ReadyPlanet.com


ในหลวงฯในสายตาของชาวต่างชาติ


กราบเรียน ท่านอาจารย์อุบล ทีมงานบ้านสวนพิระมิด และ เพื่อนกัลยาณมิตรชาวบ้านสวนฯทุกคน


ได้รับอีเมล์ดีๆ 1 เรื่อง อ่านแล้วอิ่มใจมั่ำกๆ เลยภูมิใจนำเสนอ ยาวนิดนึ่งครับ ควรมิควรแล้วแต่จะพิจารณาครับ


อภิรักษ์

 

ในหลวงฯในสายตาของชาวต่างชาติ

 


ไหน จะเขมร พม่า น้ำท่วม พายุ คลิป เสธหนั่น การประท้วง.. ที่สำคัญการโพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามหน้าwall และในหลายเว็ปไซด์....พาทั้งผมและคนไทยเครียดกันเป็นแถบๆ ถ้าไม่ให้ตกเทรนคงต้องคุยกันแต่เรื่องพวกนี้ แต่วันนี้มีเรื่องเล่าให้หายเครียดกับบรรยากาศบ้านเมือง แต่คนทำให้หายเครียดกลับไม่ใช่คนไทย กลายเป็นคนต่างชาติไปซะนี่...แปลก ซึ้ง แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง...ถ้ามีฝีมือในการถ่ายทอดพอคงได้ เห็นน้ำตาซึมออกมา เพราะความปีติอีกครั้ง...ตามมาครับ

เมื่อวันก่อน พอดีมีโอกาสต้อนรับนักธุรกิจชาวอังกฤษหนึ่งท่าน ที่มาตามงานที่เขาสั่งผลิตเอาไว้..ตามภาษาคนทำธุรกิจเลยต้องรับขับสู้ให้ดี ที่สุดเพื่อโชว์ความเป็นคนไทยที่มีน้ำใจ....เรื่องมันเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร มื้อค่ำครับ....เราก็ทานกันไปตามปรกติมาอีตอนท้ายๆการสนทนาครับ...จำได้ว่า เราคุยกันเรื่องการลงทุนนี่แหละครับ...อยู่ดีๆฝรั่งตาน้ำข้าวก็พูดขึ้นมา ว่า..."คุณรู้ไหมทำไมคนต่างชาติหลายๆประเทศทำไมตัดสินใจมาลงทุนที่เมืองไทย "..เราก็ตอบไปตามสไตล์คนอยากรู้ว่า ...ไม่รู้ เข้าทางฝรั่งเลยครับ เขาพูดขึ้นมาว่า "ส่วนมากแล้วจะประเมินกันว่าแรงงานประเภทงานฝีมือคนไทยมีศักยภาพสูงสุดในแถบ เอเซีย สูงกว่าญี่ปุ่นเสียอีก ตอนนี้จะพอมีใช้ได้ก็เวียดนาม แต่ไม่กระตือรือล้นเท่าที่ควรจึงยังห่าง"....แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักนะครับ เพราะสิ่งที่นักธุรกิจคนนี้พูดต่ออกมาคือ....."แต่ปัจจัยหลักที่พวกเขา ตัดสินใจมาลงทุนที่เมืองไทยเป็นเพราะ "ในหลวงฯ.."..เริ่มอึ้งไปชั่วขณะเพราะงง..จึงถามกลับไปว่าทำไมจึงเป็นเพราะ ในหลวงฯ...มาฟังคำตอบชัดๆเลยครับ..

"ก็เพราะประเทศคุณมี king of king...(แปลไม่ถูกเพราะหัวใจมันพองโตขึ้นมาในทันใด)...พวกเราเป็นที่รู้กัน มาตลอดว่าประเทศไทย ไม่ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายแค่ไหน มันจะผ่านไปได้ทุกครั้ง แม้นกระทั้งความรุนแรงหรือความแตกแยกทางความคิดใดๆ หากเกิดขึ้น...เพียงในหลวงฯของคุณบอกให้ จบทุกอย่างจะจบ ด้วยความสงบสันติ"...แล้วผมก็ถามกลับไปว่าตอนนี้เรายังมีปัญหาอยู่เลย..เขา ตอบกลับทันทีว่า "เรื่องการจราจลเผาเมืองที่ผ่านมาเขาตามข่าวมาตลอดด้วยความเป็นห่วง แต่ที่แปลกใจก็คือครั้งนี้ในหลวงไม่ออกมา แต่นั้นทำให้เขารู้ว่า..ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องความ"แตกแยก"แต่เป็นเรื่อง"การเมืองในหลวงฯจึงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว"......

...จบตอนนี้ผมอึ้ง ทึ่ง สมองสั่งการให้เห็นแสงสว่างขึ้นมาทันทีว่า..จริงด้วยเราหลงทางหรือเปล่าที่ คิดว่าเราแตกความสามัคคี จริงๆแล้วเป็นเรื่องการเมือง ของคนเลวๆกลุ่มหนึ่งเท่านั้น....คิดได้เท่านั้นทุกอย่างก็หยุดลง เพราะคำว่า"ในหลวง"ที่มีคุณูปการมากมายที่มีต่อคนไทยจน คนไทยอย่างเราเองคาดไม่ถึง นึกไม่ถึงว่าคนต่างชาติมาลงทุนบ้านเราเพราะพระบารมีของพระองค์...ผมกับคุณ พ่อเริ่มออกอาการซึมเพราะมันรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกเวลานั้น..... ทุกอย่างแห่งความซาบซึ้งน่าจะจบลงตรงนั้นแต่แล้ว..น้ำตามันซึมออกมาเองอีก ครั้ง...เมื่อตอนคนมาเก็บเงินค่าอาหาร...

ในตอนที่เอาเงินส่งให้พนักงาน...ฝรั่งคนเดิมพูดขึ้นมาอีกว่า....

"คน ไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา"....ผมกับพ่อหันไปมอง คราวนี้พ่อผมถามเองเลยว่า..คุณรู้ได้อย่างไร เขาตอบกลับทันทีเลยว่า...."ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร เห็นเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นเวลาคนไทยไปไหน ในหลวงฯจะอยู่กับคนไทยตลอดเวลา ไม่เคยห่างกัน ผมยังสงสัยเลยว่าทำไมรัฐบาลคุณไม่พิมพ์คำว่า.."เรารักในหลวงลงไปในธนบัตร.."..ทั้งผมทั้งพ่อน้ำตากลั้นไม่ไหวจริงๆครับ มันซึมออกมาแบบไม่อายเลย น้ำลายมันก็กลืนไม่เข้าเวลานั้น....."เท่ห์มากครับที่เกิดเป็นคนไทย หัวใจมันพองโต จนรู้สึกว่าตายกี่ชาติต่อกี่ชาติ ขอให้ได้เกิดเป็นคนไทยทีเถิด....

ส่งแขกเสร็จกลับบ้านกับพ่อสอง คน..ตลอดทางไม่พูดกันซักคำ ต่างคนต่างเงียบ ผมก็ได้แต่นั่งคิดถึงคำพูดไอ้ฝรั่งคนนี้มาตลอดทาง มันเป็นความสุขที่ได้รับแบบคาดไม่ถึงจริงๆครับ ....พอถึงบ้านจอดรถให้พ่อลงที่หน้าบ้านเห็นแม่มายืนรออยู่...พอพ่อลงรถคำแรก ที่พ่อพุดกับแม่คืด..ถามลูกมันดูซิว่า แกรรี่เค้าพูดถึงในหลวงว่ายังงัย.....จบครับ เป็นอันว่าตลอดทางที่กลับบ้านพ่อผมคิดถึงแต่เรื่องในหลวงฯแน่นอน.....

เรื่อง ทั้งหมดที่เล่าคงอธิบายความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอดทั้งหมดไม่ได้ แต่อยากแบ่งปันครับ....แบ่งปันให้พวกเราเก็บเรื่องดีๆนี่ไว้ในความทรงจำ เพื่อแบ่งปันกันต่อจากรุ่นสู่รุ่น...ไม่น่าเชื่อนะครับว่า คนอื่นมองเห็นเราชัดเจนกว่าตัวเราที่เป็นคนไทยซะอีก...คำว่า เป็นเรื่อง"การเมืองไม่ใช่เรื่องความ"แตกแยก"....อาจเป็นคำตอบให้คนไทยกลับมาคิดทบทวนกันอีก ครั้งว่า..เราแตกแยกกันจริงหรือ..เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่ สุด จนคนทั้งโลกยังอิจฉาแต่เราบางคนกลับมองไม่เห็น......

เพิ่งรู้ และสัมผัสกับคำว่า หัวใจพองโต...มันคับฟ้าคับแผ่นดิน..จริงๆนะครับ..ที่สำคัญคือ..การที่รู้สึก แบบนี้ได้เป็นเพราะ..ผมเป็นคนไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดเป็น "พ่อของแผ่นดิน"..พระองค์ฯต้องอยู่เป็นมิ่งขวัญให้คนไทยทั้งแผ่นดินตลอดไป ....จริงไหมครับ..??


ผู้ตั้งกระทู้ อภิรักษ์ เริงหท้ัยธรรม กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-06-15 21:55:50


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1552854)

พระบิดรแห่งแผ่นดิน

*โอ้ร่มโพธิ์ทองของพสก

พระเมตตาแผ่ปกป้องให้

ปวงราษฎร์ปราศทุกข์สุขใจ

ปัญหาน้อยใหญ่ลดลง

*พระคือบิดรแผ่นดิน

เสด็จเยือนถึงถีนประสงค์

กลางกรุง  ทุ่งนา  ป่าดง

พระทรงติดตามถามทุกข์

*ราชกิจมากมายตรากตรำ

จากเช้าจรดค่ำค้นขลุก

เสโทรินไหลเพื่อไถ่ทุกข์

ให้ราษฎร์สบสุขสราญ

*บุญของคนไทยทั่งชาติ

ที่มีมหาราชปกบ้าน

พระคุณาล้นฟ้าสุดประมาณ

ทวยราษฎร์กราบกรานบูชา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-18 20:05:00


ความคิดเห็นที่ 2 (1554550)

 ไม่ได้เปิดกระทู้ใหม่นะค่ะ เห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกัน


น่าจะเป็นช่วงเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ในเมืองใหญ่บ้านเรานี่แหล่ะค่ะ
ขึ้นรถเมล์กลับหอในตอนประมาณ ทุ่มนึง รถเมล์ว่างตั้งมากมาย...
เราก็เลือกนั่งในจุดที่จะลงง่าย เว้นระยะพอเป็นสว่นตัว

ป้ายถัดมาจากที่ขึ้น ก็มีชาวต่างชาติแม่ลูกเล็กสองคนขึ้นมานั่งด้านหน้าเรา
ด้วยแววตาสงสัย และเธอก็ไม่รู้จะถามใคร เราใส่ชุดธธรมดา แต่คนที่นั่ง
ด้านข้างเป็นนักศึกษา คุณแม่ชาวต่างชาติ ไม่ยักกะถาม เธอหันขวับมาที่เรา 

ถามเรื่องเลือกตั้ง โน่นนี่นั่นมากมาย ออกตัวตามประสาค่ะ ว่าไม่แน่ใจในการใช้ภาษานะ
เธอสวนกลับ นี่ล่ะนะคนไทย 555 คุยไปเรื่อยเปื่อยเธอก็วนเข้ามาถามเรื่อง พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว
ของปวงชนชาวไทย

เธอบอกพวกคุณนี่ช่างโชคดีเหลือเกินที่มีพระมหากษัตริย์ เธอมีโอกาสได้ดู และได้อยู่ในช่วง
เวลาที่คนไทยทั้งประเทศใส่เสื้อสีเหลือเต็มลานพระบรมรูป ได้ทรงเห็นบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ติดตามข่าวพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ตอนที่เธอมาบ้านเราใหม่ๆ (เธออยู่มากว่า 4ปี) เธอซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมาก เธอบอกว่าอิจฉาที่พวกเรามีผู้ปกครองแบบนี้
และเธอยัง พูดถึงเจ้าหญิง เจ้าชายบ้านเราด้วย เธอปลื้มปิติที่เธอเคยได้เข้าเฝ้าพระเทพ และอื่นๆอีกมากมาย แต่มันนานมากแล้ว เราจำได้ลางเลือน แต่มันยังอยู่ในความทรงจำส่วนดีๆของเราเลยมา
แบ่งปันนะค่ะ

เราเองก็ภูมิใจไม่น้อย อ๊ะ ลืมบอกไปเธอมาจากประเทศโคลัมเบีย ตามสามีมาปฏิบัติราชการที่ประเทศไทย ด้วยระยะทาง (บ้านใกล้) และสิ่งที่เธอชวนคุย เลยไม่ได้ถามว่าทำงานอะไร..
 
จงภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย อย่าให้ชาวต่างชาติ มากบอกให้เราภูมิใจ
จงทำให้มันเกิดมาจากสามัญสำนึกของตัวเอง
 
แต่...เราต้องขมา องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เราเห็นด้วยกับเธอตอนเธอพูดถึง
พระบรมวงศานุวงศ์ ที่เธอไม่ชอบ และแทนที่เราจะแก้ไข ให้เข้าใจใหม่
เรากลับเออ..ออไปกับเธอ และตอนนี้ลูกสำนึกผิดแล้ว เราไม่มีสิทธิ์ไปกล่าวหาใครทั้งนั้น
ไม่มีสิทธิ์ไปเห็นดีงามกลับวาจากล่าวหาใดๆทั้งสิ้น..
 
ลูกขอ กราบขอขมาองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
ที่เคยจาบจ้วงล่วงเกินในทุกๆคำพูด ทุกๆความคิด ทุๆการกระทำ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ก่อนจะกล่าวหาใคร ย้อนกลับมาดูตัวเองก่อน นี่คือคำสอน ของอ.อุบล ในเทปน้องเบลล์ เรามีสิทธิ์อะไร..
 
สาธุ สาธุ สาธุ

*** เคยเปิดกระทู้นี้แล้วตั้งใจว่าจะเขียน แล้วไม่ได้เขียน ตอนนี้มาเขียนเพื่อเป็นธรรมทานแล้วนะค่ะ ขอสมเด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้อภัยลูกด้วย...
ผู้แสดงความคิดเห็น เขมรัธศ์ภัทร์ จินดาพล (por_fat-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-06-27 13:39:57



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.