ReadyPlanet.com


แนวทางปฏิบัติสู่ความสงบสุข.....ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา


 1.ฝึกสมาธิ หรือนั่งเงียบๆทุกวัน นี่เป็นวิธีตรงที่จะทำให้ใจของเราสงบ และควบคุมจิตของเรา เพื่อเราจะได้มีความสงบสุข

2.ส่งพลังแห่งความเมตตาให้กับสิ่งทีมีชีวิตทั้งหลายตลอดทั้งวัน

3.ก่อนนอนทุกคืน ใช้เวลา 2-3 นาที ตรึกตรองสิ่งที่เราปฏิบัติมาตลอดทั้งวัน แล้วตั้งใจว่า จะแก้ไขให้ดีขึ้น

4.ควบคุมความโกรธ จำไว้เสมอว่า เมื่อมีคนมาด่าเรา เขากำลังช่วยเหลือเรา ให้เรามีประสบการณ์ที่ดี ที่จะฝึกการควบคุมตัวเอง เขาเป็นอาจารย์ของเรา

5.ท่องชื่อที่เราศรัทธา หรือคำที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจ

6.ร้องเพลงที่ช่วยยกจิตวิญญาณของเราให้ดีขึ้น หรือเพลงที่เต็มไปด้วยคุณค่าของความเป็นมนุษย์

7.แสวงหาเพื่อนที่ดี

8.เรียนรู้ที่จะให้สันติภาพแก่คนอื่น ปรนนิบัติ และช่วยเหลือคนอื่น ให้เขาสบายใจ

9.ฝึกการให้ความเงียบ พูดคำพูดที่เบาๆ และสุภาพอ่อนโยน พูดแต่สิ่งที่ดี มีสาระ ถ้าไม่รู้จะพูดอะไร ก็ให้นิ่งไว้

10.ฝึกการหายใจ หายใจช้าๆลึกๆ และสม่ำเสมอตลอดเวลา และให้เราตื่นตัวตลอดเวลา ถ้ามีสิ่งใดมารบกวนระบบการหายใจของเรา ความสงบสุขมีความสัมพันธ์กับระบบหายใจมาก คนเจ้าอารมณ์ และคนที่โกรธง่าย มักจะหายใจเร็ว แต่คนที่ฝึกสมาธิเป็นประจำ  จะรู้สึกสงบสุข และเต็มไปด้วยความสงบ จะหายใจช้าๆ ซึ่งการหายใจช้าๆลึกๆ และสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราสามารถบังคับตนเองได้ มีความสงบและความสุข

11.สะสมเพิ่มพูนคุณค่าของความเป็นมนุษย์ในชีวิตประจำวันของเรา

สิ่งที่กล่าวถึงนั้น เป็นเพียงบางวิธี ที่จะช่วยให้เรามีความสงบสุข เราควรจะวิเคราะห์ตัวเอง และทำรายการ โดยเขียนออกมาว่า อะไรที่เหมาะสมกับเรา โปรดจำไว้ว่า ถ้าเราจะสร้างสันติภาพในโลกนี้ เราต้องเริ่มต้นด้วยตัวของเราก่อน.....

ขอบคุที่มาhttp://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=buddha-dhammacom&thispage=21&No=331983



ผู้ตั้งกระทู้ คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-07-28 23:17:29


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1560856)

 
 
 
เมตตาเจโตวิมุติของรุ่นพี่พุทธภูมิ-ดร อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

เมื่อตอนเช้านี้ ผมได้มีโอกาสได้ดูคลิปการสอนแผ่เมตตาโดยท่านอาจารย์ ดร อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ประทับใจในแนวทางท่านเป็นอย่างมาก ท่านอาจารย์เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ที่ชีวิตท่านมีความเจริญก้าวหน้ามาตลอด มีคนสนันสนุนช่วยเหลืองานเพื่อส่วนรวม เกิดจากผลแห่งการที่ท่านแผ่เมตตาอยู่ประจำเป็นสำคัญ จึงขอสรุปขั้นตอนที่อาจารย์สอนมาเผยแพร่ครับ

1. ตั้งจิตว่าเรากำลังจะแผ่เมตตาความรักให้ทุกท่านมีความสุข
2. อธิษฐานขอให้เห็นแสงสว่างอยู่หน้าตัวเรา
3. ตั้งใจดึงแสงสว่างนั้นเข้ามาอยู่ในหัวเรา ที่ใดมีแสงสว่าง ที่นั้นความมืดอยู่ไม่ได้ ตั้งใจว่าราจะคิดแต่เรื่องดีๆ ที่จะทำเพื่อส่วนรวมมีความสุข
4. กำหนดให้แสงสว่างนั้นเลื่อนลงมาที่มือทั้ง2 ข้าง มือทั้ง 2 ข้างของเรามีแต่แสงสว่าง ตั้งใจว่ามือทั้ง2 ข้างนี้ ต่อไปจะมีแต่ช่วยเหลือผู้อื่น ไว้ทำงานเพื่อผู้อื่น
5. กำหนดแสงสว่างนั้นเลื่อนลงไปที่เท้าทั้ง 2 ข้าง เท้าทั้ง 2 ข้างของเรามีแต่แสงสว่าง เท้าทั้ง 2 ข้างนี้ มีไว้เพื่อเดินทางไปทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมเท่านั้น ไปหาคนดีๆ
6. กำหนดแสงสว่างย้อนกลับขึ้นมาที่ปากของเรา ปากของเรามีแต่แสงสว่าง ปากเราจะมีแต่คำพูดที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
7. กำหนดแสงสว่างขึ้นมาที่หูทั้ง 2 ข้าง หูทั้งสองของเรามีแต่ความสว่าง มีไว้เพื่อได้ยินสิ่งดีๆ มีเพื่อรับรู้แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
8. กำหนดแสงสว่างขึ้นมาที่ตาทั้ง 2 ข้าง ตาทั้งสองของเรามีแต่ความสว่าง เรามีตาทั้งสองไว้เพื่อมองแต่สิ่งดีๆ มุมดีๆของผู้อื่น ทุกสิ่งล้วนเป็นครูของเรา
9. กำหนดแสงสว่างแห่งความดีนี้ กระจายออกไปจากตัวเรา ไปยังคุณพ่อคุณแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนๆของเรา ไปยังในหลวงของเรา ไปยังทุกดวงจิต ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ให้ท่านทั้งหลายมีแต่ความสุข
10. ให้แสงสว่างแห่งความดีนี้ กระจายออกจากโลกไปทั่วจักรวาล ให้ทุกรูปทุกนาม มีแต่ความสุขความเจริญ

ท่านที่ศึกษาเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา คงจะสังเกตเห็นได้ว่า วิธีการเดินจิตแบบนี้ มีครบถ้วนทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา ต่อเนื่องในจิตไม่ขาดสาย กำลังจิตจะถูกยกระดับเข้าสู่องค์ฌานโดยอัตโนมัติ ถ้าทำได้ดีก็เข้าถึงฌานสี่ไปเลยได้ไม่ยาก กระผมอาจจะสรุปคำพูดมาไม่เป๊ะ อาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่เนื้อหาสาระมั่นใจว่าครบครับ

นี่เป็นสิ่งที่รุ่นพี่พุทธภูมิบารมีเข้มท่านได้รับถ่ายทอดมาจากครูบาอาจารย์ มอบไว้เป็นสมบัติให้รุ่นน้องและสาวกภูมิทั้งหลายต่อไป ขอโมทนาในความดีของท่านครับ

 

http://www.konmeungbua.com/forum/topic4989.html

ขอบคุณที่มา   

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-28 23:18:22


ความคิดเห็นที่ 2 (1560860)

  *เสียงจูงสมาธิแสงสว่าง* 

 

 

โดย .ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

 http://www.jozho.net/index.php?mo=3&art=640348

และ

http://wn.com/yoshimarutube

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-28 23:24:10


ความคิดเห็นที่ 3 (1560864)

 ได้มีโอกาสอ่านบทความนี้ เลยอยากแบ่งปันให้กับทุกๆท่านครับ ทำได้ง่ายๆไม่อยากเลย 

การที่ได้สงบจิตสงบใจไปนั่งในห้องพระ หรือการสวดมนต์ภาวนาก็เป็นแค่การทำจิตที่กำลังโกรธ หรือว้าวุ่นให้สงบลงเท่านั้น จะเห็นได้ว่าในวันหนึ่งๆ จิตของเราไม่ได้หยุดนิ่ง  เราใช้พลังงานในรูปความคิด มีสภาพของจิตที่แปรปรวนไม่หยุดนิ่ง  คิดระลึกเรื่องในอดีต คิดถึงอนาคต การสัมผัสในรูปแบบ รูป รส กลิ่น เสียง นำพาให้เกิดความรู้สึกซึ่งจิตจะเป็นตัวรับรู้และออกคำสั่งตลอดเวลา  อารมณ์ของผู้ครองจิตแต่ละคนล้วนแปรปรวน วันหนึ่งๆ อาจมีหลายอารมณ์ เช้ามีความสุข   บ่ายมีความทุกข์  เย็นมีความโกรธ  อารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ ย่อมผันผวนไปตามเหตุการณ์ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  ถ้าผู้ครองจิตคนใด มีอารมณ์หวั่นไหว  ขาดความสงบ ย่อมหาความสุขได้ยาก

พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัล) วัดอัมพวัน เคยกล่าวไว้ว่า การจะล้างจิตให้สะอาด ทำได้ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น  ซึ่งข้อนี้เป็นการปฏิบัติที่ให้ผลโดยรวม  แต่ถ้าจะชะล้างจิตให้สะอาดเป็นเรื่องๆ ไป โดยกระทำทุกครั้งที่จิตเกิดหวั่นไหว เพราะความโกรธ ความโลภ ความเศร้าโศก  พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนให้กำหนดจิตไว้ตรงลิ้นปี่ (อยู่ประมาณกลางหน้าอก ระหว่างลูกกระเดือกกับสะดือ)  หลับตาทำสมาธิ  หายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ  ถ้าเกิดจากความทุกข์ก็ให้ภาวนาว่า ทุกข์หนอๆๆๆๆๆ  ถ้าเกิดจากความโกรธ เมื่อมีคนมาให้ร้ายเรา ก็ให้ภาวนาว่ารู้หนอๆๆๆๆๆๆ  หรือ โกรธหนอๆๆๆๆๆ อย่างน้อยให้ทำนานสักครึ่งชั่วโมง  ถ้าผู้ใดเป็นผู้คล่องแคล่วในการปฏิบัติก็จะเร็วกว่านั้น เมื่อปฏิบัติไปสักพัก  ความรู้สึกโกรธหรือความทุกข์ของท่านก็จะคลี่คลายหายไปในที่สุด และมีความสุขเข้ามาแทนที่  นี่คือการล้างจิตให้สะอาดเป็นเรื่องๆ ไป  หลวงพ่อสอนไว้ว่า  “จำไว้นะ ถ้าตายขณะโกรธจะไปทางเดียวนะ นรก ถ้าตายขณะเกิดความโลภ จะไปเกิดเป็นเปรต ขณะเกิดโทสะร้ายแรง จิตจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ถ้าตายในขณะนั้นจิตของตนเองนั่นแหละจะพาไปนรกทันที”


ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-28 23:47:18


ความคิดเห็นที่ 4 (1560865)

 การชำระล้างจิตใจให้ใสสะอาดอีกวิธีหนึ่ง คือ การนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นการรวบรวมพลังจิตทำให้จิตมีพลังนั่นเอง หลังจากจิตสะอาดแล้ว พลังจิตที่ถูกขับออกมาจะเป็นกระแสคลื่นของความร่มเย็น นอกจากจะได้ผลให้ผู้ปฏิบัติมีความสุขแล้ว  ยังทำให้คนใกล้ชิดมีความสุขด้วย  ดร.อาจอง  ชุมสาย  เคยกล่าวไว้ว่า ในการแผ่เมตตาให้ผู้ป่วย  สามารถทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้  ซึ่งหลังจากการนั่งสมาธิ จิตใจจะใสสะอาดบริสุทธิ์ เกิดเป็นพลังความเมตตา เมื่อเราแผ่เมตตาไปให้ใครหรือให้โดยส่วนรวมไม่เจาะจงก็ตาม  พลังแสงแห่งความเมตตานี้จะเป็นพลังแสงที่มีสีขาวสะอาด  พุ่งออกไปจากจุด 3 จุด คือ  แถวหัวใจและฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง  ขณะแผ่เมตตาควรหลับตา  และอธิษฐานจิตโดยใช้ความคิดของเราช่วย เพราะแรงอธิษฐานของเราจะช่วยนำพลังนี้ไปถึงจุดที่เราต้องการแผ่ไปให้ถึง


ดร.อาจอง ท่านได้ศึกษามาแล้วว่า ความคิดนั้นเป็นพลังงานชนิดหนึ่งซึ่งมีอำนาจมาก ถ้ามีผู้ใดมีจิตใจแน่วแน่เป็นสมาธิ  ความคิดของเขาก็จะมีพลังมาก ถ้าเขาคิดไปในทางที่ดี จิตใจเต็มไปด้วยความเมตตา เขาก็จะส่งพลังนี้ออกไปในโลกทำให้พลังของความคิดดีขึ้น คนอื่นๆ ก็จะสามารถรับความคิดเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ในการแผ่เมตตา เราสามารถช่วยให้คนอื่นมีความสุขได้จริง แต่จิตจะต้องแน่วแน่พร้อมที่รู้วิธีแผ่พลังออกไป จะช่วยให้พลังเกิดขึ้นได้มาก เราควรจะแผ่เมตตาให้บ่อยที่สุด หลังจากปฏิบัติสมาธิแล้ว ควรจบด้วยการแผ่เมตตา เพื่อจะให้ผลดี ควรปฏิบัติทุกวัน การแผ่เมตตาเป็นการให้ความสุข และไม่ควรแช่งด่าใครในใจ เพราะจะมีคลื่นพุ่งออกไปยังบุคคลที่เราเกลียด ทำให้เขาหงุดหงิด จิตใจฟุ้งซ่าน อาจปวดศีรษะ ซึ่งจะเป็นบาปด้วยเหมือนกัน เพราะการคิดให้ร้ายเป็นผลให้จิตเปลี่ยนเป็นสีดำ เราจึงควรพยายามทำจิตของเราให้สงบ มีความคิดที่ดี มีความเมตตากรุณา เราต้องตัดความคิดที่ไม่ดีออก อย่าโกรธผู้อื่น หรือคิดร้ายใครในใจ พลังที่มีเจตนาร้าย ก็จะสามารถทำร้ายได้ทั้งกายและใจ พลังทุกชนิดที่ออกไปจากตัวเรา ในที่สุดก็จะวกกลับมาถึงตัวเรา  ถ้าเป็นพลังที่ดีพลังนั้นจะกลับมาช่วยให้เรามีความสุข  แต่ถ้าเป็นพลังที่ไม่ดี มันก็จะกลับมาทำร้าย ให้เราเกิดความทุกข์ทรมานได้เช่นเดียวกัน 

ขอบคุณที่มา

http://www.thasongyang.com/pharm/smf/index.php?action=recent

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-28 23:48:51


ความคิดเห็นที่ 5 (1563667)


อนุโมทนาบุญ

และขอนำไปเผยแพร่ต่อนะครับ
 

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-13 13:20:24


ความคิดเห็นที่ 6 (1563692)

ขอบคุณน้องเบลล์มากคะ

ถูกใจมากเลย

อยากได้คลิปเสียงไปเปิดให้ลูกฟังมานานแล้ว

อนุโมทนานะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-13 18:40:50


ความคิดเห็นที่ 7 (1563693)

ขอบคุณน้องเบลล์มากคะ

ถูกใจมากเลย

อยากได้คลิปเสียงไปเปิดให้ลูกฟังมานานแล้ว

อนุโมทนานะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-13 18:40:51


ความคิดเห็นที่ 8 (1563714)

 น้องขอโมทนาสาธุบุญกับพี่ๆนะครับ

ขอให้พี่ๆเจริญในธรรมของสมเด็จพระพุทธเจ้ายิ่งๆขึ้นไปนะครับ

รักพี่ๆนะครับ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-14 01:16:49



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.