"พระมันอยู่ที่ไหนวะ"
นี่เป็นคำพูดของเพื่อนหลวงพ่อปาน
เมื่อครั้งที่หลวงพ่อปาน พาศิษย์ไปเดินธุดงค์
แล้วพาเข้าไปในป่าลึก ไม่มีบ้านคน
เป็นการเดินธุดงค์แบบอุกฤษฎ์
คือออกจากวัดแล้วมุ่งเข้าป่าสูง ไม่้ต้องการอาหารจากชาวบ้าน
ถ้าไม่ดีจริง ให้มันตายไปเลย
แล้วหลวงพ่อปานก็พาคณะศิษย์ไปที่ภูเขา ท่านว่าคือเชียงตุง
แล้วพบพระองค์หนึ่ง
-ผมยาวๆ ใกล้ถึงเอวเลย
-ห่มผ้าใส่เสื้อไม่เหมือนพระ
-อีหรุปุปะ สีบอกไม่ถูก
หลวงพ่อปานถามว่า
-นี่พระหรือคน
-เฮ้ย ! พระมันอยู่ที่ไหนวะ
-เอ้า เห็นผมยาว ผ้าอุหรุปุปะ สีเหลืองไม่มี จะรู้หรือว่าพระหรือคน
-พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ
-ไม่ใช่
-พระมันอยูู่่ที่ผ้านุ่งหรือวะ
-ไม่ใช่
-พระอยู่ที่ไหน
-พระน่ะอยู่ที่ใจสะอาด(หลวงพ่อปานตอบ)
-ถ้าอย่างนั้นเสือกมาถามทำไมวะ ว่าพระหรือคน
-เห็นผมยาวรุงรัง
-ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่่ผ้า แล้วเสือกมาถามทำไม ทำไมไม่ดูใจคน ไอ้พระบ้านพระเมืองกินข้าวชาวบ้านอวดดีแบบนี้ มันต้องเจอกัน
ท่านหันไปคว้าไม้แบบหวายขว้างปั๊บ กลายเป็นงูใหญ่เบ้อเร่อ ยาวหลายวา เผ่นเข้ามาทำท่าจะกัด ทุกคนหลบหลังหลวงพ่อปาน
หลวงพ่อปานก็หยิบใบไม้ขว้างลงไป กลายเป็นนกเฉี่ยวเอางูติดเล็บขึ้นไป สู้กันบนยอดไม้ สู้กัน เล่นกัน อยู่อย่างนั้น
-ไม่เห็นท่านเสก ท่านเสิก คว้าอะไรได้ก็ขว้างลงไปก็เป็นขึ้นมา ฯ
-ดูจะดีกว่าหนังจีน เพราะหนังยังโกหก แต่นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก
-เป็นเรื่องของพระได้อภิญญา
หลังจากนั้นหลวงพ่อปานก็ให้คณะศิษย์ 4 องค์ เข้าไปกราบ
และบอกอยากให้สอน 2 องค์ด้านอภิญญา
แล้วท่านก็บอก องค์นี้(หลวงพ่อฤาษี)เล่นอภิญญาไม่ได้
เพราะต้องอยู่บ้านอยู่เมือง ลูกหลานมาก บริวารมาก
ถ้าขืนเล่นอภิญญา เขาจะหาว่า "อวดอุตริมนุสธรรม"
แล้วพากันจับสึกเข้า "จะพากันลงนรก"
พระพวกได้อภิญญานี่ ดีไม่ดีถ้าเป็น "อภิิญญาโลกียวิสัย"
ถ้าละกิเลสไม่ได้หมด ก็จะล่อพระ หรือ ชาวบ้าน
"ที่มาว่า มากลั่นแกล้ง" อานไปตามๆกัน
ดีไม่ดีก็
-ชี้ให้ง่อยไปเสียบ้าง
-เดี๋ยวเอาปากทำตูด เอาตูดทำปาก
-ให้ขี้ทางปาก กินทางตูด อะไรอย่างนี้ ฯลฯ
คณะศิษย์หลวงพ่อปาน ที่ออกธุองค์ครั้งนั้น คือ
1.หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
2.หลวงพ่อฤาษีลิงขาว
3.หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก
4.พระเขียน
เมื่อหลวงพ่อปานเอ่ยปากให้เพื่อนท่านสอนอภิญญาให้
แต่ท่านบอกว่า คณะนี้ ได้กันหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะสอน
(อ่านต่อได้ ในหนังสือ ประวัติหลวงพ่อปาน หน้า119
หัวข้อ พบพระอภิญญาในป่าลึก)
ที่นำมาบอกให้ทราบพอสังเขป ก็เพราะ
-ด้วยความห่วงใย พี่น้องชาวไทย ทั้งประเทศ
-ที่เป็นชาวพุทธ หรือ ศาสนาใดก็ตาม
-ที่อาจจะไม่ได้ศึกธรรมะอย่างดี อย่างลึกซึ้ง
-แล้ว "ปรามาส" "อภิญญา" หรือ "ผู้ได้อภิญญา"
-หรือปรามาส พระรัตนไตร ปรามาสพระอริยเจ้า
-ปรามาส พระอริยบุคคล ด้วยความเขลา และ ไม่รู้จริง
จะมีผลทำให้
-ชีวิตย่อยยับอับปาง
-ฉิบหาย หายะนะ ทุกทาง
-ปวดหัวจนหัวแืทบระเบิดเป็น 7 เสี่ยง
-ปวดเนื้อ ปวดตัว นอนไม่หลับ ทั้งกลางวันกลางคืน
-การงานวิบัติ ครอบครัวแตกแยก กรรมแทรก รุมเร้า ฯลฯ
-ดังที่หลวงพ่อปานได้ยกตัวอย่างไว้
เมื่อเป็นแล้ว ไม่มีทางแก้ไข มีแต่ยะแย่ลงเรื่อยๆ
จึงขอนำมาบอกเล่าไว้ก่อน
ด้วยโลก โซเชี่ยล เน๊ตเวิร์ค มักจะมีผู้ประมาทพลาดพลั้งมาก
ด้วยไม่เห็นหน้าตา ไม่ได้ใช้ชื่อจริง อาจจะคิดว่าไม่เป็นไร
ก็ขอให้ลองพิจารณาดู ถึงการพิสูจน์ อภิญญา และ การทำน้ำ ทำอาหารอภิญญาที่ผ่านมา ว่าผลบุญ เดินทางไกลได้ในพริบตา ได้จริงหรือไม่ และส่งไปถึงบ้าน ถึงตัวได้ ไม่ผิดคน ที่น้อมจิตรับ ดังนั้น ผลบาปก็เช่นกัน ส่งได้ในพริบตา ไม่ผิดตัว และ มีผู้แจ้งมาแล้ว ว่า เพียงแค่ นำน้ำจากแก้วที่ทำวันแรก ไปใช้ผิดวิธี คือ
1.ให้แค่ทา สัมผัส แต่กลับนำไปให้คนดื่ม
2.คนที่ดื่ม ไม่มีศรัทธา
ผลปรากฏว่า คนดื่ม ปวดหัว "เหมือนหัวจะระเบิด"
นี่คือ
-ไม่ได้ศรัทธา แต่ไม่ได้ด่า
-ไม่ได้คิดทำร้าย ไม่ได้คิดทำลาย
-ไม่ได้ให้ร้ายป้ายสี ไม่ได้ล้อเลียน
-ไม่ได้เขียนท้าทาย หรือ ล่วงเกิน
ยังต้องพบเจอเคราะห์กรรมขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดมีพวกจงใจทำ
"มาว่า และ มากลั่นแกล้ง" อย่างหลวงพ่อปานว่า จะต้องเจออะไร
สำหรับผู้มีความเคารพพระรัตนตรัย
ไม่ว่าชาติศาสนาไหน เราคือพี่น้องกัน
ทุกคน ที่มีทุกข์ สามารถ มารับวิธีดับทุกข์ได้
หากเห็นว่า อภิญญาโลกียวิสัย ที่ท่านได้สัมผัสมาแล้ว
จะช่วยดับทุกข์ นำความสุขให้แก่ท่านได้
ความสุขใดที่ท่านทั้งหลายได้รับมาแล้ว
และจะได้รับต่อๆไป ไม่สิ้นสุด
ล้วนเกิดจาก
1.ความดีของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์เพียรเฝ้าค้นคว้า
ศึกษาและ รวบรวมไว้ ให้พวกเราได้เรียนรู้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปค้นหาเอาเอง
2.ควาามดีของพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหมดจดงดงาม เพียงแค่ทำตาม ก็จะพบความสุข พ้นทุกข์ อย่างอัศจรรย์ ดังที่ท่านบอกไวั
3.ความดีของพระสงฆ์ ที่ท่านนำมาบอกเรา หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อเสงี่ยม และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ทำให้เราได้พบ พระธรรมอันงดงาม ได้พบพระพุทธองค์ ได้พบทางกลับบ้าน ที่จากมาแสนนาน
ขอให้ผู้
-ทำความดี
-เว้นความชั่วทุกชนิด
-มีจิตร่าเริงแจ่มใส
ได้พบความสุขที่แท้จริงเสียที
ได้พ้นทุกข์จริงๆเสียที
ซึ่งพวกเราต่างก็มีทุกข์
-จากร่างกายที่เจ็บป่วย
-จากใจที่เศร้าหมอง
-จากความลำบากยากจน ไม่มีสภาพคล่อง
เพราะเราอวดฉลาด ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า เราเลิกฉลาดกันเถอะ
จะได้หายป่วย ร่ำรวย นอนหลับสบาย กาย+ใจ บริสุทธิ์เสียที
สวัสดีึค่ะ
อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์
|