ReadyPlanet.com


มารู้จัก"จริต"จะได้ไม่ประมาท


พอดีไปอ่านเจอเรื่องจริตที่ถ่ายทอดโดยคุณ วิษณุ แห่งเว็บพลังจิต แล้วคุณธนาก็มาพูดถึงเรื่องจริตทิ้งไว้ให้คิดอีก ชนิดาก็เลยนำมาฝากเพื่อนๆทุกคนได้อ่านและได้พิจารณาด้วยซะเลย อนุโมทนาบุญกับคุณวิษณุ ด้วยนะคะ สาธุ..

จริต แปลว่า จิตท่องเที่ยว สถานที่จิตท่องเที่ยวหรืออารมณ์เป็นที่ชอบท่องเที่ยวของจิตนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประมวลไว้เป็น ๖ ประการด้วยกัน คือ

1.ราคะจริต คือสภาวะจิตที่หลงติดในรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสจนเป็นอารมณ์


2.โทสะจริต หรือสภาวะจิตที่โกรธง่าย ฉุนเฉียวง่าย เพียงพูดผิดสักคำ ได้เห็นดีกัน

3.โมหะจริต หรือจิตที่มักอยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอนหรือซึมเศร้าเป็นอาจิณ

4.วิตกจริต หรือสภาวะจิตที่กังวล สับสนและวุ่นวายฟุ้งซ่านแทบทุกลมหายใจ

5.ศรัทธาจริต คือสภาวะจิตที่มีปรัชญาหรือหลักการของตัวเองและพยายามผลักดันให้ตัวเองและผู้อื่นบรรลุถึงจุดหมายนั้น

6.พุทธิ จริต คือสภาวะจิตที่เน้นการใช้ปัญญาในการไตร่ตรอง คิดหาเหตุหาผลมาแก้ปัญหาต่างๆในชีวิต ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน มีความสนใจ เรื่องการยกระดับและพัฒนาจิตวิญญาณ

ราคะจริต

ลักษณะ บุคลิกดี มีมาด น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ ติดในความสวย ความงาม ความหอมความไพเราะ ความอร่อย ไม่ชอบคิด แต่ช่างจินตนาการเพ้อฝัน

จุดแข็ง

มีความประณีตอ่อนไหว และละเอียดอ่อน ช่างสังเกตุเก็บข้อมูลเก่ง มีบุคลิกหน้าตาเป็นที่ชอบและชื่นชมของทุกคนที่เห็น วาจาไพเราะ เข้าได้กับทุกคน

เก่งในการประสานงาน การประชาสัมพันธ์และงานที่ต้องใช้บุคลิกภาพ

จุดอ่อน ไม่มีสมาธิ ทำงานใหญ่ได้ยาก ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่มีความเป็นผู้นำ มุ่งแต่บำรุงบำเรอผัสสะทั้ง 5 ของตัวเอง คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

ชอบพูดคำหวานแต่อาจไม่จริง อารมณ์รุนแรงช่างอิจฉา ริษยา ชอบปรุงแต่ง


โทสะจริต

ลักษณะ จิตขุ่นเคือง โกรธง่าย คาดหวังว่าโลกต้องเป็นอย่างที่ตัวเองคิด พูดตรงไปตรงมา ชอบชี้ถูกชี้ผิด เจ้าระเบียบ เคร่งกฎเกณฑ์ แต่งตัวประณีต

สะอาดสะอ้าน เดินเร็ว ตรงแน่ว


จุด แข็ง อุทิศตัวทุ่มเทให้กับการงาน มีระเบียบวินัยสูง ตรงเวลา วิเคราะห์เก่ง มองอะไรตรงไปตรงมา มีความจริงใจต่อผู้อื่นสามารถพึ่งพาได้ พูดคำไหนคำนั้น

จุด อ่อน จิตขุ่นมัว ร้อนรุ่ม ไม่มีความเมตตา ไม่เป็นที่น่าคบค้าสมาคมของคนอื่น และไม่มีบารมี สร้างวจีกรรมเป็นประจำ มีโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย

กว้างรับความคิดใหม่ๆ พิจารณาโทษของความโกรธต่อความเสื่อมโทรมของร่างกาย

โมหะจริต

ลักษณะ ง่วงๆ ซึมๆ เบื่อๆ เซ็งๆ ดวงตาดูเศร้าๆ ซึ้งๆ พูดจาเบาๆ นุ่มนวลอ่อนโยน ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น เดินแบบขาดจุดมุ้งหมาย

จุด แข็ง ไม่ฟุ้งซ่าน เข้าใจอะไรได้ง่ายและชัดเจน มีความรู้สึก มักตัดสินใจอะไรได้ถูกต้อง ทำงานเก่ง โดยเฉพาะงานประจำ ไม่ค่อยทุกข์หรือเครียดมากนัก

เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่น่าคบ ไม่ทำร้ายใคร


จุด อ่อน ไม่มีความมั่นใจ มองตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง โทษตัวเองเสมอ หมกมุ่นแต่เรื่องตัวเองไม่สนใจคนอื่น ไม่จัดระบบความคิด ทำให้เสมือนไม่มีความรู้

ไม่ใคร่ใส่ใจในการทำอะไรสมาธิอ่อนและสั้นเบื่อง่าย อารมณ์อ่อนไหวง่ายใจน้อย


วิตกจริต

ลักษณะ ความคิดพวยพุ่ง ฟุ้งซ่านอยู่ในโลกความคิด ไม่ใช่โลกความจริง มองโลกในแง่ร้ายว่าคนอื่นจะเอาเปรียบกลั่นแกล้ง อัตตาสูงคิดว่าตัวเองเก่ง

อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง


จุดแข็ง เป็นนักพูดที่เก่ง จูงใจคน เป็นผู้นำหลายวงการ ละเอียดรอบคอบ จ้องจับผิดเห็นความผิดเล็กความผิดน้อยที่คนอื่นไม่เห็น

จุด อ่อน มองจุดเล็กลืมภาพใหญ่ เปลี่ยนแปลงความคิดตลอดเวลา จุดยืนกลับไปกลับมา ไม่รักษาสัญญา มีแต่ความคิด ไม่มีความรู้สึก ไม่มี วิจารณญาณ

ลังแล มักตัดสินใจผิดพลาด ทำร้ายจิตใจ เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น มีความทุกข์ เพราะเห็นแต่ปัญหา แต่หาทางแก้ไม่ได้


ศรัทธาจริต

ลักษณะ ยึดมั่นอย่างแรงกล้าในบุคคล หลักการหรือความเชื่อถือและความศรัทธา คิดว่าตัวเองเป็นคนดี น่าศรัทธา ประเสริฐ กว่าคนอื่น เป็นคนจริงจัง

พูดมีหลักการ


จุดแข็ง มีพลังเข้มแข็งพร้อมที่จะเสียสละเพื่อผู้อื่น ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองและสังคมไปสู่สภาพที่ดีกว่าเดิม มีพลังขับเคลื่อนมหาศาล

มีลักษณะความเป็นผู้นำ


จุดอ่อน หูเบา ความเชื่ออยู่เหนือเหตุผล ถูกหลอกได้ง่าย ยิ่งศรัทธามาก ปัญญายิ่งลดน้อยลง จิตใจคับแคบ ไม่ยอมรับความคิดที่แตกต่าง ไม่ประนีประนอม

มองโลกเป็นขาวและดำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตนคิดว่าถูกต้อง สามารถทำได้ทุกอย่างแม้แต่ใช้ความรุนแรง


พุทธิจริต

ลักษณะ คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล มองเรื่องต่างๆ ตามสภาพความเป็นจริงไม่ปรุงแต่ง พร้อมรับความคิดที่แตกต่างไปจากของตนเอง ใฝ่เรียนรู้ ช่างสังเกตุ

มีความเมตตาไม่เอาเปรียบคน หน้าตาผ่องใส ตาเป็นประกาย ไม่ทุกข์


จุด แข็ง สามารถเห็นเหตุเห็นผลได้ชัดเจน และรู้วิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างถูกต้อง อัตตาต่ำ เปิดใจรับข้อเท็จจริง จิตอยู่ในปัจจุบัน ไม่จมปลักในอดีต

และไม่กังวลในสิ่งที่จะเกิดในอนาคต พัฒนาปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ เป็นกัลยาณมิตร


จุด อ่อน มีอัตตาสูง คิดว่าตนรู้ตนมี ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น นึกหาเหตุที่จะโต้เถียงตลอดเวลา เนื่องจากมีปัญญา สงสัยตลอดเวลา คิดแต่ไม่ทำ

คนจริตนี้คือคนที่อยู่ในอบายภูมิมากที่สุด



ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-04-01 06:31:30


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1538382)

หึ หึ อ่านแล้ว ประเมินตัวเองแล้วมีแทบทุกจริตเล๊ย...

แล้วยิ่งมาเจอประโยคสุดท้าย... โอ้แม้เจ้า!!!...ไปนอนดีกว่า..ฮิฮิ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-04-01 06:38:12


ความคิดเห็นที่ 2 (1538383)

อนุโมทนาค่ะคุณชนิดา..

พิจารณาตนเองแล้วมีครบทุกจริตเลยค่ะ..

หนัก ๆ ก็ โทสะจริต

อ่า..เราโดนห่อหุ้มด้วยจริตเหล่านี้ตลอดเวลาเลยนี่น่า

อ่า..จริตนี้น่ากลัวกว่ากัีมมันตภาพรังสีนะคะ ว่ามะ

เพราะกัมมันตภาพรังสียังมี พีระมิดจำลองไว้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือบรรเทาทุกข์

แต่จริตนี่ ต้องใช้ปัญญา สมาธิ และฝึกสติรู้ อย่างเดียวเลย..

และการฝึกคือ ลงมือทำ..ไม่ใช่คิดเอาซะด้วย

ไอ้หย๋า..ไปอาบน้ำดีกว่า..

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พิชญ์นันท์ สุขวัจนี วันที่ตอบ 2011-04-01 06:57:40


ความคิดเห็นที่ 3 (1538389)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน

ของ คุณชนิดาค่ะ 

****************************************************

ฮิ..ฮิ...พิจารณาแล้ว...ก็มี ... ครบเหมือนกัลล์ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-04-01 08:10:55


ความคิดเห็นที่ 4 (1538390)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณชนิดาด้วยครับ อุตสาห์ลำบากกายเพื่อ ญาติธรรม ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น จรัล โพธิ์อุ่น วันที่ตอบ 2011-04-01 08:37:12


ความคิดเห็นที่ 5 (1538412)

ขออนุโมทนาบุญกับพี่ชนิดาด้วยค่ะ ดูแล้วเป็นพวกวิตกจริตค่ะ

ทำสมาธิไม่ค่อยได้เพราะฟุ้งซ่านมากจิงจิงค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปูค่ะ วันที่ตอบ 2011-04-01 11:04:43


ความคิดเห็นที่ 6 (1538417)

คุณชนิดานี่ ทำหน้าที่สุดยอดที่สู๊ดด นับถือเลยครับ เป็นบทความให้ความรู้ที่ช่วยให้ทุกคนมีหลัก ไม่ดำเนินชีวิตหรือว่าปฏิบัติธรรมแบบไร้จุดหมาย  ผมว่าคนเราหากรู้จริตของตนเองแล้ว เราสามารถที่จะเลือกที่จะใช้วิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตนเองสู่จุดหมายที่ตั้งไว้และเหมาะสมกับตัวเอง

เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมของทุกๆท่านให้ตรงกับจริตของตนเอง ผมขออนุญาตินำธรรมะของพระพุทธองค์ เกี่ยวกับการเลือกวิธีปฏิบัติธรรมตามจริต เพื่อความก้าวหน้าในธรรมอย่างรวดเร็ว ให้ทุกๆท่านได้พิจารณาศึกษานะครับ

ที่มา : เวปพลังจิต ผมเข้าใจว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเป็นผู้ถ่ายทอดนะครับ หากผิดพลาดประการใด ผมขอกราบขออภัยพระพุทธองค์ และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ด้วยนะครับ 

                                  จริต๖

ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ ขออนุโมทนาบุญอย่างสูงกับคุณชนิดาด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 


     
จริต แปลว่า จิตท่องเที่ยว สถานที่จิตท่องเที่ยวหรืออารมณ์เป็นที่ชอบท่องเที่ยวของ จิตนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงประมวลไว้เป็น ๖ ประการด้วยกัน คือ
          ๑. ราคจริต จิตท่องเที่ยวไปไปในอารมณ์ที่รักสวยรักงาม คือพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสนิ่มนวล รวมความว่าอารมณ์ที่ท่องเที่ยวไปในราคะ คือ ความกำหนัด ยินดีนี้ บุคคลผู้เป็นเจ้าของจริต มีอารมณ์หนักไปในทางรักสวยรักงาม ชอบการมีระเบียบ สะอาด
ประณีต มีกิริยาท่าทางละมุนละไมนิ่มนวล เครื่องของใช้สะอาดเรียบร้อย บ้านเรือนจัดไว้อย่างมี ระเบียบ พูดจาอ่อนหวาน เกลียดความเลอะเทอะสกปรก การแต่งกายก็ประณีต ไม่มีของใหม่ก็ ไม่เป็นไร แม้จะเก่าก็ต้องสะอาดเรียบร้อย ราคจริต มีอารมณ์จิตรักสวยรักงามเป็นสำคัญ อย่าตี
ความหมายว่า ราคจริต มีจิตมักมากในกามารมณ์ ถ้าเข้าใจอย่างนั้นพลาดถนัด
          ๒. โทสจริต มีอารมณ์มักโกรธเป็นเจ้าเรือน เป็นคนขี้โมโหโทโส อะไรนิดก็โกรธ อะไร หน่อยก็โมโห เป็นคนบูชาความโกรธว่าเป็นของวิเศษ วันหนึ่งๆ ถ้าไม่ได้โกรธเคือง โมโหโทโส ใครเสียบ้างแล้ว วันนั้นจะหาความสบายใจได้ยาก คนที่มีจริตหนักไปในโทสจริตนี้ แก่เร็ว พูด
เสียงดัง เดินแรง ทำงานหยาบ ไม่ใคร่ละเอียดถี่ถ้วน แต่งตัวไม่พิถีพิถัน เป็นคนใจเร็ว
          ๓. โมหจริต มีอารมณ์จิตลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ ชอบสะสมมากกว่าการจ่ายออก ไม่ว่าอะไรเก็บดะ ผ้าขาดกระดาษเก่า ข้าวของตั้งแต่ใดก็ตาม มีค่าควรเก็บหรือไม่ก็ตามเก็บดะไม่เลือก มีนิสัยเห็นแก่ตัว อยากได้ของของคนอื่น แต่ของตนไม่อยากให้ใคร ชอบเอารัดเอาเปรียบชาวบ้าน
ไม่ชอบบริจาคทานการกุศล รวมความว่าเป็นคนชอบได้ ไม่ชอบให้
          ๔. วิตกจริต มีอารมณ์ชอบคิด ตัดสินใจไม่เด็ดขาด มีเรื่องที่จะต้องพิจารณานิดหน่อย ก็ต้องคิดตรองอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าตัดสิน คนประเภทนี้เป็นโรคประสาทมาก มีหน้าตาไม่ใคร่สดชื่น ร่างกายแก่เกินวัย หาความสุขสบายใจได้ยาก
          ๕. สัทธาจริต มีจิตน้อมไปในความเชื่อเป็นอารมณ์ประจำใจ  เชื่อโดยไร้เหตุไร้ผล พวกที่ ถูกหลอกลวงก็คนประเภทนี้ มีใครแนะนำอะไรตัดสินใจเชื่อโดยไม่ได้พิจารณา
          ๖. พุทธจริต เป็นคนเจ้าปัญญาเจ้าความคิด มีความฉลาดเฉลียว มีปฏิภาณไหวพริบดี การคิดอ่านหรือการทรงจำก็ดีทุกอย่าง  อารมณ์ของชาวโลกทั่วไป สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประมวลอารมณ์ว่า อยู่ในกฎ ๖
ประการตามที่กล่าวมาแล้วนี้ บางคนมีอารมณ์ทั้ง ๖ อย่างนี้ครบถ้วน บางรายก็มีไม่ครบ มีมากน้อย ยิ่งหย่อนกว่ากันตามอำนาจวาสนาบารมีที่อบรมมาในการละในชาติที่เป็นอดีต อารมณ์ที่มีอยู่คล้าย คลึงกัน แต่ความเข้มข้นรุนแรงไม่เสมอกัน ทั้งนี้ก็เพราะบารมีที่อบรมมาไม่เสมอกัน ใครมีบารมี
ที่มีอบรมมามาก บารมีในการละมีสูงอารมณ์จริตก็มีกำลังต่ำไม่รุนแรง ถ้าเป็นคนที่อบรมในการละ มีน้อย อารมณ์จริตก็รุนแรง จริตมีอารมณ์อย่างเดียวกันแต่อาการไม่สม่ำเสมอกันดังกล่าวแล้ว

ประโยชน์ของการรู้อารมณ์จริต 

          นักปฏิบัติเพื่อฌานโลกีย์ หรือเพื่อมรรคผลนิพพานก็ตาม ควรรู้อาการของจริตที่จิต ของตนคบหาสมาคมอยู่ เพราะการรู้อารมณ์จิตเป็นผลกำไรในการปฏิบัติเพื่อการละด้วยการ เจริญสมาธิก็ตาม พิจารณาวิปัสสนาญาณก็ตาม ความสำคัญอยู่ที่การควบคุมความรู้สึกของ อารมณ์  ถ้าขณะที่กำลังตั้งใจกำหนดจิตเพื่อเป็นสมาธิ หรือพิจารณาวิปัสสนาญาณอารมณ์จิต
เกิดฟุ้งซ่าน ไปปรารถนาความรักบ้าง ความโกรธบ้าง ผูกพันในทรัพย์สมบัติบ้าง วิตกกังวลถึง เหตุการณ์ต่างๆ บ้าง เกิดอารมณ์สัทธาหวังในการสงเคราะห์ หรือมุ่งบำเพ็ญธรรมบ้าง เกิด อารมณ์แจ่มใส น้อมไปในความเฉลียวฉลาดบ้าง เมื่อรู้ในอารมณ์อย่างนี้ ก็จะได้น้อมนำเอา
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มาประคับประคองใจให้เหมาะสมเพื่อผลในสมาธิ หรือ หักล้างด้วยอารมณ์วิปัสสนาญาณเพื่อผลให้ได้ญาณสมาบัติ หรือมรรคผลนิพพาน พระธรรมที่ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ เพื่อผลของสมาบัติ ท่านเรียกว่า "สมถกรรมฐาน" มีรวมทั้งหมด
๔๐ อย่างด้วยกัน ท่านแยกไว้เป็นหมวดเป็นกองดังนี้
          อสุภกรรมฐาน ๑๐ อนุสสติกรรมฐาน ๑๐ กสิณ ๑๐ อาหาเรฏิกูลสัญญา ๑ จตุธาตุววัฏฐาน ๑ พรหมวิหาร ๔ อรูป ๔ รวมเป็น ๔๐ กองพอดี 

แบ่งกรรมฐาน ๔๐ ให้เหมาะแก่จริต 
          
           เพราะอาศัยที่พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี มีมาเพื่อเป็นศาสดาทรงสั่งสอนบรรดา สรรพสัตว์เพื่อให้บรรลุมรรคผล ด้วยหวังจะให้พ้นจากทุกข์อันเกิดจากการเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ ความเป็นสัพพัญญูของสมเด็จผู้ทรงสวัสดิ์ พระองค์ทรงทราบถึงความเหมาะสมในกรรมฐานต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับอารมณ์จิตที่มีความข้องอยู่ในขณะนั้น ด้วยตรัสเป็นพระพุทธฎีกาไว้ว่า เมื่อใดอารมณ์ จิตของท่านผู้ใดข้องอยู่ในอารมณ์ชนิดใดก็ให้เอากรรมฐานที่พระองค์ทรงประทานไว้ว่าเหมาะสมกัน เข้าพิจารณา หรือภาวนาแก้ไขเพื่อความผ่องใสของอารมณ์จิต เพื่อการพิจารณาวิปัสสนาญาณ เพื่อมรรคผลนิพพานต่อไป ฉะนั้น ขอนักปฏิบัติทั้งหลายจงสนใจเรียนรู้กรรมฐาน ๔๐ กอง และจริต ๖ ประการ  ตลอดจนกรรมฐานที่ท่านทรงจัดสรรไว้เพื่อความเหมาะสมแก่จริตนั้นๆ ท่องให้ขึ้นใจไว้ และอ่านวิธีปฏิบัติให้เข้าใจ เพื่อสะดวก เมื่อเห็นว่าอารมณ์เช่นใดปรากฏ จะได้จัดสรรกรรมฐานที่ พระพุทธองค์ทรงกำหนดว่าเหมาะสมมาหักล้างอารมณ์นั้นๆ ให้สงบระงับ ถ้านักปฏิบัติทุกท่านปฏิบัติ ตามพระพุทธฎีกาตามนี้ได้ ท่านจะเห็นว่า การเจริญสมถะเพื่อทรงฌานก็ดี การพิจารณาวิปัสสนาญาณ เพื่อมรรคผลนิพพานก็ดี ไม่มีอะไรหนักเกินไปเลย ตามที่ท่านคิดว่าหนักหรืออาจเป็นเหตุสุดวิสัยนั้น ถ้าท่านปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านจะเห็นว่าไม่หนักเกินวิสัยของคนเอาจริงเลย กับจะคิดว่าเบาเกินไปสำหรับท่านผู้มีความเพียรกล้าเสียอีก กรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง ท่านจำแนกแยก เป็นหมวดไว้ เพื่อเหมาะสมกับจริตนั้นๆ  มีดังนี้  คือ

๑. ราคจริต 
          ราคจริตนี้ ท่านจัดกรรมฐานที่เหมาะสมไว้ ๑๑ อย่างคือ อสุภกรรมฐาน ๑๐ กับกายคตานุสสติ กรรมฐาน อีก ๑ รวมเป็น ๑๑ อย่างในเมื่ออารมณ์รักสวยรักงามปรากฏขึ้นแก่อารมณ์จิตจงนำกรรมฐาน
นี้มาพิจารณา โดยนำมาพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งจากกรรมฐาน ๑๑ อย่างนี้ ตามแต่ท่านจะชอบใจ  จิตใจท่านก็จะคลายความกำหนัดยินดีในกามารมณ์ลงได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นอะไรเลย ถ้าจิตข้อง อยู่ในกามารมณ์เป็นปกติ ก็เอากรรมฐานนี้พิจารณาเป็นปกติ จนกว่าอารมณ์จะสงัดจากกามารมณ์  เห็นคนและสัตว์และสรรพวัตถุทั้งหลายที่เคยนิยมชมชอบว่าสวยสดงดงาม กลายเป็นของ น่าเกลียด โสโครกโดยกฎของธรรมดา จนเห็นว่าจิตใจไม่มั่วสุมสังคมกับความงามแล้วก็พิจารณาวิปัสสนาญาณ โดยยกเอาขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเราโดย  เอาอสุภกรรมฐานหรือกายคตานุสสติกรรมฐานเป็นหลักชัยทำอย่างนี้ไม่นานเท่าใดก็จะเข้าถึงมรรคผล นิพพาน การทำถูกไม่เสียเวลานานอย่างนี้

๒. โทสจริต         
          คนมักโกรธ  หรือขณะนั้นเกิดมีอารมณ์โกรธพยาบาทเกิดขึ้นขวางอารมณ์ไม่สะดวกแก่ การเจริญฌาน ท่านให้เอากรรมฐาน ๘ อย่าง คือ พรหมวิหาร ๔ และ วัณณกสิณ ๔ วัณณกสิณ ๔ ได้แก่  นีลกสิณ เพ่งสีเขียว โลหิตกสิณ  เพ่งสีแดง  ปีตกสิณ  เพ่งสีเหลือง  โอทาตกสิณ เพ่งสีขาว   กรรมฐานทั้งแปดอย่างนี้  เป็นกรรมฐานระงับดับโทสะ ท่านจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมาะสม แก่ท่าน คือตามแต่ท่านจะพอใจเอามาเพ่งและใคร่ครวญพิจารณา อารมณ์โทสะก็จะค่อยๆ คลายตัว
ระงับไป

๓. โมหะ และ วิตกจริต
          อารมณ์ที่ตกอยู่ในอำนาจของความหลงและครุ่นคิดตัดสินใจอะไรไม่เด็ดขาด ท่านให้เจริญ อานาปานุสสติกรรมฐานอย่างเดียว  อารมณ์ความลุ่มหลงและความคิดฟุ้งซ่านจะสงบระงับไป

4. สัทธาจริต
          ท่านที่เกิดสัทธาความเชื่อ เชื่อโดยปกติ หรืออารมณ์แห่งความเชื่อเริ่มเข้าสิงใจก็ตาม ท่านให้เจริญกรรมฐาน ๖ อย่าง  คือ  อนุสสติ ๖ ประการ ดังต่อไปนี้ (๑) พุทธานุสสติกรรมฐาน (๒) ธัมมานุสสติกรรมฐาน  (๓) สังฆานุสสติกรรมฐาน  (๔) สีลานุสสติกรรมฐาน  (๕) จาคา- นุสสติกรรมฐาน  (๖) เทวตานุสสติกรรมฐาน  อนุสสติทั้ง ๖ อย่างนี้  จะทำให้จิตใจของท่านที่ ดำรงสัทธาผ่องใส

๕. พุทธิจริต 
          คนเฉลียวฉลาดรู้เท่าทันเหตุการณ์  และมีปฎิภาณไหวพริบดี  ท่านให้เจริญกรรมฐาน ๔ อย่าง ดังต่อไปนี้ (๑) มรณานุสสติกรรมฐาน (๒) อุปสมานุสสติกรรมฐาน (๓) อาหาเรปฏิกูลสัญญา  (๔) จตุธาตุววัฏฐาน  รวม ๔ อย่างด้วยกัน  
          กรรมฐานที่เหมาะแก่จริตทั้ง ๖ ท่านจัดเป็นหมวดไว้ ๕ หมวด รวมกรรมฐานที่เหมาะ แก่จริต โดยเฉพาะจริตนั้นๆ รวม ๓๐ อย่าง หรือในที่บางแห่งท่านเรียกว่า ๓๐ กอง กรรมฐาน ทั้งหมดด้วยกันมี ๔๐ กอง ที่เหลืออีก ๑๐ กอง คือ อรูป ๔ ภูตกสิณ ได้แก่ ปฐวีกสิณ  เตโชกสิณ วาโยกสิณ อาโปกสิณ  ๔ อย่างนี้เรียกภูตกสิณ  อาโลกสิณ  ๑  และอากาศกสิณอีก ๑  รวมเป็น ๑๐ พอดี  กรรมฐานทั้ง ๑๐ อย่างนี้  ท่านตรัสไว้เป็นกรรมฐานกลางเหมาะแก่จริตทุกอย่าง  รวมความว่าใครต้องการเจริญก็ได้เหมาะสมแก่คนทุกคน  แต่สำหรับอรูปนั้นถ้าใครต้องการเจริญ ท่านให้เจริญฌานในกสิณให้ได้ฌาน  ๔  เสียก่อน  แล้วจึงเจริญในอรูปได้  มิฉะนั้นถ้าเจริญอรูป เลยทีเดียวจะไม่มีอะไรเป็นผล เพราะอรูปละเอียดเกินไปสำหรับนักฝึกสมาธิใหม่

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา วันที่ตอบ 2011-04-01 11:38:47


ความคิดเห็นที่ 7 (1538437)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณชนิดา และคุณธนาด้วยค่ะ  ป้าเตือนดูแล้วก็รู้สึกจะมีครบทุกจริตเลยค่ะ  แต่ที่อยากมีและยังไม่เจอคือ ปัญญาจริต ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าเตือน วันที่ตอบ 2011-04-01 13:34:26


ความคิดเห็นที่ 8 (1538461)

ฮ่า ฮ่า คุณธนา ชนิดาไม่ได้ทำหน้าที่อะไรเล๊ย เพียงแต่สำรวจจุดโหว่ของตน

แล้วก็ค้นหา"ธรรม" มาเป็นกาวแปะรอยรั่วของตัวเองเท่านั้นเอง

เพราะคิดว่า ตัวเองอ่านอะไรแล้ว"จุดประกาย"ให้เราได้

ข้อความนั้นก็ต้องจุดประกายให้ท่านอื่นๆได้เช่นกัน

 

ขอบคุณนะคะที่นำข้อมูลเรื่องกรรมฐานมาลงเพิ่มเติม

สงกะสัยต้องหารายละเอียดวิธีการฝึกของกรรมฐานแต่ละกอง

ที่เหมาะกับแต่ละจริตมาลงแล้วมั้งคะ หรือคุณธนาและท่านอื่นๆว่าไงจ๊ะ....

แบบว่าคัดมาหนึ่งกรรมฐานต่อหนึ่งจริตดีไหม๊เอ่ย..

ว่าแล้วก็ไปทำงานดีกว่า...ฮิฮิ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-04-01 16:56:02


ความคิดเห็นที่ 9 (1538484)

ขออนุโมทนาบุญ

กับคุณชนิดา และ คุณธนา

จากที่ได้พิจารณาจากกระทู้ด้านบน

ตัวเล็ก

คิดว่าจะมีแทบทุกข้อเลย

แต่อย่างไรก็แล้วแต่

ก็ขอบคุณท่าน

ทั้งสอง

ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตัวเล็ก (phongdech1665-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-04-01 20:00:26


ความคิดเห็นที่ 10 (1538504)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของคุณชนิดาและคุณธนาด้วยนะคะ

อ่านแล้วก็รู้เลยว่ามึครบทุกจริตเลย

จิตมนุษย์นี่มีเครื่องปรุงเพียบเลย

เหมือนอาหารถ้าเราชอบทานรสชาติใหนก็จะติดใจรสนั้นๆ มากกว่ารสอื่น

แต่เมื่อทานแล้วก็จะได้รับรสทุกรสอยู่ในนั้น

ต่างกันที่การปรุงแต่งตามความชอบ

พอนานวันเข้ารสชาติที่เราติดเราบริโภคมากๆ ก็จะให้ทั้งประโยชน์และโทษไป

พร้อมๆ กันอยู่ที่ว่าจะได้รับผลอะไรมากกว่ากัน

จริตก็คือธรรมชาติ ธรรมชาติก็คือจิต

เขียนไปเขียนมา งงกันมั้ยค๊า.........

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติมณฑน์ วันที่ตอบ 2011-04-01 21:57:28


ความคิดเห็นที่ 11 (1538517)

 ได้อ่านแล้วสุขใจยิ่งนัก...ขออนุโมทนาบุญกับคุณพี่ชนิดา และพ่อใหญ่ธนาด้วยนะครับ ที่นำเอาปลาสเตอร์ยาแผ่นหย่ายยยยยย มาช่วยปิดรูโหว่ของจิตผมเอง ที่มันโหว่ซะเยอะมากมายเกินกว่าจะปิดลงได้หมด แต่ก็ไม่ละความพยายามที่จะปิดให้ได้ ในเมื่อสภาวะจิตเดิมของเรามันเคยอยู่กับธรรมชาติเหล่านี้ แต่เรากลับไปเอากิเลสทั้งหลาย ทั้งปวง มาทะลวงจิตดวงนี้ให้เกิดรอยรั่ว ซ้ำแล้วยังจะหาทางปิดไม่ได้เอาซะอีก...

ขับรถไป เปิดธรรมะหลวงพ่อบทนี้ไปก็หลายรอบ แต่พอได้มาอ่านทบทวนอีก ก็ยังได้ความซาบซึ้งละเอียดลึกเข้าไปอีก...จะสังเกตได้ว่า ธรรมะ คือ ธรรมชาติจริงๆ ไม่ว่ากรรมฐานทั้ง 40 กอง หรือจริตทั้ง 6 ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในธรรมชาติ เพียงแต่เราจะหยิบยกเอาธรรมชาติแบบไหนมาสอนตัวเราเองให้ถึงซึ่งความหลุดพ้นให้ได้เท่านั้นเอง...สาธุ สาธุ สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์ (สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-04-01 23:29:35


ความคิดเห็นที่ 12 (1538757)

ขออนุโมทนาบุญกับ คุณชนิดา ด้วยคนค่ะ   (หลังจากอ่าน ทำให้ตัวเองต้องปรับปรุงอีกหลายอย่างค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น ปรางทิพย์ วันที่ตอบ 2011-04-04 12:31:54


ความคิดเห็นที่ 13 (1538947)

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา วันที่ตอบ 2011-04-05 10:19:49


ความคิดเห็นที่ 14 (1568230)

อาจจะยังมีบางท่านที่ยังไม่รู้จัก จริต ของตน

ฉะนั้นลองอ่าน ลองค้น "จิต" ของท่านให้ละเอียด อีกครั้งนะคะ

จะได้รู้ว่า

ต้องสู้แบบไหน

ถึงจะ ชนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-08 06:50:05


ความคิดเห็นที่ 15 (1568382)

 อนุโมทนากับพี่ชนิดาด้วยค่ะ

อ่านมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีทุกจริตเล๊ยยยย

สงสัยต้องไปนอนตามพี่ชนิดาแล้วละค่ะ ฮี่ๆๆๆๆ


แก้ยากจริง จริ๊ง ไอเรื่องจิตเนี่ยยยยย

ค่อยเปลี่ยน หวังว่าซักวัน

มันจะชินเน๊อะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-09 03:26:42


ความคิดเห็นที่ 16 (1568403)

ไหนๆก็แก้มาได้ตั้งเยอะแล้ว

ไงก็ต้องเดินหน้าต่อไปแหล่ะเนอะ

ฮ่า ฮ่า เออออกันอยู่สองคนนะเราเนี่ย..เฮ้อ..

 

เอ่อ..ว่าแต่ว่า ทำไมน้องหญิงนอนเร๊วเร็วเนอะ..

มิน่าล่ะ ถึงได้สวยเยี่ยงนี้

 

ว่าแล้วก็ได้เวลาไปนอนเหมือนกันแหล่ะ

ช่วงนี้นอนดึกทุกวันเล๊ย..

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-09 08:10:46


ความคิดเห็นที่ 17 (1568603)

 เอ่อ..ว่าแต่ว่า ทำไมน้องหญิงนอนเร๊วเร็วเนอะ..

มิน่าล่ะ ถึงได้สวยเยี่ยงนี้

****************************************

ใจจริงก็อยากจะนอนดึกๆค่ะพี่ชนิดา

แต่มันก็ง่วงทู๊กกกกกกกที

4-5 ทุ่มก็เริ่มง่วงแว้ว

เมื่อก่อนนอนดึก ตี 2 -3 ทู๊กกกวัน

แต่เดี๋ยวนี้ไม่ไหวแย้วค่ะ สงสัยสังขารมันแย่ลง ฮ่าๆ


ว่าแต่พี่ชนิดาก็นอนดึกมั่กๆเลยนะค่ะนี่ย

ไม่รู้ว่าเวลาที่โปแลนด์กับสวีเดนตรงกันหรือเปล่า

ไม่งั้นที่เห็นๆมา พี่ชนิดาก็ตี 2-3 ทู๊กคืนเลยอ่าจิ

 

ยังไงก็พักผ่อนบ้างนะค๊าพีชนิดา 

dobranoc naka ฮิฮิ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 04:28:18


ความคิดเห็นที่ 18 (1568609)

แหม่ น้องหญิงมากู๊ดไนท์ เป็นภาษาโปแลนด์ซะด้วย

รู้่สึกว่าสวีเดนกับโปแลนด์ เวลาจะห่างกัน 1ชม.

แต่ประเทศไหนเร็วกว่าหรือ ช้ากว่า จำไม่ได้แล้ว


คือช่วงนี้พี่ก็นอนตีสาม เป็นมาตรฐานทุ๊กวันเลย

ลอกเลียนแบบอาจารย์อุบล แต่ชนิดาก็เป็นคุณนายตื่นสายไป..

แต่สำหรับอาจารย์นอนดึก ตื่นเช้าตรู่ทุกวัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 06:50:33


ความคิดเห็นที่ 19 (1607508)

มานั่งคิด พิจารณา ตัวเอง

แบบถ้วนๆถี่ๆอีกที เพิ่งรู้ว่า

ตัวเองเป็น "พวกโทสะจริต"

เพราะขี้รำคาญ พาลจะหงุดหงิด

คุณสามี บ๊อยบ่อย

 

เฮ้อ..เป็นมาตั้งนานแล้ว

แต่ก็ทำเป็น"เนียน" ไม่รู้ตัว

และ ไม่ยอมรับ..

 

 

แหะ แหะ เข้ามาดันกระทู้อีกที

เผื่อจะยังมีคน ไม่รู้จัก"จริต" ของตน

ดีพอ เหมือนกัลล์

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-22 02:45:36



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.