๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน ?

ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ

๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี ?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงคราม ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี ?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน ?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน

๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา ?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง

๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา

๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้

๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี ?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ

๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร ?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา

๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี ?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอดจ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่

๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย ?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย

๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม ?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า

๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน ?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน

๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ

๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

๑๖. สวดมนต์บทไหนดี ?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้ คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี ?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด

๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก ?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน

๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม ?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน

๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบ

ขอขอบคุณที่มา http://forum.02dual.com/

ถึงแม้จะได้อ่านธรรมะสนุกๆ

คำพูดโดนใจเหล่านี้

จากท่านว.มาแล้ว

แต่คุณหนึ่งเมตตานำมาฝากอีกที

ก็ต้องอนุโมทนาด้วยค่ะ

ว่าแล้วก็ ส่งเดลิเวอรี่หลักธรรมดีๆ

มาได้เรื่อยๆเลยนะค๊า

กราบโมทนากับธรรมะของ ท่านว.วชิรเมธี

---------

 ๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี ?

ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

----------

--------------

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี ?
   (๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด

 ข้อนี้มันตรงใจที่ซู๊ด ดดดด เลย

 เราต้องทำตัวเองให้สงบเย็น

และเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เขาเห็น

------- 

๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม ?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน

--- ข้อนี้เลิกผสมโรงแล้วค่ะ ---

ทั้งที่ตัวเองยังไม่มีดีให้คนอื่นเขาเห็น

แต่หาสาระในชีวิตไม่ได้

ฟังเขานินทากันอืมสนุกดี (บางคนมีพรสวรรค์ในเรื่องนินทา)

คนเรามีปัญญา หากท้อแท้ปล่อยไปตามกระแส คงจะอายปลาแย่เลย

เมื่อกระแสน้ำแรงๆ

อ่านแล้วก็โดนเต็มๆ

โมทนากับน้องหนึ่งด้วยนะคะ

     ขออนุโมทนากับคุณหนี่งด้วย ครับ เท่าที่อ่านดูได้ ข้อคิด ให้เรามองโลกในแง่บวก ให้เรามอง ทุกข์ อย่างผู้มีปัญญา ก็เกิดสุขได้ สาธุ ครับ  

ขออนุโมทนากับคุณหนึ่งด้วยค่ะ

อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมายหลายเรื่องเลย

แถมอ่านแล้วทำให้รู้สึกคิดตามมองเห็นภาพเลยค่ะ

ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมที่จะมีด้านดีของมันทั้งสิ่ง

ถ้าเราคิดให้กลายเป็นด้านดี^^

อนุโมทนาธรรมทานจากท่านว.และคุณหนึ่งด้วยค่ะ สาธุ

เพียงเราเปลี่ยนมุมมองให้มองในแง่ดี และมองทุกข์ให้เป็นธรรม เป็นกฏธรรมดา

ทรงพรหมวิหาร รักษาศีล กรรมบถ อย่างที่ท่านอาจารย์อุบลสอน 

ไม่ว่าจะมีบททดสอบใด เราก็สามารถผ่านได้ 

****ครูคนแรกกับครูคนสุดท้ายของเธอ****

นำส่งธรรมะของท่าน.วิสุทธิปัญญา  

-------------------------------------

   ครูคือใคร ใครคือครู จงรู้แจ้ง

การสำแดง บทครู ต่อผู้อื่น

แม้ยืนสั่ง นั่งสอน เป็นค่อนคืน

จะราบรื่น สมค่า ถ้าเขาฟัง

   มีปัญญา ปราณี น่ะดียิ่ง

เพราะเป็นสิ่ง ช่วยชน คนสิ้นหวัง

แต่ถ้าเธอ เผลอปาก เหมือนอยากดัง

เพียงหมายสร้าง ความดี จะมีกรรม

   ครูคนแรก คนสุดท้าย ใช่ใครอื่น

ที่หยัดยืน ค้ำยัน ทั้งวันค่ำ

คือ "ตนเอง" เร่งร่อน สั่งสอนทำ

ทั้งคิดนำ จำมา นี่ล่ะ "ครู"

   ปฏิบัติตน ให้คนเห็น เป็นแบบอย่าง

ดีกว่าสร้าง ตำรา ว่า "กูรู้"

เส้นแบ่งบาง ระหว่าง "ครู"กับ"ตัวกู"

หากได้รู้ จงสำรวม อย่าหลวมตัว

   ถ้วนทุกคน ล้วนเป็นครู กันอยู่แล้ว

ต่างมีแนว ชวนชี้ ว่าดีชั่ว

ทั้งถูกผิด บุญกรรม ที่ทำตัว

อย่าเมามัว จงเห็น เป็นบทเรียน.....

ขออนุโมทนากับคุณหนึ่งด้วยนะคะ

อ่านแล้วทำให้ฉุกคิดและได้ข้อคิดมากมายหลายเรื่องเลย

จะว่าไปทุกสิ่งอยู่ที่ความคิดของเราเยอะเลยว่า

เราจะเลือกทำและให้เป็นในด้านใด

คิดดีคิดบวกก็ทำให้สุขใจ

คิดลบไม่ดีก็จะได้ความทุกข์ใจไปครอง

นี่แหละหนอ พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้พวกเรา

ทำความดี..ละเว้นความชั่ว..ทำจิตใจให้เบิกบาน..

เอ.. คุ้นๆ ว่า ท่าน อ.อุบลเน้นย้ำมากๆ เลยค่ะ

 ที่มา : Internet

 ๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี ?

โดน..จนหงายเงิบไปหลายตลบ กำลังพยายามว่ายทวนน้ำอยู่ค่ะ ไม่อยากเป็นปลาตายลอยไปตามน้ำ น้ำที่ว่านี้คงจะหมายถึงกิเลสตัณหาของตัวของเราเองแน่ๆเลยที่มันหมักหมมเน่าเสียสุมอยู่ในจิตใจ

ขออนุโมทนากับคุณเจิดหทัยด้วยค่ะ

นำส่งธรรมะของ :  วัดป่าวชิรบรรพต วชิรบรรพต

อนุโมทนากับคุณหนึ่งด้วยนะคะ

ถึงแม้จะเคยอ่านมาบ้างแล้ว

แต่เวลาผ่านไปนานๆก็ลืม

ได้มาอ่านอีกครั้ง

ก็ยกจิตตัวเองได้อีกครั้ง

จะพยายามเข้ามาอ่านบ่อยๆค่ะ

สาธุ

โดน..จนหงายเงิบไปหลายตลบ

กำลังพยายามว่ายทวนน้ำอยู่ค่ะ

ไม่อยากเป็นปลาตายลอยไปตามน้ำ

น้ำที่ว่านี้คงจะหมายถึง

กิเลสตัณหาของตัวของเราเองแน่ๆเลย

ที่มันหมักหมมเน่า เสียสุมอยู่ในจิตใจ

ขออนุโมทนากับคุณเจิดหทัยด้วยค่ะ

เขียนโดย พี่อ๋อย...

..................................

อ่านแล้วคิดภาพตาม

"โดน จนหงายเงิบ"

โอ๊ย..โดนใจเจงๆเลย

แอบขำไปแล้วแหละ

แต่ก็อยากจะ"ส่งกำลังใจ" ไปสมทบ

ขอให้พี่มีพลังที่จะว่ายน้ำ

จนถึงฝั่งและเอาชนะ

ทุกกิเลสตัณหา

และทุกๆปัญหาที่เ่ข้ามาด้วยนะพี่..

และเช่นเคยขอบคุณคำคมๆ

และคำสอนดีๆที่คุณหนึ่งนำมาฝากด้วยค่ะ

นำส่งธรรมะของท่านว.วชิรเมธี

***************************

เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ

เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงมีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้ชีวิต

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจนความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดังใจหวัง

เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"

เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

1) ไม่ประมาท: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงคิดแล้วตัดสินใจก่อนพูดหรือกระทำในทุกสิ่งทุกเรื่องราว
>> จงอย่าเพียงแค่นึกแล้วพูดหรือกระทำ โดยขาดการยั้งคิด 
>> การคิดไม่รอบคอบ การตัดสินใจผิดพลาด และขาดการยั้งคิด

 (2) ไม่คาดหวัง: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงอย่าคิดคาดหวังหรือตั้งเป้าหมายใดๆต่อตนเองสูงหรือต่ำเกินจริง
>> จงอย่ามองผู้อื่นในแง่ร้าย (ไม่คิดลบ)

 (3) ไม่รังเกียจ: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงอย่าต่อสู้ เพียงเพื่อต้องการเอาชนะหรือมีอำนาจเหนือแล้วฝากรอยแค้นเอาไว้ให้เขา
>> จงอย่าตอบโต้ เพียงเพื่อต้องการเอาชนะหรือหาความสะใจให้ตนเอง
>> จงอย่าต่อต้าน เพียงเพื่อต้องการเป็นอุปสรรคของเขาที่จะทำให้เราสะใจ

 (4) ไม่เหยียดหยาม: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงอย่าพูดหรือกระทำใดๆให้ผู้อื่นรู้สึกว่าตัวเขานั้นต่ำต้อย เขาย่อมเอาคืนแน่นอน
>> จงอย่าพูดหรือกระทำใดๆให้ผู้อื่นรู้สึกว่าตัวเขานั้นด้อยคุณค่า เขาย่อมเอาคืนเช่นเดียวกัน

 (5) ไม่เอาความ: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงเรียนรู้ที่จะอดทน อดกลั้น และให้อภัยผู้อื่นที่เขากระทำไม่ถูกต้องต่อตัวเรา
>> จงอย่าจดจำอารมณ์ด้านลบของตน อันเกิดจากความไม่ดีงามของผู้อื่นไว้

 (6) ไม่เอาเคย: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงอย่าเบื่อหน่ายที่จะเรียนรู้ด้วยการฟังซ้ำ อ่านซ้ำ คิดซ้ำ และทำซ้ำ
>> จงอย่าคิด พูด หรือกระทำตามแบบเดิมๆที่ตนคุ้นเคย เพราะมันจะทำให้ชีวิตเราไม่มีอะไรใหม่ ขาดการพัฒนาและขาดความท้าทาย

 (7) ไม่เอาคน: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงอย่าเป็นคนเลือกที่รักมักที่ชัง
>> จงอย่าถามหาตัวตนคนทำ กรณีที่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น

 (8) ไม่จนใจ: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงเชื่อว่าปัญหาทุกปัญหาล้วนแก้ไขได้เสมอ
>> จงกระทำทุกสิ่งด้วยแรงบันดาลใจในตนเอง

 (9) ไม่เสียใจ: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงของตนเอง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
>> จงเรียนรู้ที่จะให้กำลังใจตนเองเสมอ

 (10) ไม่เสียดาย: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงยอมรับการสูญเสียใดๆที่เกิดขึ้นในชีวิตตนเอง
>> จงเชื่อมั่นในความสามารถตนเอง ที่จะแสวงหาสิ่งใหม่เพื่อทดแทนสิ่งที่สูญเสียไปนั้นได้อย่างแน่นอน

 (11) ไม่ไร้สติ: เพราะมันจะนำทุกข์มาให้...
>> จงเป็นผู้รู้สติในการดำเนินชีวิต คือ มีความฉลาดทางสังคม
>> จงเป็นผู้มีสติในการดำเนินชีวิต คือ มีความฉลาดทางอารมณ์
>> จงเป็นผู้ใช้สติในการดำเนินชีวิต คือ มีความฉลาดทางปัญญา

(ป.วิสุทธิปัญญา)

(((+))) หลักแห่งการเป็นคนดี  (((+)))  

1.ต้องรักให้ได้ แม้ใครคนนั้นไม่น่ารัก
2.ต้องให้เขาให้เป็น แม้เขาคนนั้นทำตัวไม่น่าจะให้
3.ต้องไม่ก้าวก่าย (ทางโลก) ไม่ล่วงเกิน (ทางจิตวิญญาณ)
4.ต้องใช้จิตสำนึกดำเนินชีวิต
          >>คิดก่อนคิด
          >>คิดก่อนพูด
          >>คิดก่อนทำ
5.มีมหาสติทุกขณะจิตในชีวิตประจำวัน (ธรรมชาติสมาธิ)
          >>ต้องรู้สติ
          >>ต้องมีสติ
          >>ต้องใช้สติ

โดย: ป.วิสุทธิปัญญา

 ที่มา คุณกาขาว

นำส่งธรรมะของท่านว.วชิรเมธี

*************************** 

เป็นผู้สูงอายุ อย่าสูงแค่วัน เดือน ปี แต่ต้องสูงด้วยคุณความดี

ที่ฝากไว้แก่อนุชน...

  คำสอนของหลวงตามหาบัว

*************************** 

"ในร้อยคน จะมีคนกล้าสักหนึ่งคน

ในคนพันคน จะมีบัณฑิตสักหนึ่งคน

แต่ไม่อาจพูดได้ว่า

ในคนแสนคน จะมีคนที่เสียสละสักคนหนึ่งได้หรือไม่

ในยามคับขัน ต้องการคนกล้า

ในยามเกิดเรื่องตื่นเต้นหวาดเสียว ต้องการคนหนักแน่น

ในยามมีข้าวมีน้ำสมบูรณ์ ต้องการคนรัก

ในยามมีเรื่องราวลึกซึ้ง ต้องการบัณฑิตฯ"

โมทนากับธรรมะ ยามดึกสงัด

สาธุ สาธุ สาธุ

ซ้ำคะ

อัลเบิร์ต ไอสไตน์

********************

"โลก จะไม่ได้ถูกทำลายด้วยน้ำมือของคนชั่วร้าย 
แต่จะถูกทำลาย จากคนที่เฝ้าดูการกระทำนั้น
โดยไม่ออกมาทำอะไรเลย"

นำส่งธรรมะของท่านว.วชิรเมธี

*************************** 

คนนั่งอยู่เฉยๆก็ถูกนินทา 

คนพูดมากก็ถูกนินทา

คนพูดน้อยก็ถูกนินทา

คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก

นำส่งธรรมะของท่านว.วชิรเมธี

*************************** 

  ถ้าเรานิยามว่า ความสุขขึ้นอยู่ปริมาณของวัตถุ...มากที่สุด ก็คิดว่าจะมีความสุข,  ถ้าเรานิยามอย่างนี้ ความสุขจะกลายเป็นเรื่องของคนส่วนน้อยของประเทศนี้ ใครมีวัตถุในครอบครองมากกว่า เราก็คิดกันว่าคนๆนั้น ต้องมีความสุขมากกว่า

แต่ถ้าใจเราพอ... แม้สิ่งนั้นจะเป็นเพียงสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด แต่มันอาจจะให้ความสุข ที่มีปริมาณยิ่งใหญ่ที่สุดก็เป็นได้ ฉะนั้นความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดวัตถุที่เราครอบครอง ความสุขไม่ได้ขึ้นกับปริมาณของวัตถุ ความสุขอยู่ตรงไหน เราละเมียดละไมที่จะมองหาไหม

ทุกๆ มุมของโลกนี้ ล้วนแล้วแต่มีความสุข แฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่..การมองเห็นความสุขของคนอื่นนั้นไม่สำคัญ “สำคัญอยู่ที่ว่าเรามองเห็นความสุขที่ตัวเราไหม ความสุขที่แท้จริงนั้น จะต้องเกิดจากการก้าวขึ้นมา พ้นจากการเปรียบเทียบคนอื่น ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งนั้นหรือเรื่องนั้น นั้นแหละจะทำให้เรารู้จักพอ”

... "ใจที่รู้จักพอนั้นแหละ เป็นใจที่มีความสุข"

 ขอบคุณคุณหนึ่งครับ

และขออนุโมทนาสาธุที่สรรหา

คติธรรมที่ฟังง่าย จำง่าย กินใจ

เหมาะมากเลยครับ

สำหรับคนใกล้ตัว  คนไกลตัว

คนห่างตัว    คนข้างตัว

คนคู่ตัว และก็ตัวเรานี่แหละ

เหมาะจริงจริ้ง  สาธุ

 บุญ 10 อย่าง