ReadyPlanet.com


คิดไม่ดีเพียงเสี้ยววินาที ก็แปลงร่างเป็นเปรต อสูรกาย.ฯลฯได้


ใครที่คิดว่าเรื่อง เปรต สัตว์เดรัจฉาน อสูรกาย หรือ สัตว์นรก

เป็นเรื่องไกลตัวล่ะ็ก็ เราคงต้องทำความเข้าใจใหม่แล้วล่ะค่ะ

เพราะแท้ที่จริงแล้ว แม้เพียงเรามีความคิดไปในทางโลภ โกรธ หลง

กายในของเราก็พร้อมที่จะแปลงร่างไปเป็นสัตว์ไม่ประเสริฐเหล่านั้นเลยทันที 

คือถ้าฟลุ๊คตายในห้วงเวลาของอารมณ์โลภ โกรธ หลงนั้น

ก็จะไปเกิดเป็นเปรต สัตว์เดรัจฉาน ฯลฯ ได้ในทันทีเช่นกัน

 

ชนิดาไปอ่านเจอ เรื่องเล่าของกลุ่มคนตาทิพย์ ที่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้

ได้เป็นอย่างดี และทำให้เราสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนมากๆ

ซึ่งผู้เ่ล่าเอง ก็เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของท่านหลวงฤาษีลิงดำเช่นกัน

สไตล์การเขียนก็สนุก น่าสนใจ ลองติดตามอ่านดูนะคะ

 

ขออนุโมทนากับธรรมทานที่ยิ่งใหญ่นี้ แก่ท่านพี่ ชยามารุติ ด้วยนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ...

 



ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-02-27 06:03:46


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1533557)

....กายทิพย์ของคน ขึ้นอยู่กับการทรงอารมณ์ปัจจุบัน....



ก็เป็นอันว่าผมรอดตายจากการผ่าตัด
โดยที่ถุงน้ำดีไม่แตกครับ แสดงว่า เบื้องบนรับทราบคำ
อธิฐานของผม หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาถึงบ้าน
ผมก็ได้เข้าสมาธิอธิฐานจิต ขอต่ออายุตัวเอง
ต่อหน้ารูปภาพของสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง
ซึ่งภาพนี้สวยจับใจมา ผมติดภาพนี้ไว้ที่ทีในห้องนอนผมเลย
ตรงเหนือโต๊ะที่ทำงานของผม ชีวิตของผม
มอบให้ท่านไปแล้ว จะเป็นจะตาย ให้ท่านพิจรณาเลย
ถ้าเห็นว่า ทำชั่ว อยู่ไปไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ต้องให้อยู่
(ถ้าเป็นอย่างนั้นผมเองก็ไม่อยากอยู่ ๆ แล้วครับ )
ถ้าอยู่แล้วมีประโยชน์ ก็ขอให้ได้อยู่ทำประโยชน์ต่อไป



.....หลังจากการผ่าตัดมา ผมเองก็ได้ทำเพลง เพื่อชาติ
เพื่่อแผ่นดิน ออกมามากมาย เพลงบทสวดก็ได้ทำ
เพลงเทิดพระเกียรติ ก็ทำมาโดยตลอด ซึ่งเพลงเหล่านี่
ก่อนการผ่าตัด ไม่เคยทำมาก่อนเลยครับ
นั่นแสดงว่า ท่านให้ผมอยู่ทำงานแบบนี้ครับ
ทำก็ได้รางวัลต่าง ๆ มามากมาย และปีนี้ก็ได้รางวัลสุงสุด
คือ รางวัลพระพิฆเนตทองพระราชทานจาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึง 2 รางวัล


.....ในด้านอื่น ผมก็ได้รู้จักกลุ่มเขากะลา
ซึ่งก็มีชาวชมรมคนตาทิพย์หลายท่านเป็นสมาชิกอยู่
ผมก็ได้ไปช่วยงานตามแต่โอกาศ และผมก็คิดว่า
นี่ก็คงเป็นงานที่ได้รับมอบมาจากเบื้องบนเช่นกัน
และที่สำคัญ ผมได้ช่วยงาน อ. อาชวิน จัดงาน
มินิมหกรรมพลังจิต ถึง 5 ครั้ง ผมเข้าร่วมกิจกรรมทุก
ครั้งไม่ขาด
งานนี้ ผมทำด้วยความเต็มใจเสียสละ เพราะเห็นว่า
มีประโยชน์หลายอย่าง คือ

ประโยชน์ท่าน ก็คือ
ได้กระตุ้นการปฎิบัติธรรมของผู้อื่น เป็นการรวบรวม
นักปฎิบัติให้เป็นกลุ่มก้อน แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ก็ประสพผลสำเร็จด้วยดี

...ประโยชน์ตน ก่อนที่จะไปแนะนำคนอื่นในเรื่อง
ต่าง ๆ ตัวเองก็ต้องรู้ต้องเข้าใจก่อน ทำให้ผม
ต้องเคร่งครัดและเร่งรัดการปฎิบัติอีกครั้ง
และทุกทีที่มีงาน ผมต้องปฎิบัติจนให้เกิดทิพย์จักขุญาณ
กลับมา มิฉะนั้นจะเอาตัวไม่รอดครับ เพราะผู้มาในงานนั้น
เป็นผุ้ปฎิบัติ และบางท่านได้อภิญญาด้วย
ถ้าทำไม่ได้แล้วมาสอนคนอื่นนี่น่าอายน่ะครับ


..เช้าวันนี้ ผมก็เปิด mp-3 ของหลวงพ่อฟัง
(เปิดแทบทุกวันครับ) เรื่องการทรงอารมณ์ของ พระโสดาบัน
ว่า พระโสดาบัน นี่ เป็น เทวดา ตั้งแต่ยังไม่ตาย......
...ตามหัวข้อที่ได้ขึ้นไว้ด้านบนคือ...กายทิพย์ของคน
ขึ้นอยู่กับการทรงอารมณ์ปัจจุบัน..ผมกำลังจะเล่าว่า
ถ้าตรงข้ามกัน ทรงอารมณ์โกรธไว้ทั้งวัน ก็เป็นอสุรกาย
ตั้งแต่ยังไม่ตายได้เหมือนกัน
..นี่ ผมก็เพิ่งนึกถึงเหตุการณ์
ในงาน มินิมหกรรมทางจิตได้อีกเรื่องหนึ่ง ..
...ในงานผมได้รู้จักคน ๆ หนึ่ง ผมสมมุติว่า ชื่อ ส ก็แล้ว
กันครับ ส ก็เป็นสมาชิคคนหนึ่งของเว็ปพลังจิตด้วยครับ
และได้เขียนกระทู้ในห้องวิทย์ อยู่หลายกระทู้เหมือนกัน
ส เป็นคนที่ มั่นใจในตัวเองสูงมาก ชอบ ลองดีคนอื่น
ว่าคนอื่นจะเก่งเหมือตัวเองหรือเปล่า เค้าบอก
เค้าเป็นนักสกดจิต สามารถสกดจิตนักมวย ที่ไม่เก่งให้
ชนะคนเก่งกว่ามาแล้ว ซึ่งผมก็แค่รับฟังไว้ ไม่ได้เชื่อ
อะไรมากมาย แต่ก็เป็นแค่การคุยกันผ่านกระทู้เท่านั้น
ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน และได้มาเจอตัวจริง
กันในงาน มินิ นี่ล่ะครับ ทำให้ผมรู้ว่า เค้าก็มีดี
สมกับที่เค้ามั่นใจในตัวเองเหมือนกัน



.......เช้าวันนั้นในงาน มินิ ผมก็ทักทายผุ้คนตามปกติ
ที่สามารถทักทายรู้จักกันได้ก็เพราะจะมีป้ายชื่อ
ที่ใช้ชื่อในเว็ป กันทุกคนครับ และในขณะที่ผม กำลัง
สอนน้อง ๆ ที่ฝึกตาที่สามโดย ให้ คนที่มาในงาน เป็น
นายแบบให้ ผู้ฝึกดูออร่า ดูกายทิพย์อยู่ ส ก็เข้ามา
ทักทายผม ผมก็ทักทายไปตามมารยาท คุยกันได้ซักพัก
เค้าก็อาสาเป็นนายแบบให้ ผู้ฝึกตาที่สาม
ดูกายใน และออร่า ผมก็ยินดี



เมื่อ ส ไปยืนที่ฉากสีขาว ผมและนักศึกษาวิชาตาที่สาม
ก็ตกใจ ส . มีกายในสีขาว แต่ที่ไม่เหมือนคนอื่น
ก็คือ ตรงหน้าพาก มีสามเหลี่ยมปีรามิด
อย่างเห็นได้ชัด และทุกคนเห็นเหมือนกันหมด
โดยที่ลูกลิง ตาไวกว่าเพื่อน ๆ เห็นก่อนใคร
แต่ผมน่ะเห็นกายทิพย์ของเค้าเป็นสีขาว
ตั้งแต่ ส เข้ามาทักผมแล้ว แต่ผมเห็นแล้วก็เฉย ๆ
ไม่ได้บอก เพราะไม่ได้มีใครถาม จนเค้าอาสานี่ล่ะครับ
ทุกคนถึงได้เห็น และเห็นว่ามีสามเหลี่ยมปีรามิดอยู่บนหัว


............ส เค้า เป็นคนเก่ามาจาก แอทแลนตีสมาเกิดครับ
ผมเห็นคนมีแบบนี้กันหลายคน ในกลุ่มเขากะลา
ก็มีหลายคน.........จากการที่มีการฮือฮา ว่
าเห็นปีรามิดบนหัว( ซึ่ง ส เอง ก็คงไม่รู้ว่าก่อน)
ก็ยิ่งทำให้ ส มี ท่าที มั่นใจในตัวเอง ขึ้นไปอีก
สังเกตุได้จากคำพูดคำจา ที่ หลังจากนั้นได้มาคุยกับผมต่อ
ส เค้าเข้ามาคุยกับผมว่า เค้าฝึกวิชาสกดจิตมาจาก
เมืองนอก แล้วคุณ ชยา ล่ะ ฝึกอะไรมาบ้าง
ผมก็ตอบไปตามความจริง ว่า ฝึกนั่งสมาธิตามคู่มือ
พระกรรมฐานของหลวงปู่มั่นด้วยตนเอง แล้ว
มาฝึกมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษี ที่ซอยสายลม
เค้าก็บอกว่า มโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษีหรือ
ผมว่ามันใช่ไม่ได้หรอกวิชานี่นึกเอาทั้งนั้น



............ท่านผู้อ่านครับ วินาทีนั้นเอง กายทิพย์ของ
ส. (ชึ่งผมเห็นทุละกายเนื้อเค้าอยู่ตลอดเวลา)
ก็ค่อย ๆ หมองลง จนกลายเป็นสีดำ และเปลี่ยนรูปร่าง
เป็นอสูรกาย ดำทมึนทั้งตัว น่าเกลียดน่ากลัว

จนผมต้องถอยออกมา 2-3 ก้าว และก็ขอตัวไปทำ
อย่างอื่น.........นี่เป็นกรรมหนักน่ะครับ ที่ ปรามาส
พระอริยเจ้า หลวงพ่อท่านนิพพานไปเป็นสิบปี

ผมยกท่านไว้เหนือเศียร เหนือเกล้า มีคนมาปรามาสหลวงพ่อ
เราก็มีอารมณ์เหมือนกันน่ะ แต่ไม่ต้องไปทำอะไรหรอก
ครับ กรรมของเค้าเค้ารับไปเอง แต่ถ้า ส เค้า
เกิดอะไรตายไปในตอนนั้นน่ะ เค้าก็จะตายไปเป็น
อสุรกายทันที่ ตามอารมณ์จิตตรงนั้นของเค้าทันที


........เรื่องนี้มีตัวอย่างเรื่องที่ สอง เอ วิวัฒน์
ก็เป็นผุ้ฝึกตาที่สามที่ตาดีอีกคนหนึ่งเคยมาเล่าให้ผมฟังว่า
เมื่อตอนทำได้ใหม่ๆ ก็ชอบดูกายคนโน้นคนนี้ เหมือนกัน
มีวันหนึ่ง ได้ไปนั่งกินเข้ามันไก่ ได้สังเกตุเห็น
แม่ค้าข้าวมันทะเลาะกับสามีมาขายของ สับไก่ไปด้วย
ปากก็ด่าสามีไปด้วย
ไก่ที่สับแทบจะกระเด็นตกเขียง
เอ วิวัฒน์ ก็สงสัยขึ้นมาว่า เธอทรงอารมณ์แบบนี้
กายทิพย์จะเป็นยังไง ก็ได้ใช้ตาที่สามดู
ปรากฎเห็นเป็นอสุรกายหางยาวตัวดำสับไก่แทนเธออยู่



....กายทิพย์ของคนเรา ก็เปลี่ยนไปตาอารมณ์ที่เราทรงในแต่ล่ะขณะ
ลองคิดดูเอาเถอะครับว่า วัน ๆ หนึ่งกายทิพย์เราเปลี่ยนไปกี่อย่าง



.......มาดูตัวอย่างที่ดีบ้างน่ะครับ มีัอยู่วันหนึ่งด้วยว่า
ผมถวายสังฆทานที่ซอยสายลมไม่ทัน เสาร์ต่อมาผมก็จะ
ขับรถมาถวายที่ วัดท่าซุงเลยครับ เป็นอย่างนี้อยู่บ่อย ๆ
และวันนี้ก็เช่นกัน ก็ขับรถมาที่วัดเลยครับ
หลังจากถวายสังฆทานแล้ว ผมก็มักจะ
มานั่งสมาธิอยู่ต่อหน้าพระพุทธชินราช ที่วิหารแก้ว 100เมตร
นั่นล่ะครับ นั่งซัก 15 นาที ก็คลายสมาธิครับ
เพราะว่ามีคนมานั่งกันมาก ก็แบ่ง ๆ กันไป
ก็เตรียมตัวออกจากวิหารแก้ว ตอนที่ผมเดินลงมาจาก
วิหารแก้ว กำลังจะถึงประตู ผมก็เห็นหญิงสาว 2 คน
แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา หน้าตาน่ารัก เดินมากำลังจะถึง
ประตูใหญ่ของวิหารแก้ว เอาอีกแล้วครับ
นิสัยไม่ดีของผม ก็นึกอยากเห็นกายทิพย์ของน้องทั้ง
สองเค้าทันที ก็ ใช้ตาที่สามดูทันที


...... ก็เห็นเป็นเทวดา 2 องค์เดินมา มีเครื่องทรง มีชฎา อะร่าอร่ามแพรวพราว
สวยงาม เห็นแล้วก็คลายจิตออกมาก็เห็นเป็นน้องเค้าเค้าตามเดิม

นี่ล่ะครับท่านผุ้อ่าน คนที่เค้าจะ
ไปทำบุญนี่ จิตเป็นเทวดาน่ะครับ ฉะนั้น 2 สาวนี่
ถ้าบังเอิญตายตอนนี้พอดี นี่ ไปเป็น เทวดา ทันทีเหมือนกันครับ




......ในวันหนึ่ง ๆ คนเราสามารถทรงอารมณ์ตั้งแต่ พรหม
จนถึงสัตว์นรกได้เลยน่ะครับ

ถ้าคนไหนเข้าสมาธิอยู่ ก็ทรงอารมณ์ของพรหมอยุ่
ถ้า กำลัง ตีพ่อตีแม่ ขอเงินไม่ได้ก็ทำร้ายท่านอยุ่
นี่ ก็ทรงอารมณ์สัตว์นรกอยู่ ฉะนั้น ท่านผุ้อ่านครับ
เราไม่รู้ว่าเราจะตายตอนไหน เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร
อย่าประมาท ให้ทรงพรหมวิหารเอาไว้ตลอด
หากพลาดพลั้งตาย ก็เป็นเทวดา หากทรงฌาณด้วย
ก็ไปเป็นพรหม ...


..ท่านผู้อ่านอยากเป็นอะไร ก็เลือกทรงอารมณ์ เอากันตามสบายครับ

ที่มาข้อมูล http://ufokaokala.com/index.php?topic=90.165

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-02-27 06:13:35


ความคิดเห็นที่ 2 (1533564)

อนุโมทนาค่ะ

คุณชนิดา ณ โปแลนด์

ตอนนี้เบื้องบนกำลังเลือกสาวกของท่าน

เลือกคนที่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นผู้นำ

แนวร่วมการกอบกู้โลกใบนี้

 

ซึ่งยิ่งใหญ่มากพอพอกับ

การกอบกู้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

โดยคุณสมบัติที่เบื้องบนเลือกนั้นก็คือ ให้ดู

คุณสมบัติตามที่ อ.อุบล บอกไว้ใน

กระทู้

ใครจะได้ไปบ้านสวนพีระมิดอีกต่อไป

เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณจะเป็นผู้เลือกเอง

ความเห็นที่ 17-36

ให้อ่าน 99 รอบ แล้วคิด จำ ทำได้

ก็จะได้รับเลือกให้เป็น

ผู้นำ

และ

หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญนั้นก็คือ

การทรงอารมณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

ของคน คนนั้น

ว่ายังมีความ มัว และ เมา

ใน

รัก  โลก  โกรธ  หลง

(โดยเฉพาะหลงตัวเอง)

อยู่หรือไม่ 

 

ถ้ายังมีแม้แต่น้อย

ก็คงห่างไกลการเป็นผู้นำ

ถ้าทางโลกเรียกว่า ขาดภาวะผู้นำ

 

และ

ท่านดู

องค์กรหน่วยเล็กสุดก่อน

คือ

ครอบครัว

 

ถ้ายังไม่สามารถ

สร้างความนับถือ ศรัทธา

ให้คนในครอบครัวได้ โดย

ไม่ใช้วิธีบังคับ

ใช้คุณไสย์มนต์ดำ ครอบงำให้หลงผิด

ใจมืดบอด ยังโกรธ ยังสงสัย

ความดีครูบาอาจารย์

ฯลฯ

แต่ไปเที่ยวหาครูไม่หยุด

หาครูดีแต่ไม่ทำตามครู จะให้แต่ครูทำให้

 

ไม่เคยพบ

พระพุทธองค์

 

ไม่ยึดมั่น ไม่เชื่อมั่นใน

พระพุทธองค์

 

ท่านจึงบอกให้ไปทบทวนทั้งหลายทั้งปวงนี้ก่อน

จึงค่อยคิดเป็นผู้นำคนนอกบ้าน

คนหมู่มาก คน....ทั้ง...

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด วันที่ตอบ 2011-02-27 09:40:05


ความคิดเห็นที่ 3 (1533584)

ขออนุโมทนาบุญ

อย่างสูงเลยค่ะ พี่ชนิดา

และคุณแม่ อ.อุบล เกดขอน้อมรับ

คำสั่งสอนที่ดีๆ นี้ไปตลอดค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ๊กตาฝน (tee-ged-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-02-27 11:39:07


ความคิดเห็นที่ 4 (1533586)

ขอบพระคุณพี่ชนิดาที่หาบทความดี ๆ มาแบ่งปันคะ

ขอโมทนาด้วยคะ

และกราบอ.อุบลในคำสอนคะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2011-02-27 11:51:42


ความคิดเห็นที่ 5 (1533617)

 

กราบขอบพระคุณเบื้องบนทุกๆพระองค์และท่านอ.อุบล ที่มาช่วยร่อนตะแกรงอีกครั้ง

ให้จิตที่ยังหมองๆ มัวๆอยู่ ได้รับการขัดเกลายิ่งๆขึ้นไปอีก..

มันคงจะไม่ใ่ช่เวลาที่่จะบอกตัวเองว่า "ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง" แล้วนะคะ

ทั้งๆที่ความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น แต่"เราทุกคน" ต้องบอกตัวเองเสมอว่า

เรา ต้องทำให้ได้(ตลอดเวลา) ไม่งั้นก็เหมือนกับเราประมาทเปิดช่องทาง

ให้กิเลส เข้ามาครอบงำเราได้ง่ายๆเช่นกัน

 

ฉะนั้น ใจที่มันฟุ้งซ่าน ก็เหมือนกับเม็ดข้าวโพดที่ถูกกระตุ้นด้วยความร้อนของกิเลส

กลายเป็นข้าวโพดคั่วที่พุ่งกระจายเลอะเทอะพื้นครัวไปหมด

แต่ถ้าเรารู้เท่าทัน และ รู้จักป้องกัน หาภาชนะมาครอบข้าวโพดจอมฟุ้งซ่านนั้นซะ

เพื่อจะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่น

ก็เหมือนกับเราพยายามสร้างรั้วกั้นใจไม่ให้ส่งจิตออกนอก

และสร้างรั้วกั้น"กิเลส" ให้เข้ามาครอบงำจิตใจเราได้

ฉะนั้น การมีสติ และ สมาธิ จึงเป็นจุดเริ่มต้นทีสำคัญที่เราทุกคนควรจะตั้งใจฝึกกันอย่างจริงๆจังๆ

ถ้าคิดว่ามันยากและไกลตัว ก็หาำคำภาวนาสั้นๆ มาภาวนาในใจตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้

เมื่อทำจนชิน ต่อไป..จิต(ใต้สำนึกหรือ ไ้ร้สำนึก)จะท่องไปเองโดยอัตโนมัติ

แม้กระทั่งเราเองก็อาจจะไม่รู้ตัวก็ได้...

 

และในโอกาสนี้ ชนิดาขออนุญาตเขียนกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ที่เขียนธรรมทานที่ยิ่งใหญ่

ให้ชนิดาได้ติดตามอ่านและศึกษามาโดยตลอด เพราะหลายๆครั้งที่ชนิดาเขียนอะไรก็ตาม

มักจะมาจากคำสอนของอาจารย์หลายๆท่าน แต่ชนิดาอาจจะไม่ได้ให้เครดิตขอบคุณเป็นพิเศษทุกครั้ง

เพราะอ่านมาเยอะ หลายๆอย่างมันฝังอยู่ในหัว แล้วก็ถูกนำมาใช้เมื่อถึงเวลาจำเป็นตามเหตุและปัจจัย

ใครๆอาจจะมองว่า ชนิดาเลิศซะไม่มี ที่แท้ก็อ่านมาทั้งสิ้น เพราะตัวเองยังชั่วโมงบินน้อย

ปฏิบัติน้อย ความเพียรก็น้อย.. 

 

ฉะนั้น ถ้าทุกอย่างที่่ชนิดาเขียน แล้วพอจะเป็นกุศลและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน

ชนิดาขอยกบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลนี้แก่อาจารย์ทุกๆท่าน

โดยมี อ.อุบล อ.มงคล ศุภาเดชาภรณ์ แห่งบ้านสวนพีระมิด

อาจารย์สามตา อ.สุวิ อ.บาส และท่านพี่ชยาฯแห่งเว็บพลังจิต

อ.เมาท์ อ.จักษ์ อ.สุดใจอ.ไก่ แห่งเว็บเขากะลา

และครูบาอาจารย์ทุกๆท่านที่ชนิดาไม่ได้เอ่ยนาม...

เพราะคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ไม่ว่าจะถูกนำมาถ่ายทอดโดยผู้ใด

ที่มีความคิดเห็นที่ถูกต้องและถูกตรง โดยไม่มีอวิชชาครอบงำ

คำสอนนั้นก็เป็น สัจธรรมที่ล้ำลึกและล้ำค่า ควรที่จะนำไปปฏิบัติ ทั้งสิ้น..

แต่ถ้าสิ่งใดที่ชนิดาเขียน อาจจะทำให้เกิดความเ่ข้่าใจผิด

อาจจะเนื่องมาจากภูมิธรรมที่ยังต่ำต้อยและตีความหมายผิดเพี้ยนไป

ชนิดาต้องกราบขอขมาและขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว...

 

อนุโมทนา......................สาธุ สาธุ สาธุ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-02-27 19:07:15


ความคิดเห็นที่ 6 (1533682)

 อนุโมทนาบุญกับคุณพี่ชนิดากับเรื่องราวดีๆ ที่นำมาให้อ่านกันนะครับ

ช่วงเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา ท่านอาจารย์อุบลก็ได้กล่าวถึงเรื่องประมาณนี้อยู่เหมือนกัน ผมก็ขอเป็นกระจกเงาบานเล็กๆ ที่อาจจะยังไม่ใสเท่าที่ควรเหมือนกัน แต่ขอสะท้อนเงานี้เพื่อเตือนตัวเองเช่นกันครับ...

ท่านอาจารย์อุบลได้เน้นย้ำเรื่องภาวะการเป็นผู้นำที่มาจากจิตใต้สำนึกที่ต้องการสร้างบริวารให้เป็นคนดีและปกติสุข โดยเริ่มจากครอบครัวตัวเองก่อน ซึ่งหมายรวมถึงพ่อแม่ลูก คู่สามีภรรยาที่ไม่มีทายาท และตัวลูกๆ เอง...การปกครองคนในครอบครัวให้อยู่ดีมีสุข ผู้นำครอบครัวที่ดี ก็ต้องพยายามปกครองด้วยใจเป็นธรรม ในเมื่อเราบอกว่าเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ แต่กลับไปยึดในสิ่งอันเป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ โดยคิดว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถทำให้เราได้เห็นความเป็นไปของบุคคลอื่น และสามารถชี้นำบุคคลอื่น ทำทุกอย่างให้เขาเชื่อในสิ่งที่เราเห็น โดยลืมคิดไปว่าสิ่งที่เราเห็นนั้น มันจริงหรือหลอกเรา แล้วกลับใช้สิ่งเหล่านั้นไปแสวงหาผลประโยชน์เข้าตน หรือแม้กระทั่งการเข้าไปแทรกแซงกรรมของคนอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ตัวเอง...

สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กระทบภาวะการเป็นผู้นำของคนในครอบครัว ซึ่งไม่ต้องมองออกไปสู่ภาวะการเป็นผู้นำนอกบ้านเลย แค่ดูแลคนในบ้านให้มีความสุขก่อนก็ยังยากเลย แล้วเรากลับคิดจะไปแนะนำคนอื่นนอกบ้าน แต่คนในบ้านยังคงทะเลาะเบาะแว้ง ลูกๆ หนักใจ เหนื่อยใจ...แล้วเราจะให้คนภายนอกเชื่อมั่นในตัวเราได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เรากำลังแนะนำคนอื่นนั้น ตัวเราเองกลับยังทำไม่สำเร็จเลย

หันกลับมามองคนในครอบครัวก่อนเป็นหลัก ถ้ายังสร้างให้คนในครอบอยู่ดีมีสุขไม่ได้ ก็ไม่ควรที่จะไปแนะนำคนอื่นให้เชื่อตามเรา ให้เห็นตามเรา หรือเชื่อในสิ่งที่เราเห็นโดยยังพึ่งพิงสิ่งอันเป็นอิทธิฤทธิ์มนต์ดำ ครอบงำคนอื่น แล้วคิดว่าตัวเองเห็นอะไรมากกว่าคนอื่นๆ เก่งกว่าคนอื่นๆ กลับทั้งยังลืมไปว่า ยังมีผู้ที่อยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นอยู่ และคอยดูแลเราไม่ให้หลงผิดอยู่เสมอ นั่นคือ...พระพุทธองค์

ขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ที่คอยเตือนพวกเราอยู่เสมอ ไม่ให้หลงผิดไปในทางมืด สอนพวกเราให้เคารพในตัวเอง เคารพคนในครอบครัว เคารพบุคคลภายนอก และเคารพคนทุกๆ คนด้วยความจริงใจ พร้อมจะช่วยเหลือโดยไม่มีกิเลสใดๆ เข้ามาแซกแซง และยึดหลักพรมวิหารจากภายในจิตใจของตัวเราเอง 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-02-28 09:30:47


ความคิดเห็นที่ 7 (1533697)

 ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ กับธรรมทานที่คุณชนิดานำมาฝากมากๆเลยค่ะ และโมทนา สาธุ สาธุ กับคุณสิทธิ์ด้วยนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พบที่เห็นและได้ยินจากคนรอบข้างต้องดูที่ใจและความคิดเราจริงๆนะคะ  

ผู้แสดงความคิดเห็น นฤชล วันที่ตอบ 2011-02-28 10:53:12


ความคิดเห็นที่ 8 (1533704)

 

ขออนุโมทนา..สาธุ สาธุ สาธุ

กับธรรมทานนี้ค่ะ

ขอคุณพี่ชนิดา .. ที่เปิดกระทู้นี้ค่ะ

********************************

ทุกเสี่ยววินาที่

สิ่งที่ต้องดูแล คือ จิตของเราเอง

ขอน้อมรับเพื่อปฏิบัติ ...

**********************************

ขอขอบพระคุณ

อาจารย์อุบล ที่กรุณา

ย้ำ สั่งสอน เสมอ ๆ มาค่ะ

แต่ว่า

คิดถึงแม่ ... มาก.ก.ก.ก.ก.ก

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-02-28 11:18:31


ความคิดเห็นที่ 9 (1533710)

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์แม่อุบล

และทุกๆท่าน ในธรรมทาน ที่ให้ในครั้งนี้

อ่านคำเตือนของท่านแม่ แล้ว..ทำให้ต้องพิจารณาตัวเอง

ให้หนักและมากกว่าเดิม อีกมากมายเหลือเกิน

พยายามเอากิเลส ความโลภ โมหะ ออกจากใจของตนเอง

ให้หมดให้จงได้ พยายามปล่อยวาง ระลึกถึงความตาย

การจากสิ่งที่เป็นที่รัก ซึ่งเป็นอนิจจัง

ขอบคุณคุณชนิดา คุณสิทธิ์ ที่นำสิ่งที่ดีๆมาบอก..มาเล่า.

มาย้ำเตือน.. ไม่ให้ปล่อยจิต..พลั้งเผลอไปตามอารมภ์ต่ำ

แค่อ่านใจ..ก็รู้สึกได้ถึงความเบาขึ้นมากค่ะ 

สุดของความสุข ที่แท้จริงและยิ่งใหญ่

คือ

คำสอนขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า แน่ แท้เหลือเกิน

อนุโมทนา ด้วยนะคะ

สาธุ สาธุ สธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญ์วิญาณ์ (tata_su22-at-windowslive-dot-com)วันที่ตอบ 2011-02-28 11:41:42


ความคิดเห็นที่ 10 (1533724)

 

            กราบขอบพระคุณอ.อุบลเป็นอย่างสูงและคุณชนิดา

        ที่จิตกำลังเศร้าหมองอยู่ก็ได้ปล่อยวางมากขึ้นค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกไม้ โสวะภาสน์ วันที่ตอบ 2011-02-28 13:42:26


ความคิดเห็นที่ 11 (1533725)

 

            กราบขอบพระคุณอ.อุบลเป็นอย่างสูงและคุณชนิดา

        ที่จิตกำลังเศร้าหมองอยู่ก็ได้ปล่อยวางมากขึ้นค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกไม้ โสวะภาสน์ วันที่ตอบ 2011-02-28 13:42:28


ความคิดเห็นที่ 12 (1533726)

 

            กราบขอบพระคุณอ.อุบลเป็นอย่างสูงและคุณชนิดา

        ที่จิตกำลังเศร้าหมองอยู่ก็ได้ปล่อยวางมากขึ้นค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกไม้ โสวะภาสน์ วันที่ตอบ 2011-02-28 13:42:28


ความคิดเห็นที่ 13 (1533727)

 

            กราบขอบพระคุณอ.อุบลเป็นอย่างสูงและคุณชนิดา

        ที่จิตกำลังเศร้าหมองอยู่ก็ได้ปล่อยวางมากขึ้นค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกไม้ โสวะภาสน์ วันที่ตอบ 2011-02-28 13:42:32


ความคิดเห็นที่ 14 (1533728)

 

            กราบขอบพระคุณอ.อุบลเป็นอย่างสูงและคุณชนิดา

        ที่จิตกำลังเศร้าหมองอยู่ก็ได้ปล่อยวางมากขึ้นค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกไม้ โสวะภาสน์ วันที่ตอบ 2011-02-28 13:42:34


ความคิดเห็นที่ 15 (1533823)

ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งกับข้อความของท่านอ.อุบล

รวมถึงคุณสิทธิ์ คุณแหวน คุณก้อย คุณนฤชล คุณแมว คุณกัญญ์ และคุณดอกไม้ ด้วยนะคะ

โดยเฉพาะคุณดอกไม้ ท่าทางจะ"ปล่อยวาง" ได้มากจริงๆเน้อ เพราะมาทีสี่ครั้งรวดเลย ..ฮิฮิ..

 

ขอบคุณทุกๆท่านนะคะ ที่ำทำหน้าที่เป็น"กระจกเงา"ให้กันและกันอยู่เสมอๆ

เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เรามองเห็นตัวเองได้ชัดเจนและหลากหลายมุมยิ่งๆขึ้น

 

ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียน และช่วยกันสะท้อน"ตัวตน"ของกันแต่ละกัน

 

เป็นทีมเวิร์คที่จะเดินไปด้วยกัน จนถึง"ฝั่ง"ฝันนะคะ..

สาธุ สาธุ สาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-02-28 23:20:14


ความคิดเห็นที่ 16 (1533833)

 

   ขอบคุณมากๆค่ะ      คุณชนิดาสำหรับบทความดีๆ

   ที่นำมาแบ่งปัน ที่อ่านแล้วทำให้มีสติมากขึ้น.... 

   รู้สึกใด้เลยว่าจิตนิ่งขึ้น กราบขอบคุณอาจารย์ที่ให้ข้อธรรม

   เริ่มที่หน่วยเล็กๆ คือที่บ้าน.. เราต้องแก้ที่บ้านเราให้ใด้ก่อน...

   ใด้ข้อคิดมากมาย... และจะนำบทความนี้เผยแพร่ต่อไป

   เผื่อใครอ่่านแล้ว น่าจะใด้สติมากขึ้น

   สำหรับตัวเองแล้ว   โดนใจมากๆค่ะ

   ขอโมทนาบุญกับธรรมทานของคุณชนิดาอีกครั้งนะคะ 

   แล้วมีธรรมทานดีๆนำมาฝากกันอีกนะคะ สาธุ สาธุ....

  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี วันที่ตอบ 2011-03-01 01:33:06


ความคิดเห็นที่ 17 (1533837)

ขออนุโมทนา สาธุ ค่ะ พี่ชนิดา อ่านแล้วนึกถึงเวลานี้ของตัวเองได้ดีทีเดียว ขอบคุณมากค่ะ ที่นำข้อความนี้มาเตือนสติพวกเรา

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิ (magic_women2007-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-01 07:04:33


ความคิดเห็นที่ 18 (1533901)

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกบุญทุกท่านและกราบขอบพระคุณ        อ.อุบลที่เมตตาเตือนสติลูกหลานบ้านสวนทุกคน

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา วันที่ตอบ 2011-03-01 13:03:08


ความคิดเห็นที่ 19 (1540255)
กรรมที่ส่งผลต่อการจุติของจิต



สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน ไม่ได้เข้ามาเขียนกระทู้หลายวัน
(แต่เข้ามาทุกวัน) รู้สึกว่า กระทู้ อารมณ์ปัจจุบันของคน
ขึ้นอยู่กับการทรงอารมณ์ปัจจุบัน นี้รู้สึกเป็นประโยชน์สำหรับ
ผุ้อ่านมาก ก็อยากจะเขียนกระทู้ที่เป็นประโยช์มากกว่า
เรื่องเล่าอีกซักเรื่อง ซึ่ง เรื่องนี้ เป็นเรื่องจาก มีเพื่อนสมาชิกที่
ใกล้ชิดกันท่านหนึ่ง ได้ ส่งข้อความส่วนตัว
มาถามเรื่องน้องสาวที่ได้เีสียชีวิตไป
ผมได้เห็นว่า
เรื่องนี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับ เพื่อน ๆ สมาชิก
และท่านผู้อ่านท่านอื่น ๆ จึงได้ขออนุญาติท่านเจ้าของเรื่อง
นำมาตอบในกระทู้ครับ ข้อความมีดังนี้ครับ



สวัสดีครับพี่ chaya
อ่านเรื่องเล่าของพี่ในคอลัมน์ เรื่องเล่าก่อนนอน
มาถึงตอน..กายทิตย์ของคน
น่าอ่านน่าติดตามมากครับ


พอดีมาคำถามจะสอบถามพี่ครับ
ว่าอย่างกรณีน้องสาวผมชื่อ ....(ขออนุญาติสงวนนามครับ) ........
......... เสียชีวิตเมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา
เธอทานข้าวกลับเพื่อนบ้านเดินมาแต่งตัว
เพื่อจะไปร่วมงานกฐินที่วัด แต่ด้วยโรคหัวใจ
และคืนก่อนล้มในห้องน้ำ ทำให้เธอสิ้นลมไม่ทันได้ร่ำลา

จิตของเธอตอนนี้กำลังตั้งใจจะไปร่วมงาน
เธอน่าจะไปภพภูมิที่สูงขึ้นด้วยไหมครับ

พอดีผมถามอาจารย์ทางจิตท่านหนึ่ง
ท่านบอกน้องสาวผมไปเกิดเป็นนางเหงือก
ด้วยเนื่องจากผลกรรมเก่าที่ฆ่าปลา

อ่านเรื่องของพี่เลยทำให้นึกถึงเรื่องน้องตัวเอง
เลยเข้ามาถามนะครับว่า อย่างนั้นจิตสุดท้ายก่อนหมดลม
ก็ต้องขึ้นอยู่กับผลกรรมด้วยไหมครับ...........





สำหรับเรื่องการออกจากร่างของจิตคนตายนั้น
มีเหตุปัจจัยที่ต้องนำมาคิดด้วยก่อนจะตอบมากมายครับ
แต่จริง ๆ คำถามนี้ ถ้าจะตอบ ว่า ตอนนี้
จิตของน้องสาวไปอยู่ภพภูมิไหนนั้น สำหรับ ท่านที่
เคยฝึก มโนมยิทธิ และได้ญาณ 8 มา แค่เห็นชื่อ
ท่านเหล่านั้นก็ตอบได้แล้วครับว่า ไปอยู่ที่ไหน ..



...แต่ผมจะไม่ตอบแบบนั้นหรอกน่ะครับ
เพราะผมเองนี้ เรื่องของการพยากรณ์นั้น
ผมไม่ค่อยเป็นคนที่มั่นใจในการพยากรณ์ของตัวเองเลย
ถ้าเกิดพยากรณ์ถูก หรื่อถูกใจก็ดีไป ถ้าพยากรณ์ผิด
หรือผิดใจผู้ถามเสียแล้ว ก็รังแต่จะทำให้จิตเศร้าหมอง
กันไปเปล่าว ๆ แต่ผมก็มีวิธีอนุมานเอาตามตำรา
มาตอบให้ได้ครับ ตำรานี้ก็ของพระท่านนั่นล่ะครับ
อาจไม่ถูกต้องตามตำราทุกตัวอักษร
แต่ก็พอที่จะคิดตามได้ดังนี้




กรรมที่จะให้ผลต่อการจุติ(เคลื่อน)ออกจากร่างของจิต ลำดับแรกคือ




1. ครุกรรม เป็นกรรมที่ให้ผลรุนแรงที่สุด
ถ้าใครเคยทำครุกรรมเอาไว้จะให้ผลก่อนเป็นลำดับแรกเลย กรรมชั่ว ก็มี
1 ฆ่าบิดา มารดา
2 ฆ่าพระอรหันต์
3 ทำร้าย พระพุทธเจ้าจนกระทั่งห้อเลือด
4 ทำให้สงฆ์แตกแยก

ทั้ง 4 ข้อเรียกว่า อนันตยกรรม ครุกรรม ในความคิดผม
ผมคิดว่ายังมีตัวอย่างอีกหลายตัวอย่างเช่น นายนันทะ
ข่มขืน อุบลวรรณาเถรี จนสำเร็จ อันนนี้ก็น่าจะเข้าข่าย
ถ้ากรรมของคนปัจจุบันก็ พวก ตัดเศียรพระ นี่ก็หนักมาก
ตอนตาย จิตจะตรงดิ่งไปเป็นสัตว์นรกทันทีโดย
ไม่ผ่านสำนักพยายม


ในความคิดของผม อนันตริยกรรมที่ทำได้ง่ายสุด
และอาจเผลอทำได้ไม่รุ้ตัวก็คือ ทำให้สงฆ์แตกแยก
มีข้อความของหลวงพ่อ พุธ ฐานิโย
ท่านได้เมตตาสอนเรื่องนี้ไว้เตือนใจดีมาก ดังนี้ครับ



/////ระวังนะ เวลาพระวัดใดวัดหนึ่ง
ขัดผลประโยชน์กัน
แตกสามัคคีกัน
ทะเลาะเบาะแว้งกัน
ญาติโยมอย่าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง


เดี๋ยวจะกลายเป็นอนันตริยกรรมไม่รู้ตัว
เช่นอย่าง หลวงพ่อ วัดใต้ หลวงพ่อวัดเหนือ
ต่างก็มีหน้าที่กันเยอะแยะ


ขัดผลประโยชน์กันแล้วก็ไปทะเลาะถีบเถียงกัน
ต่างคนก็ต่างมีลูกศิษย์ทั้งพระ
ทั้งโยมแตกกันเป็นพรรคเป็นพวก
ยกพวกขึ้นมารบกัน



ถ้าพระสงฆ์แตกสามัคคีกันเป็นกลุ่มตั้งแต่ฝ่ายละ ๔ รูปขึ้นไป


นั่นเป็น สังฆเภท


ในเมื่อ สังฆเภทแล้วก็เป็น
อนันตริยกรรม
ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
บาปนัก บาปหนา เพราะฉะนั้น
การกระทำกรรมให้ระวังอนันตริยกรรมให้มากๆ

และอีกอย่างหนึ่งถ้าท่านจะเป็นนักปฏิบัติอย่างแท้จริง..
ท่านอย่าไปถือพวก
ถือพรรค
ถือคณะ
ว่าหมู่เขา หมู่เรา อาจารย์เขา อาจารย์เรา
ขอให้ยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เป็นสรณะที่พึ่ง

ถือพระศาสดาคือพระพุทธเจ้าองค์เดียวเป็นครู
พระสาวกที่เผยแพร่ศาสนาอยู่ในปัจจุบันนี้
ถอดแบบจากพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าทั้งนั้น///////



ส่วนข้อที่ทำยากที่สุด ก็เห็นจะได้แก
ทำให้พระพุทธเจ้า้ห้อเลือด เพราะพระพุทธองค์ปรินิพพาน
แล้ว ไม่มีกายสังขารให้ใครทำร้ายได้
นอกจากพระเทวทัต ได้ทำไปแล้ว
ซึ่งจิตของพระเทวทัตนี้ ก็ตรงดิ่งลงไปที่
อเวจีมหานรก และคงจะอยู่ไปอีกนานมาก ๆ
คำนวนกันเป็นตัวเลขไม่ได้




ทีนี้มาดู ครุกรรมที่เป็นฝ่ายดีกันบ้างครับ


ก็คือ ผู้ที่ได้ ฌาณสมาบัติ ได้แก่
ผู้ที่ได้ รูปฌาณและ อรูปฌาณ และสมาบัติผล
ผู้ที่ได้ ฌาณเพียงแค่ก่อนตายนึกนึกอารมณ์ฌาณ
ก็จุติไปเป็นพรหม ทันทีครับ




กรรมที่ให้ผลลำดับที่ 2 คือ อาสันนกรรม

เป็นกรรมที่ทำในขณะใกล้ตาย ถ้าหากไม่ได้ทำครุกรรมเอาไว้
อาสันนกรรมจะให้ผลเป็นกรรมถัดมาเช่น
กำลังทะเลาะกะเมียอยู่ โมโหจนหัวใจวายตายกระทันหัน
อันนี้ไปเป็นอสุรกาย

เพิ่งไปปล้นเค้ามา
ปรากฎว่ามาถูกตำรวจยิงตาย อันนี้ ก็ลงนรกชัวร์
ในด้านกศล ก็เช่น ในตอนเช้าไปทำบุญที่วัดมา ตอนสาย
ก็ยังปลื้มใจไม่หาย แต่ก็บังเอิญหัวใจวายตาย
อันนี้ ก็ไปสวรรค์ได้เหมือนกัน


อาสันนกรรมนี่ก็คือ ในหัวข้อที่ผมได้เขียนไปครับ คือ
ทรงอารมณ์อะไรอยู่ ก็ไปตามนั้นเลยตามที่ผมได้เขียน
ในกระู้ทู้ที่แล้วนั่นล่ะครับ





กรรมที่ให้ผล ลำดับที่ 3 คือ อาจิณกรรม
เป็นกรรมที่ได้กระทำเป็นประจำซ้ำ ๆ ทุกวัน
หากว่าตอนตาย ไม่ได้ทำ ครุกรรม หรือไม่มีอาสันนกรรม
อาจิณกรรมก็จะส่งผลแทน เช่น พวก ฆ่าวัวฆ่าควาย
เป็นประจำทุกวัน ตอนตายก็โดนแน่ ๆ

อาจิณกรรมนี่แปลกอยู่อย่าง ทำครั้งเดียว
แต่ตามนึกถึงบ่อย ๆ ก็เป็นอาจิณกรรมน่ะครับ เช่น
ในชีวิต เคยขโมยเงิน สมมุติเพียง 1 บาท ก็แทบจะไม่มีค่า
อะไรใช่ไหมครับ แต่บังเอิญว่า ไปเสียใจ นึกถึงเรื่องนี้
ทุกวัน ๆ ๆ จนตายก็ยังนึกเสียใจตามอยู่ อันนี้ ถ้าไม่มี
ครุกรรม หรืออาสันนกรรม ไปต้องไปสำนักพยายม
ได้เหมือนกัน


มันเป็นการอนุโมทนาปาบ และเช่นเดียวกัน
เราได้ทำความดีเพี่ยงครั้งเดียวในชีวิต เช่นเราเป็นคนจน
เคยได้ถวายสังฆทานเพียงครั้งเดียว แต่ตามนึกถึงบุญทุกวัน
บุญนี้ ตอนทำก็ปลื้ม ทำเสร็จ ก็ปลื้ม ถึงจะนานมาแล้ว
แต่ตามนึกนึงทุกวัน ก็ปลื้ม อาการปลื้มนี่ล่ะครับ
เป็นการอิ่มบุญ หรือเรียกว่าตามอนุโมทนาบุญของตัวเอง
เพียงแค่ทำครั้งเดียว ตามนึกถึงก็เป็นอาจิณกรรมได้
ตายแล้วไปสวรรค์ทันที



และอาจิณกรรมมีแปลกอีกอย่าง
ผมยกตัวอย่าง พวก ตีไก่ กัดปลา เช้ามาก็ตีไก่
บ่ายมาก็กัดปลา แม้ไม่ได้เป็นผู้ตีและผู้กัดเอง
แต่การทำทุกวัน พอใจในการตี การกัด ก็เป็นการทำปาบ
และอนุโทนาปาบได้ เวลาตาย ถ้าไม่ีีมี ครุกรรม
อาสันนกรรม ก็ลงนรกไปเหมือนกันครับ




ลำดับที่ 4 กตัดตากรรม กรรมที่สักแต่ว่าทำ เป็นครั้งคราว
เช่น เคยถวายดอกไม้พระเพียงครั้งเีดียว
มีคนมาให้ใส่ซองผ้าป่าก็ใส่ไป เพียงครั้งคราว
ถ้าไม่มีครุกรรม อาสันกรรม หรืออาจิณกรรม
กรรมตัวนี้ถึงจะส่งผล แต่ กตัตตากรรมนี้ ผมคิดว่า
เราชาวพุทธ ต้องได้ทำความดีในพระพุทธศานา
มากกว่าครั้งเดียวแน่นอนครับ


กรรมตัวนี้
น่าจะเป็นพวกชาวต่างชาติต่างศาสนามากกว่า
ที่จับพลัดจับผลูมาได้ทำบุญในศาสนาพุทธเรา
อาจแค่ครั้งเดียว แต่ก็ส่งผลมากกว่า
สิ่งที่เค้าได้ทำมาทั้งชีวิต เพราะทำบุญนอกเขตพระศาสนาพุทธ
นี่ ผลต่างกันมากมายมหาศาลครับ




สำหรับน้องสาว ที่เสียชีวิตไป น่าจะเข้าค่าย อาสันนกรรม
อาสันนกรรมนี้ มิเพียงแต่ว่า เราไปทำบุญมาแล้ว
แล้วมาตายจึงได้กรรมนี้น่ะครับ หากตั้งใจว่า
กำลังจะไปทำบุญ แต่ต้องจะไปจริง ๆ น่ะครับ มีเจตนาจริง
บุญน่ะได้ก่อนตั้งแต่ตั้งเจตนาจะไปทำแล้ว ครับ
เพราะเจตนาเป็นตัวกรรม น้องสาวนี่ เดินมาแต่งตัวจะไป
วัดอยู่แล้วนี้ ได้บุญไปแล้วครับ เป็นตัวอาสันนกรรมอย่าง
แน่นอน ไปสุขติภูมิอย่างแน่นอน




ส่วนที่ บอกว่า เคยฆ่าปลานั้น ต้องดูก่อนว่า
ฆ่าไป เป็นจำนวนเท่าไร ก็คือหนักไม่หนักนั่นเอง
แล้ว ทำเป็นประจำหรือไม่ แล้วตามคิดถึงหรือไม่
หากเคยฆ่าเพียงตัวเดียว นานมาแล้ว
ผมว่าก็จะเป็น กตัตตากรรมไป
หรือถ้าฆ่าเป็นประจำทุกวันเป็นแม่ค้าขายปลา
ก็เป็นอาจิณกรรม หรือฆ่าตัวเดียว แล้วเสียใจตามนึกถึง
ทุกวัน ก็เป็นอาจิณกรรม อาจิณกรรมนี้ก็ยังส่งผล
หลัง อาสันนกรรมครับ ผมคิดว่า น้องสาว ต้องได้รับ
ผลกรรมตัว อาสันนกรรม ด้วยความที่ตั้งใจจะ
ไปทำบุญแน่นอนครับ...............






เพราะฉะนั้นครับที่ผุ้อ่าน ฌาณสมาบัติ การเข้าสมาธิ
การตามนึกถึงความดี การตามนึกถึงบุญ
และการทุกบุญเป็นประจำ เป็นการกระทำที่สมควร
กระทำอย่างยิ่ง
เราไม่รู้หรอกว่า เราจะตายเมื่อไหร่
ความตายไม่มีนิมิตรหมาย ตายเมื่อไร อย่างน้อย ๆ
ก็ปิดอบายภูมิ ผมพูดอย่างนี้ ก็อย่าหาว่าผมมาสอน
หรือคิดว่าผมเป็นพระอริยะเจ้าไปแล้ว .
..ผมก็เหมือน ๆ กับท่านผู้อ่านนั้นล่ะครับ
ที่ยังต้องมุ่งทำความดี แสวงหาดีกันอยู่
ก็ทำได้มั่งไม่ได้มั่งล่ะครับ
ไม่ได้ดีโด่ไปกว่าใครเค้าหรอก วัน ๆ เดินผ่านปากนรก
ไม่รู้กี่ครั้ง ก็ได้แต่พยายามครับ เมื่อใดที่พลั้งเผลอ
ก็รีบดึงสติเข้ามาจับลมหายใจอาณาปาณะสติ
ให้ใจคิดดี ใจคิดดี ปากก็ต้องดี กายก็ต้องดี
แต่ใจนี่มันเผลอได้ครับ ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระโสดาบัน
ก็ยังปิดอบายภูมิไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่า
กรรมดีที่ได้ทำมาทั้งหมดนั้น
จะมาส่งผลให้ในตอนจิตออกจากร่างครับ



โชคดีตอนตายกันทุกท่านน่ะครับ
 
 
 
อนุโมทนาเรื่องเล่าจากพี่ชยา มารุติ ด้วยนะะคะ สาธุ สาธุ สาธุ

ที่มาข้อมูล

http://ufokaokala.com/index.php?topic=90.165

 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2011-04-15 06:34:12


ความคิดเห็นที่ 20 (1540295)

ขอ อนุโมทนา สาธุ ทุกๆประการค่ะ คุณ ชนิดา และทุกๆ ธรรมะทาน จาก ทุกท่าน ค่ะ สาธ สาธุ

  ตัว เรา เอง ก็ จะมี ปัญหา ของจิต เหมือนกัน คือ มันไม่ค่อย จะทรง ตัว เลย ( เกเร) บางวัน ทรงอารมณ์ เบิกบาน อยู่ ดี ดี บางครั้ง ก็ เศร้า หดหู่ เฉยเลย เราก็เลย จับ คำภาวนา ทันที ถ้า รู้ตัว ของจิต ว่า มัน กำลัง อยู่ใน อารมณ์ไหน บางครั้ง ก็ทัน มัน(จิต) บางครั้งก็ไม่รู้ ทัน แต่ถึงยังไง ก็จะมุ่งหน้า สู้ กับ กิเลส ต่างๆ ที่เกิด ขึ้นมา ในจิตใจ ต่อไป สู้ สู้ ค่ะ พี่ น้อง ( ชาวบ้านสวนพีระมิด )

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พลังบุญ วันที่ตอบ 2011-04-15 15:46:28


ความคิดเห็นที่ 21 (1540348)

 

โชคดีตอนตายกันทุกท่านน่ะครับ

*********************

ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-04-16 08:57:07


ความคิดเห็นที่ 22 (1540354)

ขออนุโมทนาในธรรมทานของทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปูค่ะ วันที่ตอบ 2011-04-16 11:06:39


ความคิดเห็นที่ 23 (1540396)

อาจิณกรรมนี่แปลกอยู่อย่าง ทำครั้งเดียว
แต่ตามนึกถึงบ่อย ๆ ก็เป็นอาจิณกรรมน่ะครับ เช่น
ในชีวิต เคยขโมยเงิน สมมุติเพียง 1 บาท ก็แทบจะไม่มีค่า
อะไรใช่ไหมครับ แต่บังเอิญว่า ไปเสียใจ นึกถึงเรื่องนี้
ทุกวัน ๆ ๆ จนตายก็ยังนึกเสียใจตามอยู่ อันนี้ ถ้าไม่มี
ครุกรรม หรืออาสันนกรรม ไปต้องไปสำนักพยายม
ได้เหมือนกัน

******************************************************************************************

ฟังดูแล้วน่าตกใจนะคะ บางคนอาจจะทำกุศลกรรมบ่อยๆ

แต่เผลอพลาดไปทำผิดแค่เพียงครั้งเดียว แล้วก็ปล่อย

ให้กรรมนั้นตามหลอกหลอนใจตลอดเวลา พาลให้ใจหดหู่เศร้าหมอง

คิดดูแล้วไม่คุ้มเลยนะคะ ฉะนั้น พวกเราทุกคนมาฝึกนึกถึงแต่

"บุญกุศล"ที่เราทำมา ให้บ่อยๆดีกว่านะค๊า...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2011-04-17 04:23:53


ความคิดเห็นที่ 24 (1540397)

 ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ  พี่ชนิดา สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้ว วันที่ตอบ 2011-04-17 04:55:44


ความคิดเห็นที่ 25 (1540457)

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ  สาธุสาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พิชญ์นันท์ สุขวัจนี วันที่ตอบ 2011-04-17 16:27:12


ความคิดเห็นที่ 26 (1540667)

 อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น นายคมกริช นามมงคุณ เบลล์ (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-04-18 21:21:14


ความคิดเห็นที่ 27 (1605205)

 

มโนกรรม มีผลมาก

และ

เกิดได้บ่อยมาก ควบคุมยากมาก

 

เป็นกรรม

ที่นำเราสู่นรก สู่ทุกข์หนัก

ได้ไม่เว้นแต่ละวัน

แต่ละชั่วโมง แต่ละนาที

เลยทีเดียว

 

เมื่อจิตเราไม่บริสุทธิ์

เราก็สำเร็จในธรรมได้ยาก

ชีวิตก็มีปัญหา มีอุปสรรคมาก

 

เพราะ

พระพุทธองค์

 

ท่านฝึกความหลุดพ้น

 

จากความทุกข์นั้น

ท่านฝึกจิตของท่านเป็นสำคัญ

 

เพราะ

จิต เป็นตัวควบคุม

พฤติกรรม

ควบคุม คำพูด

 

ถ้าจิตดีซะแล้ว

อะไร อะไร มันจะออกมา

ดีหมด

 

ทั้งงาน ทั้งเงิน ความรัก

ความสุข

 

มันเริ่มจากจิต

ที่ดี ที่งาม ที่บริสุทธิ์

 

ถึงเวลาแล้ว

ที่พวกเราทุกคน

ต้อง

ชำระล้างจิตใจ ให้ใสสะอาด

บริสุทธิ์ผุดผ่อง

 

เพื่อ

เข้าสู่นิพพาน

 

ตราบใดที่

จิตยังเลวอยู่

ก็มีนรกเป็นที่หมาย

 

ทั้งก่อน - หลัง ความตาย

ก็ทุกข์ทรมานทุกทาง

หละ

เขียนโดย อ.อุบล จากกระทู้ สร้างบุญใหญ่

อุทิศบุญ+ส่งวิญญาณให้ ผู้ถูกทำแท้ง+ถูกฆ่า ขึ้นสวรรค์

.......................................

เห็นว่าเข้ากับสถานการณ์ในช่วงนี้

ที่ท่านอาจารย์อุบลพยายาม

ที่จะหาทางถอนรากถอนโคน

เจ้าจุดดำๆในใจของเราให้สิ้นซาก

 

ชนิดาก็เลยเข้ามาดันกระทู้นี้

ให้ทุกๆท่านได้อ่านอีกที

จะได้นึกภาพได้ชัดเจน ยิ่งๆขึ้น

(เตือนตัวเอง เป็นสำคัญเลยเนี่ย)

 

 

กราบอนุโมทนาในคำสอน

จากท่านอ.อุบลด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-05 05:56:44


ความคิดเห็นที่ 28 (1605337)
image

 ขอเข้ามาดันกระทู้หน่อยนะจ๊ะ

คุณชนิดา

กำลังคิดถึงอยู่พอดี

โซบิเดย์อ่านแล้วขออนุโมทธาด้วยคน

ข้อคิดดีๆอย่างนี้เข้าถึงสภาวะจริงๆ

ขอมอบความรักด้วยกุหลาบแสนสวย

แทนใจก็แล้วกัน

ตอนนี้อินloveมาก

กับความรักที่ปราศจากเงื่อนไข

ใดๆทั่งสิ้นให้ที่จะให้...คำว่าเพื่อน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-06 00:15:41


ความคิดเห็นที่ 29 (1605458)

ขอบคุณสำหรับความรักที่บริสุทธิ์

และไร้ซึ่งเงื่อนไขจากคุณ โซบิเดย์

ด้วยเช่นกันค่ะ

 

จนแล้วจนรอด เราสองคน

ก็ยังไม่ได้เจอกันแบบตัวเป็นๆซักที

 

หวังว่าคงจะมีวัน

ที่เราได้พบกัน very soon นะค๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-07 06:36:59



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.