ขณะที่ผมเขียนเรื่องนี้ ตัวผมเองกำลังทำรายงานเกี่ยวกับศาสนาอิสลามอยู่...
แต่ไหงจู่ๆมาคิดถึงพุทธได้ก็ไม่ทราบ
อาจจะเรียกว่าอารมณ์อยากเขียน เพราะหาทางระบายอารมณ์เล่น หลังจากนั่งตันศาสนาอิสลามมาหลายชั่วโมงแล้ว (ศาสนาเขานี่คำสอนเยอะและละเอียดมากๆ จะวางแต่เนื้อๆในPaper 2 หน้านี่ ต้องกรองแล้วกรองอีก)
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
วันนี้ไม่ทราบนึกอย่างไรขึ้นมา ตั้งชื่อไว้ใน MSN ว่า ผมไม่ได้กลัวความตาย แต่กลัวชีวิตหลังความตาย ว่าจะไปตก ณ ภพภูมิใด
เราจะมาพูดกันถึงเรื่องนี้แหละครับ
บอกให้เข้าใจกันไว้ก่อนว่าผมไม่ได้มาเทศนาสั่งสอน แต่ถือซะว่ามาเสนอธรรมะในศาสนาพุทธเรื่องหนึ่งก็แล้วกัน ถ้าเชื่อเรื่องเวรกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องนี้อาจจะทำให้คุณกลัวขึ้นมาได้ แต่ถ้าไม่เชือ เรื่องนี้ก็เป็นทัศนะหนึ่งของศาสนาพุทธเท่านั้น
แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมก็ไม่ได้มองว่าผิดหรือถูกหรอกครับ
ศาสนาพุทธของเราเชื่อในเรื่องของเวรกรรม และการเวียนว่ายตายเกิด
วงจรของการเวียนว่ายตายเกิดนี้ พวกเรารู้จักกันดีว่า สังสารวัฏ ภาษาพุทธปรัชญาเรียกว่า วงจรปฏิจจสมุปบาท เป็นหนึ่งในสมุทัย หรือเหตุแห่งทุกข์
ผมจะพูดให้เข้าใจง่ายๆว่า วงจรสังสารวัฏเป็นทุกข์ ก็เพราะมันวนเวียนอยู่อย่างนี้ เกิดแล้วเกิดอีก เกิดมาต้องเจอกับอะไรบ้าง เราๆเองก็มีประสบการณ์ต่างกัน แต่ถามกันตรงๆว่าใครเกิดมาไม่เคยทุกข์บ้าง ก็เห็นจะไม่มี
นี่คือสาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงหาทางพ้นทุกข์ หรือก็คือพ้นสังสารวัฏไงครับ เราเรียกทางนั้นว่านิพพาน ก็คือไม่กลับมาเกิดอีก เมื่อไม่กลับมาเกิดอีกก็ไม่เป็นทุกข์ เข้าใจง่ายๆแค่นี้ก่อนนะครับ
นี่คือสาเหตุที่ผมกลัวชีวิตหลังความตาย และไม่กลัวความตาย
ความตายมีอะไรน่ากลัวหรือ? ก็น่ากลัวจริงๆในทรรศนะหนึ่งสำหรับคนที่เคยเฉียดความตายมาแล้ว แม้แต่ผมก็ด้วย ครับ ผมเคยบอกตนเองว่าไม่กลัวตาย แต่ผมก็กลัวเมื่อต้องรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย ประสบการณ์นี้ขอปิดไว้เป็นความลับดีกว่า เพราะมันคงจะไม่ใช่ประเด็นสักเท่าไร
แต่ถ้ามานั่งพิจารณาความเป็นจริงแล้ว ที่เรากลัวตายก็เพราะเรากลัวที่จะสูญสิ่งที่เรามีในชีวิตนี้ไป กลัวสูญเสียพ่อแม่ กลัวไม่ได้เจอกับคนที่เคยเจอ กลัวเพราะยังมีห่วงมากมาย ทั้งเรื่องงาน ความรัก บลาๆๆ สารพัดครับ - -"
ดังนั้น เรามองได้สองแบบเกี่ยวกับชีวิตเพื่อลดความกลัวตายลง มองแบบทางโลก ก็คือ เราเกิดมาแล้ว ไอ้ที่เราสะสมมา มันก็ไม่จีรังยั่งยืน พ่อแม้พี่น้อง ทุกอย่างในชีวิตทื่เรารัก จริงๆเราก็เคยพบกันมาแล้วทั้งนั้น (คือทำกรรมไว้ด้วยกัน เราถึงมาเจอกันในชาตินี้) ถ้าจะจากไปเร็วกว่าพวกเขา ก็จะทำไม ชาติหน้าก็ยังต้องเจออีกอยู่ดี เพราะงั้นม่ายต้องกลัว คิดแบบนี้คิดง่ายๆให้ความหวังตัวเองว่าไม่ได้จากไปไหนไกลนักหรอก แต่มันจะไม่ทำให้เราหลุดพ้นสักเท่าไรนะครับ เพราะยังมีการยึดติดชาติภพอยู่
กับอีกแบบ คิดแบบธรรมะ คือ ร่างกายนี้เรามาอาศัยชั่วคราว เดี๋ยวเราทิ้งไป เราก็ไปสู่ร่างใหม่ ก็แค่นั้นเองวนเวียนไปมากี่ชาติแล้ว ตายไม่รู้กี่ทีแล้ว ตายอีกก็แค่ข้ามไปภพใหม่เอง ข้าวของเงินทอง ทุกอย่างที่เรามี เราก็แค่สร้างมันไว้เราไม่ไปจากมัน มันก็ต้องไปจากเรา (ผุพัง สูญสลาย) วันยันค่ำ จะไปติดใจอะไรกับมันมาก มันเป็นแค่เปลือกเท่านั้น
แบบนี้ความกลัวตายจะลดลงบ้าง แต่นั่นก็ขึ้นกับว่า เมื่อถึงเวลาตายจริงๆจะคิดได้แบบนี้ไหมน่ะนะ