ReadyPlanet.com


ธรรมชาติ....เอาคืน.!!!


 

ตอนนี้

แผ่นดินไหว ทุก ๆ วัน

วันละหลาย ๆ ครั้ง

และที่ผ่านมา 3 วันนี้

10 - 11 - 12 พฤษภาคม 2554

ประมาณ 4 - 5 - 6 ริกเตอร์

รายละเอียด

เชิญอ่าน เพื่อ

เตรียมพร้อม...นะเจ้าคะ

*************************************

12 พค. 2554 06:25 น.

เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 5.2 ริกเตอร์

ในเมืองลอร์กา ทางภาคใต้ของสเปน

ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน

เจ็บ 270 คน

อาคารเก่าแก่ บ้านเรือนพังถล่ม

ขณะที่ผู้นำสเปนสั่งการให้ส่งทหาร

และหน่วยกู้ภัยลงพื้นที่ค้นหา

ผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

***************************************

12 พค. 2554 15:17 น.

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

แจ้งว่าเมื่อเวลา 14.41 น.

แผ่นดินไหวในทะเล 4.9 ริกเตอร์

บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา

อินโดนีเซีย ความลึก 45 กม.

ไม่มีผลกระทบต่อไทย

 



ผู้ตั้งกระทู้ แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-12 19:50:41


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 [18] 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1701 (1568582)
เตือนภัย 19 จังหวัดภาคอีสานฝนตกหนัก


วันศุกร์ ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554
 

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคอีสาน ประกาศเตือนภัย 19 จังหวัด ระวังอันตรายเรื่องฝนตกหนัก และน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ต้องเฝ้ารับมือน้ำหนุนสูงครั้งใหญ่ระลอกใหม่ตลอดระยะนี้

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี ประกาศฉบับที่ 1 ( 22/2554) เรื่อง สภาวะน้ำท่วมจากฝนตกหนัก เนื่องจากร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 19 จังหวัดของภาคมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่ม ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 9 - 12 กันยายน 2554 และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างใกล้ชิดในระยะนี้

ส่วนการคาดหมายลักษณะอากาศใน 7 วันข้างหน้า ( 9 –15 กันยายน 2554 ) การคาดหมายในช่วงวันที่ 9-12 ก.ย. ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่วนในช่วงวันที่ 13-15 ก.ย. ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 9-12 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม ส่วนในช่วงวันที่ 13-15 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา เซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 % ลมตะวันตก ความเร็ว10-30 กม./ชม.

สำหรับผลกระทบต่อการเกษตร เกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและ พืชผลทางการเกษตรจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันสภาพอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดควรป้องกันกำจัดโรคราสนิมและโรคราน้ำค้างผู้ที่เลี้ยงโคและกระบือไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะ เพราะอาจป่วยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้

ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 9 – 12 ก.ย. ขอให้เกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่ม ระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:21:03


ความคิดเห็นที่ 1702 (1568583)

ศอส.เตือน 4 จังหวัดเสี่ยงน้ำป่าไหลหลาก


วันศุกร์ ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ศอส.เตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดตราด จันทบุรี แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เฝ้าระวังดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก
ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชน ในช่วงวันที่ 9- 12 กันยายน 2554 จะมีฝนตกชุกหนาแน่น ในพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 9 - 10 กันยายน 2554 พร้อมนี้ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณ
1.อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ และอำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด 2.อำเภอขลุง อำเภอมะขาม และอำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี 3.บ้านจอมแจ้ง บ้านนาคาว บ้านวังยาว และบ้านป่ากล้วย ตำบลแม่สะเรียง จังหวัดแม่ศอส.เตือน 4 จังหวัดเสี่ยงน้ำป่าไหลหลาก


วันศุกร์ ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554
 
ศอส.เตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดตราด จันทบุรี แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เฝ้าระวังดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก
ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชน ในช่วงวันที่ 9- 12 กันยายน 2554 จะมีฝนตกชุกหนาแน่น ในพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 9 - 10 กันยายน 2554 พร้อมนี้ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณ
1.อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ และอำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด 2.อำเภอขลุง อำเภอมะขาม และอำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี 3.บ้านจอมแจ้ง บ้านนาคาว บ้านวังยาว และบ้านป่ากล้วย ตำบลแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 4.บ้านชมพูเหนือ ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก-ให้ติดตามตรวจวัดปริมาณน้ำฝนที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดภัย ฮ่องสอน 4.บ้านชมพูเหนือ ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก-ให้ติดตามตรวจวัดปริมาณน้ำฝนที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดภัย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:22:34


ความคิดเห็นที่ 1703 (1568584)
สถานการณ์น้ำท่วมในจันทบุรียังน่าเป็นห่วง



       จันทบุรี - สถานการณ์น้ำในจังหวัดจันทบุรี ยังน่าเป็นห่วง โดยพบปริมาณฝนตกหนักและมีน้ำสะสมเพิ่มขึ้น ในพื้นที่ต้นน้ำ ทำให้พื้นที่เสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม เริ่มมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น รวมทั้งคลองธรรมชาติเริ่มเอ่อใกล้ล้นตลิ่งแล้ว
       
       วันนี้ (8 ก.ย.) ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรียังมีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน ทำให้ปริมาณน้ำในคลองธรรมชาติและพื้นที่ต้นน้ำ เช่น ที่อำเภอมะขาม และอำเภอเขาคิชฌกูฎ เริ่มมีน้ำสะสมเพิ่มมากขึ้น โดยทางจังหวัดเริ่มมีความเป็นห่วงในพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมซ้ำซากอาจจะได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมอีกระรอก หลังปริมาณฝนตกลงมาในพื้นที่ต้นน้ำ กว่า 100 มิลลิเมตร รวมทั้งอำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ด้วย
       
       นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ยังยืนว่าปริมาณน้ำในจุดวัดน้ำ 4 จุดหลักของจังหวัดจันทบุรียังมีปริมาณน้ำที่ไม่น่าเป็นห่วงก็ตาม รวมทั้งยังคงมีการติดธงสีเขียวบนสะพานวัดจันทนารามให้ชาวบ้านใน 2 ฝั่งริมแม่น้ำจันทบุรีได้รับรู้ว่ายังคงปลอดภัยอยู่ แต่ถ้าปริมาณฝนที่ตกต่อเนื่องเป็นระยะเช่นนี้อีก 1-2 วันนี้ ก็จะทำให้สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เริ่มน่าเป็นห่วงอีกครั้ง
       
       ขณะนี้ฝนที่ตกลงมาในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีมีมากกว่า 100 มิลลิเมตรเกือบทุกพื้นที่ และจะทำให้มีน้ำสะสมและน้ำจากภูเขาไหลลงมาสมทบ ก็จะทำให้จุดวัดน้ำ 4 จุดหลัก จะมีปริมาณน้ำสูงขึ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี ได้มีการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว จังหวัดได้เตรียมเรือท้องแบนจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 17 จันทบุรี เรือเร็ว รถบรรทุก เครื่องสูบน้ำ และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วไว้พร้อม หากเกิดน้ำท่วม ก็สามารถออกให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงทีได้
       
       นายจุมพฎ กล่าวว่า สำหรับปริมาณน้ำใน 4 จุดหลักในวันนี้ ที่สะพานกระทิง อำเภอเขาคิชฌกูฎ วัดได้อยู่ที่ 3.40 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 7 เมตร ฝายท่าระม้า อำเภอมะขาม วัดได้ 4.85 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 8 เมตร ฝายยาง วัดได้ 3.35 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 5.50 เมตร และแม่น้ำจันทบุรี อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี วัดได้ 1.59 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 3.45 เมตร ซึ่งดูแล้วสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงแต่ถึงอย่างไร ถ้าฝนยังคงตกต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดก็จะทำให้จุดวัดน้ำ 4 จุดหลัก น่าเป็นห่วงอีกครั้ง เพราะฝนยังตกต่อเนื่องในขณะนี้


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:23:40


ความคิดเห็นที่ 1704 (1568585)

สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดสุพรรณบุรียังอ่วม ทหารเร่งช่วย

เหลือ "ตลาดเก้าห้อง" อายุ 100 ปี อ.บางปลาม้า ถูกน้ำจากแม่น้ำท่าจีนเอ่อล้น กระสอบทรายกั้นพังทลาย น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 300 หลังคาเรือน...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ก.ย. นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผวจ.สุพรรณบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ขณะนี้ จ.สุพรรณบุรี ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสองพี่น้อง อำเภออู่ทอง อำเภอบางปลาม้า และอำเภอเมืองสุพรรณบุรี โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 35 ตำบล โดยขณะนี้ได้สั่งการให้ นางสมเจตน์ พรหมสุนทร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะที่ตลาดเก้าห้อง 100 ปี อ.บางปลาม้า ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีอายุกว่า 100 ปี ได้ถูกน้ำจากแม่น้ำท่าจีนเอ่อล้นตลอดแนวเขื่อน จนทำให้กระสอบทรายพังทลาย ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 300 หลังคาเรือน จนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

ล่าสุด นายประพันธ์ บุญคุ้ม นายอำเภอบางปลาม้า นายอภิชาต ชโลธร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางปลาม้า ประสาน กับ พ.อ.สุรินทร์ นิลเหลือง รอง ผบ.กองพันทหารราบที่ 19 พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี จำนวน 120 นาย ลงพื้นที่เพื่อเร่งหาทางกู้วิกฤติน้ำท่วม โดยได้ช่วยกันนำกระสอบทรายสร้างแนวเขื่อนกั้นน้ำ เพื่อที่จะเร่งระบายน้ำออก แต่การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีน ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยระดับน้ำสูงกว่า ปี 2549 เกือบ 50 ซม. ชาวบ้านต้องใช้เรือแทนรถสัญจรไปมา ขณะที่คนป่วยก็ต้องใช้เรือเดินทางออกจากบ้าน มารักษาตัวที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางปลาม้า ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความลำบาก

ด้าน นายเกิดชัย ธัญวัฒนกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสุพรรณบุรี กล่าวว่า ระดับน้ำเหนือประตูระบายน้ำโพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มีระดับสูง 6.45 เมตร ท้ายประตู ระดับน้ำสูง 6.05 เมตร ซึ่งเป็นระดับน้ำที่สูงกว่าจุดแจ้งเตือนถึง 55 ซม. ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ ประกอบกับขณะนี้มีฝนตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น จากน้ำที่มาจากเขื่อนชัยนาท จึงของฝากเตือนประชาชนที่อยู่ในจุดเสี่ยง ให้เคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นไปไว้บนที่สูง เพราะระดับแม่น้ำท่าจีน จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจจะสูงเพิ่มขึ้นอีกถึง 50 ซม.

ส่วนนายเอกพันธุ์ อินทร์ใจเอื้อ นายกเทศมนตรีเมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ยังมีแนวเขื่อนป้องกันน้ำ และยังสามารถรับน้ำได้ราว 20-30 ซม. ซึ่งทางเทศบาลได้เตรียมกระสอบทรายไว้เสริมแนวเขื่อน เพื่อรักษาพื้นที่เศรษฐกิจเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านค้าขายต่างได้ก่ออิฐเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว ในส่วนของเทศบาลเอง ก็ได้ประชาสัมพันธ์ประกาศเสียงตามสาย เพื่อเตือนภัยให้ประชาชนเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ พื้นที่ตลาด 100 ปี อ.สามชุก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองสุพรรณบุรี และอยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน ยังมีแนวเขื่อนกั้นน้ำและสามารถรับน้ำได้ราว 60-70 ซม. ขณะที่ทางเทศบาลสามชุก ได้เตรียมกระสอบทรายไว้เสริมแนวเขื่อน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเอ่อล้นเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจสามชุกตลาด 100 ปี อย่างเต็มกำลัง




ไทยรัฐออนไลน์

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:27:07


ความคิดเห็นที่ 1705 (1568586)
ชลประทานฯย้ำชาวนากรุงเก่าเร่งเก็บเกี่ยว หนีน้ำเขื่อนเจ้าพระยา



        ความคืบหน้าในการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท หัวหน้าชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ เขื่อนระบายน้ำที่ปริมาณ 2,620 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะเริ่มระบายในปริมาณที่สูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลกระทบกับพื้นที่การเกษตรใน อ.บางบาล และผักไห่ เกือบทั้งหมด รวมทั้งเส้นทางสายเสนา-ผักไห่ และสายบางบาล-ผักไห่ ที่คาดว่า จะถูกน้ำท่วมเช่นเดียวกัน
     
      หัวหน้าชลประทานพระนครศรีอยุธยา ยังแจ้งเตือนว่า เขื่อนเจ้าพระยาจะยังเพิ่มปริมาณการปล่อยน้ำท้ายเขื่อนทุกวัน พร้อมย้ำให้ชาวนาเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตให้เสร็จก่อนวันที่ 10 กันยายนนี้



 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:28:11


ความคิดเห็นที่ 1706 (1568588)

 

 

หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดพิจิตร เผย น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อการนำจ่ายจดหมาย ต้องใช้หอกระจายข่าวประชาสัมพันธ์ให้ผู้รับออกมาติดต่อขอรับ



นายสมพงษ์ บุญมี หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดพิจิตร กล่าวว่าจากสถานการณน้ำท่วมจังหวัดพิจิตร ซึ่งมีพื้นที่บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง 525 หมู่บ้าน ส่งผลกระทบต่อการนำจ่ายจดหมาย และพัสดุไปรษณีย์ จึงทำให้ทั้งจดหมาย พัสดุ สิ่งของ EMS รวมถึงใบแจ้งหนี้ ที่ต้องมาชำระที่ไปรษณีย์ เกิดตกค้างเป็นจำนวนมาก เนื่องจากน้ำที่ท่วมสูง ทำให้บุรุษไปรษณีย์ที่ต้องใช้รถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่ใช้รถยนต์เข้าไปนำจ่าย ก็ไม่สามารถนำจดหมายและสิ่งของเข้าไปจ่ายให้ถึงมือของผู้รับได้

ซึ่งปัญหาดังกล่าว ไปรษณีย์พิจิตร ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการนำจดหมายและพัสดุธรรมดา ฝากไว้ตามจุดจ่าย เช่น ที่ร้านค้า บ้านผู้นำชุมชน อีกทั้งยังให้ผู้นำชุมชนใช้หอกระจายข่าวช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้รับออกมาติดต่อขอรับ ซึ่งหากเป็นจดหมายลงทะเบียน และพัสดุไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS ก็จะฝากใบแจ้งการรับสิ่งของไว้กับผู้นำชุมชนในหมู่บ้านนั้นๆ แล้วให้ผู้นำชุมชนช่วยตามลูกบ้านมารับสิ่งของ

อีกทั้งยังต้องใช้อีกวิธี คือ เวลาที่มีหน่วยงานราชการ หรือ องค์กรต่างๆ มีความประสงค์ที่จะนำถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัย หรือ นำสิ่งของขึ้นเรือไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม บุรุษไปรษณีย์ที่รับผิดชอบของในหมู่บ้านนั้นๆ ก็ต้องร่วมไปกับคณะของผู้ที่มามอบ และจะนำจดหมายและพัสดุภัณฑ์ต่างๆ ไปจ่ายให้ถึงมือผู้รับด้วยเช่นกัน

 

ผู้ว่าฯ เผย พิจิตรยังวิกฤติ คาดถึงต้นต.ค.

ว่าฯ พิจิตร เผย น้ำท่วมยังวิกฤติ คาดถึงต้นเดือนตุลาคม นาข้าว เสียหายกว่า 1.6 แสนไร่ ดับแล้ว 23 ราย

นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยภายหลังนั่งเรือออกแจกจ่ายถุงยังชีพให้ชาวบ้านในเขต อ.บางมูลนาก และ อ.ตะพานหิน ว่าสถานการณ์น้ำท่วมของ จ.พิจิตร ยังคงจะต้องอยู่ในขั้นวิกฤติเช่นนี้ไปจนถึงต้นเดือน ต.ค. ซึ่งขณะนี้พบว่า นาข้าวเสียหายไปแล้วกว่า 165,675 ไร่ ในพื้นที่ 12 อำเภอ ทางหลวงหมายเลข 113 จาก อ.ตะพานหิน ไป อ.ทับคล้อ บริเวณหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน ได้ถูกน้ำท่วมสูง ทำให้คนป่วย และแพทย์ พยาบาล ต้องเดือดร้อนกันทั่วหน้า อีกทั้งหมู่บ้านเอื้ออาทร 280 หลังคาเรือน ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 9 ต.ปากทาง อ.เมือง จ.พิจิตร ก็ถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วมทั้งหมู่บ้าน และมีตกน้ำตายเพิ่มอีก 3 คน ได้แก่ นายจิรานุวัฒน์ บัวบาน, นายอนันต์ อ่องเภา และ นายส่งศักดิ์ เทพไทย ซึ่งทั้ง 3 คน เป็น ชาว อ.โพทะเล จ.พิจิตร จึงทำให้ขณะนี้มีสถิติผู้ตกน้ำตายรวมแล้ว 23 ราย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:32:18


ความคิดเห็นที่ 1707 (1568589)

ระดับน้ำที่สิงห์บุรีเริ่มวิกฤตเร่งสกัดท่วมบ้านปชช.





เมื่อเวลา 16.00 น. สถานการณ์น้ำในเขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี ล่าสุดที่บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 311 สิงห์บุรี-ชัยนาท ในพื้นที่บ้านหมู่ที่ 1 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลบ่าข้ามมาครึ่งถนนแล้ว และหากปริมาณน้ำข้ามไปอีกฟากของถนนได้ จะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยนับพันครัวเรือนในหมู่บ้านประวีณได้รับผลกระทบทันที ขณะนี้หลายฝ่ายประกอบด้วย นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.สิงห์บุรี พร้อมด้วยส่วนราชการต่างๆ ระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือป้องกันน้ำที่เพิ่มมากขึ้น โดยนำรถแบ๊คโฮขุดดินข้างถนนเสริมเป็นคันดินเป็นทางยาว 500 เมตร เพื่อกั้นทางน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:35:04


ความคิดเห็นที่ 1708 (1568590)





นักวิชาการไทยตื่นพบไตรภูมิโบราณสมัยอยุธยาอยู่ฝรั่งเศส ชี้เป็นเอกสารสำคัญระดับชาติ ล้างความเชื่อ ยุคอยุธยาไม่มีไตรภูมิ

วันนี้ (9 ก.ย.) นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ นักอักษรศาสตร์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กล่าวว่า ทางสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ได้ค้นพบเอกสารชิ้นสำคัญระดับชาติชิ้นใหม่ คือ หนังสือไตรภูมิ ซึ่งสันนิษฐานว่าจะเป็นไตรภูมิในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยขณะนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทั้งนี้ทาง ศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาได้ดำเนินการคัดลอกสำนักมาจากหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส เพื่อนำมาให้สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว

นายบุญเตือน กล่าวต่อว่า สิ่งที่บอกว่าหนังสือเล่มนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากหนังสือไตรภูมิเอกสารจากหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส ไม่เคยถูกค้นพบในประเทศไทย เนื้อหาบางส่วนต่างไปจากไตรภูมิฉบับอื่น ๆ โดยได้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอักขรวิธีต่าง ๆ มาตรวจสอบแล้ว บ่งชี้ว่า หน้าต้นบอกชื่อหนังสือว่า ไตรภูมิพระมาไลย ต้นฉบับน่าจะมีอายุเก่าถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะตัวอักษรที่บันทึกในหน้าแรกเป็นแบบที่เรียกว่า อักษรไทยย่อ ซึ่งนิยมใช้กันในสมัยอยุธยาตอนปลาย ที่ปรากฏในหลักฐานหนังสือต่างๆหลายฉบับ เช่น สนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส พ.ศ.2231 ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สำหรับเนื้อหาของไตรภูมิเล่มนี้แบ่งเนื้อหาหลักออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.เรื่องไตรภูมิ 2.เรื่องพระมาไลย

“เอกสารไตรภูมิเล่มนี้ ไม่เคยค้นพบในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งนักวิชาการหลายคนเคยคิดว่า สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่มีไตรภูมิที่เป็นลักษณะการเขียน มีเพียงสมุดภาพไตรภูมิเท่านั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดของนักวิชาการด้านไตรภูมิ อย่างไรก็ตามขณะนี้สำนักวรรณกรรมและประวติศาสตร์ จึงได้นำสำเนาเอกสารดังกล่าวมาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น พร้อมทั้งนำสำเนาต้นฉบับมาให้จัดทำเป็นหนังสือ ไตรภูมิ เอกสารจากหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส จำนวน 1,000 เล่ม โดยจะนำไปมอบให้สถาบันการศึกษา หอสมุดทั่วประเทศได้ใช้ศึกษาต่อไป” นักอักษรศาสตร์ กล่าว

สำหรับหนังสือไตรภูมิ เอกสารจากหอสมุดแห่งชาติ กรุงปารีส จะมีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับคติศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนา ดังนี้ อธิบายเรื่องไตรภูมิ คติไตรภูมิ-ไตรภพใน “คัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์” พระบรเมสวรสร้างจักรวาล เขาพระสุเมรุและเขาสัตบริภัณฑ์ กำเนิดมนุษย์ กำเนิดลังกาทวีป กำเนิดพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ศาสนาพระศรีอาริยไมตรี อานิสงส์ศีล 5 มหาพราหมเทพราชสร้างเทรวดาต่าง ๆ ไฟประลัยกัลป ทวีปทั้ง 4 ฉกามาพจรภูมิ นรกภูมิ และสำเนาเอกสารต้นฉบับ

ส่วนที่มาของหนังสือไตรภูมิปรากฏครั้งแรก คือ ไตรภูมิกถา และไตรภูมิพระร่วง ซึ่งสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทยทรงเรียบเรียงขึ้นในสมัยสุโขทัย พ.ศ.1888 นอกจากนี้ยังมี ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา หรือไตรภูมิฉบับหลวง ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดฯ ให้ชำระเมื่อ พ.ศ.2345 ขณะที่ไตรภูมิสมัยอยุธยานั้น เพิ่งปรากฏฉบับนี้เป็นฉบับแรก.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:36:35


ความคิดเห็นที่ 1709 (1568591)

กรมชลฯหวั่นฝนลูกใหม่ทำพื้นที่น้ำท่วมเพิ่ม


กรมชลฯกังวลฝนลูกใหม่ทำพื้นที่น้ำท่วมเพิ่ม หลัง 2 เขื่อนเต็ม ช่วยได้น้อยลง ล่าสุดท่วมแล้ว 23 จังหวัด

นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าขณะนี้ได้ประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฝผ.)ในการลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลจากวันละ 28 ล้านลูกบาศก์(ลบ.ม.)เมตร เหลือ 28 ล้าน และเขื่อนสิริกิติ์ระบายออก 66 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ทำให้ขณะนี้ที่จังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,112 ลบ.ม.ต่อวินาที ยังต่ำกว่าตลิ่ง 59 เซนติเมตร ทั้งกรมชลประทานจะคุมปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาชัยนาทไม่ให้เกิน 2,600 -2,800 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่8 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท อย่างไรก็ตามเพื่อให้ระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาทำได้เร็วขึ้นได้ให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 64% ระบายน้ำลดลงเพื่อลดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างไรก็ตามในพื้นที่กทม.ขณะนี้ยังไม่ห่วง เพราะระดับน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยายังน้อยกว่าปี 2549 และ 2553 อย่างไรก็ตามจากการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาที่พบว่ามีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางทำให้อาจเกิดปริมาณน้ำท่วมขังเพิ่มในบางพื้นที่

สำหรับการระบายน้ำเข้าทุ่งเจ้าพระยาทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกนั้นได้ย้ำว่าให้ปล่อยน้ำเพื่อเกษตรกรเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว โดยให้ชลประทานแต่ละโครงการไปประสานกับกลุ่มผู้ใช้น้ำอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้กรมชลประทาน ได้วางมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น โดยการใช้ระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจะผันน้ำ เข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันออก จำนวน 274 ลบ.ม. ต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันตก จำนวน 406 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำที่รับเข้าไปจะไหลผ่านคลองต่างๆ ลงสู่ทะเลต่อไป

นายเฉลิมพร พิรุณสาร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯตั้งแต่ปลัดกระทรวง รองปลัดฯ อธิบดี ผู้ตรวจราชการ ได้ร่วมกันบริจาคเงินประจำตำแหน่งเดือนละประมาณ 3 หมื่นบาท คนละ 1 เดือนเพื่อใช้ในการจัดชุดเครื่องอุปโภค บริโภค แจกกับเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยบางส่วน

ทั้งนี้ ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร รายงานว่าพื้นที่ประสบอุทกภัยล่าสุดอยู่ที่ 23 จังหวัด หากรวมผลกระทบจาอพายุนกเตน ตั้งแต่เดือน ก.ค. รวมจังหวัดที่ประสบภัย 50 จ. พื้นที่เกษตรเสียหาย 3.6 ล้านไร่ เป็นพื้นที่นาข้าว 3.2 ล้านไร่

__________________
กรมชลฯหวั่นฝนลูกใหม่ทำพื้นที่น้ำท่วมเพิ่ม
09 กันยายน 2554 เวลา 20:31 น.

กรมชลฯกังวลฝนลูกใหม่ทำพื้นที่น้ำท่วมเพิ่ม หลัง 2 เขื่อนเต็ม ช่วยได้น้อยลง ล่าสุดท่วมแล้ว 23 จังหวัด

นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าขณะนี้ได้ประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฝผ.)ในการลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลจากวันละ 28 ล้านลูกบาศก์(ลบ.ม.)เมตร เหลือ 28 ล้าน และเขื่อนสิริกิติ์ระบายออก 66 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ทำให้ขณะนี้ที่จังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,112 ลบ.ม.ต่อวินาที ยังต่ำกว่าตลิ่ง 59 เซนติเมตร ทั้งกรมชลประทานจะคุมปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาชัยนาทไม่ให้เกิน 2,600 -2,800 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่8 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท อย่างไรก็ตามเพื่อให้ระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาทำได้เร็วขึ้นได้ให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 64% ระบายน้ำลดลงเพื่อลดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างไรก็ตามในพื้นที่กทม.ขณะนี้ยังไม่ห่วง เพราะระดับน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยายังน้อยกว่าปี 2549 และ 2553 อย่างไรก็ตามจากการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาที่พบว่ามีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางทำให้อาจเกิดปริมาณน้ำท่วมขังเพิ่มในบางพื้นที่

สำหรับการระบายน้ำเข้าทุ่งเจ้าพระยาทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกนั้นได้ย้ำว่าให้ปล่อยน้ำเพื่อเกษตรกรเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว โดยให้ชลประทานแต่ละโครงการไปประสานกับกลุ่มผู้ใช้น้ำอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้กรมชลประทาน ได้วางมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น โดยการใช้ระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจะผันน้ำ เข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันออก จำนวน 274 ลบ.ม. ต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันตก จำนวน 406 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำที่รับเข้าไปจะไหลผ่านคลองต่างๆ ลงสู่ทะเลต่อไป

นายเฉลิมพร พิรุณสาร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯตั้งแต่ปลัดกระทรวง รองปลัดฯ อธิบดี ผู้ตรวจราชการ ได้ร่วมกันบริจาคเงินประจำตำแหน่งเดือนละประมาณ 3 หมื่นบาท คนละ 1 เดือนเพื่อใช้ในการจัดชุดเครื่องอุปโภค บริโภค แจกกับเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยบางส่วน

ทั้งนี้ ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร รายงานว่าพื้นที่ประสบอุทกภัยล่าสุดอยู่ที่ 23 จังหวัด หากรวมผลกระทบจาอพายุนกเตน ตั้งแต่เดือน ก.ค. รวมจังหวัดที่ประสบภัย 50 จ. พื้นที่เกษตรเสียหาย 3.6 ล้านไร่ เป็นพื้นที่นาข้าว 3.2 ล้านไร่
__________________
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:38:02


ความคิดเห็นที่ 1710 (1568592)

ควันไฟป่าอินโดฯ ปกคลุมสตูลอีกรอบ ป่วยกันเพียบ



หมอกควันจากไฟป่าในประเทศอินโดฯแผ่ปกคลุมทั่ว จ.สตูล หนาแน่น มีประชาชนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจมาก...

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาหมอกควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซีย ได้เริ่มแผ่ขยายมาปกคลุมพื้นที่ จ.สตูล อีกระลอก เป็นเวลา 3-4 วันแล้ว และหมอกควันดังกล่าว ยังมีความหนาแน่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยจะสังเกตเห็นได้ชัดตามบริเวณเชิงเขาที่อยู่ใกล้กับพรมแดนประเทศมาเลเซีย จะมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่นเกือบจะบดบังภูเขาได้ทั้งลูก นอกจากนี้ ตามถนนสายต่างๆในตัวเมืองสตูลและนอกเมือง ต่างมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่นเช่นกัน

หมอกควันดังกล่าว ทำให้ประชาชนจำนวนมากเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กและคนชรา ทำให้ตามโรงพยาบาล และคลินิกต่างๆในตัวเมืองสตูล มีประชาชนไปรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจกันเป็นจำนวนมาก

นางรัชนี โลหะผล อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ถนนศุลกานุกูล อ.เมืองสตูล กล่าวว่า มีอาการเป็นโรคทางเดินหายใจ คือ เป็นหวัดมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว หลังจากมีหมอกควันไฟไหม้ป่าระลอกใหม่ มีอาการน้ำมูก น้ำตาไหล ตาบวม ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยอยากออกไปนอกบ้าน

เช่นเดียวกับ นางปาณีตา กอลา อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 305 ม.7 ต.ควนโพธิ์ อ.เมืองสตูล ต้องพาลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ไปรักษา เนื่องจากเป็นหวัดและแพ้หมอกควัน โดยที่บ้าน มีผู้ใหญ่และเด็กๆมีอาการเป็นหวัดหลังจากเกิดหมอกควัน ไฟไหม้ป่าจากประเทศอินโดนีเซียกันมาก นอกจากนี้ ในช่วงเช้าจะขับขี่ จยย.ยาก เนื่องจากมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากสภาพหมอกควันไฟป่าที่ปกคลุมหนาแน่นนี้ ทำให้พื้นที่ จ.สตูลในช่วงเช้าถึงสาย เกิดปรากฏการณ์ฟ้าหลัว เนื่องจากหมอกควัน บดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้ กระทั่งช่วงสายๆจึงจะเริ่มมีแสงแดดส่องลงมา.
โดย: ทีมข่าวภูมิภาค
9 กันยายน 2554, 13:25 น. ควันไฟป่าอินโดฯ ปกคลุมสตูลอีกรอบ ป่วยกันเพียบ



หมอกควันจากไฟป่าในประเทศอินโดฯแผ่ปกคลุมทั่ว จ.สตูล หนาแน่น มีประชาชนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจมาก...

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาหมอกควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซีย ได้เริ่มแผ่ขยายมาปกคลุมพื้นที่ จ.สตูล อีกระลอก เป็นเวลา 3-4 วันแล้ว และหมอกควันดังกล่าว ยังมีความหนาแน่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยจะสังเกตเห็นได้ชัดตามบริเวณเชิงเขาที่อยู่ใกล้กับพรมแดนประเทศมาเลเซีย จะมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่นเกือบจะบดบังภูเขาได้ทั้งลูก นอกจากนี้ ตามถนนสายต่างๆในตัวเมืองสตูลและนอกเมือง ต่างมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่นเช่นกัน

หมอกควันดังกล่าว ทำให้ประชาชนจำนวนมากเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กและคนชรา ทำให้ตามโรงพยาบาล และคลินิกต่างๆในตัวเมืองสตูล มีประชาชนไปรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจกันเป็นจำนวนมาก

นางรัชนี โลหะผล อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ถนนศุลกานุกูล อ.เมืองสตูล กล่าวว่า มีอาการเป็นโรคทางเดินหายใจ คือ เป็นหวัดมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว หลังจากมีหมอกควันไฟไหม้ป่าระลอกใหม่ มีอาการน้ำมูก น้ำตาไหล ตาบวม ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยอยากออกไปนอกบ้าน

เช่นเดียวกับ นางปาณีตา กอลา อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 305 ม.7 ต.ควนโพธิ์ อ.เมืองสตูล ต้องพาลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ไปรักษา เนื่องจากเป็นหวัดและแพ้หมอกควัน โดยที่บ้าน มีผู้ใหญ่และเด็กๆมีอาการเป็นหวัดหลังจากเกิดหมอกควัน ไฟไหม้ป่าจากประเทศอินโดนีเซียกันมาก นอกจากนี้ ในช่วงเช้าจะขับขี่ จยย.ยาก เนื่องจากมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากสภาพหมอกควันไฟป่าที่ปกคลุมหนาแน่นนี้ ทำให้พื้นที่ จ.สตูลในช่วงเช้าถึงสาย เกิดปรากฏการณ์ฟ้าหลัว เนื่องจากหมอกควัน บดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้ กระทั่งช่วงสายๆจึงจะเริ่มมีแสงแดดส่องลงมา.
โดย: ทีมข่าวภูมิภาค

9 กันยายน 2554, 13:25 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:41:21


ความคิดเห็นที่ 1711 (1568594)
10 อันดับ สิ่งสกปรกที่ถูกใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน‏




 




หากนึกถึงสิ่งสกปรกรอบๆตัว หลายคนคงชี้ไปยังห้องน้ำ หรือไม่ก็ลูกบิดที่แสนจะไกลตัวซะเหลือเกิน แต่ที่แท้จริงแล้วมันใกล้มากกว่านั้น หรืออาจเป็นเพราะมันแนบชิดสนิทติดตัวซะจนเรามองข้ามมันไป มาดูกันว่า "รายงาน 10 อันดับสิ่งสกปรกที่ถูกใช้บ่อยมากที่สุด" นั้นมีอะไรบ้าง

     10. ฟองน้ำล้างจาน

         ด้วยวัสดุและรูป ลักษณ์ของมันที่เต็มไปด้วยรูพรุนที่สามารถใหน้ำ อากาศ ออกซิเจน เศษอาหารเข้าไปอาศัยอยู่ จึงเป็นแหล่งชุมชนแออัดของเหล่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี วิธีทำความสะอาดง่ายๆก็คือ เอาไปต้มหรือให้ความร้อนผ่านไมโครเวฟซัก 60 วินาที

     9. ซิ้งค์อ่างล้างจาน

         เห็นสะอาดอย่างนี้ก็ใช่ว่าจะสะอาด ถึงจะไม่ได้ใช้บ่อยเท่าอย่างอื่น แต่มันเป็นบริเวณที่สกปรกที่สุดในบ้าน ซึ่งแต่ละตารางนิ้วนั้นมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 500,000 ตัว วิธีทำความสะอาดขจัดคราบที่คู่ควรกับตัวเลขห้าแสนนี้ ก็คือ ใช้โซดาไฟหรือน้ำส้มสายชูราดทำความสะอาดมันซะ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าตามไปอีกที

    8. อ่างอาบน้ำ

         อ่างอาบน้ำเป็นรังเพาะเชื้อโรคชั้นดีที่หลายคนมองข้ามไป รู้อย่างนั้นแล้วเราจึงควรทำความสะอาดมันสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อย

    7. รีโมททีวี

         อุปกรณ์บันเทิงประจำ ครัวเรือนที่เรามักจะลืมทำความสะอาดมัน ทั้งๆ ที่เราออกจะหยิบสอยใช้มันออกจะบ่อย ทำความสะอาดบ้านครั้งหน้าก็อย่าลืมหยิบรีโมทไปเช็ดถูกันบ้างนะ

    6. ตะกร้าช้อปปิ้ง

        ห้างสรรพสินค้ามีทุกสิ่งให้คุณเลือกสรร ฉันใดก็ฉันนั้น ตะกร้าช้อปปิ้งในห้างก็มีทุกสิ่งให้เชื้อโรคเลือกที่จะอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะมาจากสินค้าที่อยู่ในห้างเอง เช่น ของสด ของแห้ง สารเคมี หรือมาจากมือของท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ที่พึ่งจับราวบันไดเลื่อน หรือพึ่งออกมาจากห้องน้ำห้างมา

    5. ฝาที่นั่งชักโครก

         ความจริงมันน่าจะสกปรกได้มากกว่านี้รึเปล่า แต่รู้หรือไม่ว่าฝาที่นั่งชักโครกนั้นมีการออกแบบวัสดุและพื้นผิว ให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและยากที่เชื้อโรคจะอาศัยอยู่ แถมเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ ในการทำความสะอาดอยู่เสมอ (ไม่เอื้ออำนวยขนาดนั้นก็ยังติด 1 ใน 10) โดยรายงานระบุว่า ทุกตารางนิ้วบนฝานั่งชักโครกมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 295 ตัว

    4. โทรศัพท์มือถือ

        โทรศัพท์มือถือ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ราคาแพงสำหรับเชื้อโรคเลยก็ว่าได้ ด้วยความเป็นพื้นที่สมบูรณ์ เพียบพร้อมไปด้วยปัจจัยความเจริญของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิอุ่นๆ เหมือนร่างกายมนุษย์ที่เชื้อโรคชอบ พร้อมซอกซอยร่องหลืบง่ายต่อการกบดานหลบหนี พร้อมพรั่งด้วยโภชนาการและอาหารจากน้ำลายและขี้ไคลมนุษย์ ถ้าโทรศัพท์มีชีวิตเราอาจต้องพามันไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยาแทนที่จะไปมาบุญ ครองเพื่อไปซ่อมมันก็เป็นได้

    3. คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์

        คนติดคอม ติดเนทหลายๆคน คงคุ้นชินกับพฤติกรรมการกินขนมขบเคี้ยว หรือแม้กระทั่งกินอาหารมื้อหลักหน้าจอคอมพ์ หรือแม้กระทั่งสาวๆเองที่ชอบหวีผมแต่งหน้าบนโต๊ะทำงาน เวลาว่างก็เม้าท์พ่นไฟแชทหน้าเวบแคม รู้หรือไม่ ว่าคีย์บอร์ดนั้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี โดยเฉพาะเศษอาหาร ผิวหนัง เหงื่อไคลต่างๆ ที่ผู้ใช้คอมทำตกลงไปในคีย์บอร์ดแล้วไม่ค่อยให้ความสนใจ เนื่องจากเพราะมันตกลงไปในร่อง ทำให้ยากต่อการมองเห็นว่าสกปรกและยากต่อการทำความสะอาด เป็นที่มาว่าทำไมจึงไม่มีใครสนใจ จะทำความสะอาดกันเท่าไหร่นัก จึงทำให้คีย์บอร์ดกลายเป็นแหล่งหมักหมมเพาะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี รายงานระบุว่าคีย์บอร์ดที่ได้รับการสำรวจนั้นสกปรกกว่าฝานั่งชักโครกถึง 40 เท่า แต่ถึงขนาดต้องใช้วิกซอลเข้มข้น 40 เท่าราดคีย์บอร์ดเพื่อทำความสะอาดด้วยรึเปล่ารายงานไม่ได้ระบุไว้

    2. สวิตช์เปิด/ปิดไฟ

        "สุขภาพวันนี้...ต้องเล่นกับไฟ" วัตถุที่มนุษย์สัมผัสบ่อยมากเท่าไหร่ เชื้อโรคก็ชอบตามไปอยู่มากเท่านั้น โดยเฉพาะปุ่มสวิทปิดเปิดไฟที่ต้องกดกันอยู่ทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญเผยทุกๆ ตารางนิ้วบนสวิตช์ไฟที่เราเอานิ้วไปโดน เชื้อโรคสามารถย้ายสำมโนครัวตามติดมือไปได้ถึง 217 ตัว

    1. เงิน ได้แก่ ธนบัตร เหรียญ

          แบงค์ที่เราหยิบจ่ายซื้อของกันอยู่ทุกวันนี้ มีเชื้อโรคอยู่ประมาณ 135,000 ตัว ถึงจะเชื่อว่าใครๆก็อยากมีเงินเยอะๆ จะได้รวยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องสะสมเชื้อโรคไปตามความรวยด้วยนะ

10 อันดับ สิ่งสกปรกที่ถูกใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน‏







หากนึกถึงสิ่งสกปรกรอบๆตัว หลายคนคงชี้ไปยังห้องน้ำ หรือไม่ก็ลูกบิดที่แสนจะไกลตัวซะเหลือเกิน แต่ที่แท้จริงแล้วมันใกล้มากกว่านั้น หรืออาจเป็นเพราะมันแนบชิดสนิทติดตัวซะจนเรามองข้ามมันไป มาดูกันว่า "รายงาน 10 อันดับสิ่งสกปรกที่ถูกใช้บ่อยมากที่สุด" นั้นมีอะไรบ้าง

     10. ฟองน้ำล้างจาน

         ด้วยวัสดุและรูป ลักษณ์ของมันที่เต็มไปด้วยรูพรุนที่สามารถใหน้ำ อากาศ ออกซิเจน เศษอาหารเข้าไปอาศัยอยู่ จึงเป็นแหล่งชุมชนแออัดของเหล่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี วิธีทำความสะอาดง่ายๆก็คือ เอาไปต้มหรือให้ความร้อนผ่านไมโครเวฟซัก 60 วินาที

     9. ซิ้งค์อ่างล้างจาน

         เห็นสะอาดอย่างนี้ก็ใช่ว่าจะสะอาด ถึงจะไม่ได้ใช้บ่อยเท่าอย่างอื่น แต่มันเป็นบริเวณที่สกปรกที่สุดในบ้าน ซึ่งแต่ละตารางนิ้วนั้นมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 500,000 ตัว วิธีทำความสะอาดขจัดคราบที่คู่ควรกับตัวเลขห้าแสนนี้ ก็คือ ใช้โซดาไฟหรือน้ำส้มสายชูราดทำความสะอาดมันซะ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าตามไปอีกที

    8. อ่างอาบน้ำ

         อ่างอาบน้ำเป็นรังเพาะเชื้อโรคชั้นดีที่หลายคนมองข้ามไป รู้อย่างนั้นแล้วเราจึงควรทำความสะอาดมันสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อย

    7. รีโมททีวี

         อุปกรณ์บันเทิงประจำ ครัวเรือนที่เรามักจะลืมทำความสะอาดมัน ทั้งๆ ที่เราออกจะหยิบสอยใช้มันออกจะบ่อย ทำความสะอาดบ้านครั้งหน้าก็อย่าลืมหยิบรีโมทไปเช็ดถูกันบ้างนะ

    6. ตะกร้าช้อปปิ้ง

        ห้างสรรพสินค้ามีทุกสิ่งให้คุณเลือกสรร ฉันใดก็ฉันนั้น ตะกร้าช้อปปิ้งในห้างก็มีทุกสิ่งให้เชื้อโรคเลือกที่จะอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะมาจากสินค้าที่อยู่ในห้างเอง เช่น ของสด ของแห้ง สารเคมี หรือมาจากมือของท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ที่พึ่งจับราวบันไดเลื่อน หรือพึ่งออกมาจากห้องน้ำห้างมา

    5. ฝาที่นั่งชักโครก

         ความจริงมันน่าจะสกปรกได้มากกว่านี้รึเปล่า แต่รู้หรือไม่ว่าฝาที่นั่งชักโครกนั้นมีการออกแบบวัสดุและพื้นผิว ให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและยากที่เชื้อโรคจะอาศัยอยู่ แถมเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ ในการทำความสะอาดอยู่เสมอ (ไม่เอื้ออำนวยขนาดนั้นก็ยังติด 1 ใน 10) โดยรายงานระบุว่า ทุกตารางนิ้วบนฝานั่งชักโครกมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 295 ตัว

    4. โทรศัพท์มือถือ

        โทรศัพท์มือถือ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ราคาแพงสำหรับเชื้อโรคเลยก็ว่าได้ ด้วยความเป็นพื้นที่สมบูรณ์ เพียบพร้อมไปด้วยปัจจัยความเจริญของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิอุ่นๆ เหมือนร่างกายมนุษย์ที่เชื้อโรคชอบ พร้อมซอกซอยร่องหลืบง่ายต่อการกบดานหลบหนี พร้อมพรั่งด้วยโภชนาการและอาหารจากน้ำลายและขี้ไคลมนุษย์ ถ้าโทรศัพท์มีชีวิตเราอาจต้องพามันไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยาแทนที่จะไปมาบุญ ครองเพื่อไปซ่อมมันก็เป็นได้

    3. คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์

        คนติดคอม ติดเนทหลายๆคน คงคุ้นชินกับพฤติกรรมการกินขนมขบเคี้ยว หรือแม้กระทั่งกินอาหารมื้อหลักหน้าจอคอมพ์ หรือแม้กระทั่งสาวๆเองที่ชอบหวีผมแต่งหน้าบนโต๊ะทำงาน เวลาว่างก็เม้าท์พ่นไฟแชทหน้าเวบแคม รู้หรือไม่ ว่าคีย์บอร์ดนั้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี โดยเฉพาะเศษอาหาร ผิวหนัง เหงื่อไคลต่างๆ ที่ผู้ใช้คอมทำตกลงไปในคีย์บอร์ดแล้วไม่ค่อยให้ความสนใจ เนื่องจากเพราะมันตกลงไปในร่อง ทำให้ยากต่อการมองเห็นว่าสกปรกและยากต่อการทำความสะอาด เป็นที่มาว่าทำไมจึงไม่มีใครสนใจ จะทำความสะอาดกันเท่าไหร่นัก จึงทำให้คีย์บอร์ดกลายเป็นแหล่งหมักหมมเพาะพันธุ์เชื้อโรคชั้นดี รายงานระบุว่าคีย์บอร์ดที่ได้รับการสำรวจนั้นสกปรกกว่าฝานั่งชักโครกถึง 40 เท่า แต่ถึงขนาดต้องใช้วิกซอลเข้มข้น 40 เท่าราดคีย์บอร์ดเพื่อทำความสะอาดด้วยรึเปล่ารายงานไม่ได้ระบุไว้

    2. สวิตช์เปิด/ปิดไฟ

        "สุขภาพวันนี้...ต้องเล่นกับไฟ" วัตถุที่มนุษย์สัมผัสบ่อยมากเท่าไหร่ เชื้อโรคก็ชอบตามไปอยู่มากเท่านั้น โดยเฉพาะปุ่มสวิทปิดเปิดไฟที่ต้องกดกันอยู่ทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญเผยทุกๆ ตารางนิ้วบนสวิตช์ไฟที่เราเอานิ้วไปโดน เชื้อโรคสามารถย้ายสำมโนครัวตามติดมือไปได้ถึง 217 ตัว

    1. เงิน ได้แก่ ธนบัตร เหรียญ

          แบงค์ที่เราหยิบจ่ายซื้อของกันอยู่ทุกวันนี้ มีเชื้อโรคอยู่ประมาณ 135,000 ตัว ถึงจะเชื่อว่าใครๆก็อยากมีเงินเยอะๆ จะได้รวยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องสะสมเชื้อโรคไปตามความรวยด้วยนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:43:29


ความคิดเห็นที่ 1712 (1568595)

สธ.เผยเหยื่อน้ำท่วมถูกงูพิษกัด18ราย

เสี่ยงฆ่าตัวตายนับร้อย ยอดผู้ป่วยสะสมทะลุ8หมื่นราย

 

พิษณุโลก - ชาวบางระกำเครียดเสี่ยงฆ่าตัวตาย 78 ราย

9 กย. 2554 13:41 น.

พิษณุโลก-ชาวอำเภอบางระกำเครียดเพิ่มเสี่ยงฆ่าตัวตาย 78 ราย ส่ง สาธารณสุขอำเภอ เร่งส่ง เจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล เยียวยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทีมสาธารณสุขอำเภอบางระกำ คณะแพทย์ พยาบาลและจนท.โรงพยาบาลพุทธชินราช โรงพยาบาลบางระกำ ได้จัดชุดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ลงเรือท้องแบนไปบริการสาธารณสุขชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมบริเวณหมู่ที่ 6 บ้านหนองแพงพวย ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก
นายชินวัฒน์ ชมประเสริฐ สาธารณสุขอำเภอบางระกำ เปิดเผยว่า วันนี้ได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขัง ได้เตรียมหน่วยแพทย์และพยาบาลออกบริหารผู้ป่วยโรคต่าง ๆ รวมถึงจัดชุดอสม.ดูแลผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด และหญิงที่เพิ่งคลอดทารกแรกเกิด รวมถึงผู้ป่วยโรคเครียดจากภาวะน้ำท่วม และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ได้นำอาการแห้ง เครื่องดื่ม ไปมอบให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในต.ชุมแสงครามด้วย
สำหรับผู้ป่วยโรคเครียดที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายนั้น นายชินวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีชาวอำเภอบางระกำในพื้นที่น้ำท่วมที่อยู่ในภาวะเสี่ยงถึงขั้นฆ่าตัวตายแล้วจำนวน 78 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมที่สำรวจพบ 30 กว่าราย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:46:33


ความคิดเห็นที่ 1713 (1568596)

น้ำชีมหาสารคามยังขึ้นสูง-หนองบัวลำภูดินเขาภูพานไหลตัว

วันศุกร์ ที่ 09 ก.ย. 2554

ภูมิภาค 9 ก.ย.- ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภูสั่งเฝ้าระวังพื้นที่ใกล้ชิดหวั่นน้ำทะลักท่วมฉับพลันตัวเมือง เผยอ่างเก็บน้ำเริ่มล้นสปริลเวย์ และยังมีดิน-หินบนเขาภูพานร่วงใส่เส้นทาง ขณะที่มหาสารคามยังท่วม 4 อำเภอ ลำน้ำชีขึ้นสูงต่อเนื่องเหลือไม่กี่เมตรจะถึงตลิ่ง

นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม แม้ปีนี้จังหวัดหนองบัวลำภูประสบภัยน้ำท่วมไม่มาก แต่ต้องติดตามสถานการณ์ไปจนกว่าจะหมดฤดูฝน โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยเหล่ายางบนเขาภูพาน หากน้ำล้นสปริลเวย์ในปริมาณมากจะกระทบต่อตัวเมืองหนองบัวลำภูทันที และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าน้ำเกินระดับกักเก็บมาเล็กน้อยและไหลออกทางสปริลเวย์แล้ว นอกจากนี้ ในพื้นที่บ้านภูพานทองพบดินและหินบนเขาภูพานร่วงลงมาเป็นบางช่วงบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 210 อุดรธานี-หนองบัวลำภู ซึ่งสำนักงานบำรุงทางจังหวัดได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการแล้ว ขอให้ผู้สัญจรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในระยะนี้

ที่ จ.มหาสารคาม ลำน้ำชีเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 10 เซนติเมตร เนื่องจากปริมาณฝนสะสมในพื้นที่ และน้ำเหนือที่ไหลมาสมทบ โดยระดับน้ำล่าสุด (9 ก.ย.) วัดที่สถานีบ้านดินดำ อ.เมือง อยู่ที่ 141.63 เมตร เหลืออีก 2.32 เมตรจะถึงตลิ่ง อย่างไรก็ตาม จากฝนที่ตกสะสมในพื้นที่ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรของราษฎรใน 4 อำเภอ คือ อำเภอเมือง กันทรวิชัย โกสุมพิสัย และเชียงยืน ถูกน้ำท่วมแล้ว 34,897 ไร่ ราษฎรเดือดร้อน 2,679 ครัวเรือน โดยชาวบ้านเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการลงทอดแหจับปลาในลำห้วยที่มีน้ำหลาก เพื่อนำไปประกอบอาหารและแบ่งบางส่วนออกขายเป็นรายได้เสริมในช่วงน้ำท่วม.-สำนักข่าวไทย น้ำชีมหาสารคามยังขึ้นสูง-หนองบัวลำภูดินเขาภูพานไหลตัว


วันศุกร์ ที่ 09 ก.ย. 2554

ภูมิภาค 9 ก.ย.- ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภูสั่งเฝ้าระวังพื้นที่ใกล้ชิดหวั่นน้ำทะลักท่วมฉับพลันตัวเมือง เผยอ่างเก็บน้ำเริ่มล้นสปริลเวย์ และยังมีดิน-หินบนเขาภูพานร่วงใส่เส้นทาง ขณะที่มหาสารคามยังท่วม 4 อำเภอ ลำน้ำชีขึ้นสูงต่อเนื่องเหลือไม่กี่เมตรจะถึงตลิ่ง

นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม แม้ปีนี้จังหวัดหนองบัวลำภูประสบภัยน้ำท่วมไม่มาก แต่ต้องติดตามสถานการณ์ไปจนกว่าจะหมดฤดูฝน โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยเหล่ายางบนเขาภูพาน หากน้ำล้นสปริลเวย์ในปริมาณมากจะกระทบต่อตัวเมืองหนองบัวลำภูทันที และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าน้ำเกินระดับกักเก็บมาเล็กน้อยและไหลออกทางสปริลเวย์แล้ว นอกจากนี้ ในพื้นที่บ้านภูพานทองพบดินและหินบนเขาภูพานร่วงลงมาเป็นบางช่วงบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 210 อุดรธานี-หนองบัวลำภู ซึ่งสำนักงานบำรุงทางจังหวัดได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการแล้ว ขอให้ผู้สัญจรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในระยะนี้

ที่ จ.มหาสารคาม ลำน้ำชีเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 10 เซนติเมตร เนื่องจากปริมาณฝนสะสมในพื้นที่ และน้ำเหนือที่ไหลมาสมทบ โดยระดับน้ำล่าสุด (9 ก.ย.) วัดที่สถานีบ้านดินดำ อ.เมือง อยู่ที่ 141.63 เมตร เหลืออีก 2.32 เมตรจะถึงตลิ่ง อย่างไรก็ตาม จากฝนที่ตกสะสมในพื้นที่ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรของราษฎรใน 4 อำเภอ คือ อำเภอเมือง กันทรวิชัย โกสุมพิสัย และเชียงยืน ถูกน้ำท่วมแล้ว 34,897 ไร่ ราษฎรเดือดร้อน 2,679 ครัวเรือน โดยชาวบ้านเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการลงทอดแหจับปลาในลำห้วยที่มีน้ำหลาก เพื่อนำไปประกอบอาหารและแบ่งบางส่วนออกขายเป็นรายได้เสริมในช่วงน้ำท่วม.-สำนักข่าวไทย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:48:04


ความคิดเห็นที่ 1714 (1568597)

เตือน!! 9-12 กันยายน กรุงเทพฝนตกหนัก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน



สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร เตือนประชาชนสองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระวังน้ำท่วมฉับพลันในช่วงนี้

นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำกล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีฝนตกชุก ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 9-12 กันยายน ซึ่งอาจะส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนอย่าทิ้งขยะมูลฝอยลงในท่อระบายน้ำ แม่น้ำลำคลอง เพื่อไม่ให้กีดขวางการไหลของน้ำ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ร้องทุกข์กรุงเทพมหานคร 1555
Mthai News

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 01:49:55


ความคิดเห็นที่ 1715 (1568612)

อาริ ยาขอกราบขอบพระคุณเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ เเละท่านอาจารย์อุบลในพระมหาเมตตาเตือนให้พวกเราได้มีโอกาสได้รู้รหัสพ้น อันตรายจากภัยพิบัติอย่างถ้วนหน้าทั่วโลก  ลูกกราบขออนุญาติจะตั้งใจนำไปปฎิบัติบอกกัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ

เเละขออนุโมทนาบุญกับคุณตาลด้วยค่ะ พอดีเพิ่งจะกลับจากสัมนา เเละมีโอกาสได้ไปร่วมบุญปัจัย ถวายพระเนตร กองกฐิน 9 วัดร่วมกับมูลนิธิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี  ขอเอาบุญมาฝากทุกท่านจงมีส่วนได้ในบุญนี้ด้วยกันเจริญทั้งทางโลกเเละทางธรรมค่ะ

.........................................................................................

อนุโมทนาบุญกับคุณอาริยาด้วยนะคะ  สาธุ

นอกจากจะกลับมาทำหน้าที่ผู้ส่งข่าว ภัยพิบัติแล้ว

ยังใจดีนำบุญมาฝากพวกเราทุกๆคนด้วย

 

รู้สึกว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้

ต้องพึงระวังเรื่องน้ำท่วมเป็นพิเศษ

ในทุกๆภาคเลยนะคะเนี่ย

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 07:36:20


ความคิดเห็นที่ 1716 (1568626)

 

        อนุโมทนาบุญกับคุณอาริยาด้วยค่ะ

ปกติชอบเข้ามาอ่านกระทู้นี้  เพื่อให้ตัวเองทำใจยอมรับกับภัยพิบัติ

ที่จะเกิดขึ้น   จะได้ไม่วิตกจนเกินไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 10:02:12


ความคิดเห็นที่ 1717 (1568672)

อ.วังทองอ่วมอีก น้ำก้อนใหญ่ท่วมซ้ำหลายตำบล

10 กย. 2554 12:13 น.

พิษณุโลก - วิกฤตน้ำท่วมลามต่อเนื่อง เขตวังทอง น้ำหลากเข้าท่วมเป็นวงกว้าง บางพื้นที่สูง 1 เมตร
สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพิษณุโลก นอกเหนือจากอ.บางระกำ ที่ยังคงมีน้ำท่วมขังบริเวณกว้างแล้ว ขณะนี้ที่อ.วังทอง ตั้งแต่คืนของวันที่ 9 ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 10 ก.ย. ระดับน้ำแม่น้ำวังทอง หรือ แม่น้ำเข็ก ที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ได้เพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ด้วยปริมาณฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ขณะนี้แม่น้ำวังทอง เกินจุดวิกฤติไหลล้นตลิ่งในเขตพื้นราบ ตั้งแต่ต.ชัยนาม ต.วังทอง และต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก น้ำได้ไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรวงกว้าง
ที่ตลาดสดเทศบาลวังทอง แม่น้ำวังทองได้เริ่มล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ เป็นการท่วมละลอกที่สามแล้วสำหรับเดือนนี้ และน้ำกำลังไหลข้ามถนนเข้าสู่เขตเทศบาลตำบลวังทอง ส่วนถนนสายบางสะพาน-ดงข่อย น้ำได้ล้นไหลข้ามถนน และระดับน้ำที่ท่วมขังกำลังสร้างความลำบากให้กับชาวบ้านอย่างมาก และอีกหลายหมู่บ้านในต.วังพิกุล ที่อยู่ตลอดแนวถนนสายนี้ น้ำกำลังท่วมขังสูง 1 เมตร เนื่องจากน้ำที่ไหลล้นตลิ่งออกมา ไม่สามารถระบายลงสู่ทุ่งนาได้เหมือนอดีต เนื่องจากปัจจุบัน มีแนวคันคลองชลประทานโครงการเขื่อนแควน้อย ขนาบข้างแนวถนนและหมู่บ้าน และขณะนี้ รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านถนนได้แล้ว ระดับน้ำสูงเกินกว่า 1 เมตร
ส่วนพื้นที่ด้านล่างคือ ต.วังพิกุล อ.วังทอง ก็ยังได้รับผลกระทบวงกว้าง หลังจากน้ำจากแม่น้ำวังทองเริ่มไหลท่วมพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนเป็นต้นมา ขณะนี้น้ำยังท่วมสูงหลายหมู่บ้าน เนื่องจากการระบายน้ำแม่น้ำวังทองลงสู่แม่น้ำน่านที่อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลกนั้นเป็นไปด้วยความล่าช้า น้ำที่ท่วมก่อนหน้านี้ยังท่วมขังเต็มทุ่ง และแม่น้ำน่านก็ยังคงระดับสูงมากเช่นกัน


น้ำท่วมสหรัฐยังอ่วม แม่น้ำเอ่อทะลักอีกรอบ 
  
10 กย. 2554 12:13 น.

พิษณุโลก - วิกฤตน้ำท่วมลามต่อเนื่อง เขตวังทอง น้ำหลากเข้าท่วมเป็นวงกว้าง บางพื้นที่สูง 1 เมตร
สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพิษณุโลก นอกเหนือจากอ.บางระกำ ที่ยังคงมีน้ำท่วมขังบริเวณกว้างแล้ว ขณะนี้ที่อ.วังทอง ตั้งแต่คืนของวันที่ 9 ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 10 ก.ย. ระดับน้ำแม่น้ำวังทอง หรือ แม่น้ำเข็ก ที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ได้เพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ด้วยปริมาณฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ขณะนี้แม่น้ำวังทอง เกินจุดวิกฤติไหลล้นตลิ่งในเขตพื้นราบ ตั้งแต่ต.ชัยนาม ต.วังทอง และต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก น้ำได้ไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรวงกว้าง
ที่ตลาดสดเทศบาลวังทอง แม่น้ำวังทองได้เริ่มล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ เป็นการท่วมละลอกที่สามแล้วสำหรับเดือนนี้ และน้ำกำลังไหลข้ามถนนเข้าสู่เขตเทศบาลตำบลวังทอง ส่วนถนนสายบางสะพาน-ดงข่อย น้ำได้ล้นไหลข้ามถนน และระดับน้ำที่ท่วมขังกำลังสร้างความลำบากให้กับชาวบ้านอย่างมาก และอีกหลายหมู่บ้านในต.วังพิกุล ที่อยู่ตลอดแนวถนนสายนี้ น้ำกำลังท่วมขังสูง 1 เมตร เนื่องจากน้ำที่ไหลล้นตลิ่งออกมา ไม่สามารถระบายลงสู่ทุ่งนาได้เหมือนอดีต เนื่องจากปัจจุบัน มีแนวคันคลองชลประทานโครงการเขื่อนแควน้อย ขนาบข้างแนวถนนและหมู่บ้าน และขณะนี้ รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านถนนได้แล้ว ระดับน้ำสูงเกินกว่า 1 เมตร
ส่วนพื้นที่ด้านล่างคือ ต.วังพิกุล อ.วังทอง ก็ยังได้รับผลกระทบวงกว้าง หลังจากน้ำจากแม่น้ำวังทองเริ่มไหลท่วมพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนเป็นต้นมา ขณะนี้น้ำยังท่วมสูงหลายหมู่บ้าน เนื่องจากการระบายน้ำแม่น้ำวังทองลงสู่แม่น้ำน่านที่อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลกนั้นเป็นไปด้วยความล่าช้า น้ำที่ท่วมก่อนหน้านี้ยังท่วมขังเต็มทุ่ง และแม่น้ำน่านก็ยังคงระดับสูงมากเช่นกัน


สิงห์บุรี - พนังกั้นน้ำสู้ไม่ไหวน้ำทะลักท่วมตลาดอินทร์บุรี 
  
 พนังกั้นน้ำสู้ไม่ไหวน้ำทะลักท่วมตลาดอินทร์บุรี
  
10 กย. 2554 13:42 น.

รายงานข่าวจาก จ.สิงห์บุรี แจ้งว่า พนังกั้นน้ำความสูง 2 เมตร ความยาว 2 กิโลเมตร ที่ใช้งบประมาณกว่า 170 ล้านบาท ในการก่อสร้าง ตามโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งทำหน้าที่ในการป้องกันน้ำหลาก ครอบคลุม 5 หมู่บ้าน ตั้งแต่หมู่ 6, 7 ,8 , 9 และ 10 ของ ต.อินทร์บุรี ล่าสุดเวลา 03.00 น. ของวันที่ 10 ก.ย. น้ำได้กัดเซาะทะลุผ่านเขื่อนกั้นน้ำไหลท่วมย่านใจกลางตลาด มีระดับสูง70เซนติเมตร ทั้งนี้มีบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีวัดสำคัญอีก 1 แห่ง คือ วัดโพธิ์ศรี ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย โดยวัดแห่งนี้มีพระ และเณร มาจำพรรษา และเรียนหนังสือกว่า 160 รูป


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 15:47:22


ความคิดเห็นที่ 1718 (1568673)

ไฟป่าเทกซัสยังน่าห่วง บ้านถูกเผาเกือบ 1,400 หลัง

วันที่ 10/09/2554 05:45 (ผ่านมา 8 ชั่วโมง 51 นาที)





สถานการณ์ไฟป่าทางตอนกลางของมลรัฐเทกซัสในสหรัฐฯ ยังคงน่าเป็นห่วง ล่าสุดมีบ้านเรือนของประชาชนถูกเผาทำลายไปแล้วเกือบ 1,400 หลัง และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 ราย...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ว่า สถานการณ์ไฟป่าทางตอนกลางของมลรัฐเทกซัสในสหรัฐฯ ยังคงน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดมีบ้านเรือนของประชาชนถูกไฟเผาทำลายไปแล้วเกือบ 1,400 หลัง และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 ราย ถือเป็นหนึ่งในไฟป่าที่รุนแรงที่สุดของมลรัฐแห่งนี้
รายงานข่าวระบุว่า เหตุไฟป่าครั้งรุนแรงทางตอนกลางของมลรัฐเทกซัสนี้ได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 4 ราย โดยในจำนวนนี้ 2 รายอาศัยอยู่ในเขตแบสทร็อป ขณะที่ประชาชนอีกราว 5,000 คนต้องถูกสั่งอพยพออกนอกพื้นที่เป็นการชั่วคราว โดยมีรายงานว่า บ้านเรือนของประชาชนถูกเผาทำลายไปแล้วเกือบ 1,400 หลัง
ทั้งนี้ เหตุไฟป่าที่เกิดขึ้นทางตอนกลางของมลรัฐเทกซัสคราวนี้ ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในไฟป่าที่รุนแรงและสร้างความเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยคาดว่ามูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจมีไม่น้อยกว่า 216 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6,490 ล้านบาท.

ไทยรัฐออนไลน์

 

โอบามาประกาศภาวะฉุกเฉิน รับมือน้ำท่วมใหญ่จากฤทธิ์พายุ "ลี"

วันที่ 10/09/2554 02:00 (ผ่านมา 12 ชั่วโมง 48 นาที)





พายุโซนร้อน “ลี” พัดขึ้นฝั่งแถบอ่าวเม็กซิโก ำนักบริการสภาพอากาศแห่งชาติ แจ้งเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันในหลาย พื้นที่ของรัฐต่างๆ อาทิ นิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ เพนซิลเวเนีย คอนเนคติกัต แมรีแลนด์ และเวอร์จิเนีย รวมถึงประกาศภาวะฉุกเฉินป้องกันผู้คนได้รับอันตรายจากภัยน้ำท่วม...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 9 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่หลายรัฐรวมทั้งรัฐนิวยอร์ก และเพนซิลเวเนีย เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังเกิดฝนตกหนักและนำท่วมใหญ่ทั่วพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่หายฟื้นดีจากเฮอร์ริเคน “ไอรีน” ก่อนหน้านี้ ส่วนภัยพิบัติรอบนี้เกิดจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ลี” ที่พัดขึ้นฝั่งรัฐแถบอ่าวเม็กซิโกเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คนและต้องอพยพผู้คนหนีภัย อีกกว่า 130,000 คน

ด้าน สำนักบริการสภาพอากาศแห่งชาติ (NWS) แจ้งเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันในหลาย พื้นที่ของรัฐต่างๆ อย่าง นิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ เพนซิลเวเนีย คอนเนคติกัต แมรีแลนด์ และเวอร์จิเนีย เฉพาะรัฐเพนซิลเวเนียได้ประกาศเคอร์ฟิวในหลายเมืองที่อยู่ตามแม่น้ำสายหลักของรัฐตั้งแต่ 20.00 น.เป็นต้นไป ป้องกันผู้คนได้รับอันตราย ขณะที่ไต้ฝุ่น “เนต” ยังก่อตัวอยู่นอกชายฝั่งของเม็กซิโก คาดทวีกำลังลมเป็นเฮอร์ริเคนในวันศุกร์ 9 ก.ย. ด้านพายุไต้ฝุ่น “มาเรีย” และเฮอร์ริเคน “คาเทีย” ยังเคลื่อนตัวอยู่มหาสมุทรแอตแลนติก ยังยากกำหนดทิศทางลมชัดเจน

ส่วนเหตุไฟป่าที่รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯยังไม่คลี่คลาย บ้านเรือนถูกเผาแล้วเกือบ 1,400 หลัง พื้นที่เสียหายราว 116 ตารางกิโลเมตร ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ย.นายโอบามาแถลงแผนสร้างงานกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2555 มูลค่า 447,000ล้านดอลลาร์ต่อที่สภาคองเกรส ประกอบด้วยหลายมาตรการรวมทั้งลดหย่อนภาษีหักจากค่าจ้าง สนับสนุนด้านการศึกษา และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านแผนดังกล่าวเพื่อเร่งฟื้นคืนเศรษฐกิจ.

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 15:50:28


ความคิดเห็นที่ 1719 (1568674)

เตือน 14 จว. ระวังอันตรายจากฝนตกชุก ช่วง 10-12 ก.ย.

วันที่ 10/09/2554 14:38 (ผ่านมา 13 นาที)

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ รายงานว่า ในวันที่ 10-12 กันยายน 2554 จะมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะที่ จ.ตาก พิจิตร เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระแก้ว ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สกลนคร นครราชสีมา กาฬสินธุ์ สระแก้ว ระยอง ระนอง และ จ.พังงา ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมจากภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม และแจ้งเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ พร้อมติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด

ที่มา: ผู้จัดการ

 

"ในหลวง-ราชินี"พระราชทานความช่วยเหลือราษฎร อ.เขาสมิง

วันที่ 10/09/2554 14:35 (ผ่านมา 16 นาที
)

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีเป็นประธานในพิธีพระราชทานความช่วยเหลือ ณ ศาลาประชาคมเทศบาลตำบลแสนตุ้ง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือแก่ครอบครัวนางสาวสุภาพร อินทรจักร ครอบครัวเด็กชายธนกฤต กาวิระ และครอบครัวนางสาวบุญเกิด พิมพ์แก้ว ราษฎรอำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ซึ่งได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ
โดยการจัดพิธีในครั้งนี้มีการพระราชทานความช่วยเหลือ เงินสนับสนุนการดำรงชีพ พระราชทานเงินทุนประกอบอาชีพ และสิ่งของพระราชทานให้กับราษฎรทั้ง 3 ราย
ต่อจากนั้นองคมนตรี ผู้แทนสำนักราชเลขาธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมมอบถุงพระราชทาน จำนวน 500 ถุง แก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ในการนี้ หน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ มาทำการรักษาพยาบาลและบริการด้านทันตกรรมแก่ราษฎรในพื้นที่ รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักอัยการสูงสุด ได้มาร่วมให้บริการด้านกฎหมาย และให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย

 

น้ำท่วมตลาดอินทร์บุรี!! แม่ค้าต้องขายของริมถนนสายเอเชีย

วันที่ 10/09/2554 11:07 (ผ่านมา 3 ชั่วโมง 11 นาที)

น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักท่วมตลาดอินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เทศบาล ต.อินทร์บุรี ประกาศให้พ่อค้าแม่ค้าขนย้ายสิ่งของไปอยู่ริมถนนสายเอเชีย เนื่องจากไม่สามารถต้านทานกระแสน้ำจำนวนมากได้ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องรีบขนย้ายสิ่งของไปขายริมถนนสายเอเชีย ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในวันนี้ เทศบาล ต.อินทร์บุรี ประกาศเตือนไปยังชาวบ้านหมู่ที่ 6 7 และ 8 ขนย้ายสิ่งของออกไปอยู่ริมถนนสายเอเชีย เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำเจ้าพระยาที่ทะลักท่วมตลาดอินทร์บุรี เพิ่มสูงกว่า 30 เซนติเมตร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

ที่มา: ผู้จัดการ

 

กทม.เร่งพร่องน้ำในคลอง จับตาสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

วันที่ 10/09/2554 10:58 (ผ่านมา 3 ชั่วโมง 57 นาที)

นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงมาตรการรับปริมาณน้ำเหนือจำนวนมากที่ไหลผ่านกรุงเทพมหานคร ว่า เนื่องจากน้ำเหนือที่กำลังไหลผ่านลงมากรุงเทพมหานคร ประกอบกับอาจมีน้ำทะเลหนุน ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่ 1.64 เมตร ซึ่งยังไม่เกินแนวป้องกันน้ำท่วม ที่มีความสูงประมาณ 2.50 เมตร โดยกรุงเทพมหานคร ได้เฝ้าติดตามระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีฝนตกในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลค่อนข้างหนัก ซึ่งได้ให้สถานีสูบน้ำทั่วกรุงเทพมหานคร เร่งพร่องน้ำออกจากคลองต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง และจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่แนวป้องกันน้ำท่วม
สำหรับชุมชน 27 ชุมชน ที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้ผู้อำนวยการเขตในพื้นที่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม แจ้งเตือนประชาชน ให้เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง รวมทั้งเร่งสร้างแนวป้องกันชั่วคราว โดยใช้กระสอบทรายและสร้างสะพานไม้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ที่อาจประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วนแล้ว


ที่มา: ผู้จัดการ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-10 15:55:43


ความคิดเห็นที่ 1720 (1568715)
 
เตือน"ระนอง ชุมพร พังงา กระบี่ ตรัง สตูล"ระวังดินถล่ม-น้ำป่า ภายใน 2 วันนี้

นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศ ฉบับที่ 20 ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม ของกรมทรัพยากรธรณี และประชาชนในพื้นที่ จ.ระนอง ชุมพร พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย อ.สุขสำราญ อ.กะเปอร์ และ อ.เมือง จังหวัดระนอง อ.พะโต๊ะ อ.สวี และ อ.เมือง จังหวัดชุมพร อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา อ.เขาพนม อ.หน้าเขา อ.เมือง จังหวัดกระบี่ และ อ.ห้วยยอด อ.ปะเหลียน จังหวัดตรัง เนื่องจากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในบางพื้นที่ วัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร และน้ำเริ่มล้นตลิ่งในบางพื้นที่แล้ว

จึงขอให้อาสาสมัครเครือข่ายฯ ของกรมทรัพยากรธรณี เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก และวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง โดยหากเกิดเหตุสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ให้แจ้งเตือนประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ พร้อมแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังที่ได้มีการอบรมไว้ก่อนหน้านี้


ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 10 กันยายน 2554 17:23 น.
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 00:42:27


ความคิดเห็นที่ 1721 (1568716)
น้ำเหนือล้นเอ่อ
เข้าท่วมแปดริ้วแล้ว


น้ำเหนือ ล้นเอ่อ เข้าท่วมแปดริ้ว แล้ว บ้านเรือน ไร่นาพืชเกษตร อ่วม แถมโรคอื้อ ขณะฝนในพื้นที่ ยังตกหนักอย่างต่อเนื่อง

นางสายหยุด ทับศรี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/3 ม.10 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่าขณะนี้น้ำในลำคลองหลวงแพ่ง ได้เอ่อทะลักไหลล้นเข้าท่วมมายังภายในบ้านเรือนพักอาศัย จนชาวบ้านต้องช่วยกันขนข้าวของหนีน้ำขึ้นไปไว้ยังชั้นบนของตัวบ้าน ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยแบบสองชั้น โดยน้ำได้ท่วมขึ้นสูงสุด ในขณะที่ฝนตกหนักเข้ามาท่วมยังในพื้นบ้าน สูงประมาณ 30 ซ.ม. ก่อนที่จะลดระดับลงมาอยู่ที่ 20 ซ.ม.

ขณะนี้ชาวบ้านต่างพากันนำกระสอบทราย และอิฐบล็อกมาก่อทำเป็นแนวเขื่อนกั้น เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมอีกก่อนที่จะวิดน้ำออกจากตัวบ้าน โดยบางรายที่ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้า ก็ได้ใช้วิธีการทำเป็นสะพานทางเดิน ภายใน
บ้านให้อยู่เหนือระดับน้ำที่ท่วมขัง ซึ่งล่าสุดพบว่า น้ำที่ไหลเข้ามาท่วมในพื้นที่นั้น มีโรคระบาดไหลมากับน้ำด้วย ซึ่งโดยเฉพาะโรคน้ำกัดเท้า ที่ตนพร้อมด้วยชาวบ้านอีกหลายคน ต่างเริ่มเจ็บป่วยมีอาการคันจนเป็นผื่นแดงขึ้นที่เท้าแล้วทั้งที่ได้สัมผัสกับน้ำที่ท่วมขัง ได้เพียงแค่ 2 วันนี้ เท่านั้นเอง


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 00:43:03


ความคิดเห็นที่ 1722 (1568717)

 

สุดลำเค็ญ! เหยื่อน้ำท่วมพิจิตร-ทั้งนอนข้างถนน-ใช้หยวกกล้วยต่อแพแทนเรือ

 

 

 

พิจิตร - สุดอนาถ! น้ำท่วมพิจิตรวิกฤติหนัก กว่า 2 พันครัวเรือนไร้เรือพาย ต้องใช้หยวกกล้วยต่อเป็นแพใช้สัญจรไปมา
       

วันนี้(10 ก.ย.) นายยงยุทธ ชมมิ กำนันตำบลงิ้วราย อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร โอดครวญถึงความยากลำบากในช่วงน้ำท่วมว่า ในตำบลงิ้วราย มี 8 หมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วมร้อยเปอร์เซ็นต์ 2,345 ครัวเรือน นานเกือบ 1 เดือน ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร ถนนเข้าออกถูกตัดขาดเหลือเพียงถนนสายตะพานหิน - บางไผ่ ที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม ชาวบ้านจึงได้ใช้เป็นที่สร้างเพิงพักอาศัยหลับนอนอยู่บนท้องถนนกว่า 60 ครัวเรือน โดยไม่มีเรือพายเป็นพาหนะ เพราะถ้าจะซื้อเรือพลาสติกก็มีราคาแพงถึงลำละ 3 - 5 พันบาท
       
       กำนัน ระบุว่า ชาวบ้านจึงต้องงัดภูมิปัญญาชาวบ้านนำต้นกล้วยและไม้ไผ่ ซึ่งพอหาได้ในหมู่บ้านนำมาดัดแปลงต่อทำเป็นแพใช้เชือกมัด นำไม้กระดานมาพาดแล้วใช้ไม้ถ่อค้ำแพ เพื่อใช้ในการสัญจรไปมา แต่ก็มีบางรายก็ใช้ยางในรถยนต์มาเสริมด้านข้าง ให้แพหยวกกล้วยใหญ่ขึ้นแล้วใช้แคร่ไม้ไผ่มาทำเป็นที่นั่ง เพื่อใช้รับส่งบุตรหลานเข้าออกหมู่บ้าน ทั้งๆที่รู้ว่าแพหยวกกล้วยไม่ปลอดภัย แต่ก็จำเป็นต้องใช้ช่วยเหลือตนเองในยามที่ขาดการเหลียวแลจากทางราชการอยู่ในขณะนี้

--------------------

เจ้าพระยาหนุน “น้ำสะแกกรัง” ทะลัก-มณฑปเก่ายุคอยุธยาฯ จมบาดาลแล้ว


น้ำท่วมเมืองอุทัยธานี ยังทวีความรุนแรงไม่หยุด ล่าสุดน้ำเจ้าพระยาหนุนเข้าแม่น้ำสะแกกรัง ทำน้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนริมแม่น้ำ-โบราณสถานสำคัญของจังหวัดอุทัยธานีแล้ว

    ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอุทัยธานี ถึงสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดอุทัยธานี ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลเกาะเทโพ ตำบลท่าซุง ได้ขยายวงกว้างท่วมบ้านเรือนชาวบ้านไปแล้วนับพันหลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายไปนับหมื่นไร่ จนทำให้ทางจังหวัด ต้องประกาศให้เป็นพื้นประสบภัยพิบัติฉุกเฉินไปแล้ว
       
       
ล่าสุดปริมาณในแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณเกาะคุ้งสำเภา ตำบลท่าซุง อำเภอเมือง ได้หนุนย้อนเข้าไปในแม่น้ำสะแกรัง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสะแกกรังมีระดับสูงขึ้นวันละ 10 -15 ซม. บางจุดน้ำได้เอ่อล้นตลิ่งโดยเฉพาะชุมชนหน้าวัดพิชัยฯ น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรังไปกว่า 20 หลังเรือน โดมีระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน หลายบ้านต้องอพยพไปอยู่บนพื้นที่สูงด้านหน้าวัดพิชัยฯ ซึ่งทางเทศบาลเมืองจัดเต็นท์ไว้ให้ ส่วนชาวแพทั้ง 2 ฝั่ง ที่อาศัยอยู่ก็ต้องเร่งชักแพเข้าฝั่งป้องกันแพหลุดตามไปกลับกระแสน้ำ
       
     
  นอกจากนี้น้ำในแม่น้ำสะแกกรัง ยังได้เอ่อล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมโบราณสถานสำคัญ คือ มณฑปแปดแหลี่ยม ติดกับพระอุโบสถวัดโบสถ์ หรือวัดอุโบสถาราม ที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย -รัตนโกสินทร์ตอนต้น สูงประมาณ 50 ซม. คาดว่า ถ้าระดับน้ำสูงขึ้นอย่างนี้เรื่อยๆ ก็จะส่งผลให้ทะลักเข้าท่วมพระอุโบสถดังกล่าวที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากร และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดอุทัยธานี อย่างแน่นอน

----------------------------------

พนังกั้นน้ำสู้ไม่ไหวน้ำทะลักท่วมตลาดอินทร์บุรี


รายงานข่าวจาก จ.สิงห์บุรี แจ้งว่า พนังกั้นน้ำความสูง 2 เมตร ความยาว 2 กิโลเมตร ที่ใช้งบประมาณกว่า 170 ล้านบาท ในการก่อสร้าง ตามโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งทำหน้าที่ในการป้องกันน้ำหลาก ครอบคลุม 5 หมู่บ้าน ตั้งแต่หมู่ 6, 7 ,8 , 9 และ 10 ของ ต.อินทร์บุรี ล่าสุดเวลา 03.00 น. ของวันที่ 10 ก.ย. น้ำได้กัดเซาะทะลุผ่านเขื่อนกั้นน้ำไหลท่วมย่านใจกลางตลาด มีระดับสูง70เซนติเมตร ทั้งนี้มีบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีวัดสำคัญอีก 1 แห่ง คือ วัดโพธิ์ศรี ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย โดยวัดแห่งนี้มีพระ และเณร มาจำพรรษา และเรียนหนังสือกว่า 160 รูป

เนชั่นทันข่าว 10 กันยายน 2554 13:42 น.


 

น้ำป่าจากเทือกเขาวังทองไหลทะลักเมืองเพชรบูรณ์



จากภาวะฝนติดต่อกัน 3 วัน ส่งผลให้เวลา 03.00 น.ของวันที่ 10 ก.ย. เกิดน้ำป่าจากเขาวังทอง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน วมถึงพื้นที่ทางการเกษตร บริเวณ หมู่ 7 หมู่ 8 ต.วังชมภู และ หมู่ 1,3,5,6,8,9,11 ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยระดับน้ำป่าที่ไหลเข้าท่วมหมู่บ้านมีความลึกราว 30-70 เซนติเมตร ถนนภายในหมู่บ้านหลายเส้นทางไม่สามารถใช้สัญจรไปมาได้เนื่องจากระดับน้ำมีความลึกเกินกว่า 60 เซนติเมตร บ้านเรือน 800 หลังคาเรือนถูกน้ำไหลเข้าท่วม เช่นเดียวกับพื้นที่ทางการเกษตรหลายพันไร่ ได้ถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วม

เนชั่นทันข่าว 10 กันยายน 2554 14:09 น.


 

ศภช.เตือน 14 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก 10-12 กย.


ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ(ศภช.) แจ้งว่า ระหว่างวันที่ 10-12 ก.ย.นี้ จะมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะ จ.ตาก จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.ชัยภูมิ จ.บุรีรัมย์ จ.สกลนคร จ.นครราชสีมา จ.กาฬสินธุ์ จ.สระแก้ว จ.ระยอง จ.ระนอง และจ.พังงา จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมจากภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม และแจ้งเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการพร้อมติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 00:47:49


ความคิดเห็นที่ 1723 (1568718)
ถนนกั้นแม่น้ำน่านขาด ท่วมตะพานหินกว่า 500 หลัง



เวลา 07.00 น. วันที่ 10 ก.ย. ชาวบ้านตำบลไผ่หลวง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ช่วยกันนำกระสอบทราย ไม้ รถแบ็คโฮ และ รถทำการเกษตร ทำการปิดกั้นน้ำ หลังจากถนนภายในหมู่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.ไผ่หลวง ถูกน้ำจากแม่น้ำน่านกัดเซาะจนถนนคอนกรีตที่กั้นแม่น้ำน่านกับหมู่บ้านขาดเป็นแนวยาว 20 เมตร ทำให้น้ำจากแม่น้ำน่านที่ระดับสูงได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 500 หลัง รวมทั้งพื้นที่ไร่นาอีกหลายพันไร่ การสร้างแนวป้องกันน้ำครั้งนี้เป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากกระแสน้ำรุนแรง ซึ่งหากไม่สามารถทำการปิดกั้นไม่สำเร็จ น้ำที่ไหลทะลักจากถนนที่ขาด จะทำให้น้ำไหลเข้าท่วม 3 ตำบล คือ ต.ไผ่หลวง ต.คลองคูณ และต.วังหว้า อ.ตะพานหิน เป็นบริเวณกว้าง

 

-------------------------

 

 

น้ำท่วมอยุธยาวิกฤต - ชาวบ้านเครียด สธ.ส่งแพทย์เยียวยา

สถานการณ์น้ำกรุงเก่าเข้าขั้นวิกฤต น้ำหลายพื้นที่ไหลเข้าพื้นที่จนขยายวงกว้าง ขณะที่แม่น้ำเจ้าพระยาน้ำขึ้นสูงกว่า 1.5 เมตรทำโบราณสถานริมน้ำอ่วม ชาวบ้านวอนเจ้าหน้าที่เร่งผันน้ำเข้าทุ่งรับน้ำ หวั่นปริมาณน้ำเพิ่ม ด้านกระทรวงสาธารณสุขจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เยียวยาจิตใจผู้ประสบน้ำท่วม

 


วันนี้ (10 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากที่ฝนตกหนักตลอดทั้งวัน ทำสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.อยุธยาขยายวงกว้าง ทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยอีก10- 20 ซ.ม. นอกจากนี้โบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้วิกฤตแล้วอาทิ วัดธรรมาราม วัดไชยวัฒนาราม หมู่บ้านโปรตุเกส และโบราณสถานป้อมเพชร ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่า ตลิ่งเกือบ 1.50 เมตร กำแพงป้องกันน้ำท่วมหน้าวัดไชยวัฒนารามเหลืออีก 80 ซ.ม.

ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเสนา และบางบาล กล่าวว่า ต้องการให้เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำเข้าพื้นที่ทุ่งรับน้ำโดยด่วน เพราะเกรงว่าปริมาณน้ำฝนและน้ำที่กำลังระบายน้ำเพิ่มขึ้นท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะทำให้น้ำท่วมพื้นบ้านในชั้นที่ 2 ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลทุ่งมะขามหย่อง นำดินมาทำเขื่อนกั้นน้ำบริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อรองรับน้ำที่จะระบายมาเก็บกักไว้เป็นแก้มลิง ทั้งนี้ในส่วนบริเวณวัดจุฬามณี ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล อยุธยา รวมไปถึงสถานีอนามัย และชุมชน ต.บ้านกุ่มก็ยังจมอยู่ในน้ำการสัญจรก็ใช้ทางเรือเท่านั้น
       
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ถุงยังชีพ รวมยาชุดน้ำท่วม ประมาณ 3,000 ชุด ไปมอบให้ผู้ประสบภัย 6 จุด ที่ป้อม อพปร. ตำบลบางประแดง เทศบาลตลาดเกรียบ วัดกลางขุนแผน ตำบลวัดยม ป้อม อปพร.ตำบลบ้านแป้ง อบต.บ้านพลับ และวัดพยาญาติ ตำบลเกาะเกิด จากนั้นนายวิทยากล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะทำให้ประชาชนเดินทางไปโรงพยาบาลยากขึ้น โดยเฉพาะหากเจ็บป่วยช่วงกลางคืน จึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเพิ่มหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปให้การดูแลอย่าง ทั่วถึง เพิ่มบริการให้คำปรึกษาการดูแลการเจ็บป่วยเบื้องต้นทางหมายเลข 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก รวมถึงการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องพบแพทย์ตามนัดเพื่อกินยาอย่างต่อเนื่อง
       
สำหรับเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่มที่ ต.น้ำไผ่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และสูญหาย 5 รายนั้น ได้จัดส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ชุดใหญ่ 3 ทีม และจิตแพทย์ นักจิตวิทยาอีก 10 คน ลงปักหลักบริการตลอด 24 ชั่วโมง ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2 แห่ง คือ ที่ ต.ห้วยเดื่อ และต.น้ำไผ่ และที่หมู่ 3 บ้านต้นขนุน แต่ละทีมมีแพทย์ พยาบาล ยาเวชภัณฑ์ ชุดทำแผล วัคซีนป้องกันบาดทะยัก ซึ่งเตรียมไว้ประมาณ 300 โดส เพื่อฉีดป้องกันโรคบาดทะยัก เนื่องจากประชาชนมีบาดแผลจากเศษไม้ขีดข่วน รวมทั้งสภาพดินโคลนที่ไหลมากับน้ำอาจมีเชื้อโรคอยู่
       
ขณะนี้พบผู้มี บาดแผลประมาณ 100 ราย และได้แจกรองเท้าบูทยางอีก 600 คู่ ใส่ป้องกันไม่ให้บาดแผลสัมผัสดินโคลน ปัญหาขณะนี้ชาวบ้านอยู่ในภาวะโศกเศร้า จากการสูญเสียบุคคลในครอบครัวและทรัพย์สิน ทีมจิตแพทย์ได้ให้การดูแลเต็มที่ และจะประเมินสุขภาพจิตเป็นระยะ
       
สำหรับผลการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ตลอด 2 เดือน พบผู้ประสบภัยเจ็บป่วย 87,296 ราย ร้อยละ 80 เป็นโรคน้ำกัดเท้า รองลงมาไข้หวัด ผิวหนังผื่นคัน และโรคเครียด โดยพบผู้ประสบภัยมีอาการซึมเศร้าเพิ่มจาก 1,380 ราย เป็น 1,419 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่มจาก 190 ราย เป็น 206 ราย ได้จัดส่งยารักษาโรคช่วยผู้ประสบภัยไปแล้วเกือบ 5 แสนชุด วันนี้เพิ่มให้ จ.นครสวรรค์ 26,000 ชุด จ.พระนครศรีอยุธยา 25,000 ชุด จ.อุทัยธานี 6,000 ชุด และสำรองไว้ส่วนกลางอีก 5 แสนชุด


ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 00:49:48


ความคิดเห็นที่ 1724 (1568719)

ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณ
ประเทศไทย "
ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 10 กันยายน 2554

     ในช่วงวันที่ 10-12 กันยายน 2554 ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้น ที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนพื้นที่ราบลุ่มริมน้ำบริเวณภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกให้เตรียมป้องกันระวังอันตรายจากปริมาณน้ำท่วมที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย
สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 2-3 วันนี้

ประกาศ ณ วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 16.30 น.





สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 00:51:47


ความคิดเห็นที่ 1725 (1568720)

อุตรดิตถ์ - รัฐมนตรีสำนักนายกฯ ลงพื้นที่อุตรดิตถ์ เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่มที่ตำบลน้ำไผ่ เมืองลับแล ล่าสุดพบศพเพิ่มอีก 1 แล้ว ยังไม่รู้ชะตากรรมอีก 4 แถมเกิดเหตุระทึกไฟช็อต จนท.การไฟฟ้า จนหมดสติคาที่ระหว่างเชื่อมกระแสไฟเข้าพื้นที่

หลังเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 9 ก.ย.54 ที่บริเวณบ้านห้วยเดื่อหมู่ที่ 2 บ้านต้นขนุน หมู่ที่ 3 และบ้านห้วยคอมหมู่ที่ 4 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายสูญหายอีก 5 คนบ้านเรือนพังเสียหายบางส่วนจำนวน 30 หลังและบ้านเสียหายทั้งหลังจำนวน 31 หลังนั้น

ล่าสุดวันนี้(10 ก.ย.) น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.3)พร้อมด้วยนายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ,นายคณิต เอี่ยมระหงส์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ,พลตำรวจตรีพิเชษฐ วัฒนลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ,พลตรีพิเชษ สุขพงศ์พิสิฐ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือเบี้องต้นแก่ราษฎรที่บ้านพังเสียหายทั้งหลังเป็นจำนวนเงินหลังละ 30,000 บาทและเสียหายบางส่วน 1,000 บาทเงินช่วยเหลือค่าทำศพเบื้องต้นรายละ 35,000 บาท บริเวณศูนย์ประสานการให้ความช่วยเหลือโรงเรียนบ้านห้วยเดื่อ

นางสาวกฤษณา กล่าวว่า ได้รับมอบจากนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นเฉพาะหน้าเราได้ช่วยในเรื่องอาหารการกินก่อน เรื่องของกระแสไฟฟ้าและรถแบคโฮที่จะขุด เพื่อเปลี่ยนทางน้ำไม่ว่าจะเป็นการอพยพคนให้อยู่ในที่ปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องของป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีเต็นท์มาให้ มีรถไฟฟ้าส่องสว่าง มีรถผลิตน้ำดื่ม และต่อไปก็จะเป็นซ่อมแซมถนนซ่อมแซมบ้านเรือน นอกจากนั้นก็จะดูแลผู้เสียชีวิตรายละ 35,000 บาท ดูแลค่าเสียหายครอบครัวละ 5,000 บาท

ขณะที่นางภาณุมาตีจ์ สมุทรคีรีจ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้นำสมาชิกเหล่ากาชาดนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปมอบให้กับราษฎร และทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเขื่อนสิริกิติ์ ได้นำกลุ่มแม่บ้านเขื่อนสิริกิติ์ไปทำอาหารกล่องแจกให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่กู้ภัยและประชาชนในพื้นที่จำนวน 1000 กล่อง มูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ได้นำอาหารกล่องไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารอีก 300 กล่อง

ด้านนางหล่อง คำไวย์ อายุ 45 ปีอยู่บ้านเลขที่ 22/1 หมู่ 3 บ้านต้นขนุน ได้เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือด้วยน้ำตานองหน้ากับ รมต.ประจำสำนักนายกและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า ตนเองได้ไปทำงานอยู่กรุงเทพมหานครและได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวว่าบ้านถูกน้ำป่าพัดหายไปรวมทั้งพ่อของตนเองด้วย จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมจึงอยากจะขอให้ทางหน่วยงานต่างๆได้ช่วยตามหาพ่อของตนเองด้วย เพราะว่าตอนนี้ไม่อยากจะได้อะไรแล้ว บ้านทั้งหลังที่อุตส่าห์ไปทำงานหาเงินมาสร้างเป็นเวลากว่า 19 ปีก็ไม่เหลือแล้วตอนนี้อยากได้พ่อกลับคืนมาอย่างเดียว ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย รมต.ประจำสำนักนายก ก็ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์และหน่วยกู้ภัยต่างๆเข้าให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้ที่ยังหายสาบสูญอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่พลตรีพิเชษ กล่าวว่า ได้สั่งเพิ่มกำลังทหารลงพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัยที่สูญหายอีก 5 รายกว่า 200 นายและยังได้มีการค้นหาทางอากาศจากเครื่องบินปีกหมุนอีกด้วย สำหรับเส้นทางที่ขาดระหว่างบ้านห้วยเดื่อกับบ้านต้นขนุนนั้นขณะนี้เครื่องจักรกลหนักจากหน่วยทหารพัฒนาที่ 34 จังหวัดพิษณุโลก ได้เข้ายังพื้นที่เพื่อเปิดเส้นทางในพื้นที่วิกฤติเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ถูกตัดขาดโดยในช่วงสายเส้นทางที่ขาดระหว่างบ้านห้วยเดื่อหมู่ 2 ไปยังบ้านต้นขนุนหมู่ 3 ตำบลน้ำไผ่ ก็สามารถใช้งานได้แล้วและในช่วงบ่าย ก็ได้นำเครื่องจักรไปทำการซ่อมถนนช่วงระหว่างบ้านต้นขนุนกับบ้านห้วยคอมหมู่ 4 ต่อไป

อย่างไรก็ตามระหว่างที่มีการพยายามช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยกันนั้น ได้เกิดเหตุไฟฟ้าซ็อตนายพิษณุ ศรีลาภา อายุ 25 ปีซึ่งเป็นพนักงานของการไฟฟ้าอำเภอน้ำปาด ที่มาซ่อมแซมสายไฟฟ้าที่ขาด ทำให้นายพิษณุ หมดสติไปชั่วคราวซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปฐมบาลเบี้องต้นก่อนนำตัวส่งต่อไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอน้ำปาด ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว

ส่วนสิ่งของที่ชาวบ้านต้องการในขณะนี้ก็คือสังกะสีกระเบี้องปูนซิเมนต์และวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้านและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เพราะบางคนหนีออกมามีเสื้อผ้าติดตัวมาแค่ชุดเดียว สำหรับอาหารและน้ำดื่มนั้นมีค่อนข้างเพียงพอโดยในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ก็มีคาราวานรถยนต์ออฟโรดจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ บรรทุกน้ำดื่มและข้าวสารอาหารแห้งเข้าไปแจกให้กับราษฎรที่ประสบภัยแล้วส่วนหนึ่ง

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น.ได้รับรายงานจากในพื้นที่ว่าทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติคลองตรอน ได้พบศพชายไทยที่ยังไม่สามารถระบุชื่อได้อีกหนึ่งศพ ลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำห้วยแมง อำเภอน้ำปาดจังหวัดอุตรดิตถ์ สรุปแล้วในขณะนี้ก็คือยังเหลือผู้สูญหายอยู่อีกจำนวน 4 คนด้วย
กัน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 00:53:46


ความคิดเห็นที่ 1726 (1568721)
สหรัฐฯวิกฤติหนักหลัง
น้ำเอ่อท่วมซ้ำ


 


สหรัฐอเมริกา ยังวิกฤตหนัก หลังเจอเหตุอุทกภัย จากน้ำในแม่น้ำซัสเควฮันนาได้เอ่อล้นออกมานอกตลิ่ง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 ก.ย.)

10 ก.ย.54 รัฐบาลท้องถิ่นสหรัฐฯ ได้สั่งให้ประชาชนกว่า 1 แสนคนอพยพออกจากที่พัก และตอนนี้พวกเขากำลังรอคำสั่งจากรัฐบาลอีกครั้งที่จะให้กลับเข้าที่พักอีกครั้งได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวันจันทร์หน้า หลังจากเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด เก็บกวาดเศษซากดินโคลน และรถยนต์ที่ถูกน้ำพัดเกลื่อนเต็มถนนแล้ว

หลังจากพายุโซนร้อน ลี ได้พัดเข้าสู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดทำให้น้ำในแม่น้ำซัสเควฮันนาได้เอ่อล้นออกมานอกตลิ่งและไหลลงสู่ถนนเส้นต่างๆในเมือง ในหลายๆ ที่ มีระดับน้ำสูงในในรอบกว่า 40 ปีที่ผ่านมา เป็นรองเพียงแค่พายุเฮอร์ริเคน แอกเนส เท่านั้น

บริเวณที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ บริเวณบิงแฮมตัน ริมแม่น้ำซัสเควฮันนา ซึ่งถือเป็นเหตุที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 60 ปีของเมือง และอีกที่หนึ่งคือ บริเวณปลายน้ำในรัฐแมรี่แลนด์

บางพื้นที่ของรัฐเพนซิลเวเนีย ระดับน้ำฝนวัดได้อย่างน้อง 9 นิ้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้อง
ปิดถนนหลายสาย รวมทั้งสายระหว่างรัฐที่ปกติจะมีการจราจรหนาแน่นด้วย เจ้าหน้าที่ยังเปิดศูนย์อพยพชั่วคราวขึ้นสำหรับประชาชนที่เดือดร้อน

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐเพนซิลเวเนีย และนิวยอร์ค เมื่อเช้าวานนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์ได้ง่ายขึ้นแล้ว

ผลพวงของพายุโซนร้อน ลี ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย แบ่งเป็น 4 รายในรัฐเพนซิลวาเนีย 3 รายในรัฐเวอร์จิเนีย 1 รายในรัฐแมรี่แลนด์ และอีก 4 รายเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


คมชัดลึก

 
 

 
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 00:56:41


ความคิดเห็นที่ 1727 (1568722)
 
บทความธรรมะเย็นใจ
 
คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ


คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ, คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจจะปากหนัก (ไม่ค่อยจะพูดมาก) คน โง่เอาใจไว้ที่ปาก ใจมันไม่อยู่ที่ตัวใจมันไปอยู่ที่ปาก มันจึงพูดไปวันยังค่ำ คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ ความสำคัญของตัวเองที่จะเข้าใจกันไว้

จงอย่าคิดว่าคนอื่นจะต้องมาลงโทษเรา ก่อนที่คนอื่นจะลงโทษ กรรมที่เราทำความชั่วมันก็ทำความเร่าร้อนให้เกิดขึ้นแก่เรา ใครเขาพูดความชั่วคราวใด เราก็สะดุ้งเพราะเรามันเลว พระพุทธเจ้าตรัสว่า อัตตนา โจทยัตตานัง จงเตือนตนไว้เสมอ และจงโจทย์ตน กล่าวโทษตนไว้เป็นปกติ หาความชั่วของตัว อย่าไปหาความชั่วของบุคคลอื่น ถ้าเลวมากเมื่อไหร่ เราก็เพ่งเล็งความเลวของบุคคลอื่นมากเท่านั้น ถ้าเราดีมากเท่าไหร่ เราก็มองไม่เห็นความเลวของบุคคลอื่น เพราะยอมรับนับถือกฎของกรรม ที่เรายังไปแส่หาความเลวของบุคคลอื่น เสียดสีเขาบ้าง พูดกระทบกระเทียบเขาบ้าง ทำลายความสุขใจเขาบ้าง นั่นแสดงว่า เรามันเลวที่สุดของความเลว คือ ความเลวมันไม่ได้ขังอยู่เฉพาะในใจ มันไหลออกมาทางกาย ไหลออกมาทางวาจา เพราะมันล้น เลวจนล้น นี่ขอทุกท่านจงจำไว้ อย่าไปมองดูความเลวของคนอื่น มองดูความเลวของตน ไม่ต้องไปปรับปรุงบุคคลอื่น ปรับปรุงเราเองให้มันดีที่สุด

         ถ้าเรายังรู้สึกว่าคนอื่นเขาชั่ว แสดงว่าเราชั่วมาก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าถ้าเราดีแล้วไม่มีใครชั่ว เพราะว่าเรายอมรับนับถือกฎของกรรม อะไรจะมีชั่ว เรายังนินทาว่าร้ายบุคคลอื่น นั่นเรายังชั่วอยู่ อาการอย่างนี้จงลืมเสียให้หมด

         ก่อนที่จะทำก่อนที่จะพูดน่ะใคร่ครวญเสียก่อน อย่าไปคิดเห็นบุคคลอื่นว่าเขาเลว เราเห็นคนอื่นเลวนี่ก็กลายเป็นการสร้างความเลวให้เกิดขึ้นแก่ใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้กล่าวโทษโจทย์ความผิดของตัวเองว่ามันเลวไว้เสมอ หาจุดความเลวของกาย หาจุดความเลวของวาจา หาจุดความเลวของใจ อย่าไปหาจุดความดี ถ้าพบจุดความเลวจุดไหน ทำลายความเลวจุดนั้นให้หมดไป แล้วความดีมันก็ปรากฏเอง

ถ้าเราไปเพ่งเล็งคนอื่นว่าคนนั้นชั่ว คนนี้ดีแสดงว่าเราเลวมาก เราควรจะดูใจของเราต่างหาก ว่าเรามันดีหรือเรามันเลว ถ้าเราดีเสียอย่างเดียว ใครเขาจะเลวร้อยแปดพันเก้าก็เรื่องของเขา


ธรรมะเดลิเวอรี่

-------------------------------------------------

คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ


คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ, คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจจะปากหนัก (ไม่ค่อยจะพูดมาก) คน โง่เอาใจไว้ที่ปาก ใจมันไม่อยู่ที่ตัวใจมันไปอยู่ที่ปาก มันจึงพูดไปวันยังค่ำ คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ ความสำคัญของตัวเองที่จะเข้าใจกันไว้

จงอย่าคิดว่าคนอื่นจะต้องมาลงโทษเรา ก่อนที่คนอื่นจะลงโทษ กรรมที่เราทำความชั่วมันก็ทำความเร่าร้อนให้เกิดขึ้นแก่เรา ใครเขาพูดความชั่วคราวใด เราก็สะดุ้งเพราะเรามันเลว พระพุทธเจ้าตรัสว่า อัตตนา โจทยัตตานัง จงเตือนตนไว้เสมอ และจงโจทย์ตน กล่าวโทษตนไว้เป็นปกติ หาความชั่วของตัว อย่าไปหาความชั่วของบุคคลอื่น ถ้าเลวมากเมื่อไหร่ เราก็เพ่งเล็งความเลวของบุคคลอื่นมากเท่านั้น ถ้าเราดีมากเท่าไหร่ เราก็มองไม่เห็นความเลวของบุคคลอื่น เพราะยอมรับนับถือกฎของกรรม ที่เรายังไปแส่หาความเลวของบุคคลอื่น เสียดสีเขาบ้าง พูดกระทบกระเทียบเขาบ้าง ทำลายความสุขใจเขาบ้าง นั่นแสดงว่า เรามันเลวที่สุดของความเลว คือ ความเลวมันไม่ได้ขังอยู่เฉพาะในใจ มันไหลออกมาทางกาย ไหลออกมาทางวาจา เพราะมันล้น เลวจนล้น นี่ขอทุกท่านจงจำไว้ อย่าไปมองดูความเลวของคนอื่น มองดูความเลวของตน ไม่ต้องไปปรับปรุงบุคคลอื่น ปรับปรุงเราเองให้มันดีที่สุด

         ถ้าเรายังรู้สึกว่าคนอื่นเขาชั่ว แสดงว่าเราชั่วมาก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าถ้าเราดีแล้วไม่มีใครชั่ว เพราะว่าเรายอมรับนับถือกฎของกรรม อะไรจะมีชั่ว เรายังนินทาว่าร้ายบุคคลอื่น นั่นเรายังชั่วอยู่ อาการอย่างนี้จงลืมเสียให้หมด

         ก่อนที่จะทำก่อนที่จะพูดน่ะใคร่ครวญเสียก่อน อย่าไปคิดเห็นบุคคลอื่นว่าเขาเลว เราเห็นคนอื่นเลวนี่ก็กลายเป็นการสร้างความเลวให้เกิดขึ้นแก่ใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้กล่าวโทษโจทย์ความผิดของตัวเองว่ามันเลวไว้เสมอ หาจุดความเลวของกาย หาจุดความเลวของวาจา หาจุดความเลวของใจ อย่าไปหาจุดความดี ถ้าพบจุดความเลวจุดไหน ทำลายความเลวจุดนั้นให้หมดไป แล้วความดีมันก็ปรากฏเอง

ถ้าเราไปเพ่งเล็งคนอื่นว่าคนนั้นชั่ว คนนี้ดีแสดงว่าเราเลวมาก เราควรจะดูใจของเราต่างหาก ว่าเรามันดีหรือเรามันเลว ถ้าเราดีเสียอย่างเดียว ใครเขาจะเลวร้อยแปดพันเก้าก็เรื่องของเขา


ธรรมะเดลิเวอรี่

 

 

 
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:03:16


ความคิดเห็นที่ 1728 (1568723)

 

 

 

การถ่ายทอดความรักของแม่กบที่มีต่อลูกๆ


ขอขอบคุณ แมวน้อยทีมงานเว็บบอร์ดระบบสมบูรณ์ http://ufokaokala.com/index.php?topic=4496.msg36207;topicseen#msg36207


อยากให้ชมจนจบนะคะเป็นการถ่ายทอดความรักของแม่กบที่มีต่อลูกๆที่พยายามปกป้องและช่วยชีวิตลูกๆของตนลุ้นและซาบซึ้งใจไปด้วยจริงๆ
(น้ำตาจะไหล) เพื่อที่เพื่อนๆจะได้สัมผัสกับความรักที่อ่อนโยนที่ธรรมชาติสร้างมาจริงๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:07:05


ความคิดเห็นที่ 1729 (1568725)

แพทย์แนะชาวเบตงสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นควัน

บรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.ยะลา ยังคงมีหมอกควันจากไฟป่าพัดเข้ามาเข้ามาปกคลุมในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เบตง ซึ่งเป็นอำเภอที่มีชายแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 4 แล้ว เนื่องจากกระแสลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้พัดเอาหมอกควันกลับเข้ามาอีกละลอก โดยสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า มาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายนถึงวันนี้ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองเบตง ซึ่งพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ มีภูเขาล้อมรอบ สามารถมองเห็นหมอกควันได้ชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนให้ระวังระวังในเรื่องของอุบัติเหตุ เนื่องจากทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ดีอาจเกิดอุบัติเหตุได้
น.พ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา แนะนำวิธีป้องกันตนเองในช่วงภาวะหมอกควัน โดยให้ประชาชนใช้หน้ากากอนามัยปิดจมูกเวลาต้องออกไปนอกบ้าน พร้อมให้เฝ้าระวังรักษาสุขภาพของตนเองและผู้ใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็ก คนชรา และผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้




ที่มา: ผู้จัดการ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:12:51


ความคิดเห็นที่ 1730 (1568726)

ไทยจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติไทยจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ

 

ภัยพิบัติจากคลื่นสึนามิ เมื่อปี 2547 ทำให้ประเทศต่างๆ ในแทบเอเชียแปซิฟิก และทวีปแอฟริกา ตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชีวิต และทรัพย์สินจากภัยพิบัติ จึงได้มีการประชุมร่วมกัน เพื่อลดภัยพิบัติในระดับโลกขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น และได้มีมติให้มีการจัดทำมาตรการลดภัยพิบัติอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ ประเทศไทยได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในเชิงยุทธศาสตร์ปี 2553 -2562 เพื่อกำหนดทิศทางการลดความเสี่ยงภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งเป็น 4 ยุทธศาสตร์คือ ยุทธศาสตร์การป้องกันและลดผลกระทบ เช่น จะต้องมีการทบทวนกฎหมาย มีการบริหารจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน และทำแผนที่เสี่ยงภัย ต่อมาคือยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถของการเตือนภัย จัดทำแผนการป้องกันภัยทุกระดับ และมีการซักซ้อมแผน ถัดมาคือยุทธศาสตร์การบริหารจัดการฉุกเฉิน เช่น ต้องมีการตั้งศูนย์บริหารวิกฤตระดับชาติ การพัฒนาศักยภาพของระบบการสื่อสารฉุกเฉิน และยุทธศาสตร์การจัดการหลังเกิดภัย ต้องมีการประเมินความเสียหายเบื้องต้น ความต้องการของผู้ประกันภัย และจัดทำแผนฟื้นฟู
นายสุวิทย์ ยอดมณี ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ได้เสนอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทำบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโยลีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรจุการจัดการภัยพิบัติเป็นภารกิจร่วมกัน ที่ทุกหน่วยงานจะต้องให้ความสำคัญ และช่วยกันป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:14:25


ความคิดเห็นที่ 1731 (1568727)

พบคนบางระกำเครียดจัด-เสี่ยงฆ่าตัวตายเฉียดร้อยแล้ว

พิษณุโลก - หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ลงเรือท้องแบนที่บางระกำ จัด “ยาลดความเครียด” ให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม ระบุ พบผู้ป่วยโรคเครียดเสี่ยงฆ่าตัวตาย 78 ราย

วันนี้ (9 ก.ย.) ทีมสาธารณสุขอำเภอบางระกำ คณะแพทย์ พยาบาล และ จนท.โรงพยาบาลพุทธชินราช โรงพยาบาลบางระกำ ได้จัดชุดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ลงเรือท้องแบนไปบริการสาธารณสุขชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมบริเวณหมู่ที่ 6 บ้านหนองแพงพวย ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

นายชินวัฒน์ ชมประเสริฐ สาธารณสุขอำเภอบางระกำ เปิดเผยว่า วันนี้ ได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขัง พร้อมจัดชุด อสม.ดูแลผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด และหญิงที่เพิ่งคลอดทารกแรกเกิด และที่สำคัญ คือ ผู้ป่วยโรคเครียดจากภาวะน้ำท่วม นอกจากนี้หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ได้นำอาการแห้ง เครื่องดื่ม ไปมอบให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในต.ชุมแสงคราม อีกด้วย

กรณีผู้ป่วยโรคเครียดที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายนั้น นายชินวัฒน์ ยืนยันว่า ชาวอำเภอบางระกำในพื้นที่น้ำท่วมที่อยู่ในภาวะเสี่ยงถึงขั้นฆ่าตัวตายแล้วจำนวน 78 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 54 ที่สำรวจพบ 30 กว่าราย โดยมีสาเหตุความเครียดจากภาวะน้ำท่วมทรัพย์สิน นาข้าวเสียหาย และน้ำท่วมขังบริเวณบ้านเป็นเวลานาน จึงได้จัดทีม อสม.เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคเครียดทุกราย ทั้งการจัดยา"ลดความเครียด"พร้อมจัดทีมอาสาเข้าไปพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อผ่อนคลายภาวะเครียด

อย่างไรก็ตาม นับแต่ อ.บางระกำ ถูกน้ำท่วมมา ยังไม่พบเหตุการณ์ชาวบางระกำ ฆ่าตัวตายแต่อย่างใด

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:15:15


ความคิดเห็นที่ 1732 (1568728)
สร้างพลังจิตเพื่อสร้างคุณภาพชีวิต


 

โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย




 




การนั่งสมาธิ เรียกว่าวิธีนั่งสมาธิ ให้นั่งเอาขาขวาทับขาซ้ายขัดสมาธิ เอามือซ้ายวางลงที่ตัก เอามือขวาวางทับ ให้หัวแม่มือจรดกันเบาๆ อย่าให้กด ตั้งกายให้ตรง คือนั่งให้รู้สึกว่ากายตรงให้เป็นที่สบาย อย่าเกร็งกล้ามเนื้อหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย นั่งพอพยุงกายให้ตรงอยู่ อย่าให้เอียงซ้าย เอียงขวา อย่าก้มนัก อย่าเงยนัก ลองนั่งให้ตรง สง่าผ่าเผยเหมือนพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ อันนี้เป็นวิธีนั่ง

ต่อไปเป็นวิธีกำหนดจิตคือทำความรู้สึกที่จิตของตนเอง ความรู้สึกอยู่ที่ตรงไหน จิตของเราก็อยู่ที่ตรงนั้น เพื่อจะให้จิตมีฐานที่ตั้ง ให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก จะนึกพุทพร้อมลมเข้า โธพร้อมลมออกก็ได้ หรือใครจะไม่นึกอะไร เพียงแต่กำหนดรู้ลมหายใจซึ่งออกเข้าอยู่โดยธรรมชาติของการหายใจก็ได้ อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะเรียนให้รู้ธรรมชาติของร่างกาย ทำไมลมหายใจจึงชื่อว่าเป็นธรรมชาติของร่างกาย เพราะเหตุว่า เราจะตั้งใจก็ตาม ไม่ตั้งใจก็ตาม กายของเราก็หายใจอยู่โดยธรรมชาติ เพียงแต่เรากำหนดรู้ลมหายใจเฉยๆ อยู่ อย่าบังคับจิตให้สงบ แต่ประคองจิตให้รู้อยู่ที่ลมหายใจตลอดเวลา จิตของเราจะเป็นอย่างไร เราไม่คำนึงถึง คำนึงแต่ว่าจะรู้ที่ลมหายใจอย่างเดียว หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ หายใจสั้นรู้ หายใจยาวรู้ เพียงแต่เอารู้ตัวเดียวกำหนดรู้อยู่ที่ตรงนี้

การกำหนดรู้ลมหายใจเป็นหลักสาธารณะทั่วไป และการปฏิบัติสมาธิก็เป็นหลักสาธารณะทั่วไป ไม่สังกัดในลัทธิและศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะการฝึกสมาธินี้เราจะมาฝึกจิตของเราให้สามารถกำหนดรู้ธรรมชาติ การปฏิบัติธรรมหรือการเรียนธรรมก็คือเรียนให้รู้ธรรมชาติ วิชาการที่เราเรียนกันมาในศาสตร์ใดๆ ก็ตาม เป็นการเรียนรู้ธรรมชาติและกฎธรรมชาติทั้งนั้น การฝึกสมาธิไม่เฉพาะแต่เราจะมานั่งขัดสมาธิ หลับตากำหนดรู้ลมหายใจเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเรามีสติรู้อยู่กับเรื่องชีวิตประจำวันทุกขณะจิต ทุกลมหายใจ ก็ชื่อว่าเป็นการฝึกสมาธิทั้งนั้น

แต่เพื่อจะให้มีวิธีการเข้มข้นเข้าไปหน่อย เราจึงมาฝึกกันแบบมีพิธีรีตองอย่างที่เรามาฝึกกันอยู่เวลานี้ นอกจากเราจะมากำหนดรู้ลมหายใจแล้ว เราอาจจะนึกพุทพร้อมลมเข้า โธพร้อมลมออกก็ได้ หรือเราจะท่องบริกรรมภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น พุทโธ สัมมาอรหัง ยุบหนอ พองหนอก็ได้ หรือเราจะกำหนดรู้จิต คอยจ้องดูจิตของเรา เมื่อความคิดอะไรเกิดขึ้นให้มีสติกำหนดตามรู้ไปก็ได้ เป็นวิธีการฝึกสมาธิทั้งนั้น การฝึกสมาธิดังที่กล่าวมานี้ เราสามารถจะทำได้ทั้งในท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดิน ท่านอน ใช้อารมณ์อย่างเดียวกันเพราะสมาธิเป็นกิริยาของจิต การปฏิบัติสมาธิเป็นกิริยาของจิต ไม่ใช่การยืน เดิน นั่ง นอน แต่การยืน เดิน นั่ง นอนเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ เป็นการบริหารร่างกาย ว่าอย่างง่ายๆ ก็คือการออกกำลังกายนั้นเอง เพราะถ้าเรานั่งมากมันก็เมื่อยทรมานร่างกาย ต้องเปลี่ยนไปเดิน เดินมากทรมานก็เปลี่ยนเป็นยืน ยืนมากทรมานเปลี่ยนเป็นนอน เปลี่ยนอิริยาบถให้สม่ำเสมอเพื่อให้เกิดความคล่องกาย

ในเมื่อกายของเราคล่อง แคล่วว่องไว จิตของเราก็คล่องแคล่วว่องไวขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นยืน เดิน นั่ง นอนจึงเป็นท่าประกอบเท่านั้น แต่สมาธิที่แน่ๆ ก็คือกิริยาของจิต ดังนั้นเราจะปฏิบัติสมาธิในท่าไหนได้ทั้งนั้น ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด เพียงแค่มีสติสัมปชัญญะรู้พร้อมอยู่ ในขณะที่เราทำอะไรอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น เราทำสติตามรู้การยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด เป็นการเรียนให้รู้ธรรมชาติ ธรรมชาติของร่างกายย่อมมีการยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด นักปราชญ์ไม่ว่าในศาสนาใดๆ ท่านสอนมนุษย์ให้รู้จักความเป็นของตัวเองในเบื้องต้น ในเมื่อรู้จักความเป็น รู้จักธรรมชาติของตนเองได้ถ่องแท้แน่นอน การที่จะไปเรียนรู้ธรรมชาตินอกตัวเองนั้น จึงเป็นของไม่ยากนัก

เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้เราเรียนให้รู้ธรรมชาติของตนเอง ธรรมชาติของร่างกายต้องมีการยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูดและคิด ธรรมชาติของจิตก็เป็นผู้มีหน้าที่คอยบังคับบัญชาสั่งให้ร่างกายทำอะไร และเป็นผู้รับผิดชอบในกิจการทั้งปวงเพราะตนเองเป็นนาย ตนเองเป็นผู้สั่งการ สั่งการลงไปแล้วย่อมมีการรับผิดชอบจึงจะสมศักดิ์ศรีของผู้เป็นนาย

ดังนั้นในตัวของเรานี้ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว การปฏิบัติธรรมจึงอาศัยกายกับจิตทั้ง 2 อย่างเป็นของคู่กัน เป็นหลักของการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นวิธีการทั้งหลายนั้น เป็นแต่เพียงวิธีการสำหรับประกอบการปฏิบัติ แต่แท้ที่จริงสมาธิ สมาธิเป็นกิริยาของจิต

ในขณะนี้เรามานั่งกำหนดรู้ลมหายใจ เรามาเรียนรู้ธรรมชาติของลมหายใจ แต่เรารู้อยู่ เราก็จะรู้ว่าธรรมชาติของกายย่อมมีการหายใจอยู่เป็นปกติขาดไม่ได้ เมื่อเรามีสติกำหนดรู้อยู่ที่ลมหายใจ ลมหายใจยาวเราก็จะรู้ ลมหายใจสั้นเราก็จะรู้ ลมหายใจหยาบเรารู้ ลมหายใจละเอียดเรารู้ เอารู้ตัวเดียวเท่านั้น รู้นี่เป็นกิริยาของจิต ทุกคนมีจิตรู้กันทั้งนั้น ไม่เฉพาะแต่มนุษย์ สัตว์ก็มีจิตรู้ ทีนี้รู้ตัวนี้ไม่ได้สังกัดในลัทธิและศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น

ดังนั้นที่เรามาเรียนรู้ธรรมชาตินี้ เพื่อจะให้รู้ความจริงของกฎธรรมชาติ เมื่อรู้ความจริงของธรรมชาติแล้ว ก็ควรจะรู้ความจริงของกฎธรรมชาติด้วย กฎของธรรมชาติทั้งหลายนั้น ธรรมชาติอันนี้เป็นกายกับใจ สถานการณ์และสิ่งแวดล้อม ดิน ฟ้า อากาศ ซึ่งเรียกว่าจักรวาลทั้งสิ้นนี่แหละเรียกว่าธรรมชาติ ทีนี้กฎของธรรมชาติก็คือการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ ตั้งแต่อนูปรมาณูจนกระทั่งมวลสารที่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนใหญ่โต เขาย่อมตกอยู่ในกฎของธรรมชาติคือมีความเปลี่ยนแปลง มีปรากฏการณ์ขึ้นในเบื้องต้น ทรงตัวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดย่อมสลายตัว อันนี้เป็นหลักภาษาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นหลักสาธารณะทั่วไป

ส่วนบทบัญญัติของภาษาอินเดีย ความเปลี่ยนแปลง เขาเรียกว่า อนิจจัง ความทนไม่ได้อยู่ตลอดกาลเขาเรียกว่าทุกขัง ความสลายตัว เขาเรียกว่า อนัตตา ภาษาไทยว่าไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ตลอดกาล ไม่เป็นตัวของตัว อันนี้เป็นคำสมมติบัญญัติเท่านั้น แต่แล้วโลกทั้งโลกนี้ยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ทรงอยู่ สลายตัว เกิดขึ้น ทรงอยู่ สลายตัว อันนี้ภาษาโลกที่เขานิยมใช้กันโดยทั่วๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาในหลักวิทยาศาสตร์เขาใช้กัน แต่พวกอินเดีย เขาใช้คำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ไทยเรียกว่าเปลี่ยนแปลง ยักย้าย ทนอยู่กับที่ไม่ได้ ไม่เป็นตัวของตัวคือสลายตัวอยู่ตลอดเวลา

ที่เรามาฝึกหัดสมาธิ เพียงแค่กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น เมื่อเรามีสติปัญญาเกิดขึ้น เราจะรู้ว่าลมหายใจนี้มันก็เปลี่ยนแปลงมีออกมีเข้าอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นลมหายใจหยาบ ลมหายใจละเอียด เราก็รู้แต่ว่าลมหายใจมันเปลี่ยนจากหยาบเป็นละเอียด ละเอียดเป็นหยาบ แต่ในบางครั้งเมื่อจิตสงบเป็นสมาธิอย่างลึกซึ้งถึงขนาดกายหายไป ลมหายใจมันก็หายไปด้วยเพราะลมหายใจมันเป็นส่วนกายก็ยังเหลือแต่จิตสงบ นิ่ง เด่นรู้ สว่างอยู่ ใครภาวนาแบบไหนอย่างไรพอจิตสงบลงเป็นสมาธิแล้วก็นิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน ใครทำก็ได้ ถ้าทำจริง ไม่เฉพาะแต่ชาวพุทธผู้นับถือ พระพุทธศาสนา คนในศาสนาอื่นทำก็ได้ คนไม่มีศาสนาทำก็ได้ ในเมื่อทำลงไปแล้ว จิต สงบ นิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน ใครจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่จะสมมติบัญญัติ รู้เป็นธรรมชาติของจิต จิตเป็นธาตุรู้ จิตมีสภาวะรู้สึก รู้นึก รู้คิด แต่ถ้าขาดสติสัมปชัญญะจะไม่รู้จักดี จักชั่ว ไม่รู้จักผิด ไม่รู้จักถูก เพราะสติสัมปชัญญะของเรายังอ่อน เราจึงมาฝึกสมาธิเพื่อให้สติเพิ่มพลังเข้มแข็งขึ้น จะได้กำหนดรู้สิ่งต่างๆ ให้รู้จริงตามกฎของธรรมชาติ

ทีนี้กฎธรรมชาติทั้งหลายเหล่านี้ที่มันเกี่ยวข้องกับเรา เมื่อเราไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเป็นเราเป็นเขา เป็นของเราของเขา สิ่งที่เราถือว่าเป็นเราเป็นเขา เป็นของเราของเขานั้น เมื่อหากว่าสิ่งนั้นเป็นไปในทางที่เราไม่พอใจ เราก็เกิดทุกข์เพราะเราเอาความรู้สึกของเราไปขัดอยู่กับความเป็นไปของกฎ ธรรมชาติ

ดังนั้น นักปราชญ์ไม่ว่าในลัทธิและศาสนาใดๆ จึงสอนให้ทุกคนให้เรียนรู้กฎของธรรมชาติ เผื่อจะได้แก้ไขปรับปรุงธรรมชาติบางอย่างซึ่งพอที่จะเป็นไปได้ให้อยู่ในสภาพ ที่เป็นไปตามความต้องการของเรา เครื่องยนต์ เครื่องกลทั้งหลายต่างๆ วัตถุดั้งเดิมเขาเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ในดิน ในน้ำ แต่ผู้ฉลาดไปค้นคว้าคิดเอามาสร้างนู่นสร้างนี่ สร้างรถยนต์ สร้างเครื่องบิน สร้างจรวด สร้างปรมาณู นิวเคลียร์ เอามาเป็นพลังงานสำหรับเป็นเครื่องปฏิกรต่อชีวิตหรือทำลายซึ่งกันและกัน

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ดั้งเดิมวัตถุมาจากธรรมชาติ แต่ผู้ที่มีความฉลาดเฉลียว ก็สามารถเอามาดัดแปลงแต่งเป็นโน่นเป็นนี่ให้ใช้ในประโยชน์แก่ชีวิตของเราได้ ทีนี้ธรรมะอันเป็นธรรมชาติส่วนหนึ่งซึ่งเป็นนามธรรม ซึ่งเป็นรูปธรรม นามธรรม เราก็สามารถที่จะฝึกฝนอบรมสร้างสมรรถภาพให้เข้มแข็ง มีพลังทางสติปัญญาเพื่อเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตประจำวัน เป็นการดัดแปลงธรรมชาติเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ อันนี้เป็นวิสัยของมนุษย์จะต้องเป็นไปอย่างนั้น มนุษย์จะปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามบุญตามกรรมเหมือนอย่างสัตว์เดรัจฉานนั้น มันก็ย่อมไม่สมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

ดังนั้นมนุษย์จึงมีการสร้างแก้ไข เปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตของตนเอง สุดแล้วแต่ความสามารถสติปัญญาของผู้ใดจะสามารถทำได้ แม้เราไม่ได้คำนึงถึงการที่จะสร้างวัตถุ แต่เรามาสร้างพลังจิตพลังใจของเราให้มีสติสัมปชัญญะ มีปัญญา แก้ไขปัญหาชีวิตประจำวันปรับปรุงชีวิตของเราให้เป็นอยู่ได้สบายในสังคม ก็เป็นการเพียงพอสำหรับการปฏิบัติธรรม

ดังนั้นการทำสมาธินี้จึงเป็นอุบายวิธีอันหนึ่งเพื่อสร้างพลังดังที่กล่าวมา แล้วนั้น เพื่อสร้างจิต สร้างใจ สร้างชีวิตของเราให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น เราจะได้สามารถทำธุรกิจการงานต่างๆ ด้วยความมั่นใจ ด้วยความมีสติสัมปชัญญะ เพื่อเป็นการสร้างสรรชีวิตของตนเองและสังคม ให้มีความเจริญมั่นคงสืบไป

ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฝึกฝนอบรมเอาให้ได้ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ต้องอาศัยสมาธิทั้งนั้นแหละ พวกทำสมาธิส่วนใหญ่ก็มุ่งสู่พระนิพพาน แต่เมื่อเรายังไม่ถึงพระนิพพาน เราก็ต้องหาเอาประโยชน์ในระหว่างทางให้ได้ ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลายจงพึงกำหนดจิตรู้ ลมหายใจออก หายใจเข้า กำหนดรู้อยู่เฉยๆ ในช่วงที่ท่านกำหนดรู้ลมหายใจอยู่ ถ้าหากมีอาการเคลิ้มๆ เหมือนกับง่วงนอน ก็ให้มีสติกำหนดรู้อยู่เฉยๆ หากมีการรู้สึกอึดอัดหรือหนักหน่วงตรงต้นคอ หรือเวียนศรีษะ ก็กำหนดรู้อยู่เฉยๆ กำหนดรู้ลมหายใจไว้เป็นหลัก ถ้าหากว่าจิตปล่อยวางลมหายใจ จิตมีอาการเคลิ้มวูบวาบลงไป ถ้าไปคิดสิ่งอื่นขึ้นมา ก็ควรปล่อยให้คิดไป แต่ให้มีสติตามรู้ไปทุกขณะที่จิตมีความคิด ให้ปฏิบัติสลับกันไปอย่างนี้ พยายามทำให้มากๆ อบรมให้มากๆ ในขณะที่ปฏิบัติอยู่ อย่าไปบังคับจิตให้สงบ หน้าที่ของเรากำหนดรู้ลมหายใจและอารมณ์ภาวนาอยู่เท่านั้น เมื่อใดจิตจะสงบก็อย่าไปคิด เมื่อใดจะรู้จะเห็นก็อย่าคิด ให้รู้อยู่ที่สิ่งรู้ในปัจจุบันเท่านั้น

ความสงบของจิตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของจิตไป ความรู้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของจิตไป ส่วนความรู้สึกในความตั้งใจ จิตจะรู้หรือไม่รู้ ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ตรงที่กำหนดรู้อารมณ์จิตในขณะนี้ แล้วเมื่อเรากำหนดรู้อารมณ์จิตในขณะนี้ จิตของเราก็จะมีความสัมพันธ์กับอารมณ์จิตเอง เมื่อมีอารมณ์สัมพันธ์กับจิต จิตมีอารมณ์เป็นสิ่งที่กำหนดรู้อยู่ อารมณ์กับจิตไม่พรากจากกัน เราจะกำหนดก็ตาม ไม่กำหนดก็ตาม เราก็รู้อารมณ์จิตของเราอยู่อย่างนั้น นั่นแสดงว่าจิตได้วิตก มีสติรู้อยู่ได้วิจาร ถ้าเกิดมีปีติ สุข เอกคักตาก็ได้ปีติ สุข เอกคักตา ถ้าจิตเสวยวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกคักตาอยู่เป็นเวลานานๆ ก็ได้ปฐมฌาน คือ ฌานที่ 1 อันนี้เป็นวิธีการนั่งสมาธิ ปฏิบัติสมาธิในท่านั่ง

ทีนี้ปฏิบัติสมาธิในท่าเดินเรียกว่าเดินจงกรม ก็กำหนดอารมณ์อย่างเดียวกับการนั่ง ปฏิบัติสมาธิในท่าเดินเรียกว่าเดินสมาธิ ปฏิบัติสมาธิในท่ายืนเรียกว่ายืนสมาธิ กำหนดอารมณ์อย่างเดียวกัน เวลานอน นอนสีหไสยาสน์ นอนตะแคงข้างขวา เอาเท้าซ้ายเหลื่อมเท้าขวานิดหน่อย วางมือแนบกับใบหน้า จะพนมมือก็ได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:17:57


ความคิดเห็นที่ 1733 (1568729)

เมืองตราดอ่วม! น้ำท่วมหนักหลายตำบลใน 2 อำเภอ พื้นที่เกษตรเสียหาย

 

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของจังหวัดตราดยังน่าเป็นห่วง ขณะที่ปริมาณฝนในพื้นที่ยังมีต่อเนื่อง ส่งผลให้บ้านเรือน-บ่อกุ้ง และพื้นที่การเกษตรของได้รับความเสียหายในวงกว้าง ด้านปภ.ตราด ห่วงปัญหาดินถล่มในพื้นที่เ กาะช้าง หากฝนยังไม่หยุดตก

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดตราดว่า ยังคงมีน้ำท่วมหนักในพื้นที่อำเภอเมืองตราด โดยมี 3 ตำบลที่ได้รับความเดือนร้อน ประกอบด้วย ตำบลท่ากุ่ม ตำบลห้วยแร้งและตำบลท่าพริก ขณะที่ฝนยังคงตกลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ทำให้ถนนหลายสาย รวมทั้งถนนสุขุมวิทช่วงบ้านสวนใน ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง มีระดับน้ำสูงถึง 30-80 เซ็นติเมตร

โดยนางกมวลวรรณ แทพย์สิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่ากุ่ม ได้สรุปสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดในพื้นที่ 8 หมู่บ้านว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,000 ครัวเรือน ส่วนถนนสายเนินสูง-ด่านชุมพล ถนนสายบ้านจันทิ-ท่าพริกและถนนสายท่ากุ่ม-เขาฉลาด น้ำยังท่วมถนน ขณะที่บ้านเรือน สวนยางพารา สวนปาล์ม นาข้าวมีน้ำยังท่วมสูงประมาณ 150 เซนติเมตร โดยมีนากุ้งที่ได้รับความเสียหายจำนวน 28 บ่อ

ส่วนในพื้นที่ตำบลห้วยแร้ง ระดับน้ำในคลองห้วยแร้ง และคลองสายหลักมีระดับน้ำสูงและมีบางส่วนน้ำท่วมแล้วในหลายหมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรบางส่วนมีน้ำท่วมสูลและมีบ้านเรือนประชาชน 30 หลังเรือนถูกน้ำท่วมระดับ 50- 100 เซ็นติเมตร

ขณะที่ในพื้นที่อำเภอในเขาสมิง โดยเฉพาะในเขตตำบลประณีต มีน้ำท่วมใน 4 หมู่บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำเวฬุ บ้านเรือนราษฏร 50-60 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วมสูงระหว่าง 50-100 เซ็นติเมตร พื้นที่การเกษตรกว่า 1,000 ไร่จมน้ำ เช่นเดียวกับในพื้นที่ 3 ตำบลคือตำบลเขาสมิง ตำบลวังตะเคียน และตำบลเทพนิมิต น้ำจากคลองโสน คลองสะตอ และคลองเขาสมิง มีระดับท่วมริมฝั่งสูงกว่า 1 เมตร และมีแนวโน้มว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก เนื่องจากฝนตกอย่างต่อเนื่อง

ด้านเกาะช้าง มีฝนตกหนักตั้งแต่เช้าวันนี้( 10 กันยายน) ทำให้เกิดน้ำท่วมถนนในหลายช่วง เช่นที่บ้านหาดทรายขาว ระดับสูง 30-50 เซนติเมตร บ้านไก่แบ้ น้ำไหลจากคลองมีระดับความสูงกว่า 1 เมตร เอ่อล้นท่วมถนนหน้าโรงแรมเดอะคิว ทำให้รถยนต์สัญจรไปมาด้วยความลำบาก

นายธนะ พรมดวง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธรณภัยจังหวัดตราด กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่อยู่ในระดับทรงตัว ซึ่งหากฝนไม่ตกลงมาเพิ่ม สถานการณ์น้ำก็จะลดลงสู่สภาวะปกติในเร็ว ๆ นี้ แต่ที่น่าเป็นห่วงอยู่ที่อำเภอเกาะช้างซึ่งมีฝนตกหนักในระดับ 90 มม./วัน อาจจะทำให้เกิดดินสไลด์ โดยเฉพาะสัปดาห์หน้าซึ่งจะะมีฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 11-13 กันยายน 2554

ขณะที่นายชะลอ ใบเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด พร้อมด้วยนายธนะ พรมดวง ปกครองจังหวัด นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ นายอำเภอเมืองตราด ได้นำถุงยังชีพจำนวน 1,000 ถุงมอบให้กับผู้ประสบภัย และมอบเงินจากสภากาชาดจำนวน 5,000 บาทให้กับญาติของนางสุนทรี เกตุสุพรรณ ที่เสียชีวิตจากน้ำท่วม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:19:36


ความคิดเห็นที่ 1734 (1568730)

ฝนถล่มอ่างทอง ดินสไลด์ลง พระขนของหนีน้ำ




 

ฝนถล่มอ่างทอง คันกั้นน้ำพัง ดินสไลด์ลงมาหน้าวัดเสาธง พระ-ชาวบ้านขนของหนีน้ำจ้าละหวั่น โวยราชการทำถนนมั่ว ชาวนาเร่งเกี่ยวข้าวในเวลากลางคืน...

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ จ.อ่างทอง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้นเป็น 8.87 เมตร และยังจะเพิ่มระดับขึ้นอีก และคาดว่า มากกว่าปี 2553 ทำให้น้ำที่เอ่อล้นตลิ่ง ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำและคลองสาขา ขยายวงกว้างออกไป ขณะเดียวกันได้มีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นอีก นอกจากนั้นน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ยังทำให้คันดินกั้นน้ำบริเวณหน้าวัดเสาธงทอง ม.1 ต.จำปาหล่อ อ.เมืองอ่างทอง สไลด์ทรุดตัวลง จึงถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนพังทลายเป็นแนวยาว กระแสน้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว พระ-เณรวัดเสาธงทอง ต้องลุยฝ่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว รีบขนย้ายทรัพย์สินของวัด รวมทั้งสัตว์เลี้ยงภายในวัดกันอย่างโกลาหล และประชาชนในพื้นที่หมู่ 1 ต.จำปาหล่อ จำนวนกว่า 60 หลังคาเรือน ต่างรีบขนย้ายข้าวของออกจากบ้าน เพื่อมาอาศัยริมถนนสายอ่างทอง-ป่าโมก เป็นการชั่วคราว เนื่องจากบ้านจมน้ำหมดแล้ว
ขณะเดียวกัน นายชัย สุวพันธุ์ นายกเทศมนตรีเมืองอ่างทอง ได้ออกประกาศเตือนภัยสถานการณ์น้ำท่วมฉบับที่ 4/2554 ว่า ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงถึง 8.87 เมตร และคาดว่าอีก 2-3 วัน จะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับสูงกว่า 9 เมตร จึงขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วม โดยเตรียมขนย้ายสิ่งของมีค่าและสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่ปลอดภัย และเฝ้าติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น ยังขอความร่วมมือประชาชน พลังมวลชน ออกมาช่วยกรอกกระสอบทราย เสริมแนวพนังกั้นน้ำในจุดเสี่ยงด้วย

เช่นเดียวกับที่บริเวณถนนเลียบเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดชัยมงคล ต.ตลาดหลวง อ.เมือง แรงดันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีระดับสูงกว่าพื้นดินถึง 1.5 เมตร ได้กัดเซาะใต้แนวเขื่อน และดันพื้นถนนผุดขึ้นมา เป็นโพรงขนาดใหญ่อีกจุด กระแสน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบริเวณวัดอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองอ่างทอง ร่วมกับกำลังชมรมสามล้อแดง ช่วยกันกรอกกระสอบทราย และนำไปวางล้อมจุดที่มีน้ำผุดเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมวัดจนเสียหาย
ด้าน พระครูวิเศษชัยวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดชัยมงคล กล่าวว่า ที่วัดของอาตมา เคยป้องกันน้ำท่วมมาได้ตลอด แม้แต่ปี 2549 ที่น้ำท่วมหนักที่สุด ทุกพื้นที่จมน้ำหมด แต่วัดชัยมงคล ไม่ถูกน้ำท่วมเพราะสามารถป้องกันไว้ได้ เนื่องจากเขื่อนหน้าวัดที่อาตมาสร้างเองนั้น มีความแข็งแรง เพราะมีแนวพนังคอนกรีต 2 ชั้น และพื้นถนนเทคอนกรีตเสริมเหล็กหน้า 20 ซม. แต่ตอนนี้ทางการมาปรับปรุงถนนเลียบเขื่อนเป็นถนนลาดยาง โดยขุดเอาพื้นคอนกรีตที่อาตมาสร้างไว้ออกไปหมด ทั้งที่อาตมาได้ขอร้องว่า ขอให้ไปทำหลังจากฤดูน้ำหลากผ่านไปก่อน แต่เขาไม่ยอมจึงถูกแรงน้ำดันพังแบบนี้

ส่วนที่ ต.คลองวัว อ.เมืองอ่างทอง ชาวนาได้เร่งว่าจ้างรถลงเกี่ยวข้าวในแปลงนา ทั้งที่ข้าวยังเขียวไม่แก่เต็มที่ เพื่อหนีน้ำที่กำลังจะถูกปล่อยลงทุ่งนา แต่ตอนกลางวันรถเกี่ยวข้าวส่วนใหญ่ ถูกจองคิวกันเต็มหมด สุดท้ายชาวนาใน ต.คลองวัว จึงพร้อมใจกัน ว่าจ้างรถเกี่ยวข้าวหลายคัน ลงลุยเกี่ยวข้าวในนาในเวลากลางคืน ถึงแม้ว่ามีฝนตกลงมา และต้องเสียค่าจ้างแพงกว่าปกติ เพื่อให้ทันเวลาที่กรมชลประทานประกาศไว้ คือวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก เพราะเกรงว่า หากเก็บเกี่ยวไม่ทันในคืนนี้ น้ำที่ระบายลงมาและยังมีน้ำฝนที่ตกอย่างหนัก จะทำให้ข้าวจมน้ำเสียหายหมด

นายหล่ำ บุญเชิดชาย อายุ 45 ปี ชาวนา ต.คลองวัว เปิดเผยว่า ทำนาไว้กว่า 20 ไร่ ต้องเร่งเก็บเกี่ยวในเวลากลางคืน เนื่องจากกลัวนาจมน้ำ ถึงแม้ว่าเกี่ยวข้าวมาแล้วจะขายไม่ได้ราคา แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ผลผลิตเลย

ด้าน นายวิศว ศะศิสมิต ผวจ.อ่างทอง เปิดเผยว่า เมื่อคืนมีฝนตกในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ปริมาณน้ำฝนกว่า 30 มิลลิลิตร ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมเพิ่มขึ้นอีก 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน ในพื้นที่ อ.วิเศษชัยชาญ ราษฎรเดือดร้อนเพิ่ม 84 ครัวเรือน จำนวน 420 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 9,761 ไร่ เกษตรกรประสบภัยเพิ่ม 732 ราย และในช่วงเย็นวันนี้ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษา หน.พรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วย นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของแก่ผู้ประสบภัยที่ หมู่ 4 ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง 500 ชุด และที่องค์การบริหารส่วนตำบลโผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง 600 ชุด

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:21:02


ความคิดเห็นที่ 1735 (1568731)

พายุถล่มสุไหงปาดี บ้านเสียหายกว่า 30 หลัง บาดเจ็บ 1

วันที่ 10/09/2554 14:00 (ผ่านมา 4 ชั่วโมง 33 นาที)





พายุถล่มสุไหงปาดี ต้นไม้โค่นทับบ้านเสียหายกว่า 30 หลัง บาดเจ็บ 1 ชาวบ้านไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งคืน ขณะที่การไฟฟ้าสุไหงปาดี ส่งเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมไฟฟ้าแล้ว คาดจะสามารถใช้ได้เร็วๆนี้

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความแปรปวนของสภาพภูมิอากาศจากพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมาได้เกิดสภาวะฝนตกลงมาอย่างหนักและลมกระโชกแรง ส่งผลทำให้บ้านเรือนของราษฎรในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านบอเกาะหมู่ 3 บ้านบาโงมาแย และหมู่ 6 บ้านกะลูบี ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ได้รับความเสียหายกว่า 30 หลังคาเรือน โดยกระเบื้องมุงหลังคาได้รับความเสียหายถูกพายุพัดปลิวว่อนกระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้าง ต้นไม้ใหญ่ได้หักโค่นล้มทับบ้านเรือนของราษฎร

โดยบ้านของนางมูรีกะห์ มะแซ อายุ 38 ปี เลขที่ 153 ม.6 บ้านกะลูบี ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส จนได้รับบาดเจ็บขณะนอนหลับอยู่ในบ้านพัก ซึ่งขณะนี้ทางญาติได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงปาดีแล้วตั้งแต่ช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา

นอกจากนี้จากสภาวะผลพวงดังกล่าว ต้นไม้ใหญ่ได้โค่นทับเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหายหลายจุด จนชาวบ้านไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งคืน ซึ่งล่าสุดในช่วงเช้าทางสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาสุไหงปาดี ได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปซ่อมแซมระบบเสาส่งไฟฟ้าเพื่อให้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับราษฎรโดยเร็วที่สุดแล้ว

ไทยรัฐออนไลน์

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:23:11


ความคิดเห็นที่ 1736 (1568732)

ศอส.เตือน 4 จังหวัด

เสี่ยงน้ำป่าไหลหลาก


วันศุกร์ ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554
 
ศอส.เตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดตราด จันทบุรี แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เฝ้าระวังดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก
ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชน ในช่วงวันที่ 9- 12 กันยายน 2554 จะมีฝนตกชุกหนาแน่น ในพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 9 - 10 กันยายน 2554 พร้อมนี้ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณ
1.อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ และอำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด 2.อำเภอขลุง อำเภอมะขาม และอำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี 3.บ้านจอมแจ้ง บ้านนาคาว บ้านวังยาว และบ้านป่ากล้วย ตำบลแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 4.บ้านชมพูเหนือ ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก-ให้ติดตามตรวจวัดปริมาณน้ำฝนที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดภัย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 01:26:41


ความคิดเห็นที่ 1737 (1568745)

น้องทรายและน้องโปร

ขออนุโมทนาบุญกับ

คุณอาริยา รัตนพรศิริ ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 09:23:41


ความคิดเห็นที่ 1738 (1568891)

 

พี่อาริยาขออนุโมทนาบุญกับ น้องทราย เเละ น้องโปร ค่ะ  ขอเอาบุญมาฝากทุกท่านเเละร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ   วันนี้ได้มีโอกาสไปร่วมบุญนำอาหารเเห้งปัจจัยร่วมกับผู้ใจบุญหลายท่านถวายที่วัดหนองพโยม ตำบล บางระกำ จ พิษณุโลก  เมื่อวานก็มีผู้ใจบุญคณะลูกศิษย์หลวงพ่อฤษีลิงดำมาเเจกของที่วัดให้กับชาวบ้าน1,000 ชุด ได้เห็นท้องทุ่งนาบ้านท่วมมิดขึ้นมาที่ถนนเเล้วอยากขออนุญาติเชิญชวนทุกท่านหากมีโอกาสช่วยเหลือผู้ประสพภัยกันค่ะ  สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 00:55:16


ความคิดเห็นที่ 1739 (1568892)

น้ำท่วม! ม.จามจุรี จ.นครราชสีมา ปชช.ขนของหนีน้ำด่วน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กันยายน 2554 19:02 น. 

       ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของ จ.นครราชสี นานกว่า 3 วัน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ เช่น โครงการหมู่บ้านจัดสรรจามจุรี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านหนองตะลุมปุ๊ก หมู่ที่ 10 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา และเป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังซ้ำซาก มานานกว่า 4 ปี ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ตลอดทั้งวานนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมภายในหมู่บ้านแล้วประมาณ 10 ซ.ม. ขณะที่บริเวณถนนปากทางเข้าหมู่บ้าน และพื้นที่โดยรอบมีน้ำท่วมขังสูงกว่า 35 ซ.ม. โดยทางองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวศาลา ได้ใช้รถกระจายเสียงออกประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยภายในหมู่บ้านกว่า 100 หลังคาเรือน เตรียมอพยพข้าวของไว้บนที่สูง และให้นำรถยนต์ขนาดเล็ก ออกจากหมู่บ้านมาจอดไว้ที่ริมถนนสาย ราชสีมา - โชคชัย ด้านหน้าหมู่บ้านเป็นการเร่งด่วน ตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้บริเวณริมถนนสายราชสีมา - โชคชัย ด้านหน้าหมู่บ้านจัดสรรจามจุรี มีรถยนต์ที่ชาวบ้านนำมาจอดทิ้งไว้ริมถนน เพื่อหนีน้ำที่กำลังเอ่อท่วมแล้วกว่า 30 คัน ระยะทางยาวกว่า 500 เมตร
 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 00:56:34


ความคิดเห็นที่ 1740 (1568894)

ตรัง - น้ำท่วมปะเหลียน รถตกถนน ช่วยคนได้หวุดหวิด



ฝนตกหนัก น้ำท่วมต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง รถกระบะโฟร์วีลถูกน้ำพัดตกถนน กำนันและชุดชรบ.เข้าช่วยคนในรถรอดหวุดหวิด หวั่นน้ำทะลักท่วมอ.ย่านตาขาวที่อยู่ติดกัน...
 

เมื่อเวลา 16.30 น. 11 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากนายวิเชษฐ์ คงอินทร์ อายุ 46 ปี กำนัน ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ว่า ขณะนี้หลังจากฝนตกหนักติดต่อกันตั้งแต่คืนวันที่ 10 ก.ย. สภาพน้ำได้ล้นจากคลอง และไหลทะลักจากเทือกเขาบรรทัด เข้าท่วมหมู่บ้านใน ต.ปะเหลียน จำนวน 5 หมู่บ้านแล้ว คือ ม.1 ม.8 ม.9 ม.12 และ ม.15 ในสภาพที่ไหลเชี่ยวมาก และสภาพปริมาณน้ำจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาประมาณ 10 นาที จะเพิ่มขึ้นประมาณ 6 เซนติเมตร

นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า ที่ถนนหัวสะพานปะเหลียน ทางเข้าบ้านไม้หาร ม.15 มีรถกระบะโฟร์วีล สีเขียว ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนของนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด ถูกน้ำพัดตกจากถนน จนน้ำท่วมแทบมิดตัวรถ จากการตรวจสอบ พบว่าผู้โดยสารในรถมีผู้หญิงและคนชรา 7 คน ผู้ชาย 4 คน และเด็ก 2 คน ต้องหนีน้ำขึ้นไปอยู่กันแน่นกันบนหลังคา กำนันต้องระดมชาวบ้านและชุดชรบ.ใช้เชือกไต่เป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 100 เมตร และสามารถนำทุกคนขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ก่อนจะมุ่งหน้าไปดูแลพื้นที่หมู่บ้านอื่นต่อไป เพราะคาดว่าสภาพน้ำอาจจะเพิ่มและท่วมหนักในคืนนี้ จึงต้องประกาศให้ทราบกันทั่วทุกหมู่บ้าน และพื้นที่ใกล้เคียง

ขณะที่ ต.แหลมสอม ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกัน นายสมเกียรติ เส็นขาว กำนัน ต.แหลมสอม ได้แจ้งว่า ขณะนี้น้ำไหลเชี่ยวเข้าท่วม ม.2 ม.3 ม.7 ม ซึ่งม.3 มีบ่อเลี้ยงปลาของชาวบ้านถูกน้ำท่วมจมไปแล้วหลายบ่อ ยังประเมินค่าเสียหายไม่ได้ และที่ม.7 นาข้าวกำลังเติบโตไม่น้อยกว่า 50 ไร่ ได้รับความเสียหาย ถูกน้ำท่วมหมดแล้ว และปริมาณน้ำขณะนี้กำลังไหลทะลักเข้าท่วม ม. 5 ม.6 และ ม.11 ซึ่งกำนันกำลังเข้าช่วยเหลืออพยพคนและสัตว์เลี้ยงขึ้นไปอยู่บนถนนในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่สูงอย่างปลอดภัยแล้ว ส่วนที่อ.ย่านตาขาว ซึ่งเป็นปลายทางสายน้ำคลองของอ.ปะเหลียน ขณะนี้น้ำเริ่มล้นตลิ่งในบางพื้นที่แล้ว แต่ยังไม่มีผลกระทบให้เกิดความเสียหาย หากน้ำยังท่วมอ.ปะเหลียนอยู่ในวันนี้ คาดว่าไม่เกินพรุ่งนี้ ปริมาณน้ำอาจจะไหลทะลักเข้าท่วม อ.ย่านตาขาว ต่อไป



ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวภูมิภาค
11 กันยายน 2554, 21:30 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 00:57:59


ความคิดเห็นที่ 1741 (1568895)

263 หมู่บ้านสุโขทัยอ่วมรอบ 8 ยอดตายพุ่ง 8 ศพ

สุโขทัย - พื้นที่ 4 อำเภอ 43 ตำบล 263 หมู่บ้านของสุโขทัยอ่วมอีก หลังน้ำท่วมสูงเป็นรอบที่ 8 ถนนสายสุโขทัย-ศรีสำโรง ใกล้ขาดซ้ำ ขณะที่ชาวบ้าน-พระสงฆ์ ร่วมลงแรงขนกระสอบทราบล้อมอาคารโรงเรียนบ้านปากแคว หวังให้เด็กเรียนได้พรุ่งนี้ (12 ก.ย.) หลังต้องปิดยาวกว่าเดือน ขณะที่ยอดชาวบ้านสังเวยน้ำท่วมปีนี้ เพิ่มเป็น 8 ศพแล้ว
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย วันนี้ (11 ก.ย.) ว่า กลับเข้าสู่วิกฤตอีกครั้ง หลังมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ ประกอบกับน้ำเหนือไหลบ่าลงมาหนุน ทำให้บ้านเรือนราษฎร 263 หมู่บ้าน 43 ตำบล ในพื้นที่ 4 อำเภอ ถูกน้ำท่วมสูงเป็นระลอกที่ 8 ส่วนถนนสายสุโขทัย-ศรีสำโรง ตรงบริเวณหมู่ 6 (สายหลัง) ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ที่ขาด 3 ช่วง และมีการนำสะพานเหล็ก มาวางเชื่อมให้สัญจรได้แล้วนั้น ล่าสุด แขวงการทางสุโขทัย ต้องเร่งนำไม้ยูคา และกระสอบทราย เข้าไปซ่อมแซมใต้คอสะพาน เนื่องจากถูกกระแสน้ำกัดเซาะ จนได้รับความเสียหายเพิ่ม
       
       ส่วนที่โรงเรียนบ้านปากแคว ทางพระสงฆ์พร้อมด้วยชาวบ้าน รวมเกือบ 100 คน ได้ช่วยกันขนกระสอบทราย ทำแนวล้อมตัวอาคารเรียน เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง และให้เด็กนักเรียน สามารถมาเรียนได้ตามปรกติ ในวันจันทร์นี้ (12 ก.ย.) เพราะที่ผ่านมา โรงเรียนถูกน้ำท่วม จนต้องหยุดยาวมานานเกือบ 1 เดือนแล้ว
       
       สำหรับในพื้นที่ตัวเมืองสุโขทัย ทางเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ก็ได้ทำการระบายน้ำออกอย่างเร่งด่วน หลังจากมีน้ำยมทะลักผ่านท่อเข้ามาท่วมบ้านเรือน ร้านค้า และถนน ในหลายชุมชมของเขตเทศบาล
       
       ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วม จ.สุโขทัย มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 120,000 คน รวมเสียชีวิต 8 ราย และมีนาข้าวเสียหายอีกกว่า 300,000 ไร่

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 00:59:28


ความคิดเห็นที่ 1742 (1568896)

พิษณุโลก- ตำบลวังทอง ถนนมีน้ำท่วมระดับ 40-50 ซม.รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้

สถานการณ์น้ำท่วม ตำบลวังทอง อำเภอวังทอง พิษณุโลก น้ำท่วมเป็นระลอกที่ 4 แล้ว ถนนมีน้ำท่วมตั้งแต่ ม4 บางสะพาน ตลอดเส้นทางไปจนถึง ตำบลวังพิกุล ม.7 ตำบลวังทอง ถนนมีน้ำท่วม เนื่องจากท่อระบายน้ำมีระยะห่าง และมีขนาดเล็ก โดยมีระดับน้ำท่วมสูง 40-50 ซม. รถยนต์ไม่สามารถผ่านได้ ด้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7พร้อมประชาชนนำรถไถพ่วงได้ช่วยกันรับส่งประชาชนเข้าออก ภายในหมู่บ้าน และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชน ขณะในพื้ที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง และยังมีรายงานว่าฝนตกในพื้นที่ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ คาดว่าในคืนนี้สถานะการณ์น้ำน่าจะเพิ่มขึ้นอีก

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:00:50


ความคิดเห็นที่ 1743 (1568897)
 
 
น้ำท่วมฉับพลันต.เขาพระเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน


ที่จ.นครนายก หลังจากฝนตกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ที่ หมู่ 8 ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก

นายพงษ์สวัสดิ์ ธีระวัฒนกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาพระ เปิดเผยว่า น้ำได้เอ่อท่วมจากคลองห้วยทรายและคลองมะนาว ซึ่งเป็นต้นน้ำ พื้นที่ๆได้รับความเสียหายประกอบด้วยหมู่ที่ 5,8,9,10,11,12,13 มีจำนวนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย 100 หลังคาเรือน ระดับน้ำที่ท่วมสูงเฉลี่ย 60 เซนติเมตร การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ได้ประสานความช่วยเหลือจากทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก จัดรถแบ๊คโฮมาขุดถนนที่ถูกน้ำท่วมตัดขาดบริเวณหมู่ที่ 12 โดยจะใช้เสาคอนกรีตทำสะพานชั่วคราวให้ชาวบ้านใช้บรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน ในระยะยาวได้วางแผนเปิดทางน้ำในตำบลจำนวน 12 จุด คาดว่าหากแล้วเสร็จ จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างถาวร

นายสัมฤทธิ์ พิจารณา ชาวบ้านม.8 ต.เขาพระ กล่าวว่า น้ำได้สูงเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 01.00 น. จากนั้นน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่สามารถขนย้ายสิ่งของออกมาได้ทัน


เนชั่นทันข่าว 10 กันยายน 2554 20:32 น.




 
น้ำแม่กวงทะลุจุดวิกฤตลำพูนเตือนประชาชนรับมือ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 ก.ย. สถานการณ์น้ำแม่กวงที่สถานีโทรมาตรตรวจวัดข้อมูลอุทกวิทยาเพื่อการพยากรณ์น้ำและเตือนภัย ต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน ที่จุดวัดระดับน้ำ P.5 สะพานท่านาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน อยู่ที่ระดับ 5.10 เมตร เกินจุดวิกฤตเดิมที่ 5 เมตร

นายสกล หาญพิทักษ์กุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จ.ลำพูน เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 10-12 ก.ย.นี้ ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ระดับน้ำแม่กวงสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมได้ ขอให้ประชาชนได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น


เนชั่นทันข่าว 10 กันยายน 2554 20:48 น.


 
รพ.มวกเหล็กระดมถุงทรายกั้นน้ำป่า

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 10 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากฝนตกตลอดทั้งวัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมริมถนนมิตรภาพระหว่างกม.ที่ 22-23 หมู่ 5 และ 9 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี รถยังสามารถวิ่งผ่านได้อย่างช้าๆ

หน่วยกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน จุด อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ร่วมกับ กู้ภัยร่วมกตัญญู สระบุรี พร้อมอาสาของอำเภอมวกเหล็ก เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลมวกเหล็ก ช่วยกันบรรจุทรายใส่ถุงปุ๋ย นำไปวางกั้นกันน้ำป่าที่เริ่มไหลทะลักเข้ามาล้นคลองน้ำที่ไหลผ่านกลางโรงพยาบาล

โดยทางพยาบาล เจ้าหน้าที่ ที่เข้าเวร ของโรงพยาบาล อ.มวกเหล็ก ต่างเตรียมพร้อมเฝ้าระวังนำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง หากมีปัญหาเกิดขึ้น ได้เตรียมแผนการย้ายผู้ป่วย จำนวน 30 เตียง ไปยังโรงพยาบาล อ.แก่งคอย และโรงพยาบาลสระบุรี ไว้แล้ว หากถึงเวลานั้นจริงๆ จะไปปลุกเจ้าหน้าที่ที่ออกเวรมาช่วยกันขนย้ายผู้ป่วยด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 19.30 น. อ่างเก็บน้ำเขารวก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามกลั่น ต.หนองปลาไหล อ. เมือง จ.สระบุรี ขนาดบรรจุน้ำประมาณ 7,500 ลูกบาศก์ เป็นอ่างดิน เกิดแตกทำให้น้ำไหลทะลักลงสู่เบื้องล่าง เบื้องต้นทราบว่า มีบ้านถูกน้ำพัดสูญหายไป 1 หลังคาเรือน มีอีกหลังคาเรือนหนึ่งยังไม่ทราบชะตากรรม กำลังตรวจสอบ เพราะได้แจ้งปิดกระแสไฟฟ้าทั้งหมดในบริเวณน้ำตกสามกลั่นหมดแล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


เนชั่นทันข่าว 10 กันยายน 2554 22:36 น.
 
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:06:07


ความคิดเห็นที่ 1744 (1568898)

น้ำท่วมรางรถไฟสายเหนือ "สถานีดงตะขบ-สถานีหอไกร"

11 กย. 2554 15:31 น.



 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำท่วม จ.พิจิตร ยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะแม่น้ำน่าน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา นายนิเวศน์ น้อยอ่ำ นายกเทศบาลเมืองบางมูลนาก อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ได้ใช้รถประกาศไปทั่วเทศบาลเมืองบางมูลนาก เพื่อให้ประชาชนในเขตเทศบาลที่ถูกน้ำท่วมเร่งเก็บสิ่งของไว้ที่สูง สาเหตุเนื่องจากน้ำในแม่น้ำน่านที่ ต.ไผ่หลวง พนังกั้นน้ำ ซึ่งเป็นถนนคอนกรีตพังทำให้ท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขต 3 ตำบล คือ ต.วังหว้า ต.คลองคูณ และต.ไผ่หลวงท่วมเต็มพื้นที่ ชาวบ้านกว่า 3,000 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน
หลังจากประกาศได้ไม่ถึงชั่วโมง น้ำดังกล่าวทะลักเข้าท่วมในเขตเทศบาลตำบลหอไหรและบ้านเรือนในเขตเทศบาลหอไกร และน้ำยังไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลบางมูลนาก มีปริมาณสูงขึ้นเป็นเท่าตัวอีกด้วย
นอกจากนี้น้ำดังกล่าวยังได้ไหลท่วมถนนทางหลวงหมายเลข 1118 อ.ตะพานหิน -อ.บางมูลนากซึ่งเป็นเส้นทางหลักจากหลายอำเภอเพื่อเข้าสู่ตัวจ.พิจิตรที่อยู่เส้นทางเดียว น้ำจากจุดดังกล่าวไหลข้ามทางหลวงระยะทางยาวกว่า 300-400 เมตร ระดับน้ำสูง 40-50 เซนติเมตรหลายจุด ขณะเดียวกัน ถนนสาย บางมูลนาก -โพทะเล ก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ จ.พิจิตรน้ำท่วมทุกเส้นทาง การสัญจรไปมาลำบากมาก
ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น.วันเดียวกัน กกต. พิจิตร จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกเทศบาลตำบลวังกรด อ.เมืองพิจิตร แทนตำแหน่งที่ว่าง ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ปรากฏว่า กกต. ต้องย้ายหน่วยเลือกตั้งมาไว้บนถนนกระทันหัน 4 หน่วยด้วยกัน เนื่องจากน้ำท่วมหน่วยเลือกตั้ง สร้างความโกลาหลอย่างมาก นอกจากนี้ ประชาชนที่มาลงคะแนนต้องเดินลุยน้ำออกจากบ้าน บางบ้านก็ใช้เรือออกมาใช้สิทธิ์
ทางด้านนายมาโนช นาอินทร์ ผู้ช่วยนายสถานีรถไฟ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร กล่าวว่า รถไฟที่มาจากเส้นทางสายเหนือ ไม่ว่าขาล่องหรือขาขึ้นมีปัญหา โดยเฉพาะที่สถานีหอไกร และสถานีดงตะขับน้ำ โดยน้ำไหลเข้าท่วมรางรถไฟ กว่า 5 ซม. นอกจากนี้น้ำยังได้ท่วมประแจที่บอกสัญญาณหลีกขบวนรถไฟ ทำให้รถไฟ ที่รับมาจากสายเหนือ ทั้งล่องที่มาจากสถานีรถไฟ ตะพานหิน สถานีรถไฟบางมูลนาก สถานีดงตะขบ สถานีหอไกร สถานีดงตะขบ สถานีบางมูลนาก เกิดการล่าข้า ไม่สามารถหลีกทางกันได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:07:55


ความคิดเห็นที่ 1745 (1568899)

เมืองออคแลนด์ นิวซีแลนด์ ได้รับสัญญาณเตือนระดับสีส้ม เตรียมรับมือพายุทอร์นาโดพัดถล่มบ่ายวันนี้ และคาดเจออีกลูกภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า

Further tornadoes could strike in the next 24 hours, WeatherWatch warns, after a twister touched down in west Auckland this afternoon.



The scene at Riversdale road in Avondale that was struck by a Tornado on Sunday afternoon. Photo / Richard Robinson

 



 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:08:53


ความคิดเห็นที่ 1746 (1568902)

 

อบต.เมืองโคราชออกประกาศเตือนชาวบ้านหลังฝนตกติดต่อกัน

11 กย. 2554 15:35 น.

องค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ใช้รถกระจายเสียงออกประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่กว่า 100 หลังคาเรือน เตรียมอพยพสิ่งของไปไว้บนที่สูง รวมถึงการเคลื่อนย้ายรถยนต์จากหมู่บ้านมาจอดไว้ที่ริมถนนสายราชสีมา - โชคชัย หลังจากมีฝนตกติดต่อกัน 3 วัน ที่อาจจะเกิดภาวน้ำท่วมขึ้นได้ ทั้งนี้องค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวศาลา ได้ทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 1 เครื่อง เพื่อระบายน้ำเป็นการเร่งด่วนตลอด 24


ชาววังน้ำเขียวทุกข์ซ้ำน้ำจากเขาใหญ่-ทับลานไหลท่วม

11 กย. 2554 15:43 น.


 

นายชัยยงค์ ฮมภิรมย์ นายอำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา กล่าวว่า ได้รับรายงานพื้นที่ที่ถูกน้ำป่าไหลมาจากผืนป่าเขาใหญ่-ทับลาน เข้าท่วมในคืนที่ผ่านมา ที่บ้านห้วยพรม ต.อุดมทรัพย์ และ บ้านไผ่สีทอง ต.วังหมี เป็นบริเวณกว้าง สูงประมาณ 50 ซม. ความเสียหายเบื้องต้นพบนาข้าวรอการเก็บเกี่ยว บ้านเรือนราษฎร หลายสิบหลัง ขณะนี้ได้จัดกำลังให้การช่วยเหลือ และอยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย
นางปิยะฉัตร อินสว่าง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ฝนที่ตกลงมาตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. โดยวัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเพิ่มการเตือนภัยเป็นระดับ 2 เพื่อเตรียมการช่วยเหลือประชาชน หากมีน้ำป่าไหลหลากหรือมีดินโคลนถล่ม ในจุดที่เป็นเส้นทางของน้ำธรรมชาติ
นายจักรกฤษ แจ้งกรณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา กล่าวว่า ภาพรวมโครงการชลประทานขนาดใหญ่ 4 แห่ง ที่มีพื้นที่เก็บกักน้ำเกิน 100 ล้าน ลบ.ม ขณะนี้มีปริมาณน้ำรวมร้อยละ 60 -70หรือประมาณ 650 ล้าน ลบ.ม จากพื้นที่เก็บกัก 982 ล้านลบ.ม ตัวเขื่อนทั้ง 4 แห่งมีความมั่นคง แข็งแรง มีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำได้อีกหลายร้อยล้านลบ.ม

พิษณุโลกเตรียมรับน้ำน่านล้นตลิ่ง

11 กย. 2554 16:21 น.


นางเปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อุดท่อระบายน้ำบริเวณชุมชนโรงภาพยนตร์ราม่า หลังจากน้ำจากแม่น้ำน่านที่ขณะนี้มีความสูงของแม่น้ำวัดได้ 10.54 เมตร แรงดันของน้ำได้ดันท่อระบายน้ำ จนทำให้ปริมาณน้ำเป็นจำนวนมาก ไหลทะลักเข้าเขตเทศบาลนครพิษณุโลก โดยทางเจ้าหน้าที่ต้องทุบฝาท่อระบายน้ำและขยายวงให้กว้างขึ้น ก่อนนำไม้และกระสอบทรายทำการอุดน้ำเป็นการเร่งด่วน
นางเปรมฤดี กล่าวว่า ปริมาณน้ำของแม่น้ำน่าน ที่ไหลผ่านเขตเทศบาลนครพิษณุโลก ยังอยู่ในสถานการณ์น่าห่วงเป็นอย่างมาก ระดับน้ำแม่น้ำน่าน วัดที่เชิงสะพานเอกาทศรถ อ.เมืองพิษณุโลก เวลา 14.00 น.ของวันนี้ วัดได้ 10.54 เมตร ขณะที่คืนนี้มวลน้ำที่ไหลมาคาดว่าอาจจะทำให้ระดับน้ำสูงถึง 10.65 เมตร



สั่งอพยพปชช.เขตทม.กระบี่ น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมเมือง

1 กย. 2554 16:22 น.


เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองกระบี่ ได้นำตัวนางละเอียด เพื่อนแพทย์ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/1 ต.กระบี่ใหญ่ เขตเทศบาลเมืองกระบี่ ออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย หลังต้องติดอยู่ในบ้าน เป็นเวลานานกว่า1 ชั่วโมง เนื่องจากน้ำจากคลองกระบี่ใหญ่ไหลเข้าท่วมบ้าน และระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองกระบี่ใหญ่ ต.กระบี่ใหญ่ เขตเทศบาลเมืองกระบี่ ไหลทะลักเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณริมสะพานคลองกระบี่ใหญ่ โดยขณะนี้ระดับน้ำสูงประมาณ 1เมตร เบื้องต้นได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพออกมาจากบ้าน เรือน พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยออกสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับความเสีย และช่วยอพยพสิ่งของประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:13:17


ความคิดเห็นที่ 1747 (1568903)

สิงห์บุรียังอ่วม น้ำฝน-น้ำเจ้าพระยาทะลักท่วม



สิงห์บุรีน้ำยังท่วมหนัก ทั้งน้ำฝนและน้ำเจ้าพระยา เอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชน ถนน และสถานที่สำคัญ ผู้ว่าฯ สั่งอพยพไปที่ปลอดภัย ขณะที่หน่วยงานราชการจัดศูนย์ฯ ช่วยเหลือเร่งด่วนแล้ว...

11 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำจังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ยังกระจายท่วมแผ่เป็นวงกว้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆปริมาณการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ 2,835 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้างมากขึ้น
โดยที่ อ.อินทร์บุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เอ่อเข้าท่วมเต็มพื้นที่ตลาดอินทร์บุรี ระดับน้ำสูงประมาณ 1.70 เมตร รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ต้องใช้เรือเป็นพาหนะเพียงอย่างเดียว ขณะที่ อ.เมือง เมื่อคืนนี้มีฝนตกหนักทั้งคืน ทำให้ปริมาณน้ำฝนท่วมขังเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี ฝนตกหนัก น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนและตามถนนสูง ประมาณ 40 เซนติเมตร ทำให้การจราจรเป็นอัมพาตนานหลายชั่วโมง เพราะน้ำระบายลงท่อระบายน้ำไม่ทัน


มีรายงานด้วยว่า ที่ ม.1 ต.บางกระบือ หลักกิโลเมตรที่ 1 และม.8 ต.บางกระบือ หน้าวัดกระดังงาบุปผาราม ระดับน้ำที่ทะลักจากแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และเอ่อเข้าท่วมถนนสาย 311 สิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า )ไป 1 ช่องทางแล้ว
ด้านนายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผวจ.สิงห์บุรี ได้สั่งการให้สำนักงานชลประทานสิงห์บุรี และสำนักงานบำรุงทาง นำถังน้ำมันใส่ทรายแล้วนำดินกลบทับอีกชั้น เพื่อนำไปกั้นเป็นพนังกันน้ำตั้งแต่หลักกม.ที่ 5-6 เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมถนนสาย 311 สิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า) ตลอดสาย
ส่วนที่ อ.พรหมบุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อคืนฝนตกหนัก ทำให้น้ำเจ้าพระยาและน้ำฝนท่วมขัง เป็นเหตุให้น้ำเอ่อล้นพนังกั้นน้ำที่นายสุรเกียรติ ยิ้มพงษ์ นายก อบต.พระงาม และประชาชนช่วยกันทำ ยาว 7 กิโลเมตร สูง 2 เมตร ล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.พระงาม หมู่ที่ 1, 2, 3, 5 และ 6 จำนวน 600 หลังคาเรือน ประชาชนต้องรีบขนย้ายสิ่งของหนีน้ำมาพักอาศัยที่ถนนสายสิงห์บุรี-อ่างทอง (สายเก่า) ซึ่งนายก. อบต.พระงาม จัดเตรียมไว้ให้
ขณะที่นายชาติชาย โชติมา ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า สำนักงานขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี ร่วมกับสำนักงานบำรุงทางสิงห์บุรี สำนักงานทางหลวงชนบท จ.สิงห์บุรี และวิทยาลัยการอาชีพอินทร์บุรี ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยความปลอดภัยคมนาคม อาชีว ร่วมด้วยช่วยประชาชน ผู้ประสบอุทกภัย จ.สิงห์บุรีขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย จ.สิงห์บุรี ภายใต้ภารกิจของหน่วยงาน สำนักงานบำรุงทางสิงห์บุรี ให้ความช่วยเหลือในด้านการจัดเตรียมรถและกำลังคน ช่วยขนย้ายสิ่งของ มีบริการลากรถ มีรถให้บริการน้ำดื่มและน้ำใช้ และบริการช่วยซ่อมกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ ติดต่อ 0-3653-2523
ในส่วนสำนักงานทางหลวงชนบท จ.สิงห์บุรี ให้ความช่วยเหลือด้านจัดเตรียมรถและกำลังคนเพื่อช่วยขนย้ายสิ่งของ และบริการช่วยซ่อมกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ 0-3652-4594 สำนักงานขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี ให้ความช่วยเหลือในด้านอำนวยความสะดวกการจราจร กำชับให้เจ้าของรถขับรถด้วยความระมัดระวัง ปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ 1584 วิทยาลัยการอาชีพอินทร์บุรี ให้ความช่วยเหลือในด้านบริการซ่อมรถ และบริการช่วยซ่อมกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ 08-3108-2128 ซึ่งหน่วยงานได้จัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรประจำศูนย์อำนวยความปลอดภัยคมนาคม ไว้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ที่ตั้งศูนย์ฯ คือ หน้าหมวดการทาง อินทร์บุรี ถนนสาย 311 กม. 15+680 ด้านขวาทาง

โดย: ทีมข่าวภูมิภาค
11 กันยายน 2554, 16:30 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:17:15


ความคิดเห็นที่ 1748 (1568905)

ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณประเทศไทย "
ฉบับที่ 13 ลงวันที่ 11 กันยายน 2554

ในช่วงวันที่ 11-12 กันยายน 2554 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัด
ปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี กาญจนบุรี ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พัทลุง สงขลา และสตูล ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนพื้นที่ราบลุ่มริมน้ำบริเวณภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกให้เตรียมป้องกันระวังอันตรายจากปริมาณน้ำท่วมที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1-2 วันนี้

ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 15.30 น.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:18:25


ความคิดเห็นที่ 1749 (1568906)

"พิจิตร"พนังกั้นน้ำพังน้ำทะลักท่วม"ตะพานหิน-บางมูลนาก"ฉับพลัน

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.54 นายต่อศักดิ์ วีระพจนานันท์ สจ.เขตอ.ตะพานหิน จ.พิจิตรได้เปิดเผยว่าขณะนี้ได้เกิดผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างรุนแรงโดยระดับน้ำในแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านอำเภอตะพานหินได้ไหลเชี่ยวกราดและมีปริมาณมากได้กัดเซาะแนวดินริมตลิ่งทำให้กระสอบทรายที่วางเป็นกำแพงสูงกว่า 10 ชั้นจำนวนนับหมื่นลูกต้องพังทลายลงมา จากนั้นน้ำได้ไหลเข้าท่วมหมู่บ้าน หมู่ 1 ต.ไผ่หลวง โดยน้ำได้กัดเซาะดินใต้ฐานพนังกั้นน้ำคอนกรีตจนเป็นโพรงขนาดใหญ่ ทำให้พนังคอนกรีตไม่สามารถต้านกระแสน้ำได้เกิดแตกพังทลายลงเป็นแนวยาวเกือบ 30 เมตรน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน 3 หมู่บ้านของตำบลไผ่หลวงอย่างรวดเร็วจนชาวบ้านตั้งตัวไม่ติดและไม่สามารถเก็บข้าวของเคลื่อนย้ายได้ จากนั้นชาวบ้านต้องขอความช่วยเหลือขอให้นำกำลังทหารจากจังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ ที่อยู่ประจำศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอตะพานหินร่วมกับชาวบ้านอีกหลายร้อยคน ช่วยกันนำไม้มาทำเป็นตอหม้อแล้ววางเป็นแนวพนังแล้วใช้กระสอบทรายกว่า 1000 กระสอบ, รถแบ็กโฮ รวมถึงรถรถไถนามาทำเป็นแนวพนังกั้นน้ำแต่ก็ไม่สามารถต้านกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราดได้ ทำให้น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนจำนวน 3 หมู่บ้านกว่า 1000 หลังคาเรือนต้องถูกน้ำท่วมสูง

นอกจากนี้น้ำยังได้ไหลมาทางทิศตะวันตกของแม่น้ำน่านไหลข้ามทางหลวงหมายเลข 1118 ถนนสายตะพานหิน-บางมูลนาก ระดับน้ำสูงถึง 40-50 เซนติเมตร และได้กัดเซาะจนถนนขาด จากนั้นเพียงแค่ 4 ชั่วโมงน้ำก็ได้ไหลเข้าไปท่วม ต.คลองคูณ ต.ห้วยเกตุ ต.วังหว้าและ อ.ตะพานหิน ทำให้นาข้าวนับหมื่นไร่ต้องจมน้ำ ล่าสุดความแรงและไหลเชี่ยวของกระแสน้ำได้กัดเซาะแนวตลิ่งพังจมลงไปกับสายน้ำลึกเข้ามาชายฝั่งถึง40เมตรและกลายเป็นวังน้ำวนกัดเซาะแนวตลิ่งอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งอพยพหนีน้ำกันจ้าละหวั่น ซึ่งถือว่าชาวบ้านในเขตอ.ตะพานหินต้องประสบอุทกภัยน้ำท่วมแบบฉับพลันและหนักหนาสาหัสอยู่ในขณะนี้ดังกล่าว

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:19:47


ความคิดเห็นที่ 1750 (1568908)

วิธีเตรียมน้ำดื่ม"ปลอดภัย" ในภาวะวิกฤตน้ำท่วม

สิ่งที่ต้องเตรียม

1.ขวดน้ำพลาสติคใส ที่ดื่มน้ำหมดแล้วพร้อมฝาที่ปิดได้แน่นสนิท ขนาดไม่เกินสองลิตร เมื่อวางนอนแล้วความหนาที่แสงอาทิตย์ผ่านไม่เกิน 10 ซม. ขวดยิ่งชลูดยิ่งดี รังสีดวงอาทิตย์จะได้ทะลุทะลวงได้มาก พลาสติคไม่เก่าหรือมีรอยขีดข่วนมากเกินไป เพราะรังสีจะผ่านได้ไม่ดี ภายในขวดสะอาด แกะพลาสติคภายนอกออกหมด

2. แหล่งน้ำสะอาดที่สุดเท่าที่จะหาได้ วิธีนี้ใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ดี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสารเคมีปนเปื้อนในภาวะปกติ ครัวเรือนที่ดื่มน้ำฝน ถ้าต้องการประหยัดพลังงานและทุกคนในบ้านแข็งแรงดี อาจจะใช้วิธีนี้แทนการต้มก็ได้

3. ถ้าน้ำขุ่นควรมีผ้ากรองตะกอนดิน เช่น ผ้าขาวบาง หรือผ้าขาวม้าสะอาดหลายๆ ชั้น เมื่อกรองได้ที่บรรจุน้ำเต็มขวด เปิดฝาวางทับหนังสือพิมพ์รายวันหน้าแรก ควรจะสามารถมองลงไปก้นขวด อ่านพาดหัวข้อข่าวรองได้ (ตัวอักษรในแนวหลักขนาด 3.5 ซม.)

4. บริเวณที่จะวางขวดตากแดดที่ร้อน โดยเฉพาะถ้ามีโลหะเช่นแผ่นสังกะสีลูกฟูก หรือ อะลูมิเนียมจะดีมาก

วิธีการเตรียม

1.กรองน้ำที่หาได้ กรอกลงขวดให้ได้ประมาณ 3 ใน 4 ขวด

2.เขย่าแรงๆ อย่างน้ำ 20 ครั้ง ให้อากาศ (ออกซิเจน) ผสมกับน้ำให้ทั่ว

3.เติมน้ำให้เต็มขวด ปิดฝาแน่นสนิท

4.วางขวดในแนวนอน ตากแดดตามข้อ 4 ข้างบนทิ้งไว้ อย่าพยายามขยับขวดโดยไม่จำเป็น เพื่อให้ออกซิเจนไม่แยกตัวจากน้ำ ตากแดดโดยใช้เวลา

- 2 ชั่วโมงถ้าแดดจัด พื้นที่วางเป็นโลหะและน้ำค่อนข้างใส

- 6 ชั่วโมงบนพื้นกระเบื้องหรือซีเมนต์

- 2 วันถ้ามีเมฆมาก

ถ้าฝนตกตลอดแดดไม่ออกเลย ให้รองน้ำฝนดื่มแทน

น้ำในขวดดังกล่าวนำไปดื่มได้เลย หรือจะเก็บไว้ดื่มในภายหลังก็ได้ แสงแดด ความร้อน และออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากันฆ่าเชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิ 99.9% แต่อาจจะมีสาหร่ายเซลเดียวซึ่งทนรังสียูวีและความร้อนซึ่งอาจจะจับตัวเป็นตะไคร่น้ำในขวดได้ถ้าเก็บขวดไว้นาน แต่น้ำที่มีสาหร่ายเหล่าไม่มีอันตรายต่อผู้ดื่มทั่วไปที่มีภูมิคุ้มกันปกติ

หมายเหตุ

1.เทคโนโลยีง่ายๆ ที่วิจัยและพัฒนาโดยองค์การนานาชาติ
SODIS: Willkommen bei SODIS นี้ ฆ่าเชื้อโรคโดยพลังแสงแดด ซึ่งมี รังสียูวี + รังสีความร้อน + อนุมูลออกซิเจนและโอโซน ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างออกซิเจนที่เราผสมน้ำระหว่างเขย่าขวด เหมือนน้ำบรรจุขวดขายซึ่งผ่านรังยูวี หรือ โอโซน ในระดับที่เข้มข้น

2.ขวดน้ำใส PET หรือ Poly Ethylene Terephthalate (โพลีเอทธิลีนเทเรฟทาเลต) ที่ตากแดดในระดับนี้ ปลดปล่อยสารเคมีน้อยมาก ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ไม่เหมือนวัสดุประเภท PVC ทุกวันนี้เราก็ดื่มน้ำบรรจุขวด PET กันอยู่แล้ว

เรียบเรียงสำหรับชาวบ้านโดย ศ.นพ.ดร.วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ หัวหน้าหน่วยระบาดวิทยา และผู้อำนวยการสถาบันและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์


------------------------------------------------

มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553
 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:21:48


ความคิดเห็นที่ 1751 (1568909)

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:24:09


ความคิดเห็นที่ 1752 (1568910)

ผู้ว่าฯตากจี้เขื่อนภูมิพลลดพร่องน้ำ-ผวาน้ำวังสมทบเพิ่มทำแม่ปิงทะลัก

วันที่ 11/09/2554 14:25


ตาก - ผู้ว่าฯตาก เร่งประสานกรมชลฯบริหารน้ำจากเขื่อนภูมิพลใหม่ ไม่ให้เดือดร้อนชาวบ้านท้ายเขื่อน หลังพร่องน้ำมาก ทั้งที่ยังรับน้ำอีกเพียบ ทำพื้นที่เกษตร-บ้านเรือนชาวบ้านเดือดร้อน แถมเพิ่มระดับน้ำในลุ่มเจ้าพระยาอีก ฝากดูแลให้ชาวบ้านเดือดร้อนน้อยที่สุด

นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้เดินทางไปตรวจสอบสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก วันนี้(11 ก.ย.54) เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าเขื่อนภูมิพลระบายน้ำจำนวนมาก ส่งผลให้ให้เกษตรกรท้ายเขื่อนได้รับความเดือดร้อน เพราะพืชผลทางการเกษตรริมแม่น้ำปิงได้รับความเสียหาย รวมทั้งบ้านเรือนราษฎรที่ปลูกอาศัยอยู่ริมตลิ่งก็ได้รับผลกระทบจำนวนมาก

นายสามารถ กล่าวว่า จากการมาตรวจสอบพบว่าเขื่อนภูมิพล ยังสามารถรับน้ำได้อีกมาก เพราะเป็นเขื่อนขนาดใหญ่แม้ว่าจะมีน้ำเกินกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม ขณะนี้ได้ประสานกับชลประทานให้ดูแลการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ไม่ทำให้เกษตรกรท้ายน้ำเดือดร้อน รวมทั้งหากระบายมาก น้ำจะไปเพิ่มในลุ่มเจ้าพระยา ซ้ำเติมประชาชนที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ แต่ก็ทราบว่าทางเขื่อนต้องมีการบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนด้วย เนื่องจากมีน้ำไหลเข้ามาก จึงต้องเร่งระบาย แต่ขอฝากให้ดูแลความเดือดร้อนของชาวบ้านที่อยู่ตอนล่างให้เดือดร้อนน้อยที่สุด

ส่วนสถานการณ์น้ำ ช่วงนี้ภาคเหนือตอนบนมีฝนตกมากทำให้น้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลอย่างต่อเนื่องในปริมาณมาก อีกทั้งขณะนี้เขื่อนภูมิพลมีน้ำกักเก็บเกินกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง ซึ่งโดยปรกติจะต้องระบายน้ำออกเพื่อให้เหลืออยู่ในระดับประตูระบายน้ำล้น (SPILLWAY) ที่ 242.90 เมตร แต่ขณะนี้ระดับน้ำสูงถึง 252.17 เมตรแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อเขื่อนหากน้ำเกินอัตรา ทางเขื่อนภูมิพลต้องระยายน้ำออกอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรท้ายน้ำ

ทั้งนี้ ปัจจุบันเขื่อนภูมิพล มีน้ำกักเก็บทั้งสิ้น 11,292 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 83 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง วานนี้(10 ก.ย.)มีน้ำไหลเข้าจำนวน 102.61 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งวันนี้(11 ก.ย.)เขื่อนภูมิพลต้องระบายน้ำตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อรักษาระดับน้ำในอัตราวินาทีละ 347.22 ลูกบาศก์เมตรหรือประมาณวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่อัตราการไหลของแม่น้ำวัง มีอยู่ประมาณ330ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 28.5 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมแล้วลำน้ำปิง มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 58 ล้านลูกบาศก์เมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำวัง ที่รับน้ำจากจังหวัดลำปาง ขณะนี้มีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเหลืออีกประมาณ 60 ซม.ก็จะล้นตลิ่ง ซึ่งนายสามารถ ลอยฟ้า ผวจ.ตาก ได้สั่งการให้เฝ้าระวังพร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยริมน้ำวังให้ย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูง และคอยฟังคำเตือนด้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:28:09


ความคิดเห็นที่ 1753 (1568912)

ผอ.ทรัพยากรธรณี เผยดินถล่มน้ำปาดเกิดจากรอยเลื่อนหมื่นปีผอ.ทรัพยากรธรณี เผยดินถล่มน้ำปาดเกิดจากรอยเลื่อนหมื่นปี

 

 


ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง เผยสาเหตุดินถล่มที่บ้านน้ำปาด เกิดจากรอยเลื่อนกว่าหมื่นปี เป็นรอยเลื่อนที่ไม่มีพลังแล้วที่พาดผ่านมาจากจังหวัดน่าน ความยาวกว่า 100 กม.เป็นลักษณะขั้นบันได ล่าสุดส่งเจ้าหน้าที่ด้านธรณีวิทยาเข้าไปตรวจสอบแล้ว


นายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง เปิดเผยว่า จากภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหนักในอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีทั้งน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ทางสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง ซึ่งดูแลพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือได้ส่งเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ด้านธรณีวิทยาเข้าไปตรวจสอบ และศึกษาการเกิดภัยดังกล่าวแล้ว

โดยเฉพาะการที่พื้นดินกลายเป็นดินโคล่นแล้วไหลมากับน้ำป่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าแผ่นดินบริเวณอำเภอน้ำปาดเป็นหินป่นทราย เมื่อเกิดฝนตกหนักและแรงมากจึงทำให้แผ่นดินที่มีหินและทราย ถูกน้ำป่าซัดลงมาด้วย

“จากการตรวจสอบ ยังพบกรณีที่สำคัญ คือ แผ่นดินบริเวณอำเภอน้ำปาดอยู่ในแนวรอยเลื่อนเก่าแก่ ชื่อ รอยเลื่อนน่าน – อุตรดิตถ์ อายุกว่า 10,000 ปี ซึ่งเป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่ ที่ไม่มีพลังแล้ว โดยเป็นรอยเลื่อนที่พาดผ่านมาจากจังหวัดน่าน ความยาวกว่า 100 กิโลเมตร จึงทำให้แผ่นดินบริเวณนั้นเกิดมีลักษณะขั้นบันได และร่วนซุย เมื่อน้ำป่าซัดลงมาจึงทำให้เกิดดินไหลมากับน้ำ ทั้งนี้ นับว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยระดับสูงสุดที่ต่อไปต้องเฝ้าระวัง

เพราะหากเกิดฝนตกหนักลงมาอีก ก็จะเกิดภัยทางธรรมชาติในลักษณะดังกล่าวอีกได้ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปศึกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจะรายงานให้กรมทรัพยากรธรณีทราบถึงปัจจัยสำคัญ และปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภัยอย่างหนักที่"



รูปที่เกี่ยวข้อง»

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:29:02


ความคิดเห็นที่ 1754 (1568914)

น้ำชีหนุนสูง ชาวฆ้องชัยเร่งสูบน้ำออกนาข้าว

วันที่ 11/09/2554 15:45





นางบุญรื่น ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะเข้าติดตามปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม กาฬสินธุ์- รมช.ก.ศึกษาธิการ กลับบ้านสุดสัปดาห์ ถือโอกาสตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ย้ำ ผู้บริหารต้องดูแลนักเรียนเน้นให้มีสุขภาพดีปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม ขณะที่ปัญหาน้ำชีหนุนสูงในเขตอำเภอฆ้องชัย ชาวบ้านต้องระดมสูบน้ำออกจากพื้นที่นาข้าว

วันนี้ (11 ก.ย.) เวลา 11.00 น.ที่วัดบ้านดอนสนวน ตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ นางบุญรื่น ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะเข้าติดตามปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดให้มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 600 ชุด

โดยมี นายทรงพล จำปาพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์ พบว่าปัญหาน้ำท่วมขังที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เกิดจากอิทธิพลของพายุฝนกับปัญหาการระบายน้ำลงแม่น้ำปาวของเขื่อนลำปาว ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรวม 18 อำเภอ 133 ตำบล 1,306 หมู่บ้าน มีพื้นที่เสียหายสิ้นเชิง 45,000 ไร่ และยังมีพื้นที่ประสบภัยอีกกว่า 20,000 ไร่ซึ่งยังคงรอการสรุปสถานการณ์

จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางไปติดตามการสูบน้ำบริเวณพนังกั้นแม่น้ำชี ในเขตอำเภอฆ้องชัย ตรงบ้านท่าเยี่ยม ตำบลลำชี ซึ่งพบว่าปัญหาน้ำชีที่เอ่อล้นกำลังท่วมพื้นที่นาของชาวบ้าน ซึ่งชลประทานจังหวัดและองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เข้าช่วยเหลือ และคาดว่าหากไม่เกิดฝนตกจะทำให้สถานการณ์น้ำดีขึ้น

ด้าน นางบุญรื่น ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำชับให้ผู้บริหารสถานศึกษาดูแลสุขภาเด็กนักเรียน โดยเน้นไปที่การป้องกันโรคระบาด ท้องร่วง ไข้หวัด ซึ่งพบว่า มีนักเรียนเริ่มเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้หากโรงเรียนไหนประสบปัญหาน้ำท่วมก็ให้เตรียมการฟื้นฟูให้กับโรงเรียนผู้ประสบภัยตามนโยบายของรัฐบาล

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:44:17


ความคิดเห็นที่ 1755 (1568915)

อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กำชับเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มใน 4 จว.ใต้

วันที่ 11/09/2554 15:09


นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเมื่อวันที่ 11 กันยายน ว่า ขณะนี้ในพื้นที่เสี่ยงภัยตำบลทุ่งหว้า ป่าแก่บ่อหิน อำเภอทุ่งหว้า ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู ตำบลปาล์มพัฒนา นิคมพัฒนา อำเภอมะนัง ตำบลทุ่งนุ้ย ควนกาหลง อุใดเจริญ อำเภอควนกาหลง ตำบลควนโดน วังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล / ตำบลลิพัง ปะเหลียน ทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน ตำบลโพรงจระเข้ นาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง และตำบลเขาพระ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ในบางพื้นที่วัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 200 มิลลิเมตร มีดินไหล และเริ่มมีน้ำล้นตลิ่งในบางพื้นที่แล้ว จึงได้กำชับให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มของกรมทรัพยากรธรณี เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ และวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือนสถานการณ์ให้ประชาชนในหมู่บ้านรับทราบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวังที่ได้มีการอบรมไว้แล้ว
  

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:45:24


ความคิดเห็นที่ 1756 (1568916)

263 หมู่บ้านสุโขทัยอ่วมรอบ 8 ยอดตายพุ่ง 8 ศพ

วันที่ 11/09/2554 14:40


สุโขทัย - พื้นที่ 4 อำเภอ 43 ตำบล 263 หมู่บ้านของสุโขทัยอ่วมอีก หลังน้ำท่วมสูงเป็นรอบที่ 8 ถนนสายสุโขทัย-ศรีสำโรง ใกล้ขาดซ้ำ ขณะที่ชาวบ้าน-พระสงฆ์ ร่วมลงแรงขนกระสอบทราบล้อมอาคารโรงเรียนบ้านปากแคว หวังให้เด็กเรียนได้พรุ่งนี้ (12 ก.ย.) หลังต้องปิดยาวกว่าเดือน ขณะที่ยอดชาวบ้านสังเวยน้ำท่วมปีนี้ เพิ่มเป็น 8 ศพแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย วันนี้ (11 ก.ย.54) ว่า กลับเข้าสู่วิกฤตอีกครั้ง หลังมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ ประกอบกับน้ำเหนือไหลบ่าลงมาหนุน ทำให้บ้านเรือนราษฎร 263 หมู่บ้าน 43 ตำบล ในพื้นที่ 4 อำเภอ ถูกน้ำท่วมสูงเป็นระลอกที่ 8 ส่วนถนนสายสุโขทัย-ศรีสำโรง ตรงบริเวณหมู่ 6 (สายหลัง) ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ที่ขาด 3 ช่วง และมีการนำสะพานเหล็ก มาวางเชื่อมให้สัญจรได้แล้วนั้น ล่าสุดแขวงการทางสุโขทัย ต้องเร่งนำไม้ยูคา และกระสอบทราย เข้าไปซ่อมแซมใต้คอสะพาน เนื่องจากถูกกระแสน้ำกัดเซาะ จนได้รับความเสียหายเพิ่ม

ส่วนที่โรงเรียนบ้านปากแคว ทางพระสงฆ์พร้อมด้วยชาวบ้าน รวมเกือบ 100 คน ได้ช่วยกันขนกระสอบทราย ทำแนวล้อมตัวอาคารเรียน เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง และให้เด็กนักเรียน สามารถมาเรียนได้ตามปรกติ ในวันจันทร์นี้(12 ก.ย.54) เพราะที่ผ่านมา โรงเรียนถูกน้ำท่วม จนต้องหยุดยาวมานานเกือบ 1 เดือนแล้ว

สำหรับในพื้นที่ตัวเมืองสุโขทัย ทางเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ก็ได้ทำการระบายน้ำออกอย่างเร่งด่วน หลังจากมีน้ำยมทะลักผ่านท่อเข้ามาท่วมบ้านเรือน ร้านค้า และถนน ในหลายชุมชมของเขตเทศบาลฯ

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วม จ.สุโขทัย มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 120,000 คน รวมเสียชีวิต 8 ราย และมีนาข้าวเสียหายอีกกว่า 300,000 ไร่

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:46:37


ความคิดเห็นที่ 1757 (1568917)

นครสวรรค์-น้ำป่าถล่มหลายอำเภอจมบาดาล


น้ำป่าจากเพชรบูรณ์ถล่มหลายอำเภอของนครสวรรค์มิด ขณะที่เทศบาลนครนครสวรรค์เสริมแนวคันดินเพื่อรักษาเขตเศรษฐกิจไว้ หลังน้ำเหนือไหลบ่าสมทบต่อเนื่อง ประกอบกับฝนยังตกทั้งคืน


(10 ก.ย.)เช้านี้ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ หลังจากเมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ ทั่วทุกพื้นที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านตัวเมืองนครสวรรค์ มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน ทางเทศบาลนครนครสวรรค์ ต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาแนวตลิ่งไม่ให้เกิดน้ำล้นหรือกำแพงคอนกรีตพัง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเมืองบาดาลเหมือนตลาดอินทร์บุรี ซึ่งหากตัวเมืองปากนำโพท่วมจะหนักหนาสาหัสและรุนแรงกว่าสิงห์บุรีหลายเท่ามูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท เพราะว่าขณะนี้น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองนครสวรรค์สูงกว่าถนนเลียบแม่น้ำกว่า 30-50 ซม.ทางเทศบาลนครนครสวรรค์เสริมคันดินด้วยหินคลุกหนา 1 เมตร สูง 1.20 ม.เพื่อรองรับน้ำอีกชั้นหนึ่ง คาดว่าน่าจะรับมือไหว

ส่วนสถานการณ์โดยรวมพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะอำเภอชุมแสง เวลานี้เรียกว่าท่วมเต็มพื้นที่ทุกตำบล รวมทั้งเทศบาลเมืองชุมแสงบางส่วน ขณะนี้น้ำป่าจเทือกเขาเพชรบูรณ์ได้ไหลทะลักท่วมในเขตเทศบาลบางส่วน ระดับนำสูงมากกว่า 2 เมตร ทำให้ต้องเร่งขนย้ายชาวบ้านมาอยู่ในที่ปลอดภัย และยังไหลไปท่วมพื้นที่ ตำบลหนองบัว ตำบลห้วยถั่วเหนือ ตำบลห้วยถั่วใต้ ตำบลวังใหญ่

ขณะที่พื้นที่อำเภอท่าตะโก น้ำป่าจากเพชรบูรณ์ก็ทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ ซึ่งท่าตะโกจะหนักกว่าที่อื่นๆเพราะต้องรับน้ำสองทาง จากเพชรบูรณ์และจากบึงบอระเพ็ด เวลานี้ตำบลวังมหากร พนมเศษ พนมรอก วังใหญ่ น้ำท่วมหมดแล้ว รวมทั้งพื้นที่อำเภอเมืองนครสวรรค์ที่ตำบลเกรียงไกร ตำบลบางพระหลวง แควใหญ่ บึงเสนาท น้ำท่วมมิดสูงกว่า 3 เมตร

สำหรับระดับน้ำเจ้าพระยาล่าสุดมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,196 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 9 เซนติเมตร แม่น้ำน่านมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,491 ลบ.ม./วินาทีเซนติเมตร แม่น้ำปิงมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 717 ลบ.ม./วินาที

ล่าสุดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ ได้ประกาศพื้นที่อุกทกภัยแล้วทั้งหมด 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกรกพระ ,พยุหะ ,ชุมแสง ,ท่าตะโก ,ตากฟ้า ,เมือง ,.เก้าเลี้ยว ,หนองบัว ,ตาคลี ,แม่เปิน และ ไพศาลี ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 34,867 ครัวเรือน 111,397 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 340,213 ไร่

นครสวรรค์-น้ำป่าถล่มหลายอำเภอจมบาดาล 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:48:52


ความคิดเห็นที่ 1758 (1568918)

สถานการณ์น้ำ จ.อุบลฯ เจอทั้งน้ำป่า -น้ำมูลทะลักท่วมบ้านวัดและถนนสถานการณ์น้ำ จ.อุบลฯ เจอทั้งน้ำป่า -น้ำมูลทะลักท่วมบ้านวัดและถนน

 

 

อุบลราชธานี - สถานการณ์น้ำท่วมของจังหวัดอุบลฯ หนักขึ้นทุกวัน ล่าสุดน้ำป่าที่เกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่ อ.โขงเจียม ไหลทะลักท่วมสะพานและถนนทางเข้าหมู่บ้านใน ต.หนองแสงใหญ่ อบจ.ต้องเร่งนำความช่วยเหลือไปให้ชาวบ้าน 151 ครอบครัว ที่ถนนถูกตัดขาดมานาน 3 วัน ส่วนทหารจาก มทบ.ที่ 22 เร่งนำกระสอบทรายปิดปากลำห้วยในพื้นที่ ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ กันน้ำมูลไม่ให้ไหลท่วมพื้นที่เกษตรกรรม ขณะที่พระก็เดือดร้อนไม่มีญาติโยมมาถวายเพล เพราะวัดถูกน้ำท่วม

จากที่มีฝนตกในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดต่อกันมาหลายวัน ทำให้มีน้ำป่าไหลเข้าลำห้วยหมาก และลำห้วยยาง ในเขต ต.หนองแสงใหญ่ อ.โขงเจียม เป็นปริมาณมาก จนน้ำจากลำห้วยทั้งสองสายล้นตลิ่งไหลท่วมสะพานและถนนทางเข้าหมู่บ้านกุดเรือคำ หมู่ที่ 8 ต.หนองแสงใหญ่ ระยะทางยาวประมาณ 300 เมตร และมีน้ำไหลเชี่ยวแรงจนไม่สามารถใช้เรือแล่นแทนรถ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ต้องส่งรถไถฟาร์มแทรกเตอร์พ่วงกับรถเกษตรของชาวบ้าน ใช้เป็นพาหนะนำประชาชนจำนวน 151 ครอบครัว ประมาณ 500 คน ให้สัญจรเข้าออกหมู่บ้าน เพราะสะพานและถนนถูกน้ำท่วมมานาน 3 วัน สำหรับระดับแม่น้ำโขงที่ อ.โขงเจียมวันนี้ น้ำได้ปรับตัวขึ้นจากเมื่อวาน 56 เซนติเมตร แต่ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งกว่า 5 เมตร

ด้านนายบุญจันทร์ วารสินธ์ กรรมการหมู่บ้านกุดเรือคำกล่าวว่า บ้านกุดเรือคำประสบปัญหาน้ำป่าล้นตลิ่งไหลท่วมสะพานและถนนทางเข้าหมู่บ้านเป็นประจำทุกปี จึงต้องการให้หน่วยงานรัฐช่วยยกระดับถนนในจุดที่ถูกน้ำท่วมให้สูงขึ้น ก็จะทำให้ชาวบ้านสามารถใช้เส้นทางสัญจรไปมาได้สะดวก

ส่วนนายสุทัศน์ เรืองศรี รองนายกอบจ.อุบลราชธานี กล่าวถึงการแก้ไขระยะยาว อบจ.จะทำการซ่อมแซมสะพานห้วยหมาก หลังฝนหยุดตกและน้ำลดลง ส่วนการยกระดับถนนจะนำไปหารือ เพื่อจัดสรรงบประมาณมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนต่อไป

ส่วนที่บ้านคูเมือง ต.หนองกินเพล จ.อุบลราชธานี นักศึกษาวิชาทหารและทหารจากมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ ประมาณ 200 คน ช่วยกันตักทรายใส่กระสอบจำนวนกว่า 3,500 ใบ ทำเป็นเขื่อนกั้นบริเวณปากลำห้วยคูเมือง เพื่อกักน้ำในจุดที่เป็นแก้มลิงไม่ให้ไหลลงแม่น้ำมูล รวมทั้งป้องกันไม่ให้น้ำจากแม่น้ำมูลที่มีระดับสูงขึ้นไหลเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่มใน ต.หนองกินเพล

สำหรับจุดที่เป็นแก้มลิงของบ้านคูเมือง ก่อนหน้านี้จังหวัดได้สูบน้ำจากแม่น้ำมูลมาเก็บไว้ เพื่อไว้ใช้ในหน้าแล้ง แต่เมื่อระดับน้ำมูลสูงขึ้น จึงต้องป้องกันไม่ให้น้ำจากแม่น้ำไหลเข้ามาเกินปริมาณความต้องการ จนทำให้พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านในตำบลนี้เสียหาย

ขณะที่วัดเสนาวงศ์ ตั้งอยู่ในชุมชนท่าบ้งมั่ง เทศบาลเมืองวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีพระจำพรรษาอยู่จำนวน 4 รูป ถูกน้ำจากแม่น้ำมูลล้นตลิ่งไหลท่วม โดยกุฏิบางหลังถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ทำให้พระต้องมาอาศัยรวมกันในอุโบสถใหญ่ ที่ตั้งอยู่จุดสูงสุดของวัดที่น้ำยังท่วมไม่ถึง แต่ถ้าระดับน้ำสูงอีก 5-10 เซนติเมตร ก็จะเริ่มไหลท่วมตัววัดทั้งหมด

พระนรินทร์ ฐิตะธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสกล่าวว่า ยังต้องจำพรรษาอยู่ในวัด เพราะเป็นช่วงเข้าพรรษา ส่วนการออกบินฑบาตต้องนั่งเรือไปรับบาตจากประชาชนที่อพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพ แต่ช่วงฉันเพลไม่มีประชาชนมาถวายอาหาร เนื่องจากวัดถูกน้ำท่วมเดินทางเข้ามาไม่ได้ ส่วนการช่วยเหลือขณะนี้ ตั้งแต่วัดถูกน้ำท่วม ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือ
ส่วนสิ่งของที่ต้องการก็ขอให้พิจารณากันเอง จะเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่มก็ได้

สำหรับระดับน้ำแม่น้ำมูลวันนี้ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีก 9 เซนติเมตร อยู่ที่ 7.78 เมตร อัตราการไหลของน้ำความเร็ว 3,034 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และแนวโน้มระดับน้ำยังปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะในพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:51:00


ความคิดเห็นที่ 1759 (1568920)

ฝนตกหนักทำให้น้ำจากเขาพนมเบญจา ทะลักเข้าท่วมบ้านจำนวน 20 หลัง บริเวณชุมชนเมืองกระบี่เก่า ต้องขนของหนีน้ำโกลาหล ส่วนต.ไสไทย เกิดดินถล่มทับห้องแถว 4 หลัง...

 

 

11 ก.ย. มีรายงานว่า สืบเนื่องจากมีฝนตกหนักในพื้นที่จ.กระบี่ ติดต่อกันมาตั้งคืนวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้น้ำจากเทือกเขาพนมเบญจา น้ำตกห้วยโต้ ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ และน้ำจากคลองกระบี่ใหญ่ ไหลเข้าท่วมบ้านประชาชน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัย

ขณะเดียวกัน น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านประชาชนบริเวณริมสะพานคลองกระบี่ใหญ่ ล่าสุดระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร ทำให้รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน เนื่องจากเคลื่อนย้ายไม่ทัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้อพยพออกมาจากบ้านและให้การช่วยเหลือ ส่วนบริเวณชุมชนเมืองเก่า ถนนหน้าพลับพลา ต.กระบี่ใหญ่ เขตเทศบาลเมืองกระบี่ น้ำจากคลองใหญ่ได้ไหลเข้าท่วมบ้านของประชาชนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ จำนวน 20 หลัง ระดับน้ำสูงประมาณ 20 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่ต้องช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของไปไว้ที่โรงเรียนเทศบาล 1 ตลาดเก่า ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 800 เมตร พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมช่วยประชาชน เนื่องจากขณะนี้ยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องบริเวณเทือกเขาพนมเบญจา

วันเดียวกัน นายอาคม เจ๊ะโส้ ผู้ใหญ่บ้านคลองหินหมู่ 7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ อปพร. ได้เข้าตรวจสอบบริเวณเขาคลองหิน หลังรับแจ้งจากประชาชนว่าเกิดเหตุดินสไลด์ทับบ้านประชาชน ซึ่งเป็นห้องแถวปลูกติดกัน 4 หลัง โดยบริเวณที่เกิดดินสไลด์ลงมา กินเนื้อที่กว้างประมาณ 6 เมตร ดินไหลเป็นทางยาวระยะทางประมาณ 10 เมตร แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 01:56:24


ความคิดเห็นที่ 1760 (1568930)

อนุโมทนากับทุกๆบุญกับ คุณ อาริยา ด้วยนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 03:13:09


ความคิดเห็นที่ 1761 (1568938)

 ขออนุโมทนาบุญกับคุณอาริยาด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 04:00:08


ความคิดเห็นที่ 1762 (1569022)

เตือน ปชช.พื้นที่เสี่ยง จ.ลำปาง ระวังภัยจากฝนตกหนัก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2554 10:39 น.

นายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือเกิดมีฝนตกลงมาหลายครั้ง ทำให้ในหลายพื้นที่มีปริมาณฝนตกสะสมเป็นจำนวนมาก โดยชั้นใต้ดินและบนผิวดินมีการอุ้มน้ำไว้เป็นจำนวนมาก ในส่วนของ จ.ลำปาง จุดที่ต้องเฝ้าระวังภัยน้ำป่าหรือดินถล่มมีอยู่ 2 พื้นที่ โดยในพื้นที่แรก คือที่บ้านปางมะโอ ต.วังเงิน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และจุดที่ 2 บ้านดงดินดำ หมู่ที่ 3 ต. แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน ซึ่งใน 2 จุดนี้ สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 จ.ลำปาง เกิดความเป็นห่วง ซึ่งต้องแจ้งเตือนให้ประชาชนให้ระมัดระวัง ซึ่งหากพื้นที่ใดมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง ให้เตรียมการอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัย
พร้อมนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนตกหนักอย่างใกล้ชิด

__________________
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 11:12:45


ความคิดเห็นที่ 1763 (1569024)

ปภ.พัทลุงเตือน! 5 อำเภอเสี่ยงน้ำป่า-ดินถล่ม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2554 10:36 น.

พื้นที่ จ.พัทลุง ฝนที่ตกต่อเนื่อง 2 วันที่ผ่านมาร ทำให้ดินอุ้มน้ำไว้มาก ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดลมกระโชกแรงพัดต้นทุเรียนขนาดใหญ่ล้มทับบ้านของ นางปราณี เทวยุรัง อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 159 หมู่ 4 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง พังเสียหายทั้งหลัง พร้อมทับรถยนต์เสียหายด้วย นอกจากนั้นยังมีบ้านเรือนชาวบ้านถูกลมพายุพัด ทำให้หลังคาปลิวหายไปอีก จำนวน 5 หลัง
ล่าสุด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.เร่งลงพื้นที่สำรวจเพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมทั้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามแนวเทือกเขาบรรทัด อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน อ.ศรีนครินทร์ และ อ.ศรีบรรพต ระวังน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม

__________________
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 11:13:31


ความคิดเห็นที่ 1764 (1569027)

สถานการณ์ลุ่มน้ำตะกั่วป่าสูงขึ้นต่อเนื่อง-ปชช.ผวาน้ำป่าหลาก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2554 10:24 น.

นายประพันธ์ เกิดแสงสุริยงค์ เจ้าหน้าที่ศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคใต้ กรมชลประทาน ออกประกาศสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำตะกั่วป่า จากปริมาณน้ำฝนในสถานีตรวจวัด จำนวน 4 แห่ง เฉลี่ย 169.7 มิลลิเมตร ปริมาณน้ำ 628.5 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ระดับน้ำในคลองตะกั่วป่า สถานีรมย์มณี มีระดับน้ำสูง และคาดว่า สถานีตลาดเก่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 5.40 เมตร จึงได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนได้
ล่าสุด จากการตรวจสอบพื้นที่ อ.ตะกั่วป่า โดยเฉพาะ ต.โคกเคียน ต.ตลาดใหญ่ และ ต.บางไทร ระดับน้ำลดลงมาอยู่ที่ 4.25 เมตร ขณะเดียวกันยังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีลมกระโชกอย่างรุนแรงในพื้นที่ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 11:14:26


ความคิดเห็นที่ 1765 (1569031)

ตึกถล่มที่สระบุรี

สลด“แม่-ลูก”เสียชีวิต


วันจันทร์ ที่ 12 กันยายน 2554 เวลา 9:50 น

ตึก3ชั้นหลัง

รพ.เกษมราษฎร์สระบุรี

ถล่มลงมาไม่เหลือซาก

คาดพายุพัดถล่มอย่างหนัก

หลายวันติดต่อกัน

เป็นเหตุให้สภาพพื้นดินทรุดตัว

จนเกิดเหตุสลด

ล่าสุดพบศพ2ราย

เป็น“แม่-ลูก”ติดอยู่ในซาก

วันที่ 12 ก.ย. เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.สระบุรี รับแจ้งเกิดเหตุอาคารถล่มบริเวณเชิงเขาตะกร้า ซึ่งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาลเกษมราษฏร์สาขาสระบุรี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมรุดไปที่เกิดเหตุ พบอาคารเลขที่ 88 หมู่ 3 ตำบลปากข้าวสาร อ.เมือง ซึ่งมีลักษณะเป็นตึกแถว 10 คูหา มี 3 ชั้น อยู่ในสภาพทรุดตัวถล่มลงมาโดยชั้น 3 ลงมากองอยู่บนพื้นดิน ท่ามกลางเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากใต้ซากปรักหักพัง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารถล่มนี้แล้ว 2 ราย เป็นผู้หญิงวัยกลางคนและเด็กหญิงคนหนึ่ง คาดว่าเป็นแม่-ลูกกัน ส่วนคนเป็นพ่อยังมีลมหายใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งช่วยชีวิตเป็นการด่วน รวมทั้งค้นหาเหยื่อรายอื่น ๆ ที่ยังอยู่ใต้ซากอาคารดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ อาคารดังกล่าวเป็นตึกแถว 10 คูหา ขนาด 3 ชั้น โดยชั้น 2-3 เปิดให้เช่าเป็นห้องพักรายเดือน ส่วนชั้นล่างตีกำแพงทะลุถึงกันหมดเพื่อใช้เป็นที่จอดรถของผู้มาเช่าพัก สันนิษฐานว่าตั้งแต่คืนวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 12 ก.ย. อาจทำให้ดินในบริเวณดังกล่าวเกิดการยุบตัวทำให้อาคารถล่มลงมา และขณะเกิดเหตุมีผู้มาเช่าห้องพักหลายห้องแต่ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 11:19:59


ความคิดเห็นที่ 1766 (1569033)

อุตรดิตถ์ติดตั้งสะพานแบริ่ง ช่วยน้ำท่วมห้วยคอม-ห้วยเนียม


12 กย. 2554 09:00 น.

นายสุรชัย ธัชกวิน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า น้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม ต.น้ำไผ่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ส่วน ด.ช.ยิ่งศักดิ์ อินดีสี อายุ 5 ขวบ ที่เป็นหนึ่งในจำนวนผู้สูญหาย 3 คนยังไม่มีรายงานได้ว่าพบแต่อย่างใด ซึ่งผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายทั้งหมดเป็นชาวบ้านหมู่ 3 ต้นขนุน จากพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 หมู่บ้าน คือ หมู่ 2 บ้านห้วยเดื่อ หมู่ 3 บ้านต้นขนุน หมู่ 4 บ้านห้วยคอม และหมู่ 5 บ้านห้วยเนียม
ทั้งนี้ สรุปยอดตัวเลขที่ผู้ประสบภัยแจ้งความเดือดร้อนล่าสุด มีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 41 หลังคาเรือน เสียหายบางส่วน 48 หลังคาเรือน ถนนชำรุด 4 สาย สะพานพัง 6 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนบ้านห้วยคอม ได้รับความเสียหายทั้งอาคารเรียน โรงอาหาร สนามกีฬาที่ยังถูกดินโคลนไหลมาทับถม ยังไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้อย่างไม่มีกำหนด ตลอดจนประชาชนได้รับผลกระทบ 705 ครัวเรือน 2028 คน ความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้
นายสุรชัย กล่าวว่า พื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง แม้ปริมาณไม่มาก ชาวบ้านก็ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย มีการตั้งจุดเวรยามติดตามระดับน้ำในห้วยที่ไหลผ่านหมู่บ้านตลอด 24 ชม.และเฝ้าฟังเสียงดังจากภูเขาที่ล้อมรอบ ต.น้ำไผ่ อันเกิดจากดินโคลนถล่ม เนื่องจากสภาพดินอ่อนตัว ง่ายต่อการสไลด์และไหลมากับน้ำป่า ส่วนด้านความช่วยเหลือโดยเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นการดำรงชีวิต ได้รับน้ำใจหลั่งไหลจากทั่วสารทิศ โดยขณะนี้ได้มีการนำดินจากภูเขามาถมคลองห้วยเดื่อ เพื่อทำเป็นเส้นทางสัญจรชั่วคราวไปยัง หมู่ 3 บ้าต้นขนุน แทนสะพานคอนกรีตที่พังเสียหาย พร้อมติดตั้งสัญญาณโทรศัพท์ จายกระแสไฟฟ้า ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ
"แต่ที่ยังน่าเป็นห่วง คือ ชาวบ้านกว่า 200 ครอบครัวที่หมู่ 4 (บางส่วน)และ หมู่ 5 ต.น้ำไผ่ ถูกตัดขาดรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรเข้าไปได้ ก่อนหน้านี้มีการลำเลียงการช่วยเหลือด้วยการเดินเท้าเนื่องจากที่สะพานคอนกรีตข้ามห้วยขุนตรอน พังเสียหายและเป็นจุดบ้านเรือนพังเสียหาย 13 หลังคา จำเป็นต้องระดมกำลังทหารจากจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ เข้ารื้อถอนซากปรักหักพัง บ้านที่พังเสียหาย นำเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าไปนำก้อนหินขนาดใหญ่ออก จากนั้นได้วางสะพานแบริ่ง เพื่อให้ยานพาหนะสัญจรเข้าไปยัง 2 หมู่บ้านดังกล่าวได้ ความช่วยเหลือจะเข้าไปถึงในวันนี้อย่างเต็มที่”นายสุรชัยกล่าว
นายสุรชัย กล่าวว่า ส่วนปัญหาการติดต่อสื่อสารนั้น ที่บ้านต้นขนุน ได้บริษัททีโอที ได้โทรศัพท์ไปติดตั้งเพื่อบริการประชาชนได้ใช้ติดสื่อสารกับญาติพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัด และใช้ประสานงานเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น เชื่อว่าการคมนาคม สิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่จำเป็นและเสียหายจะได้รับการแก้ไข

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 11:21:09


ความคิดเห็นที่ 1767 (1569034)

แผ่นดินไหวนอกเกาะวานูอาตู 6.0 ริกเตอร์


12 กย. 2554 08:48 น.

สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ เปิดเผยว่า เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.0 ริคเตอร์ ที่บริเวณรอนชายฝั่งของเกาะวานูอาตู ในแปซิฟิกใต้ แต่ไม่มีประกาศเตือนภัยสึนามิแต่อย่างใด
ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปในทะเลเพียงแค่ 1 กิโลเมตร และอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงพอร์ต วิล่า เมืองหลวงของวานูอาตู ประมาณ 61 กิโลเมตรด้านผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวของ จีโอไซเอินซ์ ออสเตรเลีย กล่าวว่า สามารถรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดิไหว ที่พอร์ต วิล่า แต่ไม่น่าจะเกิดความเสียหาย แม้ว่าโครงสร้างต่าง ๆ จะไม่แข็งแรงนัก
แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหวใกล้กับเกาะวานูอาตูหลายครั้งก่อนหน้านี้ รวมทั้งครั้งที่รุนแรงถึง 7.0 ริคเตอร์ หรือมากกว่าถึง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวยังกล่าวด้วยว่า ในปีนี้ สามารถบันทึกการเกิดแผ่นดินไหวได้มากกว่า 40 ครั้ง ในพื้นที่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงพอร์ต วิล่า และครั้งล่าสุดนี้อาจจะเป็นอาฟเตอร์ช็อค
เกาะวานูอาตู ตั้งอยู่บนบริเวณที่เรียกว่า " วงแหวนแห่งไฟ " ซึ่งเป็นเขตที่มีเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง อันเนื่องมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนของเปลือกโลก

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 11:21:57


ความคิดเห็นที่ 1768 (1569080)
สถานการณ์ลุ่มน้ำตะกั่วป่าสูงขึ้นต่อเนื่อง-ปชช.ผวาน้ำป่าหลาก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2554 10:24 น.

นายประพันธ์ เกิดแสงสุริยงค์ เจ้าหน้าที่ศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคใต้ กรมชลประทาน ออกประกาศสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำตะกั่วป่า จากปริมาณน้ำฝนในสถานีตรวจวัด จำนวน 4 แห่ง เฉลี่ย 169.7 มิลลิเมตร ปริมาณน้ำ 628.5 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ระดับน้ำในคลองตะกั่วป่า สถานีรมย์มณี มีระดับน้ำสูง และคาดว่า สถานีตลาดเก่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 5.40 เมตร จึงได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนได้
ล่าสุด จากการตรวจสอบพื้นที่ อ.ตะกั่วป่า โดยเฉพาะ ต.โคกเคียน ต.ตลาดใหญ่ และ ต.บางไทร ระดับน้ำลดลงมาอยู่ที่ 4.25 เมตร ขณะเดียวกันยังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีลมกระโชกอย่างรุนแรงในพื้นที่ด้วย
 
 
ปภ.พัทลุงเตือน! 5 อำเภอเสี่ยงน้ำป่า-ดินถล่ม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2554 10:36 น.

พื้นที่ จ.พัทลุง ฝนที่ตกต่อเนื่อง 2 วันที่ผ่านมาร ทำให้ดินอุ้มน้ำไว้มาก ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดลมกระโชกแรงพัดต้นทุเรียนขนาดใหญ่ล้มทับบ้านของ นางปราณี เทวยุรัง อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 159 หมู่ 4 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง พังเสียหายทั้งหลัง พร้อมทับรถยนต์เสียหายด้วย นอกจากนั้นยังมีบ้านเรือนชาวบ้านถูกลมพายุพัด ทำให้หลังคาปลิวหายไปอีก จำนวน 5 หลัง
ล่าสุด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.เร่งลงพื้นที่สำรวจเพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมทั้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามแนวเทือกเขาบรรทัด อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน อ.ศรีนครินทร์ และ อ.ศรีบรรพต ระวังน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
__________________
เตือน ปชช.พื้นที่เสี่ยง จ.ลำปาง ระวังภัยจากฝนตกหนัก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2554 10:39 น.

นายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือเกิดมีฝนตกลงมาหลายครั้ง ทำให้ในหลายพื้นที่มีปริมาณฝนตกสะสมเป็นจำนวนมาก โดยชั้นใต้ดินและบนผิวดินมีการอุ้มน้ำไว้เป็นจำนวนมาก ในส่วนของ จ.ลำปาง จุดที่ต้องเฝ้าระวังภัยน้ำป่าหรือดินถล่มมีอยู่ 2 พื้นที่ โดยในพื้นที่แรก คือที่บ้านปางมะโอ ต.วังเงิน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และจุดที่ 2 บ้านดงดินดำ หมู่ที่ 3 ต. แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน ซึ่งใน 2 จุดนี้ สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 จ.ลำปาง เกิดความเป็นห่วง ซึ่งต้องแจ้งเตือนให้ประชาชนให้ระมัดระวัง ซึ่งหากพื้นที่ใดมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมง ให้เตรียมการอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัย
พร้อมนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนตกหนักอย่างใกล้ชิด
__________________
พบเหยื่อดินโคลนถล่มอ.น้ำปาดอีก2ศพ

10:56 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม ต.น้ำไผ่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ (12 ก.ย.) เจ้าหน้าที่พบศพเหยื่อผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย บริเวณอุทยานแห่งชาติคลองตรอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำศพออกมาได้ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ รวม 6 ราย ส่วน ด.ช.ยิ่งศักดิ์ อินดีศรี อายุ 5 ขวบ ที่สูญหายยังไม่พบ โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 6 ศพ จะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ ที่วัดชัยชนะพล ต.น้ำปาด อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 14:41:34


ความคิดเห็นที่ 1769 (1569083)

263 หมู่บ้านสุโขทัยอ่วมรอบ 8 ยอดตายพุ่ง 8 ศพ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กันยายน 2554 15:43 น.

สุโขทัย - พื้นที่ 4 อำเภอ 43 ตำบล 263 หมู่บ้านของสุโขทัยอ่วมอีก หลังน้ำท่วมสูงเป็นรอบที่ 8 ถนนสายสุโขทัย-ศรีสำโรง ใกล้ขาดซ้ำ ขณะที่ชาวบ้าน-พระสงฆ์ ร่วมลงแรงขนกระสอบทราบล้อมอาคารโรงเรียนบ้านปากแคว หวังให้เด็กเรียนได้พรุ่งนี้ (12 ก.ย.) หลังต้องปิดยาวกว่าเดือน ขณะที่ยอดชาวบ้านสังเวยน้ำท่วมปีนี้ เพิ่มเป็น 8 ศพแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย วันนี้ (11 ก.ย.) ว่า กลับเข้าสู่วิกฤตอีกครั้ง หลังมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ ประกอบกับน้ำเหนือไหลบ่าลงมาหนุน ทำให้บ้านเรือนราษฎร 263 หมู่บ้าน 43 ตำบล ในพื้นที่ 4 อำเภอ ถูกน้ำท่วมสูงเป็นระลอกที่ 8 ส่วนถนนสายสุโขทัย-ศรีสำโรง ตรงบริเวณหมู่ 6 (สายหลัง) ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ที่ขาด 3 ช่วง และมีการนำสะพานเหล็ก มาวางเชื่อมให้สัญจรได้แล้วนั้น ล่าสุด แขวงการทางสุโขทัย ต้องเร่งนำไม้ยูคา และกระสอบทราย เข้าไปซ่อมแซมใต้คอสะพาน เนื่องจากถูกกระแสน้ำกัดเซาะ จนได้รับความเสียหายเพิ่ม

ส่วนที่โรงเรียนบ้านปากแคว ทางพระสงฆ์พร้อมด้วยชาวบ้าน รวมเกือบ 100 คน ได้ช่วยกันขนกระสอบทราย ทำแนวล้อมตัวอาคารเรียน เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง และให้เด็กนักเรียน สามารถมาเรียนได้ตามปรกติ ในวันจันทร์นี้ (12 ก.ย.) เพราะที่ผ่านมา โรงเรียนถูกน้ำท่วม จนต้องหยุดยาวมานานเกือบ 1 เดือนแล้ว

สำหรับในพื้นที่ตัวเมืองสุโขทัย ทางเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ก็ได้ทำการระบายน้ำออกอย่างเร่งด่วน หลังจากมีน้ำยมทะลักผ่านท่อเข้ามาท่วมบ้านเรือน ร้านค้า และถนน ในหลายชุมชมของเขตเทศบาล

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วม จ.สุโขทัย มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 120,000 คน รวมเสียชีวิต 8 ราย และมีนาข้าวเสียหายอีกกว่า 300,000 ไร่

ดินสไลด์ปิดเส้นทางแม่สอด-อุ้มผาง เตือน!! ปชช.ขนของขึ้นที่สูง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2554 11:21 น.

ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ชายแดน จ.ตาก ทำให้น้ำป่าจากภูเขาไหลทะลักปิดทับเส้นทางสาย 190 จากอ.แม่สอด ไปยัง อ.อุ้มผาง จ.ตาก บริเวณบ้านม่อนหินเหล็กไฟ ต.มหาวัน อ.แม่สอด จนต้องปิดการจราจรเนื่องจากเป็นเส้นทางขึ้นลงเขา ขณะเดียวกันทำให้ดินบนภูเขาอุ้มน้ำไม่ไหวไหลลงมาปิดทับเส้นทางสายดังกล่าว บริเวณกิโลเมตรที่ 48 อ.พบพระ รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แขวงการทางแม่สอด นำเครื่องจักรเข้าไปเปิดเส้นทางอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องยังทำให้มีน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่หลายแห่ง ใน ต.แม่กุ ต.พระธาตุผาแดง และเขตเทศบาลนครแม่สอด ทางเทศบาลนำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนในย่านธุรกิจรีบย้ายสิ่งของไว้ที่สูงแล้วเช่นกัน

แจ้งเตือน! เลี่ยงถนนสายอยุธยา-ป่าโมก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2554 11:25 น.

นายไพจิตร โพธิ์จันทร์ ผู้อำนวยการแขวงการทางพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ล่าสุดวันนี้ได้ออกตรวจสอบถนนทุกเส้นทางที่ถูกน้ำท่วม พบว่าบริเวณถนนสาย 309 อยุธยา-ป่าโมก ช่วงแยกไฟแดงป่าโมกถึงเข้าเขต จ.พระนครศรีอยุธยา มีน้ำท่วมบางจุด ระยะทางประมาณ 200 เมตร แม่น้ำเจ้าพระยาไหลข้ามถนนสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ขอให้ผู้ที่จะสัญจรเลี่ยงใช้เส้นทางดังกล่าว เนื่องจากระดับน้ำสูง อาจทำให้ยานพาหนะได้รับความเสียหาย
ส่วนถนนที่น่าเป็นห่วงอีกจุดคือ สายอยุธยา-ผักไห่ เนื่องจากน้ำมีปริมาณค่อนข้างสูง แต่ยังมีแนวคันดินช่วยพยุงไม่ให้น้ำไหลข้ามได้ อย่างไรก็ตาม หากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้ถนนบางช่วงมีน้ำไหลผ่านจนไม่สามารถสัญจรได้

 

คืบสระบุรีน้ำเซาะอาคาร2ชั้นดับ4อีก3อยู่ระหว่างค้นหา

12 กย. 2554 11:34 น.

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 12 ก.ย.2554 จากเหตุบ้านแบบทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมเขา หมู่ที่ 3 ต. ปากข้าวสาร อ. เมือง สระบุรี เกิดการทรุดตัวลงมา หลังฝนตกติดต่อหลายวัน จนทำให้น้ำจากเขาไหลลงมาเซาะตัวบ้านหลังดังกล่าว จนเกิดการพังลงมาทับผู้อาศัย สำหรับบ้านหลังเกิดเหตุ สร้างเป็นที่ให้เช่าพักอาศัย รวม 2 ชั้น แต่ละชั้นแบ่งเป็น 5 ห้อง ส่วนด้านล่างเป็นที่จอดรถ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้ 4 ราย ยังไม่ทราบชื่อ ส่วน อีก 3 ราย อยู่ระหว่างการค้นหา ขณะเดียวกันตัวบ้านยังได้พังลงมาทับรถยนต์ที่จอดอยู่ใต้อาคาร เสียหาย 5 คัน ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมาจากการที่พื้นที่ตั้งในตัวบ้านชุ่มน้ำ จากฝนตกหนักที่เกิดจึ้น จนอาคารรับน้ำไม่ไหว

Tropical Depression 18W# 1 : ประกาศเตือนภัย เรื่อง "ดีเปรสชันเขตร้อน 18W ” ฉบับที่ 1

Tropical Depression 18W# 1 : ประกาศเตือนภัย เรื่อง "ดีเปรสชันเขตร้อน 18W ” ฉบับที่ 1
ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น ฮาวาย, สหรัฐฯ (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
สภาวะโดยทั่วไปของพายุหมุนเขตร้อนเมื่อเวลา 19.00น.
ประจำวันที่ 11 กันยายน 2554 ออกประกาศเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย วันที่ 11 กันยายน 2554 / 03.32 น. ปรากฎพายุหมุนเขตร้อน 1 ลูก / หย่อมความกดอากาศต่ำ - ลูก
1) Tropical Depression 18W (21.3N 135.5E,25kts) : เมื่อเวลา 19.00น.วันนี้(11ก.ย.2554) ดีเปรสชันเขตร้อน 18W มีศูนย์กลางปกคลุมกลางทะเลเเปซิฟิคตะวันตก อยู่ที่ละติจูด 21.3องศาเหนือ ลองจิจูด 135.5 องศาตะวันออก หรือมีศูนย์กลางอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จาก ฐานทัพอากาศคาเดนา ประเทศญี่ปุ่น ห่ างประมาณ 982 กิโลเมตร. กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 7 นอต(13 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา . มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 25 นอต(46 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ลมกระโชกแรงสูงสุดประมาณ 35นอต(65กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวน้ำทะเลประมาณ 1004 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ 3 เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา.... / คาด ช่วง 24-48 ชั่วโมงข้างหน้านี้ หรือช่วง 12-13 ก.ย.54 นี้ ดีเปรสชันเขตร้อน 18W จะเริ่มมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางเหนือมากขึ้น. มีเเนวโน้มพัฒนาเป็นพายุโซนร้อนในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังทางเกาหลีใต้ หรือทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นในช่วง 16-18 ก.ย.54 นี้ : ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )


ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 14:47:31


ความคิดเห็นที่ 1770 (1569085)

สงขลาเร่งตรวจพื้นที่เสี่ยงหวั่นน้ำท่วม

ข่าวภูมิภาค วันจันทร์ที่ 12 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 12:04 น.

รองนายกเล็กนครสงขลา ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงบริเวณเขาน้อย หลังฝนตกต่อเนื่องหลายวัน จนท. ขุดลอกคู ให้น้ำไหลได้สะดวก

นายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา นำเจ้าหน้าที่ชุดตรวจการณ์เทศบาลนครสงขลา ตรวจสอบสภาพดินบนเขาน้อย ซึ่งต้องอยู่ในเขตเทศบาลนครสงขลา หลังจากที่เกิดเหตุฝนตกหนักติดต่อกันมา 3 วัน เนื่องจากอยู่ในภาวะเสี่ยง เกรงว่าดินภูเขาจะชุ่มน้ำ และถล่มลงมาทับบ้านเรือนของชาวบ้านที่เชิงเขานับร้อยหลัง ซึ่งเคยเกิดเหตุดินเขาน้อย ถล่มทับบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่ตีนเขามาแล้วถึง 2 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 3 ราย

โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ นายกฤษฎา สู่เมือง ครูโรงเรียนวชิรานุกูลกูล สงขลา เสียชีวิต ทั้งนี้ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดลอกคูระบายน้ำ รวมทั้งนำเศษหินและกิ่งไม้ที่ขวางทางน้ำออก เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ทางเทศบาลนครสงขลา จะนำกระสอบทรายมาวางกั้นบริเวณเชิงเขา ซึ่งอยู่ใกล้บ้านเรือนของชาวบ้าน เพื่อขวางกั้นไม่ให้น้ำไหลลงสู่บ้านเรืองของชาวบ้านโดยตรง และป้องกันเหตุดินสไลด์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

หวั่นอันตรายของหมึกสักลวดลาย มีสารก่อมะเร็งผสมปนอยู่ด้วย



องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ได้เริ่มศึกษาความปลอดภัยของหมึกสัก ที่นิยมสักลวดลายตามเนื้อตัวกันอย่างแพร่หลาย หลังจากที่มีข่าวว่าเคยเกิดเสื่อมสภาพขึ้นในตัว หรือไม่ก็พอโดนกับแสงบ่อยๆ เข้ากลับจางไป

 

ระนองเจอฝนหนักน้ำป่าไหลท่วม

  • 12 กันยายน 2554 เวลา 11:36 น

ระนองฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก-ดินถล่ม อำเภอกะเปอร์ ชุมชน-พื้นที่เกษตรฯเสียหายจำนวนมาก



หลังจากได้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในจังหวัดระนอง ล่าสุดเมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ได้เกิดน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายหลังคาเรือนที่อยู่ริมคลองบางปรุ บริเวณวังมัจฉา หมู่ที่ 5 ต.กะเปอร์ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง นอกจากนี้ระดับน้ำที่สูงได้ไหลเข้าท่วมสวนยางพารา และปาล์มน้ำมันที่อยู่ในที่ราบลุ่มจำนวนมากด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 07.00 น. ได้เกิดดินภูเขาเลื่อนไหลปิดทับถนนหมายเลข 4006 สายบ้านราชกรูด จ.ระนอง –อ.พะโต๊ะ –อ.หลังสวน จ.ชุมพร ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 5-6 ใกล้รอยต่อ จ.ระนอง-จ.ชุมพร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ โดยแขวงการทางระนองได้นำรถตักดินล้อยางเข้าตักดินออกจนกระทั่งเวลา 10.00 น. สามารถเปิดเส้นทางให้รถสามารถผ่านไปมาได้แล้ว
นายไพบูลย์ เอี่ยมสุวรรณ ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยาระนอง เปิดเผยว่า ในพื้นที่อ.กะเปอร์เกิดฝนตกหนักสามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้ 184 มิลลิเมตร อ.เมืองระนอง 157 มิลลิเมตร แต่จากการตรวจสอบสภาวะอากาศล่าสุดสุดพบว่ามรสุมได้อ่อนกำลังลงแล้ว หากไม่มีมรสุมก่อตัวขึ้นมาใหม่อีก จะทำให้ฝนลดปริมาณลงในระยะนี้ แต่อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดต่อไป

ระนองเจอฝนหนักน้ำป่าไหลท่วม - โพสต์ทูเดย์ ข่าวกทม.-ภูมิภาค

วารสารวิชาการ “ข่าวอนามัยสิ่งแวดล้อม” ของอเมริกา กล่าวว่า มีการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่า หมึกสักบางอย่างมีสารที่ไม่น่าไว้ใจผสมอยู่ เช่น โลหะและไฮโดรคาร์บอน อันเป็นสารก่อมะเร็ง และทำลายต่อมไร้ท่อ โดยเฉพาะหมึกสีดำ มีสารเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ชื่อ “เบนโซไพรีน” อันเป็นสารก่อมะเร็งร้ายแรง ซึ่งทำให้สัตว์ทดลองเป็นมะเร็งผิวหนังขึ้น

นอกจากนั้น หมึกสียังอาจเข้าสารตะกั่ว โครเมียม นิกเกิล ไทเทเนียม และพวกสารหนักอื่นๆ ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้หรือโรคต่างๆได้ เอกสารขององค์การฯยังเผยว่า หมึกบางสียังใช้สีย้อมที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม เช่น หมึกในการพิมพ์ หรือสีพ่นรถยนต์มาใช้ด้วย.

โดย: ไทยรัฐฉบับพิมพ์
12 กันยายน 2554, 12:00 น.

ปทุมธานี- ลมพายุพัดสายไฟขาด ยายไปจับเข้าถูกดูดตายคาที่

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 11 ก.ย.54 พ.ต.ท.เริงศักดิ์ พุ่มจิตร สาวัตรเวรสอบสวน สภ.ลาดหลุมแก้ว ได้รับแจ้งเหตุจากนายพยุง พารอด อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ม.6 ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ว่านางบุญรอด ทองหล่อ อายุ 61 ปี น้องสาวตนได้ถูกกระแสไฟแรงต่ำตกลงมาที่พื้นถนนเลียบคลองระแหงถูกไฟดูดเสียชีวิตให้มาตรวจสอบด้วย

ที่เกิดเหตุพบร่างนางบุญรอด ทองหล่อ นอนหงายมีบาดแผลที่ขาข้างขวาและซ้ายมีรอยไหม้ลึกโดยผู้ตายนอนทับสายไฟแรงต่ำที่พาดผ่านเสาไฟได้ขาดลงมาหนึ่งเส้นทำให้ไฟฟ้าชอร์ตเสียชีวิต

จากการสอบสวนนายพยุง พารอด ให้การว่าตนได้ออกไปฉี่ข้างบ้านพบเห็นน้องสาวนอนหงายอยู่ จึงได้เรียกหลานสาวไปดูก็พบว่ามีสายไฟฟ้าขาดตกอยู่ 1 เส้น โดยที่นางบุญรอด นอนทับอยู่ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยแต่นางบุญรอด ได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าแจ้งว่าสายไฟฟ้าแรงต่ำคงจะถูกลมพายุพัดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาทำให้สายไฟขาดตกลงพื้นแล้วผู้ตายอาจจะเดินไปเหยียบเข้าจึงถูกไฟดูดเสียชีวิตดังกล่าว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 14:54:31


ความคิดเห็นที่ 1771 (1569089)

อยุธยา-ปิดหมู่บ้านตีมีดอรัญญิกหนีน้ำท่วม

วันจันทร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
 


เขื่อน พระราม 6 อำเภอท่าเรือ ต้องระบายน้ำที่ล้นทะลักลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ท้ายเขื่อนมีน้ำท่วมสูงกว่า 3 ม.ส่งผลให้วัดสะตือแหล่งทอ่งเทียวสำคัญจ่อจมน้ำ ส่วนหมู่บ้านตีมีดอรัญญิกต้องปิดหมู่บ้านเก็บของหนีน้ำ
แม่น้ำ ป่าสักยังคงวิกฤตอย่างหนักในขณะนี้ พบว่าเขื่อนพระราม 6 ตั้งอยู่ในอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กั้นแม้น้ำป่าสัก ที่รับน้ำมาจากคลองชัยนาท - ป่าสัก และเหนือเขื่อน ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนจำนวนมากล้นบานประตู จึงต้องยกบานประตูระบายน้ำทั้งหมด 6 บาน ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทางวัดพนัญเชิงวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังเปิดระบายออกไปทางประตูระบายน้ำพระนารายณ์ ที่อยู่เหนือเขื่อนออกทะเลทางคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ

จาก ปริมาณน้ำที่มีอยู่จำนวนมากระบายลงมาท้ายเขื่อนมาตามแม่น้ำป่าสักได้ทะลัก เข้าท่วมวัดสะตือ โบราณสถานและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำสูงกว่าริมตลิ่งเดิมเกือบ 4 เมตร น้ำจ่อเข้ามาถึงบนลานวัดใกล้จะถึงองค์หลวงพ่อโตที่ชาวบ้านเคารพกราบไหว้

น้ำ ยังไหลล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่้ท้ายเขื่อนทั้งหมด ชาวบ้านตื่นนอนแต่เช้าถึงกับตกใจที่น้ำเอ่อเข้ามาท่วมถึงใต้ถุนอย่างรวดเร็ว ต้องช่วยเหลือตัวเองเร่งเก็บของหนีน้ำให้ทันกับระดับน้ำที่กำลังเอ่อสูงขึ้น เรื่อยๆ

ส่วน ตลาดสดเทศบาลตำบลท่าเรือ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ต้องอยู่ในสภาพจมใต้น้ำ ตัวสำนักงานเทศบาลตำบลท่าเรือ ยังเอาตัวไม่รอดถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ต้องปิดตัวเองย้ายที่ทำการไปอยุ่ด้านบนเป็นการชั่วคราว

ปริมาณ น้ำของแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 ยังได้ไหลผ่านอำเภอนครหลวง อำเภอพระนครศรีอยุธยา ทำให้บ้านสองฝากฝั่งริมแม่น้ำป่าสักถูกน้าท่วมได้รับความเดือดร้อนขยายเป็น วงกว้างอย่างไม่สิ้นสุด

เช่น เดียวกันกับหมุ่บ้านตีมีดอรัญญิก อำเภอนครหลวง แหล่งตีมีดทีี่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพระ นครศรีอยุธยา ได้ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ชาวบ้านในหมู่บ้านตีมีดอรัญญิกต้องเร่งรีบเก็บของหนีน้ำที่กำลังสูงขึ้น เรื่อยๆ

ผล จากแม่น้ำป่าสักที่สูงขึ้นยังได้ส่งผลกระทบไปถึงแม่น้ำลพบุรีทำให้มีระดับ สูงตามขึ้นไปด้วย ทางการต้องเตือนชาวบ้านสองฝากฝั่งแม้น้ำลพบุรี ตั้งแต่อำเภอบ้านแพรก มหาราชและอำเภอบางปะหัน ให้เตรียมรับมือไว้ด้วยเพื่อความไม่ประมาท

สตูล-น้ำท่วมหนัก สั่งปิด รร.19 แห่ง


วันจันทร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
 


น้ำ ท่วมหนัก 7 อำเภอในจังหวัดสตูล ต้องประกาศปิดโรงทั้งประถมและมัธยม 19 แห่ง หวั่นนักเรียนไม่ปลอดภัย ขณะที่พื้นที่ด้านล่างทางน้ำเร่งขนกระสอบทรายเตรียมป้องกัน
สถานการณ์ น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสตูล ทั้ง 7 อำเภอ ได้รับผลกระทบหนัก โดยฝนยังคงตกต่อเนื่องขณะที่วันนี้น้ำทะเลหนุนสูง คาดว่าในพื้นที่ ต.บ้านควน ตำบลคลองขุด ตำบลควนขัน และเขตเทศบาลเมือง น้ำจะไหลทะลักเข้าท่วม ชาวบ้านเตรียมขนย้ายข้าวของ และวางกระสอบทราย
นอกจากนี้สถานการณ์ น้ำท่วม ยังส่งผลให้โรงเรียนในพื้นที่อำเภอควนโดน และ อำเภอละงู ปิดโดยปริยาย เพราะถูกน้ำท่วม และบางแห่งนักเรียนไม่สามารถไปเรียนได้ เบื้องต้นต้องสั่งปิดโรงเรียน 19 แห่ง

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 7 อำเภอ 147 หมู่บ้าน เดือดร้อน 15,074 ครัวเรือน 54,384 คน

กทม.เตรียมช่วยเหลือชาวบ้านนอกคันกั้นน้ำ


วันจันทร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
 


กทม.เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำหากปริมาณน้ำเหนือยังสูงขึ้นประกอบกับมีฝนตกชุก
สำนัก การระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ได้เตรียมป้องกันน้ำเหนือที่ไหลมาจากเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนพระราม 6 ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นตลอดทั้งเดือนกันยายนนี้ ทาง กทม.ได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงโดยเฉพาะช่วงนี้มีปริมาณฝนตกมาก เพื่อคอยอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชน หากเกิดเหตุน้ำท่วมขึ้นพร้อมกับระวังติดตามชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ จำนวน 13 เขต 27 ชุมชน รวมประมาณ 1,200 ครัวเรือน อย่างใกล้ชิด
โดยหาก เกิดน้ำเข้าท่วม ทาง กทม.ได้จัดเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับอพยพแล้ว โดยใช้พื้นที่ของโรงเรียนในสังกัด กทม.บริเวณใกล้เคียง อย่างชาวบ้านในชุมชนสันติชนสงเคราะห์ กว่า 200 ครอบครัว เขตบางกอกน้อย ที่บ้านเรือนประชาชนส่วนใหญ่ตั้งอยู่นอกคันกั้นน้ำของ กทม.ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมบ้านเป็นประจำทุกปี ต่างย้ายข้าวของไว้บนที่สูง พร้อมกับยกพื้นสูงมาหลายครั้งแต่น้ำก็ขึ้นสูงทุกปี นายเสรี วิมานะ บอกว่าอาศัยกับภรรยาในบ้านริมคลองบางกอกน้อยในชุมชนนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว เมื่อก่อนพื้นที่บ้านเป็นสวนแต่ถูกน้ำกัดเซาะหายไปทุกปีจนพื้นดินกลายเป็นลำ คลองในที่สุด ต้องยกพื้นบ้านขึ้นสูงเพื่อหนีน้ำท่วมมาหลายครั้ง ปีนี้คาดว่าน้ำจะสูงกว่าทุกปี ตอนนี้ได้ย้ายข้าวของไว้บนที่สูงแล้ว
ส่วนนาย ไพโรจน์ ชาติปรีดี บอกว่าเมื่อช่วงหัวค่ำน้ำขึ้นสูงจนท่วมที่นอน หลังน้ำลดเมื่อตอนดึกได้เก็บกวาดขยะที่ลอยมากับน้ำออกไปแล้วแต่พื้นยังไม่ แห้งจึงต้องออกไปหาที่นอนใต้สะพานอรุณอมรินทร์ที่อยู่ด้านหน้าและหลังพื้น บ้านแห้งจะกลับเข้าไปนอนในบ้าน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-12 15:12:30


ความคิดเห็นที่ 1772 (1569246)

อุตรดิตถ์ - ทหาร-ผู้เชี่ยวชาญการจากเกาหลี พร้อมสุนัขค้นหาอีก 6 ตัว ร่วมหาผู้สูญหายจากโคลนถล่มเมืองลับแล ล่าสุด จนถึงขณะนี้เจอแล้ว 5 ศพ เหลืออีก 2 ยังไร้วี่แวว

วันนี้ (12 ก.ย.) นายสุรชัย ธัชกวิน ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) จ.อุตรดิตถ์ กล่าวถึงการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทหาร จากมณฑลทหารบก จ.อุตรดิตถ์ ได้นำสุนัขจาก จทบ.อุตรดิตถ์-สุนัขจากศูนย์สงครามพิเศษ นครราชสีมา และสุนัขจากมูลนิธิ ชาติชาย ชุณหะวัณ รวม 6 ตัว เข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารชุดค้นหา 11 นาย และผู้เชี่ยวชาญการค้นหาจากประเทศเกาหลี 1 คน เข้าปฏิบัติการ ซึ่งจะเริ่มมีการค้นหาจากบริเวณที่มีสะพานขาดในหมู่บ้านห้วยเดื่อ


ทั้งนี้ ได้ตั้งศูนย์ประสานงานเกี่ยวกับการค้นหาศพที่ศูนย์หายไว้ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยแมง อุทยานแห่งชาติคลองตรอน ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด เพราะจากการค้นหาล่าสุด พบศพที่ อ่างเก็บน้ำห้วยแมงแล้ว 3 ราย


รายล่าสุด ที่เจ้าหน้าที่พบศพบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยแมง อุทยานแห่งชาติคลองตรอน ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม 30 กม.ทราบชื่อว่า นางกัญญาณี ซ้อมพิมพ์ อายุ 42 ปี รวมกับที่พบก่อนหน้านี้ 4 รายคือ นายประสิทธิ์ อินดีศรี, นางพริก อินดีศรี, นายขาล คำไวย์ และ นางบัน คำไวย์ อายุ 84 ปี รวมพบศพแล้ว 5 ราย และยังเหลืออีก 2 ราย ที่ยังไม่พบ คือ นางพา คำไวย์ อายุ 84 ปี และเด็กชายยิ่งศักดิ์ อินดีศรี (น้องเกล้า) อายุ 5 ขวบ บ้านต้นขนุน หมู่ที่ 3 ต.น้ำไผ่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์

จากการสำรวจครั้งล่าสุดพบบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 41 หลัง (บ้านพักครู 6 หลัง) บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 48 หลัง อาคารเรียนเสียหายบางส่วน 1 โรง ถนน 4 สาย สะพาน 6 แห่ง โดยสะพานระหว่าง หมู่บ้านห้วยเดื่อ หมู่ 2 กับบ้านต้นขนุน หมู่ 3 ซ่อมแซมในเบื้องต้นสามารถใช้การได้แล้ว ยังเหลือสะพานระหว่างหมู่บ้านต้นขนุน หมู่ 3 กับบ้านห้วยคอม หมู่ที่ 4 และบ้านเพีย หมู่ที่ 5 ที่กำลังสร้างสะพานเล็กชั่วคราว คาดว่า ไม่เกิน 2 วันจากนี้ น่าจะสามารถใช้การได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ก็จะสามารถเชื่อมต่อไปยังหมู่บ้านที่เหลือ เพื่อขนเสบียงอาหารไปช่วยเหลือชาวบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น

----------------------

เตือน!! พื้นที่เสี่ยง 7 จว.ระวังดินถล่ม น้ำป่าหลาก

นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกประกาศกรมทรัพยากรธรณี ฉบับที่ 22 เรื่อง ให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม กรมทรัพยากรธรณี เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 1-2 วันนี้
โดยขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม และประชาชนทั่วไป ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย อ.แม่แจ่ม อมก๋อย ฮอด จ.เชียงใหม่ อ.แม่สะเรียง สบเมย ขุนยวม แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน อ.ทองผาภูมิ สังขละบุรี เมืองกาญจนบุรี ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี อ.เขาชะเมา แกลง จ.ระยอง อ.เมือง ขลุง จ.จันทบุรี และ อ.บ่อพลอย เขาสมิง เกาะช้าง จ.ตราด เนื่องจากฝนตกหนักต่อเนื่องบางพื้นที่ วัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร ระดับน้ำในลำคลองสูงขึ้นเต็มตลิ่ง และมีดินไหลในบางพื้นที่


ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:14:01


ความคิดเห็นที่ 1773 (1569247)

เร่งย้ายช้างกว่า 70 เชือกกรุงเก่าหนีน้ำท่วม


พระนครศรีอยุธยา - “เพนียดคล้องช้าง” พระนครศรีอยุธยา ย้ายที่อยู่ช้างกว่า 70 เชือกเร่งด่วน หลังน้ำเริ่มท่วมพระนครศรีอยุธยาหนักขึ้น

วันนี้ (12 ก.ย.) ที่เพนียดคล้องช้าง ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังน้ำในแม่น้ำป่าสักมีระดับสูงขึ้นและได้ไหลทะลักเข้าท่วมบริเวณภายในเพนียดคล้องช้าง ทำให้วันนี้ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งย้ายช้างกว่า 70 เชือก ไปอยู่ในพื้นที่สูงที่ไม่ถูกน้ำท่วมเป็นการด่วน เนื่องจากระดับน้ำภายในเพนียดคล้องช้างมีความสูงกว่า 30 เซนติเมตรแล้ว

นอกจากนี้ ยังได้ขอกำลังทหารจากกองโรงงานวัตถุระเบิด กรมสรรพวุธ กองทัพบก อยุธยา นำโดย พ.อ.นภดล ศรีตระกูล พร้อมด้วยกำลังพลกว่า 20 นาย ใช้รถยีเอ็มซี 1 คัน เร่งช่วยขนย้ายสิ่งของที่อยู่ภายในเพนียด ทั้งยารักษาโรคของช้าง ข้าวของเครื่องใช้ย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัยด้วย

ล่าสุด ในตอนนี้ช้างเริ่มได้รับผลกระทบเกี่ยวกับอาหารที่จะนำมาให้ช้างกิน บางส่วนที่ปลูกไว้ เช่น หญ้าสายพันธุ์เฉพาะที่นำมาเพาะปลูกไว้เลี้ยงช้าง บางส่วนตอนนี้ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ทำให้ช้างเริ่มได้รับผลกระทบในเรื่องอาหารมากที่สุด และถ้าน้ำยังคงสูงขึ้นอีกช้างอาจจะต้องได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:15:21


ความคิดเห็นที่ 1774 (1569249)
น้ำป่า “เขาใหญ่” ทะลักท่วมหมู่บ้าน “ปากช่อง” - เขื่อนใหญ่โคราชพุ่งพรวดจ่อเต็ม



น้ำป่าจากเขาใหญ่ ต้นน้ำลำตะคอง ไหลทะลักเข้าท่วม ถนน และบ้านเรือนประชาชน บ้านโนนป่าติ้ว ม.22 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันนี้ (12 ก.ย.)

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- น้ำป่า “เขาใหญ่” ไหลทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ปากช่อง โคราช หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 3 ต้องอาศัยเรือ-รถไถเข้าออกหมู่บ้านและขนทรัพย์สินหนีน้ำ ส่วน “ไทรงาม” แหล่งท่องเที่ยวสำคัญโคราชถูกน้ำมูลเอ่อท่วม จนท.สั่งปิดแล้ว ขณะปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ “ลำตะคอง-ลำพระเพลิง” พุ่งพรวดจ่อเต็ม ศูนย์เตือนภัยจังหวัดสั่ง จนท.เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือปชช.ตลอด 24 ชม.

วันนี้ (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะ อ.ปากช่อง ล่าสุด วันนี้ (12 ก.ย.) น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต้นน้ำลำตะคองได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ด้านล่าง 2 ฝั่งลำตะคอง โดยเฉพาะที่ บ้านโนนป่าติ้ว ม.22 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รับผลกระทบน้ำท่วมถนนและบ้านเรือนทำให้สัญจรผ่านไปมาด้วยความลำบาก ชาวบ้านต้องอาศัยเรือ และรถไถในการขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของขึ้นไปไว้บนที่สูงและเป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออกหมู่บ้าน รวมทั้งย้ายเด็กและคนชราหนีน้ำไปพักอาศัยอยู่กับบ้านญาติ


ทั้งนี้ ชาวบ้านบอกว่า บริเวณเขาใหญ่ และพื้นที่ อ.ปากช่อง มีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันนี้ (12 ก.ย.) ทำให้น้ำจากเขาใหญ่ไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ระดับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร (ซม.) นอกจากนี้ เขตอำเภอปากช่องได้มีการติดธงแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมในระดับ 3 (เตือนระวังเกิดน้ำท่วม) ตามพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้ประชาชนเฝ้าระวัง และขนสิ่งของไว้ในที่สูง

เช่นเดียวกับที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ปริมาณน้ำในแม่น้ำมูล ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางเทศบาลตำบลพิมาย ได้ระดมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำธงแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม ไปปักแสดงไว้ในจุดเสี่ยงต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับลำน้ำมูล และลำน้ำจักราช พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมทั้งอุปกรณ์และกำลังพล เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่วน “ไทรงาม” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ อ.พิมาย ล่าสุด น้ำมูลได้ไหลเข้าท่วมแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมแล้ว

ด้านสำนักงานชลประทานจังหวัดนครราชสีมา รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา ล่าสุด วันนี้ (12 ก.ย.) ว่า โดยภาพรวมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของ จ.นครราชสีมา เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 3 โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ที่ไหลผ่านตัวเมืองนครราชสีมา มีปริมาณน้ำรวม 227.83 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 72.44 ของความจุที่ระดับกักเก็บ 314 ล้าน ลบ.ม.ทางเขื่อนลดปริมาณการระบายน้ำออกจากเขื่อนลงจากเดิมระบายวันละกว่า 2.1 ล้าน ลบ.ม.เป็น 1.6 แสน ลบ.ม.เท่านั้น เหตุปริมาณน้ำตามลำตะคลอง ใต้เขื่อนมีปริมาณน้ำมาก จากฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่ประสบน้ำท่วมครั้งใหญ่ปีที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำรวม 92.48 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 84.36 ของความจุที่ระดับกักเก็บ 110 ล้าน ลบ.ม.ระบายน้ำวันละ 6.9 แสน ลบ.ม.ลดการระบายน้ำ จากเดิมระบายวันละ 8.6 แสน ลบ.ม., อ่างเก็บน้ำลำมูลบน อ.เสิงสาง มีปริมาณน้ำ 109.26 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 77.49 ของความจุที่ระดับกักเก็บ 141 ล้าน ลบ.ม.และ อ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำ 227.91 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 82.88 ของความจุที่ระดับกักเก็บ 275 ล้าน ลบ.ม.

ขณะที่ศูนย์เตือนภัยจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการไปยังพื้นที่เสี่ยงของจังหวัด ให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที หากเกิดน้ำท่วมรุนแรง ขณะที่สภาพอากาศของ จ.นครราชสีมา ท้องฟ้ายังมืดครึ้มและมีฝนตกโปรยปรายลงมาเป็นระยะๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:17:47


ความคิดเห็นที่ 1775 (1569250)

น้ำทะลักเข้าท่วมวัดอ่างทอง อพยพเด็กกำพร้านับร้อยหนีตาย
 






น้ำทะลักท่วมวัดตาลเจ็ดช่อ พระ-เณร เร่งอพยพเด็กกำพร้า หนีตายอลหม่าน ขณะที่คลองชลประทานและนาข้าวนับหมื่นไร่น้ำท่วมหนัก ผบ.ทบ.เยี่ยมให้กำลังใจ และมอบของให้ผู้ประสบภัย จ.อ่างทอง...

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อ่างทอง ว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไหลบ่าท่วมพื้นที่สองริมฝั่งแม่น้ำจมบาดาลหนัก สร้างความเสียหายขยายวงกว้างออกไป และเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา แรงดันน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ได้กัดเซาะกระสอบทรายกั้นน้ำ และถนนคอนกรีต หน้าวัดตาลเจ็ดช่อ ม.1 ต.ตลาดกรวด อ.เมือง จ.อ่างทอง พังทลายลง ทำให้พระ เณร ต้องเร่งอพยพเด็กกำพร้าและยากจนจำนวนกว่า 100 ชีวิต ที่ทางวัดอุปการะอยู่หนีตายขึ้นไปพักอาศัยบนศาลาการเปรียญ รวมทั้งเร่งขนย้ายทรัพย์สินของวัดไปเก็บไว้ในที่สูง

ต่อมา นายสมชาย อนะวัชกุล นายอำเภอเมืองอ่างทอง ได้รับรายงาน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ และ อส.รุดไปที่เกิดเหตุ พบว่าน้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณวัดอย่างรวดเร็ว จึงประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.อ่างทอง ส่งเจ้าหน้าที่มาตัดกระแสไฟฟ้าในจุดที่ถูกน้ำท่วม เพราะเกรงจะเกิดอันตรายกับเด็ก นอกจากนั้น กระแสน้ำยังไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 40 หลังคาเรือน ขณะเดียวกันได้ให้รถแบ็กโฮ เร่งสร้างคันดินกั้นน้ำเพื่อป้องน้ำไหลทะลักเข้า ท่วมชุมชน ม.2 ท่วมขยายวงกว้างสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเพิ่มขึ้นอีก

ต่อมา เมื่อช่วงเช้ามืดวันเดียวกัน ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ได้กัดเซาะคันดินกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหมู่ 5 ต.บ้านแห และ ม.4 ม.5 ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จนพังทลายลงอีก 3 จุดเป็นแนวยาว ทำให้กระแสน้ำไหลทะลักอย่างรวดเร็วเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ม.5 และ ม.6 จมบาดาลอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูง 2 เมตร นอกจากนั้น กระแสน้ำยังไหลบ่าท่วมถนนคันคลองชลประทาน สายอ่างทอง-ป่าโมก จนได้รับความเสียหาย ระดับน้ำสูง 30 ซม. รถเล็กสัญจรไปมาไม่ได้ ทั้งนี้ กระแสน้ำไหลยังทะลักลงไปในคลองชลประทานจนล้นตลิ่ง และยังไหลบ่าทะลักเข้าท่วมนาข้าวด้านฝั่งตะวันตก ตั้งแต่ ต.จำปาหล่อ ต.บ้านแห ต่อเนื่องไปจนถึง ต.ตลองวัว ต.มหาดไทย ต.ศาลาแดง และ ต.ป่างิ้ว จำนวนกว่า 1 หมื่นไร่ ทำให้เกษตรกรต้องขนย้ายทรัพย์สิน และเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วมด้วยถึงแม้ว่า ข้าวจะยังเขียว เพราะไม่แก่เต็มที่

และเมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจสภาพน้ำท่วมที่หน้าวัดป่าโมกวรวิหาร อ.ป่าโมก ก่อนเดินทางไปให้กำลังใจทหารที่ลงมาช่วยเหลือประชาชน จากนั้นจึงได้เดินทางไปที่ วัดพิจารณ์โสภณ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก เพื่อมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย โดยมีนายวิศว ศะศิสมิต ผวจ.อ่างทอง ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวภายหลังมอบถุงยังชีพว่า ว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.อ่างทอง ยังน่าเป็นห่วง เพราะถูกน้ำท่วมถึง 5 อำเภอ จาก 7 อำเภอ ตนได้สั่งการให้กำลังพลช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนทันที และต้องป้องกันพื้นที่ ที่ยังไม่ถูกน้ำท่วมไว้ด้วย ปัจจุบันกองทัพบกติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องทุกวัน หากพื้นที่ไหนกำลังพลไม่พอ ก็จะโยกย้ายกำลังพลในส่วนที่น้ำไม่ท่วมลงไปช่วย ส่วนในเรื่องของแพทย์ หากในพื้นที่มีไม่เพียงพอ ก็จะนำแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ลงมาช่วยทันที

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จเยี่ยมประชาชนผู้ประสบอุทกภัยที่ ต.บางปลากด เป็นการส่วนพระองค์ สร้างความปลื้มปีติแก่ราษฎรเป็นล้นพ้น
ฯ ๗๑     

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:20:29


ความคิดเห็นที่ 1776 (1569252)

น้ำเหนือทะลักอ.คลองลาน จ.กำแพงเพชรแล้ว ชาวบ้านวุ่นเก็บของหนีไม่ทัน


วันที่12ก.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้น้ำป่าจากเทือกเขา อ.คลองลาน ได้ไหลเข้าท่วมตลาดคลองลานอย่างรวดเร็ว โดยนายวัฒนา เที้ยวพันธ์ นายอำเภอคลองลาน จ.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า จากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักสะสมกันมาหลายวันในที่สุดน้ำจำนวนมหาศาล ได้ไหลบ่าเข้าท่วมตลาดคลองลานอย่างรุนแรง หนักที่สุดในรอบ 30 ปี ทำให้ทางอำเภอต้องส่งรถ 6 ล้อ ไปรับนักเรียนกลับบ้านก่อนที่โรงเรียนจะเลิก เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย ซึ่งกระแสน้ำป่าที่ไหลเข้าท่วมตัวตลาดอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้ประชาชนเก็บข้าวของไม่ทัน สินค้าในตลาดเสียหายจำนวนมาก โดยบางแห่งระดับน้ำสูงถึงเอว และไม่สามารถที่จะป้องกันได้ทัน

อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองลาน ได้ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปอย่างเด็ดขาดและสั่งปิดแบบไม่มีกำหนด ทาง และหากฝนยังตกไม่หยุดเช่นนี้ ระดับน้ำก็คงจะทรงตัว และส่งผลให้พื้นที่ทางการเกษตรนับแสนไร่ เสียหายตามมา

----------------------

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:22:18


ความคิดเห็นที่ 1777 (1569253)

ด่วน! เกิดเหตุระเบิดที่โรงบำบัดกากนิวเคลียร์ “ฝรั่งเศส

วันที่ 12/09/2554 19:50 (ผ่านมา 26 นาที)



เอเอฟพี - เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงบำบัดกากนิวเคลียร์เซนทราโก ใกล้เมืองนีมส์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส วันนี้ (12) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บอีก 4 คน ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีด้วย ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์แห่งชาติของแดนน้ำหอม หรือ เอเอสเอ็น

ทั้งนี้ โรงบำบัดกากนิวเคลียร์ดังกล่าว ดำเนินงานโดยอีดีเอฟ บริษัทด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส และตั้งอยู่ติดกับศูนย์วิจัยนิวเคลียร์มาร์คูแล

ในเบื้องต้น เอเอสเอ็น ยังไม่ได้ระบุถึงสาเหตุแน่ชัดของการระเบิดคราวนี้ ทว่า บอกเพียงว่า ขอบเขตของการระเบิดจำกัดอยู่ภายในเตาหลอมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด รัฐบาลฝรั่งเศส ออกมาแถลงว่า ไม่มีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีสู่บรรยากาศภายนอก

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:23:23


ความคิดเห็นที่ 1778 (1569254)
กรมชลฯเผยเขื่อนใหญ่15แห่ง"น้ำเต็มพิกัด"‏



กรมชลฯเผยน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ 15 แห่งเกิน 80 % ของความจุอ่าง เหตุมีน้ำไหลเข้ามาก ขณะที่เจ้าพระยาต้องรับบทหนักระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าในระหว่างนี้กรมชลประทานต้องจับตาปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ อย่างใกล้ชิดโดยติดตามการประบายน้ำแบบวันต่อวัน เพื่อให้ผ่านวิกฤติน้ำหลากไปให้ได้ เพราะขณะนี้เขื่อนหลายแห่งมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่น ที่เขื่อนภูมิพลวานนี้(12ก.ย.54) มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 117 ล้านลบ.ม. เพิ่มขึ้นจากวันที่ 11 ก.ย.54 ที่มีน้ำไหลเข้าอ่าง 102 ล้านลบ.ม. ที่เขื่อนสิริกิติ์ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนลดลงเหลือ 72 ล้านลบ.ม. จากเดิม 91 ล้านลบ.ม.แต่ยังมีปริมาณน้ำในเขื่อนมากถึง 95% ของความจุเขื่อน

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงวันเดียวน้ำเพิ่มขึ้นถึง 8% โดยน้ำไหลเข้าอ่างวานนี้ 94 ล้านลบ.ม. จากเดิมที่มีน้ำไหลเข้า 70 ล้านลบ.ม. หากยังมีปริมาณน้ำสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ไปทุกวัน อีกประมาณ 7-10 วัน น้ำก็จะเต็มเขื่อน

ทั้งนี้กรมชลประทานได้ประสานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้ช่วยลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลลงจาก 30 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ให้เหลือ 24 ล้านลบ.ม.ต่อวัน เพื่อไม่ให้มวลน้ำเหนือก้อนใหม่ไหลเข้ามาถล่มจ.นครสวรรค์อีกระลอก เนื่องจากมีฝนตกหนักในจ.กำแพงเพชร จึงมีน้ำไหลผ่านแม่น้ำปิงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว คือ จาก 600 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มเป็น 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาทีภายในวันเดียว ส่วนที่อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี วันนี้ถูกน้ำท่วมไปเรียบร้อยแล้วตามที่คาดการณ์

แนวโน้มของปริมาณน้ำในพื้นที่ดังกล่าวจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากน้ำป่าไหลลงเข้าคลองชัยนาท-ป่าสักเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมชลประทานได้พยายามช่วยเหลือไม่ให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้ามาสมทบ ด้วยการลดบานประตูระบายน้ำมโนรมย์ลงแล้ว

ส่วนเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำ เมื่อวันที่12ก.ย. มี ปริมาณน้ำไหลผ่านถึง 3,012 ลบ.ม.ต่อวินาที เกินกว่าปริมาณรับน้ำของเขื่อนที่ออกแบบไว้เดิม 2,8630 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งเป็นระดับที่ออกแบบไว้ว่าจะไม่ทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนถูกน้ำท่วม เพราะในช่วงนี้น้ำเหนือไหลลงมามาก และยังมีน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังไหลมาสมทบอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ระดับน้ำริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะสูงขึ้นไปอีกวันละ 10-15 ซ.ม. ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นเขื่อนสำคัญในการควบคุมน้ำก่อนที่จะไหลเข้ามากรุงเทพฯทั้งสิ้น

“ตอนนี้จึงต้องจับตาตัวแปรที่สำคัญคือ สภาพฝนว่าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในพื้นที่เหนือเขื่อนทีมีปริมาณน้ำมากอยู่แล้ว ซึ่งผมกับทีมงานก็ภาวนาว่าอย่าให้มีฝนตกลงมามากกว่านี้อีกเลย เพราะน้ำในระบบมันเต็มพิกัดแล้วจริงๆ” นายวีระ กล่าว

ด้าน ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน ออกรายงานสถานการณ์น้ำเมื่อวานนี้(12ก.ย.54)ว่า มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 15 แห่ง ทั่วประเทศที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุเขื่อนแล้ว ขณะที่ในภาพรวมมีปริมาณน้ำจากในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศรวมกันถึง 56,718 ล้านลบ.ม.หรือ 81% ความจุของเขื่อนขนาดใหญ่ทั้งประเทศรวมกัน 70,157 ล้านลบ.ม.

ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เวลา 06.00 น. (12 ก.ย. 54) ที่จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,242 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 46 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับ น้ำต่ำกว่าตลิ่ง 39 เซนติเมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท 3,013 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 178 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน อยู่ในระดับตลิ่ง(ระดับตลิ่ง 17 เมตร) ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงกว่าตลิ่ง 32 เซนติเมตร

จังหวัดสิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 110 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.04 เมตร จังหวัดอ่างทอง มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,596 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 20 เซนติเมตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มี ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,227 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 29 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 30 เซนติเมตร)

ส่วนที่คลองบางหลวง(คลองโผงเผง) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 974 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 24 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 2.37 เมตร คลองบางบาล มี ปริมาณน้ำไหลผ่าน 365 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.55 เซนติเมตร และที่อ.บางไทร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,724 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 76 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.13 เมตร

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:27:50


ความคิดเห็นที่ 1779 (1569255)
ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณประเทศไทย
"
ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 12 กันยายน 2554


     ร่องมรสุมเริ่มมีกำลังอ่อนลงเลื่อนไปพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศจะมีฝนลดลงแต่ยังมีฝนตกหนักบางพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ลพบุรี อุทัยธานี สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงาและภูเก็ต ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักอาจทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

ส่วนพื้นที่ราบลุ่มริมน้ำบริเวณภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกให้เตรียมป้องกันระวังอันตรายจากปริมาณน้ำท่วมที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้ หลังจากนั้นฝนจะลดลงสู่สภาวะปกติ

สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้


ประกาศ ณ วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 17.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:29:02


ความคิดเห็นที่ 1780 (1569256)
ลำปาง-ประหลาด!!!
น้ำใต้เสาไฟฟ้าเดือดเอง
ต้มไข่สุก
 

 

วันจันทร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
 
 
  

ชาวบ้านบ้านเมาะหลวง ต.แม่เมาะ จำนวนมาก แห่ดูเหตุการณ์ประหลาด น้ำใต้เสาไฟฟ้ากลางหมู่บ้านเดือดและสามารถต้มไข่ให้สุกได้

โดยที่บ้านเลขที่ 297 บ้านเมาะหลวง หมู่ 8 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นบ้านของนางปราณี แก้วประเทศ อายุ 58 ปี กล่าวว่า เมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในช่วงเช้าได้ยินเสียงน้ำเดือดใต้เสาไฟฟ้าที่บริเวณหน้าบ้าน และเห็นไอน้ำลอยขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งบนพื้นดินรอบ ๆ เสาไฟฟ้ารัศมี 1 เมตร มีความร้อนไปรอบบริเวณ หลังผ่านไปหลายวันชาวบ้านได้ลองนำไข่ไก่ไปแช่ไว้ในน้ำประมาณ 10 นาที ซึ่งทำให้หลายคนประหลาดเพราะสามารถทำให้ไข่สุก และรับประทานได้

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร แต่จากข้อมูลทราบว่า พื้นที่บ้านเมาะหลวง เป็นพื้นที่ที่มีแร่ที่มีแร่ลิกไนท์ใต้ดิน และใกล้กับจุดที่เคยมีภูเขาไฟ แต่ปัจจุบันได้ดับไปแล้ว ซึ่งจุดนี้เคยถูกเรียกชื่อว่า”แนวภูเขาไฟจำป่าแดด” ซึ่งในเบื้องต้นจะได้ประสานเจ้าหน้าจากสำนักงานทรัพยากรธรณีเข้าตรวจสอบในเรื่องนี้อีกครั้ง
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:31:54


ความคิดเห็นที่ 1781 (1569257)
น้ำเซาะอพาร์ตเมนต์ 3 ชั้นที่สระบุรีถล่มทับดับ 4 ศพ เจ็บ 1




 



มีรายงานข่าวจาก จ.สระบุรีว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.วันนี้ (12 ก.ย.) ได้เกิดเหตุอพาร์ตเมนต์ 3 ชั้น ตั้งอยู่ริมเขาหมู่ที่ 3 ต.ปากข้าวสาร อ.เมือง จ.สระบุรี หลังโรงพยาบาลเกษมราษฎร์สระบุรี เกิดการทรุดตัวลงมาหลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน จนทำให้น้ำจากเขาไหลลงมาเซาะอพาร์ตเมนต์หลังดังกล่าวจนเกิดการพังลงมาทับผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้าน
       
       สำหรับอพาร์ตเมนต์หลังเกิดเหตุนั้นสร้างเป็นที่ให้เช่าพักอาศัยรวม 3 ชั้น แต่ละชั้นแบ่งเป็น 10 ห้อง ส่วนด้านล่างเป็นที่จอดรถ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลือและค้นหาผู้ที่ติดอยู่ภายใน โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้แล้ว 4 ศพยังไม่ทราบชื่อ และกำลังเร่งค้นหาและช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ภายในอีก 3 ราย ขณะเดียวกัน ตัวอพาร์ตเมนต์ยังได้พังลงมาทับรถยนต์ที่จอดอยู่ใต้อาคารเสียหาย 5 คัน
       
       ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมาจากการที่พื้นที่ตั้งในตัวอพาร์ตเมนตืชุ่มน้ำจากฝนตกหนักที่เกิดขึ้นจนอาคารรับน้ำไม่ไหว
       
       นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวก็ได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือและค้นหาผู้ที่อยู่ภายในอพาร์ตเมนต์ที่ถล่มลงมาแล้ว สำหรับสาเหตุการทรุดตัวคาดว่าเกิดจากดินอ่อนตัวของดินเนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวัน
       
       อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบศพผู้อยู่ในตึกแล้ว 4 ศพ และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือลำเลียงขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล พ.ต.อ.บำรุง คงชีพ ผกก.สภ.เมืองสระบุรี กล่าวว่า จากการตรวจสอบและค้นหาอย่างละเอียดแล้วพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 4 ศพ และได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย โดยพบว่าสาเหตุน่าจะมาจากดินทรุดตัวจนทำให้อาคารพังถล่มลงมา
       
       อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้เรียกตัวเจ้าของอพาร์ตเมนต์มาสอบปากคำ รวมทั้งขอตรวจสอบแบบแปลนและใบขออนุญาตประกอบกิจการด้วยแล้ว ด้าน นายณรงค์ จันทร์ประสิทธิ์ นอภ.เมืองสระบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากฝนที่ตกลงมามาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา และจะต้องมีการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารด้วยเพราะที่เกิดเหตุไม่ใช่จุดเสี่ยง แต่จุดตรงนี้เป็นจุดตีนเขาแต่ก็ไม่ได้ชันมาก คาดว่าน่าจะมาจากฝนส่วนหนึ่งเนื่องจาก 2 วันที่ผ่านมาฝนตกหนักมาก ดินอาจจะอ่อนตัวและเนื่องจากอยู่ตีนเขาเป็นส่วนหนึ่ง
       
       มีรายงานข่าวล่าสุดว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบชื่อผู้บาดเจ็บแล้ว 1 ราย คือ นายศักดิ์ชัย ธูปกระต่ายทอง อายุ 28 ปี ซึ่งเช่าห้องพักอยู่หมายเลข 10 ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสระบุรี มีอาการโคม่า ไม่สามารถให้รายละเอียดได้
       
       ส่วนผู้เสียชีวิต 4 ศพทราบชื่อแล้วคือ 1.นางสาววิลาศินี จินดา อายุ 38 ปี ห้องพักหมายเลข 9 เป็นเจ้าหน้าที่ C6 เทศบาลตำบลกุดนกเป้า อ.เมือง จ.สระบุรี 2.นางสาวชลดา เสน่หา อายุ 24 ปี ห้องพักหมายเลข 7 เป็นพนักงานโรงปูนทีพีไอ โพลีน สระบุรี 3.นางระรินทร์ ลื่นเรณู อายุ 28 ปี และ 4.ด.ญ.ระวินนิภา ลื่นเรณู อายุ 4 ขวบเศษ ซึ่งเป็นภรรยาและลูกของนายศักดิ์ชัย ธูปกระต่ายทอง อายุ 28 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสระบุรีมีอาการโคม่าก่อนหน้านี้
       
       โดยขณะนี้ได้ยุติการค้นหาและนำเจ้าหน้าที่ออกจากที่เกิดเหตุ เนื่องจากแก๊สจากรถแก๊สใต้อาคารเริ่มมีกลิ่นฟุ้งขึ้นมามาก ขณะนี้ต้องใช้น้ำฉีดเข้าไป คาดว่าเกิดจากดินทรุด เนื่องจากเมื่อคืนนี้นตกทั้งคืน และที่อยู่ใกล้ริมน้ำทำให้อาคารเอียงไปด้านหลัง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:33:30


ความคิดเห็นที่ 1782 (1569259)

ทอท.เชียงใหม่ปิดอาคารผู้โดยสารซ้อมใหญ่แผ่นดินไหว


12 กย. 2554 15:42 น.

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝึกซ้อมบางส่วนตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยานเชียงใหม่ประจำปี 2554 โดยมีกำลังพลและเจ้าหน้าที่จากมณฑลทหารบกที่ 33 กองบิน 41 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เทศบาลนครเชียงใหม่ แพทย์และพยาบาลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงหน่วยกู้ภัยจากองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมการฝึกซ้อมกว่า 200 คน การฝึกซ้อมครั้งนี้ได้กำหนดสถานการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์ กลางใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวทำให้อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศได้ รับความเสียหาย มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกว่า 50 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้า ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตออกจากตัวอาคาร รวมทั้งอพยพผู้โดยสารที่เหลือออกจาก อาคารตามแผนที่กำหนดไว้

ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่สำคัญเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว การให้ความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มาเยือนเชียงใหม่ในช่วง หลังจากนี้ไปโดยเฉพาะในช่วงงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ที่จะ มีขึ้นระหว่างวันที่ 9 พ.ย. - 15 ก.พ. 55 ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังจังหวัด เชียงใหม่เป็นจำนวนมาก การสร้างความมั่นใจในด้านความปลอกจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหว หากมีการเตรียมการที่เหมาะสมจะทำให้ นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐ

ด้านนางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ที่ให้ท่าอากาศยานของรัฐภาคีจัดให้มีแผนฉุกเฉินเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติเมื่อเกิด เหตุการณ์ขึ้น พร้อมทั้งให้มีการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุก ๆ สองปี ซึ่งในการ ฝึกซ้อมครั้งนี้การท่าอากาศยานเชียงใหม่

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:51:53


ความคิดเห็นที่ 1783 (1569260)

ชุมพร-ดินถล่มทับบ้าน อบต.พะโต๊ะ หนีตายทั้งครอบครัว

วันจันทร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

เกิดเหตุดินจากภูเขาถล่มลงมาทับบ้าน อส.พะโต๊ะ ขณะเจ้าของบ้านพร้อมครอบครัว 5 ชีวิต กำลังหลับไหล โชคดีหัวหน้าครอบครัวได้ยินเสียงดังครืนหอบลูกและภรรยาหนีรอดหวุดหวิด

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว สภาพเก่า หลังคาสังกะสีผสมใบจาก ฝาบ้านมีแผ่นไม้เก่าๆเป็นฝารอบๆบ้าน ในเนื้อที่ ประมาณ 50 ตรว. ด้านหลังเป็นภูเขาสูง บนภูเขาเป็นสวนผลไม้ หลากหลายชนิด สูงชัน ประมาณ 60 องศา ด้านหลังของบ้าน มีดินจำนวนมากไหลลงมาทับส่วนหลังของบ้าน กองดินสูงร่วม 3 เมตร ทำให้ลานหลังบ้าน และ ห้องครัวของบ้านมีดินไหลลงมาทับเต็มทั้งหมด

นายทวี แจ่มใส อบต.พะโต๊ะ เจ้าของบ้าน เล่าว่า ช่วงเวลา เกือบตี 1 ในขณะที่คนในบ้านจำนวน 5 คน กำลังหลับสบาย ได้ยินเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นมาจากด้านหลังบ้าน จึงรีบอุ้มลูก จูงเมีย และ คว้าทรัพย์สินบางส่วนออกมาจากบ้าน หันไปดูพบว่าดินจากยอดภูเขาหลังบ้านกำลังไหลลงมาทับบ้านของตน จึงรีบนำลูกหลาน เมีย และ น้อง ไปอาศัยเพื่อนบ้าน จนกระทั่งเช้าจึงไปแจ้ง ผญบ. และ กลับไปช่วยกันขุดดินออกจากบ้าน แต่ไม่สามารถนำดินออกไปได้หมด

“โชคดีที่รู้สึกตัวทันท่วงที ถึงแม้ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก แต่บ้านคงเข้าไปอาศัยอยู่ไม่ได้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน เนื่องจากมีบ้านเพียงหลังเดียว และมีที่ดินทำกิน ด้านหลังบ้านเพียงไม่กี่ไร่เท่านั้น วันนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยเนื้อที่ที่เหลือภายในบ้านหลับนอนไปก่อน ถึงแม้จะเสี่ยงกับดินถล่มลงมาอีก

ทางด้าน นายเชิดชัย อัมรินทร์ ปลัด อบต.พะโต๊ะ กล่าวว่าการขุดดินออกและหาวิธีป้องกันภูเขาถล่มลงมาอีกนั้น ต้องให้ฝ่ายช่างของ อบต.เข้ามาดูว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไร

นอกจากนั้นในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ ยังมีบ้านของชาวบ้านอีก 5 หลัง ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงดินภูเขาถล่มลงมา ซึ่งทางราชการก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ชาวบ้านอพยพออกมาจากจุดดังกล่าวได้ เพราะส่วนใหญ่มีเพียงที่ดินแปลงที่สร้างบ้านอยู่แล้วเท่านั้น ชาวบ้านจึงไม่ยอมอพยพย้ายไปไหน

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:52:54


ความคิดเห็นที่ 1784 (1569261)

คันกันน้ำหลังวัดโพธิ์เลื่อนแตก เจ้าพระยาทะลัก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ อบต.บ้านกระแชง อ.เมือง จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน จากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จำนวน 50 นาย ได้ร่วมกันช่วยทำคันดินกันน้ำบริเวณถนนสายบ้านกระแชง-วัดลำแล เพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนร่วมทั้งไร่นาของชาวบ้าน เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา คันเขื่อนชั่วคราวที่สร้างขึ้นด้านหลังวัดโพธิ์ ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แตกลงทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ของวัดโพธิ์เลื่อนและโรงเรียนวัดโพธิ์เลื่อนจนมีระดับสูงประมาณ 50-70 ซม.

นายบวร จับศรทิพย์ นายก อบต.บ้านกระแชง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำคันดินกั้นน้ำที่บริเวณหลังวัดโพธิ์เลื่อนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อป้องกันน้ำท่วมเข้ามาในวัดและโรงเรียน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเขื่อนบางส่วนได้แตกออกทำให้น้ำทะลักเข้ามาท่วมพื้นที่ของวัดและโรงเรียนวัดโพธิ์เลื่อน รวมทั้งสำนักงาน อบต.ก็จมน้ำหมดแล้วคงไม่สามารถกู้คืนแล้วในช่วงนี้ ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนคือการทำคันกั้นน้ำขึ้นมาใหม่บริเวณถนนหน้าวัดเพื่อป้องน้ำพื้นที่ส่วนใหญ่ ทั้งบ้านเรือนประชาชนและพืชสวนไร่นาของชาวบ้านให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยหาทางแก้ไขน้ำที่ท่วมในวัดและโรงเรียนต่อไป

ด้านนางเรียม ปิ่นวรสาร หัวหน้าฝ่ายวิชาการ โรงเรียนวัดโพธิ์เลื่อน กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาน้ำได้ไหลเข้าท่วมโรงเรียนวัดโพธิ์เลื่อนบริเวณชั้นล่างของอาคารจนมีระดับน้ำสูงเกือบ 1 เมตร ทำให้ในขณะนี้นักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนต้องมาใช้ศาลาวัดโพธิ์เลื่อนทำการเรียนการสอน ส่วนที่อาคารเรียนนั้นทรัพย์สินและอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆนั้นคาดว่าส่วนใหญ่แล้วคงเสียหายไปกับน้ำ ยังดีที่ตอนนี้เช้านี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวรชายแดน เข้ามาช่วยเหลือขนข้าวของขึ้นจากน้ำได้บางส่วน ที่น่ากังวลคือขณะนี้เด็กๆกำลังใกล้สอบ ซึ่งกำลังมีการปรึกษากับทางเขตพื้นที่การศึกษา ว่าจะให้มีการเลื่อนการสอบออกไปก่อน หรือจะใช้วิธีร่นระยะเวลาในการสอบเข้ามาให้เร็วขึ้น เพราะขณะนี้ศาลาของทางวัดที่ให้เด็กๆมาใช้เรียนหนังสือก็ใกล้จะถูกน้ำท่วมอีกแล้ว รวมทั้งปัญหาเรื่องห้องน้ำที่ทั้งของโรงเรียนและของทางวัดถูกน้ำท่วมหมดแล้ว มีเพียงสุขาลอยน้ำจำนวน 2 หลัง ที่ได้รับมอบมาตั้งแต่ปีที่แล้วนำมาใช้ชั่วคราวไปก่อนเท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:54:18


ความคิดเห็นที่ 1785 (1569262)

เจ้าพระยาทะลัก-นำท่วมอ.ป่าโมก



ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่จ.อ่างทอง วันที่ 12 ก.ย. ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ น้ำได้เอ่อล้นข้ามถนนสาย อ่างทอง-อยุธยา (สาย309) จากสี่แยกไฟแดงป่าโมกไปถึงหน้าที่ว่าการอำเภอป่าโมกเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร ระดับน้ำที่ท่วมถนนสูง 30 ซ.ม. กัดเซาะไหล่ทางจนขาดเป็นทางยาว บางช่วงก็ทรุดตัวจนอาจเกิดอันตรายกับรถที่สัญจรไปมา จนต้องนำแผงกั้นมาตั้งเพื่อป้องกันรถที่สัญจรไปมากลัวจะเกิดอันตราย


บริเวณสี่แยกไฟแดงทางเลี้ยวซ้ายจากป่าโมกไปอ.เมือง ต้องปิดเส้นทางจราจรเหลือช่องทางเดียว และน้ำยังเอ่อขึ้นบนถนนสายป่าโมก-อ่างทอง ส่วนเส้นทางป่าโมก-อ่างทองสายในเส้นจำปาหล่อ ต้องปิดเส้นทางห้ามรถทุกชนิดผ่าน

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:56:08


ความคิดเห็นที่ 1786 (1569263)
น้ำท่วมทางหลวง 13 เส้นทางใน 8 จังหวัด
ระดับน้ำสูงเกิน 20 ซ.ม.


   ศูนย์บริหารงานอุทกภัย กรมทางหลวง รายงานสภาวะน้ำท่วมเส้นทางสัญจรในพื้นที่ 20 จังหวัดจำนวน 59 เส้นทาง พบว่า มีเส้นทางที่ถูกน้ำท่วมไม่สามารถสัญจรผ่านได้จำนวน 13 เส้นทางใน 8 จังหวัด เนื่องจากมีระดับน้ำสูงเกิน 20 ซ.ม. ประกอบด้วย

       สุโขทัย
       1. ทางหลวงหมายเลข 1293 สายสุโขทัย-พิษณุโลก
       พิจิตร
       2.ทางหลวงหมายเลข 1067 บางมูลนาก-โพทะเล
       3.ทางหลวงหมายเลข 1068 วังจิก-ไผ่ท่าโท
       4.ทางหลวงหมายเลข 1118 ตะพานหิน-บางมูลนาก
       5.ทางหลวงหมายเลข 1304 หัวดง-ยางสามต้น
       6.ทางหลวงหมายเลข 1313 บางมูลนาก-ตะพานหิน
       เพชรบูรณ์
       7.ทางหลวงหมายเลข 2181 สายปากห้วยขอนแก่น-หล่มสัก
       นครสวรรค์
       8.ทางหลวงหมายเลข 3475 สายทับกฤช - พนมรอก
       จันทบุรี
       9.ทางหลวงหมายเลข 3 จันทบุรี-พลิ้ว
       10.ทางหลวงหมายเลข 317 จันทบุรี-โป่งน้ำร้อน
       นครราชสีมา
       11.ทางหลวงหมายเลข 2 สายปากช่อง ทางแยกไปชัยภูมิ
       น่าน
       12.ทางหลวงหมายเลข 1080 สายบัวเชียงกลาง จ.น่านทางขาดที่
       พิษณุโลก
       13.ทางหลวงหมายเลข 1237 สายชาติตระการ-บ่อภาค

       
       แนะนำให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังในการขับขี่บนท้องถนนที่น้ำท่วม ให้ลดความเร็ว และขับชิดเส้นแบ่งช่องจราจร เพราะน้ำอาจกัดเซาะไหล่ทาง ควรเปิดไฟหรี่และไฟหน้า ไม่ควรเปิดไฟกระพริบหรือไฟฉุกเฉิน เพราะเป็นสัญญาณไฟในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือลากรถเท่านั้น และควรปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อไม่ให้ใบพัดน้ำเข้าเครื่องยนต์ กรณีฉุกเฉินสามารถขอความช่วยเหลือกองบังคับการตำรวจทางหลวง สายด่วน 1193 หรือสอบถามเส้นทางได้ที่ศูนย์บริหารงานอุบัติภัย สายด่วน 1586

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 02:57:31


ความคิดเห็นที่ 1787 (1569264)

อยุธยา- วัดสะตือน้ำท่วมจ่อหลวงพ่อโต ปิดหมู่บ้านตีมีดอรัญญิก

กันยายน 12, 2011




เขื่อนพระราม 6 ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดอยูธยา ต้องรีบระบายน้ำหลังเจอวิกฤตฝนตกหนัก ทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ทางสายน้ำพาดผ่านได้รับผลกระทบน้ำท่วมสูงอย่างรวดเร็ว วัดสะตือน้ำสูงจ่อองค์พลวงพ่อโต ส่วนหมู่บ้านตีมีดอรัญญิกได้รับความเสียหาย จนชาวบ้านต้องเก็บของหนีน้ำ
แม่น้ำป่าสักยังคงวิกฤตอย่างหนักในขณะนี้ พบว่าเขื่อนพระราม 6 ตั้งอยู่ในอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กั้นแม้น้ำป่าสัก ที่รับน้ำมาจากคลองชัยนาท – ป่าสัก และเหนือเขื่อน ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนจำนวนมากล้นบานประตู จึงต้องยกบานประตูระบายน้ำทั้งหมด 6 บาน ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทางวัดพนัญเชิงวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังเปิดระบายออกไปทางประตูระบายน้ำพระนารายณ์ ที่อยู่เหนือเขื่อนออกทะเลทางคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ
จากปริมาณน้ำที่มีอยู่จำนวนมากระบายลงมาท้ายเขื่อนมาตามแม่น้ำป่าสักได้ทะลักเข้าท่วมวัดสะตือ โบราณสถานและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำสูงกว่าริมตลิ่งเดิมเกือบ 4 เมตร น้ำจ่อเข้ามาถึงบนลานวัดใกล้จะถึงองค์หลวงพ่อโตที่ชาวบ้านเคารพกราบไหว้
น้ำยังไหลล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่้ท้ายเขื่อนทั้งหมด ชาวบ้านตื่นนอนแต่เช้าถึงกับตกใจที่น้ำเอ่อเข้ามาท่วมถึงใต้ถุนอย่างรวดเร็ว ต้องช่วยเหลือตัวเองเร่งเก็บของหนีน้ำให้ทันกับระดับน้ำที่กำลังเอ่อสูงขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนตลาดสดเทศบาลตำบลท่าเรือ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ต้องอยู่ในสภาพจมใต้น้ำ ตัวสำนักงานเทศบาลตำบลท่าเรือ ยังเอาตัวไม่รอดถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ต้องปิดตัวเองย้ายที่ทำการไปอยุ่ด้านบนเป็นการชั่วคราว
ปริมาณน้ำของแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 ยังได้ไหลผ่านอำเภอนครหลวง อำเภอพระนครศรีอยุธยา ทำให้บ้านสองฝากฝั่งริมแม่น้ำป่าสักถูกน้าท่วมได้รับความเดือดร้อนขยายเป็นวงกว้างอย่างไม่สิ้นสุด
เช่นเดียวกันกับหมุ่บ้านตีมีดอรัญญิก อำเภอนครหลวง แหล่งตีมีดทีี่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ชาวบ้านในหมู่บ้านตีมีดอรัญญิกต้องเร่งรีบเก็บของหนีน้ำที่กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ
ผลจากแม่น้ำป่าสักที่สูงขึ้นยังได้ส่งผลกระทบไปถึงแม่น้ำลพบุรีทำให้มีระดับสูงตามขึ้นไปด้วย ทางการต้องเตือนชาวบ้านสองฝากฝั่งแม้น้ำลพบุรี ตั้งแต่อำเภอบ้านแพรก มหาราชและอำเภอบางปะหัน ให้เตรียมรับมือไว้ด้วยเพื่อความไม่ประมาท

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:03:20


ความคิดเห็นที่ 1788 (1569265)

กระทรวงมหาดไทยเตรียมหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องรับมือน้ำท่วม กทม.

นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำชับให้จังหวัดที่ประสบอุทกภัยดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมอย่างทั่วถึง และให้การช่วยเหลือต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ จะหารือกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมในเขต กทม.และปริมณฑล จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือ เพราะไม่ใช่เฉพาะน้ำเหนือที่ไหลบ่ามาเท่านั้น แต่ปริมาณน้ำฝนที่ตกกระจายในทุกพื้นที่ จะทำให้ กทม.ระบายน้ำไม่ทัน.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:04:40


ความคิดเห็นที่ 1789 (1569266)

แม่น้ำน่านพัดบ้านหายไปกับน้ำ 1 หลัง
12 กย. 2554 17:04 น.

หลังจากที่ น้ำในแม่น่านน่านกัดเซาะ ถนนคอนกรีต ซึ่งทำเป็นพนังกั้นน้ำระหว่างแม่น้ำน่านกับบ้านเรือน ชาวบ้าน พื้นที่ หมู่ 1 ต.ไผ่หลวง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร จนทำให้น้ำในแม่น้ำน่านเข้าท่วม สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อยู่อาศัยมากว่า 1,000 ครัวเรือน

เวลา 00.30 น.วันที่ 12 ก.ย. ถนนคอนกรีตเส้นดังกล่าวพังเพิ่ม ขยายวงกว้างขึ้นอีก ทำให้น้ำในแม่น้ำน่าน ซึ่งไหลแรงและเชี่ยวได้ซัดบ้านชาวบ้าน ซึ่งเป็นบ้านของนายสมควร บุญสะอาด อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ที่ 1 ต.ไผ่หลวง หายไปกับน้ำทั้งหลัง ส่วนผู้ที่อยู่ในบ้านรวม 5 คน ออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย

นายณรงค์ ผลอาจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่หลวง กล่าวว่า ถนนคอนกรีตในหมู่บ้านซึ่งเป็นพนังกั้นน้ำขาดลงและไม่สามารถที่จะปิดกั้นทางน้ำเนื่องจากน้ำมีปริมาณมาก ส่งผลให้น้ำจากแม่น้ำน่านได้ไหลเข้าสู่พื้นที่หมู่ที่ 1 โดยน้ำได้ไหลเข้าไปที่บริเวณตัวบ้านจำนวน 3 หลัง จนตัวบ้านรับความเสียหาย ตนจึงได้ระดมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ จาก อบต.และเทศบาลใกล้เคียง เพื่อช่วยขนย้ายคนและสิ่งของมีค่า ออกจากตัวบ้าน โดยมีผู้ได้รับผลกระทบ 3 หลังคาเรือน จำนวน 7 คน

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกันกระแสน้ำดังกล่าวได้พัดบ้านชาวบ้าน อีก 2 หลังคือบ้านของนางบันหยัด บุญสะอาด อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมูที่ 1 ต.ไผ่หลวง และบ้านของนางก้อน บุญรอด อายุ 71 ปี อ ยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ที่ 1 ต.บางหลวง

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:07:03


ความคิดเห็นที่ 1790 (1569268)

น้ำในเขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ ใกล้ถึงจุดวิกฤต
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2011 เวลา 12:10 น.




ATNN (12 ก.ย.) นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกจากร่องมรสุมพัดผ่านในช่วงนี้ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่เขื่อนมากขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำคิดเป็น 96 เปอร์เซ็นต์ของความจุเขื่อน คาดว่าประมาณ 20 วันนับจากนี้ หรือประมาณสิ้นเดือนกันยายน ปริมาณน้ำจะเต็มความจุเขื่อน โดยกรมชลประทานต้องใช้วิธีปล่อยน้ำล้นออกโดยอัตโนมัติ จนกว่าฝนจะหมดประมาณกลางเดือนตุลาคม ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับเขื่อนภูมิพล ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ คิดเป็น 82 เปอร์เซ็นต์ของความจุเขื่อน แต่จะไม่มีปัญหาน้ำล้นเขื่อน เพราะยังรองรับน้ำได้อีกประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ยอมรับว่า ค่อนข้างหนักใจเพราะฤดูฝนยังเหลือประมาณ 1 เดือน และขณะนี้สถานการณ์น้ำในภาคกลางถือว่าหนักที่สุด เพราะมีปริมาณน้ำจากทุกทิศไหลมารวมกันในลุ่มเจ้าพระยา ขณะที่ยังไม่สามารถดำเนินการตามแผนการผันน้ำไปพักไว้ที่ทุ่งเจ้าพระยาได้ เพราะชาวนายังเกี่ยวข้าวไม่เสร็จ

ทั้งนี้ พื้นที่ภาคกลางแห่งต่อไปที่จะถูกน้ำท่วม คือ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เนื่องจากฝนที่ตกลงมาในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลเข้าคลองชัยนาท-ป่าสัก เพิ่มขึ้นอีกวันละ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่นับหมื่นไร่ ภายใน 2-3 วันนี้ สถานการณ์จะเหมือนกับเมื่อปี 2553 ซึ่งกรมชลประทานเตรียมแจ้งให้ทางจังหวัดรับมือโดยด่วนแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:24:30


ความคิดเห็นที่ 1791 (1569269)

โพธิ์ตาก-ร้อยเอ็ด แม่น้ำชีแม่น้ำยังทะลักใส่กลายเป็นเกาะ

กันยายน 12, 2011



สถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดยังหนัก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่บ้านโพธิ์ตาก ที่ขณะนี้กลายเป็นเกาะไปแแล้ว เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำยังและแม่น้ำชีไหลบ่าลงมารวม ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น ถนนเข้า-ออกหมู่บ้านมีน้ำท่วมไหลเชี่ยว ชาวบ้านเดือนร้อนหนัก
จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดติดต่อกันมาหลายวัน ประกอบกับน้ำจากแม่น้ำยังในจังหวัดกาฬสินธุ์ และแม่น้ำชีจากเขื่อนทางเหนือของจังหวัดร้อยเอ็ด ไหลลงสู่จังหวัดร้อยเอ็ดมารวมกันที่บ้านโพธิ์ตาก หมู่ 6 ตำบลนางาม อำเภอเสลภูมิ วันนี้ (12 ก.ย.54) ทำให้น้ำปริมาณมากล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วม หมู่บ้านและพื้นที่นาจมน้ำสูง 1-2 เมตร เสียหายสิ้นเชิงกว่า 2,000 ไร่ บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมสูง 50-80 ซ.ม.จมน้ำ 40 หลังคาเรือน จาก 112 หลังคาเรือน วัด 1 แห่ง ประปาหมู่บ้าน 1 แห่งต้องปิดกิจการ และมีทีท่าว่าจะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นวันละ 30 ซ.ม. ที่เดือดร้อนหนักที่สุดในขณะนี้ คือถนนเข้า-ออกหมู่บ้าน ระยะทาง 800 เมตร ถูกน้ำไหลเชี่ยว ระดับน้ำสูง 30-50 ซ.ม. รถ จยย. รถเล็กผ่านไม่ได้ ชาวบ้านต้องเดินลุยน้ำเข้าหมู่บ้านอย่างยากลำบากและเสี่ยงอันตรายจากการจมน้ำ ส่วนที่มีเรือพายก็ใช้เรือพายเข้าออกระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรผ่านทุ่งนาที่กว้างใหญ่ ซึ่งมีคลื่นและลมแรงเสี่ยงต่อการเรือล่มเสียชีวิตเช่นกัน สงสารนักเรียนกว่า 40 คนที่ต้องไปเรียนในตัวเมืองต้องเดือดร้อนหนักที่สุด
ทั้งนี้นายการุณลักษณ์ มณีเรือง ผู้ใหญ่บ้านบ้านโพธิ์ตาก หมู่ 6 บอกว่า หมู่บ้านผจญน้ำท่วมซ้ำซากมาแล้ว 11 ปี ต้องเข้าออกหมู่บ้านโดยเรือพาย ส่วนเรือท้องแบนติดเครื่องได้ขอจากจังหวัดได้มาแล้ว 1 ลำ แต่เนื่องจากไม่สะดวกรับเด็กนักเรียนจำนวนมาก จึงขอให้จังหวัดทหารบกร้อยเอ็ดส่งรถจีเอ็มซีขนาดใหญ่มาช่วย ทั้งนี้ประชาชนเดือดร้อนหนักเพราะน้ำจะท่วมนานกว่า 2 เดือน ขอเครื่องอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะน้ำดื่มเพราะประปาหมู่บ้านปิดกิจการ ส่วนสัตว์เลี้ยงต้องขาดหญ้า วอนปศุสัตว์ช่วยอาหารสัตว์ และยารักษาโรคด้วย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:25:25


ความคิดเห็นที่ 1792 (1569270)

เจ้าพระยาทะลักคันกั้นกระสอบทรายท่วมคลองรังสิต ปทุมธานีแล้ว

วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 15:22:50 น

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 กันยายน ว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปริมาณน้ำทะลักคันกั้นน้ำเข้าคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ทำให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ที่พักอาศัยอยู่ริมถนนซ่อมสร้าง และเอ่อล้นจนท่วมถนนซ่อมสร้าง เส้นทางไปปากเกร็ดตลอดเส้นทาง ส่งผลทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาว เนื่องจากปริมาณน้ำเข้าท่วมอย่างรวดเร็วและริมถนนไม่มีกระสอบทรายมากั้นน้ำไว้ ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ริมคลองรังสิตหลายหลังเก็บข้าวของไม่ทันเนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ระดับน้ำสูงถึง 1-2 เมตร


นอกจากนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา กระทั่งเช้านี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง ทำให้ล้นคันกั้นน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน วัด โรงเรียน ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 2 ฝากฝั่งของ อ.เมือง และ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาล้นคันกั้นแนวกระสอบทรายและแนวคันกั้นดิน เข้าท่วมโรงเรียนวัดบางเดื่อ ต.บางเดื่อ อ.เมือง บริเวณชั้นล่างของอาคารเรียน ซึ่งเป็นห้องเรียนของเด็กเล็กชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ครูจึงต้องย้ายนักเรียนขึ้นไปเรียนบนอาคารชั้น 2 เนื่องจากน้ำท่วมสูง 30-80 ซม.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:27:03


ความคิดเห็นที่ 1793 (1569271)

อุบลฯเร่งระบายน้ำมูลลงน้ำโขง

12 กย. 2554 15:07 น.



น้ำท่วมในเขตชุมชนเมือง และ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำต้องอพยพขึ้นสู่ที่สูง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ด้านช่างของจังหวัดอุบลราชธานีและ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ได้ศึกษาสภาพกระแสน้ำไหลวนที่บริเวณแก่งตะนะ ในเขตอุทยานแห่งชาติ แก่งตะนะ อำเภอโขงเจียม ซึ่งอยู่ตอนท้ายของลำน้ำมูล ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง โดยได้เตรียมนำเครื่องสูบน้ำ ขนาด 6 นิ้ว จนถึง 12 นิ้ว จำนวน 30 ชุด นำไปติดตั้งเพื่อสูบน้ำเร่งระบายน้ำมูลให้ไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่มีระดับน้ำที่ต่ำกว่า แต่พบว่าการไหลของปริมาณน้ำค่อนข้างล่าช้า ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังชุมชนด้านตอนบนได้แก่ เทศบาลนครอุบลราชธานีและเทศบาลเมืองวารินชำราบ

ทั้งนี้การไหลของกระแสน้ำที่ไหล่ผ่านด้านอำเภอเมืองและอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี มีความเร็ว กว่า 3 พันลูกบาศ์กเมตรต่อชั่วโมง แต่การไหลของน้ำที่ไหลผ่านบริเวณเขื่อนปากมูล มีความเร็วเพียง 2 พันลูกบาศ์กเมตร และหากมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำดังกล่าว จะสามารถช่วยเร่งระบายน้ำได้ ประมาณ 10,920 ลูกบาศ์กเมตรต่อชั่วโมง
มีรายงานว่า สาเหตุที่ทำให้ปริมาณน้ำมูลไหลลงแม่น้ำโขงค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากบริเวณแก่งตะนะ ที่เรียกว่า ดอนตะนะ มีลักษณะเป็นเกาะหรือที่ดอนกลางลำน้ำมูลและมีร่องน้ำลึก ทำให้กระแสน้ำไหลหมุนเวียน เกิดแรงปะทะกันเองของกระแสน้ำ ประกอบกับบริเวณแก่งตะนะ เป็นลานหินขนาดใหญ่ เท่ากับเป็นเขื่อนธรรมชาติ จึงทำให้กระแสน้ำที่ไหลมาถึงบริเวณดังกล่าวหมุนวน เกิดการม้วนตัวของน้ำหรือที่เรียกว่า “วิกฤติวงน้ำ”ซึ่งการแก้ไขจำเป็นต้องสูบระบายน้ำ โดยเป็นการเร่งระบายน้ำให้ไหลลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วขึ้น
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดำเนินการตามแผนเร่งระบายน้ำได้ เนื่องจากระดับน้ำที่บริเวณแก่งตะนะยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ต้องติดตามสถานการณ์เฝ้ารอระดับน้ำที่เหมาะสม จึงจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:28:38


ความคิดเห็นที่ 1794 (1569272)

ฝนกระหน่ำข้ามคืนพัทยาจมเตือนภัย34จังหวัด

ระวังท่วมฉับพลัน-น้ำป่า "ปู" ลงเยี่ยมเหยื่อดินถล่ม
"มาดามปู" เรียกมท.1-ผบ.ทบ. ถกเครียดแก้ปัญหาน้ำท่วม ก่อนลงพื้นที่ "น้ำปาด" เยียวยาชาวบ้านเหยื่อน้ำป่าซัด - ดินถล่ม "มาร์ค" นำทีมแกนนำ ปชป.ลุยแจกของบริจาคซับน้ำตาอุตุฯเตือน 34 จังหวัดเตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ขณะที่พายุฝนกระหน่ำข้ามคืน “พัทยา-สัตหีบ” จมน้ำสูงกว่า 1 เมตร

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:31:06


ความคิดเห็นที่ 1795 (1569274)

 

สถานการณ์น้ำจังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังกระจายท่วมแผ่เป็นวงกว้างทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งใน อ.เมือง อ.พรหมบุรี น้ำได้ไหลเข้าท่วมนาข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวเสียหายเป็นจำนวนมาก...

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2554 สถานการณ์น้ำจังหวัดสิงห์บุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังกระจายท่วมแผ่เป็นวงกว้างทวีความรุ่นแรงขึ้น เรื่อย ๆ ปริมาณการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ 3,013 ลบ.ม/วินาที ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้างมากขึ้น อ.เมืองสิงห์บุรี ขณะนี้จังหวัดสิงห์บุรีถึงขั้นวิกฤติแล้ว ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นท่วมถนนสิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า) สี่แยกไฟเขียว-ไฟแดง

นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผวจ.สิงห์บุรี จึงสั่งการให้นายไสวรินทร์ ศรีชำนิ นายกเทศมนตรีเมืองสิงห์บุรี ให้เจ้าหน้าที่นำกระสอบทรายมาปิดกั้นทำไม่ให้น้ำ ไหลเข้าย่านเศรษฐกิจ ตลาดเทศบาลเมืองสิงห์บุรี และปิดถนน สายสิงห์บุรี-ลพบุรี หลักกิโลเมตรที่ 1 สี่แยกไฟเขียว-ไฟแดง โดยให้รถวิ่งได้ 1 เลน และได้นำกระสอบทรายมากั้นจาก 2 เลนเหลือเพียง 1 เลน เพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าย่านเศรษฐกิจตลาดเทศบาลเมืองสิงห์บุรี

ในส่วนของถนนสายสิงห์บุรี-อ่างทอง(สายเก่า) หลังตลาดสดเทศบาลเมืองสิงห์บุรี ทาง นายกเทศมนตรีเมืองสิงห์บุรี ได้ประกาศให้บรรดาเจ้าของที่จอดอยู่หลังตลาดสดและจอดอยู่ริมถนนให้เอารถออก จากที่จอดอยู่เพราะทางเทศบาลจะนำดินลูกรังมาเทกั้นทำเป็นคันตามแนวคันคลอง ประชลทานฝั่งตะวันออก เพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าย่านเศรษฐกิจ ตลาดสดเทศบาลเมืองสิงห์บุรี ส่วนที่ หมู่ที่ 2และหมู่ 3 ต.บางกระบือ อ.เมือง สิงห์บุรี น้ำได้พังคันกั้นน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จำวน 400 ครัวเรือน ประชาชนต้องรีบหนีน้ำขึ้นมาอยู่ที่ถนนสาย 311 สิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า) ที่ทาง นายบุญแทน สว่างเรือง นายก อบต.บางกระบือ จัดไว้ให้

อ.พรหมบุรี สิงห์บุรี ระดับน้ำได้ท่วมขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะที่1,2,3,5, ต.พระงาม อ.พรหมบุรี น้ำได้ไหลข้ามถนนสาย 311 สิงห์บุรี-อ่างทอง (สายเก่า) จนถึงเขต อ.ไชโย จ.อ่างทอง เป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร รถเล็กไม่สามารถขับได้และน้ำได้ไหลข้ามถนนทำให้นาข้าวที่ยังไม่ได้เก็บ เกี่ยวเสียหายเป็นจำนวนมาก

นายอำนวย ผันสอน อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 1 หมู่ 5 ต.พระงาม อ.พรหมบุรี สิงห์บุรี เช่านา ทำนา 8 ไร่ เพิ่งได้รถเกี่ยวข้าว ต้องรีบเกี่ยวข้าวหนีน้ำเป็นการด่วน

ส่วนนายสมพร ธรรมะ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 หมู่ 5 ต.โรงช้าง อ.พรหมบุรี สิงห์บุรี ทำนา 85 ไร่ อยู่ที่หมู่ 5 ต.พระงาม นั่งอยู่ที่คันนาด้วยสีหน้าเครียด และพูดว่า ตนได้ไปหารถเกี่ยวข้าวแต่ละที่ก็ไม่มีว่างเลย น้ำมันก็ไหลข้ามถนนมาแล้ว นาข้าวของตนก็จมน้ำ เสียหายมากเลย และก็ต้องเป็นหนี้ซ้ำซากอย่างนี้แหละชาวนา

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 03:39:55


ความคิดเห็นที่ 1796 (1569286)

ดูแล้ว ไม่มีท่าที ที่ฝนจะหยุดตกเลยนะคะเนี่ย..

อนุโมทนากับคุณอาริยา ด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 06:09:45


ความคิดเห็นที่ 1797 (1569414)

"เมียวดี"ของพม่าน้ำท่วมอ่วมเสียหายหลายสิบล้านบาท

13 กย. 2554 09:29 น.

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ชาวพม่าจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามบ้านห้วยม่วง ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ต่างนำสัมภาระและทรัพย์สินต่างๆ โดยสารเรือหางยาวข้ามมายังฝั่งไทย ตามท่าข้ามต่างๆ หลังจากเกิดน้ำท่วมฉับพลันในจังหวัดเมียวดี โดยมีแม่น้ำเมยหนุนขึ้นไป ประกอบกับน้ำป่าไหลหลาก อันเนื่องมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยภายในเมืองเมียวดี มีน้ำขึ้นสูง 2 - 3 เมตร ทำให้ร้านค้า , โกดังเก็บสินค้า , ที่อยู่อาศัย และสถานที่ราชการได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะสินค้าที่นำไปจากเขตไทยไว้ในโกดังได้รับความเสียหายหลายสิบล้านบาท

ด้านนายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้ไปตรวจราชการน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดตาก กล่าวว่า น้ำที่ท่วมในจังหวัดเมียวดี เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำป่าไหลหลาก เพราะแม่น้ำเมยมีต้นน้ำมาจากอำเภอพบพระ นอกจากฝั่งพม่าน้ำท่วมแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเขตไทย มีน้ำท่วมตามโกดังสินค้า และบ้านเรือนราษฎรตามแนวชายแดน จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังเพราะน้ำกำลังขึ้น

 

น้ำเอ่อท่วมร้อยเอ็ดหนักสุดในรอบ 11 ปี

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ประกอบกับเขื่อนใน จ.ชัยภูมิ จ.ขอนแก่น และจ.กาฬสินธุ์ ระบายน้ำลงสู่ลำน้ำชีจำนวนมาก ส่งผลให้น้ำจากแม่น้ำชีได้ไหลบ่าเข้าท่วมฉับพลันที่บ้านโพธิ์ตาก หมู่ 6 ต.นางาม อ.เสลภูมิ เป็นระลอกสอง หลังจากน้ำจากลำน้ำยังท่วมบ้านเรือนของประชาชน ถนนหนทาง และนาข้าวมานานกว่า 2 สัปดาห์อยู่ แต่ครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของแม่น้ำ 2 สาย ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเข้าท่วมหนักสุดในรอบ 11 ปี เนื่องจากถูกน้ำท่วมสูง 80-150 ซ.ม. บ้านเรือนจมอยู่ใต้น้ำประมาณ 50 หลังคาเรือน และวัด 1 แห่ง นอกจากนี้ถนนในหมู่บ้านยังถูกน้ำท่วมสูง ต้องใช้เรือพายและรถอีแต๊กหรือรถไถนาเดินตามใช้สัญจรผ่านไปมาในหมู่บ้านแทน อีกทั้งน้ำท่วมยังทำให้นาข้าวกว่า 3,000 ไร่ จมน้ำสูง 1.50-2.00 เมตร




วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 09:55 น. ข่าวสดออนไลน์
 

 

ฝนตกหนักเมืองเลย หลายพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือน้ำป่าหลาก

เลย - ฝนตกหนักเมืองเลย หลายพื้นที่โดยเฉพาะเขตภูเขาเกิดน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะบนยอดภูกระดึง-ภูหลวง ทางอำเภอภูหลวง และ อบต.เตรียมพร้อมเรือท้องแบนและเครื่องมือแพทย์เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำป่าหลาก น้ำท่วมฉับพลัน หวั่นเกิดเหตดินโคลนถล่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับแต่วันที่ 11- 12 ก.ย.54 ที่ผ่านมาพื้นที่ จ.เลย เกิดฝนตกทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณยอดภูหลวง แหล่งต้นน้ำป่าสักไหลลงสู่ภาคกลาง และต้นแม่น้ำเลยที่ไหลผ่าน อ.ภูหลวง วังสะพุง เมืองเลย และเชียงคานของ จ.เลย โดยเฉพาะบนยอดภูกะดึง ตกหนักมาก ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงสำน้ำสาขาต่างๆ

นายอุไร มีศรีแก้ว นายกองค์ การบริหารส่วนตำบลภูหอ เปิดเผยว่า จากฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำจากภูหลวงไหลลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงลงสู่น้ำตกเลยง่า ไหลสู่บริเวณต้นแม่น้ำเลย จนล้นตลิ่ง บริเวณบ้านหนองบัว หมู่ 1 และบ้านหนองบัวน้อย หมู่ 3 ต.ภูหอ อ.ภูหลวง ระดับน้ำเหลือเพียง 50 ซม.และขณะนี้ยังมีฝนก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น ทางอำเภอภูหลวงและองค์การบริหารส่วนตำบลภูหลวง จึงได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ช่วยกันขนสิ่งของทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยงของราษฎรขึ้นไปอยู่ที่ปลอดภัยที่สูงเรียบร้อยแล้วและเตรียมพร้อมไว้ทุกด้านทั้งเรือท้องแบน อุปกรณ์การช่วยเหลือ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์และยารักษาโรค เครื่องดื่ม น้ำอุปโภค/บริโภค เพื่อรองรับสถานการณ์ช่วยเหลือชีวิตและทรัพย์สินของราษฎรแล้ว

นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจาก อบต.เลยวังไสย์ อ.ภูหลวงว่า ได้เกิดดินโคลนถล่มลงมาบ้านเรือนราษฎร 1 หลังที่บ้านเลยวังไสย์ และมีเสาไฟฟ้าล้ม 2 ต้น ชาวบ้านหนีขึ้นสู่ที่สูง

นายคำพัน บุตรราช ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเลย กล่าวว่า สภาพลมฟ้าอากาศช่วงนี้เกิดจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง จึงทำให้บริเวณดังกล่าวนี้มีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปและยังมีฝนตกหนักถึงหยักมากบางแห่งอีกด้วย

โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 11 ก.ย.54 มีฝนตกทั่วไปทุกอำเภอ มีฝนตกหนักมากที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อ.ภูเรือ วัดได้ 137.0และที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อ.ภูกระดึง 163.3 มิลลิเมตร ทางสถานีฯได้แจ้งทางจังหวัดทราบเป็นระยะ เพื่อแจ้งและเตือนประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภูเขา ที่อาศัยรอบๆ ภูเขา อาศัยอยู่ใกล้ทางเดินของน้ำ ให้ระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงกับดินโคลนถล่มด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 14:53:15


ความคิดเห็นที่ 1798 (1569419)

B1

รถไฟสายเหนือหยุดปลายทางที่ อ.เด่นชัย แพร่ หลังน้ำป่าซัดรางพัง


(13 ก.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงาน ขบวนรถไฟฟรีขาล่องที่ 102 จากสถานีเชียงใหม่ - ปลายทางสถานีกรุงเทพ หลังได้เดินทางมาถึงที่สถานีรถไฟนครลำปาง ได้รับแจ้งจากทางฝ่ายการเดินรถไฟลำปางว่า ขบวนรถไฟจะหยุดเดินรถปลายทางที่สถานีรถไฟเด่นชัย จ.แพร่ เท่านั้น เนื่องจากได้เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมรางรถไฟพัดเอาหินใต้รางรถไฟพังเสียหาย ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีรถไฟบ้านด่าน จ.อุตรดิตถ์

ดังน้้นขบวนรถไฟฟรี 102 จะสามารถเดินรถไฟไปได้แค่สถานีรถไฟเด่นชัย จ.แพร่ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะเข้าเร่งซ่อมรางรถไฟในจุดดังกล่าว และจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง

 

พื้นที่ภาคอีสานฝนตกหนักน้ำท่วม

13-09-2554 | 11:00 l

ชาวบ้านริมแม่น้ำมูล ในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ ส่วนหนึ่งอยู่ในที่สูงน้ำยังท่วมไม่ถึง ขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จนปริ่มตลิ่งเข้าใต้ถุนบ้าน ต่างได้อพยพขนย้ายสิ่งไปไว้บนที่สูงโดยเฉพาะชาวบ้านช่างหม้อ กว่า
130 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่มีอาชีพปั้นหม้อ เตาถูกน้ำท่วมเสียหายเพราะไม่สามารถขนย้ายหนีน้ำได้ โดยตำรวจทางหลวงจังหวัดอุบลราชธานี ได้นำถุงยังชีพไปมอบให้ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมที่บ้านช่างหม้อ

จังหวัดเลย ฝนที่ตกลงมาตลอดคืน ทำให้แม่น้ำเลย เขตอำเภอภูหลวง เพิ่มขึ้นท้นตลิ่งท่วมที่ลุ่มต่ำหลายหมู่บ้าน ไหลลงอำเภอวังสะพุง คาดว่าอาจท้นตลิ่งเข้าท่วมในเขตเทศบาลเลย ทำให้เทศบาลเมืองเลย ได้นำรถติดตั้งเครื่องขยาย
เสียงออกประกาศในเขตเทศบาลเมืองเลย ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเลย ได้เตรียมเก็บสิ่งของขึ้นบนที่สูงเพื่อเตรียมรับสถานการณ์น้ำ

นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ร่วมลงแขกเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วม ช่วยชาวบ้านบึงสวางค์ ตำบลบึงเนียม อำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี หลังลำน้ำชี ที่ไหลมาจากจังหวัดชัยภูมิ และน้ำจาก
ลำน้ำพอง ไหลลงมาบรรจบกัน และเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ขณะนี้มีพื้นที่นาข้าวถูกน้ำท่วมแล้ว 20,000 ไร่ เช่นเดียวกับชาวนาในตำบลบึงเนียม ในอำเภอเมือง ที่เร่งเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังที่ยังไม่สุกเต็มที่ หนีน้ำ หลังเขื่อนอุบลรัตน์เปิดประตูเร่งระบายน้ำออกจากอ่างเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับชาวนาในตำบลลำชี อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ติดลำน้ำชี ชาวบ้านจึงเร่งเกี่ยวข้าวที่ยังไม่แก่เต็มนำไปขายก่อนน้ำจะท่วมไร่นาทั้งหมด

น้ำล้นเขื่อนลำปาวจ่อท่วมกาฬสินธุ์

วันอังคาร ที่ 13 กันยายน 2554 เวลา 12:22 น


ปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวเพิ่มต่อเนื่อง หวั่นพื้นที่ราบลุ่มเกิดน้ำท่วมใหญ่ กาฬสินธุ์เตรียมอพยพประชาชน
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. มีรายงานจากการติดตามปัญหาน้ำท่วมพื้นที่นาข้าวในจ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองกาฬสินธุ์ อ.ยางตลาด อ.กมลาไสย อ.ฆ้องชัยและ อ.ร่องคำ พบว่า พื้นที่นาข้าวยังถูกน้ำท่วมขัง โดยชลประทานจังหวัดยังคงเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่นาเพื่อลดความเสียหาย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุว่ามีพื้นที่เสียหายสิ้นเชิงแล้ว 5 หมื่นไร่และอีก1หมื่นไร่กำลังได้รับความเสียหาย

เนื่องจากปีนี้มีปริมาณฝนตกลงมามากแม้เขื่อนลำปาวจะเพิ่มปริมาณกักเก็บ จากเดิม1,430 ล้าน ลบ.ม. เป็น 1,980 ล้าน ลบ.ม. แต่เนื่องจากปริมาณน้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 1,670 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 84 ทำให้ประชาชนเกรงว่าหากมีปริมาณฝนตกหนักต่อเนื่องอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่โดยเฉพาะในพื้นที่ราบลุ่มที่ต้องรองรับน้ำเอ่อล้นจากแม่น้ำปาวอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้หากเกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ทางจังหวัดก็จะอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทันที



น้ำป่าเทือกเขาบรรทัดไหลทะลักทำชาวตรังกว่า 2 พันคนเดือดร้อน

ตรัง - น้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ทำให้ 2 อำเภอของจังหวัดตรังยังคงเกิดน้ำท่วมขังต่อเป็นวันที่ 2 ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วประมาณ 2,000 คน

วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า จากกรณีที่ได้เกิดฝนตกหนักในช่วงระยะเวลา 3-4 วันที่ผ่านมานั้นยังคงทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบกับสภาวะน้ำท่วมขังต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 2 วันแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มใน 2 อำเภอ คือ อำเภอปะเหลียน และอำเภอย่านตาขาว ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วประมาณ 550 ครัวเรือน หรือประมาณ 2,000 คน

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากน้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ฝั่งพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง กับจังหวัดพัทลุง ได้เข้าท่วมบ้านเรือน สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมันและนาข้าวใน 3 ตำบลของอำเภอปะเหลียน นับตั้งแต่ตำบลปะเหลียน ลงมาสู่ตำบลแหลมสอม ตำบลบางด้วน และตำบลสุโส๊ะ

ขณะที่น้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ฝั่งพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดตรังกับจังหวัดสตูล ยังเข้าท่วมบ้านเรือน สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และนาข้าว ใน 4 ตำบลของอำเภอปะเหลียน นับตั้งแต่ตำบลลิพัง ลงมาสู่ตำบลทุ่งยาว และตำบลท่าข้าม ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วประมาณ 350 ครัวเรือน หรือ 1,200 คน

นอกจากนั้น น้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัด ฝั่งพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดตรังกับจังหวัดพัทลุงยังเข้าท่วมบ้านเรือน สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และนาข้าว ใน 4 ตำบลของอำเภอย่านตาขาว นับตั้งแต่ตำบลหนองบ่อ ลงมาสู่ตำบลในควน ตำบลย่านตาขาว และตำบลทุ่งกระบือ ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วประมาณ 200 ครัวเรือน หรือ 800 คน

สำหรับสถานการณ์โดยทั่วไป ระดับน้ำยังคงทรงตัว และสูงประมาณ 1-2 เมตร ทำให้ถนนสายเล็กๆ ในหมู่บ้านไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ต้องใช้เรือในการเดินทางแทน สถานศึกษาหลายแห่งในพื้นที่อำเภอปะเหลียน และอำเภอย่านตาขาว ต้องปิดทำการเรียนการสอนเป็นวันที่ 2 แล้ว แต่โชคดีที่วันนี้ไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม และเริ่มมีแสงแดดส่องลงมาบ้าง

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 15:03:49


ความคิดเห็นที่ 1799 (1569425)

“พระองค์โสมฯ” ทรงบรรจุถุงยังชีพ‏ช่วยราษฎรประสบภัยน้ำท่วม

ศูนย์ข่าวศรีราชา - พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ทรงเป็นประธานบรรจุถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทย จำนวน 6,500 ชุด ช่วยเหลือราษฎรประสบอุทกภัย

พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จพระดำเนินโดยรถยนต์ที่นั่งจากวังเทเวศร์ กรุงเทพมหานคร มาทรงเป็นประธานการบรรจุถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ณ สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมีนายเชษฐา วรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พล.ร.ท.ฆนัท ทองพูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ สมาคมแม่บ้านทหารบก สมาคมภริยาทหารเรือ พร้อมด้วยข้าราชการบริพาร พระภิกษุสงฆ์ และประชาชน เฝ้ารับเสด็จและร่วมบรรจุถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทย จำนวน 6,500 ชุดเพื่อเตรียมเข้าให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่

โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ที่ถูกน้ำซัดและโคลนถล่มได้รับความเสียหายมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยมีพระภิกษุสงฆ์จากวัดต่างๆ ในพื้นที่สัตหีบ จังหวัดชลบุรี อาทิ วัดสัตหีบ วัดบางเสร่ วัดเทพประสาท และวัดรังสีสุนทร กม.5 จังหวัดชลบุรี ทูลเกล้าถวายเงินเข้าสมทบทุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย

สำหรับการบรรจุถุงยังชีพพระราชทานฯ ในครั้งนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วัน จึงจะแล้วเสร็จ และในโอกาสเดียวกันนี้ได้มีพระภิกษุสงฆ์จากวัดต่างๆ ในพื้นที่สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เช่น วัดสัตหีบ วัดบางเสร่ วัดเทพประสาท และวัดรังสีสุนทร กม.5 จังหวัดชลบุรี ทูลเกล้าถวายเงินเข้าสมทบทุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทย ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 15:16:40


ความคิดเห็นที่ 1800 (1569428)

ฝนตกหนักเมืองเลย หลายพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือน้ำป่าหลาก

เลย - ฝนตกหนักเมืองเลย หลายพื้นที่โดยเฉพาะเขตภูเขาเกิดน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะบนยอดภูกระดึง-ภูหลวง ทางอำเภอภูหลวง และ อบต.เตรียมพร้อมเรือท้องแบนและเครื่องมือแพทย์เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำป่าหลาก น้ำท่วมฉับพลัน หวั่นเกิดเหตดินโคลนถล่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับแต่วันที่ 11- 12 ก.ย.54 ที่ผ่านมาพื้นที่ จ.เลย เกิดฝนตกทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณยอดภูหลวง แหล่งต้นน้ำป่าสักไหลลงสู่ภาคกลาง และต้นแม่น้ำเลยที่ไหลผ่าน อ.ภูหลวง วังสะพุง เมืองเลย และเชียงคานของ จ.เลย โดยเฉพาะบนยอดภูกะดึง ตกหนักมาก ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงสำน้ำสาขาต่างๆ

นายอุไร มีศรีแก้ว นายกองค์ การบริหารส่วนตำบลภูหอ เปิดเผยว่า จากฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำจากภูหลวงไหลลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงลงสู่น้ำตกเลยง่า ไหลสู่บริเวณต้นแม่น้ำเลย จนล้นตลิ่ง บริเวณบ้านหนองบัว หมู่ 1 และบ้านหนองบัวน้อย หมู่ 3 ต.ภูหอ อ.ภูหลวง ระดับน้ำเหลือเพียง 50 ซม.และขณะนี้ยังมีฝนก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น ทางอำเภอภูหลวงและองค์การบริหารส่วนตำบลภูหลวง จึงได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ช่วยกันขนสิ่งของทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยงของราษฎรขึ้นไปอยู่ที่ปลอดภัยที่สูงเรียบร้อยแล้วและเตรียมพร้อมไว้ทุกด้านทั้งเรือท้องแบน อุปกรณ์การช่วยเหลือ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์และยารักษาโรค เครื่องดื่ม น้ำอุปโภค/บริโภค เพื่อรองรับสถานการณ์ช่วยเหลือชีวิตและทรัพย์สินของราษฎรแล้ว

นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจาก อบต.เลยวังไสย์ อ.ภูหลวงว่า ได้เกิดดินโคลนถล่มลงมาบ้านเรือนราษฎร 1 หลังที่บ้านเลยวังไสย์ และมีเสาไฟฟ้าล้ม 2 ต้น ชาวบ้านหนีขึ้นสู่ที่สูง

นายคำพัน บุตรราช ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเลย กล่าวว่า สภาพลมฟ้าอากาศช่วงนี้เกิดจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง จึงทำให้บริเวณดังกล่าวนี้มีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปและยังมีฝนตกหนักถึงหยักมากบางแห่งอีกด้วย

โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 11 ก.ย.54 มีฝนตกทั่วไปทุกอำเภอ มีฝนตกหนักมากที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อ.ภูเรือ วัดได้ 137.0และที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อ.ภูกระดึง 163.3 มิลลิเมตร ทางสถานีฯได้แจ้งทางจังหวัดทราบเป็นระยะ เพื่อแจ้งและเตือนประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภูเขา ที่อาศัยรอบๆ ภูเขา อาศัยอยู่ใกล้ทางเดินของน้ำ ให้ระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงกับดินโคลนถล่มด้วย

สุราษณ์-น้ำท่วม อ.พระแสง ต้นน้ำตาปีต้องอพยพด่วน



ชาวบ้านตำบลบางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี หลายครัวเรือนเร่งอพยพหนีน้ำหลังระดับน้ำในคลองอิปันเอ่อล้นฝั่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในที่ลุ่ม

เนื่องจากปริมาณฝนตกมากในพื้นที่ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อทำให้น้ำเริ่มไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ริมคลอง และต้นน้ำต่าง ๆ ได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมสูง เป็นเหตุให้ชาวบ้านพื้นที่ หมู่ 6 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง กว่า 10 ครัวเรือนต่างเร่งอพยพสิ่งของจำเป็นและทรัพย์สินมีค่า มาอยู่ที่บริเวณบ้าน นายนิวรรณรัช ไชยนาคิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 เนื่องจากมีปริมาณน้ำจำนวนมาก ไหลมาจากพื้นที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ลงสู่คลองอิปัน ทำให้ระดับน้ำมีปริมาณสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและล้นตลิ่งไหลเข้าท่วม พื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎรในที่ลุ่มระดับน้ำสูงประมาณ 30- 50 เซนติเมตรและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก

โดยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 กล่าวว่า กระแสน้ำได้กัดเซาะคอสะพานที่ใช้สัญจรเชื่อมติดต่อกันของ หมู่ 2 ขาด ทำให้เส้นทางเชื่อมระหว่างบ้านบางสวรรค์กับ บ้านเสด็จ อ.เคียนซาถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง

ล่าสุดทางจังหวัดได้แจ้งเตือนให้ราษฎร ที่อยู่ริมฝั่งคลองอิปัน และแม่น้ำพุมดวง ในพื้นที่ อ.พระแสง อ.ชัยบุรี และคีรีรัฐนิคม ที่รับ อิทธิพลน้ำจากกระบี่และพังงาอพยพทรัพย์สินมีค่าออกจากพื้นที่

พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้การดูแล เฝ้าระวังตลอด 24 ชม. ถึงแม้ว่าปริมาณน้ำจะลดลงก็ตาม และคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ส่วนสภาพอากาศในพื้นที่ อ.พระแสงในช่วงเช้า ฝนตกโปรยปรายในบางช่วง วัดปริมาณได้ไม่ถึง 10 มิลลิเมตร ท้องฟ้าเริ่มเปิด มีแสงแดดส่อง แต่ยังได้รับมวลน้ำจากจังหวัดใกล้เคียงจึงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องดังกล่าว

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (ฉวีวรรณ นภาพรรณราย) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 15:20:27



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 [18] 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.