ReadyPlanet.com


ธรรมชาติ....เอาคืน.!!!


 

ตอนนี้

แผ่นดินไหว ทุก ๆ วัน

วันละหลาย ๆ ครั้ง

และที่ผ่านมา 3 วันนี้

10 - 11 - 12 พฤษภาคม 2554

ประมาณ 4 - 5 - 6 ริกเตอร์

รายละเอียด

เชิญอ่าน เพื่อ

เตรียมพร้อม...นะเจ้าคะ

*************************************

12 พค. 2554 06:25 น.

เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 5.2 ริกเตอร์

ในเมืองลอร์กา ทางภาคใต้ของสเปน

ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน

เจ็บ 270 คน

อาคารเก่าแก่ บ้านเรือนพังถล่ม

ขณะที่ผู้นำสเปนสั่งการให้ส่งทหาร

และหน่วยกู้ภัยลงพื้นที่ค้นหา

ผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

***************************************

12 พค. 2554 15:17 น.

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

แจ้งว่าเมื่อเวลา 14.41 น.

แผ่นดินไหวในทะเล 4.9 ริกเตอร์

บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา

อินโดนีเซีย ความลึก 45 กม.

ไม่มีผลกระทบต่อไทย

 



ผู้ตั้งกระทู้ แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-12 19:50:41


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 [21] 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 2001 (1573487)
 
ออกมาเตือนเเล้ว ช่วยส่งต่อๆกัน
นักวิชาการเตือน
ทางด่วน-สะพานทั่วกรุง
เสี่ยงถล่มหากแผ่นดินไหว

 

นักวิชาการ เตือน สะพาน-ทางด่วน ทั่วกรุงเสี่ยงถล่มหากเกิดแผ่นดินไหว จี้รัฐเร่งตรวจสอบ หวั่นแผ่นดินไหวถล่ม แนะเจ้าของตึกเก่าเสริมความแข็งแรงอาคารควักเงินลงทุนแค่ 3-5% เสนอตั้งหน่วยงานกลางตรวจสอบอาคาร ด้าน กทม.แฉ วิศวกรไร้จรรยาบรรณ ปลอมลายเซ็นอื้อ ขณะที่ “เป็นหนึ่ง” เผยโมเดลเชียงใหม่ ระบุ หากแผ่นดินไหว 5.7 ริกเตอร์ ทำเมืองราบเป็นอัมพาต 2-3 ปี เสียหาย 1.5 แสนล้าน คนตายถึง 8 พัน

วันนี้ (19 ก.ย.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำนักสำนักการโยธา (สนย.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้จัดเสวนาทางวิชาการเรื่อง “การเตรียมความพร้อมในการรับมือแผ่นดินไหว” โดยมีรศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย อาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) หัวหน้าโครงการลดภัยพิบัติ จากแผ่นดินไหวในประเทศไทย รศ.ดร.วิโรจน์ บุญญภิญโญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รศ.ดร.อมร พิมานมาศ ประธานคณะอนุกรรมการวิศวกรรมโครงสร้าง และสะพาน วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสถ.) นายพินิต เลิศอุดมธนา ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กทม.และ นางคะนึงนิจ สุจิตจร ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการรักอบธุรกิจประกันภัย ร่วมเสวนาซึ่งมีเจ้าของอาคารในพื้นที่กทม.ร่วมรับฟังประมาณ 250 คน
       
รศ.ดร.เป็นหนึ่ง กล่าวถึงภาพรวมแผ่นดินไหวในประเทศไทยและพื้นที่ กทม.ว่า แผ่นดินไหวไม่ได้เกิดกระจายในทุกๆ ที่แต่เกิดบางแนว เช่น ที่ประเทศญี่ปุ่นและอินโดนีเซียจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่วนของประเทศไทยไม่มีเกิดขึ้นตรงๆ ยกเว้นบางบริเวณที่เกิดมากๆ  คือ บริเวณแนวรอยต่อแผ่นเปลือกโลกซึ่งมีการชนกัน การมุดเสยกันระหว่างแผ่นแนวรอยต่อซึ่งที่ใกล้ไทยที่สุดคือ ทะเลอันดามันอันได้แก่เปลือกโลกยูเรเชียน และแผ่นเปลือกโลกอินโดยูเรเชียนที่มุดเข้ากับเปลือกยูเรเชียนแล้วทำให้เกิดสึนามิ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ ประเทศไทยเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงสุดวัดได้ 6.5 ริกเตอร์ ที่จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2478 แต่เหตุแผ่นดินไหวครั้งนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดพิบัติภัย อย่างไรก็ตาม ไทยมีโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8-7.5 ริกเตอร์ แต่อาจจะต้องใช้เวลานาน เนื่องจากต้องมีการสะสมพลังงานเป็นพันๆ ปี ซึ่งภาคเหนือจะมีความเสี่ยงอย่างชัดเจน
       
รศ.ดร.เป็นหนึ่ง กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นแล้ว มีผู้ติดอยู่ในตัวอาคารที่พังถล่มลงมาซึ่งหากไม่สามารถช่วยชีวิตได้ภายใน 1 วัน 90% ของคนที่ยังติดค้างอยู่ในนั้นจะเสียชีวิต ดังนั้น หัวใจสำคัญ คือ จะต้องสร้างสิ่งปลูกสร้างให้ทนต่อแผ่นดินไหว ทั้งนี้ งานวิจัยพบว่ากทม.มีสภาพดินอ่อนซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหวจะสามารถขยายความรุนแรงได้เพิ่มเป็น 3 เท่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออาคารสูง แม้จะเกิดแผ่นดินไหวจากที่อื่น เช่น ที่กรุงเม็กซิโกซิตี้ เมื่อปี 2528 เกิดแผ่นดินไหวในทะเล แต่กลับได้รับผลกระทบร้ายแรง ซึ่งผลวิจัยภายหลังเกิดเหตุระบุชัดว่าสภาพดินอ่อนเป็นปัจจัยสำคัญอันเนื่องมาจากพื้นที่นี้เดิมเคยเป็นทะเลสาบเก่ามาก่อน ซึ่ง กทม.ก็เหมือนกับกรุงเม็กซิโกซิตี้ ที่มีสภาพเป็นดินอ่อนแบบพิเศษ ดังนั้น หากเกิดแผ่นดินไหวอาจทำให้ได้รับผลกระทบแบบเดียวกันโดยรอยเลื่อนที่ใกล้ กทม.ที่สุด คือ แนวรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ระยะทางประมาณ 200 เมตร
       
ขณะที่ปัญหาที่เรากำลังประสบอยู่ในขณะนี้คือคนยังไม่ค่อยรู้และยังใช้ไม่เป็น เกี่ยวกับมาตรฐานประกอบการออกแบบอาคารเพื่อต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดิน ไหว หรือ มยผ. 1301 (ปรับปรุงครั้งที่ 1) พ.ศ.2554 และมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว หรือ มผย.1302 พ.ศ.2552 ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดคือปัญหาคารที่สร้างไปแล้วที่ไม่ได้ออกแบบให้ต้านแผ่นดินไหว โดยเฉพาะอาคารในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตก
       
 “ได้มีการทดลองโมเดลการสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวขนาด 5.7 ริกเตอร์ มีจุดศูนยกลางห่างจากจังหวัดเชียงใหม่ 7 กิโลเมตร จะพบว่าจากโมเดลดังกล่าวจะส่งผลให้จังหวัดเชียงใหม่ได้รับความเสียหายอย่างมาก จะมีผู้เสียชีวิตถึง 8,000 คน สูญเสียทรัพย์สินมูลค่ารวม150,000 ล้านบาท และจะทำให้เมืองเชียงใหม่ตกอยู่ในภาวะอัมพาตไป 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโมเดลแผ่ยดินไหวในพื้นที่กทม.ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ” รศ.ดร.เป็น หนึ่งกล่าวและว่า ส่วนการแก้ปัญหาควรจะเริ่มที่การทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะหากประชาชนมีความเข้าใจก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ขณะที่การเรียนการสอนการออกแบบอาคารต้านแผ่นดินไหวควรขยายตัวไปยังระดับปริญญาตรี เพราะที่มีในปัจจุบันมีการเรียนการสอนในระดับชั้นปริญญาโทเพียงบางมหาวิทยาลัยเท่านั้น ขณะเดียวกัน มยผ.ซึ่งจะมีรายละเอียดค่อนข้างมากอีกทั้งยังไม่มีในการเรียนการสอนจึงอาจทำให้วิศวกรทำไม่ถูก นอกจากนี้ อาคารที่มีการก่อสร้างไปแล้วก่อนที่กฎกระทรวงใหม่ออกมาควรที่จะมีการเสริม แรงค้านแผ่นดินไหวโดยเริ่มที่อาคารสำคัญๆ ก่อนแต่จะต้องเข้าสู่กฎหมายดัดแปลงอาคารอันทำให้เป็นอุปสรรคในการเสริมกำลังอาคาร แต่หากมีการจูงใจด้วยการลดหย่อนภาษีก็จะทำให้เจ้าของอาคารหันมาสนใจมากขึ้น
       
หัวหน้าโครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในประเทศไทย กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ดี ตนเองอยากจะเน้นที่อาคารที่จะสร้างขึ้นใหม่ซึ่งปัญหา คือ เราจะเชื่อเพียงวิศวกรเพียงอย่างเดียวซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าควรจะให้บุคคลที่ 3 คือ ผู้ตรวจสอบอาคารเข้ามาช่วยตรวจสอบแต่ระบบการตรวจสอบของบ้านเราที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบันนั้นค่อนข้างเละเทะ
       
ด้าน รศ.ดร.อมร เปิดเผยว่า เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.7 ริกเตอร์ ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่มีจุดศูนย์ศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศพม่าและเกิดแรงสั่นสะเทือนถึงพื้นที่ภาคเหนือและอาคารสูงของ กทม.มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกทุกเมื่อ โดยสถิติในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงระดับเดียวกันถึงกว่า 30 ครั้ง หรือเฉลี่ยปีะละประมาณ 1 ครั้ง แต่ไม่สามารถทำนายได้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อใด ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือหมอดูก็ตาม ดังนั้นจึงไม่อาจชะล่าใจได้และควรเตรียมการรับมือด้วยการปรับปรุงแก้ไขความ มั่นคงแข็งแรงของอาคารให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย
       
“สิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากอาคารถล่ม ก็คือ ทางด่วน และสะพานต่างๆ มีโอกาสที่คานจะหล่นจากหัวเสาได้ง่าย เพราะพื้นที่การตั้งวางมีระยะหมิ่นเหม่ต่อการตกมาก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวก็อาจเคลื่อนตัวและหล่นลงมาได้ สะพาน และทางด่วนเหล่านี้แม้จะแข็งแรงก็จริง แต่ก็ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานรองรับที่ชัดเจน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งสำรวจตรวจสอบ เพราะการเกิดแผ่นดินไหวทำให้มีผู้เสียชีวิตเพียง 50% เท่านั้น แต่อีก 50% เสียชีวิตเพราะถูกสิ่งของหล่นทับ” รศ.ดร.อมร กล่าว
       
รศ.ดร.อมร กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะมีกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 แต่ก็ไม่มีผลควบคุมย้อนหลังถึงอาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนปี 2550 ฉะนั้น เจ้าของอาคารควรให้ความสำคัญในการปรับปรุงแก้ไขอาคารจะช่วยลดความ รุนแรงของภัยพิบัติลงได้ โดยใช้งบลงทุนเพียงแค่ 3-5% ของการก่อสร้างอาคารเท่านั้น ใช้วิธีเสริมปลอกเหล็กเพิ่มเติมที่โคนเสาหรือหุ้มโคนเสาด้วยแผ่นคาร์บอนไฟ เบอร์ ซึ่งเหตุแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่นที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนน้อย เพราะตัวอาคารมีการออกแบบให้มีความเหนียวเป็นพิเศษ สามารถโยกตัวได้โดยไม่ถล่ม
       
ทั้งนี้ ลักษณะของอาคารที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ตึกแถว ซึ่งใช้เสาขนาดเล็ก แต่คานใหญ่ อาคารจอดรถที่มีการแบ่งซอยพื้นที่จอดหลายชั้น โดยไม่มีคานรองรับ อาคารสูงที่ผนังชั้นล่างเปิดโล่งจะทำให้เสาอาคารมีโอกาสทรุดตัวได้ง่าย รวมทั้งบ้านเดี่ยวหรืออาคารที่ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จในการก่อสร้าง ซึ่งไม่สามารถมั่นใจได้ว่ารอยต่อของแต่ละชิ้นส่วนจะแนบสนิทหรือแข็งแรงเพียง พอหรือไม่ นอกจากนี้ยังรวมถึงตึกสูงที่มีการออกแบบที่ผิดแปลกทำให้มีความเสี่ยงที่โครงสร้างอาคารจะถล่มได้
       
ประธานคณะอนุกรรมการวิศวกรรมโครงสร้าง กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง 2550 ใน 4 ประเด็นให้ครอบคลุมอาคารเสี่ยงทุกประเภท ได้แก่ 1.อาคาร 1-2 ชั้น ที่มีความสูงตั้งแต่ 3 เมตรขึ้นไป โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหวทางภาคเหนือและภาคตะวันตก 2.กำหนดพื้นที่ซึ่งเป็นดินอ่อน ปัจจุบันมีเพียง 5 จังหวัดคือ กทม.และปริมณฑล แต่ควรขยายให้ครอบคลุม 14 จังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง ท่าจีน และเจ้าพระยา 3.เพิ่มการควบคุมอาคารประเภทโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานสารเคมีหรือวัตถุไวไฟ รวมทั้งสะพานและทางด่วนต่างๆ และ 4.ขยายขอบเขตการควบคุมอาคารเสี่ยงบริเวณภาคอีสานตอนบน ได้แก่ หนองคาย อุดรธานี และสกลนคร ซึ่งอยู่ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดินไหวในประเทศลาว
       
ประธานคณะอนุกรรมการวิศวกรรมโครงสร้าง กล่าวด้วยว่า ในอนาคตควรมีการตั้งหน่วยงานเฉพาะในการควบคุมและตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง ของอาคารเก่าเพื่อรับมือภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันภาคเอกชนมีการปรับปรุงแก้ไขอาคารในลักษณะต่างคนต่างทำ ทำให้การตรวจสอบยังไม่ทั่วถึง
       
ด้าน นายพินิต กล่าวว่า แม้รัฐจะมีการออกกฎกระทรวงที่รัดกุมแค่ไหนก็ตาม แต่หากทำไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ โดยปัญหาสำคัญ คือ จรรยาบรรณทางวิชาชีพของวิศวกรผู้ออกแบบอาคาร ส่งผลให้มาตรการควบคุมของรัฐล้มเหลว
       
 “ทุกวันนี้เกิดปัญหาวิศวกรยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคารไม่ตรงตามความเป็นจริง โดยเอาแบบอื่นมาสวมแทน อีกทั้งมีการเซ็นชื่อในใบประจำตัววิศวกรแทนกัน นอกจากนี้ยังมีปัญหากระบวนการตรวจสอบ เนื่องจากเจ้าพนักงานไม่เพียงพอ” นายพินิต กล่าว
       
อย่างไรก็ตาม นายพินิต กล่าวว่า ทางสำนักการโยธาอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อจูงใจให้เจ้าของอาคารเก่ามายื่นเรื่องขอตรวจสอบอาคาร เช่น มาตรการด้านภาษี โดยออกข้อบัญญัติลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการที่มีการเสริมความมั่นคงอาคาร เป็นต้น



ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กันยายน 2554 16:48 น.
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 21:30:59


ความคิดเห็นที่ 2002 (1573494)

ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย "

ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 20 กันยายน 2554

     บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนแล้ว ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทยในช่วงวันที่ 20-23 กันยายน ประกอบกับในระยะนี้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี ชัยภูมิ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ตรัง และสตูล จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นได้
สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือขนาดเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 16.30 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 21:34:05


ความคิดเห็นที่ 2003 (1573497)
อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วม 20 กันยายน 54



18.00 น. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)
เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่ม รวม 36 จังหวัด ได้แก่
แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี หนองบัวลำภู เลย หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่นมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ และบุรีรัมย์
เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงวันที่ 20-25 ก.ย.นี้
- ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย และดินถล่มสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784

16.39 ลพบุรี : รองผอ. ศอส. ได้สั่งเตือนประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ฯ  และชุมชนริมฝั่งแม่น้ำ ให้ระมัดระวังและเตรียมสิ่งของหนีน้ำ เหลังกรมชลฯ เตรียมปล่อยน้ำออกจากเขื่อนป่าสักฯ เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำได้มีมากเกินความจุของเขื่อนแล้ว โดยอยู่ที่ร้อยละ 111   ส่วนสถานการณ์น้ำจากเขื่อนต่างๆ ทั่วประเทศนั้น เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำร้อยละ 88 ของความจุอ่างฯ,เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 96 และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำร้อยละ 99 เป็นต้น

15.55 น. อยุธยา : ตำรวจตระเวนชายแดนกว่า 100 นาย ช่วยกันจัดนำกระสอบทราบจำนวนกว่า 100,000 ใบมาเสริมบนสันเขื่อนดินหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อป้องกันน้ำท่วม แม้ระดับน้ำสูงกว่าพื้นวัดเกือบ 1 เมตร แต่น้ำยังไม่เข้าท่วมพื้นที่วัด เพราะว่าเขื่อนดินหน้าวัดที่สูงกว่า 1 เมตร ยาวเกือบ 800 เมตร สามารถทำหน้าที่ป้องกันน้ำได้

15.15 น.   น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และภัยแล้ง เพื่อป้องกันและแก้ไขอย่างบูรณาการ

15.05 น. อุบลราชธานี : น้ำในลำน้ำมูลเริ่มเอ่อเข้าท่วมในที่ราบลุ่ม ทำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ต่ำกว่าตลิ่งได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับการสัญจรไปมา ที่อยู่อาศัย และเครื่องอุปโภค-บริโภค ขณะนี้ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งสูงกว่าระดับตลิ่งและระดับเตือนภัยอยู่ 2.27 เมตร
ส่วนแม่น้ำโขงระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและระดับต่ำกว่าตลิ่งอยู่เพียง 0.26 เมตร ส่งผลกระทบให้การระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงไม่สะดวก

14.25 น. พิษณุโลก : ระดับน้ำแม่น้ำน่าน ได้มีระดับสูงถึง 10.89 เมตร และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดระดับน้ำน่าน ได้ทะลักเข้าท่วมบ้านชาวบ้านหมู่ที่ 7 ต.วัดจันทร์ อ.เมือง บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 70 ซม. ทำให้ชาวบ้านต้องใช้เรือพาย ออกมาบนที่สูง มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 20 หลังคาเรือน

13.50 น.ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)
- สรุปสถานการณ์อุทกภัยใน 25 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ยโสธร เลย ขอนแก่น มหาสารคาม ศรีสะเกษ ฉะเชิงเทรา นครนายก ตาก และปราจีนบุรี
- ผู้เสียชีวิต 132 ราย สูญหาย 2 ราย

11.25 น. น่าน : ระดับน้ำหน้าที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ สำนักงานพัฒนาชุมชน กศน. สำนักงานท้องถิ่น และ งานผ่านแดน เริ่มลดระดับลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังชั้นล่างของตัวอาคารและยังมีน้ำป่าจากเทือกเขาไหลเข้าสมทบอย่างช้าๆ ตลอดทั้งวัน ขณะนี้ต้องสั่งปิดสถานที่ดังกล่าว

11.20 น. กาฬสินธุ์ : ขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อยลำปาวอยู่ที่ 92% หรือ 1,820 ล้าน ลบ.ม. จึงต้องเร่งระบายน้ำออกถึงวันละ 7 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งได้ส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อล้นทั้งจากแม่น้ำปาว ด้าน อ.ยางตลาด อ.เมือง อ.กมลาไสย และแม่น้ำชีด้าน อ.ฆ้องชัย อ.ร่องคำ มีพื้นที่นาข้าวเสียหายกว่า 5.5 หมื่นไร่ และน้ำบางส่วนได้เริ่มไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ราบลุ่ม

09.55 น. ปภ.ชลบุรี : จะมีร่องมรสุมพัดผ่านประเทศไทย ขอให้ประชนระมัดระวังฝนตกหนักในระยะนี้ เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงนี้ โทร 038-278031-2หรือสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

09.25 น. อุทัยธานี : ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง 4 ตำบล ในเขตอำเภอเมืองอุทัยธานียังวิกฤต  ผู้ว่าราชการจังหวัด เตรียมลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนใน ต.หาดทนง อ.เมือง

07.30 น. อุตุฯ : ประกาศเตือนภัยฉบับที่ 5 ฝนตกหนักช่วง 20-23 ก.ย.

ประกาศเตือนภัย “ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย ” ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 20 กันยายน 2554

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดตอนกลางของประเทศไทยในช่วงวันที่ 20-23 กันยายน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหล ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นได้ สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือขนาดเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ2-4 วันนี้


Mthai News
 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 21:35:21


ความคิดเห็นที่ 2004 (1573511)


 


ปักกิ่ง 19 ก.ย.-แผ่นดินไหวรุนแรงที่บริเวณชายแดนอินเดียกับเนปาลเมื่อค่ำวานนี้ คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 7 คน และบาดเจ็บ 22 คนในเขตปกครองตนเองทิเบตของจีน

สถานีวิทยุแห่งชาติจีนรายงานว่า แผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ สั่นสะเทือนไปถึงเขตปกครองตนเองทิเบต  บ้านเรือนหลายหลังที่ตั้งอยู่ในเขตยาตงซึ่งอยู่ห่างไกลพังถล่มและกระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด  นอกจากนี้ ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อค 4 ครั้ง ครั้งรุนแรงที่สุดวัดได้ 4.8 ริกเตอร์เกิดขึ้นในเขตทิเบตเช้าวันนี้ระหว่างที่ทีมค้นหากู้ภัยรีบรุดเข้าไปประเมินค่าความเสียหาย

นอกจากผู้เสียชีวิตในเขตทิเบตของจีนแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 คนในอินเดีย และอีกอย่างน้อย 5 คนที่เนปาล  แผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดเป็นบริเวณกว้างโดยเกิดเมื่อเวลา 18.10 น.วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น (19.40 น.ตามเวลาในไทย) ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองกังต็อก เมืองเอกของรัฐสิกขิมไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 60 กิโลเมตร และมีความลึกเพียง 19.7 กิโลเมตร



เตือนแผ่นดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันขณะไต้ฝุ่นโรคีมุ่งหน้าญี่ปุ่น


โตเกียว 19 ก.ย.- สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเตือนในวันนี้ว่า จะเกิดฝนตกหนักขอให้ประชาชนเฝ้าระวังแผ่นดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่ไต้ฝุ่นโรคีกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันตกของญี่ปุ่น

สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นระบุว่า ไต้ฝุ่นโรคี ซึ่งมีความเร็วลมสูงสุด 162 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ นอกชายฝั่งเกาะอามามิในมหาสมุทรแปซิฟิก และมุ่งหน้าไปยังด้านตะวันตกของเกาะฮอนชู ทางการเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังบริเวณคาบสมุทรคิอิ ซึ่งมีประชาชนเสียชีวิตหรือสูญหายเกือบ 100 คนจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นตาลัสพัดกระหน่ำเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา


มีผู้เสียชีวิต 27 คนจากพายุฝนกระหน่ำจีน


ปักกิ่ง 19 ก.ย.- สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คนและสูญหายหลายสิบคนหลังพายุฝนและน้ำท่วมรุนแรงทางเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ทำให้ชาวบ้านหลายแสนคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

สื่อจีนรายงานว่าฝนตกหนักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้วกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างในมณฑลเสฉวน มีรายงานฝนตกต่อเนื่องและน้ำเอ่อล้นตลิ่ง บ้านเรือนพังกว่า 2,000 หลัง และเสียหาย 10,000 หลัง ทั้งนี้ จีนเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทุกปี ซึ่งเมื่อปีที่แล้วนับว่ารุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 4,300 คน.


สำนักข่าวไทย

 

-----------------------

 
 
อินเดีย..กู้ัภัยพบผู้เสียชีวิตเหตุแผ่นดินไหว 63 ราย



ความคืบหน้าในการกู้ภัยหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ริกเตอร์ ล่าสุดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 63 คนแล้ว

เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องขุดดินโคลนที่ถล่มลงมาปิดทางเข้าไปช่วยเหลือหมู่บ้านหลายพันแห่ง หลังจากเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 63 คนในหลายประเทศ สถานการณ์ขณะนี้ยังอันตรายมาก และยอดเสียชีวิตอาจพุ่งขึ้นอีก ขณะที่การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีลมมรสุมพัดถล่มบริเวณดังกล่าว ทำให้ฝนตกหนัก น้ำท่วม และมีแผ่นดินถล่มกีดขวางเส้นทางไปสู่พื้นที่ประสบภัย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิต 3 คนระหว่างเร่งกู้ภัยด้วย

ตอนนี้กองทัพอินเดียได้ส่งกำลังทหารกว่า 5,000 นายเข้าไปช่วยเหลือ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ 9 ลำสามารถส่งอาหารให้หลายหมู่บ้านหลายแห่ง พร้อมส่งทีมแพทย์ และอพยพผู้บาดเจ็บบางส่วน ทางด้านจีนก็ส่งทหารกว่า 1,000 นายเข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยบริเวณชายแดนด้วยเช่นกัน


สำหรับการเสียชีวิตส่วนใหญ่ในอินเดีย เกิดจากบ้านที่ทรุดตัวเนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกัน 4 วัน และเมื่อเกิดแผ่นดินไหว บ้านเหล่านี้ก็พังลงมา เฉพาะที่รัฐสิกขิมรัฐเดียวมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายมากกว่า 100,000 หลัง และอาจมีหลายหมู่บ้านที่มีคนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังเข้าไม่ถึง


ที่รัฐเบงกอลตะวันตก เจ้าหน้าที่ต้องเร่งกู้ไฟฟ้าซึ่งดับเป็นวงกว้าง หลังจากแผ่นดินไหวทำให้สายไฟขาด นอกจากนี้ยังมีถนนขาดทำให้นักท่องเที่ยวตกค้างหลายร้อยคน ขณะที่ประชาชนหลายพันคนต้องไปอาศัยอยู่ในค่ายพักฉุกเฉินของรัฐบาล

ล่าสุด รัฐบาลกลางอินเดีย ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตแล้ว 42 คน โดย 35 คนเสียชีวิตในรัฐสิกขิม 2 คนในรัฐพิหาร และ 5 คน ในรัฐเบงกอลตะวันตก, ส่วนเขตปกครองตนเองทิเบตของจีนมีผู้เสียชีวิต 7 คน และเนปาลมีผู้เสียชีวิต 7 คน ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 63 คน


ครอบครัวข่าว 3 วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
 
 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 21:43:25


ความคิดเห็นที่ 2005 (1573518)
เหตุพายุฝน-ดินถล่มใน 3 มณฑล เสียชีวิตแล้ว 57 ราย สูญหายอีก 29


 

ชาวจีนกำลังอพยพออกจากบริเวณที่ลาดต่ำในเมืองปาจง มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา (ภาพไชน่า เดลี)



ไชน่า เดลี / โกลบอล ไทมส์ / เอเอฟพี - เหตุพายุฝนกระหน่ำและดินถล่มในมณฑลเหอหนาน ส่านซี และซื่อชวน(เสฉวน) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุดอย่างน้อย 57 คน สูญหายอีก 29 คน ขณะที่รัฐบาลกลางเตรียมใช้แผนบรรเทาภัยฉุกเฉิน

ข้อมูลจากกระทรวงกิจการพลเรือนระบุ เหตุพายุฝนกระหน่ำหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา อันเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมดินถล่มในมณฑลเหอหนาน ส่านซี และซื่อชวน(เสฉวน) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 57 ราย สูญหายอีก 29 ราย ชาวจีนมากกว่า 12.3 ล้านคนได้รับความเดือดร้อน และมีผู้อพยพย้ายที่อยู่อาศัยมากกว่า 1.21 ล้านคน
       
กระทรวงกิจการพลเรือนและคณะกรรมาธิการบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติได้ส่งทีมกู้ภัยลงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(19 ก.ย.)
       
หลี่ หมิงกัง ผู้อำนวยการสำนักงานข้อมูลสารสนเทศรัฐบาลเมืองปาจง มณฑลซื่อชวน เผยกับไชน่า เดลีว่า พายุฝนที่กระหน่ำต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันจันทร์(19 ก.ย.) ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสูง มีชาวบ้านในเมืองปาจงเสียชีวิต 13 ราย สูญหาย 10 ราย ได้รับบาดเจ็บอีก 156 คน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 1.3 ล้านคน อพยพย้ายที่อยู่อาศัยแล้ว 250,000 คน
       
รัฐบาลท้องถิ่นเผยว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมน้ำท่วม ได้คาดการณ์ว่าถนนหลักในเมืองก่วงอาน มณฑลซื่อชวน จะมีน้ำท่วมสูง และในบางพื้นที่ระดับน้ำอาจสูงถึง 10 เมตร ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำจยาหลิง ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำแยงซีเกียง เพิ่มสูงเกินระดับอันตรายถึง 7 เมตร และได้รับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงอีก สำหรับจำนวนผู้อพยพย้ายที่อยู่อาศัยเฉพาะในมณฑลซื่อชวน ล่าสุดมากเกือบ 900,000 คน
       
สำนักข่าวซินหวารายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากเหตุดินถล่ม ในเขตป้าเฉียว ชานเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ซึ่งอยู่ทางเหนือของมณฑลซื่อชวน เพิ่มขึ้นเป็น 17 คน สูญหายอีก 15 คน โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์(17 ก.ย.) ราวบ่าย 2 โมง ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อกองดินโคลนและหินเกือบ 100,000 ลูกบาศก์เมตร ได้ถาโถมลงมาพังโรงงานอิฐและโรงงานเซรามิคที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจนพังราบเป็นหน้ากอง
       
ข้อมูลสำนักงานกิจการพลเรือนในมณฑลเหอหนาน ระบุ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(19 ก.ย.) มีชาวเหอหนานเสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ขณะที่พายุฝนได้กระหน่ำ 49 อำเภอใน 14 เมืองอย่างหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้อพยพราว 15,200 คน
       
สำนักงานกิจการพลเรือนมณฑลส่านซี เผย(19 ก.ย.)ว่า พายุฝนที่กระหน่ำต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา และเกิดน้ำท่วมดินถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 28 ราย สูญหายอีก 25 ราย ชาวบ้านอพยพย้ายที่อยู่อาศัย 127,000 คน ไร่ข้าวโพดเสียหาย 63,000 ไร่ พื้นที่การเกษตรอื่นๆเสียหายอีกราว 666,000 ไร่ บ้านเสียหายมากกว่า 100,000 หลังคาเรือน ขณะที่ความเสียหายทางเศรษฐกิจอยู่ที่ราว 1,772 ล้านหยวน
       
สำนักงานการเงินและสำนักงานกิจการพลเรือนส่านซี ได้จัดสรรงบประมาณ 15 ล้านหยวน บรรเทาภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ พร้อมทั้งจัดเตรียมงบประมาณก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ให้กับประชาชนอีกราว 150 ล้านหยวน



สภาพน้ำท่วมหนักในเมืองปาจง มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา (ภาพไชน่า เดลี)



ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 21:45:00


ความคิดเห็นที่ 2006 (1573524)

STORM ALERT: เกาะเหนือ นิวซีแลนด์ได้รับสัญญาณเตือนจะเกิดทอร์นาโดพัดถล่ม และน้ำท่วมฉับพลันบ่ายวันนี้ (เวลาท้องถิ่น)



The upper North Island will be ravaged by hundreds of thunderstorms bringing a risk of flash flooding and tornadoes this afternoon, predicts a weather service.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 22:05:48


ความคิดเห็นที่ 2007 (1573525)

ศอส.เผยไทยตอนบนฝนกระหน่ำ 20-23ก.ย. เตือน 8 จังหวัดรับมือเจ้าพระยาล้น

วันที่ 19/09/2554 16:55


เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายประทีป กีรติเรขา รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ในฐานะประธานการประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 26 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ยโสธร เลย ขอนแก่น มหาสารคาม ศรีสะเกษ ฉะเชิงเทรา นครนายก ตาก สระแก้ว และปราจีนบุรี รวม 171 อำเภอ 1,164 ตำบล 7,688 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 471,007 ครัวเรือน 1,568,935 คน มีผู้เสียชีวิต 112 ราย สูญหาย 2 ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 4,192,131 ไร่

สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 88 ของความจุอ่าง เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 96 ของความจุอ่าง เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำมากเกินความจุ ร้อยละ 102 ของความจุอ่าง และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณมากเกินความจุ ร้อยละ 109 ของความจุอ่าง ซึ่งต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งระบายน้ำ ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนและชุมชนริมฝั่งแม่น้ำได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น

นายประทีปกล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศ พบว่าจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างในช่วงวันที่ 20-23 กันยายน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตอนบนของประเทศระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในวันที่ 19-20 กันยายน เนื่องจากระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 22:06:33


ความคิดเห็นที่ 2008 (1573527)

เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุระหว่างงานแอร์โชว์ประจำปีที่มลรัฐเนวาดา สหรัฐฯ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 10 ศพ หลังผู้ได้รับบาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพิ่มอีก 1 รายวานนี้(19) ขณะที่สำนักข่าวชื่อดังเผยแพร่คลิปเหตุการณ์อันน่าสยดสยอง

ขณะเดียวกันทางโรงพยายาลต่างๆเปิดเผยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 รายจากทั้งหมดกว่า 60 คนอยู่ในอาการสาหัส หลังคนเหล่านั้นต้องกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายในเหตุเครื่องบินพี 51 มัสแต็ง เครื่องบินขับไล่จากยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ประสบอุบัติเหตุตกใส่ฝูงชน ระหว่างงานแอร์โชว์ยอดนิยมประจำปีที่เมืองเรโน รัฐเนวาดา

ศูนย์การแพทย์เรจินอล แห่งเซนต์ แมรี ระบุมีผู้เสียชีวิตอีก 1 คน ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าวเพิ่มเป็นทั้งหมด 10 คน หลังจากก่อนหน้านี้ 7 คนเสียชีวิตคาที่ ส่วนอีก 2 คน เสียชีวิตในโรงพยาบาลรีนาวน์ เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว

รวมแล้วทางโรงพยาบาลเซนต์ แมรี รับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 28 ราย ส่วนอีก 37 รายรักษาตัวที่โรงพยาบาลรีนาวน์ และเวลานี้ทางคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ กำลังสอบถามผู้ได้รับบาดเจ็บต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เครื่องบินพี 51 มัสแต็ง กำลังแสดงโชว์ ณ งานแสดงดังกล่าวเมื่อวันศุกร์(16) แต่ระหว่างนั้น จิมมี่ ลีวาร์ด จาก นักบินอาวุโสวัย 80 ปี เสียการควบคุมและเครื่องบินดิ่งลงสู่พื้นที่และพุ่งเข้าฝูงชนด้วยความเร็วสูง

ในวิดีโอเทปที่บันทึกไว้โดยช่างภาพมือสมัครเล่น เป็นภาพที่เครื่องบินรบที่นั่งเดียวในยุค 1940 ดิ่งลงสู่พื้นบริเวณซึ่งเป็นที่นั่งของผู้ชมด้านหน้า โดยเฉียดอัฒจันทร์ที่อัดแน่นไปด้วยฝูงชนเพียงนิดเดียว

คลิปนี้ถ่ายได้โดยผู้ชมคนหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจุดที่เครื่องบินตกไม่กี่เมตร และในวิดีโอยังได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนแทบทันทีหลังจากเครื่องบินกระแทกสู่พื้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุยืนยันว่าพวกเขากำลังตรวจสอบรายงานข่าวที่ระบุว่ามีคนเห็นชิ้นส่วนครีบหางของเครื่องบินหลุดออกมาก่อนเกิดอุบัติเหตุ ส่วนทางคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯเผยเครื่องบินลำดังกล่าวติดตั้งกล้องไว้ที่ด้านหน้าและติดตั้งอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินไว้ด้วย ซึ่งเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินก่อนประสบอุบัติที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการสืบสวน

คาดหมายว่าคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ จะเปิดเผยรายงานเบื้องต้นได้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามในส่วนของผลของการสืบสวนที่สมบูรณ์คงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 22:08:01


ความคิดเห็นที่ 2009 (1573536)

 

 

Pic_203079

 

สภาพพระพุทธรูปบริเวณวัดจำปาหล่อ หมู่ 5 ต.จำปาหล่อ อ.เมืองอ่างทอง ที่ถูกแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักท่วมสูงเกือบ 2 เมตร เกือบ มิดเหลือแค่พระเศียรโผล่เหนือน้ำ ส่วนพระพุทธรูปเก่าแก่ของวัดปางป่าเลไลย์ สูง 15 วา ก็ถูกน้ำท่วม ขณะที่พระเณรในวัดก็ต้องหนีไปอาศัยอยู่บนหอสวดมนต์ เป็นที่จำวัด เนื่องจากกุฏิถูกน้ำท่วมจนหมด.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 22:14:16


ความคิดเห็นที่ 2010 (1573579)
 
 
อยุธยา-วัดอัมพวาจมน้ำกว่า 2 เดือน พระต้องหุงข้าวฉันเอง



พบวัดเก่าแก่ริมคลองบางหลวงเดือดร้อนหนัก น้ำท่วมมิดองค์พระประธานนานกว่า 2 เดือน ความช่วยเหลือเข้าไปไม่ถึง เหลือพระสงฆ์จำวัด 7 รูป ติดเกาะต้องหุงข้าวฉันเอง

หลังจากน้ำในแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย เจ้าพระยา ป่าสัก ลพบุรี  ทรงตัวมาหลายวันจากการระบายน้ำลงทุ่งใหญ่หลายทุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ย.) ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเริ่มสูงขึ้นมาเล็กน้อย ทางจังหวัดเตือนประชาชนที่อยู่ริมน้ำ และส่วนราชการ ทำคันป้องกันน้ำท่วม อย่าประมาท ให้เตรียมรับมือไว้เป็นการดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพระสงฆ์ที่วัดอัมพวา ตำบลบางหัก อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่ากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากน้ำท่วมวัดซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางหลวง ที่ถูกน้ำท่วมมานานกว่า 2 เดือนแล้ว วัดอยู่ห่างถนนไกลจากบ้านเรือนของชาวบ้าน สภาพวัดตอนนี้จมอยู่ในน้ำทั้งกุฏิ ทางเดินจมน้ำ พระสงฆ์ในวัดเหมือนติดเกาะไปไหนไม่ได้ เจ้าอาวาสต้องตั้งโรงครัวขึ้นชั่วคราวหุงอาหารไว้ฉันกันเอง เนื่องจากชาวบ้านก็เดือดร้อนอาหารที่ใส่บาตรไม่พอฉัน มีสภาพอยู่อย่างลำบาก และพระส่วนใหญ่เป็นพระชรา ช่วยเหลือตัวเองก็ยากลำบาก

พระปลัดประกอบ กตปุญโญ เจ้าอาวาส ตัดสินใจหาเงินไปซื้อเครื่องติดเรือมาดให้พระไว้ขับเข้าออกติดต่อโลกภายนอกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

แต่อนาถที่สุดเห็นจะเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างคู่กับชาวบ้านมานานนับร้อยปี มีสภาพจมอยู่ใต้น้ำ ภายในโบถส์น้ำลึกกว่า 2 เมตร ต้องใช้เรือพายเข้าไปในโบสถ์เพียงอย่างเดียว หลวงพ่อโต พระประธานในโบสถ์จมอยู่ใต้น้ำลึก แผ่นทองที่องค์พระถูกน้ำท่วมมานานเริ่มที่เปียกชื้นหลุดออกเป็นแผ่น เกรงว่าองค์พระที่เป็นเนื้อปูนปั้นแบบโบราณจะได้รับความเสียหาย ถ้าระดับน้ำจะสูงขึ้นอีกวัดจะได้รับความเสียหายเพิ่มอีกหลายเท่า ทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นถึงกับสุดอนาถใจที่เห็นพระประธานจมน้ำ



ครอบครัวข่าว 3 วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 01:10:25


ความคิดเห็นที่ 2011 (1573580)
 
ทร.เตรียมแผนผลักดันน้ำลงทะเล



กองทัพเรือจับมือกับ 4 หน่วยงานใหญ่ ใช้เรือใหญ่ผลักดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระเจ้า แก้ปัญหาน้ำล้นตลิ่ง มั่นใจน้ำลด 10 เซนติเมตรต่อวัน

การผลักดันน้ำครั้งนี้ใช้เรือที่มีแรงม้าสูงมาวางเรียงเป็นแถว พร้อมเดินเครื่องผลักดันน้ำจุดละ 5 ลำ ใน 6 จุด ทั้งสะพานพระราม 7, แยกเกียกกาย, สะพานซังฮี้, สะพานพุทธ, คลองลัดโพธิ์ และบริเวณปากน้ำ โดยจะเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อผลักดันน้ำที่เอ่อล้นเจ้าพระยา ผ่านคลองลัดโพธิ์ผันน้ำออกสู่อ่าวไทย ซึ่งเครื่องยนต์จะสลับเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง

พลเรือโท พลวัฒน์ สิโรดม รองเสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า การผลักน้ำด้วยวิธีนี้จะช่วยล่นระยะเวลาน้ำไหลจากเดิม 18 กิโลเมตรต่อวัน จากสะพานพระราม 7 ออกสู่อ่าวไทย แต่เมื่อใช้วิธีนี้จะล่นระยะทางเดินของน้ำเหลือเพียง 600 เมตรเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้เป็นโครงการพระราชดำริที่เคยทำสำเร็จมาแล้วที่บางพลี และรัฐบาลจึงนำโครงการนี้มาสานต่อเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ อีกครั้ง เชื่อว่าจะช่วยลดปริมาณน้ำได้ไม่ต่ำกว่า 10 เซนติเมตรต่อวัน


ครอบครัวข่าว 3 วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 01:11:25


ความคิดเห็นที่ 2012 (1573581)
 
น้ำท่วมพิจิตร เกือบ 2 เมตรแล้ว


แม่น้ำน่านไหลท่วมชุนชุนเขาลูกช้าง จ.พิจิตร ระดับสูงเกือบ 2 เมตร บ้านเรือนประชาชน วัดเก่าแก่ จมใต้น้ำ

นายพรสิริชัย ทองปาน ส.จ.เขตอำเภอเมืองพิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ น้ำในแม่น้ำน่าน ยังคงไหลเชี่ยวกราก และน้ำได้ไหลเข้าท่วมในหลายตำบล และที่ท่วมหนัก คือ ต.ดงป่าคำ น้ำได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนพิจิตร - ตะพานหิน ช่วงบริเวณบ้านเขารูปช้าง จนถนนขาด รถเล็กไม่สามารถสัญจรไป - มาได้

นอกจากนี้ น้ำยังได้ท่วมชุมชนบ้านเขารูปช้าง ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร และไหลแรง พัดเอากำแพงวัดเขารูปช้างพังทลาย และน้ำได้เข้าท่วมกุฏิ ศาลา และบ่อปลาที่ติดเขตอภัยทาน ที่มีปลาตัวใหญ่ ขนาดเกือบ 20 - 30 กิโลกรัม ที่พระ และชาวบ้านเลี้ยงและให้อาหารมาหลายสิบปี

โดยปรากฏว่า น้ำที่ไหลเข้ามาทำให้เกิดปลาตาย น้ำหนักรวมกันกว่า 300 - 400 กิโลกรัม แต่ชาวบ้านไม่กล้าเอาปลาในวัดไปกิน เนื่องจากเป็นปลาที่อดีตเจ้าอาวาส คือ หลวงพ่อเตียง ที่เป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มรณภาพเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นผู้เลี้ยงเอาไว้


INN ข่าวภูมิภาค วันอังคารที่ 20 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 18:24 น.
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 01:12:37


ความคิดเห็นที่ 2013 (1573582)
เจ้าคณะจังหวัดอยุธยาแจกเงินวัดถูกน้ำท่วม 180 วัด





        พระนครศรีอยุธยา - เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมมอบปัจจัยให้แก่วัดที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในกรุงเก่า รวม 180 วัดๆ ละ 5,000 บาท ขณะที่ นอภ.บางปะอิน-นายก อบจ.อยุธยา ก็ร่วมแจกเงินเยียวยาเหยื่อน้ำท่วมเช่นกัน
       
       วันนี้ (20 ก.ย.) ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พระเทพรัตนากร (เจ้าคุณแวว) เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร พระเทพสุวรรณโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมเป็นประธานพิธีมอบปัจจัยและเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่วัดที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมปี 2554 ภายในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 11 อำเภอ รวม 180 วัดมอบปัจจัยให้วัดละ 5,000 บาท ข้าวสาร 3 ถุง น้ำดื่ม และอาหารแห้ง โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมปัจจัยบางส่วนมาช่วยเหลือและมีความประสงค์ช่วยเหลือวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมทุกจังหวัดด้วย
       
      วันเดียวกัน นายนัทธี บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และนายศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมาตรวจสอบความเรียบร้อยการจ่ายเงินช่วยเหลือน้ำท่วมแก่ชาวบ้านที่ อบต.สามเรือน อ.บางปะอิน
       
      นายศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ทางจังหวัดได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยา แก่ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมก้อนแรกจำนวน 22,000 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 5,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 110 ล้านบาทเป็นก้อนแรก ประเดิมจ่ายวันนี้พร้อมกันทุกอำเภอ
       
       ด้าน นายนัทธี บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน กล่าวว่า เงินที่รัฐบาลมอบมาให้เป็นการช่วยเหลือเยียวยาแก่ครัวเรือนที่ถูกน้ำท่วมขาดโอกาสในการประกอบอาชีพระหว่างถูกน้ำท่วม จึงขอให้ประชาชนใช้เงินอย่างระมัดระวัง ให้ใช้ในสิ่งที่จำเป็น เพราะยังไม่ทราบสถานการณ์ของน้ำว่าจะมามากขนาดไหนและน้ำอาจจะทรงตัวท่วมยาวไปถึงเดือนตุลาคมหรือไม่

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 01:13:42


ความคิดเห็นที่ 2014 (1573583)
นครสวรรค์-น้ำเจ้าพระยายังท่วมขยายวงกว้าง อ.พยุหะคีรีอ่วม




น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดไหลเข้าพื้นที่อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยเฉพาะตำบลยางขาว และน้ำทรง ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว


ระดับน้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนขยายเป็นวงกว้าง ล่าสุดไหลเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพยุหะคีรี  เสียหายไปแล้ว 6 ตำบล ได้แก่ ยางขาว ย่านมัทรี พยุหะคีรี และ.น้ำทรง เทศบาลตำบลพยุหะคีรี และเทศบาลตำบลท่าน้ำอ้อย ระดับน้ำสูงตั้งแต่ 1-3 เมตร โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลยางขาวและพื้นที่ตำบลน้ำทรง อำเภอพยุหะคีรี  ชาวบ้านกว่า 1,800 ครัวเรือน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรไป-มาเท่านั้น ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้เป็นอย่างมาก อีกทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงขยายท่วมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดอุทัยธานี

ขณะที่แม่น้ำเจ้าพระยาวันนี้ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,986 ลบ.ม./วินาที (เพิ่มขึ้น 3 เซนติเมตร) แม่น้ำปิงมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,535 ลบ.ม./วินาที (ลดลง 27 เซนติเมตร) แม่น้ำน่านมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,530 ลบ.ม./วินาที (เพิ่มขึ้น 6 เซนติเมตร)

นายชลิต พงษ์สิทธิศักดิ์ หัวหน้ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า ระดับน้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จะทรงตัวอยู่ประมาณ 1-2 วัน ดังนั้นขอให้ระมัดระวังเรื่องการป้องกันแนวกระสอบทรายตามแนวป้องกัน ต่างๆเนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ ได้ประกาศพื้นที่อุทกภัยแล้วทั้งจังหวัด รวม 15 อำเภอ มีน้ำท่วมขังในขณะนี้ 10 อำเภอ รวม 67 ตำบล 496 หมู่บ้าน 49,506 ครัวเรือน 156,727 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 645,328 ไร่ เสียชีวิตแล้ว 10 คน

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 01:14:24


ความคิดเห็นที่ 2015 (1573584)
ลพบุรี-น้ำท่วมวิกฤตหนัก




น้ำท่วมลพบุรีวิกฤตหนักหลังน้ำจากประตูระบายน้ำบางโฉมศรีที่แตกทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักถึงพื้นที่แล้ว
ทำ 4 ตำบลจมบาดาลในเวลาไม่นาน น้ำสูงกว่า 2 เมตรแล้ว ผู้ว่าฯ เร่งช่วยเหลือ
จากการสำรวจพบปริมาณน้ำที่ไหลมามีมากพอๆ กับเขื่อนป่าสัก 1 เขื่อน


นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บานประตูน้ำบางโฉมศรี ใน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นประตูระบายน้ำสำคัญ กั้นระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยา กับแม่น้ำบางขาม ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.สิงห์บุรี กับ จ.ลพบุรี ได้พังทลายลงมาเมื่อ 4 วัน ก่อน ส่งผลให้ขณะนี้ มวลน้ำมหาศาลได้ไหลเข้าสู่พื้นที่การเกษตร ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี

โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.มหาสอน ต.บางขาม บางพึ่ง บ้านชี อ.บ้านหมี่ และ ต.เขาสอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี นาข้าวซึ่งกำลังรอการเก็บเกี่ยวกว่า 20,000 ไร่ ต้องจมหายไปกับสายน้ำภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ถนนซึ่งใช้เชื่อมต่อระหว่างตำบลถูกกระแสน้ำที่ไหลแรงและเชี่ยวกรากพัดจนขาด รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ชาวบ้านต่างเร่งขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นและสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในที่สูงกันอย่างอลหม่าน หนักสุด คือ ที่ ต.มหาสอน มีบ้านเรือนประชาชน ใน 8 หมู่บ้าน กว่า 3,000 ครัวเรือน ได้รับความเสียหายแล้ว บางครอบครัวต้องอพยพหนีน้ำมานอนบนถนน


โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี บอกว่า หากสถานการณ์น้ำยังไม่หยุดไหลแบบนี้คาดว่าใน 3 วันนี้ 4 ตำบลของอำเภอบ้านหมี่จมน้ำทั้งหมดอย่างแน่นอนเนื่องจากคำนวณแล้วมวลน้ำทั้งหมดที่ไหลเข้ามาน่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือเท่ากับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 1 เขื่อนเลยที่เดียว และในจุดนี้จะได้รับผลกระทบที่ยาวนานกว่าจุดอื่นๆ โดยจะถูกน้ำท่วมนาน 2-3 เดือนกว่าน้ำจะลดเข้าสู่ภาวะปกติ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 01:15:19


ความคิดเห็นที่ 2016 (1573646)

“ในหลวง”ทรงห่วง

การบริหารน้ำ

แม้พ่อเหนื่อยแต่พ่อไม่เคยทิ้งลูก





ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาท เน้นดูตัวอย่างโครงการพัฒนาแหล่งน้ำช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ ในโอกาสที่ “ธีระ”นำคณะข้าราชการกรมชลประทาน เข้าเฝ้าฯถวายรายงาน 5 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำฯ

วันนี้ (19 ก.ย.) เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะข้าราชการกรมชลประทาน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงาน ผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก , โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช , โครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำ จ.สกลนคร-จ.นครพนม , โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก และโครงการพัฒนาลุ่มน้ำลำพะยังตอนบน จ.กาฬสินธุ์

ซึ่งกรมชลประทานได้เร่งรัดดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ทำให้ปัจจุบันโครงการต่าง ๆ สามารถนำประโยชน์ให้แก่ราษฎรได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเปิดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 5 แห่ง

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติงาน ความตอนหนึ่งว่า โครงการจัดการน้ำในโครงการดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อการชลประทานในภาคกลางหลายจังหวัด และเป็นโครงการที่ไม่เหมือนโครงการอื่น ซึ่งเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในภาคกลาง ซึ่งโครงการนี้สร้างยากมาก เพราะมีสถานที่การก่อสร้างจำกัด และนอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อกรุงเทพมหานคร ที่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้.

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะผู้บริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เฝ้าฯ กราบบังคมทูลรายงานผลการดำเนินงานของสถาบันฯ และรับพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถาบันฯ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาช่วยเหลือราษฎรต่อไป

เวลา 17.58 น.วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออก ณ ห้องประชุม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการเกษตร นำคณะผู้บริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการเกษตร องค์การมหาชน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโยลี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลรายงานผลการดำเนินงานของสถาบัน และรับพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถาบัน

ในปีนี้ ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยอย่างหนักในหลายพื้นที่ เนื่องจากฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา และตกต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนใกล้เต็มความจุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยราษฎรที่กำลังประสบภัยดังกล่าว จึงพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้บริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการเกษตรและผู้เกี่ยวข้อง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานพระราชดำริ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาช่วยเหลือราษฎรต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริด้านงานวิจัย ระบบโทรมาตร และแบบจำลองลมให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และการเกษตร องค์การมหาชน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้พัฒนาเทคโนโลยีโทรมาตรตรวจวัดระดับน้ำในแม่น้ำด้วยคลื่นเรดาร์ พร้อมกันนี้ สถาบันได้ร่วมมือกับกรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการจัดทำแบบจำลองลม และแบบจำลองสภาพอากาศ ที่สามารถคาดการณ์ลม และสภาพอากาศล่วงหน้าได้ 7 วัน เพื่อส่งข้อมูลให้แก่หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในการป้องกัน และบรรเทาปัญหาอุทกภัย ติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับ

ประโยชน์ของเศรษฐกิจพอเพียง “... แบบจริงจัง แต่ว่า ที่ย้ำว่ามีประโยชน์ เพราะว่า โดยมาก เศรษฐกิจพอเพียงนี้ ก็มาเป็นแบบเล่นๆ แบบเล่นๆ เกินไป เป็นการ คำว่า เศรษฐกิจ และก็พอเพียง ก็บางทีไม่ค่อยเข้าใจ ว่า พอเพียงอะไร แต่ตามความคิดของตัว พอเพียงก็แปลว่า ทำอะไร ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ฟุ้งซ่าน และทำให้ได้ผล พอดีผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจะต้องพยายามที่จะอธิบายว่า เป็นเศรษฐกิจ และความพอเพียง ก็คือ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ทำอะไรให้มันเกินไป พอทำอะไรให้ เมื่อทำแล้วได้ผล ในการทำ และถ้าได้ผลก็หมายความว่า ประหยัด

สำหรับชาวบ้าน คนที่ที่ทำเศรษฐกิจนี้เอง สำหรับผู้ที่เป็นนักทฤษฎีหรือผู้ที่เป็นผู้เจรจาก็ต้องหาเหตุผลของเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าหาเหตุผลได้ก็เชื่อว่าเหตุผลนี้ก็จะได้ประโยชน์ เมื่อได้ประโยชน์ชาวบ้านในประเทศก็จะได้ประโยชน์ เมื่อได้ประโยชน์แล้วเขาจะมีความร่ำรวยขึ้นโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย ถ้าทำได้แล้วจะเป็นการช่วยประเทศชาติให้อยู่ได้ ถ้าไม่เอาใจใส่ในความคิดเหล่านี้ ก็งานทั้งหลายที่เราทำก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย”



 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 12:30:17


ความคิดเห็นที่ 2017 (1573648)

รับสั่งเขื่อนขุนด่านมีความมหัศจรรย์เทคนิคสูงทรงชม"นายช่างชลประทาน"

ทรง ชื่นชมการทำงานของช่างชลประทาน สร้างเขื่อนใหญ่สำเร็จ ในหลวง รับสั่งถึงที่มาการสร้างเขื่อนขุนด่านปราการชลจ.นครนายก มีความมหัศจรรย์ เป็นเขื่อนที่สูง สร้างด้วยวิธีที่ก้าวหน้า เทคนิคสมัยใหม่ มีประชาชนสนับสนุน พร้อมรับสั่งที่มาของชื่อเขื่อนมาจาก “ขุนด่าน” บุคคลที่อยู่ดั้งเดิม

เมื่อเวลา 17.47 น. วันที่ 19 ก.ย.2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะข้าราชการกรมชลประทาน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงาน ผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 5 โครงการ ซึ่งกรมชลประทานได้เร่งรัดดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ทำให้ปัจจุบันโครงการต่าง ๆ สามารถนำประโยชน์ให้แก่ราษฎรได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเปิดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 5 แห่งดังนี้

โครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ก่อสร้างตัวเขื่อนเมื่อปี 2542 แล้วเสร็จในปี 2548 โดยมีความจุ 224 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำให้พื้นที่ชลประทานรวม 185,000 ไร่ ในฤดูฝนส่งน้ำให้ทำการเกษตรได้ในพื้นที่ ส่วนฤดูแล้งส่งน้ำทำการเกษตรได้ 60,000-70,000 ไร่,

โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนั จ.นครศรีธรรมราช,จ.พัทลุง และ จ.สงขลา ก่อสร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ตั้งแต่ปี 2539 แล้วเสร็จในปี 2542 เพื่อใช้บริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำปากพนังให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ,

โครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำ จ.สกลนคร-จ.นครพนม เริ่มก่อสร้างประตูระบายน้ำปิดกั้นลำน้ำก่ำและลำน้ำสาขา ตั้งแต่ปี 2538 แล้วเสร็จจำนวน 7 แห่ง ในปี 2552 ทำให้สามารถเก็บกักน้ำในลำน้ำก่ำ เหนือประตูระบายน้ำแต่ละแห่งได้

โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ความจุ 769 ล้านลูกบาศก์เมตร เริ่มก่อสร้างตัวเขื่อนในปี 2548 แล้วเสร็จในปี 2552 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างระบบส่งน้ำ โดยในปี 2553 ก่อสร้างแล้วเสร็จบางส่วน

และโครงการพัฒนาลุ่มน้ำลำพะยังตอนบน จ.กาฬสินธุ์ ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน (อ่างเก็บน้ำวังคำ) แล้วเสร็จในปี 2542 ความจุ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรในพื้นที่ชลประทานได้ 4,600 ไร่ ต่อมาเมื่อปี 2546 ถึงปี 2550 ได้ดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยไผ่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแนวพระราชดำริเพิ่มเติมว่า โครงการขุนด่านปราการชล เป็นโครงการที่น่าสนใจ เพราะถือว่าเป็นเขื่อนที่มีความก้าวหน้า สร้างขึ้นมามีเทคนิคสมัยใหม่ ใหม่ที่สุดเท่าที่มีในเมืองไทย นับว่าเป็นโครงการใหญ่ที่เป็นประโยชน์กับการชลประทานในภาคกลาง ซึ่งไม่เคยมีใหญ่โตขนาดนี้ใกล้กรุงเทพฯ อันนี้ก็ถือว่าเป็นโครงการที่เสร็จเร็ว ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทันทีเลย ซึ่งตามปกติโครงการในภาคกลางนี้สร้างยาก เพราะว่าหาที่ยากและสถานที่ที่สร้างเป็นที่จำกัด แต่นี่นับว่าเป็นโครงการที่น่าดู เป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมาก มากหลายจังหวัด รวมทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องการโครงการชลประทานอย่างยิ่ง
ครั้งแรกที่ไปเขตนั้นได้คุยกับชาวบ้าน ชาวบ้านเขาก็ยินดีมาก เขาสนับสนุนโครงการนี้อย่างยิ่ง ตามปกติโครงการแบบนี้จะมีการคัดค้านมาก เพราะว่าจะต้องมีปัญหาเรื่องที่ดิน มีปัญหาเรื่องที่ของชาวบ้าน แต่นี่ไม่มีปัญหาเขาเห็นด้วย และคนในท้องที่นั่นเอง ก็เห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำโครงการ และโครงการมีประโยชน์จริง ๆ การที่ท่านทั้งหลายได้เห็นผลงานของเขื่อนขุนด่านปราการชลนี้ มหัศจรรย์เป็นเขื่อนที่สูง เป็นเขื่อนที่สร้างด้วยวิธีที่ก้าวหน้า ผู้ที่อยู่ในท้องที่ ในท้องที่ของการสร้างเขื่อนก็ทราบดี และเขาเข้าใจเห็นความสำคัญของเขื่อนนี้ จึงอยากจะทราบ ท่านทั้งหลายนี้เขาได้อธิบายว่าคนที่เข้าไปดูในท้องที่ว่าได้ ท่านมีความสามารถอย่างไร และก็ท่านมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างไร อธิบายก็ต้องใช้เวลานาน เพราะว่าเป็นแบบใหม่จริง ๆ แต่ผลประโยชน์ของโครงการนี้ ชาวบ้านในท้องที่ก็อธิบายได้ ตั้งแต่วันแรกที่ไปท้องที่ของโครงการนี้ ชาวบ้านสนับสนุนเต็มที่

ที่ชื่อว่าขุนด่าน เพราะว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ที่บุคคลที่อยู่ที่นั่นตั้งแต่แรกชื่อ ขุนด่าน ได้สนับสนุนโครงการเหล่านี้ และรู้สึกว่าท่านขุนด่านก็ดีใจที่ทำได้สำเร็จเรียบร้อย ท่านขุนด่านอยู่ที่นั่นตั้งแต่แรกนานแล้ว เป็นคนที่ได้ช่วยประชาชน เรียกว่าขุนด่าน หมายความท่านได้อยู่ที่ที่เป็นด่านของประเทศ ได้ดูแลประชาชนในที่นั้นมาตั้งแต่ต้น และเป็นที่รู้จักดีของประชาชน ประชาชนก็สนับสนุนท่าน เรียกว่าเทิดทูนท่าน และยกย่องท่านมาก ก็เป็นที่ที่น้ำผ่านมามาก และโครงการได้สร้างขึ้นมาโดยไม่มีความเดือดร้อนกับชาวบ้าน บางคนไม่รู้ก็โกรธเกิดเอะอะนิดหน่อย เพราะว่าเป็นที่ที่ก็น่าจะมีปัญหา แต่แท้จริงก็ไม่มีปัญหา ไม่ได้มีสิ่งใดที่จะเป็นจะขัดขวางโครงการ ตอนแรก ๆ ก็ได้ไป

ข้าพเจ้าเองก็ไปตรวจในเขตของโครงการ ซึ่งเป็นที่ที่คนเขาถามว่ามีทรัพยากรอะไร ก็มีทรัพยากรนั่นนี่ โดยมากก็เป็นต้นกล้วยป่าปีนขึ้นไปก็เห็นป่ากล้วยที่อยู่ในเขตเข้าไปจนสุดเขต ของเขื่อน แล้วก็น่าสนใจมาก เพราะว่าคนที่รู้จักกัน ศึกษาพื้นที่ที่จะทำเขื่อนว่าเข้าไปได้สุดโครงการเลย แต่ว่าน่ากลัวเหมือนกันเพราะไปเฮลิคอปเตอร์ ไปจนสุดเฮลิคอปเตอร์ไม่ยอมขึ้น เพราะว่าที่มันมีลมตก แล้วก็ไปถึงสุดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะออกมายังไง ว่าไปก็น่ากลัวเหมือนกัน ผู้ที่เคยไป ก็เห็นด้วยกันก็ว่าน่ากลัวไปถึงสุดก็ไม่รู้จะลง ไม่รู้จะขึ้นอย่างไร เพราะว่ามีแต่ลมดูดลงไปในที่ ก็จะขึ้นมาไม่ได้ ขึ้นก็ไม่ได้ลงก็ไม่ได้ แต่นักบินเฮลิคอปเตอร์ดีมีความสามารถพ้นจากเหตุนั้น สามารถกลับมาได้ ไม่งั้นไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นที่ที่ออกมายาก เพราะเป็นที่ที่ขึ้นก็ไม่ได้ลงก็ไม่ได้ ถือว่าเป็นโครงการตัวอย่างเหมือนกัน ได้สร้างชลประทาน ได้เข้าไปพัฒนาให้มีโครงการชลประทานที่ใหญ่และน่าสนใจ แต่ที่นี่คนที่ไปก็สามารถก็จะไปดูว่าความดีของช่างชลประทานได้ประสบผลสำเร็จ อย่างไร เพื่อที่จะบริเวณของจังหวัดนครนายกได้มีความก้าวหน้าอย่างมาก ภายในเวลาอันเร็วมาก ได้สร้าง 3 เขื่อนที่สูงและสมัยใหม่.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 12:36:29

ความคิดเห็นที่ 2018 (1573650)

 

 

 

 

สถานการณ์ภัยพิบัติ
ในประเทศไทย
ประจำวันที่ 21 กันยายน 2554 เวลา 07.00 น.

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 8 (233/2554) เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย
ประกาศ วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 05.30 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 21-23 กันยายน นี้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้
สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้

ที่มา : สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา



ประกาศเฝ้าระวังเตือนภัยดินถล่ม
ประกาศกรมทรัพยากรธรณี ฉบับที่ 23/2554 วันที่ 20 กันยายน 2554 เวลา 20.00 น. ให้เฝ้าระวังภัย ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เลย พิษณุโลก ขอนแก่น จันทบุรี และตราด เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยอำเภอหล่มเก่า หล่มสัก เมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอชาติตระการ วังทอง เนินมะปราง นครไทย จังหวัดพิษณุโลก อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น อำเภอขลุง มะขาม เขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี และอำเภอเขาสมิง บ่อไร่ จังหวัดตราด ในระยะ 1-2 วันนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำล้นตลิ่งในบางพื้นที่แล้ว

ที่มา : ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี




พยากรณ์อากาศ ๗ วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ 20 กันยายน 2554 - 26 กันยายน 2554)
การคาดหมาย ในช่วงวันที่ 20-23 ก.ย. ร่องมรสุมพาดภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น และในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย. ร่องมรสุมจะยังคงพาดผ่านบริเวณประเทศไทยตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคมีฝนตกของประเทศมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ในระยะนี้
ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้บริเวณ ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน ขอให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน ควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา

ปริมาณน้ำฝน
วันที่ 21 ก.ย. 2554 ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. ตั้งแต่เวลา 07.00 น. วันที่ 20 ก.ย. 2554 ถึง เวลา 07.00 น. วันที่ 21 ก.ย. 2554

อำเภอ
จังหวัด
ปริมาณน้ำฝน (มม.)
สตอ.คลองใหญ่
จ.ตราด
104
อบต.ลำเลียง
จ.ระนอง
94.5
อบต.นาคา
จ.ระนอง
116
อบต.แม่นางขาว
จ.พังงา
138.5
อบต.เกาะกลาง
จ.กระบี่
100.5
อบต.บ้านนา
จ.ตรัง
129
ทต.สิเกา
จ.ตรัง
108
อบต.นาข่า
จ.อุดรธานี
95
อบต.ทรายมูล
จ.สกลนคร
92.5
อบต.ไผ่ล้อม
จ.นครพนม
104
อบต.เนินมะกอก
จ.นครสวรรค์
95
ทต.เปลือย
จ.อำนาจเจริญ
105
อบต.คำไฮ
จ.ร้อยเอ็ด
117
อบต.ม่วงสามสิบ
จ.อุบลราชธานี
130
อบต.โคกจาน
จ.อุบลราชธานี
109
อบต.สำโรง
จ.อุบลราชธานี
146.5

 

 

ปริมาณน้ำท่า
วันที่ 21 ก.ย. 2554 ณ จุดตรวจ เวลา 03.00 น.


ลุ่มน้ำ/แม่น้ำ
สถานี
ปริมาณน้ำไหลผ่าน
(ลบ.ม./วิ)
เทียบกับวานนี้
เทียบตลิ่ง (ม.)
ลุ่มน้ำปิง
P.12C อ.สามเงา จ.ตาก
354
ลดลง
ต่ำกว่าตลิ่ง 3.16
P2A อ.เมือง จ.ตาก
906
ลดลง
ต่ำกว่าตลิ่ง 1.21
P.7A อ.เมือง จ.กำแพงเพชร
1,323
ลดลง
ต่ำกว่าตลิ่ง 2.89
ลุ่มน้ำวัง
W4A อ.เมือง จ.ตาก
342
ลดลง
ต่ำกว่าตลิ่ง 1.59
ลุ่มน้ำยม
Y.16 อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก
1,210
เพิ่มขึ้น
ล้นตลิ่ง 3.93
Y.17 อ.สามง่าม จ.พิจิตร
1,100
เพิ่มขึ้น
ล้นตลิ่ง 0.70
Y.5 อ.โพทะเล จ.พิจิตร
1,218
ทรงตัว
ล้นตลิ่ง 0.69
ลุ่มน้ำน่าน
N2B อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
1069
เพิ่มขึ้น
ต่ำกว่าตลิ่ง 220.8
N27A อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
1,087
ลดลง
ต่ำกว่าตลิ่ง 0.95
N8A อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
1,185
ลดลง
ล้นตลิ่ง 0.46
N.22 อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก
696
ลดลง
ต่ำกว่าตลิ่ง 0.44
N.24A อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
147
ลดลง
ต่ำกว่าตลิ่ง 5.25
N.36 อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
200
เพิ่มขึ้น
ต่ำกว่าตลิ่ง 0.65
N.5A อ.เมือง จ.พิษณุโลก
1,654
ลดลง
ไม่ล้นตลิ่ง(เสริมคันกั้นน้ำ) สู.กว่าตลิ่ง 0.22
 
แม่น้ำสะแกกรัง

CT.2A อ.เมือง จ.อุทัยธานี
621
เพิ่มขึ้น
ล้นตลิ่ง 0.02
CT.19 อ.เมือง จ.อุทัยธานี
190
ลดลง
ต่ำกว่าตลิ่ง 2.03
ความคิดเห็นที่ 2019 (1573655)

 

อาริยาขอโทษนะคะที่ตัวหนังเเละใช้พื้นที่ใหญ่เกินขนาดมาก เเละพี่ก็หา เเก้ไข ข้อมูลไม่เจอค่ะ  ก็คิดว่ารีบนำข้อมูลที่มีประโยชน์เเละน่าจะช่วยในการวางเเผน การขนย้ายสิ่งของเเละ ความปลอดภัยของตนเองเเละครอบครัวได้ทันค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 12:54:58


ความคิดเห็นที่ 2020 (1573657)

สถานการณ์น้ำท่วมภาคกลางยังวิกฤติที่สุด

สถานการณ์น้ำท่วมภาคกลางยังวิกฤติที่สุด

ตำบลศาลาครุและตำบลหนองสามวัง อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำที่ระบายมาจากแม่น้ำป่าสัก เขื่อนพระราม 6 น้ำป่าเขาใหญ่ และ อ่างเก็บน้ำ 3 แห่งในอำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี

ขณะที่เทศบาลเมืองลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ชาวบ้านต้องประสบปัญหากับปลิงควายทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่จำนวนมากที่ไหลมากับน้ำเข้าท่วมนาข้าว ล่าสุดเทศบาลตำบลลำลูกกาได้เร่งนำรองเท้าบู๊ทไปแจกเพื่อปะทังความเดือดร้อน เช่นเดียวกับนาข้าวเกือบ 100,000 ไร่ ตำบลโพธิ์ชัย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ต้องจมอยู่ใต้น้ำหลังเขื่อนกั้นน้ำบางโฉมศรีพัง บ้านกว่า 800 ครัวเรือนใน 8 หมู่บ้านถูกน้ำท่วมทั้งหมด ทำให้ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

ส่วนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรเร่งสูบน้ำออกจากโบราณสถานที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นได้ทะลักเข้าท่วมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสถานการณ์น้ำท่วมในหลายอำเภอที่อยู่ติดริมแม่น้ำยังวิกฤติ

ขณะที่ตำบลบ้านอิฐอำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง น้ำท่วมยังส่งผลกระทบต่อชาวบ้านโดยบางหลังต้องอาศัยอยู่บนแคร่ยกสูงจนเกือบติดขื่อบ้าน ทำให้การใช้ชีวิตทั้งการหุงหาอาหารและการขับถ่ายเป็นไปด้วยความลำบาก ส่วนฝนตกหนักในจังหวัดเชียงรายทำให้แม่น้ำจันมีระดับน้ำสูงเกินจุดวิกฤตกว่า 50 เซนติเมตร ก่อนจะล้นตลิ่งไหลทะลักเข้าท่วมบ้าน ตำบลป่าตึง และ เขตเทศบาลตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน สูงเกือบ 1 เมตร

ส่วนที่อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก น้ำแม่น้ำน่านมีระดับเพิ่มขึ้น ทำให้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้าน หมู่ 7 ตำบลวัดจันทร์ บางจุดสูงกว่า 70 เซ็นติเมตร ล่าสุดยังไหลผ่านท่อระบายน้ำเข้าท่วมชุมชนในเขตเทศบาลนครพิษณุโลกอีก 5 แห่งเช่นเดียวกับเทศบาลนครนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังพนังกั้นน้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มระดับสูงขึ้น ทำให้แนวพนังกั้นน้ำทรุดตัวหลายจุด เจ้าหน้าที่ต้องระดมกระสอบทรายเข้าไปอุดรอยรั่วกันอย่างโกลาหล

ส่วนที่จังหวัดอุบลราชธานี ทหารเร่งนำเรือท้องแบน ไปช่วยขนย้ายทรัพย์สินของชาวชุมชนหาดสวนยา เทศบาลเมืองวารินชำราบ ไปไว้ในบนที่สูง หลังถูกน้ำแม่น้ำมูลล้นตลิ่งเข้าท่วมถึงชั้น 2 ของบ้านอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับที่จังหวัดชัยภูมิ และ จังหวัดยโสธร เจ้าหน้าที่เร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะอำเภอบ้านเขว้า อำเภอจัตุรัส และ อำเภอเมืองชัยภูมิ พร้อมอพยพให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 13:13:47


ความคิดเห็นที่ 2021 (1573658)

 

ขออนุญาติลงข้อมูลที่มีประโยชน์กับผู้ขับขี่รถตอนกลางคืนค่ะ

สิบล้อทำตะปูหล่น รถตามหลังยางแตกระนาว

สิบล้อทำตะปูหล่น รถตามหลังยางแตกระนาว

 

21 ก.ย. - รถบรรทุกตะปูทำตะปูหล่นเกลื่อนพื้นถนนสายเอเชีย 41 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 594-595 จ.ชุมพร

ตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องตัดสินใจปิดช่องทางการจราจร 1 ช่อง เพื่อเปิดเดินรถช่องเดียว หลังมีรถบรรทุกทำตะปูเหล็กแบบเกลียวความยาว 2-3 นิ้ว หล่นเกลื่อนพื้น และมีกล่องบรรจุตะปูหล่นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณในระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร บนถนนสายเอเชีย 41 หลักกิโลเมตรที่ 594-595 ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร ส่งผลให้รถที่วิ่งตามหลังมายางแตกกว่า 20 คัน ทำให้เกิดความโกลาหล เนื่องจากรถไม่สามารถแล่นต่อไปได้ อีกทั้งร้านปะยาง หรืออู่ซ่อมรถ ปิดให้บริการ เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงถอดล้อและขนยางเข้าไปปะในตัวเมือง

นอกจากนี้ ยังทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ส่วนช่วงถนน อ.ละแม ถึงหลังสวน ยังมีรถยนต์อีกกว่า 50 คัน ที่ถูกตะปูตำยาง และไม่สามารถหาร้านปะได้ ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวคนขับรถบรรทุกตะปูมาสอบสวนเพื่อเตรียมดำเนินคดี - สำนักข่าวไทย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 13:17:01


ความคิดเห็นที่ 2022 (1573659)

ขอบคุณมากๆ คะ สำหรับข้อมูลข่าวสาร

ผู้แสดงความคิดเห็น พีรายุ หงษ์กำเนิด (peerayu_t-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 13:17:32


ความคิดเห็นที่ 2023 (1573660)

 

น้ำท่วมพิษณุโลกนาน ดินตลิ่งแม่น้ำน่านทรุด

นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก รายงานว่า จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 9 อำเภอ 84 ตำบล 670 หมู่บ้าน เดือดร้อน 22,190 ครอบครัว 78,242 คน ถนนเสียหาย 32 สาย บ่อปลา 338 บ่อ พื้นที่การเกษตร 413,735 ไร่ ซึ่งมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ เพราะสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากลุ่มน้ำหลายสายไหลล้นตลิ่งอยู่ตลอด โดยเฉพาะแม่น้ำน่านระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 40 เซนติเมตร ซึ่งจังหวัดและเทศบาลนครพิษณุโลกร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 และชลประทานจังหวัด บูรณาการบริหารจัดการน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ เขตเทศบาลนครพิษณุโลก

ล่าสุดพบว่าดินริมฝั่งแม่น้ำน่านบริเวณสวนชมน่านเฉลิมพระเกียรติ ที่เอ่อท่วมพื้นที่มานานเกือบ 1 เดือน เริ่มทรุดตัว ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ทยอยหักโค่น บางจุดล้มทับร้านค้าเสียหาย โดยขณะนี้แม่น้ำน่านระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ TN 5 A เชิงสะพานเอาทศรถ อำเภอเมืองพิษณุโลก อยู่ที่ 10.93 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,729 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที - สำนักข่าวไทย

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 13:18:08


ความคิดเห็นที่ 2024 (1573661)

 

 

เตือน! ภาคกลางน้ำท่วมสูงขึ้นอีก 1-2 วันนี้

ภาพถ่ายดาวเทียมของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศที่แสดงพื้นที่สีฟ้า ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมแล้วในขณะนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงภาคกลาง น้ำได้ท่วมพื้นที่เกือบทั้งหมดแล้ว ส่วนพื้นที่สีแดงที่หมายถึงพื้นที่คาดการณ์น้ำท่วม แสดงให้เห็นว่า พื้นที่ภาคกลางเกือบทั้งหมดที่ถูกน้ำท่วมแล้วในขณะนี้จะยังคงมีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมอีกในช่วง 1-2 วันนี้ หรือ ภายในวันที่ 22 ก.ย.นี้น้ำน่าจะเข้าท่วมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดลพบุรี สุพรรณบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ

ส่วนน้ำในเขื่อนต่าง ๆทั่วประเทศแม้จะมีการผันน้ำต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่ยังพบว่า ปริมาณน้ำยังคงอยู่ในระดับสูง คือ มากกว่า ร้อยละ 80 ของความจุอ่างแต่แม้สถานการณ์น้ำในเขื่อนจะไม่น่าไว้วางใจ กรมชลประทานยังจำเป็นต้องชะลอการระบายน้ำในเขื่อนหลายแห่งลดน้อยลง เนื่องจากขณะนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดที่อยู่ท้ายเขื่อน

โดยน้ำในเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตากยังคงอยู่ในภาวะน้ำมากวิกฤตที่ร้อยละ 88 เพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย แต่การระบายน้ำขณะนี้ยังทรงตัวอยู่เพราะเขื่อนยังสามารถรับน้ำได้อีก ส่วนเขื่อนสิริกิตต์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์มีน้ำมากทรงตัวที่ร้อยละ 96 แต่กรมชลประทานได้ขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตลดการระบายน้ำของเขื่อนสิริกิตต์ลงเพื่อลดผลกระทบในลุ่มน้ำน่าน ซึ่งมีพื้นที่น้ำท่วมเป็นวงกว้างที่ท้ายเขื่อนในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทำให้เขื่อนสิริกิตต์จึงได้ลดการระบายน้ำลงตั้งแต่เมื่อวานนี้ และคาดว่า จะชะลอการผันน้ำต่อเนื่องในวันนี้อีก 1 วัน ซึ่งยังต้องเฝ้าสังเกตปริมาณน้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากมีฝนตกลงมาอย่างหนักอาจไม่สามารถลดการระบายน้ำได้อีก

ส่วนที่เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนที่จังหวัดพิษณุโลก ขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนเริ่มลดลงเล็กน้อย โดยมีน้ำอยู่ที่ร้อยละ 99 เนื่องจากกรมชลประทาน ได้เร่งระบายน้ำเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 33 ตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นได้ประสานงานกับเทศบาลเมืองพิษณุโลกตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจของตัวเมือง

ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่จังหวัดลพบุรี ขณะนี้มีน้ำล้นเขื่อนอยู่ที่ร้อยละ 112 แล้ว เขื่อนจึงจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และจะส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมหนักขึ้นบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนในจังหวัดลพบุรี และ สระบุรีในระยะต่อไป

สำหรับสถานการณ์น้ำในขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมขยายออกไปในภาคเหนือ กลาง ตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือรวม 26 จังหวัดแล้ว โดยมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,500,000 คน

ส่วนแผนการระบายน้ำของกรมชลประทานเพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชั้นใน และ จังหวัดโดยรอบกรุงเทพมหานคร จะมีการผันน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาออกไปฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตกของแม่เจ้าพระยา เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ที่ประตูระบายน้ำบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ซึ่งกรุงเทพมหานครมีแผนป้องกันน้ำท่วมทั้ง 3 ด้าน โดยน้ำเหนือที่จะผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จะระบายออกทะเลโดยตรง รวมทั้งมีประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ไหลลงสู่อ่าวไทย ได้อย่างรวดเร็วเพราะช่วยลดระยะทางการไหลของน้ำจาก 18 กิโลเมตร เหลือเพียง 600 เมตร และลดเวลาการระบายน้ำจากเดิม 5 ชั่วโมง เหลือเพียง 10 นาที

ส่วนน้ำเหนือที่ผันออกทางฝั่งตะวันออกของ กทม.โดยมีคลองระพีพัฒน์เป็นปราการด่านแรก จากนั้นน้ำจะถูกผันเข้าสู่ประตูระบายน้ำพระนารายณ์ ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่านประตูระบายน้ำปลายคลอง 13 ผ่านเขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ก่อนไหลออกสู่ทะเลที่จังหวัดสมุทรปราการ

ขณะที่ทางฝั่งตะวันตก น้ำจะถูกผันลงสู่แม่น้ำท่าจีน โดยมีคลองมหาสวัสดิ์ จังหวัดนนทบุรี ทำหน้าที่เชื่อมน้ำเข้าสู่ระบบและออกทะเลที่จังหวัดสมุทรสาคร

 

ขณะที่สถานการณ์น้ำทั่วประเทศ ที่จังหวัดอุทัยธานียังคงน่าเป็นห่วง โดยที่วัดจันทาราม หรือวัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ตำบลท่าซุง เขตอำเภอเมือง ถูกน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร หลังพนังกั้นน้ำรอบบริเวณวัดพังลง ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบริเวณวัดทั้งหมด ส่วนทางหลวงหมายเลข 333 ช่วงตัวเมืองอุทัยธานี ตั้งแต่สถานีบริการน้ำมันบางจาก ถึงทางแยกถนนเติบศิริ ถูกน้ำท่วมเกือบ 1 เมตร เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ขณะที่บ้านเรือนในเขตอำเภอเมืองก็ถูกน้ำท่วมสูง ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออก

ส่วนที่ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ซึ่งอยู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ชาวบ้านกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เอ่อล้นฝายน้ำล้น และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน โดยกระแสน้ำที่ไหลแรง ได้กัดเซาะแนวกระสอบทรายจนพังเสียหายหลายจุด รวมถึงบ้านเรือนที่ชาวบ้านหวั่นเกรงว่ากระแสน้ำอาจกัดเซาะฐานรากของบ้านจนทรุดได้

ส่วนที่จังหวัดอ่างทอง พระสงฆ์ที่วัดจำปาหล่อก็กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเข้าท่วมวัดสูงเกือบ 2 เมตร ทำให้พระสงฆ์ไม่สามารถออกไปบิณฑบาตได้ ขณะเดียวกันน้ำที่ท่วมสูงจนเกือบมิดพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เก่าแก่ อายุประมาณ 300 ปี ทำให้ทั้งเจ้าอาวาสวัด และชาวบ้านเป็นกังวลว่าพระพุทธรูปอาจพังลงมาได้ในที่สุด

จังหวัดพระนครศรีอยุธยาน้ำในแม่น้ำป่าสักที่เพิ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพิ่มการระบายนน้ำ ทำให้บ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ในตำบลบ่อโพง อำเภอนครหลวงเริ่มถูกน้ำไหลเข้าท่วมบ้าน หลายครอบครัวมีทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเก็บของไม่ทัน ทำให้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาชาวบ้านต้องผลัดกันเฝ้าระวังระดับน้ำ หลังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นถึงกว่า 20 เซนติเมตร ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 13:19:48


ความคิดเห็นที่ 2025 (1573674)

พายุไต้ฝุ่นโรคีกำลังเคลื่อนตัวสู่ญี่ปุ่น

สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น รายงานว่า พายุโรคี กำลังเคลื่อนหน้าเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ทางภาคตะวันตกและตอนกลางของประเทศ โดยมีความเร็วลม สูงสุด 144 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจะทำให้พื้นที่บางส่วนของจังหวัดมิยาซากิ บนเกาะ
คิวชู มีปริมาณฝนตกถึง 400 มม. ภายในวันเดียว รวมทั้ง บางพื้นที่บนเกาะคิวชู อาจเกิดแผ่นดินถล่มและน้ำท่วม

------------------------

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 14:20:09


ความคิดเห็นที่ 2026 (1573680)

แผ่นดินไหวที่อินเดียคราวนี้ ใกล้เทือกเขาหิมาลัย จะมีอะไรเกิดขึ้นกับน้ำแข็งบนเทือกเขาหรือเปล่า เป็นอะไรที่น่าสนใจติดตาม

มาจากเทือกเขาหิมาลัย โดยไหลผ่านถึง 6 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน เวียดนาม พม่า ลาว ไทย และกัมพูชา ดังนั้น แม่น้ำโขงจึงเป็นแม่น้ำนานาชาติ แต่ถึงกระนั้น ถ้าต้นน้ำมีปัญหา แน่นอนว่าปลายน้ำก็รับผลกระทบเต็มๆ เทือกเขาหิมาลัยมีน้ำแข็งมากก็จริง แต่มันกำลังละลายเพราะผลจากภาวะโลกร้อน และแม่น้ำโขงก็รับผลอันนี้ด้วย

   คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
Name:	j.jpg
Views:	0
Size:	250.3 KB
ID:	1682915
ขอขอบคุณข้อมูล จาก http://board.palungjit.com/f178/น้ำถล่ม-ก-ท-ม-คนกรุงเทพเตรียมพร้อมรัดเข็มขัดได้เลย-305932-4.html

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 14:37:58


ความคิดเห็นที่ 2027 (1573701)

ถ้าทุกคนฝึก

กสิณน้ำ

ดิน ลม ไฟ

ก็จะช่วยได้จริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 16:04:11


ความคิดเห็นที่ 2028 (1573710)

นิ่งนอนใจไม่ได้แล้วหละคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พีรายุ หงษ์กำเนิด (peerayu_t-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-21 16:23:35


ความคิดเห็นที่ 2029 (1573824)

ถ้าทุกคนฝึก

กสิณน้ำ

ดิน ลม ไฟ

ก็จะช่วยได้จริงๆ

----------------------

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ อุบลที่คอยชี้เเนะลูกๆตลอดเวลาเพื่อให้มีสติเเละรอดพ้นจากภัยพิบัติค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:30:45


ความคิดเห็นที่ 2030 (1573825)

น้ำท่วมนาข้าวสุรินทร์ เสียหาย 500 ไร่

ข่าวภูมิภาค วันพุธที่ 21 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 16:32



น้ำจาก ห้วยลำพอก ทะลักท่วมนาข้าว เสียหาย 500 ไร่ ในพื้นที่ ตำบลเพี้ยราม ตำบลเมืองที อำเภอเมืองสุรินทร์ จนท.เร่งช่วยเหลือ


นายอำนวย จันทรัฐ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและฝายชลประทานขนาดกลาง ในเขตจังหวัดสุรินทร์ ทั้ง 18 แห่ง มีปริมาณน้ำ วัดได้ 123.34 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) พบว่า มีน้ำท่วมขังในนาข้าว บริเวณที่ลุ่มติดห้วยลำพอก เนื่องจาก มีการระบายน้ำออกจากห้วยลำพอก สำหรับอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว อำเภอรัตนบุรี มีน้ำท่วมขังในนาข้าวเล็กน้อย เนื่องจาก มีการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ทั้งนี้ ยังไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัย

ปภ.สุรินทร์ ได้รับรายงานเหตุด่วนสาธารณภัย จาก ที่ว่าอำเภอเมืองสุรินทร์ ว่า เกิดอุทกภัย ตำบลเพี้ยราม ตำบลเมืองที ฝนตกหนัก ส่งผลให้การระบายน้ำไม่ทัน เกิดน้ำท่วมขัง ถนนที่ใช้ในการสัญจร ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตร ได้แก่ นาข้าว 500 ไร่ ถนนเสียหาย 1 สาย สำหรับการเตรียมความพร้อม เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้นำเรือท้องแบน 13 ลำ
พร้อมเครื่องยนต์เรือ 3 เครื่อง ประจำจุดอำเภอเสี่ยงภัย 13 ลำ เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อาจเกิดขึ้น
Link :
น้ำท่วมนาข้าวสุรินทร์ เสียหาย 500 ไร่

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:31:33


ความคิดเห็นที่ 2031 (1573826)
ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย "

ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 21 กันยายน 2554

ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 21-23 กันยายน นี้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัด
ปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้
สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้

ประกาศ ณ วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 17.30 น.





สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:32:17


ความคิดเห็นที่ 2032 (1573827)

สุวรรณภูมิ ร่วมกับกรมชลฯเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่รอบท่าอากาศยาน

น.ส.วิไลวรรณ นัดวิไล โฆษกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. แสดงความห่วงใยประชาชนที่อาศัยรอบบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากภาคเหนือเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงปริมาณน้ำฝนที่จะตกในช่วงระหว่างวันที่ 21-25 กันยายนนี้ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจพื้นที่โดยรอบแล้ว พบว่าขณะนี้ สถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นกรมชลประทาน ได้ตั้งสถานีสูบน้ำบริเวณด้านใต้ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 8 สถานี เพื่อระบายน้ำจากคลองสำโรงและคลองชายทะเล ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในส่วนพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีระบบป้องกันน้ำท่วม สร้างเขื่อนดินโดยรอบและมีอ่างเก็บน้ำ รองรับน้ำได้ถึง 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้จากการสำรวจพบว่า ในอ่างเก็บน้ำมีน้ำอยู่เพียง 1 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพียงร้อยละ 25 ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้อีก 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้น ในช่วงนี้ หากมีฝนตกหนัก สามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีก หรือในกรณีที่เกินศักยภาพ จำเป็นต้องระบายน้ำออกนอกพื้นที่ไปยังบริเวณด้านทิศใต้ ก็จะประสานโดยตรงกับกรมชลประทาน เพื่อให้การระบายน้ำสัมพันธ์กับการสูบน้ำออกของกรมชลประทาน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนที่อยู่พื้นที่ทางด้านทิศใต้ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:33:09


ความคิดเห็นที่ 2033 (1573828)

เกิดหิมะตกหนักเร็วผิดปกติ ทางตอนเหนือของจีน รุนแรงสุดในรอบ 60 ปี



Early snow blankets Heshun county, north China"s Shanxi province. Heshun experienced its heaviest and earliest snowfall of the past 60 years on Sunday afternoon, September 18, 2011. The snow affected the entire area of more than 15 thousand hectares. [Photo: Chinanews.com]
 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:34:00


ความคิดเห็นที่ 2034 (1573829)

นอกจากจีนแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ก็ทีหิมะตกหนักสูงกว่า 45 ซม.เช่นกัน


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:34:53


ความคิดเห็นที่ 2035 (1573830)

นอกจากจีนแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ก็ทีหิมะตกหนักสูงกว่า 45 ซม.เช่นกัน


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:34:54


ความคิดเห็นที่ 2036 (1573831)

น้ำเหนือยังหนุนสูงขึ้น


วันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554 
 

สถานการณ์น้ำท่วมยังวิกฤติ น้ำเหนือยังไม่ลดแต่กลับหนุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและนครสวรรค์
จังหวัดพิษณุโลก พบว่าระดับน้ำแม่น้ำน่าน ที่หนุนสูงอีกระลอกได้ทะลักเข้าท่วมบ้านชาวบ้านหมู่ที่ 7 ตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมืองพิษณุโลก บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 70 เซนติเมตร และนอกจากนี้ยังดันน้ำในท่อระบายน้ำล้นท่วมขังบริเวณชุมชนต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครพิษณุโลกจำนวนกว่า 5 แห่ง

ส่วนที่อำเภอบางระกำ ยังน่าเป็นห่วง เมื่อระดับน้ำท่วมยังคงที่และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดระดับน้ำแม่น้ำยมที่บริเวณด้านหลังที่ว่าการอำเภอบางระกำวัดได้ 10 เมตร 95 เซนติเมตร เพิ่มขึ้นจากจุดระดับน้ำลดต่ำสุดเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ 10 เมตร 82 เซนติเมตร ภายในหนึ่งอาทิตย์น้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 20 เซนติเมตรเลยทีเดียว

สาเหตุที่น้ำท่วมอำเภอบางระกำไม่ลดลง เนื่องจากแผนการผันน้ำแม่น้ำยมลงสู่แม่น้ำน่าน ไม่สามารถทำได้ เพราะน้ำแม่น้ำน่าน สูงกว่าแม่น้ำยมการระบายจึงทำได้แต่เพียงส่งไปตามลุ่มน้ำแม่น้ำยมตามธรรมชาติ

ที่จังหวัดนครสวรรค์ น้ำจากแม่น้ำปิงได้ผุดทะลุจากท่อขึ้นมาบริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิงบริเวณชุมชน สะพานใหม่พัฒนา ถนนนครสวรรค์-พิษณุโลก สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงอย่างมากต่างรีบขนของหนีน้ำ ในส่วนของ แม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ ยังหนุนสูงต่อเนื่อง

ทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา ทำสะพานแบริ่ง ข้ามประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง เขตรอยต่อระหว่างอำเภอผักไห่ กับอำเภอบางบาล หลังคอประตุน้ำดังกล่าว ถูกน้ำจากคลองบางหลวงกัดเซาะจนพังเป็นแนวยาวประมาณ 5 เมตร ทำให้น้ำจำนวนมากไหลลงสู่ทุ่งผักไห่ ซึ่งขณะนี้น้ำในทุ่งดังกล่าวมีระดับความสูง 1.5 เมตร

ส่วนการเยียวยา วันนี้ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยา แก่ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมก้อนแรกจำนวน 22,000 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 5,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 110 ล้านบาท เป็นก้อนแรกประเดิมจ่ายวันนี้พร้อมกันทุกอำเภอ นับว่าสร้างรอยยิ้มและคลายเครียดให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างมาก

ส่วนที่จังหวัดพิจิตร แก๊งเงินกู้ ดักเก็บเงินหน้าจุดจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่จ่ายเงินให้ประชาชนเป็นวันแรก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง

สำหรับจังหวัดพิจิตรมีการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยวันแรกที่อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จำนวน 3,436 ราย วงเงิน 17,180,000 บาท ส่งผลให้การค้าขายคึกคัก โดยเฉพาะร้านจำหน่ายเนื้อสุกร ที่มีประชาชนจำนวนให้ความสนใจซื้อไปกักตุนเป็นอาหารในช่วงน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก


ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:37:27


ความคิดเห็นที่ 2037 (1573833)

น้ำทะลัก อ.กบินทร์บุรี ชาวบ้านพายเรือหนีน้ำ


วันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
 

สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดปราจีนบุรี ขยายวงกว้างเข้าท่วมอำเภอกบินทร์บุรี ชาวบ้านต้องพายเรือพาลูกหลานหนีน้ำมาอาศัยริมถนนที่ทางจังหวัดตั้งเต็นท์ไว้ให้
ปริมาณน้ำจากจังหวัดสระแก้วไหลมาลงสู่ด้านล่างเข้าท่วมพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง สูงกว่า 1 เมตร ท่วมถนนจนไม่สามารถขับรถผ่านได้ ชาวบ้านต้องพายเรือขนลูกหลานฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวมาอยู่ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านท่าขี้เหล็ก ที่ทาง อบต.กบินทร์บุรี นำเต็นท์มากางเป็นที่พักชั่วคราว และประกอบอาหารเลี้ยงกันเอง หลังจากบ้านที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วม

และเมื่อช่วงดึกวันนี้ มีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก ประกอบกับน้ำที่ท่วมขังอยู่แล้วมีระดับสูงขึ้น และจะไหลเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของเมืองกบินทร์บุรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:38:19


ความคิดเห็นที่ 2038 (1573834)
 
ศรีสะเกษอพยพหนีน้ำท่วมอื้อ-อ่วมแล้ว 9 อภ.

5,000 ครอบครัว อพยพหนีน้ำท่วมศรีสะเกษ ขณะนี้ประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว 9 อำเภอ ชาวบ้านได้รับผลกระทบ 31,667 ราย

ขณะนี้ จ.ศรีสะเกษ ได้มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว รวม 9 อำเภอ 40 ตำบล 167 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 8,566 ครัวเรือน 31,667 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต และบ้านเรือนยังไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนใหญ่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เป็นพื้นที่การเกษตร จำนวน 28,273 ไร่ ถนนชำรุดเสียหายบางส่วน 37 สาย คอสะพานชำรุด 1 แห่ง ท่อระบายน้ำเสียหาย 11 แห่ง ราษฎรยังสามารถสัญจรไปมาได้

ด้าน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการแจ้งให้หน่วยงานชลประทานในพื้นที่ ติดตามระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำ และกรณีที่น้ำเกินปริมาณเก็บกัก ก็ให้ระบายน้ำในช่วงที่ฝนไม่ตก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ขณะเดียวกันพื้นที่ทางการเกษตรริมแหล่งน้ำใหญ่ เช่น แม่น้ำมูลก็ให้มีการติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อที่จะได้ปิดกั้นในบางช่วงที่เป็นที่ลุ่มต่ำ

ขณะนี้โดยภาพรวมน้ำ ยังไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตร ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงของการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ และแก้ไขปัญหาโดยใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมแล้วบางส่วนของ 6 อำเภอ ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ และมีน้ำท่วมขังทุกปี แต่ถ้าฝนหยุดตก และฝนทิ้งช่วง ก็จะสามารถระบายน้ำออกได้ทัน



INN ข่าวภูมิภาค วันพุธที่ 21 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 17:16 น.
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:40:10


ความคิดเห็นที่ 2039 (1573835)
น้ำท่วมอุบลฯยังหนัก สสจ.ร่วมอบจ.ลุยน้ำตรวจรักษา แจกยาชาวบ้าน



       อุบลราชธานี - สถานการณ์น้ำท่วมที่อุบลราชธานียังหนัก ล่าสุดมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 16 อำเภอ ชาวบ้านต้องพยพหนีน้ำกว่า 1,100 ครอบครัว ด้าน อบจ.พาหมอลงเรือลุยน้ำตรวจรักษาแจกยาชาวบ้าน ที่ยังไม่ยอมอพยพออกจากที่พักอาศัยแม้บ้านถูกน้ำท่วมแล้ว
       
      วันนี้ (21 ก.ย.) ปริมาณแม่น้ำมูลที่ล้นตลิ่งใน จ.อุบลราชธานี ทำให้น้ำไหลท่วมถนนสายใหม่ที่แล่นไปยังสะพานพระศรีนครินทร์ 100 ปี ซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่าง อ.วารินชำราบ ไป อ.เมือง โดยมีน้ำท่วมถนนสูงเกือบ 50 เซนติเมตร ยานพาหนะเกือบทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปได้ ส่งผลให้ปริมาณรถที่ต้องการเดินทางระหว่าง อ.วารินชำราบ กับ อ.เมือง ต้องแออัดใช้ถนนสถิตย์นิมานกาลเพียงเส้นทางเดียว
       
      และตามริมถนนสถิตย์นิมานกาล มีประชาชนในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ อพยพหนีน้ำท่วมมาปลูกเพิงพักจำนวนมาก เบื้องต้นจังหวัดสั่งปิดถนนจำนวน 2 สาย ให้เป็นที่พักของประชาชนที่หนีภัยน้ำท่วม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขณะพักอาศัยอยู่ตามริมถนนในระหว่างนี้ด้วย
       
       สำหรับระดับน้ำที่สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมือง น้ำสูง 8.94 เมตร โดยมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานอีก 10 เซนติเมตร และมีน้ำล้นตลิ่งสูง 1.94 เมตร
       
       
       วันเดียวกันนายพรชัย โควสุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด ลงเรือท้องแบนนำยาสามัญประจำบ้านจำนวน 250 ชุด มียาแก้โรคน้ำกัดเท้า สัตว์มีพิษกัดต่อย แก้ผื่นคัน แก้ไข้ แก้ปวดหัว รวมทั้งชุดปฐมพยาบาลบาดแผลเบื้องต้น แจกให้กับชาวบ้านชุมชนหาดสวนยา และหาดสวนสุข เทศบาลเมืองวารินชำราบ       
       
      จากการสอบถามชาวบ้านระบุว่า ถูกน้ำท่วมตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เพื่อนบ้านที่มีบ้านชั้นเดียว หรืออยู่ในที่ต่ำต้องพากันอพยพออกไปเกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือต้องการอยู่เฝ้าดูแลทรัพย์สิน และจะรอจนกว่าน้ำสูงจนถึงชั้นที่สอง จึงตัดสินใจย้ายออกมา
       และตั้งแต่ถูกน้ำท่วม ได้รับถุงยังชีพเป็นระยะ ส่วนยารักษาโรคต้องขึ้นไปขอรับบนบกที่เจ้าหน้าที่มาตั้งศูนย์ช่วยเหลือ เมื่อมีเจ้าหน้าที่มาตรวจรักษาถึงบ้านในครั้งนี้ นับเป็นเรื่องดี เพราะชาวบ้านบางคนไม่มีเรือ ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปขอรับการตรวจรักษาได้
       
       
      ล่าสุดสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุบลราชธานี ระบุว่า ปัจจุบันจังหวัดมีน้ำท่วมรวม 16 อำเภอ 78 ตำบล 640 หมู่บ้าน ต้องอพยพแล้ว 1,163 ครอบครัว จำนวนกว่า 4,500 คน โดยพื้นที่ที่มีการอพยพเพิ่มเติมคือ ชุมชนในเขตเทศบาลตำบลบ้านด่าน อ.โขงเจียม ซึ่งแม่น้ำโขงเริ่มล้นตลิ่งไหลท่วมจำนวน 70 ครอบครัว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:40:46


ความคิดเห็นที่ 2040 (1573837)
ลพบุรี-อ.บ้านหมี่อ่วม น้ำสูง 2 ม.ช่วยวัวฝูงวัวติดเกาะ




น้ำท่วม 4 ตำบลในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ยังหนัก ท่วมสูงกว่า 2  เมตรแล้วและขยายวงกว้าง หลายหมู่บ้านถูกตัดขาด วัวกว่า 40 ตัวติดเกาะ


วันนี้ (21 ก.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมใน 4 ตำบลของอำเภอบ้านหมี่ ประกอบด้วย ตำบลมหารสอน ตำบลบางพึ่ง ตำบลบางขาม และตำบลบ้านชี ยังคงหนัก หลังจากที่มีน้ำขึ้นสูงทุกๆชั่วโมง ๆละ กว่า 10-20 ซม. ทำให้หลายหมู่บ้านถูกตัดขาด โดยเฉพาะตำบลมหาสอน และตำบลบางขาม น้ำได้ท่วมถนนสายหลักจนรถไม่สามารถใช้สัญจรได้ต้องใช้เรือในการเข้า-ออกหมู่บ้าน

โดยขณะนี้บางจุดมีน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ทำให้วัวกว่า 40 ตัวติดอยู่ในหมู่บ้านที่น้ำท่วมสูง เจ้าหน้าที่กำลังให้การช่วยเหลือออกมาเพื่อนำไปเลี้ยงในที่สูง เนื่องจากหากปล่อยไว้อาจทำให้วัวทั้งหมดจมน้ำตายได้เพราะน้ำไหลแรงและเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีบ้านเรือนประชาชนใน 4 ตำบลเดือดร้อน กว่า 4,000 ครัวเรือนแล้ว

นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม นายอำเภอบ้านหมี่ บอกว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านแล้วจึงได้ประสานงานกับทางปศุสัตว์ให้เป็นผู้รับผิดชอบในการขนย้ายวัวออกมา โดยร้องขอเรือท้องแบนจาก นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี มาสนับสนุนในการขนย้ายวัว คาดว่าในวันนี้น่าจะขนย้ายออกมาได้หมด

ขณะที่มวลน้ำที่ทะลักมาจากประตูระบายน้ำบางโฉมศรีแตก และไหลเข้าท่วม 4 ตำบลบ้านหมี่ขณะนี้ได้ขยายวงกว้างไปท่วมอีกหลายตำบลของอำเภอท่าวุ้งแล้ว ประกอบด้วย ตำบลเขสมอคอน ตำบลโคกสลุด มุจลิน บางลี่ สร้างความเสียหายอย่างหนัก ส่วนท่าวุ้งซึ่งถือเป็นจุดสุดท้ายของจังหวัดลพบุรี ถูกน้ำท่วมเสียหายแล้วเกือบ 1 แสนไร่ นำให้ทุ่งนากลายสภาพเป็นทะเลสาบน้ำจืดไปแล้ว


ทาบด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่ามวลน้ำที่ไหลเข้าท่วมอำเภอบ้าหมี่และท่าวุ่ง จากการพังของประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ยังไม่สามารถหยุดมวลน้ำได้จึงต้องผันน้ำเข้าทุ่ง เพราะหากปล่อยให้ท่วมบ้านชาวบ้านคงไม่มีที่อยู่แน่ ทั้งนี้ทางจังหวัดได้ประชุมขอเพิ่มค่าชดเชยให้ชาวนาโดยเร่งด่วนเพื่อให้มีเงินในกระเป๋าจะได้ไม่เครียด พร้อมเตรียมวางแผนหาอาชีพเสริทางด้านการประมงให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม เนื่องจากจุดนี้จะถูกน้ำท่วมไปอีกนานอย่างน้อย 2 เดือน กว่าน้ำจะลดลง


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:41:50


ความคิดเห็นที่ 2041 (1573838)
น้ำท่วมกาฬสินธุ์ นาข้าวกว่า 5 หมื่นไร่ยับ



นาข้าวกว่า 5 หมื่น 5 พันไร่ ใน 5 อำเภอ ของ จ.กาฬสินธุ์ จมน้ำเดือดร้อนหนัก ธุรกิจเลี้ยงปลาเสียหายกว่า 10 ล้าน


ปัญหาน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องที่ จ.กาฬสินธุ์ นอกจากจะทำให้พื้นที่ราบลุ่มเกิดน้ำท่วมนาข้าว ได้รับความเสียหาย สิ้นเชิงแล้วกว่า 55,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ยางตลาด อ.เมือง อ.กมลาไสย อ.ร่องคำ และ อ.ฆ้องชัย

ขณะนี้ปริมาณน้ำหลากจาก อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี และจากเทือกเขาภูพานด้าน จ.สกลนคร ยังทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนลำปาว เกิดน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร โดยที่ ต.ภูดิน อ.เมืองกาฬสินธุ์ สถานที่พักตากอากาศ ที่เรียกกันว่า บ้านพักเรือนแพ ถูกน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวท้ายเขื่อนลำปาว เจ้าของกิจการต้องปิดตัวลง อย่างไม่มีกำหนด

ทั้งนี้ น้ำที่ท่วมสูงขึ้นยังได้ธุรกิจการเลี้ยงปลาในกระชังของชาวประมงน้ำจืดเสียหายประเมินมูลค่ากว่า 10 ล้านบาททางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมประกาศห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้บริการในบริเวณนี้



 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:42:26


ความคิดเห็นที่ 2042 (1573839)
คันดินชัยนาทพังน้ำทะลักเข้าเมือง



คันดินของชลประทานที่กั้นถนนพหลโยธิน ในพื้นที่ จ.ชัยนาท พัง น้ำทะลักเข้าเมือง ล่าสุดประสบภัยแล้วทั้งจังหวัด เดือดร้อนกว่าครึ่งแสนคน ขณะที่เมืองอุทัยธานี จมบาดาล ท่วมกว่า 80 % แล้ว

นายปรีชา ทองคำ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท กล่าวกับ ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่าในพื้นที่ยังประสบปัญหาน้ำท่วมทั้งจังหวัด ขณะนี้ปริมาณยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อคื่นที่ผ่านมา คันดินที่กั้นถนนพหลโยธิน คือ ถนนสายชัยนาท ที่ออกไปนครสวรรค์ เกิดพังหลายลงมา ซึ่งเป็นคันดินเก่าของกรมชลประทานตั้งแต่สมัยปี 2548

ทั้งนี้ นายปรีชา กล่าวต่อว่า ล่าสุดในพื้นที่ประสบภัยไป 8 อำเภอ 44 ตำบล 261 หมู่บ้านคนเดือดร้อน 2 หมื่นครัวเรือน รวม 5 หมื่นกว่าคน นอกจากนี้ ยังมีการอพยพคนออกจากพื้นที่ โดยล่าสุดอพยพ ประชาชนในหมู่ 8 ต.ตลุก อ.สรรพยา ออกมาอยู่บนถนนสายชัยนาท-ตาคลี แต่เกิดปัญหาคือคนในพื้นที่ไม่ยอมอพยพ โดยส่วนมาก เป็นคนแก่ เป็นห่วงบ้าน ห่วงทรัพย์สิน


อย่างไรก็ตาม ทางหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท ยังระบุต่อว่า ขณะที่ทางจังหวัดยังขาดแคลนน้ำดื่ม ถังบรรจุน้ำขนาดใหญ่ และห้องสุขา เพื่อรองรับปริมาณผู้ประสบภัยจำนวนมาก


ด้านนายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้ทางจังหวัดประสบภาวะน้ำท่วมอย่างหนัก จากอิทธิพลของแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสะแกกรัง ที่ปริมาณน้ำสูงขึ้น ประชาชน เดือดร้อน กว่า 7,000 ครัวเรือน โดยเฉพาะในเขตเมือง ที่ถูกนำท่วมไปแล้วกว่า 80 % ศาลากลาง ส่วนราชการต่างๆ ถูกน้ำท่วม ยานพาหนะ ไม่สามารถสัญจรได้ ต้องอาศัยทางเรืออย่างเดียว อีกทั้งยังต้องอพยพข้าราชการไปทำงานที่ว่าการอำเภอเมืองแทน

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ระบุต่อว่า สำหรับพื้นที่ ที่หนักที่สุด คือ ต.เกาะเทโพ อ.เมือง พื้นที่ 14,000 ไร่ ประสบภาวะน้ำท่วม 100 % นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายกว่า 40,000 ไร่


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:43:16


ความคิดเห็นที่ 2043 (1573840)
 
ทร.เตรียมแผนผลักดันน้ำลงทะเล



กองทัพเรือจับมือกับ 4 หน่วยงานใหญ่ ใช้เรือใหญ่ผลักดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระเจ้า แก้ปัญหาน้ำล้นตลิ่ง มั่นใจน้ำลด 10 เซนติเมตรต่อวัน

การผลักดันน้ำครั้งนี้ใช้เรือที่มีแรงม้าสูงมาวางเรียงเป็นแถว พร้อมเดินเครื่องผลักดันน้ำจุดละ 5 ลำ ใน 6 จุด ทั้งสะพานพระราม 7, แยกเกียกกาย, สะพานซังฮี้, สะพานพุทธ, คลองลัดโพธิ์ และบริเวณปากน้ำ โดยจะเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อผลักดันน้ำที่เอ่อล้นเจ้าพระยา ผ่านคลองลัดโพธิ์ผันน้ำออกสู่อ่าวไทย ซึ่งเครื่องยนต์จะสลับเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง

พลเรือโท พลวัฒน์ สิโรดม รองเสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า การผลักน้ำด้วยวิธีนี้จะช่วยล่นระยะเวลาน้ำไหลจากเดิม 18 กิโลเมตรต่อวัน จากสะพานพระราม 7 ออกสู่อ่าวไทย แต่เมื่อใช้วิธีนี้จะล่นระยะทางเดินของน้ำเหลือเพียง 600 เมตรเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้เป็นโครงการพระราชดำริที่เคยทำสำเร็จมาแล้วที่บางพลี และรัฐบาลจึงนำโครงการนี้มาสานต่อเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ อีกครั้ง เชื่อว่าจะช่วยลดปริมาณน้ำได้ไม่ต่ำกว่า 10 เซนติเมตรต่อวัน


ครอบครัวข่าว 3 วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:43:56


ความคิดเห็นที่ 2044 (1573841)
ประมวลภาพไต้ฝุ่นทาลัส
ถล่มญี่ปุ่น
 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 00:47:52


ความคิดเห็นที่ 2045 (1573842)
 
น้ำทะลักท่วมเทศบาลแคนดงบุรีรัมย์กว่า 500 หลัง


น้ำฝนที่ตกลงมาสะสมติดต่อกันหลายวันน้ำตามคลองธรรมชาติไหลรวมเข้ากับฝายน้ำล้นบ้านหนองกระทุ่ม - กาละโก ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้ระดับน้ำหนุนสูงเอ่อล้นตะลิ่งท่วมร้านค้า บ้านเรือนราษฎร ในเขตเทศบาลตำบลแคนดง อ.แคนดง สูง 40 - 50 เซนติเมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกว่า 500 หลังคาเรือน น้ำยังได้ท่วมถนนสายหลักที่ใช้สัญจรระหว่างตัวอำเภอและถนนในหมู่บ้าน 11 สาย บางสายระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้

เบื้องต้นทางเทศบาลได้นำกระสอบบรรจุทรายกว่า 3,700 ใบ ออกแจกจ่ายประชาชนปิดกั้นไม่ให้น้ำทะลักเข้าบ้านเรือน พร้อมเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากเขตเทศบาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก ระดับน้ำก็จะลดลงและเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 1- 2 วันนี้

ด้านนายพิจิตร ศักดิ์ศรีท้าว นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแคนดง กล่าวว่า น้ำจากฝายน้ำล้นได้ไหลทะลักเข้าท่วมในเขตเทศบาลตำบลแคนดงอย่างรวดเร็ว จนประชาชนตั้งตัวและขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูงไม่ทัน


จากการสำรวจพบว่าบ้านเรือน ร้านค้าได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้กว่า 500 หลังคาเรือน ใน 7ชุมชน และถนนอีก11สาย ทำให้เทศบาลเร่งหาทางระบายน้ำออกจากเขตเทศบาลลงสู่คลองธรรมชาติให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรเดือดร้อนเป็นเวลานาน ทั้งนี้ก็จะได้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อรายงานทางอำเภอและจังหวัด พิจารณาให้ความช่วยเหลือ



เนชั่นทันข่าว 21 กย. 2554 23:00 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 01:06:12


ความคิดเห็นที่ 2046 (1573843)
รองเจ้าคณะพิจิตรมอบสังฆทานช่วยน้ำท่วม



พระมหาวิรัช รองเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร รวบรวมของสังฆทานช่วยชาวบ้านน้ำท่วม


พระครูวชิรพุทธานุกูล หรือ “พระมหาวิรัช” รองเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และเป็นรองเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง (พระอารามหลวง) จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ใน จ.พิจิตร สถานการณ์น้ำท่วมยังคงวิกฤติ เพราะน้ำจากแม่น้ำน่าน และแม่น้ำยม ยังคงมีระดับท่วมสูง จนส่งผลให้น้ำเข้าท่วมทั้งบ้านเรือนของพุทธสาสนิกชนและวัดวาอาราม ซึ่งมีวัดมากกว่า 60 แห่ง ที่พระภิกษุสงฆ์ไม่สามารถออกรับบิณฑบาตได้ ซึ่งจากความเดือดร้อนดังกล่าว คณะสงฆ์จึงได้จัดทำโครงการพระช่วยพระ และสงเคราะห์ประชาชนที่ประสบอุทกภัย

ซึ่งพระมหาวิรัช ได้เดินสายตระเวนแจกถุงยังชีพจากของสังฆทานให้กับชาวบ้านไปแล้วมากกว่า 3,000 ชุด และแจกให้พระสงฆ์ตามวัดต่างๆ ไปแล้วมากกว่า 2,000 ชุด ด้วยเช่นกัน

และมีโครงการต่ออีกว่าจะตั้งโรงครัวน้ำใจ หรือโรงทาน หุงข้าวสวยพร้อมทำกับข้าวเป็นโรงครัวหุงต้มให้ชาวบ้านได้มีข้าวกินอิ่มท้อง เพราะตอนนี้ในหลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมบ้าน ต้องอพยพมากางเต็นท์นอนอยู่ริมถนน ได้รับข้าวสารอาหารแห้งไปก็ไม่สะดวกที่จะหุงหาอาหารได้ ดังนั้น จึงรอธารน้ำใจว่า ถ้ามีผู้ใจบุญบริจาคเงินมาได้เพียงพอ ก็จะตั้งโรงทานดังกล่าว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 01:06:49


ความคิดเห็นที่ 2047 (1573844)
สาธารณสุขอ่างทองเร่งดำเนินการกำจัดยุงในพื้นที่ประสบอุทกภัย


ตามที่เกิดอุทกภัยใน 7 อำเภอพื้นที่ จ.อ่างทอง และมีประชาชนบางส่วนได้อพยพหนีน้ำที่ท่วมที่พักอาศัยมาอยู่บนถนนรวมทั้งชาวบ้าน ที่ยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านที่มีน้ำล้อม รอบโดยขณะนี้น้ำเริ่มเน่าเหม็นและ เนื่องจากน้ำท่วมขังเป็นเวลาหลายวันอันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงทำให้ชาวบ้าน ประสบปัญหาเรื่องยุงชุกชุมมาก

วันนี้เมื่อเวลา 17.00 น. ทางสาธารณสุขจังอ่างทองนำโดยนายแพทย์สาโรจน์ มะรุมดี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง ได้เข้าช่วยเหลือเบื้องต้นสนับสนุนยาทากันยุงชนิดซอง 8200 ซอง ชนิดน้ำ 600 ขวดพร้อมนาสามัญประจำบ้าน 300 ชุดและมุ้งทั้งหมด 150 หลัง และได้ประสานกับหน่วยงานปฏิบัติการพ่นเคมีกำจัดยุง

สำนักงานป้องกันโรคที่ 2 จ.สระบุรี ดำเนินการพ่นเคมีกำจัดยุงในพื้นที่ชุมชน บ้านรอ ชุมชนบางแก้ว และ ต.บ้านอิฐ เขตอ.เมือง จ.อ่างทอง และได้แจ้งหน่วยสาธารณสุขทุกแห่งในพื้นที่น้ำท่วมวางแผนดำเนินการพ่นเคมีกำจัดยุง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
[/color][/size][/color]

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 01:07:22


ความคิดเห็นที่ 2048 (1573845)
 
น้ำท่วมกัดเซาะถนนหวั่นท่วมตรัง

ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ตรัง เกิดกระแสน้ำไหลเซาะตลิ่งทำถนนหวิดพัง ทางหลวงเร่งเข้าไปตรวจสอบ ทำป้ายเตือน ซ่อมบำรุงทางแล้ว
วันนี้ (21 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานนายเจษฎา วินสน ผู้อำนวยการทางหลวงชนบทจังหวัดตรัง นำคณะเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเหตุดินสไลด์ บริเวณถนนสายคลองขุด ตง 3022  แยกทางหลวงหมายเลข 419 หมู่ที่ 2 ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง  ส่งผลให้ถนนถูกน้ำกัดเซาะกินเนื้อที่ของไหล่ทางของถนนลึกเข้าไปถึง 3 เมตร ดินชั้นล่างเริ่มบวมน้ำและโดนกัดเซาะเข้าไปเรื่อย ๆ

สำหรับถนนสายดังกล่าวพึ่งซ่อมเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในความรับผิดชอบของสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดตรัง ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายเตือนมาวางกั้นบริเวณที่เป็นจุดอันตราย เพื่อเตือนให้ผู้ที่สัญจรไปมาได้ระมัดระวัง เพราะถ้าหากขับรถด้วยความเร็วสูงแล้วเกิดพลัดตกลงอาจจะถึงแก่ชีวิตได้

นายสมคิด ดิษฐโสภา หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ สำนักงานทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ถ้าหากฝนยังตกหนักต่อเนื่องลงมาอีก รวมถึงกระแสน้ำที่ไหลแรงมาก ก็จะส่งผลให้ถนนเส้นดังกล่าวขาดกลาง เนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลมีความเชี่ยวกราด  อีกทั้งถนนสายนี้ยังมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้เส้นทางวิ่งไปมาอย่างไม่ขาดสาย  ซึ่งตนเกรงว่าคงอีกไม่นานถนนสายนี้คงไม่สามารถต้านแรงน้ำที่เชี่ยวได้ รวมทั้งถนนสายนี้นั้นเปรียบเสมือนเป็นผนังกั้นน้ำจากคลองแม่น้ำตรัง ถ้าหากถนนสายนี้ขาดกลางจริง ๆ ก็จะทำให้น้ำจากแม่น้ำตรังไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านตำบลหนองตรุดที่อยู่อีกฝั่งของถนน จำนวนกว่า 1,500 ครัวเรือน


อย่างไรก็ตามในพื้นที่ตำบลหนองตรุดและถนนสายดังกล่าว  ก็ยังถือเป็นพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก โดยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวในขณะนี้เป็นน้ำที่ทะลักมาจากภูเขาในพื้นที่อำเภอวังวิเศษ อ.สิเกา ซึ่งได้ไหลมาบรรจบลงในแม่น้ำคลองชี ก่อนเข้าสู่แม่น้ำตรัง ซึ่งขณะนี้น้ำท่วมได้ส่งผลเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง จำนวนหลายร้อยหลังคาเรือน


ผู้สื่อข่าวรายงาน เวลา 15.30 น.  เกิดเหตุการณ์ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ปลูกอยู่บริเวณเกาะกลางถนน หน้าโรงเรียนปัญญาวิทย์  ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง  ได้ถูกลมกรรโชกแรงพัดจนล้มขวางเส้นทางการจราจรเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง  ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงโรงเรียนเลิกทำให้รถยนต์ผู้ปกครองที่มารอรับนักเรียนมีการติดขัด  เส้นทางจราจรเกิดความอัมพาตรถไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้  จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของทางเทศบาลนครตรังได้เดินทางเข้าแก้ไขเคลื่อนย้ายต้นไม้ดังกล่าว  จึงสามารถทำให้รถสามารถวิ่งไปได้สะดวกยิ่งขึ้นต่อไป.



เดลินิวส์ วันพุธที่ 21 กันยายน 2554 เวลา 19:39 น
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 01:08:10


ความคิดเห็นที่ 2049 (1573846)
ผู้เชี่ยวชาญชี้ “กาฐมาณฑุ” เสี่ยงสุดเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่-สูญเสียรุนแรง


บ้านเรือนในเนปาล ซึ่งยังสร้างด้วยอิฐ อาจได้รับความเสียหายร้ายแรงจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้


เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญเตือน กาฐมาณฑุเป็นหนึ่งในเมืองเสี่ยงที่สุดในโลก ซึ่งต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่คาดว่า อาจคร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นราย และตัดขาดผู้รอดชีวิตจากความช่วยเหลือภายนอกประเทศ
       
เดฟ เพตลีย์ นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ อธิบายว่า แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ในเนปาล เป็นเหมือน “เสียงปลุก” สำหรับเมืองหลวง ที่แออัดด้วยประชากร 2 ล้านคน และเชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วยถนน 3 สาย กับอีก 1 รันเวย์ เท่านั้น
       
“พื้นที่สำคัญที่น่าเป็นห่วงอยู่ใจกลาง และทางตะวันตกของเนปาล ที่ซึ่งไม่มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน” เพตลีย์ กล่าว หลังแรงสั่นสะเทือนระดับ 6.9 สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนหลายร้อยหลังทางตะวันออกของประเทศเมื่อวันอาทิตย์ (18)
       
เขาชี้ว่า เนปาลอยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวสูง เนื่องจากตั้งอยู่บนรอยปะทะของแผ่นเปลือกโลกอินเดีย และ ยูเรเชีย ซึ่งก่อให้เกิดเทือกเขาหิมาลัย โดยหุบเขากาฐมาณฑุมักเกิดธรณีพิโรธรุนแรงทุกๆ 75 ปี โดยเฉลี่ยจากช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา
       
เมื่อ 77 ปีก่อนเคยเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งทำลายบ้านเรือน 1 ใน 4 ของกรุงกาฐมาณฑุ และนักธรณีวิทยา ก็เชื่อว่า พื้นที่นี้ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแรงสั่นสะเทือนระดับ 8.0 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแผ่นดินไหวที่เฮติในปีที่แล้ว ซึ่งคร่าชีวิตชาวบ้านไปมากกว่า 225,000 คน ถึง 10 เท่า
       
เพตลีย์จากสถาบันด้านภัยอันตราย ความเสี่ยง และการฟื้นตัวแห่งมหาวิทยาลัยเดอแรมในอังกฤษ ยังชี้ว่า บ้านเรือนในตัวเมืองหลวงของเนปาล ซึ่งก่อสร้างจากดิน อิฐ และไม้นั้น ไม่มีความแข็งแรงพอจะรับมือกับแผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก
       
กลุ่มวิจัยจีโอฮาซาร์ด อินเตอร์เนชันนัล ในสหรัฐฯ วัดความเป็นไปได้ของยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.0 ขึ้นไป ที่จะถล่มหลายเมืองในเอเชีย และอเมริกา พบว่า กาฐมาณฑุอยู่อันดับสูงสุดจาก 21 เมือง ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 69,000 ราย นำอิสตันบูล และ นิวเดลี
       
ด้าน สมาคมเทคโนโลยีแผ่นดินไหวแห่งชาติ (เอ็นเอสอีที) ซึ่งตั้งขึ้นหลังเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.5 ที่คร่าผู้คนในเมืองทางตะวันออกของเนปาลไปกว่า 700 คน เมื่อปี 1988 ประเมินว่า หากเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.0 ถล่มกรุงกาฐมาณฑุ จะมีถึง 200,000 ชีวิตต้องตาย และอีก 200,000 รายบาดเจ็บสาหัส ประชาชนจะไร้ที่อยู่อาศัยถึง 1.5 ล้านคน และบ้านเรือนร่วม 60% พังพินาศ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 01:10:27


ความคิดเห็นที่ 2050 (1573897)

ดินถล่มทับสะพานยกระดับที่จีนพัง หลังฝนตกหนัก 14 วัน

เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 14 วันในเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ทำให้สะพานยกระดับบนทางหลวงจากเมืองเหลียนหยุนกังไปเมืองฮอร์กัส ทำให้ดินถล่มโดนเสาตอม่อสะพานเสียหาย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ทางหลวงต้องนำรถยกเข้ามาเคลื่อนย้ายซากปรักหักพังของสะพานยกระดับออกจากทางหลวงอย่างเร่งด่วน เนื่องจากกีดขวางเส้นทาง ส่งผลให้การจราจรบนทางหลวงต้องหยุดชะงัก โดยผู้เชี่ยวชาญจะเข้ามาตรวจสอบสะพานอีกครั้งว่าจะต้องรื้อถอนสะพานหรือไม่



XINAN, CHINA - SEPTEMBER 20: Labourers work at the scene of a collapsed bridge on September 20, 2011 in Xinan County, Henan Province of China. A bridge at Xinan section of Lianyungang-Khorgos Freeway collapsed after a landslide on Tuesday morning, no casualties were reported.
 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 11:25:35


ความคิดเห็นที่ 2051 (1573898)

น้ำมูลล้นท่วมบ้านเขตเทศบาล ต.พิมาย กว่า 10 หลัง

ปริมาณน้ำที่หลากลงมาจากลำน้ำลำตะคอง และลำน้ำลำจักราช ไหลลงมาสมทบลำน้ำมูลที่ ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำมูลมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น จนล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่อาศัยอยู่ติดลำน้ำมูล ในพื้นที่ตำบลในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมาจำนวนกว่า 10 หลังคาเรือน สูงกว่า 60 ซ.ม. ด้านนางสาวกรรณิกา พัฒนพีระเดช นายกเทศมนตรีตำบลพิมาย ได้นำเจ้าหน้าที่ พร้อมรถแบคโฮ เร่งทำการลอกลำน้ำมูลตอนล่างของเขตเทศบาลตำบลพิมาย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เพื่อกำจัดวัชพืชและสิ่งปฏิกูลที่ขวางทางน้ำให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 11:26:38


ความคิดเห็นที่ 2052 (1573899)

ชัยนาทสั่งหินเรียงขนาดใหญ่เร่งสร้างแนวคันกั้นน้ำ

จากการตรวจสอบล่าสุด น้ำจากพนังกั้นน้ำดักคะนน ที่พังทลาย ได้ขยายวงกว้างไปถึง 15 เมตร จังหวัดชัยนาทได้ใช้เสาไฟฟ้าและคอนกรีตกั้นเป็นร่องน้ำ เพื่อลดความรุนแรงของน้ำ ที่ไหลบ่าข้ามถนน เส้นทางสายชัยนาท-มโนรมย์ ที่ยังต้องปิดการจราจรในวันนี้ พร้อมแนะผู้ที่จะเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์ ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางสายเอเชียแทน ขณะเดียวกัน นายศุภกร เชียรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์ ยืนยันจะเร่งอุดรอยรั่วการไหลของน้ำจากพนังกั้นน้ำดักคะนนให้ได้ภายในวันนี้ โดยได้สั่งหินเรียงขนาดใหญ่เพื่อชะลอความรุนแรงของน้ำและอุดรอยรั่วที่คันดิน แต่ยังมีปัญหาคันดินอุ้มน้ำและเริ่มอ่อนตัว เตรียมหารือกับทุกภาคส่วน เพื่อวางแผนการทำงานให้รัดกุม

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 11:27:07


ความคิดเห็นที่ 2053 (1573900)

น้ำมูลล้นท่วมบ้านเขตเทศบาล ต.พิมาย

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 22 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 08:53 น.


ลำน้ำมูลเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชน เขตเทศบาล ต.พิมาย จ.นครราชสีมา กว่า 10 หลัง ขณะที่เทศบาลเร่งลอกคลอง ช่วยระบายน้ำลงสู่พื้นที่ด้านล่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำที่หลากลงมาจากลำน้ำลำตะคอง และลำน้ำลำจักราช ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักของจังหวัดนครราชสีมา ได้ไหลลงมาสมทบลำน้ำมูลที่ ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำมูล มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น จนล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่อาศัยอยู่ติดลำน้ำมูล ในพื้นที่ตำบลในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมาจำนวนกว่า 10 หลังคาเรือน สูงกว่า 60 ซ.ม. ชาวบ้านบางส่วน ต้องใช้เรือเพื่อเดินทางเข้าออกภายในบ้าน โดยสาเหตุที่ทำให้ลำน้ำมูลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน
ในครั้งนี้ เนื่องมาจากปริมาณน้ำในลำน้ำมูลเพิ่มสูงขึ้น จากการที่น้ำจากทั้งลำน้ำลำตะคอง และลำน้ำจักราชไหลลงมาสมทบกับปริมาณน้ำในลำน้ำมูล จนทำให้ปริมาณการไหลของน้ำในลำน้ำมูลเพิ่มสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน นางสาวกรรณิกา พัฒนพีระเดช นายกเทศมนตรีตำบลพิมาย ได้นำเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพิมายกว่า 20 คน พร้อมรถแบคโฮ เร่งทำการลอกลำน้ำมูลตอนล่างของเขตเทศบาลตำบลพิมาย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เพื่อกำจัดวัชพืชเช่นผักตบชวา และสิ่งปฏิกูลที่ขวางทางน้ำ เพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลลงสู่พื้นที่ ได้โดยสะดวก แก้ไขปัญหาน้ำมูลเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนร่วมด้วยอีกทางหนึ่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 11:31:56


ความคิดเห็นที่ 2054 (1573906)

ผู้อพยพหนีน้ำท่วมอุบลฯเริ่มป่วยเป็นโรคเครียด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กันยายน 2554 11:46 น



อุบลราชธานี - สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ส่งแพทย์-พยาบาลรักษาประชาชนที่อพยพหนีน้ำท่วม ตามเพิงพักชั่วคราวพบป่วยเป็นโรคเครียด ปวดหัวตัวร้อน น้ำกัดเท้าวันละเกือบ 100 ราย

วันนี้ (22 ก.ย.) ปริมาณแม่น้ำมูลยังคงเอ่อล้นไหลท่วมชุมชนใน จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมรวม 16 อำเภอ 78 ตำบล 640 หมู่บ้านมีผู้อพยพแล้ว 1,163 ครอบครัว กว่า 4,500 คน ทำให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์ ต้องนำน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้ผู้อพยพใช้วันละ 2 รอบ ขณะเดียวกันหน่วยงานสาธารณสุข ส่งแพทย์พยาบาลตรวจอาการป่วยของผู้อพยพ โดยเฉพาะเด็กและคนชรา

และพบว่าส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคไข้ตัวร้อน เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รวมทั้งโรคน้ำกัดเท้า และโรคเครียดจากบ้านถูกน้ำท่วมเป็นเวลานาน ซึ่งแพทย์แนะนำให้หากิจกรรมทำ ไม่นั่งอยู่ในเต้นท์อพยพเพียงลำพัง โดยช่วงนี้มีคนป่วยมารับการตรวจรักษาจากอาการป่วยด้วยโรคต่างๆวันละเกือบ 100 คน

นางสมร ทองดี ชาวชุมชนหาดสวนสุข เทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งเป็นโรคน้ำกัดเท้าและมีอาการเครียดเล่าว่า สามีเสียชีวิตไปกว่า 10 ปี ส่วนลูกหลานไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดทำให้ต้องอยู่ตัวคนเดียวและบ้านถูกน้ำท่วมนานกว่า 2 สัปดาห์ ต้องอพยพมาอยู่ริมถนนกับเพื่อนบ้านและตั้งแต่ถูกน้ำท่วมยังไม่มีลูกหลานมาเยี่ยม บางครั้งรู้สึกว้าเหว่ แต่ได้เพื่อนบ้านเป็นเพื่อนคุย ทำให้หายคลายเหงาไปได้บ้าง




น้ำทะลักท่วม 3 อำเภอเมืองลิง!!แต่เขื่อนป่าสักฯ ยังไร้ปัญหา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กันยายน 2554 11:10 น.

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้ลงเรือตรวจสอบสภาพน้ำในพื้นที่ จ.ลพบุรี โดยเฉพาะจุดพุคา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี พร้อมยอมรับว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกินระดับปกติไปถึง 120 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่น่าห่วงมากนัก เนื่องจากกรมชลประทานระบายน้ำอย่างเต็มระบบ และมีอ่างเก็บน้ำอีก 9 แห่ง ที่คอยรับน้ำเอาไว้ อีกทั้งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำเอาไว้ได้
ดังนั้น การวางแผนเตรียมรับปริมาณน้ำที่ทำไว้เป็นอย่างดี จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทะลักมาจากการที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ได้พังลง ส่งผลให้น้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อ.บ้านหมี่ ท่าวุ้ง และ อ.เมืองลพบุรี บางส่วน จากเดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ประกาศว่าเป็นเขตปลอดภัย ทำให้ที่นาเสียหายกว่า 1 แสนไร่ และไม่สามารถสกัดกั้นน้ำในส่วนนี้ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 12:05:32


ความคิดเห็นที่ 2055 (1573907)

นครสวรรค์ ปภ.เตือนพื้นที่น้ำท่วมขังอาจนาน 2-3 เดือน



แม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ คาดพื้นที่ถูกน้ำท่วมขังอาจนาน 2-3 เดือน

ระดับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ยังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยล่าสุดแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน 4,128 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้น 5 เซนติเมตร แม่น้ำน่านมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,533 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำปิงมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,401 ลบ.ม./วินาที โดยสถานการณ์น้ำที่ท่วมขังในหลายพื้นที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีทั้งหมด 10 อำเภอ ได้แก่ ชุมแสง เก้าเลี้ยว เมือง ท่าตะโก โกรกพระ พยุหะคีรี ตาคลี หนองบัว ลาดยาว และ บรรพตพิสัย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 58,722 ครัวเรือน 182,355 คน มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว 10 คน

ในส่วนของพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมทั้ง 10 อำเภอ ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ ระบุว่าน้ำเหนือจากจังหวัดพิษณุโลก ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ประกอบกับช่วงนี้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่บริเวณถูกน้ำท่วมขังอาจจะนานถึง 2 เดือน โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอชุมแสง อาจนานกว่า 3 เดือน เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งรับน้ำจากแม่น้ำยม-น่าน โดยตรง



ลำน้ำมูลท่วมเทศบาลตำบลพิมาย โคราชจมแล้ว 6 อำเภอ



ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า ปริมาณน้ำที่หลากลงมาจากลำน้ำลำตะคอง และลำน้ำจักราช ได้ไหลลงมาสมทบลำน้ำมูลที่ ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา อย่างต่อเนื่อง ปริมาณการไหลของน้ำในลำน้ำมูลเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 205 ลบ.ม.ต่อวินาที จนล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยอยู่ติดลำน้ำมูล ในพื้นที่ตำบลในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมาจำนวนกว่า 10 หลังคาเรือน สูงกว่า 60 ซม. ชาวบ้านบางส่วนต้องใช้เรือเพื่อเดินทางเข้าออกภายในบ้าน ขณะที่ปริมาณการระบายน้ำที่เขื่อนระบายน้ำพิมาย อ.พิมาย ซึ่งเป็นเขื่อนระบายน้ำตัวสุดท้ายที่จะทำหน้าที่ระบายน้ำออกจากตัวอำเภอพิมาย สามารถระบายน้ำได้เต็มพิกัดอยู่ที่ 170 ล้าน ลบ.ม. จึงทำให้ปริมาณน้ำส่วนที่เหลือเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านดังกล่าว

ขณะนี้ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง ได้สั่งลดบานประตูน้ำที่เขื่อนระบายน้ำกันผม อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นเขื่อนระบายน้ำท้ายลำน้ำลำตะคอง ก่อนที่จะไหลลงสู่ลำน้ำมูลเพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสมทบกับลำน้ำมูลเพื่อคลี่คลายสถานการณ์แล้ว ทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ และระดับน้ำที่เอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนก็เริ่มลดระดับลงเรื่อยๆแล้วเช่นเดียวกัน ซึ่งหากว่าไม่มีปริมาณน้ำก้อนใหม่ไหลลงมาสมทบสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1–2 วัน

น.ส.กรรณิกา พัฒนพีระเดช นายกเทศมนตรีตำบลพิมาย ได้นำเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพิมายกว่า 20 คน พร้อมรถแบ็คโฮ เร่งลอกลำน้ำมูลตอนล่างของเขตเทศบาลตำบลพิมายเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลลงสู่พื้นที่ได้โดยสะดวก ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติจังหวัดนครราชสีมา สรุปสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย รวม 6 อำเภอ 10 ตำบล 38 หมู่บ้าน ชาวบ้าน 148 ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ไร่นาได้รับความเสียหาย 5,675 ไร่ บ่อปลา 400 ไร่ ถนนเสียหาย 7 สาย พืชสวน 15 ไร่


ดันน้ำลงทะเล..น่าจะได้ผล..เมืองนนท์..น้ำลดแล้ว



ดันน้ำลงทะเล..น่าจะได้ผล..เมืองนนท์..น้ำลดแล้ว

ดูเหมือนว่ามาตราการใช้เรือปั่น..ดันน้ำลงทะเล..เร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ของทางการน่าจะได้ผล..เพราะดูจากสภาพน้ำท่วมเมืองนนทบุรี บริเวญรอบเกาะเกร็ด และริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดใหญ่สว่างอารมณ์ ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เช้านี้ ระดับน้ำลดลงอย่างเห็นได้ชัด

แม้น้ำจะเริ่มลดลง..แต่ฝั่งเกาะเกร็ดที่มองเห็นตรงข้าม..ยังคงมีน้ำท่วมสูงอยู่บ้าง



ริมฝั่งน้ำ หน้าวัดใหญ่สว่างอารมณ์ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี



ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 12:07:50


ความคิดเห็นที่ 2056 (1573908)

น้ำท่วมคลี่คลายเหลือ 23 จ. สวนทางตายพุ่ง 136 ศพ



ปภ.สรุปสถานกาณ์น้ำท่วมมีแววคลี่คลาย เหลือยังจม 23 จังหวัด ลดลง 1 จังหวัด แต่สวนทางกับยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 136 ศพ ด้านกรมทรัพย์ฯ เตือนอุบลฯ-ศรีสะเกษระวังดินถล่มและน้ำป่า...

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ขณะนี้ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 23 จังหวัด ลดลงจากวันที่ 21 ก.ย. 1 จังหวัด โดยจังหวัดที่ยังประสบอุทกภัย ได้แก่ 1. สุโขทัย 2. พิจิตร 3. พิษณุโลก 4. นครสวรรค์ 5. อุทัยธานี 6. ชัยนาท 7. สิงห์บุรี 8. อ่างทอง 9. พระนครศรีอยุธยา 10. ลพบุรี 11. สระบุรี 12. สุพรรณบุรี 13. นครปฐม 14. ปทุมธานี 15. นนทบุรี 16. อุบลราชธานี 17. ชัยภูมิ 18. ยโสธร 19. ขอนแก่น 20. มหาสารคาม 21. ฉะเชิงเทรา 22. นครนายก และ 23. ปราจีนบุรี รวม 144 อำเภอ 1,075 ตำบล 8,031 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 563,010 ครอบครัว 1,877,106 คน มีผู้เสียชีวิตสะสมมาตั้งแต่เมื่อครั้งพายุนกเตนจนถึงล่าสุดรวม 136 คน เพิ่มขึ้นจากวันที่ 20 ก.ย. จำนวน 6 คน และยังสูญหายอีก 2 คน

วันเดียวกันมีรายงานว่า กรมทรัพยากรธรณีได้แจ้งเตือนให้ระมัดระวังน้ำป่าและดินถล่มในพื้นที่ จ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษในระยะ 1-2 วันนี้ หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน

ส่วนพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา แม่น้ำมูลเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประมาณ 10 หลัง ในเขตเทศบาลตำบลพิมาย ซึ่งสร้างอยู่ใกล้ตลิ่ง ล่าสุดทางเทศบาลได้เร่งขุดลอกแม่น้ำมูลเพื่อระบายน้ำและหาวิธีการป้องกันแล้ว.

กาฬสินธ์ - เขื่อนลำปาววิกฤตหนักจ่อท่วมใหญ่

22 กย. 2554 11:00 น.

เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ปัญหาน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุฝนที่ตกหนักต่อเนื่องที่ จ.กาฬสินธุ์ ส่อเค้าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ทันทีที่ปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวเพิ่มขึ้นในคืนเดียวมากถึง 78 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้มีปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวมากถึง 1,963 ล้าน ลบ.ม. จากปริมาณกักเก็บที่ 1,980 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 99 ซึ่งเหลืออีกเพียงร้อยละ 1 ของความจุดอ่างก็จะเต็ม 100%

การระบายน้ำเพื่อเริ่มรักษาตัวเขื่อนขณะนี้ได้เพิ่มการระบายมากถึงวันละ 11 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้เมื่อคืนนี้มีรายงานว่าเกิดน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาภูพานด้าน อ.คำม่วง ซึ่งมีปริมาณฝนตกหนักมากถึง 110 มิลลิเมตรและอีกกว่า 4 อำเภอที่มีปริมาณฝนตกถึง 80 มิลลิเมตร ซึ่งก็ได้ส่งผลปริมาณน้ำในแม่น้ำปาวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไหลเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวเกษตรกรตำบลโนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัยและกำลังจ่อที่จะไหลเข้าท่วมโรงสีข้าวพระราชทาน ซึ่งในขณะนี้จังหวัดกาฬสินธุ์มีพื้นที่นาข้าวถึงน้ำท่วมแล้วกว่า 6 หมื่นไร่ และมีสถานที่ท่องเที่ยวและบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 100 หลังคาเรือน

ผักแพงรับน้ำท่วม-กินเจ

แหล่งที่มา : ครอบครัวข่าว 3 2011-09-22 10:12:07



พ่อค้า-แม่ค้า ผัก ในตลาดคลองเตย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ขณะนี้ราคาผักค่อนข้างผันผวน ปรับตัวขึ้นลงเป็นรายวันตามปริมาณผักที่เข้าสู่ตลาด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการทยอยปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน จาก 2 ปัจจัยหลักคือผักขาดตลาดจากภาวะน้ำท่วม และใกล้เข้าสู่เทศกาลกินเจ ซึ่งเป็นช่วงที่ผักราคาแพงขึ้นทุกปี แต่สำหรับเทศกาลกินเจปีนี้มีแนวโน้มว่าราคาผักจะแพงกว่าทุกปีเกือบเท่าตัว เพราะภัยน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายให้กับแปลงผักเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผักคะน้า ผักกาดหอม กะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะระ ที่วันนี้ราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างน้อยกิโลกรัมละ 5-10 บาท

และ จากการสำรวจราคาผักในตลาดสดคลองเตยวันนี้ พบว่า ราคาผักคะน้า ปรับขึ้นจากเมื่อวานกิโลกรัมละ 25 บาท ขยับขึ้นไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 30-35 บาท และในช่วงเทศกาลกินเจอีก 2 วันข้างหน้าพ่อค้า-แม่ค้า คาดว่าราคาจะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 40-50 บาท จากปกติที่ขายในราคากิโลกรัมละ 15-20 บาทเท่านั้น ขณะที่ผักกาดหอม วันนี้ราคาขยับขึ้นจากเมื่อวานกิโลกรัมละ 30 บาท ขึ้นไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท ผักบุ้งจีน 30-35 บาท กวางตุ้ง 25-30 บาท กะหล่ำปลี 20-25 บาท ผักชีขีดละ 8-9 บาท ต้นหอม 10-15 บาท ขึ้นฉ่าย 10-15 บาท ส่วนผักอื่นๆ เช่น มะระ มะเขือ ต้นหอม ผักกาดขาว ก็มีแนวโน้มจะปรับราคาขึ้นอีกในช่วง 1-2 วันนี้

น้ำท่วมจีนยอดตายพุ่ง 90 ศพ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2011 เวลา 11:04 น.

ประเทศจีนจมอยู่ใต้น้ำประชาชน1.6 ล้านคนต้องอพยพ ดับแล้ว90 สูญหายอีก 22 ราย

จีน (22 ก.ย.) ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องนานหลายวัน ทำให้หลายพื้นที่ทางภาคเหนือ ภาคกลาง และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีนจมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะในมณฑลเหอหนาน ฉ่านซี และเสฉวน

ทำให้ประชาชนกว่า 1.6 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำและถูกดินถล่มทับแล้วกว่า 90 คน สูญหาย 22 คน

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 12:09:28


ความคิดเห็นที่ 2057 (1573913)

Pic_203681

 

ปภ.สรุปสถานกาณ์น้ำท่วมมีแววคลี่คลาย เหลือยังจม 23 จังหวัด ลดลง 1 จังหวัด แต่สวนทางกับยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 136 ศพ ด้านกรมทรัพย์ฯ เตือนอุบลฯ-ศรีสะเกษระวังดินถล่มและน้ำป่า...

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ขณะนี้ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 23 จังหวัด ลดลงจากวันที่ 21 ก.ย. 1 จังหวัด โดยจังหวัดที่ยังประสบอุทกภัย ได้แก่ 1. สุโขทัย 2. พิจิตร 3. พิษณุโลก 4. นครสวรรค์ 5. อุทัยธานี 6. ชัยนาท 7. สิงห์บุรี 8. อ่างทอง 9. พระนครศรีอยุธยา 10. ลพบุรี 11. สระบุรี 12. สุพรรณบุรี 13. นครปฐม 14. ปทุมธานี 15. นนทบุรี 16. อุบลราชธานี 17. ชัยภูมิ 18. ยโสธร 19. ขอนแก่น  20. มหาสารคาม 21. ฉะเชิงเทรา 22. นครนายก และ 23. ปราจีนบุรี รวม 144 อำเภอ 1,075 ตำบล 8,031 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 563,010 ครอบครัว 1,877,106 คน มีผู้เสียชีวิตสะสมมาตั้งแต่เมื่อครั้งพายุนกเตนจนถึงล่าสุดรวม 136 คน เพิ่มขึ้นจากวันที่ 20 ก.ย. จำนวน 6 คน และยังสูญหายอีก 2 คน

วันเดียวกันมีรายงานว่า กรมทรัพยากรธรณีได้แจ้งเตือนให้ระมัดระวังน้ำป่าและดินถล่มในพื้นที่ จ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษในระยะ 1-2 วันนี้ หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน

ส่วนพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา แม่น้ำมูลเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประมาณ 10 หลัง ในเขตเทศบาลตำบลพิมาย ซึ่งสร้างอยู่ใกล้ตลิ่ง ล่าสุดทางเทศบาลได้เร่งขุดลอกแม่น้ำมูลเพื่อระบายน้ำและหาวิธีการป้องกันแล้ว.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 12:29:31


ความคิดเห็นที่ 2058 (1573914)

ไต้ฝุ่น “โรคี” พัดถล่มประเทศญี่ปุ่น แรง 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องอพยพกว่า 1.3 ล้านคนออกจากที่อยู่อาศัย และมีความเป็นไปได้ว่าจะพัดผ่านกรุงโตเกียว รวมถึงพื้นที่เสียหายจากเหตุโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว-สึนามิ...

ความคืบหน้าสถานการณ์ไต้ฝุ่น “โรคี” พัดถล่มประเทศญี่ปุ่น ด้วยกระแสลมรุนแรง 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนทางการต้องประกาศเตือนภัยให้ชาวบ้านอพยพออกจากที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านคนนั้น สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พายุเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณพื้นที่ภาคกลาง ใกล้เมืองฮามามัตซึ จังหวัดชิซุโอกะ ในเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 21 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 12.00 น. ของวันเดียวกัน ตามเวลาไทย และอยู่ระหว่างเคลื่อนตัวไปช้าๆทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะพัดผ่านกรุงโตเกียว รวมถึงพื้นที่ที่ยังคงเสียหายจากเหตุโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อเดือน มี.ค. อย่างจังหวัดฟูกูชิมะ ที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ที่ยังคงชำรุดอยู่

อย่างไรก็ตาม โฆษกของบริษัทพลังงานเทปโก ผู้ดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ เร่งออกชี้แจงว่าไต้ฝุ่นจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ ปรมาณู ยืนยันว่าไม่มีกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลเพิ่มแน่นอน ทางบริษัทได้เตรียมมาตรการรับมือไว้หลายขั้นตอนรองรับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ สำหรับความเสียหายเบื้องต้นในพื้นที่ภาคกลาง ทางการญี่ปุ่นรายงานว่า มีชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ สูญหาย 2 ราย ซึ่งในเวลาต่อมาทางการได้ออกประกาศเตือนภัยรอบใหม่ จากเดิมที่แนะนำให้ประชาชน 1.3 ล้านคนอพยพออกจากพื้นที่ ปรับลงเป็น 330,000 คนแทน พร้อมสั่งยกเลิกประกาศเตือนภัยในพื้นที่กรุงโตเกียว กระนั้นการให้บริการรถไฟหลายสายยังคงปิดทำการชั่วคราว ขณะที่สายการบินต่างๆก็ยกเลิกเกือบ 300 เที่ยวบิน

ขณะเดียวกัน โฆษกบริษัทผลิตรถยนต์โตโยต้าเผยว่า บริษัทสั่งปิดโรงงาน 11 แห่งที่อยู่ในเส้นทางของพายุ ส่วนบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรี ก็เผยว่า บริษัทสั่งปิดโรงงานผลิตเครื่องยนต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการบิน จำนวน 5 แห่งเป็นการชั่วคราว เช่นเดียวกับ บริษัทนิสสัน ที่สั่งปิดโรงงาน 2 แห่ง เป็นการชั่วคราว ก่อนหน้านี้ช่วงต้นเดือน ก.ย. ญี่ปุ่นเพิ่งเผชิญกับเหตุภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ไต้ฝุ่น “ตาลัส” ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 30 ปี พัดถล่มพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมแล้วมากกว่า 100 ราย

ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ ที่ประเทศอินเดีย ทางการเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นเกือบ 100 ศพแล้ว ขณะที่ประเทศจีน ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมเพราะฝนตกหนักในพื้นที่ 8 มณฑล โดยเฉพาะในมณฑลชานซีและเสฉวนที่สถานการณ์รุนแรงที่สุดได้เพิ่มเป็น 70 ศพ สูญหาย 32 ราย ส่วนที่ประเทศกัวเตมาลา เกิดเหตุดินถล่มในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 15 ศพ.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 12:38:57


ความคิดเห็นที่ 2059 (1573915)

Pic_203343

 

"นาซา" คาดการณ์ ดาวเทียมหมดสภาพ อาจตกลงมาสู่พื้นโลกในสุดสัปดาห์นี้ แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลอันตรายต่อมนุษย์ เพราะจะถูกเผาไหม้ระหว่างเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และเหลือเพียงเศษซากขนาดเล็ก...

ฟ็อกซ์นิวส์อินไซเดอร์ รายงานเมื่อ 21 ก.ย. ว่า องค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) รายงานว่า ดาวเทียมหมดสภาพของนาซา ที่ใช้ตรวจสอบสภาพอากาศ อาจตกลงมาสู่พื้นโลกในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจเป็นวันศุกร์ ขณะที่สำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน (เอฟอีเอ็มเอ) กำลังเตรียมแผนรับมือ หากชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของดาวเดียวหมดสภาพตกลงมาที่สหรัฐฯ แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดยืนยันว่าจะตกใส่พื้นที่ใด

ด้าน นาซา เผยว่า ดาวเทียมมีขนาด 6-10 ตัน แต่คาดว่าจะถูกเผาไหม้ขณะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เหลือเพียงแค่ชิ้นส่วนโลหะขนาดเล็ก หนักราว 1,200 ปอนด์ ที่จะตกลงมาสู่พื้นโลก ส่วนผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ไว้ว่า ดาวเทียมหมดสภาพจะแตกกลุ่มออกเป็น 26 ชิ้น ชิ้นใหญ่อาจเป็นไทเทเนียม หนัก 250 ปอนด์ และที่เหลือเป็นอลูมิเนียมกับเหล็ก

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเศษของดาวเทียมจะตกบริเวณตอนปลายสุดของแคนาดา จนถึงตอนใต้ของอเมริกาใต้ โดยเศษซากจะกระจายออกไปราว 500 ไมล์ ขณะที่โฆษกของนาซา เผยถึงวัตถุที่จะตกลงมาว่า "มีขนาดเล็กมาก และเชื่อว่าจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์
".
 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 12:40:55


ความคิดเห็นที่ 2060 (1573916)

 

Pic_203054

 

เอลวิส และ ซิลลา Picture : News Team International
บริษัทรักษาความปลอดภัยในอังกฤษ จ้างนกแก้วมาคอว์ 2 ตัวร่วมทีม แสนรู้สามารถเลียนเสียงเห่าของสุนัขได้ และปฏิบัติหน้าที่ได้ดีเยี่ยม...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 21 ก.ย. ว่า บริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งว่าจ้าง "นกแก้วมาคอว์" 2 ตัว คอยเป็นยามดูแลความเรียบร้อยและเตือนภัย หลังทั้ง 2 ตัว ฝึกฝนการเลียนแบบเสียงเห่าของสุนัข

ทั้งนี้ เอลวิส และ ซิลลา นกแก้วมาคอว์ของเทรเวอร์ วัย 44 เบต และ ลูอิส เบต วัย 42 ปี เริ่มเลียนแบบเสียงเห่าจากสุนัขข้างบ้าน จากนั้นสามีและภรรยาคู่นี้จึงเห็นช่องทางในการอาศัยความสามารถพิเศษของนกแก้วในการทำธุรกิจ

เทรเวอร์ คุณพ่อลูก 4 เผยว่า "เราคิดว่ามันความคิดที่ดีในการประหยัดค่าจ้างสำหรับสุนัขเฝ้ายาม มันทำให้ผู้คนประหลาดใจมาก เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงเห่า แต่ไม่มีสุนัขสักตัว" นอกจากนี้เจ้านกแก้วทั้ง 2 ตัว ยังเลียนเสียงของมนุษย์คำว่า "โก อะเวย์" หรือ "ไปให้พ้น" กับคนที่พวกมันไม่รู้จัก นอกสถานที่ที่มันดูแลอยู่ ในเมืองเทลฟอร์ด มณฑลชอร์ปเชียร์ ประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ดี เจ้าเอลวิส และ ซิลลา ยังเอ่ยปากว่า "ยอดเยี่ยมจริงๆ" เมื่อมันได้รับการป้อนอาหารอีกด้วย.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-22 12:42:07


ความคิดเห็นที่ 2061 (1574075)

27 กันยา จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก โอบาม่าถึงต้องไปอยู่สนามบินลึกลับ แดนเวอร์

on วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554 with 0 comments




เขาไปเพื่อคอยบัญชาการ หรือหลบภัยจากอะไร??? คำถามที่ถูกตั้งเป็นฉากๆจากเวปเหล่านี้
Obama Ordered To Denver Airport Bunker By US Military On September 27
Obama Ordered To Denver Bunker By US Military

หรือค้นหาข่าวความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับสนามบินแห่งนี้ที่
Sinister Sites – Denver International Airport
Thoughts About Denver’s Airport Art
Anomalies At Denver International Airport
Denver Airport Murals: Prophecies From Satan!
An Open Letter To The New World Order Denver Airport
Sex and Satanism in the Denver Airport Murals
Lots of Information About Denver Airport
More Pictures With Interesting Comments
Phallic Symbols at Denver International Airport
Denver Murals Are Hidden Warnings To Barack Obama pt.2
Porn at the Denver International Airport
CNN Anchor Verifies Porn At Denver Airport


ก่อนหน้านี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ เป็นสนามบินที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด บรรดาผู้คนต่างตั้งข้อสงสัยว่าสนามบินแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์บัญชาการทางทหาร,หลุมหลบภัย หรือเพื่อสิ่งใดกันแน่

ฟิลิป ชไนเดอร์ วิศวกรด้านโครงสร้างของสนามบิน เขาได้เปิดโปงข้อมูลว่าใต้สนามบินมีสิ่งอำนวยความสะดวกจำนวนมหาศาล ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้จบชีวิตลงด้วยสาเหตุที่ยังเป็นปริศนา

ตั้งแต่มีการเปิดใช้สนามบินครั้งแรกในปี 2538 นักวิจารณ์ต่างสงสัยว่าทำไมรันเวย์ของสนามบินถึงมีรูปร่างเป็นเครื่องหมาย สวัดติกะหรือเครื่องหมายของนาซีเยอรมัน

ต่อไปนี้คือภาพจิตรกรรมทางศาสนาแปลกๆ หลายๆภาพที่ติดอยู่บนฝาผนังในเทอร์มินัล ก็ถูกสงสัยว่าน่าจะต้องการบรรยายหรือมีการเชื่อมโยงถึงการจัดระเบียบโลกใหม่




 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:06:16


ความคิดเห็นที่ 2062 (1574076)

เขื่อนอุบลรัตน์จ.ขอนแก่นเร่งระบายน้ำ


นายพิสุทธิ์ โชคคติวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงงานไฟฟ้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งดูแลเขื่อนใหญ่ 7 แห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนว่า ขณะนี้เขื่อนทุกเขื่อนมีปริมาณน้ำมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 181 เมตร (ระดับน้ำทะเลปานกลาง) คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่างแล้ว และต่ำกว่าระดับเก็บกักสูงสุดเพียง 1 เมตร เท่านั้น จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงนี้ส่งผลให้น้ำไหลเข้าอ่างถึงกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม กฟผ.ได้ประสานกับทางจังหวัดในการระบายน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยกำหนดปล่อยน้ำวันละ 26-30 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเป็นการเตรียมพื้นที่รองรับน้ำจากพายุที่จะมาอีกใน 1-2 วันนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:08:29


ความคิดเห็นที่ 2063 (1574077)

น้ำทะลักท่วม 3 อำเภอในจังหวัดลพบุรีแต่เขื่อนป่าสักฯ ยังไม่น่าห่วง

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้ลงเรือตรวจสอบสภาพน้ำในพื้นที่ จ.ลพบุรี โดยเฉพาะจุดพุคา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี พร้อมยอมรับว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกินระดับปกติไปถึง 120 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่น่าห่วงมากนัก เนื่องจากกรมชลประทานระบายน้ำอย่างเต็มระบบ และมีอ่างเก็บน้ำอีก 9 แห่ง ที่คอยรับน้ำเอาไว้ อีกทั้งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำเอาไว้ได้  ดังนั้น การวางแผนเตรียมรับปริมาณน้ำที่ทำไว้เป็นอย่างดี จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทะลักมาจากการที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ได้พังลง ส่งผลให้น้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อ.บ้านหมี่ ท่าวุ้ง และ อ.เมืองลพบุรี บางส่วน จากเดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ประกาศว่าเป็นเขตปลอดภัย ทำให้ที่นาเสียหายกว่า 1 แสนไร่ และไม่สามารถสกัดกั้นน้ำในส่วนนี้ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:08:56


ความคิดเห็นที่ 2064 (1574078)
อยุธยายังอ่วม จนท.ระดมกำลังวางแนวกั้นน้ำเพิ่ม


ตลอดทั้งวันที่ 22 ก.ย. 2554 คนงานของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา และตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 11 จันทบุรี ได้ระดมกำลังกันวางแนวกระสอบทรายเพิ่มเติมบริเวณ คันดินป้องกันน้ำท่วมตลอดแนวริมแม่น้ำ ถนนอู่ทอง หน้าเจดีย์พระศรีสุริโยทัย และกองสรรพวุธซ่อมยาง เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง และมีการกัดเซาะฐานล่างของแนวป้องกัน ซึ่งจนท.ต้องลงน้ำเพื่อนำกระสอบทรายลงไปอุดตามรอยที่ถูกน้ำกัดเซาะ ซึ่งมีแนวป้องกันยาวกว่า 2 ก.ม. โดยตลอดแนวยังมีเจ้าหน้าที่และคนงานของเทศบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย

ตั้งแต่ช่วงเช้า แขวงการทางอยุธยาเสนา ได้ทำการปิดเส้นทางการจราจร ถนนชลประทานสายบางบาล-ผักไห่ เส้นทางหมายเลข 3412 ช่วงก.ม.ที่ 8 - ก.ม.ที่ 15 ตั้งแต่แยกมิยาซาว่า ต.น้ำเต้า อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ไปจนถึงแยกโรงพยาบาลผักไห่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นระยะทางยาวกว่า 7 ก.ม. ทั้งนี้เนื่องจากระดับน้ำสูงกว่าผิวการจราจรประมาณ 80 ซ.ม.


นายศิลาเมศ กุลธนาพิสิษฐ์ นายช่วงหมวดการทางอยุธยา เปิดเผยว่า ถนนช่วงดังกล่าวไม่ได้มีการปิดกั้นคันดินป้องกันเอาไว้ เนื่องจากช่วงดังกล่าวมีน้ำขึ้นสูงมาก และมีกระแสลมแรง ซึ่งช่วงดังกล่าวนี้ เป็นช่วงที่น้ำท่วมทุกครั้ง ซึ่งได้ปิดเส้นทางดังกล่าว แล้วให้ประชาชนเลี้ยงไปใช้เส้นทางสายบางหัก-ป่าโมก หมายเลข 3501 หรือใช้เส้นทางบางหลวง-ป่าโมก ช่วงแยกวัดกอไผ่ เป็นถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 4047 สามารถไปยัง อ.ผักไห่ได้


ระดับน้ำที่อำเภอบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ท่วมสูงขึ้น ทำให้ทะลักเข้าท่วมฟาร์มปลูกต้นหยก ซึ่งเป็นไม้เศรษฐกิจที่ส่งออก ตั้งอยู่ในหมู่ 1 ต.บางหลวง อ.บางบาล ซึ่งเดิมมีคันดินป้องกันเอาไว้สูงกว่า 2 เมตร โดยฟาร์มดังกล่าวอยู่ กลางทุ่งรับน้ำใน อ.บางบาล เมื่อระดับน้ำสูงขึ้นจนถึงวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา น้ำได้ทะลักคันกั้นน้ำที่สร้างล้อมรอบพื้นที่ 5 ไร่เศษ ทำให้โรงเพาะต้นหยก และโรงเพาะชำที่มีต้นหยกนับหมื่นต้นจมน้ำทันที คนงานกว่า 10 คนช่วยลำเลียงต้นหยกออกมาไว้ที่ถนนสายบางบาล-ผักไห่ ซึ่งถูกน้ำท่วมเช่นกัน โดยค่าเสียหายมากกว่า 3 ล้านบาท



เนชั่นทันข่าว 22 กย. 2554 21:52 น.
 

 

 
ผู้ว่าฯปากน้ำพอใจผลการดันน้ำคลองลัดโพธิ์


พ่อเมืองสมุทรปราการ พอใจ ผลการผลักดันน้ำในเจ้าพระยา ลงอ่าวไทย วางแผนขยายคลองลัดโพธิ์ เป็น 100 เมตรในอนาคต ขอศึกษาผลกระทบให้รอบด้านก่อน

นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการผลักดันน้ำ ที่บริเวณคลองลัดโพธิ์ ว่า เป็นที่น่าพอใจ ที่ขณะนี้สามารถผลักดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ไหลลงสู่ทะเลได้ปริมาณมาก

โดยความเร็วในการระบายน้ำขณะนี้เพิ่มขึ้นจาก 2 นอต เป็น 6 นอต และการผลักดันน้ำโดยการใช้เรือทั้ง 6 จุด ในแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ระบายน้ำได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 15% จากอัตราการไหลปกติ

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยังกล่าวอีกว่า ทางจังหวัดมีแนวคิดที่จะขยายคลองลัดโพธิ์ ที่จากเดิมมีความกว้าง 65 เมตร ออกไปเป็น 100 เมตร ซึ่งจะทำให้คลองลัดโพธิ์ มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็จะต้องศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ก่อนจะเริ่มดำเนินการ



INN ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 22 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 16:58 น.

 

 
เขื่อนอุบลรัตนใกล้วิกฤตระดับน้ำกว่า 90% ห่วงฝนหนัก/น้ำสมทบอาจท่วมตัวเมืองขอนแก่น


       ศูนย์ข่าวขอนแก่น -คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขอนแก่น ถกเครียดเตรียมรับสถานการณ์น้ำ ระดับน้ำเขื่อนอุบลรัตน์เข้าขั้นวิกฤต ระดับน้ำกักเก็บกว่า 90.04% เผย มีน้ำเข้าเฉลี่ยวันละเกือบ 100 ล้าน ลบ.ม.แต่ระบายได้แค่ 30% ห่วงฝนตกชุกยาวถึงกลางเดือน ต.ค.ทั้งมีน้ำจากจังหวัดใกล้เคียงไหลเข้ามาสมทบ หวั่นน้ำก้อนใหญ่จากชัยภูมิใกล้ถึง จ.ขอนแก่น เร็ววันนี้ อาจทะลักท่วมเมืองขอนแก่นได้
       
      วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดขอนแก่น ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ จังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 5/2554 เพื่อรับมือสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ในปี 2554 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก 
     
       นายพิพัฒน์ คงศิลป์ทวีกุล หัวหน้าฝ่ายเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ได้แจ้งให้ทราบว่าสถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำสูงถึง 2,189.15 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 90.04% ของความจุอ่าง ขณะที่น้ำไหลเข้าเฉลี่ยวันละเกือบ 100 ล้าน ลบ.ม. แต่ระบายได้แค่วันละ 30% ของน้ำไหลเข้า ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนพุ่งสูงขึ้น จนเข้าขั้นวิกฤต
       
       อีกทั้งน้ำเหนือจากจังหวัดเลย หนองบัวลำภู และเพชรบูรณ์ มีแนวโน้มไหลเข้ามากขึ้น คาดการณ์ว่า จะมีฝนตกชุก ยาวต่อเนื่องไปถึงกลางเดือนตุลาคม โดยเฉพาะช่วงระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย.นี้ ฝนจะตกหนักถึง 80% ของพื้นที่ ขณะที่ปัจจุบันเขื่อนสามารถรองรับได้อีกแค่ประมาณ 242 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น คาดการณ์ว่าช่วงครึ่งเดือนกันยายน ถึงตุลาคมปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างจะมีประมาณ 1,200-1,500 ล้าน ลบ.ม.       
       
       สถานการณ์ขณะนี้ ค่อนข้างน่าเป็นห่วงปริมาณน้ำไหลเข้า 100 แต่ระบายออกได้แค่ 30 หากระบายน้ำปริมาณมาก จะกระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งน้ำพองขณะนี้แทบจะรับไม่ไหวแล้ว บางพื้นที่น้ำเริ่มท่วมพืชผลทางการเกษตรและนาข้าว ได้รับความเสียหายแล้ว
       
       ด้าน นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้เขื่อนอุบลรัตน์ปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นจากเดิม 30 ล้าน ลบ.ม.เป็น 34 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อป้องกันความเสียหายของเขื่อน และให้มีพื้นที่เพียงพอรองรับน้ำจากเลย เพชรบูรณ์ และหนองบัวลำภู รวมทั้งปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ตามที่การพยากรณ์อากาศ ระบุว่าฝนอาจตกนานถึงกลางเดือนตุลาคม แต่หากฝนเกิดทิ้งช่วง อาจจะช่วยลดวิกฤตน้ำเขื่อนได้บ้าง
       
       ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่นได้เตรียมความพร้อมจัดทำพนังกั้นน้ำในพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมไว้แล้ว และขอให้ประชาชนที่อยู่ริมน้ำทั้งน้ำพองและน้ำชีเฝ้าระวัง และเตรียมตัวตลอดเวลาเพื่อรับสถานการณ์ทั้งน้ำฝนและน้ำเหนือจาก จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นน้ำก้อนใหญ่ที่ชลประทานแจ้งว่ามากถึง 57 ล้าน ลบ.ม. มีความสูงประมาณ 1.8-2 เมตร กำลังเคลื่อนใกล้จะถึงรอยต่อจังหวัดขอนแก่นอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำพองและน้ำชีเอ่อสูง อาจทะลักเข้าเขตอำเภอเมืองได้



ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 22 กันยายน 2554 16:41 น

 

เขื่อนสิริกิติ์ระบายน้ำเพิ่ม 57 ล้านลบ.ม.


 

เขื่อนสิริกิติ์ ระบายน้ำเพิ่ม หลังน้ำมีปริมาณมากถึง 97.78% คาดภายในอาทิตย์หน้าน้ำจะเต็ม

นายธนรัชต์ ภุมมะกสิกร ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ ฝ่ายปฏิบัติการ เปิดเผยว่า ด้วยเขื่อนได้รับการประสานกรมชลประทาน ขอปรับการระบายน้ำจากเขื่อน เพื่อลดผลกระทบต่อระดับน้ำในลำน้ำน่านท้ายเขื่อน บริเวณพื้นที่จ.พิษณุโลก เขื่อนสิริกิติ์

จึงขอประกาศให้ทราบว่าจะระบายน้ำวันละ 57 ล้านลูกบาศก์เมตร ด้วยอัตราการระบายคงที่ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 23 ก.ย. 2554 และจะปรับแผนการระบายน้ำเป็น 60 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 2554 เป็นต้นไป เพราะน้ำได้ไหลเข้า 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ก็ได้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนมากถึง 240 ล้านลูกบาศก์เมตร และภายในอาทิตย์หน้า คาดว่าน้ำจะเต็มเขื่อนพอดี

และจะมีการปรับการระบายน้ำครั้งนี้จะทำให้น้ำในแม่นํ้าน่าน บริเวณพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ มีระดับมากขึ้น หากเกิดมีฝนตกหนักด้านท้ายเขื่อน สำหรับการระบายน้ำนั้น มีคณะกรรมการร่วมกันพิจารณากำหนดการระบายน้ำ พร้อมทั้งมี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมทรัพยากรน้ำ โดยการปล่อยน้ำแต่ละครั้ง จะมองภาพรวมทั้งประเทศว่าจะมีผลกระทบหรือไม่ ในแม่น้ำปิง, วัง, ยม และ น่าน



INN ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 22 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 20:57 น.

 
 
น้ำโขงสูงท่วม 4 ชุมชนเทศบาลบ้านด่าน อ.โขงเจียมรอบสอง

 

        อุบลราชธานี-แม่น้ำโขงหวนกลับไหลท่วมชุมชนในเทศบาลตำบลบ้านด่าน อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เป็นรอบที่สอง ทำให้ 4 ชุมชนถูกน้ำท่วมชาวบ้านกว่า 70 ครอบครัวต้องอพยพ และคาดว่าระดับแม่น้ำโขงยังสูงต่อเนื่องจากอิทธิพลของน้ำฝนและแม่น้ำมูลที่ไหลลงมาสมทบ ก่อนไหลเข้าสู่ประเทศลาว       
       
      วันนี้(22 ก.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับแม่น้ำโขงที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งวันนี้สูง 15.34 เมตร ทำให้น้ำล้นตลิ่งไหลท่วมร้านค้าริมแม่น้ำโขง ทำให้ร้านค้าบางแห่งต้องปิดกิจการ ส่วนบางแห่งที่น้ำยังท่วมไม่มาก ต้องใช้ไม้กระดานวางให้ลูกค้าเดินเข้าออกร้าน ปัจจุบันในเขตเทศบาลตำบลบ้านด่านมีชุมชนถูกน้ำท่วมแล้ว 4 ชุมชน คือ ชุมชนบ้านน้อยพัฒนา ชุมชนโนนสวรรค์ ชุมชนปากมูล และชุมชนตลาดใหม่ โดยบ้านบางหลังถูกน้ำท่วมบ้านสูงกว่า 1 เมตร
       
       และทำให้ชาวชุมชนกว่า 70 ครอบครัว ต้องอพยพมาอาศัยในจุดที่สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านด่านนำเต้นท์มากางให้พักอาศัยชั่คราวตามริมถนน และน้ำท่วมครั้งนี้ ถือเป็นการถูกน้ำท่วมรอบที่ 2 หลังจากแม่น้ำโขงหนุนสูงไหลท่วมไปแล้วเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
       
        ด้านศูนย์อุทกวิทยา อ.โขงเจียม ระบุว่า แม่น้ำโขงมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ รวมทั้งถูกน้ำจากแม่น้ำมูลที่ไหลลงมาสมทบที่ปากแม่น้ำมูล ทำให้แม่น้ำโขงมีปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ และคาดการณ์
ว่าระดับน้ำจนถึงปลายเดือนกันยายน จะมีน้ำล้นตลิ่งสูงกว่า 1.50 เมตร

 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:11:31


ความคิดเห็นที่ 2065 (1574079)
ลพบุรี-น้ำล้นเขื่อนป่าสัก ท่าวุ้ง-บ้านหมี่ยังอ่วม




สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอบ้านหมี่และท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากประตูระบายน้ำบางโฉมศรี พังยังวิกกตหนักเข้าสู่วันที่ 4 ระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นและขยายวงกว้าง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำมากเกินกักเก็บแล้ว

( 22 ก.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดลพบุรี ล่าสุดยังอยู่ในช่วงที่อันตรายอย่างมากหลังจากที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ ทั้ง 4 ตำบล คือ ตำบลมหาสอน ตำบลบางพึ่ง ตำบลบางขาม ตำบลบ้านชี  โดยเฉพาะที่ตำบลมหารสอน และตำบลบางขาม ที่อ่วมหนักมีน้ำที่ไหลแรงและเชี่ยวมาก บางพื้นที่ถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 3 เมตร หมู่บ้านถูกตัดขาดไม่สามารถเข้าออกได้ เนื่องจากน้ำแรงและชาวบ้านขาดเรือและเสื้อชูชีพเกรงจะเกิดอันตราย จึงไม่กล้าเดินทางไปไหนต้องอยู่ตามริมถนน

ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ สั่งเฝ้าดูสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งกำลังทหารเข้าช่วยเหลือวัวที่ติดเกาะอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลมหาสอน ออกมาได้แล้วบางส่วน และจะเร่งช่วยออกมาให้ได้หมดโดยเร็ว คาดวันนี้น่าจะอพยพวัวออกมาได้ทั้งหมดเพื่อนำมาไว้ที่ปลอดภัย

ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เริ่มวิกฤตแล้วหลังปริมาณน้ำในเขื่อนเกินระดับเก็บกัก โดยมีน้ำอยู่ในเขื่อนกว่า 116เปอร์เซ็นต์ ระดับน้ำอยู่ที่ระดับน้ำในอ่าง : + 42.75 ม.รทก.ปริมาตรน้ำ : 916.25 ล้าน ลบ.ม.

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างทั้งหมดเท่ากับ : 622.48 ลบ.ม./วินาที หรือ 53.78 ล้าน ลบ.ม./วัดระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนฯ : +16.76 ม.รทก.ปริมาณการระบาย.อัตราการระบายน้ำ 500.10 ม./วินาทีหรือ 43.21 ล้านลบ.ม. /วินาที อาจส่งผลกระทบต่อท้ายเขื่อนได้ ตั้งแต่จังหวัดสระบุรี และพระนครศรีอยุธยา



ครอบครัวข่าว 3 วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:12:17


ความคิดเห็นที่ 2066 (1574080)
 
ยอดผู้เสียชีวิตและสูญหายจากไต้ฝุ่น"โรคี" 16 คนแล้ว


ยอดผู้เสียชีวิตและสูญหายจากไต้ฝุ่น"โรคี"ที่พัดถล่มญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 16 คนแล้ว

ล่าสุดไต้ฝุ่น"โรคี"กำลังเคลื่อนตัวไปทางเหนือ หลังจากที่อิทธิพลของไต้ฝุ่นทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกที่ ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะโรงที่ 1 เผยว่า โรงไฟฟ้าไม่ได้รับผลกระทบ จากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้เพื่อสังเกตการณ์ตามโรงไฟฟ้า ไม่พบการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีทั้งจากน้ำและอากาศโดยรอบ

ทั้งนี้ไต้ฝุ่น"โรคี"เคลื่อนตัวมายังเกาะฮอกไกโดทางเหนือของญี่ปุ่นในเช้าวันนี้ หลังอ่อนกำลังลงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเหลือ 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังไม่มีรายงานความเสียหาย


ครอบครัวข่าว 3
วันพฤหัสบดี ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:14:37


ความคิดเห็นที่ 2067 (1574081)
 
เหตุน้ำท่วมจีนเสียชีวิตเพิ่มเป็น 90 สูญหายอีก 22 ราย


จีน 22 ก.ย.-สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศจีน ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 90 คน และอีก 22 คนสูญหาย

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องนานหลายวัน ทำให้หลายพื้นที่ทางภาคเหนือ ภาคกลาง และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะในมณฑลเหอหนาน ฉ่านซี และเสฉวน ทำให้ประชาชนกว่า 1.6 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำและถูกดินถล่มทับแล้วกว่า 90 คน สูญหาย 22 คน บ้านเรือนประชาชนกว่า 120,000 หลังคาเรือน และพื้นที่เพาะปลูกหลายล้านไร่ถูกน้ำท่วมและเสียหาย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 26,000 ล้านหยวน (ประมาณ 120,000 ล้านบาท) ทางการได้จัดส่งเต็นท์ ผ่าห่ม เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงอาหารและน้ำดื่มหลายหมื่นชุดให้กับผู้ประสบภัยแล้ว ขณะที่คาดว่าฝนจะยังตกต่อเนื่องจนถึงสุดสัปดาห์นี้ 


สำนักข่าวไทย
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:15:09


ความคิดเห็นที่ 2068 (1574082)
เหตุพายุฝนกระหน่ำ-น้ำท่วมในจีน ดับแล้ว 70 อพยพเกือบ 2 ล้าน


เอเอฟพี - รัฐบาลจีนเผย ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุพายุฝนกระหน่ำ-ดินถล่มในภาคเหนือ กลางและตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เพิ่มขึ้นเป็น 70 คน ชาวบ้านอพยพย้ายที่อยู่อาศัยรวมทั้งสิ้นเกือบ 1.7 ล้านคน
       
กระทรวงกิจการพลเรือนจีนเผยเมื่อช่วงค่ำ(20 ก.ย.)ว่า พายุฝนที่กระหน่ำมณฑลเหอหนาน ส่านซี และซื่อชวน(เสฉวน) อย่างต่อเนื่องหลายวัน อันเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมหนักและดินถล่ม ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 70 ราย สูญหายอีก 32 คน และจำนวนผู้อพยพย้ายที่อยู่อาศัยรวมทั้งสิ้นราว 1.66 ล้านคน ขณะที่บ้านเรือนพังเสียหายโดยรวมกว่า 120,000 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายอีกจำนวนมาก สำหรับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ได้รับการคาดการณ์ล่าสุดอยู่ที่ราว 26,090 ล้านหยวน
       
สำนักข่าวซินหวารายงานว่า รัฐบาลมณฑลซื่อชวน(เสฉวน) ได้สั่งการชาวจีนมากกว่า 600,000 คน ให้อพยพย้ายที่อยู่อาศัย เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำจยาหลิง ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำแยงซีเกียง เพิ่มสูงเกินระดับอันตรายถึง 7 เมตร และได้รับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงอีก
       
กระทรวงกิจการพลเรือนเผย ขณะนี้ทีมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้กระจายกำลังไปยังพื้นที่ประสบภัยเพื่อดำเนินการแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น อาทิ เต๊นท์ ผ้าห่ม เสื้อผ้า ฯลฯ พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าพายุฝนกำลังจะสงบในอีกไม่นาน
       
ทั้งนี้ จีนประสบกับพายุฝนกระหน่ำตลอดช่วงฤดูร้อน โดยเมื่อปีที่ผ่านมา(2553) เกิดเหตุน้ำท่วมรุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 4,300 คน



 

ภาพเหตุการณ์น้ำท่วมในอำเภอก่วงอาน มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา (ภาพเอเอฟพี)
แม่-ลูกชาวจีน นั่งอยู่นอกบ้านของตนหลังจากถูกน้ำท่วมหนัก (ภาพเอเอฟพี)
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:16:15


ความคิดเห็นที่ 2069 (1574083)

เชี่ยวชาญชี้ “กาฐมาณฑุ” เสี่ยงสุดเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่-สูญเสียรุนแรง

บ้านเรือนในเนปาล ซึ่งยังสร้างด้วยอิฐ อาจได้รับความเสียหายร้ายแรงจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้


เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญเตือน กาฐมาณฑุเป็นหนึ่งในเมืองเสี่ยงที่สุดในโลก ซึ่งต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่คาดว่า อาจคร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นราย และตัดขาดผู้รอดชีวิตจากความช่วยเหลือภายนอกประเทศ
       
เดฟ เพตลีย์ นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ อธิบายว่า แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ในเนปาล เป็นเหมือน “เสียงปลุก” สำหรับเมืองหลวง ที่แออัดด้วยประชากร 2 ล้านคน และเชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วยถนน 3 สาย กับอีก 1 รันเวย์ เท่านั้น
       
“พื้นที่สำคัญที่น่าเป็นห่วงอยู่ใจกลาง และทางตะวันตกของเนปาล ที่ซึ่งไม่มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน” เพตลีย์ กล่าว หลังแรงสั่นสะเทือนระดับ 6.9 สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนหลายร้อยหลังทางตะวันออกของประเทศเมื่อวันอาทิตย์ (18)
       
เขาชี้ว่า เนปาลอยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวสูง เนื่องจากตั้งอยู่บนรอยปะทะของแผ่นเปลือกโลกอินเดีย และ ยูเรเชีย ซึ่งก่อให้เกิดเทือกเขาหิมาลัย โดยหุบเขากาฐมาณฑุมักเกิดธรณีพิโรธรุนแรงทุกๆ 75 ปี โดยเฉลี่ยจากช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา
       
เมื่อ 77 ปีก่อนเคยเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งทำลายบ้านเรือน 1 ใน 4 ของกรุงกาฐมาณฑุ และนักธรณีวิทยา ก็เชื่อว่า พื้นที่นี้ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแรงสั่นสะเทือนระดับ 8.0 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแผ่นดินไหวที่เฮติในปีที่แล้ว ซึ่งคร่าชีวิตชาวบ้านไปมากกว่า 225,000 คน ถึง 10 เท่า
       
เพตลีย์จากสถาบันด้านภัยอันตราย ความเสี่ยง และการฟื้นตัวแห่งมหาวิทยาลัยเดอแรมในอังกฤษ ยังชี้ว่า บ้านเรือนในตัวเมืองหลวงของเนปาล ซึ่งก่อสร้างจากดิน อิฐ และไม้นั้น ไม่มีความแข็งแรงพอจะรับมือกับแผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก
       
กลุ่มวิจัยจีโอฮาซาร์ด อินเตอร์เนชันนัล ในสหรัฐฯ วัดความเป็นไปได้ของยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.0 ขึ้นไป ที่จะถล่มหลายเมืองในเอเชีย และอเมริกา พบว่า กาฐมาณฑุอยู่อันดับสูงสุดจาก 21 เมือง ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 69,000 ราย นำอิสตันบูล และ นิวเดลี
       
ด้าน สมาคมเทคโนโลยีแผ่นดินไหวแห่งชาติ (เอ็นเอสอีที) ซึ่งตั้งขึ้นหลังเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.5 ที่คร่าผู้คนในเมืองทางตะวันออกของเนปาลไปกว่า 700 คน เมื่อปี 1988 ประเมินว่า หากเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.0 ถล่มกรุงกาฐมาณฑุ จะมีถึง 200,000 ชีวิตต้องตาย และอีก 200,000 รายบาดเจ็บสาหัส ประชาชนจะไร้ที่อยู่อาศัยถึง 1.5 ล้านคน และบ้านเรือนร่วม 60% พังพินาศ



ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กันยายน 2554 12:23 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:17:15


ความคิดเห็นที่ 2070 (1574084)
 
เผยนาปรังนับแสนไร่ 5 อำเภอในกรุงเก่าจ่อจมบาดาลหมด

       พระนครศรีอยุธยา - เผยน้ำเหนือเจ้าพระยาทะลักท่วมทุ่งนาปรังนับแสนไร่ 5 อำเภอของพระนครศรีออยุธยา-สระบุรี จ่อจมน้ำทั้งหมด ชาวนาเริ่มทำใจถ่ายรูปทำประวัติแจ้งนาเสียหายขอเงินชดเชยแล้ว เหตุกั้นน้ำยากเป็นทุ่งใหญ่น้ำทะลักเข้าทุกด้าน จนยากแก่การป้องกัน
       
       นายทองหยอด ศิรินาค อายุ 57 ปี ชาวนา ต.พระนอน อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตนทำนาปรังกว่า 11 ไร่ เหลืออีกไม่เกิน 10 วันก็จะทำการเกี่ยวข้าวได้แล้ว แต่ก็ต้องปล่อยทิ้งอย่างน่าเสียดายเมื่อน้ำจำนวนมากทะลักเข้าท่วม ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้นตนก็จะได้กำเงินแสนเพื่อไปใช้หนี้สิน และพอเหลือเก็บไว้ช้างบ้าง แต่พอเจอน้ำท่วมหนักอย่างนี้เงินแสนที่ตนคาดว่าจะได้รับกลับสูญหายไปในพริบตา
       
       นายทองหยอด บอกด้วยว่า นาที่เห็นเป็นทุ่งใหญ่สุดตาทั้งหมดรวมเนื้อที่แล้วเป็นแสนไร่อยู่ในเขต 5 อำเภอ 2 จังหวัด ประกอบด้วย อำเภอนครหลวง บางปะหัน มหาราช และอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี น้ำเหนือที่ไหลบ่าลงมาทะลักเข้าท่วมทุ่งนาใหญ่หลายด้าน โดยน้ำจากแม่น้ำลพบุรี ได้ไหลเข้าท่วมทางอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี แล้วไหลเข้าทุงมหาราช ออกทุ่งท่าเรือ มาท่วมที่ทุ่งนครหลวง ส่วนหนึ่งยังถูกน้ำจากคลองชัยนาท ป่าสัก ไหลเข้าท่วมอีก ระดับน้ำในนาข้าวขณะนี้สูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80-100 เซนติเมตร รถเกี่ยวข้าวไม่สามารถลงไปเกี่ยวข้าวได้ และที่สำคัญน้ำที่ท่วมทำให้โคนต้นข้าวเริ่มเน่าหมดทั้งทุ่ง
       
       นายทองหยอด กล่าวต่ออีกว่า น้ำเริ่มทะลักเข้าท่วมได้ไม่นานต้นข้าวกำลังออกรวงแต่ละแปลงเหลืออีกไม่เกิน 10-20 วัน ก็สามารถเกี่ยวได้แล้ว เหตุที่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากเป็นทุ่งขนาดใหญ่ ชาวนาแถบอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทำคันป้องกันน้ำที่จะไหลมาทางคลองชลประทานไปแล้ว แต่จุดอื่นไม่มีการป้องกันและน้ำมาเร็วจึงไหลทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่
       

       “ขณะนี้ชาวนาทั้งหมดทำได้เพียงเข้าไปถ่ายภาพทำประวัติแปลงนาทุกแปลง เพื่อขอรับเงินชดเชยจากทางรัฐบาลไร่ละ 2,222 บาทเท่านั้น ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวม่คุ้มกับตันทุนเลย และยังไม่ทราบว่าในฤดูทำนาครั้งต่อไปพวกเราจะนำเงินที่ไหนมาทำนาต่อ” นายทองหยอด กล่าว



ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 22 กันยายน 2554 14:17 น.
ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:20:08


ความคิดเห็นที่ 2071 (1574085)

 

สรุปข่าว จาก ข่าวสด

ทะลักท่วม ปิดถนนพหลโยธิน

ช่วงผ่านชัยนาท ไปยังมโนรมย์ รบ.สนองรับสั่ง ผันน้ำลงทะเล ที่คลองลัดโพธิ์




พหลโยธิน - พนังกั้นน้ำใน ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท เกิดพังครืนลง ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมถนนพหลโยธิน ช่วงก.ม.ที่ 290 จนต้องสั่งปิดถนนช่วงดังกล่าว และอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.

"ยิ่งลักษณ์" ประชุมแก้ปัญหาน้ำท่วม น้อมรับพระราชดำริในหลวง เป็นแนวทางแก้ปัญหา ส่งเรือผันน้ำออกทะเล ก่อนพายุฝนระลอกใหม่จะมา ปภ.สรุป 24 จว.ยังอ่วม ยอด ตายแล้ว 130 ศพ อุตุฯ เตือนฝนถล่มต่อภาคเหนือ-กลาง-อีสาน "ชัยนาท" พนังกั้นน้ำพังอีกรอบ น้ำทะลักท่วมถนนพหลโยธิน ต้องสั่งปิดตาย "อยุธยา" ยังน่าห่วง บางบาล-ผักไห่ จมบาดาล

"ปู"ประชุมแก้ปัญหาน้ำท่วม

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมยุทธ ศาสตร์การแก้ไขปัญหาอุทกภัยในเขตกรุงเทพ มหานคร และจังหวัดใกล้เคียง โดยมีรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง จากนั้นนายกฯ และนายปลอดประสพได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนำภาพถ่ายผ่านดาวเทียมและแผนที่เส้นทางน้ำมาอธิบายประกอบ

นายกฯ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เป็นช่วงที่น้ำทะเลลง ตนจึงสั่งการไปตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมมือกับกรมชลประ ทาน ดำเนินการผันน้ำและระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้น้อมนำกระแสพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องการเร่งระบายน้ำมาดำเนินการ โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทำให้ได้เรือเข้ามาช่วยผันน้ำถึง 30 กว่าลำ จนสามารถปั่นกระแสน้ำให้ลัดเส้นทางขึ้น ทำให้วันนี้เห็นผลชัดเจนว่าปริมาณน้ำลดลง 20 ซ.ม. นอกจากนี้หน่วยทหารยังจะส่งเรือมาช่วยเพิ่มเติม ซึ่งตนได้สั่งให้เร่งหาจุดผันน้ำเพิ่มขึ้นอีก และการประชุมวันนี้เพื่อให้ทุกจังหวัดที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ กทม.เตรียมพร้อมรับน้ำที่จะไหลลงมาจากภาคเหนือ

ห่วงภาคกลาง-เหนือตอนบน

เมื่อถามว่า ยังมีจุดไหนที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ที่น่าห่วงคือพื้นที่ภาคกลาง เนื่องจากปริมาณน้ำทั้งจากภาคเหนือตอนบนและตอนล่างกำลังไหลบ่าลงมา แต่จากการหารือในวันนี้ค่อนข้างสบายใจในระดับหนึ่ง เพราะมีมาตรการป้องกันและการรับมือจากทุกหน่วยงาน ส่วนเรื่องงบประมาณยืนยันว่าไม่มีปัญหาและไม่ติดขัดแล้ว แต่บางจังหวัดอาจเป็นห่วงเรื่องกฎระเบียบ ซึ่งความเป็นจริงบางจังหวัดก็เบิกงบประมาณไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาถึง 200 ล้านบาทแล้ว แต่เพื่อความชัดเจนและสบายใจรัฐบาลจะเพิ่มวงเงินงบประมาณให้ โดยประสานกับกรมบัญชีกลาง เพื่อให้การสนับสนุน เบื้องต้นจะเพิ่มงบให้แต่ละจังหวัดที่ประสบภัยอีกจังหวัดละ 100 ล้านบาท แต่ถ้าจังหวัดไหนไม่พอสามารถขอมาได้ทันที

ส่วนที่ทาง กทม.เสนอตัวเข้ามารับผิดชอบแก้ปัญหาอุทกภัยในถนนทุกสายของ กทม.ด้วยตัวเอง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน วันนี้ กทม.ทำงานร่วมกับรัฐบาลอยู่ ส่วนตัวเห็นว่าเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน เราควรวางแผนและทำงานร่วมกัน เพราะเป็นแผนหลักของประเทศ แต่การบริหารจัดการก็อาจมาคุยกันได้เพื่อความสะดวก


เร่งผันน้ำ"คลองลัดโพธิ์"

ด้านนายปลอดประสพกล่าวว่า ได้นำเรือยนต์ลงไปผันน้ำลงสู่ทะเลทั้งหมด 7 จุดเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะจุดที่คลองลัดโพธิ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้ใช้ ถือเป็นจุดที่ดีที่สุด สามารถระบายน้ำออกสู่ทะเลได้จำนวนมาก ถ้าไม่ทำเส้นทางน้ำจะต้องอ้อมไปถึง 17 กิโลเมตร นอกจากเส้นทางลัดที่คลองลัดโพธิ์แล้วที่ย่านรังสิตก็มีคลองที่ทำในลักษณะเดียวกันได้ โดยระบายน้ำออกไปทาง จ.สมุทรปราการ อย่างไรก็ตาม อีก 4-5 วันจะเป็นช่วงน้ำทะเลขึ้น เราจะหยุดการนำเรือยนต์ไปผันน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา และไปทำในจุดที่ทำได้แทน ซึ่งหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาระบุมีเครื่องดันน้ำ 19 เครื่อง ซึ่งจะนำมาติดตั้งโดยเร็วที่สุด โดยประสานกับกรมชลประทานให้เข้าไปดำเนินการโดยเร็ว สำหรับสถานการณ์ล่าสุดขณะนี้พื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานถือว่าปลอดภัยแล้ว ส่วนภาคกลางถ้าโชคดีสถานการณ์คงไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ หลังจากเราระบายน้ำออกไปสู่ทะเลได้ แม้จะมีปริมาณฝนตกมาเพิ่มก็พอจะรับมือได้

ศอส.แถลง 24 จว.ยังหนัก

วันเดียวกัน นายภานุ แย้มศรี ผอ.ศูนย์อำนวยการและบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกรรมการและเลขานุการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 24 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ชัยภูมิ ยโสธร ขอนแก่น มหาสารคาม ศรีสะเกษ ฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี รวม 165 อำเภอ 1,243 ตำบล 9,369 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 588,347 ครัวเรือน 1,916,986 คน เสียชีวิต 130 ราย สูญหาย 2 ราย พื้นที่การเกษตร 4,192,131 ไร่ พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อปลา 54,852 บ่อ/กระชัง สัตว์ได้รับผลกระทบ 3,954,046 ตัว น้ำท่วมเส้นทางไม่สามารถสัญจรผ่านได้ แยกเป็น ทางหลวง 27 สาย ใน 10 จังหวัด ทาง หลวงชนบท 76 สาย ใน 19 จังหวัด

เฝ้าระวังระดับน้ำสูงขึ้น

นายภานุกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ ลุ่มน้ำน่าน ที่ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ลุ่มน้ำปราจีน บุรี ที่ อ.กบินทร์ จ.ปราจีนบุรี ลุ่มน้ำมูล ที่ อ.โนนไทย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา และ อ.ตระการพืชผล อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบล ราชธานี อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด อ.ห้วยทับทัน อ.ราษีไศล อ.กันทรา รมย์ จ.ศรีสะเกษ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ลุ่มน้ำโขง ที่ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ลุ่มน้ำชี ที่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ อ.จังหาร อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด โดยเฉพาะ อ.มัญจาคีรี และ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ให้เฝ้าระวังภาวะน้ำล้นตลิ่งในวันที่ 23-24 กันยายนนี้ ลุ่มน้ำท่าจีน ที่อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณ บุรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.นคร สวรรค์ 4,038 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,721 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้มีน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ 8 จังหวัดได้รับผลกระทบ ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ทั้งนี้ ได้ประสานให้ทั้ง 8 จังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตลอดจนจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลต่างๆ เพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที



ปลาบปลื้ม - ชาวบ้านท่านางงามพายเรือมารับถุงยังชีพพระราชทาน ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ศาลาอเนกประสงค์ ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 21 ก.ย.

เตือนยังมีฝนตกชุกอีก


นายภานุกล่าวต่อว่า ในช่วงวันที่ 21-23 ก.ย. นี้มีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่งผลให้มีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก รวม 13 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี เลย หนองบัวลำภู นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สำหรับพื้นที่ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังดินโคลนถล่มในช่วง 1-2 วันนี้ มี 6 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ (อ.หล่มเก่า, หล่มสัก, เมือง) เลย (อ.ด่านซ้าย) พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ, วังทอง, เนินมะปราง, นคร ไทย) ขอนแก่น (อ.ภูผาม่าน) จันทบุรี (อ.มะ ขาม, ขลุง, เขาคิชกูฏ) ตราด (อ.เขาสมิง, บ่อไร่) ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลาดเชิงเขาเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ภัยหากพบสัญญาณการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติให้รีบอพยพไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัย ทั้งนี้ ศอส.ได้กำชับให้โรงพยาบาล 16 แห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ริมแม่น้ำ โดยเฉพาะโรงพยาบาลอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เตรียมเสริมแนวกระสอบทรายให้มีความมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าท่วมโรงพยาบาล พร้อมเตรียมแผนอพยพคนไข้หากสถานการณ์วิกฤต


ปภ.สรุปตายแล้ว 130 ศพ

เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แถลงภายหลังการประชุมยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาอุทกภัยในเขต กทม.และจังหวัดใกล้เคียงในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.2554 ว่า งบประมาณเพื่อช่วยเหลือน้ำท่วมถือว่าไม่มีปัญหา ขณะนี้อยู่ระหว่างการบริหารจัดการน้ำ เช่น การผลักดันน้ำออกสู่ทะเล กำจัดสิ่งที่กีดขวางทางน้ำ ทั้งอาคาร ขยะ ที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัดช่วยประสานกับทุกหน่วยงานเพื่อเปิดทางให้น้ำไหลผ่าน เพื่อให้มีพื้นที่รับน้ำมากขึ้น ซึ่งนายกฯ มอบให้กระทรวงมหาดไทย ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) ประสานกับทางจังหวัด ในการจัดพื้นที่โซนนิ่งกลุ่มจังหวัดที่ประสบอุทกภัย เนื่องจากปัญหาแต่ละจังหวัดจะส่งผลกระทบถึงกัน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รวม 130 ราย สูญหาย 2 รายที่ จ.แม่ ฮ่องสอน และที่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ คาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นน่าจะเกิน 20,000 ล้านบาท ยังไม่นับรวมงบประมาณที่จะช่วยเหลือประชาชน


อธิบดีกรมชลฯสั่งเร่งผันน้ำ

นายชลิต ดำรงค์รัตน์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในขณะนี้ยังดูแลได้ และจุดรับน้ำที่บางไทรถือเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่น้ำจะเข้า กทม.และขณะนี้มีน้ำผ่านที่ประมาณ 2,981 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม.) หากมีน้ำผ่าน 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาทีจะส่งผลต่อกทม. น้ำส่วนนี้เมื่อมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาเราจะผันน้ำออกสู่ทะเลทั้งด้านทิศตะวันออกทางแม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง ส่วนทางตะวันตกจะออกทางแม่น้ำท่าจีน นอกจากนั้นนายกฯ มอบหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ช่วยผลักดันน้ำในคูคลอง จะช่วยให้น้ำออกทะเลได้มากขึ้น เพราะขณะนี้คาดว่าปริมาณน้ำยังสูงอยู่โดยเฉพาะที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


ฝนจ่อถล่ม"โคราช-ลพบุรี"

ด้านนายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชล ประทาน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ที่ประชุมกังวลร่องมรสุมที่จะเกิดขึ้น 2 ระลอก คือระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย.นี้ ที่จะมีอิทธิพลพัดผ่านในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างกับภาคกลาง และวันที่ 23-26 ก.ย.ร่องมรสุมจะพัดผ่านอีกครั้งในเขตภาคอีสาน ดังนั้น พื้นที่ที่ควรเฝ้าระวังคือ จ.ลพบุรี เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่น้ำท่วมในปีที่ผ่านมา น้ำทั้งหมดจะไหลเข้าสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ในขณะนี้มีปริมาณเต็มความจุของอ่างแล้ว ดังนั้น เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนดังกล่าวกรมชลประทานจึงเร่งระบายน้ำออกจากเดิมที่ 300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เป็น 500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 600 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในกรณีที่มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยการระบายออกจากเขื่อนดังกล่าวไหลผ่านคลองชัยนาท-ป่าสักฯ ลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา ที่คาดว่าจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเพิ่มขึ้นอีก 200 ลูกบาศก์เมตร/วินา



เหลิมชี้โผนายพลเสร็จต.ค.นี้ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีนโยบายปรับเลื่อนระดับนายดาบขึ้นมาเป็นนายร้อยว่า เรียบร้อยแล้ว และงบประมาณก็เพียงพอ ตนในฐานะเป็นตำรวจมาก่อนเข้าใจตำรวจด้วยกันดี นายดาบถ้าเข้าอบรมเพื่อปรับยศเป็นร.ต.ท.หรือร.ต.อ. ไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนเพราะเงินเดือนเขาถึงแล้ว ดังนั้น จึงกำหนดอายุที่ 53 ปี และบอก สตช.ว่าถ้าเขาอยู่หน่วยงานไหนก็ให้ขึ้นหน่วยงานนั้น เพราะกองบังคับการฝึกมีทุกกองบัญชาการ และหรือตนจะกำหนดหลักสูตรสั้นๆ เพื่อจะไม่ให้มีการพิจารณาเพราะถ้าพิจารณาจะเป็นที่มาการคอร์รัปชั่น ดังนั้น ตนจะกำหนดกฎเกณฑ์ภายใต้กรอบ ระเบียบที่มี และดูว่าควรเข้ารับการอบรมอย่างไรตามที่เขาชำนาญการ อาทิ สายตรวจ จราจร เสมียนประจำวัน ซึ่งเป็นงานง่าย ดังนั้น เพียงแค่หัดให้เขาทำความเคารพในท่ากระบี่เป็นก็เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ได้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ไปแล้ว และจะเข้าอีกครั้งในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ดังนั้นเรื่องนี้จบแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจประจำปีนี้มีความคืบหน้าอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า รัฐบาลเพิ่งเข้ามา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังปรับดูชื่อ ดูตำแหน่งว่าจะมีว่างเท่าไหร่ อย่างไร คาดว่าไม่เกินกลางเดือนต.ค.ก็เรียบร้อยทั้งหมด ตนรับรองว่าคราวนี้ไม่มีแน่อักษรย่อนั้นย่อนี้ จะมีแต่ตัวเต็มเฉลิม เมื่อถามว่าตำแหน่งผบ.ตร.จะชัดเจนอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตำแหน่งผบ.ตร.เป็นหน้าที่นายกฯ ตนไม่มีหน้าที่ มาถามตนนอกเรื่อง เดี๋ยวนายกฯ ดุเอา

มั่นใจกทม.-ชานเมืองรอด

นายวีระ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเนื่องจากระหว่างทางมีประตูระบายน้ำแตกหลายแห่ง ประกอบกับช่วงดังกล่าวน้ำทะเลหนุนต่ำ ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลเร็ว แม้ว่าน้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นอีกครั้งในวันที่ 30 ก.ย.นี้ แต่คาดว่าระดับน้ำที่วัดบริเวณสะพานพุทธ จะไม่เกิน 1.70-1.80 เมตร จากวันที่ 21 ก.ย. มีระดับน้ำที่ 1.48 เมตร โดยคันกั้นน้ำของ กทม.รับได้สูงสุด 2.50 เมตร ดังนั้น สถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะทำให้จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ รอดพ้นจากภัยน้ำท่วมจนถึงกลางเดือนต.ค.นี้

"ปริมาณน้ำเหนือในปีนี้ที่ไหลมาบริเวณพื้นที่นครสวรรค์มากถึง 4,038 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในสัปดาห์นี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,200 ลูกบาศก์เมตร/วินาทีสูงกว่าปี "45 ที่มีปริมาณน้ำไหล 3,997 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ใกล้เคียงกับปี "38 ที่ไหลมากถึง 4,820 ลูกบาศก์/วินาที ดังนั้น หากมีน้ำฝนตกลงมาเพิ่มที่ จ.นครสวรรค์ จะต้องเสริมคันกั้นน้ำให้สูงขึ้นไปอีกจากปัจจุบันสูง 2 เมตรแล้ว และยังมีพื้นที่ที่น่าห่วงขณะนี้ ที่บุรีรัมย์ และโคราช หากฝนตกในพื้นที่นี้จริงคาดว่าจะเกิดน้ำท่วมซ้ำกับพื้นที่เดิมที่เคยท่วมในปี "53" นายวีระกล่าว


ผู้ว่าฯกทม.ห่วงพื้นที่รอบนอก

เวลา 15.00 น. ที่บริเวณประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ ถนนประชาร่วมใจ เขตมีนบุรี และประตูระบายน้ำคลอง 13 คลองหนองจอก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมคณะผู้บริหารกทม. ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำบริเวณกรุงเทพฯ ตะวันออก เพื่อตรวจดูการควบคุมการระบายน้ำจากคลองสายต่างๆ ในฝั่งตะวันออก โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวภายหลังตรวจสถานการณ์น้ำ ว่า ยังมีความกังวลในบริเวณกรุงเทพฯ ตะวันออก เพราะพื้นที่นี้ยังอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำที่ยังมีน้ำท่วมขัง หากมีฝนตกลงมาจะมีปัญหาการระบายน้ำได้ เนื่องจากคลอง 13 ยังมีระดับน้ำสูง ซึ่งไม่สามารถระบายไปยังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพราะขณะนี้ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังอยู่ในสภาวะน้ำเต็มพื้นที่ นอกจากนี้ จากการพยากรณ์อากาศ ตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. เป็นต้นไป คาดว่าสภาพอากาศมีฝนตกเกือบทุกวัน และระดับน้ำทะเลค่อนข้างสูง ขณะที่น้ำเหนือที่จะไหลลงมา จึงต้องมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ


กทม - ประสานเมืองปากน้ำเพิ่มแก้มลิง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกทม. ที่ประชุมได้มอบหมายให้ กทม.และจังหวัดพื้นที่ปริมณฑลร่วมกันแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของ กทม.นอกแนวคันกั้นน้ำ ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วม จะให้มีการบูรณาการแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งจากนี้ กทม. จะหารือกับ จ.สมุทรปราการ ในการเพิ่มพื้นที่แก้มลิง ซึ่งจะต้องมีการศึกษาในรายละเอียดต่อไป เพื่อหาวิธีระบายน้ำไม่ให้เกิดน้ำท่วมขัง ส่วนการแก้ปัญหาระยะสั้น หากมีฝนตกลง กทม.จะดำเนินการเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งขุดลอกคลองที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยืนยันว่าเครื่องมือหลักในการระบายน้ำทั้งประตูระบายน้ำและคลองลัดโพธิ์ สามารถที่จะช่วยระบายน้ำได้อย่างดี

อยุธยา - บางบาล-ผักไห่น้ำท่วมสูง

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การระบายน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรใน อ.บางบาล และ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ทุ่งบางบาล ฝั่งตะวันตก และทุ่งผักไห่ ฝั่งตะวันออก มีน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรมากกว่า 44,000 ไร่ จุน้ำได้มากกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. แต่ขณะนี้ระดับน้ำที่ท่วมในพื้นที่การเกษตรสูงกว่า 3 เมตร ล่าสุดน้ำที่ท่วมขังในครั้งนี้ยังไหลท่วมถนนสาย 3414 บางบาล-ผักไห่ ตั้งแต่แยกวัดตะกู ไปจนถึง อ.ผักไห่ ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ทำให้แขวงการทางพระนครศรีอยุธยาต้องประกาศปิดเส้นทางดังกล่าว เพราะขณะนี้ระดับน้ำบนผิวการจราจรมีน้ำสูงมากกว่า 50 ซ.ม. ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ไม่สามารถวิ่งได้แล้ว

อยุธยา - "กรุงเก่า"จมแล้ว 14 อำเภอ

นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ระดับน้ำระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ด้วยความเร็ว 3,721 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสาขา เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 5 ซ.ม.มีน้ำล้นตลิ่ง 14 อำเภอ พื้นที่ได้รับผลกระทบ 146 ตำบล 989 หมู่บ้าน 64,666 หลังคาเรือน ถนน 87 สาย สะพาน 5 แห่ง มัสยิด 13 แห่ง วัด 137 แห่ง โรงเรียน 77 แห่ง ปิดเรียนไปแล้ว 27 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 82,027 ไร่ ทางจังหวัดได้ขอขยายวงเงินให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเพิ่มเติมจาก 50 ล้านบาท เพิ่มอีก 200 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือในส่วนที่ยังช่วยเหลือไม่ทั่วถึง

อยุธยา - คนบางบาลโวยน้ำดื่มแพง

นางสำรวล ขำภิรมย์ อายุ 72 ปี ชาวบ้าน ต.ทางช้าง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เห็นหน่วยราชการนำถุงยังชีพมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านแล้วรู้สึกดีใจที่คนไทยได้ช่วยเหลือกันอยากให้มาบ่อยๆ เพราะของที่แจกคงจะกินได้ประมาณ 10 วัน ทุกครัวเรือนใน ต.ทางช้าง น้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ไปไหนมาไหนลำบากโดยเฉพาะน้ำดื่มไม่ค่อยเพียงพอในการบริโภคต้องออกไปซื้อซึ่งมีราคาแพงขึ้น เช่น น้ำดื่มเดิมถังละ 10 ลิตร เดิมราคาถังละ 10 บาท ขึ้นมาเป็นถังละ 15 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพง อยากให้ลดลงมาเหลือเท่าเดิม

"อ่างทอง"น้ำซัดดินทรุด

ที่ จ.อ่างทอง น้ำจากแม่น้ำน้อยเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน หมู่ที่ 7 ต.ไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง และพื้นที่หมู่ที่ 4-5 ต.บางระกำ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ทำให้วัดและบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก น้ำมีปริมาณมากไหลทะลักล้นข้ามถนนลาดยาง ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรสายหลัก เป็นระยะทางประ มาณ 2 กิโลเมตร วัดและบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก น้ำไหลลงสู่คลองชลประทานอย่างรวดเร็ว จนทำให้ดินข้างถนนเริ่มทรุดตัวลง เสี่ยงต่อภาวะถนนทรุด รถเล็กสัญจรอย่างยากลำบาก และคาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนน้ำที่ไหลลงสู่คลองชลประทานนั้นตอนนี้ได้ไหลมุ่งหน้าไปสู่คลองขุนอินทประมูล ที่ อ.โพธิ์ทอง และคลองลำท่าแดงแล้ว

อ่างทอง - ชาวบ้านปิดถนนประท้วง

เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากสมาคมกู้ภัยวีอาร์อ่างทอง ว่า มีคนถูกโอ่งบาดเข้าที่ขาซ้ายมาหาหมอที่โรงพยาบาลโพธิ์ทอง เนื่องจากห้องครัวที่บ้านเกิดพังครืนลงมาหลังจากถูกน้ำท่วมขังมานานนับสัปดาห์ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือน.ส.วรินทร ชื่นอุไร อายุ 43 ปี อยู่บ้าน เลขที่ 29 ม.3 ต.บางระกำ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พยาบาลต้องเย็บแผลให้ถึง 10 เข็มก่อนที่จ่ายยาและให้กลับไปรักษาบาดแผลที่บ้าน

ส่วนที่บริเวณถนนคลองขนาก-โพธิ์ศรี หมู่ที่ 7 ต.คลองขนาก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ชาวบ้านกว่า 50 คน รวมตัวปิดถนนประท้วงที่ไม่มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือปิดกั้นน้ำที่ไหลทะลักมาจาก ต.บางจัก ทำให้ไหลเข้าท่วมบ่อตะพาบหลายสิบบ่อ จนด.ต.ศิลปชัย สว่างโรจน์ นายก อบต.คลองขนาก ต้องออกมาเคลียร์กับชาวบ้านโดยรับปากว่าจะนำรถแบ๊กโฮมาตักดินกั้นน้ำ ชาวบ้านต่างพอใจแยกย้ายกันกลับ

"สระบุรี"จมแล้ว 12 อำเภอ

ที่ จ.สระบุรี นางวิมล ไชยวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สระบุรี เผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ วันที่ 21 ก.ย. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เก็บกักน้ำได้สูงสุด 960 ล้านลบ.ม. ปริมาณการเก็บกักน้ำของอ่างได้ 785 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักฯ วันนี้มี 912.75 ล้าน ลบ.ม. (116.72% ของปริมาณความจุอ่างปกติ) ในวันนี้เขื่อนป่าสักฯ ระบายน้ำออก 353.67 ลบ.ม.ต่อวินาที จ.สระบุรี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน รวม 12 อำเภอ (จาก 13 อำเภอ) 93 ตำบล 754 หมู่บ้าน 29,047 ครัวเรือน 79,978 คน ได้แก่ อ.หนองแค (น้ำท่วมขังระดับน้ำลดลงแล้ว) อ.วังม่วง (ท่วมขัง) อ.แก่งคอย (น้ำไหลหลากและระดับน้ำลดลงแล้ว) อ.วิหารแดง (น้ำท่วมขังและระดับน้ำลดลงแล้ว) อ.บ้านหมอ (เอ่อล้นตลิ่งและยังมีน้ำท่วมขัง) อ.เฉลิมพระเกียรติ (น้ำไหลหลากและระดับน้ำลดลงแล้ว) อ.เมืองสระบุรี (น้ำไหลหลากและระดับน้ำลดลงแล้ว) อ.มวกเหล็ก (น้ำไหลหลาก) อ.พระพุทธบาท (ยังท่วมขังและไหลบ่ามาจากอำเภออื่น) อ.เสาไห้ (เอ่อล้นตลิ่ง) อ.หนองโดน (เอ่อล้นตลิ่งและยังมีน้ำท่วมขัง) และ อ.ดอนพุด (ยังคงท่วมขัง) มีผู้เสียชีวิต 3 ราย (อ.วิหารแดง 2 ราย และ อ.หนองโดน 1 ราย)

"ชัยนาท"สั่งปิด ถ.พหลโยธิน

ที่ จ.ชัยนาท เช้าตรู่วันนี้พนังกั้นน้ำบริเวณหมู่ 9 บ้านดักคะนน ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท พังครืนลงมาทำให้น้ำไหลบ่าอย่างรุนแรง ระดับน้ำสูงจากถนนกว่า 3 เมตร คันดินที่พังมีฐานกว้างกว่า 5 เมตร ทำให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ตำบลธรรมามูลฝั่งตรงข้างถนนสายชัยนาทมโนรมย์ ซึ่งมีบ้านเรือนราษฎรรวมทั้งอาคารพาณิชย์ โรงเรียน รีสอร์ต และนาข้าวหลายพันไร่

สำหรับสาเหตุครั้งนี้เกิดจากกระแสน้ำซัดแรง แม้เจ้าหน้าที่จะใช้รถแบ๊กโฮเข้าไปช่วยปักไม้ค้ำยัน แต่ก็สู้กระแสน้ำไม่ไหวพังทลายลงมา เจ้าหน้าที่ต้องปิดการสัญจรบนเส้นถนนพหลโยธิน หลักก.ม. ที่ 290 หรือสายชัยนาท-มโนรมย์ เพื่อรักษาผิวจราจรไว้ก่อน ผลกระทบจากพนังกั้นน้ำพังครั้งนี้ จะทำให้พื้นที่ ต.ธรรมามูล ต.เขาท่าพระ ต.เสือโฮก อ.เมืองชัยนาท ถูกน้ำท่วมทั้งหมดหากไม่สามารถกั้นน้ำจุดนี้ได้ ล่าสุดมีการเร่งอพยพผู้สูงอายุ คนพิการและเด็กออกจากพื้นที่แล้ว สถานการณ์ล่าสุดกระแสน้ำยังเชี่ยวกราก ไม่สามารถทำอะไรได้

"สิงห์บุรี"ระดับน้ำยังสูง

สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สิงห์บุรี ยังอยู่ในขั้นวิกฤต ปริมาณการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 3,721 ลบ.ม./วินาที ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้างมากขึ้น ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงกระจายท่วมแผ่เป็นวงกว้างทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

ที่ อ.อินทร์บุรี วันนี้พลอากาศตรีสรชัย ชีวะกลินศักดิ์ ผู้อำนวยการกองงาน พระวรชายาฯ ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ มามอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 1,162 ชุด ให้แก่ประชาชนชาว ต.ประศุก อ.อินทร์บุรี ที่ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และได้จัดให้มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อมาให้การรักษาผู้ประสบภัยพิบัติที่มีการเจ็บป่วย และเปิดครัวสายใยรักโดยการประกอบอาหารมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ อบต.ประศุก อ.อินทร์บุรี

น้ำเซาะประตูระบายพังอีก

อ.พรหมบุรี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาท่วมขยายเป็นวงกว้าง ที่ ต.พระงาม น้ำได้เข้าท่วมเต็มพื้นที่ 6 หมู่บ้าน 1,285 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 3,850 คน โดยเฉพาะที่สำนักงาน อบต.พระงาม หมู่ 3 อ.พรหมบุรี น้ำได้เข้าท่วมและแรงดันของแม่น้ำเจ้าพระยาได้กัดเซาะหูช้างของประตูระบายน้ำพระงามด้านฝั่งตะวันออกพัง ทำให้น้ำจำนวนมากไหลทะลักไปยังคลองชลประทาน อ.โพธิ์ทอง-อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่าง ทอง-อ.ผักไห่-จ.พระนครศรีอยุธยา และอีกส่วนหนึ่งน้ำที่ท่วม ต.พระงาม ได้ไหลข้ามถนนสาย 311 สิงห์บุรี-อ่างทอง (สายเก่า) ลงคันคลองชลประทาน แล้วไหลลงพื้นที่นาไหลไปยังทุ่ง พิกุลทอง ทำให้น้ำเข้าท่วม ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี หมู่ที่ 1-5 จำนวน 1,007 ครัวเรือน ทุ่งวิหารขาว ต.วิหารขาว อ.ท่าช้าง อีก 5 หมู่บ้าน 591 ครัวเรือน ขยายเป็นวงกว้างท้องทุ่งนากลายเป็นทะเลน้ำจืดไปแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:22:16


ความคิดเห็นที่ 2072 (1574088)

.Pic_203756

 

ไต้ฝุ่นโรคีเคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะฮอกไกโดทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ส่วนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมา ไดอิจิ ที่เป็นทางผ่านของพายุไม่ได้รับความเสียหายมากนัก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตและสูญหายเพิ่มเป็น 16 รายแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ก.ย. ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุไต้ฝุ่น "โรคี" ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะฮอกไกโดทางตอนเหนือของญี่ปุ่นแล้ว หลังจากที่อ่อนกำลังลงในช่วงคืนวันพุธ แต่ก็ยังคงมีกำลังลมรุนแรง ที่ 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในเบื้องต้น ยังไม่มีรายงานความเสียหายในพื้นที่ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตและสูญหายเนื่องจากพายุ เพิ่มเป็น 16 คนแล้ว

ไต้ฝุ่นโรคี พัดผ่านพื้นท่ีภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคกลางของเกาะฮอนชู เมื่อวันพุธ ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชน 2 แสนครัวเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้ รวมถึงทำให้เกิดดินถล่มที่เมืองฮามามัตสึ และเคลื่อนตัวเข้าสู่กรุงโตเกียว ทำให้รถไฟฟ้าต้องหยุดให้บริการนานหลายชั่วโมง ทำให้ผู้โดยสารกว่า 5,000 คน ต้องหลบอยู่ในรถไฟความเร็วสูง "ชินกันเซน" ที่สถานีโตเกียวและชิสุโอกะ ตลอดทั้งคืน

พายุยังพัดผ่านพื้นที่ภัยพิบัติสึนามิซึ่งยังไม่ฟื้นตัวดีอย่างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมา ไดอิจิ และยังเกิดแผ่นดินไหวความแรง 5.3 ซ้ำอีกเมื่อช่วงเย็นวันพุธ แต่ไม่เกิดความเสียหายรุนแรงอย่างที่กลัวกัน โดยนายคาวามาตะ ฮิโรกิ โฆษกของบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ คอร์เปอเรชัน เปิดเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมา มีเพียงกล้องที่ติดไว้โดยรอบโรงไฟฟ้า พังเสียหายไปหลายตัวเท่านั้น และยืนยันว่า ไม่มีการแผร่กระจายของรังสีรอบใหม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ที่จังหวัดมิยางิ หนึ่งในพื้นที่ประสบภัยสึนามิเมื่อ 11 มี.ค. ก็ได้รับผลกระทบจากพายุเช่นกัน โดยเกิดดินถล่มขึ้นหลายจุดในพื้นที่ ทำให้ทางการท้องถิ่นต้องขอความช่วยเหลือจากกองกำลังความมั่นคง และสั่งให้โรงเรียนหยุดการเรียนการสอนทั้งหมด

เจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อท้องถิ่น ในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น รายงานว่า ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมกันแล้ว 16 ราย โดยส่วนใหญ่ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก เนื่องจากฝนที่กระหน่ำเทลงมา กลืนหายไป ขณะที่ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่ม ที่จังหวัดอิวาเตะ หนึ่งราย และที่จังหวัดเซนได มีผู้เคราะห์ร้ายอีกสองรายถูกคลื่นพัดหายไป

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 01:41:12


ความคิดเห็นที่ 2073 (1574209)

อพยพคนสิงห์บุรีด่วน น้ำซัดคันดินพัง ทะลักท่วมบ้าน



สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของ จ.สิงห์บุรี เริ่มทรงตัว ยกเว้นที่ อ.เมือง เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ต้องนำเรือท้องแบนเข้าอพยพชาวบ้านออกมา หลังคันดินกั้นน้ำพังทลาย ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว…

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. สถานการณ์น้ำใน จ.สิงห์บุรี ปริมาณการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ 3,706 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาทรงตัว ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก และเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 23 ก.ย. ร.ต.ท.ตรีเทพ สุขสอน ร้อยเวร สภ.เมืองสิงห์บุรี ได้รับแจ้งเหตุมีคนจมน้ำตาย ที่บ้านเลขที่ 61/1 หมู่ 6 ต.หัวไผ่ อ.เมือง สิงห์บุรี จึงพร้อมด้วยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งสิงห์บุรีไปงมหา ก่อนพบศพ นายสุรชัย อาวรณ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 5 ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี

จากการสอบสวน นายสุชาติ อาวรณ์ บิดาของผู้ตาย ให้การว่า ลูกชายออกไปช่วยเพื่อนบ้านเก็บข้าวของหนีน้ำท่วมตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แล้วเกิดพลัดตกน้ำจมหายไปตั้งแต่เวลา 01.00 น. ก่อนพบศพเวลา 06.00 น. จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

พื้นที่ อ.เมืองสิงห์บุรี ใน ต.บางมัญ หมู่ 2 และหมู่ 6 กระแสน้ำได้ดันพนังกั้นน้ำในหมู่บ้าน ซึ่งนายสุรัตน์ แสงแก้ว นายก อบต.บางมัญ กับชาวบ้านช่วยกันทำสูง 1.50 เมตร ยาว 3 กม. พังทลายลงมา ทำให้ชาวบ้านหมู่ 2 และหมู่ 6 จำนวน 320 ครัวเรือน ต้องรีบช่วยกันขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง โดยนายสุรัตน์ พร้อมด้วย ด.ต.สงบ หมื่นชำนาญ ผบ.หมู่ปราบปราม อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี นำเจ้าหน้าที่ ตชด.จำนวน 12 นาย และสมาคมกู้ภัยจังหวัดสิงห์บุรี ต้องนำเรือท้องแบน 3 ลำ ช่วยขนย้ายประชาชนมาอาศัยอยู่ที่วัดเสาธงทอง หมู่ 5 ต.บางมัญ เป็นการด่วน หลังจากระดับน้ำสูงขึ้นเร็วมาก

ส่วน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า ในสภาวะน้ำท่วมขณะนี้ พบว่าสถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมขัง 19 แห่ง คือ สาธารณสุขอำเภอ 3 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 16 แห่ง และทาง สสจ.ได้จัดหน่วยให้บริการตรวจสุขภาพแก่ประชาชนตามจุดอพยพต่างๆ 37 จุด คือ อ.อินทร์บุรี 10 จุด อ.เมืองสิงห์บุรี 18 จุด อ.พรหมบุรี 8 จุด และ อ.ท่าช้าง 1 จุด พบน้ำกัดเท้า 6,716 ราย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 2,863 ราย ผื่นคัน 2,787 ราย ปวดท้อง 2,004 ราย และไข้หวัด 1,914 ราย มีภาวะเครียดสูง 77 ราย ซึมเศร้า 47 ราย เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 9 ราย และต้องติดตามดูแลพิเศษ 82 ราย พร้อมทั้งส่งผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ไปยัง รพ. จำนวนทั้งสิ้น 26 ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แจกยาชุดตำราหลวง 24,151 ชุด และหากเจ็บป่วยฉุกเฉิน โทรแจ้ง 1669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านนายทวีศักดิ์ นุ่มฤทธิ์ ผอ.สพป.สิงห์บุรี ได้สั่งปิด ร.ร.ที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้วจำนวน 52 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนที่จะเดินทางมา ร.ร. นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผวจ.สิงห์บุรี กำชับมาขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่าย นายอำเภอ นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ขอให้ความช่วยเหลือประชาชน เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนยามเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนด้วย.


ข่าวอพยพคนสิงห์บุรีด่วน น้ำซัดคันดินพัง ทะลักท่วมบ้าน ที่มา ไทยรัฐออนไลน์


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 17:29:21


ความคิดเห็นที่ 2074 (1574211)

มหาสารคามประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมเพิ่มอีก 3 อำเภอ



มหาสารคาม - ฝนตกต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ส่งผลปริมาณน้ำสะสมในพื้นที่เพิ่มสูงเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และถนนเสียหาย ล่าสุดจังหวัดมหาสารคามประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมเพิ่มอีก 3 อำเภอ รวมพื้นที่เสียหายจากน้ำท่วมแล้ว 9 อำเภอ

นายอนุชิต ขันธะมูล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จากการที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก ในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกสะสมในพื้นที่ปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่

ล่าสุด จังหวัดมหาสารคามได้ประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วมเพิ่มขึ้นอีก 3 อำเภอ คือ ที่อำเภอชื่นชม บรบือ และอำเภอกุดรัง

รวมประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 9 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง กันทรวิชัย โกสุมพิสัย เชียงยืน นาเชือก พยัคฆภูมิพิสัย ชื่นชม บรบือ และอำเภอกุดรัง 71 ตำบล 639 หมู่บ้าน 30 ชุมชน ราษฎรเดือดร้อน 145,145 คน 40,178 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 64,696 ไร่ ถนนเสียหาย 52 สาย

ในพื้นที่ 5 อำเภอที่ไม่อยู่ติดเขตลำน้ำชี ฝนที่ตกลงมาส่วนใหญ่ทำความเสียหายแก่ถนนที่ใช้สัญจรไปมา คอสะพาน และท่วมขังพื้นที่การเกษตร ส่วนอีก 4 อำเภอ ติดริมฝั่งแม่น้ำชี ยังคงต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง จากระดับน้ำที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน

จังหวัดมหาสารคามพร้อมเตรียมรับสถานการณ์น้ำ ด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยงภัย พร้อมเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เกษตรกร เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วมข้าวที่อยู่ในระยะเก็บเกี่ยว

-------------------

ศรีสะเกษ ผนังกั้นน้ำแตกน้ำไหลทะลักเข้าท่วมไร่นากระชังปลาตายลอยเป็นแพ



สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุดผนังกั้นน้ำมูลพัง กระแสน้ำไหลเข้าท่วมไร่นา ปลาในกระชังตายลอยเป็นแพ ชาวประมงน้ำจืดต้องเร่งเก็บปลาออกมาคัดตัวตายทิ้ง ตัวเป็นๆ นำไปขายก่อนจะตายหมด เสียหายกว่า 3 แสน

วันที่ 23 กันยายน 2554 ที่ทุ่งนาบ้านอีลอก ตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังต้องเศร้าใจไปตามๆ กัน เมื่อพบว่าผนังกั้นน้ำมูลพังลง จากการที่ฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำไหลเอ่อล้นฝั่งแม่น้ำมูลไหลทะลักเข้าท่วมไร่นา ปลาในกระชังเจอสภาวะน้ำท่วมตายลอยเป็นแพ กลุ่มผู้เลี้ยงปลาต้องเร่งระดมคนมาช่วยกันเก็บปลาที่ปลาออกมาทิ้ง และเร่งจับปลาที่ยังไม่ตายแต่อาการไม่ดีขึ้นมาขายกันก่อนที่จะตายทั้งหมด ประกอบกับปริมาณน้ำได้ไหลเข้าท่วมไร่นาที่กำลังจะออกรวง เสียหายไปแล้วกว่า 5 พันไร่ พร้อมกับขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น เพราะยังพบว่าปริมาณน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นทุกนาที

นายณัฐกิต กองรักษา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่จังหวัดศรีสะเกษ เกิดฝนตกหนักลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำในลำน้ำมูล เพิ่มปริมาณที่สูงขึ้น ไหลล้นขอบเข้าท่วมไร่นาบนพื้นที่เสี่ยงภัย และยังพบว่าเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังของตำบลโพธิ์ ต้องประสบปัญหาเมื่อปลาปลาเจอน้ำไหลเข้าท่วมสูง ตายลอยเป็นแพ เกษตรกรต้องเร่งจับคัดปลาออกขนไปทิ้งนับแสนตัว คงเหลือปลาที่ยังไม่ตายอีกส่วนหนึ่ง จึงได้เร่งระดมจับขึ้นมาขายให้หมดก่อนที่จะตายกันทั้งหมด เบื้องต้นค่าเสียหายของกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังมูลค่ากว่า 3 แสนบาท และยังพบว่าน้ำได้ไหลเข้าท่วมไร่นาเสียหายไปแล้วกว่า 5 พันไร่ ซึ่งจะได้นำเรื่องนี้เข้าสู่สภาฯ และเสนอจังหวดขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป

//////////////////


                                                                         -----------------------------------------------------------------

 

ชาวบ้านขู่ปิดสะพานเดชาฯ หากชลประทานไม่เร่งระบายน้ำ

นครสวรรค์ 23 ก.ย. - ชาวบ้านนับร้อยคนที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ เรียกร้องให้ชลประทานเร่งผันน้ำออกผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ผ่านประตูระบายน้ำพลเทพ ซึ่งเชื่อมไปยัง จ.สุพรรณบุรี หวังลดระดับน้ำที่ท่วมใน จ.นครสวรรค์

กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจาก 16 ตำบล อ.เมือง จ.นครสวรรค์ รวมตัวกับชาวบ้านราว 100 คน ที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อยื่นข้อเสนอให้สำนักชลประทานที่ 12 เร่งระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้มากขึ้น รวมทั้งปล่อยน้ำออกทางประตูระบายน้ำพลเทพ จ.ชัยนาท ซึ่งเชื่อมไปยัง จ.สุพรรณบุรี เพื่อให้แบ่งรับน้ำที่ท่วมสูงใน จ.นครสวรรค์ ลงไปบ้าง ซึ่งแกนนำชาวบ้านระบุว่า หากไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้อง จะรวมตัวกันปิดสะพานเดชาติวงศ์พรุ่งนี้เช้า

ชลประทานจังหวัดนครสวรรค์ได้แจ้งแก่แกนนำชาวบ้านว่า เขื่อนเจ้าพระยาประตูสุดบานระบายน้ำอย่างเต็มที่แล้ว ประตูน้ำพลเทพไม่ได้ปิดอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจ อีกทั้งคลองมะขามเฒ่า อู่ทอง ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ยาวต่อเนื่องไปถึง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ก็รับน้ำไว้เต็มคลองแล้ว สาเหตุที่น้ำท่วม จ.นครสวรรค์ ยังสูงอยู่นั้น เนื่องจากมีน้ำเหนือปริมาณมากไหลผ่านลำน้ำเจ้าพระยาเกินกว่า 4,100 ล้านลูกบาศก์เมตร/วินาที ขณะที่ลำน้ำรับได้เพียง 3,900 ล้านลูกบาศก์เมตร/วินาที แต่ชาวบ้านยังไม่พอใจ ต้องการให้ชลประทานเร่งระบายน้ำออกให้เร็วขึ้น. - สำนักข่าวไทย

----------------------------------------------------------------

ชลบุรีน้ำท่วมซ้ำซาก...ปัญหาจำเจที่เทศบาลไม่แก้ไข

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2554 11:39 น.

 

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งคืนทำเมืองชลบุรี เขตเศรษฐกิจถูกน้ำท่วมหนัก ซึ่งกลายเป็นปัญหาซ้ำซากที่น้ำไม่สามารถระบายได้ทันทั้งที่อยู่ติดทะเล

เมื่อเช้าตรู่วันนี้ (23 ก.ย.54) น้ำท่วมไหลหลากจากที่สูงลงที่ต่ำทำให้ถนนหลายแห่งในตัวเมืองชลบุรีมีน้ำท่วมขัง ทำให้การจราจรติดขัด เนื่องมาจากฝนตกทั้งคืนของวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมาสู่เช้าวันที่ 23 กันยายน 2554 ทำให้น้ำท่วมในตัวเมืองชลบุรีบางจุดวันนี้ โชคดีที่ไม่มีน้ำทะเลหนุน แต่ก็ทำให้การจราจรเป็นอัมพาตผู้คนหงุดหงิดใส่กัน

ผู้สื่อข่าวรายว่า นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้ออกตรวจพื้นที่พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไขตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก พวกนี้กลับไปอยู่ที่เทศบาลแต่ละแห่งไม่แก้ไขปัญหาเสียมากกว่าทั้งเทศบางเมือง (บางปลาสร้อย) และเทศบาลบ้านสวน ภาพที่นำเสนอนี้ จะช่วยให้คนเมืองชลบุรี มองสภาพออกยกเว้นคนที่มาอาศัยอยู่ในภายหลังเท่านั้น

คลองระบายน้ำถูกปิดและไม่สามารถลอกคลองได้สะดวก ต้นน้ำจากฝั่งบนถนนสุขุมวิทถูกปิดกั้น กระแสน้ำไหลเจิ่งนองจากช่องทางที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดทางช่องทางประตูผีออกฝั่งบนที่ร้านโลงทองและไหลมาไม่ได้เพราะหน่วยราชการ เช่น เรือนจำ และสาธารณะสุขต่างก็พากันถมที่ดินปิดทางน้ำไหลรวมทั้งการประปาและหน่วยราชการทางด้านการศึกษาและอื่น ทำให้ถนนพระยาสัจจาเป็นเสมือนฝายกั้นน้ำ

ปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขได้ด้วยการมีเจ้าภาพให้เทศบาล 2 แห่ง คือ เทศบาลเมืองกับเทศบางบ้านสวน ส่วนที่เทศบาลตำบลเสม็ดนั้นทำดีลอกคลองอยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่าจะโทษใครไม่ได้ ต้องให้ส่วนราชการเหล่านี้หันหน้ากลับมาทำงานร่วมกัน เพราะตรงที่สถานที่ราชการมาสร้างอยู่นั้นเดิมคือเป็นป่าแสมรกร้างว่างเปล่าเจ้าของที่ดินยกให้ส่วนราชการสร้างสนามบินเมื่อสมัยมีสงครามและตกมาเป็นของทางราชการส่วนราชการ ต่อมาจึงมาก่อสร้างกันและปิดกันทางระบายน้ำ

น้ำท่วมแต่ละครั้งความสูญเสีจำนวนมากและจะท่วมอยู่ต่อไปหากทว่า เทศบาลทั้งสองไม่ร่วมมือกัน เอกชนที่มีความสามารถทำการปิดฝาคลองระบายน้ำได้กล่าวคือเทซีเมนต์ทำถนนเข้าร้านหรือห้างได้ โดยที่เทศบาลไม่สามารถลอกคลองได้สะดวก และปลายน้ำที่ลองโปษยานท์นั้นมีเอกชนรายใหญ่มีบารมีถมที่รุกที่อยู่ปลายคลองทำให้สภาพน้ำไหลลงไม่สะดวก

น้ำท่วมเมืองชลบุรียังจะคงมีอยู่ต่อๆ ไป หากไม่มีการแก้ไขปัญหาร่วมกันของ2เทศบาลเมืองชลบุรี

รายงานโดยสุรัตน์ บัณฑิตย์

เตือน 47 จว. น้ำท่วมเฉียบพลัน 23-25 ก.ย. นี้


-----
 โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 47 จังหวัด เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนัก ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย. นี้ ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มได้ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติ ทางธรรมชาติ ทั้งนี้ หากฝนตกหนักนานเกินกว่า 6 ชั่วโมง ปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลลิเมตร ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีต้นไม้ขนาดเล็กไหลปนมากับน้ำ ให้สันนิษฐานว่า อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที

ใน การนี้ ปภ. ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัย เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้ เป็นพิเศษ ตลอดจนจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย และดินถล่มสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชน ภาค เหนือ-อีสาน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่ม รวม 47 จังหวัด 23-25 ก.ย. นี้ หมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติ
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 17:33:15


ความคิดเห็นที่ 2075 (1574213)

เปิดคลิป ดาวเทียม น้ำหนัก 6 ตัน ที่จะพุ่งชนโลก



MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพคลิปโลหะดาวเทียมมยูเออาร์เอสสหรัฐฯ (Upper Atmosphere Research Satellite ) กำลังดิ่งลงสู่พื้นโลก ทางตอนเหนือขงอประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 กันยายน ซึ่งบันทึกโดยนายเธียร์รี่ เลอเกาต์ วิศวกรและนักดาราศาสตร์สมัครเล่นชาวฝรั่งเศส และคาดว่าจะตกถึงพื้นโลกราววันที่ 24 กันยายน

ทั้งนี้ ดาวเทียมยูเออาร์เอสสหรัฐฯ มีอายุ 20 ปีที่มีน้ำหนัก 6 ตัน ได้หลุดออกจากวงโคจรของโลก นายเธียร์รี่ได้บันทึกผ่านกล้องดูดาวขนาด 14 นิ้วและโพสต์วิดีโอนี้ลงบนเว็บไซต์ดาราศาสตร์ส่วนตัว

รายงานยังระบุอีกว่า นักวิทยาศาสตร์ คาดกันว่าดาวเทียมดังกล่าวจะแตกเป็นชิ้นส่วน 26 ชิ้น และตกกระจายกินพื้นที่กว้าง 400-500 กิโลเมตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณตำแหน่งที่ซากดาวเทียมตกได้ล่วงหน้าเพียง 2 ชั่วโมงก่อนดาวเทียมเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่านั้น และจะตกลงมาสู่พื้นโลกระหว่าง 57 องศาเหนือ และ 57 องศาใต้ของเส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นบริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่ มีโอกาสทำอันตรายประชาชนถึง 1 ใน 3,200 ซึ่งสูงกว่าขีดกำจัดที่นาซากำหนดไว้คือ 1 ใน 10,000

ด้านองค์กรนาซาได้แย้งว่า ดาวเทียมดังกล่าวจะเผาไหม้และแตกสลายไปมากแล้วก่อนตกสู่พื้นโลก และยังระบุอีกว่าเศษซากเหล่านั้นยังคงเป็นสมบัติของรัฐบาลสหรัฐฯ ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 17:46:15


ความคิดเห็นที่ 2076 (1574214)

เปิดคลิป ดาวเทียม น้ำหนัก 6 ตัน ที่จะพุ่งชนโลก



MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพคลิปโลหะดาวเทียมมยูเออาร์เอสสหรัฐฯ (Upper Atmosphere Research Satellite ) กำลังดิ่งลงสู่พื้นโลก ทางตอนเหนือขงอประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 15 กันยายน ซึ่งบันทึกโดยนายเธียร์รี่ เลอเกาต์ วิศวกรและนักดาราศาสตร์สมัครเล่นชาวฝรั่งเศส และคาดว่าจะตกถึงพื้นโลกราววันที่ 24 กันยายน

ทั้งนี้ ดาวเทียมยูเออาร์เอสสหรัฐฯ มีอายุ 20 ปีที่มีน้ำหนัก 6 ตัน ได้หลุดออกจากวงโคจรของโลก นายเธียร์รี่ได้บันทึกผ่านกล้องดูดาวขนาด 14 นิ้วและโพสต์วิดีโอนี้ลงบนเว็บไซต์ดาราศาสตร์ส่วนตัว

รายงานยังระบุอีกว่า นักวิทยาศาสตร์ คาดกันว่าดาวเทียมดังกล่าวจะแตกเป็นชิ้นส่วน 26 ชิ้น และตกกระจายกินพื้นที่กว้าง 400-500 กิโลเมตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณตำแหน่งที่ซากดาวเทียมตกได้ล่วงหน้าเพียง 2 ชั่วโมงก่อนดาวเทียมเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่านั้น และจะตกลงมาสู่พื้นโลกระหว่าง 57 องศาเหนือ และ 57 องศาใต้ของเส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นบริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่ มีโอกาสทำอันตรายประชาชนถึง 1 ใน 3,200 ซึ่งสูงกว่าขีดกำจัดที่นาซากำหนดไว้คือ 1 ใน 10,000

ด้านองค์กรนาซาได้แย้งว่า ดาวเทียมดังกล่าวจะเผาไหม้และแตกสลายไปมากแล้วก่อนตกสู่พื้นโลก และยังระบุอีกว่าเศษซากเหล่านั้นยังคงเป็นสมบัติของรัฐบาลสหรัฐฯ ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว


 นาซ่าคาดใหม่ดาวเทียมตกถึงโลกเช้าวันเสาร์เวลาไทย


23 กย. 2554 13:46 น.




ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเฝ้าติดตามข่าวดาวเทียมเก่าจะตกลงบนพื้นโลกวันนี้ด้วยความลุ้นระทึก
นักดาราศาสตร์สมัครเล่นในฝรั่งเศสบันทึกภาพดาวเทียมดวงนี้ไว้ได้ โดยนายเทียรี่ เลอโกลท์
นักดาราศาสตร์สมัครเล่นชาวฝรั่งเศส ถ่ายภาพดาวเทียมสำรวจบรรยากาศชั้นสูงหรือ UARS
อายุ 20 ปีที่ไม่ใช้งานแล้ว จากเมืองดังเคิร์กของฝรั่งเศสเมื่อคืนวาน ขณะมันกำลังเคลื่อนตัว
มุ่งหน้าสู่โลกโดยยังอยู่ห่างจากโลกถึง 252 กม.โดยในภาพจะเห็นเป็นกลุ่มแสงสีขาว

ด้านองค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐ หรือนาซ่า ได้ปรับเลื่อนเวลาดาวเทียมพุ่งชนโลกเป็น
คืนวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งน่าจะตรงกับช่วงเช้าวันเสาร์ตามเวลาไทย แต่ยังไม่อาจระบุเวลา
และสถานที่ที่แน่ชัดได้

เบื้องต้นคาดว่าชิ้นส่วนดาวเทียมนี้ จะไม่ตกลงในพื้นที่ในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ในช่วงสุดท้าย
ดาวเทียมอาจจะเคลื่อนผ่านน่านฟ้าของอังกฤษได้ ส่วนพื้นที่ที่คาดว่าดาวเทียมจะโหม่งโลกนั้น
คือระหว่างละติจูดที่ 57 องศาเหนือ และละติจูดที่ 57 องศาใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่ของ
โลกอาศัยอยู่ แต่โลกประกอบด้วยพื้นน้ำมากถึงเกือบ 2 ใน 3 ดังนั้นมีความเสี่ยงน้อยมากที่
จะตกบนพื้นดินและตกใส่คน

ขณะนี้กระทรวงกลาโหมของสหรัฐกำลังเฝ้าจับตาดูเส้นทางการตกของดาวเทียมน้ำหนัก 6 ตัน
ดวงนี้ และติดต่อประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยืนยันว่าไม่มีการพิจารณาให้ยิง
ดาวเทียมตกแต่อย่างใด

ดาวเทียมถูกปลดระวางเมื่อปี 2548 ไม่มีเชื้อเพลิงเหลืออยู่แล้ว จึงจะไม่มีการระเบิด แต่การฝ่า
ชั้นบรรยากาศจะทำให้ดาวเทียมถูกเผาไหม้และแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกว่า 100 ชิ้น และ
จะมีเพียงชิ้นส่วนใหญ่ๆเพียง 26 ชิ้นที่จะร่วงกระจายบนพื้นโลก โดยชิ้นที่ใหญ่ที่สุด คาดว่า
มีน้ำหนักราว 140 กิโลกรัม และนาซ่าเตือนไม่ให้ประชาชนสัมผัสหรือเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนที่ตกลงมา

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 17:48:19


ความคิดเห็นที่ 2077 (1574219)

กาฬสินธุ์วิกฤติน้ำเขื่อนลำ​ปาวทะลักท่​วม

ข่าวภูมิภาค วันศุกร์ที่ 23 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 08:23 น.



น้ำท่วม จ.กาฬสินธุ์ เข้าขั้นวิกฤติ เขื่อนลำปาว รับน้ำเต็มความจุ 100 % แล้ว น้ำท่วม เริ่มขยายเป็นวงกว้าง หนักสุดในรอบ 10 ปี


สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.กาฬสินธุ์ เข้าสู่ภาวะวิกฤติ จากปริมาณฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำเต็มปริมาณกักเก็บที่ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้พื้นที่ท้ายน้ำ ฝั่ง อ.เมือง อ.สหัสขันธ์ บ้านเรือนประชาชน รวมถึง สถานที่ท่องเที่ยวถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร และยังขยายวงกว้างไปถึง อ.หนองกุงศรี ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วม และ 108 หลัง
คาเรือน ใน 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน นอกจากนี้ อิทธิพลเขื่อนของเขื่อนลำปาว ล่าสุด ปริมาณน้ำที่กักเก็บจนมีจำนวนมาก ยังได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน บ้านนาสีนวล หมู่ที่ 7 ต.บึงนาเรียง อ.ห้วยเม็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่า มีบ้านเรือนประชาชน อย่างน้อย 80 หลังคาเรือน จมอยู่ในน้ำที่ท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ด้าน นายจำลอง ช่างหล่อ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 บ้านนาสีนวล อ.ห้วยเม็ก กล่าวว่า
ปัญหาน้ำท่วมถือว่า หนักที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งในขณะนี้ทำได้เพียงการอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัย



ผู้ว่าฯบุรีรัมย์เตือนน้ำมูลจ่อเข้าท่วม
นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาแจ้งเตือนประชาชน ในพื้นที่ 4 อำเภอ มี อ.คูเมือง อ.พุทไธสง และ อ.สตึก ที่อาศัยอยู่ติดริมน้ำมูลให้ระมัดระวังภาวะน้ำท่วมฉับพลันและหลังได้รับรายงาน มีน้ำเหนือจาก จ.นครราชสีมา ไหลมาสมทบรวมกับลำน้ำมูล อาจทำให้ระดับน้ำมูลหนุนสูงขึ้นและเอ่อล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนไร่นา สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนได้ พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ทางอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือและให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งการอพยพขนย้ายทรัพย์สิ่งของให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย หากพื้นที่ใดได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมฉับพลันให้แจ้งทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ ทางอำเภอ เพื่อที่จะได้เข้าไปดำเนินการให้การช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วนต่อไป


ทางหลวง เผย เส้นทาง11จว.ผ่านไม่ได้
พลตำรวจตรี นรบุญ แน่นหนา ผู้บังคับการทางหลวง เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ผ่านรายการ"เปิดข่าวเด่น เจาะประเด็นดัง" FM 102.75 MHz โดยระบุว่า จนถึงขณะนี้มีเส้นทางใน 11 จังหวัด ที่ไม่สามารถผ่านได้ เนื่องจากเกิดน้ำท่วมขัง ประกอบด้วย พิจิตร นครสวรรค์ สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี ชัยภูมิ พิษณุโลก สระบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี อาทิ ทางหลวงที่ 111 ก.ม.9-16 พิจิตร ทางหลวง 117 ก.ม.7 -16 นครสวรรค์ ทางหลวงที่ 122 ก.ม.0-3 นครสวรรค์ เป็นต้น ทั้งนี้ ประชาชนที่จะเดินทางนั้น จำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยง โดยสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วน 1193 หรือดาวน์โหลดโปรแกรมตรวจสอบเส้นทางของ กรมทางหลวง ลงในโทรศัพท์มือถือได้

อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการทางหลวง ยังกล่าวด้วยว่า กรมทางหลวงได้มีการจัดเตรียมทั้ง เจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆไว้ให้ความช่วยเหลือประชาชน ตามเส้นทางต่างๆ กรณีเกิดน้ำท่วมขัง รถเสีย หรือเตรียมเปิดเส้นทางจราจรเพิ่มเติม ซ่อมแซมถนนสายที่ได้รับความเสียหายจากน้ำกัดเซาะ เป็นต้น
Link :
กาฬสินธุ์วิกฤติน้ำเขื่อนลำ​ปาวทะลักท่​วม

กาฬสินธุ์ น้ำท่วมวิกฤติ ท้ายเขื่อนลำปาว น้ำสูง 2 เมตร

สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.กาฬสินธุ์ เริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤติ หนักสุดรอบ 10 ปี ส่งผลให้พื้นที่ท้ายน้ำ ฝั่ง อ.เมือง อ.สหัสขันธ์ ถูกน้ำท่วมกว่า 2 เมตร เดือดร้อนอย่างมาก

สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.กาฬสินธุ์ เริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤติ จากปริมาณฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำเต็มปริมาณกักเก็บที่ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้พื้นที่ท้ายน้ำ ฝั่ง อ.เมือง อ.สหัสขันธ์ บ้านเรือนประชาชน รวมถึง สถานที่ท่องเที่ยวถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร และยังขยายวงกว้างไปถึง อ.หนองกุงศรี ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วม และ 108 หลังคาเรือน ใน 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน

นอกจากนี้ อิทธิพลเขื่อนของเขื่อนลำปาว ล่าสุด ปริมาณน้ำที่กักเก็บจนมีจำนวนมาก ยังได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน บ้านนาสีนวล หมู่ที่ 7 ต.บึงนาเรียง อ.ห้วยเม็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่า มีบ้านเรือนประชาชน อย่างน้อย 80 หลังคาเรือน จมอยู่ในน้ำที่ท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

http://www.isarapost.net/overview.php?c=4&id=23708




กว่า 108 ครัวเรือนท้ายเขื่อนลำปาวจมน้ำ-ทหารม้าที่ 6 นำกำลังช่วยเหลือ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กันยายน 2554 10:55 น.

กาฬสินธุ์-ปัญหาน้ำท่วมที่กาฬสินธุ์วิกฤตหมู่บ้านท้ายเขื่อนลำปาว ด้านอำเภอหนองกุงศรี 108 ครอบครัวถูกน้ำท่วมสูง 1.50 เมตร ขณะที่ กรมทหารม้าที่ 6 ค่ายศรีพัชรินทร์ จังหวัดขอนแก่น นำกำลังทหารเข้าช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์รายงานว่า ปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดกาฬสินธุ์เข้าขั้นวิกฤตสาเหตุจากปริมาณฝนที่ยังคงตกหนักในทุกพื้นที่อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากน้ำไหลหลากด้าน อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานีและ แนวเขตเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,963 ล้าน ลบ.ม. จากระดับความจุได้ 1,980 ลบ.ม.คิดเป็น 99 % ที่เหลืออีกเพียงไม่กี่ ลบ.ม.ก็จะเต็มปริมาณกักเก็บ ซึ่งเขื่อนลำปาวยังคงเร่งระบายน้ำลงแม่น้ำปาว จนทำให้พื้นที่ราบลุ่มนาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 6 หมื่นไร่

นอกจากนี้ ที่อำเภอหนองกุงศรี บ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนลำปาว ประกอบด้วยตำบลเสาเล้า ต.หนองบัว ต.หนองสรวง 4 หมู่บ้านที่ บ.ดอนหมวย บ.โนนวิจิตร บ.คำศรี และบ.ถ้ำปลา ถูกน้ำท่วมสูงถึง 1.50 ม.และมีบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมหนักถึง 108 ครอบครัว

ล่าสุด พ.อ.จุมพล จุมพลภักดี ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 6 ค่ายศรีพัชรินทร์จังหวัดขอนแก่นนำกำลังทหาร 1 กองร้อยพร้อมกับนำน้ำดื่ม 1 รถบรรทุก จีเอมซีเข้าช่วยเหลือประชาชนด้วยความยากลำบากเนื่องจากจะต้องพายเรือเข้าไปถึง 1 กิโลเมตร

ด้านนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กำชับให้ตำรวจเข้าดูแลความปลอดภัยโดยเฉพาะในพื้นที่บ้านเรือนประชาชนที่ถูกน้ำท่วมเพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม พร้อมกับดำเนินการอพยพประชาชนในพื้นที่แห่งนี้ให้อยู่ในจุดปลอดภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาภัยได้แจกจ่ายถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 18:52:35


ความคิดเห็นที่ 2078 (1574220)

ชัยนาทพบคนจมน้ำดับ 2 ราย กู้ภัยช่วยไม่ทัน

สารวัตรเวร สภ.สรรพยา ได้รับแจ้งมีผู้จมน้ำเสียชีวิต 2 ราย บ้านเลขที่ 127 หมู่ 8 ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท หลังน้ำท่วมสูงกู้ภัยช่วยเหลือด้วยความยากลำบาก

พ.ต.ท.ธวัชชัย บรรลุกิจ สารวัตรเวร สภ.สรรพยา ได้รับแจ้งมีผู้จมน้ำเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 8 ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกน้ำท่วมจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และแพทย์โรงพยาบาลสรรพยา ใช้เรือท้องแบน เดินทางผ่านทุ่งนาที่ถูกน้ำท่วมไกลถึง 4 กิโลเมตร เพื่อนำศพไปไว้ที่วัดบ้านหนอง ห่างจากบ้าน 1 กิโลเมตร ในวัดมีประชาชนอพยพขึ้นไปอยู่บนศาลาวัดกว่า 100 คน มูลนิธิฯนำน้ำดื่มและอาหารเข้าไปส่งด้วย ส่วนศพนำไปไว้ที่ศาลาธรรมสังเวช

จากการสอบสวน ผู้เสียชีวิตชื่อนางสุรินทร์ จิตรลำไย อายุ 79 ปี มีลูกชายชื่อนายพรายงาม จิตรลำไย อายุ 54 ปี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น.นำอาหารไปให้แม่รับประทานในห้อง ต่อมาเวลาประมาณ 09.00 น.นำขนมเข้าไปให้ แต่ปรากฏว่าแม่นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตในน้ำภายในห้องนอน ซึ่งมีน้ำท่วมในห้องนอนสูงประมาณ 15 เซนติเมตร จากการพิสูจน์ศพของแพทย์โรงพยาบาลสรรพยาให้ความเห็นว่านางสุรินทร์จมน้ำเสียชีวิต

ส่วนอีกราย มูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งว่า นายสุรชัย ป้อมรุ่ง อายุ 50 ปี ที่หมู่ 2 ตำบลบ้านกล้วยจมน้ำเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ต้องหาเรือเพื่อเข้าไปช่วยงมศพ ล่าสุดเจ้าหน้าที่กำลังเร่งช่วยค้นหาศพซึ่งจมในแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่พบ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 18:53:36


ความคิดเห็นที่ 2079 (1574221)

ฝนตกหนักที่นครสวรรค์ น้ำท่วมหลายจุด

วันที่ 23 ก.ย. 2554



ฝนตกหนักที่ จ.นครสวรรค์ ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมหนักหลายจุด

เขตตัวเมืองนครสวรรค์ถูกน้ำท่วมหนักหลายแห่งบริเวณศูนย์ท่ารถนครสวรรค์ ชุมชนหิมพานต์ บริเวณถนนดาวดึงส์ หน้าโรงพยาบาลศรีสวรรค์ ถูกน้ำฝนท่วมขังสูงกว่า 20 เซนติเมตร น้ำระบายออกสู่ท่อระบายน้ำช้า เนื่องจากเทศบาลบล็อกท่อระบายน้ำทุกจุดที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อป้องกันน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีปริมาณน้ำมากขณะนี้ไหลย้อนกลับเข้ามาท่วมในตัวเมืองได้ จึงทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาท่วมขังในหลายจุด เทศบาลได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากชุมชนอย่างเร่งด่วนแล้ว

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ชาวนครสวรรค์ออกมาสังเกตต้นแม่น้ำเจ้าพระยากันอย่างต่อเนื่อง เพราะกังวลว่า น้ำจะไหลเข้าเมือง และเทศบาลเสริมแนวหินคลุกสูงกว่า 3 เมตร ตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมห้ามประชาชนไม่ให้เดินบนแนวหินคลุกและตกปลา เกรงอาจเกิดอันตรายและแนวสันเขื่อนพังได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 18:54:13


ความคิดเห็นที่ 2080 (1574222)

ผวา!น้ำท่วมพินาศเฉียดแสนล้าน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการประเมินผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.54 จนถึงปัจจุบันว่า หากรวมผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี"54 ประเมินมูลค่าความเสียหายรวม 58,494 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 0.5-0.7% โดยมูลค่าความเสียหายในแต่ละครั้งเฉลี่ยอยู่ที่ 5-7 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มจะเสียหายมากถึง 1 แสนล้านบาทในอนาคต รัฐบาลจึงควรให้ความสำคัญโครงการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น วางระบบน้ำ 25 ลุ่มน้ำ ลดผลกระทบที่ส่งผลเสียหายต่อภาพรวมเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจพฤติกรรมการกินเจในปี"54 พบว่าการใช้จ่ายเปรียบเทียบกับปีก่อน 62% บอกว่ามีค่าใช้จ่ายมากขึ้น, 24% บอกเท่าเดิม และ 8% ใช้จ่ายน้อยลง จึงคาดวˆามูลค่าการใช้จ่ายรวมช่วงเทศกาลกินเจจะมีเงินสะพัด 35,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.8%

ด้านนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลกินเจผักต่างๆ อาจมีราคาสูงขึ้น แต่ไม่นานจะลดลงสู่ภาวะปกติ และสถานการณ์จะคลี่คลายใน 1-2 เดือนข้างหน้า เพราะพืชผักจะออกสู่ตลาดมากขึ้น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าไปแก้ปัญหาอะไรมาก ถือเป็นภาวะปกติ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 18:54:53


ความคิดเห็นที่ 2081 (1574223)

พิจิตรน้ำท่วมสูง รถไฟล่าช้าเกือบทุกขบวน

23 กย. 2554 09:24 น.

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลสะสมในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ทำให้ปริมาณน้ำท่วมสูง จนถึงเส้นทางการเดินทางรถไฟ ด้านทิศตะวันออก ในขณะที่ด้านทิศตะวันตกก็มีน้ำจากแม่น้ำน่าน ล้นตลิ่ง และมาบรรจบกับน้ำป่า โดยมีรางรถไฟเป็นแนวกั้นน้ำระหว่างน้ำป่า และน้ำจากแม่น้ำ โดยบางจุด น้ำได้ล้นท่วมเส้นทาง ช่วงระยะทางระหว่าง สถานีตะพานหิน ถึง ห้วยเกตุ ระยะทาง 2 กิโลเมตร ระดับน้ำท่วมถึงหมอนรางรถไฟ และในช่วงระหว่างสถานีพิจิตร ถึงสถานีท่าฬ่อ เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่พนักงานขับรถ ต้องลดระดับความเร็วในเดินลด จากความเร็วปกติ 95 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปรับระดับความเร็วลงมาเป็น 20-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงที่หมอนรางรถไฟที่ถูกน้ำท่วม

เนื่องจากเกรงว่า รางรถไฟอาจจะทรุดตัวจากน้ำที่ท่วมขังอยู่นาน ทำให้รถไฟเกือบทุกขบวนจะล่าช้า อย่างน้อยก็กว่า 15 นาที ซึ่งทำให้ประชาชนที่ต้องเดินทาง เดินทางได้ล่าช้าออกไปอีก โดยในขณะนี้พบว่าการเดินทางด้วยรถสาธารณะนั้น เหลือเพียงการเดินทางด้วยรถไฟเท่านั้น ที่ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อกันระหว่าง อำเภอต่างๆของจังหวัดพิจิตร อย่างเช่น อำเภอตะพานหิน อำเภอบางมูลนาก และอำเภอเมืองพิจิตร ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ ในขณะนี้ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจากน้ำท่วมเส้นทางเกือบทุกสาย จนทำให้ผู้ให้บริการยกเลิกการเดินรถ

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่รถไฟ ได้จัดเวรยาม เฝ้าตรวจสถานการณ์น้ำที่ไหลผ่าน ใต้รางรถไฟ ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งสำรองหินรองหมอนรางรถไฟ เพื่อเตรียมพร้อมซ่อมแซมรางรถไฟที่ถูกน้ำกัดเซาะพังเสียหาย สำหรับการเดินรถไฟ ยังสามารถทำการเดินรถได้ทั้งขาขึ้น - ขาล่อง แต่อาจจะล่าช้ากว่าปกติ ขบวนละประมาณครึ่งชั่วโมง เนื่องจากต้องลดความเร็วลง ในช่วงน้ำท่วมเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 18:55:48


ความคิดเห็นที่ 2082 (1574224)

แจงเขื่อนศรีนครินทร์-วชิราลงกรณยังรับน้ำได้อีกมาก

23 กย. 2554 10:11 น.

นายวนิช แสงสุวรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์-บริหาร อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ปัจจุบัน เริ่มมีปริมาณฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน น้ำที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ มีปริมาณ 15,315 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 2,429 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณที่เก็บกักได้สูงสุด 17,745 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับเขื่อนวชิราลงกรณ ปริมาณน้ำปัจจุบัน มีปริมาณ 7,160 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรองรับน้ำได้อีก 1,700 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณเก็บกักสูงสุด 8,860 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับแผนการระบายน้ำในลุ่มน้ำแม่กลอง นั้น มีคณะกรรมการลุ่มน้ำแม่กลองร่วมกันพิจารณากำหนดการระบายน้ำจากแหล่งน้ำต้นทุนทั้งสองเขื่อน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ราชบุรี,กาญจนบุรี และสมุทรสงคราม รวมทั้งตัวแทนภาคเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวของทั้ง 3 จังหวัด พร้อมทั้งกรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การประปาส่วนภูมิภาคและนครหลวง ร่วมกันพิจารณา โดยการพิจารณาจะให้ความสำคัญเรื่องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร ก่อน จึงจะพิจารณาเรื่องการท่องเที่ยว การคมนาคม และการใช้น้ำเพื่อระบบประปานครหลวง ทั้งนี้ในการระบายน้ำคณะกรรมการลุ่มน้ำฯ จะต้องต้องมีการบริหารจัดการเป็นอย่างดี เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำไม่ได้รับผลกระทบ จึงขอให้ประชาชนท้ายน้ำ ไม่ต้องวิตกกังวล เนื่องจากทั้งสองเขื่อนยังสามารถรองรับได้อีกมาก

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 18:56:19


ความคิดเห็นที่ 2083 (1574225)

น้ำท่วมสูงสุดในประวัติศาสตร์ของแม่น้ำ Qujiang ในประเทศจีน

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 18:58:03


ความคิดเห็นที่ 2084 (1574226)

ลพบุรีน้ำท่วมหนักเร่งอพยพคนป่วย-คนชรา

23 กย. 2554 14:25 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทะลักเข้ามาตามคลอเชียงราก เนื่องจากประตูน้ำบางโฉมศรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี พังทำให้น้ำหลากเข้าท่วมใหญ่ใน 4 ตำบลคือ ตำบลบางพึ่ง ตำบลมหาสอน ตำบลบางขาม และ ตำบลบ้านชี่ น้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ประชาชนกว่า 4,000 ครอบครัวไม่มีที่อยู่อาศัยต้องหอบข้าวของขึ้นมาจับจองที่พักบนถนนสาย 3028 หรือถนนสายบางงา-บ้านหมี่ ซึ่งขณะนี้ น้ำก็หลากข้ามถนน เข้าท่วมนา ข้าวในทุ่งบ้านชี ทุ่งสมอคอนที่ข้าวยังไม่ทันเก็บเกี่ยวเลย หลายหมื่นไร่
เมื่อเวลา 09.30 น.บรรดาอาสาสมัคร ปภ.จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มาช่วยคนย้ายประชาชนที่ถูกน้ำท่วมได้รับแจ้งให้ไปช่วยนางจิตร ปานเดช อายุ 84 ปี ที่หมู่ 5 ตำบลมหาสอน เนื่องจากนางจิตร เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ไม่สามารถเดินได้ นอนซมอยู่กับที่นอน บรรดาอาสาสมัครได้น้ำเรืองท้องแบไปรับนางจิตร มาที่ ริมถนนสายบางงา - บ้านหมี่ จากนั้นก็นำขึ้นรถของมูลนิธิร่วมกตัญญู เพื่อนำไปส่งที่ ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากน้ำในแม่น้ำบางขามขึ้นสูงตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้าน บางพึ่ง ในเขตตำบลมหาสอน น้ำขึ้นสูงมาก บ้านเรือนจมน้ำ รถบรรทุกที่จอดอยู่ในหมู่บ้านไม่สามารถน้ำออกมาได้จมน้ำทั้งคัน พร้อมกันนั้นก็มีการขนย้ายคนเจ็บและคนชรา ออกจากหมู่บ้านในตำบลมหาสอน เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักเข้ามาไม่หยุดทำให้ท่วมและไหลข้ามถนนในเขต ตำบลบางพึ่ง ต้องใช้รถ ตักดินปิดกั้นเพื่อไม่ให้น้ำไหลข้ามถนนเนื่องจากอีกฝากของถนนเป็นพื้นนา ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวเลยหลายหมื่นไร่ในตำบลบ้านชี อำเภอบ้านหมี่ ตำบลเขาสมอคอนอำเภอท่าวุ้ง
สำหรับพื้นที่ในเขตตำบลบางพึ่ง ชาวบ้านจำนวนมากต้องขนย้ายขึ้นมาอยู่บนถนนเช่นกัน นำสัตว์เลี้ยงขึ้นมาเลี้ยง มาอยู่กินกันบนถนน แต่น้ำก็ยังไหลทะลักท่วมข้ามถนนต้องปิดกั้นกันทั้งวันทั้งคืน โดยทาง นายนพพร ชัยพิชิต ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 10 ได้ให้นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาตั้งสูบน้ำที่ บ้านบางโพ ตำบลบางพึ่ง เพื่อไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าทุ่งสนามแจง ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวข้าวเช่นกัน ในทุ่งสนามแจงแห่งนี้ข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวหลายหมื่นไร่
สำหรับในเขตเทศบาลตำบลท่าโขลง อำเภอท่าวุ้ง น้ำหหลากเข้าท่วม ทางเทศบาลตำบลท่าโขลงประกาศหยุดจ่ายน้ำประปาให้กับประชาชนในเขตเทศบาล เนื่องจาก น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ่อกรองน้ำประปาเทศบาล โดยหหยุดการจ่าสยไม่มีกำหนด

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 18:59:40


ความคิดเห็นที่ 2085 (1574227)

นครราชสีมา - พิมายเร่งเปิดประตูระบายน้ำ 6 บานหลังน้ำมูลเอ่อ

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา รายงานถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำในลำน้ำมูลที่ไหลผ่าน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ปริมาณน้ำที่ปริมาณน้ำจากลำตะคอง และลำน้ำลำจักราช ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักของจังหวัดนครราชสีมา ได้ไหลลงมาสมทบกับลำน้ำมูลที่ ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ทำให้เขื่อนระบายน้ำพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเขื่อนระบายน้ำสุดท้ายที่จะทำหน้าที่ระบายน้ำออกจากตัวอำเภอพิมาย ต้องเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 6 บานเร่งระบายน้ำอย่างเต็มพิกัด อยู่ที่ 242.52 ลบ.ม./วินาที เพื่อเตรียมพร้อมในการรับน้ำจากลำน้ำลำตะคองและลำน้ำจักราช ที่มีปริมาณน้ำไหลมาสมทบอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทานได้นำเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 6 เครื่องมาติดตั้งที่บริเวณท้ายประตูระบายน้ำเพื่อเร่งผลักดันการไหลของน้ำให้มีการไหลตัวได้สะดวกมาขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำในลำน้ำมูล อ.พิมาย ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล้นตลิ่ง ส่งผลสถานที่ราชการและบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำมูลกว่า 30 หลังคาเรือนถูกกระแสน้ำไหลเข้าท่วมสูงกว่า 70 เซนติเมตร ทำให้ชาวบ้านต้องพากันขนย้ายทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงขึ้นหนีน้ำ


ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:00:25


ความคิดเห็นที่ 2086 (1574228)

เขื่อนแควน้อยลดระบายสิริกิติ์น้ำ98%แล้ว





น้ำน่านสูงเมืองพิษณุโลก

23 กันยายน 2554 สถานการณ์แม่น้ำน่านช่วงไหลผ่านอ.เมืองพิษณุโลกยังคงต้องเกาะติดและเฝ้าระวังกันต่อไป แม่น้ำน่าน มีความสูงเฉลี่ย 10.90-10.92 มา 20 ชั่วโมง และแนวโน้มยังคงทรงสูงอย่างนี้ต่อไปอีกหลายวัน เนื่องจากมีปริมาณน้ำจากน้ำฝนที่ตกท้ายเขื่อนสิริกิติ์ไหลเติมมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เขื่อนแควน้อยได้ปรับลดการระบายลงแล้ว เพื่อลดผลกระทบของตัวเมืองพิษณุโลก



นายสมหวัง ปารสุขาร หัวหน้าฝ่ายบำรุงและรักษาน้ำ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ในวันนี้ เขื่อนแควน้อยฯได้ปรับลดการระบายน้ำลงแล้ว จากวันก่อนระบายในอัตรา 450 ลูกบาศก์เมตร( ลบ.ม. ) ต่อวินาที วันนี้ ลดการระบายเหลือวันละ 400 ลบ.ม.ต่อวินาที 22 กันยายน 2554 มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 27 ล้านลบ.ม. ระบายออก 35 ล้านลบ.ม.ต่อวัน เพื่อลดผลกระทบกับแม่น้ำน่านอ.เมืองพิษณุโลก ขณะนี้ เขื่อนแควน้อย มีปริมาณน้ำอ่าง 97 % หรือ 910.8 ล้านลบ.ม. จากปริมาณกักเก็บ 939 ล้านลบ.ม. ซึ่งกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เขื่อนแควน้อยฯมีปริมาณน้ำกักเก็บถึง 102 % จึงเร่งระบายออกมา



นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า หลังจากนี้แม่น้ำน่านช่วงไหลผ่านเมืองพิษณุโลกจะทรงตัวสูงที่ระดับ 10.92 ม.ต่อไปอีก 2-3 วัน แม้ว่าเขื่อนแควน้อยฯจะปรับลดการระบายลง เนื่องจากยังมีน้ำจากน้ำปาด คลองตรอน จ.อุตรดิตถ์ ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณฝนตกท้ายเขื่อนสิริกิติ์กำลังไหลลงมา วันนี้ เขื่อนสิริกิติ์จ.อุตรดิตถ์ ยังคงระบายน้ำออกมาในปริมาณเท่าเดิม คือวันละ 57 ล้านลบ.ม. และปัจจุบัน เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างแล้ว 9,319 ล้านลบ.ม. หรือ คิดเป็น 98 % ของพื้นที่กักเก็บ เหลือช่องว่างอีกแค่ 190 ล้านลบ.ม. วันที่ 22 กันยายน 2554 มีน้ำไหลเข้าเขื่อนสิริกิติ์ 111 ล้านลบ.ม. ระบายน้ำออก 57 ล้านลบ.ม. และในวันที่ 24 กันยายน เขื่อนสิริกิติ์จะปรับการระบายน้ำเพิ่มวันละ 3 ล้านลบ.ม. รวมระบายออกวันละ 60 ล้านลบ.ม. แต่คงไม่มีผลกระทบกับตัวเมืองพิษณุโลกมากนัก เนื่องจากเป็นการระบายไล่หลังน้ำจากน้ำปาด และคลองตรอน และสภาพโดยรวมของแม่น้ำน่านเมืองพิษณุโลกจึงคงต้องทรงตัวสูงอย่างนี้อีกหลายวัน



พระราชวังจันทร์

วันนี้ พิษณุโลกฮอตนิวส์ นำเสนอภาพถ่ายสภาพแม่น้ำน่านช่วงไหลผ่านเมืองพิษณุโลก เอื้อเฟื้อภาพโดยกองบิน 46 พิษณุโลก ได้เห็นสภาพแม่น้ำน่านจากเบื้องบนที่กระทบริมฝั่งหลายพื้นที่ และต้องขอบคุณข้อมูลสถานการณ์น้ำ จากรายการเช้านี้ที่พิษณุโลก ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก 06.00-07.00 น.ทุกวัน ดำเนินรายการโดยคุณนุกูล นาคคชฤทธิ์ ที่เกาะติดรายงายสถานการณ์น้ำท่วมมาตลอด

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:02:36


ความคิดเห็นที่ 2087 (1574229)

อุบลราชธานี ราคาผักได้พุ่งเกือบเท่าตัวหลังน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่

วันที่ 23 ก.ย. 2554 )



ขณะนี้ที่จังหวัดอุบลราชธานีระดับน้ำในลำน้ำมูลที่ไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรเสียหายนับพันไร่ ทำให้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่ติดกับริมลำน้ำมูล ซึ่งถูกน้ำท่วมขังมานานกว่า 3 สัปดาห์ ส่วนพื้นที่นาข้าวที่ได้รับความเสียหายหลายพันไร่ อีกทั้งภายหลังจากที่เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทยโดยเฉพาะภาคกลางและภาคเหนือ รวมถึงเทศกาลกินเจกำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 27ก.ย.ถึงวันที่ 5 ต.ค.54 ส่งผลให้ราคาผักตามตลาดสดในเขตเทศบาลนครนอุบลราชธานี และเทศบาลเมืองวารินชำราบ ขยับตัวสูงขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะผักที่เป็นที่นิยมที่จะใช้ในช่วงเทศกาลกินเจ อาทิ ผักขึ้นฉ่าย ผักคะน้า ผักกาดหอม เห็ดฟางและ เห็ดหอม เป็นต้น สำหรับสาเหตุที่ราคาผักพุ่งสูงขึ้นเนื่องมาจาก ฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตผักส่งจำหน่ายขนาดใหญ่ จึงทำให้ผักเริ่มที่จะขาดตลาดและมีราคาพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันฝนที่ตกชุกในช่วงนี้ก็ทำให้แหล่งผลิตผักส่งขายในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีได้รับผลกระทบ เนื่องจากเมื่อเกิดฝนตกหนักผักที่เพาะปลูกก็ช้ำและไม่เจริญงอกงาม รวมถึงเน่าเสียได้ง่าย นอกจากนี้ในช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่เริ่มจะเข้าสู่เทศกาลถือศีลกินเจ จึงทำให้ราคาผักปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลถือศีลกินเจราคาผักจะปรับตัวสูงขึ้นอีกมาก


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:03:28


ความคิดเห็นที่ 2088 (1574230)

เหยื่อดินไหวอินเดียพุ่ง 110 ศพ จีนยังอ่วมน้ำท่วม





เหยื่อแผ่นดินไหวรัฐสิกขิมของอินเดีย เพิ่มเป็นอย่างน้อย 110 ศพแล้ว ส่วนเหตุน้ำท่วมใหญ่จีน ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 90 ศพ ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำกว่า 40 สาย เพิ่มเกินขีดระดับเตือนภัยแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 22 ก.ย. ถึงความคืบหน้าเหตุน้ำท่วมใหญ่ใน 9 มณฑลทั่วประเทศจีน รวมทั้งเหอหนาน ส่านซี และเสฉวน ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 90 คนแล้ว สูญหาย 22 คน ผู้ประสบภัยอพยพหนีน้ำเกือบ 1 ล้านคน กรุมอุตุนิยมวิทยาของจีนคาดว่าพื้นที่ทางใต้ของประเทศยังต้องเผชิญฝนตกหนัก ต่อเนื่องอีก 2 วันข้างหน้า ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำกว่า 40 สาย เพิ่มเกินขีดระดับเตือนภัยแล้ว

ด้านการช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ริกเตอร์ บริเวณภูมิภาคหลังคาโลกแถบเทือกเขาหิมาลัยของอินเดียเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ทางการอินเดียเริ่มส่งของช่วยเหลือทางอากาศได้แล้ว เมื่อสภาพอากาศเริ่มเป็นใจหลังเกิดฟ้าฝนมืดคลื้มเป็นอุปสรรคตั้งแต่เกิดเหตุ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตมีเพิ่มเป็นอย่างน้อย 110 แล้วใน 4 ประเทศ แบ่งเป็น 78 คน อยู่ที่กังต็อค เมืองเอกรัฐสิกขิม ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวและอีก 18 คนในหลายรัฐที่อยู่ติดกัน ส่วนที่ทิเบต เนปาล และภูฏาณ มีผู้เสียชีวิต 7 , 6 และ 1 คน ตามลำดับ.
 

ญี่ปุ่น..ไต้ฝุ่นโรคีพัดถล่มกรุงโตเกียว



พายุไต้ฝุ่นโรคีพัดถล่มกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น สร้างความปั่นป่วนให้กับการคมนาคม และขณะนี้พายุได้เคลื่อนตัวสู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นซึ่งได้รับความเสียหายคลื่นสึนามิ

พายุไต้ฝุ่นโรคี ความเร็วลม 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นฝั่งเมื่อบ่ายวานนี้ ใกล้กับเมืองฮามามัตสึของจังหวัดชิซูโอกะ ห่างกรุงโตเกียวไปทางตะวันตกประมาณ 200 กิโลเมตร มีรายงานว่า ประชาชน 13 คนเสียชีวิต หรือสูญหายหลังถูกน้ำจากแม่น้ำที่ไหลท้นฝั่งจากฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นโรคีพัดพาไป พายุยังทำให้เกิดไฟฟ้าดับส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 2 แสน 6 หมื่นคนในภาคกลางของญี่ปุ่น ขณะที่ทางการต้องขอให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคน ในภาคกลางและภาคตะวันออกอพยพ 

ที่กรุงโตเกียว พายุทำให้ต้องระงับริการรถไฟโดยสารในกรุงโตเกียว ทำให้ผู้โดยสารหลายหมื่นคนติดค้างตามสถานีรถไฟต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศกว่า 600 เที่ยว และระงับบริการรถไฟความเร็วสูงบางส่วนด้วย

ส่วนที่เมืองนาโงย่า มีการยกเลิกคำสั่งอพยพประชาชนกว่า 8 แสน 8 หมื่นคนเป็นการชั่วคราว หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญลดลง แต่อาจมีการเตือนภัยใหม่อีก หากสถานการณ์เลวร้ายลง อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองนาโงย่าบางส่วนก็เลือกที่จะอพยพไปอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย 

โทรทัศน์ญี่ปุ่นเผยภาพน้ำท่วมสูงในเมืองอาวาจิชิมะ ของจังหวัดเฮียงโงะ และคลื่นกำลังแรงพัดเข้าถล่มชายฝั่งในเมืองมิอุระ ของจังหวัดคานางาวะ

พายุไต้ฝุ่นโรคี ได้เคลื่อนผ่านตอนเหนือของกรุงโตเกียวไปเมื่อค่ำวานนี้ และมุ่งหน้าสู่เขตโทโฮกุ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้รับความเสียหายยับเยินจากแผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา รวมถึงมุ่งหน้าสู่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ฟูกูชิมะด้วย ทำให้คนงานต้องแข่งกับเวลาเพื่อปกป้องอาคารและเตาปฏิกรณ์ โดยเรื่องที่เป็นห่วงกันมากที่สุดคือ ฝนตกหนักอาจส่งผลทำให้ระดับน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีเพิ่มสูงขึ้น


เกิดน้ำท่วมใน จ.เสียมราฐของกัมพูชา


ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:05:11


ความคิดเห็นที่ 2089 (1574231)

กฟผ.เตือนชาวอีสานท้ายเขื่อนอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน

      
 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ หรือ กฟผ.ออกประกาศเตือนว่า เขื่อนทุกเขื่อนในภาคอีสานมีปริมาณน้ำมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น สูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว และจำเป็นต้องปล่อยน้ำออกวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงขอเตือนให้ประชาชนที่อยู่ท้ายเขื่อนเตรียมพร้อม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:06:05


ความคิดเห็นที่ 2090 (1574232)

เลื่อนเปิดอุโมงค์ราชพฤกษ์ 

          กรมทางหลวงชนบท เลื่อนเปิดอุโมงค์ราชพฤกษ์ ไม่มีกำหนด-เหตุระบบระบายน้ำยังไม่สมบูรณ์ หวั่นเกิดปัญหาน้ำท่วมขังตามมา ...
          นายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ตามที่ ทช.มีโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดถนนราชพฤกษ์ที่วงเวียนราชพฤกษ์ตัดนครอินทร์ จังหวัดนนทบุรี ขณะนี้การก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จแล้ว โดยตามแผนงานนายช่างโครงการกำหนดเปิดให้รถวิ่งใช้ได้ในวันที่ 30 ก.ย.54 ที่กำลังจะถึงนี้ เพื่อเป็นของขวัญเกษียณอายุให้ตนนั้น แต่จากสภาพภูมิประเทศขณะนี้พบว่า เกิดสถานการณ์ น้ำท่วมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าปริมาณน้ำดังกล่าวจะทยอยไหลเข้าสู่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯเร็วๆนี้ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดให้ใช้อุโมงค์วงเวียนราชพฤกษ์ได้ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ตามกำหนด
เนื่องจากยังทดสอบระบบป้องกันและระบายน้ำได้ไม่สมบูรณ์ 100% เกรงว่าหากเปิดให้ใช้งานไปก่อน แล้วเกิดปัญหาน้ำท่วมขังภายหลังจะยิ่งทำให้รถลงไปติดในอุโมงค์เกิดปัญหามากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งน้ำท่วมอาจทำให้ระบบไฟฟ้าในอุโมงค์ช็อตจะยิ่งเกิดความเสียหาย จึงเห็นควรทดสอบระบบทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนค่อยเปิดใช้งานจะดีกว่า แม้จะไม่ได้เป็นของขวัญให้ตน แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนอย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถเปิดให้ใช้งานได้แน่นอนภายในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ ซึ่งไม่ถือว่างานล่าช้ากว่าสัญญา โดยตามสัญญากำหนดงานแล้วเสร็จในต้นปี 2555

          โครงการนี้ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 197 ล้านบาท โดยลงนามสัญญาจ้างตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.52 ก่อสร้างตามแนวถนนราชพฤกษ์ เป็นอุโมงค์ขนาด6ช่องจราจร กว้าง 31 ม. ยาว 681 ม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางโดยใช้อุโมงค์ดังกล่าวจากด้านตลิ่งชันมุ่งหน้ารัตนาธิเบศร์ไม่ให้เกิดคอขวด จึงได้ก่อสร้างขยายสะพานข้ามคลองบางกอกน้อยบนถนนราชพฤกษ์อีกฝั่งละ 2 ช่องจราจร เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดและลดจำนวนการเกิด อุบัติเหตุบริเวณดังกล่าว อีกทั้งสามารถรองรับปริมาณจราจรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงเสริมประสิทธิภาพโครงข่ายถนนราชพฤกษ์-ถนนนครอินทร์ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:06:40


ความคิดเห็นที่ 2091 (1574233)

เตือน15จว.ระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน



กรมอุตุฯ ระบุบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนหนาแน่นกับมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ เตือน 15 จังหวัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่า ...

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศลักษณะทั่วไป เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 23 กันยายน ว่า ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนหนาแน่นกับมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้ใน ระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชัยภูมิ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
23 กันยายน 2554, 06:15 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:07:50


ความคิดเห็นที่ 2092 (1574234)

23 ก.ย."วันอิควินอกซ์" โลกเปลี่ยนสู่ฤดูใบไม้ร่วง



หลายคนอาจไม่ทราบว่า วันที่ 23 ก.ย.นี้ คือ "วันอิควินอกซ์" ซึ่งกลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันพอดี และเป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกในทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกจริงๆ แล้ววันนี้มีความสำคัญอย่างไร?
       
       นาวาอากาศเอกฐากูร เกิดแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้โลกและดาราศาสตร์ (ลีซา) ให้ข้อมูลกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า ในหนึ่งปีนั้นมีวันอิควินอกซ์ (Equinox) หรือวันวิษุวัต 2 วันคือ 21 มี.ค.และ 23 ก.ย.
       
       ตามความหมายแล้ว วันนี้เป็นวันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน อีกทั้งเป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี โดยเกิดขึ้นเช่นนี้เพราะโลกเอียง 23.5 องศา และดวงอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นเวลาเดียวกัน ตำแหน่งเดียวกันทุกวัน แต่ (ตำแหน่งปรากฏบนท้องฟ้า) เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ให้เห็นเป็นรูปเลข 8 ในรอบปี
       
       "สำหรับวันอิควินอกซ์นั้น มีเอฟเฟกต์แรงกับคนที่อาศัยอยู่ทางซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ ประชาชนรับรู้ได้ชัดเจน อย่างฤดูร้อน ดวงอาทิตย์ขึ้นเร็ว ตี 4 ก็สว่างแล้ว แต่ 2 ทุ่มกลับยังไม่มืด พอหน้าหนาว 8 โมงยังไม่สว่าง แต่ 4 โมงเย็นอาทิตย์ตกแล้ว จึงต้องมีการปรับเวลา เพราะมีผลกับชีวิต การเพาะปลูก เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน" นาวาอากาศเอกฐากูรกล่าว
       
       "ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของนาฬิกาแดด ส่วนไทยซึ่งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร เรารับรู้การเปลี่ยนแปลงแค่ดวงอาทิตย์ขึ้นช้า-เร็ว แต่ก็ไม่มากนัก ด้านการเพาะปลูกเราได้รับผลมาจากมรสุมมากกว่า เราจึงมีความรู้เรื่องนี้น้อย เด็กๆ รู้แค่จากการอ่านตำรา"  
       
       อีกทั้ง นาวาอากาศเอกฐากูรยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ในวิถีไทยก็มีเรื่องของตำแหน่งดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สะท้อนมาเป็นความรู้เรื่องวันอิควินอกซ์ เช่น ในฤดูเกี่ยวข้าว ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ชาวบ้านจะรู้ว่าดวงอาทิตย์จะอ้อมไปทางใต้ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า "ตะวันอ้อมข้าว" หรือช่วงเพาะปลูกดวงอาทิตย์จะขึ้นเร็ว พืชจะได้รับแสงมาก
       
       ทั้งนี้ลีซาจะได้จัดกิจกรรม "ตะวันอ้อมข้าว ดูดาวบนฟาง" เพื่อให้นักเรียนประถมได้เรียนรู้ดาราศาสตร์เรื่องตำแหน่งดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าผ่านวิถีชาวบ้านในช่วงเดือน พ.ย.นี้ที่ จ.ชัยภูมิ ด้วย
       
       นอกจากวันอิควินอกซ์ จะเกี่ยวเนื่องกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าและความมืดสว่างแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับฤดูกาลด้วย โดยข้อมูลจากเอกสารปฏิบัติการ "อีราโตสทีเนส" (Eratosthenes) วัดโลกทั้งใบด้วยไม้แท่งเดียวขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) โดย นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน ผู้เป็นวิทยากร ระบุว่าโลกมีลำดับฤดูกาลดังนี้
       
       1.วันวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) ตรงกับวันที่ 21 มี.ค. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับผิวโลกที่เส้นศุนย์สูตร และกลางวัน-กลางคืนยาวเท่ากัน โดยซีกโลกเหนือเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ แต่ซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
       
       2.วันครีษมายัน (Summer Solstice) ตรงกับวันที่ 21 มิ.ย.หรือ 22 มิ.ย.ในปีอสุธิกมาส เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับผิวโลกที่ละติจูด 23.5 องศาเหนือ และมีช่วงเวลากลางวันยาวที่สุด กับกลางคืนสั้นที่สุดในซีกโลกเหนือซึ่งเข้าสู่ฤดูร้อน แต่ซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูหนาว โดยมีกลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุด
       
       3.วันศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox) ตรงกับวันที่ 23 ก.ย. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับผิวโลกที่เส้นศูนย์สูตร และกลางวัน-กลางคืนยาวเท่ากัน โดยซีกโลกเหนือเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง แต่ซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
       
       4.วันเหมายัน (Winter Solstice) ตรงกับวันที่ 21 ธ.ค.หรือ 22 ธ.ค.ในปีอสุธิกมาส เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับผิวโลกที่ละติจูด 23.5 องศาใต้ และมีช่วงเวลากลางคืนยาวที่สุดกับกลางวันสั้นที่สุดในซีกโลกเหนือซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูร้อน โดยมีกลางวันยาวที่สุด และกลางคืนสั้นที่สุด.


 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:09:31


ความคิดเห็นที่ 2093 (1574240)
เขื่อนอุบลรัตนใกล้วิกฤตระดับน้ำกว่า 90% ห่วงฝนหนัก/น้ำสมทบอาจท่วมตัวเมืองขอนแก่น


 


       ศูนย์ข่าวขอนแก่น -คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขอนแก่น ถกเครียดเตรียมรับสถานการณ์น้ำ ระดับน้ำเขื่อนอุบลรัตน์เข้าขั้นวิกฤต ระดับน้ำกักเก็บกว่า 90.04% เผย มีน้ำเข้าเฉลี่ยวันละเกือบ 100 ล้าน ลบ.ม.แต่ระบายได้แค่ 30% ห่วงฝนตกชุกยาวถึงกลางเดือน ต.ค.ทั้งมีน้ำจากจังหวัดใกล้เคียงไหลเข้ามาสมทบ หวั่นน้ำก้อนใหญ่จากชัยภูมิใกล้ถึง จ.ขอนแก่น เร็ววันนี้ อาจทะลักท่วมเมืองขอนแก่นได้
       
      วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดขอนแก่น ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ จังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 5/2554 เพื่อรับมือสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ในปี 2554 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก 
     
       นายพิพัฒน์ คงศิลป์ทวีกุล หัวหน้าฝ่ายเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ได้แจ้งให้ทราบว่าสถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำสูงถึง 2,189.15 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 90.04% ของความจุอ่าง ขณะที่น้ำไหลเข้าเฉลี่ยวันละเกือบ 100 ล้าน ลบ.ม. แต่ระบายได้แค่วันละ 30% ของน้ำไหลเข้า ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนพุ่งสูงขึ้น จนเข้าขั้นวิกฤต
       
       อีกทั้งน้ำเหนือจากจังหวัดเลย หนองบัวลำภู และเพชรบูรณ์ มีแนวโน้มไหลเข้ามากขึ้น คาดการณ์ว่า จะมีฝนตกชุก ยาวต่อเนื่องไปถึงกลางเดือนตุลาคม โดยเฉพาะช่วงระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย.นี้ ฝนจะตกหนักถึง 80% ของพื้นที่ ขณะที่ปัจจุบันเขื่อนสามารถรองรับได้อีกแค่ประมาณ 242 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น คาดการณ์ว่าช่วงครึ่งเดือนกันยายน ถึงตุลาคมปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างจะมีประมาณ 1,200-1,500 ล้าน ลบ.ม.       
       
       สถานการณ์ขณะนี้ ค่อนข้างน่าเป็นห่วงปริมาณน้ำไหลเข้า 100 แต่ระบายออกได้แค่ 30 หากระบายน้ำปริมาณมาก จะกระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งน้ำพองขณะนี้แทบจะรับไม่ไหวแล้ว บางพื้นที่น้ำเริ่มท่วมพืชผลทางการเกษตรและนาข้าว ได้รับความเสียหายแล้ว
       
       ด้าน นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้เขื่อนอุบลรัตน์ปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นจากเดิม 30 ล้าน ลบ.ม.เป็น 34 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อป้องกันความเสียหายของเขื่อน และให้มีพื้นที่เพียงพอรองรับน้ำจากเลย เพชรบูรณ์ และหนองบัวลำภู รวมทั้งปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ตามที่การพยากรณ์อากาศ ระบุว่าฝนอาจตกนานถึงกลางเดือนตุลาคม แต่หากฝนเกิดทิ้งช่วง อาจจะช่วยลดวิกฤตน้ำเขื่อนได้บ้าง
       
       ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่นได้เตรียมความพร้อมจัดทำพนังกั้นน้ำในพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมไว้แล้ว และขอให้ประชาชนที่อยู่ริมน้ำทั้งน้ำพองและน้ำชีเฝ้าระวัง และเตรียมตัวตลอดเวลาเพื่อรับสถานการณ์ทั้งน้ำฝนและน้ำเหนือจาก จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นน้ำก้อนใหญ่ที่ชลประทานแจ้งว่ามากถึง 57 ล้าน ลบ.ม. มีความสูงประมาณ 1.8-2 เมตร กำลังเคลื่อนใกล้จะถึงรอยต่อจังหวัดขอนแก่นอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำพองและน้ำชีเอ่อสูง อาจทะลักเข้าเขตอำเภอเมืองได้


ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:19:23


ความคิดเห็นที่ 2094 (1574246)

 

กตัญญูเฝ้าดูแลแม่ป่วยอัมพาตกว่า 12 ปี
 

 

.เรื่องราวของ "เมิ่งเพ่ยเจี๋ย" เด็กสาวชาวจีนวัย 20 ปี ที่กำลังถูกกล่าวขานในโลกไซเบอร์ หลังจากเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนในวิทยาลัยหลินเฝิน มณฑลซานซี ยกย่องให้เธอเป็น "เด็กสาวที่สวยที่สุดในหลินเฝิน" ซึ่งฉายานี้ไม่ใช่ได้มาเพราะความที่เธอเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาสะสวย น่ารักเพียงเท่านั้น หากแต่จิตใจของเธอยังงดงามดุจนางฟ้า

 นั่นก็เพราะตั้งแต่วัยเด็ก "เมิ่งเพ่ยเจี๋ย" ต้องทำหน้าที่ดูแล "หลิวฟางอิง" แม่บุญธรรมที่ป่วยเป็นอัมพาตมาเพียงลำพังตั้งแต่เธออายุได้เพียง 8 ขวบ จนถึงวันนี้ เวลาล่วงเลยผ่านมาถึง 12 ปี เธอก็ยังทำหน้าที่ของลูกได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ว่า "หลิวฟางอิง" จะเป็นเพียงแม่บุญธรรมเท่านั้น แต่ในความคิดของ "เมิ่งเพ่ยเจี๋ย" แล้ว "หลิวฟางอิง" เปรียบเสมือนแม่แท้ ๆ ที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เธออายุได้เพียง 5 ขวบ หลังจากพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ทำให้แม่แท้ ๆ ต้องส่งเธอให้มาอยู่กับครอบครัวของ "หลิวฟางอิง" ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตตามพ่อไป

หลังจาก "เมิ่งเพ่ยเจี๋ย" เข้ามาอยู่ในความดูแลของแม่บุญธรรมได้เพียงสามปี แม่บุญธรรมก็ป่วยหนักจนเดินไม่ได้ ทำให้พ่อบุญธรรมตัดสินใจทิ้งครอบครัวไป ตั้งแต่นั้นมา "เมิ่งเพ่ยเจี๋ย" ต้องอยู่กับแม่บุญธรรมที่ป่วยหนักเพียง 2 คน และเธอต้องลงมือทำเองทุกอย่าง

โดยกิจวัตรทุก ๆ วันตลอด 12 ปีของ "เมิ่งเพ่ยเจี๋ย" เธอจะตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ลุกขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้แม่บุญธรรม ป้อนอาหารเช้าให้แม่ เสร็จแล้วจึงได้เดินทางไปโรงเรียน จากนั้นพอช่วงพักกลางวัน "เมิ่งเพ่ยเจี๋ย" จะไม่ได้อยู่เล่นสนุกกับเพื่อน ๆ แต่เธอจะรีบวิ่งกลับมาที่บ้านเพื่อหุงหาอาหารเที่ยงให้แม่ รวมทั้งช่วยอาบน้ำให้แม่ เปลี่ยนผ้าปูที่นอน และซักผ้า เมื่อเสร็จงานแล้วเธอจะรีบกลับไปเรียนหนังสือต่อในช่วงบ่าย

จนกระทั่งโรงเรียนเลิก "เมิ่งเพ่ยเจี๋ย" ก็จะกลับมาทำอาหารเย็นและทำงานบ้านทุก ๆ อย่าง กว่างานบ้านจะเสร็จก็ราว ๆ 3 ทุ่ม หลังจากนั้นเด็กสาวถึงจะได้มีเวลานั่งทำการบ้านของตัวเอง และแม้ว่างานจะรัดตัว แต่ทุก ๆ วันเด็กสาวก็จะหาเวลาช่วยแม่ทำกายภาพบำบัด โดยการซิทอัพ 240 ครั้ง ยืดขา 200 ครั้ง และนวดขาให้อีก 15 นาที ซึ่งเด็กสาวทำเช่นนี้มาตลอดสิบกว่าปีอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง



ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:43:27


ความคิดเห็นที่ 2095 (1574248)

 

เด็กสาวหัวใจแกร่ง ทำงานพิเศษ 7 ที่ เลี้ยงพ่อพิการ แม่ฟั่นเฟือนและน้องที่เป็นโรคหัวใจ

เรื่องราวของเด็กสาวผู้ไม่ย่อท้อต่อชะตากรรม ทำงานพิเศษตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบเพื่อหาเงินเลี้ยงพ่อพิการ แม่สติฟั่นเฟือน และน้องที่เป็นโรคหัวใจ เธอทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่เข้มแข็ง ฝ่าฟันจนน้องชายได้รับการผ่าตัดรักษา และแม้ในยามยากจนที่สุด เธอยังสละเงินเก็บกว่าครึ่งบริจาคให้กับผู้ที่เดือดร้อนกว่า เมื่อเรื่องราวของเธอเผยแพร่ออกไป ทำให้ผู้คนต่างยอมรับนับถือในพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเกินวัยของเธอ

 

 

เหอผิง กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 ภาควิชาภาษาต่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหูหนาน เธอหัวเราะเก่ง ชอบเล่นกีฬา รักการร้องเพลง เป็นทั้งเด็กเรียนและเด็กกิจกรรมแถวหน้าของทางมหาวิทยาลัย ความสดใสมีชีวิตชีวาของเธอคงจะไม่แตกต่างจากหนุ่มสาววัยเดียวกัน ถ้าเพียงแต่ว่าเหอผิงจะไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่มีพ่อผู้พิการจากอุบัติเหตุ แม่ซึ่งเป็นโรคระบบประสาทบกพร่อง และน้องชายที่เป็นโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด

เหอผิง เกิดเมื่อปี 1991 เป็นชาวตำบลเฉิงถานเจียง เมืองหลิวหยัง มณฑลหูหนาน ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวยากจนเพียงไม่กี่ครอบครัวในเมืองที่ร่ำรวยจากการเป็นแหล่งผลิตพลุและประทัดส่งออกที่ขึ้นชื่อของประเทศจีน เหอหรงบิดาผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานหนักจึงต้องไปเป็นคนงานในโรงงานทำพลุ มารดาป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป

เนื่องจากบิดามารดาร่างกายไม่แข็งแรง ต้องหมดเงินไปกับการรักษาพยาบาล ขณะที่รายได้ของครอบครัวไม่เพียงพอกับรายจ่าย เหอผิงที่เพิ่งจะรู้เดียงสาจึงหาทางหารายได้พิเศษด้วยการไปรับจ้างม้วนกระดาษห่อประทัดในโรงงานตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เหอ อิ่งชุน ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาอู๋เถียนที่เหอผิงเคยเรียน เล่าให้ฟังว่ายังจำได้ดีถึงเวลาเปิดภาคเรียนใหม่ทุกเทอม เด็กหญิงเหอผิงจะกำเงินยับย่นยู่ยี่เลอะสีแดงที่มาจากน้ำพักน้ำแรงในโรงงานประทัดมาจ่ายค่าเทอมเสมอๆ ส่วนผลการเรียนของเหอผิงอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยเหอผิงเล่าว่าความรักเรียนและความกระหายในวิชาความรู้ของเธอมาจากความกลัวที่ว่า อาจมีวันใดวันหนึ่งที่เธอจะ "ไม่มีโอกาสได้เรียนอีกต่อไป"

เมื่ออายุได้ 12 ปี เหอจวิน น้องชายผู้เป็นโรคหัวใจก็ถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัว ทว่าความยากลำบากในชีวิตของเหอผิง ดูเหมือนว่าเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เดือนมีนาคม ปี 2008 เหอหรงผู้พ่อเกิดมีเลือดออกในสมอง ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 2 ครั้ง ใช้ค่าใช้จ่ายนับหมื่นหยวน เหอผิงจึงต้องลาหยุดเรียนชั่วคราวเพื่อไปเที่ยวขอรับบริจาคเงินค่ารักษาพ่อ จากบ้านญาติ โรงงานพลุ และองค์กรการกุศลของรัฐในท้องถิ่น จนกระทั่งได้เงินมารักษาพ่อสำเร็จ แต่อาการเลือดออกในสมองทำลายขาสองข้างของเหอหรงจนไม่สามารถเดินได้ปกติอีกต่อไป เหอหรงเล่าว่าวันที่ต้องออกจากโรงพยาบาล เขากลายเป็นคนทุพลภาพไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ จึงได้แต่ร้องไห้และจับมือบุตรสาวเอาไว้ แต่กลับเป็นเหอผิงบุตรสาวที่เข้มแข็งกว่า กล่าวปลอบใจพ่อว่า "เมื่อยังมีชีวิตก็ยังมีความหวัง ขอเพียงพ่อยังอยู่กับหนู เราจะข้ามผ่านมันไปด้วยกัน"
เหอผิงเล่าว่า ครั้งที่ 2 ที่บิดาต้องนอนโรงพยาบาล พ่อได้เรียกเธอมาข้างเตียงและกล่าวเชิงสั่งเสียว่า "ถ้าหนูเป็นลูกพ่อจริง ต้องหาทางรักษาโรคหัวใจให้น้อง" คำๆ นี้ราวกับสลักเอาไว้ในใจของเธอ โชคเข้าข้าง เมื่อวันหนึ่ง มีข่าวว่าองค์กรการกุศลระดับมณฑลร่วมมือกับโรงพยาบาลเซียงหย่าจัดโครงการผ่าตัดโรคหัวใจแต่กำเนิดฟรี 100 คน เหอผิงจึงพยายามทุกวิถีทาง เดินทางออกจากหมู่บ้านเพียงลำพังครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอให้น้องชายเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สุดท้ายความพยายามของเธอก็ส่งผล น้องของเธอได้เข้าร่วมโครงการรับการผ่าตัดในที่สุดและการผ่าตัดก็ประสบผลสำเร็จอย่างดี

ปี 2009 เหอผิงสอบติดภาควิชาภาษาต่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหูหนาน เมื่อต้องไปศึกษาต่อ สิ่งที่เธอกังวลใจมากที่สุดยามห่างจากบ้านคือน้องชาย กลัวว่าน้องจะป่วย กลัวน้องเกิดอุบัติเหตุ กล้วน้องทานอาหารไม่ได้ กลัวน้องไม่โต ครั้งหนึ่งเหอผิงเล่าว่า เมื่อเธอกลับมาเยี่ยมบ้าน พบว่าน้องชายใบหน้าซีดเหลืองผิดปกติ เหอผิงจึงพาน้องชายไปหาหมอที่โรงพยาบาล ผลการตรวจพบว่าปริมาณสารตะกั่วในเลือดของน้องมากเกินไป ต่อมาค่อยทราบว่าช่วงที่เธอไม่อยู่จึงไม่มีคนไปตักน้ำสะอาดในบ่อที่อยู่ไกลออกไป 300 เมตรมาไว้ใช้ในบ้าน มารดาของเธอใช้น้ำในบึงข้างบ้านมาทำอาหาร ซึ่งอาจปนเปื้อนสารตะกั่วจากโรงงานพลุและประทัด ทำให้สารพิษสะสมในร่างกาย นอกจากนี้อาการป่วยของบิดามารดาก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กน้อยที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้จนกลายเป็นเด็กซึมเศร้า

พี่สาวคนนี้จะดูแลน้องเอง!

เมื่อความคิดนี้ผ่านเข้ามา เด็กสาวที่กล้าคิดกล้าทำอย่างเหอผิงตัดสินใจทันที เธอไปขอร้องผู้อำนวยการโรงเรียนประถมในสังกัดมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ให้รับน้องเธอเข้าเรียน และพาน้องชายมาอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ข้างโรงเรียนด้วยกัน 2 คนพี่น้อง ซึ่งเจ้าของห้องเช่าเมตตาคิดค่าเช่าเพียงครึ่งหนึ่ง จากนั้นเธอจึงดูแลเรื่องสุขภาพของน้องอย่างใกล้ชิด เธอมักจะอดเพื่อให้น้องอิ่มเสมอ เพราะเธอตั้งปนิธานเอาไว้ว่าต้องให้น้องได้กินปลาทุกวัน และได้กินผลไม้กับนมอย่างน้อยวันเว้นวัน เพื่อให้เด็กน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง
 
ปัจจุบันเหอผิงทำงานพิเศษรวม 7 ที่ ทั้งงานสอนพิเศษเด็กตามบ้าน รับจ้างทำความสะอาดตึกเรียนตอนพักกลางวัน และเป็นเด็กเสิร์ฟ ตารางชีวิตประจำวันของเธอถูกจัดไว้อย่างแน่นเอี้ยด ตั้งแต่หกโมงเช้าถึงตีหนึ่ง ซึ่งความทุ่มเทของเหอผิงก็ไม่เสียเปล่า เพราะน้องชายของเธอค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ร่าเริงขึ้น และเรียนดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา แม้ว่าสองพี่น้องจะไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมบ้านเพราะเหอผิงต้องทำงานพิเศษรวมทั้งเสียดายค่าเดินทาง แต่เธอก็ส่งเงินไปให้ทางบ้านทุกเดือนเพื่อให้พ่อแม่ได้ในชีวิตประจำวันและใช้ไปหาหมอ เมื่อถึงเทศกาลพิเศษเช่น ตรุษจีน เธอก็ไม่ลืมที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้พ่อ แม่ และน้องเสมอๆ ส่วนของตัวเธอเองนั้น เท่าที่จำความได้ไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ เพราะทั้งหมดเป็นของเก่าที่ได้รับบริจาคมา
คนจนผู้ยิ่งใหญ่

กรกฎาคม ปี 2008 เหอผิงบังเอิญเจอข่าวเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เกี่ยวกับเด็กนักเรียนมัธยมฐานะยากจนที่ขอรับบริจาคเงินกว่าแสนหยวนเพื่อให้มารดาของเขาได้เข้ารับการผ่าตัด เหอผิงอยากช่วย เพราะเธอรู้รสชาติของความลำบากนั้นดีเพราะบิดาของเธอก็ได้รับการผ่าตัดเพราะเงินบริจาค เธอจึงตัดสินใจบริจาคเงิน 1600 หยวน จากเงินเก็บราว 3000 หยวนที่เธอทำงานมาทั้งชีวิต ให้เด็กชายคนนั้น เมื่อเด็กชายทราบว่าพี่สาวผู้ใจดีที่บริจาคเงินให้เขาในครั้งนี้อาจจะเป็นคนที่มีฐานะยากจนกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ จึงตื้นตันในมากและขอบคุณเหอผิงผ่านทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับนั้น

เมื่อย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ดงกล่าว เหอผิง บอกว่าแม้ว่าเธอจะจนเงินทอง แต่ไม่ได้จนสติปัญญา ในยามที่เธอลำบากก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเช่นกัน

 "ฉันต้องการที่จะตอบแทน ขณะเดียวกันก็เป็นการให้กำลังใจตัวเองด้วยว่า ฉันไม่ใช่คนที่เอาแต่ยื่นมือรับเงินของคนอื่น ขอเพียงทุกคนมีความรักและเมตตา สังคมก็จะสวยงามกว่านี้อีกมาก"
เป็นดั่งทานตะวันกลางแสงอาทิตย์

เหอผิง เป็นเด็กร่าเริง ยิ้มเก่ง จนคนภายนอกนึกภาพไม่ออกว่าเธอเป็นคนเดียวกับเด็กสาวที่แบกภาระของครอบครัวเอาไว้มากมาย ในด้านการเรียน เหอผิงอยู่ในระดับแนวหน้า เคยได้รับรางวัลชนะเลิศการพูดทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้เธอยังเป็นนักร้อง นักโต้วาที และพิธีกร ของมหาวิทยาลัย ในห้องเช่าเล็กๆ ของเธอจึงประดับไปด้วยประกาศนีบัตรใบแล้วใบเล่า และด้วยความสามารถที่โดดเด่นรอบด้านทำให้เธอเพิ่งได้เป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรเงินสดสำหรับใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยให้นักศึกษา ซึ่งค่าตอบแทนมากกว่าการเป็นครูสอนพิเศษตามบ้านหลายช่วงตัว

เหอผิง ผู้เป็นทั้งพี่สาว และแม่จำเป็น เธอหวังว่าน้องชายของเธอจะเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ


"วันเวลาที่ยากลำบากที่สุดของฉันผ่านไปแล้ว ฉันมั่นใจว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น" เหอผิงกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมตามนิสัยของเธอ

สำหรับหลายคนอุปสรรคอาจทำให้ท้อแท้ แต่สำหรับบางคนขวางหนามกลับเป็นแรงผลักดันให้ฮึดสู้ต่อไป ที่หัวนอนในห้องเช่าเล็กๆ ของเหอผิงแปะรูปดอกทานตะวันเอาไว้ เพราะเธอชอบดอกทานตะวัน แม้ว่าจะเป็นดอกไม้พื้นๆ ที่ขึ้นตามท้องทุ่ง แต่ทานตะวันหันหน้าเข้าหาแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เสมอ เช่นเดียวกับ เหอผิง เด็กสาวที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิต ไม่เคยย่อท้อต่อชะตากรรมที่โถมซัดเข้ามา แต่กลับเปลี่ยนทุกบาดแผลมาเป็นพลัง ให้หัวใจดวงน้อยแกร่งพอที่จะนำพานาวาชีวิตฝ่าคลื่นลมไปถึงฝั่งฝันจนได้ในสักวัน

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-23 19:55:47


ความคิดเห็นที่ 2096 (1574359)

กทม.เตรียมรับมือน้ำท่วมฝั่งตะวันออก



กรุงเทพฯเตรียมรับมือน้ำท่วมฝั่งตะวันออก หลังประสบปัญหาบ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ และอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ

วันนี้ (23ก.ย.54) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสาเหตุที่มีความกังวลและเป็นห่วงน้ำบริเวณกรุงเทพฯ ตะวันออก ที่ต้องรองรับน้ำเหนือจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และจังหวัดปทุมธานี และมีการคาดการณ์ว่า ในวันที่ 20-24 กันยายนนี้ จะมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง บวกกับปริมาณน้ำเหนือจะทยอยเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออกเพิ่มขึ้น โดยระบุว่า สำหรับพื้นที่ฝั่งตะวันออกของ กทม.ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีพื้นที่ประมาณ 450 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตหนองจอก คลองสามวา มีนบุรี และลาดกระบัง ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ดังกล่าว มีสาเหตุหลักมาจากน้ำเหนือหลาก น้ำทะเลหนุน และฝนตกหนักในพื้นที่ ทาง กทม.จึงได้ดำเนินการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม และระบบระบายน้ำให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของกรมชลประทาน เพื่อป้องกันน้ำจากภายนอกไหลเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสร้างทำนบกั้นน้ำตามแนวคลองแยกคลองนครเนื่องเขต จำนวน 6 แห่ง สร้างทำนบกั้นน้ำตามแนวคลองแยกคลองหลวงแพ่ง จำนวน 5 แห่ง พร้อมทำคันดินกั้นน้ำ

สำหรับประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ ตอนถนนประชาร่วมใจ จะใช้การปิดเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อควบคุมระดับน้ำ โดยระดับน้ำในคลองควบคุมไว้ที่ระดับ +0.50 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) และระดับน้ำที่วิกฤต +0.90 ม.รทก. ส่วนระดับน้ำด้านนอกควบคุมที่ +1.20 ม.รทก. นอกจากนี้ ยังได้ขุดลอกคลองระบายน้ำสายหลักตามแนวเหนือ-ใต้ ระหว่างคลองแสนแสบกับคลองประเวศบุรีรมย์ และคลองตามแนวตะวันออก และตะวันตก


   

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-24 14:40:28


ความคิดเห็นที่ 2097 (1574361)

ดาวเทียมนาซา 6.5 ตัน ถึงโลกอีก 12-18 ชั่วโมง โอกาสตกใส่หัว 1 ในล้านล้าน



Picture : mashable

ดาวเทียมหมดสภาพการใช้งานของนาซา กำลังร่วงลงมาสู่โลกแล้ว คาดตกถึงพื้นดินภายใน 12-18 ชั่วโมงข้างหน้า เชื่อมุ่งหน้าสหรัฐฯแต่ยังไม่มีจุดชัดเจน โอกาสตกใส่หัวคนน้อยกว่า 1 ในล้านล้าน...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 24 ก.ย. ว่า ดาวเทียมตรวจสอบสภาพอากาศ (ยูเออาร์เอส) ขององค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) ที่หมดอายุการใช้งาน น้ำหนัก 6.5 ตัน กำลังร่วงลงมาสู่โลกแล้ว ขณะที่องค์การอวกาศเผยล่าสุดว่า อาจตกลงมาในพื้นที่ของสหรัฐฯแต่ยังไม่มีจุดที่แน่ชัด โดยอาจถึงพื้นราววันเสาร์นี้ (ตามเวลาอีสเทิร์นไทม์)

นาซา ระบุว่า "ทิศทางของดาวเทียม หรือ โครงร่าง อาจมีการเปลี่ยนแปลง และเป็นการร่วงลงมาแบบช้าๆ ซึ่งในตอนแรกมีการคาดการณ์ว่าอาจถึงพื้นโลกในวันพุธแต่ก็ถูกเลื่อนออกไป องค์การยังไม่สามารถปักหมุดสถานที่ที่แน่ชัดได้ แต่ทำนายว่าอาจเป็นเวลาภายใน 12-18 ชั่วโมงข้างหน้านี้"

แต่อย่างไรก็ดี นาซา เผยว่า ดาวเทียมจะถูกเผาไหม้เมื่อผ่านชั้นบรรยากาศจนเหลือขนาดเพียงครึ่งตัน และกระจายตัวออกเป็น 26 ชิ้นส่วนเล็กๆ ซึ่งบางชิ้นอาจตกลงในมหาสมุทร และไม่ต้องกังวลใจว่าจะก่อให้เกิดอันตราย เพราะคำนวณไว้ว่า มีโอกาสน้อยกว่า 1 ในล้านล้าน ที่จะตกใส่หัวมนุษย์.


ไทยรัฐออนไลน์
โดย ไทยรัฐออนไลน์
24 กันยายน 2554, 06:00 น.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-24 14:41:25


ความคิดเห็นที่ 2098 (1574362)

โคราช - เพิ่มสันบานประตูระบายน้ำเขื่อนลำตะคองรองรับน้ำ


ฝนตกชุกที่โคราชลำตะคองพร่องน้ำ ต่อเนื่องทุกวันรับน้ำใหม่เข้าอ่างฯ ขณะที่ ผอ.ชป.8 สั่งเพิ่มสันบานประตูระบายน้ำทั้ง 7 บานแล้วเพื่อรับน้ำกักเก็บได้เพิ่มขึ้น 60 ล้าน ลบ.ม.

ฝนตกชุกที่โคราชลำตะคองพร่องน้ำ ต่อเนื่องทุกวันรับน้ำใหม่เข้าอ่างฯ ขณะที่ ผอ.ชป.8 สั่งเพิ่มสันบานประตูระบายน้ำทั้ง 7 บานแล้วเพื่อรับน้ำกักเก็บได้เพิ่มขึ้น 60 ล้าน ลบ.ม.

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ม.ล.อนุมาศ ทองแถม ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกในช่วงนี้ และจะเกิดฝนตกต่อเนื่องไปอีกหลายวันในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะฝนที่ตกเหนือเขื่อนลำตะคอง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ อ.ปากช่อง ทำให้จำเป็นต้องดำเนินการเชื่อมต่อแผ่นเหล็กเพื่อเพิ่มสันบานประตูระบายน้ำ เพื่อเตรียมการรับมือกับปริมาณน้ำจากพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำลำตะคอง ที่อาจจะไหลลงมาสมทบเพิ่มเติมอีกในช่วง 1-2 วันนี้ หลังจากมีการคาดหมายจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่าจะเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคอีสาน และ จ.นครราชสีมา ในห้วงเวลานี้อีกระยะ ทำให้เกรงว่าหากไม่มีการปรับสันบานประตูระบายน้ำเพิ่ม อาจจะทำให้ปริมาณน้ำ ภายในอ่างเก็บน้ำลำตะคองล้นไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่าง และจะไปสมทบกับปริมาณน้ำในลำน้ำลำตะคองที่อาจจะมีปริมาณมาก หากมีน้ำหลากในพื้นที่ใต้อ่างเก็บน้ำในช่วงเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการน้ำทำได้ลำบาก และอาจจะทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ใต้อ่างเก็บน้ำขึ้นได้

สำหรับสันบานประตู ได้ดำเนินการติดตั้งได้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ส่วนระดับน้ำในขณะที่ปริมาณน้ำกักเก็บภายในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 253.440 ล้าน ลบ.ม. จากความจุทั้งหมด 314.49 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 80.59%

ม.ล.อนุมาศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้แผนการจัดการน้ำในลำน้ำลำตะคอง นอกจากที่จะมีการเพิ่มสันบานประตูระบายน้ำแล้ว ทางสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ยังได้สั่งการให้ดำเนินการพร่องน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำลำตะคองวันละ 2.6 ล้าน ลบ.ม. และเร่งระบายน้ำลงสู่พื้นที่ด้านล่างโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ลำน้ำลำตะคองมี ช่องว่างเพื่อรองรับมวลน้ำที่จะหลากลงมาสมทบเพิ่มเติมในช่วง 1-3 วันนี้ ป้องกันปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ใต้อ่างเก็บน้ำลำตะคอง โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ม.ล.อนุมาศ กล่าว

ด้านนายสุรศักดิ์ มีแสงนิล นายช่างเครื่องกลอาวุโส ส่วนเครื่องจักรกล สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ช่างกลในสังกัดกว่า 50 นาย ได้เร่งต่อเชื่อมเหล็ก เพื่อสร้างเป็นสันบานประตูน้ำขนาดใหญ่เพื่อนำไปติดตั้งที่เหนือช่องบานประตูระบายน้ำเติมของอ่างเก็บน้ำลำตะคอง เพื่อเพิ่มพื้นที่การกักเก็บปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองให้สูงขึ้น โดยสันบานประตูระบายน้ำนี้จะถูกน้ำไปติดตั้งไว้เหนือ 7 บานประตูระบายน้ำเติมของอ่างเก็บน้ำลำตะคอง เพื่อเพิ่มความสูงของสันบานประตูระบายน้ำขึ้นมาอีก 1 เมตร ซึ่งจะทำให้อ่างเก็บน้ำลำตะคองแห่งนี้สามารถจุปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างน้อย 60 ล้าน ลบ.ม. ทำให้อ่างเก็บน้ำลำตะคองจะมีระดับการกักเก็บปริมาณน้ำก่อนที่จะล้นสันบานประตูระบายน้ำเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 353 ล้าน ลบ.ม. จากเดิม 314.49 ล้าน ลบ.ม. เพื่อเป็นการรองรับปริมาณน้ำที่อาจจะมีเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1-3 วันนี้ตามที่มีการคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-24 14:47:14


ความคิดเห็นที่ 2099 (1574363)

คันกั้นน้ำแตก!น้ำทะลักท่วมชัยนาท

23 กันยายน 2554 เวลา 18:15 น. |เปิดอ่าน 111 | ความคิดเห็น 0

ผอ.ชลประทานที่ 12 เผย คันกั้นน้ำจ.ชัยนาท แตก ล่าสุด น้ำทะลักท่วมหมู่บ้านแล้ว

นายฎรงค์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 จังหวัดชัยนาท แจ้งว่า ตามที่ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คันกั้นน้ำที่หมู่บ้านคะนน ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ไม่สามารถรับแรงดันน้ำได้ และเกิดชำรุดเสียหาย มีความยาวประมาณ 20 เมตร อัตราการไหลประมาณ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณ ต.ธรรมมูล ต.คุ้งสำเภา ต.หางน้ำสาคร ต.เสือโฮก ต.ลุก ต.หาดอาษา ต.เขาแก้ว และ ต.โพนางดำออก ใน จ.ชัยนาท ต.ชีน้ำร้าย จ.สิงห์บุรี ซึ่งปริมาณน้ำที่ไหลมาจะสมทบกับทางระบายน้ำล้นของเขื่อนเจ้าพระยา และปริมาณน้ำดังกล่าวไหลมารวมกับปริมาณน้ำที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ที่ขาดอยู่ก่อนแล้ว โดยได้ส่งผลกระทบพื้นที่ตั้งแต่ อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อ.ไชโย จ.อ่างทอง และ อ.มหาราช อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ให้ป้องกันและเสริมกระสอบทรายนที่ลุ่มต่ำ พร้อมขนย้ายสิ่งของขึ้นบนที่สูง หรือที่ปลอดภัยจากน้ำท่วม และเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-24 14:47:52


ความคิดเห็นที่ 2100 (1574364)

พนมเปญฝนถล่มน้ำท่วมตาย 58 ราย

วันศุกร์ ที่ 23 กันยายน 2554 เวลา 19:38 น




กัมพูชา ระทมฝนตกหนักแม่น้ำโขงเอ่อล้นฝั่งตายแล้ว 58 รายไร่นาเสียหายหลายหมื่นไร่ กว่า 5,000 ครอบครัวไร้ที่อยู่

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ว่า จากภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค. และกระแสน้ำในแม่น้ำโขงเอ่อล้นฝั่ง ทำให้กัมพูชาเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 58 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 31 ราย นายเขียว ไว เจ้าหน้าที่คณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติกัมพูชา เผยเมื่อว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศถูกน้ำท่วม รวมถึงนาข้าวหลายหมื่นไร่ ประชาชนอย่างน้อย 5,633 ครอบครัว ถูกอพยพไปสู่ที่ปลอดภัย และเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) นักท่องเที่ยวเกือบ 200 คน รวมถึงชาวต่างชาติ ได้รับการอพยพโดยเครื่องบิน จากปราสาทนครวัต เนื่องจากถนนสายหลักถูกกระแสน้ำตัดขาด.

ผู้แสดงความคิดเห็น อาริยา รัตนพรศิริ (procoachariya-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-24 14:48:46



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 [21] 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.