม่ต้องเชื่อนะ

ไม่ได้บอกให้เชื่อ

แต่

บอกให้จำไว้ แล้วจะได้เจอ

ตอนเจอ จะได้นึกได้ว่า

 

อ๋อ

อ.อุบล เคยบอกไว้

 

ใกล้ถึงวันนั้น

มิติต่างๆ จะเริ่มถูกเปิด

เพื่อเตือนให้

กลับใจเป็นครั้งสุดท้าย

สำหรับคนที่ลังเลสังสัย

หรือ

คนชั่วก็ได้รับโอกาส

ให้กลับตัวกลับใจ

 

สิ่งที่ไม่เคยเห็น

ก็จะได้เห็น เห็นด้วยตาเปล่า

 

ซึ่งตอนนี้

ที่บ้านสวนพีระมิด

ก็เห็น UFO.

ด้วยตาเปล่ากันทุกวัน

จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

วันนี้ก็เห็น

เลยเรียกคุณแขกมาดู

 

ส่วนดวงธรรม

บางคนก็เริ่มเห็นด้วยตาเปล่า

ลำแสงแปลกๆ ก็พุ่งลงมาให้เห็น

กันจะๆ ด้วยตาเปล่าๆ

 

แต่ทุกครั้งที่

มนุษย์ต่างดาว ให้เราเห็น

ยานของเขา

 

เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป

ใครๆก็ถ่ายไม่ได้

กดชัตเตอร์ไม่ลงทุกคน

 

มีบางคน

ถ่ายได้ 1 ภาพ

ก็มีเหตุให้ต้องลบทิ้ง

 

เขาจงใจให้

คนที่มาบ้านสวนพีระมิด

เท่านั้น ได้ดู ได้รู้

ของจริง

 

ไม่ต้องเอาไปให้ใครดู

 

เหมือนกับ

กฎสวรรค์ ทำไมท่าน

ไม่ให้ชวนใครมา

 

ท่านบอกว่า

กรรมใคร กรรมมัน

 

อย่าหวังดีเกิน

จนแทรกแทรงกรรม

เดี๋ยวเราต้องรับเอง

 

เอาเป็นว่า

มิติต่างๆ เริ่มเปิด

แสดงว่า ใกล้แล้ว

 

คนที่มีเสื้อบ้านสวนพีระมิด

ฝึกใส่ทุกวัน ให้ชินนะ

 

ส่วน

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ก็ใช้ให้ชิน เพราะไม่เสียเงิน

 

พอใช้คล่อง

เวลาเกิดเหตุ มันจะได้นึกได้

 

รีบบอกต่อ

ออร่า ในตัว จะได้ขาว

ไม่มีจุดดำ

 

รหัสนี้

ลดกรรม ได้ด้วย

ทำลาย อำนาจมืด ได้ด้วย

 

ถ้าบอกต่อมาก

จะใช้ได้อย่างอัศจรรย์มาก

ยิ่งๆ ขึ้น รวมทั้ง

จะมีผู้+สิ่ง มาช่วย

วันล้างโลก

 

แต่คนที่ไม่บอกต่อ

ก็คง ต้อง ทำใจ

หน่อยนะ

 

มีของดี

แต่จะใช้คนเดียว

อยู่ในยุคพระศรีอาริย์ไม่ได้

 

ยุคของท่าน

ท่านให้แบ่งปัน เอื้อเฟื้อ

 

ท่านลองใจเรา

ว่า

นี่นะ ขนาด ฟรีนะ

ยังหวง

 

ไม่ใช่บอกที เสียเงินที

ซักกะหน่อย

ยังไม่ค่อยจะบอกเลย

 

ใจแคบจริง

จะเอาแต่ตัวเองรอด

 

เบื้องบนนี่

สุดยอด จริงๆ

ที่มีกฎการใช้รหัสเช่นนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-26 00:05:55


ความคิดเห็นที่ 4 (1594357)

Anumotana satu ka A. mom

 

Motana satu ka

K. Chuthimon

ผู้แสดงความคิดเห็น นนทพร สไตล์เฮ้าส์ (alittlethai-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-26 08:54:09


ความคิดเห็นที่ 5 (1594466)

อนุโมทนาบุญสำหรับธรรมทานด้วยค่ะ

พี่ชุติมณฑน์

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

**************

กินมังสะวิรัติได้ระยะหนึ่งค่ะซึ่งเมื่อก่อนเคยกินมาได้เป็นเวลา 2 ปี แล้วก็มีเหตุทำให้มังฯแตกซะแล้ว แต่ ณ วันนี้ตั้งแต่ไปรับศีล 8 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก็พยายามกินมังฯอยู่เลยค่ะ กลายเป็นคนไม่ชอบเนื้อสัตว์ซะแล้วล่ะค่ะ รู้สึกว่ามันมีกลิ่นแปล่ง ๆ บอกไม่ถูก

อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับป้าเกสรค่ะ ที่ได้นำทางให้น้องทรายกลับมากินมังฯอีกครั้ง และขอบพระคุณอาจารย์แม่อุบลที่คอยเตือนใจเรื่องการกินมังฯเสมอมาเจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-26 12:56:59


ความคิดเห็นที่ 6 (1594481)

ขออนุโมทนาบุญ

กับธรรมทาน

นี้นะคะคุณชุติมณฑน์

เช่นเดียวกันค่ะ

น้องทราย

ป้าแต๋มก็ต้องยกความดี

ให้ป้าเกสรของน้องทราย

ที่ได้แนะนำให้เข้ามารู้จัก

กับเวปบ้านสวน

พีระมิด

และบอกให้ทานมังสวิรัติ

ต้ังแต่ข่าวสึนามิ

ที่ญี่ปุ่นผ่านมานี้ละค่ะ

ตั้งแต่นั้นมาก็

พยายามทานมังสวิรัติ

และกราบขอบพระคุณ

ท่านอาจารย์อุบล

ที่คอยเตือนใจเรื่องนี้ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจพร เลามาสุวพันธ์ (benjaporn-dot-tam-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-26 13:41:41


ความคิดเห็นที่ 7 (1594649)

           ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของคุณชุติมณฑน์ด้วยค่ะ พร้อมทั้งขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาที่อาจารย์คอยตักเตือนอยู่เสมอ ๆ ค่ะ ทุกวันนี้ก็เลิกทานเนื้อสัตว์แล้ว หลังจากมารู้จักและทำบุญกับบ้านสวนพีระมิด  และได้รับคำสั่งสอนจากอาจารย์อุบลว่าหากเราจะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ก็ควรงดเบียดเบียนชีวิตสัตว์จากการกินด้วย ซึ่งครั้งแรกก็เพียงละชีวิตสัตว์เฉพาะวันพระ ต่อมาก็เลิกเบียดเบียนชีวิตสัตว์ได้ทุกวัน ประกอบกับได้ฟังคำสั่งสอนจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำทุกวัน  ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีแต่ความสุขทั้งกายและใจ ต้องกราบขอบพระคุณในความเมตตาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ ท่านดตาจินิน องค์สฟริงส์ เทพ พรหม เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ทั่วทั้งจักรวาล และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ทุกท่าน ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กนกกร แดงเอม (kanokkorntip-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-27 16:49:18


ความคิดเห็นที่ 8 (1595774)

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อุบลที่เมตตา

และอนุโมทนาบุญกับธรรมทานของคุณชุติมณฑน์ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-03 16:34:23


ความคิดเห็นที่ 9 (1595895)

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หน่อย (สมศรี พวงพันธ์) (noi-92012-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-04 15:41:02


ความคิดเห็นที่ 10 (1597975)

การเป็นมังสวิรัติ เข้ากับหลักการของ
คำสอนทางพุทธศาสนา

 

โดยพี่ประทับจิตชายเอส.เอส.อิค ย่างกุ้ง ประเทศพม่า (ต้นฉบับเป็นภาษาพม่า)

ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ เราไม่มีปัญหาเรื่องการเป็นมังสวิรัติ ในเวลานี้ที่ฉันเป็นห่วงก็คือ ทำอย่างไรจึงโน้มน้าวพุทธศาสนิกชนที่นี่ได้ เพราะว่าพวกเขาหลาย ๆ คนเชื่อว่า พระพุทธเจ้าฉันเนื้อหมูและไม่ห้ามการรับประทานเนื้อสัตว์ พวกเขาพูดว่า ตามศีลของพระสงฆ์นั้นพระพุทธเจ้าทรงห้ามเฉพาะการรับประทานเนื้อของสิ่งมีชีวิต 10 ชนิด(มนุษย์ สุนัข ม้า ช้าง เสือดาว เสือ สิงโต หมี วัวควายที่มีขนยาว และงู)แต่อนุญาตให้ลูกศิษย์ของพระองค์รับประทานเนื้อสัตว์ที่บริสุทธิ์ 3 ประเภท

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านอาจารย์ได้อธิบายชัดเจนมากในการบรรยายธรรมของท่านเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2536 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย (วีดีโอเทป #378):ในหลาย ๆ พระสูตร พระพุทธเจ้าได้อธิบายว่า เธอไม่ควรรับประทานเนื้อของสรรพสัตว์ แต่ในยุคต้น ๆ ของการสอนของพระองค์ ท่านอนุญาตให้คนรับประทานเนื้อสัตว์ที่บริสุทธิ์ 3 ประเภท ซึ่งก็คือเธอเองไม่ได้เป็นคนฆ่ามัน เธอไม่ได้ยินเสียงร้องของการถูกฆ่า และสัตว์ที่ตายเพราะเจ็บป่วยหรือตายตามธรรมชาติ เพราะอายุมาก เธอสามารถทานได้ แต่ต่อมาในพระสูตรที่ชื่อศุรางคมสูตร พระองค์ตรัสกับภิกษุว่า "เวลานี้พวกเธอเติบโตขึ้นและก้าวหน้าแล้ว จงอย่ารับประทานเนื้อสัตว์อีกต่อไป" และในอีกพระสูตรหนึ่ง นิพพานสูตร ภิกษุรูปหนึ่งถามพระพุทธเจ้าว่า "ถ้ามีคนถวายอาหารแก่พวกเราและในอาหารนั้นมีเนื้อสัตว์ พวกเราควรทำอย่างไร?" พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสว่า "จงล้างเนื้อนั้นออกไปและฉันได้" ดังนั้น เมื่อพระองค์ไม่ให้ลูกศิษย์รับประทานเนื้อสัตว์ ตัวของพระองค์เองก็ต้องไม่ฉันเนื้อสัตว์เช่นกัน และในอีกพระสูตรหนึ่งลังกาวัฏรสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่า "การรับประทานเนื้อสัตว์จะสร้างผลกระทบที่ร้ายแรงมากในโลกนี้ มันจะทำให้เกิดสงครามและเกิดภูตผีหลายประเภทที่กินเนื้อสัตว์และดูดเลือด’”

ในหนังสือตัวอย่างของท่าน อาจารย์ยังได้อธิบายว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงฉันนั้นไม่ใช่เนื้อหมูแต่เป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่ชื่อ "ขาหมู" หรือ "หมูชอบ" เห็ดชนิดนี้ไม่สามารถพบเห็นได้บนดิน มันงอกอยู่ใต้ดิน ถ้าคนต้องการพบมัน พวกเขาต้องค้นหาโดยให้หมูแก่ช่วยค้นหา ซึ่งมันชอบกินเห็ดชนิดนี้มาก หมูค้นพบเห็ดชนิดนี้โดยกลิ่นของเห็ด และเมื่อมันพบแล้ว มันจะใช้เท้าของมันขุดไปในโคลนจนพบและก็กินเห็ดนั้น นี่คือเหตุที่เห็ดชนิดนี้ได้ชื่อว่า "หมูชอบ" หรือ "ขาหมู" แต่เนื่องจากถูกแปลโดยไม่ระมัดระวัง และเพราะผู้คนไม่เข้าใจอย่างแท้จริงในสิ่งที่รับรู้มา คนในยุคต่อ ๆ มาจึงเข้าใจผิด ๆ และหลงคิดว่า พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ที่กลืนกินเนื้อสัตว์ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริงๆ

บางคนก็ยังคิดว่า เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เป็นคนฆ่าเนื้อที่วางอยู่ในตลาด มันก็ไม่เป็นไรที่จะกินเนื้อนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้วการฆ่าทางอ้อมก็เกิดขึ้นแล้วสำหรับพวกเขา ดังนั้น หลักการที่ถูกต้องก็คือ "ไม่ซื้อ ไม่ฆ่า"

บางคนกระทั่งคิดว่า ไม่มีความจำเป็นทางด้านจิตวิญญาณในการเป็นมังสวิรัติ แต่อย่างไรก็ตาม ในพระสูตรอวตารสูตร มีกล่าวไว้อย่างชัดเจนมากว่า "เหล่าพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหมดล้วนปฏิบัติในทางเนื้อแท้ตามหลักการของความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ความทุกข์ทรมานของสรรพสัตว์ นำมาซึ่งความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพวกท่าน จากความเมตตาอันยิ่งใหญ่นี้ก่อให้เกิดปัญญาอันยิ่งใหญ่ และด้วยปัญญาอันยิ่งใหญ่นี้พวกท่านเหล่านั้นจึงบรรลุถึงการรู้แจ้งอันสูงสุด" ท่านอาจารย์ยังอธิบายต่อไปว่า "ในศุรางคมสูตร พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งรับประทานเนื้อของสรรพสัตว์สามารถไปถึงเพียงแค่สภาวะของกษัตริย์แห่งมาร" นั่นไม่ได้หมายความว่า เราสามารถกลายเป็นกษัตริย์แห่งมารได้โดยการรับประทานเนื้อสัตว์! แต่หมายความว่าระดับของเราต่ำเหลือเกินและไร้เมตตาเหลือเกิน ซึ่งเราสมควรเป็นได้เพียงแค่กษัตริย์แห่งมารเท่านั้น การทานมังสวิรัติไม่ได้เปลี่ยนให้มนุษย์กลายเป็นพุทธะ และการทานเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์กลายเป็นปีศาจ มันเพียงแต่แสดงถึงว่าผู้คนที่ยังคงทานเนื้อสัตว์หรือยังคงเพลิดเพลินกับการทานเนื้อของสรรพสัตว์ ในหัวใจของพวกเขาย่อมมีจิตเมตตาที่น้อยนิดเหลือเกิน แม้ว่าพวกเขายังสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตขณะกำลังทานเนื้อสัตว์อยู่ นั่นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ธรรมชาติพุทธะที่อยู่ภายในตัวพวกเขาจะปรากฏออกมาได้เต็มที่! ถ้าธรรมชาติพุทธะของพวกเขาพัฒนาออกมาได้เต็มที่ พวกเขาก็จะรู้สึกกระอักกระอ่วนที่เห็นภาพของเนื้อสัตว์นั้น พวกเขาจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดของสรรพสัตว์ และพวกเขาจะไม่กล้าอยากทานเนื้อสัตว์อีกเลย มันเป็นความเจ็บปวดอย่างที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะกลืนกินเนื้อสัตว์ใด ๆ พวกเขาเพียงแต่ทานไม่ลง ร่างกายและจิตใจของพวกเขาไม่อาจยอมรับได้ ดวงตาของพวกเขาปฏิเสธที่จะมองดูมัน และปากของพวกเขาปฏิเสธที่จะลิ้มรสมัน มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองแบบอัตโนมัติ (ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ในสมาธิกลุ่มที่ไทเป ฟอร์โมซา วันที่ 14 เมษายน 2532)

บางคนพูดว่า เวลาที่พวกเขาทานเนื้อสัตว์ ไม่ได้มีความรู้สึกยึดติดเนื้อสัตว์และไม่มีความอยากในรสชาติ ดังนั้น พวกเขาโต้แย้งว่าคนรับประทานมังสวิรัติที่ทานปลาเทียม ไก่เทียม และหมูเทียม อื่น ๆ แสดงถึงความอยากรับประทานเนื้อสัตว์ในอีกรูปแบบหนึ่ง ตามความเข้าใจของฉันก็คือ สิ่งทดแทนเนื้อสัตว์นั้นออกแบบมาเพื่อดึงดูดใจและให้ความพึงพอใจแก่คนที่เคยชินกับรสชาติของเนื้อสัตว์ และช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนมาเป็นมังสวิรัติได้ง่ายดายขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือ แบบนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับการฆ่าจริง ๆ และมันช่วยให้ธรรมชาติแห่งเมตตาจิตของเราได้เติบโตขึ้น

ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เลยที่ว่า มังสวิรัติเข้ากันได้ดีกับหลักการของพุทธศาสนา ทำไมพระพุทธเจ้าจึงบัญญัติว่า "อย่าฆ่า" เป็นศีลข้อแรกของเบญจศีล ถ้าหากพระองค์ไม่ใช่มังสวิรัติ และถ้าพระองค์ไม่ได้ขอร้องสานุศิษย์ของท่านให้เป็นมังสวิรัติ?

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ ((ตั๊ก)) (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-17 17:54:57


ความคิดเห็นที่ 11 (1597976)

ต่อไปนี้คือคำสอนอีกมากมายของพระศากยมุนีพุทธเจ้าเกี่ยวกับมังสวิรัติ

พรหมจรรย์สูตร

"ผู้คนที่รับประทานเนื้อสัตว์ย่อมทำลายเมล็ดพันธุ์แห่งจิตเมตตาอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติพุทธะของพวกเขาเอง และสรรพสัตว์ใด ๆ ที่พบเห็น พวกเขาก็จะละทิ้งพวกเขาไป ดังนั้น โพธิสัตว์ทั้งหลายต้องหลีกเลี่ยงจากการทานเนื้อของสรรพสัตว์ใด ๆ เพราะนั่นจะสร้างบาปอันไม่สิ้นสุด"

ศุรางคมสูตร

"ผู้คนที่รับประทานเนื้อสัตว์จะตกเข้าไปในวัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิด และทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดอันไม่สิ้นสุด"

"ผู้คนที่รับประทานเนื้อสัตว์จะไม่อาจพบความสำเร็จเลยในการรับพระพร หรือบุญกุศลใด ๆ ที่พวกเขาสวดภาวนาขอ"

"ผู้รับประทานเนื้อสัตว์ย่อมทำให้สิ่งมีชีวิตบนสรวงสวรรค์หลีกห่างไปจากพวกเขา และสรรพสัตว์อื่น ๆ หวั่นกลัวพวกเขา"

ลังกาวัฏรสูตร

"เหล่านักบุญทั้งหมดล้วนรังเกียจการกินเลือดหรือเนื้อ...สิ่งมีชีวิตบนสวรรค์ย่อมไม่เข้าใกล้ผู้คนที่ทานเนื้อสัตว์ เพราะปากของพวกเขามีกลิ่นเหม็นเน่าอยู่เสมอ...เนื้อไม่เป็นสิ่งที่ดี เนื้อเป็นของไม่สะอาด ผู้ที่ทานเนื้อก่อให้เกิดมารและทำลายบุญกุศลและพระพรให้หมดสิ้นไป นักบุญทั้งหลายล้วนตำหนิการทานเนื้อสัตว์!"

"ในบางสถานที่ ฉันห้ามผู้คนไม่ให้ทานเนื้อ 10 ชนิดและอนุญาตให้พวกเขาทานเนื้อบริสุทธิ์ 3 ประเภท เพื่อช่วยให้พวกเขาเลิกทานเนื้อสัตว์แบบค่อยเป็นค่อยไป และต่อมาภายหลังจึงเข้าร่วมการปฏิบัติธรรม เวลานี้ฉันบอกว่า ฉันห้ามการทานเนื้อทุกชนิด ไม่ว่าสัตว์นั้นตายอย่างธรรมชาติหรือถูกฆ่าตาย ฉันไม่เคยอนุญาตลูกศิษย์ของฉันทานเนื้อสัตว์ และฉันจะไม่อนุญาตเลยทั้งในปัจจุบันและในอนาคต"

"สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมามากมายเหลือคณานับ สรรพสัตว์ล้วนเป็นญาติพี่น้องกันและกัน เราสามารถทานเนื้อของญาติพี่น้องเราได้อย่างไร?"

นิพพานสูตร

พระกัสปะถามพระพุทธเจ้าว่า "ทำไมในอดีตพระองค์จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุฉัน "เนื้อบริสุทธิ์ 3 ประเภท" หรือกระทั่ง "เนื้อบริสุทธิ์ 9 ประเภทได้?" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "มันเป็นการอนุโลมตามความต้องการของสภาวะการณ์ และค่อย ๆ ไปทีละก้าวในการละจากการทานเนื้อสัตว์"

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ ((ตั๊ก)) (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-17 17:56:55


ความคิดเห็นที่ 12 (1597977)

เสียงกรีดร้องขอชีวิตจิตหวาดหวั่น
เสียงห้ำหั่นเข่นฆ่าน่าสยอง

เสียงซวบซาบคมดาบเชือดเลือดไหลนอง
เสียงกรีดร้องสะท้านจิตสะกิดใจ
เสียงสัพเพสัตตาให้พาคิด

ว่าชีวิตนี้มีค่ากว่าสิ่งไหน

อเวราอย่ามีเวรอย่าเป็นภัย
ชีวิตใครใครก็หวงอย่าล่วงเกิน
ท่องสัพเพสัตตามาแต่ไหน
ยังเข้าใจเนื้อแท้แต่ผิวเผิน
ยังฆ่าบ้างกินบ้างอย่างเพลิดเพลิน
ยังใช้เงินซื้อชีวิตอนิจจา

สัตว์เกิดกายมาใช้กรรมที่ทำไว้
เป็นเป็ดไก่กุ้งปูเป็นหมูหมา
ตามเหตุต้นผลกรรมที่ทำมา
มิใช่ฟ้าประทานไว้ให้คนกิน

มีปัญญาแต่ไฉนจึงไม่คิด
มองชีวิตกลับเห็นเป็นทรัพย์สิน
เสียงกรีดร้องก่อนตายใครได้ยิน
น้ำตารินเมื่อถูกเชือดเลือดกระเซ็น

พูดว่าเขาเกิดมาเป็นอาหาร
เขาลนลานหนีตายมีใครเห็น
เขาจนใจพูดไม่ได้เถียงไม่เป็น
ช่างเลือดเย็นเข่นฆ่าไม่ปราณี

มีพืชผักมากมายนับไม่ถ้วน
ทุกอย่างล้วนรสสดใสหลากหลายสี
ธรรมชาติจัดวางอย่างดิบดี

สัตว์วิ่งหนีพืชเต็มใจให้กินมัน
เพราะเรากินเขาจึงฆ่าเอามาขาย
เราสบายแต่สัตว์โลกต้องโศกศัลย์

ท่องสัพเพสัตตามาทุกวัน
เมตตากันโปรดอย่าฆ่าและอย่ากิน

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ ((ตั๊ก)) (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-17 18:08:55


ความคิดเห็นที่ 13 (1598010)

กรรมใคร กรรมมัน

******

คำๆนี้ช่างโดนเสียนี่กระไร

คนบางคน คนบางกลุ่ม

พยายามบอกแล้ว

เรื่อง

การทานมังสาวิรัต

แต่ก็ไม่ได้สนใจใส่ใจ แต่ตัวผมก็ไม่น้อยใจ

เพราะท่านอาจารย์ได้ชี้ทางที่ถูกแล้ว

ทานมานานแล้วเห็นผลแล้ว

ทุกสิ่งทีท่านสอน ไม่ได้ยกเมฆยกลม

เป็นความจริงทุกประการ

และ

พิสูจณ์ได้

จงทำหน้าที่ของพวกเราในการเผยแพร่

การทานมังสาวิรัต

กันต่อไปเถอะ

ถ้าใครไม่เชื่อไม่ศรัทธา

ก็

กรรมใคร กรรมมัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ตัวเล็ก พงษ์เดช ชาวไทย (phongdech1665-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-02-17 21:48:20


ความคิดเห็นที่ 14 (1601429)

 ขออนุโมทนา กับคุณตั๊กนะคะ ที่เขียนกลอนดีๆมาให้อ่านกัน

อ่านแล้วสะท้อนใจ มันตรงกับความคิดของเราที่คิดว่าเนื้อสัตว์นั้น

เป็นอาหารไม่บาป แต่คิดผิด ขอร่วมทานมังสวิรัตด้วยคนนะคะ

ขอบารมี องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทาน ศีล บารมี ที่ลูกได้เคยปฏิบัติมา

ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุัับันชาติ โดยเฉพาะบุญบารมีที่เคยปฏิบัติมา

ณ บ้านสวนพีระมิด ขออนุโมทนาบุญทั้งหมด แด่ เทวดาที่ปกปักษ์รักษา

ท่าน อ.อุบล  และขออุทิศส่วนกุศลให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ลูกได้เคย

ล่วงเกิน กินท่านเป็นอาหาร  ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้า

ได้ทำมาทั้งหมด และขอให้ท่านทั้งหลายโปรดอโหสิกรรม ให้กับข้าพเจ้าด้วยเทอญ

สาธุ  

ผู้แสดงความคิดเห็น วิลาสินี วิริยพิสุทธิ์ (wwiriyapisut-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-09 21:29:32


ความคิดเห็นที่ 15 (1601578)

พี่วิลาสินีคะ ตั๊กไม่ได้เขียนหรือแต่งกลอนเองหรอกนะคะ

พอดีว่าไปอ่านเจอน่ะค่ะ เห็นว่าอาจจะมีประโยชน์บ้างสำหรับผู้ที่ต้องการจะทานมังฯอย่างจริงจัง เผื่อว่าอ่านแล้ว อาจจะเป็นตัวช่วยได้อีกวีธีหนึ่งค่ะ และขออนุโมทนากับพี่วิลาสินีด้วยนะคะ ที่ได้เลิกทานเนื้อสัตว์ หันมาทานมังสวิรัติแล้ว เหมือนอย่างที่น้องหญิงเคยพูดว่า ถ้าคนเลิกทานเนื้อสัตว์หนึ่งคน สัตว์เป็นล้านๆตัวคงจะดีใจมาก ^^

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ <ตั๊ก> (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-11 00:16:51


ความคิดเห็นที่ 16 (1601579)

ตะลึง! คุณยายมะกันหน้าเด็ก วัย 70 แต่เหมือนเพิ่ง 40



เชื่อขนมกินได้เลยว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่ปรารถนาคงความอ่อนเยาว์เอาไว้กับตัวนาน ๆ บ้างจึงลงทุนกับเครื่องประทินผิวสารพัดชนิด ทั้งโบกครีมเช้า-เย็น บ้างก็หันพึ่งมีดหมอหรือปลายเข็มฉีดยา เพื่อรักษาความเด้งดึ๋งตึงกระชับเอาไว้ แต่ลองมาดูคุณยายชาวอเมริกันคนนี้กันดีกว่า รับรองว่าคุณผู้หญิงจะต้องทึ่งกันเลยล่ะ เพราะอายุจริงของเธอปาเข้าไปตั้ง 70 แล้ว แต่ใบหน้ายังหยุดเอาไว้อย่างกับเพิ่งจะ 40 มาหมาด ๆเท่านั้น แถมเคล็ดลับของคุณยายหน้าอ่อนรายนี้ก็หาใช่เรื่องเครื่องสำอางหรือการศัลยกรรมเสียด้วย แต่เป็นการดูแลร่างกายจากภายใน เน้นที่เรื่องอาหารการกินล้วน ๆ

คุณยายแอนเน็ตต์ ลาร์กินส์ จากแคลิฟอร์เนีย ยังกระฉับกระเฉง สดใส แถมหน้าตายังดูอ่อนวัยเพราะตลอดช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เธอทานมังสวิรัติมาโดยตลอด ซึ่งสิ่งที่ทำให้คุณยายหันหลังให้เนื้อสัตว์นั้น เนื่องจากสามีของเธอเปิดร้ายขายเนื้อราวช่วงปี 1960

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคุณยายก็ไม่เคยแตะต้องเนื้ออีกเลย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ 27 ปีที่แล้ว คุณยายลาร์กินส์ ก็หันมากินเจ คือละเว้นไข่และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสิ่งมีชีวิต และเลือกกินแต่ผักสดที่ไม่ผ่านกระบวนการปรุงเท่านั้น

นอกจากนี้ในสวนหลังบ้านของเธอยังเต็มไปด้วยพืชผักสวนครัว และต้นไม้ซึ่งให้ผลอันกินได้อีกนานาชนิด ซึ่งทั้งหมดล้วนสลับสับเปลี่ยนกลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพของคุณยายในทุก ๆ มื้อ แถมคุณยายหน้าเด็กรายนี้ยังรองน้ำฝนเก็บไว้สำหรับดื่ม และรดพืชผักผลไม้ของเธออีกด้วย

นอกจากนี้คุณยายยังกระฉับกระเฉงมากพอที่จะศึกษาและทำอะไรต่าง ๆ ด้วยตัวเอง นอกจากเรื่องทำสวนแล้ว ก็ยังตัดเย็บเสื้อผ้าใส่เอง เรียนภาษาต่างประเทศซึ่งทำให้คุณยายพูดได้ถึง 3 ภาษา และแม้กระทั่งซ่อมคอมพิวเตอร์คุณยายลาร์กินส์คนนี้ก็ทำได้นะจ๊ะ ดูเหมือนว่าทุก ๆ วันที่คุณยายตื่นตั้งแต่เช้ามืด เธอจะตื่นขึ้นมาพร้อมความสดใสและพลังงานที่เต็มเปี่ยมทุกครั้ง ทำเอาสามีวัย 54 ปีของคุณยายถึงกับปลื้มปนทึ่งในความมีชีวิตชีวาของภรรยาเสียจริง

"ทุกครั้งที่เราเข้าเมืองไปด้วยกัน จะมีคนเข้ามาทักผมเป็นประจำเลยว่า ถ้าไม่พาลูกมา ก็ต้องโดนถามว่าพาหลานมาด้วยหรือ" คุณตาเอมอส สามีของคุณยายกล่าวติดตลก และทั้ง ๆ ที่เขาป่วยจนต้องพึ่งยาแก้ความดัน และรักษาอาการเบาหวานอยู่เป็นประจำ คุณยายกลับแทบไม่ต้องพึ่งแอสไพรินแม้สักเม็ดเดียว และเมื่อดูแลตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว คุณยายลาร์กินส์ก็ยังได้แชร์เคล็ดลับการดูแลตัวเองให้แก่คนอื่น ๆ ด้วยการเป็นวิทยากรให้ความรู้ และเขียนหนังสือของตัวเองอีกด้วย

อื้อหือ แบบนี้ก็น่าอิจฉาทั้งคุณยายลาร์กินส์ และคุณตาเอมอสเลยนะเนี่ย คนหนึ่งหน้าเด็ก อีกคนก็ได้แฟนเด็ก อิอิ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก lesk.cas.sk
Credit :
http://hilight.kapook.com/view/68475

__________________
B1 - War Room Falkman
ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ <ตั๊ก> (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-11 00:21:47


ความคิดเห็นที่ 17 (1601708)

โมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้  และขอกราบขอบพระคุณค่ะ  ในความกรุณาของครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ 

  ที่คอยย้ำเตือนให้ลูกศิษย์ทุกท่านเดินทางที่ถูก

และไม่เบียดเบียนสัตว์

แต่ถ้าทำไม่ได้กรรมใครก็กรรมมัน

จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-12 12:06:54


ความคิดเห็นที่ 18 (1604375)

 

ถ้าใครยังลังเล..

เลิกทานเนื้อสัตว์ไม่ได้สักที...

ลองดูคลิปนี้นะคะ

คงจะช่วยทุกท่านได้ไม่มากก็น้อย...

อนุโมทนากับทุกท่านที่เลิกทานเนื้อสัตว์ได้แล้วนะคะ สาธุ

http://www.youtube.com/watch?v=YErzs4a9Iio

http://www.youtube.com/watch?v=YErzs4a9Iio

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ <ตั๊ก> (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-30 21:16:48


ความคิดเห็นที่ 19 (1604406)

น้องตั๊ก พี่ๆๆ ดูจบแล้ว.......

อืม... จำได้แล้ว เคยดูมาแล้วมาครั้งนึง ตอนนั้นเพิ่งรู้จักบ้านสวนฯ

ความคิดขณะนั้น คือทำไม คนเราถึงใจร้ายจัง

ตอนนั้นเลิกทานเนื้อสัตว์แล้ว

วันนี้ก็ได้ดูอีกรอบนึง

ความคิดได้เปลี่ยนไป แล้ว

สงสารทั้งคนที่กระทำ และสัตว์ที่ถูกกระทำ

ขนาดตัวเราเอง มีอาชีพที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่น

นางฟ้าในสายตาของคนทั่วไป

บางครั้งร่างกายเราเหนื่อย เลยแปลงกายเป็น นางมาร

เพียงเพราะใจขาดเมตตา ยังมีผลให้ชีวิตและสุขภาพของเรา

เดียงไปก็มีเลย

แต่สิ่งที่เห็นในคลิปนี้ยิ่งกว่านางมาร หลายเท่า

จำที่อาจารย์แม่เคยสอนไว้ว่า

เขามีที่มาอย่างไร และกำลังจะไปไหนต่อ

*********

สัตว์ทุกตัวก็รักชีวิตเหมือนกัน แต่เขามิสามารถบอกเราได้

ก่อนเอาเขามาเป็นอาหาร โปรดสังเกตุลูกตาของเขา

สายตาวิงวอนคู่นั้น บอกว่า......

ขอโมทนากับทุกท่านที่เลิกทาน และกำลังจะเลิกทานเนื้อสัตว์

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-31 04:50:09


ความคิดเห็นที่ 20 (1604471)

พี่วิจ๋า ตั๊กก็เคยดูไปแล้วรอบนึง

จากเว็ปบ้านสวนนี่แหละค่ะ

แต่ที่เอามาลงอีกครั้ง เพราะบางท่านอาจจะยังไม่เคยดู

และเพื่อให้ทุกท่านที่อยากจะเลิกทานเนื้อสัตว์

แต่กำลังใจยังไม่เข้มแข็งพอ คลิปนี้อาจจะเป็นประโยช์กับท่านทั้ง

หลายได้บ้างอีกทางหนึ่ง

เราท่องสัพเพสัตตากันอยู่เป็นประจำ แต่ก็คงท่องเป็นนกแก้วนกขุน

ทอง เพราะเรายังกินเขาอยู่ สัตว์ทุกตัวคงจะอนุโมทนาบุญกับเรา

ที่เราสามารถเลิกกินพวกเขา มากกว่าการที่เรามานั่งท่องสัพเพสัตตา...

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ <ตั๊ก> (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-31 21:58:29


ความคิดเห็นที่ 21 (1604489)

ใกล้ถึงวันนั้น

มิติต่างๆ จะเริ่มถูกเปิด

เพื่อเตือนให้

กลับใจเป็นครั้งสุดท้าย

สำหรับคนที่ลังเลสังสัย

.....................................

กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์

รู้สึกว่ามิติต่างๆจะเริ่มเปิดแล้วจริงๆค่ะ

เพราะนอกจากจะเห็นUFOกัน

ด้วยตาเปล่าอยู่บ่อยๆแล้ว

 

ล่าสุดทีมข่าวเกษตรของ

คุณ คำรณ หว่างหวังศรี

ก็ถ่ายภาพพญานาคที่หนองหาร

มาได้ให้เห็นกันจะๆ ทั่วประเทศเล๊ย...

 

เฮ้อ...แต่คนที่ไม่เชื่อ

ก็คงจะยัง..ไม่เชื่อ..อยู่ดี

 

....................

อนุโมทนากับคุณ ชุติมณฑน์

และทุกๆข้อมูลจากน้องตั๊ก

รวมทั้งหนุ่ม...สาว ชาวมังฯทุกๆท่านด้วยนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-01 03:17:47


ความคิดเห็นที่ 22 (1604770)

 

ขอร่วมแชร์ประสบการณ์การทานมังสวิรัตค่ะ

เดิมทีนางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ (น้อย)จ.อุดรธานี ได้รับวิบากกรรมมากมายทั้งการเงิน การงาน สุขภาพ ชีวิตคู่ ได้เปิดทีวีผ่านรายการคุยไปแจกไปของอ.อุบล ได้ฟังอ.อุบลพูดติดใจในธรรมะอ.อุบลพูดชวนติดตามมาเรื่อย ๆ อ.อุบลพูดเรื่องทานมังสาวิรัติ ตั้งใจฟังทำตามตั้งใจทานมังสาวิรัติมาเรื่อย ๆ เกือบปีกว่า ๆ ไปอ่านข้อมูลในหนังสือการทานเจว่าการทานเจทั้งวันได้เท่ากับศีล 8 (เรารับทราบแต่ไม่ได้

หลบลู่) ก็ลองสังเกตตัวเองมาเรื่อย ๆ

จนกระทั่งพ่อได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2555

ได้ไปเข้าฝันพี่ชายซึ่งพี่ชายไม่เคยเชื่อเรื่องการฆ่าปลา ฆ่าสัตว์ต่างๆจะบาปเพราะพี่ชายเคยทะเลาะกับเราว่าถ้าไม่ฆ่าแล้วจะเอาอาหารที่ไหนมากิน

พี่ชายฝันเห็นพ่อใส่ชุดสีเขียว พ่อบอกว่าจะไปอยู่กับลูกสาวเพราะลูกสาวนั้นรักษาศีล 8 ได้  (พี่ชายเลยมาเล่าให้ฟัง) น้อยก็เลยคิดว่าก็มีแต่เราเท่านั้นที่เป็นลูกสาว แสดงว่าที่บอกว่าทานเจหรือมังสาวิรัติทั้งวันได้เท่ากับศีล 8 คงจะจริงและเป็นบุญที่ใหญ่มากอีกบุญหนึ่ง และพี่ชายก็ไม่ทะเลาะกับน้องมีแต่บอกว่าเออ.. ถ้าใครทานมังสาวิรัติได้ก็ดี ถ้าทำได้

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ใครที่ยังไม่ลองทานมังสาวิรัติลองไปทานดูน่ะค่ะ (เผื่อชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง สุขภาพดีขึ้นค่ะ)

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นางยุวรัตน์ พันธุวงษ์ (yunoi20-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 03:36:04


ความคิดเห็นที่ 23 (1630325)

ขออนุโมทนากับคุณขุติมนฑน์วันนี้วันศุกร์ชุติกาญจน์ก็ทานเจ วันพฤหัสฯ วันศุกร์ วันพระ ชุติกาญจน์ทานเจตลอด ถ้าหากินง่ายก็จะทานทุกวัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติกาญจน์ โนวรรณา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-21 15:22:39


ความคิดเห็นที่ 24 (1630446)

กราบขอบพระคุณธรรมทานท่านอาจารย์อุบลค่ะ

อนุโมทนาบุญธรรมทานคุณชุติมณฑน์ และทุก ๆ ธรรมทานค่ะ

คุณชุติกาญจน์ ค่ะ อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ หาทานได้ง่ายค่ะ

-หาซื้อ ผัก หลายชนิด มาผัดผักรวมค่ะ  ผักสด ผัดลวก มาทานกับน้ำพริก ไข่เจียว ค่ะ   น้ำพริกก็วิธีง่าย ตำเต้าเจี้ยว พริก กระเทียม  ใส่มะเขือพวงก็ได้ ใส่ไข่ต้มก็ได้  คลิกไปดู กระทู้วิธีปรุงอาหารมังสะวิรัติ 4 ภาค (เกสร ศรประสิทธิ์) ค่ะ

-ทานสาหร่ายเกลียวทอง ผลิตโดยโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ซื้อที่บ้านสวนพีระมิด สาหร่ายมีโปรตีน แทนเนื้อสัตว์ ค่ะ

-ทานงาขาว งาดำ หาซื้อที่สำเร็จทานได้เลย ที่เซเว่น ค่ะ

ขอให้ตั้งใจนะค่ะ  ท่านอาจารย์อุบล ให้รักษาศีล 5 ศีลข้อ 1 ฆ่าสัตว์ ผลกรรม ทำให้เกิดโรค ค่ะ ใช้รหัส"อาจารย์อุบลช่วยด้วย" นะค่ะ  ละม่อมทำอาหารทานได้  มีอาหารเจมาส่งที่ทำงานทุกวัน  วันหยุดก็มาส่งถึงบ้าน แต่วันหยุดจะทำเองค่ะ

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนทุก ๆ พระองค์ ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวค่ะ  ละม่อมได้รักษาศีลข้อหนึ่ง และทั้ง 5 ข้อ  ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-22 16:15:31


ความคิดเห็นที่ 25 (1634650)

ขอนำบทความของ คุณชุติมณฑน์ ใจดี มาขยายตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นนะค่ะเพราะเป็นประโยชน์มากค่ะและขอบคุณและอนุโมทนากับคุณชุติมณฑน์ที่นำบทความดีดีมาให้อ่านค่ะ

นี่ละคือเหตุผลที่ท่านอาจารย์อุบล เมตตาให้เราทานมังสะวิรัต
 

 

ยามเกิดภัยพิบัติผู้มีเซลล์ดำรอดยาก

http://ainews1.com/article401.html

บุคคลและกลุ่มคนที่จะมี%รอดสูง

 

เสบียงบุญ (พระมหาชนกเตรียมเสบียงและกำหนดทิศก่อนเรือแตก)

 

๑) ทานมังสะวิรัติ (ข้อนี้ดูแนวโน้มแล้ว สันติอโศก นักเรียนโรงเรียนสัตยาไสของดร.อาจอง จะมี%รอดสูงเชียวละ)

๒) มีกิเลสเบาบาง (ถือศีลอุโบสถวันพระ เช่นพระมหาชนก)

 

ทำไมถือศีลอุโบสถ จึงมี%รอดสูง?

 

ข้อนี้จะสามารถอธิบายข้อแรกได้ด้วย 

เวลาที่สัตว์ใหญ่ๆ ใกล้ตาย แรงอาฆาตจะสูง เวลาจะตาย ก็จะเกิดอาการตกใจกลัวเมื่อคนจะเอาไปเข้าโรงฆ่า การกลัวตายนี้จะทำให้ร่างกายของสัตว์หลั่งสารเคมีชนิดหนึ่ง (แอ๊ดดีนาลีน หรือสารแห่งความทุกข์) ออกมากระจายไป ทั่วตามร่างกาย(ดีซ่าน) สารเคมีชนิดนี้ ความร้อนในการหุงต้มไม่สามารถทำให้สลายตัวได้ จึงส่งต่อไปที่คนกิน

 

เมื่อคนกินเนื้อสัตว์เข้าไป สารเคมีตัวนี้ก็จะเข้าไปสะสมในเซลล์ของร่างกายมนุษย์ด้วย

ทำให้เกิดความเศร้าหมองและเกิดโรคต่างๆตามมา (แรงกรรม)

 

สารเคมีตัวนี้ จะทำให้เซลล์มีความทึบแสงเศร้าหมอง 

 

ซึ่งต่างกับคนที่ถือศีล กินเจ (มังสะวิรัติ) ซึ่งเซลล์ต่างๆในร่างกายจะสดใส ไม่เศร้าหมอง จนเราสามรถเห็นด้วยตา เช่นการเห็นว่า

พระที่ท่านเมตตาสูงๆ ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ จะมีรัศมีของบุญและแสงออร่า

 

ซึ่งตรงกันข้ามกับ คนที่กิเลสหนา โลภจัด โกรธจัด หลงจัด 

พวกนี้จะเศร้าหมองจากข้างใน เซลล์ถูกสารความเศร้าหมองครอบงำ(แรงกรรม)

 

ขออธิบายเรื่องนี้ด้วย ผลการทดลองของ ดร.มาซารุ อิโมโต๊ะ เรื่องของผลึกน้ำที่เมื่อเราใส่พลังงานที่ไม่ดีลงในน้ำ เมื่อแช่เย็นตกผลึกแล้วภาพถายยังแสดงออกซึ่งความแตกต่างอย่างชัดเจน

 

สรุปคือ เมื่อเซลล์ในร่างกาย มีความเศร้าหมองน้อย อาวุธเส้นแสงก็จะทำปฎิกิริยากับเซลล์ในร่างกายน้อยด้วยเช่นกัน

  

นี่จึงเป็นที่มา เรื่องของความเชื่อเรื่องวันชำระโลก วันพิพากษา ของศาสนาต่างๆ 

ที่พระเจ้าจะเลือกให้คนดีอยู่ คนชั่วต้องตกนรก

และมีศพลอยน้ำเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด

 

สำหรับหลายๆท่านที่หมดข้อกังขาแล้ว เริ่มปฏิรูปการรับประทานอาหารเสียใหม่เสียตอนนี้ ยังพอมีเวลา

 

สำหรับผู้ที่รับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ กรดอะมิโนจากโปรตีนของสัตว์ต่างๆ จะไวต่อรังสีแกมม่า ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยาพบว่า เซลล์ที่มีกรดอะมิโนจากเนื้อสัตว์ เมื่อสัมผัสกับรังสีแกมม่าที่มากับแสงอาทิตย์จะไหม้กลายเป็นสีม่วงคล้ำแล้วเซลล์จะเน่า

 

วิธีแก้ไข ก่อนวิบัติกาลของโลกจะเกิดขึ้นเป็นเวลา 6 เดือนให้งดกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันรังสีต่างๆที่โลกเกิด Earth Wobble อยู่เป็นประจำ จึงเปิดโอกาสให้รังสีแกมม่าและอื่นๆลงมาบนผิวโลกบ่อยขึ้น และยิ่งเข้าใกล้วิบัติกาลของโลกมากเข้า โลกจะเกิด Severe Wobble โอกาสสัมผัสรังสีแกมม่ายิ่งจะมีมากขึ้น  จึงเป็นอีกสาเหตุที่คนจะเสียชีวิต เนื่องเพราะเซลล์เน่านี่เอง

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ ชุติมณฑน์ ใจดี   :: วันที่ลงประกาศ 2012-01-25 12:36:27

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 08:15:19


ความคิดเห็นที่ 26 (1635777)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ ชุติมณฑน์ และความคิดเห็นดีๆกับทุกท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-22 09:22:21



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.