ReadyPlanet.com


นรก ขุมใหญ่ ขุมที่ 6-8


นรกขุมใหญ่ ขุมที่ ๖-๘

จาก หนังสือ ไตรภูมิ

ท่านสาธุชนทั้งหลายและพระคุณเจ้าที่เคารพ

สำหรับวันพุธนี้ ก็มาพบกับบรรดาพระคุณเจ้าและ

บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทตามปกติ เมื่อวันพุธ

ก่อนได้พาบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทไปชมนรก

ได้ ๕ ขุม แล้วพอถึงขุมที่ ๕ แล้วก็หมดเวลา เลย

พาท่านนอนพักเสียที่ปากนรกที่ ๕ เพราะเวลานี้

เป็นเวลาที่ท่านกับอาตมาได้พากันทัศนาจรนรก

สำหรับวันนี้ ขอพาท่านไปเที่ยวนรกขุมที่ ๖ บางที

จะถึงขุมที่ ๘ เพราะว่าเรื่องนรกนี้จะพยายามพูด

ให้เร็ว นรกขุมที่ ๖ ชื่อว่า ตาปะมหานรก คำว่าตา

ปะนี่แปลว่าร้อนมีอาการเผาผลาญ มีความร้อน

มาก แล้วก็ลงว่ามหานรกก็แปลว่านรกใหญ่ นรก

ขุมยิ่งมากเข้าไปลึกเข้าไปเท่าไร นรกก็ใหญ่มาก

ขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนที่เกิดมา

แล้วในโลกนิยมลงนรกกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

นรกขุมใดเป็นนรกที่มีความร้อนแรงมาก นรกขุมนี้

บรรดาประชาชนทั้งหลายที่เกิดมาในโลกนิยมกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเวจีมหานรกอันนี้ยิ่งนิยมกัน

มาก เพราะปรากฏว่าเป็นนรกใหญ่ มีความร้อน

แรงจัดลงโทษหนัก แต่ว่าบรรดาสัตว์นรกก็มีมากที่

สุดกว่าบรรดาขุมทั้งหลาย อันนี้บรรดาญาติโยม

พุทธบริษัททั้งหลายจะได้รับฟังต่อไป สำหรับวันนี้

เราออกเดินทางจากนรกขุมที่ ๕ มาเสียก่อน

บรรดาพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าทั้งหลายตาม

กระผมมา

เราเดินมุ่งไปข้างหน้า ต่ำลงไป คือว่าทางมันลาด

ต่ำลงไป ทางเดินมุ่งไปทางทิศตะวันออก อันนี้เรา

ยังจะไม่พูดกันถึงนรกบริวาร ผ่านนรกขุมใหญ่ไป

ก่อน ประเดี๋ยวจะกลับกัน ฟังไม่ถนัด เดินไปถึง

นรกขุมใหญ่ขุมที่ ๖ แสงเพลิงสว่างไสวมาก เป็น

แสงไฟละเอียด มองดูสัตว์ได้ยินเสียงร้องระงมไป

หมด มีอาการดิ้นทุรนทุราย อาการเป็นยังไงเดี๋ยว

ค่อยคุยกัน

ตานี้ เราถามเจ้าหน้าที่เขาดูว่านรกขุมนี้น่ะมีอายุ

เท่าไหร่ ลองถามดูก็ได้บรรดาท่านทั้งหลายที่

ติดตามมา คนหน้าตาใหญ่ๆ รูปร่างล่ำสันกำยำ นุ่ง

ผ้าหยักรั้ง ถืออาวุธยืนอยู่ข้างหน้าเป็นนายนรกขุม

นี้ เรียกว่าเป็นหัวหน้าหมวดนายนิริยบาล คน

สำหรับลงโทษสัตว์ หรือจะเรียกกันตามภาษาเมือง

มนุษย์เรียกว่าพัศดีก็ได้ ถามท่านพัศดีนรกดู

ว่านรกนี้มีอยู่เท่าไหร่ ฟังดูแล้ว ฟังดูเขาบอกมา

แล้ว บรรดาพุทธบริษัทได้ยินหรือเปล่า ถ้าไม่ได้

ยิน อาตมาได้ยิน ใครเป็นคนบอก ก็ขอตอบว่า

หนังสือธรรมเป็นคนบอก ท่านบอกว่านรกขุมนี้

สัตว์มีอายุ ๑ หมื่น ๖ พันปีนรก แล้วก็เทียบกับอายุ

ของมนุษย์ได้ ๑๘๔,๒๑๒ ล้านปีในเมืองมนุษย์ จึง

ได้วันหนึ่งในนรก จำได้หรือยัง อายุของสัตว์นรก

ขุมนี้ ๑๖,๐๐๐ ปีนรก แต่ว่ามาเทียบกับเมืองมนุษย์

เมืองมนุษย์นี่ ๑๘๔,๒๑๒ ล้านปี ได้ ๑ วันของเขา

แล้วก็คูณกันเอาเอง ก็แล้วกันว่ามันเท่าไรกันแน่ นี่

เป็นอายุของขุมนรกนี้ ตานี้นรกขุมนี้มีการลงโทษ

ยังไง บรรดาท่านพุทธบริษัทมองดูในขุมนรก สัตว์

มีอาการดิ้นทุรนทุรายมากกว่านรกขุมอื่นๆ ที่ผ่าน

มา กระแสไฟฟ้าก็มีความร้อนสูง มีกำแพงกั้นสี่

ด้านเป็นกำแพงเหล็กแดงฉาน แล้วก็เบื้องล่างก็

เป็นพื้นเหล็ก นายนิริยบาลเดินแบบสบายๆ ใน

บริเวณของนรกมีอะไรก็ดูกันก่อน ดูให้ทั่ว เกลื่อน

กล่นไปหมดนี่

อ๋อ ในบริเวณนั้นเห็นไหม บรรดาท่านพุทธบริษัท

มีแหลนหลาวเต็มไปหมด มันแหลมแล้วก็คมแล้วก็

แดง มีเปลวไฟออกมาจากแหลนหลาวทั้งหลาย

เหล่านั้น มันเที่ยวไล่เสียบไล่แทงบรรดาสัตว์ทั้ง

หลาย สิ่งเหล่านี้ ความจริงไม่มีชีวิต มันเสียบแทง

สัตว์ทั้งหลายแล้วก็ตั้งขึ้นไว้ ไฟหรือก็ไหม้ เนื้อ

หนังหล่นลงมาไหม้ เรียกว่าถูกไฟไหม้เนื้อหนังก็

ทนไม่ไหว เนื้อก็ค่อยๆ หล่น ขยายตัวลงมา ผลที่

สุดบรรดาสัตว์นรกทั้งหลายก็ทนอยู่บนแหลนไม่

ไหว หล่นลงมาข้างล่างถูกพื้นเหล็กแดงเป็นเพลิง

ข้างล่างร้อนจัด ไฟก็เผาเจ้าสุนัขตัวใหญ่ๆ พากัน

วิ่งมากัดกิน กัดกินเนื้อ มันทั้งเจ็บทั้งแสบทั้งร้อน

พอเข้าไปถึงกระดูกมันก็แทะกระดูกอีก สัตว์ทั้ง

หลายเหลือแต่กระดูก บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน

และบรรดาพระคุณเจ้าที่ติดตามมาคงจะคิดว่า

ตาย ธรรมดาคนและสัตว์ในเมืองมนุษย์ ถ้ามัน

เหลือแต่กระดูกแล้วชีวิตมันก็ไม่เหลือ แต่ทว่าใน

เมืองนรกนี้หาความตายไม่ได้ เพราะว่าเขาเอามา

เพื่อทรมาน ถ้าตายเสียแล้วก็ไม่มีการทรมานกัน ที

นี้เพื่อการทรมาน แม้เหลือแต่กระดูกก็ยังมีความ

รู้สึกสมบูรณ์บริบูรณ์ เรียกว่าไม่ยอมตายกัน ตานี้

เมื่อเหลือแต่กระดูกแล้ว สัตว์ทั้งหลายก็ถอยหลัง

ออกมา สุนัขที่กัดกินน่ะก็ถอยหลังออกมา เห็นไหม

เป็นเหล่าๆ เป็นหมู่ๆ พอถอยหลังออกมาแล้วก็

ปรากฏว่าสัตว์นรกทั้งหมดมีเนื้อหนังครบถ้วน

บริบูรณ์ตามเดิม ถูกไฟไหม้เนื้อแดงฉาน บรรดา

นายนิริยบาลก็เข้าไปใกล้ เอาหอกเที่ยวไล่ทิ่มไล่

แทง บังคับไห้ขึ้นปลายแหลนปลายหลาวใหม่ ใน

เมื่อสัตว์ตัวไหนไม่ขึ้นไปเขาก็เอาปลายหอกเสียบ

ให้ขึ้นบนแหลนบนหลาว ไอ้แหลนหลาวนั่นก็คม

มากแล้วก็มีความร้อนจากเพลิง เป็นเหล็กแดง ไฟ

ก็พุ่งจากข้างนอก จากข้างนอกพุ่งเข้าไปเผาสัตว์

ทั้งหลายก็พากันร้องและดิ้นเร่าๆ ไปตามๆ กัน ดู

เถอะบรรดาพุทธบริษัทหรือพระคุณเจ้าที่เคารพ

 น่าอยู่ไหมนี่นรกขุมนี้ ถ้าไม่น่าอยู่ก็อย่าพยายาม

อยู่เลยนะ ถ้าหากจะถามว่านรกขุมนี้มีโทษอะไร

ท่านกล่าวไว้อย่างเดียวว่าไม่เคารพในกรรมบถ

๑๐ หนักมากเหลือเกิน นี่เป็นนรกขุมที่ ๖ ชมกันพอ

หวานหูหวานตานะ พอชื่นตาชื่นใจ บรรดาท่าน

สาธุชนทั้งหลายที่ติดตามอาตมามาพอเข้าใจไหม

นรกขุมนี้ถ้ามีความรักในนรกขุมนี้ละก้อตั้งใจไว้ว่า

เรากลับไปสู่สถานที่เดิม ต่อแต่นี้ไปเราจะกลับ

มานรกขุมที่ ๖ เมื่อเวลาตายแล้วเราก็พยายามทำ

ทุกอย่าง ละเมิดกรรมบถ ๑๐ ประการให้ครบถ้วน

ท่านทั้งหลายก็จะมีโอกาสได้มานรกขุมนี้ได้อย่าง

สบายๆ นี่ถ้าท่านชอบใจนะ เอานะ ชมนรกขุมนี้

สมควรแก่เวลา เพราะว่าเวลาของสถานีวิทยุ ๐๔

ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ให้เวลาเราจำกัดเข้าไว้

ถ้าหากว่าจะให้เวลามากกว่านี้ก็คงจะเที่ยวไม่ไหว

เพราะว่าร่างกายอาตมาผู้พาเที่ยวไม่ดีเดินไปก็

ต้องพักไปด้วย ร่างกายมันไม่ดี มันใกล้จะลงนรก

เต็มที่อยู่แล้ว

เอา ต่อจากนี้ไป เราไปเที่ยวนรกขุมที่ ๗ กัน ลาลุง

แกเสียก็ได้ คนที่รูปร่างใหญ่ๆ หน้าตาถมึงทึงถือ

หอกอยู่ข้างหน้า ที่อาตมาให้สมญาว่าเป็นพัศดี

นรก ลาแกเสียซี แต่ระวังให้ดีนะ ไปพูดกับแก แก

พูดไม่เป็น พวกนี้พูดภาษามนุษย์ไม่เป็น แกไม่

ยอมพูดกับเราสักอย่าง อะไรแกก็ไม่ตอบ ไปถาม

แกเข้าแกก็นั่งมองตาเฉย แล้วก็ยืนมองตาเฉย

แล้วก็ยืนมองตาเฉย จะว่าก็ไม่ว่า จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะ

บึ้งก็ไม่บึ้ง ทำเฉยๆ เหมือนตุ๊กตา มีหน้าที่อย่าง

เดียว คอยบัญชานายนิริยบาลที่อยู่ใต้บังคับ

บัญชาให้ปฏิบัติตามหน้าที่ อันนี้เขาเคร่งครัดจริงๆ

เอ้า เดินกันต่อไป มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก เดิน

มาสักครู่หนึ่งเราก็เห็นแล้วนะ เห็นแล้วว่าด้านตรงนี้

มาหยุดอยู่ตรงนี้ก่อน นี่มาเจอะท่านพัศดีเข้าอีกคน

ท่านพัศดีคนนี้ร่างกายล่ำสันอ้วนไม่ค่อยสูงนัก แต่

หน้าตาแบบเดียวกัน ผิวดำ นุ่งผ้าหยักรั้ง มือถือ

ค้อนขนาดใหญ่ ยืนเฉยคอยบัญชาการ เรียกว่า

คอยบัญชาการนายนิริยบาลที่ลงโทษสัตว์ คือผู้

คุมของสัตว์นรกที่คุมอยู่ในขุม สำหรับท่านพัศดีน่ะ

ยืนอยู่ปากขุม อยู่ด้านบน นรกขุมนี้เราเรียกกัน

ว่านรกขุมที่ ๗ นรกขุมที่ ๗ นี่เขาชื่อว่า มหาตาปะ

นรก มหาตาปะนรกนะเรียกว่านรกมีความร้อนหนัก

กว่านรกขุมก่อน

คราวนี้นรกขุมนี้มีกำแพงทุกด้าน เดี๋ยวก่อน อายุ

ของสัตว์นรกขุมนี้เขาไม่ได้กำหนดเวลาไว้

ท่านบอกว่ามีอายุครึ่งกัป ไอ้เรื่องกับนี่ แม้แต่พระ

พุทธเจ้าเองก็ไม่เคยกำหนดว่ากี่ปีกันแน่ ว่าเวลากี่

ปีกี่เดือนกี่วัน ถ้าจะเทียบกับเมืองมนุษย์ได้เท่าไร

ท่านบอกว่าเทียบไม่ได้ เป็นแต่เพียงอุปมาไว้ ๑ กัป

อันนี้ครึ่งกัปนะ นรกขุมนี้ คราวนี้ท่านอุปมา ๑ กัป

ว่ามีอายุเท่านี้เป็นแต่เพียงการประมาณ ว่ามีภูเขา

ลูกหนึ่ง สูง ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ ยาว ๑ โยชน์

เป็นภูเขาหินล้วน เป็นภูเขาหินแข็งล้วน ถ้าถึงเวลา

๑๐๐ ปีมีเทวดาองค์หนึ่งเอาผ้าเนื้ออ่อนเหมือนสำลี

มาปัดเขานั้นครั้งหนึ่ง ปัดลงไปทีหนึ่งแล้วก็กลับ

๑๐๐ ปีของมนุษย์ก็มาปัดอีกทีหนึ่ง จนกระทั่งภูเขา

นี้***นเตียนลงไป หาหินไม่ได้เลยเหลือแต่ดิน นั่น

เป็นอายุประมาณ ๑ กัป หรือท่านเปรียบเทียบไว้

คล้ายๆ กับว่ามีถังเหล็กสี่เหลี่ยมสูงโยชน์หนึ่ง

กว้างโยชน์หนึ่ง ยาวโยชน์หนึ่ง มีเมล็ดพันธุ์ผัก

กาด เม็ดเล็กๆ ไอ้เม็ดผักกาดนี่มันเล็กมาก ใส่ไว้

จนเต็มพอดีถึงเวลา ๑๐๐ ปี มีเทวดามาหยิบ มีคน

มาหยิบเม็ดผักกาดออกไป ๑ เม็ด ๑๐๐ ปีหยิบออก

ไป ๑ เม็ด จนกระทั่งเม็ดพันธุ์ผักกาดหมดจากถัง

นั้น ก็มีประมาณเท่ากับอายุ ๑ กัป ท่านใช้คำว่า

ประมาณไม่แน่นอนนัก กัปหนึ่งอาจจะสูงกว่านั้นก็

ได้ ต่ำกว่านั้นไม่มี แต่ว่านรกขุมนี้มีอายุครึ่งกัปก็

พอทน เป็นอันว่านรกขุมนี้มีโทษนับไม่ได้ มีเวลาไม่

นับ ท่านบอกว่ามีกำแพงกั้นทุกด้านมีไฟพุ่งเข้ามา

ทุกด้าน อันนี้ก็เหมือนกัน เหมือนกับนรกขุมอื่น แต่

ทว่าไฟนี่ไม่มีเปลวจริงๆ คล้ายๆ กับแสงสว่าง

ธรรมดา แต่มีความร้อนแรงมาก แล้วก็มีภูเขา

เหล็ก ในนรกนี่แปลกมีภูเขาเหล็ก ตั้งอยู่ในระหว่าง

ในขุมนรกเยอะแยะไปหมด เห็นไหมท่านบรรดา

ท่านพุทธบริษัท? ไฟก็แรง ความร้อนก็มาก ไฟก็

พุ่งมาทุกทิศ จากข้างล่างถึงข้างบน จากข้างบน

ลงข้างล่าง จากทิศเหนือทิศใต้ ทิศซ้ายทิศขวา

พุ่งเข้ามารวมกันในจุดกลาง เหล็กหรือก็แดงฉาน

สัตว์นรกเนื้อและกระดูกแดงเหมือนเหล็กถูกเผาสุก

ภูเขาที่ขึ้นอยู่กลางขุมนรกก็มีไฟพวยพุ่งออกแล้ว

ก็ไฟพวยพุ่งเข้า เผาแดงเป็นเหล็กสุก คราวนี้ เมื่อ

มีเขาแล้ว นายนิริยบาลก็บังคับให้บรรดาสัตว์นรก

ทั้งหลายขึ้นไปบนยอดเขา ความจริงในบริเวณ

ของนรกก็ร้อนพออยู่แล้ว ไฟพุ่งเข้ามาแบบนั้น มัน

ไม่ใช่ไฟอย่างของเรา ไม่มีเปลว ร้อนมาก ละเอียด

มาก-กระแสไฟ ถ้าจะสังเกตไฟร้อนมากร้อนน้อยก็

ลองเอาเตาสูบมาลองดู ไฟที่เราจุดรอบเผาหัวจะมี

เปลวมีความร้อนน้อย แต่เวลาหัวร้อนแล้วก็สูบ

น้ำมันขึ้นมา ขั้นแรกก็จะมีเปลวไฟจะค่อยๆ แรง

ขึ้นๆๆ ในที่สุดไฟแรงที่สุดจะหาเปลวได้ไม่ แต่ไฟ

ขนาดนั้น ชื่อว่าร้อนที่สุดสำหรับเมืองมนุษย์ ยังไม่

เท่า ๑ ในหลายสิบล้านความร้อนของในเมืองนรก

ไฟในเมืองนรก เฉพาะอย่างยิ่งขุมนี้แล้ว ก็มีความ

ร้อนสูงกว่าไฟที่เราคิดว่าร้อนที่สุดหลายสิบล้านที

เดียว ตานี้ เมื่อมีภูเขา นายนิริยบาลบังคับให้สัตว์

ขึ้นเขา ถ้าไม่ขึ้นก็เอาหอกเสียบ หอกแทง เอาค้อน

ทุบ ไล่ตีพวกสัตว์นรกทั้งหลายเหล่านั้นมันก็ร้อน

มันก็เจ็บอยู่แล้วพอไฟพุ่งเข้ามามันก็ร้อน พื้นก็

ร้อน ถูกเขาบังคับแบบนั้นมันก็ต้องไป ต้องวิ่งขึ้น

ไป ไม่ใช่บังคับด้วยการขู่เข็ญ บังคับด้วยการทิ่ม

แทงด้วยหอก และทุบด้วยค้อน มันเพิ่มความเจ็บ

เข้ามาอีกก็เลยถือว่ามันร้อน แต่ไม่เจ็บดีกว่าทั้ง

ร้อนทั้งเจ็บ ก็พากันวิ่งขึ้นไปบนยอดเขาพอวิ่งขึ้น

ไป เขามันเป็นเขาไฟ เป็นไฟทั้งลูก ร้อนแรงแล้วก็

เป็นเหล็ก แล้วไฟข้างนอกก็พุ่งเข้ามา ในที่สุดก็วิ่ง

เข้าไปใกล้จะถึงยอดเขา ความร้อนมันก็เผาผลาญ

ทนไม่ไหวหล่นลงมา พอหล่นลงมาก็มาเสียบกับ

แหลนหลาว ที่มารออยู่ข้างๆ ปักเรียงรายอยู่รอบ

เขา สัตว์ก็ดิ้นเร่าๆ มีความร้อน มีความเจ็บ ทุกข์

ทรมานมากที่สุดเมื่อโดนเสียบแบบนั้น ถูกไฟเผา

หนักเข้า ในที่สุดก็หล่นลงมาจากแหลนหลาว ร่าง

กายก็เต็มบริบูรณ์ ถูกไฟเผาตามเดิม นายนิริ

ยบาลก็เข้าไปเอาค้อนทุบบ้าง เอาหอกเสียบแทง

บ้าง บังคับให้ขึ้นเขาต่อไปว่ากันอยู่อย่างนี้ จนกว่า

จะครบครึ่งกัป

เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัท พอใจไหม พอใจใน

การทรมานนรกขุมนี้ไหม ถ้าพอใจละก้อ บอกกับ

นายนิริยบาลผู้ใหญ่ว่า เมื่อเวลาข้าพเจ้าตายละก็

บอกพระยายมด้วย ข้าพเจ้าพอใจนรกขุมนี้ เพราะ

มีอายุยืนยาวดี มีอายุถึงครึ่งกัป หรือบรรดาพระ

คุณเจ้าที่รักพอใจหรือยัง ถ้ามีความพอใจก็สมัคร

ใจไว้ พระลงนรกง่ายกว่าชาวบ้านมาก ชาวบ้านก็

ลงนรกไม่ยาก แต่ลงนรกขุมลึกๆ อันนี้พระลง

ง่ายกว่า เอาละ เวลามันจำกัดนี่ ก็ชมกันแค่นี้ก็แล้ว

กัน พวกเราพากันเดินต่อไป ไปดูนรกขุมพิเศษที่

หลวงพี่ท่านอยู่ บรรดาพระคุณเจ้าจำหลวงพี่ได้

ไหม หลวงพี่ของพวกเราก็คือท่านเทวทัต ท่านอยู่

ขุมนี้ นรกขุมที่ ๘ เดินไปอีกสักนิดนะ ออกไปทาง

ทิศตะวันออกอีกสักหน่อย มีความลึกลงไปสักนิด

หนึ่ง โน่น ข้างหน้า ที่เป็นนรกมีแสงสว่างมาก

บริเวณกว้างกว่านรกทั้งหมด ไปดูกันให้ดีนะ มอง

เห็นไหม? เห็นหรือไม่เห็น มันจะเห็นได้ยังไง ก็คน

พูดๆ พูดให้ฟังแล้วก็ไปถามคนฟังว่าเห็นไหม ใคร

เขาจะเอาหูไปเห็นภาพได้ พระองค์นี้แปลก พูดอยู่

แท้ๆ ดันถามชาวบ้านว่าเห็นไหม มันแปลกไหม

บรรดาท่านพุทธบริษัท แปลกหรือไม่แปลกก็ตาม

ใจ ที่ถามว่าเห็นน่ะ หมายความว่าเห็นนรกไหม ถ้า

ไม่เห็นนรกก็เคยเห็นหนังสือที่พระพุทธเจ้าท่าน

ทรงตรัส บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลายท่านบันทึกไว้

เคยเห็นหรือเปล่า? ถ้ายังไม่เคยเห็นก็แล้วไป เคย

เห็นก็แล้วไป ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เรามาว่ากันถึงการ

เที่ยวอเวจีมหานรก เดินไปข้างหน้าอีกหน่อย ทาง

สู่อเวจีไม่ไกลนัก แต่หากจะวัดในเมืองมนุษย์แล้ว

มันก็หลายแสนโยชน์ นรกแต่ละขุมที่ห่างกัน แต่ใน

ที่นั่นดูเหมือนว่าอาการมันใกล้มาก นรกขุมที่ ๘ มี

นามว่า "อเวจีมหานรก"

 

นรกขุมนี้ มีอายุครบกัปพอดี จำได้หรือยัง พูดมา

ตั้งแต่ขุมที่ ๗ ว่า ๑ กัปท่านเปรียบเทียบไว้อย่าง

ใด แล้วก็วันเดือนปีนั่น นับกันไม่ได้ เอาข้อเปรียบ

เทียบ

การลงโทษของนรกขุมนี้มีเป็นพิเศษ นรกตั้งแต่ขุม

ที่ ๑ ถึงขุมที่ ๗ หรือว่านรกขุมอื่น บรรดาสัตว์ทั้ง

หลายมีการเคลื่อนไหวได้ แต่ว่าอเวจีมหานรกนี่

ไม่มีการเคลื่อนไหว เขาลงโทษกันยังไง มองไปดู

ข้างหน้า หลวงพี่เทวทัตกำลังยืนกางแขนกางขา

อยู่นั่น เป็นบุคคลตัวอย่าง ดูร่างกายของท่านไม่มี

การไหวติง ไม่ใช่ตาย ไม่ตาย แต่มีการเคลื่อน

ไหวไม่ได้ กระดูกของท่านแดงฉาน เหมือนกับ

เหล็กที่ถูกไฟเผาไหม้จนสุก เรียกว่าเหล็กแดง

แดงช้าดทีเดียว

นี่เป็นสภาวะของสัตว์นรกที่อยู่ในมหานรกทั้งหมด

แล้วบรรดาท่านพุทธบริษัทมองสังเกตลงไปให้ดี ดู

ว่านรกภูมินี้มีบริเวณกว้างใหญ่มากแล้วก็สัตว์นรก

มีมากกว่าทุกขุม ถ้าจะโดยประมาณแล้วก็ถือว่า

เอานรกทั้ง ๒ ขุมที่มีสัตว์นรกอยู่มารวมกัน แล้วจะ

มานับปริมาณดูแล้ว ดูเหมือนว่าอเวจีมหานรกนี่จะ

มีสัตว์นรกมากกว่านรก ๗ ขุมรวมกัน ที่เป็นยังงี้

เพราะอะไร? เพราะว่าคนที่เกิดมาในโลกนี้ไม่

เคารพในกรรมบถ ๑๐ น่ะ มากที่สุด คนที่เคารพมั่ง

ไม่เคารพมั่งนี่มีประมาณน้อยกว่า เอ๊ะ ทั้งนี้เพราะ

อะไร บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เอาไว้รับฟัง

กัน ถ้าอาตมาไม่ลืมพูด ทิ้งกันไว้แบบนี้สักหน่อยนะ

ว่าถ้าอาตมาไม่ลืมพูดละก้อ อาตมาจะมาคุยให้ฟัง

ว่า ทำไมนรกขุมนี้คนจึงมาก

เอา ต่อจากนี้ว่ากันไปว่าการลงโทษสัตว์ มองดู

ท่านพระเทวทัตเป็นตัวอย่าง คนอื่นก็มีสภาพ

เหมือนกัน ขืนอธิบายทุกคนแล้วจะซ้ำกันไป คนที่

ยืนอยู่ข้างหน้าของเรา การลงมาคราวนี้ ตั้งใจพบ

กับท่านเทวทัตมากที่สุด มากกว่าคนอื่น เพราะว่า

ท่านเป็นอัจฉริยมนุษย์ สามารถคิดขบถต่อพระ

พุทธเจ้า สามารถคิดฆ่าพระพุทธเจ้าก็ได้ สามารถ

ทำสังฆเภท คือทำสงฆ์ให้แตกกัน แล้วก็จ้างคนฆ่า

พระพุทธเจ้าไม่พอ ยังคิดฆ่าคนทั้งหลายเหล่านั้น

อีก นี่บุญบารมีของท่านเทวทัตท่านมากเกินพอดี

จึงต้องลงมานรกขุมนี้ ด้านหน้าที่มองเห็นไปยืนกัน

อยู่ใกล้ๆ ท่านพระเทวทัตยืนกางแขนแล้วก็กางขา

นรกขุมนี้มีกำแพงพิเศษทั้งข้างล่างข้างบน และทั้ง

๔ ด้านปิดหนา เวลาลงท่านที่ได้ฌานมาต้องลง

ทางปล่อง มีปล่องเป็นที่ลง แล้วมีกำแพงปิด แต่เรา

เดินกันมานี่ไม่ต้องใช้ปล่องเพราะเราเดินกันด้วย

ปาก ไม่ต้องลงปล่องลงเปลิ่งละ เอาละ เดินกันด้วย

ปากนี่แหละ เราจะไปไหนก็ได้ ไปกันเป็นกลุ่ม จะ

ขออนุญาตใครหรือไม่ขอเราก็ไปได้ ท่านพระเท

วทัตยืนแล้วมีกำแพงทั้ง ๖ ด้าน ด้านข้าง ๔ ด้าน

ข้างบนและข้างล่าง ไฟพุ่งมาทั้ง ๖ ทิศ ตานี้ดูหอก

เบื้องบน ด้ามหอกผังอยู่กำแพงด้านบน ปลายหอก

เสียบตั้งแต่หัวเทวทัตทะลุตูด และลงไปปักอยู่กับ

กำแพงด้านล่าง ด้านหน้า ด้านติดอยู่กับกำแพง

ด้านหน้า ตรงกลางหอกติดอยู่ที่อกเทวทัต ด้าน

ปลาย เอาหอกไปปักอยู่กำแพงด้านหลัง ด้านข้าง

ก็เหมือนกัน ทั้งมือ ทั้งเท้า ทั้งตัว ถูกเสียบด้วยหอก

หลายสิบเล่ม นี่ตามพระบาลีในพระธรรมบทเคย

แปลว่าเรื่องนรกเป็นอจลัง ว่าสัตว์ที่ลงนรกนี่เป็น

อจลัง คำว่า อจลัง นี่ แปลว่าไม่หวั่นไหวก็มีความ

สงสัยว่าสัตว์ที่ถูกทุกข์ทรมานมากที่สุด มีความ

ร้อนแรงมากที่สุด ทำไมไม่หวั่นไหวไม่ดิ้น มาเจอ

เข้าจริงๆ แล้วมันดิ้นไม่ไหว ความจริงไม่ใช่ไม่

อยากดิ้น ท่านอยากจะดิ้นกันเหมือนกันแต่ว่าดิ้น

ไม่ไหว เพราะถูกหอกมันตรึงเข้าไปหมด แล้วไฟก็

พุ่งเข้ามาทั้ง ๖ ด้าน อันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท

และบรรดาพระคุณเจ้าที่เคารพ ก็ลองคิดดูว่า

ความร้อนแรงมันจะมีสักเพียงไหน การทุกข์

ทรมานมันจะมีมากเท่าไหร่ เพราะว่าถ้าเราร้อนเร



ผู้ตั้งกระทู้ อดิศักดิ์ โพธิสาร (di2211-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-06-04 21:24:30


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1613885)

กราบอนุโมทนากับธรรมทาน

ในการพาทัวร์นรก อันน่าสยดสยอง

จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

อ่านแล้วก็แทบน้ำตาร่วง สะเทือนใจ

และหวาดกลัว"นรก"ยิ่งนัก

แต่ละขุม ทรมานเหนือคำบรรยายจริงๆ

 

และตั้งใจเป็นอย่างยิ่งว่า

จะหนีนรกทุกขุม

และ ไปนิพพานให้ได้ สาธุ

 

อนุโมทนากับธรรมทาน

จาก คุณ อดิศักดิ์ ด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-05 04:14:31


ความคิดเห็นที่ 2 (1613908)

โมทนาบุญกับคุณอดิศักดิ์ค่ะสาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-05 09:45:09


ความคิดเห็นที่ 3 (1613929)

 

อนุโมทนาบุญค่ะคุณอดิศักดิ์

อ่านแล้วน่ากลัวมาก ๆ ค่ะ

ใครไม่เชื่อคำสอนพระพุทธเจ้า

และหลวงพ่อฤาษีลิงดำอีกล่ะก้อ.......

...................

ขอบคุณมากค่ะคุณอดิศักดิ์

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-05 11:26:37


ความคิดเห็นที่ 4 (1614059)

กราบขอบพระคุณพระธรรมจากหลวงพ่อค่ะ ขอบคุณคุณอดิศักดิ์ที่แชร์ค่ะ

ทำให้กลัวบาปไม่อยากตกนรกอีกต่อไป

อยู่บนเมืองมนุษย์ก็สัมผัสไฟนรกได้

เวลาโกรธ ก็จะร้อนใจ ใจไม่เบิกบาน 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ (krongkwanw-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-06 00:09:21


ความคิดเห็นที่ 5 (1614317)

นรกแต่ละขุมมีความร้อนแรง ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส น่ากลัวมากๆ

ทำให้กลัวบาปไม่กล้าทำอีกเพราะที่ผ่านมาก็กระทำด้วยความไม่รู้และความประมาทในชีวิตมามากแล้ว

อนุโมทนากับคุณอดิศักดิ์ในธรรมทานนี้ด้วยคะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญานี ถือธรรม ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-07 01:11:28


ความคิดเห็นที่ 6 (1614323)

 กราบอนุโมทนากับธรรมทานทัวร์นรกกับหลวงพ่อด้วยค่ะ

และอนุโมทนากับคุณอดิศักดิ์ด้วยนะคะ

อ่านแล้วมันช่างหดหู่ น่ากลัวจริงๆค่ะ

นิพพาน เท่านั้น

ที่จะทำให้เราไม่ต้องมาเจอกับนรกขุมนี้อีก

ตลอดไป และ ชั่วนิรันดร์

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-07 02:18:48


ความคิดเห็นที่ 7 (1614494)

กราบขอบพระคุณหลวงพ่อ ฤาีลิงดํา ที่พาทัวร์ นรก อนุโมทนาบุญ ธรรมทาน จากคุณอดิศักดิ์ด้วยค่ะ น่าสพึงกลัวอย่างยิ่ง  ตายจากความเป็นคนเมื่อไหร่ ขอไปนิพพาน สถานเดียวเท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี (aon_aunsri-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-07 19:06:04


ความคิดเห็นที่ 8 (1614681)

 

ผู้เหนือนรก  คือ  ผู้สิ้นบาป

บาปทางกาย  วาจา  และใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัมพิกา อภัยกุล (namfon2010-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-08 13:18:50



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.