ReadyPlanet.com


วิบากของผู้ที่แกล้งพูดนุ่มนวลสร้างภาพผู้ดีมีศีลธรรม


user image

ถาม - คนที่ไม่สงบจริง
แต่แกล้งพูดให้นุ่มนวลเหมือนพ่อพระหรือแม่พระนั้น
จะมีผลกรรมอย่างไรครับ ?



ตอบ - ก็มีจิตเป็นมายา เป็นกรรมอย่างหนึ่งเหมือนนักแสดงครับ
แต่นักแสดงเพียงตั้งใจหลอกคนดูตามกติกา (คือคนดูตกลงเต็มใจให้หลอก)
ส่วนพ่อพระแม่พระเก๊ๆ นั้น หลอกทั้งคนดู
ตลอดจนกระทั่งหลอกทั้งตัวเองเป็นเวลายาวนาน
กระทั่งปักใจเชื่อว่าตนเป็นเช่นนั้นจริงๆ
โดยไม่รู้เท่าทันว่าที่แท้ยังมีระเบิดโทสะซุกซ่อนอยู่มากมายก่ายกอง
พร้อมจะตูมตามขึ้นมาเสมอเมื่อเกิดการสั่งสมแรงดันมากพอ

การขัดเกลาให้ตนเป็นผู้มีความเยือกเย็นอย่างแท้จริง
กับการเสแสร้งแกล้งทำเป็นผู้เยือกเย็นนั้น ผลจะต่างกันลิบลับ
เมตตาจะทำให้เราเจตนาพูดนุ่มนวลเพื่ออนุเคราะห์คนฟังให้สบายใจ
แต่มายาจะทำให้เราเจตนาพูดนุ่มนวลเพื่อลวงให้คนอื่นนิยม

ของพวกนี้ผิดกันนิดเดียว และบางทีก็ไม่ใช่รู้ตัวกันง่ายๆ นะครับ
หากหลอกตัวเองจนแม้ตัวเองนึกยังนึกว่าดีจริงแล้ว
ก็ยากมากที่จะชี้ว่าตรงไหนเรียกมายา ตรงไหนเรียกใจจริง

หลังจากหลอกตัวเองว่าตนเป็นพ่อพระแม่พระเสียงนุ่มไประยะหนึ่ง
ผลกรรมที่เห็นได้ชัดทันตาคือจะมีจิตที่เคลิบเคลิ้ม หลงตัวว่าดีแล้ว
ทั้งที่ใจในส่วนลึกรู้อยู่ว่ายังไม่ดีจริง ยังเต็มไปด้วยโทสะ จึงเกิดความขัดแย้ง
บางทีปฏิเสธตนเองจนเหนื่อย คิดบอกว่าไม่คิด พูดบอกว่าไม่พูด ทำบอกว่าไม่ทำ
ขอให้เป็นเรื่องร้ายๆ เถอะ ฉันต้องไม่มีแน่ๆ ทำไปทำมาเลยเกลียดตัวเอง
มีความกระสับกระส่าย มีความไม่พอใจเป็นอาจิณ


เท่าที่ผมเห็น บางคนดูภายนอกสงบลึกซึ้งอยู่ทั้งวัน
แต่พอได้ฤกษ์เหมาะ พูดจากันอยู่ดีๆ ก็ออกอาการหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ
หรือเรื่องไม่มี ก็สร้างเรื่องเพื่อแสดงความโกรธ
หรือแสดงวาจาเชือดเฉือนคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดีกว่าใครๆ

โทษของการเป็นผู้มีมายานั้น ต่อให้แนบเนียนสมจริงปานใด
หรือกระทั่งทำประโยชน์ให้ใครต่อใครมากมายเพียงไหน
ในที่สุดจะย้อนกลับมาเล่นงานเจ้าตัว คือกระทำจิตให้บิดเบี้ยว
ไม่อาจเห็นอะไรแจ่มแจ้งตามจริงตลอดสาย
การต้องประคับประคองให้ตนเองอยู่ในระดับที่สูงส่งนั้น
นับว่าต้องใช้แรงมาก ต้องเหนื่อยมาก ต้องสะสมแรงกดดันมาก
ยิ่งหลอกสายตาคนไว้มากเท่าไหร่ ยาวนานเพียงใด
ความเก็บกดก็จะทวีแรงอัดไว้มากขึ้นเท่านั้น


เมื่อใดคุยเป็นส่วนตัวกับคนสนิทหรือผู้น้อยแบบที่ไม่ต้องระวังตัว
จึงออกอาการชัดเป็นพิเศษ พูดง่ายๆ นิยมเพ่งโทษผู้อื่น
จ้องจะหาทางระบายความเครียดเอากับคนไม่มีทางสู้
หรือคนไม่มีทางไปป่าวร้องให้ตนเองเสียหาย

อีกประการหนึ่ง สำหรับพ่อพระแม่พระปลอมๆ นั้น
ในอนาคตเมื่อมีโอกาสเกิดใหม่เป็นมนุษย์อีก
หน้าตาจะออกแนวไม่ใสซื่อ ดูไม่จริงใจ
ถึงแม้ศีลจะปั้นให้รูปร่างหน้าตาดูดีอยู่บ้าง
ก็จะสวยหล่อแบบเบี้ยวๆ ขาดๆ เกินๆ ดูสวยไม่เสร็จ หล่อไม่เสร็จ
เลี่ยนๆ เอียนๆ อย่างที่คนเห็นอธิบายไม่ถูก
นี่ก็เพราะตอนก่อวจีกรรมดีๆ นั้นไม่ดีจริง ใจมีอาการขาดๆ เกินๆ นั่นเอง


อย่างนี้มิแปลว่าควรพูดจาโผงผางขวานผ่าซากแบบไม่แคร์ใครกระนั้นหรือ ?
ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพื่อความสุขความเย็นใจในปัจจุบัน
และเพื่อมีหน้าตาผิวพรรณงามในอนาคต ทุกคนควรฝึกตนให้นุ่มนวลเป็นกันทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ที่ก้าวแรกควรเป็นเจตนาใช้คำที่ไม่ระคายโสต
อย่าเพิ่งพยายามดัดท่าที หรือตกแต่งน้ำเสียงให้ละมุนละไมเกินเหตุ
พูดแบบเป็นตัวของตัวเอง พูดแบบไม่รู้สึกว่าต้องใส่หน้ากากไปซื้อใจคนอื่น
พูดแบบไม่ต้องเหนื่อยสร้างภาพที่ไม่มีอยู่ในตน
คุณจะพบว่าเพียงด้วยใจที่คิดงดเว้นถ้อยคำอันระคายโสตนั้น
จะสวนทางกับตัวตนด้านร้าย ยิ่งพูดจะยิ่งลิดรอนอำนาจของโทสะลงเอง
ยิ่งฝึกหัดเลือกใช้คำดีๆ มากขึ้นเพียงใด
ใจคุณจะยิ่งนุ่มนวลอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น

เช่นแทนที่จะพูดลุ่นๆ ด้วยอำนาจความ เคยชินว่า ‘เฮ้ย ! ทำไมชุ่ยอย่างนี้วะ ?’
ก็อาจลดลงมาเป็น ‘นี่ ! ช่วยระวังหน่อยเถอะ’
อาการทางใจของทั้งคนพูดและคนฟังจะแตกต่างกันลิบลับ
ยิ่งถ้าลดลงมาอีกเป็น ‘คุณครับ/คุณคะ ช่วยระวังนิดหนึ่งเถอะนะ’
ผลก็จะยิ่งต่างไปอีก แม้ไม่ดัดเสียงหรือแต่งสีหน้าให้ดูดี
ไฟโทสะที่เกิดแล้วในใจคุณก็จะลดลง ไฟโทสะที่ยังไม่เกิดในใจคนอื่นก็จะไม่เกิด

ใจที่เยือกเย็นลงอย่างเป็นธรรมชาตินั้น
จะปรุงแต่งให้กิริยาของคุณนุ่มนวลลงอย่างเป็นธรรมชาติไปด้วย
คุณจะรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ไม่เหน็ดเหนื่อยกับกิริยาวาจาที่นุ่มนวลเลย
ตรงข้ามจะยิ่งพึงใจในรูปแบบชีวิตใหม่ ไม่ฝืดฝืน
ไม่ต้องออกแรงบังคับตัวเองแต่อย่างใด
ถึงเดิมทีเคยสะใจกับการเป็นผู้ร้ายทางวาจา
ต่อมาจึงได้ข้อเปรียบเทียบว่าการเป็นพระเอกนางเอกทางการเลือกใช้คำนั้น
หยาบประณีตแตกต่างห่างชั้นกันเพียงใด

ใครบอกว่าฝึกเมตตาไม่เป็น เจริญเมตตาไม่ได้ผลเสียที
ลองนับหนึ่งด้วยการใช้วิธีควบคุมการพูดจาในชีวิตประจำวันนี่แหละครับ
คุณจะรู้ชัดอยู่ข้างใน ว่านุ่มนวลแบบเมตตาจริงกับนุ่มนวลแบบแอบแฝงนั้น
แตกต่างกันอย่างไร น่าพึงใจกว่ากันขนาดไหน
และถ้าหากต้องเกิดใหม่เป็นมนุษย์ คุณจะสวยหล่อน่าชม ไม่ขาดไม่เกิน
เรียกว่างดงามชวนชมอย่างเป็นธรรมชาติ มองดูไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว

ขอขอบคุณบทความจาก ดังตฤณดอทคอม



ผู้ตั้งกระทู้ วุฒิศักดิ์ ศรีทับทิม(ก้อง) (alfieman23-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-07-08 10:42:46


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1556857)

อนุโมทนากับธรรมทานของคุณวุฒิศํกดิ์ด้วยค่ะ ตอนนี้เจอคนประเภทนี้บ่อยมาก ตัวเองก็มีหลุดเหมือนกันในบางครั้ง

ผู้แสดงความคิดเห็น ถนอมขวัญ ขวัญชื่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-08 12:51:53


ความคิดเห็นที่ 2 (1557294)

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อร่ามศรี สุวัตถิกุล (adda_bkk-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-11 11:16:59


ความคิดเห็นที่ 3 (1557457)

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

ยิ่งอ่านก็รู้สึกได้เลยว่า ตนเองยังมีมายาอยู่มาก

ยังเขลาเบาปัญญาอยู่มาก

จะต้องดีจริงๆ จากภายใน ไม่ใชจากวาจาที่อ่อนหวาน

เข้าใจชีวิตมากขึ้นไปอีก ขอบคุณมากๆ ค่ะ

ที่ทำให้ได้เตือนสติตัวเองจากการอ่านบทความนี้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติมณฑน์ ใจดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-11 23:11:31


ความคิดเห็นที่ 4 (1558419)

โมทนาบุญคะสาธุๆๆคนที่ปากหวานก้นเปรี้ยวมีเยอะ(หรือปากกับใจไม่ตรงกัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-17 09:54:29

ความคิดเห็นที่ 5 (1558506)

 

จริงใจ....สบายจริง                           

                                คงเป็นเรื่องน่าเศร้า 
                             

หากคนเราต้องบิดเบือน

 

 

ความจริงในใจ 


แล้วใส่หน้ากากเข้าหากัน

 

 

 

 

 

เราคงมีชีวิต

 

 

 

 

 

 

 

 

อยู่กับความสุขปลอมๆ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ท่ามกลาง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ความกลัวที่จะผิดหวัง 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ทั้งที่ในที่สุดก็ต้อง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เผชิญหน้ากับมันอยู่ดี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ถอกหน้ากากออกดีไหม 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จะเป็นไรไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หากใครจะอ่านสายตาของเราได้ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หรือแม้แต่จะมองทะลุ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ถึงใจของเรา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เพราะเมื่อใดก็ตาม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ความคิดเห็นที่ 6 (1558507)

 


จริงใจ....สบายจริง                           

                                คงเป็นเรื่องน่าเศร้า 
                              หากคนเราต้องบิดเบือน

 

 

ความจริงในใจ 
แล้วใส่หน้ากากเข้าหากัน

 

 

 

 

เราคงมีชีวิต

 

 

 

 

อยู่กับความสุขปลอมๆ 

 

 

 

 

 

 

ท่ามกลาง

 

 

 

 

 

 

 

ความกลัวที่จะผิดหวัง 

 

 

 

 

 

 

ทั้งที่ในที่สุดก็ต้อง

 

 

 

 

 

 

เผชิญหน้ากับมันอยู่ดี

 

 

 

 

 

 

ถอกหน้ากากออกดีไหม 

 

 

 

 

 

 

จะเป็นไรไป

 

 

 

 

 

 

หากใครจะอ่านสายตาของเราได้ 

 

 

 

 

 

 

หรือแม้แต่จะมองทะลุ

 

 

 

 

 

 

ถึงใจของเรา

 

 

 

 

 

 

เพราะเมื่อใดก็ตาม

 

 

 

 

 

 

ที่เราไม่ต้องปิดบัง อำพราง 

 

 

 

 

 

 

ไม่ต้องไว้ท่าไว้ทาง

 

 

 

 

 

 

หรือมีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ 

 

 

 

 

 

 

เมื่อนั่นใจของเรา

 

 

 

 

 

 

ย่อมมีพลังอย่างเต็มที่ 

 

 

 

 

 

 

ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ

 

 

 

 

 

 

ให้บังเกิดขึ้น

 

 

 

 

 

 

ซึ่งต่างค้นพบ

 

 

 

 

 

 

พลังแห่งความจริงใจ 

 

 

 

 

 

 

เป็นพลังที่เกิดขึ้น

 

 

 

ความคิดเห็นที่ 7 (1559195)

 

 

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของคุณ วุฒิศักดิ์ ด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ เตือนสติและเตือนใจได้ดีมากๆเลยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้ว (hun_ny18-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-21 10:37:48



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.