|
องค์ความรู้การเปลี่ยนขั้วโลกใหม่จากพระอาจารย์รัตน์.. | |
องค์ความรู้ฯ ว่าด้วยการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ จากพระอาจารย์รัตน์ ที่มาของข้อมูล | |
ผู้ตั้งกระทู้ ชนิดา :: วันที่ลงประกาศ 2011-03-15 04:24:02 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1535995) | |
ขออนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์รัตน์และพี่ชนิดา ศิริอ่านแล้วก็เข้าใจบางส่วนด้วยศิริมีความรู้ทางนี้น้อยนิดค่ะ ศิริจะตั้งใจฝึกสมาธิเพื่อที่จะได้เข้าถึงนิพพานค่ะขออาสาอีก1คนเพื่อกอบกู้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์ และขอขอบคุณพระพุทธองค์,หลวงพ่อฤาษีลิงดำ,ท่านท้าวเวสสุวรรณ,ท่านเทพเทวดานางฟ้าทุกพระองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์แห่งบ้านสวนพีระมิดท่านอาจารย์อุบลท่านอาจารย์มงคลค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิริ สุดใจ วันที่ตอบ 2011-03-15 09:08:43 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1536025) | |
ข่าวสารอัพเดทจากท่านพระอาจารย์รัตน์ ครับ การเกิดปาฏิหาริย์ภาพวงกลมใหญ่สามวงในรูปเหตุการณ์ Crop circle ที่อินโดนีเซีย สิ่งที่มนุษย์ควรทำหลัง 1 มกราคม 2554 ให้ช่วยกันนึกไปทางทิศตะวันออกตรงเท้าสฟิงซ์ แต่ผลปรากฏจากแรงหมุนที่เท้าสฟิงซ์หลังวันที่ 8 มกราคม 2554 เป็นต้นมา แรงหมุนได้หยุดลง เนื่องจากบรรดาของเสียและพลังแม่เหล็กไหลลงไปเต็มเกิดการอุดตันบริเวณที่เชื่อมกับแกนจักรวาลใต้เท้าสฟิงซ์ ขออนุญาตเอาข้อมูลจากพระอาจารย์รัตน์มาบอกเพื่อนๆ ให้ทราบ ที่มา ขอบคุณ คุณ Falkman : www.palungjit.com | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา วันที่ตอบ 2011-03-15 12:14:58 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1536166) | |
จริงๆได้ดูเทป สัมนาเรื่องภัยพิบัติ ที่คุณมาร์คนำมาให้ได้ชมกัน แต่ได้ดูเฉพาะคลิปที่พระอาจารย์รัตน์ได้กรุณาอธิบายถึงความหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏใน ปฏิทินมายัน รวมถึงท่านพระอาจารย์ก็ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบจักรวาลอีกด้วย ..
โอ้ววว..เราฟังแล้ว"ทึ่ง"มากๆ เพราะท่านรู้ทุกอย่าง จากการปฏิบัติทางจิต มิใช่เรียนรู้ ทางโลก พระอาจารย์อธิบาย ให้ฟังดูง่ายๆ ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ยาก ที่จะเข้าใจ.. และพอได้มาอ่านบทความข้างต้นแล้ว ก็เข้าใจได้มากยิ่งๆขึ้น...
และพระอาจารย์แนะนำให้พวกเราดื่มน้ำเยอะๆ จากที่เคยดื่มปรกติ เพื่อระบบต่างๆในร่างกายจะได้ไม่เสียสมดุล และควรจะหายใจให้ช้าและลึกให้ถึงปอด เพราะอากาศในชั้นบรรยากาศเบาบางลงเยอะ คนถึงได้หงุดหงิด จิตตก ได้ง่ายขึ้น ในช่วงเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ เพราะร่างกายของคนทั่วๆไปจะยังรับไม่ได้ แต่ก็อยู่ในช่วงปรับสภาพอยู่นั่นเอง...คนที่จิตใจดีมีคุณธรรม หรือจิตอยู่ในคลื่นความถี่สูง จะทำให้ร่างกายปรับสภาพได้เร็วขึ้น...
อนุโมทนากับข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณธนาด้วยนะคะ แปลกดีเนอะ ที่พวกเราหลายๆคน มักจะสนใจ หรือ มีโอกาสได้อ่านข้อมูล ที่คล้ายๆกันมาแล้วทั้งนั้นเลย... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา วันที่ตอบ 2011-03-16 05:27:36 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1536463) | |
อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ (^/^) สาธุ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ... วันที่ตอบ 2011-03-17 22:04:35 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1536473) | |
ขออนุโมทนา ด้วยนะค่ะพี่ชนิดา และคุณธนา สาธุ สาธุ สาธุ และขอกราบอนุโทนากับ พระอาจารย์รัตน์ และดร.อาจอง ที่ท่านได้เมตตาบอกเหตุการณ์ต่างๆ ให้ได้ทราบกัน สาธุ สาธุ สาธุ................... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ๊กตาฝน (tee-ged-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-18 00:31:17 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1537514) | |
สาธุ สาธุ ยิ่งเข้ามาอ่าน ก็เหมือนตัวเองเปิดมิติใหม่ของชีวิต ขอบคุณธรรมทานที่น่าสนใจทั้งหลายนะคะ อนุโมทนาบุญค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น พิชญ์นันท์ สุขวัจนี วันที่ตอบ 2011-03-25 21:23:39 |
ความคิดเห็นที่ 7 (1537521) | |
ขออนุญาตตั้งคำถามด้วยความไม่รู้นะคะ เรารณรงค์ให้คนตั้งมั่นให้คนครองตนอยู่ในความดีไม่ดีกว่าเหรอ ?? เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เพื่อนๆต่างวิตกกังวลมากเรื่องภัยพิบัติพวกนี้ เพราะมีแต่คนเผยแพร่เรื่องภัยพิบัติ คำถามก็คือพวกเราลืมสาระสำคัญของความจริงไปรึเปล่า ถ้าเราทุกคนอยู่ภายใต้กฎของแรงดึงดูด ทำไมพวกเราไม่ช่วยกันดึงดูดสิ่งดีๆหล่ะคะ ?? พลังงานดีๆจะได้เกิด ไม่ได้ลบหลู่ในความปรีชาสามารถของพระอาจารย์นะคะ เราชื่นชมมากค่ะ แต่แค่มองว่าไม่จำเป็นต้องเผยแพร่ก้ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มาแล้วกว่า 2500 ปี เพียงแต่ท่านไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาแบบนี้ได้เท่านั้นเองเนื่องด้วยเรื่องของยุคสมัย ท่านได้ตรัสว่า "สิ่งใดที่เรานำจิตไปจดจ่อ สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง" ดังนั้นถ้าอยากให้เกิดภัยพิบัติขึ้น ก็เผยแพร่ไปเรื่อยๆเลยค่ะ คนจะได้คิดแบบนั้นทุกคน หมาจิตด้านลบใจได้เกิดขึ้น โลกจะได้แตกๆไปวันพรุ่งนี้รืนนี้เลยก็ดี ^^ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สาวก วันที่ตอบ 2011-03-25 22:30:24 |
ความคิดเห็นที่ 8 (1537529) | |
ดังนั้นถ้าอยากให้เกิดภัยพิบัติขึ้น ก็เผยแพร่ไปเรื่อยๆเลยค่ะ คนจะได้คิดแบบนั้นทุกคน หมาจิตด้านลบใจได้เกิดขึ้น โลกจะได้แตกๆไปวันพรุ่งนี้รืนนี้เลยก็ดี ^^
เรียนคุณสาวก คาดว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดภัยพิบัติขึ้นหรอกนะคะ แต่สิ่งที่พวกเราทุกคนพยายามทำอยู่ คือการเตือนภัย ให้คนที่ยังประมาท ได้รู้ตื่นกับความจริงที่เราจะต้องเผชิญ เพื่อให้เกิดสติ ตั้งรับกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น ได้มีโอกาสเตรียมตัว เตรียมใจ เมื่อถึงวันจริงจะได้ไม่สติแตก ที่สำคัญจะได้ใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่า เร่งสร้างความดีให้ได้มากที่สุด เพราะความตายเป็นสิ่งไม่แน่นอน เมื่อรู้ว่าอาจจะตายเราจะได้ไม่เสียเวลาไปทำชั่ว ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่คุณบอกมาว่าเราควรรณรงค์ให้คนตั้งมั่นในความดี เพื่อให้เกิดพลังบวก
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2011-03-26 01:57:36 |
ความคิดเห็นที่ 9 (1537543) | |
"สิ่งใดที่เรานำจิตไปจดจ่อ สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง" อยากถูกหวย ไม่เห็นถูกเลย เรียนคุณสาวก จากการนำเสนอ เรื่องราว ภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่ต้องการ ให้จิตตก หรือ กลัวกับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง แต่เป็นการเตือน เพื่อ หาทางรอด ขอให้ คุณสาวก ไปอ่านในกระทู้อื่น ๆ บ้าง เพื่อทำความเข้าใจ ขอบคุณค่ะ...ในเจตนา
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-03-26 09:10:44 |
ความคิดเห็นที่ 10 (1537577) | |
เห็นด้วยกับคุณแหวนและคุณแมวเป็นอย่างยิ่งค่ะ อยากให้คนใด้ฉุกคิด หันมาสร้างความดี ละโลบ โกรธ หลง และมีสติตั้งรับอย่างน้อยถ้าเกิดขึ้นจริง จะใด้ไม่ช๊อก และตอนนี้ก็บอกลูกหลานที่บ้าน ให้เขาตระหนัก อ่านเวปบ้านสวนให้เขาฟัง อ่านธรรมะของหลวงพ่อให้ฟังเขาก็สนใจขึ้น เขาต้องรู้สึกอะไรเกี่ยวกับบุญกุศลบ้างแหละ ไม่งั้นเขาคงไม่บอกว่า แม่..ครั้งหน้าจะไปบริจากเลือดอีกเมื่อไหร่ บอกด้วยนะ จะไปด้วย แคนี้เราก็ชื่นใจละ และหลังจากคุยเรื่องธรรมะต่างๆของหลวงพ่อ และได้ตอบคำถามมากมายในสิ่งที่เขาสงสัย เราก็ได้ถามคำถาม ที่สงสัยกับลูกไปบ้างว่า เรียนจบแล้วจะบวชเลยไม๊ เขายื่นมือมาให้จับ.. พยักหน้ารับ และพูดว่าสัญญา..ทำให้คนเป็นแม่อย่างเราปลื้มมาก.... เขาไม่เคยเป็นอย่างงี้มาก่อน แสดงว่าธรรมะได้แทรกซึมใจเขาบ้างแล้ว แต่....จะทันหรือเปล่าหนอ....
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี วันที่ตอบ 2011-03-26 20:05:42 |
ความคิดเห็นที่ 11 (1537587) | |
เรียนจบแล้วจะบวชเลยไม๊ เขายื่นมือมาให้จับ.. พยักหน้ารับ และพูดว่าสัญญา..ทำให้คนเป็นแม่อย่างเราปลื้มมาก.... ************************** ขออนุโมทนาบุญค่ะ .. คุณคนึงนุช น่าปลื้มมาก ถึง มากที่สุด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-03-26 21:38:56 |
ความคิดเห็นที่ 12 (1538836) | |
พลังพีระมิด พลังงานบำบัด ทางเลือกของสุขภาพ
เหตุและผล พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จึงได้นำ“พลังพีระมิด” มาช่วยแก้ไขปัญหาที่มนุษย์กำลังประสบในยุคพลังงานเสื่อม พลังพีระมิดสามารถดึงพลังกระแสลมปราณและพลังมโนธาตุจากชั้นบรรยากาศที่อยู่ สูง แทรกเข้าสู่ร่างกายได้ทางลมหายใจเข้า และยังช่วยสะเทินพลังงานแม่เหล็กโลกออกจากร่างกายได้บ้าง (ถึงแม้จะไม่ได้ถึง 90% เหมือนดังในอดีต แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ให้ความปลอดภัยต่อชีวิต) ดังนั้นในแง่ของการฝึกปฏิบัติฯ พลังพีระมิดจะช่วยให้ผู้ฝึก, ผู้ป่วย ได้สัมผัสกับพลังงานที่ขาดหายไป ช่วยทำให้การฝึกจิตทำได้ง่ายและเห็นผลเร็วขึ้น
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัส 2009
มนุษย์ ส่วนใหญ่หายใจได้เพียงแค่คอ อย่างน้อยประมาณ 5 ปี ทำให้หัวใจ ปอด ทำงานได้ไม่เต็มสูบอยู่ในสภาพอ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหายใจได้ไม่สะดวก ปริมาณก๊าซออกซิเจนจึงไม่เพียงพอต่อกระบวนการสันดาปอาหาร เมื่ออาหารที่รับประทานเข้าไปถูกเผาผลาญได้ไม่หมด เหลือตกค้างในร่างกาย นอกจากทำให้อ้วนแล้วอาหารเหลือบางส่วนเปลี่ยนสภาพเป็นเสมหะ สะสมไว้มากที่ปอดกลายเป็นอาหารจานใหญ่ของเชื้อไวรัส ทำไม คนหนุ่มสาว อายุยังน้อยเมื่อเป็นหวัดเชื้อไวรัส 2009 แล้วจึงเสียชีวิตมากกว่าผู้สูงวัยเนื่องจากผู้สูงวัยมักจะมีจุดเสื่อมของ ร่างกายได้หลายที่ เชื้อไวรัสจึงกระจายแทรกตัวอยู่ในเนื้อเยื่อที่มีปัญหาเหล่านั้นทั่วร่างกาย หากแต่คนหนุ่ม สาว มักจะไม่มีอาการปวดเข่า ปวดเอว เจ็บข้อ เจ็บคอ ฯลฯ เมื่อร่างกายรับเชื้อไวรัสโดยทางลมหายใจเข้า จึงไปรวมตัวที่ปอด ซึ่งอ่อนแอ เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะการยืด-หด ของกล้ามเนื้อปอดทำได้ไม่เต็มที่มานานหลายปีแล้วเช่นกัน และเชื้อไวรัส 2009 เป็นเชื้อโรค ธาตุความดับ จึงชอบสิ่งที่เป็นธาตุความดับคล้ายคลึงกัน คือเส้นเลือดดำ มิหนำซ้ำเมื่อได้อยู่ในบ้าน(ปอด) ที่อุดมไปด้วยแหล่งอาหาร (เสมหะ) เชื้อไวรัสจึงโตวันโตคืนเร่งการแพร่กระจาย จู่โจมทำลายทำให้การฟอกโลหิตต้องหยุดชะงัก ผู้ป่วยจึงถึงแก่ชีวิตอย่างรวดเร็ว ผู้ สนใจควรส่งเสริมและป้องกันสุขภาพด้วยหลักของพลังงานบำบัดเพื่อเพิ่มภูมิต้าน ทานร่างกายอย่างสม่ำเสมอทั้งการรับประทานอาหารเสริมพลังงาน (สาหร่าย พลูคาว มะรุม) น้ำพลังพีระมิดและการฝึกจิตด้วยพลังพีระมิดอนึ่งการฝึกจิตด้วยพลังพีระมิด ทุกวิธี ผู้ฝึกต้องมีพลังพีระมิดที่ใช้เป็นปัจจุบันอยู่ที่ร่างกาย 1 ชิ้น วางแถบแกนพีระมิดด้านหน้า 1แถบ ด้านหลัง 1แถบ และจะนั่งหันหน้าไปทางทิศใดให้ติดตามทิศที่ถูกต้องได้จากงานอบรม __ ที่มาข้อมูล | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2011-04-04 21:16:12 |
ความคิดเห็นที่ 13 (1538859) | |
แบบว่าอารมณ์ต่อเนื่องคร๊าบบบบ...พี่น้อง ก็อปมาไว้ที่เดียวให้ตัวเอง จะได้หาเวลาอ่านไปเรื่อยๆ ฮิฮิ
จาก"แอตแลนติส" สู่ "อียิปต์"
การวนรอบของความรู้ทั้ง 2 อย่างนี้ได้เกิดขึ้นเป็นปกติมาโดยตลอด คือ ถ้าเมื่อใดวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเฟื่องฟู วิทยาศาสตร์ ทางจิตหรือพลังจิตแทบจะหมดความหมาย และในทางตรงกันข้าม ถ้าเมื่อใดที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันเจริญก้าวหน้าไปจนถึงจุดสูงสุด และย้อนกลับมาทำลายตนเองแล้ว เมื่อนั้นพลังจิตจะกลับมามีความสำคัญอีกครั้ง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “ดาวเคราะห์โลก” ของเราได้มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพมานับครั้งไม่ถ้วน การขุดพบโครงกระดูกของสัตว์โบราณอย่างเช่น ไดโนเสาร์ ช้างแมมมอธ ฯลฯ ได้มีประเด็นสำคัญที่นักโบราณคดีให้ความสนใจ คือการขุดพบโครงกระดูกของสัตว์บางชนิดในสถานที่ที่ไม่น่าจะเป็นแหล่งอาศัย ของสัตว์ชนิดนั้นๆ ได้เลย เช่นมีการขุดค้นในเขตหนาว แต่ทว่าสิ่งที่ขุดพบกลับเป็นโครงกระดูกของสัตว์ที่น่าจะเคยอยู่ในเขตร้อน เสียมากกว่า
บุคคลใดที่เดินทางมาถึงจุดนี้ได้แล้ว สามารถที่จะเลือกทางของตนเอง ระหว่างการไม่ลงมาระคนกับกิเลส ดำรงสภาพการเป็นพระอรหันต์ไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย หรือ จะลงมาระคนกัน “โลก” เป็นโพธิสัตว์เพื่อทำหน้าที่ของตนให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามวิบากที่เคยสร้าง ไว้ในอดีต จนกระทั่งเชื้อ หรือเหตุ หรือพลังงานเหล่านั้นหมดไปโดยสิ้นเชิง จึงจะไม่กลับมาเกิดอีกต่อไป
มนุษย์ดาวอังคาร
ฉะนั้นผู้ที่ศึกษาจึงไม่ควรรีบด่วนที่จะปฏิเสธว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่บนดาวอังคารหรือดาวดวงอื่นๆ เนื่องจากมนุษย์เราตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดจากศูนย์กลางที่เรียกว่า “แรงโน้มถ่วงของโลก” จึงทำให้เราไม่สามารถเดินทางไปยังดาวดวงอื่นๆได้ นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามศึกษาค้นคว้ามาเป็นเวลานาน จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ จึงสามารถค้นพบวิธีเดินทางไปถึงดาวดวงอื่นได้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะลึกไปจนถึงขั้นทำความรู้จักและมีความสัมพันธ์ต่อกัน กับสิ่งมีชีวิตบนดาวอื่นๆ โดยเฉพาะบนดาวอังคารได้เลย พวกเราเคยจินตนาการหรือไม่ว่า ภาพของมนุษย์ชายหญิงอย่างพวกเราที่มี 2 ขา 2 เท้า 2 แขน 2 มือ ฯลฯ ได้กลายเป็นภาพของสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์ต่างดาวในสายตาของชาวดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ฯลฯ ไปเสียแล้ว
โครงสร้างทางกายภาพหรือองค์ประกอบของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ บนดาวอังคารมีความแตกต่างจากดาวเคราะห์โลก โดยสิ้นเชิง จึงเป็นเหตุให้ชาวดาวอังคารมีรูปร่าง ตลอดจนการดำรงชีวิตที่ไม่เหมือนมนุษย์โลกด้วยเช่นกัน อาทิ การเกิดและการมีอายุขัย มนุษย์โลกอาศัยการเกิดจากเชื้อของพ่อและฝังตัวอ่อนอยู่ในท้องของแม่ประมาณ 9-10 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการลบความทรงจำที่มีในอดีต จนกระทั่งคลอดออกมาเป็นทารก เจริญวัยเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ชรา และเสียชีวิต มีอายุได้ไม่เกิน 100 ปี หรือ 100 ปีเศษเท่านั้น แต่สำหรับชาวอังคาร พวกเขามีสภาพเป็น “พลังงาน” ไม่ได้ประกอบโครงสร้างเป็น “รูป” หรือ “ร่างกาย” อย่างชัดเจน
การเกิดของพวกเขาน่าจะเรียกว่าเป็นการ “อุบัติ” ขึ้นมากกว่าเพราะเป็นการรวมตัวของพลังงานขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ โดยอาศัยพลังงานจากธาตุสีเหลือง หรือธาตุเมตตาเป็นตัวกำหนด (ไม่ต้องอาศัยการตั้งครรภ์) เมื่อกระบวนการเกิดใหม่เสร็จสิ้น พวกเขาจะดำรงความเป็น “พลังงาน” ไปเรื่อยๆ มีชีวิตเป็นนิรันดร์ คือมีอายุขัยมากเป็นหมื่นๆ ปี จึงทำให้พวกเขาได้รู้เห็นปรากฏการณ์และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เคยเกิด ขึ้นบนดาวเคราะห์โลกมาโดยตลอด และเนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูง จึงสามารถล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
องค์ธรรมมิกราช
พระพุทธองค์เป็นผู้ที่มีพลังจิตและญาณหยั่งรู้ที่เรียกว่า พระสยมภูญาณ ที่สามารถรู้เห็นความเป็นไปของสัตว์โลก พระพุทธองค์ทรงใช้ญาณหยั่งรู้เป็นประจำทุกเช้า เพื่อทรงตรวจดูว่าในแต่ละวันพระองค์จะไปโปรดใครได้บ้าง อย่างเช่นในกรณีของท่านองคุลีมาล ที่ถูกอาจารย์สอนให้ทำในสิ่งที่ผิดและเป็นบาปอย่างมหันต์ ด้วยการสั่งฆ่าคนให้ได้ครบ 1,000 คน ก่อนจึงจะได้เรียนขั้นสุดยอดของวิชา และคนลำดับที่ 1,000 ก็คือแม่ของตน เมื่อพระพุทธองค์ทรงรู้โดยพระสยมภูญาณ จึงทรงเมตตาช่วยท่านองคุลี มาล ให้พ้นจากวิบากกรรมที่จะต้องฆ่าแม่ของตนเองด้วยความไม่รู้ และกลายเป็นบาปหนัก
ในครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ทรงถอดกายทิพย์ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรด พระพุทธมารดา ซึ่งกำลังเสวยผลบุญอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นสถานที่อยู่ของพระอินทร์หรือท้าวสักกะ (สวรรค์ชั้นดาวดึงส์อยู่ต่ำกว่าสวรรค์ชั้นดุสิต ผู้ที่เสวยผลบุญอยู่ในชั้นที่สูงกว่าสามารถเดินทางลงมายังสวรรค์ชั้นที่ต่ำ กว่าได้)
พลังงานเส้นแสง
คริสตัลซึ่งเป็นแก้วหินใส สร้างเป็นพีระมิดที่มีขนาดใหญ่ไว้ทั่วราชอาณาจักร และแต่ละคนจะมีพีระมิดคริสตัลขนาดเล็กเก็บไว้ใช้ประจำตัว ชาวแอตแลนติสที่มีพลังจิตสูงโดยเฉพาะกลุ่มนักบวช จะเป็นผู้ที่เดินทางไปในสถานที่ต่างๆด้วยพลังจิต ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เข้าไปในพีระมิดคริสตัล และใชัพลังจิตเปลี่ยนสภาพของกายหยาบให้เป็นพลังงานแสง พุ่งออกไปในทางยอดแหลมของพีระมิดคริสตัล เข้าสู่เส้นทางของ “เส้นแสง” ที่ได้เลือกไว้เรียบร้อยแล้ว
ชาวดาวอังคารมีความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ทางจิตไปจนถึงระดับการใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุให้เป็นพลังงานแสง และเปลี่ยนจากพลังงานแสงให้กลับเป็นวัตถุอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของพลังงาน ซึ่งสูงกว่าพลังงาน “เส้นแสง” บนทวีปแอตแลนติกในครั้งนั้นประชาชนได้แตกแยกออกเป็นหลายกลุ่ม จนในที่สุดเหลือประชาชนเพียง 2 กลุ่มใหญ่ที่ไม่สามารถปรองดองกันได้ ต่างผ่ายต่างมียุทโธปกรณ์ที่ล้ำหน้า ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้โดยสันติวิธี สงครามและอาวุธที่ทันสมัยมีอานุภาพร้ายแรงที่สุด คือศักดิ์ศรีของจอมทัพผู้อหังการ ในครั้งนั้นนักบวชนามว่า รตะ (อ่านว่าระตะ) เป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ความเมตตา ได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 1 เดือน ว่าจะเกิดสงครามใหญ่และอาณาจักรแอตแลนตีสจะถึงวาระของการล่มสลาย กลุ่มที่เชื่อคำพยากรณ์ของท่านรตะได้ต่อเรือขนาดใหญ่ บรรทุกผู้คนอพยพออกจากอาณาจักรแอตแลนตีส มาขึ้นฝั่งที่ดินแดนของประเทศอียิปต์โบราณ
เมื่อครบ 1 เดือน ตามคำพยากรณ์ของท่านรตะ สงครามใหญ่ได้เปิดฉากขึ้น และเนื่องจากผู้นำของทั้งสองกลุ่มต่างแข็งกร้าวเข้ากัน อาวุธ “เส้นแสง” ที่ทันสมัยที่สุดจึงถูกนำมาใช้ แรงกดอย่างมหาศาลที่เกิดจากการยิงอาวุธเส้นแสงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุด ต่อมนุษยชาติ และการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นผิวโลกตามลำดับ คือ
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพื้นน้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติกจะไหลไปรวมอยู่ที่ใดของโลก เพื่อทำให้เกิดความสมดุลตามอัตราส่วนของการมีพื้นน้ำ 3 ส่วนและพื้นดิน 1 ส่วน เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนั้น อาณาจักรแอตแลนตีสเป็นผู้ยิงอาวุธเส้นแสงจึงทำให้เกิดแรงกดอย่างมหาศาลลงไป บนพื้นทวีปจนจมลงไป ชาวแอตแลนตีส จึงต้องรับผลของเหตุที่ได้สร้างขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นในอนาคตหากมีประเทศใดยิงอาวุธเส้นแสงขึ้นอีกครั้ง ประเทศนั้นก็จะถูกกดให้จมลงไปกลายเป็นพื้นน้ำในพริบตาเช่นกัน และแรงกดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง รวดเร็วนี้ จะไปดันอาณาจักรแอตแลนตีส ให้โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอีกครั้ง
มหาพีระมิด พีระมิดทั้ง 3 องค์ได้สร้างขึ้นในบริเวณที่เป็นศูนย์กลางของโลก พีระมิดแต่ละองค์ตั้งอยู่ในระยะที่ห่างเท่าๆกัน และทุกองค์มีขนาดเดียวกัน โดยพีระมิดองค์ที่สร้างอยู่ตรงกลางจะสร้างคร่อมศูนย์กลางของโลกซึ่งมีลักษณะ เป็นโพรง หรือหลุมพลังงานลึกลงไปใต้โลก ซึ่งท่านรตะได้ใช้พลังจิตวางแผ่นหินใหญ่สีดำที่เป็นแร่มโนธาตุ ปิดหลุมพลังงานเอาไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านรตะกลับมาเปิดแผ่นหินใหญ่นี้ด้วยตนเองในอนาคต และภายในพีระมิดอีก 2 องค์ ได้ขุดเป็นโพรงเชื่อมไปถึงหลุมพลังงานภายในพีระมิดองค์กลาง และมีองค์สฟิงซ์ทอดลำตัวยาวไปทางทิศตะวันตกและหันใบหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยองค์สฟิงซ์และองค์พีระมิดกลางได้ถูกสร้างให้อยู่ในแนวที่ตรงกัน
สำหรับองค์สฟิงซ์ที่มีขนาดใหญ่มากได้สร้างขึ้นจากก้อนหินก้อนใหญ่เพียงก้อน เดียว สิ่งที่พิเศษที่สุด คือ ใบหน้าขององค์สฟิงซ์ที่มีลักษณะเหมือนใบหน้าของมนุษย์ ไม่ได้เกิดจากการแกะสลักลงบนหินแต่อย่างใด แต่เป็นผลงานการใช้พลังจิตกดประทับรูปหยาบของใบหน้าองค์ประมุขของชาวดาว อังคารลงไปบนก้อนหิน องค์สฟิงซ์ถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ 2 อย่าง คือ
แนวความคิด และความเชื่อในพลังของพีระมิดในยุค 5,000 ปีของอารยธรรมอียิปต์แห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ เป็นความเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตายว่า พวกเขาจะได้ไปอยู่ในเมืองที่มีความศิวิไลซ์มากที่สุด เส้นทางที่จะพาพวกเขาไป คือ โพรงพลังงานที่เป็นศูนย์กลางของโลกตั้งอยู่ภายในพีระมิดองค์กลาง
ฉะนั้นพวกเขาจึงนำศพและสมบัติไปเก็บไว้ในห้องโถงพีระมิดให้ปลอดจากการทำลาย ของพลังงานแม่เหล็กโลก ศพจึงไม่เน่าเปื่อยและรอวันที่จะมีชีวิตคืนกลับมาใหม่อีกครั้ง นอกจากนั้นพีระมิดทั้ง 3 องค์ได้ถูกสร้างเพิ่มเติมจนกลายเป็นมหาพีระมิดที่มีขนาดแตกต่างกันเป็นองค์ ใหญ่ องค์กลาง และองค์เล็ก ตามลำดับ ดังที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบันนี้
พลังกระแสลมปราณจะพุ่งลงไปหาแร่มโนธาตุสีดำที่อยู่ใต้เท้าขวาข้างหน้า พลังมโนธาตุและพลังกระแสลมปราณจะพุ่งต่อไปยังโพรงพลังงานศูนย์กลางของโลก ซึ่งอยู่ใต้พีระมิดองค์กลาง และดันแผ่นหินสีดำเผยอออก และ “ลม” หรือพลังงานยังถูกดันต่อไปถึงศูนย์กลางของพีระมิดอีก 2 องค์ จนในที่สุด “ลม” หรือ “พลังงาน” นั้นถูกดันไปจนถึงอาณาจักรแอตแลนตีส ที่ฝังตัวนิ่งสงบอยู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติก
พุทธศาสนาของพระสมณโคดม (บทส่งท้าย)
พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญสูงสุด จนเรียกได้ว่าเป็น “ยุคทอง” ของพระพุทธศาสนาเลยทีเดียว หลังจากเวลาที่ผ่านไปกว่า 1,000 ปี พระพุทธศาสนาได้แยกย่อยออกเป็นหลายนิกายหลายลัทธิ และลัทธิสำคัญได้เข้ามาเผยแพร่ในดินแดนสุวรรณภูมิอีกครั้งในรัชสมัยของพ่อ ขุนรามคำแหงมหาราช คือลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งมีสิ่งที่แตกต่างไปจากพระพุทธศาสนาสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชอยู่หลายประการ เช่น พระสงฆ์เริ่มฉันเนื้อสัตว์, มีการแต่งตั้งพระสงฆ์ให้มีสมณศักดิ์ ฯลฯ
เป็นการปิดฉากพระพุทธศาสนาที่มีศาสดาทรงพระนามว่า “พระสมณโคดม” และเมื่อถึงยุคของศาสดาองค์ใหม่ที่ทรงพระนามว่า “ศรีอารยเมตไตรย” จะเป็นช่วงระยะเวลาที่ผู้คนในยุคนั้นจะมีอายุยืน มีโอกาสในการประพฤติปฏิบัติธรรมได้นาน เนื่องมาจาก “แกนพลังงานโลก” ได้คืนกลับมาสู่ความเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว (ได้กลับคืนสู่สภาพปกติก่อนหน้านั้นเป็นเวลานานแล้ว)
ที่มาข้อมูล
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2011-04-04 22:11:45 |
ความคิดเห็นที่ 14 (1538861) | |
อัพเดทข้อมูลใหม่ล่าสุด 3 เมษายน
อนุโมทนาข้อมูล จากคุณนักรบเงา แห่งเว็บพลังจิต | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2011-04-04 22:18:23 |
ความคิดเห็นที่ 15 (1538867) | |
เส้นแรงแม่เหล็กโลกที่ไหลเวียนในโลก พุ่งจากขั้วโลกใต้ และ กลับเข้าทางขั้วโลกเหนือ เป็นส่วนใหญ่ อนุโมทนาข้อความจากคุณ นักรบเงา แห่งเว็บพลังจิต | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2011-04-04 22:37:36 |
ความคิดเห็นที่ 16 (1539495) | |
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ... จากที่ได้อ่านในกระทู้ด้านบนเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านพระอาจารย์รัตน์ เผยแพร่ผ่านลูกศิษย์ก็เป็นสิ่งที่บางทานอาจจะเชื่อหรือไม่ก็ตามก็ขึ้นอยู่กับบุญกุศลของแต่ละท่านนะครับ อย่าได้ไปตำหนิคนที่ไม่เห็นด้วยเลยครับ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องอ่านและรับรู้ด้วยจิตพิจารณาด้วยจิต ซึ่งจิตของแต่ละท่านก็มีความหยาบมีความละเอียดไม่เหมือนกันนะครับ รวมทั้งการสะสมบุญบารมีมาไม่เหมือนกันนะครับ ก็มีคนน้อยนิดนึงเท่านั้นที่จะเข้าใจเรื่องอย่างนี้ โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรมเลย ก็จะเข้าใจยาก เพราะจิตจะหยาบกว่าคนที่ได้ปฏิบัติธรรมสมำเสมอนะครับ ก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลนะครับ แต่สำหรับผมแล้วจากที่เคยได้อุปสมบทอยู่กับพระอาจารย์มา1พรรษา ก็ได้ศึกษาเรื่องต่างๆๆมากมายที่เกี่ยวกับสมาธิ ของพระอาจารย์ หรือเรื่องที่ทุกท่านกำลังถกเถียงกันก็ดี ในเรื่องภัยธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามกระแสคำทำนายต่างๆ ว่าจะเกิดภัยพิบัติแก่โลกของเรา จนทำให้บางประเทศหายไปจากแผนที่โลก ก็ตามที จากคำเตือนต่างๆที่เริ่มออกมาหนาหูมากขึ้น ก็เพื่อที่จะเตือนสติให้ทุกคนอยู่ในความไม่ประมาท ให้หมั่นทำความดีเยอะๆ ทำบุญเยอะๆ ทำจิตใจให้ขาวบริสุทธิ์ เพื่อที่เราจะได้มีสติยามเมื่อเกิดเหตุร้ายได้ เพื่อเป็นทางรอดหนึ่ง เพราะคนเราไม่มีใครหนีความตายไปได้นะครับ แต่หากว่าเราตายแบบมีสติ รู้จักการปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับสิ่งใด จิตของเราก็จะพบแต่แสงสว่างนะครับ ส่วนที่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตอบไม่ได้นะครับ แต่สิ่งที่พระอาจารย์ได้กล่าวไว้สมัยที่ผมบวชอยู่กับท่านพระอาจารย์ มีอยู่ 5 เรื่อง ล้วนเกิดขึ้นจริงหมดแล้ว.....(ผมบวชปี พ.ศ.2542) เหลืออยู่เรื่องเดียว ที่ยังไม่เกิด ก็เรื่องที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี่แหละครับ ก็ขอให้ทุกท่านอยู่ในศีลธรรมอันดีนะครับ แล้วชีวิตจะมีความสุขจากภายใน นะครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกศิษย์พระอาจารย์ วันที่ตอบ 2011-04-08 12:19:02 |
ความคิดเห็นที่ 17 (1539496) | |||||
ขอขอบพระคุณ อย่างสูงค่ะ ในความกรุณา ขออนุโมทนาบุญ กับธรรมทานค่ะ | |||||
ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2011-04-08 12:32:50 |
ความคิดเห็นที่ 18 (1539527) | |
อนุโมทนากับธรรมทานจากคุณ ลูกศิษย์พระอาจารย์ ด้วยนะคะ อ่านแล้วเหมือนมีแสงสว่างมาส่องที่ใจ ยังไงก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนชาวเว็บบ้านสวนฯบ่อยๆนะค๊า... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด วันที่ตอบ 2011-04-08 17:23:01 |
ความคิดเห็นที่ 19 (1539597) | |
ขออนุโมทนากับบทความที่พี่ชนิดานำมาให้อ่านกัน ตอนนี้ง่วงมาก อ่านไปก็มึน แต่ก็อ่านจบจนได้ จะหาเวลาทบทวนอีกรอบนะคะ และขออนุโมทนากับลูกศิษย์พระอาจารย์ด้วยคะ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร วันที่ตอบ 2011-04-08 22:44:58 |
ความคิดเห็นที่ 20 (1539638) | |
น้องทรายขออนุโมทนาสำหรับธรรมทานที่ พี่ชนิดาและคุณธนา นำมาให้พวกเราญาติธรรมบ้านสวนฯทุกคนด้วยนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) วันที่ตอบ 2011-04-09 10:50:51 |
ความคิดเห็นที่ 21 (1568231) | |
มีเรื่องราวอีกมากมายที่เราควรรู้ แต่เราไม่เคยรู้ ลองอ่านลองศึกษากระู้ทู้นี้ดูนะคะ แล้วคุณจะได้รู้ทุกๆคำตอบ ที่คุณสงสัย ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ อย่างน้อยอ่าน คห.ที่ 13 ของกระทู้นี้ให้จบ ก็ถือว่า เลิศแล้ว.. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2011-09-08 07:04:59 |
ความคิดเห็นที่ 22 (1568344) | |
การฝึกอบรม(รักษาโรค+ธรรมะ) ประจำปี 2554 การอบรมที่กรุงเทพ จัดที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ห้องกาหลา ชั้น 3 โรงแรมสวนดุสิตเพลส
25-26 มิ.ย. 2554
23-24 ก.ค. 2554
17-18 ก.ย. 2554 (งานแสดงมุทิตาจิต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดพระอาจารย์ 15.00 น. 18 ก.ย.)
26-27 พ.ย. 2554
ติดต่อสำรองที่นั่งที่ กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โทร 02-2445190-3
ขั้นตอนการสำรองที่นั่ง โอนเงินค่าอบรม 1,100 บาท เข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เลขที่ 420-1-72088-0 ชื่อบัญชี: โครงการวิปัสสนา พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ โอนเงินแล้วแฟกซ์หลักฐานไปที่ 02-243-6664 ไม่ต่ำกว่า 3 วันก่อนการอบรม
Meeting ศิษย์เก่าพระอาจารย์รัตน์ ที่ KU Home ครั้งที่ 3 พบพระอาจารย์รัตน์ที่ KU Home ในวันที่ อาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2554 เวลา 9.00 - 16.00 น. ห้องประชุมชั้น 2 ถาม-ตอบปัญหา , พบปะพูดคุย , นั่งสมาธิ (รับเฉพาะศิษย์เก่า) ค่าใช้จ่ายท่านละ 600 บาท (งานแสดงมุทิตาจิต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดพระอาจารย์ 15.00 น.) สอบถามรายละเอียด / สำรองที่นั่ง ติดต่อ คุณอินทิรา 084-671-9877 ท่านที่มีเหรียญพีระมิดรุ่นเก่า สามารถนำมาแก้ไขให้เป็นรุ่นปัจจุบันได้ที่หน้างาน สวนบูรณรักษ์ธรรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีการจัดฝึกอบรมให้เป็นธรรมทาน ทุกๆ สัปดาห์ที่ 1 หรือ 2 ของแต่ละเดือน โดยให้ผู้สนใจหรือผู้ป่วยเข้าพักค้างคืน ครั้งละ 3 วัน 2 คืน รับได้ครั้งละไม่เกิน 50 คน ผู้สนใจกรุณาติดต่อสำรองห้องพักที่ ป้าทองม้วน 089-635-9579 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2011-09-08 20:25:33 |
ความคิดเห็นที่ 23 (1568346) | |
โซบิเดย์ไปอบรมฯเกือบทุกเดือนมีหยุดไป2เดือนนี้เองเพราะถือศีล วันที่11กันยานี้ก็จะไปอบรมฯเช่นกัน ถ้าใครอยากไปดูตารางอบรมฯได้คะ่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2011-09-08 20:32:38 |
ความคิดเห็นที่ 24 (1568399) | |
อนุโมทนากับข้อมูลการอบรมจากคุณโซบิเดย์ด้วยนะคะ โห..คุณโซบิเดย์ ไปร่วมอบรมทุกเดือนเลยเหรอคะเนี่ย.. ขยันจริงๆเลย อนุโมทนาด้วยนะคะ สาธุ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA วันที่ตอบ 2011-09-09 07:35:14 |
ความคิดเห็นที่ 25 (1568654) | |
ขออนุโมทนาบุญค่ะ คุณโซบิเดย์ สาธุ ขอบพระคุณมากๆค่ะ ที่ให้ทางสว่าง หนูกำลังจิตตกว่าไม่ได้ไปบ้านสวนพีระมิด ทำยังไงจะได้ไปกราบพระอาจารย์รัตน์ ก็ได้ทราบแล้วขอบคุณค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แอ๊ด อร่ามศรี สุวัตถิกุล (adda_bkk-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2011-09-10 13:32:51 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1450188 |