ReadyPlanet.com


วิธีเสริม ความงามอย่างมีคุณค่า


วิธีเสริม ความงามอย่างมีคุณค่า

              อันความงามนั้นเป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ ฝันคะนึงหาอยู่แล้ว  และที่ว่างามนั้นอย่างไหนจึงจะ เรียกว่างามอันนี้โบราณกาลท่านได้เคยกล่าวไว้ ว่ามี 5 อย่างด้วยกันที่เรียกว่าเบญจกัลยาณี มีอะไรบ้างลองมาดูกัน

 

เบญจกัลยาณี ความงามของสตรี 5 อย่าง คือ

 

1. เกสกลฺยาณํ ผมงาม คือ หญิงที่มีผมยาวถึงสะเอวแล้ว ปลาย ผมงอนและแวววาวเหมือนหางนกยูง

 

2. มํสกลฺยาณํ เนื้องาม คือ หญิงที่มีริมฝีปากแดงระเรื่อ ตามธรรมชาติเหมือนตำลึงสุกเมื่อหุบปากลงก็เรียบสนิท

 

3. อฏฺฐิกลฺยาณํ กระดูกงาม คือหญิงที่มีฟันสีขาวประดุจสังข์ ฟันขาวเรียบสนิทชิดเสมอกันดีราวกับเพชรที่เจียระไนไว้อย่างสวยงาม และเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ

 

4. ฉวิกลฺยาณํ ผิวงาม คือ หญิงที่มีผิวงามละเอียด ถ้าดำก็ดำดังดอกบัวเขียว ถ้าขาวก็ขาวดังดอกกรรณิการ์ ผิวพรรณสวยถ้าดำก็ดำขำ ไม่ดำด่างขาวก็ขาวนวลเนียน

 

5. วยกลฺยาณํ วัยงาม คือ หญิงที่แม้จะคลอดบุตรถึง ๑๐ ครั้ง ก็ยังคงสภาพร่างกายที่ดูสาวและสวยดุจคลอดครั้งเดียว หรือ แม้อายุจะมากแล้วก็ตาม ก็ยังคงความสวยสมวัยอยู่ได้นั่นเอง

 

หญิงใดมีครบตามนี้  ย่อมเป็นที่ หมายปองของบันดาชายหนุ่มทุกคนแต่ว่างามที่ว่านี้เป็นความงามภายนอกซึ่งมีวัน แห้งเหี่ยว โรยรา ตามวัย แต่นอกจากนี้แล้วยังมีความงามอีกอย่างซึ่งเป็นความงามที่แม้เวลาจะผ่านไปนาน สักเท่าใด ความงามนี้ก็ไม่มีวันเสื่อมคลาย นั่นคือความงามภายใน  เป็นความงามตามที่พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ เรียกว่าเบญจกัลยาณ ธรรมคือ ธรรมที่ทำให้คนเป็นคนงาม  ได้แก่

 

1. ใจดีมีเมตตา เมตตากรุณา คือ ความรักและปรารถนาดีที่จะให้ผู้อื่นมีความสุข และมีความสงสารคิดที่จะช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์ภัยความเดือด ร้อนทั้งปวง เอื้อเฟื้อและแบ่งปันน้ำใจให้ สังคม มีจิตใจเมตตาปราณีต่อเพื่อนมนุษย์ หรือแม้กระทั่งต่อหมู่สัตว์ ทั้งหลาย มักจะมีหน้าตาที่ผ่องใสอิ่มเอิบ มีสง่าราศี ผิดกับคนที่มีจิตอาฆาตพยาบาทเบียดเบียนต่อผู้อื่น ความเมตตาอย่างไม่มีข้อจำกัด ถือว่าเป็นตัวยาที่วิเศษในการ ที่จะเสริมความงามให้อย่างยิ่งยวด

 

2. ใฝ่หาอาชีพสุจริต สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหาเลี้ยงชีพในทางสุจริต ไม่หลอกลวงหรือโกงคนอื่นให้ เสียหายไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวงไม่ทรยศต่อสังคมประเทศชาติ เช่น ค้ายาเสพติดหรือค้าประเวณี เป็นต้น ไม่เป็นคนลักเล็กโขมยน้อย อันจะก่อความเดือดร้อนตามมา เพราะการเห็นแก่สิ่งเล็กน้อย เห็นว่าไม่มีใครรู้ แต่ถึงแม้ไม่มีใครรู้ ฟ้าก็รู้ ถึงแม้ฟ้าไม่รู้ แต่เรารู้ ทำมาหากินที่สุจริตแม้จะรวยช้า แต่ก็มีความสุขนาน ดีกว่าทุจริตประพฤติมิชอบ รวยเร็ว แต่ก็อยู่ไม่นาน อยู่ได้ด้วยความหวาดระแวง ไม่มีความสุข หน้าตาก็ไม่ผ่องแผ้ว อันเกิดจากจิตใจที่ไม่สะอาด

 

3. ไม่คิดเฟ้อฟุ้ง กามสังวร คือ การสำรวมระวัง ควบคุมตนในเรื่องกามารมณ์ ความต้องการทางเพศให้พอเหมาะพอ ดี ไม่ให้หลงใหลในรูปเสียง กลิ่น รส สัมผัส ตามกระแสแฟชั่นนิยม ที่ผิดธรรมผิดทางหรือเกินพอดี จนทำให้ตนเอง ครอบครัว และสังคมต้องเดือดร้อน พอใจยินดีในคู่ครองตัว ไม่มัวเมาเจ้าชู้ ควบคุม และยับยั้งอารมณ์ที่ก่อให้เกิดปัญหา รักษาจิตของตนให้ดี ไม่ให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เพราะบางครั้งอำนาจของอารมณ์ อาจทำให้อนาคตพังทลายลงได้ในพริบตา นำมาซึ่งความน่ารังเกียจต่อผู้ พบเห็น ฉะนั้นจะทำอะไรก็ให้อยู่ในความพอดี เมื่อพอดีก็จะพองาม ความงามที่แท้จริงก็จะตามมา

 

4. มุ่งมั่นจริงใจ มีสัจจะ คือ มีความซื่อสัตย์สุจริต ซื่อตรงต่อหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ จริงใจต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่สับปรับกลับกลอกที่เรียกว่า หน้าไหว้หลังหลอก เป็นคนตรงต่อหลักการและความถูกต้อง การเป็นคนมีสัจจะ จะเป็นเสน่ห์อย่างมากในการเข้าสังคม เป็นที่เชื่อถือของคนในสังคม ไม่ว่าใครก็ตามจะให้ความไว้วาง ใจอย่างไม่รีรอ นับว่าเป็นความงามที่มีผลสำคัญ ต่อชีวิต หน้าที่การงาน อันจะส่งผลถึงอนาคตความมั่นคง ในชีวิต

 

5. ทำสิ่งใดให้รู้ตัว มีสติสัมปชัญญะ คือ ฝึกตนให้เป็นคนหนักแน่นในอารมณ์ รู้จักยั้งคิด และควบคุมความรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ สิ่งใดมีคุณให้โทษมีประโยชน์และไร้สาระ ตลอดจนระวังมิให้เป็นคนมัวเมาประมาทในทุกลมหายใจเข้าออก มีสติรู้ตัวอยู่ทุกขณะจิต คิดไม่ผิดพลาด พูดไม่ผิดพลาด และทำไม่ผิดพลาด การมีสตินับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ต่อชีวิตอย่างมาก ความระลึกได้ และความรู้สึกตัวในทุกขณะที่ กระทำจะก่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย การมีสตินั้นเป็นข้อสำคัญที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอน เพราะสติเป็นหัวใจของทุกอย่าง ของทุกการกระทำ หรือที่เรียกว่า สมาธิ ก็คือการฝึกสตินั่นเอง เมื่อฝึกสติบ่อยเข้า ความหลงมัวเมาในมายาก็จะไม่มี เมื่อไม่มีความหลงการรู้ตาม ความเป็นจริงก็จะเกิดขึ้นมา และเมื่อใดที่มีสติรู้ตามความ เป็นจริงแล้วจิตก็จะไม่มีความทุกข์ เมื่อไม่มีความทุกข์ความสุขก็ จะบังเกิด เมื่อสุขบังเกิดความสบายใจ ความผ่องใส แช่มชื่น ความปีติ เอิบอิ่ม ปรากฏในจิตใจ ก็จะเปล่งประกายฉายออกมาทางสีหน้า กิริยาท่าทาง ที่เรียบร้อยงดงามความสวยงามที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้น

 

            ความงามที่เป็นรูปกายภายนอกถือว่าเป็นรูปสมบัติ ใครมีพร้อมบริบูรณ์นับว่าโชคดี ที่เกิดมาหล่อสวย รวย ฉลาด แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าก็ควรจะมีความงามที่เกิดจากภายใน คือ ธรรมสมบัติควบคู่กันไปด้วย เป็นการเสริมสวยสร้างเสน่ห์ให้กับตนเองด้วยวิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องกลัวจน เรียกว่าสวยแบบมีคุณค่า จ่ายแพงกว่าทำไม ประหยัดกว่ากันเยอะเลย สวยแบบนี้เขาเรียกว่าสวยนาน สวยไม่สร่าง ดูอย่างไรก็ไม่จืดใครๆ ก็อยากที่จะคบค้าสมาคมด้วย จึงถือว่าเป็นสุดยอดของความสวย ที่คุณสามารถสร้างขึ้นมาด้วย ตัวของคุณเอง จะสวยอย่างเบญจกัลยาณี จะต้องมีเบญจกัลยาณธรรมด้วย

 

ที่มา : http://board.palungjit.com/showthread.php?t=127992

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ ปุ้ม ณฐพลสรรค์ (nathaponson-at-gmail-dot-com) โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-06-02 21:20:02


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1544542)

คนจะเต็มได้ต้องฝึก +ต้องเปลี่ยนตัวเองอย่างเร็ว  1.หน้าที่ 2. การงาน 3.วาจา 4.บุคคล 5.ความดี

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-05-09 15:15:39



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.