อ่างวิกฤตน้ำเกินความจุ เร่งระบายออก 
  

5 ตค. 2554 19:21 น.

เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เร่งเปิดประตูระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำสำคัญ 2 แห่ง ในเขตอำเภอเมือง คือ อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก หลังมีปริมาณน้ำสูงถึง 25.17 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเฉลี่ย 96.7 เปอร์เซ็นต์ จากความอ่าง 26 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้ระบายน้ำออกวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ที่มีปริมาณน้ำเกินกักเก็บถึง 30 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเฉลี่ย 108 เปอร์เซ็นต์ จากความจุอ่าง 27 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้ระบายน้ำออกวันละ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร
เนื่องจากระดับน้ำเกินกักเก็บอยู่ในจุดวิกฤต เกรงว่าหากไม่ทำการพล่องน้ำออก จะส่งผลกระทบทำให้คันดินอ่างเก็บน้ำพังทลาย และอาจจะส่งผลให้เกิดน้ำทะลักไหลท่วมบ้านเรือนราษฎร และนาข้าว ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เป็นวงกว้างได้ ซึ่งการระบายน้ำครั้งนี้น้ำได้เอ่อท่วมขังนาข้าวของเกษตรกร และถนนในเขต ต.บ้านบัว แล้วบางส่วน
จากนั้นน้ำก็ไหลผ่านพื้นที่เสี่ยงภัย ต.กระสังอิสาณ และ ต.บ้านยาง ก่อนจะไหลไปรวมในลำตะโคง อ.บ้านด่าน ก่อนจะไหลไปรวมในลำน้ำมูลที่อำเภอแคนดง โดยทางชลประทานได้ประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ชาวบ้าน และเกษตรกรที่อาศัยอยู่ติดทางน้ำไหลผ่านได้ เตรียมรับมือจากภาวะน้ำท่วม และขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง ซึ่งการปล่อยน้ำครั้งนี้ทางชลประทานได้มีการควบคุมระดับการระบายน้ำ ให้ส่งผลกระทบกับความเดือดร้อนของประชาชนให้น้อยที่สุดจนกว่าจะหมดอิทธิพลของพายุฝนที่จะพัดผ่านเข้ามาในช่วงนี้
นายยงศักดิ์ ประภาพันธ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำในครั้งนี้ ก็เป็นการรองรับน้ำจากพายุฝนที่จะมาอีกระลอกตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ไว้ในกลางเดือนนี้ อย่างไรก็ตามยอมรับการระบายน้ำออกในครั้งนี้ ค่อนข้างจะมีปัญหาในการไหลของน้ำไม่สะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากบางจุดมีวัชพืช และสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งก็จะได้ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น
ส่วนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดใหญ่ และขนาดกลางอีก 20 อ่าง จากทั้งจังหวัดมี 22 อ่าง ยังมีความจุที่สามารถรองรับน้ำได้ ยังไม่ส่งผลกระทบกับคันฝายแต่อย่างใด ส่วนทั้ง 2 อ่างจะมีการระบายน้ำต่อเนื่องจนกว่าระดับน้ำจะอยู่ในจุดที่ปลอดภัย
 

สุรินทร์ประกาศ6อำเภอพื้นที่ประสบอุทกภัย 
  
5 ตค. 2554 19:31 น.
นายอำนวย จันทรัฐ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและฝายชลประทานขนาดกลางในเขตจังหวัดสุรินทร์ ทั้ง 18 แห่ง ปริมาณน้ำ วัดได้ 144.06 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือประมาณ ร้อยละ 99.3 ของความจุทั้งหมด 145.079 ล้าน ลบ.ม.
โดยขณะนี้ห้วยลำพอก อำเภอศีขรภูมิ มีน้ำท่วมขังในบริเวณที่ลุ่มติดห้วยลำพอก อ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว อ.รัตนบุรี มีน้ำท่วมในนาข้าวบริเวณที่ลุ่มต่ำ ห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ มีน้ำท่วมขังบริเวณนาข้าวที่ลุ่มต่ำ ในพื้นที่ตำบลสำโรงทาบและ ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ ห้วยเกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ มีน้ำท่วมขังบริเวณนาข้าวที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ตำบลสำโรงทาบ และ ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ
สำหรับแม่น้ำมูล ขณะนี้ระดับน้ำล้นตลิ่งและเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรในบริเวณที่ลุ่มต่ำขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ หากยังมีฝนในพื้นที่ประกอบกับการรับน้ำมาจากต้นน้ำจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ และน้ำมาจากลำพลับพลา ซึ่งจะไหลมาสมทบกันที่แม่น้ำมูล คาดว่าน้ำอาจจะเอ่อท่วมเส้นทางการสัญจรและบ้านเรือนของประชาชนสร้างความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตและทรัพย์สิน
โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอชุมพลบุรี ท่าตูม รัตนบุรี ส่วนลำน้ำชีน้อยระดับน้ำปัจจุบันวัดได้ 10.18 เมตร ของความจุระดับลำน้ำ 6.90 เมตร ซึ่งระดับน้ำล้นตลิ่ง 3.58 เมตร มีน้ำท่วมขังนาข้าวในบริเวณที่ลุ่มต่ำ คาดว่า หากยังมีฝนตกในพื้นที่ประกอบกับการรับน้ำมาจากที่อื่น จะทำให้มีปริมาณน้ำมาก และเอ่อท่วมพื้นที่นาข้าวขยายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลคอโค ต.ท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์
หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า จ.สุรินทร์ประกาศเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว จำนวน 6 อำเภอ 28 ตำบล 251 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.เมืองสุรินทร์ สำโรงทาบ ท่าตูม ชุมพลบุรี รัตนุบรี และศรีณรงค์ ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน 6,560 ครัวเรือน นาข้าวเสียหาย 30,150 ไร่ ถนนเสียหาย 21 สาย และจากการตรวจสอบพื้นที่ประสบอุทกภัย คาดว่านาข้าวจะเสียหายอีกประมาณ 10,145 ไร่
ส่วนไร่มันสำปะหลังเสียหายประมาณ 22,968 ไร่ ได้แก่ อำเภอท่าตูม พื้นที่ที่คาดว่าเสียหาย 5 ตำบล 8 หมู่บ้าน นาข้าวเสียหายประมาณ 2,888 ไร่ อำเภอสังขะ พื้นที่ที่คาดว่าเสียหาย 6 ตำบล 34 หมู่บ้าน นาข้าวเสียหายประมาณ 5,564 ไร่ และไร่มันสำปะหลัง 12 ไร่ อำเภอสำโรงทาบ พื้นที่ที่คาดว่าเสียหาย 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน นาข้าวเสียหายประมาณ 1,693 ไร่ อำเภอกาบเชิง พื้นที่ที่คาดว่าเสียหาย 6 ตำบล 78 หมู่บ้าน ไร่มันสำปะหลังเสียหายประมาณ 22,956ไร่

เด็กชาย3ขวบขอนแก่นสังเวยน้ำท่วม 
 5 ตค. 2554 19:50 น.

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 ตุลาคม 2554 ร.ต.อ.ประกอบ พาลา พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยสำราญ ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุแก่นนครว่า มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตที่บ้านโนน ม.1 ต.โนนท่อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ภายหลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าชาวบ้านได้นำศพผู้ตาย ทราบชื่อว่า ด.ช.พงษ์ศักดิ์ ฤทธิ์ดำ อายุ 3 ขวบ ขึ้นจากน้ำแล้วและกำลังจะนำศพไปไว้ที่วัดศรีแก้วบ้านโนน โดยสภาพศพสวมกางเกงขาวยาว ใส่เสื้อลายดอกสีเหลือง มีน้ำไหลออกจากปากและจมูก เสียชีวิตประมาณ 3-6 ชม.

จากการสอบถาม นางปิยวลี อาสักดา อายุ 23 ปี แม่ของเด็กที่จมน้ำตายทราบว่า ลูกชายหายออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ซึ่งตัวเองก็คิดว่าลูกชายไปดูนาข้าวกับพ่อและตา จึงไม่ได้ใส่ใจ เนื่องจากช่วงกินข้าวเช้าด้วยกัน พ่อของตัวเองซึ่งเป็นตาของลูกที่ตาย บอกว่า จะไปดูที่นาข้าวที่ถูกน้ำท่วม ช่วงบ่ายเมื่อพ่อและสามีกลับมาที่บ้านตนจึงถามหาลูกชาย ซึ่งพ่อและสามีก็บอกว่าไปช่วยงานศพเพื่อนบ้าน จึงไม่เห็นลูกชายตั้งแต่เช้าเช่นกัน

จากนั้นหลังไม่พบลูกชาย จึงได้พากันออกตามหาแต่ไม่พบ กระทั่งเพื่อนบ้านไปพบลูกจมน้ำเสียชีวิตอยู่ในคลองชลประทานท้ายหมู่บ้าน ซึ่งน้ำกำลังเอ่อท่วมสูง จากนั้นจึงรีบพากันออกไปดู หัวใจแทบสลายเมื่อพบเห็นร่างไร้วิญญาณของลูกชายจมอยู่ในน้ำ ชาวบ้านจึงได้พากันช่วยนำศพขึ้นมา ซึ่งแพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ ได้ชันสูตรศพพบว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3-6 ชม.แล้ว

ขณะที่ ร.ต.อ.ประกอบ กล่าวว่า จากการสอบสวน สันนิษฐานว่า ด.ช.พงษ์ศักดิ์ คงได้ยินพ่อและตาคุยกันเรื่องไปดูน้ำที่กำลังน้ำท่วมที่นา เมื่อกินข้าวเสร็จไม่เห็นตากับพ่อ คิดว่าจะต้องไปหาที่นา จึงเดินตามไป จนพลาดตกลงไปในน้ำจมเสียชีวิต จากนั้นได้ให้ญาติบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

น้ำมูล” หลากเปื้อนเคมีปลากระชังตายอื้อ - ชาวนาบุรีรัมย์เร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2554 18:11 น.

บุรีรัมย์ - น้ำมูลเพิ่มสูงต่อเนื่องจากน้ำเหนือและพายุฝน ส่งผลกระทบปลาเลี้ยงในกระชังของเกษตรกร อ.สตึก เป็นโรคมีจุดแดงเป็นแผลตามตัวตายวันละ 200-300 ตัว เชื่อเหตุสารเคมีถูกชะล้างไหลมารวมที่ลำน้ำมูล ส่วนชาวนาเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำไปตากตามถนนหวั่นเน่าเสียหายทั้งหมด ล่าสุดท่วมนาข้าว 4 อำเภอ รวมกว่า 1 หมื่นไร่
       
       วันนี้ (5 ต.ค.) สถานการณ์ปริมาณน้ำในลำน้ำมูลที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องวันละ 15-20 เซนติเมตร (ซม.) ช่วงตลอด 3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากน้ำเหนือที่ถูกระบายลงมาจากเขื่อนทาง จ.นครราชสีมา ประกอบกับน้ำในลำน้ำสาขา และคลองธรรมชาติที่ได้รับอิทธิพลจากพายุฝนตกอย่างต่อเนื่อง ได้ไหลมาสมทบลงลำน้ำมูล จนล่าสุดได้เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมไร่นาของเกษตรกรที่ อ.สตึก ในหลายตำบลเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ในระหว่างการสำรวจพื้นที่เสียหาย
       
       นอกจากนี้ ปริมาณน้ำที่สูงขึ้นและไหลเชี่ยวยังได้ส่งผลกระทบกับกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ต.ท่าม่วง อ.สตึก กว่า 30 ราย ทำให้ปลาของเกษตรกรที่เลี้ยงไว้เริ่มเป็นจุดแดงมีบาดแผลตามตัวคล้ายเป็นโรคระบาดทยอยตายรายละ 200-300 ตัวต่อวัน ซึ่งเกษตรกรต่างเชื่อว่าสาเหตุที่ปลาตายในครั้งนี้ อาจเนื่องมาจากน้ำที่ไหลมารวมในลำน้ำมูลได้ชะล้างเอาน้ำเสีย สิ่งปฏิกูลจากพื้นที่ต่างๆ รวมถึงสารเคมีจากไร่นาของเกษตรกรมารวมกันทำให้ปลาที่เลี้ยงไว้ตายได้
       
       กรณีดังกล่าวส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนในการเลี้ยงปลาในกระชังที่ต่างลงทุนรายตั้งแต่ 100,000-500,000 บาท เกษตรกรร่วม 10 ราย ต้องชะลอการเลี้ยงหันไปรับจ้างและทำอาชีพอื่นแทนจนกว่าระดับน้ำจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ
       
       ด้าน นายเปี่ยม เยี่ยมรัมย์ อายุ 65 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังบ้านท่าเรือ ต.ท่าม่วง อ.สตึก กล่าวว่า น้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาตลอด 3 วัน ส่งผลให้ปลาเป็นจุดแดงและเป็นแผลตามตัวคล้ายโรคระบาด ได้ทยอยตายวันละกว่า 200 ตัว เชื่อว่า อาการป่วยของปลาน่าจะเกิดจากสารเคมีที่ถูกชะล้างไหลมากับน้ำ ถึงแม้จะให้ยาแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ เชื่อว่า การเลี้ยงปลาครั้งนี้จะทำให้ขาดทุนอย่างแน่นอน โดยครั้งนี้ได้ลงทุนไปกว่า 500,000 บาท และพร้อมจะจับขายก่อนกำหนดแต่ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อ เพราะหลายพื้นที่น้ำท่วมชาวบ้านจึงพากันไปจับปลาจากแหล่งน้ำไปรับประทานทำให้ปลาเลี้ยงในกระชังไม่สามารถขายได้ ถึงแม้มีราคาต่ำก็ตาม
       
       นอกจากนี้ น้ำในลำน้ำมูล ยังได้ล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรที่กำลังออกรวงใกล้เก็บเกี่ยว ในเขตพื้นที่ อ.สตึก ขยายเป็นวงกว้างใน 5 ตำบล มี ต.สตึก ทุ่งวังร่อนทอง ดอนมนต์ และ ต.หนองใหญ่ หลายพันไร่ เสียหายสิ้นเชิงแล้วกว่า 1,000 ไร่ เกษตรบางส่วนได้เร่งเกี่ยวข้าวที่จมน้ำแม้จะยังไม่สุกเต็มที่ นำไปตากตามลาน และริมถนน เพราะเกรงว่าหากปล่อยไว้ข้าวที่ถูกน้ำท่วมจะเน่าตายเสียหายทั้งหมด ซึ่งขณะนี้น้ำในลำน้ำมูลยังมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
       
       ทางด้านเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ถูกน้ำท่วมเสียหาย ได้เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งเข้ามาสำรวจช่วยเหลือชดเชยค่าเสียหายไร่ละไม่น้อยกว่า ที่จ่ายชดเชยส่วนต่างในโครงการประกันรายได้ และแจกจ่ายพันธุ์ข้าวให้เกษตรกร เพื่อนำไปเพาะปลูกข้าวนาปรัง เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะในปีนี้เกษตรกรบางรายไม่มีข้าวที่จะนำไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำของรัฐบาล ถึงแม้รัฐบาลกำหนดราคารับจำนำไว้สูงถึงตันละ 20,000 บาท สูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา
       
       ล่าสุด ขณะนี้ลำน้ำมูลได้ล้นตลิ่งเอ่อท่วมพืชไร่ และนาข้าว ของ จ.บุรีรัมย์ แล้วใน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.คูเมือง, แคนดง, พุทไธสง และ อ.สตึก ซึ่งอยู่ติดริมน้ำมูลรวมกว่า 10,000 ไร่ ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
       
       ด้าน นายแปลก ฉลาดดี อายุ 60 ปี เกษตรกรบ้านโนนมะงา ต.สะแก อ.สตึก กล่าวว่า ตนได้ปลูกข้าวทั้งหมด 12 ไร่ ซึ่งกำลังออกรวงใกล้สุกได้ถูกน้ำท่วม เก็บเกี่ยวได้ทันไม่ถึง 2 ไร่ นอกนั้นจมน้ำเสียหายทั้งหมด และปีนี้คงไม่มีข้าวไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำจึงอยากร้องขอให้ภาครัฐเข้ามาสำรวจ และจ่ายชดเชยค่าเสียหาย พร้อมแจกจ่ายพันธุ์ข้าวเพื่อไปทำนาปรังชดเชยข้าวที่เสียหายจากน้ำท่วมดังกล่าวด้วย ซึ่งในหมู่บ้านโนนมะงาข้าวของเกษตรกรได้ถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 1,000 ไร่ คาดจะเสียหายทั้งหมด และปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้วที่ถูกน้ำมูลเอ่อท่วมเสียหายต่อเนื่อง

ฉะเชิงเทราน้ำท่วมฉับพลัน 10 อำเภอ เร่งผลักดันลงทะเล

จากการที่มีการระบายน้ำจากกรุงเทพมหานคร และจากคลอง 13 ส่งผลให้ จ.ฉะเชิงเทรา เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และมีน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งคลอง รวม 10 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา อ.แปลงยาว อ.บางน้ำเปรี้ยว อ.บางคล้า อ.คลองเขื่อน อ.พนมสารคาม อ.ราชสาส์น อ.ท่าตะเกียบ อ.สนามชัยเขต และ อ.บ้านโพธิ์ ราษฎรได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 17,000 ครัวเรือน

โดย น.ส.งามพิศ แก้วประดิษฐ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า น้ำในพื้นที่ไม่สามารถระบายผ่านประตูระบายน้ำได้ เนื่องจากแม่น้ำบางปะกงสูงกว่าด้านในคลองประมาณ 1 เมตร ทำให้การลดระดับน้ำด้านในได้ช้า

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันได้ดำเนินการสูบน้ำตามสถานีสูบน้ำต่างๆ พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำตามจุดสำคัญ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่ทะเล และเป็นการเตรียมพร้อมรองรับการระบายน้ำจากกรุงเทพมหานครในอนาคตอีกด้วย

น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรม “สหรัตนนคร” อยุธยา

--------------------

เขื่อนขุนด่านฯยอมรับน้ำใกล้เต็มอ่างทยอยปล่อยน้ำออก

5 ตค. 2554 16:26 น.

นายสมัย ธรรมสัตย์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เขื่อนขุนด่านปราการชล เปิดเผยว่า
ปัจจุบันจังหวัดนครนายก สถานการณ์น้ำภายในเขื่อน ณ ปัจจุบันนี้ อยู่ที่ระดับน้ำ 104.77 ม.รทก. ปริมาณน้ำ 196.99 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 87.94 ของความจุอ่างฯ (224 ล้าน ลบ.ม.) โดยเขื่อนฯสามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 15 ล้าน ลบ.ม. ในขณะที่ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนฯเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม อยู่ที่ 3.29 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากในช่วงนี้ มีฝนตกเป็นจำนวนมาก ขณะนี้ทางโครงการจึงมีความจำเป็นจะต้องระบายน้ำออกจากเขื่อน วันละ 2 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากถ้าไม่มีการระบายน้ำเลย จะทำให้น้ำเต็มความจุเขื่อน ภายใน 1-2 วัน ดังนั้นทางโครงการจึงต้องมีการระบายน้ำลงด้านท้ายน้ำบางส่วน ตามปริมาณดังกล่าวข้างต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มมากขึ้นแก่พื้นที่บริเวณด้านท้ายน้ำ

---------------------------

ชาวบ้านขนของหนีน้ำอลหม่านหลังเขื่อนภูมิพลเปิดประตูฉุกเฉิน

หลังจากที่เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก อั้นไม่ไหว เพราะน้ำเหนือทะลักลงอ่างเก็บน้ำ มากเกือบ 300 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ต้องมีการเปิดประตูฉุกเฉิน ทั้ง 2 บาน ส่งผลให้มีน้ำลงสู่แม่น้ำปิง กว่า 100 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้ง น้ำจากแม่น้ำวังที่ไหลมาสมทบอีก 58 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีน้ำก้อนใหญ่ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปิง ในพื้นที่ ต.ตากออก ต.สมอโคน อ.บ้านตาก บางแห่งรถเล็กผ่านไม่ได้ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซ.ม. - 1 ม. ทำให้ชาวบ้าน ต่างต้องย้ายสิ่งของหนีน้ำอลหม่าน คาดว่า ในช่วงเย็นน้ำจำนวนมากจะไหลมาสมทบที่ อ.เมืองตาก และ อ.วังเจ้า

ด้าน นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล เปิดเผยว่า เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ เพราะมีน้ำเหนือเข้ามามากผิดปกติ เมื่อระดับอยู่ในจุดที่ต้องเปิดประตูระบายน้ำล้น คือ 97 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง ที่ต้องระบายก่อนครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากต้องเหลือพื้นที่สำรองไว้ 3 เปอร์เซ็นต์ โดยก่อนเปิดประตูระบายน้ำล้นก็ได้มีการประสานทั้งฝ่ายปกครอง ป้องกันภัย และ อบต.ตามจุดที่น้ำไหลผ่าน คาดว่า จะระบายออกประมาณ 2 วัน สถานการณ์ก็คงจะคลี่คลาย

อุทัยธานีน้ำท่วมต่อเนื่องชาวบ้านเมินหนีภัยออกจากบ้าน

5 ตค. 2554 16:39 น.

เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.เกาะเทโพ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ได้เจรจา
ให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูง ไปพักยังที่พักชั่วคราว ที่ทาง อบต.เกาะเทโพ จัดไว้ให้เพื่อความปลอดภัย แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องเจ้าของบ้านยังเป็นห่วงทรัพย์สินในบ้าน และขอดูสถานการณ์ต่ออีกระยะ

รายงานข่าวจาก ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า น้ำท่วมในพื้นที่ได้เพิ่มสูงผลพวงจากน้ำที่หลากมาจากนครสวรรค์ ส่งผลต่อสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ประชาชนในพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำสะแกกรัง ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง จนถึงขณะนี้ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ 37 ตำบล 291 หมู่บ้าน ชาวบ้านเดือดร้อน แล้วกว่า 17,657 ครัวเรือน 53,600 คน

ส่วนพื้นที่วิกฤตอยู่ที่บริเวณอำเภอเมือง 5 ตำบล ได้แก่ ต.ท่าซุง ต.เกาะเทโพ ต.หาดทะนง ต.น้ำซึม ต.สะแกกรัง และเทศบาลเมืองอุทัยธานี ถูกน้ำท่วมสูง กว่า 2 เมตร ทั้งนี้ พบว่าผู้ประสบภัยส่วนใหญ่ไม่ยอมอพยพออกจากบ้านเรือน เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สิน

----------------------------------

น้ำทะลักท่วมบางปะหันสูงกว่า 4 เมตร เร่งช่วยเหลือชาวบ้าน-เด็กนักเรียน

วันที่ 05/10/2554 17:08


เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม น้ำได้ทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านไทยพัน หมู่บ้านโรงนอก ในอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สูงกว่า 4 เมตร เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือประชาชนออกมาจากพื้นที่ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ติดอยู่ในโรงเรียน

นางสาวฐิติมา ทองทับ กำนันอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า อยู่ระหว่างการช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านไทยพันและหมู่บ้านโรงนอกเคลื่อนย้ายทรัพย์สินออกมาจากพื้นที่ และต้องนำเด็กนักเรียนออกจากโรงเรียนวัดแก้วตาและโรงเรียนวัดบางเพลิงประมาณ 300 คน จึงขอความอนุเคราะห์ความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรือทองแบน

ฉะเชิงเทรา - ลำน้ำบางปะกงล้นทะลักเข้าท่วมโครงการพัฒนาส่วนพระองค์บางแตน พังยับ แปลงผักไฮโดรฯ ปลอดสารพิษ มูลค่านับล้านลอยหายไปกับน้ำ เหตุจากรองรับการระบายจากรอบด้านเกินพิกัด ด้านชาวบ้านริมสองฝั่งระทม บ่อปลาหาย นาล่ม หนี้ท่วม

วันนี้ (5 ต.ค.) เวลา 11.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากชาวบ้าน ในบริเวณพื้นที่รองรับการระบายน้ำจากรอยต่อ 3 จังหวัด ใกล้จุดของการไหลมาบรรจบกันของแม่น้ำ 3 สาย คือ แม่น้ำปราจีนบุรี แม่น้ำนครนายก ลงมารวมกันเป็นแม่น้ำบางปะกง ว่า หลังจากลำน้ำบางปะกงถูกเลือกให้เป็นลำน้ำสายหลัก ที่จะต้องรับการระบายมวลน้ำก้อนใหญ่จากทั่วทั้งภูมิภาค ออกสู่ทะเล ทั้งจากมวลน้ำจากทางตอนเหนือของลุ่มน้ำเจ้าพระยา น้ำจาก จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว และจากการระบายออกของเขื่อนขุนด่านปราการชล ใน จ.นครนายก

ทำให้น้ำจำนวนมากเหล่านี้ไหลออกลงสู่ทะเลไม่ทัน บ่าทะลักเข้าท่วมสู่พื้นที่โครงการส่วนพระองค์ บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี สูงถึงเกือบ 2 เมตร ทำให้พืชผลทางการเกษตรในโครงการต้นแบบลอยน้ำสูญหายไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ปลอดสารพิษ ซึ่งเป็นโครงการตัวอย่างขึ้นชื่อของทางโครงการแห่งนี้ ที่ได้รับการยอมรับและเชื่อถือจากผู้บริโภค ได้ลอยสูญหายไปกับกระแสน้ำ และถูกน้ำท่วมเสียหายจนเกือบหมดทั้งโครงการ มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท

ขณะที่ นางอารีย์ เกตุสวัสดิ์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ม.5 ต.บางโรง อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านผู้อยู่อาศัยยังด้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ของโครงการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำในแม่น้ำบางปะกงเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนอยู่อาศัยและนาข้าวจนได้รับความเสียหายกว่า 40 ไร่ กล่าวว่า ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าน้ำจะไหลออกมาจากแม่น้ำจนท่วมสูงมากถึงขนาดนี้ เนื่องจากไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน นับจากปี พ.ศ.2526 ที่เคยมีน้ำมาก ไหลเข้าท่วมพื้นที่มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ท่วมสูงมากถึงขนาดนี้

น้ำที่ไหลเอ่อล้นออกมานั้น แรกๆ มีความลึกไม่มากนัก เพียงแค่ระดับพื้นดินมีสภาพชุ่มแฉะ และเมื่อฝนตกลงมาก็จะท่วมสูงถึงระดับหน้าแข้ง ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย.54 ที่ผ่านมา และจะท่วมอยู่ในลักษณะนี้หลายครั้ง จึงไม่ได้มีการเตรียมการเก็บข้าวของหนีน้ำ และยังไม่ได้เร่งรีบเก็บเกี่ยวข้าวก่อนกำหนด เนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะถูกน้ำท่วมมาก่อน

แต่มาถึงสัปดาห์นี้ข้าวได้ครบกำหนดที่จะเก็บเกี่ยวพอดี จึงได้ไปว่าจ้างรถเกี่ยวข้าวมา เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา จากนั้นจึงได้กำหนดนัดหมายให้รถเข้ามาเกี่ยวข้าวในวันพุธ แต่ไม่ทันที่จะได้นำรถลงเกี่ยวข้าว น้ำในปริมาณมากจากแม่น้ำบางปะกงได้ไหลล้นเอ่อออกมาท่วมบ้านเรือนและนาข้าวของคนทั้งหมู่บ้าน ระดับน้ำสูงจากพื้นดินจนถึงระดับเอว และมีบางหลังมีระดับท่วมสูงถึงลำคอ ข้าวของที่อยู่ในที่ต่ำที่เคยวางไว้ในใต้ถุนบ้านไม่ได้มีการจัดเตรียมเก็บรวบรวมเอาไว้ก่อนได้ลอยน้ำสูญหายไปจนหมด

สำหรับสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมหมู่บ้านในครั้งนี้ ทราบมาจากลูกๆ ว่า เป็นน้ำที่ถูกระบายออกมาจากทางภาคเหนือในตอนบนของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไหลเข้าท่วมในกรุงเทพฯ

“ทำไมถึงห่วงนักห่วงหนาต่อคนกรุงเทพฯ ปล่อยให้ท่วมบ้างก็ได้จะปล่อยให้ชาวนาตายกันหมดหรืออย่างไร ตอนนี้บ่อปลา นาข้าวล่มเน่าเสีย ยังต้องเป็นหนี้สินกับร้านค้าที่ไปกู้ยืมเขามาลงทุน ทั้งค่ายาค่าปุ๋ยที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปจ่ายให้เขา” นางอารีย์ กล่าวในที่สุด

ด้าน นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกงแห่งนี้ ได้ถูกเลือกให้เป็นลำน้ำสายหลักในการระบายน้ำออกสู่ทะเล จากพื้นที่ทางตอนเหนือของลำน้ำเจ้าพระยา และจากเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ จริงโดยการระบายจะถูกส่งมาทางระบบของโครงการชลประทาน ผ่านมาทางคลองระพีพัฒน์ คลอง 13 และมาสูบระบายออกลงสู่แม่น้ำบางปะกง ตามสถานีสูบน้ำต่างๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมลำน้ำบางปะกง

ทั้งสถานีสูบน้ำคลอง 6 วาสายล่าง ประตูน้ำสมบูรณ์ คลองบางขนาก ประตูน้ำท่าไข่ ประตูน้ำท่าถั่ว คลองพระองค์ไชยยานุชิต ประกอบกับยังมีน้ำในพื้นที่ ทั้งจากอ่างเก็บน้ำคลองระบม และสียัด ที่อยู่ในสภาพเต็มล้น จะต้องเร่งระบายพร่องน้ำออกลงสู่ทะเลเพื่อรองรับพายุที่จะขึ้นฝั่งเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากหลายลูก ขณะที่ขีดความสามารถของลำน้ำบางปะกงในการระบายน้ำออกสู่ทะเลนั้น สามารถระบายน้ำออกได้ในปริมาณ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงอาจระบายน้ำออกไม่ทันต่อปริมาณน้ำที่ถูกระบายผ่านเข้ามาในช่วงที่มีน้ำทะเลหนุนสูง
 

ศอส.รายงานยังมีน้ำท่วม 28 จังหวัด เตือน 8 จังหวัดเฝ้าระวังดินถล่ม

นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 28 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี เชียงใหม่ ยโสธร ร้อยเอ็ด ลำปาง เลย และนครราชสีมา รวม 201 อำเภอ 1,486 ตำบล 11,208 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 826,377 ครัวเรือน 2,604,220 คน ผู้เสียชีวิต 237 ราย สูญหาย 3 ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 7,528,805 ไร่ พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อปลา 105,963 บ่อ สัตว์ได้รับผลกระทบ 8,511,689 ตัว น้ำท่วมเส้นทางไม่สามารถสัญจรผ่านได้ รวม 169 สาย แยกเป็น ทางหลวง 48 สาย ใน 12 จังหวัด ทางหลวงชนบท 121 สายใน 20 จังหวัด

นายพระนายกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและระดับน้ำล้นตลิ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ยังอยู่ในภาวะวิกฤต โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำ 97 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำ 99 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนแควน้อยมีปริมาณน้ำ 97 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำ 138 เปอร์เซ็นต์


นายพระนายกล่าวว่า พายุโซนร้อนนาลแกจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในวันนี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก รวมทั้งมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย 8 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน (อำเภอแม่สะเรียง อำเภอสบเมย) ตาก (อำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง อำเภอแม่สอด) กำแพงเพชร (อำเภอคลองลาน) จันทบุรี (อำเภอขลุง) ตราด (อำเภอเกาะช้าง อำเภอบ่อไร่) ระนอง (อำเภอกระบุรี อำเภอกะเปอร์) พังงา (อำเภอกะปง อำเภอท้ายเหมือง อำเภอตะกั่วป่า) สุราษฎร์ธานี (อำเภอพนม อำเภอบ้านตาขุน) เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ โดยให้หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติจะได้อพยพหนีภัยได้อย่างทันท่วงที 
    

ปราจีนบุรี - หนีน้ำท่วมกลางดึก เรือล่ม ดับ3


5 ตค. 2554 17:00 น.

ร.ต.ท.เกียรติศักดิ์ จันตะนะ ร้อยเวรสอบสวน สภ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งเหตุว่าคืนวันอังคารที่ 4 ต.ค. เกิดเหตุเรือล่มผู้สูญหาย 3 ราย เหตุเกิดที่บริเวณทุ่งนา หมู่ที่ 5 ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทุ่งนามีน้ำท่วมสูง 2 เมตร จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานปราจีนบุรี ช่วยกันค้นหาร่างผู้สูญหาย ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงพบศพนายเฉลียว อินคง อายุ 44 ปี , นางสายเพ็ญ ตระการจันทร์ อายุ 40 ปี ,นายสมปอง ตระการจันทร์ อายุ 41 ปี เป็นสามีนางสายเพ็ญ ส่วนเด็กชายภาสกร เกษพิรา อายุ 2 ขวบ 9 เดือน และดช.ธีระวัฒน์ ตระการจันทร์ อายุ 14 ปี มีผู้ช่วยไว้ได้
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า นายเฉลียว นางสายเพ็ญ นายสมปอง เด็กชายภาสกร เกษพิรา เด็กชายธีระวัฒน์ ได้ลงเรือลำเดียวกันออกจากบ้าน เพื่อย้ายบ้านไปอยู่ที่ตัวอำเภอ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วม เมื่อออกเรือมาได้ไม่นาน ก็เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม นางสายเพ็ญและนายสมปองพยายามช่วยชีวิตเด็กชายภาสกรไว้แต่ตนเองว่ายน้ำไม่เป็น จึงจมน้ำเสียชีวิต ส่วยนายเฉลียวอาจถูกนายสมปองและนางสายเพ็ญพยายามเกาะหาที่ปลอดภัยจนจมน้ำเสียชีวิตรวมทั้งหมด 3 ราย

 ชาวลำปางร้องสื่อน้ำท่วมหนัก-ขาดอาหาร

ข่าวภูมิภาค วันพุธที่ 5 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 21:19 น.

 เขื่อนทั่วประเทศรับน้ำไม่ไหวแล้ว 

นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เปิดเผย ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ

มีปริมาณสูงถึง 92  เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าปีที่แล้ว

18,200 ล้านลูกบาศก์เมตร รองรับน้ำได้อีกเพียง

6,200 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่หลายเขื่อนเต็มความจุแล้ว

ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้อีก เป็นเพียงทางน้ำไหลผ่าน

อย่างไรก็ตาม ได้ตรวจสอบความปลอดภัยของเขื่อนพบว่า

ยังแข็งแกร่ง ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลว่า เขื่อนจะแตก 

     กฟผ.ยืนยันเขื่อนภูมิพลและทุกเขื่อน

ของ กฟผ.ยังมีความมั่นคงแข็งแรง

เหตุที่จำเป็นต้องระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก

เนื่องจากอิทธิพลของพายุ จึงมีปริมาณน้ำจำนวนมาก

ไหลเข้าติดต่อกันหลายวัน 

      สำหรับเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก

ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในเขื่อนคิดเป็น 97 เปอร์เซ็นต์

ของระดับเก็บกักสูงสุด การระบายน้ำเพิ่มส่งผลให้

ปริมาณน้ำด้านท้ายเขื่อนภูมิพลมีระดับน้าเพิ่มสูงขึ้น

ประกอบกับ เมื่อปริมาณน้ำจากแม่น้ำวังไหล

ลงมาสมทบกับแม่น้าปิง ที่จังหวัดตาก

จะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงสูงขึ้นไปอีก

และจะทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม

ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้าปิงในเขตจังหวัดตาก

กำแพงเพชร และนครสวรรค์ ขอให้ประชาชน

ที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวตรวจสอบ

ความแข็งแรงของคันกั้นน้ำชั่วคราว

และเสริมคันป้องกัน

พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเพิ่มขึ้น

โดย แหล่งข่าว 7 สี

อ่างทองจมบาดาลใช้ได้แต่เรือ ผู้คนหมดแรงสู้น้ำ

 สภาพเมืองอ่างทองเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่

เกษตรกรเลี้ยงเป็ดระทมหนัก

ต้องย้ายเป็ดขึ้นไปไว้บนดาดฟ้า

ขณะที่น้ำทะลักท่วมโกดังน้ำตาลทราย

ต้องรีบสร้างคันดินกั้นไว้

ด้านสภากาชาดไทย

ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน จ.อ่างทอง แล้ว...

      เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2554 สถานการณ์น้ำท่วม

ใน จ.อ่างทอง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

และแม่น้ำน้อยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จนขณะนี้มีระดับสูงกว่าเมื่อปี 2538 แล้ว

ทำให้ประชาชนถูกน้ำท่วมจมบาดาล

ระดับน้ำทวีความลึกเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมจมมิดถึงชั้นสอง

จนไม่สามารถพักอาศัยได้

การสัญจรไปมาต้องอาศัยเรือ

เป็นพาหนะเพียงอย่างเดียว

แต่ก็ต้องประสบปัญหาน้ำไหลเชี่ยวแรง

ทำให้พายเรือไม่ไหว

และเสี่ยงต่อการถูกกระแสน้ำพัดเรือล่ม

สร้างความเดือดร้อนไปทุกพื้นที่

ขณะเดียวกันในพื้นที่ซึ่งยังป้องกันน้ำท่วมไว้ได้

ก็เริ่มอ่อนล้าที่ต้องคอยซ่อมแซม

คันกั้นน้ำกันตลอดทั้งวันทั้งคืน

ล่าสุดมีพื้นที่ถูกน้ำท่วม

ขยายวงกว้างออกไปจนดูเหมือนกับทะเลสาบ 

    ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านที่ออกไป

ลงตาข่ายดักปลาในทุ่งนาที่ถูกน้ำท่วม

ในเขตติดต่อระหว่าง อ.ไชโย จ.อ่างทอง

กับ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี

ซึ่งถูกน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร

พบจระเข้ ลำตัวยาวกว่า 1 เมตร

ว่ายน้ำมากินปลาที่ติดตาข่าย

ด้วยความหิวโซและร่างพันติดตาข่าย 

แต่จระเข้ดังกล่าวดื้นรนจนตาข่ายขาด

และหลุดรอดไปได้ หลังข่าวแพร่กระจายออกไป

สร้างความหวาดผวาให้แก่ชาวบ้าน

ที่ถูกน้ำท่วม ต่างห้ามลูกหลาน

ไม่ให้ลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาด

เพราะเกรงจะเป็นเหยื่อของจระเข้หิวโซทั้งสองตัว 

 

  นางมะลิ ส้มแก้ว อายุ 48 ปี ชาวบ้านหมู่ 3

ต.ตรีณรงค์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง

เจ้าของเป็ดไล่ทุ่ง ที่เพิ่งถูกน้ำทะลัก

เข้าท่วมอย่างรวดเร็วทำให้ทุ่งนาที่ใช้

เป็นสถานที่เลี้ยงเป็ดจมมิดน้ำทั้งหมด

เป็ดที่เลี้ยงไว้จึงไม่มีที่อยู่

เลยต้อนฝูงเป็ดที่เหลือ 400 ตัว

ขึ้นไปเลี้ยงบนดาดฟ้า

ถึงแม้จะเหม็นกลิ่นมูลเป็ดที่ถ่ายออกมา

ก็ต้องจำทน โดยนางมะลิเผยว่า

หลังจากกระแสน้ำที่ไหลทะลักมาจาก

จ.ลพบุรี เข้าท่วม จ.อ่างทอง

อย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นที่นาข้าว

ที่เป็นสถานที่เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งไม่มีเหลือ

เป็ดต้องว่ายน้ำทั้งวัน

บางตัวจมน้ำตายก็มี

ตนจึงต้อนฝูงเป็ดกลับมาเลี้ยง

ไว้บนดาดฟ้าภายในบ้าน

เพราะหากปล่อยไปตามยถากรรม

ถ้าเป็ดไม่ตาย

ก็ต้องถูกหัวขโมยลักไปกินจนหมด

และตนยังเก็บไข่ไว้ขาย

เป็นรายได้จุนเจือครอบครัว

ในช่วงน้ำท่วมสูงแบบนี้ด้วย

หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

กระแสน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่

ภายในบริษัท รวมทั้งโกดัง

เก็บน้ำตาลทรายขาวของบริษัท

ร่วมกิจคลังสินค้า

ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายอ่างทอง–พระนครศรีอยุธยา

ต.บางปลากด อ.ป่าโมก

จ.อ่างทอง อย่างรวดเร็ว

มีระดับสูงกว่า 1 เมตร

เจ้าหน้าที่และคนงานบริษัท

ต้องรีบนำรถแบ็คโฮมาสร้างคันดินกั้นน้ำ

พร้อมทั้งนำเครื่องสูบน้ำ

ออกจากบริเวณสถานที่เก็บน้ำตาล

และขนถ่ายสินค้าลงเรือกันอย่างโกลาหล 

  เมื่อเวลา 10.40 น.

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย

ทรงมีความห่วงใยราษฏรชาวอ่างทอง

ที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัยอย่างรุนแรง

และต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

ให้ นายแผน วรรณเมธี

เลขาธิการสภากาชาดไทย

เป็นผู้แทนพระองค์

นำชุดธารน้ำใจพระราชทาน

พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 1,050 ชุด

มามอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย

ที่ศูนย์สภากาชาดไทย ต.บางจัก

อ.วิเศษชัยชาญ

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

สร้างความปลาบปลื้ม

และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น.

Credit : Thairath

 เขมรน้ำยังท่วมหนักตัวเลขเสียชีวิตพุ่ง

วันพุธ ที่ 05 ตุลาคม 2554 เวลา 23:47 น

 

ฝนยังกระหน่ำเขมร จมบาดาล

ชาวบ้าน 23,000 ครัวเรือนเดือดร้อน

ยอดตายยังพุ่งต่อเนื่อง

    เมื่อวันที่ 5 ต.ค. สำนักข่าวเอเอฟพี

รายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาว่า

ขณะนี้กัมพูชายังคงเผชิญกับอุทกภัย

ครั้งร้ายแรงสุดในรอบกว่า 10 ปี

โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

เป็นอย่างน้อย 167 รายแล้ว

โดยในจำนวนนี้เป็นเด็ก 68 ราย 

นายเขียว ไว โฆษกคณะกรรมการ

จัดการภัยพิบัติแห่งชาติกัมพูชา

เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอด

2 เดือนที่ผ่านมา บวกกับกระแสน้ำ

ในแม่น้ำโขงเอ่อล้นตลิ่ง

ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมในบริเวณกว้าง

เรือกสวนไร่นาต้องจมน้ำถึง

1,871,460 ไร่ ประชาชนต้องอพยพ

สู่พื้นที่ปลอดภัยกว่า 23,000 ครอบครัว

ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

จากการประเมินของทางการ

พบว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อน

ทั่วประเทศเกือบ 23,000 ครอบครัว

ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งระดมเจ้าหน้าที่

เข้าให้ความช่วยเหลือ

พร้อมทั้งแจกสิ่งของบรรเทาทุกข์พื้นฐาน

รวมถึงอาหารและยารักษาโรค

ขณะเดียว สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี

กล่าวก่อนหน้านี้ว่า

กัมพูชาจะไม่เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากใคร

แต่ก็ไม่ขัดข้องหากใครจะให้ความช่วยเหลือ.

ฝนถล่มกรุง!ถนนจมจราจรอัมพาต(ชมภาพชุด)

วันพฤหัสบดี ที่ 06 ตุลาคม 2554 เวลา 0:08 น

 

ขออนุโมทนาบุญกับน้องหญิงด้วยค่ะ พี่เพิ่งจะรู้ว่าฝนตกหนักเเต่ที่เเถวบ้านพี่ใกล้โรงเเรมโอเรียนเต็ล ฝนตกเบาๆ กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ทุกพระองค์ค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ  เเละขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านด้วยค่ะ

น้ำท่วมลพบุรียังน่าห่วง น้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง น้ำซัดสะพานบนถนนสายลพบุรี-สิงห์บุรี ช่วงตำบลบางขันหมาก ชำรุด ผู้ว่าฯ สั่งช่วยเหลือด่วน

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ของจังหวัดลพบุรี ขณะนี้ยังคงน่าเป็นห่วงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นและขยายเป็นวงกว้างออกไป เกือบเต็มพื้นที่ของจังหวัดลพบุรีแล้ว โดยล่าสุดที่อำเภอบ้านหมี่ ตำบลที่อยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกถูกน้ำท่วมทุกตำบลแล้ว รักษาได้เพียงแค่สถานที่ราชการคือที่ว่าการอำเภอตลาดสด เพื่อเก็บไว้เป็นศูนย์การส่งเสบียงอาหาร และการช่วยเหลือให้กับชาวบ้าน

ขณะที่อำเภอท่าวุ้ง น้ำยังได้ไหลเข้าท่วมในตำบลหัวสำโรง ของอำเภอท่าวุ้ง อีกตำบลแล้ว และระดับน้ำยังไม่มีที่ท่าว่าจะลดลง มีแต่ขึ้นตลอดเวลา ทำให้กระแสน้ำที่ไหลแรงกันเซาะคอสะพานบนถนนสายลพบุรี-สิงห์บุรี ช่วงตำบลบางขันหมาก จนน้ำทะลุถนนทำให้ถนนทรุดตัวลง ทางจังหวัดเร่งให้เจ้าหน้าที่วางสะพานเหล็ก เพื่อให้รถวิ่งบนสะพานเหล็กแทน เพื่อไม่ให้ถนนยุบตัวลง

ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้ออกประกาศเตือนชาวบ้านอีกรอบว่า มวลน้ำก้อนใหญ่จะเข้ามาในพื้นที่จังหวัดลพบุรีอีกขอให้เก็บของขึ้นที่สูงไปอีก ขอให้ประชาชนอพยพออกมาอยู่ที่สูง ซึ่งทางจังหวัดจะจัดสถานที่ให้อยู่อย่างปลอดภัย ในเวลานี้ขอให้เอาชีวิตรอดก่อน เพราะน้ำยังจะมีอีกจำนวนมาก หากยังไม่สามารถปิดชลอน้ำที่ประตูน้ำบางโฉมศรี ได้ในอีก 3-4 วันนี้
 

น้ำท่วมวัด 1,588 วัด พระ-เณร เดือดร้อนพุ่ง 16,718 รูป

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ.ได้สรุปจำนวนวัด ที่พักสงฆ์และพระภิกษุสามเณรที่ประสบอุทักภัยจนถึงปัจจุบัน ภาคเหนือ 8 จังหวัด 460 วัด พระภิกษุสามเณรเดือดร้อน 4,426 รูป ภาคตะวันออก 3 จังหวัด 122 วัด พระภิกษุสามเณรเดือดร้อน 1,488 รูป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด 164 วัด พระภิกษุสามเณรเดือดร้อน 1,125 รูป ภาคกลาง 10 จังหวัด 842 วัด พระภิกษุสามเณรเดือดร้อน 9,679 รูป รวมทั่วประเทศทั้งสิ้น 29 จังหวัด 1,588 วัด มีพระภิกษุสามเณรเดือดร้อน 16,718 รูป

ขณะนี้ตนได้กำชับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดที่มีวัดประสบปัญหาน้ำท่วม จะต้องประสานกับคณะสงฆ์ในพื้นที่ตลอดเวลาดูแลเรื่องการขาดแคลนภัตตาหาร ความเป็นอยู่ หากไม่สามารถพักอาศัยในวัดได้จำเป็นต้องนิมนต์พระเณรให้ย้ายไปอยู่วัดที่มั่นคงถาวรก่อน และไม่อยากให้เกิดภาพที่พระเณรมาฉันอาหารกลางถนนอีก ส่วนทรัพย์สินสำคัญของวัดนั้นก็ให้ย้ายออกมาด้วย แล้วประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูแลความปลอดภัยของวัดแทน

ทั้งนี้ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของคณะสงฆ์ ในความอุปถัมภ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ร่วมกับมหาวิทยาลัยหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คณะสงฆ์ภาค 2 ร่วมรับบริจาค ข้าวสาร อาหารแห้ง เสื้อผ้า และยารักษาโรค แก่ผู้ประสบอุทกภัยในวันที่ 6 ตุลาคม ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สระบุรี อ่างทอง

หากต้องการร่วมบริจาคสิ่งของหรือบริจาคเป็นจตุปัจจัยได้ที่ ธรรมวิจัย มจรวังน้อย และธรรมวิจัย มจร วัดมหาธาตุ โทร 0-2222-2835 , 035-248-000
 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: วิตกเศรษฐกิจโลก ฉุดทองคำร่วง $41.7

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกและปัญหาหนี้ยุโรปอาจทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ รวมถึงทองคำ ลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 41.7 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 1,616 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,613.00-1,658.40 ดอลลาร์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักหลังจากเบอร์นันเก้แถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจของสภาคองเกรสเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า "การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังใกล้ถึงจุดสะดุด" และยังกล่าวด้วยว่านโยบายการเงินไม่ใช่ "ยาวิเศษ" ที่จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ระบุว่า สถานการณ์ว่างงานในสหรัฐถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากกว่าเงินเฟ้อ หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก และภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะลดการจ้างงานในระยะใกล้

เทรดเดอร์มองว่า แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะยังไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ในระยะนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดทองคำ นอกจากนี้ การที่เบอร์นันเก้ไม่ได้แสดงความกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อ ก็ยิ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำลงอีก เพราะโดยปกติแล้วนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยเมื่อเศรษฐกิจเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์จากเครดิตสวิสมองว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มเข้าสู่ระยะพักฐานแล้ว หลังจากที่สัญญาทองคำและสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

---------------------

อนุโมทนากับข่าวจากพี่อาริยาด้วยค่ะ

แถวบ้านหญิงที่ตาก

เกิด มา 20 ปียังไม่เคยเห็นน้ำท่วมสะพานข้ามแม่น้ำปิงเลยค่ะ

เพิ่งจะมาเห็นวันนี้ 

คนที่บ้านเอารูปลงให้ดู

อะไรที่ไม่เคยเกิดก็ต้องเกิด

อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ต้องเห็น

กรรมแท้ๆเลยค่ะ

ยังไงขอเป็นกำลังใจ

ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกๆท่านด้วยนะค่ะ

         จีน 6 ต.ค. - เกิดเหตุเหมืองถ่านหินระเบิด

ในมณฑลกุ้ยโจว ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

มีผู้เสียชีวิต 17 คน และบาดเจ็บ 11 คน

       สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี รายงานว่า

เหตุเหมืองถ่านหินระเบิดเกิดขึ้น

เมื่อคืนวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น

ที่เมืองลี่โป มณฑลกุ้ยโจว

แรงระเบิดส่งผลให้คนงานเสียชีวิต

17 คน ส่วนคนงานอีก 11 คน

ที่อยู่ใต้ดินได้รับการช่วยเหลือออกมาได้

แต่ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ

     หนึ่งในผู้รอดชีวิตเล่าว่า

เหตุระเบิดเกิดขึ้นอย่างรุนแรง

เพื่อนของเขาหลายคนเสียชีวิต

แต่เขาและเพื่อนคนงานที่เหลือ

ใช้เสื้อผ้าชุบน้ำอุดจมูกและปาก

ป้องกันพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์

ก่อนได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ส่วนสาเหตุของเหมืองระเบิด

คาดว่าเกิดจากก๊าซมีเทนรั่ว

-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านปราจีนฯ

ถูกน้ำพัดเรือคว่ำจมดับ

วันพฤหัสบดี ที่ 06 ต.ค. 2554

ปราจีนบุรี 6 ต.ค. - ชาวบ้าน จ.ปราจีนบุรี

พายเรือออกไปเก็บมะดันริมคลอง

มาประกอบอาหารมื้อเย็น

แต่ถูกกระแสน้ำพัดจนเรือพลิกคว่ำ

และจมน้ำเสียชีวิต

     เจ้าหน้าที่นำร่างนายสมปอง เอียววัฒนา

อายุ 55 ปี ขึ้นจากคลองประจันตคาม ต.ดงไชยมัน

อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี หลังนายสมปอง

พายเรือออกไปเก็บมะดันริมคลองประจันตคาม

เพื่อนำมาประกอบอาหารมื้อเย็น

แต่ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวพัดเรือจนคว่ำ

ทำให้นายสมปองจมน้ำเสียชีวิต

สำหรับ จ.ปราจีนบุรี

เกิดสภาวะน้ำท่วมนานกว่า 2 เดือน

มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 คน

    ส่วนที่ จ.อุทัยธานี ตำรวจร่วมกับ

อปพร.เทศบาลเมืองอุทัยธานี

จัดกำลังออกตรวจพื้นที่ทางน้ำ

หลังชาวบ้านร้องเรียนว่า

กลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาส

ขณะชาวบ้านอพยพหนีน้ำท่วม

ไปอยู่ในที่ปลอดภัย หรือออกไปรับถุงยังชีพ

เข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน

โดยเจ้าหน้าที่จะพายเรือ

ออกตรวจพื้นที่น้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง  

      เช่นเดียวกับตำรวจพิจิตร

พายเรือออกตรวจตามบ้านเรือนชาวบ้าน

ย่านชุมชนเขตเทศบาลเมืองพิจิตร

ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร

เพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพเข้าไปขโมยทรัพย์สิน

เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เข้าแจ้งความว่า

บ้านเรือนถูกโจรกรรมทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

โดยเจ้าหน้าที่จะพายเรือออกตรวจ

ทั้งกลางวันและกลางคืน

เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม.

- สำนักข่าวไทย

นครปฐม สั่งเตรียมพร้อมรับมือน้ำเหนือไหลบ่า

6 ตุลาคม 2554, 04:00 น.

 นครปฐม สั่งเตรียมพร้อมรับมือน้ำเหนือไหลบ่า

โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้แม่น้ำท่าจีน

หวังช่วยประชาชนได้ทันท่วงที ล่าสุด 6 อำเภอประสบเหตุแล้ว...

     นายนิมิต จันทน์วิมล รอง ผวจ.นครปฐม

ได้เรียกหน่วยงานที่รับผิดชอบในการ

เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยและวาตภัย

ในพื้นที่ จ.นครปฐม เช่นเกษตร จ.นครปฐม,อบจ.,

กรมการสัตว์ทหารบก,พัฒนาการ จ.นครปฐม,

นอภ. 7 อำเภอ ชลประทาน,สาธารณสุข,

ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย,แรงงานจังหวัด

เข้าร่วมประชุม เพื่อวางแนวทางในการปฏิบัติ

หากเกิดเหตุขึ้นจะได้ทำงาน

ช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที 

      โดยเฉพาะพื้นที่ ที่อยู่ใกล้แม่น้ำท่าจีน

เช่นอำเภอบางเลน นครชัยศรี และอำเภอพุทธมณฑล

ซึ่งคาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นหากเขื่อนเจ้าพระยา

ปล่อยน้ำจากเขื่อนลงสู่แม่น้ำน้อยต้นทาง

ซึ่งเป็นสายหลักของแม่น้ำท่าจีน 

      สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันอุทกภัย จ.นครปฐม

เริ่มส่งผลกระทบแล้ว จากการสำรวจพบว่า

มีพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งสิ้น 6 อำเภอ 63 ตำบล

475 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนประมาณ

65,000 คน กว่า 20,000 ครัวเรือน

แนวโน้มสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์

ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อม

รับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง

ซึ่งระดับน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก

เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังพื้นที่เกษตร

ในอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี

กำลังไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน

ประกอบกับปริมาณน้ำที่ไหลบ่า

มาจากทุ่งผักไห่และทุ่งเจ้าเจ็ด

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทำให้ระดับน้ำในคลองพระยาบันลือสูงขึ้น

อาจมีผลกระทบถึงพื้นที่ลุ่มต่ำของจังหวัดนครปฐม

Credit : Thairath

น้ำเน่า นครใต้พิภพเวียงกุมกาม 

6 ตุลาคม 2554

กรมศิลปากร เร่งระดมสูบน้ำเน่าเสียออกจาก"นครใต้พิภพ"

เวียงกุมกาม หวั่น โบราณสถานได้รับความเสียหาย...

 

สถานการณ์น้ำท่วมขัง ใน จ.เชียงใหม่

ล่าสุดในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ได้แห้งลง

และเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ปรากฎว่าที่เวียงกุมกาม

ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่

ซึ่งได้ถูกแม่น้ำปิงไหลเข้าท่วมอย่างหนัก

และถึงแม้ว่าในเวลานี้ น้ำจะกลับคืนสู่ปกติ

แต่ด้วยสภาพที่เวียงกุมกามเป็น

นครใต้ดินที่ถูกดินทรายฝังกลบซากโบราณสถานไว้

แต่ละแห่งเป็นแอ่งลึกทำให้เกิดน้ำท่วมขังโบราณสถานไว้

และเริ่มเน่าเสียรวมทั้งลานหญ้าที่

ประดับลานโบราณสถานที่ถูกน้ำท่วมขัง

ส่งกลิ่นเน่้าเหม็นไปทั่วบริเวณ

 

    โดย นายวิเศษ เพชรประดับ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 8

จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า โบราณสถานเวียงกุมกาม

มีแหล่งโบราณสถานที่ถูกน้ำท่วมขังถึง 20 แห่ง

แต่ความเสียหายยังไม่สามารถตรวจสอบได้

ต้องรีบระดมนำสูบน้ำมาสูบน้ำที่ขังอยู่ออกให้หมด

ซึ่งก็คงจะใช้เวลาหลายวัน

ส่วนความเสียหายที่น่าห่วงเป็นลวดลายปูนปั้น

ที่ถูกน้ำท่วมไว้เกรงจะได้รับความเสียหายหนัก

และยังมีหญ้าที่ถูกน้ำท่วม

กำลังเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นขึ้นมา

แต่ปัญหาที่พบเครื่องสูบน้ำมีจำนวนไม่เพียงพอ

ที่จะสูบน้ำออก จนน่าเป็นห่วงในเวลานี้

 

Credit : Thairath

 ต.ฉลองภูเก็ตอ่วม น้ำท่วมขัง3จุด จราจรอัมพาต

6 ตุลาคม 2554

     ต.ฉลองภูเก็ตวิกฤติ หลังฝนตกหนักทำน้ำท่วมขัง 3 จุด

มีน้ำท่วมสูงประมาณ 60 เซนติเมตร น้ำทะลักเข้าบ้านเรือนประชาชนกว่า 30 หลัง

การจราจรอัมพาต ตร.เร่งระบาย เตือนรถเล็กห้ามสัญจร...

      เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศหลังจากที่มีฝนตกหนัก

ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพบว่าพื้นที่ตำบลฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต

บริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หน้าปากทางเข้าซอยโคกโตนด

จนถึงปากซอยธนูเทพ ต.ฉลอง ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก

หน้าหมู่บ้านเจ้าฟ้าธานีถึงปากทางเข้าซอยนากก

และที่บริเวณหน้าหน้าห้างสรรพสินค้าโฮมโปร

น้ำท่วมผิวการถนน รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้

เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายรถขนาดใหญ่ให้ผ่านไปมาได้

แต่ปิดการจราจรให้สัญจรเพียงช่องจราจรเดียว

ทำให้เกิดรถติดอย่างหนัก ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ป้องกัน

และบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลฉลอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ฉลอง

ต้องเร่งประชาสัมพันธ์และห้ามไม่ให้รถเล็กทุกชนิด

ผ่านไปมาในเส้นทางดังกล่าว เพราะขณะนี้มีรถยนต์

และรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ติดขัด

ทำให้รับความความเสียหายแล้วประมาณ 10 คัน

      นอกจากนี้ ที่บริเวณหมู่บ้านตากแดด ม.4 ต.ฉลอง

ได้มีน้ำท่วมสูงประมาณ 60 เซนติเมตร

น้ำทะลักเข้าบ้านเรือนประชาชนกว่า 30 หลัง

ทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหาย

ขณะนี้ชาวบ้านต้องการรถสุขาอย่างมาก

เนื่องจากห้องส้วมภายในบ้านไม่สามารถใช้การได้

นอกจากนั้นพบว่าหมู่บ้านดังกล่าวประมาณ

1 เดือนเศษที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม

ลักษณะดังกล่าวมาแล้วเพราะอยู่ในพื้นที่ต่ำ

 

สวป.รักษการหัวหน้าจราจรสภ.ฉลอง กล่าวว่า

ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.ฉลอง

ขณะนี้มีน้ำท่วมหนัก 3 จุด คือถนนเจ้าฟ้าตะวันออก

บริเวณหน้าปากซอยโคกโตนด ถึงซอยธนูเทพ

จุดที่ 2 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก

หน้าหมู่บ้านเจ้าฟ้าธานีถึงปากซอยนากกและจุดที่ 3

หน้าห้างสรรพสินค้าโฮมโปร ซึ่งแต่ละจุด

จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก

ให้ประชาสัมพันธ์ผู้สัญจรไปมาในเส้นทางดังกล่าว

ให้หลีกเลี่ยงการสัญจรไปมาเพราะรถเล็ก

ไม่สามารถผ่านไปมาได้

ซึ่งขณะนี้พบว่าประชาชน

ที่ไม่เชื่อฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่ยังขับผ่านใน

เส้นทางที่เกิดน้ำท่วมนั้นรถยนต์ถูกน้ำซัด

ได้รับความเสียหายแล้ว 5 คัน

เชื่อว่าหากฝนหยุดตกน้ำจะลดลงอย่างรวดเร็ว

เพราะพื้นที่ดังกล่าวที่เกิดน้ำท่วมนั้นเกิดจากท่อระบายน้ำระบายน้ำไม่ทัน.

 

น้ำล้น เขื่อนอุบลรัตน์ จำเป็นต้องปล่อยน้ำเพิ่ม

6 ตุลาคม 2554

"เขื่อนอุบลรัตน์"เร่งปล่อยน้ำเพิ่มวันละ 50 ล้าน ลบ.ม.

หวั่นปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

อนุโมทนากับคุณอาริยา

และ น้องหญิง ด้วยนะคะ

จะว่าไปปรกติแค่ฝนตกเบาๆ

การจราจรในกรุงเทพฯก็เป็นอัมพาตอยู่แล้ว

แต่นี่เจอฝนตกหนัก น้ำท่วมเข้าไปอีก

จะแย่ขนาดไหนเนี่ย...

สมิทธเตือนภาคใต้ระวังพายุ1-2 ลูก

ข่าวสังคม วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 08:33 น.

ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เผย สถานการณ์น้ำทางเหนือ เบาใจได้ ภายในเดือนนี้จะคลี่คลาย แต่ภาคกลาง ยังน่าห่วง ใต้ อันตราย มีพายุเข้าอีก

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยกับ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดเวลานี้ เป็นไปตามที่เคยได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ซึ่งในส่วนของภาคเหนือจะค่อยๆ คลี่คลาย เพราะว่าอิทธิพลของมรสุมจะลดน้อยลงภายในสิ้นเดือน ตุลาคม นี้ แต่ในส่วนของภาคกลาง การระบายน้ำลงทะเล ยังค่อนข้างลำบาก เพราะช่วงปลายเดือนนี้ น้ำทะเลจะกลับมาหนุนสูงอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ ยังมีการคาดหมายว่า จะมีพายุเข้ามาอีก 1-2 ลูก ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ แต่จะเข้าที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยเหมือนกับ ที่เข้าสงขลา เมื่อปีก่อน และจะทำให้มีฝนตกหนัก และอาจจะท่วมภาคใต้ได้อีก ในช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือนนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ส่วนอีกฝั่งต้องระวังสึนามิด้วย

ลุ่มเจ้าพระยาวิกฤติ...น้ำมาจากไหน? (รายงานพิเศษ)

ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม 2554 01:47:43 น.
วิกฤตการณ์น้ำท่วมในปีนี้ ค่อนข้างรุนแรง กว่าทุกปี กระจายเป็นพื้นที่กว้างแทบทุกลุ่มน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ท่าจีน ซึ่งประกอบด้วย ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำท่าจีน

โดยพื้นที่ที่ท่วมหนักที่สุดตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ลงมา เพราะเป็นพื้นที่ ลุ่มต่ำ จุดรวมของแม่น้ำสายต่างๆ


ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม 2554 01:47:43 น.

วิกฤตการณ์น้ำท่วมในปีนี้ ค่อนข้างรุนแรง กว่าทุกปี กระจายเป็นพื้นที่กว้างแทบทุกลุ่มน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ท่าจีน ซึ่งประกอบด้วย ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำท่าจีน

โดยพื้นที่ที่ท่วมหนักที่สุดตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ลงมา เพราะเป็นพื้นที่ ลุ่มต่ำ จุดรวมของแม่น้ำสายต่างๆ

ลุ่มน้ำปิง มีแม่น้ำปิงเป็นแม่น้ำ สายหลัก ต้นกำเนิดจากทิวเขาผีปันน้ำ ในเขตอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ไหลผ่าน จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ตาก กำแพงเพชร และมาบรรจบกับแม่น้ำน่าน รวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ลำน้ำสาขาที่สำคัญๆ เช่น แม่งัด แม่แตง แม่ลี้ แม่กลาง แม่กวง แม่ริม แม่หาด แม่งาน แม่ตื่น แม่แจ่ม ห้วยแม่ท้อ คลองวังเจ้า คลองสวนหมาก คลองแม่ระกา เป็นต้น

สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในลุ่มน้ำปิงนั้น ได้ก่อสร้างเขื่อนภูมิพล กั้นแม่น้ำปิง ที่จังหวัดตาก จุน้ำได้กว่า 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ในลุ่มน้ำสาขาได้มีการก่อสร้าง เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล กักเก็บน้ำได้ 265 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา กักเก็บน้ำได้ 263 ล้านลูกบาศก์เมตร

ลุ่มน้ำวัง มีแม่น้ำวังเป็นแม่น้ำหลัก ต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาผีปันน้ำไหลผ่าน หุบเขา จากจังหวัดลำปาง ลงสู่ที่ราบในจังหวัดตาก มีลำน้ำสาขาที่สำคัญๆ เช่น แม่จาง แม่ตุ๋ย แม่ต๋ำ แม่น้ำซอย เป็นต้น

สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในลุ่มน้ำวังนั้น ได้มีการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำวัง 2 แห่งที่จังหวัดลำปาง คือ เขื่อนกิ่วลม และเขื่อนกิ่วคอหมา สามารถกักเก็บน้ำได้รวมกันประมาณ 292 ล้านลูกบาศก์เมตร

ลุ่มน้ำยม มีแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายหลัก มีต้นกำเนิดจากดอยขุนยวมในทิวเขาผีปันน้ำ ในเขตจังหวัดพะเยา ไหลผ่านจังหวัด แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร รวมกับแม่น้ำน่าน และแม่น้ำปิงที่จังหวัดนครสวรรค์ มีลำน้ำสาขาที่สำคัญๆ เช่น ห้วยแม่สิน น้ำปี แม่รำพัน แม่คำมี แม่ต้า แม่หมอก แม่ควน แม่งาว เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในแม่น้ำยมนั้นยังไม่มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ขนาดใหญ่ ที่สามารถกักเก็บน้ำได้เลย มีเพียงการก่อสร้างฝาย และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในลำน้ำสาขาเท่านั้น

ลุ่มน้ำน่าน มีแม่น้ำน่านเป็นแม่น้ำสายหลัก ต้นกำเนิดอยู่ที่ดอยภูแว ในเทือกเขาหลวงพระบาง จังหวัดน่าน ไหลผ่านจังหวัด น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร ก่อนจะมาบรรจบกับแม่ยม และแม่น้ำปิง ที่จังหวัดนครสวรรค์ มีลำน้ำสาขาที่สำคัญๆ เช่น ห้วยน้ำยาว คลองตรอน น้ำภาค น้ำว้า น้ำสมุน น้ำสา น้ำปาด น้ำแห้ง วังทอง แควน้อย เป็นต้น

สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในลุ่มน้ำน่านนั้น ได้ทำการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ปิดกั้นแม่น้ำน่านที่จังหวัดอุตรดิตถ์ สามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแควน้อย บำรุงแดน กั้นแม่น้ำแควน้อย ที่จังหวัดพิษณุโลก สามารถกักเก็บน้ำ ได้ 939 ล้านลูกบาศก์เมตร

ลุ่มน้ำสะแกกรัง มีแม่น้ำสะแกกรังเป็นแม่น้ำสายหลัก มี ต้นกำเนิดอยู่ในเขตเทือกเขาโมโกจู จังหวัดกำแพงเพชร ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตำบลท่าซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี มีลำน้ำสาขาที่สำคัญๆ เช่น ห้วยแม่วงศ์ คลองโพธิ์ ห้วยทับเสลา เป็นต้น

สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ได้มีการก่อสร้างเขื่อนทับเสลา กั้นห้วยทับเสลา สาขาของแม่น้ำสะแกกรัง ที่จังหวัดอุทัยธานี มีความจุ 160 ล้าน ลูกบาศก์เมตร

ลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งมีแม่น้ำป่าสักเป็นแม่น้ำสายหลัก มีต้นกำเนิดอยู่บริเวณเทือกเขา เพชรบูรณ์ในเขต อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และไหลผ่านจังหวัด เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี และบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีลำน้ำสาขาที่สำคัญๆ เช่น ห้วยน้ำพุง ห้วยขอนแก่น ลำกง ห้วยเกาะแก้ว ลำสนรี ลำพยากลาง ห้วยมวกเหล็ก เป็นต้น

สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ในลุ่มน้ำป่าสัก ได้มีการก่อสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขึ้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี สามารถ กักเก็บน้ำได้ 785 ล้านลูกบาศก์เมตร

ลุ่มน้ำท่าจีน มีแม่น้ำท่าจีน ซึ่งแยกออกจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เป็นแม่น้ำสายหลัก ไหลผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม ออกทะเลที่จังหวัดสมุทรสาคร มีลำน้ำสาขาที่สำคัญคือ แม่น้ำกระเสียว ซึ่งได้มีการก่อสร้างเขื่อนกระเสียว ปิดกั้นที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเขื่อนขนาดใหญ่กักเก็บน้ำ ได้ 240 ล้านลูกบาศก์เมตร

ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ถือเป็นพื้นที่ที่เป็น อู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ มีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายหลักต้นกำเนิดที่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ไหลผ่าน 11 จังหวัดในภาคกลาง ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ อย่างไรก็ตามลุ่มเจ้าพระยา ไม่มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ที่สามารถกักเก็บน้ำได้เลย พื้นที่ส่วนใหญ่ จึงกลายเป็นที่รับน้ำจากลุ่มน้ำสาขาทั้งหมด ไม่ว่าจะลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน สะแกกรัง และป่าสัก

เมื่อลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้งหมดฝนตกหนักกระจายทั่วไป ในลุ่มน้ำที่มีเขื่อนกักเก็บน้ำ ได้ เก็บน้ำไว้จนเกือบเต็มทุกเขื่อน ระบายน้ำออกน้อยกว่าปริมาณที่ไหลเข้า ช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้เป็นปริมาณมหาศาล แต่ในลุ่มน้ำที่ไม่มีเขื่อนกักเก็บน้ำ น้ำทั้งหมดก็จะไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยา

ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมงในกทม. ส่งผลให้มีน้ำท่วมหลายพื้นทีในกทม. โดยเฉพาะถนนวิภาวดี-รังสิต ขาเข้า ที่เครื่องสูบน้ำเกิดขัดข้อง ทำให้น้ำท่วมบนผิวการจราจรสูงกว่าครึ่งเมตร มีรถเสียกว่า 50 คัน ฝนตกหนักน้ำท่วมถนนวิภาวดีวิกฤต รถยนต์ดับเสียกลางน้ำเพียบ






หลังจากที่มีฝนตกหนักในเขตกรุงเทพมหานครนานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งปริมาณน้ำฝนในเขตกรุงเทพตอนเหนือวัดได้ 120 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีน้ำท่วมในหลายเขต โดยเฉพาะบริเวณถนนแจ้งวัฒนะและถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปดู ณ จุดดังกล่าว โดยพบว่าบริเวณหน้าศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติถนนแจ้งวัฒนะ สามารถระบายน้ำให้แห้งได้ภายใน 1 ชั่วโมง แต่ชุดที่มีปัญหาคือบริเวณถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า ที่เครื่องสูบน้ำในสถานีระบายน้ำคลองบางเขนเกิดขัดข้อง ทำให้มีน้ำท่วมสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ตั้งแต่แยกหลักสี่จนถึงหน้าบริษัทยาคูลท์ เป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ทำให้การจราจรอยู่ในขั้นวิกฤตติดขัดต่อเนื่องไปจนถึงรังสิต ผู้ที่ขับรถผ่านบริเวณดังกล่าวต้องใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง จึงจะหลุดพ้นจุดที่น้ำท่วมได้และมีรถเสียประมาณ 50 คัน โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้ระดมรถยกรถลากมาบริการประชาชน และสำนักการระบายน้ำนำเครื่องสูบน้ำสำรองขนาด 24 นิ้ว มาติดตั้งตอน 03.30 น.

โดยผู้ว่ากทม. ได้กล่าวขอโทษประชาชน โดยระบุว่าหากเครื่องสูบน้ำคลองบางเขนที่อยู่ขนานถนนวิภาวดี เกิดขัดข้องเนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับปรุงให้ระบายน้ำได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยเครื่องดังกล่าวทำหน้าที่ระบายน้ำจากคลองบางเขนลงคลองเปรมประชากร ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาด้านจังหวัดนนทบุรี ซึ่งหลังจากนำเครื่องสูบน้ำสำรองมาตั้งติดคาดว่าจะสามารถสูบให้ลดลงได้ทันช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำในกทม. น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกรุงเทพฝั่งตะวันออกที่จะรับน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ ประกอบกับขณะนี้มีปริมาณน้ำเต็มเกือบทุกคูคลอง แต่ระบบการระบายน้ำซึ่งมีการพัฒนาไปมากในปัจจุบันจึงคาดว่าน่าจะรับมือไหว นอกจากนี้ผู้ว่าฯยังเป็นห่วงชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่แนวคันกั้นน้ำจำนวน 27 ชุมชน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบ จึงอยากขอร้องให้ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำยินยอมให้กทม.ทำการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำส่วนที่เหลือ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะ

ปภ.ตาก ซ้อมแผนอพยพ ปชช.

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 08:25 น.

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตาก เผย ผู้ว่าฯตาก สั่งซักซ้อมแผนอพยพประชาชนแล้ว ด้านจังหวัดท้ายเขื่อน ยังต้องเฝ้าระวังน้ำล้นตะลิ่ง หลังระดับน้ำยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น


นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตาก เปิดเผย สำนักข่าว INN ผ่านรายการ "เปิดข่าวเด็น เจาะประเด็นดัง" FM.102.72 MHz เกี่ยวกับการรับมือน้ำจากเขื่อนภูมิพลที่จะบายออกมา โดยระบุว่า ในส่วนของจังหวัดตากนั้น ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้น โดยมีปริมาณน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดได้มีการซักซ้อมแผนการป้องกัน ทั้งการอพยพประชาชนและการเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ กรณีถึงขั้นวิกฤต

ขณะที่ ในภาพรวมของทั้งประเทศนั้น น้ำจากลุ่มเจ้าพระยา ยังน่าเป็นห่วงกว่า เนื่องจาก มีน้ำไหลมารวมจากทุกทิศทาง โดยล่าสุดปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ เกินกว่า 4,500 ลบ.ม./วินาที และยังสูงทรงตัว ส่วนสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งที่ยังต้องเฝ้าระวัง มีตั้งแต่ จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ทุกจังหวัดมีแนวโน้มระดับน้ำสูงขึ้น เพระมีน้ำเดิมและมีน้ำจากแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน ลงมาเพิ่ม ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว หลัง กรมชลประทาน คาดการณ์ว่า อย่างน้อยอีกประมาณ 2 เดือน น้ำจึงจะลดลง เจ้าหน้าที่ ได้มีการเตรียมอพยพประชาชนไว้พร้อมแล้ว หากน้ำขึ้นอีก 1-2 วัน ก็ต้องเคลื่อนย้านไปอยู่ในที่ปลอดภัยทันที

เตรียมอพยพนักโทษ เมืองกรุงเก่า

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 08:42 น.

น้ำทะลักท่วมบริเวณเรือนจำพระนครศรีอยุธยา ต.หันตรา สูง 2 เมตร เจ้าหน้าที่เตรียมอพยพนักโทษ 5,000 คน ไปยังพื้นที่ปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ล่าสุด น้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณเรือนจำจังหวัด และเรือนจำกลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใน ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำสูง 2 เมตร เจ้าหน้าที่เตรียมอพยพนักโทษทั้งสองเรือนจำ ที่มีทั้งหมดประมาณ 5,000 คน ไปยังพื้นที่ปลอดภัย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังขาดแคลนเรือและขาดกำลังพลในการเคลื่อนย้ายนักโทษ เจ้าหน้าที่ได้เร่งประสานงานขอสนับสนุนเครื่องมือและกำลังพล ในการเคลื่อนย้ายนักโทษแล้ว ทางด้านถนนสายเอเชีย เส้นทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครสวรรค์ น้ำเอ่อล้นทะลักท่วมพื้นถนน ส่งผลให้การจราจรในเส้นทางดังกล่าวเป็นอัมพาต

 อยุธยาเร่งย้ายนักโทษ200คนหนีน้ำ

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 19:39 น.

 ซ่อมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี คืบหน้า60%

 ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 20:24 น.

 ผวา!ดินแยกลำปางยาวกว่า 1 ก.ม.

ท่วมพิจิตรอ่วม! - ปชช. 2 แสนเดือดร้อน

 ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 21:35 น.

 ปทุมฯกระสอบทรายพังน้ำไหลเข้าท่วมร.ร.

ขออนุโมทนาบุญ

กับธรรมทาน

ด้วยนะคะ

พี่อาริยา น้องหญิง

เฮ่อ...

คงจะไม่รุนแรงแบบนี้

หาก คนเรา

ช่วยกันเปลี่ยน

พลังงานที่ดี ๆ

พลังงานบวก

แต่คนที่จิตเสื่อม

จิตอกุศล

น่าสมเพศ..

ไม่ต้องดูไกล ค่ะ

สมาชิกใหม่ ๆ ที่สมัครเข้ามา

แบบที่แสดงให้เห็นถึง

จิตโสโครก..ซึ่งเกินคำว่าเสื่อมค่ะ

หายนะ + ภัยพิบัติ

ที่เกิดขึ้นนี้

บุคคลเหล่านี้

เตรียมพร้อม..กับ การตายหรือยัง ?

เปิดข้อมูลเส้นทางหลวงถูกน้ำท่วม

 

อ.เมืองนครสวรรค์ ระดับน้ำ ๔๐-๕๐ ซม.รถทุกชนิดผ่านไม่ได้

ใช้เส้นทางเทศบาลผ่านตัวเมืองนครสวรรค์
     ๒.ทล.๒๒๕(ปากน้ำโพ-นครสวรรค์)กม.๒-๒๔ เขต ต.นครสวรรค์ออก

อ.ชุมแสง ระดับน้ำ ๔๐-๕๐ ซม.รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ใช้ ทล.๓๐๐๔

(ท่าตะโก-นครสวรรค์)แทน
     ๓.ทล.๓๓๓(อ.พยุหะคีรี -อุทัยธานี)กม.๒-๑๒ เขต ต.น้ำทรง

อ.พยุหะคีรี,ต.อุทัยใหม่ อ.เมืองอุทัยธานี ระดับน้ำ ๔๐-๕๐ ซม.

รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ 
     ๔.ทล.๑๑๗(นครสวรรค์-พิจิตร)กม.๗-๑๙ เขต ต.บางม่วง

,ต.หนองเต่า อ.เมืองนครสวรรค์ ระดับน้ำ ๔๐-๕๐ ซม.รถทุกชนิดผ่านไม่ได้

ใช้เส้นทาง ทล.๑๑๘๒ (นครสวรรค์-เก้าเลี้ยว)แทน

เขต จว.สิงห์บุรี
     ๑.ทล.๑(พหลโยธิน)กม.๒๙๐-๒๙๓ เขต ต.บ้านกล้วย

อ.เมืองชัยนาท,อ.มโนรมย์ ระดับน้ำ ๖๐-๗๐ ซม.รถทุกชนิดผ่านไม่ได้

ใช้ ทล.๓๒(เอเชีย) เข้าที่ กม.๑๕๑ สามแยกท่าน้ำอ้อยแทน
     ๒.ทล.๑๑(ตากฟ้า-พิษณุโลก)กม.๔-๕ เขต ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี

จว.สิงห์บุรี คอสะพานขาด รถสามารถผ่านได้

เนื่องจากใช้สะพานเหล็กชั่วคราว(สะพานแบริ่ง)
     ๓.ทล.๓๑๑(ลพบุรี-สิงห์บุรี)กม.๐-๓๒ เขต อ.เมือง,อ.อินทร์บุรี

จว.สิงห์บุรี และ อ.สรรพยา จว.ชัยนาท ระดับน้ำ ๒๕ ซม.

รถเล็กผ่านไม่สะดวกใช้เส้นทาง ทล.๓๒(เอเชีย)แทน
     ๔.ทล.๓๐๙(อยุธยา-ชัยนาท)กม.๗๙-๘๒ เขต ต.พระงาม

อ.พรหมบุรี จว.สิงห์บุรี ระดับน้ำ ๓๐-๔๐ ซม.รถทุกชนิดผ่านไม่ได้

ใช้เส้นทาง ทล.๓๒(เอเชีย)แทน

เขต จว.เพชรบูรณ์,พิจิตร

    ๑.ทล.๑๑๑(อ.สากเหล็ก-พิจิตร)กม.๑๕ เขต อ.เมืองพิจิตร

ระดับน้ำ ๖๐-๗๐ ซม.รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ใช้ทางเลี่ยงเมืองแทน
     ๒.ทล.๑๑๓(อ.ตะพานหิน-อ.เขาทราย)กม.๐-๕ และ กม.๑๓-๒๒

(ตะพานหิน-พิจิตร) ระดับน้ำ ๖๐-๗๐ ซม.รถทุกชนิดผ่านไม่ได้

เขต จว.เชียงใหม่

   ๑.ทล.๑๐๘(เชียงใหม่-อ.ฮอด)กม.๘๗-๘๘ และช่วง อ.ฮอด-แม่สะเรียง

กม.๔-๙ เขต ต.หางดง อ.ฮอด จว.เชียงใหม่ ระดับน้ำสูง ๑.๕๐ เมตร

รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ใช้เส้นทาง ทล.๑๑ (เชียงใหม่-ลำพูน)แทน
    ๒.ทล.๑๑๐๓(อ.ฮอด-อ.ดอยเต่า)กม.๒-๓ เขต อ.หางดง จว.เชียงใหม่

ระดับน้ำ ๘๐ ซม.รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ใช้ทางเลี่ยงเมือง และ ทล.๑๑ แทน

เขต จว.ลำปาง,ลำพูน  เหตุการณ์ปกติ

เขต จว.ชัยภูมิ
   ๑.ทล.๒๐๑(สีคิ้ว-ชัยภูมิ)กม.๔๕๑-๔๕๒ ต.คอนสาร

อ.คอนสาร จว.ชัยภูมิ ระดับน้ำ ลดเป็นปกติ
     การอำนวยความสะดวกและการช่วยเหลือ
       ๑.จัดรถวิทยุ,รถกู้ภัย,รถยก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง

ออกตรวจ ดูแลความปลอดภัย รวมถึงคอยให้ความช่วยเหลือผู้ใช้รถ

ใช้ถนนในการจราจร และดูแลความปลอดภัยเกี่ยวกับชีวิต,

ทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพมาอาศัยอยู่บนทางหลวง
       ๒.ติดป้ายประชาสัมพันธ์เตือนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่ถูกน้ำท่วม

รวมทั้งให้บริการสอบถามเส้นทางทางโทร.๑๑๙๓ ตลอด ๒๔ ชม.

แนะนำผู้ใช้โทรศัพท์ ไอโฟน สมาร์ทโฟน เปิดแอปปลิเคชั่นตำรวจทางหลวง
       ๓.กรณีมีน้ำท่วมทางหลวง ที่มีช่องทางการจราจรสี่ช่อง

ทางขาเข้า-ขาออก จะเปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวนทางเป็นช่วงๆ
       ๔.ประสานภาคเอกชนรับบริจาคสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็น

นำไปมอบให้กับผู้ประสบภัย

        ขณะนี้ยังมีฝนตกทั่วพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เนื่องจากอิทธิพลของพายุ นาลแก สถานการณ์น้ำท่วมยังคง

อยู่ในสภาพทรงตัวและเพิ่มระดับขึ้นในห้วง ๑-๓ วันนี้

การแก้ไขปัญหาจราจรในช่วงที่ผ่านมา
      ส.ทล.๑ กก.๑ บก.ทล.(อยุธยา)
     ๑.ทล.๓๒(เอเชีย)ขาออก
     ๑.๑ กม.๒๑-๒๓ ตลาดกลางการเกษตร ต.หันตรา

อ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำ ๕๐ ซม.ระยะทางประมาณ ๑ กม

.    ๑.๒ กม.๒๔-๒๖ และ กม.๓๖-๓๙ น้ำท่วมสูง ๕๐ ซม.รถเล็กผ่านไม่ได้

แก้ไขการจราจรโดย
     1.ปิดการจราจร ทล.๓๒(เอเชีย)ขาออกที่ กม.๐

ต่างระดับบางปะอินไม่ให้รถจากกรุงเทพฯผ่าน

ให้ใช้เส้นทางหลวง ๓๔๐(บางบัวทอง-สุพรรณบุรี)

และทางหลวง ๑(พหลโยธิน)แทน 
    ๒.ปิดการจราจร ทล.๓๒(เอเชีย)ขาเข้าที่ กม.๕๑

ต่างระดับเข้า จว.อ่างทอง ใช้เส้นทางเข้า กรุงเทพฯไปทาง

อ.วิเศษชัยชาญ-สุพรรณบุรี แล้วใช้ ทล.๓๔๐ แทน
     ๓.ประสานแขวงการทาง ทำคันกั้นน้ำริมทาง

ทล.๓๒ ช่วงที่มีน้ำท่วม  ๒.ทล.๓๔๗(ปทุมธานี-บางปะหัน)

ขาออก กม.๓๖-๓๙ เขต ต.บ้านลี่ ,ต.บ้านแจ้ง อ.บางปะหัน

จว.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำสูง ๓๐-๖๐ ซม.

การแก้ไขปัญหาการจราจร เพื่อหลีกเลี่ยงจุดน้ำท่วม
     ๑.ปิดการจราจรขาออก ที่สี่แยกมะขามหย่อง อ.พระนครศรีอยุธยา

ให้กลับไปใช้เส้นทาง ทล.๓๔๐(บางบัวทอง-สุพรรณบุรี)แทน
     ๒.ปิดการจราจรที่ต่างระดับบางปะหัน (ถนนเอเชีย ทล.๓๒)

เพื่อไม่ให้รถขาเข้าผ่านจุดน้ำท่วม

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

รถไฟใต้ตกราง9โบกี้หวิดตายหมู่

06 ตุลาคม 2554 เวลา 21:26 น.

     ร.ต.ท.มนตรี ปานอ่อน ร้อยเวร สภ.พระพรหม

จ. นครศรีธรรมราช เดินทางไปตรวจสอบเหตุรถไฟตกราง

ที่ถนนพาดรอบต่อระหว่าง ม.3 ต.ช้างซ้าย

และ ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม เมื่อไปถึงพบรถไฟโดยสาร

เป็นรถด่วนขบวนนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ

มีผู้โดยสารว่า 200 คนนั่งทั้ง 13 โบกี้

ซึ่งออกจากสถานีรถไฟนครศรีธรรมราชเมื่อช่วงเวลา 14.45 น.

วันเดียวกัน โดยพบว่าตู้โบกี้ตั้งแต่โบกี้ที่ 4 ไปจนถึงโบกี้ที่

12 รวม 9 โบกี้อยู่ในสภาพตะแคง ล้อหลุดออกจากราง

ส่วนอีก 4 โบกี้ที่อยู่ด้านหน้าขบวนรถไม่ตกรางแต่อย่างใด

และสภาพรางได้รับความเสียหาย

เป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร

ขณะที่ไม้หมอนอยู่ในสภาพฉีกขาดเสียหายยับเยิน

       นางจุไรรัตน์ ชูสุข กล่าวว่า  ขณะโดยสารโบกี้ที่ 3 

รู้สึกถึงความผิดปกติมาตั้งแต่ขบวนรถออกจาก

สถานีรถไฟนครศรีธรรมราชแล้ว

โดยตู้โบกี้จะสะเทือนผิดปกติ

และมีเสียงดังตลอดเวลา

กระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุปรากฏว่า

เสียงดังครืนเป็นระยะทางยาวมาก

จนรู้ได้ว่ารถไฟตกรางแน่

สักพักขบวนรถไฟก็หยุด

เมื่อชะเง้อดูพบว่าตกรางถึง 9 โบกี้

เพียงแค่ตะแคงเท่านั้น

ซึ่งหากตู้โบกี้พลิกคว่ำเชื่อว่า

อาจจะเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ก็ได้

ซึ่งขณะเกิดเหตุผู้โดยสารต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ

แต่โดชคดีไม่มีใครเสียชีวิตและบาดเจ็บ

      อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุที่ทำให้รถไฟตกรางในครั้งนี้

ทางเจ้าหน้าที่การรถไฟได้ตรวจสอบ

พบว่าน่าจะมาจากรางและไม้หมอนเสื่อมสภาพ

เนื่องจากใช้งานมาเป็นเวลาหลายสิบปี

และในบริเวณดังกล่าวก็ไม่เคยเกิดเหตุมาก่อน

จึงยังไม่มีการซ่อมแซมรางแต่อย่างใด

และคาดว่าการรถไฟจะทำการซ่อมแซมแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์

ส่วนขบวนรถไฟที่ไม่สามารถแล่นผ่านไปมาได้

มีเพียง 3 ขบวนคือขบวนนครศรีธรรมราช-สุไหงโก-ลก

และขบวนนครศรีธรรมราช-พัทลุง

และขบวนนครศรีธรรมราช-ยะลา

Credit : Posttoday

แนวคันกั้นน้ำปทุมธานีแตกยาว 3 เมตรน้ำทะลักท่วม

 

แนวคันกั้นน้ำริมด้านข้างวัดฯ แตกยาวกว่า 3 เมตร

ทำให้น้ำทะลักข้ามแนวถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา

เจ้าหน้าที่ต้องเร่งน้ำกระสอบทรายมาอุดรอยรั่วอย่าเร่งด่วน...

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

จนล้นคันกั้นน้ำกว่า 10 แห่ง ในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

เขต อ.เมือง และ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี แนวคันกั้นพัง

หลายที่ อาทิ วัดมะขาม อ.เมือง, วัดถั่วทอง อ.สามโคก

และที่วัดโพธิ์เลื่อน ต.บ้านกระแชง อ.เมือง จ.ปทุมธานี

คันกั้นน้ำริมด้านข้างวัดฯ แตกยาวกว่า 3 เมตร ทำให้น้ำ

ทะลักข้ามแนวถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่ต้อง

เร่งน้ำกระสอบทรายมาอุดรอยรั่วอย่างเร่งด่วน เนื่องจาก

ต้องเร่งป้องน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนกว่า

1,000 หลังคาเรือน ใน 2 ตำบล คือ ต.บ้านกระแชง และ

ต.บ้านกลาง อ.เมือง บริเวณบ้านเรือนในกลุ่มหมู่บ้านทั้ง

2 ตำบลจะเป็นกลุ่มทุ่งกว้างคั่นด้วยถนน 347

ปทุมธานี-บางปะอิน ชาวบ้านกว่า 1,000 หลังคาเรือน

ต่างพากันผวาเร่งเก็บข้าวของไว้ที่สูงอย่างเร่งด่วน 

     ขณะที่โรงเรียนวัดสองพี่น้อง ต.บ้านงิ้ว

อ.สามโคก จ.ปทุมธานี น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลัก

เข้าท่วมหมดทั้งโรงเรียนแล้ว

หลังเจ้าหน้าที่พยายามนำ

กระสอบทรายไปกั้นแนวคันที่พังเป็นครั้งที่ 3

แต่ปริมาณน้ำเข้ามามาก ที่ถนนปทุม-เชียงราก

ของ 4 ตำบล ใน อ.สามโคก หลายแห่งน้ำเจ้าพระยา

เอ่อล้นข้ามถนน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเสริมกระสอบทราย

ป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ

ย่านนิคมอุตสาหกรรมนวนคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เมืองเศรษฐกิจ อ.คลองหลวง และ อ.ธัญบุรี ประกอบกับ

ตอนนี้ทาง จ.ปทุมธานี เริ่มขาดแคลนทราย

ที่จะนำมากรอกกระสอบทรายเพื่อไปกั้น

เจ้าหน้าที่แต่ละภาคส่วนเร่งประสานงานหาทราย

เพื่อจะนำมาเตรียมไว้กั้นน้ำ ซึ่งคาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำ

เจ้าพระยาในคืนนี้จะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวัง

และตรวจตราแนวคันแต่ละพื้นที่ตลอดเวลา 

 

 

ส่วนที่ ซ.บ้านกลาง 4/1 ม.4 ต.บ้านกลาง อ.เมือง

จ.ปทุมธานี น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เอ่อล้นทะลัก

ล้นแนวกันน้ำเดิมทำให้น้ำเซาะแนวคันกันน้ำพังเป็นทาง

ยาวกว่า 3 เมตร ชาวบ้าน ต้องเร่งช่วยกันน้ำไม้มาวาง

และนำกระสอบทรายมากั้นกันอย่างโกลาหล

กว่าจะกั้นน้ำไว้ได้ โดยชาวบ้านได้จัดเวรยาม

ตรวจดูน้ำตลอด 24 ชม.แล้ว.

 

Credit : Thairath

     "ดอนเมือง" เปิดให้จอดหนีน้ำท่วม

“อยุธยา”จมบาดาล-สาย”เอเชีย”อัมพาต

วันพฤหัสบดี ที่ 06 ตุลาคม 2554 เวลา 22:53 น

      แมงกะพรุนนับล้านลอยเกลื่อนอ่าวสัตหีบ

วันพฤหัสบดี ที่ 06 ตุลาคม 2554 เวลา 19:08 น             

"วรนุช” โผล่สภาฯ เยี่ยม "ส.ส."

วันพฤหัสบดี ที่ 06 ตุลาคม 2554 เวลา 18:50 น

พี่อาริยาขออนุโมทนาบุญกับน้องหญิงที่ขยันลงข่าวรวดเร็วจริงๆ ค่ะ  ช่วงนี้ข่าวน้ำมามากๆ จนใจหาย ขอบารมีพระพุทธองค์ให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัย เเละได้มาร่วมมหาบุญค่าย 10 บ้านสวน พีรามิดด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้ว่าฯ นนทบุรี เตือนประชาชนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจุดตรวจวัดสถานีอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะนี้ใกล้เคียงกับที่สร้างความเสียหายให้กับจังหวัดนนทบุรีเมื่อปี 2553 และจากสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้ ประกอบกับ

วันที่ 13 – 18 ตุลาคม 2554 จะมีพายุฝนตกหนัก และน้ำทะเลหนุน

จะส่งผลให้ประชาชนที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ได้สั่งการท้องถิ่นทุกแห่งตรวจสอบความแข็งแรงและเพิ่มความสูงของแนวคันกั้นน้ำ พร้อมกับแจ้งเตือนประชาชนให้ขนย้ายสิ่งของไว้ในที่ปลอดภัย

อยุธยา แจ้งเตือน ประชาชนรอบเกาะเมือง เร่งอพยพด่วน อีก 4 ชั่วโมงน้ำทะลักสูงอีก ขณะที่ ถนนสายเอเชีย-บางปะหันทำท่วมสูง จราจรติดยาว10ก.ม.

เมื่อเวลา 13.00 น. ว่า ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รอบเกาะเมือง ในเขตเมืองพระนครศรีอยุธยา ให้รีบอพยพสิ่งของขึ้นไปไว้ยังที่ปลอดภัยและให้อพยพประชาชนออกมาอยู่ยังที่สุง เนื่องจากเกรงว่า ในอีก 4 ชั่วโมงที่จะถึงนี้น้ำอาจจะไหลทะลักเข้าท่วมสูงขึ้นอีกได้

เนื่องจากเกรงว่ากำแพงกั้นน้ำอาจจะรับกระแสน้ำที่ไหลเชียวแรงไม่ไหวและอาจจะพังลงมาอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะนี้หลายฝ่ายกังวลว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้น้ำอาจทะลักเข้าท่วมวัดใหญ่ชัยมงคลได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ น้ำได้ไหลเข้าท่วมถนนสายเอเชีย ช่วงบางปะหัน-อ่างทอง ทำให้รถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตรทั้งขาเข้าและออก

พ.ต.อ.ดิเรก ปลั่งดี ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ถนนสายเอเชีย ช่วงอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอัมพาตยาวกว่า 10 กิโลเมตร เนื่องจาก การจราจรขาออก สามารถใช้การได้เพียง 1 ช่องจราจรเท่านั้น อีกทั้ง ยังมีปริมาณรถสะสม ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนกลับกัน ขาเข้ากรุงเทพฯ ยังใช้การไม่ได้ ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ เนื่องจาก ถนนมีน้ำท่วมขังสูง จึงจำเป็นต้องปิดการจราจร เพื่อไม่ให้รถไปสะสมเพิ่ม ทั้งนี้ ฝากประชาสัมพันธ์ ไปยังประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว โดยประชาชน

ที่จะเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ ให้ใช้เส้นทาง ถนนเลี่ยงเมือง ตั้งแต่จังหวัดอ่างทอง ต่อไปยัง อำเภอวิเศษชัยชาญ และถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ส่วนประชาชนที่จะเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปทางภาคเหนือ ให้ใช้เส้นทาง ต่างระดับบางปะอิน ออกวงแหวนตะวันตก เพื่อบรรจบกับ ถนนตลิ่นชัน-สุพรรณบุรี

พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.ดิเรก ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ลงพื้นที่เพื่อควบคุม และจัดการจราจร รวมไปถึง แนะนำเส้นทางเลี่ยงให้แก่ประชาชนแล้ว

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ช่วงวิกฤตน้ำท่วมจริงๆ ของจังหวัดจะมาถึงในอีก 3-7 วันข้างหน้า เพราะได้รับมวลน้ำหลักมาจากแม่น้ำลพบุรีที่ไหลเข้ามามากที่สุด นอกจากนี้ยังมีมวลน้ำรองที่มาจากแม่น้ำป่าสัก และยังมีน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาสบทบด้วย คาดว่าจะทำให้ระดับน้ำในจังหวัดเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ขณะนี้ขอให้ประชาชนฟังประกาศของเทศบาลเมืองอโยธยา เทศบาลพระนครนครศรีอยุธยา รวมถึงของจังหวัด อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมเก็บข้าวของไว้ที่สูงและพร้อมอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัยในทันที

นายวิทยากล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันสั่งให้เสริมคันกั้นน้ำ ทั้งที่เป็นแบบคันดินและกระสอบทรายโดยรอบเกาะเมือง จากที่สูงอยู่ 50 เซนติเมตรเพิ่มอีก 50 เซนติเมตรให้เป็นสูง 1 เมตร และซ่อมจุดที่ได้รับความเสียหาย ตอนนี้พบว่ามีแนวป้องกันได้รับความเสียหายกว่าร้อยละ 60

ผู้ว่าฯกำแพงฯสั่งตั้งกระสอบทราย-ยกคันดินเตรียมรับมือน้ำปิงทะลักท่วมเมือง

ชาวบ้านน้ำปาดร้องขอเครื่องกันหนาว

06 ตุลาคม 2554 เวลา 16:31 น.


อ.บ้านน้ำปาดเริ่มอากาศหนาวเย็นช่วงกลางคืน ร้องหน่วยงานช่วยเหลือบริจาคเครื่องกันหนาว

นายพิชิตพล คำภาปล้อง กำนันตำบลน้ำไผ่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ชาวบ้านที่บ้านพังเสียหายหลังจากเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก เมื่อกลางดึกวันที่ 9 ก.ย.2554 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นำเต็นท์มาสร้างเป็นที่พักชั่วคราวให้พักพิงจำนวน 33 หลัง

ขณะนี้การช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆ อยากให้หน่วยงานต่างๆ บริจาคเครื่องกันหนาวให้กับผู้ประสบภัย เพราะตอนนี้อากศเริ่มหนาวเย็นช่วงกลางดึกจนถึงกับต้องก่อไฟผิงกันส่วนเด็กชายยิ่งศักดิ์ อินดีสี อายุ 5 ขวบ หรือ น้องเกล้า ยังค้นหากันอยู่โดยกำลังเจ้าหน้าที่ อส.และคนในหมู่บ้าน

นอกจากนี้สิ่งที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดคืออยากให้หน่วยงานราชการเร่งสร้างบ้านถาวรให้เสร็จโดยเร็วเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

ภาพแสดงระดับพื้นดิน กทม. จะเห็นว่า กทม จมน้ำไปกว่า 2 เมตร หากไม่รับการป้องกันที่ดีพอ ใครอยู่จุดเสี่ยงบ้าง ลองดู

ขอนำบทความมหาเมตตาของหลวงพ่อ ค่ะ
 

ขอขอบคุณ คุณ Falkman ค่ะ

http://board.palungjit.com/f178/war-room-อาสาสมัครเตรียมการ-เฝ้าระวัง-ประสานงานเตรียมพร้อม-ช่วงนี้ถึงธันวาคม-2011-a-288866-553.html

จังหวัดลำปางเตรียมประกาศให้พื้นที่ทั้ง 9 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมจากอิทธิพลพายุ"เนสาด"ทำคนลำปางเดือดร้อนกว่า 85,000 คน มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายมากกว่า 28,000 หลังคาเรือน

วันนี้ (6 ต.ค.)นายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า จากฝนที่ตกหนักช่วงตั้งแต่วันที่ 1-2 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำฝนถึง 150.3 มิลลิเมตร ในเขตอำเภอเมือง ส่งผลให้มีน้ำท่วมหลายพื้นที่

และในเบื้องต้นจากการสำรวจมีพื้นที่เสียหายรวม 9 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.เกาะคา อ.สบปราบ อ.แม่พริก อ.เสริมงาม อ.แม่ทะ อ.ห้างฉัตร อ.เมืองปาน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง และ 2 เทศบาลในพื้ที่ 47 ตำบล 211 หมู่บ้าน 46 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือนร้อนประมาณ 84,776 คน 28,413 ครัวเรือน

นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายตุ้ย ศรีอิ่นแก้ว อายุ 88 ปี และนายเหมือน ใจน้อย อายุ 68 ปี เป็นราษฎรในเขตเทศบาลเมืองเขลางค์นคร

สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่จาก มทบ.32 ปภ.เขต 10 ลำปาง อาสาสมัคร ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ตลอดจนนำถุงยังชีพแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยกว่า 2,000 ชุด

ด้านชลประทานนำเครื่องสูบน้ำช่วยสูบน้ำออกจากพื้นที่ ขณะเดียวกันทางแขวงการทางลำปางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งซ่อมแซมเส้นทางในความรับผิดชอบที่มีดินถล่ม และเร่งระบายน้ำออกจากผิวถนน

ล่าสุด ทางจังหวัดลำปาง เตรียมประกาศให้พื้นที่ในอีก 9 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้วหลังได้ประกาศไปแล้ว 7 อำเภอ
 

คันกั้นน้ำใต้สะพานปทุมธานี 1 พังเจ้าพระยาเอ่อ

6 ตค. 2554 11:02 น.

เมื่อ04.30 น.วันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุคันกั้นน้ำบริเวณถนนยูเทรินใต้สะพาน ปทุมธานี 1 ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้พังลง ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เวลาประมาณ 10 นาที ท่วมสูงกว่า 50-80 ซม. บ้านนายเชื้อ สายสิญจน์ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/6 หมู่ 5 ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี น้ำเข้าท่วมเก็บข้าวของไม่ทัน และบ้านเรือนของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงถูกน้ำเข้าท่วมกว่า 10 หลังคาเรือน ส่วนชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้สะพานยูเทริน อีกกว่า 30 หลังคาเรือน ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร เดิมแนวคันกั้นที่พังเป็นหินคลุกสูงประมาณ 1 เมตร แต่เนื่องด้วยเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตก และระดับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวคันหินคลุกเกิดพังลง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำกระสอบทรายเสริมคันกั้นอุดรอยน้ำรั่ว กระทั่งขณะนี้สามารถปิดทางน้ำเข้าได้เรียบร้อยแล้ว
และที่บริเวณถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา วัดสามโคก ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาล้นแนวคันกั้นที่ทำไว้ ชาวบ้านเร่งกั้นกระสอบทรายเสริมแนวคันกั้นเดิมอีก 30 ซม.ป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมวัด และบ้านเรือนประชาชน เจ้าหน้าที่ต้องประกาศกระจายเสียงให้ชาวบ้านออกมาช่วยกันกั้นกระสอบทรายเพิ่ม


แพทย์อุบลเตือนน้ำท่วมขังระวังไข้เลือดออก

พ.อ.ชาญชัย ติกขะปัญโญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ สิ่งที่ควรเฝ้าระวัง คือ การเกิดภาชนะน้ำขังเพิ่มขึ้น ทำให้ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก มีโอกาสในการวางไข่และเพิ่มจำนวนยุงลายมากขึ้น และประกอบกับช่วงนี้ฝนยังตกชุก และขณะนี้พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ที่เข้ารับการรักษาตัวที่ ร.พ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ แล้วกว่า 102 ราย

ดังนั้น จึงขอเตือนผู้ประสบภัยน้ำท่วม ให้นอนกางมุ้ง ใช้กลิ่นกันยุง เช่น ตะไคร้ หรือสารเคมีอื่นๆ และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ในบริเวณบ้าน หากพบว่าคนในครอบครัวมีไข้สูงผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ทั้งนี้ ทาง ร.พ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ได้มีการจัดหน่วยแพทย์ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนชน ที่ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ โดยนำยาชุดสามัญประจำบ้าน และอุปกรณ์สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แจกจ่ายให้กับผู้เดือดร้อนอย่างทั่วถึง

เขื่อนภูมิพลระบายน้ำทะลักท่วมหลายพื้นที่

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 11:48 น.




เขื่อนภูมิพล จ.ตาก ระบายน้ำทางประตูฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง น้ำทะลักเข้าท่วมในหลายพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร นายกเล็กเมืองตาก ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ



เขื่อนภูมิพลระบายน้ำทางช่องทางปกติและทางช่องระบายน้ำล้นรวม 100 ล้าน ลบ.ม. และน้ำจากแม่น้ำวังไหลมาสมทบอีก 86 ล้าน ลบ.ม. รวม 186 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ระดับน้ำปิงมีน้ำไหลเพิ่มขึ้นจากวินาทีละ 1,833 ลูกบาศก์เมตร เป็น 2,200 ลูกบาศก์เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ริมแม่น้ำปิง อ.บ้านตาก โดยเฉพาะตำบลตากออก ตำบลตากตก และตำบลสมอโคน ที่ถูกน้ำท่วมในระดับสูงกว่า 1 เมตร สะพานข้ามแม่น้ำปิงบ้านแม่พะยวบ รถข้ามไม่ได้เพราะน้ำท่วมสูง น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ด้านตะวันตกของ อ.เมืองตาก คือ บริเวณ ต.ไม้งาม ต.หนองบัวเหนือ ต.หนองบัวใต้ และ ต.วังหิน บ้านเรือนราษฎร และร้านอาหารริมแม่น้ำนับสิบร้านต้องปิดร้าน เพราะถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร

ด้าน นายสมชาติ เพ็ชรประเสริฐ นายกเทศมนตรีเมืองตาก จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเขตเทศบาลเมืองตาก ระดมรถและเครื่องมือหนัก นำกระสอบทราย อาหารและน้ำดื่ม ไปให้ความช่วยเหลือ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

นายศิริชัย แสงสุวรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กล่าวว่า ถ้าปริมาณน้ำเหนือที่หลากเข้ามาลดลงอยู่ในสถานะที่ทางเขื่อนสามารถควบคุมได้ โดยไม่เกิดผลกระทบ ทางเขื่อนก็จะพิจารณาลดการระบายน้ำลงเพื่อลดผลกระทบประชาชนทางด้านริมแม่น้ำปิง

นครปฐมหลายพื้นที่เข้าขั้นวิกฤต!! น้ำทะลักท่วมบ้าน 2 ฝั่งแม่น้ำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ตุลาคม 2554 11:59 น.

เช้าวันนี้ (6 ต.ค.) เจ้าหน้าที่เทศบาลนครชัยศรี จ.นครปฐม เริ่งนำกระสอบทรายเสริมแนวกั้นน้ำบริเวณหน้าตลาดเทศบาลสระพัฒนา ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำนครชัยศรี เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา หลังจาก จ.สุพรรณบุรี เริ่มผันน้ำตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อน
ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมชลประทานเข้าตรวจสอบระดับน้ำของแม่น้ำท่าจีน พบว่า ระดับใน ต.บางระกำ อ.บางเลน จ.นครปฐม ที่รับน้ำเป็นอำเภอแรกของ จ.สุพรรณบุรี มีระดับสูงเข้าขั้นวิกฤต คือ 2 เมตร 15 เซนติเมตร และเพิ่มสูงต่อเนื่องวันละ 5-10 เซนติเมตร ชาวบ้าน 2 ฝั่งแม่น้ำ ถูกน้ำท่วมบ้านเรือนทั้งหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะท่วมถึงชั้น2 ของตัวบ้าน ส่วนที่ อ.พุทธมณฑล ที่รับน้ำจาก อ.บางเลน พบว่า สูงกว่าระดับตลิ่งอยู่ที่ 50 เซนติเมตร
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 34 เครื่อง ทยอยเข้าติดตั้ง ตั้งแต่ อ.บางเลน ถึง อ.พุทธมณฑล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยสูบน้ำออกจากชุมชน ไร่นา และสวนผลไม้ มีกำลังสูบน้ำได้วันละ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร

พื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมของกทม.ตามเขตต่างๆค่ะ อัพเดทปีที่แล้วค่ะ (พ.ศ. 2553)

http://dds.bangkok.go.th/E-book/khet_Flood2553.pdf

ใช้ประเมินสถานการณ์ค่ะ

"อธิบดีกรมชลฯ"ตอบไม่ได้กทม.จะเจอน้ำท่วมหรือไม่ อ้างช่วงนี้กำลังอยู่มรสุม เล็งเปิดคันดินให้น้ำเข้า กทม. ค่อยดึงน้ำออกทางอุโมงค์ภายหลัง "ยิ่งลักษณ์" ขอประเมินสถานการณ์น้ำก่อนประกาศภาวะภัยพิบัติทางธรรมชาติหวั่นกระทบต่อความเชื่อมั่น ย้ำกทม.ยังปลอดภัย

         ที่พล.ม.2 วันที่ 6 ต.ค.2554 นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ขณะนี้ต้องดูสถานการณ์ก่อน เพราะน้ำจะลดหรือไม่ขึ้นอยู่กับฝน ถ้าฝนตกก็จะใช้เวลาเป็นเดือน แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้อยู่ในฤดูฝนและมรสุมเข้า ดังนั้นจึงยังไม่มีใครตอบได้ว่าฝนจะหนักขนาดไหน และนานเท่าไหร่

          เมื่อถามว่ากรุงเทพฯฝั่งตะวันออกมีน้ำท่วมขังมานานแล้วจะดำเนินการอย่างไร นายชลิต กล่าวว่า ได้ประสานไปยังกทม.แล้ว และมีความเห็นใจคนที่อยู่ด้านนอก และขณะนี้ได้เปิดคันดินต่างๆเพื่อให้น้ำเข้า กทม. จากนั้นจะดึงน้ำออกทางอุโมงค์ ในกรณีที่ด้านในกทม.ไม่มีฝนตกสามารถดึงน้ำออกได้ 10 ล้านลบ.มต่อชั่วโมง และก็จะทำแบบนี้ไปทุกวัน


"ปู"รอประเมินก่อนประกาศภาวะภัยพิบัติธรรมชาติ

         เมื่อเวลา 17.15 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม และนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กถึงกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์(พล.ม.2) ภายหลังจากการลงพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจสภาพน้ำท่วม และเยี่ยมประชาชนโดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนตามจุด รวมถึงพื้นที่อุตสาหกรรม

         น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการลงพื้นที่ครั้งต่อไปว่า คงต้องประเมินกันอีกครั้ง เนื่องจากส่วนใหญ่ที่เราดูนั้นใช้วิธีการวิเคราะห์ปัญหาจริง อีกทั้งยังดูว่าพื้นที่ใดบ้างที่ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งวันนี้ลงในพื้นที่จ.อยุธยา ก็ดูใน 2 ส่วน คือ 1. ต้องมั่นใจว่าประชาชาชนอพยพมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย พร้อมทั้งดูแลในเรื่องของอาหารการกินด้วย ส่วนที่สองจ.อยุธยา มีสถานที่สำคัญมากมาย รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมที่มีจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้โรงงานอุตสหกรรมบางส่วนน้ำก็ท่วมไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ถูกน้ำท่วมด้วย ซึ่งเรารู้แล้วว่าปริมาณน้ำจะมาเท่าใด ก็จะเร่งทำแนวกั้นน้ำให้สูงขึ้นเพื่อจะรองรับน้ำได้
 
          "มีนิคมอุตสาหกรรมประมาน 100 กว่าโรงงาน ส่วนโรงงานที่มีการท่วมขังแล้ว ให้รมว.อุตสาหกรรมไปหารือถึงแนวทางการแก้ไขต่อไป เราต้องแน่ใจว่าแนวดินกั้นน้ำเพียงพอที่จะรับน้ำได้หรือไม่  พร้อมให้รมว.อุตสาหกรรมประสานไปยังโรงโม่หินต่างๆ เพื่อนำหินคลุกมาช่วยรับน้ำ ซึ่งในบางพื้นที่อาจจะเจอปัญหาค่อนข้างหนัก ทั้งส่วนของตัวเมืองอยุธยาหรือส่วนกลาง พร้อมสั่งการให้นายพระนาย สุวรรณรัฐ ย้ำในทุกพื้นที่เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง "

          ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้ต้องประกาศภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หลักการการประกาศในเรื่องของอุทกภัยนั้น ตนคงต้องขอเวลาไปศึกษา เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการประกาศ เพื่อให้ทุกหน่วยงานปฎิบัติตามคำสั่ง ซึ่งทุกวันนี้เราก็ทำงานเป็นทีมและทุกหน่วยงานก็ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการประกาศเร็วเกินไปอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่าง ๆ ด้วย  ในส่วนของพื้นที่นั้น ได้ย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดถึงการทำงานหรือการจ้างงานต่างๆนั้น ก็จะจ้างในส่วนของผู้ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมด้วย จะทำให้ผู้ที่อยู่ตรงนั้นผ่อนคลายความตึงเครียด แล้วก็มาช่วยกันเสริมสร้างต่อไป

          เมื่อถามว่าเตรียมแผนรับมือน้ำที่จะไหลมาจากเขื่อนภูมิพลอย่างไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้ได้หารือกับกรมชลประทาน เราจะทำทุกทาง สิ่งแรกคือ การเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลทั้ง 2 ทาง ทั้งการใช้เครื่องสูบน้ำ เครื่องผันน้ำ และเรือ เพื่อเร่งผลักดันน้ำ รมว.เกษตร  รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ และอธิบดีกรมชลประทาน เป็นผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็จะมีบางพื้นที่ที่เราต้องขุดลอกคูคลอง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบและประสานกับหน่วยงานทหารช่างในการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้คงต้องเร่งดำเนินการป้องกันในพื้นที่และกำชับผู้ว่าให้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่  ส่วนเตรียมแผนรับมือมรสุมลูกใหม่แล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พายุลูกใหม่ยังไม่ทราบปริมาณที่แน่นอนแต่ต้องติดตาม ต้องขอประเมินก่อน วันนี้เราประเมินถึงช่วงกลางเดือนต.ค.นี้ ก่อน 

          เมื่อซักว่าต้องวิกฤตถึงขั้นไหนถึงจะสามารถประกาศภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงขอประเมินก่อน เพราะพายุลูกใหม่หน่วยงานที่ประเมินพยากรณ์อากาศยังขอเวลาก่อน ต่อข้อถามที่ว่าเหตุใดเขื่อนขนาดใหญ่จึงไม่สามารถรับน้ำได้ นายกฯ กล่าวว่า น้ำเยอะจริงๆ วันนี้เราเจอพายุมา 5 ลูกแล้ว จะมาอีก 2 ลูก ถือว่าบางพื้นที่น้ำสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นเรื่องที่ลำบากมากที่ว่าน้ำต่างๆไม่มีทางออก เราจึงอาศัยจังหวะที่ก่อนที่น้ำทะเลจะหนุนสูง เพื่อเร่งระบายน้ำออก

          เมื่อถามว่าพื้นที่กทม.ขณะนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ส่วนของกทม.อธิบดีกรมชลฯ ยืนยันว่ายังปลอดภัยอยู่ค่ะ" ส่วนความคืบหน้าการซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี นายกฯ กล่าวว่า คืบหน้าไปแล้วกว่า 40 เปอร์เซนต์ ซึ่งคงไม่เปลี่ยนวิธีการซ่อมแซมอย่างแน่นอน เพราะเดินหน้าและเป็นแนวทางการทำงานอยู่แล้ว


รมว.อุตฯเผยภาคอุตสาหกรรมเสียหายแล้ว25,000ล้าน

          นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงการประเมินความเสียหายภาคอุตสาหกรรมจากเหตุน้ำท่วมว่า เท่าที่ประเมินในเบื้องต้นอยู่ที่25,000 ล้านบาทเป็นความเสียหายทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทั้งส่วนที่เป็นโรงงานมีเครื่องจักรและส่วนที่เป็นวัตถุดิบมาผลิตสินค้า 

          ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเสียหายตรงนี้ชดเชยอย่างไรนพ.วรรณรัตน์ กล่าว่า โรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมรัตนนครทั้ง49 โรงจากการสอบถามพบว่า ได้ทำประกันวินาศภัยไว้ก็จะได้รับการคุ้มครองส่วนนี้ ส่วนที่อยู่นอกนิคมประมาณ 120 แห่ง บางรายมีประกัน บางรายไม่มีประกัน แต่ครม.ได้มีมติเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้วให้ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารเอสเอ็มอีแบงค์จากเดิมร้อยละ 8 โดยรัฐบาลจะชดเชยส่วนต่าง 2 เปอร์เซ็นต์ ในวงเงินรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อน 6 ปีปลอดดอกเบี้ย 2 ปีแรกซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการได้ส่วนหนึ่ง

          ส่วน ได้มีการประเมินถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมหรือไม่ รมว.อุตฯกล่าวว่า กำลังประเมิน นอกจากนี้ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้กับโรงงานอุตสาหกรรม และยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 5 ปี ส่วนแรงงานที่ได้รับผลกระทบนั้น รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า โรงงานที่ได้รับผลกระทบแม้ว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ไม่ได้ปลดคนงาน ซึ่งตามกฎหมายแรงงานโรงงานจะต้องจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน75 %ของเงินเดือนปกติ จนกว่าพนักงานจะกลับเข้าทำงานได้ แต่หากมีเหตุจำเป็นที่ผู้ประกอบการจะเลิกกิจการทำให้ต้องเลิกจ้างพนักงานโดยที่ไม่ใช่ความผิดของพนักงานตามกฎหมายแรงงานนายจ้างต้องจ่ายชดเชยตามอายุงาน เช่น120 วันก็จะจ่ายเงินเดือนค่าจ้างขั้นสุดท้าย 30 วัน ถ้าทำงานเกิน10 ปีก็จะจ่ายเงินเดือนในเดือนสุดท้ายคูณ 300 วัน

          นอกจากนี้กฎหมายพรบ.ประกันสังคมสำหรับคนที่ถูกเลิกจ้าง จะมีการชดเชยเงินประกันสังคมให้พนักงานครึ่งหนึ่งของเงินเดือนสุดท้ายเป็นเวลาไม่เกิน180 วัน

          ส่วนปัญหาของลูกจ้างรายวันที่ได้รับผลกระทบก็จะไม่มีรายได้จะทำอย่างไร นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า จะให้กฎหมายแรงงานและกฎหมายประกันสังคมเข้ามาดูแล


กทม.โต้สทอภ.13ชี้จุดเสี่ยงน้ำท่วมคลาดเคลื่อน

          แหล่งข่าวจากสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน 13 จุด ตามที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) หรือ GISTDA หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ออกมาระบุนั้น เป็นข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นการทำแบบจำลองน้ำท่วมโดยการป้อนข้อมูลปริมาณน้ำที่ไหลมาจากทางตอนเหนือลงสู่ด้านล่างเท่านั้น โดยไม่ได้รวมข้อมูลแนวป้องกันน้ำท่วมของ กทม.ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ คันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ รวมถึงพื้นที่แก้มลิง

          "การระบุพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน 13 จุดของ สทอภ. ที่มีตัวเลขตรงกับพื้นที่เสี่ยงนอกแนวคันกั้นน้ำตามที่ กทม.ได้ทำการสำรวจไว้ 13 เขต 27 ชุมชน อาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและวิตกกังวลได้"

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ สทอภ.ได้เปิดเผยภาพดาวเทียมแสดงพื้นที่เสี่ยงภัยในการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน 13 จุดใน กทม.ได้แก่ หนองค้างพลู ทุ่งสองห้อง สายไหม คลองถนน อนุสาวรีย์ จระเข้บัว ลาดพร้าว คลองกุ่ม คลองจั่น หัวหมาก สะพานสูง คลองสองต้นนุ่น ลาดกระบัง และบริเวณปริมณฑล ได้แก่ จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรปราการ และ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อให้ประชาชนเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมและหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรที่มีน้ำท่วมขัง และเพื่อเตรียมย้ายที่อยู่ชั่วคราว ส่วน 13 เขตที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำที่ กทม.สำรวจได้แก่ 1.เขตบางซื่อ ได้แก่ ชุมชนพระราม 6 (ฝั่งติดแม่น้ำ) และชุมชนปากคลองบางเขนใหม่ 2.เขตดุสิต ได้แก่ ชุมชนเขียวไข่กา ชุมชนราชผาทับทิมร่วมใจ (เชิงสะพานกรุงธน) ชุมชนซอยสีคาม (ซอยสามเสน 19) ชุมชนปลายซอยมิตรคาม (ซอยสามเสน 13) และชุมชนวัดเทวราชกุญชร (ถนนศรีอยุธยา) 3.เขตพระนคร ได้แก่ ชุมชนท่าวัง ชุมชนท่าช้าง และชุมชนท่าเตียน

          4.เขตสัมพันธวงศ์ ได้แก่ ชุมชนวัดปทุมคงคา (ท่าน้ำสวัสดี) และชุมชนตลาดน้อย5.เขตบางคอแหลม ได้แก่ ชุมชนวัดบางโคล่นอก ชุมชนหน้าวัดอินทร์บรรจง ชุมชนซอยมาตานุสรณ์ และชุมชนหลังโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 6.เขตยานนาวา ได้แก่ ชุมชนโรงสี (ถนนพระราม 3) 7.เขตคลองเตย ได้แก่ ชุมชนสวนไทรริมคลองพระโขนง 8.เขตบางพลัด ได้แก่ ชุมชนวัดฉัตรแก้ว  9.เขตบางกอกน้อย ได้แก่ ชุมชนสันติชนสงเคราะห์ ชุมชนปากคลองน้ำตาล-คลองพิณพาทย์ ชุมชนตรอกวังหลัง และชุมชนดุสิต-นิมิตรใหม่ 10.เขตธนบุรี ได้แก่ ชุมชนปากคลองบางกอกใหญ่ 11.เขตคลองสาน ได้แก่ ชุมชนเจริญนครซอย 29/2 12.เขตราษฎร์บูรณะ ได้แก่ ชุมชนดาวคะนอง และ 13.เขตทวีวัฒนา ได้แก่ ชุมชนวัดปรุณาวาส

มท.สั่งผวจ.จับตาคืนนี้น้ำล็อตใหญ่ทะลักเตรียมอพยพประชาชน

            เมื่อเวลา 17.00 กระทรวงมหาดไทย ได้มีการประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศอส. ในรอบเย็น พร้อมกับรายงานสดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบปัญหาอุทกภัยรวม 20 จังหวัด เพื่อทราบถึงสถานการณ์ล่าสุด และเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปริมาณน้ำจำนวนมากที่ปล่อยจากเขื่อนภูมิพลจำนวนกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยมีนายพระนาย สุวรรณรัฐ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการประชุม
 
           นายพระนาย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมขังขณะนี้ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำปิง ที่ปล่อยจากเขื่อนภูมิพล ที่ขณะนี้มีน้ำอยู่เต็มความจุ ที่ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเขื่อนสิริกิติ์ และแม่น้ำสะแกกรัง อยู่ระหว่างการไหลของน้ำมาบรรจบกันที่ปากน้ำโพ คาดว่า จะมีปริมาณสูงสุดในช่วงกลางดึกคืนนี้ ตั้งแต่เวลา 24.00 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำจะสูงขึ้นมากกว่าเกณฑ์ปกติแต่ละวัน เช่น หากปกติถ้าขึ้นวันละ10 ซม. ในคืนนี้จะขึ้นเป็น 30 ซม.

           ดังนั้นอยากให้ผวจ.ทุกจังหวัดที่อยู่ใต้นครสวรรค์ลงมา เพิ่มคันดินให้สูงมากขึ้น และหากไม่สามารถทำได้ทันก็ขอให้วางแผนอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงโดยด่วน เพราะหากน้ำทะลักเข้ามาภายใน 5 - 10 นาที จะเกิดความเสียหายอย่างมาก จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เตรียมรองรับสถานการณ์เต็มที่

           “ขอให้เตรียมที่พักพิงฉุกเฉินชั่วคราว รองรับระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างฉับพลันมากกว่าเดิม 2-3 เท่าได้ ซึ่งควรจะต้องเตรียมแผนป้องกันเต็มที่ อย่าปล่อยให้ประชาชนโดดเดี่ยวเด็ดขาด ส่วนจังหวัดที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานอย่าง อุทัยธานี ลพบุรี ชัยนาท อ่างทอง ปทุมธานี ขอให้ผวจ.ช่วยให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ รวมไปถึงการขับถ่ายด้วย เพราะเรื่องความรู้สึกของประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญ อย่าให้มีภาพของคนรอรับของบนถนนนานนับชั่วโมง หรือมีปัญหาถุงยังชีพไม่พอจนออกเป็นข่าวผ่านสื่อมวลชนมากกว่าเดิม” รักษาการปลัดมหาดไทย กล่าวและกำชับไปยังนายณรงค์ อ่อนสอาด รองผวจ.อยุธยาให้รักษานิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะให้ได้ เนื่องจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมประกอบไปด้วยแรงงานเป็นจำนวนมาก หากปล่อยให้น้ำท่วมโรงงาน อาจทำให้เครื่องจักรในโรงงานเสียหาย และทำให้แรงงานจำนวนมากตกงาน ซึ่งอยากให้เสริมคันกั้นน้ำให้แข็งแรงมากขึ้น และมองพื้นที่รับน้ำที่สำคัญ ให้สามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายครั้งใหญ่ได้

           หลังการประชุมนายพระนาย ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า หากพายุดีเปรสชั่นลูกสุดท้ายไม่เข้า สถานการณ์ยังไม่น่าห่วง เพราะจะหมดฝนแล้ว แต่ต้องไปจับตาดูที่พื้นที่ภาคใต้ให้ดี อย่างไรก็ตามแม้จะหมดปัญหาจากน้ำฝนตกลงมา ปัญหายังจะตกอยู่ที่จังหวัดอ่างทอง ลพบุรี ที่ต้องหาวิธีปล่อยน้ำที่กักอยู่ออกไป ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว
 
           เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการสร้างเขื่อนหรือแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำในแต่ละจังหวัด นายพระนาย กล่าวว่าเห็นด้วย เคยนำเสนอไปแล้วใน จ.สิงห์บุรี ซึ่งใช้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท การสร้างเขื่อนหรือสร้างแก้มลิง เป็นการแก้ปัญหาระยะยาวที่ดีที่สุด เพราะมีความแข็งแรงกักเก็บน้ำได้เป็นจำนวนมาก แต่ในขั้นตอนการทำอาจจะมีกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้นต้องทำประชาพิจารณ์เสียก่อนเพื่อเลี่ยงปัญหา ให้ได้ข้อสรุปเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาในระยะยาวในอนาคต


สตช.เพิ่มแผนช่วยปชช.น้ำท่วมโดยฮ.-พร้อมบินสำรวจถนน

           พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัธน์ รอง ผบช.สกบ./รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผบช.สยศ.ตร., พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ฌาณไชย แกล้วเขตต์การ ผบก.บ.ตร. พร้อมคณะ ได้ออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จาก กองบินตำรวจ ถนนรามอินทรา เขตบางเขน กรุงเทพฯ ไปยัง จว.ลพบุรี เพื่อรับฟังการบรรยายจาก นายฉัตรชัย พรมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และ พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ซึ่งได้สรุปสถานการณ์น้ำท่วม การป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตามแผนที่กำหนด การให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมทั้งการอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัย และการเตรียมการอพยพประชาชนกรณีฉุกเฉิน

           ต่อมาเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังบริเวณเชิงเขาสมอคอน อ.บ้านหมี่ จว.ลพบุรี ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมอพยพมาอยู่ที่บริเวณเชิงเขา จำนวน 1000 คน มอบสิ่งของทางอากาศโดยการโรยตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจและสิ่งของจากเฮลิคอปเตอร์ลงไปให้กับพี่น้องประชาชนที่รอรับสิ่งของอยู่บนพื้นดิน และหย่อนสิ่งของจากเฮลิคอปเตอร์ลงไปให้กับพี่น้องประชาชนที่ติดค้างอยู่กลางน้ำ ก่อนลงเรือตรวจพื้นที่น้ำท่วมและมอบถุงยังชีพให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย จำนวน 1000 ชุด

           พล.ต.ท.ดนัยธร กล่าวว่า ที่เดินทางมาที่ จว.ลพบุรี ในวันนี้ เนื่องจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รรท.ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย จึงได้มอบหมายให้ผมและคณะเดินทางลงพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในเขตพื้นที่ จว.ลพบุรี นำถุงยังชีพ เสื้อชูชีพ และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ไปมอบให้กับพี่น้องประชาชน นอกจากนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดยุทธศาสตร์ในการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับฝ่ายปกครอง โดย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และในส่วนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการจังหวัดลพบุรี ได้ระดมสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัย

           "ผมและคณะได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมทั้งหมด เพื่อตั้งรับสถานการณ์ และเตรียมการอพยพประชาชนกรณีฉุกเฉิน เพราะระดับน้ำสูงขึ้นตลอด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ในส่วนสำคัญให้การให้ความช่วยเหลือกับประชาชน ได้เน้นย้ำให้ความสำคัญในการช่วยเหลือชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรก ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน ถ้าต้องการความช่วยเหลือจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งได้ที่จุดบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หรือที่ตำรวจภูธรจังหวัด หรือ โทร.191 เพื่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ลงไปช่วยเหลือท่านได้อย่างทันท่วงที หรือแจ้งโดยตรงที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจยินดีรับใช้พี่น้องประชาชน" พล.ต.ท.ดนัยธร กล่าว

           ผู้ช่วย ผบ.ตร กล่าวอีกว่า ในส่วนของพี่น้องประชาชนที่อพยพมาอยู่บนบริวเณข้างถนน ตำรวจได้เพิ่มความเข้มและเพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชน และขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนว่า หากมีการแจ้งให้อพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยโดยเร่งด่วน ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือในการอพยพ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของท่าน เพราะน้ำที่เดินทางมานั้น รวดเร็วมาก อาจทำให้ช่วยเหลือได้ไม่ทันท่วงที จะเกิดความเสียหายและความสูญเสียตามมา ดังนั้น จึงขอความกรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่เข้าไปชี้แนะ ซึ่งทางเราหวังว่าคงได้รับความมมือจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี

           สำหรับถนนสายเอเชีย ที่มีน้ำท่วมขัง ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาโดยรถยนต์ได้นั้น ได้สั่งการให้ตำรวจทางหลวง ตำรวจน้ำ ตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจท้องที่ ให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบและหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านเส้นทางสายเอเชีย โดยประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยง หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังจังหวัดที่ถูกน้ำท่วม รวมทั้งคอยดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งจากการบินสำรวจเส้นทางถนนสายเอเชีย ซึ่งถูกน้ำท่วมขังไม่สามารถสัญจรผ่านไป-มาได้ ปรากฎมีรถยนต์ติดค้างบนถนนดังกล่าวเป็นจำนวนมากหลายร้อยคัน


สภารุมซัด“บรรหาร”ญัตติด่วนน้ำท่วมบึงฉวากต้องช่วยรับน้ำ

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา15.00น.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯทำหน้าที่ประธานซึ่งได้พิจารณาญัตติด่วน เรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม ที่มี 5 ญัตติโดย ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างอภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างเต็มที่เพื่อนำสู่การแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยนายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าประชาชนหลายจังหวัดได้รับความเดือดร้อนมาก นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยรู้ข้อมูลดี แต่วันนี้ถูกจำกัดข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่องมีการถือกุญแจ ล็อกกุญแจกันอย่างไรไม่ทราบ เกี่ยวกับประตูน้ำที่ต้องผันน้ำลงแม่น้ำท่าจีน ขณะที่น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า น้ำท่วมครั้งนี้ประชาชนน่าสงสารกันมากทุกจังหวัด เว้นจังหวัดสุพรรณบุรี

           นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าวันนี้ ถ้าเป็นผู้แทนฯแล้วไม่พูดปัญหาประชาชน จะเป็นไปทำสากกะเบืออะไร ปัญหาเกิดจากประตูน้ำบางโฉมศรีขาด แม้เริ่มมีการซ่อมแล้ว นึกว่า3วันน้ำจะลง แต่ไม่ใช่ ทุกข์เหลือเกิน ตนไม่ได้พูดเรื่องการเมือง แต่ขอกรุณาว่าถ้ากระทรวงเกษตรฯจะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนก็อย่าให้น้ำท่วมถนนสายเอเชีย เพื่อให้ประชาชนได้สัญจรไปมาได้ ส่วนเรื่องการปล่อยน้ำมากมายอย่างนี้ ขอว่าต้องชะลอน้ำ อย่าซ้ำเติมประชาชน ตนไม่ได้พูดให้กระทบกระเทือนคนอื่น แต่วันนี้น้ำเกินบรรจุเขื่อนเจ้าพระยาถึง 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร จังหวัด สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมมากเหลือเกิน

           “เราอยู่ในสภาเดียวกัน ระยะสั้นขอให้ช่วยกระจายน้ำได้หรือไม่ บริหารจัดการน้ำอย่างมีคุณภาพและมีคุณธรรม บึงบางบึงต้องมาช่วยกันรับน้ำ กระจายน้ำ หยุดบึงบางบึงที่เอาไว้ให้ดาราว่ายน้ำได้หรือไม่ ขอพูดตรง ๆ ว่าคือ บึงฉวากเพราะไม่อยู่ที่สุพรรณบุรีที่เดียวแต่เชื่อมกับจังหวัดชัยนาทด้วยและมีพื้นที่เป็นแสนไร่ สามารถช่วยเก็บน้ำได้มาก วันนี้เรื่องน้ำ การบริหารจัดการผิดฝาผิดตัว กระทรวงเกษตรฯควรดูเรื่องพืชและการผลิต ส่วนน้ำควรอยู่ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯนักการเมืองไม่ว่าอยู่มานาน หรือมาใหม่ ก็รักบ้านเมืองทุกคน คนอยู่มานาน ก็เป็นที่เคารพนับถือ”นายพายัพ กล่าว

           นายสหรัฐ กุลศรี ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของตนก็ท่วม แต่แปลกใจที่ท่วมอยู่อำเภอเดียว ตนได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับทางน้ำจากแม่น้ำท่าจีนที่ไหลมาสุพรรณบุรี จะมีประตูน้ำสามชุกช่วยระบายน้ำ โดยถ้าประตูสามชุกปิด อำเภอเดิมบางนางบวชจะท่วม ส่วนอำเภออื่นๆในสุพรรณบุรีขณะนี้สอบถามแล้ว มีท่วมประปราย อาทิ อำเภอศรีประจัน

           สำหรับบึงฉวาก ที่ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนไปพักผ่อนหย่อนใจ แต่วิถีชีวิตชาวบ้านเปลี่ยนไป เดิมชาวบ้านใช้น้ำในบึงฉวากเพื่อการเกษตรได้ แต่วันนี้ทำไม่ได้ ทราบว่าขณะนี้น้ำในบึงฉวาก กำลังเน่า เอาน้ำไปเปลี่ยนก็ได้เพราะบึงฉวากจะช่วยรับน้ำได้เป็นจำนวนมาก เดิมบึงฉวากมีเนื้อที่เป็นแสนไร่ แต่วันนี้มีไม่ถึง เพราะถมเป็นที่ท่องเที่ยว และยืนยันว่าวันนี้ชาวอำเภอเดิมบางนางบวช ไม่อยากได้บึงฉวาก และขอร้องให้เอารั้วลวดหนามออก เพื่อชาวบ้านจะได้ไปเอาน้ำมาใช้ในการเกษตร

           ขณะที่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา อภิปรายว่า วันนี้เป็นห่วงเรื่องความขัดแย้งของประชาชน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กั้นน้ำ สำหรับจังหวัดที่ช่วยป้องกันน้ำท่วม แต่กลับถูกตำหนิว่าเป็นจังหวัดที่น้ำไม่ท่วม วันนี้น้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ จึงไม่อยากให้เกิดปัญหาในจิตใจประชาชนอีก

           นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตร จากพรรคชาติไทยพัฒนา ชี้แจงว่า การระบายน้ำเดิมระบายจากเขื่อนเจ้าพระยาอย่างเต็มที่ผ่านตะวันออกลงแม่น้ำป่าสัก ส่วนตะวันตกผ่านแม่น้ำท่าจีน ปริมาณน้ำตะวันตกส่งผลให้เกิดน้ำท่วม ทั้ง ตลาดร้อยปี อำเภอป่าโมก และหลายอำเภอในจังหวัดสุพรรณบุรีด้วย

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางของส.ส.ทั้ง2ฝ่าย จนกระทั่งเวลา 18.45 น. ประธานในที่ประชุมได้สั่งเลื่อนการพิจารณาออกไป และสั่งปิดการประชุม


"วรวัจน์"ระดมทำน้ำหมักจุลินทรีย์แก้น้ำท่วมขัง

           นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ศธ. จะระดมให้หน่วยงานในสังกัด ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม หากประชาชนมีความต้องการเตนท์ อาหาร ที่อยู่หรือส้วมลอยน้ำ ขอให้ติดต่อมายัง ศธ. ได้ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ สอศ. ไปจัดทำตาข่ายเพื่อครอบคันดินในจุดที่ล่อแหลม มีน้ำไหลผ่านจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้คันดินพังจนน้ำทะลักเข้ามาได้ ซึ่งจะจัดทำให้ครอบคลุมทุกจุดที่มีปัญหาน้ำท่วม และพื้นที่ กทม.

           นอกจากนี้ยังให้อาชีวะ เร่งนำน้ำหมักจุลินทรีย์เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขังและน้ำเน่าเสีย อย่างไรก็ตามขณะนี้ใกล้เวลาที่นักศึกษาอาชีวะ และมหาวิทยาลัยจะปิดภาคเรียน ดังนั้นจะให้นักศึกษาเหล่านี้ออกค่ายช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม หากชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือ เช่นการทำถนนหรือเรื่องใดก็ตาม ขอให้ประสานไปยังสถานศึกษาที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ ศธ. ได้ใช้งบประมาณในการแก้ปัญหาน้ำท่วมไปแล้ว 1,300 ล้านบาท



คมชัดลึก

19.14 น. กรมอุตุฯ : พบกลุ่มฝนขนาดใหญ่เคลื่อนตัวเข้ากทม.ในเวลาประมาณ 19.00-21.00น. ซึ่งอาจทำให้เกิดฝนตกหนักในเขตธนบุรี จอมทอง บางแค และ สีลม

18.39 น. กทม. : หมู่บ้านร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง น้ำท่วมหนัก กว่า 1,000 หลังคาเรือน หัวหน้าฝ่ายโยธาสำนักงานเขตลาดกระบัง ตั้งศูนย์บริจาคกระสอบทรายให้แล้ว

18.33 น. สระบุรี : เทศบาลเมืองสระบุรี ประกาศปิดสะพานข้ามป่าสัก 18.00 น.ในอำเภอเมืองสระบุรี ไปลพบุรีให้ใช้บายพาส
- เขตเทศบาล ต.ทับกวาง สระบุรี น้ำท่วมสูง 60 ซม.

17.35 น. คอลเซ็นเตอร์ศูนย์ข้อมูลภาครัฐ : บริการสอบถามข้อมูลอุทกภัยผ่านคอลเซ็นเตอร์ศูนย์ข้อมูลภาครัฐ ตลอด 24 ชั่วโมง  โดยสามารถใช้บริการได้ฟรีผ่านโทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์บ้าน กดเข้าเลขหมาย 1111 กด 5 เพื่อเข้าสู่หมวดข้อมูลอุทกภัย

17.17 น. บขส.เปิดเดินรถเส้นทางสายเหนือ : ล่าสุด บขส.เปิดเดินรถโดยสารเฉพาะรถ 99 เส้นทางไปสู่จังหวัดในภาคเหนือ ตามปกติแล้ว แต่ให้เดินรถในเส้นทางบางบัวทอง-สุพรรณบุรี-อ่างทอง แทน หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

17.00 น. เส้นทางเลี่ยง หลังปิดถนนสายเอเชีย จ.อยุธยา http://news.mthai.com/general-news/133718.html

16.40 น. ฟิวเจอร์พาร์ค ให้ประชาชนที่มีรถยนต์ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม นำรถมาจอดได้ฟรี ติดต่อฝ่ายรักษาความปลอดภัย (@js100radio)

16.34 น. รพ.บางปะหัน ปิดบริการชั่วคราว : น้ำท่วมโรงพยาบาลบางปะหัน สูง 40 เซนติเมตร ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยได้ ต้องปิดบริการเป็นการชั่วคราว โดยย้ายผู้ป่วยไปโรงพยาบาลอื่นที่ใกล้เคียง

15.45 น. อยุธยา ถ.เอเชีย : สภาพการจราจรบน ถ.สายเอเชีย ขณะนี้ ขาเข้า กทม.น้ำท่วมสูง 60 ซม. ระหว่าง กม.21-40 ช่วงบางปะหันถึงอยุธยาหน้าศาลากลาง / ส่วน ถ.เอเชีย ช่วง จว.สิงห์บุรี กม.93-95(แม่ลาปลาเผา) ช่องขาออกและขาเข้า กทม.ให้ใช้เส้นทางเข้าเมืองอ่างทอง- เลียบเมือง-โพธิ์พระยาจว.สุพรรณบุรี-บางบัวทองตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี (@policespokesman)

15.18 น. การรถไฟ : รฟท. ยังคงหยุดบริการรถไฟสายเหนือ179ขบวน / สายตะวันออกเฉียงเหนือหยุดให้บริการ 10 ขบวน  สอบถามเส้นทางเดินรถเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

14.05 น. บขส. : ประกาศหยุดเดินรถไปสายเหนือ ทุกเส้นทาง เนื่องจาก น้ำได้เอ่อล้นเข้าถนนสายเอเชียช่วงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณหน้าเรือนจำ จ.อยุธยา และหน้าโรงพยาบาลบางปะหัน หลักกิโลเมตรที่   36-37       รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ทั้งขาขึ้นและขาล่อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24  ชั่วโมง

13.45 น. ปภ.:  คาดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลจะเข้าท่วมนครสวรรค์ในอีก 7 วันข้างหน้า พร้อมเตรียมแผนรับมืออพยพประชาชนใน 3 ชั่วโมง

13.00 น. ปิดถนนสายเอเชีย :  สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 รายงานข่าวว่า กรมทางหลวงได้ปิดเส้นทางสายเอเชียบริเวณต่างระดับบางปะอินแล้ว เนื่องจากน้ำหลาก 2 จุด โดยให้รถทั้งหมดที่จะวิ่งขึ้นเหนือ ให้เข้าที่บางบัวทอง ออกสุพรรณ และเข้าสายเอเชียที่ชัยนาท

12.16 น. กทม. : หมู่บ้านบัวขาว เขตมีนบุรี ฝนตกหนักเมื่อคืนนี้ ทำให้ระดับน้ำในคลองที่ผ่านหมู่บ้านล้นขึ้นมาบนถนนสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ชาวบ้านไม่สามรถออกไปไหนได้ ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนจากกทม.

12.14 น. ปทุมธานี : คันกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา พังทลาย บ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 30 หลัง

09.46 น. นครสวรรค์ : น้ำได้บ่าทะลักเข้าท่วมชุมชนวัดไทร โดยที่ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว แนวป้องกันน้ำถูกน้ำเซาะพังตอนตี 2 วันนี้ ไม่มีใครขนของได้ทัน นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์นำเจ้าหน้าที่เทศบาลเข้าไปซ่อมพนังกั้นน้ำแล้ว

09.43 น. กทม. : บริเวณถนนแจ้งวัฒนะยังมีน้ำท่วมขัง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ให้เลี่ยงใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต แต่ให้ใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ และถนนกําแพงเพชร 6 (โลคัลโรด) หรือเลี่ยงไปใช้ถนนพหลโยธิน (คลิกอ่านรายละเอียด)

09.35 น.ลำพูน : อำเภอบ้านโฮ่ง เขตเทศบาลตำบลบ้านโฮ่ง ระดับน้ำยังทรงตัว และเป็นน้ำท่วมที่หนักที่สุดในรอบ 20 ปี
- ถนนสายหลัก สายลำพูน-ลี้ (ทางหลวงหมายเลข 106) ช่วงระหว่างบ้านดอยก้อม ไป บ้านโฮ่ง และสะพานบ้านดงฤาษี รถทุกชนิด ไม่สามารถสัญจรไปมาได้

09.33 น. อยุธยา : น้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณเรือนจำจังหวัดและเรือนจำกลางจังหวัดสูง2ม. จนท.เตรียมอพยพนักโทษ5,000คนไปพื้นที่ปลอดภัย

09.23 น. อุตุเผยอิทธิพลนาลแกหลายภาคฝนยังตกหนักเตือนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้


Mthai News

 

นครสวรรค์ จุดพลุอพยพคนหนีน้ำกลางดึก
 

       ฉะเชิงเทรา - แม่น้ำบางปะกง วิกฤต หลังทุกแหล่งน้ำทั่วทุกภูมิภาครุมระบายน้ำลงอย่างต่อเนื่อง ด้านผู้สูงอายุ เผย ไม่เคยพบปรากฏการณ์เช่นนี้ก่อน ส่วนหัวขโมยจ้องฉกเอาทรัพย์สินชาวบ้านที่อพยพหนีน้ำขึ้นที่สูงยามค่ำคืน
       
       วันนี้ (6 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพน้ำในลำน้ำบางปะกง ที่ถูกแหล่งน้ำจากหลายพื้นที่ระบายลงสู่ทะเลผ่านในปริมาณมาก ทั้งจากทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา, จากเขื่อนขุนด่านปราการชล และลุ่มน้ำปราจีนฯ รวมทั้งน้ำในพื้นที่ พบว่า ขณะนี้ตลอดทั้งสายมีน้ำเอ่อล้นปริ่มลำน้ำอยู่ตลอดเวลา และไม่ไหลขึ้นลงไปตามปกติของธรรมชาติที่จะมีการไหลขึ้นลงถึงวันละ 4 เที่ยว ทุก 12 ชม.ที่จะไหลขึ้น 2 ครั้ง และไหลลง 2 ครั้ง
       
       นอกจากนี้ น้ำในลำน้ำยังไหลล้นทะลักออกไปยังนอกลำน้ำในจุดที่ไม่ได้มีการเตรียมการป้องกันเอาไว้ก่อนล่วงหน้า จากทางราชการ
       
       โดยเฉพาะตามท้องนาในหมู่บ้านชนบท ที่มีระดับน้ำท่วมสูงถึงกว่า 1.5-2 เมตร จนชาวบ้านที่ไม่มีเรือต้องลอยคอพากันออกมาหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ไปไว้ประกอบการทำกินอยู่ภายในบ้านกลางน้ำ โดยมีหลายคนต่างพากันใช้ภูมิปัญญาในการเอาตัวรอดด้วยการช่วยกันดัดแปลงวัสดุที่พอจะเก็บหามาได้ในการที่จะนำมาดัดแปลงทำเป็นยานพาหนะลอยน้ำ หรือต่อเป็นลำเรือโดยเฉพาะไม้ และโฟม เพื่อนำมาใช้ในการสัญจรเข้าออกสู่หมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปจากถนนสายหลัก ซึ่งเป็นที่สูงและยังไม่ถูกน้ำท่วม
       
       นายมงคล ประยูรสุข อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/2 ม.5 ต.บางโรงอ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ.2526 ที่เคยมีน้ำมากไหลเข้าท่วมพื้นที่ในหมู่บ้าน ก็ยังไม่ท่วมมากจนถึงขนาดนี้มาก่อน ซึ่งถือว่าในปีนี้มีน้ำมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ตลอดชีวิตของตนกว่า 70 ปี ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกคิดว่าจะไม่ท่วมมากแต่น้ำกลับไหลบ่าท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ อยู่ตลอดเวลา ในทุกวัน ทำให้ข้าวของที่เก็บหนีน้ำไม่ทันสูญหายไป
       
       ส่วนในช่วงเวลากลางคืน ก็ไม่ค่อยได้หลับนอนเพราะต้องคอยเฝ้าระมัดระวังระดับน้ำอยู่ตลอดเวลาเพราะหวั่นเกรงว่าน้ำจะทะลักขึ้นมาท่วมซ้ำมากยิ่งขึ้น อีกจนไม่มีที่อยู่อาศัย หากน้ำขึ้นมากจนท่วมถึงพื้นกระดานบ้านชั้นบน ซึ่งอยู่ห่างจากผิวน้ำเพียงประมาณ 1 ฝ่ามือเท่านั้น นอกจากนั้น ยังต้องระมัดระวังสัตว์เลื้อยคลานที่มีพิษไม่ให้ขึ้นมาอาศัยอยู่ในบ้านด้วย
       
      นายมงคล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังข้าวของ ที่ได้ขนย้ายหนีน้ำนำไปขึ้นวางไว้บนถนน เพราะหวั่นเกรงว่า จะมีโจรผู้ร้ายมือดีจะมาลักขโมยเอาทรัพย์สินไป เนื่องจากที่ผ่านมา มีพวกหัวขโมยที่แอบแฝงตัวมาในรูปแบบของคนหาปลา เดินส่องไฟไปตามท้องถนนก่อนที่จะหยิบฉวยเอาทรัพย์สินของชาวบ้านติดมือไปด้วย โดยมีทรัพย์สินมีค่า ประกอบด้วย เครื่องยนต์ทางการเกษตร, เครื่องไถนา และท่อดูดน้ำ ซึ่งที่ผ่านมาทรัพย์สินเพื่อนบ้านได้สูญหายไปแล้ว จำนวน 2 เครื่องและท่อดูดน้ำทำนาขนาดใหญ่อีก 1 อัน


 

ผลพวงจาก “เนสาด” สุโขทัยระทม น้ำยมทะลักรอบ 10



ผลพวงจาก “เนสาด” สุโขทัยระทม น้ำยมทะลักรอบ 10 ระดมชาวบ้านกว่า 100 คน ช่วยกันตอกเสาไม้ยูคากั้นเป็นแนวบริเวณจุดที่ถนนเลียบแม่น้ำยมขาดทั้งสอง ฝั่ง ก่อนที่จะนำกระสอบทรายอุดลงไปอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้กระแสน้ำไหลกัดเซาะถนนจนพังเป็นแนวกว้างเพิ่มมากขึ้น…
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่ไหลผ่าน จ.สุโขทัย เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ซึ่งเป็นอิทธิพลของพายุเนสาด ทำให้น้ำยมไหลทะลักเข้าท่วมในหลายพื้นที่ของ อ.เมือง อาทิเช่น ต.ปากแคว ต.บ้านกล้วย และ ต.ธานี ถนนจรดวิถีถ่อง ตั้งแต่เชิงสะพานพระร่วงฝั่งตะวันตก ต.ธานี เรื่อยไปจนถึงสี่แยกคลองโพธิ์ ต.บ้านกล้วย มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30 ซม. เป็นระยะทางยาวเกือบ 2 กม. รถเล็กยังสามารถผ่านไปมาได้ ส่วนที่ทางหลวงหมายเลข 12 (สุโขทัย-ตาก) ช่วงตั้งแต่สี่แยกคลองโพธิ์ ต.บ้านกล้วย ไปจนถึงเขต ต.เมืองเก่า ระยะทางประมาณ 12 กม. มีน้ำที่ทะลักจากแม่น้ำยม ไหลเข้าคลองแม่รำพัน เอ่อล้นออกมาท่วมขังเกือบตลอดเส้นทาง สูงประมาณ 50-80 ซม.
ขณะที่โรงพยาบาลสุโขทัย โรงพยาบาลรวมแพทย์ และสถานศึกษาหลายแห่ง ที่ตั้งอยู่บนถนนสายนี้ อาทิเช่น โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม วิทยาลัยนาฎศิลป์ วิทยาลัยสารพัดช่าง และ วิทยาลัยเทคนิคสุโขทัย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบประจำภาค ไม่สามารถปิดเรียนได้ ทางจังหวัดตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องนำรถบรรทุกขนาดใหญ่ ออกให้บริการรับ-ส่งประชาชน นักเรียน และนักศึกษา ตลอดเส้นทาง เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมขังบนถนนค่อนข้างสูง บางจุดเกือบ 1 เมตร รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า เมื่อเวลา 02.00น. ของวันที่ 5 ต.ค. ระดับน้ำในแม่น้ำยม ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรง ได้กระแทกแนวคันดินและกระสอบทรายเลียบแม่น้ำยม ที่ทาง อบต.ปากแคว นำมาวางเสริมแนวผนังกั้นน้ำ บริเวณบ้านวังหิน หมู่ 1 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย จนพัง และกัดเซาะถนนคอนกรีตเลียบแม่น้ำยมจนขาดเป็นระยะทางยาวเกือบ 30 เมตร ไม่สามารถใช้การได้ ส่งผลทำให้น้ำจากแม่น้ำยม ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรกว่า 300 หลังคาเรือน และพื้นที่การเกษตรกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไร่ยาสูบเสียหายยับ
นายชาติชาย สงวนพงษ์ นายอำเภอเมือง พร้อมด้วยนายบุญเสริม เชยวัดเกาะ นายกฯอบต.ปากแคว ระดมชาวบ้านกว่า 100 คน ช่วยกันตอกเสาไม้ยูคากั้นเป็นแนวบริเวณจุดที่ถนนเลียบแม่น้ำยมขาดทั้งสองฝั่ง ก่อนที่จะนำกระสอบทรายอุดลงไปอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้กระแสน้ำไหลกัดเซาะถนนจนพังเป็นแนวกว้างเพิ่มมากขึ้น และเสียหายไปมากกว่านี้
นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผวจ.สุโขทัย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ นับเป็นรอบที่ 10 ของปีนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง เนื่องจาก มีอิทธิพลของลมมรสุมเพิ่มเข้ามาด้วย นอกเหนือ จากปริมาณน้ำในแม่น้ำยม ซึ่งสูงเพิ่มขึ้นทุกวันอยู่แล้ว จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนที่มีบ้านเรือน อยู่ติดกับแม่น้ำยม โดยเฉพาะ อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และ อ.เมือง ขอให้เตรียมรับมือกับสภาวะน้ำป่าไหลหลาก และ น้ำท่วมฉับพลัน สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่จุดวัดน้ำ หน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด ถ.นิกรเกษม ต.ธานี อ.เมือง วันนี้วัดได้ 7.00 เมตร.
 

สรุปสถานการณ์น้ำท่วม (6 ต.ค.2554)



น้ำท่วมเรือนจำอยุธยา สูง 2 ม. “ราชทัณฑ์” เตรียมสั่งอพยพนักโทษ

สถานการณ์น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุด น้ำทะลักท่วมเรือนจำจังหวัด และเรือนจำกลาง ต.หันตรา อ.เมืองพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำท่วมสูง 2 เมตร เจ้าหน้าที่เตรียมอพยพนักโทษ ประมาณ 5,000 คน ไปยังพื้นที่ปลอดภัย

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังขาดแคลนเรือ และขาดกำลังพลในการเคลื่อนย้ายนักโทษ เร่งประสานขอเครื่องมือและกำลังพลในการเคลื่อนย้ายนักโทษแล้ว

ถนนสายเอเชียมุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ น้ำล้นทะลักท่วมพื้นถนน ส่งผลให้การจราจรเป็นอัมพาต


“สมิทธ” พยากรณ์ สิ้นเดือน ต.ค. น้ำลดลง

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดเวลานี้ เป็นไปตามที่เคยได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ซึ่งในส่วนของภาคเหนือจะค่อยๆ คลี่คลาย เพราะว่าอิทธิพลของมรสุมจะลดน้อยลงภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ แต่ในส่วนของภาคกลาง การระบายน้ำลงทะเล ยังค่อนข้างลำบาก เพราะช่วงปลายเดือนนี้ น้ำทะเลจะกลับมาหนุนสูงอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ ยังมีการคาดหมายว่า จะมีพายุเข้ามาอีก 1-2 ลูก ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ แต่จะเข้าที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยเหมือนกับ ที่เข้าสงขลา เมื่อปีก่อน และจะทำให้มีฝนตกหนัก และอาจจะท่วมภาคใต้ได้อีก ในช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือนนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ส่วนอีกฝั่งต้องระวังสึนามิด้วย

น้ำท่วมทะลัก พังแนวป้องกันน้ำ “ชุมชนวัดไทร”

น้ำได้บ่าทะลักเข้าท่วมชุมชนวัดไทร จ.นครสวรรค์ โดยที่ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว แนวป้องกันน้ำถูกน้ำเซาะพังตอนตี 2 วันนี้ ไม่มีใครขนของได้ทัน นายจิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์นำเจ้าหน้าที่เทศบาลเข้าไปซ่อมพนังกั้นน้ำ โดยมีชาวบ้านเข้ามาช่วยบริเวณน้ำท่วมอยู่แล้ว เนื่องจาก 2 วันก่อนพนังกั้นน้ำได้พังลงมาเป็นบริเวณกว้าง แม้จะซ่อมแซมได้แล้ว แต่ยังระบายน้ำออกไม่หมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ จึงทำให้ระดับน้ำที่ท่วมชุมชนสูงขึ้นอีก ขณะนี้เทศบาลกำลังนำดินและหินคลุกเข้ามาเสริมให้พนังกั้นน้ำสูงขึ้นถึง 2 เมตรครึ่ง

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำหลายครั้ง ทำให้ทางเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ต้องเฝ้าระวังพนังกั้นน้ำทุกจุด เนื่องจากยังมีน้ำเหนือปริมาณมากที่ไหลลงมาต่อเนื่อง

จราจร แจ้งเลี่ยงใช้เส้นทาง ถนนวิภาวดีรังสิต

นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากปริมาณฝนตกหนักเมื่อคืน ถึง 126 มิลลิเมตร ในพื้นที่หลักสี่ ทำให้น้ำท่วม โดยท่วม 14 จุด ซึ่งระบายหมดแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขังบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ เนื่องจากเครื่องระบายน้ำที่บางเขนเสีย 2 เครื่อง โดยเร่งเปลี่ยนเครื่องใหม่ คาดว่าใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงระบายน้ำหมด

ส่วนการจราจร พล.ต.อ.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ให้เลี่ยงใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต แต่ให้ใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ และถนนกําแพงเพชร 6 (โลคัลโรด) หรือเลี่ยงไปใช้ถนนพหลโยธิน เนื่องจากรถเริ่มติดขัดบริเวณแยกหลักสี่ และบนถนนวิภาวดีมีรถจอดเสียจำนวนมาก

ธปท. สั่งเลื่อนชำระสินเชื่อ มาตราการช่วยผู้ประสบภัย


นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า ธปท.สั่งธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลายความเข้มงวดในการดูแลสินเชื่อ และการผ่อนชำระหนี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วม ซึ่ง ธปท.พร้อมผ่อนคลายเกณฑ์ในการกำกับดูแลสถาบันการเงิน เพื่อสามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากขึ้น โดยศึกษาต่อไปว่า เกณฑ์ใดของ ธปท.ที่จะสามารถผ่อนคลายให้ธนาคารพาณิชย์ได้

ทั้งนี้ จากการประเมินสภาพความเสียหายต่อเศรษฐกิจ จากสถานการณ์น้ำท่วม พบว่า มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นระดับความเสียหายที่ต่ำกว่าสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2553 โดยมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 20,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีแรก สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ขยายตัวมากกว่าร้อยละ 10 ส่วนในปี 2555 คาดการณ์ว่า สินเชื่อจะลดลง เพราะเป็นเรื่องปกติ ที่อัตราการขยายตัวสินเชื่อสอดคล้องกับการขยายตัวเศรษฐกิจโดยรวม

ลำปาง-อ.พริกยังอ่วม! บ้านกว่าพันหลังจมน้ำ




ลำปาง-อ.พริกยังอ่วม! บ้านกว่าพันหลังจมน้ำ

น้ำวังที่ไหลเชี่ยวกรากส่งผลทำกระสอบทรายพัง และน้ำวังเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอีก 2 หมู่บ้าน มีน้ำท่วมเพิ่มอีก 300 หลัง รวมน้ำท่วมที่ อ.แม่พริก แล้ว 1,400 หลัง สูง 1.50 เมตร และขณะนี้ทรายที่จะนำมาใช้บรรจุทำกระสอบทรายขาดแคลนอย่างหนัก

เวลา 09.30 น.(6 ต.ค) สถานการณ์ น้ำท่วมที่ อ.แม่พริก จ.ลำปาง ยังอยู่ในขั้นวิกฤตอีก หลังน้ำวังที่ไหลเฉี่ยวกรากไหลทะลัก เข้าท่วมในพื้นที่ ต.แม่พริก ต.แม่ปุ ต.พระบาทวังตวง จากเดิมวานนี้(5 ต.ค) น้ำวังได้ท่วมทะลักมีพื้นที่ 3 ตำบล ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชน จำนวน 1,100 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วม ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า น้ำวังที่ไหลเฉี่ยวกรากนั้น ทำกระสอบทรายที่ชาวบ้านได้ นำมากั้นทางน้ำวังได้พังทลายลง จากนั้นไหลทะลักเข้าท่วมบ้านท่าด่าน และบ้านแม่เชียงรายลุ่ม ต.แม่พริก จ.ลำปาง ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมเพิ่มขึ้นอีก 300 หลัง น้ำวังสูงกว่า 1.50 เมตร ส่วนใน อ.แม่พริก ขณะนี้มีบ้านเรือนจำนวน มากกว่า 1,400 หลังคาเรือนเสียหายจากการถูกน้ำวังเข้าท่วม

ด้านนายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผู้ว่าราชการ จ.ลำปาง นำถุงยังชีพออกแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่บ้านวังผา หมู่ที่ 5 ตำบลแม่ปุ อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง

ส่วน นายสุรพล บุรินทราพันธ์ นายอำเภอแม่พริก จ.ลำปาง เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.แม่พริกถือว่ายังคงวิกฤต และหนักมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ขณะที่ทรายที่จะนำมาใช้บรรจุทรายเพื่อทำกระสอบทรายตอนนี้ถือว่าเริ่มขาดแคลนอย่างหนัก

ส่วนที่ รร.บ้านต้นธงก็ถูกน้ำท่วม และทางโรงเรียนก็ได้ประกาศหยุดเรียนต่อไปอีก 2 วันคาดว่า หากน้ำลดลง วันจันทร์ที่ 9 ต.คนี้ อาจจะได้เปิดการเรียนการสอนให้กับเด็กนักเรียนได้ตามปกติแต่ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง

ดร. สมิทธ เตือนภาคใต้ระวังพายุ1-2 ลูก (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เผย สถานการณ์น้ำทางเหนือ เบาใจได้ ภายในเดือนนี้จะคลี่คลาย
แต่ภาคกลาง ยังน่าห่วง ใต้ อันตราย มีพายุเข้าอีก

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยกับ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดเวลานี้ เป็นไปตามที่เคยได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ซึ่งในส่วนของภาคเหนือจะค่อย ๆ คลี่คลาย เพราะว่าอิทธิพลของมรสุมจะลดน้อยลงภายในสิ้นเดือนตุลาคม นี้ แต่ในส่วนของภาคกลาง การระบายน้ำลงทะเล ยังค่อนข้างลำบาก เพราะช่วงปลายเดือนนี้ น้ำทะเลจะกลับมาหนุนสูงอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ ยังมีการคาดหมายว่า จะมีพายุเข้ามาอีก 1-2 ลูก ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ แต่จะเข้าที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยเหมือนกับที่เข้าสงขลา เมื่อปีก่อน และจะทำให้มีฝนตกหนัก และอาจจะท่วมภาคใต้ได้อีก ในช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือนนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ส่วนอีกฝั่งต้องระวังสึนามิด้วย

ทีมสัตว์แพทย์เปิดสายด่วน1362ย้ายสัตว์ป่าถูกน้ำท่วมฟรี

6 ตค. 2554 11:03 น.

รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริการ ชันซื่อ จากชมรมสัตว์แพทย์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในสภาวะที่เกิดอุทกภัยหนักในหลายจังหวัดของประเทศ ส่งผลให้สัตว์ป่าที่ประชาชนหรือเจ้าของฟาร์มเลี้ยง เริ่มมีปัญหาระดับน้ำเอ่อเข้าท่วมฟาร์มหรือกรงเลี้ยงสัตว์ป่า ถ้าเจ้าของดูแล หรือจัดการไม่ถูกวิธีสัตว์ป่าอาจสำลักน้ำ ติดเชื้อ หรือถึงตาย ได้ ในช่วงนี้ ชมรมสัตว์แพทย์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย จึงเปิดสายด่วน หมายเลข 1362 เพื่อรับแจ้งและให้บริการเจ้าของหรือผู้เลี้ยง ผู้ครอบครองสัตว์ป่า ถ้าต้องการความช่วยเหลือแจ้งได้ 24 ชั่วโมง และแนะนำว่าถ้าน้ำท่วมสูงก่อนถึงกรงเลี้ยง 10 เซนติเมตร ควรเริ่มแจ้งอาสาสมัครของชมรมเข้าดำเนินการเคลื่อนย้ายสัตว์ได้แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ต้องเตรียมตัว เครื่องมือ และอุปกรณ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การสวนสัตว์ทุกแห่ง
นายสัตว์แพทย์ ดร.มาโนชญ์ ยินดี ผู้ช่วยคณบดี คณะสัตว์แพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายสัตว์ป่าหนีน้ำท่วม จะทำได้ยากกว่าสัตว์เลี้ยงอื่นๆมาก เนื่องด้วยสัญชาติญาณของสัตว์ป่า ส่วนใหญ่ ก่อนเคลื่อนย้าย จะต้องทำให้สัตว์ป่าสลบ และเร่งลงมือเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ถ้าผู้ดำเนินการไม่มีความชำนาญ อาจทำให้สัตว์ติดเชื้อ หรือตายได้
สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.อุทัยธานี ระดับน้ำช่วงคืนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ระดับน้ำท่วมในเขตตัวเมืองอุทัยธานี(เขตเทศาบเมืองอุทัยธานี) 2-3 เมตร ส่วนในเขตตำบลรออบนอกยังท่วมวิกฤต ระดับน้ำสูง 3-6 เมตร ทีมสัตว์แพทย์เปิดสายด่วน1362ย้ายสัตว์ป่าถูกน้ำท่วมฟรี

6 ตค. 2554 11:03 น.

รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริการ ชันซื่อ จากชมรมสัตว์แพทย์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในสภาวะที่เกิดอุทกภัยหนักในหลายจังหวัดของประเทศ ส่งผลให้สัตว์ป่าที่ประชาชนหรือเจ้าของฟาร์มเลี้ยง เริ่มมีปัญหาระดับน้ำเอ่อเข้าท่วมฟาร์มหรือกรงเลี้ยงสัตว์ป่า ถ้าเจ้าของดูแล หรือจัดการไม่ถูกวิธีสัตว์ป่าอาจสำลักน้ำ ติดเชื้อ หรือถึงตาย ได้ ในช่วงนี้ ชมรมสัตว์แพทย์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย จึงเปิดสายด่วน หมายเลข 1362 เพื่อรับแจ้งและให้บริการเจ้าของหรือผู้เลี้ยง ผู้ครอบครองสัตว์ป่า ถ้าต้องการความช่วยเหลือแจ้งได้ 24 ชั่วโมง และแนะนำว่าถ้าน้ำท่วมสูงก่อนถึงกรงเลี้ยง 10 เซนติเมตร ควรเริ่มแจ้งอาสาสมัครของชมรมเข้าดำเนินการเคลื่อนย้ายสัตว์ได้แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ต้องเตรียมตัว เครื่องมือ และอุปกรณ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การสวนสัตว์ทุกแห่ง
นายสัตว์แพทย์ ดร.มาโนชญ์ ยินดี ผู้ช่วยคณบดี คณะสัตว์แพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายสัตว์ป่าหนีน้ำท่วม จะทำได้ยากกว่าสัตว์เลี้ยงอื่นๆมาก เนื่องด้วยสัญชาติญาณของสัตว์ป่า ส่วนใหญ่ ก่อนเคลื่อนย้าย จะต้องทำให้สัตว์ป่าสลบ และเร่งลงมือเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ถ้าผู้ดำเนินการไม่มีความชำนาญ อาจทำให้สัตว์ติดเชื้อ หรือตายได้
สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.อุทัยธานี ระดับน้ำช่วงคืนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ระดับน้ำท่วมในเขตตัวเมืองอุทัยธานี(เขตเทศาบเมืองอุทัยธานี) 2-3 เมตร ส่วนในเขตตำบลรออบนอกยังท่วมวิกฤต ระดับน้ำสูง 3-6 เมตร

นิคมโรจนะสั่งหยุดโรงงานชั่วคราว เร่งอุดรอยรั่วหลังน้ำทะลักเข้า ด้านถนนสายเอเซียช่วงบางปะหัน-อ่างทองจม แนะเลี่ยงใช้สายสุพรรณฯแทน


เมื่อวันที่ 6 ต.ค. เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ สั่งโรงงานหยุดดำเนินกิจการแล้ว โดยโรงงานในเขตได้สั่งพนักงานให้เดินทางกลับบ้าน โดยทยอยนำรถบัสมารับพนักงานกลับ พร้อมเร่งนำกระสอบทรายและผ้าพลาสติกมากั้นน้ำบริเวณรอบรั้วโรงงาน
พนักงานบริษัทไพโอเนียร์ แมนูแฟคเจอริ่ง กล่าวว่า ทางบริษัทแจ้งให้พนักงานกลับบ้าน โดยเป็นการแจ้งแบบวันต่อวัน โดยส่วนตัวแล้วกังวลไม่รู้ว่าจะได้กลับมาทำงานเมื่อไหร่ และจะได้เงินเดือนเหมือนเดิมหรือไม่

ด้านพนักงานรักษาความปลอดภัยบริษัทฮัตท์ เมทอลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทแจ้งให้พนักงานหยุดงาน 3 วัน โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ขนของ เช่น ผลผลิต อุปกรณ์ต่างๆ ออกไปจากโรงงานบ้างแล้ว แต่เครื่องจักรคงขนย้ายไม่ทัน ซึ่งโรงงานไม่มีแผนในเรื่องนี้มาก่อน และวันนี้เพิ่งเป็นวันแรกที่ประกาศให้หยุดงาน

สำหรับโรงงานในเขตประกอบการโรจนะมีทั้งหมด 198 โรง พื้นที่ 3,675 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวม 5.8 หมื่นล้านบาท และมีแรงงานทั้งหมด 9 หมื่นคน โดยเขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะได้ดำเนินการเสริมคันดินให้สูงขึ้นจากเดิมที่สูง 5.10 เมตร เป็น 6.50 เมตร เป็นระยะทาง 66 กิโลเมตร

ทั้งนี้มีรายงานว่าน้ำจากอ.บางปะหันได้ทะลักคันกั้นบางส่วนเข้าท่วมในเขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะแล้ว โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งซ่อมแซมเพื่ออุดรอยรั่วดังกล่าว

เสริมคันดินสูง 5 เมตรป้องน้ำท่วม

น.ส.ลักขณา เมี้ยนกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมประชุมกับผู้ประกอบการในนิคมฯกว่า 90 รายว่า ให้ผู้ประกอบการเตรียมการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าน้ำจะไหลเข้ามาภายในนิคมฯ โดยให้ผู้ประกอบการทำแผนเตรียมความพร้อมภายในโรงงาน เช่น สำรองข้อมูล เคลื่อนย้ายสิ่งของที่จำเป็นออกไปไว้ที่อื่น เป็นต้น โดยในวันพรุ่งนี้จะเชิญผู้ประกอบการมาร่วมทำแผนป้องกันภัยร่วมกัน

ทั้งนี้ ในส่วนของนิคมได้ดำเนินการเสริมคันดินเพิ่มขึ้นอีก 1 เมตร จากเดิมที่มีคันดินสูงอยู่แล้ว 4 เมตร รอบนิคมฯ โดยนิคมฯจัดระดับการเตือนภัยไว้ที่ระดับ2 คือ เตรียมการ จาก 5 ระดับ เพื่อความไม่ประมาท เนื่องจากนิคมฯไม่มีประสบการณ์น้ำท่วมมาก่อน จึงไม่มีแผนรองรับไว้

สำหรับโรงงานในนิคมฯมีจำนวน 90 โรงงาน แรงงานรวม 6 หมื่นคน มูลค่าการลงทุน 6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ประกอบการ 50% เป็นนักลงทุนไทย ที่เหลือเป็นญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา

นิคมฯสหรัตนนครน้ำท่วมเสียหาย 2.84หมื่นล้านบาท

สรุปรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นในนิคมฯสหรัตนนคร รวมทั้งสิ้น 2.84 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายจากคำสั่งซื้อ สูญเสียรายได้ 2.45 หมื่นล้านบาท ความเสียหายของอาคารโรงงาน และเครื่องจักร 1,960 ล้านบาท เสียหายจากวัตถุดิบ 490 ล้านบาท แรงงานขาดรายได้ระยะเวลา 3 เดือน 360 ล้านบาท เสียหายจากบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น หอพัก รถรับส่งคนงาน 150 ล้านบาท

ถนนสายเอเชียบางปะหัน-อ่างทองอัมพาต

ขณะเดียวกันน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วม ถนนสายเอเชีย ช่วงบางปะหัน-อ่างทอง ทำให้รถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตรทั้งขาเข้าและออก

ต่อมา พ.ต.อ.ชูเดช กองกันภัย รองผบก.ภ.จว.อ่างทอง ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยวีอาร์จังหวัดอ่างทอง เข้าปิดการจราจรขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงต่างระดับอ่างทอง หลัก กม.ที่ 51-52 ต.บ้านอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทอง เนื่องจากเกรงว่าหากมุ่งหน้าไปตามถนนสายเอเชียตามเส้นทางปกติซึ่งมีปัญหาสะสมของการจราจรอยู่แล้ว จึงทำการปิดการจราจรเส้นดังกล่าวทำการปัดรถที่จะมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานครเข้าตัวจังหวัดอ่างทองให้รถวิ่งผ่านแยกไฟแดงที่ดิน มุ่งหน้าอ.วิเศษชัยชาญแล้วเข้าไปยังจังหวัดสุพรรณบุรีที่ยังไม่มีน้ำท่วมจากนั้นให้วิ่งสายกรุงเทพสุพรรณบุรี ออกบางบัวทอง ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่สะดวกมากกว่า

ด้านการจราจรเข้าเมืองอยุธยาก็เกิดปัญหาติดขัดอย่างหนักเนื่องจากถนนสายหลักที่มุ่งหน้าเข้าเมืองสามารถใช้การได้เพียงฝั่งขาเข้าเพียง 4 ช่องจราจร เนื่องจากถนนฝั่งขาออกได้ถูกน้ำจากแม่น้ำลพบุรีเอ่อเข้าท่วมทั้งหมดแล้ว








สภาพน้ำท่วมบนถนนในเขตอยุธยา

บขส.เปิดให้บริการสายเหนือเฉพาะรถด่วน99

06 ตุลาคม 2554 เวลา 18:46 น.


บขส.ประกาศเปิดเดินรถไปภาคเหนือเฉพาะรถด่วน99 แต่เลี่ยงใช้เส้นทางบางบัวทอง-สุพรรณบุรีแทน


นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง (บขส.) กล่าวว่า หลังจากที่ บขส. ได้แจ้งปิดการให้บริการรถโดยสารสายเหนือชั่วคราวเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดน้ำท่วมบริเวณถนนสายเอเชียช่วงอยุธยานั้น ล่าสุด บขส.ได้ ตัดสินใจเปิดให้บริการเดินรถโดยสารแล้ว โดยจะให้บริการเฉพาะรถด่วน99 เส้นทางไปสู่ภาคเหนือตามปกติแล้ว แต่จะไม่ใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย เนื่องจากมีปัญหาน้ำท่วมสูง และเลี่ยงไปเดินรถในเส้นทางสายบางบัวทอง – สุพรรณบุรี – อ่างทอง แทน
ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการเดินทางในระยะนี้ โดยหากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง
 

ผวา!ดินแยกลำปางยาวกว่า 1 ก.ม.

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 20:38 น.





ชาวอำเภองาว จ.ลำปาง ผวา รอยดินแยก ยาวกว่า 1 กิโลเมตร อุ้มรับน้ำจำนวนมาก ทางการเตรียมแผนอพยพประชาชนแล้ว

หลังจากช่วงต้นเดือน ต.ค. 54 ที่ผ่านมา พื้นที่ จ.ลำปาง รับผลพวงจากอิทธิพลของพายุเนสาดอย่างหนัก ซึ่งล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายวิทยา ชัยคำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาแก อ.งาว จ.ลำปาง ว่า ได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านไปพบรอยดินแยกบนภูเขา บนดอยบ้านแม่ฮ้าง ฝั่งตะวันตก หมู่ที่ 6 ต.นาแก จากนั้นตนเองจึงพาผู้สื่อข่าวขึ้นไปสำรวจ จนต้องตกตะลึง เพราะไปพบรอยดินแยก ซึ่งเป็นรอยเพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ ที่ยังมีดินอุ้มน้ำไว้อยู่จำนวนมาก ส่วนรอยแยกมีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร โดยบางจุดกว้าง 30-40 เซนติเมตร หลังจากที่ใช้ไม้ลองแทงลงไปในรอยดินแยก พบว่ามีความลึกถึง 3 เมตร อย่างไรก็ตามชาวบ้านในหมู่บ้านสันติสุขแห่งนี้ มีพื้นที่หมู่บ้านติดภูเขาดอยแม่ฮ้าง ส่วนขณะนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านที่มีอยู่กว่า 80 หลังคาเรือน ซึ่งมีประชาชนกว่า 200 คน เกิดความผวากันทั้งหมู่บ้าน หวั่นดินถล่มลงมาตลอดเวลา ขณะ อบต.นาแก ได้เตรียมแผนอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว หากพายุลูกใหม่ ทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่อีก