ReadyPlanet.com


ผิดศีลข้อ อะทินนาทานทำให้ได้รับความทุกข์


อาจารย์อุบลให้มีการสมาทานศีลเพื่อว่าเราจะได้สำนึกผิด เมื่อทำบาปผิดศีลก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมที่ได้กระทำไปแล้ว เป็นความทุกข์ แน่นอน

ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องผลของกรรมที่ได้ทำมา ก็อาจจะก่อเวรใหม่ทับซ้อนลงไป ต่อภพชาติอีก

เหมือนอย่างกรณีของหมอวัฒนา ต้องเซ็นมอบบ้านที่ตัวเองได้สร้างมาด้วยความเหนื่อยยาก เสร็จแล้วก็ไม่ได้อยู่อาศัยให้กับคนที่ ไม่มีแม้แต่จะช่วยเหลือแถมก่นด่าเรามาตลอด โดยไม่มีข้อบิดพริ้ว มีแค่เช็คให้หนึ่งล้านที่จะจ่ายให้อีกสามปีข้างหน้า ใครๆก็บอกว่าระวังเช็คจะเด้งอย่ายอมง่ายๆ

ถ้าเป็นแต่ก่อนที่จะมาพบอาจารย์อุบลหมอก็จะสู้ต่อไป แต่เมื่อได้คิดว่าเราต้องผิดศีลข้อ 2 แน่นอนเราถึงมีความทุกข์เรื่องเงิน ก็ทำใจได้และให้อภัยเขาให้ได้แม้จะทำใจยาก

ต้องขอขอบคุณอาจารย์อุบลมากๆที่ให้ข้อคิดหลายอย่างทำให้ตัดใจได้ง่ายขึ้น และไม่ทุกข์อย่างที่ควรจะเป็น



ผู้ตั้งกระทู้ วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-04-03 11:20:47


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1604849)

 

สาธุ ค่ะคุณหมอ

อภัยทาน

เป็นทานที่สูงสุด

อานิสงค์นี้

ไม่ไปไหนแน่ค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 11:51:07


ความคิดเห็นที่ 2 (1604854)

 

 

หมอได้มีโอกาศอ่านหนังสือที่คุณเจน ญาณทิพย์เขียนเกี่ยวกับ อภัยทาน ทำให้รู้สึกดีมาก ขออนุญาติลอกเอาข้อความบางตอนมาให้อ่านดังนี้คะ

เราต้องให้อภัยทุกคนไม่ว่าจะผิดหรือถูก โดยไม่มีเงื่อนไข เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างมีเหตุมีผล

เราต้องการยุติการให้ผลของกรรมกับคนคนนั้นเพียงชาตินี้ แล้วนั่งนอนอย่างมีความสุข หรือต้องการลากยาวไปถึงภพชาติหน้า ด้วยการถอนหายใจด้วยความทุกข์และกังวลใจ

สิ่งเหล่านี้สามารถกำหนดได้ด้วยตัวเราเอง ให้ถูกต้อง

การผูกอาฆาตพยาบาท จองเวร ให้ผลข้ามภพข้ามชาติที่เผ็ดร้อน และยังเป็นผลที่เราหนีไม่ได้อีกด้วย 

การให้อภัยอาจจะพูดง่าย แต่ทำได้ยาก แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะใจไม่อยากทำ แต่ก็สามารถทำได้เมื่อเราฝืนใจทำ และจะเป็นความสุขใจในภายหลังเมื่อหวนคำนึงถึง

อาจจะดูเหมือนว่าเรากำลังเสียเปรียบที่ยอมรับโดยไม่ติดใจ ไม่เอาเรื่อง แล้วจะทำให้เขากำเริบ ความจริงแล้วการยอมแพ้อาจจะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ข้ามภพข้ามชาติก็ได้ สังเกตได้ จากจิตใจที่เบาสบายอย่างที่เปรียบกันว่าเหมือนยกภูเขาออกจากอก รู้สึกจิตเป็นอิสระทันทีเพราะหมดห่วง หมดทุกข์ หมดสนิมกัดกร่อนจิตใจ(เหมือนกับที่หมอกำลังได้รับขณะนี้)

เพราะโลกนี้มีแต่ความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ไม่มีอะไรได้ดังใจเรา เราจึงต้องปลง ให้ได้ เมื่อมันมีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นมา ส่วนจะจัดการอย่างไรก็ต้องดูว่าเหตุปัจจัยให้แก้ไขได้หรือไม่

การที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์นั้น ไม่จำเป็นต้องรอชาติหน้าหรือชาติไหน เพราะปัจจุบันชาติ เวลานี้และเดี๋ยวนี้ต่างหากที่เราจะสามารถทำความหลุดพ้นให้แก่ตัวเอง การเผอิญหน้ากับปัญหาชีวิตอย่างตรงไปตรงมา เป็นการอยู่กับความจริงโดยไม่หลอกลวงตนเองและผู้อื่น ยอมรับทุกสภาวะที่เกิดขึ้น จิตจึงเป็นอิสระ

ก็เมื่อแม้แต่ความรักท่านยังสอนให้เราละทิ้ง มิให้ยึดติด แล้วทำไมเราจะยังมองเห็นความโกรธเป็นสิ่งที่จะต้องยึดมั่นอยู่ได้เล่า

ขออนุโมทนาในธรรมทานที่คุณเจน ญาณทิพย์ได้แสดงให้เข้าใจได้งายขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 12:27:18


ความคิดเห็นที่ 3 (1604863)

คำสอน

ประโยคหนึ่ง

ของ อ.อุบล

ที่ติดสมอง ไม่ลืมเลย

ว่า

หากเรารู้สึกว่า เรากำลังเสียเปรียบ

นั่นแหละลูก เรากำลังได้กำไร

เวลาที่มีอารมณ์ นี้ขึ้นมา

หายใจลึก ๆ คิดถึงคำสอน

ทำให้..ตัดวางได้ไม่น้อยค่ะ

กราบเท้าขอบพระคุณ อ.อุบลทุกครั้ง

เพราะ

อย่างน้อย ก็ขอชดใช้

ให้หมดกรรมกันไป

ในชาตินี้ ก็แล้วกัลล์

-*-*-*-*-*-*-*-

ขออนุโมทนา ธรรมทาน

ของคุณหมอ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 13:21:57


ความคิดเห็นที่ 4 (1604883)

ขอบคุณคะคุณแมวที่ให้กำลังใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 14:11:08


ความคิดเห็นที่ 5 (1604906)

คุณพี่หมอคะ

เมื่อก่อนหนูไม่พอใจตัวเอง

ว่าทำไมเราต้องยอมแพ้ ,ต้องเสียเปรียบ,

ต้องไม่ถือโทษเขา,ต้องบังคับใจให้อภัยเขา

เดี๋ยวนี้คำตอบ โอเค

และหนูคิดว่าคุณพี่หมอก็ดีดนิ้วดังป๊อกว่า

โอเค เอ๊ะ! โม้ซะยาวตกลง

คำตอบในใจเหมือนกันมั๊ยคะคุณพี่หมอ

แต่ที่แน่ ๆ พี่หมอเหลือน้อง ๆ ที่รักพี่ค่ะและใครมาแย่ง

ไปจากพี่ไม่ได้ด้วยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 15:19:42


ความคิดเห็นที่ 6 (1604916)

ขออนุโมทนากับธรรมทานของคุณหมอวัฒนา และพี่แมวด้วยคะ

 

เราโชคดีที่มาพบธรรมะ

เราจึงแก้ปัญหา ยุติปัญหาทุกอย่างได้อย่างแท้จริง

 

ตั้งแต่รู้จักอ.อุบล ก็ทำให้หนูยอมรับในเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดกับเรา

ยอมรับผลกรรมได้อย่างเต็มใจมากขึ้น..

เวลามีปัญหา ก็จะคิดเอาไว้ว่า

..เราทำไว้ เราจึงได้รับ

เราต้องยอมรับ และชดใช้ให้หมด

ให้ทุกอย่างจบลงที่ชาตินี้ ชาติสุดท้ายให้ได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 16:50:20


ความคิดเห็นที่ 7 (1604937)

 

ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอวัฒนาด้วยนะคะ รู้สึกว่าคุณหมอจะสอบผ่านบททดสอบ เรื่องอภัยทาน แล้ว

ทุกสิ่งที่เกิดกับเราล้วนมาจากเหตุที่เราทำเอาไว้ทั้งนั้น  ถ้าเราเข้าใจและยอมรับได้  เราก็จะปลดเปลื้องพันธการอันหนักหน่วงออกไปได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 19:25:22


ความคิดเห็นที่ 8 (1604940)

 

แต่จิตมันคอยแต่จะเสี้ยมสอนว่า อย่ายอม ทำให้นึกถึงที่ท่าน ว. วัชรเมธีสอนว่า ต้องคอยกดหัวมันเอาไว้  เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 19:42:25


ความคิดเห็นที่ 9 (1604953)

อนุโมทนาบุญกับธรรมทานดีๆของคุณหมอด้วยก๊าบ

คุณหมอเปลี่ยนไปเยอะนะครับ ผมสังเกตจากธรรมทานต่างๆที่คุณหมอเข้ามาเขียนเรื่อยๆ นับวันๆคุณหมอจะนำธรรมะของพระพุทธองค์มาใช้แก้ปัญหาต่างๆในชีวิต ให้มุมมองกับชีวิตของตนเองอย่างเรียบง่าย ไม่ทุกข์มากเหมือนเก่า

ท่านอาจารย์อุบลเคยเมตตาสอนไว้ว่า

เราสั่งสมบารมีมาอย่างดี

เพื่อจะไปนิพพานในชาตินี้

เรื่องอะไรจะยอมขาดทุน

ใครจะทำอะไร พูดอะไร

จะไปโกรธเขาทำไม

ไม่คุ้มกับที่เราสั่งสมมาอย่างดี

สำหรับคุณหมอคนงาม ผมก็มั่นใจว่าคุณหมอก็สร้างบารมีมาดีแล้วถึงได้เจอครูบาอาจารย์ชั้นดีเลิศอย่างท่านอาจารย์อุบล ทีนี้เราคงจะต้องเลือกเอาว่า จะทุกข์ และ"อย่ายอม" ให้ตัวเราเองขาดทุน

หรือเราจะยอมรับว่านี่คือกฏแห่งกรรม เป็นธรรมดาของชีวิต ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน แน่นอน ใช้กรรมที่ทำมาให้หมดไป ซึ่งหากเรายอมรับกฏธรรมชาตินี้ได้ผมว่า "เราจะไม่ขาดทุน มีแต่ได้กำไร" สมกับบารมีที่คุณหมอที่แสนดีสร้างมาดีแล้วก๊าบบ... 

เอาใจช่วยครับคุณหมอคนงามของป๋ม...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 20:42:47


ความคิดเห็นที่ 10 (1604954)

เวลามีบททดสอบ

เค้ามักจะเขียนบทให้เราเป็นฝ่ายที่ถูก  เป็นคนถูกกระทำ 

ซึ่งธรรมชาติของคนที่คิดว่าตัวเองถูกนั้น เมื่อถูกรังแก  จะสู้หัวชนฝา โดยอาจอ้างเหตุผลว่าเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี เพื่อผดุงความถูกต้อง เพื่อผดุงความยุติธรรม ต้องไม่ให้คนชั่วลอยนวล

 

นี่คือความท้าทายของชีวิต 

ถ้าเรายอมเราก็เป็นคนขี้แพ้ซิ

สารพัดเหตุผลที่เราจะคิด

แต่ถ้าเรารู้เท่าทันว่า

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ย่อมเป็นผลจากการกระทำของเราเองทั้งนั้น

เราก็จะยอมรับอย่างเข้าใจ  

ไม่ผูกใจเจ็บ

เราควรขอบคุณคู่กรณีที่เสียสละตัวเอง

มาแสดงละครเป็นตัวร้าย 

 เพื่อช่วยให้เราผ่านบททดสอบ

ยกระดับจิตให้สูงขึ้นได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 20:42:56


ความคิดเห็นที่ 11 (1604970)

โมทนาค่ะ คุณหมอ

เวลาหนูโดนเขาเอาเปรียบ

รู้เต็มอก แต่ก็ยอมๆ เพราะ

คิดว่า ชาติที่แล้วเราคงจะ

โกงคนคนนี้มา แต่ของหนู

มันเล็กๆน้อยๆ  โดนเยอะๆ

ยังไม่เจอค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 21:27:30


ความคิดเห็นที่ 12 (1604996)

     ขออนุโมทนากับคุณหมอวัฒน์ ด้วยครับ ถ้าเป็นตัวเองไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า 

     เมื่อใดที่เราเสียเปรียบในทางโลก ถ้าใจเราสละมันได้แสดงว่าเรากำลังได้เปรียบในทางธรรม คือ ใจที่ละวางได้

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-03 23:21:40


ความคิดเห็นที่ 13 (1605262)

น้องทรายขออนุโมทนาบุญ

สำหรับธรรมทานของคุณหมอวัฒนาด้วยนะค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

น้องทรายก็เป็นคนนึงค่ะพร้อมจะยกมือทั้งสองข้างขึ้น

เพื่อยอมรับว่าเคยเป็นคนที่ผูกใจเจ็บและไม่ยอมเสียเปรียบหรือ

ไม่ยอมให้ใครมาว่ามาด่าหรือตำหนิเราได้เลยทั้ง ๆ ที่ ตนเองแท้ ๆ

ที่ผิด เถียงหัวชนฝา สู้สุดฤทธิ์

แต่ทุกวันนี้ ก็ได้คำสอนของอาจารย์แม่อุบล และ ป้าเกสร

ที่ทำให้คนดื้อรั้น ยอมรับความผิดของตนเองและที่สำคัญกว่านั้น

ยอมรับทุกอย่างได้ว่ามันต้องมีเหตุ ผลมันถึงเกิด

ทุกอย่างมีที่มาเสมอไม่ว่าจะเหตุการณ์ใด ๆ

ต้องทำใจให้ได้ว่าหากมีใครสักคนมาปฏิบัติในทางที่ไม่ดีกับเรา

ปฏิบัติในทางที่เราไม่ชอบ

ห้เราลองนึกและคิดได้เลยว่าเราคงเคยปฏิบัติแบบนั้นกับเขามาก่อน

ไม่ชาตินี้ก็คงเป็นชาติที่แล้ว และวันนี้เขามาทวงคืนกับเราเท่านั้นเองค่ะ

เมตตาเขา เมตตาเขา และเมตตาเขา

นี่เป็นคำสอนของป้าเกสรที่ดังก้องอยู่ในใจน้องทรายเสมอ

จวบจนทุกวันนี้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (noosineni-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-05 13:35:46


ความคิดเห็นที่ 14 (1606184)

บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ไม่สามารถนำมาทดแทนกันได้ แม้ว่าจะทำบุญมากขนาดไหน อกุศลกรรมก็ย่อมให้ผลอยู่ดีเมื่อถึงเวลา

ที่เขาพูดว่าแก้กรรมนั้นไม่ใช่ แก้กรรมเก่า แต่เป็นการแก้กรรมใหม่ไม่ให้เกิดอีก กรรมเก่านั้นเราต้องชดใช้ แต่เราสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ โดยการขออโหสิกรรม อย่างที่อาจารย์อุบลพาทำ และการทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร

ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า ให้รีบทำกุศลกรรมให้มากยี่งๆขึ้นไปเพื่อหนีให้พ้นบาปอกุศลที่กำลังไล่ล่าดั่งสุนัขไล่เนื้อที่กำลังตามมาติดๆ เมื่อไหร่อกุศลกรรมให้ผลก็จะเกิดโทษทุกข์อย่างแน่นอน

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-12 20:12:21


ความคิดเห็นที่ 15 (1638401)

ขออนุโมทนากับคุณหมอวัฒนาด้วยนะคะ

ที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปัญจกานต์ วรรณทอง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-11-03 07:17:17



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.