ReadyPlanet.com


ความลับของพีระมิดของชาวแอตแลนติส


ความลับของปีรมิดของชาวแอตแลนติส


 



"คัมภีร์มรกต" (The Emerald Tablets) - ความลับของปิรามิดของชาวแอตแลนติส

.... นัก ประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีเชื่อว่า มหาปิระมิดแห่งกีซากับสฟริงส์ ในประเทศอียิปต์ ถูกสร้างเมื่อ ประมาณ 2,900 ปี ก่อนคริสต์กาลแต่ สิ่งที่จะนำมาพูดถึงต่อไปนี้ เป็นความจริงที่ โหรเทวดา "เอ็ดการ์ เคซี" ได้เปิดเผย (ใช้หลักของการรับรู้ ทางจิต) ซึ่งข้อมูลที่จะนำเสนอ เอ็ดการ์ เคซี มิได้พึ่งพาเอกสาร หรือการค้นคว้าใดๆทั้งสิ้น เช่นเดียวกับการทำนายอื่นๆ ผมจะขอนำเสนอ ตามที่ได้รับรู้มาจาก หนังสือมังกรจักรวาล ภาค 2 ชื่อตอน เทพอวตาร ของ ดร.สุวินัย ภรณวลัย วัตถุประสงค์ที่ผมต้องการนำเสนอนี้ เพราะผมเห็นว่า น้อยคนนักที่จะ รู้ว่า หนังสือ มังกรจักรวาล มีดีเช่นไร เนื่องมาจาก ราคาแพง ชื่อเรื่องไม่น่าสนใจเท่าที่ควร จึงยากที่หลายคนจะได้รับรู้ข่าวสารจากหนังสือเล่มนี้ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับจากหนังสือมังกรจักรวาลทั้ง 4 ภาค คุ้มค่ามาก กับการสูญเสียเวลาไปกับการอ่านหนังสือเล่มหนาแหล่านั้น เพราะได้รับสิ่งสำคัญกับการดำรงชีวิตและจุดหมายปลายทางที่พึงสำนึกไว้ และเพื่อประโยชน์ของท่านผู้อ่าน ผมจึงขอนำเสนอ จากสิ่งที่ผมได้รับรู้มา "บางส่วน ของ มังกรจักรวาล"
มหาปิรามิดแห่งกีซา ถูกสร้างขึ้นราวๆ หนึ่งหมื่นปีก่อนคริสต์กาล ใช้เวลาก่อสร้าง 100 ปีเต็ม โดย "พลังจักรวาล"

….. ตลอดช่วงเวลาสองแสนห้าหมื่นปี อียิปต์ยังเป็นดินแดนอยู่ใต้ทะเล อยู่เหนือพ้นน้ำก็มีทะเลทรายซาฮาร่า กับดินแดนตอนบนของลุ่มแม่น้ำไนล์ เมื่อดินแดนอื่นๆ เริ่มผุดขึ้นมาเป็นแผ่นดิน ก็ยังเวลาอีกนาน ที่อียิปต์จะกลายเป็นพื้นที่ที่คนอยู่อาศัย คนเผ่าแรกที่มาอาศัย เป็นคนผิวดำ อาศัยอยู่นะบริเวณตอนบนของลุ่มแม่น้ำไนล์ หลังจากนั้น ก็มาถึงยุคของพระเจ้าไร ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองอียิปต์ พระองค์มีพระปรีชาสามารถมาก เกี่ยวกับเรื่องทางจิตวิญญาณ เข้าใจเกี่ยวกับกฎของจักรวาล และพระองค์ได้ทรงพยายามอย่างยิ่ง ที่จะให้ประชาชน เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย เพื่อให้มนุษย์เป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง พระองค์ทรงทราบเรื่องนี้จากการศึกษาธรรมชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับจักรวาล วิวัฒนาการของมนุษย์เป็นวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณขั้นตอนต่างๆ คำสอนต่างๆของพระองค์ ได้ถูกบันทึกไว้ในแผ่นหินและแผ่นไม้ กลายเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มแรกๆ ที่มีผู้รู้จักในชื่อ "คัมภีร์มรณะอียิปต์" พระเจ้าไรปกครองอียิปต์เป็นเวลา 199 ปี จนคนรุ่นหลังๆบูชาพระองค์เป็น "เทพเจ้า" องค์หนึ่ง แต่การปกครองของพระองค์มิได้ต่อเนื่อง เพราะถูกรุกราน จนพระองค์ต้องเสียราชบัลลังก์ การถูกรุกรานเกิดขึ้นเมื่อ 11,016 ปี ก่อนคริสต์กาล หรือราวๆ 300 ปี ก่อนที่จะเกิดการระเบิดครั้งสุดท้ายในทวีปแอตแลนติส (ซึ่งเป็นผลให้แอตแลนตีสจม) มีชนผิวขาวกลุ่มใหญ่ โดยการปกครองของพระเจ้าอารีท บุคคลผู้นี้มีความเลื่อมใสในพระหนุ่มรูปหนึ่ง ที่มีความสามารถดุจผู้วิเศษ ชื่อราตะ พระราตะได้ทำนายไว้ว่า ชาวเผ่าซูที่อพยพมาจาก อารเบีย จะรุกร้ำเข้ามาในอียิปต์ และต่อไปรัฐอียิปต์จะเป็นรัฐชั้นนำแห่งยุค เมื่อได้ฟังคำทำนายนั้น พระเจ้าไรก็เอาแต่หมกมุ่นค้นคว้าในเรื่องอภิปรัชญา ไม่ใส่ใจกับการปกครองบ้านเมือง จึงทำให้พระเจ้าอารีท ยึดอียิปต์ได้โดยง่าย อย่างแทบจะไม่มีการต่อต้าน ส่งผลให้ ทั้งสองประนีประนอมกัน พระเจ้าไรก็ยอมสละราชบัลลังก์ให้พระเจ้าอารีท โดยยกธิดาโฉมงามของพระองค์ ให้เป็นพระชายา และสละราชสมบัติให้แก่ราชบุตรของพระองค์ชื่ออารารัท โดยพระองค์หันมาเป็น ที่ปรึกษาคอยค้ำบัลลังก์ ให้แก่ราชบุตรของตนแทน

"คัมภีร์มรกต" ความลับของปิรามิดของชาวแอตแลนตีส"

ความเป็นมาของคัมภีร์มรกต

"…ที่มาของคัมภีร์มรกตที่ผมแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษนี้ ช่างน่าพิศวงเหลือเกิน เพราะ มันมีอายุเก่าแก่มาก ถึง 36,000ปี ก่อนคริสต์กาลทีเดียว ผมรับรองว่า พวกนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่มีทางยอมเชื่อในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ผู้เขียนคัมภีร์มรกตนี้ เป็นชาวแอตแลนติส ชื่อ โธท หรือเรียกอีก อย่างหนึ่งว่า เฮลมอส ภายหลังจากที่ทวีปแอตแลนติสล่มสลายจมลงใต้สมุทรแล้ว โธทได้ไปสร้างอาณานิคมแห่งหนึ่งของแอตแลนติสที่อียิปต์โบราณ โธทนี่แหละ ที่สร้างมหาปิรามิดแห่งกีซา แต่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผลงานของพระเจ้าคีออปส์ โธทได้บรรจุองค์ความรู้และภูมิปัญญาโบราณของตนซ่อนเอาไว้ใต้มหาปิรามิด พร้อมกับบันทึกของแอตแลนติสและเครื่องมือต่างๆ…" "โธทปกครองอียิปต์โบราณ เป็นเวลา 16,000 ปี ในช่วงห้าหมื่นปีถึงสามหมื่นสี่พันปีก่อนคริสตกาล เขาได้ฉายาจากผู้คนว่า เป็นเทพผู้อมตะ คัมภีร์มรกตถูกเก็บเอาไว้ในมหาปิรามิด และได้รับการดูแลโดยเหล่าศิษย์ของโธทหลังจากที่โธทจากอียิปต์ไปแล้ว ซึ่งคัมภีร์นี้มีอยู่ทั้งหมด 12 แผ่น

ต่อ มาในราว หนึ่งพันสามร้อยปีก่อนคริสต์กาล เกิดความวุ่นวายในอียิปต์ กลุ่มพระผู้ดูแลมหาปิรามิด ได้นำคัมภีร์มรกตไปที่อเมริกาใต้ ที่เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของแอตแลนติสเหมือนกัน นั่นคือชาวเผ่ามายา"

"ในศตวรรษที่ 10 ชาวเผ่ามายาได้อพยพไปที่อื่น คัมภีร์มรกตได้ถูกซ่อนไว้ใต้แท่นบูชาของวิหารที่บูชาพระอาทิตย์"

"มหาปิรามิดแห่งกีซามิใช่ห้องเก็บศพของพระราชา แต่เป็นอารามถ่ายทอดวิชาเร้นลับต่างหาก ตัวผมได้บุกป่าฝ่าอันตรายคนเดียวเข้าไปพบคัมภีร์มรกตนี้
ที่ประเทศเม็กซิโก เมื่อปี 1925 แต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้นำฉบับจริงออกมา จึงได้แต่คัดลองคัมภีร์นี้กลับมาแทน"

แน่นอนว่า มีแต่ ดร.โดเรียลคนเดียวเท่านั้นที่อ่านรู้เรื่อง ส่วนความน่าเชื่อถือ ผมคิดว่า ยังสู้ของ เอ็ดการ์ เคซี่ที่มีผลงาน "การอ่าน" ในอดีตพิสูจน์ยืนยันไม่ได้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งสองท่าน พูดเหมือนกันว่า มหาปิรามิดถูกสร้างโดยชาวแอตแลนติสที่ชื่อ เฮลเมส"

ดร.โดเรียลผู้แปลและขยายความ "คัมภีร์มรกต" ได้พูดถึงลักษณะคัมภีร์ว่า

เป็นแผ่นโลหะสีมรกต 12 แผ่น ที่ไม่มีวันเป็นสนิมหรือผุกร่อน ร้อยด้วยห่วงสีทอง อักษรที่จารึกเป็นภาษาแอตแลนติสโบราณ


คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 1

กล่าวถึง ความเป็นมาของชาวแอตแลนติสชื่อโธท โดยโธทเล่าเรื่องตัวเองว่า เขาต้องการบันทึกองค์ความรู้อันยิ่งใหญ่ของ แอตแลนติสไว้ให้คนรุ่นหลัง

โธทบอกว่า ทุกๆพันปี และทุกๆห้าสิบปี เขาจะทำการ "อวตาร" และชุบร่างกายให้หนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง โดยเข้าไปในอารามศักดิ์สิทธิ์และนอนใต้ "ดอกไม้แห่งชีวิต" หรือ อาบ "ไฟแห่งชีวิต" ตอนที่โธทเขียนคัมภีร์เล่มนี้ เขามีอายุ ห้าหมื่นปีแล้ว โธทบอกว่า เขาสามารถตั้งจิตให้ดวงวิญญาณของเขา ไปเกิดในร่างอื่นหรือชีวิตอื่นได้ โดยร่างเดิมของเขายังนอนหลับอยู่ เขาจึงสามารถเดินทางไปทั่วจักรวาลได้โดยเพ่งจิตไปที่หัวใจของตน เพราะที่นั่นมีความเร้นลับอันยิ่งใหญ่ดำรงอยู่ โธทและผู้ติดตามนั่ง "จานบิน" ไปยังอียิปต์และใช้ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่ควบคุมโดยอำนาจจิต สามารถปล่อยแสงปล่อยพลังได้ต่างๆนานา สะกดให้ผู้คนที่นั่น ยอมรับในตัวเขาคือเทพเจ้าและเป็นบุตรของพระอาทิตย์

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 2

โธทบอกว่า ที่ตั้งของอารามศักดิ์สิทธิ์ที่เขาใช้ชุบร่างกายทุกห้าสิบปี นั้น อยู่ใต้ทวีปแอตแลนติส ณ ที่อารามนั้น เป็นศูนย์รวมของ "พลังชีวิต" ที่ค้ำจุนสรรพชีวิตบนพื้นโลก ที่เรียกว่า "ดอกไม้แห่งชีวิต" ซึ่งทำหน้าที่เดียวกับ "โซล่าเพลกซัส" (จักรสะดือ) ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเก็บพลังชีวิตของมนุษย์ โดยมีทางเข้าของพลังอยู่ที่กลางกระหม่อม (จักรมงกุฎ)

เมื่อโธทได้ฝึกฝน "พลังชีวิต" (ปราณ) จนตัวเขาบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้แล้ว
เขา สามารถเลือกวิธีแห่งการทำงานของเขาได้อย่างเสรี จะไปอยู่ดวงดาวอื่นหรือภพอื่น หรือจักรวาลอื่นก็ย่อมได้ดังใจปรารถนา แต่ตัวเขากลับตัดสินใจอยู่ในโลกนี้ต่อ และทำงานให้โลกนี้ต่อ เพื่อเป็นผู้นำแห่งการชี้นำจิตวิญญาณของหมู่มนุษย์ ให้หลุดพ้นจากความมืดมิด และฟื้นฟู "ความเป็นเทพ" หรือ "ความเป็นพระเจ้า" กลับคืนให้แก่มวลมนุษย์


คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 3

โธทกล่าวถึงกุญแจที่จะไขไปสู่ "ปัญญา" ที่จะนำมาซึ่ง "พลัง" และพลังจะทำให้เกิดปัญญาว่าอยู่ที่ความถ่อมตัว เพราะ ผู้ที่ยะโสหลงตัวเองคือคนโง่ที่ปฏิเสธที่จะเรียนรู้

คน เราพึงปฏิบัติตามคำสั่งของ "คุรุ" หรือสิ่งที่อยู่ในตัวเรา หรือ "อาตมัน" ทรัพย์สมบัติเป็นเพียงวิธีการ ไม่ใช่เป้าหมาย เมื่อความต้องการทางวัตถุได้รับการตอบสนองแล้ว ควรหันมาสนใจยกระดับจิตวิญญาณ "อาตมัน" หรือ "ใจที่แท้" ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งกลางของหัวใจ ที่เชื่อมโยงกับต่อมไพนีลในสมองได้ "ใจที่แท้" นี้ไม่แค่สนใจแสวงหาเรื่องความมั่งคั่งเลย มันสนใจแต่เรื่อง "ความเป็นพระเจ้า" หรือ "ความบริสุทธิ์ของจิตเท่านั้น"

"ความ รัก" เป็นจุดเริ่มต้นของ "ทาง" และเป็นจุดสิ้นสุดของ "ทาง" โธทเน้นความเป็นเอกภาพของทุกๆสิ่งในจักรวาล ที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วย "ความรักอันยิ่งใหญ่" ความสงบเงียบ คือกุญแจสำคัญไปสู่ความรุดหน้า จงใช้ความสงบเงียบรักษาพลังภายในตัวเราไว้ อย่าหลงตัวเอง ว่าเรายิ่งใหญ่กว่าใครอื่น เพราะทุกคนต่างก็เป็นเพชร ต่างกันที่บางคนเป็นเพชรที่ยังไม่เจียระไนเท่านั้น ร่างกายเป็นธาตุดินที่หยาบ จิตเป็นธาตุไฟที่ละเอียด ก่อนที่จิตวิญญาณจะเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับ "พระอาทิตย์ดวงแม่" (พระอาทิตย์ในโลกทิพย์) จิตวิญญาณจะต้องละจากร่างกายที่เป็นวัตถุหยาบเสียก่อน พลังสร้างสรรค์เกิดจากการเปิดตาที่สามหรือต่อมไพนีล คน ธรรมดาตาที่สามจะเปิดอยู่เล็กน้อย ต้องฝึกฝนให้ตาที่สามเปิดกว้างเต็มที่ เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปรมาตมันได้ มีแต่ความเพียรกับประสบการณ์เท่านั้น ที่จะทำให้จิตใจหลุดพ้นจากความมืดมิดได้ วัตถุเป็นเพียงรูปการที่แสดงออกมาของจิตเท่านั้น ขั้นสุดท้ายวัตถุกับจิตจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันสรรพ สิ่งล้วนอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มนุษย์เพียงใส่ "จิต" เข้าไปในกฎของธรรมชาติเท่านั้น "ปัญญา" จะมาหาแก่ผู้แสวงหามัน สิ่งสำคัญคือ "โลกทางวัตถุคือมายาที่เกิดจากใจของผู้ที่มีอวิชชา แต่โลกวัตถุนี้ก็เป็นการสำแดงตนของพระเจ้าผู้สร้างโลกด้วยเช่นกัน (กฎของจักรวาล) ไม่ว่าจะเป็นยุคใดก็ตาม "ผู้ที่ตื่นแล้ว" จะได้รับแสงสว่าง ปัญญา และความเร้นลับเสมอ จากเนื้อความข้างต้น หากท่านได้อ่าน หัวข้อ ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ กับศาสนาตะวันออก คงพอเห็นถึงความ "เหมือน" ของสิ่งที่ศาสนาตะวันออก ได้ "สำแดง" ออกมา


คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 4

โธทได้กล่าวถึงประสบการณ์ทางจิตในการท่องจักรวาล จนเขาได้พบกับ "จิตสำนึกแห่งจักรวาล" และได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึงของจิตสำนึกแห่งจักรวาลนี้ ดุจความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับเซลล์สมอง

โธทได้แนะวิธีถอดกายทิพย์ออกจากกายหยาบว่า วิธีที่ดีที่สุดคือการขยาย "โซล่าเพลกซีส" (จักรสะดือ) หรือ "ดอกไม้แห่งชีวิต" ในกายคนให้ใหญ่ขึ้น จนพลังชีวิตไหลเข้ามากระตุ้นกายหยาบให้ทำงานอย่างมีชีวิตชีวา เพื่อเป็นการเตรียมให้จิตออกจากร่างได้ราบรื่น ต่อไป ทำการอดอาหารในช่วงสั้นๆ ราวๆหนึ่งวัน เพื่อตัดความรู้สึกภายนอกและไม่พูดจาใดๆ อยู่ในความสงบ เมื่อความสงบบรรลุถึงภาวะสมบูรณ์ โดยผ่านการโน้มนำแห่งจิตแล้ว ให้เพ่งจิตไปที่ต่อมไพนีล ที่เป็นที่ตั้งของจิตวิญาณ ก่อนที่จะนึกถึงสถานที่ที่กายทิพย์ต้องการจะไป โดย จะต้องทำการสั่นขึ้นที่ต่อมไพนีล จากนั้นให้จิตหมุนภายในสมอง แล้วให้จิตเคลื่อนที่ออกนอกศีรษะไปตามเส้นโค้งที่เกิดจากการหมุนข้างในนั้น (เป็นหลักการที่เหมือนกันอย่างน่าทึ่ง ของ "สมาธิหมุน" (สมาธิหมุน หรือมังกรจักรวาลภาค 1 เขียนโดย ดร.สุวินัย) กับสิ่งที่โธทกล่าว)

การสั่น (Vibration) เป็นความเร้นลับอันยิ่งใหญ่ สรรพสิ่งล้วนเป็นความสั่นของคลื่นทั้งสิ้น การสั่นของคลื่น เป็นกุญแจของการสร้างจิตที่หลุดพ้น หากอยากเข้าถึงปัญญา ก็ต้องหมั่น "ภาวนา" เพราะการภาวนาเป็นการปรับการสั่นของคลื่น ให้สอดคล้องกับพระผู้เป็นเจ้า

(การสั่น = การปรับคลื่น จูนคลื่น เพื่อเข้าสู่ความถี่ความถี่หนึ่ง ที่ยังเข้าไม่ถึง และไม่สามารถมองเห็น)

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 5

โธท กล่าวถึง เหล่าที่พำนักอยู่ที่เกาะอุนาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดเกาะของดินแดนแอตแลนติส และเล่าถึงการพาชาวแอตแลนติสกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ขึ้นจานบินมาที่อียิปต์ ก่อนที่ทวีปแอตแลนตีสจะล่มสลาย หลังจากที่ทำให้ชาวอียิปต์นับถือบูชาได้แล้ว โธทก็ได้สร้าง ปิรามิด กับ สฟิงส์ ขึ้นมา

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 6

โธทถ่ายทอดเคล็ดลับการเอาชนะพลังมืดเอาไว้ หากเป็นพลังมืดจากภายนอก ให้เข้าไปอยู่ในห้องมืด และปิดวงกลมล้อมรอบตัวเองไว้ เพราะวงกลมสามารถ มีพลังป้องกันภูตร้ายได้ จากนั้นก็ท่องชื่อ คุรุทั้งเจ็ด ดังนี้ Untanas , Quertas , Chietal , Goyana , Huertal , Semveta , Ardal

แต่ถ้าเป็นพลังมืดภายในจิตใจ ให้สร้างความสั่นขึ้นภายในต่อมไพนีล ก่อนที่จะขับออกไปจากร่างกายพร้อมกับลมหายใจออก

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 7

โธทบ อกว่า ชีวิตคนเต็มไปด้วยอุปสรรค มีหลุมพลางต่างๆ ที่คอยฉุดให้มนุษย์ลงสู่หนทางที่ตกต่ำ ดังนั้น ผู้แสวงหาทุกคน ควรตั้งเป้าหมายชีวิตไว้กับการเป็นหนึ่งเดียวกับจิตสำนึกแห่งจักรวาล จงเพ่งกระแสจิตและความคิด ไปข้างในตัวเอง เพื่อค้นพบ "จิตวิญญาณที่เป็นแสง" อยู่ข้างใน และเมื่อนั้น ตัวเราก็จะเป็น "คุรุ" ของตัวเรา

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 8

โธทบ อกว่า ในสัญลักษณ์ต่างๆ จะมีกุญแจไปสู่ปัญญา ได้โดยที่ปัญญาก็คือความรู้เกี่ยวกับ "การประยุกต์ใช้กฎแห่งจักรวาล" นั่นเอง บางครั้งปัญญาก็แฝงอยู่ในความมืด ต้องใช้ความพยายามเสาะหาเอง ความเป็นแสง ซ่อนตัวอยู่ในความมืดฉันใด ปัญญาที่แท้จริง ก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดฉันนั้น

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 9

โธทบ อกให้แสวงหาความเป็นวงกลม เพราะวงกลม (จักร) เป็น สัญญลักษณ์ที่แสดงถึง ความสมบูรณ์ของการเป็นช่องทางให้พลังจักรวาล ไหลผ่านศูนย์ต่างๆในร่างกาย การใช้ภาษาก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะภาษาคือคลื่นหรือความสั่น ที่ปลดปล่อยพลังออกมา มนุษย์ นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่วัตถุ แต่คือแสงหรือพลังงานที่เปล่งมาจากต้นตอ ที่เป็นนิรันดร์ต่างหาก แต่คนเราเห็นเป็นวัตถุไปเอง

เพราะ สิ่งที่เรียกว่าวัตถุนั้น จริงๆแล้วก็คือแสงเช่นกัน แต่คนเห็นเป็นวัตถุไป (หากได้อ่าน ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ กับศาสนาตะวันออก คงพอเข้าใจถึงความสัมพันธ์ ดังกล่าว) คนเรามีปัญญาอยู่แล้ว ก็ควรที่จะแสวงหาปัญญาเพิ่มอยู่เสมอ

มนุษย์สามารถทำตัวเองให้เป็นได้ทั้งเทพและมารและโธทได้ให้มนตร์ในการปลุกพลังภายในตัวเอง คือ "Zin Uru"


คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 10

โธทบอกว่า จิตวิญญาณที่สามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาลได้แล้ว จะเป็นเหมือน "พระอาทิตย์ในหมู่แสง"

สิ่งที่ชี้นำชะตาชีวิตของคนเรานั้น ก็คืออาตมันของผู้นั้น ซึ่งเป็นเสียงแห่งความสงบเงียบของจักรวาล

ร่าง กายคนเราเกิดมาจากขั้วสองขั้ว หากขั้วใดขั้วหนึ่งเสียสมดุล จะทำให้เกิดโรคภัย แต่ถ้าร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลโดยสมบูรณ์ ระหว่างสองขั้วนี้ คนผู้นั้นจะปลอดโรคและไม่ตาย สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ร่ายกายเสียสมดุล เกิดจากการเสียสมดุลของใจแทบทั้งสิ้น ทำให้ต่อมไร้ท่อบกพร่อง

ถ้า นอนเอาศีรษะหันไปทางทิศเหนือ(ขั้วบวก) ให้วางจิตอยู่ระหว่างช่วงหน้าอกถึงศีรษะถ้านอนเอาศีรษะหันไปทางทิศใต้(ขั้ว ลบ) ให้วางจิตอยู่ระหว่างช่วงหน้าอกถึงปลายเท้า

หาก ฝึกเช่นนี้ได้ จะช่วยให้เกิดสมดุลภายในร่างกาย เมื่อถึงเวลาใกล้ตาย แล้วต้องรักษาความทรงจำในชาตินี้ ให้ไประลึกได้ในชาติหน้า โธทบอกให้ทำดังนี้ จงผ่อนคลายร่างกายอย่าให้เกิดความตึงเครียดใดๆ เป็นอันดับแรก ต่อจากนั้น เอาจิตสำนึกของตน ไปตั้งไว้ที่หัวใจ ก่อนที่จะโน้มนำอย่างรวดเร็ว ไปที่ต่อมไพนีล(บริเวณกึ่งกลางของสมอง) ตั้งใจไว้ที่ต่อมไพนีลชั่วครู่ แล้วค่อยเคลื่อนจิตไปที่ต่อมพิตทูอิทารี บริเวณกึ่งกลางหัวคิ้ว ซึ่งเป็นที่ควบคุมความทรงจำของชีวิต กำหนดจิตไว้ที่จุดนี้ จนกระทั่งความตายมาพาตัวเราไป

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 11

โธทบอกว่า...
วิถีของจิตวิญญาณ มีอยู่ 3 ด้วยกันคือ
พัฒนาจากมนุษย์ที่เป็นสัตว์โลก
ไปเป็นจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ก่อน
แล้วค่อยพัฒนาเป็น "แสงสว่าง" หรือเทพเจ้า

และอุปสรรค ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ
ขาดความเพียรพยายามในการแสวงหาธรรม
ไม่เอาใจใส่ในพระผู้เป็นเจ้า
และหมกมุ่นอยู่กับความชั่วช้า

พลังในการสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ
การมีความรักอันศักดิ์สิทธิ์
การมีปัญญาในการใช้วิธีการทั้งปวง
และการมีความมุ่งมั่น ที่จะผนึกความรักอันศักดิ์สิทธิ์ กับปัญญาอันศักดิ์สิทธ์เข้าด้วยกัน

การพิชิตพลังแห่งความมืด ไม่ใช่การต่อสู้กับความมืด แต่คือการเปล่งแสงแห่งอาตมัน หรือความเป็นพระเจ้าในตัวเราให้เจิดจ้าออกมาต่างหาก

คำสอนเหล่านี้ อย่านำไปสอนต่อผู้มีใจไม่สะอาด และผู้มีใจอ่อนแอเลย มันจะเป็นความสูญเปล่าโดยแท้

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 12

โธทบอกว่า บทนี้เป็นสุดยอดแห่งความลับทั้งปวง

เพราะ เขาจะถ่ายทอดพลัง เพื่อการเป็น "เทพมนุษย์" ให้แก่ผู้เป็นศิษย์เขา การเป็น "เทพมนุษย์" คือการสำแดงออกซึ่งความเป็นแสงสว่าง ของพระเจ้าที่อยู่ในตัวมนุษย์นั่นเอง อันที่จริง "ความมืด" กับ "ความสว่าง" เป็นสิ่งต่างกันแค่ภายนอกเท่านั้น แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นสองด้านของสิ่งที่เป็นธาตุแท้เดียวกัน ที่มาจากต้นตอเดียวกัน

ความมืดคือความไร้ระเบียบ ความสว่างเป็นความมีระเบียบ หากเกิดการเปลี่ยนแปลง ความมืดย่อมกลายเป็นความสว่างได้ และนั้นคือเป้าหมายของชีวิตคนเรา การที่จะรู้ความเร้นลับเกี่ยบกับธาตุแท้ของมนุษย์ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ร่างกายคนเราประกอบด้วยกายหยาบ กายทิพย์ และกายละเอียดที่สุด(mental body) ในร่างกายมีช่องทางต่างๆ ให้ปราณไหลผ่าน เพื่อค้ำจุนชีวิตเอาไว้ การไหลเวียนของปราณ อยู่ภายใต้การควบคุมของจิต มนุษย์ขณะที่อยู่บนโลกนี้ เขาจะถูกผูกมัดจองจำให้เป็น "ทาส" ของเวลาและสถานที่ การจะปลดปล่อยตัวเองให้ "หลุดพ้น" จากการถูกจองจำนี้ เคล็ดลับอยู่ภายในตัวเขาผู้นั้น คนเราจะค้นพบเสรีภาพที่แท้จริงจากภายในตัวเราเองเท่านั้น

ในตอนที่ผู้ฝึกต้องการหลุดลอยออกจากกายหยาบ ไปยังที่ไกลๆสุดขอบฟ้า ขอให้เขาบริกรรมมนตร์ "Dor-E-Ul-La" เอาไว้ในใจ ก่อนอื่นต้องทำใจให้สงบนิ่ง ผ่อนคลายร่างกายตั้งจิตมุ่งมั่น ที่จะปลดปล่อยตนเองออกจากกายหยาบ หากต้องการพาดวงจิตขิงตนไปที่ใด ก็ขอให้นึกถึงเสรีภาพแห่งดวงจิต พร้อมบริกรรมมนต์ต่อไปนี้ "la Um-I-L-Gan" (ลาอุมอีลูกาน)

หากต้องการจะถอดจิต ไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ของแอตแลนติส ก็ให้บริกรรมมนตร์ต่อไปนี้ โดยไม่ออกเสียง
1. Me-Kut-El-Shab-El
2. Hale-zur-Ben-El-Zabrut
3. Zin-Efrim-Quar-El

และหากต้องการถอดจิตไป "ศัมภาลา" ก็ขอให้บริกรรมมนต์ต่อไปนี้ เพื่อเปิดทวารเข้าสู่ศัมภาลา "Edom-El-Ahim-Sabbe-Rt-zur-Adom"

หลัง ชาวแอตแลนติสผู้ไม่สนใจแม้ทรัพย์สินเพชรนิลจินดา แต่เป็นนักค้นหาทางจิตวิญญาณ ได้กลายไปเป็นผู้หลงวัตถุและเอาแต่ต้องการความยิ่งใหญ่ ติดอยู่แต่ในวัตถุความสนุกสนานและกิเลสตัณหา เทพเจ้าจึงลงโทษโดยถูกมหันตภัยจากน้ำท่วมจมอยู่ใต้บาดาล
 

ที่มาข้อมูล

http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA-266883.html



ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-04-01 07:20:52


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1538386)

ฮือฮา! ทีมวิจัยมะกันอ้างพบ"ทวีปแอตแลนติส" ที่สาบสูญ


 
ฮือฮา! ทีมวิจัยมะกันอ้างพบ"ทวีปแอตแลนติส" ที่สาบสูญ





ทีมนักวิจัยอเมริกันภายใต้การนำของศาสตราจารย์ริชาร์ด ฟรอยด์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ดเผยผลการศึกษาล่าสุดที่อ้างว่า ค้นพบ "แอตแลนติส" ทวีปเก่าแก่ในตำนานที่สาบสูญไปเพราะถูกสึนามิถล่มเมื่อ 9,000 ปีก่อนคริสตกาล แล้ว โดยระบุทวีปลึกลับถูกฝังอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำทางตอนใต้ของประเทศสเปน...

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่า "เนชันแนล จีโอกราฟฟิก แชนเนล" ช่องรายการสารคดีชื่อดังระดับโลกได้เผยแพร่สารคดีชุดใหม่ล่าสุดในสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (13) โดยสารคดีชุดดังกล่าว อ้างผลการศึกษาล่าสุดที่ระบุว่า "ทวีปแอตแลนติส" ในตำนานที่สูญหายไปหลังเกิดสึนามิครั้งใหญ่เมื่อกว่า 10,000 ปีก่อน แท้ที่จริงแล้วถูกฝังอยู่ ณ พื้นที่ชุ่มน้ำทางตอนใต้ของประเทศสเปนในปัจจุบัน

แผนที่โบราณแสดงที่ตั้งของแอตแลนติสก่อนเผชิญสึนามิ


รายงานข่าวระบุว่า สารคดีชุดดังกล่าวซึ่งใช้ชื่อว่า " Finding Atlantis" ของเนชันแนล จีโอกราฟฟิกได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ให้กับแวดวงวิทยาศาสตร์และโบราณคดี ทั่วโลก หลังจากอ้างว่าทวีปแอตแลนติสในตำนานที่สาบสูญ ได้ถูกค้นพบอีกครั้งแล้วที่พื้นที่ชุ่มน้ำแถบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทาง ตอนใต้ของประเทศสเปนในปัจจุบัน

สารคดีชุดดังกล่าวถ่ายทำโดยอ้าง ผลการศึกษาของ ศ.ริชาร์ด ฟรอยด์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ดในมลรัฐคอนเน็คทิคัตของสหรัฐฯ ที่มีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาใช้ในการศึกษา ทั้งเรดาร์สำรวจพื้นผิวระดับลึก แผนที่ดิจิตอล และภาพจากดาวเทียม

โดย ผลการศึกษาของ ศ.ฟรอยด์ อ้างว่า ได้ค้นพบที่ตั้งของทวีปแอตแลนติสอันเก่าแก่ที่หายสาบสูญไปจากพื้นโลก หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่เมื่อ 9,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยศาสตราจารย์ผู้นี้อ้างว่าพบซากของเมืองในทวีปเก่าแก่นี้ ถูกฝังอยู่ในบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำภายในอุทยานแห่งชาติโดนานญา ทางเหนือของเมืองกาดิซ เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของประเทศสเปน พร้อมทั้งระบุว่า ข้อมูลหลายอย่างจากการศึกษาครั้งนี้ตรงกับข้อมูลเกี่ยวกับทวีปแอตแลนติสที่ "เพลโต" มหาปราชญ์แห่งกรีกโบราณเคยบันทึกเอาไว้เมื่อ 360 ปีก่อนคริสตกาล

"ผม คิดว่าเราค้นพบข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว เกี่ยวกับปริศนาการสาบสูญของทวีปแอตแลนติสอันเก่าแก่ ที่เป็นจุดกำเนิดอารยธรรมของมนุษยชาติ และการศึกษาครั้งนี้ยังทำให้เราทราบว่าคลื่นสึนามิมีอำนาจทำลายล้างมากเพียง ใด" ศ.ฟรอยด์กล่าว

ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ดรายนี้ยัง อ้างว่า พบข้อมูลสำคัญที่ระบุว่า ประชากรบางส่วนของทวีปแอตแลนติส สามารถหลบหนีการซัดถล่มของคลื่นยักษ์สึนามิไปได้ และคนกลุ่มนี้ได้ไปก่อตั้งบ้านเมืองขึ้นใหม่แถบตอนกลางของประเทศสเปนในเวลา ต่อมา

อย่างไรก็ดี สารคดีชุดดังกล่าวถูกโจมตีอย่างรุนแรงในด้านความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเป็นการนำเสนอโดยปราศจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือมารอง รับ และยังถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนเนื้อหาที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ชุดหนึ่งของสเปนเคย ลงพื้นที่สำรวจอุทยานแห่งชาติโดนานญา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 อีกด้วย

ด้าน ฆวน บิญาเรียส โรเบลส ผู้เชี่ยวชาญด้านมานุษยวิทยาจากหน่วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสเปน หรือ "CSIC" ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ข้อมูลของ ศ.ฟรอยด์ ยังขาดความน่าเชื่อถือและดูจะมีความจงใจนำไปเชื่อมโยงกับตำนานทวีปแอตแลนติ สมากเกินไป อีกทั้งยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ ศ.ฟรอยด์ นำไปอ้างว่าเป็นภาพของซากเมืองโบราณในทวีปแอตแลนติสนั้น จะใช่ทวีปแอตแลนติสที่สาบสูญไปจริงหรือไม่

ทั้งนี้ การศึกษาล่าสุดของ ศ.ฟรอยด์ ถือเป็นการนำเสนอทฤษฎีล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของทวีปแอตแลนติส หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีทีมวิจัยของสหรัฐฯ นำเสนอผลการศึกษาว่าพบทวีปแอตแลนติส บริเวณนอกชายฝั่งของไซปรัส และมีอีกหลายทฤษฎีที่อ้างว่าพบร่องรอยของทวีปดังกล่าว ตามหมู่เกาะต่างๆในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทวีปอเมริกากลาง หรือแม้แต่ที่ขั้วโลกใต้มาแล้ว.


ข้อมูลสนับสนุนจาก ไทยรัฐ
ฮือฮา! ทีมวิจัยมะกันอ้างพบ"ทวีปแอตแลนติส" ที่สาบสูญ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
____________
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-04-01 07:29:36


ความคิดเห็นที่ 2 (1538387)

 

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทาน

ของ คุณชนิดาค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-04-01 08:02:50


ความคิดเห็นที่ 3 (1538391)

สุดยอดเลย

คุณชนิดา

เห็นไหมว่า กฎของจักรวาล

ก็คือ กฎของธรรมชาติ

หรือ

กฎแห่งกรรม นั่นเอง

 

ในทีสุดแล้ว

คัมภีร์มรกต ก็คือ

หลักธรรมคำสอน + กรรมฐาน

การเจริญปัญญา

 

เรื่องเดียวกับ

ของพระพุทธศาสนา นั่นเอง

 

กฎของธรรมชาติ

เป็นกฎสากล ไม่ว่าใคร ค้นพบ

ก็เป็นเรื่องเดียวกัน

 

พระพุทธองค์ สุดแสนล้ำเลิศ

โธท สุดแสนประเสริฐ

 

สาธุ ค่ะ

คุณชนิดา

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด วันที่ตอบ 2011-04-01 08:49:07


ความคิดเห็นที่ 4 (1538413)

โมทนาสาธุ กับคุณชนิดาด้วยนะครับ อิอิ ช่างใจตรงกันเหลือเกินนะครับ เมื่อวานนี้ก็คิดๆเหมือนกันครับว่าจะเอาเรื่องนี้ลงให้ทุกๆท่านได้อ่าน มาวันนี้เห็นหัวข้อคุณชนิดาแล้ว ดีใจแทนทุกๆคนเลยครับ ขอโมทนาสาธุ อีกครั้งครับ

ผมว่ามีประโยชน์มากเลยครับ เพราะว่าท่านอาจารย์เคยบอกว่า ต่อไปจะเหลือแค่ศาสนาเดียว รวมกันทุกๆศาสนา และความรู้ต่างๆมากมายในจักรวาลนี้ สรุปแล้ว คือหลักเดียวกันกับพระพุทธองค์ ดังนั้นเราเคารพ บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งมีพระคุณ บารมี เป็นอัปมาโน ครอบทั้งจักรวาล เท่ากับเราเป็นหนึ่งเดียวกันกับจักรวาล และทุกๆอย่างก็ล้วนมาจากแหล่งเดียวกัน ไม่มีแบ่งแยกศาสนา มีแต่กฏธรรมชาติ ดังที่พระพุทธองค์ค้นพบแล้ว และท่านอาจารย์กำลังนำธรรมะนั้นมาถ่ายทอด พาพวกเรากลับสู่บ้านที่แท้จริง ขออนุโมธนาบุญกับท่านอาจารย์อุบลกับบทสรุปที่ชัดเจน ให้พวกเราได้ตั้งมั่นในพระพุทธองค์ สาธุ สาธุ สาธุ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา วันที่ตอบ 2011-04-01 11:08:22


ความคิดเห็นที่ 5 (1538426)

 

      ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล ฉวีวรรณ นภาพรรณราย วันที่ตอบ 2011-04-01 12:32:37


ความคิดเห็นที่ 6 (1538430)

ขออนุโมทนากับธรรมทานของคุณชนิดาค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิกานต์ วันที่ตอบ 2011-04-01 13:01:51


ความคิดเห็นที่ 7 (1538435)

ขออนุโมทนาบุญกับท่าน อ.อุบล  / คุณชนิดา และทุกท่านด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าเตือน/น้องอัญ วันที่ตอบ 2011-04-01 13:21:07


ความคิดเห็นที่ 8 (1538442)

อนุโมทนาด้วยครับ

ธรรมทานนี้ทำให้เห็นซึ่งอนิจจัง

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

เวียนกันไปเช่นนี้

เพียงแต่เราโชคดีที่จะได้เห็น

การหมุนเวียนเพื่อดับไป

ครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

และก็ได้รับทราบตามที่อาจารย์แม่อุบล

บอกว่าการฝึกจิต

ด้วยสมาธิเพื่อแยกจิต

ออกจากกายหยาบ

เป็นสากลแห่งจักรวาล

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เสฏฐพัฒน์ วันที่ตอบ 2011-04-01 14:02:20


ความคิดเห็นที่ 9 (1538454)

 

ในทีสุดแล้ว

คัมภีร์มรกต ก็คือ

หลักธรรมคำสอน + กรรมฐาน

การเจริญปัญญา

 

เรื่องเดียวกับ

ของพระพุทธศาสนา นั่นเอง

 

กฎของธรรมชาติ

เป็นกฎสากล ไม่ว่าใคร ค้นพบ

ก็เป็นเรื่องเดียวกัน

อนุโมทนากับบทสรุปที่ชัดเจนที่สุดเลยค่ะอาจารย์ แ้ล้วก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อหลายๆคน

ได้รู้ถึงกฏสากลแห่งจักรวาลหรือสัจธรรมเหล่านี้แล้ว

จะมีความมุ่งมั่นศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติจนเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ที่สุด..

 

ขอบคุณบทสรุปทั้งจากคุณธนา ที่ว่า

ทุกๆอย่างก็ล้วนมาจากแหล่งเดียวกัน ไม่มีแบ่งแยกศาสนา มีแต่กฏธรรมชาติ

 

และบทสรุปจากคุณอ๋อย

ธรรมทานนี้ทำให้เห็นซึ่งอนิจจัง

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

เวียนกันไปเช่นนี้

เพราะสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบคือสัจธรรมที่ประเสริฐล้ำเลิศที่สุด

เพียงแค่ให้ทุกคนยอมรับให้ได้ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

เพราะชีวิตนี้ไม่มีอะไรแ่น่นอน นอกจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง

ถ้าละตัวตนได้ไม่ยึดไม่ติด ก็ พ้นบ่วงทุกข์ได้ตลอดกาล...สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-04-01 16:11:11


ความคิดเห็นที่ 10 (1538473)

อนุโมทนาด้วยค่ะคุณชนิดา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พิชญ์นันท์ สุขวัจนี วันที่ตอบ 2011-04-01 17:27:48


ความคิดเห็นที่ 11 (1538475)

 

ขอร่วมอนุโมทนากับคุณชนิดา ด้วยน่ะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นู๊ปุ๊ก วันที่ตอบ 2011-04-01 17:47:08


ความคิดเห็นที่ 12 (1538555)

ขอบคุณข้อมูลจากพี่ชนิดามากเลยคะ

ได้คำตอบที่ชัดเจน จริง ๆ สุดยอดจริง ๆ คะ

ทุกอย่างเป็นเรื่องเดียวกับที่อาจารย์นำเสนอมาตลอด

 สาธุ คะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2011-04-02 11:01:20


ความคิดเห็นที่ 13 (1538661)

ขออนุโมทนากับพี่ชนิดาด้วยค่ะ

ที่ได้นำข้อมูลดีๆมาให้ญาติธรรมบ้านสวนตลอดเลย

สาธุ สาธุ สาธู

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องปุ๋ย วันที่ตอบ 2011-04-03 16:29:13


ความคิดเห็นที่ 14 (1538739)

ขออนุโมทนาบุญกับคุณชนิดาด้วยคะ  สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา วันที่ตอบ 2011-04-04 10:25:27


ความคิดเห็นที่ 15 (1538754)

ขออนุโมทนา

ด้วยค่ะ พี่ชนิดา

และบทสรุปอันสวยงาม

ของอ.แม่อุบล สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ๊กตาฝน (tee-ged-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-04-04 12:22:13


ความคิดเห็นที่ 16 (1539344)

 คุณชนิดาเก่งจริงๆที่ช่างมีข้อมูลเจ๋งๆมาเสริม อ.อุบลทั้งทางใลกและทางธรรม

ขอบคุณทุกๆท่านที่ทำให้มีสีสันเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย โดยเฉพาะคุณธนาคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมอวัฒ วันที่ตอบ 2011-04-07 14:21:44


ความคิดเห็นที่ 17 (1582510)

อนุโมทนาบุญ ท่านอาจารย์อุบล และคุณชนิดาค่ะ

คิดจะอ่านใหม่อีกรอบ ท่านอาจารย์อุบลสรุปให้ธรรมทานเข้าใจชัดเจน กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

                  สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ (ohm-dot-lamom-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-07 21:25:13


ความคิดเห็นที่ 18 (1582865)

 

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

คุณชนิดา คนแบบพี่พอจะ

จะรู้เรื่องเลา ๆ บ้างค่ะ

นอกจากดีแล้วขยันหาข้อมูล

มาให้อ่านขอบคุณนะคะ

คุณน้อง

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 13:29:10


ความคิดเห็นที่ 19 (1582946)
image

 รูปถ่ายวันลอยกะทง

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 22:43:39


ความคิดเห็นที่ 20 (1582948)
image

 พระจันทร์เป็นรูปทรงปิรามิด

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 22:46:57


ความคิดเห็นที่ 21 (1582950)
image

 ปิรามิดหรือพระจันทร์ทรงกด

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 22:51:02


ความคิดเห็นที่ 22 (1582953)
image

 ยะลาค่ำคืน ๑๑/๑๑/๑๑

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 22:54:26


ความคิดเห็นที่ 23 (1582956)
image

 เวลา ๒ทุ่ม

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 22:57:55


ความคิดเห็นที่ 24 (1583023)

 

คุณโซบิเดย์ ไม่แวะเวียนมาบ่อยนัก

มาแต่ละครั้งมีภาพ เยี่ยม ๆ

มาให้ตลึงๆๆๆๆตึงๆๆๆ สวยมากค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-11 12:14:22


ความคิดเห็นที่ 25 (1583036)

ขออนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์อุบล คุณชนิดา คุณโซบิเดย์ และทุก ๆ ท่าน สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-11 13:50:50



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.