ReadyPlanet.com


เคราะห์กรรมของคนช่างนินทา


 

เคราะห์กรรมของ

คนช่างนินทา

 

 

 

คุณเคยได้ยินกลอนบทนี้

ของท่านสุนทรภู่บ้างไหม


“อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ

ไม่ชอกช้ำ

เหมือนเอามีดมากรีดหิน

แค่องค์พระปฏิมายังราคิน

คนเดินดินหรือ

จะสิ้นคนนินทา”

แม้คำนินทาจะอยู่คู่โลกทุกเมื่อเชื่อวัน

แต่ดิฉันก็ไม่คิดว่า

การพูดนินทาคนอื่นจะเป็น “กรรม”

หนักหนาสาหัสอะไร

เพราะ

ใครๆก็คงเคยพูดนินทา

ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจกันมาบ้าง

ครั้งหนึ่งดิฉันเคยไปฟังพระเทศน์

เกี่ยวกับการนินทา

พระท่านเป็นผู้มีความรู้

จึงคิดบัญญัติศัพท์

เกี่ยวกับการนินทาด้วยคำชวนหัวว่า

นินทาวิทยา ( Gossipology )

ตามความหมายและคำแปลจาก

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน

ให้ความหมายว่า

นินทาคือ

“คำติเตียนลับหลัง”

แต่พระท่านว่า

หากพิจารณาจากที่ไปที่มาและสภาพความเป็นจริง

ที่เป็นอยู่ในสังคมอาจหมายรวมไปถึง

การตำหนิ

เพราะผู้พูดไม่ชอบใจ

ผู้พูดไม่สบอารมณ์ และ

ไม่ตำหนิต่อหน้าหรือ

ไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนต่อหน้า

แต่

กลับนำเรื่องของเขาไปตำหนิลับหลัง

ทั้งๆที่เขาเป็นคนดี

ทั้งๆ ที่เขาทำดีอยู่แล้ว

เพราะ

การนินทาหมายถึง

การเล่าเรื่องในทางที่ไม่ดี

เล่าเรื่องในแง่ที่ไม่ดีของคนอื่นลับหลัง

หรือนำเรื่องที่ไม่ดีของบุคคลที่สอง

ไปเล่าต่อบุคคลที่สาม

เพื่อให้ผู้ถูกเล่านั้น

ได้รับความเสียหายอับอาย

เสื่อมเสียชื่อเสียง

เสียเกียรติ

เสียความเคารพนับถือ

แม้เรื่องที่เล่านั้น

อาจไม่เป็นจริง

และรวมถึงเรื่องนั้นเป็นจริง

แต่เป็นเรื่องที่ไม่ควรนำไปเล่า

ต่อที่สาธารณะ

หรือกับบุคคลอื่น

เพราะ

เป็นเรื่องส่วนตัว

เป็นเฉพาะส่วนบุคคล

เป็นเรื่องภายในครอบครัว

เพราะ

ท่านยังว่า

พฤติกรรมของคนช่างนินทานั้น

ทุกคนโปรดเข้าใจไว้ด้วยว่า

มิใช่เป็นพฤติกรรมของคน

ที่มีความสุข

เพราะไม่ได้เกิดจาก

จิตที่มีคุณธรรม

เป็นเครื่องปรุงเครื่องผสม

หากแต่เป็นเชื่อของ กิเลสชนิดหนึ่งเป็นตัวกระตุ้น

แล้วทำใจให้เศร้าหมอง ขุ่นมัว ทุรนทุรายอยากว่าร้าย

ใส่ร้ายคนอื่น จนแสดงอาการออกมา

นอกจากนั้น

การนินทาถือเป็นการทำผิดศีลอีกด้วย

ดิฉันรับรู้รับฟังเรื่องการนินทาว่าเป็นสิ่งไม่ดี

แต่ไม่เคยคิดว่าจะนำพาเคราะห์กรรมหนักหนามาให้

จนกระทั่งวันหนึ่ง

ดิฉันก็ได้ประสบกับเหตุการณ์นั้น

แบบต่อหน้าต่อตาด้วยตัวเอง

เพื่อนบ้านของดิฉันชื่อคุณมารศรี อายุ ราว 50 ปลายๆ

เธอเปิดร้านของของชำอยู่ใกล้บ้านของดิฉัน

ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าคุณมารศรี

เป็นคนช่างคุย

ช่างเมาท์และ

ช่างนินทาเป็นที่หนึ่งของหมู่บ้าน

หากใครอยากรู้เรื่องอะไรของใคร

ก็จะเข้าไปกระแซะถามจากคุณมารศรี

เธอก็จะเล่าได้เป็นคุ้งเป็นแคว

หลายครั้งเรื่องราวที่เธอเล่า

ไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิด

แต่

เมื่อเธอใส่สีตีไข่เข้าไป

คนที่ได้ฟังก็นำไปเล่าต่อๆกัน

นำความเดือดร้อน

มาสู่คนที่เธอนินทาอยู่เนืองๆ

แม้เธอจะทำตัวเป็นกรมกระจายข่าว

ที่ช่วยให้คนอื่น “ทันเหตุการณ์”

แต่

กลับไม่มีใครรัก

นับถือ ชื่นชมเธอเลย

มิหนำซ้ำ

คนช่างนินทาอย่างเธอ

ก็

ถูกคนอื่นนินทาเอาเหมือนกัน
คุณมารศรีแต่งงานอยู่กินกับสามีมาหลายปี

แต่ก็ยังไม่มีลูกเมื่ออายุเข้าใกล้วัยกลางคน

สามีของคุณมารศรีจึงขออนุญาตภรรยา

เพื่อไปบวชเป็นพระตลอดชีวิต

บวชอยู่หลายปี

ในที่สุดก็ได้รับตำแหน่ง

เป็นเจ้าอาวาสของวัดซึ่งมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง

เพื่อนบ้านบอกว่า

พระรูปนี้นำเอาข้าวของที่ผู้มีศรัทธานำมาถวาย

ท่านมาให้คุณมารศรีผู้เป็นภรรยาขายที่ร้านขายของชำ

สังเกตได้จากข้าวของที่นำมาขายนั้น

มักเป็นข้าวของเครื่องใช้

ที่ผู้คนนิยมนำไปถวายพระนอกจากนี้

บางครั้งคุณมารดศรียังเผลอเล่าในเชิงอวดว่า

ตัวเองมีกินมีใช้

ไม่ลำบากอะไร

เพราะมีบุญเก่า มีคนช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่

แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าการนำข้าวของที่คนอื่นถวายพระมาขาย

เพื่อนำเงินมาใช้ส่วนตัวเป็นสิ่งที่ผิด

แต่

คุณมารศรีก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ระยะหลังๆ ถ้าหากใครถามเรื่องนี้

เธอมักจะบอกว่า ที่วัดไหนเขาก็ทำกัน

ขายของได้เธอก็นำเงินไปถวายวัดนั่นแหละ

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว

ไม่สามารถมีใครรู้ได้ว่า

เธอนำเงินไปถวายวัดอย่างที่พูดจริงหรือไม่

แล้ววันหนึ่ง

เหตุการณ์ร้าย

ก็เกิดขึ้นกับคุณมารศรี

โดยไม่ทันตั้งตัว


หนึ่งเดือนหลังจากที่คุณมารศรีเข้ารับการผ่าตัด

เพื่อรักษาโรคหัวใจ

อยู่ดีๆระหว่างที่เธอกำลังยืนคุยอยู่กับดิฉัน

เธอก็เป็นลมล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตา

เมื่อดิฉันพาไปหาหมอจึงพบว่า

เธอมีอาการหลอดเลือดในสมองตีบ

คุณหมอบอกว่า

คนที่ป่วยเป็นโรคนี้

มักจะมีอาการชาหรืออ่อนแรงครึ่งซีกทันทีทันใด

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น

กล้ามเนื้อของคุณมารศรีก็ยังยึด ทำให้ร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง


ปากที่เคยค่อนแคะ นินทาคนอื่นมานักต่อนัก

ของคุณมารศรีบิดเบี้ยวไปข้างหนึ่ง

ดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัว

คล้ายคนกำลังร้องไห้โหยหวนไม่มีผิด

 

แม้คุณมารศรีจะพยายามรักษา

ด้วยการไปหาทั้งหมอพื้นบ้าน หมอแผนปัจจุบัน

แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาอาการแขนขาอ่อนแรง

ชาครึ่งซึก พูดไม่ชัด และปากเบี้ยวให้หายขาดได้

เพื่อนบ้านได้แต่มองคุณมารศรีอย่างสังเวช

ต่างพูดกันว่า

 

นี่คงเป็นผลกรรมจากการที่

ชอบนินทาคนอื่น

มิหนำซ้ำ

ยังนำข้าวของที่คนอื่นถวายวัดมาขาย

นำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอีกด้วย

ผลกรรมที่ทำไว้จึงรุนแรง

ทำให้ได้รับผลอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ดิฉัน

ได้ประสบมากับตัว จึงสามารถบอกได้ว่า

คำพูดของคนเรามีอานุภาพมาก

ดังนั้นจะคิด พูด ทำสิ่งใด

เราต้องมีความระมัดระวัง

อย่าประมาทว่า

“เป็นแค่เพียงคำพูด”

เพราะไม่เช่นนั้น

ก็อาจ

ประสบกับเคราะห์กรรม

อย่างคุณมารศรีก็เป็นได้

 

ขอขอบคุณที่มา ชมรมกัลยาณธรรม(http://www.kanlayanatam.com/sara/sara220.htm)



ผู้ตั้งกระทู้ อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-09-03 23:15:36


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1567542)

 โมทนาครับในธรรมทาน

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-03 23:47:07


ความคิดเห็นที่ 2 (1567576)

 

โมทนาบุญกับธรรมทานในครั้งนี้ ขอบคุศสิ่งศักดิ์สิทิ์บ้านสวนที่ให้มารับรู้สิ่งดีๆเตือนตนเตือนใจ ตลอด สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รมภ์รวินท์ กระสวย (som1932-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-04 09:30:39


ความคิดเห็นที่ 3 (1567580)

ขออนุโมทนา

กับ

ธรรมทานนี้

ค่ะ พี่อารียา

ไม่เพียงแต่

วจีกรรมที่พึงระวัง

ยิ่ง

ที่สำคัญ มโนกรรม

เป็นกรรมที่

เห็นทันที ทันใดเร็วมาก

ในบ้านสวนฯ

เห็นมามากนักแล้วค่ะ

เพราะฉะนั้น

ต้องคิดมาก ๆ

 ก่อนพูด ..คร๊า

-*-*-*-*-

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-04 10:01:53


ความคิดเห็นที่ 4 (1567584)

ขออนุโมทนา

ด้วยค่ะ พี่อารียา สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-04 10:45:48


ความคิดเห็นที่ 5 (1567592)

 

     อนุโมทนาในธรรมทานด้วยค่ะ

กรรมเป็นสิ่งละเอียดอ่อน  หากเราไม่ใส่ใจ

ไม่คิดให้รอบคอบ  เราก็จะไม่รู้ว่า  ทำไมชีวิตเราถึงมีแต่ความทุกข์

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-04 11:23:03


ความคิดเห็นที่ 6 (1567595)

ขออนุโมทนากับคุณอารียาด้วยค่ะ

            กุหลาบ รักสนิท

ผู้แสดงความคิดเห็น กุหลาบ รักสนิท (ROSE_1968-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-04 11:43:00


ความคิดเห็นที่ 7 (1567596)

อนุโมทนาสำหรับธรรมทานของคุณอาริยาด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

กรรมจากคำพูดเกิดขึ้นง่ายค่ะบางครั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่ก็เป็นกรรมแล้ว

น้องทรายเองเคยเป็นคนที่ก่อกรรมจากคำพูดได้แบบถึงที่สุดแล้วค่ะ

ตอนนี้พยายามใช้คำพูดของตัวเองให้น้อย

เพื่อจะได้ลดการกระทบกระทั่งกับผู้อื่น

แต่ก็ไม่วายต้องมีกรรมจากคำพูดของตัวเองอีกจนได้

ได้อ่านธรรมทาน

ของคุณอาริยา

ก็เลยทราบและตระหนักในกรรมของคำพูดมากขึ้น

ขอบคุณสำหรับธรรมทานนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-04 11:49:25


ความคิดเห็นที่ 8 (1567636)

ขออนุโมทนาในธรรมทาน ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-04 22:11:27


ความคิดเห็นที่ 9 (1567654)

ขออนุโมทนาในธรมมทานด้วยค่ะคุณอารียา  โดนเช่นกันเมื่อก่อนร่วมวงกับเขาได้ทุกเรื่อง  กรรมเยอะทีเดียว ทุกวันนี้พยายามหลีกเลี่ยง แต่บางครั้งก็ลืมอีกทำไงดี    ขอบคุณในธรรมทานอีกครั้งค่ะ  สาธุ  สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย (pan_cnp-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-04 23:58:12


ความคิดเห็นที่ 10 (1567725)

 

ขอบคุณในธรรมทานที่นำมาแบ่งปัน

อนุโมทนา สาธุ  สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี (kanungnuch03-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-05 12:08:34


ความคิดเห็นที่ 11 (1567729)

ขออนุโมทนาในธรรมทานด้วยค่ะ

ตัวเองก็เคยคิดว่าการพูดเรื่องจริงของบุคคลอื่นไม่ใช่การนินทา

แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่ควรพูด

ฉะนั้นต่อไปนี้จะพูดแต่เรื่องดี ๆ ของผู้อื่น เพื่อเป็นธรรมทานด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร (varinthon_bla-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-05 12:41:11


ความคิดเห็นที่ 12 (1567748)

โมทนาบุญกับคุณอารียา เราควรมองหาความดีเรื่องอื่นแม้แต่คนที่อยู่ใกล้เราที่สุดเหมือนที่ว่าหวังดีประสงค์ภูมิรู้ไม่เท่ากันอนุโมทามิกับคุณอีกครั้งอารียา

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-05 13:59:10


ความคิดเห็นที่ 13 (1568183)

อนุโมทนาสำหรับธรรมธานดีๆ ด้วยนะคะ

มโนกรรมและวจีกรรมเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งง่าย

ให้ผลทั้งทางดีและทางชั่ว

ต้องคิดดี และคิดก่อนพูด

มีสติอยู่เสมอ ตั้งใจทำความดี สาธุ สาธุ สาธุ ค้าา ^^

ผู้แสดงความคิดเห็น ธีมาพร จันทราวงศ์ (happylife_new-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-07 21:43:29


ความคิดเห็นที่ 14 (1568310)

ขออนุโมททนากับธรรมทาน นี้ครับ การนินทา ว่าร้าย

ผมก็พบเจอเป็นประจำ ข้าบ้านที่ผมเข่าอยู่มักจะไม่ชอบพูดคุยกันในบ้านสักเท่าไรมัก

จะรวมตัวเม้ากันใต้ต้นไม้เยื้องหน้าบ้านผม มักตะโกนโวกเวก เสียงดัง ทั้งๆที่อยู่ใกล้กัน

บางทีเพิ่ง 6โมงเช้าออกมานั่งแล้วก็ส่งเสียงดัง ทั้งเด็กน้อย คนใหญ่ และคนแก่เหมือนเขาไม่ค่อยมีสำนึกเกรงใจเพื่อนบ้านอยากทำอะไรก็ทำ คุยกันกลางถนน จอดรถขวางทาง ถนนก็แคบ

ผมกับแฟนทำงานเป็นกะเช้าบ้าง ดึกบ้างนอนไม่เป็นเวลา ออกกะมาก็อยากพักผ่อนแต่ก็ไม่ได้นอนเพราะเสียงคุยกันดังมาก

ทั้งเร่งมอไซด์ บีบแตรรถทั้งที่ไม่จำเป็น เคยบอกเตือนก็ไม่พอใจ แถมทำใส่หนักกว่าเดิม

ไม่รู้เวรกรรมอะไรต้องเจอแต่คนอันธพาลเอาเปรียบคนร่วมสังคมทั้งที่ไม่เคยไปทำอะไรให้เขา

เดือดร้อนเลยบางทีก็อดไม่ได้ก็ด่าบ้างไม่รู้จะทำยังไง

ใครมีแนวทางแก้ไขโปรดแสดงความเห็นเผื่อจะมีวิธีดีดีบ้าง เบื่อย้ายบ้านมาบ่อยแล้วครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วุฒิศักดิ์ ศรีทับทิม(ก้อง) (alfieman23-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-08 15:22:46


ความคิดเห็นที่ 15 (1568342)

ขออนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น แอ๊ด อร่ามศรี สุวัตถิกุล (adda_bkk-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-08 20:15:53


ความคิดเห็นที่ 16 (1568568)

ภาเป็นคนหนึ่งที่รับเคราะห์กรรมจากการร่วมแจมนินทาเพื่อนร่วมงาน  เมื่อประมาณต้นเดือนสิงหาคม54ค่ะ

เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม ฟันโยก เป็นตุ่มหนอง3ตุ่มคล้ายๆฝีในช่องปาก ไปหาหมอฟันด่วนค่ะ  คุณหมอบอกว่าหมดทางเยียวยาคงต้องรักษาเหงือกให้หายก่อน แล้วคงต้องถอนฟัน 5 ซีกค่ะ

   วันที่ 13-14 สิงหาใด้ไปบ้านสวนไปใช้แรงกายปลูกข้าวดำนา ถางหญ้า ร่วมบุญไมโล โอวัลติล ไปหาอาจารย์อุบล อาจารย์บอกว่าเดียวก็หายไม่ต้องถอนฟันหรอก และ ตอนนี้ก็หายแล้วค่ะ  ไม่ต้องถอนฟันแล้วค่ะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลที่เมตตาลูกมาตลอด  กราบขอบพระคุณสิงศักดิ์สิทธ์ทุกพระองค์ที่เมตตาลูกเช่นกัน

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) (parungrueang-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-09 23:57:35



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.