|
ความละเอียดอ่อนของศีล 5 : ธรรมสำหรับมนุษย์ | |
ในการอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น จำเป็นที่แต่ละคน ซึ่งเป็นสมาชิกของสังคมจะต้องทำตนให้เป็นคนเต็มคน ที่เรียกว่าเป็นมนุษย์ หรือเป็นคน 100% เพื่อให้การอยู่ร่วมกันดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย มีความสงบสุข เกิดศานติสุข ไม่มีเวรภัยต่อกันและกันหลักธรรมที่จะทำคนให้เป็นให้เต็มคนอันยังผลให้การอยู่ร่วมกันมีความสุขมีความสงบสุขนั้นก็คือ เบญจศีลเบญจธรรม อันได้แก่ อธิบายเบญจศีลอย่างย่อ ๆ เบญจ แปลว่า ๕ ศีล แปลว่า ปกติ เบญจศีล จึงแปลว่า ปกติ ๕ อย่าง แปลว่า ตัด ก็ได้ เพราะตัด จากความชั่ว หรือมนุษยธรรมก็เรียก แปลว่า ธรรมสำหรับมนุษย์ หมายความว่า ธรรมที่ทำคนให้เป็นคนที่ควรแก่การเคารพนับถือความหมายของเบญจศีล
- ปกติคนเราจะต้องไม่ขโมยทรัพย์สมบัติของกันและกันเพราะใคร ๆ ก็ย่อมรัก ย่อมหวงแหนในทรัพย์สินของตน ไม่ประสงค์จะให้ใครมาเบียดเบียนและล่วงเกินในทรัพย์สินของตน คนที่ขโมยทรัพย์ของผู้อื่น จึงชื่อว่าทำผิดปกติของคนปกติ -ปกติของคนเราจะต้องไม่โกหกหลอกลวงกัน เพราะทุกคนไม่พึงปรารถนาจะให้ใครมาโกหกหลอกลวงตน ไม่ปรารถนาจะให้ใครมาหักรานประโยชน์ของตน ปรารถนาแต่ความสัตย์ความจริงด้วยกันทั้งสิ้น คนที่โกหกหลอกลวงผู้อื่นจึงชื่อว่าทำผิดปกติของคน -ปกติของคนเราจะต้องรักษากายวาจาให้เรียบร้อย บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ร่างกายของตน ไม่ปรารถนาจะให้ร่างกายได้รับความลำบากด้วยทุกขเวทนาต่าง ๆ ทั้งพยายามเสริมสร้างร่างกายให้เจริญด้วยกำลังและสมบูรณ์ด้วยสติปัญญา, จึงต้องงดเว้นจากการทำร้ายร่างกายตนเอง ด้วยการไม่ทำตนให้ผิดปกติ คนที่ดื่มสุรา เมรัย และเสพของมึนเมาต่าง ๆ เช่น กัญชาและเฮโรอีน เป็นต้นจนกลายเป็นคนติดยาเสพติดให้โทษ เป็นคนขาดสติสัมปชัญญะ ตกอยู่ในฐานะแห่งความเป็นผู้ประมาท ชื่อว่าเป็นผู้ทำร้างร่างกายตนเอง จึงจัดว่าเป็นคนทำผิดปกติ
๑.ปาณาติปาตา เวรมณี เจตนาเป็นเครืองงดเว้นจากการฆ่า การเบียดเบียน การทำร้ายร่างกายคนและสัตว์ แล้วมีจิตใจประกอบด้วยเมตตากรุณา มีความปรารถนาดี และสงสารเห็นอกเห็นใจผู้อื่นสัตว์อื่น (๑) ภรรยาคนอื่น | |
ผู้ตั้งกระทู้ เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) :: วันที่ลงประกาศ 2012-06-07 04:17:26 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1614334) | |
วิรัติ คือการงดเว้น การรักษาศีล คือ การรักษากายวาจาให้เรียบร้อยเป็นปกติ, การปฏิบัติธรรม คือ การฝึกฝนอบรมจิตใจให้งดงาม, คนดีมีศีลธรรม คือ คนที่มีกายวาจาเรียบร้อยและมีจิตใจงดงาม ***สมาทานวิรัติ*** ได้แก่การเปล่งวาจาขอสมาทานศีลจากพระภิกษุ สาม เณร หรือ จากบุคคลผู้มีศีลโดยการเปล่งวาจาขอสมาทานเป็นข้อ ๆ ไปดังนี้
ในสิกขาบทนี้ คำว่า "ทรัพย์" หมายเอาทั้งสวิญญาณกทรัพย์ ทรัพยที่มีวิญญาณครอง เช่น คน สัตว์ และ วิญญาณฏทรัพย์ ทรัพย์ที่ไม่มีวิญญาณครอง ได้แก่ วัตถุสิ่งของต่าง ๆ และหมายความรวมไปถึงสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้และอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ในสิกขาบทนี้ เป็นทั้งสาหัตถิกประโยค เพราะลักด้วยตนเอง, เป็นทั้งอาณัติกประโยค เพราะใช้ให้คนอื่นลัก
สิกขาบทนี้ เป็น สาหัตถิกประโยค เพราะผิดประเวณีด้วยตนเองอย่างเดียว ไม่เป็นอาณัติกประโยค เพราะใช้ให้คนอื่นผิดประเวณี ในสิกขาบทนี้ คำว่า "มุสาวาท" หมายความรวมไปถึง วจีทุจริต ๔ ประการ คือ การปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และ พูดเพ้อเจ้อ @การพูดปด ได้แก่ การพูดเท็จ หรือพูดให้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งเรียกว่า มุสาวาท !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ***สัมปัตตวิรัติ*** ได้แก่การงดเว้นในขณะเมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นั้น ๆ เช่น เกิดมีการต่อสู้กันขึ้น มีช่องทางพอที่จะฆ่าเขาได้ แต่ระลึกถึงศีลจึงไม่ฆ่า มีช่องทางพอที่จะโกงเขาได้แต่ไม่โกง มีช่องทางพอที่จะล่วงประเวณีได้แต่ไม่ล่วงประเวณี มีเหตุที่จะต้องให้โกหกเขาได้แต่ไม่โกหก มีโอกาสที่จะดื่มน้ำเมาได้ แต่ไม่ดื่มเพราะคำนึงถึงศีลดังกล่าวแล้ว อย่างนี้เป็นต้น เรียกว่า สัมปัตตวิรัติ แปลว่า งดเว้นได้ในขณะประจวบเข้าเฉพาะหน้า จัดเป็นผู้รักษาศีลเช่นเดียวกัน
***สมุจเฉทวิรัติ*** ได้แก่ การงดเว้นโดยเด็ดขาด แม้อันตรายจะเข้ามาถึงชีวิตตนเอง ก็ไม่ล่วงละเมิดศีล เป็นวิรัติของพระอริยบุคคล ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ถูกบังคับให้ฆ่าคนอื่น ถ้าไม่ทำตนเองก็จะถูกฆ่า ก็ไม่ยอมฆ่าคนอื่นโดยเด็ดขาด ยอมให้เขาฆ่าตนเองดีกว่าที่จะล่วงละเมิดศีล ดังนี้เป็นต้น | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) วันที่ตอบ 2012-06-07 04:27:23 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1614341) | |
องค์แห่งศีล ๕ ในสิกขาบททั้ง ๕ นั้น ในแต่ละสิกขาบทมีองค์ประกอบต่าง ๆ กัน เมื่อครบองค์ศีลจึงขาด ถ้าไม่ครบองค์ศีลยังไม่ขาด เป็นแต่เพียงด่างพร้อยหรือบกพร่องไปบ้างเท่านั้น องค์แห่งศีลทั้ง ๕ นั้นมีดังต่อไปนี้ ๑.สัตว์นั้นมีชีวิต
***สิกขาบทที่ ๑ *** ปาณาติปาตา เวรมณี แปลว่า เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วง หมายถึง เว้นจากการฆ่าสัตว์
อทินนาทานา เวรมณี เวรมณี แปลว่า "เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ด้วยอาการเป็นโจร" สิ่งของที่เจ้าของไม่ให้ได้ในที่นี้ หมายถึงสิ่งของ ๒ อย่าง คือ
๒.ฉก ได้แก่ กิริยาที่ถือเอาสิ่งของในเวลาที่เจ้าของเขาเผลอ เช่น ๓.กรรโชก ได้แก่ กิริยาที่แสดงอำนาจให้เจ้าของตกใจกลัวแล้วยอมให้สิ่งของ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) วันที่ตอบ 2012-06-07 05:11:30 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1614343) | |
***สิกขาบทที่ ๓*** กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม คำว่า"กาม"ในทีนี้ ได้แก่ กิริยาที่รักใคร่กันในทางประเวณี ซึ่งทั้งชายและ หญิงต่างก็เป็นวัตถุต้องห้ามของกันและกัน ๓.หญิงที่จารีตห้าม ได้แก่ หญิง ๓ จำพวก คือ
ชายที่ต้องห้ามในสิกขาบทที่ ๓ ๑.ชายอื่นนอกจากสามี เป็นวัตถุต้องห้ามสำหรับหญิงที่มีสามี
***สิกขาบทที่ ๔*** มุสาวาทา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ แปลว่า "ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากมุสาวาท" ๑.เรื่องที่กล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ๒.ผู้กล่าวจงใจ ๔.ผู้ฟังเข้าใจผิด การแสดงมุสานี้ไม่เฉพาะแต่ทางวาจาอย่างเดียวเท่านั้น แม้ทางกายก็อาจเป็นไปได้ เช่น เขียนหนังสือมุสาเขา แสดงอาการ หรือ สั่นศีรษะ ที่ทำให้เขาเข้าใจผิดจากความเป็นจริง มุสามี ๗ ประเภท ได้แก่ ๑.วัตถุที่จะกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ปฏิสสวะนี้มี ๓ ประเภท ได้แก่ มี ๔ ลักษณะ ได้แก่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) วันที่ตอบ 2012-06-07 05:25:25 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1614344) | |
***สิกขาบทที่ ๕ *** สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ แปลว่า ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) วันที่ตอบ 2012-06-07 05:25:58 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1614345) | |
อ่านๆดู...ศีลที่ยากที่สุดและหนึ่งทำผิดบ่อยที่สุดคือศีลข้อ 4 หวังว่าญาติธรรมที่เข้ามาอ่านจะได้พิจารณาตนเองทุกขณะจิตและพยายามลดความด่างพร้อย ในศีลของตนเองเพื่อให้ศีลบริสุทธิ์ จุดหมายปลายทางเพื่อที่เรา พี่น้อง ญาติธรรม บ้านสวนทุกๆคน จะได้กลับบ้านไปนิพพานหาพ่อ พร้อมๆกันคะ และเพื่อท่านอ.อุบล ต้องเหนื่อยเปล่ากับการสั่งสอนพวกเราคะ ^_________^" | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) วันที่ตอบ 2012-06-07 05:42:26 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1614381) | |
โมทนาบุญกับน้องหนึ่งค่ะ ว่าศีลข้อที่ 4 ทำอยากที่สุด และพี่เองก็จะพยายามทำให้ได้นะค่ะ พี่ตุ๊กขอเป็นกำลังใจให้น้องหนึ่งค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว วันที่ตอบ 2012-06-07 10:42:13 |
ความคิดเห็นที่ 7 (1614587) | |
ละเอียดดีจัง แต่ละข้อ นำมาเทียบกับความประพฤติของเรา ได้ชัดๆเลยนะคะว่า เราได้ล่วงละเมิดศีลข้อไหน อย่างไรบ้าง ..
ว่าแล้วก็ เฮ้อ...เป็นคนไม่ปรกติ มาตั้งนานเลยเรา
ฉะนั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอกลับมาเป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยศีลดีกว่า..
อนุโมทนากับธรรมทาน จากคุณหนึ่ง ด้วยนะคะ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2012-06-08 05:19:25 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1449974 |