ReadyPlanet.com


กำลังใจยามท้อแท้...ชีวิต


 พอดีไปอ่านเจอมาจากเว็บเด็กดีค่ะ 

รู้สึกโดนใจมากๆ เลยนำมาให้อ่านกัน

หวังว่าจะช่วยให้คนที่กำลังท้อแท้ มีกำลังใจ

ขึ้นมาบ้างนะคะ

--------------------------------

 

คุณเคยรู้สึกไหม ว่าชีวิตช่างลำบาก

คุณไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างที่เป็นอยู่

คุณรู้สึกว่าชีวิตนั้น เป็นทุกข์

อาชีพการงานไม่ได้ดั่งใจ อะไร ๆ ก็ผิดพลาดไปหมด ?

เรื่องราวต่อไปนี้

อาจจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่คุณมีต่อชีวิตคุณได้

ผมสนทนากับเพื่อนคนหนึ่ง

ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานสองอย่าง

รายได้แต่ละเดือนหักลบรายจ่ายแล้วยังเหลือแค่พันกว่า

แต่เขาก็มีความสุขมากแล้ว

ผมแปลกใจมากที่เขามีความสุขขนาดนั้น

เพราะเขามีรายได้น้อย ต้องประหยัดมัธยัสถ์

จึงจะพอมีเหลือเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่สูงอายุ

พ่อตาแม่ยายภรรยาและลูกสาวอีกสองคน

ไหนจะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จุกจิกภายในครอบครัว


เขาอธิบายให้ฟังว่า

เป็นเพราะหลายปีก่อนเขาได้เห็นเหตุการณ์บางอย่าง

ที่ประเทศอินเดีย

ขณะนั้นเขาประสบปัญหาที่สาหัสมากสภาพจิตใจตกต่ำ

จึงไปเที่ยวอินเดียเพื่อให้สบายใจขึ้น เขาได้เห็นกับตา

ผู้หญิงชาวอินเดียคนหนึ่ง

ถือมีดอีโต้ตัดแขนขวาของลูกตัวเอง

สายตาที่หมดหวังของผู้หญิงคนนั้น

และเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเด็กอายุสี่ขวบ

จนบัดนี้....ยังวนเวียนอยู่ในใจเขามิรู้ลืม

คุณอาจจะถามว่า

ทำไมแม่คนนั้นจึงต้องทำเช่นนี้ ?

เป็นเพราะลูกของเธอซุกซนเกินไปหรือเปล่า?

หรือเป็นเพราะแขนของเด็กติดเชื้อ ?

แต่ไม่ใช่....

แม่ผู้สิ้นหวังคนนั้นจงใจทำให้ลูกตัวเองพิการ

เพื่อเขาสามารถออกขอทานตามท้องถนนได้

เพื่อนของผมคนนี้ตกใจแทบช๊อก

ขนมปังในมือของเขาที่เพิ่งกินได้ครึ่งก้อนตกหล่นลงพื้น

ทันทีทันใดก็มีเด็ก ๆ

ห้าหกคนกรูกันเข้ามา แย่งชิงขนมปังที่เลอะทรายบนพื้น

เหมือนกับปฏิกิริยาอัตโนมัติเวลาผจญกับความหิวโหย


เขาตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว 

และร้องบอกให้ไกด์ขับรถพาเขาไปยังร้านขนมปังที่ใกล้ที่สุด

เขาเข้าไปในสองร้านของละแวกนั้น

ขอซื้อขนมปังทั้งหมดในร้าน

เจ้าของร้านขนมปังแปลกใจมาก

แต่ก็ยินดีขายขนมปังทั้งหมดให้เขา

เขาใช้เงินทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งร้อยเหรียญ

ซื้อขนมปังมาประมาณสี่ร้อยกว่าก้อน

(ตกก้อนละไม่ถึง 25 เซน)

แล้วใช้อีกหนึ่งร้อยเหรียญซื้อของใช้ประจำวันและแล้ว

เขาก็นั่งบนรถบรรทุกที่บรรทุกขนมปังไว้เต็มคันรถ

ขับไปบนถนน

ขณะที่เขาแจกจ่ายขนมปังและของใช้ประจำวันให้กับเด็ก ๆ

ซึ่งพิการเป็นส่วนใหญ่นั้นพวกเขาล้วนโค้งคำนับให้ด้วยความดีใจ

นั่นเองเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดได้ว่า

"ทำไมคนเราจึงสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีของตนเอง

เพียงเพื่อชิ้นขนมปังราคาไม่ถึง 25 เซน?"



เขาเริ่มบอกตนเองว่าตนเองนั้นโชคดีแค่ไหน

เขามีร่างกายครบสามสิบสอง

มีอาชีพการงานมีครอบครัว

มีโอกาสบ่นว่าอาหารชิ้นไหนดี อาหารชิ้นไหนไม่อร่อย

มีโอกาสสวมใส่เสื้อผ้า มีโอกาสครอบครองสิ่งของมากมาย

ที่คนเหล่านี้ไม่มี ตอนนี้

ผมเริ่มคิดได้และตระหนักได้ว่า

ชีวิตของผมมันย่ำแย่จริงหรือ?

บางทีมันอาจไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้นก็ได้


คุณละ...บางทีเมื่อครั้งหน้าคุณรู้สึกว่าชีวิตของตนกำลังย่ำแย่

ลองคิดถึงเด็กคนที่ต้องเสียแขนเพื่อเป็นขอทานคนนั้นดูสิ !!!

"ความรู้สึกพอ"

ไม่ใช่มาจากการเติมเต็มสิ่งที่คุณต้องการ

แต่มาจากการตระหนักว่าคุณมีมากมาย

และเพียงพอ

เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง


ประตูอีกบานหนึ่งก็จะเปิดออกเสมอ


แต่บ่อยครั้งเรามัวแต่จ้องบานประตูที่ปิดลงเท่านั้น

ไม่ได้สังเกตเห็นประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดออกเพื่อเรา

 

จริงอยู่...พวกเรามักจะรู้ว่าตนเองมี ก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมัน

แต่พวกเราก็ต้องคอยจนกว่าของสิ่งนั้นมาถึง

จึงจะรู้ตัวว่าเราไม่มีมัน


การมอบความรักทั้งหมดให้กับผู้อื่น

มิได้หมายความว่าเราจะได้รับความรักตอบกลับมา

อย่างเท่าเทียมกัน

อย่าหวังว่ารักผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะรักตอบ

จงสนใจแค่ให้ความรักนั้นเติบโตขึ้นในใจพวกเขา

แต่ถ้าไม่เติบโตขึ้นเลย

ก็จงพอใจกับความรักที่เติบโตขึ้นในใจของคุณเอง

หนึ่งนาทีจึงจะทำลายคน ๆ หนึ่งได้

หนึ่งชั่วโมงจึงจะชอบคน ๆ หนึ่งได้

หนึ่งวันจึงจะรักคน ๆ หนึ่งได้

แต่ต้องใช้เวลาตลอดชั่วชีวิต จึงจะลืมคน ๆ หนึ่งได้

จงอย่ามองเพียงรูปภายนอก

เพราะสักวันมันจะหลอกคุณ


จงอย่ามองแค่ความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ

เพราะสักวันมันจะซีดจางลง


หาใครสักคนที่ยิ้มให้คุณ

เพราะเมื่อมีร้อยยิ้ม จะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น


หาใครสักคนที่ทำให้คุณอมยิ้มได้จากใจจริง

บางครั้งเมื่อคุณคิดถึงใครสักคน


ความคิดถึงนั้นอาจถึงขั้น

ให้คุณคว้าตัวเขาออกมาจากความฝัน

โอบกอดตัวเขาเอาไว้

ไล่ตามความฝันของคุณเอง

ไปยังที่ ๆ คุณอยากไป เป็นอย่างคนที่คุณอยากเป็น


เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว

ซึ่งหมายถึงมีเพียงโอกาสเดียว

ในการทำสิ่งที่คุณอยากทำ

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ กรภัทร์ อคะรินทร์ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-13 05:13:18


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1634305)

ขอบคุณ คุณ กรภัทร์

ที่นำบทความดีๆมาแบ่งปัน

กับพวกเราด้วยนะคะ

 

เพราะอ่านแล้วนอกจากจะได้กำลังใจแล้ว

ยังทำให้เราเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับ

สิ่งต่างๆรอบๆตัวได้ดีขึ้นเยอะทีเดียว

 

แต่เรื่องประเทศอินเดียเนี่ย

เมื่อก่อนชนิดาก็เคยสงสัยนะว่า

ทำไมช่วงหลังๆถึงได้กลายเป็น

ประเทศท่องเที่ยวสุดฮิต

ประเทศหนึ่งเลยทีเดียว

 

คือส่วนหนึ่งก็พอจะเข้าใจว่า

เป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์

เพราะเป็นแผ่นดินเกิดของพระพุทธองค์

และดินแดนต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนา

 

แต่พอได้ดูรายการสารคดีต่างๆ

เกี่ยวกับประเทศนี้แล้ว

ต้องบอกว่า สภาพชีวิตความเป็นอยู่

ของคนส่วนใหญ่ที่นั่น

 

ทำให้พวกเราเข้าใจ"อริยสัจสี่" ได้ดีทีเดียว

เพราะเห็น"ความทุกข์"ของการมีชีวิตอยู่

ได้อย่างชัดเจนที่สุดเลยล่ะ


เคยคุยกับคนที่มาเป็น"ล่าม"

แปลอังกฤษ..เป็นภาษาโปแลนด์

ให้ชนิดา คนนึง

 

เค้าบอกเค้าเคยไปเที่ยวอินเดีย

แล้วเค้าก็บอกคล้ายๆเจ้าของบทความเลย

 

คือพอกลับมาโปแลนด์แล้ว

รู้สึกพอใจและดีใจกับชีวิตที่เป็นอยู่นี้

ขึ้นเย๊อะ..เลย

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-13 23:51:32


ความคิดเห็นที่ 2 (1634772)

        

            ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาบุญกับคุณ คุณกรภัทร์ อคะลินทร์              ที่นำบทคความนี้มาสอน            

ให้รู้จักพอเพียงกับความสุขก็จะเกิดขึ้น   ผมก็ขอนำคำสอนขององค์สมเด็จพระ

สัมพุทธเจ้า จากที่ หลวงพ่อฤาษี   ลิงดำ   ขอมาเพิ่มเติมด้วยนะครับ.

 

 

            เกิดเป็นมนุษย์ ต้องมีทุกข์อยู่ 9 อย่าง คือ                           

                                                        ****   หิว       ******    กระหาย                                             

                                                     ****    ร้อน         *******      หนาว                            

                                                  *****   ปัสสาวะ  ******   อุจาระ       

****                                                          ******   ความเจ็บป่วย ****** ความอยาก                                           

                                                                                 ****** ความตาย.........

          ต้องรู้จักการให้ทาน รักษาศีล 5 + กรรมบถ 10  และพยายามทำความดีละเว้น      

ความชั่ว   ทุกคนก็จะมีความสุขในชีวิต   จะไม่ให้มีทุกข์อีก  โดยการไม่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์  

ต้องทำสมาธิและวิปัสสนา   เห็นสังขารเป็นทุกข์   ไม่ขอมาเกิดเป็นมนุษย์อีก   ก็จะพ้นทุกข์

ต้องไปเกิด    ในเทวโลก   พรหมณ์โลกหรือเข้าสู่พระนิพพาน จึงจะเป็นสุขตลอดไป/

                                                                  *************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-16 17:15:12



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.