ReadyPlanet.com


ความคาดหวังของหลวงพ่อวัดท่าซุงในการสอนมโนมยิทธิ


 พระอาจารย์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้มีอยู่ส่วนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์เก่าตั้งแต่สมัย พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงแต่ยังไปไม่ถึงไหนเลย ต้องบอกว่าเกิดจากการทำไม่จริง ถ้าคนทำจริงแล้วทุ่มเท พระพุทธเจ้า ตรัสไว้แล้ว อย่างเร็ว ๗ วัน อย่างกลาง ๗ เดือน อย่างช้า ๗ ปี ก็ต้องบรรลุระดับใดระดับหนึ่ง ใครทำ ๗ ปีแล้วยังไม่ได้อะไรเลยขอให้รู้ว่า ถ้าไม่ทำขาดก็ทำผิดไปเลย 

อย่างที่เมื่อคืนก่อนบรรยายไปว่า จะขาดในเรื่องของ ขันติบารมี วิริยบารมี และ ปัญญาบารมี ๓ ตัวนี้ขาดกันมาก ไม่มีความอดทนอดกลั้น ไปหาพระหาเจ้าอยากให้ท่านเสกเพี้ยงเดียวเป็นพระอรหันต์เลย ถ้าเป็นอย่างนั้นได้พระพุทธเจ้าคงเอาพวกเราไปหมดแล้ว พระองค์ท่านตรัสไว้ชัดแล้ว สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธะเย ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของจำเพาะตน บุคคลหนึ่งจะทำอีกบุคคลหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่

แปลว่า เราต้องใช้ความพากเพียรพยายาม ความอดทนอดกลั้น ทุ่มเทปฏิบัติ และต้องทุ่มเทให้ถูกทางด้วย ไม่อย่างนั้นก็แปลว่า เราขาดปัญญาบารมีจริงๆ คือทำผิดทาง กลายเป็นเหนื่อยเปล่า 

แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็ต้องผิดบ้างถูกบ้างไปเรื่อย จนกว่าจะไปถึงระดับหนึ่ง ถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างแท้จริง คราวนี้ก็จะรีบเร่งกันหัวไม่วางหางไม่เว้น เพราะกว่าจะรู้ก็มักจะเป็นวาระท้ายๆ ของชีวิตแล้ว..!"

"ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ อย่าได้ประมาทแม้แต่วินาทีเดียว อย่างวันนี้ที่โยมถาม เขาสังเกตว่าบุคคลที่ฝึก มโนมยิทธิ นั้นส่วนใหญ่ใช้ผิด อาตมาก็รับรองกับเขาว่าใช่..ใช้ผิด มโนมยิทธินี่เป็นพื้นฐานของอภิญญา คนชอบทางฤทธิ์ชอบอภิญญาที่ไม่ซนไม่มีหรอก พอได้มาก็คันไม้คันมือ ใช้มั่วตามวิสัยของตัวเอง 

แต่คราวนี้ตามความหวังของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่ท่านสอนมโนมยิทธินั้น เพราะว่า มโนมยิทธิเป็นวิธีไปนิพพานที่ง่ายที่สุด เรารู้จักนิพพานได้ เราไปนิพพานตรง สามารถจดจำอารมณ์พระนิพพานแล้วนำมาปฏิบัติได้ ถ้าหากว่าเราทำถึงเมื่อไรเราจะทราบทันทีว่าเราถึงแล้ว เพราะเราเคยชินกับอารมณ์นั้น 

การส่งจิตขึ้นพระนิพพานเป็นการตัดกิเลสโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาพิจารณา เพราะว่าพวกเราไม่ถนัดในการใช้วิปัสสนาญาณ เราถนัดแต่เรื่องของสมาธิสมาบัติ" ถามว่าสมาธิสมาบัติตัดกิเลสได้ไหม ? ได้..ถ้าเราสามารถกดกิเลสไว้ได้ต่อเนื่องยาวนานพอ กิเลสเกิดไม่ได้ก็เฉาตายได้เหมือนกัน เขาเรียกว่า บรรลุโดยเจโตวิมุตติ คือใช้กำลังข่มกิเลสไว้ เหมือนเอาหินทับหญ้า ถ้าทับได้นานพอหญ้าก็ตายไปเอง"

"ส่วนการพิจารณาวิปัสสนาญาณนั้นเป็น ปัญญาวิมุติ คือเมื่อรู้แจ้งเห็นจริงแล้วจิตยอมรับ ก็จะปล่อยวางลงได้ ทั้งสองอย่างนั้นความจริงต้องทำร่วมกัน แต่เราถนัดด้านเดียวก็คือเรื่องของสมาธิ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงจึงได้คิดค้นวิชาการที่เหมาะสมกับพวกลูกหลานอย่างพวกเรา ก็คือใช้สมาธิเป็นหลัก ส่งจิตขึ้นไปเกาะนิพพาน ซึ่งจะเป็นอารมณ์ที่ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง จริงๆ



ผู้ตั้งกระทู้ คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-07-28 00:58:46


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1560624)

 หลวงพ่อ ท่านเชื่อว่าพวกเราฉลาดพอ เชื่อว่าพวกเราจะเลือกได้ถูกต้อง แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วไปใช้ผิด พอได้แล้วแทนที่จะปฏิบัติเพื่อละกิเลส ก็เที่ยวไปดูว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นกับเรา คนนี้เป็นอย่างนี้กับเรา ดูแค่นั้นก็ยังพอทน แต่ว่ามีส่วนหนึ่งไปฟื้นความสัมพันธ์เก่าขึ้นมาอีก ทีนี้ก็ยุ่งกันไปใหญ่ 

แทนที่จะหลุดก็ยิ่งเกาะกันนัวเนียหนักขึ้น ถามว่าแล้วมีโทษหรือไม่ ? โทษใหญ่ที่เห็นชัดที่สุดก็คือ ยากที่จะหลุดพ้นได้ เพราะว่าภาระทั้งเก่าทั้งใหม่จะผูกเข้ามามากขึ้น ที่โยมเขาว่ามา อาตมาถึงได้รับรองว่าใช่ ส่วนใหญ่เราใช้ผิด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ถ้าใช้ถูกก็เป็นการตัดกิเลสที่ง่ายจนไม่มีอะไรจะง่ายกว่านี้อีกแล้ว และเหมาะสมกับกำลังใจของพวกเราอย่างที่สุด 

ดังนั้น..ในเรื่องของ มโนมยิทธิ ถ้าหากว่าจะดูอดีต จะระลึกชาติ ก็ใส่ปัญญาประกอบไปด้วยว่า แต่ละชาติของเรามีชาติไหนไม่ทุกข์บ้าง ชาตินี้เราก็ทุกข์อยู่แล้ว เกิดอีกก็ทุกข์อีก พอหรือยัง ? เข็ดหรือยัง ? ถ้าพอแล้วเข็ดแล้ว ชาติปัจจุบันนี้เราควรจะปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น เพื่อพระนิพพานเสียทีหรือยัง ? ถ้าได้คำตอบแล้วต้องรีบตะกายให้สุดชีวิต เพราะว่าเรามัวแต่สนุกจนกระทั่งเวลาเหลือน้อยมากแล้ว" 

"อย่าลืมว่าชีวิตเรามีแค่ลมหายใจเข้าออกเดียวเท่านั้น หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายเหมือนกัน ความตายมาจ่อประชิดติดตัวขนาดนี้แล้ว ถึงเวลายังไปห่วงว่า ตายแล้วเขาจะเผาเราหรือเปล่า ? ไม่ต้องห่วง..เขาไม่เก็บไว้หรอก เผาแน่ๆ เพราะฉะนั้น..ต้องรีบเร่งรัดตัดทางเข้าหาพระนิพพานให้เร็วที่สุด 

การอยู่ในโลกนี้แม้แต่วินาทีเดียวก็เต็มไปด้วยความทุกข์ อยู่นาทีหนึ่งก็ทุกข์นาทีหนึ่ง อยู่ชั่วโมงหนึ่งก็ทุกข์ชั่วโมงหนึ่ง อยู่วันหนึ่งก็ทุกข์วันหนึ่ง เราย่ำเท้าอยู่บนกองทุกข์แท้ๆ เราดำเนินชีวิตอยู่บนกองทุกข์แท้ๆ โดนความทุกข์แผดเผาอยู่ตลอดเวลาเหมือนอยู่ในบ้านที่ไฟไหม้ ควรจะรีบหนี หรือว่านอนสบายรอให้ไฟไหม้มาถึงหัว ? 

เรื่องพวกนี้เรามีปัญญาพอที่จะพิจารณาได้ แต่ให้ตระหนักไว้อยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่พอว่ากันครั้งหนึ่งก็ได้สติครั้งหนึ่ง ถึงเวลาก็เพลิดเพลินเจริญใจกันต่อ ถ้าอย่างนั้นถ้าครูบาอาจารย์ล่วงลับไป แล้วใครจะมาเตือนสติพวกเราอีก

หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกแล้วว่า ฟังแล้วจำ จำแล้วคิด คิดแล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผลด้วย ใครฟังเทปฟังซีดีหรืออ่านหนังสือของท่าน จะเจอข้อความทั้งหลายเหล่านี้อยู่เป็นประจำ อย่าปล่อยให้ผ่านหูผ่านตาไปเฉยๆ 

ฟังสิ่งที่ท่านสอนให้เหมือนอย่างกับว่าท่านสั่งให้เราทำ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไป อย่าฟังคำสอนเป็นคำสอน ถ้าฟังคำสอนเป็นคำสอนเราอาจจะทำเมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าฟังคำสอนเป็นคำสั่งเราจะต้องทำเดี๋ยวนั้น เอาอย่างทหารคือ..รับคำสั่ง ทำทันที ไม่มีปัญหา ถ้าอย่างนั้นถึงจะมีโอกาสที่จะหลุดรอดจากวัฏสงสารได้"


สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ 


ที่มา : 
http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2637&page=7

และเว็บพลังจิต  กระทู้ของ  พี่  tamsak tamsak ได้ร่วมบริจาคเข้าโครงการของเว็บพลังจิตเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา จำนวน หมื่นบาท ขึ้นไป ในระยะ1ปี ทีมพระไตรปิฏก

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-28 00:59:47


ความคิดเห็นที่ 2 (1560626)

 ลูกขออนุโมทนาสาธุครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-28 01:02:06


ความคิดเห็นที่ 3 (1560657)

อนุโมทนาค่ะน้องเบลล์

ฟัง"คำสอน"ให้เป็น"คำสั่ง"แล้วก็ทำตามทันที

สาธุ สาธุ ค่ะ..

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-28 03:31:53


ความคิดเห็นที่ 4 (1561022)

"ฟังแล้วจำ จำแล้วคิด คิดแล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผล" สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-29 18:50:39


ความคิดเห็นที่ 5 (1561038)

มีความรู้ มีวิชา แล้วนำไปใช้ไม่ถูก ก็ไม่เกิดผลอยู่ดี

สุดท้ายความประมาทก็เป็นต้นตอให้เราไม่หลุดพ้นซะที

จริงอย่างที่ท่านบอก เรื่องพวกนี้เราต้องตระหนักตลอดเวลา ไม่ใช่คอยให้ครูบาอาจารย์มากระทุ้งทีถึงคิดได้ที ถ้าท่านไม่อยู่แล้วเราจะทำยังไง...

สาธุ คะ

และขออนุโมทนากับน้องเบลล์ด้วยนะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-29 23:19:37


ความคิดเห็นที่ 6 (1561064)

 อนุโมทนาครับทุกท่าน

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-30 06:37:28


ความคิดเห็นที่ 7 (1561669)

ขออนุโมทนาด้วยนะครับ น้องเบลล์ สำหรับข้อความดีๆนี้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Anorio (ธนกร ชูศรีจรรยา) (ariosto9-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-02 15:11:01


ความคิดเห็นที่ 8 (1561766)

 อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล (shindo_ploy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-02 19:09:14


ความคิดเห็นที่ 9 (1564318)

 

ขออนุโมทนาที่คุณเบลล์ นำคำสั่งของหลวงพ่อ มาย้ำเตือน คะ ทุกคนมีแต่กิเลส อยากได้อะไรที่ได้มาโดยง่ายแต่ขาดความเพียร และความอดทน

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-17 10:22:36


ความคิดเห็นที่ 10 (1564959)

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หน่อย (สมศรี พวงพันธ์) (noi-92012-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-20 10:32:12


ความคิดเห็นที่ 11 (1564996)

               อนุโมทนาค่ะ

 

แม่หมวยได้ไปกราบหลวงพ่อมาแล้ว

และได้ฝึกมโนมยิทธิช่วงตอนบ่ายโมง

ได้ฟังเทศน์ของหลวงพ่อด้วย   และ

ได้ทำบุญที่วัดท่าซุง   น้องเบลล์รู้ไหม

ทุกคนที่ไปทำบุญในวันนั้นอารมณ์

เปลี่ยนไปแทบทุกคน ใจเย็นลง ไม่

ค่อยโกรธ อาฆาต หรือตอบโต้ใคร

มากนัก มีเหตุมีผล มีวัยรุ่น ๒ คน

ก็ตั้งใจเรียนมากขึ้น คงจะได้รับบุญ

รับพรจากหลวงพ่อ ชีวิตถึงได้ดีขึ้น

ขอบคุณน้องเบลล์ที่เอาธรรมะของ

หลวงพ่อมาให้อ่าน เลยคิดถึงช่วง

ที่อยู่วัดท่าซุงค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-20 16:46:22


ความคิดเห็นที่ 12 (1565102)

 สาธุโมทนาด้วยครับพี่หมวยและคณะ

ยินดีด้วยนะครับ

ที่ได้ไปฝึกมโนมยิทธิ

เป็นนิมิตรหมายอันเป็นมหามงคล

ว่าลูกๆหลานๆของหลวงพ่อ

จะไได้ผนึกกำลังกันทำดีให้ถึงที่สุดแห่งธรรมได้ง่ายมากขึ้นนะครับ   สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-21 14:17:07



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.