อภิญญาคืออะไร

พวกเราจะมารับ อภิญญาบารมีกัน และ ได้พิสูจน์อาหาร น้ำอภิญญากันมาแล้ว แต่ หลายคน ยังไม่เข้าใจความหมาย ของ อภิญญา ดังนั้น จึงควรมาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนดีกว่านะ

อภิญญา แปลว่า รู้ยิ่งกว่าความรู้ปกติ 
(ความรู้ที่ไม่มีในชั้นเรียนทุกระดับ คือรู้ยิ่งกว่าปริญญาใดใด)

ความรู้ปกติ จะรู้อารมณ์คิดไม่ได้ นอกจากต้องเดาเอาจากอาการ ม้นไม่แน่นักว่าถูกเสมอไป ฯลฯ

เรื่องอภิญญา เป็นเรื่องธรรมดาของพุทธสาวก ไม่ใช่ของวิเศษมหัศจรรย์อะไรเลย เป็นของธรรมดาสามัญแท้ๆ 

หนังสือตำรา เขียนยกย่องเลยพอดีไปเองต่างหาก เลยทำให้นักศึกษาภายหลังท้อถอยคิดว่ายากลำบากเต็มที เลยพากันไม่เอาเสียเลย

อภิญญาโลกีย์ เป็นเรื่องของคนที่เกิดมาในโลกมีสิทธิ์จะทำให้เกิดได้ เพราะเมื่อมาเป็นคนได้เหมือนกัน สิ่งที่มีสิทธิ์เสมอกัน ตามปกติธรรมดาที่สามารถเห็นกันง่ายๆ มีอยู่คือ 

จะเป็นคนเกิดในตระกูลใดก็ตาม มีฐานะ มีความรู้ มีศักดิ์ศรีเพียงใดก็ตาม มีสิทธิ์แก่ ป่วย ตาย เหมือนกันหมด 
เพราะเป็นโลกีย์วิสัยคือเป็นวิสัยของคนที่เกิดในโลกจะทำได้ 

ทีนี้มาพูดเรื่องฌาน และ อภิญญา
ท่านบอกแล้วว่า เป็นฌานโลกีย์ และ อภิญญาโลกีย์ เป็นทรัพย์สินที่คนเกิดมาในโลก จะพึงทำให้มีให้เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ของยากเกินไป 

เพียงแต่
"ทำให้ถูก" 
"ทำพอดี" 
"ทำตรงต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น" 
ไม่เห็นต้องลงทุน ลงรอนอะไรเลย เสียเวลารวบรวมกำลังใจนิดเดียวก็ได้ 

ที่ว่าทำไม่ได้ ก็เพราะ 
-อยากดีเิกินไป หรือ
-ขี้เกียจเกินไป
-รู้มากเกินไป
-หลงลาภ ยศ สรรเสริญ และ กามสุข เกินไป 
จึงทำไม่ได้

เรื่องความดีทางใจ
คนจน -พวกจนยศ -จนสรรเสริญ -จนพะเน้าพะนอ 
ทำได้ดีกว่า คนที่รวยประเภทนี้ เพราะเมาน้อย

-คนเมามากขาดสติมาก 
-เมาน้อยขาดสติน้อย 
-ไม่เมาเลยก็มีสติสมบูรณ์ 

คนส่วนใหญ่คิดว่า คนที่ได้อภิญญาแล้ว จะต้องมีความรู้แจ่มใสเหมือนพระพุทธเจ้า เป็นการเข้าใจผิด พระพุทธเจ้าทรงเป็น 
"สัพพัญญู" คือมีบารมีเป็นจอมอรหันต์ ย่อมทรงอภิญญาดีเลิศเป็นพิเศษ สำหรับพระสาวกที่ได้มีกำลังไม่เท่ากัน และไม่มีทางจะไปเอาไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้เลย
(อ่านเพิ่มเติมที่ประวัติหลวงพ่อปานหน้า 45)

ชื่อของอภิญญาโลกีย์
1.อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้
2.ทิพโสตญาณ มีประสาทหูเป็นทิพย์
3.มโนยิทธิ มีฤทธิ์ทางใจ ถอดกายออกท่องเที่ยวได้
4.ทิพยจักขุญาณ มีอารมณ์เป็นทิพย์คล้ายตาทิพย์
5.จุตูปปาตญาณ รู้สัตว์ที่ตายแล้วไปเกิดที่ไหน 
ก่อนมาเกิดมา จากไหน
6.เจโตปริยญาณ รู้อารมณ์ใจของคนและสัตว์
7.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติที่เกิดมาแล้วได้ตามต้องการ
8.อตีตังสญาณ รู้เหตุการณ์ที่ล่วงมาแล้ว
9.อนาคตังสญาณ รู้เรื่องราวที่ยังไม่ได้เกิด
10.ปัจจุบันนังสญาณ รู้เรื่องราวในปัจจุบัน ที่ปรากฏขึ้น
ในที่ไกล หรือโลกอื่น
11.ยถากัมมุตาญาณ รู้กฏของกรรม

วิธีฝึก 
อิทธิฤทธิ์ ฝึกด้วยการทรงกษิณ 10 อย่าง ฯลฯ

(อ่านต่อได้จากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน หน้า 44-47)

พวกเราชาวบ้านสวนพีระมิดได้ผ่านการฝึกมาแล้ว และ บัดนี้ เราจะนำผลของการฝึกมาให้ท่านได้พิสูจน์ เป็นสาธารณะ หากท่านเห็นผลประการใด และ เห็นว่าควรแก่การฝึก ท่านก็สามารถฝึกได้ ซึ่งหลวงพ่อแนะนำวิธีไว้ว่า ถ้าจะหาครูฝึกอภิญญา ให้ฝึกกับคนที่เขาได้แล้ว ถ้าคนฝึกยังทำไม่ได้ อย่าไปเรียนด้วย เหมือนจะเรียนทำกับข้าว อย่าไปถามปลาในน้ำ จงไปถามแม่ครัวที่ทำกับข้าวเก่งฯ

ขอเชิญท่านกด "ถูกใจ" "เพจ" 
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยกดมาก่อน 
แต่ถ้าเคยกดแล้ว กดซ้ำ ถือว่า ยกเลิกการกด

ถ้าจะกดอีก ให้สมัครชื่อใหม่ จึงจะกดได้

หวังว่า ท่านคงเข้าใจความหมายของคำว่า "อภิญญา"
ในเบื้องต้น ก่อนจะรับน้ำอภิญญาบารมีในวันนี้

ขอให้ทุกท่านโชคดี สำเร็จในธรรม 
มีจิตหลุดพ้น มีดวงตาเห็นธรรม
ปราศจากทุกข์ มีแตสันติสุข โดยธรรมนำชีวิต

สวัสดีค่ะ

อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์