ReadyPlanet.com


คุณกล้าพอหรือยัง


 

สืบเนื่องมาจากกรณี ที่มีพระมาเรี่ยไร

แล้วไม่มีไครกล้าที่จะทักท้วง

ให้พระรูปนั้นหยุดการกระทำนี้เสีย

แต่กลับไปส่งเสริมโดยการร่วมทำบุญ

ถึงจะเป็นวิธีการตัดรำคาน

 แต่ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้

ก็บอกได้เลยว่า พระรูปนี้ ก็คงทำชั่ว

ไม่มีวันจบสิ้น

การให้เงินเป็นวิธีการสงเคราะห์

หรือส่งเสริมให้เขาทำผิดศีล

ที่พูดมานี่ใช่ว่าผมจะเป็นคนดี 

กล้าที่จะพูดทักท้วงให้เขาทำในสิ่งที่ถูก

วันนั้นถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น

ผมก็คงจะทำแบบเดียวกับที่

พี่อมร  ลุงเบิ้ม พี่เจี๊ยบ

ผมคิดว่าคงไม่มีใครที่กล้าพูดทักท้วง

นอกจากอ.อุบล

และในตอนเย็นวันอาทิตย์

 ผมก็ได้พูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง

 หน้าตาก็ดูธรรมด๊า ธรรมดา

แต่พอรับรู้เรื่องราว การกระทำของเขาก็ไม่ธรรมดาเหมือนหน้าตา  ทุกคำพูด

 ทุกการกระทำ

มีเหตุและผลเสมอ

เขาไม่เคยคดโกงเงินบริษัทถึงแม้ว่า

เขาก็มีอำนาจทำได้โดยที่ไม่ผิดกฎบริษัท

แต่ว่าเขาจะใช้กฎความจริง

 เขาไม่เคยเซ็นอนุญาตให้

ลูกน้องออกไป

ข้างนอกในเวลางาน

เพราะถือว่าเป็นการส่งเสริมให้

คนทำผิดศีล   ศีลข้อไหน   ลักทรัพย์  

ยักยอกเวลางานของบริษัท

เขาเคยเซ็นเบิกค่ารถให้ลูกน้องทั้งที่

ไม่เป็นความจริง

 เขาต้องยอมควักเงินตัวเองจ่าย

ให้คืนบริษัท

เพราะสำนึกว่ากำลังทำผิดศีล

 เขาไม่เคยกลัวว่าคนอื่นจะไม่รัก

ไม่เคยกลัวว่าคนอื่นจะโกรธถ้าเขาทำ

ในสิ่งที่ถุกต้อง อยู่บนพื้นฐานความจริง

ความจริงคืออะไร

 เราใช้อะไรวัดความจริง

 วัดจากความรู้สึกของเราหรือเปล่า?

 ความจริงของเขาก็คือ

ศีล และคำสั่งสอนของอ.อุบล 

ทุกคำพูด ทุกการกระทำของเขาจะ

เอาศีลมาเป็นบรรทัดฐานเสมอ

ทำอย่างนี้ผิดศีลข้อไหน?

เห็นคนอื่นทำผิด

ก็จะทักท้วง

โดยใช้กฎความจริงมาอธิบาย

เป็นเหตุเป็นผล

แล้วทุกวันนี้มีคนรังเกียจเขาไหม?

 เขามีความทุกข์ไหม?

 เปล่าเลยแต่ทำไห้เขายิ่งมีความสุข

มีแต่คนรักและชื่นชมในตัวเขา

ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าคงไม่มี

ใครกล้าพอที่จะทำ

ในสิ่งที่ถูกต้อง แม้เป็นเรื่องที่เราคิดว่า

เล็กๆน้อยๆ แต่เขาคนนี้ไม่เลย

 เรื่องไหนผิดศีล

 ผิดอบายมุข เขาก็จะไม่ให้ผ่านเลยไป

ซึ่งก็ถือว่าเขาคือบุคคลตัวอย่าง

 ที่จุดประกายให้ผมมีความกล้า

 กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ถูก

กล้าที่จะโต้แย้งสิ่งที่ผิดจาก

หลักความจริง

โดยเอาศีลแต่ละข้อมา

เทียบเคียงเราก็จะ

รู้เองว่าจริงหรือไม่จริง

ถึงแม้จะทำได้ไม่เหมือนเขา

 แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจให้

ผมมีความกล้าขึ้น  มีความมั่นใจขึ้น

แต่ก่อนที่จะไม่ทักท้วงคนอื่น

ต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง

ก่อนว่า เรามีศีลบริสุทธิ์หรือยัง

เดี๋ยวมันจะเข้าตัว

ที่ร่ายมาเสียยาวก็เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า

  คนที่จะไปนิพพานเขาทำกันยังงัย

คนที่จะมาช่วยพระศรีอาริย์เขาทำยังงัย

อย่ากลัวว่าคนอื่นจะโกรธ

อย่ากลัวเพื่อนจะไม่รัก

อย่ากลัวว่าจะมีคนเกลียด

ดูผู้ชายคนนี้เป็นตัวอย่าง

ว่ามีคนรักเขามากขนาดไหน

 พวกเราหลายคนที่ยกมือว่าจะช่วย

พระศรีอาริย์ เรากล้าที่จะไปอธิบาย

ไม่ไห้พระมาเรี่ยไรให้เลิกได้ไหม

เห็นเพือนทำผิดกล้าไปพูด

แนะนำว่าผิดศีลข้อไหน

  ส่วนมากก็ปล่อยให้ผ่านเลยไป

บางทีก็มีส่วนร่วม เช่น

 ผมโกหก เพื่อที่จะ ช่วยเพื่อน

ทั้งที่เพื่อนออกไปเที่ยวกับกิ๊ก

ยอมทำผิดศีลเสียเอง 

นี่หรือศิษย์ของอ.อุบล

 ศิษย์ของพระพุทธเจ้า

คิดแล้วก็ละอายใจ

ดูๆแล้วพวกเราหลายคน

รวมทั้งผมด้วยคงไม่ได้ช่วย



ผู้ตั้งกระทู้ อดิศักดิ์ โพธิสาร กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-06-12 21:58:30


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1615449)

 

แต่กลับเป็นภาระของ

พระศรีอาริย์มากกว่า

ฉะนั้นเรามาเริ่มต้นใหม่  เพิ่มความกล้าเข้าไป 

มั่นคงในศีล  ออกไปช่วยพระศรีอาริย์

กอบกู้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

 โดยการแผยแผ่คำสอนของ

พระพุทธศาสนา

กล้าทำในสิ่งที่ถูก

  เอาศีลเป็นโล่ห์

 เป็นกำแพง ต่อสู้กับมารร้าย

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร (di2211-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-12 22:04:15


ความคิดเห็นที่ 2 (1615492)

อนุโมทนาด้วยค่ะ คุณ อดิศักดิ์

ที่คนส่วนใหญ่ ยังกล้าๆ กลัวๆ

หรือไม่ชัวร์ว่าสิ่งใดถูก ผิด

ก็เพราะว่า ศีลยังไม่บริสุทธิ์พอ

จิตจึงขุ่นๆ มัวๆ มองตัวเองก็ไม่ชัด

มองคนอื่นก็ไม่เจน

กำลังใจก็เลยยุบหนอ พองหนอ

จึงไม่"กล้า"พอ ที่จะพูด จะเตือน คนอื่นตรงๆ

 

แต่ถ้าทุกคนได้มาอ่านกระทู้นี้แล้ว

คงจะเพิ่มเสริมความ"กล้า" แกร่ง

ให้กับจิตใจผู้อ่านทุกๆคนแ่น่นอน..

 

และคนที่คุณ อดิศักดิ์ พูดถึงนั้น

เค้าไม่ได้"ดี"เฉพาะจิตใจใช่ป่ะ

รู้สึกว่า เค้าจะหน้าตา"ดี" ด้วยนะนั่น..

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 05:14:24


ความคิดเห็นที่ 3 (1615494)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณอดิศักดิ์ที่มาปลุกจิตสำนึกคะ

ตอนที่อ.พูดเรื่องพระที่มาเรียไรเงิน 

หนึ่งก็นั่งงง....คิดว่าถ้าตนเองเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วจะทำอย่างไร

สิ่งแรกที่คิดก็คงจะรู้สึกไม่ค่อยดี ตะหงิงเรื่องพระมาเรี่ยไรเงิน

แต่คงจะหนีไม่พ้นไปร่วมทำบุญกับเขา ถึงๆที่ในใจตนเองคงไม่สบายใจ

แบบไม่ทราบสาเหตุ


มากระจ่างที่ท่านอ.บอกว่าการที่พระมาเรี่ยไรเงินถือเป็นการขัดพระวินัย

พระตถาคตท่านไม่เคยบัญญัติให้พระออกมาเรี่ยไรเงิน

หรือแม้กระทั่งในหลวง ท่านก็ไม่เคยบอกให้ข้าราชบริพารคนใกล้ชิดมาเรี่ยไรเงิน


เลยทำให้รู้ว่าตนเองยังโง่อยู่เยอะมาก...

ถึงแม้ท่านจะบอกให้เราเอาศีล 5 มาจับ

แต่ความที่เราเคยชินกับการใช้การอยู่อย่างผิดปกติ (ผิดศีล) มานาน

จนทำให้เราคิดว่าสิ่งที่มันผิดปกติมันคือสิ่งปกติไป

ประกอบกับศีลของตนเองก็ยังไม่ค่อยบริสุทธิ์มีด่างพร้อย เพราะความเผลอของตนเอง

 

ยิ่งท่านอ.พูดในวันเสาร์ที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าท่านเหนื่อยมากจริงๆ

อาจารย์ไม่ได้พัก ต้องเดินทางตลอด แถมวันหยุดก็ต้องมาเร่งลูกหลานให้สร้างบุญ


โดยส่วนตัวหนึ่งก็สะกิดบอกคนใกล้ชิดเรื่องการทำผิดศีล

หรือแม้แต่ที่ทำงานในกรณีที่เขาจะให้เราทำอะไรที่มันผิดศีล

ก็จะทักท้วงและยกตัวอย่างถึงผลกรรมที่จะได้รับ

แต่ก็ยังไม่ได้ทำแบบจริงๆจังๆ

พอมาอ่านกระทู้นี้

คงจะต้องมาพิจารณาตนเองจริงอีกสักที

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 05:45:27


ความคิดเห็นที่ 4 (1615542)

เจอบ่อยมาก  บางครั้งก็คิดนะว่าไม่ใช่พระจริงแต่ก็ทำ  บางทีเข้ามาขอถึงในบ้าน  ว่าอยากได้โน่น นี่ นั่น  เราก็จำยอมให้  ต่อไปนี้จะทำเหมือนคุณอดิศักดิ์บอกค่ะ  ตัวเองเจอบ่อยเหลือเกิน  สงสัยคงเห็นหน้าหลอกง่าย  ขอบคุณสำหรับธรรมทานค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กุหลาบ รักสนิท (ROSE_1968-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 11:05:07


ความคิดเห็นที่ 5 (1615577)

ท่านอาจารย์บอกว่า

เราจะรู้หรือวัดได้อย่างไร

ว่าใครเป็น คนดี หรือ คนชั่ว

ท่านบอกให้วัดที่ศีล

นอกจากจะวัดที่คนอื่นแล้ว

ที่ควรวัดเป็นประจำ ก็คือ

การวัด ศีล ของตัวเราเอง

ว่าขาด ครบ ปุปะ ด่างพร้อยหรือไม่

ไม่มีใครไม่เคยทำผิด

แต่ผิดแล้วให้แก้ไข จนไม่ทำผิดอีก

อาจจะทำได้ยาก แต่หากเราใส่ใจ

เราทำเป็นประจำ จนเป็นปกติ

วันนึงเราจะสามารถรักษาศีลได้ครบ

รักษาศีลได้จนถึงอธิศีล

หรือ รักษาศีลยิ่งชีวิต

ที่เขียนมานี้ก็บอกตัวเองด้วย

ไม่ได้หมายความว่า

ผมทำได้ หรือ ผมทำได้ดี

กว่าคนอื่นนะครับ

อนโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 12:32:39


ความคิดเห็นที่ 6 (1615590)

ในมุมมองของผมแล้ว หลักการต่างๆทุกคนทราบดีหมดแล้ว หากมองถึงภาคปฏิบัติหรือสิ่งที่เจออยู่ในชีวิตจริง ก็พอบอกได้เลยว่าคนไหนยังรักษาศีลไม่ได้

คนที่ไม่กล้าบอกความจริงกับคนอื่น คนที่ยังกลัวคนอื่นโกรธ หรือมักคิดว่าพูดไปแล้วไม่ได้อะไร หรือกลัวต่างๆนานา หรือทำอะไรด้วยความเกรงใจ

คนเหล่านี้คือคนที่ขาดความเมตตาต่อคนอื่น ไม่อยากเห็นคนอื่นปรับปรุงตัว และที่สำคัญในเมื่อเราไม่กล้าพูดความจริง เราจะรักษาศีล กล้าปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้อย่างไร

ผมยังจำครูบาอาจารย์ท่านสอนได้ดีว่า คนที่กลัวนั่น กลัวนี่ กลัวคนไม่รัก กลัวคนโกรธ หากลองไล่ดีๆแล้วทั้งหมดสุดท้ายคือเขากลัวตายนั่นเอง แล้วอย่างนี้จะพยายามยกจิตเข้าสู่พระโสดาบันได้อย่างไรกันครับ

ถึงตอนนี้พวกเราต้องเอาสิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลสอนมาทำจริง ในภาคสนาม ภาคปฏิบัติแล้วครับ อย่ามัวแต่คลำศีลกันอยู่เลยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 13:19:34


ความคิดเห็นที่ 7 (1615612)

โมทนาบุญกับคุณอดิศักดิ์ค่ะ

ลับจอบก็เก่ง     เขียนธรรมทานก็เจ๋ง

ส่วนพี่เจอบ่อย พี่ไม่เคยให้แต่ไม่มีโอกาสได้ชี้แจง   ถ้ามีเหตุการณ์อย่างไม่พลาดแน่นอน

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 15:24:44


ความคิดเห็นที่ 8 (1615639)

ขอแก้ไขบางบทความ

ที่ผมอาจเขียนข้อความ

.อันเป็นเท็จ.

.................................

ผมก็ได้พูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง

 หน้าตาก็ดูธรรมด๊า ธรรมดา

แต่พอรับรู้เรื่องราว การกระทำของเขาก็

ไม่ธรรมดาเหมือนหน้าตา  ทุกคำพูด

 ทุกการกระทำ

มีเหตุและผลเสมอ

..................................................

ผมก็ได้พูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง

 หน้าตาก็ดูดี ไม่ธรรมดา

แต่พอรับรู้เรื่องราว การกระทำของเขาก็

ไม่ธรรมดา  ทุกคำพูด

 ทุกการกระทำ

มีเหตุและผลเสมอ

                                        ...............................

ก็ขออภัยในบทความบางตอน

.......................................

คนที่ไม่กล้าบอกความจริง

กับคนอื่น

คนที่ยังกลัวคนอื่นโกรธ

หรือมักคิดว่าพูดไปแล้วไม่ได้อะไร

หรือกลัวต่างๆนานา

หรือทำอะไรด้วยความเกรงใจ

คนเหล่านี้คือ

คนที่ขาดความเมตตาต่อคนอื่น

ไม่อยากเห็นคนอื่นปรับปรุงตัว

และที่สำคัญในเมื่อเรา

ไม่กล้าพูดความจริง

เราจะรักษาศีล

กล้าปฏิเสธในสิ่งที่

ไม่ถูกต้องได้อย่างไร

......................................

อ่านแล้วก็รู้ว่าเราควรจะเลือก

เมตตาคนอื่นแบบไหน?

- เมตตาให้เขาด่ำดิ่งสู่นรกต่อไป

หรือ

-  เมตตาให้เขาได้ปรับปรุงตัวเอง

แก้ใขในสิ่งผิด

ให้พ้นจากนรก

.....................................

ขออนุโมทนาบุญ กับ

คุณธนา

และ

คุณโฆษิต

ที่ให้ธรรมทานเด็ดๆ

.................................

โมทนาบุญกับคุณอดิศักดิ์ค่ะ

ลับจอบก็เก่ง     เขียนธรรมทานก็เจ๋ง

.....................................

ขอขอบคุณ คุณ บุญภิบาล

สำหรับคำชม

..................................

ผมคิดว่า จอบ ก็เหมือน สมอง

ถ้าไม่ลับบ่อยๆ ก็คงทื่อ

ผมเลยต้องมาหัดเขียนธรรมทาน

บ่อยๆ จะได้ลับสมองไปด้วยครับ

....................................

และคนที่คุณ อดิศักดิ์ พูดถึงนั้น

เค้าไม่ได้"ดี"เฉพาะจิตใจใช่ป่ะ

รู้สึกว่า เค้าจะหน้าตา"ดี" ด้วยนะนั่น..

...................................

ครับ ถูกต้องครับ

ดีทั้งหน้าตา

และ

จิตใจ

ทุกคนต่างรู้ดีครับ

.........................................

เขายังมีข้อดีอีกเยอะ

ใครที่รู้ควรเขียนส่งเสริม

ให้กำลังใจ

ในความดีของเขา

จะได้เป็นเยี่ยงอย่าง

ให้คนอื่นได้ทำตาม

..............................

สาธุ สาธุ

 

 

 

 

                          

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร (di2211-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 17:13:57


ความคิดเห็นที่ 9 (1615640)

...................................

ครับ ถูกต้องครับ

ดีทั้งหน้าตา

และ

จิตใจ

ทุกคนต่างรู้ดีครับ

.........................................

เขายังมีข้อดีอีกเยอะ

ใครที่รู้ควรเขียนส่งเสริม

ให้กำลังใจ

ในความดีของเขา

จะได้เป็นเยี่ยงอย่าง

ให้คนอื่นได้ทำตาม

..............................

สาธุ สาธุ

และคนที่คุณ อดิศักดิ์ พูดถึงนั้น

เค้าไม่ได้"ดี"เฉพาะจิตใจใช่ป่ะ

รู้สึกว่า เค้าจะหน้าตา"ดี" ด้วยนะนั่น..

ผู้แสดงความคิดเห็น อดิศักดิ์ โพธิสาร (di2211-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 17:15:40


ความคิดเห็นที่ 10 (1615653)

    ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากเลยค่ะ

มาช่วยเสริมแรงใจและความกล้าหาญ  ให้กับลูกบ้านสวน

และวันนี้ดิฉันก็สอบไม่ผ่าน  กับบททดสอบค่ะ

วันนี้ได้เข้าไปบ้านสวนเพื่อไปแลกเงินเหรียญ

ขณะที่รอ  ก็ได้มีโอกาสสนทนากับท่าน อ. อุบล

ซึ่งท่านกำลังนั่งเย็บผ้าอยู่  สักพักท่าน  อ. อุบล

ก็ถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร  ก็หันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง

กำลังถ่ายรูปบริเวณพระธรรมจักรอยู่  กำลังจะเดินไปบอก

ก็เห็นเค้าเดินออกไปแล้ว  สักประเดี๋ยว  ก็เห็นเธอไปถ่ายรูปอยู่

บริเวณหน้าวิหาร  ท่าน  อ. อุบล ก็พูดอีกว่า  ที่นี่เป็นที่ส่วนตัว

เค้าขออนุญาตใครหรือเปล่าที่ถ่ายรูป  ดิฉันก็รีบเดินไปบอก

ผู้หญิงคนนั้น  ก็ดูท่าทางเค้าไม่พอใจ  และเค้าบอกว่า ขอโทษ

เค้ากำลังจะลบภาพทิ้ง  เพราะภาพไม่สวย  พอดีสามีเค้าที่คุยกับคุณแหวนเสร็จ

เดินมา  ผู้หญิงคนนั้นก็ชวนสามีกลับ  ด้วยท่าทางไม่พอใจ

          กลับไปท่าน  อ. อุบล  ถามว่า พูดอะไรกับเค้า

ก็เรียน  ท่านอาจารย์ว่า  บอกเค้าว่าที่นี่เป็นสถานที่ส่วนตัว

จะเข้ามาทำอะไรที่นี่ต้องขออนุญาตก่อน 

ท่าน  อ. อุบล ท่านก็เมตตาสอนว่าทำไมไม่บอกเค้าว่า

สิ่งที่เค้าทำมันเป็นผลเสียกับตัวเค้าเอง

ไม่ได้เป็นผลเสียกับเจ้าของบ้าน  ทำไมต้องให้เค้าได้รับเคราะห์กรรมก่อน

ท่านบอกว่า  นี่แหละลูกบ้านสวนพูดยังไง  ก็ไม่เก็ทกันสักที

       หนูสอบตกค่ะอาจารย์  เพราะคิดเพียงอยากให้เค้าหยุดการกระทำ

แต่ไม่ได้บอกเหตุผลจริง ๆ  ให้เค้าทราบ  ว่าที่เค้ากำลังทำอยู่

เค้าจะได้รับผลอย่างไร  เพราะลูกบ้านสวนทุกคน

จะทราบกันดี  ถ้าไม่ขออนุญาตถ่ายรูป  จะไม่มีใครกล้าทำ

เพราะทราบกันดีว่าผลที่จะตามมาคืออะไร

แต่ตอนนั้นหนูนึกไม่ออกจริง ๆ  ค่ะ   และได้มาอ่านกระทู้นี้

ยิ่งชัดเจนมากค่ะ

คนที่ไม่กล้าบอกความจริง

กับคนอื่น

คนที่ยังกลัวคนอื่นโกรธ

หรือมักคิดว่าพูดไปแล้วไม่ได้อะไร

หรือกลัวต่างๆนานา

หรือทำอะไรด้วยความเกรงใจ

คนเหล่านี้คือ

คนที่ขาดความเมตตาต่อคนอื่น

ไม่อยากเห็นคนอื่นปรับปรุงตัว

และที่สำคัญในเมื่อเรา

ไม่กล้าพูดความจริง

เราจะรักษาศีล

กล้าปฏิเสธในสิ่งที่

ไม่ถูกต้องได้อย่างไร

#####

      ลูกกราบขอขมาท่าน อ. อุบล ที่ยังทำตัว

เป็นภาระให้อาจารย์ต้องเคี่ยวเข็ญอยู่  ตัวเอง

ยังไปไม่รอด  แต่เสนอหน้าจะช่วยเหลืองานท่าน

ขอปรับปรุงตัวเองด่วนที่สุดค่ะ

     

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 20:25:47


ความคิดเห็นที่ 11 (1615668)

คนที่กล้าพูดความจริง
บางครั้งอาจทำให้คนอื่นโกรธ เกลียด
แต่ในความโกรธเกลียดของเขา
ก็อาจทำให้เขากลับไปนอนคิด
สิ่ง ที่เขากระทำก็เป็นได้

ผู้ที่คอยแต่จะสรรเสริญเยินยอคนอื่น
พูดเป็นแต่คำชม
แต่พอทำชั่วกลับบอกว่าดีแล้ว ถูกแล้ว
คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัว
พอจะพูดก็เกรงอกเกรงใจ
นิ่งเฉยเพราะไม่อยาก

เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยว

พูดไปแล้วก็ทำให้นึกถึงคนที่ว่าในหลวง
และพระบรมวงศานุวงศ์
เวลามีใครเอาเรื่องนู๊นเรื่องนี้มาเล่า
เรากลับยืนฟัง ในใจก็ไม่เห็นด้วย
แต่ก็ไม่กล้าแย้งเขา
คงลืมคิดไปว่านิ่งเฉยก็เท่ากับเห็นด้วย

เขียนไปรู้สึกว่าจะไม่ค่อยเกี่ยว
กับกระทู้ที่คุณศักดิ์ตั้งเท่าไร อิๆ
แต่อย่างไรก็ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน
ด้วยนะคะ ที่ให้ธรรมทาน
ที่มีคุณค่าค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 22:07:06


ความคิดเห็นที่ 12 (1615678)

โมทนาบุญกับคุณอดิศักดิ์ที่เปิดกระทู้นี้ขึ้นมา

โตขึ้นมาพวกเราก็คุ้นเคยกับภาพพระเดินเรี่ยไรชวนทำบุญสร้างโน่นนี่

แต่ด้วยความที่เราก็เป็นชาวพุทธตามบัตรประชาชน

อย่าว่าแต่พระไตรปิฏกเล้ยย

แค่ศีล 5 ก็ได้แต่ท่องปาวๆๆๆ

ไม่ได้ลึกซึ้งกับข้อห้ามนั้นเลยย

ไม่ได้รู้เลยว่าผลของการผิดศีลคือไร????

กระแสที่เชี่ยวกรากฉุดกระชากลากจูงเราให้ดิ่งลึกลงๆๆ

บางคราวไม่รู้ว่าอันไหนควรไม่ควรอย่างไร ....

      คนที่ไม่กล้าบอกความจริง

คงต้องเตือนตัวเองอีกหลายรอบเหมือนกัน

นอกจากมั่นคงในศีลแล้วต้องกล้าหาญพอ

โมทนาบุญกับธรรมทานจากทุกๆท่านค่ะ

คนที่ไม่กล้าบอกความจริง

กับคนอื่น

คนที่ยังกลัวคนอื่นโกรธ

หรือมักคิดว่าพูดไปแล้วไม่ได้อะไร

หรือกลัวต่างๆนานา

หรือทำอะไรด้วยความเกรงใจ

คนเหล่านี้คือ

คนที่ขาดความเมตตาต่อคนอื่น

กับคนอื่น

คนที่ยังกลัวคนอื่นโกรธ

หรือมักคิดว่าพูดไปแล้วไม่ได้อะไร

หรือกลัวต่างๆนานา

หรือทำอะไรด้วยความเกรงใจ

คนเหล่านี้คือ

คนที่ขาดความเมตตาต่อคนอื่น

ผู้แสดงความคิดเห็น ภิญญลักษณ์ เลิศอัครศักดิ์ (pin_akaras-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-13 23:17:48


ความคิดเห็นที่ 13 (1615691)

อนุโมทนากับคุณอดิศักดิ์ด้วยนะคะ

เรื่องของความกล้า

กล้าที่จะทำความดีหรือยัง

ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

บอกความจริงกับทุกคนหรือยัง

จากประเด็นเรื่องพระมาเรี่ยไร

หากเกิดกับตัวเองบ้าง

ก็สอบตกเช่นกัน

ลูกกราบขอขมาอาจารย์แม่ค่ะ

ที่ได้แต่รับฟังแต่ไม่นำไปปฏิบัติ

จากนี้ไปลูกตั้งใจนำไปปฏิบัติ

จะไม่กลัวคนไม่รัก ไม่กลัวคนอื่นโกรธ

ไม่กลัวคนว่าเราเพี้ยน

แต่สังคมทุกวันนี้

ได้มีการปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

จนเป็นเรื่องปกติ

ดังนั้น

การที่เราจะเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้

ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองจนเป็นปกติ

(ทั้งความคิดและการกระทำ)

พร้อมทั้งมีหลักฐานอ้างอิงได้

และ

คงถึงเวลาแล้วที่

เราต้องเปลี่ยนแปลง

ทำในสิ่งที่ถูกต้องสักที

คือ งานที่ต้องรับผิดชอบ

เกี่ยวกับการเงิน

ก่อนหน้านี้ทางผู้ใหญ่ให้ดูแล

และต้องทำงบการเงิน

ให้เข้ากฏเกณฑ์ของสรรพากร

เรียกง่ายๆว่า ตบแต่งบัญชี ทำเอกสารเท็จ

ตอนนั้นก็ตอบรับทางผู้ใหญ่

ว่าจะทำให้ได้

แต่ก็รู้อยู่แก่ใจตัวเองว่า

ต้องโกหกตลอดไปถึงจะไปรอด

ท่านบอกว่าเรื่องนั้นไว้ที่หลัง

และตอนนี้ก็ได้แจ้ง

กับหัวหน้าไปแล้ว

ว่าจะไม่ทำข้อมูลเท็จแล้ว

เพราะผิดศีล

หากผู้ใหญ่จะให้ออกจากงานก็ไม่กลัว

ยินดีตกงาน

ซึ่งหัวหน้าก็เห็นด้วย

และจะรายงานทางผู้ใหญ่ต่อไป

เพราะผลกรรม ได้ตกอยู่ที่ตัวเราเอง

โดยไม่มีใครรู้...นอกจากตัวเอง

เงินเดือนก็มากอยู่ แต่ไม่พอใช้จ่าย

แถมด้วยเงินที่เก็บไว้ ก็หมดไป

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-14 04:01:45


ความคิดเห็นที่ 14 (1615704)

ภาคทฤษฎีพวกเรา รู้กันหมด..เนอะ

แต่พอถึงภาค"ปฏิบัติ"

สอบตกกันแทบจะยกชั้น..

 

เฮ้อ..ชนิดาก็ไม่ใช่"ชนกลุ่มน้อย"หรอก

แต่อยู่ใน กลุ่มชนหมู่มาก นั่นแหล่ะ 

 

 

รักตัวเองมาซะจนชิน

เลยไม่มี"ความเมตตา"ต่อคนอื่นจริงๆซักที

 

คงต้องท่องคาถา"เมตตา"ใหม่

ให้ขึ้นใจว่า

 

"ถ้าเมตตา ต้องกล้าเตือน"

"ถ้าเมตตา ต้องไม่กลัว ตาย"

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-14 06:34:24


ความคิดเห็นที่ 15 (1615737)
พูดความจริงต้องเลือกเวลา

ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน


     คนที่พูดมุสาวาทเป็นคนไร้สัจจะ คนเกลียด แต่พูดตามความเป็นจริงไปที่ไหนใครก็ชอบ คนทุกคนต้องการรับฟังวาจาที่ตรงตามความเป็นจริง แต่ก็ต้องระวังเหมือนกัน 


     การพูดตามความเป็นจริงนั้นต้องเลือกเวลา อย่าพูดจนกระทั่งเขามีความเสียหายต่อหน้าประชาชนเกินไป ต้องใช้ปัญญาด้วย ความจริงข้อนี้เราควรที่จะพูดไป แล้วเวลาพูดนั้นเป็นเวลาควรจะพูดแล้วหรือยัง ถ้าเป็นเครื่องสะเทือนใจของบุคคลผู้รับฟัง เวลาที่เขาอารมณ์ไม่ดีอย่าเพิ่งพูดความจริง รอเวลาอารมณ์ดีจิตใจเขาสบาย พูดอ้อมหน้าอ้อมหลังไปก่อน เห็นท่าว่าเขาจะยอมรับแล้วก็ไม่โกรธจึงควรพูด

     ตามที่พูดกันว่า วาจาจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดตามความเป็นจริงอาจจะตายได้ นี่ต้องระวังให้มาก ก็ถือว่าถ้าเราพูดตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง และบรรดาญาติโยมเลือกเวลาเหมาะเวลาสม ใช้ปัญญาหน่อย อย่างนี้ถือว่าวาจาเป็นทิพย์ ท่านจะมีความสุขมาก ในฐานะที่คนทั้งหลายมีความไว้วางใจในท่าน

ขออนุโมทนาธรรมทานจากพี่อดิศักดิ์ และทุกๆความเห็น ด้วยนะครับ ขอแชร์ความเห็นบ้างครับ (แต่ไม่รู้ถูกป่าวเนอะ)

     ความจริงเหมือนกัน แต่ผมคิดว่ามองได้ 2 มุมนะครับ คือ

1.ติเพื่อก่อ อันนี้คือเวลาใครทำำอะไรที่ผิดทำนองคลองธรรม ผิดศีล เราก็ตักเตือนกันตรงด้วยเจตนาดี อันนี้เป็นพฤติกรรม หรือพูดบางอย่างที่สามารถแก้ไขได้

2.ติแล้วไม่เกิดประโยชน์ อย่างมีคน ด่าว่า เรา แก่ ,ดำ ,ลาว ,หัวล้าน ,อัปลักษณ์,อุบาทว์ เป็นความจริงเหมือนกัน แต่พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ หรือคนรับฟัง อาจจะสะเทือนใจ

     โดยส่วนตัวผมเฉยๆนะถ้าใครจะมาด่า มาว่า เพราะเรารับได้ แต่คนเรา ต่างคน ต่างความคิด 

     แต่คนที่อยู่บนพื้นฐานของความจริงได้ คือ คนที่ไม่ทุกข์ อย่างคนมาว่าเราหน้าตาน่าเกลียด โอเค รับได้ ก็มันเป็นความจริงนี่นา จะทุกข์ไปทำไม ก็คือ วางเฉย

     หรือถ้าคนมาว่าเราหน้าตาน่าเกลียด แต่เราไม่ยึดนี้ว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเราก็ไม่ทุกข์ ก็คือ ปล่อยวาง

     มีเรื่องของตนเองมาเล่าให้ฟังครับ คือ มีเพื่อนอยู่คนนึงดูเขาเป็นคนไม่ค่อยเรื่องเวรกรรมมากมาย ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา แต่พอดีได้คุยกันแล้วเขาบอกว่าเขาเป็น โรคริดสีดวง มีเลือดออกด้านใน เราก็บอกเค้าว่า เคยไปเด็ดหางแมงปอ หรือไปทำอะไรสัตว์ ตรงส่วนก้นหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเคย เราก็แนะนำ ให้ลองไปทำบุญแล้วอุทิศบุญให้ แมลงปอ ที่เคยเด็ดหางไว้สิ เขาก็เคยฝากเงินเรามาทำบุญ เหมือนกัน เมื่อไม่นานมานี้ เขาโทรมา บอกว่าเขาหายขาดแล้ว เราก็บอกว่าก็อุทิศบุญให้เค้าเรื่อยๆนะ ถ้าเขาหมดบุญ เขาก็จะมาทวงเราอีก เขาก็เริ่มเชื่อ เรามากขึ้นเพราะ เขาทำตามที่เราบอกแล้วหาย เราก็เริ่มบอกรหัสอ.อุบลช่วยด้วย และ แนะนำให้เขาเลิกทานเนื้อสัตว์  บอกเค้าว่า ถ้าไม่เลิก อีกหน่อยก็จะเป็นโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง เขาก็เริ่มเชื่อ แต่ เขาบอกว่าขอเป็นอาทิตย์ล่ะครั้งก่อน เราก็บอกว่าแล้วแต่ เราบอกแล้วแต่จะทำตามไหมก็อีกเรื่องนึง เราแค่บอกเหตุและผล ตามคำสอนที่่ท่านอาจารย์อุบล สอนเรามาตลอด

    

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-14 10:59:34


ความคิดเห็นที่ 16 (1616093)

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากน้องเอิ้น ด้วยนะจ๊ะ

 

นอกจากจะมี"คำสอนดีๆ"

จากหลวงพ่อมาฝากแล้ว

ยังมีเรื่องเหลาดีๆ

มาให้เราได้พิจารณาอีกด้วย

 

ว่าแต่น้องเรา

เริ่มมีวาจาเป็นทิพย์แล้วนะเนี่ย..

.....................

ส่วนคุณวิ สงสัยต้อง

ท่อง คาถาเมตตา เพิ่ม

เป็น

ถ้าเมตตา ต้องไม่กลัว "ตกงาน"

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-16 05:36:36


ความคิดเห็นที่ 17 (1616099)

อนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยค่ะ

เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กจำได้ว่า

มีพระ เณร มาเรี่ยไรอยู่บ่อยๆ

เช่น มาขอข้าวสารถึงบ้าน แล้วนำซองผ้าป่า

หรือกฐินมาให้

และไม่เคยรู้เลยว่ามันผิด บาป

ก็มีบ้านสวนนี่แหละค่ะ

ที่เป็นกระจกสะท้อนเงาได้ในทุกๆเรื่อง

เลยทำให้เรามองเห็นความจริง

ว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด

แต่สำหรับตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าจะเมตตาผู้อื่น

มาไม่น้อยเลยทีเดียว

เมตตาแบบไม่ปราณี

คือดิ่งลงเหวทั้งคู่

ต่อไปจะได้หัดเมตตาและปราณีอย่างแท้จริง

ห้ชินและติดเป็นนิสัยให้ได้ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-06-16 06:03:25



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.