ReadyPlanet.com


หัวขโมยผู้ไม่เคยทำความดี


ที่เมืองพาราณสีได้มีการจัดงานบวงสรวงครั้งยิ่งใหญ่
ต่อองค์พระศิวะถึง 7 วัน 7 คืน
พระศิวะมหาเทพซึ่งประทับอยู่บนสรวงสวรรค์
ก็ทอดพระเนตรงานครั้งนี้ด้วยความสนพระทัย
จนกระทั่งผ่านไป 3 วันตามวันเวลาบนโลกมนุษย์
พระองค์ก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงเลิกสนพระทัยงานบวงสรวงนั้น

ปาวารตี เทพเจ้าอีกองค์หนึ่งได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนพระศิวะ
และกล่าวแสดงความยินดีกับพระศิวะว่า
“ตอนนี้พวกมนุษย์ได้จัดงานบวงสรวงยิ่งใหญ่มอบให้แก่พระองค์
ซึ่งแสดงว่าพระองค์เป็นที่รักและศรัทธายิ่งของมนุษย์ไม่เสื่อมคลาย
ข้าพระองค์เห็นแล้วก็รู้สึกชื่นชมในพระบารมียิ่งนัก”

“อย่าใช้สิ่งที่เจ้าเห็นและคิดเองมาเยินยอข้าเลยปาวตี”
พระศิวะตรัสอย่างไม่ยินดีด้วย

“จริงอยู่ที่มีฝูงชนมากมายถือดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาข้า
แต่พวกเขาไม่ได้มาด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ
บางคนไม่มีความเมตตา บางคนละโมบโลภมาก
และมีหลายคนจิตใจมัวเมาไปด้วยกิเลส
พวกเขามาเพื่อต้องการขอนั่น ขอนี่มากมาย
ซึ่งข้าไม่มีทางยินยอมให้พรของข้า
ตกไปอยู่กับมนุษย์ที่มีจิตใจต่ำอย่างนั้นหรอก”

เทพทั้ง 2 จึงลงมาพิสูจน์ความจริง
โดยพระศิวะได้แปลงกายเป็นชายชราป่วยหนัก
ส่วน เทพปาวารตีก็แปลงกายเป็นหญิงชราผู้เป็นภรรยาชายชรา
ซึ่งที่จริงแล้วคือเทพปาวตี ได้อ้อนวอนขอน้ำจากฝูงชน
ที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยเสียงแหบแห้งว่า

“ท่านผู้เจริญ ได้โปรดแบ่งอาหารและน้ำให้เราสองผัวเมียบ้างเถิด
สามีข้าป่วยหนักใกล้ตายเพราะอดอาหาร
ส่วนข้ากระหายน้ำจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว”

หญิงชาวบ้านคนหนึ่งเดินมากับสามีของนาง
และได้สบสายตาอันน่าเวทนาของหญิงชราโดยบังเอิญนางจึงกล่าวว่า

“ข้าให้ของเหล่านี้กับพวกเจ้าไม่ได้หรอก
เพราะข้าต้องนำอาหารรสเลิศ
และน้ำบริสุทธิ์ในคณโทไปถวายองค์พระศิวะ เพื่อให้อำนวยพรแก่ข้า”
หญิงชราส่งสายตาอ้อนวอนพร้อมกับกล่าวว่า
“แต่ข้าและสามีข้ากำลังจะตายเพราะขาดอาหารและน้ำ
และพระศิวะคงไม่ว่าอะไรกระมัง
ถ้าท่านจะแบ่งของเหล่านั้นให้เราทั้งสองบ้าง
เพราะพระองค์ก็มีของบูชามากมายอยู่แล้ว


เมื่อสามีได้ยินชาวบ้าน พูดเช่นนั้นก็โกรธมาก
“ชิชะ! เจ้าคนจรจัดโสโครก หากพวกเจ้าได้อาหารชั้นเลิศของข้าไป
ข้าจะได้อะไรตอบแทนจากพวกเจ้าบ้าง
เจ้ามีปัญญาให้พรข้าเหมือนพระศิวะหรือ”

ดูเหมือนว่าคนอื่นๆที่ผ่านไปมา ก็คิดไม่ต่างจากสามีภรรยาคู่นี้เท่าไหร่นัก
แทบทุกคนเห็นว่าชายชราและหญิงชรา
เป็นผู้ทำลายบรรยากาศอันเป็นสิริมงคลอย่างไม่น่าให้อภัย
นอกจากพวกเขาไม่แบ่งอาหารหรือน้ำให้สักหยดแล้ว
ยังพากันด่าว่าสองผัวเมียด้วยถ้อยคำหยาบคายด้วย

จนกระทั่งมีชายหนุ่มหน้าตามอมแมมเดินผ่านมา
แต่เขาไม่มีเครื่องบูชามากมายดังเช่นคนอื่นๆ
มีเพียงคณโท ใส่น้ำหนึ่งใบอยู่ในมือเท่านั้น
เมื่อเห็นชายหนุ่มหญิงชราก็อ้อนวอนขอน้ำจากเขา
ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมามองผู้ชราทั้งสองอย่างน่าเวทนา
“ข้าไม่มีอาหารดีๆ ให้ตากับยายหรอก
มีเพียงน้ำบริสุทธิ์ซึ่งเป็นของดีที่สุดที่ข้าพอจะหามาบูชาแด่พระศิวะได้เท่านั้น
ถ้าอย่างนั้นตากับยายเอาไปแบ่งกันดื่มเถิด”

“เจ้าไม่เสียดายน้ำนี่รึ เจ้าไม่อยากนำไปถวายพระศิวะ
เพื่อขอพรจากพระองค์หรอกหรือ” ชายชราถามขึ้นมาบ้าง

“ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงก็ใช่ว่าข้าจะเป็นคนดีอะไร
ข้าไม่เคยทำความดี มิหนำซ้ำยังเป็นหัวขโมยที่มักหยิบฉวยของคนอื่นอยู่บ่อยๆ
คนอย่างข้าถึงจะนำของดีเลิศไปถวายพระศิวะ
พระอค์ก็ไม่ทรงเมตตาให้พรแก่ข้า มีแต่จะทรงสาปแช่งข้าด้วยซ้ำ
แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นพวกท่านแล้วเกิดความสงสาร
อยากทำความดีแก่คนอื่นบ้าง”

ทันทีที่น้ำหยดสุดท้ายหมดจากคณโท
ร่างชราของคนทั้งคู่ก็กลับคืนเป็นพระศิวะมหาเทพและเทพปาวารตีดังเดิม
“อย่ากลัวไปเลย ข้าคือศิวะ และนี่คือปาวตี
เทพเจ้าอีกองค์หนึ่งบนสรวงสวรรค์
ข้ากับปาวตีแปลงกายเป็นชายและหญิงชราเพื่อลองใจมนุษย์ที่ดั้นด้นมาบูชาข้า
และเจ้าทำให้ข้าได้ประจักษ์ชัดว่า ผู้ที่ทำให้ข้าพอใจและสมควรได้รับพรจากข้า
ต้องเป็นผู้ที่มีความดีงามอยู่ในจิตใจ
มิใช่ผู้ที่ถวายเครื่องบูชาชั้นยอด
ฝูงชนมากมายมาเพื่อบูชาข้า แต่มีเจ้าเพียงคนเดียวที่สมควรได้ขึ้นสวรรค์
เมื่อใดที่สิ้นอายุขัยของเจ้าแล้วข้ายินดีที่จะรับเจ้าขึ้นบนสรวงสวรรค์”

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็เกิดความปิติยิ่ง
เขารีบพนมมือขึ้นแล้วกล่าวคำสัญญาต่องค์ศิวะมหาเทพ และเทพปาวตีว่า
“ข้าพระองค์สัญญาว่าจะเป็นคนดีที่คู่ควรกับพรอันประเสริฐของพระองค์
ต่อไปนี้ข้าพระองค์จะเลิกเป็นขโมย เลิกทุจริต เลิกฉ้อโกง
เลิกเอาเปรียบคนอื่นอย่างเด็ดขาด และจะตั้งใจทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ”


เธอทั้งหลาย


• เธอควรทำความดีตลอดเวลาทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้อื่น

• สำหรับใครที่ไม่ใช่คนดีก็ไม่เป็นปัญหา
ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อไหร่จะเป็นคนดี

ถ้าเธอรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งไม่ดี เธอก็จงหยุดเสีย
ในครั้งแรกๆ เธออาจเกิดความไม่ชอบใจ
ทั้งๆที่เธอก็สู้อุตส่าห์เปลี่ยนแปลงตนเอง
แต่ไม่มีสิ่งตอบแทนกลับมาบ้าง ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครชื่นชม
แต่เธอลองคิดดูเถิด ก่อนที่เธอจะเริ่มความดี
เธอได้ทำความเดือดร้อนไปให้คนอื่นมากเท่าไร
คนที่เจ็บปวดเพราะเธอ เขาย่อมไม่อยากถูกทำร้ายอีก
ดังนั้นเขาจึงต้องปฏิเสธเอาไว้ก่อน
เป็นเรื่องปกติที่ย่อมเกิดกับคนที่เพิ่งเริ่มทำความดี

• อย่ายอมแพ้ จงมีจุดยืนเป็นของตนเอง และเฝ้าทำความดีตลอดไป
แม้วันนี้ไม่มีใครมองเห็น แต่สักวันอาจมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

บางครั้งความดีก็ทำยาก แต่เพราะยากเราจึงต้องทำ
เหมือนข้อสอบนั่นอย่างไร ถ้าข้อสอบง่ายเกินไป
จะรู้ได้อย่างไรว่าคนเข้าสอบเก่งจริงๆ

คัดลอกจาก...นิทานสีขาว โดย ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
http://www.gunsandgames.com/smf/index.p ... msg1163740



ผู้ตั้งกระทู้ พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-10-11 12:25:00


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1577800)

ขออนุญาตแชร์นะคะ

เมื่อคืนเปิดนิทานเรื่องนี้ฟัง

แล้วคิดว่า มีส่วนสอดคล้องกับเหตุการณ์งานบวงสรวง อยู่บ้าง

คือ การบวงสรวง หรือแสดงความรักต่อ เทพพระองค์ใด ที่แท้จริง

คือ การถวายความดี ทำความดีให้ได้ตลอดเวลา

 

และอีกส่วนหนึ่งถือเป็นกำลังใจให้คนที่คิดว่าตนเอง

ยังเป็นคนไม่ดี ให้ได้มีความหวังในชีวิต

ว่าคนเรา เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

ถ้าเราพร้อม และกล้า ที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองคะ

....................................................................................

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-11 12:31:54


ความคิดเห็นที่ 2 (1577806)

 

ขออนุโมทนาค่ะ

หนูแหวน

การทำความดี

ทำได้ทุกวินาที

ทำความดีทั้งต่อหน้า

และ ลับหลัง

สาธุ ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-11 12:56:33


ความคิดเห็นที่ 3 (1577813)

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

พี่แหวน

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

การถวายความดีและทำความดีให้ได้ตลอดเวลา

และการทำความดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง

อย่างที่น้าแมวบอก

หมายรวมถึง เมตตา

เพราะ

ความเมตตา คือ 1 ใน พรหมวิหาร 4

ที่ทุกคนควรจะมี

หากแต่เราทุคนมีจิตใจที่เมตตา

การกระทบกระทั่งหรือบาดหมางกับผู้อื่น

ก็คงจะน้อยลงไปมาก ๆ เลยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-11 13:06:34


ความคิดเห็นที่ 4 (1577865)

และอีกส่วนหนึ่งถือเป็นกำลังใจให้คนที่คิดว่าตนเอง

ยังเป็นคนไม่ดี ให้ได้มีความหวังในชีวิต

ว่าคนเรา เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

ถ้าเราพร้อม และกล้า ที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองคะ

....................................................................................

อนุโมทนาจ่ะหนูแหวน เพราะคน

แบบนี้แหล่ะที่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

และน่าชื่นชมอย่างที่สุด เพราะ

มัีนไม่สำคัญหรอกว่า เค้าจะทำไม่ดี

มามากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเค้ารู้ตัว

และรู้จักพิจารณาตัวเองแล้วล่ะก็

เค้าก็มี"ความหวัง"ในชีวิตทันที


และจากบทสนทนาระหว่าง องค์พระศิวะ

และ ชายหนุ่มผู้นั้น แสดงให้ผู้อ่าน

เห็นได้ชัดเจนว่า เบื้องบนท่านพิจารณา

ความดีงามแต่ละคนจากปัจจุบันขณะ

เป็นจุดสำคัญที่สุด เพราะพระองค์

ไม่ได้นำอดีตของการเป็นหัวขโมยของเค้า

มาตัดสินว่า เค้าสมควรจะ"ได้"ขึ้นสวรรค์

หรือ"ไม่" แม้แต่น้อยเลย...


เหมือนกับเราหมั่นสะสมถุงอุจจาระเหม็นๆ

แบกไว้บนตัวมาตลอดชีวิต แต่ถ้าวันนึง

เราเห็นว่าถุงที่เราแบกมาตลอดนั้น

ช่างน่าขยะแขยงและยอมทิ้งถุงนั้นไปทั้งถุง

เมื่อนั้นตัวเราก็เบาและหมดสิ้นกลิ่นเหม็น

ได้ทันทีเช่นกัน...(แต่จะมีซักกี่คน

ที่รู้ตัวว่าตัวเองแบก..อะไรอยู่)


ขอบคุณเรื่องราวดีๆจากดร.อาจอง

และหนูแหวน ที่นำมาแบ่งปันค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA (nhongjung-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-11 16:58:33


ความคิดเห็นที่ 5 (1577888)

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาสำหรับนิทานดีๆค่ะ คุณแหวน

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฐิติมา พฤกษ์อำนวย (pranaijai-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-11 18:49:35


ความคิดเห็นที่ 6 (1577892)

อนุโมทนากับพี่ชนิดา และทุกท่านด้วยเช่นกันคะ

หนูเองก็ได้โอกาสรับรู้สิ่งดี ๆ เพราะท่านอาจารย์อุบล

ก็พยายามที่สุด จะตัดสันดานชั่ว เดิม ๆ ทิ้งให้ได้

 

อยากเอาถุงอุจจาระที่แบกมานาน ทิ้งให้หมดเหมือนกันคะ

บางทีมันอาจจะยากบ้าง ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็จะพยายามต่อไปคะ

 

ขอบคุณพี่แมวด้วยคะ หนูจะพยายามที่สุดที่ละวางตัวตนให้ได้

ที่ผ่านมา ก็ทำชั่ว ทั้งต่อหน้า และลับหลังเลย ไม่อยากเป็นอีกแล้วคะ

ขอบคุณน้องทรายด้วยคะ พี่เองก็จะพยายามมีพรหมวิหารสี่อยู่ในใจให้ได้

ตลอด และมากกว่านี้คะ ไม่อยากมีปัญหากับใครจริง ๆ นะ ไม่อยากที่สุดเลยจ้ะ

 

................................................................................................................

 

อนุโมทนากับคุณ ฐิติมา ด้วยคะ

นิทานสีขาว เป็นนิทานที่ดีที่สุดเลยคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-11 19:09:56


ความคิดเห็นที่ 7 (1577997)

  ขออนุโมทนากับพี่แหวนด้วยค่ะ

ข้าวของ อาหาร การกิน ต่างๆ

ที่นำมาถวาย แต่เพื่อแลกกับพร

หรือการเอาหน้า ยศถาบรรดาศักดิ์

และแลกกับสิ่งอื่นๆอีกมากมาย

การกระทำนี้จึงถือได้ว่า

"ทำเพื่อหวังผลประโยชน์กลับคืน"

มิได้ทำโดยความบริสุทธิ์ใจ

สิ่งเหล่านี้ ย่อมเสื่อมโดยทั้งสิ้น

 

แต่สิ่งที่พระองค์ต้องการคือ 

"จิตใจที่บริสุทธิ์ คุณงาม ความดี

ทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

และผลประโยชน์ เท่านั้นเอง"

ฟังอาจดูง่ายเนอะ

แต่ถ้าเราเปลี่ยนตัวเองได้

และเริ่มต้นใหม่

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากเลยจริงๆค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-12 03:13:41


ความคิดเห็นที่ 8 (1577998)


ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-12 03:13:54


ความคิดเห็นที่ 9 (1578015)

อนุโมทนาบุญกับพี่แหวนด้วยค่ะและทุกๆท่านด้วยค่ะ

ถอยหลัง จากความชั่ว

มุ่งมั่นทำความดี

จะให้หลงทางน้อยลง

เสียเวลาน้อยลง

 


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตฤณ นาคทุ่งเตา (voravee_pat-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-12 07:40:34


ความคิดเห็นที่ 10 (1579148)

โมทนาค่ะน้องแหวน

พึ่งได้อ่านนิทานเรื่องนี่ครั้งแรกค่ะ

ทำให้รู้ว่า 

      คนจะงามงามน้ำใจใช่ใบหน้า และ

      คนจะรวยรวยศีลทานใช่บ้านโต

โอกาสนี้พี่หมวยขอถือโอกาสขอบพระคุณ

น้องแหวน คุณแม่ น้องวิว น้องแพร  ที่

กรุณานำชุดสวยให้ใส่ และสอนรำที่แสน

สวยงามให้  ตอนกลับ กลับอย่างรีบด่วน

เพราะข่าวน้ำท่วม  ไม่ได้ลาน้องแหวนเลย

กลับพร้อมน้องอัญ ป้าพร บัวลอย นั่งรถ

ลุงน้อยไปลงที่แยกบ้านนา แล้วนั่งรถตู้

ไป บขส.สระบุรี   นั่งรถสระบุรีไปโคกสำ

โรง  และนั่งรถโคราชเชียงใหม่ แต่แวะ

ลำปางให้  เดินทางด้วยความปลอดภัยค่ะ

ส่วนรูปถ่าย น้องแหวนส่งเว็ปของลูกชาย

ตามด้านล่างนี้ จะเป็นพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-19 22:15:02


ความคิดเห็นที่ 11 (1580183)

โมทนาบุญกับน้องแหวนค่ะพี่ตุ๊กเพิ่งได้อ่านเดี่ยวนี่เองค่ะ  พี่กำลังหาจุดด้อยของตัวเองแต่ละนาทีแล้วนำมาปรับปรุงถ้าใครจะนำไปใช้ไม่สงวนลิขสิทธินะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-25 10:40:38



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.