ReadyPlanet.com


พุทธวิธีเตรียมตัวตาย โดยหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน


 

เจริญพร...
ท่านผู้ใคร่ธรรมสัมมาปฏิบัติทุกท่าน
อาตมาขออนุโมทนา
แก่ท่านที่มองเห็นการณ์ไกล
นิมนต์อาตมาให้บรรยายเรื่อง
 “พุทธวิธี เตรียมตัวตาย”
เป็นหัวข้อที่ดีมาก
ไม่มีใครคิดขึ้นมา
คิดมองกันแต่ข้างหน้า
ไม่มองย้อนหลัง
 
 
ระวัง! จิตใจต่ำทำโลกแย่ ต้องรีบแก้
 
ท่านทั้งหลายโปรดพิจารณา
โลกกำลังจะแตกแล้ว
ขาดความสามัคคี
หาความพอดีไม่ได้
เดินทางสวนกันหมดแล้ว
ประเทศจะเหมือนเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐
สมัยกรุงศรีอยุธยาราชธานีที่ผ่านมา
 
 
ปัจจุบันโลกเจริญมาก แต่...จิตใจเลวที่สุด
 
เดี๋ยวนี้เด็กติดยาเสพติดกันมาก
เด็กไม่เรียนหนังสือกันนั้น
เป็นเพราะเหตุประการใด?
สถิติเด็กรุ่นสาวม.๕ ม.๖
ติดโรคเอดส์มาก
ตรวจโรคเอดส์ ตรวจอย่างไร
ดูตากับลิ้น
ไม่ต้องไปตรวจปัสสาวะ
ขอฝากพยาบาลไว้ด้วย
ตรวจตากับแลบลิ้นดู
คล้ายๆ เป็นทรายเป็นจุดๆ
แล้วก็กำลังถอยลงไป
นั่นแหละโรคเอดส์
เรื่องยาเสพติดก็พูดกันมาก
แต่โรคนี้มากกว่า
ไม่มีใครรู้เลย
เป็นที่น่าเสียดายในชีวิตของเขามาก
ท่านผู้เป็นบิดามารดาโปรดพิจารณาด้วย
 
 
พ่อแม่ต้องอยู่ใกล้ อย่าให้เด็กหลงทาง
 
ถ้าท่านเป็นบิดามารดา...ไม่ได้ดูลูกเลย
จะเสียใจต่อภายหลัง
นี่เป็นความสำคัญของชีวิตในระยะกลาง
อย่าให้ลูกอยู่ว่าง อย่าให้ห่างผู้ใหญ่
จะหลงทางได้ง่าย
 
ท่านเตรียมตัวตรงนี้หรือยัง?
 
จะไปเตรียมตอนแก่ แล้วจึงเข้าวัด
จะเกิดประโยชน์ไหม?
เข้าวัดตอนแก่ จะเข้าไปทำไม?
ควรจะเตรียมตัวตั้งแต่เด็ก
 
ปัญหาของชีวิต
เกิดจากกรรมชั่วที่ตัวสร้าง
 
ขอเจริญพรพี่น้องทุกคนว่า
ปัญหาของชีวิตคือ
“กฎแห่งกรรม แก้ให้กันไม่ได้”
ตัวใครตัวมัน ต้องแก้ด้วยตัวเอง
คนอื่นจะไปแก้ไขเขาก็ไม่ได้
 
พระพุทธเจ้าจบ ๑๘ ดอกเตอร์
๑๘ ศาสตร์
เรียนมาหมดทุกอย่างแล้ว
เพราะเหตุใด จึงต้องเสด็จบรรพชา
ท่านต้องการไปหาวิชาแก้ปัญหาชีวิต
วิชาแก้ทุกข์
ต้องใช้เวลาไปเรียนวิชานี้ถึง ๖ ปี
กว่าจะได้วิชานี้มาให้เรา
 
“วิชาแก้ปัญหาชีวิต วิชาแก้ปัญหาทุกข์”
 
แต่เรากลับเอาไปทิ้ง
ไม่เคยมีใครนำมาใช้เลย
มีแต่สร้างความทุกข์
หาความสนุกในสังคมเท่านั้น
 
 
ผู้ที่มีทุกข์มาที่วัดอัมพวันมี ๕ ประการ ได้แก่
๑.ครอบครัวไม่มีความสุข
๒.ผิดหวังในชีวิต แก้ปัญหาไม่ได้
๓.ลูกไม่เรียนหนังสือ
๔.เศรษฐกิจไม่พอปากท้อง
๕.มีแล้วยังไม่พอ ตะเกียกตะกายไป
 
 
ทางแก้ทุกข์ ทุเลากรรม
ด้วยการสร้างความรู้ คุณธรรม ทำกรรมฐาน
๑.ศึกษาหาความรู้เพื่อเป็นมหานิยมแก่ตน
๒.ปลูกฝังคุณธรรมในใจเพื่อใช้เป็นเสน่ห์ให้คนรัก
๓.เจริญพระกรรมฐานเพื่อแก้ปัญหา แก้กรรมของตน
 
*จากหนังสือพุทธวิธีเตรียมตัวตาย
เป็นบทพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อจรัญ
วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี


ผู้ตั้งกระทู้ เบ็ญจมาศ ประดิษฐ์ผล (kiradung-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-09-15 11:32:00


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1570721)

ขออนุโมทนาด้วยคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-15 14:26:24


ความคิดเห็นที่ 2 (1570737)

ขออนุโมทนา

ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-15 15:44:43


ความคิดเห็นที่ 3 (1570749)

 

คนเรามีปัญหาต่างกัน เพราะสร้างเหตุไว้ต่างกัน
 
 
ความเข้าใจในหลักของธรรมะ
ตามที่พระพุทธเจ้าสอน
เป็นบทความที่จะแก้ปัญหาชีวิตได้อย่างดียิ่ง
 แต่แล้วเราก็ไม่ทราบว่า
ปัญหาของเราคืออะไร
ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เกิดจากการกระทำ
และกฎแห่งกรรมไม่เหมือนกัน
ลักษณะการเกิดมา
มีหู มีตา มีจมูก มีปาก มีฟัน
มีเพศหญิงเพศชาย
เหมือนกันไม่ได้
สืบเนื่องจากการกระทำ
ครั้งอดีตชาติแต่ปางก่อน
เราเลือกเกิดไม่ได้
และเลือกตายไม่ได้เหมือนกัน
ปราสาทราชวังเขาเปิด
ไม่มีใครเข้าไปเกิด
บ้านอาเสี่ยมีมากมาย
 ไม่มีใครเข้าไปเกิด
 แต่ทำไมหนอ
 คุกปิดใส่กุญแจเสียตั้งหลายชั้น
 เข้าไปกันได้เป็นพัน
 ไม่ทราบเข้าไปกันได้อย่างไร
 เป็นกฎแห่งกรรม
จากการกระทำของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน
 
ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจมาศ ประดิษฐ์ผล (kiradung-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-15 16:58:57


ความคิดเห็นที่ 4 (1571127)

 

ศึกษาหาความรู้เพื่อเป็นมหานิยมแก่ตน
 
ถ้าท่านไม่ศึกษาปฏิบัติธรรม
ไม่ใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว
ท่านจะแก้ปัญหาไม่ได้นะ
อาตมาจึงถามเด็กว่า
“หนู มหานิยมอยู่ที่ไหน?”
แม่ก็ตอบไม่ได้
 
มหานิยมอยู่ที่วิชาความรู้
ถ้าลูกเราเรียน
มีวิชาความรู้
เป็นดอกเตอร์
รับรองมีคนนิยมชมชอบมาก
ตรงนี้เป็นมหานิยม
 
ไม่ใช่ไปให้พระเป่าหัว
ไปรดน้ำมนต์
วัดโน้นวัดนี้
ลงเสน่ห์
ตรงนี้น่าคิดนะ
ถ้าลูกของโยมเรียนหนังสือเก่งทุกคน
จบปริญญาโท จบปริญญาเอก
นี่สิเป็นมหานิยม มีคนนิยมชมชอบมากมาย
น่าที่จะเตรียมตัวกันตรงนี้
ไม่ใช่ไปเตรียมตัวกันตอนจะตาย
 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจมาศ ประดิษฐ์ผล (kiradung-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-15 21:59:28


ความคิดเห็นที่ 5 (1571129)

 

ปลูกฝังคุณธรรมในใจเพื่อใช้เป็นเสน่ห์ให้คนรัก
 
นอกเหนือจากนั้นแล้ว
อะไรหนอที่เป็นเสน่ห์
 
 
เสน่ห์อยู่ที่คุณธรรม
ถ้าคนไหนไม่มีคุณธรรม
ไร้เหตุผล
จะมีเสน่ห์ได้อย่างไร
ไม่มีใครมองหน้าแน่นอน
 
ถ้าลูกของท่านทั้งหลาย
ไม่เรียนหนังสือเลย ไปไหนก็เก้อเขิน
ไม่มีความรู้ความสามารถ
นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
ต้องแก้ปัญหา
แต่เราไปแก้ปัญหากันผิดจุด
น่าจะแก้ตรงไปตรงมา
ปากกับใจตรงกันหน่อยได้ไหม
 
อาตมาจึงสรุปความไว้ข้อหนึ่งว่า
“เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง”
ลูกนี้สำคัญมาก
 
จะยกตัวอย่างให้เห็น
ลูกมีทั้งเมตตามหานิยม
ที่สิงห์บุรี เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๐
ครอบครัวพ่อเป็นจับกัง
แม่รับจ้างซักรีด
มีลูกห้าคน
เป็นดอกเตอร์สามคน
เป็นเถ้าแก่เนี้ยขายทองที่เยาวราชสองคน
จนแท้ๆ
 
เพราะเหตุใด?
เพราะเขามีคุณธรรม มีทั้งเสน่ห์
มีทั้งมหานิยม
เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจมาศ ประดิษฐ์ผล (kiradung-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-15 22:04:57


ความคิดเห็นที่ 6 (1571212)

อนุโมทนาบุญสำหรับธรรมทานค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-16 07:32:15


ความคิดเห็นที่ 7 (1572814)

เจริญพระกรรมฐานเพื่อแก้ปัญหา

แก้กรรมของตน

 

 

ขอเจริญพรว่า

 

คนดีมีปัญญา

อยู่ที่ไหนก็จะไปถึงที่ได้

คนเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี

มีลูกไม่เอาไหนก็เยอะ

แก้ปัญหาชีวิตไม่ได้

ทั้งรักทั้งแค้นแน่นในทรวง

ทั้งหึงทั้งหวงหนักหน่วงในหัวใจ

จึงฆ่ารันฟันแทงกันได้ง่ายเหมือนผักปลา

ขาดสติสัมปชัญญะ ขาดเหตุผล

 

น่าจะเตรียมพร้อมตรงนี้ก่อนตาย

เวลาไม่เหมือนกัน

เตรียมพร้อมเสียแต่วันนี้

 

 

เจริญกรรมฐานรู้กฎแห่งกรรม แก้ปัญหาได้

 

ท่านทั้งหลายเอ๋ย เวลาไม่เหมือนกัน

เราต้องเตรียมพร้อมเสียแต่วันนี้

เพื่อสัมภาระที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้

พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจนมาก

กฎแห่งกรรมซ้ำเติมส่งเสริมโทษเหมือนกันไม่ได้

ถ้าท่านเจริญพระกรรมฐาน

เจริญสติปัฏฐาน ๔

ท่านจะระลึกชาติได้

รู้กฎแห่งกรรม

และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าของท่านได้

ท่านไม่ต้องไปหาผีเจ้าเข้าทรง

ตรงนี้เป็นหลักสำคัญของชีวิตของแต่ละคน

ใครมีบุญวาสนา

ก็จะเดินไปหาบุญวาสนาเอง

แข่งเรือแข่งพาย

ใครก็แข่งได้

แข่งบุญวาสนาไม่ได้ก็จริง

แต่อยากถามว่า

ท่านพายเรือเป็นไหม

พายเรือไม่เป็นจะแข่งได้อย่างไร

ท่านต้องฝึกหัด

ต้องปฎิบัติ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจมาศ ประดิษฐ์ผล (kiradung-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 16:52:41


ความคิดเห็นที่ 8 (1572817)

หมอนั่งกรรมฐานแก้ปัญหารักร้าว

 

ยกตัวอย่าง...

สามีภรรยาคู่หนึ่ง

สามีเป็นนายแพทย์

เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล

ภรรยาเป็นแพทย์หญิง

รูปร่างสวยน่ารัก

บ้านใหญ่โต

ลูกเรียนธรรมศาสตร์

เรียนจุฬาฯทั้งนั้น

แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า

สามีฟ้องหย่าตลอดรายการ

เพราะไปชอบลูกจ้างในโรงพยาบาล

ต้องการทรัพย์สมบัติไปให้อีกบ้านหนึ่ง

แพทย์หญิงก็มาปรึกษาอาตมา

อาตมาจึงบอกว่า

 

เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน

ตอนนี้พูดกันยังไม่รู้เรื่อง

ให้แพทย์หญิงลาพักร้อนมาเจริญกรรมฐาน

เจริญสติปัฏฐาน ๔

จะแก้ไขปัญหาชีวิตได้แน่นอน

เขาจะได้รู้กฎแห่งกรรมว่า

เขาได้ทำกรรมอะไรไว้

จะได้ไม่ปฏิเสธทุกข้อหา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจมาศ ประดิษฐ์ผล (kiradung-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 16:56:16


ความคิดเห็นที่ 9 (1573270)

ปฏิบัติกรรมฐานได้สติ

เกิดปัญญา พบทางออก

 

แพทย์หญิงก็มาปฏิบัติกรรมฐาน ๒ ครั้ง

ครั้งละ ๗ วัน

จิตเข้าถึงซึ้งใจ ใฝ่ดีแล้ว

บอกหลวงพ่อว่า

หนูรู้แล้ว

อาตมาจึงบอกว่า

ถ้ารู้แล้วจะพูดให้ฟัง

ถ้ายังไม่รู้

จะพูดให้ฟังไม่ได้

แพทย์ชายเตรียมจะฟ้องหย่าท่าเดียว

แพทย์หญิงก็จะหย่าให้

แต่พอมาเจริญกรรมฐานได้สติ

มีปัญญา

อ่านหนังสือไม่มีตัวออกชัดเจนแล้ว

แพทย์หญิงก็บอกว่า

หลวงพ่อให้สติหนูได้แล้วค่ะ

หนูจะตั้งใจฟังแล้ว

เพราะว่าเมื่อก่อน

หลวงพ่อบอกหนู หนูไม่ตั้งใจฟังเลย

อาตมาบอกว่า

คุณหมอ ขอประทานโทษนะ

จะเห็นด้วยหรือไม่

ก็ไม่ว่ากัน

ลูกเราโตแล้ว

เรียนถึงปริญญาโทแล้ว

คนเล็กเรียนปริญญาตรี

อยู่ที่จุฬาฯ

ถ้าลูกรู้เข้า

จะเสียกลศึกยุทธวิธีในสงคราม

จะหมดกำลังใจเรียน

แม่กับพ่อแยกกัน

อย่าให้เขารู้ได้ไหม?

 

 

มีสติ พูดดี เข้าใจง่าย

ขาดสติ พูดร้าย เข้าใจยาก

 

แพทย์หญิงตกลง

ผู้ที่มีสติจะพูดง่าย

คนไม่มีสติพูดอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง

ถึงจะมีความรู้สูงก็ไม่รู้เรื่อง

ทั้งแพทย์ชายแพทย์หญิง

จบปริญญาโทเหมือนกัน

แต่หาเรื่องทะเลาะกันเรื่อย

อาตมาให้สติไปว่า

คุณหมออย่าหย่านะ

เขาจะฟ้องก็ฟ้องไป

เราไม่ยอมหย่าท่าเดียว

จะไปหย่าก็ต่อเมื่อ

ลูกเรียนจบปริญญาเอกแล้ว

มีหลักฐานมีงานทำแล้ว

จะหย่าก็หย่าได้เลย

แพทย์หญิงเห็นด้วย

 

นี่เป็นการ..

 

เตรียมตัวก่อนตาย

เตรียมการให้พร้อมในชีวิต

ไม่ใช่เข้าวัดตอนแก่

 

ต่อมาลูกเรียนจะจบปริญญาเอกแล้ว

ก็ยังไม่หย่า

แพทย์หญิงบอกว่า

หย่าไม่ได้หรอกค่ะ

เพราะอายลูก

ถ้าอาตมาไม่ยับยั้งไว้

ก็หย่ากันไปแล้ว

 

ก็ขอฝากข้อความไว้ว่า

พูดดี เข้าใจง่าย พูดร้าย เข้าใจยาก

ถ้าพูดดีๆ เพราะๆ

ไม่มีทางจะทะเลาะกัน

ไม่หย่าแน่นอน

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจมาศ ประดิษฐ์ผล (kiradung-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 16:40:36


ความคิดเห็นที่ 10 (1575369)

พุทธวิธีเตรียมตัวตาย ๒

 

ชนิดของการตาย

การตายมี ๓ ชนิด ได้แก่

 

๑.ตายจริง

๒.ตายสมมติ

๓.ตายสูญ

 

 

ท่านจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

 

ต้องเข้าใจความหมายของการตายแต่ละชนิดก่อน

 

๑.ตายจริงคือตายทุกวินาที

 

พี่น้องทั้งหลาย...

ท่านอย่าเข้าใจผิดนะว่า

ตายจริง

คือตายใส่หีบแล้วนำไปเผา

ไม่ใช่นะ

ตายจริงคือ

เหมือนอย่างที่เรานั่งอยู่นี่

ก็จะตายต่อไป

เป็นเฒ่าชะแรแก่ชราไปตามลำดับ

จึงต้องเตรียมตั้งแต่เดี๋ยวนี้ก่อน

ไม่ใช่รอให้แก่แล้วจึงไปเตรียม

ในชีวิตบั้นปลาย

ต้องเตรียมตั้งแต่ต้น

ตั้งแต่ออกแขก

ขอเจริญพรว่า

 

ชีวิตคนเราเหมือนลิเก

เหมือนละคร

ออกแขกดี

บอกเรื่องดี

ออกหน้าพาทย์ดี

ก็เล่นดีตลอดชีวิต

ออกแขกไม่ดี

บอกเรื่องไม่ดี

จะเล่นไม่ดีตลอดจนตาย

นี่คือตายจริง

 

 

๒.ตายโดยสมมติคือหมดลมหายใจ

 

ได้แก่

การตายที่หมดลมหายใจ

นำไปใส่หีบศพ

แล้วนำไปฝัง

นำไปเผา

นี่เป็นสมมติบัญญัติ

ทำไมเรียกว่า

สมมติบัญญัติ?

เพราะร่างการสังขาร

หมดไปตามกาลเวลา

แต่จิตวิญญาณไม่ตาย

เกิดดับตลอดซับซ้อนอยู่เป็นกฎแห่งกรรม

ไม่ใช่ตายจริงนะ

 

ท่านต้องมีความเข้าใจในเรื่องนี้

จึงจะเตรียมตัวก่อนตายได้ถูกต้อง

เพราะจิตนี้มันเกิดดับ

เหมือนไดนาโม

 

จิตนี้เป็นธรรมชาติ

เป็นกระแสไฟ

มันเตรียมส่งไฟฟ้าอยู่แล้ว

แต่ยังไม่เปิดสวิตช์

พอเปิดสวิตช์เข้า

ก็เตรียมไปติดที่หลอด

จิตของท่านเตรียมพร้อม

แต่จะไปติดตรงไหน

ต้องเปิดสวิตช์ร่างกาย

สังขารอยู่มานาน

ก็ต้องพัง

จิตวิญญาณ

รูปนามขันธ์๕

เป็นอารมณ์

มันไม่มีตาย

มันเกิดดับจนมองไม่เห็น

จะไปสู่สถานที่ทำกรรมไว้ทุกประการ

 

 

๓.ตายสูญคือนิพพาน

 

ได้แก่

ตายแล้ว

ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก

คือบรรลุนิพพาน

หมดกิเลสตัณหาทั้งปวง

ไม่มีโลภ

ไม่มีโกรธ

ไม่มีหลง

ไม่มีกลับมาในโลกมนุษย์

อีกแล้ว

 

นิพพานัง ปรมัง สุขัง

นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

ความสุขที่ไม่เจือปน

ด้วยกิเลสนานาประการ

หรือไฟดับไม่มีเชื้อ

เรียกว่า

นิพพาน

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจมาศ ประดิษฐ์ผล (kiradung-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 12:31:02


ความคิดเห็นที่ 11 (1575438)

ขออนุโมทนาค่ะคุณเบ็ญจมาศสำหรับธรรมทาน 

ผู้แสดงความคิดเห็น จินตนา อัลลาร์ด(แขก) (jintana1963-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-29 20:06:05



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.