อาจารย์อุบลคะ มีคนไข้อายุประมาณ 50 กว่าๆเข้ามาตรวจที่โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง ด้วยอาการ กระดูกต้นคอเสื่อม กดทับเส้นประสาททำให้แขนขวาไม่มีแรง และเป็นฝีที่ทวารหนัก ต้องทำผ่าตัดเอาหนองออกตั้ง 9 ครั้ง ยังไม่ดีขึ้น เขาต้องการมาทำกายภาพบำบัด เพราะกล้ามเนื้อที่แขนลีบ 

หมอก็ได้ใช้ รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยให้หมอคิดออกว่าจะช่วยเขาอย่างไร

ก็ได้ถามเขาว่ามีอาชีพอะไร ก็เป็นอย่างที่คิด คือทำประกันแล้วก็รับราชการด้วย จึงยกตัวอย่าง ตัวหมอเองต้องเขียนใบรับรองแพทย์โดยไม่ได้ตรวจก็ยังมีผลทำให้เจ็บไหล่ ส่วนตัวเขาก็อาจจะเขียนอะไรที่เป็นเท็จ ก็เลยส่งผลแบบนี้ ให้เขาแก้ไขใหม่ เขาบอกว่าต่อไปเขาจะเขียนให้ถูกต้อง สาธุ สาธุ

ส่วนเรื่องที่เขามีปัญหาที่ทวารหนักก็เป็นไปได้ว่าเขาต้องเคยทำอะไรให้คน หรือสัตว์เดือดร้อนอย่างมากที่ทวารหนัก(บรื๊อน่ากลัวไม่อยากคิดเลย ) ให้เขาไปสำนึกผิดและขออโหสิกรรม ก็ดูเขาจะเข้าใจ เพระเขาบอกว่า ตอนที่ไปนอนป่วยที่โรงพยาบาล มีพยาบาลคนหนึ่งเอาหนังสือที่พูดเหมือนหมอมาให้อ่านเหมือนกัน เขาก็ทำตามก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้น แต่เขาก็ยอมรับว่าทำบ้างไม่ทำบ้างก็เลยยังไม่หายสักที เผอิญไม่มีเวลามากเลยไม่ได้ถามว่าทำอย่างไร

หมอได้แนะนำให้เขาเข้าไปดูเวป บ้านสวนพีระมิด

หวังว่า อาการของเขาจะดีขึ้น และหายในที่สุด สาธุ สาธุ

  อนุโมทนาบุญด้วยค่ะคุณหมอวัฒนา

คุณหมอเริ่มทำหน้าที่แพทย์ทางเลือกแล้วจริง ๆ

สาธุ

ขออนุโมทนากับคุณป้าหมอด้วยนะคะ  หนูขอเป็นกำลังใจให้ป้าหมอในการทำหน้าที่แพทย์ทางเลือกให้ได้สำเร็จสูงสุดนะคะ   ในอนาคตอาจมีโรงพยาบาลรักษาโรคกรรมก็ได้  ซึ่งมีท่านอ.อุบลเป็นประทาน  คุณป้าหมอเป็นผอ.โรงพยาบาลและเหล่าพยาบาลของบ้านสวนเป็นลูกทีมช่วยป้าหมอ   ป้าหมอสู้นะคะ 

เกดขออนุโมทนา

กับคุณหมอวัฒนา ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

เกดขอสารภาพบาปด้วยค่ะ

เกดก็เคยเป็นตัวแทนประกันและก็ลง

ข้อความเท็จด้วยค่ะ ขอบพระคุณคุณหมอมากค่ะ

ที่ทำให้เกดนึกได้ สาธุ สาธุ สาธุ

และแล้วคุณหมอ ก็นำ

วิธีการสมาทานศีลที่บ้านสวนฯ

ไปใช้ในการรักษา คนไข้

ตามพระประสงค์แห่งเบื้องบนแล้ว

อนุโมทนากับคุณหมอวัฒนาด้วยนะคะ

เพราะคุณหมอ...

กำลังทำหน้าที่ ที่แท้จริง..อยู่

สาธุ สาธุ ค่ะ

ขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามาอ่านธรรมทานของหมอ

มีเรื่องที่อย่างจะเล่าต่ออีก คะ

คนไข้ที่หมอเอาเรื่องของเขามาเล่าเป็นธรรมทาน ได้ถามหมอก่อนจะออกจากห้อง ว่าหมอเป็นชาวพุทธหรือเปล่า ?และมีพยาบาลอีกคนหนึ่งถามหมออีกว่า นี่เป็นลัทธิอะไรหรือ?หลังจากหมอได้เปิดเวปบ้านสวนพีระมิดระมิดให้เขาดูู ว่าเราทำอะไรกันบ้าง

น่าแปลกใจมากไหม? ทั้งๆที่เรื่องที่อาจารย์อุบลเอาออกมาเผยแพร่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกทั้งนั้น

ก็เกิดคำถามว่าแล้วที่ชาวพุุทธ ได้เรียนรู้และปฏิบัติกันมานั้นถูกต้องแล้วหรือยังตามพระไตรปิฎก

ขอบคุณและอนุโมทนาธรรมทานของคุณหมอและทุกท่านนะคะ สาธุ

แล้วก็อนุโมทนาค่ะที่คุณหมอได้บอกต่อความศักดิ์สิทธิ์ของบ้านสวนพีระมิด

เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์จริงๆ

ยังทำให้ได้ทราบฟีตแบ็คจากสังคมสมัยนี้

เห็นความแตกต่างเหมือนความแตกแยก เพราะความไม่รู้ 

เรามาช่วยกันเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง

ปกป้องไม่ให้พระธรรมซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาถูกบิดเบือน

หยุดการนำความรู้ผิดๆไปแพร่ต่อ 

เมตตาชี้นำทางที่ถูกให้กับผู้ที่หลงทาง

ให้ผู้ไม่รู้ได้เปลี่ยนความคิดเปลี่ยนพฤติกรรม 

ในร่างกายของคนเราแพทย์จะรู้จักแค่ 4 ธาติ คือ:

1- ธาติดิน อันได้แก่ของแข็งต่างๆในร่างกาย เช่น กระดูก กล้ามเนื้อ อวัยวะน้อยใหญ่

2- ธาติน้ำ พวกเลือด น้ำเหลือง น้ำลาย ปัสสาวะ

3- ธาติลม พวกลมหายใจ ลมที่อยู่ในปอด ในลำใส้

4- ธาติไฟ ตรวจอุณหภูมิของร่างกาย 

แต่อาจารย์อุบลบอกว่า พระพุทธเจ้าตรวจ พบว่าจริงๆแล้วร่างกายของเรายังมี อีก 2 ธาติ คือ

5- ปราณ

6- มโนธาติ เป็นเรื่องของสติปัญญา

เมื่อเราเข้ามาในบ้านสวนพีระมิดจะทำให้ใด้รับ ปราณ และมโนธาติจากอาจารย์อุบล ทำให้มีการปรับสมดุลย์ในร่างกาย หายจากโรคของคนที่ผิดศีลมากๆ ซึ่งปกติจะต้องเจ็บป่วยและตกนรก เพราะเมื่อได้รับปราณ จะทำให้จิตใจเปลี่ยน มีความสุขอยากทำความดี สำนึกผิดได้ เลิกทำบาป อุทิศบุญกุศลให้กับท่านที่เราได้ล่วงเกินได้

นกขออนุโมทนากับธรรมทานของคุณหมอวัฒนา นะคะ

        มีอยู่ครั้งหนึ่งคนรู้จักได้เคยมาขอร้อง
ให้นกช่วยรักษาอาการปวดหลัง
ไหล่และปวดที่ขาให้หน่อย
(เพราะนกเคยใช้รหัส อ.อุบลช่วยด้วย
รักษาหลานของเค้าให้หายปวดหัวได้)

นกก็ได้ใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย
และใช้พลังจากพีระมิดจำลอง
รุ่นบวงทรวงเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ
อาการของเค้าก็ดีขึ้น แต่ยังไม่หาย
(รายละเอียดเคยเขียนไว้แล้ว
ในกระทู้ใครใช้รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย
สำเร็จและไม่สำเร็จให้เขียนบอก)

พอตอนหลังเค้าก็มาขอร้องให้ช่วยอีกครั้ง
นกก็เลยใช้วิธีช่วย
แบบเดียวกับที่ท่าน อ.อุบล
ใช้ช่วยเหลือลูกบ้านสวนฯ
(ซึ่งก็เป็นวิธีเดียวกับที่คุณหมอวัฒนา นำไปใช้ช่วยผู้ป่วยคะ)

นกได้บอกให้เค้านึกดูว่าเคยใช้มือ
หรือขาไปทำเรื่องอะไรที่ผิดศีล
หรือทำร้ายใครให้ต้องเจ็บปวดหรือเปล่า

ถ้านึกออกแล้วก็ให้ไปสารภาพบาปต่อหน้าหิ้งพระ
เพื่อขอขมาต่อสมเด็จองค์พระปฐม
และพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ที่ได้ทำผิดศีล
และให้สำนึกผิดจริง ๆ จากใจ
และให้ขอขมา ขออโหสิกรรมต่อผู้ที่เค้าได้ทำร้ายไป
และให้อุทิศบุญให้กับผู้ที่เราได้ทำร้ายไป
(เหมือนตอนที่ท่าน อ.อุบลให้พวกเราขึ้นไปสมาทานศีล)

หลังจากนั้นนกก็ได้ขับรถกลับบ้าน
ปรากฎว่าในช่วงที่ขับรถกลับบ้านนั้น
สิ่งศักดิ์ได้ดลใจให้ไปเห็นภาพของคนนั้น
กำลังยืนเตะผู้ชายคนหนึ่งอยู่
จนเค้าลงไปนอนกองกลิ้ง ตัวงอกับพื้น

พอถึงบ้าน ก็ได้โทรไปถามเค้าว่า
เคยเตะใครลงไปนอนกลิ้งกับพื้นไหม
เค้าก็นิ่งไปพักหนึ่ง
แล้วตอบกลับมาว่า....เคย..
ก็เลยเล่าสิ่งที่เห็นให้เค้าฟัง
แล้วแนะนำให้ไปทำตามวิธีที่เคยบอก
(การสมาทานศีลฉบับบ้านสวนพีระมิด)

พอตอนกลางคืนก็เลยโทรกลับไป
เพื่อถามดูอาการอีกครั้ง
เค้าได้ทำตามคำแนะนำอาการก็ดีขึ้นมาก
เลยแนะนำให้ทำบ่อย ๆ
และหลังจากที่ดีขึ้นแล้ว
ให้ขอบคุณเทวดารักษาตัวท่าน อ.อุบล
และท่าน อ.อุบล ด้วย

นกขอกราบขอบพระคุณ
เทวดารักษาตัวท่าน อ.อุบล
และท่าน อ.อุบล
ที่ได้สอนสิ่งดี ๆ ให้กับนก
ได้รู้ถึงกฏแห่งกรรม
ช่วยให้นกทุกข์น้อยลง
ทำดีมากขึ้น ๆๆ
และยังได้ช่วยให้ผู้อื่นทุกข์น้อยลงคะ
เพราะบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์
และท่าน อ.อุบล คะ

ขอบคุณคะคุณนก ที่มาเล่าประสพการณ์ที่ได้ช่วยคนมา

แต่หมอก็ยังช่วยไม่ได้ขนาดนั้น วานนี้ก็มีคนไข้ผู้หญิงมาหาด้วยอาการปวดที่ต้นคอแล้วก็มีอาการร้อนๆที่ไหล่ซ้ายรักษามานานก็ยังไม่ดีขึ้น เขาว่าทำงานอยู่หน้า computer ทั้งวัน เห็นอาจารย์อุบลพูดถึงเรื่องทำแท้ง หมอก็ไช้ระหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย ถามว่าเขาเคยเกี่ยวข้องกับการทำแท้งหรือไม่ เขาก็รีบปฏิเสธนะ นึกอะไรไม่ออกก็เลยบอกให้เขาไปนวดก่อนเพราะยังไม่รู้สาเหตุจริงๆ

ได้เปิดเวปบ้านสวนพีระมิดให้เขาดู แต่ดูท่าเขาไม่สนใจ สงสัยเขาก็คงจะมีคำถามในใจว่า หมอเพี้ยนหรือเปล่านะ เพระหมอจะมองความเจ็บป่วยของคนไข้เปลี่ยนไป จากที่เคยเรียนมา ว่าน่าจะกรรมจากอะไรหนอ ไปเสียเกือบหมด

เห็นคุณหมอ เขียนเรื่อง ธาตุทั้ง 6

ก็เลย นึกได้ว่า คุณหมอเคยบอกว่า

ศึกษาและทดลองเรื่อง สเต็ม เซลล์ อยู่

งั้น..คุณหมอ ไม่ลองนำน้ำพีระมิด

ไปทดลองแบบสเต็ม เซลล์ บ้างหรือคะ

เพราะน้ำพีระมิด เป็นน้ำวิเศษ

ที่มาจากแดนนิพพาน

มีทั้งพลังปราณและมโนธาตุ

ทำหน้าที่คล้ายสเต็ม เซลล์

แต่ใช้ได้ง่ายและถูกกว่า

การปลูกถ่ายสเต็ม เซลล์ มั่กๆ

เพราะสามารถ สมานแผล

ที่โดนมีดบาดลึกๆ ให้ติดกันได้ในทันที

ลองถามพ่อใหญ่ธนา..ดู

และมีอีกหลายๆกรณี เลยค่ะ ..

โมทนากับธรรมทานของคุณหมอ

และคุณนกด้วยนะคะ

ที่มาเล่าประสพการณ์ที่ได้แนะนำ

หรือนำไปช่วยเหลือทั้งคนใกล้ชิดและคนที่มีความทุกข์

ให้พ้นจากความทุกข์

********

ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับผลดับ

อาการดีขึ้นหรือหายจากโรค

สำหรับตัวเองก็ได้แนะนำให้คนไข้ที่

ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบซี มีอาการตับแข็งแล้ว

(แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการเพียงอย่างเดียว)

อาการของคนไข้คือ มีท้องโต (น้ำในช่องท้อง) ปวดท้อง

เและได้เคยให้เขานึกถึงกรรมที่เคยทำมาว่าเคยทำร้ายใครหรือเปล่า

แต่ดูเหมือนว่าพี่เขานึกได้ว่า เคยเอาฟูราดานให้แมวกิน

เนื่องจากโกรธ... อะไรสักอย่างนึง

ผลคือแมวตาย ก่อนตายเขาทรมานมาก

และได้บอกให้พี่เขาขอขมาหน้าหิ้งพระที่บ้าน

และอุทิศบุญให้เขาเรื่อยๆ (บอกนานแล้วค่ะ)

วันนี้ได้มีโอกาสคุยกับเขา ฟังเสียงแล้วสดใส สดชื่น

เขาบอกว่า อาการปวดท้องที่เคยเป็นนั้น

ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ส่วนท้องที่โตนั้นก็เริ่มยุบลง

แต่วันนี้สงสัยขึ้นมาอีก ว่าทำไม

พี่มีคันตามตัว มากเลย ยิงเกายิงคัน เกาจนผิวคล้ำ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็จะบอกเขาว่าเป็นธรรมดาของคนที่เป็นโรคตับ

ให้ทายา หรือกินยาเดี๋ยวอาการก็จะดีขึ้นเอง เวลาคันก็ต้องใช้ลูบๆเอานะ

มาวันนี้เราเป็นลูกบ้านสวน เราต้องใช้วิธีตามที่อาจารย์แม่

ได้เมตตาบอกไว้เสมอ 

จึงได้ถามพี่เขาตรงๆว่า เคยฆ่ามด แมลงหรือเปล่า

โอ้วคำตอบที่ได้ เคยค่ะ เป็นกองๆเลย

สาธุ สาธุ สาธุ

มด แมลง คงอยากได้บุญบ้างนะคะ

รอมาตั้งนานแล้ว พี่เขาก็ไม่คิด ไม่ส่งบุญให้สักที

พี่คะ นอกจากแมวแล้ว พี่ต้องขอขมา

และอุทิศบุญให้มดแมลง รวมทั้งสัตว์อื่นที่พี่เคย

ฆ่าหรือทำร้ายเขาด้วยนะคะ

จบข่าววันนี้

แล้ววันหน้าจะมาเล่าต่อค่ะ

ต้องขอแก้ข่าวคะคุณชนิดา หมอไม่ได้เป็นคนที่ทำเรื่อง stem cells หรอกคะ

รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนากุล เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำการรักษาโรคด้วย stem cells มีคลีนิค อยู่หลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ

ที่รพ.แม่ฟ้าหลวงที่หมอได้เข้าไปทำงานอยู่ก็เป็นสาขาหนึ่งของท่านคะ หมอแค่ช่วยรับและแนะนำคนไข้ แต่ที่จริงอาจารย์หมอกำพล ก็เป็นคนสนใจการรักษาด้วยพลังจิตเหมือนกัน ก็คงจะมีสักวันหนึ่งที่หมอจะมีโอกาศแนะนำการรักษาคนไข้ โดยอาจารย์อุบลในบ้านสวนพีระมิดให้อจ.ดร.กำพลบ้าง

ก็คงจะมีสักวันหนึ่ง ที่หมอจะมีโอกาศแนะนำการรักษาคนไข้ โดยอาจารย์อุบลในบ้านสวนพีระมิด ให้อจ.ดร.กำพลบ้าง

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ วันที่ตอบ 2012-04-25 12:39:42

ด้วยความยินดี

และ

ขออนุโมทนาล่วงหน้า

ค่ะคุณหมอวัฒ

เพื่อ

ความหลุดพ้น

ที่แท้จริง

และ

เพื่อให้คุณหมอ

ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์

ได้ผลจริง ช่วยให้คนไข้ หายจริง

ตามหลักธรรมคำสอน

ของพระพุทธองค์

(ทรงรู้แจ้งโลก)

 อนุโมทนากับคุณหมอด้วยนะคะ

ตอนนี้คุณหมอก็ได้เริ่มปฏิบัติ ภาระหน้าที่

ที่ได้รับมอบหมายมาแล้ว

ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอด้วยนะคะ

ถึงแม้ตอนนี้การรักษาคนไข้

แบบสมาทานศีลจะยังไม่เป็นที่ยอมรับ

ของผู้คนทั่วๆไป

แต่ญเชื่อว่าซักวัน หากเค้าเหล่านั้น

เริ่มศรัทธา เริ่มเชื่อมั่นและสำนึกอย่างแท้จริง

ทุกๆท่านก็สามารถหายจากโรค หากจากทุกข์ที่เป็นอยู่ได้

ดังเช่นลูกๆบ้านสวน

และเมื่อถึงวันนั้นคิดว่าคุณหมอ

คงจะมีคนไข้มาหา

จนหาเวลาพักผ่อนแทบไม่ได้เลยละคะ

อิอิ

ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคุณหมอวัฒ

ถึงได้มีโอกาสเข้าไปทำงาน

กับท่านอาจารย์หมอ กำพล

เพราะเท่าที่ได้อ่านประวัติของท่านแล้ว

อาจารย์หมอ นอกจากจะเชี่ยวชาญ

เรื่องเอนไซม์ สเต็ม เซลล์แล้ว

ท่านยังเป็นผู้ที่ศึกษาและสนใจ

เรื่องพลังจิต วิญญาณ

และกรรม มาตั้งนานแล้ว

ไม่เช่นนั้น ท่านคงจะไม่นั่งแท่น

ตำแหน่งประธาน

สถาบันเพื่อพัฒนาจิตและกาย แน่ๆ ...

ฉะนั้น แนวทางการรักษาในแบบฉบับ

ท่านอ.อุบลแห่งบ้านสวนพีระมิด

ไม่สวนทาง

กับท่านอาจารย์หมอ กำพล ศรีวัฒนากุล

แน่นอนค่ะ

อนุโมทนากับคุณหมอวัฒอีกครั้งค่ะ

สาธุ

แต่น่าแปลกนะ

คุณชนิดา

อ.อุบล

ไม่ค่อยรู้จักคนดังเลย

ไม่รู้ว่า

โง่ โลกแคบ สมองเล็ก

หรือว่า

ถูกปิดกั้นไม่ให้รับศาสตร์อื่นใด

นอกจาก

ศาสตร์จากเบื้องบน

เท่านั้น

และ

ต้องรับตรง

จากพระผู้สร้างโดยตรง

ไม่ให้รับจากมนุษย์

ไม่รู้จะเกี่ยวกันป่าวนะเนี่ย

เมื่อวันก่อน

อ.มงคล ก็เล่าเรื่อง

อ.อุบล ให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง

ว่า

มาทำอย่างนี้ได้ไง

ตอนหนึ่ง

อ.มงคล เล่าว่า

จะว่าเค้ารู้ได้จาก

การอ่าน

ผมไม่เห็นเค้าอ่านอะไร

สักเท่าไหร่เลย

ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน

ไม่เคยเห็น

หรือ

จะว่า ใครสอน

ก็ไม่เห็นมี ครูบาอาจารย์

ที่นับถือก็มีไม่กี่คน

แต่

ท่านก็ไม่ได้สอนให้

อ.อุบล ทำแบบนี้

แต่

เวลา อ.อุบล

บรรยาย สิ่งต่างๆ

แล้วมันใช่ มันจริง

แม้แต่พระไตรปิฏก

ก็ตรง และ จริงหมด

ก็เลย

ยอมรับว่า

ความรู้นี้ เกิดจาก

การสื่อสาร กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

จริง

หรือ

อาจจะเรียกว่า

การหยั่งรู้

ก็ได้

แต่

อ.อุบล

รู้เอง จากการใช้

จิต

จริงๆ

นี่คือ คำพูด อ.มงคล

คุยกับเพื่อน อ.อุบล

 อ.แม่อุบลคะ

สิ่งที่ลูกสัมผัสอย่างหนึ่งและได้ธรรมทานที่บ้านสวนจากอ.แม่ กับ อ.มงคล

เมื่อเอากลับมามองและพิจารณาถึงตนเองบ้าง 

เพิ่งเข้าใจหลักการเลือกคู่ครอง ที่เขาว่า คู่ครองที่ดีควรจะมีศีลเสมอกันจริงคะ

ทั้งอ.อุบลและอ.มงคลต่างฝ่ายต่างก็เกื้อกูลซึ่งกันและกัน...

โอ้โห คุณชนิดานี่ยอดเลยพอรู้ชื่อก้อค้นหาข้อมูล

ส่วนหมอเชื่อตามคำบอกโดยไม่ได้ไปสืบค้นหรอก เพราะเคยได้ยินเรื่อง stem cells มาก่อนก็เลยไม่สงสัยความเป็นไปได้ 

แต่ญาติคนหนึ่งของหมอ ซึ่งเป็นหมอเหมือนกัน เอาไปนินทาว่าหมอถูก คุณหมอกำพลหลอกใช้ ในใจก็อาจจะพูดว่า สึ่งตึง ซึ่งเป็นภาษาเหนือ แปลว่า โง่ ฮา ฮา

คุณหมอกำพลเคยพูดกับหมอเมื่อครั้งได้เริ่มไปทำงานไม่นาน ว่าที่หมอได้มาทำงานกับท่านนี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่มาด้วยแรงอธิษฐานของท่านเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ว่าอยากได้หมอแบบนี้

ฮิ ฮิแบบนี้คือยังไงเนาะ คงไม่ใช่หูเบานะ

อาจารย์อุบลคะ ความรู้ที่อาจารย์รู้นั้น อัศจรรย์จริงๆคะ

แล้วก็คงจะเป็นเรื่องหยั่งรู้ที่พระพุทธองค์ทรงสื่อสารมาให้แน่นอน

เวลามีคนไข้มาหา หมอก็ต้องพยายามหาสาเหตุของโรค จากอาการและการตรวจวินิจฉัยต่างๆ แต่บางทีก็แทบจะไม่รู้เลยว่าจะช่วยเขาอย่างไร ส่วนมากก็ต้องใช้วิธีรักษาตามอาการ ซึ่งก็แค่ประทังเอาไว้

แต่เดี๋ยวนี้อย่างที่บอกหมอก็เปลี่ยน เป็นคิดว่าแล้วเขาได้ทำบาปอะไรมานะ ส่วนมากก็มืดตื้อคะอิ อิแม้จะใชรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยแล้ว อยากให้อาจารย์มาช่วยบอกกรรมของคนไข้จัง

ดูงานของดร.นพ.กำพล แล้วก็มีเรื่องน่าสนใจ คือท่านได้ก่อตั้ง สถาบันเพื่อการพัฒนาจิตและกาย

โดยสถาบันได้มีบทบาทอย่างกว้างขวางในการให้ความรู้ ในด้านที่เกี่ยวข้องกับด้านกายและจิต  

มีหลักการว่าพลังแห่งชีวิตเป็นพลังโดยธรรมชาติที่เมื่อได้รับการพัฒนาด้วยดี ย่อมจะทำให้ บุคคลนั้นมีอานุภาพมากขึ้น และมีความสุขสมบูรณ์ขึ้น จะมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นและสภาพแวดล้อมได้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ต้องรบราฆ่าฟันกันอย่างที่เป็นข่าวมาตลอด

ซึ่งอาจารย์อุบลก็เคยพูดถึง เรื่อง ปราณ และ มโนธาติที่พระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโน ได้ถ่ายทอดความรู้ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบให้นั่นเองใช่ไหมคะอาจารย์อุบล

ก็เลย

ยอมรับว่า

ความรู้นี้ เกิดจาก

การสื่อสาร กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

จริง

หรือ

อาจจะเรียกว่า

การหยั่งรู้

ก็ได้

แต่

อ.อุบล

รู้เอง จากการใช้

จิต

จริงๆ

นี่คือ คำพูด อ.มงคล

คุยกับเพื่อน อ.อุบล

.................................

ชนิดาก็เชื่อและมั่นใจว่า

ทุกองค์ความรู้ หรือทุกสิ่งที่อาจารย์

พูด สอน และเตือน

เป็นสิ่งที่สื่อสารมาจากการใช้

"ญานหยั่งรู้"ค่ะ

ส่วนชนิดาน่ะ ใช้สัญชาตญาณ

ของความ"อยากรู้" ล้วนๆเลยค่ะ อิอิ

อ่านมาแล้ว ก็เอามาวิเคราะห์

เพื่อต่อจิกซอว์ หาคำตอบให้ตัวเอง

ฉะนั้น คำตอบที่ได้ในใจ

อาจจะถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง

ต้องมาคอยดูข้อมูล ที่อาจารย์เขียน

เพื่อเทียบเคียงกัน

เป็นการ ดับเบิ้ลเช็ค..อีกที

เพื่อกันพลาด

ฉะนั้น คุณหมอวัฒ จ๊า

ชนิดาคิดว่า ท่านอาจารย์หมอ กำพล

น่าจะเป็นบุคคลสำคัญอีกท่านนึง

ที่จะมาช่วยชาวโลก

คลี่คลายหาคำตอบ เกี่ยวกับ

ความลับต่างๆในเรื่องของจิต

ด้วยคำอธิบาย ที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด

ถึงแม้ว่า ความล้ำหน้าของเทคโนโลยี่

ทางวิทยาศาสตร์ จะยังตาม

ความล้ำเลิศและความประเสิรฐของ

"พุทธศาสตร์"ไม่ทัน

แต่ซักวัน เราคงจะเห็น

จุดที่ลงตัวพอดี๊พอดี

ของสองศาสตร์นี้ได้ค่ะ

แม้แต่ วงการแพทยศาสตร์ นี่แหล่ะ

จะต้องตะลึง ยิ่งถ้าเจาะลึกไปถึง

ศักยภาพของ DNAของพวกเราแต่ละคนแล้ว

ก็ต้องอึ้งกันเป็นแถว...แน่นอน..

คุณชนิดา

สุดยอดเลย

ที่พูดเรื่อง

DNA.

เป็นเรื่องที่

อ.อุบล ได้รับรู้หมดแล้ว

ตั้งนานแล้ว

ลองไปอ่าน

คู่มือหนีกรรมใหม่นะ

อ่านดีๆ อ่านหลายๆรอบ

คำตอบอยู่ในนั้น

แต่

อ.อุบล

ไม่ได้ใช้คำว่า

ดี เอ็น เอ

เท่านั้นเอง

ใครพบแล้ว ช่วยบอกที

  กราบสวัสดีค่ะ ท่าน อ.อุบล

เพิ่งอ่านคู่มือหนีกรรมผิวพรรณ ขอตอบน่ะค่ะ

 DNA ทางพุทธศาสตร์ คือพลังปราณและพลังมโนธาตุ

 พลังปราณ และพลังมโนธาตุ คือพลังงานชีวิต-จิตใจที่อยู่ในเซลล์เรา

เป็นรหัสพันธุกรรม ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เป็นสิ่งกำหนดชีวิตที่ทำให้เกิดสุข-ทุกข์ ฯลฯ กำหนดมาจากอดีตเหตุ จิตวิญญาณจะนำพา 2 ธาตุ นี้ไปนำเกิดทุกภพทุกชาติ

 เซลล์ เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในร่างกาย เป็นศูนย์รวมกายและใจ ทั้งธาตุหยาบและธาตุละเอียด แบ่งเป็น 3 ชั้น

--ส่วนที่ลึกที่สุด คือความว่างเปล่าจะต้องหล่อเลี้ยงด้วยมโนธาตบริสุทธิ์    คือ  ความดี สติ ปัญญา สมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน

--ชั้นถัดมาคือความเมตตาจะต้องหล่อเลี้ยงด้วยพลังปราณบริสุทธิ์ 

        คือความเมตตา สงสาร ทาน ศีล อภัยไม่โกรธกัน

--ชั้นนอกสุด คือธาตุหยาบ กายหยาบจะต้องหล่อเลี้ยงด้วยปัจจัยสี่ที่ดีและสะอาด ซึ่งเราสนใจเฉพาะส่วนนี้

กายกับใจ เป็นธาตุ 2 ใน 6 ธาตุ ที่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบ

**อากาศธาตุ หรือ พลังปราณ เป็นธาตุกาย ธาตุชีวิต

**มโนธาตุ     หรือ ธาตุรู้ ธาตุแห่งการเกิด วิญญาณธาตุ ความรู้สึก สุข-ทุกข์

ผู้มีปัญหาสุขภาพ เพราะขาด ปราณ หรือขาดเมตตา บกพร่องในทานและศีล

ผู้มีปัญหาทุกข์ใจทุกชนิด เพราะขาดมโนธาตุหรือขาดสติปัญญา บกพร่องในการทำสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน นั่นเอง

สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องอาศัยธาตุทั้ง 2 นี้หล่อเลี้ยง จึงจะสมดุล เกิดความสุขทั้งทางกายทางใจ ไม่เจ็บป่วย ไม่มีทุกข์

ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับผลก็ดับ ไม่ว่าทุกข์กายหรือทุกข์ใจ

 ขออนุโมทนากับคุณหมอและทุกท่านด้วยค่ะ

ผิดถูกอย่างไรกราบขออภัย ช่วยชี้แนะแก้ไขเพิ่มเติมด้วยน่ะค่ะ มือใหม่พิมพ์ไม่เก่ง..เล็ก(สุระณี)

คุณสุระณีวิเคราะห์ได้น่าสนใจทีเดียวคะ ส่วนตัวหมอก็มึนตึ๊บอยู่ดีคะ

รู้แต่ว่า DNA เป็นรหัสพันธุกรรม ของทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ว่าจะต้องมีลักษณะแบบใหน นิสัยใจคอและความประพฤติอย่างไร

คงต้องรอให้อาจารย์อุบลมาเฉลย นะคะ

ขอบคุณคะน้องหญิง หมอคงทำได้แค่ส่งคนไข้ไป ให้อาจารย์อุบล

คนไข้ที่มาที่รพ.แม่ฟ้าหลวง น่าจะเรียกใหม่ว่าเป็นคนไข้ที่ไม่มีทางเลือกมากกว่าคะ เพราะส่วนมากแย่ๆทั้งนั้นจนอยากให้เขามาหาอาจารย์อุบลโดยเร็ว

อย่างเช่นวันนี้มีคนไข้เบาหวานที่ต้องฉีด insulin มีอาการที่ตาเริ่มจะมองไม่เห็นแถมไตก็ทำท่าว่าจะมีปัญหา เขาจะมารักษาด้วย stem cells กับคุณหมอกำพลคะ ได้ยินว่ามีฐานะดี เคยเป็นทนายความมาก่อน ตอนนี้มีเต้นรถมือสอง ไม่กล้าไปซ้กว่าได้ทำบาปอะไรเกี่ยวกับอาชีพของเขาเพราะดูเขามีความทุกข์มาก อยากให้เขามาสารภาพบาปกับอาจารย์อุบล และหิ้วปูนที่บ้านสวนพีระมิดโรคเบาหวานจะได้หายและตาจะกลับมาดีเหมือนเดิม อย่างคุณภาศินที่หายจากโรคเบาหวานนั่นแหละคะ

อ.อุบล

เคยเรียนถาม

คุณพ่อ ดร.อาจอง

ว่า

สิ่งที่หนูเป็นอยู่นี้

เรียกว่าการหยั่งรู้หรือไม่คะ

ท่านตอบว่า

เรียกว่าการหยั่งรู้ด้วย

และ

มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยบอกด้วย

---------

เราขอคำตอบท่าน

เพราะ

ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์

ที่ประกาศความชัดเจน

ว่า

ท่านรู้ทุกอย่าง

ด้วย

การหยั่งรู้ จากการฝึกสมาธิ

ขอบคุณ

คุณสุระณี น้องใหม่ไฟแรง

ที่ไปอ่าน

คู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

แล้วหยิบยกข้อความในคู่มือ

มาให้อ่าน

ซึ่งตรงประเด็นค่ะ

องค์ความรู้ที่ได้จากการ หยั่งรู้

ถือว่าเป็นของที่ประเสริฐสุดจริง ๆ นะคะ

เพราะเป็นสิ่งที่เป็น ความจริง ที่สุด

และไม่มีทางบิดเบือนข้อเท็จจริงเหมือนการ

อ่านหนังสือที่คิดวิเคราะห์จากความเห็นของมนุษย์

พวกเราโชคดีมาก ที่ได้รับความรู้จาก อ.อุบล

ผู้ถ่ายทอด ความจริง ที่ตรง และชัดเจนที่สุด

กราบขอบพระคุณทุกความรู้ที่อาจารย์เมตตามอบให้พวกเราด้วยคะ

กราบอนุโมทนาข้อมูลต่างๆจาก

คู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

และขอบคุณ คุณ สุระณี ด้วยค่ะ

เพราะ DNA ก็คือ บันทึกแห่งธาตุรู้(มโนธาตุ)

หรือ รหัสพันธุกรรม

หรือ รหัส"กรรม" ของสิ่งมีชีวิตนั่นเอง

ซึ่งข้อมูลที่บันทึกไว้ใน ดีเอ็นเอ

ก็เป็นข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ

จิตของเราทุกภพทุกชาติ

ที่ผ่านมา นั่นเอง

ซึ่งวิวัฒนาการสมัยใหม่

ก็สามารถอ่านรหัสนี้ได้ในระดับหนึ่ง

และสามารถบอกได้ว่า คนๆนี้เป็นอย่างไร

มีนิสัยอย่างไร อย่างที่

คุณหมอวัฒเขียนมา นั่นแหล่ะค่ะ

และการอ่าน ดีเอ็นเอ

ยังสามารถบอกได้ด้วยว่า

คนๆนี้จะมีแนวโน้มเป็นโรคอะไร

เมื่ออายุเท่าไหร่ด้วย

เช่นอาจจะเป็น โรคมะเร็ง

เมื่อตอนอายุ 40อะไรประมาณนี้

โดยการใช้"สถิติ"

แต่การอ่าน"รหัสกรรม"

ด้วยการใช้พลังจิต หรือ ญาณหยั่งรู้

แบบท่านดร.อาจอง และ ท่านอ.อุบล

รับรองว่า อ่านได้ละเอียดยิบ

ทุกซอกทุกมุม และได้ข้อมูล

ที่ถูกต้อง ที่สุด ซะด้วย

คุณหมอวัฒนาคะ

คุณหมอศิริพรนะ

เจ๋ง

สุด สุด เลย

เอารูป

อ.อุบล ช่วยด้วย

บานใหญ่

ติดไว้ที่ห้องตรวจที่คลีนิค

แล้วเวลา

รับโทรศัพท์คำแรก

จะพูดว่า

อ.อุบล ช่วยด้วย

คนไข้แน่นคลีนิคเลย

แต่

ไม่ใช่เพราะรหัสนะ

เพราะ

คุณหมอน่ารัก

จริงใจ

ยิ่งมาใช้รหัสด้วยแล้ว

ตอนนี้พยาบาลหน้าห้องตรวจ

ที่คลีนิคบอก

ตั้งแต่คุณหมอศิริพร

กลับจากบ้านสวนพีระมิด

คนไข้เยอะกว่าเดิม

หนูกลับบ้านดึกทุกวันเลยค่ะ

หนูกลัว

ต้องใช้รหัสอีก

ได้ผลอัศจรรย์อีกค่ะ

สงสัย คุณหมอวัฒนา

ต้องนำเคล็ดที่ไม่ลับนี้

ไปประยุกต์ใช้ที่ โรงพยาบาล

แม่ฟ้าหลวง บ้างแล้วล่ะค๊า

เผื่อคนไข้ทุกคนที่เข้ามาในห้องคุณหมอ

จะได้ ยลโฉม พร้อมกับรับพลังพิเศษ

ที่ส่งผ่านจากฝ่ามือท่านอ.อุบล

ให้คนไข้ รู้สึกสบายตัว สบายใจกันก่อน

แล้วคุณหมอ ก็ขอ"อ.อุบลช่วยด้วย"

ทุกครั้ง ก่อนที่จะอนุญาตให้คนไข้

เข้ามาพบในห้อง ดีไหม๊คะ

เผื่อว่า อะไรๆที่ดูเป็น"เคสยากๆ"

หรือ คุณหมอนึกกรรมไม่ออก

ก็จะได้นึกออกระหว่าง คุยกับคนไข้..

ชนิดาก็มานั่งนึกภาพนะ

ถ้าเกิดคุณหมอทุกคนในสากลโลกนี้

เป็นอย่างคุณหมอ ศิริพร และ คุณหมอ วัฒนา

ก็คงจะดีเหมือนกันนะคะ

เพราะนอกจากจะวิเคราะห์

หาสาเหตุของโรค ด้วยเหตุผล

ทาง แพทย์ศาสตร์ แล้ว

ต้องใช้องค์ความรู้ ทางพุทธศาสตร์

ควบคู่กันไปด้วย

อย่างที่ท่านอาจารย์เคยพูดไว้นั่นแหล่ะว่า

ทำไมคุณหมอทุกคน..

ไม่บอกถึงผลกรรมที่จะได้รับ

จากการทำแท้ง

ให้คนไข้ได้คิด และ ใคร่ครวญ

ก่อนตัดสินใจอีกที..

เพราะนอกจากตัว"คุณแม่"จะต้อง

เสี่ยงตาย กับการทำแท้งแล้ว

ชีวิตหลังจาก"ลูกตาย"

แม่ก็จะมีสภาพเหมือนตายทั้งเป็นเช่นกัน

 อนุโมทนากับพี่ชนิดาด้วยค่ะ

สงสัยตอนนี้คุณหมอศิริพรคงเหนื่อย

และมีความสุขที่ได้ช่วยผู้คนมากๆเลยนะคะ ฮ่าๆ

เพราะแบบนี้นี่เอง 

คุณหมอวัฒสู้ๆค่า อิอิ

จริงๆแล้วหมอทุกคนก็คงอยากจะช่วยคนไข้ให้หาย

หรือ ดีขึ้น อย่างเต็มที่

แต่หมอหลายๆท่านก็คงยังไม่รู้ที่มา ที่ไป

หรือสาเหตุของโรคนั้นๆอย่างแท้จริง

จึงทำให้รักษาได้แค่ปลายเหตุ

เหมือนให้ยาไปช่วยระงับอาการไว้

แต่เมื่อยาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่

โรคนั้น ก็สามารถกลับมาทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ

อยากให้หมอทุกคนเปิดใจยอมรับความจริง

และได้มีโอกาสดูรายการคุยไปแจกไปจังค่ะ

อย่างน้อยเปลี่ยนไม่ได้ทั้งหมด

แต่ได้ซักครึ่งนึงก็คงดี

แต่ก็อย่างว่านะคะ

ต่างคนต่างมา และก็ต่างที่ไป

ไม่งั้นถ้าทุกคนเหมือนกัน

เราก็คง"ทุกข์"และ"สุข"เท่ากันหมดแล้ว

วันศุกร์ที่แล้ว

ไปคลีนิคคุณหมอศิริพร

รู้สึก

สงสารคุณหมอจัง

ตั้งแต่รู้จักคุณหมอมานะ

เห็นคุณหมอวิ่งตัวเป็นเกลียวเลย

บางวันนะ

คุณหมอศิริพร

นัดทานข้าวกับ อ.อุบล

หลังปิดคลีนิค

แต่พอจะปิดคลีนิค

กำลังคิดเมนูกันอยู่ดีๆ

ก็มีโทร.เข้ามา

โหล โหล คุณหมอคะ

มีคนไข้กำลังจะคลอดด่วนค่ะ

คุณหมอเลย

โยกย้าย การรับประทาน

อาหารไปที่ ร.พ.

บอกให้ อ.อุบล ไปสั่งอาหารรอ

เดี๋ยวหมอไปทำคลอด

ไม่นานจะลงมาทานด้วยกัน

เราก็สั่ง

เต็มพิกัดเลย

หมอก็สั่งเมนูที่ชื่นชอบไว้

เราก็สั่งของเรา

รวมกันแล้ว บานตะไทเลย

สักพักใหญ่

หมอโทร.ลงมาบอกว่า

อ.คะ

คนไข้ตกเลือด

ต้องช่วยด่วนเลยค่ะ

ค่ะ

คุณหมอ

ช่วยคนไข้ให้เต็มที่

อย่ากังวลเรื่องทานอาหาร

เพราะ

อาหาร ทานวันไหนก็ได้

แต่ชีวิตคนไข้ ฝากความหวังไว้

กับคุณหมอเพียงคนเดียว

อ.ทานก่อนเลยนะคะ

ค่ะ

แล้วจะทานเผื่อคุณหมอด้วยค่ะ

ว่าแล้ว

ก็พุงกางเลย

ใส่ห่อ ใส่ถุง

กว่าหมอจะเสร็จ

ภารกิจในวันนั้น

ก็ปาเข้าไป ตี 2

ถึงได้ลงมาเจอกัน

เฮ้อ

เวลานัดเจอ

คุณหมอศิริพรแต่ละครั้งนะ

ต้องลุ้นตลอด

ว่า

ขออย่าให้มีผ่าตัดด่วนเล้ย

เพี้ยง ๆๆๆๆ

แต่เมื่อวันศุกร์

ก็กะไปเม้าท์แตกกันซะหน่อย

หลังจากที่คุณหมอ

มาบ้านสวนฯ

ยังไม่ค่อยมีเวลาคุยกันนานๆเลย

ปรากฎว่า

คุณหมอต้องทิ้งคนไข้

ที่คลีนิค เพื่อไปทำผ่าตัดด่วน

อีกตามเคย

ตอน 2 ทุ่มกว่า

น้องบี

หน้าห้อง ต้องคอย

บอกคนไข้กลับ

แต่คลีนิคคุณหมอนี่

ถ้าไม่ปิดประตูนะ

คนไข้เข้ามาตลอด

วันนั้น

อ.อุบล คุยอยู่กับ บี

มี สามี ภรรยา อุ้มลูกน้อย

เข้ามา เด็กหน้าบวมเห่อ

อายุน่าจะ 3-4 เดือน เห็นจะได้

ดูพ่อแม่เด็ก

วิตกมากที่ไม่พบคุณหมอ

บีถามว่า

เด็กเป็นอะไรคะ

เค้าบอก กินนมอยู่ดีๆ

หน้าตาก็บวมแดง

ขึ้นผื่นเต็มไปหมด

เค้าบอก

แล้วจะให้เค้าทำไง

บีบอกให้รีบไป ร.พ.

ไอ้เรา

ก็เห็นเหตุการณ์

จะนิ่งเฉยก็ดูเหมือนคนใจร้ายนะ

ก็เลยเข้าไปหาเด็ก

แล้วบอกว่า

ขอให้หนูหายนะลูก

ออกจากประตูไป

หายเลยนะลูก

น้องบีบอกว่า

ไอ้หนูเอ้ย

เจ้าช่างโชคดีอะไรอย่างนี้

ที่ไม่เจอคุณหมอศิริพร

แต่มาเจอ

อาจารย์อุบล สาธุ สาธุ

แล้วต่อมา น้องบี

ก็พูดว่า

ถึงเจ้าหนูน้อย

จะไม่เจอหมอแผนปัจจุบัน

(หมอศิริพร)

แต่

ก็ได้เจอหมอเทวดา(อ.อุบล)

555

-----------------

เดี๋ยวนี้นะ

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

เรียก อ.อุบล ว่า

หมอน้อย

แล้วนะ ไม่ได้เรียกไอ้โง่แล้ว

แต่

หลวงพ่อบอกว่า

เรียกหมอน้อย

 ก็จริง

อันนี้ถือว่าตั้งใหม่

แต่

ชื่อเดิมยังไม่ยกเลิก

ยังไง ไอ้โง่ ก็เป็นชื่อจริง

แต่

หมอน้อยน่ะ ชื่อเล่น

แป่ววววว

โธ่

หลวงพ่อเจ้าขา

หลงดีใจ

นึกว่าหายโง่แล้วซะอีก

เห็นอาจารย์อุบลเล่าเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำเรียก ว่าหมอน้อย ก็เลยนึกถึงครั้งแรกที่เจอท่าน ท่านถามว่าทำงานอะไร ก็เรียนท่านว่าเป็นหมอเด็ก ท่านว่าหน้าตาไม่ใช่เด็กทำไมว่าเป็นหมอเด็ก  ฮา ท่านมีอารมณ์ขัน ก็ต้องพูดใหม่ว่า เป็นหมอรักษาโรคเด็กคะ

อาชีพหมอสูติ เป็นงานที่หนักมากอย่างนี้แหละคะ หมอถึงกลัวนักที่จะมีคนไข้เยอะๆ

บางครั้งก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยนะ การช่วยคนไข้แม้จะเจตนาดี แต่อาจจะทำอะไรที่ไม่ได้ตั้งใจทำให้คนไข้เดือดร้อนก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น ยิ่งคนไข้มากก็ต้องรับผลนั้นมากตามไปด้วย

สู้วิธีรักษาคนไข้แบบของอาจารย์อุบลไม่ได้นะไม่ต้องเปลืองทรัพยากรอะไรมาก แต่ก็ต้องอาศัยบุญของอาจารย์อุบลอย่างมาก

หมอเล่าการรักษาคนไข้ของอาจารย์อุบลให้ผู้จัดการของคุณหมอกำพลชื่อคุณโจฟัง เขาเป็นคนที่นับถือศาสนาคริตส์ เขาว่าแบบนี้เหมือนที่พระเยซูรักษาคนไข้ให้หายได้แต่พระเยซูจะรับเอาบาปจากผู้คนที่ได้รับความทุกข์แทน เขาว่าแสดงว่าอาจารย์อุบลต้องมีจิตที่บริสุทธ์มากๆ  จึงจะทำให้เกิดปาฏิหารย์รักษาคนเจ็บป่วยได้ เขาอยากให้หมอพาเขามาหาอาจารย์ หมอก็เลยบอกให้เขาไปดูกฎระเบียบของบ้านสวนพีระมิดก่อน

หมอไม่เคยเจอน้องหญิง เห็นแต่ในรูปนะ แต่ดูภูมิรู้ ปัญญาไม่ว่าด้านไหนเหมือนคนสูงอายุเขียน แถมความสวยน่ารักและคุณสมบัติอื่นๆอีกเพียบ เข้าทำนองเล็กพริกขี้หนู ขอชื่นชมคะ

น่าภูมิใจแทนคุณพ่อคุณแม่จริงๆ

หมอเล่าการรักษาคนไข้ของอาจารย์อุบลให้ผู้จัดการของคุณหมอกำพลชื่อคุณโจฟัง เขาเป็นคนที่นับถือศาสนาคริตส์ เขาว่าแบบนี้เหมือนที่พระเยซูรักษาคนไข้ให้หายได้แต่พระเยซูจะรับเอาบาปจากผู้คนที่ได้รับความทุกข์แทน เขาว่าแสดงว่าอาจารย์อุบลต้องมีจิตที่บริสุทธ์มากๆ  จึงจะทำให้เกิดปาฏิหารย์รักษาคนเจ็บป่วยได้ เขาอยากให้หมอพาเขามาหาอาจารย์ หมอก็เลยบอกให้เขาไปดูกฎระเบียบของบ้านสวนพีระมิดก่อน

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ วันที่ตอบ 2012-05-01 11:46:18

เขาว่าแบบนี้เหมือนที่พระเยซูรักษาคนไข้ให้หายได้ แต่พระเยซูจะรับเ อาบาปจากผู้คนที่ได้รับความทุกข์แทน เขาว่าแสดงว่าอาจารย์อุบลต้องมีจิตที่บริสุทธ์มากๆ  จึงจะทำให้เกิดปาฏิหารย์รักษาคนเจ็บป่วยได้

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ วันที่ตอบ 2012-05-01 11:46:18

ขอบคุณค่ะ

คุณหมอวัฒนา

ที่ได้พยายาม

ทำหน้าที่ ตามสัญญาเดิม

---------

เรื่องจิตบริสุทธิ์นี่

อ.อุบล

เอง

ไม่เคยทราบว่า

เราจิตบริสุทธิ์หรือไม่แค่ไหน

เป็นแต่เพียง

ฝึก ฝึก ฝึก แล้ว ก็ฝึก

แต่ไม่เคยคิดว่า

จะมีผลเช่นนี้

จนวันหนึ่ง

ไปตรวจออร่า กับ อ.ฉาดฉาน

แล้วเอาผลไปให้

ศ.ดร.คุณหมอเทพนม เมืองแมน

อ่านผล

ท่านบอกว่า

ออร่าออกมา หัวขาวได้ขนาดนี้

ต้องมีจิตที่บริสุทธิ์มาก

แสดงว่า

ฝึกมาแยะ

ท่านว่าอย่างนี้นะ

ก็เลยพึ่งมา

อึ้ง

กับเครื่องมือ ออร่า

สามารถรู้ ความลับ ของคนได้

เพราะ

คนส่วนใหญ่

มองแต่ ภายนอก ของคน

เช่น

เสื้อผ้า การแต่งกาย ผิวพรรณ

หรือ สิ่งลวงตา ซึ่งไม่จริง

แต่

เครื่องตรวจ ออร่า

เขารู้ถึงข้างใน

เอ

ไม่ทราบว่า

เป็นรายการที่ออกอากาศ

ตอนไหน จำไม่ได้แล้ว

น่าจะ

ตั้งแต่ ปี 52 นะ

ถ้าใครเคยชมแล้วนึกออก

วาน

ช่วยลิ้งค์หน่อยนะ

และ

ขอให้คุณมาร์ค

นำมาลงไว้กรอบหน้าแรกด้วย

เพราะ

พึ่งได้รับคำสั่ง

จาก

เบื้องบน

ให้นำตอนตรวจออร่า

ออกมาแสดง

และ

นำมาออกอากาศใหม่

แต่ก็ยังเฉย

จนกระทั่ง คุณหมอวัฒ

กับ ผจก.

มาเตือน กระตุก ต่อมขี้เกียจอีก

ก็เลยรู้ว่า

เบื้องบน ท่านมีวิธีเตือน

เราดีจริงๆ

เมื่อวันเสาร์

ยังคุยเรื่องนี้กับพวก

คุณแมว คุณธนาอยู่เลย

คราวนี้

ก็คงมาถึงเรื่อง

พระเยซู

นะ

คงต้องมีอะไรที่ต้อง

เชื่อมโยงศาสนาแล้วหละ

สามีคุณหมอศิริพร

ก็เป็นคริสต์ นะ

แต่

คุณหมอ พุทธ ร้อยเปอร์เซนต์

ในคลีนิค

มีแต่พระเต็มไปหมด

แล้วก็พีระมิด

ที่ อ.อุบล เคยทำให้

ด้วยกระดาษ

ตั้งนานแล้ว คุณหมอยังตั้งไว้

เหนือห้องตรวจคนไข้

พักนี้รัฐบาลพาข้าราชการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั่งเครื่องการบินไทยเหมาลำ มาเที่ยวเชียงรายคลายเครียด โดยแวะมาที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แล้วให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพและรักษาโรคได้ฟรีหนึ่งอย่าง

ที่จริงหมดเวลาที่หมอจะต้องตรวจแล้ว แต่เด็กหน้าห้องก็ยังส่งคนไข้เข้ามา เป็นคุณครูร่างเล็กๆหน้าตาคมเข้มโพกศรีษะด้วยผ้าสีสวยมีเข็มกลัดน่ารักติด เธอมีปัญหาเวียนหัวแล้วก็ปวดหัวมากมาประมาณ 2 อาทิตย์ ทั้งที่ปวดก็ยังมาเที่ยว อาการก็คล้ายๆคุณแก้ว แต่ยังไม่ถึงกับโงหัวไม่ขึ้น กินยาที่หมอให้มาไม่ดีขึ้น เธอไม่ชอบทานยาก็เลยให้ไปฝังเข็มรักษาอาการปวดหัวไปก่อน แล้วใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย บอกให้เปิดเวปบ้านสวนพีระมิดเมื่อกลับไปบ้าน ถ้าเห็นข้างหน้ามีรูปพระพุทธรูปก็ไม่ต้องกังวลเพราะไม่ได้ต้องเปลี่ยนศาสนา แต่อยากให้ดูสาระที่จะช่วยให้หายจากโรคปวดหัวได้อย่างไร ก็ดูเขาสนใจเพราะกลัวเข็มฉีดยา และไม่ชอบกินยา หมอได้ให้เบอร์โทรศัพท์เขาด้วย คิดถึงคุณโซบิเดย์นะเผื่อจะได้ช่วยได้บ้าง

ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งศักสิทธ์ทุกพระองค์ในบ้านสวนพีระมิดและอาจารย์อุบลจะช่วยคุณครูให้หายจากโรคปวดหัว เผอิญเวลาน้อยถ้าจะไปซักว่าเขาไปทุบหัวปลามาหรือเปล่าก็ไม่กล้าแฮะ 

ไม่ทราบว่ามีนัยยะสำคัญยังไงหรือเปล่านะคะอาจารย์อุบล เพราะหลังจากพูดกับคุณครูแล้วหมอก็มาคุยกับคุณโจต่อ ก็ยังคิดเหมือนกันว่าวันนี้ได้พูดถึงอาจารย์อุบลให้ทั้งอิสลามและคริตส์ฟัง

ทั้งคริสต์+อิสลาม

นั่นสะคะ

คุณหมอวัฒนา

คุณหมอกำลังทำหน้าที่

ตามสัญญาแล้วค่ะ

อนุโมทนาค่ะ

คราวนี้

ก็คงมาถึงเรื่อง

พระเยซู

นะ

คงต้องมีอะไรที่ต้อง

เชื่อมโยงศาสนาแล้วหละ

-*-*-*-*-*-*-*-*-

เมื่อสักครู่ได้ดูคลิป

ที่คุณมาร์ค นำมาให้ชม

พอ แค้มป์ เห็น

ก็ถามว่า อ้าว..

แบบนี้ก็เกี่ยวข้องกับ

ศาสนา คริสต์น่ะซิ

แล้ว อ.อุบล เคยบอกหรือเปล่า

ว่า.. ผู้สร้างพิรามิดคือใคร ?

สร้างได้อย่างไร ?

แล้วทำไม ก้อนหิน

ที่หนักหลาย ๆตันก่อขึ้นได้สูง ?

และเสาหินที่ใหญ่โต

ก่อสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ?

และทำไม ไม่มีอุปกรณ์

การก่อสร้างหลงเหลือให้เห็นบ้าง?

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

ตอบ...ผู้ที่มีพลังจิตสูง ถึงจะสร้างได้

ก้อนหินที่นำมาสร้างถูกยกโดย จิต

และพิรามิด ไม่ได้สร้างไว้ให้เห็น

เฉพาะ บนโลก แต่

บนดาวอังคารก็มี พิรามิด

แล้วใครจะสร้าง....คิดเอาเอง

ตอน

อ.อุบล

ไปอาฟริกานะ

มาดามคนหนึ่ง

ชื่อ

ควอเรตตี้

เขาเป็นนักธุรกิจที่เก่ง

บินมาเมืองไทย จีน ฯลฯ บ่อย

เขามีร้านขายของเด็กอ่อน

อยู่คัมพาลา

ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ

ยูกันดา

เขาเชิญ อ.อุบล ไปบ้านเขา

หลังจากที่เขามาดู

อ.อุบล ไปออกร้าน ที่นั่น

ในบ้านเขา

มีโบสถ์คริสต์อยู่ในตัวบ้านเลย

เขาชวนเราไปดื่มชา

แต่ก่อนอื่น

เขาพาเราไปห้องที่เรียกว่า

โบสถ์

นี้ก่อน เพื่อไปทำความเคารพ

สิ่งที่เขาเคารพสูงสุด

มีรูปปั้นพระเยซูยืนอยู่

เขาพาเราทำความเคารพ

เราก็ทำตาม

เธอปลื้มมาก

และ

ก็เป็นเพื่อนที่ดีกันมาตลอด

ตอน อ.อุบล

กลับมาใหม่ๆ เธอก็บินตามมา

บอกว่า

จะมารับไปอยู่ประเทศเธอ

เธอบอกว่า

อ.อุบล

Very good talking

Very good marketing

แต่สงสัย

เธอจะพอใจ

ที่ไปทำความเคารพ

พระเยซู ของเธอมากกว่านะ

เธอทานมังด้วยนะ

ประเทศนี้

มีหลายศาสนา

แต่

ที่มากทีสุด

คือ

มุสลิม + คริสต์

และ

เธอก็เป็นมิตรกับเรา

ซึ่งเป็นชาวพุทธ

ตอนกลับ

เธอขับรถมาส่ง

ถึงสนามบิน ซึ่งไกล

จากเมืองหลวงมาก

หวังว่า

สักวันหนึ่ง

จะชวนเธอมาเที่ยว

บ้านสวนพีระมิดบ้าง

แต่

ตอนนี้

ไม่ได้ติดต่อเธอเลย

แต่

มีคนหนึ่ง

ซึ่งเป็นคนอินเดีย

ที่เคยให้พี่มหาติดต่อแทน

คนนี้เขารู้จัก

มาดามควอเรตตี้ดี

พี่มหา

ลองอีเมลล์สอบถาม

ให้หน่อยนะจ๊ะ

Mr.Jayest

น่ะจ้า

 อนุโมทนากับคุณหมอด้วยนะคะ

ดีใจและภูมิใจแทนตัวคุณหมอจริงๆค่ะ

ที่อย่างน้อยถึงแม้คุณหมอจะไม่ได้มีโอกาส

มาสร้างบุญที่บ้านสวนบ่อยๆ

แต่คุณหมอก็สร้างบุญด้วยตนเอง

โดยเริ่มทำการรักษา +เผยแพร่

ตามแบบฉบับบ้านสวนแล้ว

ถึงแม้ตอนนี้คุณหมอจะยังไม่ชิน

แต่คิดว่านานๆไป 

"ทุกข์ของคนไข้" อาจทำให้คุณหมอ

กล้า และฝ่าฝันภารกิจนี้

ได้โดยไร้ความกังวลแน่นอนค่ะ

เหมือนลูกๆบ้านสวนไงคะ

ที่แต่ก่อนไม่ค่อยกล้าสารภาพบาป

แต่ตอนนี้แย่งกันคิวยาวแน่นเอี๊ยด อิอิ

*******************************

หมอไม่เคยเจอน้องหญิง เห็นแต่ในรูปนะ 

ขอบพระคุณในคำชมค่ะคุณหมอ

แต่จริงๆแล้วหญิงก็เหมือนวัยรุ่นตามวัยทั่วๆไปแหละค่า

ไม่ได้มีดีอย่างที่คุณหมอชมมาเลยค่ะ อ่านแล้วอาย แหะๆ

คงเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านดลบันดาลมามากกว่าค่ะ

เพราะลำพังสมองขี้เลื่อยอย่างญ

เม้นได้แต่เรื่องไร้สาระค่ะ อิอิ

อาจารย์อุบลคะงานนี้ไม่รู้ว่าจะรวมเอาศาสนายิว ด้วยหรือเปล่า

เพราะหมอ William ซึ่งทำงานกับคุณหมอกำพลอยู่ที่รพ.แม่ฟ้าหลวงเหมือนกัน เขาเป์นหมอที่มาจาก Florida เคยเป็นทหารอเมริกันในสงครามเวียตนาม เมื่อตอนที่เขาอายุ 17 ปี ขณะนี้อายุ 49 ปี

เขาไม่เชื่อเรื่อง karma เพราะ สมัยสงครามเขาได้ฆ่าคนตายมากมายโดยที่เขาพูดว่าไม่บาปเพระทำตามคำสั่ง โดยเฉพาะ ประธานาธิบดีBush ทั้งพ่อและลูกแต่ประธานาธิบดีก็ยังมีความสุขและร่ำรวย กันในครอบครัว (ลึกๆแล้วเขาก็คงกลัวผลแห่งกรรมที่เขาได้ฆ่าคนละมั้งเลยพยายามปฏิเสธไว้ก่อน) ส่วนเด็กที่เกิดในเวียตนามทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ทำบาปอะไรก็คลอดออกมาพิการแล้วก็ตาย ซึ่งก็เป็นผลจากแม่ได้รับสารเคมี ซึ่งทหารอเมริกันโปรยลงมาในสงครามเวียตนามที่เรียกกันว่า ฝนเหลือง

หมอก็พูดว่า เด็กพวกนั้นต้องเคยได้ทำbad karma นะสิ ถึงมาเจอเรื่องแบบนี้ เป็นกงกรรมกงเกวียน ดูเขาไม่ยอมรับเพราะเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเหมือนคนที่ไม่มีศาสนา แต่เขาก็บอกว่าเขาเป็นยิว  คุยกันเป็นภาษาอังกฤษกลัวจะใช้คำพูดผิดๆก็เลยต้องรีบหยุด แต่เขาก็พยายามอุทิศตัวเองช่วยเหลือคนยากจนใน เอเชีย(เหมือนเป็นการไถ่บาปนะ)

ไม่เหมือนคุณโจที่เข้าใจง่ายหน่อย คงเป็นเพราะเขาเคยบวขเรียนทางพุทธศาสนามาก่อน มาเปลี่ยนเป็นศาสนาคริตส์ ตามภรรยาที่เคร่งมากๆภายหลัง ท่าจะดุด้วยหรือเปล่าเนาะ อิ อิ

น้องหญิงไม่ต้องถ่อมตัวหรอกคะ  

สงสัยจะเป็นมนุษย์ต่างดาวมาเกิดหรือเปล่านะ ถึงได้เจ๋งอย่างนี้ 

หมู่นี้

คุณหมอวัฒ

หายไปไหนน้า

อาทิตย์หน้า ป้าเตือน

จะมาบ้านสวนแล้วนะคุณหมอ

คิดถึงนะคะ

คุณหมอวัฒคะ

หมอวิลเลี่ยม คงกลัว

มากกว่า  อย่างที่คุณหมอว่า

นั่นแหละค่ะ  ทุกคนทำอะไรไว้

จะจดจำอยู่ในจิตใต้สำนึก

หมอวิลเลี่ยม

ก็เช่นกัน

ถ้าไม่กลัว

คงไม่จำขนาดนี้

ส่วนนักการเมือง

ไม่ว่าชาติไหน ที่ฆ่าคน

สั่งฆ่า

อันนี้

ไม่ต้องห่วง

เราต้องจับตาดู ต่อไป

ชีวิตนี้ ยังไงก็ได้เห็น

อันที่จริง

เราก็เคยเห็นผู้นำหลายประเทศ

เสียชีวิตไปเยอะแล้ว

ด้วยโรคร้าย

และ

อุบัติเหตุ ลอบสังหาร

อันนี้

ไม่ใช่เรื่องที่จะมาสรุป

กันตอนนี้ ว่าไม่เห็นเป็นไรเลย

บางที

กรรม มันก็หลอกเรา

ให้เห็นว่า ทำแล้วไม่เห็นเป็นไร

อันที่จริง

คนยกตัวอย่าง

ก็คงจะคอยสังเกตอยู่

เหมือนกันนะ

ถึงได้อ้างอิง บู๊ช ขึ้นมา

เอาหละ

คอยฟังข่าวให้ดี

นะจ๊ะ

คุณหมอกำพลมีประชุมวิชาการ และเล่าเรื่อง stem cellsให้คนเชียงรายฟังในวัน ที่ 5-6 พค.ที่ผ่านมา หมอก็เลยต้องไปช่วย คนมาไม่มากอย่างที่หวัง แต่หมอก็ได้เรียนรู้มากจากหมอฝรั่งที่ทำงานกับคุณหมอกำพลเรื่อง stem cells ชื่อ Dr. Dee เป็นหมอจบจาก อเมริกา แต่เขาบอกว่า ตระกูลของเขาเป็น มาเฟียอยู่ใน Italy

เรื่องแปลกของDr. Dee คือเขาได้รับอุบัติเหตุ รุนแรงที่กระโหลกศรีษะ ชนิดที่หมอบอกกับแม่ของเขาว่า เขามีหวังเป็นเจ้าชายนิทรา แต่หลังจาก 19 วันที่เขานอนไม่รู้สึกตัว เขาก็ฟื้น แล้วพฤติกรรมของเขาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นพูดถึงแต่ Buddha ตลอด เขาเล่าว่าขณะที่เขานอนไม่รู้สึกตัวนั้น ได้ยินเสียงคนพูดกับเขาตลอดแล้วอยู่ๆท่านก็บอกว่าได้เวลากลับไปแล้ว เขาก็ตื่นขึ้นทันที่ทำเอาพวกหมอและพยาบาลแตกตื่นกันไปหมด พอเขาฟื้นขึ้นมาเขามีความสนใจและจะพูดเกี่ยวกับศาสนาพุทธตลอด แล้วก็มี six sense รู้อะไรบางอย่าง

คุณหมอกำพลคิดว่า เขาได้พบพระพุทธเจ้า

ขออนุโมทนา

กับหมอกำพล และ เรื่องเล่า

จากคุณหมอวัฒนาค่ะ

จะว่าไป ผู้ที่ได้มาร่วมงาน

กับอาจารย์หมอกำพล เนี่ย

รู้สึกว่า แต่ละท่าน ไม่ธรรมดา

กันทั้งนั้นเลยนะคะเนี่ย

โดยเฉพาะคุณหมอวัฒนา ลูกบ้านสวนฯ 

กราบอนุโมทนาในธรรมทาน

จากท่านอ.อุบลและ คุณหมอ วัฒนา ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

โมทนาบุญกับหมอวัฒคนสวยค่ะ   ที่ทำหน้าที่

ได้ดีค่ะ สมแล้วเป็นลูกหลานบ้านสวนพันแท้

และโมทนาบุญกับธรรมทานทุกๆธรรมทานค่ะ

กราบขอบพระคุณธรรมทานของท่านอ.อุบลค่ะ

  กราบ           กราบ           กราบ

ขออนุโมทนาบุญ

กับคุณหมอวัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์

ที่ร่วมบุญกับบ้านสวนพีระมิด

200,000 บาท

(สองแสนบาทถ้วน)

ขอให้บุญนี้

ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวร

ของคุณหมอ

แม้ว่าจะหายแล้วทั้ง 3 โรค

ก็ส่งบุญนี้ให้เจ้ากรรม

สูงยิ่งขึ้นไปอีก

และ

ถึงแก่เทวดาที่รักษา

คุณหมอ คุณแม่ และ บุคคล

อันเป็นที่รักทุกคน

รวมทั้ง

ท่านที่ได้ร่วมอนุโมทนา

พุธ 31 พ.ค.55

แมวขอ โมทนา สาธุ...

กับบุญที่คุณหมอวัฒนา

ตั้งมั่น ร่วมบุญกับ

บ้านสวนพิรามิด ทุกบุญค่ะ

สาธุ ๆๆๆๆๆๆๆๆ

 ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับ

คุณหมอวัฒนา  ชัยจำรูญพันธุ์

ที่ร่วมบุญกับบ้านสวนพีระมิด

ด้วยปัจจัย 200,000 บาท

และขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่าน

ที่ร่วมบุญ

ด้วยปัจจัย แรงกาย และสิ่งของ

สาธุ สาธุ สาธุ

ขออนุโมทนาบุญ

กับคุณหมอวัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์

ที่ร่วมบุญกับบ้านสวนพีระมิด

200,000 บาท

(สองแสนบาทถ้วน)

สาธุ สาธุ สาธุ

........

ขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอวัฒนาด้วยค่ะ

สาธุๆๆๆๆๆ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอวัฒนาด้วยนะครับ 

ขอ โมทนา สาธุ...

กับบุญที่คุณหมอวัฒนาร่วมบุญกับ

บ้านสวนพิรามิด ทุกบุญค่ะ

สาธุ ๆๆ

ขออนุโมทนากับคุณหมอในทุก ๆ บุญด้วยค่ะ และขอเป็นกำลังใจในการทำหน้าที่ของคุณหมอด้วยค่ะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์

ที่เมตตามาแจ้งบุญให้พวกเรา

ได้มีโอกาสได้ร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ

และชนิดาก็ขออนุโมทนาบุญ

กับคุณหมอวัฒนาด้วยนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 สาธุ ขออนุโมทนากับทุกๆ บุญ จากคุณหมอวัฒน์ ด้วยนะครับ

 โมทนาบุญ ด้วยนะคะ คุณหมอวัฒนา 

ขอบพระคุณท่านอ.ที่นำบุญมาบอกลูกๆค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 อนุโมทนากับคุณหมอวัฒน์ด้วยนะคะ

สาธุ

 ขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอด้วยค่ะ  สาธุ

ขอนุโมทนาบุญ

กับคุณหมอวัฒนาด้วยค่ะ

สาธุ

ขออนุโมทนาบุญทุกบุญกับคุณหมอวัฒนาด้วยนะคะ

สาธุค่ะ  และขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอทำหน้าที่ตามสัญญาเดิมอย่างเต็มที่เลยนะคะ สู้ๆ ค่ะ