ReadyPlanet.com


รู้ทันอารมณ์


ขออณุญาติ นําบทความ ธรรมะ คําสอน ของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ค่ะ  

ที่มา เทพบุตรชาวดินhttp://ufokaokala.com/index.php?topic=428.0#msg3965

รู้ทันอารมณ์
หลวงปู่ดูลย์ อตุโลเป็นศิษย์เอกรุ่นแรก ๆ ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ปฏิปทาของท่านงดงามอีกทั้งคำสอนของท่านก็ลุ่มลึก
เพราะเกิดจากการปฏิบัติจนเห็นแจ้งในสัจธรรม
คราวหนึ่งมีคนถามท่านว่า "หลวงปู่ครับ
ทำอย่างไรจึงจะตัดความโกรธให้ขาดได้" ท่านตอบสั้น ๆว่า
"
ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก มีแต่รู้ทันเมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง"
ความโกรธนั้นก็เช่นเดียวกับอารมณ์อื่น
เราไม่สามารถตัดหรือกดข่มให้หายไปได้
การกดข่มนั้นทำได้อย่างมากก็แค่ขับไล่ให้มันหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดของใจ
เผลอเมื่อไรมันก็โผล่มาอาละวาดใหม่บ่อยครั้งเรากลับพบว่ายิ่งกด
มันยิ่งโผล่ ยิ่งอยากให้มันหายมันยิ่งออกมารบกวน
เหมือนกับวัยรุ่นเกเรที่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
วิธีหนึ่งที่ใช้ได้ผลในการจัดการความโกรธคือรู้ทันมัน ปกติเวลาโกรธใคร
ใจเราจะพุ่งไปที่คนนั้นคิดหาทางเล่นงานหรือจ้องตอบโต้เขา
ไม่ด้วยคำพูดก็การกระทำแต่ทันทีที่เราหันมามองใจของตน
จนเห็นความโกรธที่เผาลนจิตใจความโกรธจะวูบลงทันที
เหมือนกองไฟที่ถูกชักฟืนออกมา
ความโกรธลุกลามได้ก็เพราะเราหมกมุ่นครุ่นคิดถึงคนหรือเหตุการณ์ที่เราไม่ชอบ
การหมกมุ่นครุ่นคิดเช่นนั้นไม่ต่างจากการเติมฟืนให้กับกองไฟ
ยิ่งเติมก็ยิ่งร้อนแต่ทำไมถึงยังเติมไม่หยุดนั่นก็เพราะเราเผลอปล่อยใจไปตามความโกรธ
แต่เมื่อใดที่เรากลับมารู้ทันความโกรธหรือเห็นความโกรธกลางใจ
ความโกรธก็อ่อนแรงเพราะขาดเชื้อไม่นานก็ดับไป
จะรู้ทันความโกรธได้ต้องมีสติที่รวดเร็วถ้าสติเชื่องช้า
กว่าจะรู้ตัวว่าโกรธก็ด่าหรือทำร้ายเขาไปเรียบร้อยแล้ว
แล้วก็มานั่งเสียใจที่ทำสิ่งนั้นลงไป
การรู้ทันความโกรธนั้นใช้ได้ทั้งกับตัวเองและคนอื่น
เวลาพ่อแม่เห็นลูกโกรธ ส่วนใหญ่มักบอกลูกว่า "อย่าโกรธ ๆ" หรือ
"
โกรธเขาทำไม"การสอนเช่นนั้นทำได้อย่างมากแค่กระตุ้นให้ลูกกดข่มความโกรธ
ซึ่งได้ผลชั่วคราวจะดีกว่าหากแนะให้ลูกหันมามองใจของตน
และรับรู้ถึงความโกรธที่เกิดขึ้น
วิธีนี้จะช่วยให้ลูกรู้ทันความโกรธได้เร็วขึ้น
"
โมน"เป็นเด็กอายุ๓ ขวบ คราวหนึ่งโกรธป้ามาก แม่เห็น แทนที่จะห้ามลูกว่า
"
อย่าโกรธ" ก็ถามลูกว่า "ลูกโกรธใช่ไหม" ลูกตอบว่าใช่ แม่จึงถามต่อว่า
"
โกรธแค่ไหนเท่านี้หรือโกรธเท่าฟ้า" ลูกบอกว่าโกรธเท่าฟ้าฟังดูน่าตกใจ
แต่ไม่นานโมนก็หายโกรธ
แม่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการช่วยให้โมนกลับมารู้ตัวและเห็นอารมณ์ของตนเอง
แต่การทำเช่นนี้มีความสำคัญมากเพราะเมื่อโมนเห็นความโกรธของตน
ความโกรธในใจก็อ่อนกำลังและดับลงไปในที่สุด
ใช่แต่ความโกรธเท่านั้น
แม้แต่ความอยากก็ดับลงได้ด้วยการรู้ทันหรือเห็นมันอย่างต่อเนื่อง
เย็นวันหนึ่งลูกสาววัย๑๒
มาออดอ้อนแม่ว่าอยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่งที่วางขายในร้านเป็นไมโครโฟนเล็กๆ ที่เสียบปลั๊กแล้วสามารถร้องเพลงได้หมือนนักร้องจริง ๆพอแม่ถามราคา
ก็ตกใจเพราะราคาสูงถึง ๔๐๐ บาท
ลูกรบเร้าว่าอยากได้มากจริงแม่จึงตกลงกับลูกว่า
แม่จะหักเงินค่าขนมของลูกครึ่งหนึ่งใส่กระปุกทุกวันจนกว่าจะครบ๔๐๐ บาท
อีกอย่างที่แม่อยากให้ลูกทำคือ ทุกเย็นเป็นเวลา
อาทิตย์ให้ลูกเข้าไปที่ร้านนั้นและมองดูไมโครโฟน
"
แล้วให้สังเกตด้วยว่าทุกวันที่มองดูใจหนูรู้สึกอย่างไร
ชอบมันมากเหมือนเดิมทุกวันไหม"
ผ่านไป ๔ วันเท่านั้นลูกก็มาบอกแม่ว่าไม่อยากได้แล้ว เมื่อแม่ถามว่าทำไม
ลูกตอบว่า "เบื่อ"ลูกพูดต่อว่า "ดูนาน ๆ ก็เบื่อเอง เพราะไม่เห็นมีอะไร
เก็บเงิน ๔๐๐ไว้ดีกว่า"
เวลาเกิดความอยากได้นั่นได้นี่เรามักทำตามความอยากทันที
คือขวนขวายไปหามันมาจึงไม่มีโอกาสที่จะเห็นหรือรู้ทันความอยาก
แต่หากเราลองไม่ทำตามมันดูบ้าง เช่นไม่ซื้อหรือผัดผ่อนไปก่อน
มันจะแสดงตัวให้เราเห็นอย่างชัดเจนด้วยการ
"
โวยวาย"หรือดิ้นรนผลักดันให้เราคล้อยตามมันให้ได้
ตรงนี้เองหากเราลองตั้งสติและดูมันไปเรื่อย
ไม่ช้าไม่นานมันก็จะสงบลงไปเองอารมณ์ที่บั่นทอนจิตใจไม่ว่าความโกรธหรือความอยาก
เปรียบเสมือนโจรที่กลัวคนเห็น ทันทีที่ถูกเห็นมันก็จะทนเฉยไม่ได้
ต้องล่าถอยไปเช่นเดียวกับความมืดที่แพ้แสงสว่าง
ถ้าไม่อยากให้โจรร้ายครองใจก็ขอให้หมั่นดูใจของเราอยู่เสมอ
 
ที่มา เทพบุตรชาวดินhttp://ufokaokala.com/index.php?topic=428.0#msg3965


ผู้ตั้งกระทู้ อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-06-01 02:15:57


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1549443)

ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานด้วยค่ะ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน (pouging1-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-01 09:16:54


ความคิดเห็นที่ 2 (1549453)

อนุโมทนาครับ ผมเหมือนกันครับที่อยากได้อะไรเกินความสามารถของตนเอง ต้องการมากต้องคอยดูว่ามีใครซื้อไปยัง หมดหรือยัง เป็นยังงี้เรื่อยจนกระทั่งเบื่อเพราะไม่ได้ของสิ่งนั้นสักที ข้อดีของคนคือเบื่อง่าย แตไม่ยักกะเบื่อกะตังค์สักที

ผู้แสดงความคิดเห็น kongalfie (alfieman23-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-01 09:52:17


ความคิดเห็นที่ 3 (1549460)

อ่านธรรมะแล้วรู้สึกดีมากๆค่ะ จะพยายามปฏิบัติตาม

ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานนี้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัชฎาภรณ์ (rutpun18-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-01 10:23:38


ความคิดเห็นที่ 4 (1550116)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านสาธๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-04 08:35:21



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.