น้ำท่วมกระทบหนัก! จับตา

"เนื้อหมู" โลละ130 บาท

14 November 2011, 19:00

ผู้ดีผวา! แมงมุมพิษ"หลังแดง"

แดนออสซี่

บินข้ามโลกโผล่อังกฤษ

14 November 2011, 15:40

แม่อุ๊ยวัย 80 ดับเซ่นอากาศหนาว

ดอยอินทนนท์ต่ำสุด6องศา

ในหลวง ทรงทอดพระเนตรแม่น้ำเจ้าพระยา

ขอขอบคุณ เเละ ขออนุโมทนาบุญ ผู้ลงข้อมูล ค่ะ  http://board.palungjit.com/f36/ในหลวง-ทรงทอดพระเนตรแม่น้ำเจ้าพระยา-314044.html

เจ้าคุณนักสู้น้ำแห่งกรุงศรีฯเอาอยู่ด้วย..."พลังศรัทธา ปัญญา และ สามัคคี

• 
  
  เจ้าคุณนักสู้น้ำแห่งกรุงศรีฯเอาอยู่ด้วย..."พลังศรัทธา ปัญญา และ สามัคคี" : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
  
  
  "เอาอยู่" เป็นคำฮิตติดปากในสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งเป็นคำที่มาจากจากถ้อยแถลงของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ออกมายืนยันกับประชาชนอยู่ตลอดว่า "สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ รัฐบาลเอาอยู่ ประชาชนโปรดไว้วางใจ" แต่ดูเหมือนว่าพื้นที่ไหนที่ถูกประกาศว่า "เอาอยู่" กลับต้องอพยพกันเกือบทุกแห่งแม้กระทั่งที่ ศปภ.แห่งแรกที่ดอนเมืองก็ไม่เว้น
  
  แม้จะมีการระบุว่า วัดในอ.พระนครศรีอยุธยาจะถูก น้ำท่วม ๑๐๐% ก็ตาม แต่มีวัดแห่งเดียว “เอาอยู่” ที่สำคัญ คือ “เอาอยู่ด้วยพลัง ศรัทธา ปัญญา และ สามัคคี ของเจ้าคุณ และพระเณร” วัดดังกล่าว คือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งตั้งอยู่จุดบรรจบของแม่น้ำป่าสักและเจ้าพระยา
  
  “อาตมาตั้งใจสู่มาตั้งแต่ต้น ต้องสู้ให้ถึงที่สุด เพราะตั้งใจทำไปแล้วต้องเอาให้อยู่ พังไม่ได้ ในปีนี้วัดใช้เงินไปกว่า ๑๐ ล้านบาท เพื่อป้องกันน้ำท่วม มีพระเณรในวัด ๑๐๐ รูป คนงานในวัดประมาณ ๘๐ คน และตชด.อีกส่วนหนึ่งมาช่วยกรอกทราย โดยทำกันทุกวัน บางวันทำตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยทำแนวสูงเพิ่มขึ้นครั้งละ ๓๐ ซม. ทำไปทำมาสูงกว่า ๓ เมตร”
  
  นี่เป็นคำยืนยันอย่างมุ่งมั่นของ พระเทพรัตนากร หรือ "เจ้าคุณแวว" เจ้าคณะจังหวัดอยุธาและเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง แม้ว่าจะมีมวลน้ำมหาศาลไหลผ่านหน้าวัดตลอด ๒๔ ชั่วโมง นานนับเดือน แต่เจ้าคุณก็เอาอยู่จริงๆ
  
  เจ้าคุณแวว บอกว่า วัดพนัญเชิง ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ.๒๕๕๓) วัดที่อื่นๆ ในอยุธยาไม่ท่วม แต่ที่วัดพนัญเชิงน้ำสูงกว่าแนวคันดินเกือบ ๒ เมตร ทางวัดต้องใช้เงินกว่า ๓ ล้านบาท เพื่อสร้างคันป้องกันน้ำท่วม มาปีนี้ช่วงที่น้ำท่วมหนักๆ ทั้งทรายและกระสอบเป็นเรื่องที่หายากมาก ชนิดที่เรียกว่ามีเงินเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้ แต่ด้วยการเตรียมพร้อมและวางแผนไว้ล่วงหน้า เมื่อบ่อทรายในอยุธยาจมน้ำทั้งหมดทางวัดได้สั่งทรายมาจาก จ.ราชบุรี ๑๐๐ คันรถพ่วง รวมกับทรายจากในอยุธยาเองประมาณอีก ๓๐๐ คัน ใช้เงินไปประมาณ ๑.๔ ล้านบาท ใช้กระสอบกว่า ๗ แสน ใบ
  
  นอกจากนี้แล้วสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ เทคนิคและวิธีการสร้างแนวป้องกันน้ำ ทรายทุกกระสอบทั้ง ๗ แสนใบ พระเณรในวัดจะเป็นคนเรียงเท่านั้น จะพังหรือจะอยู่ข้นอยู่กับวิธีวางกระสอบทรายด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องระวังคนพอๆ กับระวังน้ำด้วย เพราะมีคนจำพวกหนึ่งที่มีความคิดว่า “กูถูกน้ำท่วมมึงก็ต้องท่วมเหมือนกู” เพียงแค่ดึงกระสอบ ๒-๓ ใบ อาจจะทำให้พังทั้งแนว ต้องให้คนเฝ้าตลอด ๒๔ ชั่วโมงเลยทีเดียว
  
  เมื่อถามถึงเรื่องการบนบานศาลกล่าว เจ้าคุณแวว บอกว่า น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ได้บนขอบารมีหลวงพ่อโตว่าอย่าให้ท่วม อย่างให้พัง หากน้ำไม่ท่วมครั้งนี้จะแก้บนด้วยแตงโม ๓๒ ลูก ซึ่งที่ผ่านมาบนด้วยแตงโมงก็สำเร็จมาทุกครั้ง โดยคำแนะนำของหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง อ.หนอวัวซอ จ.อุดรธานี ท่านเคยมาที่วัดและแนะนำว่า “หากจะบนขออะไรกับหลวงพ่อโต ต้องบนด้วยการถวายแตงโมงถึงจะประสบผลสำเร็จ” และที่ผ่านเคยบนถวายแตงโมงหลวงพ่อโตหลายครั้งก็ประสบผลสำเร็จ และเคยบนถวายแตงโมงมากถึง ๑๐๘ ลูก ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน
  
  อย่างไรก็ตาม เมื่อวัดพนัญเชิงสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ก็มีเสียงพูดทั้งจากพระและจากชาวบ้านว่า “ก็วัดมีเงินนะสิถึงเอาชนะน้ำท่วมได้” ทั้งนี้เจ้าคุณแวดพูดไว้อย่างน่าคิดว่า “การมีเงินไม่สำคัญเท่ากับ การมีศรัทธา ปัญญา และสามัคคี นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้านแสนล้าน มีรายได้มากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า แต่ก็เอาไม่อยู่เพราะขาด ศรัทธา ปัญญา และสามัคคี คนเราถ้ามีใจสู้บวกกับพลังแห่งความสามัคคี ย่อมเอาชนะและฟันฝ่าอุปสรรคได้เสมอ ๑๐ ล้านบาทที่ลงไปเกินคุ้ม เพราะอย่างไรก็ดีกว่าแก้ไข เมื่อป้องกันน้ำได้ก็ไม่ต้องแก้ไขความเสียหายอื่นๆ ที่จะตามมา ทั้งนี้หลายคนอาจะมองว่าอาตมาป้องกันวัดเพื่อตัวเอง แต่ความจริงแล้วการรักษาวัด เท่ากับรักษาพระศาสนา วัดพนัญเชิงเป็นของคนอยุธยา เป็นของพุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ เมื่อเป็นเจ้าอาวาสต้องป้องกันให้ถึงที่สุดก็เท่านั้น”
  
  ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวนั้น เจ้าคุณแวว บอกว่า ต้องสร้างเขื่อนสูงเท่ากับระดับแนวน้ำท่วมในปีนี้ คากว่าต้องใช้งบประมาณ ๓๕ ล้านบาท โดยจะลงมือทันทีเมื่อน้ำลด ทั้งนี้เมื่อครั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มาที่วัดก็รับปากว่าจะหางบประมาณมาสนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ และล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็รับปากเช่นเดียวกัน ซึ่งจุดที่นายกฯ ทั้ง ๒ คนนั่งรับปากนั้นเป็นจุดเดียวกัน และเป็นนายกฯเหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วคงไม่รอความช่วยเหลือจากนายกฯ แนวกันน้ำที่จะเกิดขึ้งต้องอาศัยบารมีของหลวงพ่อโตและศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
  
  ในขณะที่พระมหาชำนาญ ปริสุทโธ พระเลขาเจ้าคุณแวว บอกว่า ท่านเจ้าคุณแววท่านจtออกมาตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง คือ เช้าและเย็น แต่ถ้าเป็นในช่วงน้ำขึ้นอย่างต่อเนื่องท่านจะเดินดูแนวป้องกันไปจนถึงเที่ยงคืน เป็นอยู่เช่นนี้นานนับเดือน ท่านเพิ่งจะหยุดเมื่อน้ำเริ่มทรงตัว และเริ่มลดลง ท่านจะออกมาให้กำลังใจพระเณรลูกวัดเสมอๆ ว่า “เราต้องสู้ต่อ เมื่อเราเริ่มสู้มาแล้วได้เกือบครึ่งทาง อดทนสามัคคีอย่างไรก็ชนะ เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด ทรายเรามี กระสอบเรามี คนเรามี เรามีความพร้อมทุกด้านเราต้องสู้ให้ชนะ ถ้าน้ำท่วมวัดพระเณรก็อยู่ไม่ได้ ส่วนความเสียหายไม่ต้องพูดถึง”
  
  น้ำแห้งน้ำใจไม่แห้ง
  
  
  วันนี้สภาพน้ำท่วมของ จ.พระนครศรีอยุธยา จะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ภาพความช่วยเหลือหลังน้ำท่วมของกลุ่มจิตอาสาต่างๆ มีให้เห็นอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะการทำความสะอาดวัดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหาย โดยเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง ได้มีกลุ่มจิตอาสาได้เข้าไปช่วยทำความสะอาดวัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งถูกน้ำท่วมเกือบ ๑ เมตร
  
  นายเจริญ ปานเฟือง เจ้าของร้านข้าวขาหมูจุฬาฯ ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัดใหญ่ชัยมงคล บอกว่า ในช่วงที่ถูกน้ำท่วมเกือบ ๑ เดือน ได้อาศัยข้าวกล่อง และของแจกจากหน่วยงานต่างๆ เป็นของยังชีพ วันนี้ร้านสามารถเปิดขายได้ตามปกติ จึงชวนแม่ พี่สาวและเพื่อนๆ ทำข้าวขาหมูจุฬาฯ แจกให้เพื่อนบ้าน ผู้ประสบภัย รวมทั้งกลุ่มจิตอาสาจำนวน ๑,๒๐๐ กล่อง เพื่อเป็นการตอบแทนคืน ให้สมกับคำพูดที่ว่า
  
  “วันนี้แม้ว่าอยุธยาน้ำจะเริ่มแห้งแล้ว แต่น้ำใจของคนอยุธยาจะไม่แห้งตามน้ำ เพราะคนไทยเราไม่เคยทิ้งกัน จะอยู่ที่ไหน จังหวัดใด และภูมิภาคใด หากประสบภัยเดือดร้อนความช่วยเหลือก็จะไปถึงที่นั้นเช่นเดียวกับคนอยุธยา”

หวั่นแผ่นดินไหว

รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์

 
ขอขอบคุณ http://board.palungjit.com/f178/หวั่นแผ่นดินไหวรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์-313828.html

“สมิท” เตือนไทยรวมใจแก้ปัญหา หวั่นเกิดแผ่นดินไหวรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ต่อจากมหาอุทกภัย


วันนี้( 11 พ.ย.) นายสมิท ธรรมสโรช คณะกรรมการวางยุทธศาสตร์น้ำ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำเหนือขณะนี้ที่เข้ากรุงเทพมหานครมีกว่า 9 พันล้านลูกบาศก์เมตร หากหน่วยงานต่างๆยังทะเลาะกันอยู่การระบายน้ำออกต้องใช้เวลานานกว่าเดือน รวมทั้งการตัดสินใจไม่มีการรวมศูนย์ต่างฝ่ายต่างทำ ทำให้เกิดมหันตภัยครั้งนี้เพราะความประมาทเกินไปและนำเรื่องน้ำมาเป็นการเมือง ต้องนำบทเรียนครั้งนี้ไปปรับเปลี่ยนแนวคิดและการทำงานของทุกฝ่ายว่าจะต้องร่วมมือเพื่อมองอนาคตของประเทศหากไม่มีแนวทางชัดเจนกรุงเทพมหานครหายไปจากแผนที่โลกแน่ เพราะน้ำท่วมหมดไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า จากน้ำทะเลหนุนสูงเพิ่มขึ้นอีก 1เมตรถึง 1.50 เมตร ดังนั้นจะต้องมีการเตือนภัยระยะไกล การคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนเกิดภัยถึง 3 เดือน ที่ต่างประเทศใช้กันหมดแล้ว ซึ่งจำเป็นที่ประเทศไทยต้องปรับข้อมูลทั้งหมดมารวมกันเป็นข้อมูลกลางให้ได้เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนอุทกภัยครั้งนี้ ทั้งนี้การเตือนภัยพิบัติอื่นทั้งแผ่นดินไหว เป็นสิ่งสำคัญมากที่อาจจะเกิดขึ้นได้ภายในปีสองปีนี้ เพราะรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ได้รับอิทธิพลจากแผ่นดินไหวใหญ่ที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา รวมทั้งพื้นดินใต้ประเทศไทยมีความเสียหายง่าย เพราะถูกน้ำท่วมนาน และน้ำเข้าไปกัดเซาะมาก หากไม่มีการรวมศูนย์ข้อมูลจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่อีกได้.

วงเวียนบางเขนน้ำสูงคาดผลการรื้อบิ๊กแบ็ก

ข่าวสังคม วันอังคารที่ 15 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 10:44 น.

สถานการณ์น้ำล่าสุด วงเวียนบางเขน อยู่ที่ระดับกว่า 70 ซ.ม. ขณะที่ ปชช. บริเวณดังกล่าว เชื่อ เป็นผลมาจากการเปิด บิ๊กแบ็กที่ ดอนเมือง

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด บริเวณวงเวียนหลักสี่ หรือ อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ น้ำทางฝั่งดอนเมือง สะพานใหม่ และรามอินทรา ยังคงไหลเข้าท่วมอย่างต่อเนื่อง และเข้าท่วมพื้นผิวจราจรบริเวณดังกล่าวทั้งหมดแล้ว โดยระดับน้ำในจุดนี้ สูงประมาณ 60 - 70 ซ.ม. รถเล็ก ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ขณะที่ ประชาชนบางส่วน ได้มายืนรอรถอยู่ที่ วงเวียนหลักสี่ เพื่อต่อไปยังเส้นทางอื่นๆ อาทิ ถ.แจ้งวัฒนะ ถ.พหลโยธิน ถ.รามอินทรา เป็นต้น ทั้งนี้ จากการสอบถามประชาชน ที่เดินทางผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำ ระบุว่า วันนี้ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อวานเล็กน้อย โดยเชื่อว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะการเปิดบิ๊กแบ๊ก บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก ในเขตดอนเมือง

   ลำปางหนาวมาก

อุณหภูมิลดลงอีก

ข่าวภูมิภาค วันอังคารที่ 15 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 10:39 น.

สภาพอากาศที่ จ.ลำปาง วันนี้ ยังคงมีอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยอุณหภูมิ เช้าวันนี้ ลดลงต่ำกว่า 16 องศาเซลเซียส
สภาพอากาศที่ จ.ลำปาง วันนี้ ยังคงมีอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยอุณหภูมิเช้าวันนี้ ลดลงต่ำกว่า 16 องศาเซลเซียส ซึ่งลดลงมาจากวานนี้ อีก 1 องศาเซลเซียส ส่งผลให้หลายพื้นที่มีหมอกลงจัด โดยเฉพาะถนนพหลโยธิน สายลำปาง-เชียงใหม่ อ.เมืองลำปาง มีหมอกปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้ผู้ใช้รถ ใช้ถนน ต้องเปิดไฟหน้ารถ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี สามารถมองเห็นในระยะไม่เกิน 100 เมตรเท่านั้น ส่วนประชาชนทั่วไปในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบนยอดดอย มีอุณหภูมิที่หนาวเย็น ทำให้ประชาชน คนชรา และเด็กเล็ก ต้องออกมาผิงไฟ เพื่อคลายความหนาวเย็นกันแล้ว

หลายพื้นที่กทม.น้ำกลับมาเพิ่มสูง

15 พย. 2554 06:30 น.

รายงานสถานการณ์น้ำในวันนี้ (15 พ.ย.54) ระดับน้ำที่คลองบางซื่อลดลง หน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว มีน้ำสูง 30 ซม. พหลโยธิน มุ่ง รัชโยธิน รถเล็กยังผ่านไม่ได้
รัชดาลาดพร้าว ถึง ภาวนา น้ำยังค่อนข้างสูง รถเล็กผ่านไม่ได้ รามอินทรา ถึง คู้บอน น้ำลด

เตือนพื้นที่น้ำลดอย่าเพิ่งไว้วางใจรื้อกระสอบทราย ให้รอจนแน่ใจ ผ่านพ้นเดือนนี้ไปก่อน



วงเวียนบางเขน/แยกเกษตร รถเล็กยังผ่านไม่ได้

15 พย. 2554 08:31 น.

15 พ.ย. รายงานสภาพโดยรอบวงเวียนบางเขน ระดับน้ำลดลงเหลือ 40 ซม. ขณะที่รอบแยกเกษตร ระดับน้ำลดลง 2 ซม. เหลือ 40 ซม. ซึ่งทั้งสองแห่งรถเล็กยังผ่านไม่ได้



น้ำจากแนวบิ๊กแบ็กดอนเมืองยังไม่ถึง5แยกลาดพร้าว

15 พย. 2554 08:41 น.

เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 รายงานสด จากบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ว่า ระดับน้ำลดลงเล็กน้อย ไม่ได้เพิ่มสูงอย่างที่เป็นข่าว ทั้งนี้ น้ำจากแนวบิ๊กแบ็กจากหน้าดอนเมืองยังมาไม่ถึงห้าแยกลาดพร้าวแต่อย่างใด ส่วนถนนวิภาวดีฯช่วงก่อนถึงคลองบางซื่อน้ำยังแห้ง แต่หน้าศาลอาญาบริเวณถนนรัชดาภิเษก น้ำยังสูง



ต่างระดับอรุณฯถึงสะพานอรุณอมรินทร์ยังปิดการจราจร

15 พย. 2554 10:13 น.

15 พ.ย. รายงานสถานการณ์น้ำท่วมถนนอรุณอมรินทร์จากทางลงต่างระดับอรุณฯ ถึงสะพานอรุณอมรินทร์ น้ำท่วมสูง 30-40 ซม. ยังปิดการจราจร , จากแยกอรุณฯ ถึงสะพานพระราม8 น้ำท่วมสูง 20-30 ซม. รถเล็กผ่านได้ลำบาก




หน้าห้างพาต้าระดับน้ำ30ซม.

15 พย. 2554 10:15 น.

15 พ.ย. รายงานสถานการณ์น้ำท่วมถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า จากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถึงแยกอรุณฯ น้ำท่วมสูง 30 ซม. , จากแยกอรุณฯ ถึง แยกบรมฯ ช่วงหน้าห้างพาต้า น้ำท่วมสูง 30 ซม. รถเล็กผ่านได้ลำบาก




จรัญฯ77-91/92/70น้ำสูง70-80 ซม.ยังปิดจราจร


15 พย. 2554 10:28 น.

15 พ.ย. รายงานสถานการณ์น้ำท่วมถนนจรัญสนิทวงศ์ ขาออก ช่วงปากซอยจรัญฯ 77 ถึงซอยจรัญฯ 91 ฝั่งกลับกัน ขาเข้า ช่วงซอยจรัญฯ 92-70 น้ำท่วมสูง 70-80 ซม. ยังปิดการจราจร , จากสะพานพระราม 7 รถเล็กวิ่งได้ถึงปากซอยจรัญฯ92 , จากปากซอยจรัญ 34 ถึงคลองบางกอกน้อย น้ำท่วมสูง 30 ซม. รถผ่านได้ลำบาก เจ้าหน้าที่ยังคงปิดการจราจร



ห้างตั้งฮั่วเส็งถึงต่างระดับสิรินธรยังปิดการจราจร


15 พย. 2554 10:29 น.

15 พ.ย. รายงานสถานการณ์น้ำท่วมสิรินธรจากห้างตั้งฮั่วเส็งถึงต่างระดับสิรินธร น้ำท่วมสูง 50-60 ซม. ยังปิดการจราจร โดยจะเปิดการจราจรให้รถวิ่งเข้ามาได้ถึงจุดกลับรถหน้าห้างตั้งฮั่วเส็งเท่านั้น ขณะที่ สถานการณ์น้ำท่วมถนนราชวิถี จากแยกบางพลัด ถึง สะพานกรุงธน น้ำแห้งเป็นปกติ รถผ่านได้

ภูเขาไฟในคองโกปะทุรุนแรง พ่นลาวาสูง 400 เมตร

ภูเขาไฟในอุทยานของสาธารณรัฐคองโก ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันไม่มีผลกระทบต่อประชาชนและสัตว์ป่า

ภูเขาไฟ ยามูรากิรา(Nyamuragira) ในอุทยานแห่งชาติวิรังกา ทางภาคตะวันออกของสาธารณรัฐคองโก เกิดการปะทุขึ้นอย่างรุนแรง พ่นเถ้าถ่านและลาวา ออกมาจากปล่องภูเขาไฟ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าการปะทุครั้งนี้ถือเป็นการปะทุที่รุนแรงที่สุดในรอบร้อยปี โดยเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ

รอยแยกของภูเขาไฟ มีระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าใหญ่มาก ลาวาที่พุ่งออกมาจากปล่อยสูงประมาณ 400 เมตร เจ้าหน้าที่สามารถจับแรงสั่นสะเทือนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แรงปะทุก็รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน

ด้านเจ้าหน้าที่อุทยานฯและตัวแทนทางการคองโกที่เฝ้าสังเกตการณ์ เปิดเผยว่า การปะทุของภูเขาไฟ ยามูรากิรา จะไม่ส่งผลกระทบและเป็นอันตรายต่อชีวิตประชาชนและสัตว์ป่าอย่างแน่นอน เนื่องจากจุดที่เกิดการปะทุของภูเขาไฟ อยู่นอกเขตที่พักอาศัยของคนและห่างไกลจากที่อยู่ของสัตว์

Produced by VoiceTV
by Sujirat

14 พฤศจิกายน 2554 เวลา 21:17 น.

ชาวบางระกำอพยพหนีน้ำอยู่บนถนนระทมซ้ำเจอหนาว


15 พย. 2554 11:43 น.

เมื่วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ยังมีชาวบ้านที่อพยพมาอาศัยอยู่ที่พักชั่วคราวริมถนน เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมขังและยังคงเดือดร้อนเพราะเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ปริมาณน้ำจะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ
นางสังเวียน ดีอินทร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านวังกุ่ม ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ชาวบ้านผู้อพยพรายหนึ่ง เปิดเผยว่า บ้านพักอาศัยของตนเองถูกน้ำท่วมทั้งหมดตนเอง และครอบครัว จำนวน 6 คน จึงต้องมาอาศัยอยู่ที่พักชั่วคราว ริมถนน สาย พิษณุโลก -บางระกำ มากว่า 4 เดือนแล้ว ถึงแม้ว่าขณะนี้หลายพื้นที่น้ำจะลดลงไปมากแล้วก็ตาม แต่ยังมีอีกหลายสิบหลังคาเรือน ที่ยังคงเผชิญกับน้ำท่วมขังอยู่ ซึ่งตอนนี้ยังคงเดือดร้อน
เนื่องจากเผชิญกับอากาศหนาวซ้ำ เพิงพักชั่วคราวไม่สามารถต้านทานลมหนาวได้ ทำให้เริ่มมีอาการเจ็บป่วย อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำที่ท่วมขังเริ่มลดลงเรื่อยๆ ประกอบกับสภาพอากาศที่แห้ง และไม่มีฝนตกในพื้นที่ คาดว่า อีก 1 สัปดาห์ จะสามารถรื้อถอนเพิงพักชั่วคราว กลับเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านได้ตามปกติ

เตรียมกระสอบทรายแสนลูกกู้บางกรวย

15 พฤศจิกายน 2554 เวลา 16:01 น. |เปิดอ่าน 395 | ความคิดเห็น 0
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

นายกเทศมนตรีเมืองบางกรวยเตรียมกระสอบทรายแสนลูกวางแนวป้องกันหลังน้ำลด พร้อมสูบน้ำออก ขณะที่บางพลัดน้ำลดเฉลี่ย30-40ซม.



นายสุรศักดิ์ วิชินโรจน์จรัล นายกเทศมนตรี เมืองบางกรวย จ.นนทบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำสูงสุดในอ.บางกรวยอยู่ที่ 2.90 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลดลงเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.19 เมตร ซึ่งปัญหาของบางกรวย คือรับน้ำจากหลายด้านทั้งด้านตะวันออกติดแม่น้ำเจ้าพระยา, ด้านเหนือติดคลองบางกรวย ด้านตะวันตกติดกับคลองบางอ้อ ของเขตบางพลัดทำให้มีน้ำเติมเข้ามาตลอดเวลา

"เมื่อระดับน้ำเจ้าพระยาค่อย ๆ ลดลง สำนักงานจะเร่งวางแนวกระสอบทราย ที่ต้องใช้ประมาณ 1 แสนลูก วางแนวป้องกันและเร่งสูบน้ำออกเจ้าพระยา บริเวณเชิงสะพานพระรามเจ็ด ซึ่งขณะนี้มีเครื่องสูบน้ำ 2 ตัว ที่ได้รับการสนับสนุนจากกฟผ."นายสุรศักดิ์กล่าว

สำหรับพื้นที่อ.บางกรวย มีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ 100% รวม 8.4 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากรประมาณ 4 หมื่นคน รวม 1.7 หมื่นครัวเรือน ส่วนกรณีการกู้ถนนเส้น 340 ทำให้มีน้ำเข้ามาเติมที่บางกรวยบ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมลดลง

บางพลัดน้ำลดเฉลี่ย30-40 ซม.

นายสมเกียรติ บวรกิจธำรง สมาชิกสภาเขตบางพลัด กทม. กล่าวว่า สถานการณ์น้ำโดยรวมในเขตบางพลัดลดลงเหลือเฉลี่ยประมาณ 30-40 เซนติเมตร บนถนนจรัญสนิทวงศ์บางช่วง เช่น ตั้งแต่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 77 ถึง 95 ขณะที่ช่วงแห้ง เช่น ตั้งแต่แยกบางพลัดถึงแยกบรมราชชนนี แต่ในซอยบางจุด น้ำอยู่ในระดับ 60-80 เซนติเมตร ซึ่งต้องเฝ้าระวังช่วงน้ำทะเลหนุนจนถึงปลายเดือนนี้ ล่าสุดระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอีกในวันนี้

สธ.เตือนน้ำค้างทุ่งหวั่นไข้เลือดออกระบาด

ข่าวสังคม วันอังคารที่ 15 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 16:07 น.
share
3

ผอ. สำนักโรคโดยแมลง เผย น้ำค้างทุ่งเร่มเน่าเสีย แหล่งเพาะยุง กำจัดได้ยากขึ้น หวั่นไข้เลือดออกระบาด อีเอ็มบอลช่วยได้


น.พ.วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การที่มีปริมาณน้ำค้างทุ่งจำนวนมากในหลายพื้นที่ ทำให้การควบคุมและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงทำได้ยากลำบากมากขึ้น ซึ่งโดยหลักการเบื้องต้นในการกำจัดลูกน้ำยุงลาย คือ ไม่ให้มีน้ำขังนาน ต้องปล่อยให้น้ำไหล อย่าหยุดนิ่ง ร่วมกับการกำจัดขยะ ซึ่งการใช้อีเอ็มในการปรับสภาพน้ำก็สามารถช่วยกำจัดลูกน้ำยุงลายได้เช่นกัน เนื่องจากอีเอ็มมีประสิทธิภาพในการปรับสภาพน้ำ ลดความเป็นกรด - ด่างในน้ำ ทำให้ลูกน้ำยุงลายไม่สามารถอยู่ได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการทำความเข้าใจ ให้ความรู้ประชาชนในการใช้อีเอ็ม เพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นของน้ำที่ท่วมขังนาน พร้อมใช้เพื่อการกำจัดลูกน้ำยุงลายด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายเกิดจำนวนมากจนเป็นปัญหา โดยเฉพาะการกัด และแพร่เชื้อไข้เลือดออก

นอกจากการแนะนำให้ใช้อีเอ็มแก้น้ำเสียพร้อมกำจัดลูกน้ำแล้ว น.พ.วิชัย ยังกล่าวด้วยว่า จะร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยมหิดล วิจัยและพัฒนาผลึกแบคทีเรียกำจัดลูกน้ำ สำหรับใช้กำจัดแหล่งกำเนิดยุงโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิด คือ บีเอส (บาซิลัส สแปลิคัส) และบีทีไอ (บาซิลัส เทอริงเจนเนซิส อิสลาเอเลนซิส) โดยเมื่อลูกน้ำกินผลึกแบคทีเรียเข้าไปจะตายภายใน 24 ชั่วโมง คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเริ่มมีการทกลองใช้ผลึกแบคทีเรียดังกล่าว นำร่องใน 2 พื้นที่ คือ ต.ศาลายา และ ต.ท่าอิฐ

.

ขอบพระคุณพี่อารียาค่ะ

ให้หนูได้ชมภาพในหลวง

ได้ฟังเพลงเพราะๆ จะฟัง

ไปอีกนาน พระเทพทรง

ยิ้ม ตื้นตันใจ  ขอพระคุณ

อีกครั้งค่ะ  พี่สาวที่แสนดี

ข่าวสังคม วันอังคารที่ 15 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 07:20 น. 

สถานการณ์น้ำท่วม ถ.กรุงเทพกรีฑา

ยังคงท่วมสูง 50 ซ.ม. ขณะที่ น้ำฝั่ง

ถ.เสรีไทย ค่อย ๆ ลดลง

        สถานการณ์น้ำที่ ถ.กรุงเทพกรีฑา เส้นทางเข้าหมู่บ้าน

นักกีฬา ขณะนี้ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้น บางจุดมีน้ำท่วมสูงถึง

ประมาณ 50 ซ.ม. ท่วมสูงมาประมาณ 1 สัปดาห์เศษ เนื่องจาก

มีมวลน้ำเหนือไหล่บ่าเข้ามายัง คลองทับช้างและคลองบ้านม้า

ซึ่งเป็นคลองสาขาของคลองแสนแสบ

        ส่วนสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่ ถ.เสรีไทย ย่านนิคม-

อุตสาหกรรมบางชัน พบว่า ระดับน้ำลดลง เนื่องจากทาง

กรุงเทพมหานคร ได้เร่งระบายน้ำออกมาทางพื้นที่ทิศใต้ของ

กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ระดับน้ำในฝั่งตะวันออก

ค่อย ๆ ลดระดับลง

        ขณะที่ สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณ ซอยพระราม 2

ซอย 69 น้ำยังคงเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำในชุมชน

บางจุดมี น้ำสูงถึง 1 เมตร

Credit : INN

เกิดเหตุระเบิดที่ร้านขายอาหารในเมืองซีอาน

ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บอีก 34 คน

         สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดที่

ร้านขายอาหารบนอาคารสูงแห่งหนึ่ง ในเมืองซีอาน

มณฑลฉ่านซี ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าวานนี้ แรงระเบิด

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน กระจกหน้าต่าง

ปลิวกระจายไปหลายกิโลเมตร ส่งผลให้ผู้คนที่กำลัง

รอรถประจำทาง และเดินบนท้องถนน

รวมถึงเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 34 คน

        ด้านสำนักข่าวซินหัว สื่อทางการจีน เผยว่า การระเบิด

น่าจะเกิดจากการรั่วไหลแก๊ส การระเบิดหน้าต่างของร้าน

แตกกระจายไปไกลประมาณสองกิโลเมตร โดยมีผู้ได้รับ

บาดเจ็บจำนวนมาก กำลังเดินอยู่โดยด้านหน้าของร้านอาหาร

และรอรถบัส ซึ่งมีเด็กอยู่หลายราย อยู่บริเวณนั้นด้วย 

       โดย ซินหัว รายงานจากการเปิดเผยของแพทย์ว่า

หลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ จะมีแผลที่ใบหน้าและศีรษะ

Credit : INN

แหล่งข่าวในพม่า เปิดเผย เกิดระเบิดในเมืองมิตจีนา

เมืองเอกของรัฐกะฉิ่น ทางตอนเหนือของประเทศ

ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บอีก 27 คน

         เหตุระเบิดเกิดขึ้น เมื่อเย็นวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น

ทำให้เกิดไฟไหม้บ้าน 3 หลัง ในเมืองมิตจีนา โดยผู้เคราะห์ร้าย

รวมถึงเด็กกำพร้า 9 คน และเด็กเล็กอีก 1 คน อย่างไรก็ตาม

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เหตุใดบ้านเด็กกำพร้า จึงตกเป็นเหยื่อ

และใครอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด ด้านหนังสือพิมพ์ของทางการ

พม่า ไม่ได้รายงานเหตุระเบิดดังกล่าว แต่ระบุว่าไม่มีผู้บาดเจ็บ

จากเหตุระเบิด และสามารถปลดชนวนระเบิดในเมืองมิตจีนา

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

Credit : INN

บริเวณแยกนวลจันทร์ ระดับน้ำยังสูงกว่า 40 ซ.ม.

ขณะ ถนนนวมินทร์ ขาเข้า

และออก หัวน้ำอยู่ที่ ซอยนวมินทร์ 66

       สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณแยกนวลจันทร์ ขณะนี้

ระดับน้ำยังคงสูงกว่า 40 เซนติเมตร โดยในบางจุด รถเล็ก

ไม่สามารถผ่านได้ ในขณะที่ตามจุดกลับรถต่างๆ จะมี

เจ้าหน้าที่จาก สน.โคกคราม และ สน.ลาดพร้าว คอยยืนโบกรถ

อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่สัญจรผ่านไปมา 

      อย่างไรก็ตาม ในส่วนของถนนนวมินทร์ ทั้งฝั่งขาเข้า-

ขาออก หัวน้ำได้จ่ออยู่บริเวณซอยนวมินทร์ 66 อยู่เช่นเดิม

โดยระดับน้ำอยู่ที่ 20-30 เซนติเมตร โดยชาวบ้านบริเวณดังกล่าว

กล่าวว่า น้ำได้ท่วมจุดนี้มากว่า 1 อาทิตย์แล้ว ส่งผลให้บ้านเรือน

ร้านค้า ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก

Credit : INN

 สงขลา คลื่นซัดชายหาดเสียหาย

สภาพอากาศอ่าวไทยด้านจังหวัดสงขลา พบว่า

มีคลื่นลมแรง สูง 1- 2 เมตร

ซัดชายหาดชลาทัศน์ เสียหาย

            จากสภาพคลื่นลมในทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีกำลัง

ลมแรงอีกระรอก ในระยะนี้ความสูงของคลื่นประมาณ 1-2 เมตร

เริ่มส่งผลต่อชายหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา จ.สงขลา อีกครั้ง

เนื่องจากคลื่นได้ซัดกินพื้นที่ชายหาด เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะจุดที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ บริเวณชายหาดที่ได้มีการ

สร้างเขื่อนเกเบี้ยน (Gabion) ซึ่งนำหินใส่ไว้ในตะแกรงเหล็ก

นำมาวางไว้ตลอดแนวชายหาดระยะทางกว่า 100 เมตร

ใกล้กับชุมชนชาวเลบ้านข้าวเต้ เนื่องจากเขื่อนเกเบี้ยน

ไม่สามารถต้านทานความแรงของคลื่นได้ และเริ่มซัดชายหาด

เสียหาย

โดยในช่วงเช้าของวันนี้ นายสมชาย เมฆาอภิรักษ์

รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้มาตรวจสอบสภาพพื้นที่

ชายหาดชลาทัศน์ เพื่อหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

โดยจะนำหินขนาดใหญ่มาเรียงซ้อนกับเขื่อนเกเบี้ยน

เพื่อลดความแรงของคลื่นที่ซัดเข้าสู่ชายหาด ก่อนที่จะนำทราย

มาถมอีกครั้ง ในช่วงที่คลื่นลมสงบ เพื่อปรับสภาพพื้นที่

ขณะเดียวกัน ทางเทศบาลนครสงขลาได้ให้เจ้าหน้าที่

ประกาศเตือนนักท่องเที่ยว ให้เลี่ยงลงเล่นน้ำทะเล

ในช่วงนี้อย่างเด็ดขาด

Credit : INN

วันอังคารที่ 15 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 13:03 น. 

สถานการณ์น้ำท่วมสี่แยกรัชโยธิน ล่าสุด

ระดับน้ำบางจุดมีความสูง 30-40 ซ.ม.

ลดลงจากเมื่อวาน 10 ซ.ม. รถยนต์เริ่มสัญจรได้

       สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณสี่แยกรัชโยธิน ล่าสุด

ระดับน้ำบางจุดอยู่ในช่วง 30 - 40 ซ.ม. โดยระดับน้ำอยู่ที่

หน้าตึก เอสซีบี ปาร์ค และด้าหน้าธนาคารไทยพาณิชย์

สาขาสำนักงานใหญ่ ระดับน้ำอยู่ที่ 50 ซ.ม. ซึ่งลดลง

จากเมื่อวาน 10 ซ.ม. และเริ่มมีประชาชนนำรถยนต์ออกมา

ขับขี่เพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนของการเดินทางจุดนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร

ยังคงช่วยเอื้ออำนวยความสะดวก ทางด้านการจราจร 

รวมทั้งเรียกรถใหญ่ ที่ขับผ่านให้ประชาชนได้ขึ้น และเดินทาง

ไปที่สี่แยกเกษตร - วงศ์สว่าง และรัชดาภิเษก นอกจากนี้

ยังพบเจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ทำความสะอาด

บริเวณเกาะกลางถนน รวมถึงเก็บกวาดซากต้นไม้

ที่ถูกน้ำท่วมด้วย

Credit : INN

ผู้อำนวยการสำนักสวนสาธารณะ กทม.

เผย ปิด 8 สวนสาธารณะ เพราะน้ำท่วม

   นางจุรี จันทรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสวนสาธารณะ

สำนักสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่

กรุงเทพามหานคร สำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

จึงต้องปิดให้บริการสวนสาธารณะชั่วคราว 8 แห่ง ได้แก่ 

สวนวชิรเบญจทัศ (สวน รถไฟ) เขตจตุจักร สวนจตุจักร

เขตจตุจักร สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง

สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน สวนทวีวนารมย์

เขตทวีวัฒนา สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด ซึ่งขณะนี้

สวนดังกล่าว ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่และหากสถานการณ์น้ำ

เข้าสู่สภาวะปกติ สำนักงานสวนสาธารณะจะเร่งเข้าไป

ทำความสะอาด พร้อมปรับปรุงระบบไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชน

เข้าใช้บริการและจะเร่งดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์

ให้หลับมาสวยงามดังเดิม

Credit : INN

ปริมาณน้ำบางขุนเทียน มีแนวโน้มขยายวงกว้าง

ผอ.เขต ติดเครื่องสูบน้ำ 20 ตัว ดันน้ำออกลงคลองหลัก

ไหลสู่ทะเล ปชช. กระทบแล้ว 3,000 ครัวเรือน

      นายพงษ์ศักดิ์ พันธุ์สวาท ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน

เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำล่าสุดที่เขตบางขุนเทียนว่า ขณะนี้

ปริมาณน้ำ ที่เข้ามาในเขตบางขุนเทียน มีมากขึ้น โดยเป็น

ลักษณะของการแผ่ขยายเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนของประชาชน

ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ ทั้งนี้พื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมากสุด

คือ พระราม 2 ซ.69 ซึ่งเป็นชุมชนการเคหะธนบุรี มีบ้านเรือน

ประชาชน มากกว่า 3,000 ครัวเรือน ซึ่งทางเขตบางขุนเทียน

ก็ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ส่วนการเร่งระบายน้ำตาม

คลองต่าง ๆ ล่าสุดขณะนี้ได้นำเครื่องดันน้ำ เข้ามาแล้ว

จำนวน 20 เครื่อง ประจำตามคลองย่อยต่าง ๆ เพื่อเร่งระบายน้ำ

ให้ไหลลงสู่คลองหลัก อาทิ คลองพระยาราชมนตรี

คลองสนามชัย คลองระหาญ เพื่อออกสู่ทะเลโดยเร็ว

ทั้งนี้ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน ยังได้กล่าวถึงคลอง

ในเขตบางขุนเทียน ที่มีลักษณะของการตันอยู่ว่า

ระยะยาวต้องมีการหารือกันอีกครั้ง

Credit : INN

ข่าวสังคม วันอังคารที่ 15 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 14:18 น. 

ถนนศรีนครินทร์ บางช่วง เริ่มมีน้ำท่วมแล้ว

น้ำระบายลงท่อไม่ทัน แยกอ่อนนุช น้ำสูง 10 ซ.ม.

ส่วน แยกพัฒนาการ น้ำสูง 30 ซ.ม.

       สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณ ถนนศรีนครินทร์ ในบางช่วง

ขณะนี้มีน้ำท่วมขังบ้างแล้ว สาเหตุหนึ่งเกิดจากน้ำไม่สามารถ

ระบายลงท่อได้ทัน เนื่องจาก จุดที่มีน้ำท่วมขังเป็นจุดที่มี

การก่อสร้างถนนอยู่ด้วย โดยช่วงถนนศรีนครินทร์ ที่มีปริมาณน้ำ

ท่วมขังเป็นช่วงแยกถนนอ่อนนุช มุ่งหน้าศูนย์การค้า

ซีคอน สแควร์ มีปริมาณน้ำท่วมขังสูง ประมาณ 10 เซนติเมตร

และช่วงระหว่างสี่แยกถนนอ่อนนุช ถึงสี่แยกพัฒนาการ

มุ่งหน้าถนนพัฒนาการ มีระดับน้ำท่วมขังเป็นระยะ ๆ

ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ส่งผลทำให้การจราจร

ไม่สะดวกมากนัก บวกกับ ถนนช่วงดังกล่าวนั้น

อยู่ในระหว่างการก่อสร้างด้วย

Credit : INN

ปภ. รายงานสถานการณ์อุทกภัยล่าสุด

น้ำท่วมใน 22 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 562 ราย

สูญหาย 2 ราย 

    ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แจ้งว่า

ศูนย์ปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน กรมป้องกันและบรรเทา-

สาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย รายงานสถานการณ์ปัจจุบัน

ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 22 จังหวัด 144 อำเภอ

1,019 ตำบล 7,197 หมู่บ้าน ใน จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี

ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี

สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร

สมุทรปราการ กทม. อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด

กาฬสินธุ์ ฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี โดยมีราษฎร

ได้รับความเดือดร้อน 1,903,457 ครัวเรือน 5,148,327 ราย

และมีผู้เสียชีวิต 562 ราย สูญหาย 2 ราย

Credit : INN

ข่าวสังคม วันอังคารที่ 15 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 16:00 น. 

ชาวบ้านใน ซ.ฉลองกรุง 48 เผย สุดทน

น้ำท่วมสูงมากกว่า 2 เดือน ต่ำสุดที่ 1 ม. ไม่มีใครช่วย

ต้องการเรือเพื่อเดินทาง น้ำเริ่มเน่าเสียแล้ว

    นางคำไพ สะทองมา อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ภายใน

ซอยฉลองกรุง 48 ซึ่งติดกับคลองลำกอไผ่ ที่ถูกน้ำท่วมร่วม

2 เดือน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้หนักที่สุด

เท่าที่เคยมีมา โดยระดับน้ำภายในซอย จุดต่ำสุดอยู่ที่ระดับ

ประมาณ 1 เมตร ชาวบ้านต้องอยู่ด้วยความลำบาก รวมทั้งการ

สัญจรไป - มา ที่ต้องใช้วิธีเดินด้วยเท้า เนื่องจากไม่มีเรือ

เช่นเดียวกับตนที่ต้องเดินทางออกมาทำงานทุกวัน จนถึงวันนี้

รู้สึกทนไม่ไหวกับความลำบาก จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่กับญาติ

ในพื้นที่ใกล้เคียงที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม ทั้งนี้ อยากให้หน่วยงาน

ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่มีหน่วยงานใด

เข้ามาดูแลแต่อย่างใด โดยสิ่งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการ

คือ เรือเพื่อใช้ในการสัญจร 

      อย่างไรก็ตามจากการสังเกตพบว่า น้ำที่ท่วมขังภายใน

ซอยฉลองกรุง 48 นั้น เริ่มมีสีและมีกลิ่นแล้ว

Credit : INN

ชาวปทุมธานี พบงูคล้ายกรีนแมมบ้า ที่บริเวณ

ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี

ก่อนถูกชาวบ้านไล่ตีจนตาย รอ จนท. ตรวจสอบ

       จากการเปิดเผยของ นายสมบูรณ์ ปานย้อย อดีตนายก

อบต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ว่า นายจำลอง รื่นรมย์

อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/5 หมู่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง

จ.ปทุมธานี มีอาชีพเลี้ยงไก่ชน โดยมีต้นไทรขึ้นรอบบ้าน

ต้นใหญ่ โดยเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา

ตนได้พบนกกระจอกร้อง และเห็นงูเขียวฉกนกตายทันที และงู

ได้กลืนนกเข้าไปแล้ว ทำให้ตนเห็นงูสีเขียวทั้งตัว และเหมือน

ที่เห็นในหนังสือพิมพ์ออกข่าว ว่า มีงูกรีนแมมบ้า หลุดออกมา

จำนวน 15 ตัว ตนจึงได้ใช้บันไดตั้งขึ้น นำฉมวกปีนบันไดขึ้นไป

ไล่แทงงูไป 4 - 5 ครั้ง งูได้ตกลงมา ตนจึงนำท่อพีวีซีไล่ตี

แต่งูเขียวไล่ฉก ตนจึงได้ตีงูจนเสียชีวิต แล้วนำงูไปให้ผู้ช่วย

เจ้าอาวาสวัดเทียนทวาย ดู ต่างบอกว่าไม่เคยพบเห็นงูเขียว

แบบนี้ ซึ่งมีลำตัวยาว 1.60 เมตร ลำตัวใหญ่กว่านิ้วโป้งมือ

จับชั่งน้ำหนักได้ 4 ขีด เมื่อจับหงายท้องดู พบว่าใต้ท้องมีเส้น

สีขาวจำนวน 2 เส้น ยาวตั้งแต่ต้นคอไปถึงปลายหาง

หัวงูยาวแหลม และเมื่อผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามทาง

เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ยืนยันว่าจะเป็นงูกรีนแมมบ้า เนื่องจาก

ตัวงูยังมีขนาดเล็กกว่างูกรีนแมมบ้า ซึ่งจะมีลำตัวใหญ่กว่า

นิ้วโป้งเท้า จึงจะต้องขอดูงูตัวที่ตีตายก่อน จึงจะสามารถ

บอกได้ว่าเป็นงูอะไร ซึ่ง นายจำลอง รื่นรมย์ เจ้าของงู

ได้นำงูแช่ตู้เย็นไว้ เผื่อว่ามีหน่วยงานไหนสนใจจะนำงู

ไปตรวจสอบ ก็สามารถมารับงูไปตรวจสอบได้

Credit : INN

ผู้ว่าฯ กทม.ขอความชัดเจน ย้ายเมืองหลวง หรือ ศูนย์ราชการ

 

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริบัตร

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริบัตร

 ผู้ว่าฯ กทม. ระบุ ไม่ขัดข้องแนวคิด สส.พท.เสนอย้ายเมืองหลวง แต่ขอความชัดเจนว่า ย้ายเมืองหลวง หรือศูนย์ราชการ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

15 พฤศจิกายน 2554

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

15 พฤศจิกายน 2554

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

15 พฤศจิกายน 2554

วันนี้ (15 พ.ย.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ กรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการย้ายเมืองหลวง ไปที่จังหวัดนครนายก หรือจังหวัดเพชรบูรณ์ ว่า

แนวคิดการย้ายเมืองหลวง มีมาตั้งแต่สมัย จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม อดีตนายกรัฐมนตรี จึงต้องแยกกัน ระหว่างจะมีการย้ายเมืองหลวง หรือศูนย์ราชการ

อย่างที่ประเทศมาเลเซีย ก็มีการแยกระหว่างศูนย์ราชการ และเมืองหลวงอย่างชัดเจน

ซึ่งการย้ายเมืองหลวง หรือศูนย์ราชการนั้น เป็นคนละเรื่องกัน เพราะเมืองหลวงของประเทศไทย ต้องมีสถานที่ ที่ให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออกท้องพระโรง เช่น พระที่นั่งอนันตสมาคม หรือมีสถานที่ประกอบพระราชพิธีได้

แต่ศูนย์ราชการ สามารถย้ายได้ ดังนั้น ต้องแยกแยะว่า จะมีการย้ายเมืองหลวง หรือศูนย์ราชการ แต่ในหลักการ ตนไม่ได้ขัดข้อง แต่ต้องมีความชัดเจนว่า จะมีการย้ายเมืองหลวงหรือศูนย์ราชการ

โดยเฉพาะ หากเป็นการย้ายศูนย์ราชการ ต้องมีการวางระบบทั้งหมด เชื่อมต่อกัน ทั้งระบบสายไฟฟ้า สาธารณูปโภค อาคารเชื่อมต่อ ระบบโรงเรียน โรงพยาบาล เพื่อให้ทั้งข้าราชการ และประชาชน สะดวกในการใช้บริการ หากรวมกันได้ ก็จะสะดวกต่อการบริหารจัดการ
 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

15 พฤศจิกายน 2554

“สมิทธ” ออกโรงเตือน ปีหน้า ท่วมอีก

จี้ "ยิ่งลักษณ์" แสดงความรับผิดชอบ ทำน้ำท่วม เตือน ปีหน้าเสี่ยงน้ำท่วมใหญ่อีก แนะ ย้ายเมืองหลวงดีที่สุด เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายสมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และในฐานะคณะกรรมการวางยุทธศาสตร์ทรัพยากรน้ำของประเทศ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการวางยุทธศาสตร์ทรัพยากรน้ำ จะเชิญประชุมคณะกรรมการฯ ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์น้ำของประเทศให้ชัดเจนว่า ประเทศไทยจะเดินต่อไปอย่างไร ในสภาวะของสภาพอากาศโลก ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ ปัญหาอุทกภัยใหญ่ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ก่อนอื่น รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และเปิดเผยความผิดพลาดทั้งหมด ในการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะ ความบกพร่องอย่างร้ายแรง ในการประสานข้อมูลน้ำข องรัฐมนตรีทุกกระทรวง ที่เป็นคณะบริหารประเทศ รวมทั้ง ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ของแต่ละหน่วยงาน ออกมาให้สาธารณะชนรับทราบ เพื่อเป็นการยืนยันต่อประชาชนว่า รัฐบาลจะไม่บริหารผิดพลาดอีก ในอนาคต เพราะครั้งนี้ เสียหายอย่างมหาศาล หากเตือนภัยล่วงหน้า แม้จะห้ามภัยพิบัติไม่ได้ แต่ความเสียหาย ก็จะน้อยลงมาก ทั้งนี้ สิ่งสำคัญ คณะกรรมการชุดนี้ เมื่อประชุมเสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานการประชุม จะต้องแถลงยุทธศาสตร์น้ำของประเทศ เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยจะต้องสรุป ออกมาให้ชัดเจน ในครั้งแรกของการประชุมว่า จะทำโครงการใดบ้าง จะใช้เวลาสร้างเท่าใด การบริหารจัดการเป็นอย่างไร ตั้งแต่ก่อนเกิดภัย เกิดภัยแล้ว และหลังเกิดภัย อย่าให้เป็นเหมือน การทำงานของศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.ในขณะนี้ ที่ประชาชนไม่เชื่อถือแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไร บางคนออกมาแถลงว่าไม่ท่วม แต่ความเป็นจริงน้ำท่วมหนักหากไม่มีความชัดเจน ตนจะไปประชุมเพียงครั้งเดียว เพราะเสียเวลาตน ที่เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย นายสมิทธ กล่าวว่า ขณะนี้ ข้อมูลจากนานาชาติ ยืนยันตรงกันว่า ไทยมีโอกาสเกิดน้ำท่วมใหญ่อีก ในปีหน้า ถ้าขาดข้อมูลกลางที่แท้จริง จะเกิดความเสียหายอีกมาก รวมทั้ง จะเกิดแผ่นดินไหว อากาศแปรปรวน หนาวมาก ร้อนมาก โดยเฉพาะ ฝนจะตกมากขึ้น เป็นข้อมูลจาก องค์การสภาพภูมิอากาศโลก ของสหประชาชาติ และน้ำทะเลหนุนเพิ่มสูงขึ้นอีก 1.50 เมตร หากกรุงเทพฯและปริมณฑล ไม่เจอน้ำท่วม ก็ต้องท่วมขังอย่างถาวร จากน้ำทะเลหนุนสูงภายใน 9-10 ปีนี้ จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ จะหายไปเลย ดังนั้น การป้องกันน้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ที่นายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจทำทันที ว่าจะทำเขื่อนปิดปากอ่าวไทย กั้นตั้งแต่ พัทยาถึงชะอำ หากทำ จะกั้นน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯได้อีก 40 ปี เพราะถ้าน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมด น้ำทะเลจะท่วมไทย จนถึงสระบุรี นครสวรรค์ จะกลายเป็นชายหาด หรือทำประตูปิด - เปิดปากแม่น้ำ หรือจะทำเป็นฟลัดเวย์ ขุดคลองแห่งใหม่ เพื่อระบายน้ำจากเขื่อน หรือตัดตอนไม่ให้เข้ากรุงเทพฯ และแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อลงทะเลโดยตรง เพราะทั้งคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ รอฟังอยู่ว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าไม่ตัดสินใจเด็ดขาด ต่างชาติก็หนีกันหมด อย่างไรก็ตาม การย้ายเมืองหลวงแห่งใหม่ เป็นมาตรการที่ดีที่สุด ซึ่งตนและนายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ได้เสนอมานานแล้ว จนประเทศพม่า ได้ย้ายเมืองหลวง จากย่างกุ้ง ไปเมืองใหม่ 7 - 8 ปีแล้ว แต่ของไทย ยังไม่เริ่มคิดกันเลย เพราะคนไทย มัวแต่ทะเลาะกันอยู่

ส.ส.เพื่อไทย เข้าชื่อ เสนอญัตติด่วน ย้ายเมืองหลวง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554


ส.ส.เพื่อไทย เข้าชื่อ เสนอญัตติด่วนย้ายเมืองหลวงหนีน้ำ อ้างข้อมูล ระบุ กทม. จะจมบาดาลใน 10 ปี รื้อแนวคิดยุค “แม้ว”เคยสั่งสภาพัฒน์ฯ ศึกษา พบ “นครนายก” เหมาะ อยู่ไม่ไกลสุวรรณภูมิ

ทำไฮสปีดเทรน เชื่อมตะวันออก-เหนือ-อีสานได้ ย้ำ ดีกว่าละเลงงบทำ “นิวไทยแลนด์” ขณะ ส.ส.เมืองกรุง ไม่ลงชื่อร่วม

วันที่ 15 พ.ย. ที่รัฐสภา นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล

ตนพร้อมด้วย ส.ส.อีก 20 คน ได้ลงนามเพื่อเตรียมเสนอญัตติด่วน ต่อสภาผู้แทนราษฎร

เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาเพื่อย้ายเมืองหลวง จากรุงเทพฯ ไป จ.นครนายก หรือ จ.เพชรบูรณ์ หรือจังหวัดอื่นๆ ที่มีความเหมาะสม

โดยจะเสนอต่อวิปรัฐบาล ภายในวันที่ 16 พ.ย. เพื่อเสนอเป็นญัตติเร่งด่วน

นายสถาพร กล่าวอีกว่า ด้วยสภาวะแวดล้อมของโลกและของประเทศไทย ที่เปลี่ยนแปลงไปหลายด้าน ส่งผลให้เกิดวิกฤตภัยธรรมชาติ

ทั้งการเกิดน้ำท่วม แผ่นดินทรุด รอยเลื่อนแผ่นดินไหว ภัยสึนามิ และจะต้องใช้งบประมาณ ฟื้นฟูสภาพ เป็นจำนวนมหาศาล

จากกรณีข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่า กทม.ในฐานะเมืองหลวงของประเทศไทย แผ่นดินทรุดโดยเฉลี่ย ปีละไม่ต่ำกว่า 20 เซนติเมตร

และประกอบกับ ภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำทะเลหนุนสูงขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ กทม.จะกลายเป็นเมืองบาดาล

ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหาย และความเดือดร้อนแก่ประชาชนและบ้านเรือน ที่อยู่อาศัยในเขต กทม.ได้

“จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น จึงเห็นได้ว่า ควรมีการพิจารณาศึกษา การย้ายเมืองหลวงจาก กทม.ไปยังพื้นที่เหมาะสม เช่น จ.นครนายก เพชรบูรณ์ หรือ จังหวัดอื่น ที่มีความเหมาะสมต่อไป

เพื่อเตรียมการ และรับมือแก้ไข ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เราต้องสร้างแนวคิดใหม่ จุดให้เป็นประเด็นใหญ่ให้เป็นเรื่อง ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปเลย ใครไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ

เพราะเคยมีข้อมูลว่า กทม.จะจมบาดาลอีก 10 ปี เราจึงต้องย้ายไปที่แห่งใหม่” นายสถาพร ระบุ

นายสถาพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ญัตตินี้ พรรคได้รับหลักการ ให้เสนอตามที่ ส.ส.ได้เข้าชื่อเสนอ โดยให้เป็นเรื่องของสภาฯ ที่จะพิจารณา

สำหรับแนวคิดย้ายเมืองหลวง สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยมีแนวคิด จะย้ายไปยัง จ.นครนายกมาก่อน และได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ไปศึกษาข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ปรากฎว่า จ.นครนายก มีความเหมาะสมทั้งทางกายภาพ และภูมิศาสตร์ พื้นที่เป็นแนวลาดชัน หากน้ำมาก็จะไหลระบายได้เร็ว ไม่เหมือนกับ กทม.ที่เป็นแอ่งน้ำมาก จึงเป็นพื้นที่รับน้ำอย่างเดียว

“การย้ายเมืองหลวงไปแห่งใหม่ ดีกว่าจะไปทำนิวไทยแลนด์อยู่แล้ว มองทั้งเชิงโครงสร้าง และแผนงาน ยังไงก็คุ้มค่ากว่า กทม.จะมีอะไรเป็นนิวได้อีก เราควรวางแผนสร้างความหวังให้ประชาชนใหม่ นครนายก เหมาะสม ไปถึงก็วางโครงสร้าง ผังเมืองใหม่


ทั้งส่วนราชการ ศูนย์กลางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่การขนส่ง ระบบคมนาคม ก็ไปทำรถไฟความเร็วสูงเชื่อมไปภูมิภาคตะวันออก เหนือ อีสาน หรือแม้กระทั่ง ทำรถไฟความเร็วสูง มายังสนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่ไกลมาก กลับมา กทม.ก็ห่างกันเพียง 40 กม.เท่านั้น” นายสถาพรกล่าว

สำหรับประเด็น เรื่องที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมที่พบว่า ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ นายสถาพรแสดงความเห็นว่า หากคิดระยะยาว ก็ต้องกระจายให้อยู่รอบนอก ทั้ง จ.สระบุรี จ.ปราจีนบุรี หรือ จ.ฉะเชิงเทรา ก็ได้

ส่วนแนวคิดใน จ.เพชรบูรณ์ นั้น ก็เหมาะสมเช่นกัน ทั้งทางภูมิศาสตร์และกายภาพ หากไม่เป็นเช่นนั้นสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรี คงไม่มีแนวคิด จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ ส.ส.ทั้ง 20 คนของพรรคเพื่อไทยที่ร่วมเสนอญัตติ อาทิ นายวาสิต พยัคฆบุตร ส.ส.ลำปาง นายวิทยา ทรงคำ ส.ส.เชียงใหม่ นายเอี่ยม ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ เป็นต้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มี ส.ส.กทม.เพื่อไทย ร่วมลงชื่อด้วย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554

เห็นข่าวในหลวงฯทรงเสด็จ

ลงไปที่แม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว

ก็น่าคิด..นะคะว่า

จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

อีกหรือเปล่าหนอ...ลุ้นอีกแล้ว

ขอบคุณทุกๆข่าว ทุกๆข้อมูล

จากคุณ อาริยา และ น้องหญิง ด้วยค่ะ

เห็นในหลวงพระพักตร์แจ่มใสแล้ว ดีใจจัง

ขอบคุณ คุณอาริยา  และทุกท่านที่รวบรวมเอาข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับน้ำมาให้รับทราบกัน

รัก ในหลวง คะ

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

ข่าวสังคม วันพุธที่ 16 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 07:56 น. 

อธิบดีกรมทางหลวง เผย พรุ่งนี้ใช้ทางหลวง 340 ได้

ขณะเย็นนี้เตรียมสูบน้ำออกทุกจุด

        นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผย

สำนักข่าว INN ว่า ความคืบหน้าการกู้ทางหลวงหมายเลข

340 ใกล้แล้วเสร็จ โดยเย็นวันนี้ จะเริ่มสูบน้ำได้ทุกจุด

หลังจากได้กั้นไว้เป็นแปลง ซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้ จะสามารถ

ใช้การทางหลวงสาย 340 ได้

      ทั้งนี้จากการตรวจพื้นที่เมื่อวานนี้ พบว่า พื้นที่ถนนหน้า

หมู่บ้านสมบัติบุรี ได้สูบน้ำออกหมดแล้ว ส่วนลาดปลาดุก

เรียงท่อเสร็จแล้ว น่าจะสูบน้ำเสร็จเย็นนี้ ขณะที่ ซอย 34-37

น้ำแห้งหมดแล้ว เหลือซอย 25-33 ที่คันดินใกล้จะสร้างเสร็จ 

Credit : INN

อเมริกันป่วยหูหนวกเฉลี่ย 1 ใน 5 คน

 ทางหลวงชนบทเสียหายจากน้ำท่วม 934 เส้น

ข่าวสังคม วันพฤหัสบดีที่ 17 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 21:05 น. 

สถานการณ์น้ำ ถ.พุทธมณฑลสาย 5 น้ำสูง 1.20 เมตร

ขณะที่ อ.สามพราน ระดับน้ำโดยเฉลี่ย 10 - 20 ซ.ม.

แต่บางพื้นที่ สูงกว่า 50 ซ.ม. 

     สถานการณ์น้ำล่าสุดที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ระดับน้ำเ

ฉลี่ยอยู่ที่ 10 - 20 เซนติเมตร แต่ในบางพื้นที่ ระดับน้ำยังสูงถึง

50 เซนติเมตร รวมถึง ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ลดลง

เพียงเล็กน้อย โดยระดับน้ำยังสูงมากกว่า 1.20 เมตร ส่งผลให้

ต้องใช้เรือ และรถจีเอ็มซีของทหาร สัญจรเพียงเท่านั้น 

     ส่วนทางด้านโรงงานอุตสาหกรรมใน อ.สามพราน

ได้มีการนำกระสอบทราย และบิ๊กแบ็กมาตั้งเป็นคันกั้นน้ำ

โดยมีความสูงไม่ต่ำกว่า 1 เมตร 

Credit : INN

 ชาวเคหะธนบุรี1ปิดถ.พระราม2หน้าโลตัส

       ผบก.น. 9 เผย ชาวบ้านเคหะธนบุรี 1 กว่าร้อยคน

ปิดถนนพระราม 2 หน้าโลตัส ร้องให้จัดการระบาย

น้ำท่วมสูง หลังเดือดร้อนหนักชาวเคหะธนบุรี 1

ปิด ถ.พระราม 2 หน้าโลตัส

     พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9

เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในการ

เคหะชุมชนธนบุรี 1จำนวนประมาณ 100 คน ได้ฮือมาปิดถนน

ด้านคู่ขนานหน้าโลตัส สาขาพระราม 2 ขาออก โดยเรียกร้อง

ให้ทางการ และทางเขตบางขุนเทียน สูบน้ำที่ท่วมขังสูง

ออกจากบ้านเรือนโดยเร็ว เพราะได้รับความเดือดร้อน

อย่างมาก โดยเบื้องต้น เสนอให้ปิดคลอง 2 แห่ง คือ

คลองรางแก้ว และคลองลาดลำพู ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอ

ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน เจราจากับชาวบ้าน ซึ่งทำให้

การจราจรย่านดังกล่าวติดขัดเพิ่มมากขึ้นแล้ว

Credit : INN

แผ่นดินทรุด ที่ Los Angelis วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554

 http://poleshift.ning.com/profiles/blogs/ca-los-angeles-san-pedro-coastal-landslide-worsens

Nov 15, 2011

LOS ANGELES (KABC) -- A sink hole in San Pedro is getting worse and more steps are being taken to keep the public safe.

Hunks of a coastal bluff near Paseo del Mar between Western and Weymouth avenues are falling into the Pacific Ocean as the integrity of the hillside weakens.

What has residents so alarmed is the speed at which the road deteriorated. It started off as a small crack in the road.

"To see how dramatically it"s just given way, just really reminds you Mother Nature is in charge," said one resident.

Fences have been set up to keep the public at a safe distance away from the danger.

No homes are being threatened by the landslide, but engineers are monitoring the slide while Los Angeles County crews rush to move water and sewer lines along with storm drains before the next major rain storm hits.

Officials fear that the entire area could end up in the ocean.

"We"re hoping they know what they are doing," said resident Bob Simpson. "Otherwise we are in trouble."

"It"s just that the road has always been here," said resident Tina Valdez. "I"ve lived in San Pedro most of my life and it"s just such a beautiful area- losing our gorgeous coastline here."

Some residents are doing their own preparations, bringing a camera to preserve memories of the road.

 "It"s going to be one of those, "remember the time when we used to walk along Paseo in the morning and that landslide occurred? This is what it used to look like,"" said resident Veronica Smith.

A geological survey is being done to figure out the cause of the slide and determine if other homes in the area are in danger.

The survey is expected to be completed in about two months. It is also monitoring areas surrounding Paseo del Mar to make sure they aren"t in danger.

โดยรวมแล้ว สถานการณ์

น้ำท่วมยังคงทรงตัวอยู่

ขอบคุณน้องหญิง

และคุณ อาริยา อีกเช่นเคยจ๊า

หนุนสร้างเขื่อนยักษ์ในทะเล แก้น้ำท่วม ไม่เห็นด้วยย้ายเมืองหลวง





หากให้กล่าวถึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาของประเทศไทยมากที่สุดคนหนึ่ง เป็นที่ยอมรับในความสามารถว่าหาตัวจับได้ยากยิ่ง ทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า จะต้องมีรายชื่อของบุคคลท่านนี้มาอยู่ในความคิดลำดับต้นๆ ของคนไทยอย่างแน่นอน และนั่นก็คือ "ดร.สมิทธ ธรรมสโรช" ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารทรัพยากรน้ำ กยน. 

นายสมิทธ ได้กล่าวกับทีมข่าว "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า ไม่ได้เป็นห่วงกรณีที่ปริมาณฝนในประเทศไทย จะตกในปริมาณเพิ่มมากขึ้นในปีหน้าและปีต่อๆ ไป ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนในตอนนี้ ตามแนวโน้มภาวะโลกร้อนขึ้นสักเท่าไร แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้กลับเป็นภาวะน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น เพราะน้ำแข็งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ละลายตามภาวะโลกร้อน ฉะนั้น ปริมาณน้ำในพื้นที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ก็จะสูงตามไปด้วยน้ำ และจะรุกลึกเข้ามาในผืนดิน ทำให้การระบายน้ำตามธรรมชาติก็ยากมากขึ้นไปด้วย 

ดร.สมิทธ ยอมรับว่า ตอนนี้ประเทศไทยก็กำลังประสบอยู่ แต่ไทยก็ยังไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้เต็มที่ มีแต่การคำนวณปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงเพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่เพียงพอ ความจริงแล้วนักวิชาการด้านน้ำจากต่างประเทศ ทั้งเนเธอร์แลนด์ หรือสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิเคราะห์ถึงเรื่องลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เวลามันพัดผ่านอ่าวไทย ทำให้เกิดคลื่นกระทบยังปากแม่น้ำบริเวณอ่าวไทย ทำให้น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การระบายน้ำตามธรรมชาติของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่กลอง ท่าจีน และบางปะกง ตามจังหวะน้ำขึ้น น้ำลง ทำได้ยากขึ้น

ข้อมูลนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการระบายน้ำของไทย ไม่เคยนำไปใช้เป็นข้อมูลใหม่ เพราะปัจจุบันภูมิอากาศโลกมีการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลก็ไม่เคยหยิบนำไปใช้คำนวณ หากรัฐบาลหรือกรมชลประทานนำไปใช้ร่วมด้วย ก็จะมีความแม่นยำมากขึ้น จะคำนวณน้ำขึ้นน้ำลงจากดวงจันทร์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องทราบข้อมูลผลกระทบกรณีที่มีลมมรสุมพัดผ่านอ่าวไทยไปคำนวณร่วมด้วย ยิ่งปัจจุบันก็ปรากฏชัดว่า มีพายุหรือมรสุมพัดเข้ามาอ่าวไทยถี่มากขึ้น ซึ่งทำให้การระบายน้ำลงทะเลทำได้ยาก และช้ามากกว่าเดิม ซึ่งข้อมูลอย่างนี้เราต้องเอาไปใช้  จึงจะสามารถทราบว่าน้ำทะเลยกตัวสูงขึ้นเท่าใด เพราะนั่นเป็นสิ่งทำให้เกิดปัญหาระบายน้ำลงสู่ทะเลไม่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ทราบว่า เมื่อเสนอข้อมูลนี้ไปแล้ว รัฐบาลจะฟังหรือเปล่า

ดร.สมิทธ ย้ำว่า ต้องนำไปใช้ด้วย ไม่ใช่ฟังแต่น้ำขึ้นน้ำลงอย่างเดียว ซึ่งมันโบราณแล้ว สมัยใหม่สามารถคำนวณได้มากกว่านั้น อย่างเช่น ลมพัดผ่านอ่าวไทยทำให้เกิดคลื่นเข้าไปปะทะบริเวณปากแม่น้ำอย่างไร ทำให้เกิดเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำลงสู่ทะเลตามธรรมชาติก็ช้าลง อันนี้ต้องเอาข้อมูลไปใช้ อันนี้มันมีผลกระทบจริงๆ อีกอันที่ต้องยอมรับ คือมีคนกล่าวหาว่าผมชอบไปวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล มันไม่ใช่รัฐบาลนี้รัฐบาลเดียว แต่เพราะรัฐบาลก่อนๆ มา การปล่อยน้ำมาเป็นจังหวะๆ มันยังน้อย แต่รัฐบาลนี้ตอนเปลี่ยนรัฐบาลมีการปล่อยน้ำลงมาเยอะพร้อมๆ กัน 3 เขื่อนใหญ่ ทำให้ปริมาณน้ำมันก็มาก ที่ราบลุ่มภาคกลางก็ไม่สามารถรับน้ำได้มากเพียงพอ 

"แล้วต่อไปยอมรับว่า แนวโน้มปริมาณฝนจะตกมากขึ้น แต่ปี 2553 ความจริงเราเก็บน้ำในเขื่อนปริมาณน้อยไป พอหน้าแล้งก็ไม่มีน้ำใช้ทำการเกษตร หรือปล่อยน้ำไปไล่น้ำทะเลปากอ่าวแม่น้ำเจ้าพระยา คือน้ำในเขื่อน จะต้องเก็บพอดี มากไปก็ไม่ได้ น้อยไปก็ไม่ดี ต้องเก็บไว้พอดีๆ ปลายฤดูฝนเก็บน้ำไว้มากไม่เป็นไร แต่ถ้าเก็บไว้มากตั้งแต่ต้นฤดูฝน พอฝนตกลงมา กลางฤดูจนถึงปลายฤดูเราก็ไม่มีที่เก็บน้ำในเขื่อนแล้ว มันจึงเกิดปัญหา ดังนั้นขั้นตอนการเก็บน้ำที่ผ่านมามันเก็บไม่ถูกจังหวะ ประกอบกับคนที่สั่งเก็บกับสั่งปล่อยคนละงานกัน พอปล่อยมาแล้ว คนที่จะมาระบายก็คนละคนกันอีก ปล่อยน้ำมาแล้ว กทม.ก็ไม่ยอมให้น้ำเข้ามา น้ำเลยไม่รู้จะไปไหน เพราะระบบระบายน้ำ กทม.ดีที่สุดในประเทศ ถ้าปล่อยน้ำมาตั้งแต่ต้นฤดูฝน กทม.ก็สามารถระบายออกได้ไม่มีปัญหา น้ำก็จะไม่ขังอยู่เหนือ กทม.มาก แต่พอปล่อยน้ำออกมาปริมาณมากพร้อมๆ กัน  ก็เลยไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำ เพราะเกรงว่าจะรับไว้ไม่อยู่น้ำจึงท่วมขังมาก" ดร.สมิทธ กล่าว.

ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ยังยืนยันอีกว่า อนาคตปริมาณน้ำทั่วโลกจะมากขึ้น เกิดจากภาวะโลกร้อน เพราะน้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นอย่างแน่นอน ในเวลาประมาณอีกไม่เกิน 10-11 ปี จากนี้ไปถึงแม้ไม่มีฝนตกลงมาแต่น้ำก็จะท่วม อันนี้เราต้องหาทางแก้ไข จะแก้ยังไง แก้ปํญหาเหมือนกับประเทศเนเธอร์แลนด์ สร้างเขื่อนปิดกั้นปากแม่น้ำหรือไม่ หรือจะย้ายเมืองหลวงอย่างที่หลายฝ่ายออกมาพูดกัน ในตอนนี้ก็ต้องเลือกเอา แต่ความเห็นส่วนตัวย้ายเมืองหลวงจากกรุงเทพฯ ไปที่อื่น ถือเป็นเรื่องใหญ่ คนตั้ง 10 ล้านคนจะหาที่อยู่ที่ไหน แล้วหากจะย้ายเมืองหลวงจริง มันไม่ใช่ย้ายแค่ 1-2 ปี แต่ต้องเป็น 10 ปี อย่างพม่าย้ายเมืองหลวงตั้ง 40 ปี ก็ยังย้ายไม่เสร็จ ของไทยพูดได้แต่ทำยาก ทางแก้ต้องสร้างเขื่อนในอ่าวไทย อย่างที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ทำ หรืออย่างนักวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เสนอไว้ ผมก็เห็นด้วยในการสร้างเขื่อนบริเวณอ่าวไทย เพื่อป้องกันน้ำท่วมจากกรณีน้ำทะเลสูงขึ้น ป้องกันน้ำท่วม กทม.ความจริงส่วนตัวศึกษามานานแล้ว เวลาไปบรรยายหนุนให้ประเทศไทยสร้างเขื่อนในอ่าวไทยป้องกันน้ำท่วมทีไรก็ถูกต่อว่าทุกครั้ง

ดังนั้นส่วนตัวยอมรับว่าเห็นด้วยในการสร้างเขื่อนบริเวณปากแม่น้ำอ่าวไทย เพราะสร้างแล้วในฤดูแล้งตรงนั้นก็เป็นน้ำจืดสามารถเก็บน้ำไว้ใช้งานได้ ส่วนหน้าน้ำก็จะกลายเป็นแก้มลิง มีประตูปิด-เปิด ระบายน้ำออกสู่ทะเล จัดระบบให้ดี

ส่วนกรณีที่มีหลายคนสงสัยว่า ถ้าสร้างเขื่อนปิดปากแม่น้ำบริเวณอ่าวไทย ก็เหมือนเป็นการปิดกั้นน้ำไหลลงสู่ทะเล ซึ่งตอนนี้ก็เห็นอยู่แล้วว่าระบายน้ำออกไม่ทัน แล้วจะไม่แย่หรือ? ดร.สมิทธ ระบุว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าไม่ใช่สร้างเขื่อนปิดปากแม่น้ำที่จะไหลลงสู่ทะเล แต่สร้างเขื่อนลงไปในทะเลแล้วให้น้ำจืดในแม่น้ำไหลลงมาให้สุดในพื้นที่ที่เตรียมไว้ก่อน แล้วจึงเปิดประตูระบายน้ำออกสู่ทะเลเวลาน้ำทะเลลง ถ้าน้ำทะเลขึ้นก็ปิด ไม่ให้น้ำทะเลหนุน ซึ่งจะสามารถควบคุมปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลได้ด้วยไม่ให้มากเกินไป เพราะอาจทำให้้สัตว์น้ำในทะเลตาย แล้วระบบการระบายน้ำของเราก็จะมีประสิทธิภาพมาก ทั้งนี้ไม่ใช่การสร้างเขื่อนปิดปากแม่น้ำทันทีอย่างที่เข้าใจกัน หากสร้างลักษณะนั้น น้ำในแม่น้ำก็จะเอ่อออกมาท่วมข้างๆ ได้

ดร.สมิทธ กล่าวยืนยันแนวคิด ต้องสร้างเขื่อนปิดตั้งแต่ บริเวณ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ไปจนถึงบริเวณ ปากแม่น้ำบางปะกง ใน จ.ฉะเชิงเทรา รวมระยะทางประมาณ 90 กม. จึงจะแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างได้ผล แต่ทั้งหมดต้องเป็นนโยบายระดับชาติเป็นผู้ดำเนินการจึงจะมีโอกาสสำเร็จ ความจริงผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ได้เคยมาศึกษาไว้ให้แล้ว ขณะที่ประเทศเวียดนามเพื่อนบ้านเราก็สร้างเขื่อนยาว ถึง 33 กิโลเมตร ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปท่วมประเทศเสร็จแล้วเช่นกัน และยังส่งรูปมาให้ผมดูด้วย

ดร.สมิทธ กล่าวอีกว่า "ยืนยันไม่มีหนทางอื่นในการแก้ปัญหาอย่างได้ผลอีกแล้ว หากไม่สร้างเขื่อนก็ต้องย้ายเมืองหลวง ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เพราะต้องยอมรับ กทม. เป็นหนึ่งในเมืองหลวงของโลกที่จะถูกน้ำท่วมในอนาคต หากไม่มีการแก้ไข แต่มันก็ไม่ใช่ไทยประเทศเดียว สิงคโปร์ก็โดน สิงคโปร์กำลังพิจารณาสร้างเขื่อนรอบๆ เกาะป้องกันน้ำท่วม กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หรือจะเป็นเมืองไซง่อน ประเทศเวียดนาม ก็เช่นกัน ญี่ปุ่นก็คงโดนหลายเกาะ

หากรัฐบาลตัดสินใจดำเนินการจริงๆ ก็จะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วม ทั้งที่ท่วมจากน้ำทะเลหนุนสูง หรือจากปริมาณน้ำเหนือในอนาคตได้ รวมทั้งยังได้ผลพลอยได้ คือได้ถนนบนสันเขื่อน 4 เลนขนาดใหญ่ และสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 7 เมตร ซึ่งสามารถเดินทางจากกรุงเทพลงไปภาคใต้ หรือจากภาคใต้ตรงไปภาคตะวันออกเลยทีเดียว แต่ต้องเข้าใจว่า ไม่เหมือนโครงการถนนในทะเลของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยเสนอจะสร้างจนเป็นที่เกรียวกราวมาแล้ว เพราะนั่นอาจใช้ประโยชน์ได้เพียงด้านเดียวคือเป็นถนน ไม่คุ้มค่า แต่นี่จะใช้เป็นเขื่อนป้องกันน้ำท่วมด้วย พร้อมกับได้แลนด์บริดจ์น้ำจืดด้านหนึ่ง อีกด้านเป็นน้ำทะเล สามารถเก็บน้ำจืดไว้ใช้ประโยชน์ได้ในยามหน้าแล้ง ส่วนหน้าน้ำก็ใช้เป็นแก้มลิงระบายน้ำลงทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

"หากดำเนินการได้ตามนี้ เชื่อว่าประเทศไทยจะพ้นจากปัญหาน้ำท่วมขังทั้งจากน้ำทะเลหนุนสูง และปัญหาน้ำเหนือหลากลงมาระบายลงทะเลไม่ทัน ทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยใหญ่อย่างที่เป็นอยู่ได้ ทำให้เกิดแนวคิดเสนอให้มีการย้ายเมืองหลวงจาก กทม.ไปอยู่ที่อื่นไม่ว่า จะเป็นที่ จ.เพชรบุรี นครนายก หรือเพชรบูรณ์อาจหมดไป และจะป้องกันน้ำท่วมกทม.เมืองหลวงของประเทศไทยไปในอนาคตอย่างน้อยอีก 30-40 ปี ข้างหน้า เลยทีเดียว แต่คงไม่ใช่ชั่วกัลปาวสานอย่างที่เป็นข่าวกัน ก็อยู่ที่ว่ารัฐบาลชุดนี้และชุดต่อๆ ไป จะกล้าตัดสินใจหรือไม่?" ดร.สมิทธ กล่าว…

ไทยรัฐ
โดย ทีมข่าวการเมือง
18 พฤศจิกายน 2554, 05:45 น

อึ้ง"ปลาบึกยักษ์" หนัก350กก. เกยริมแม่น้ำปิง



อึ้ง! "ปลาบึกยักษ์" หลงน้ำโขงโผล่เกยตื้นแม่น้ำปิง เมืองกำแพงเพชร 2 ตัวผัวเมียหนักเกือบครึ่งตัน ชาวบ้านพบจับขายได้เงินเกือบ 40,000 บาท ประมงฯเผยคาดไหลมากับน้ำท่วม ขณะที่แม่ค้าที่รับซื้อชำแหละขาย กก.ละ 130 บาท ชาวบ้าน-ร้านอาหารแห่รอซื้อ...

เมื่อเวลา 1100 น. วันที่ 17 พ.ย. นายมานพ พาติกะบุตร ประมง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งจากนายชัยพันธ์ ศรีคชไกร ผู้จัดการตลาดศูนย์การจังหวัดกำแพงเพชรว่า คนงานเฝ้าไร่ของตนที่ ม.1 ต.วังยาง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบปลาบึกยักษ์ 2 ตัว มาเกยตื้นอยู่ที่หาดทรายริมแม่น้ำปิงหน้าที่ดินของตน จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าบนท้ายรถกระบะ มีปลาบึกขนาดใหญ่วางอยู่ 2 ตัว ตัวแรกเป็นเพศผู้วัดขนาดความยาวได้ 286 ซม. รอบลำตัว 160 ซม. น้ำหนัก 180 กิโลกรัม ตัวที่ 2 เป็นเพศเมีย ขนาดความยาว 228 ซม. รอบลำตัว 160 ซม. น้ำหนัก 170 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 2 ตัวหนัก 350 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ประมงอำเภอเมือง กำแพงเพชรยืนยันว่าเป็นปลาบึกแท้ เนื่องจากลักษณะของปลาบึกจะไม่มีฟัน และเกือบจะไม่มีหนวด ตาจะอยู่ต่ำกว่ามุมปากเมื่อมองจากด้านหน้าตรงจะไม่เห็น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้หากินตามพื้นน้ำ อาหารของปลาบึกในธรรมชาติคือพืชชนิดต่างๆ เช่น ตะไคร่น้ำ แต่เมื่อนำมาเลี้ยงก็สามารถรับอาหารชนิดอื่นได้ สามารถโตได้ถึง 3 เมตรและหนัก 150-200 กิโลกรัมในระยะเวลา 5 ปี ปกติปลาบึกตัวใหญ่ขนาดนี้ จะมีแต่ในแม่น้ำโขงเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่มาเกยตื้นที่หาดทรายแม่น้ำปิง เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วม ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงล้นตลิ่ง อาจทำให้ปลาบึกยักษ์ทั้ง 2 ตัวไหลมากับน้ำ ซึ่งคาดว่ามาจากเขื่อนภูมิพล และเมื่อระดับน้ำในแม่น้ำปิงลดลง ทำให้ปลาบึกซึ่งปกติจะอาศัยอยู่แต่ในน้ำลึกไม่มีทางไปจึงมาเกยตื้นจนถูกจับได้



ด้านนายทอง คนงานชาวพม่าซึ่งเป็นคนพบปลาบึกยักษ์ทั้ง 2 ตัว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าตนมาดักปลาพบปลายักษ์ทั้ง 2 ตัวเกยตื้นอยู่ ตอนแรกรู้สึกตกใจมากเพราะไม่เคยเห็นปลาตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จึงไปเรียกเพื่อนคนงานอีก 6 คนมาช่วยกันจับขึ้นฝั่งซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าที่จะลากปลาทั้ง 2 ตัวขึ้นจากน้ำได้เพราะมีน้ำหนักมาก จากนั้นจึงแจ้งให้นายจ้างทราบ ต่อมามีคนมาขอซื้อปลาทั้ง 2 ตัวกิโลกรัมละ 100 บาท ได้เงินมาแบ่งกันทั้งหมดจำนวน 35,000 บาท

ด้านนางจันทร์ตา ทาริยะวงศ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 ม.ที่ 11 ต.ท่าขุนราม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร แม่ค้าปลาในตลาดศูนย์การค้าจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า พอทราบว่ามีปลาบึกยักษ์ถูกจับได้ จึงเดินทางมาดู และได้ตกลงซื้อขายกันในราคากิโลกรัมละ 100 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 35,000 บาท โดยตนจะนำไปชำแหละขายกิโลกรัมละ 130 บาท ซึ่งตั้งแต่ขายปลามาหลายสิบปี ยังไม่เคยปรากฏว่ามีปลาบึกยักษ์ถูกจับได้ในแม่น้ำปิงมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนจับได้




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีข่าวการพบปลาบึกยักษ์เผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีร้านอาหารและประชาชนต่างไปรอซื้อเนื้อปลาบึกที่แผงขายปลาในตลาดศูนย์การค้าจังหวัดกำแพงเพชรจำนวนมาก เนื่องจากราคาขายไม่แพง และเป็นครั้งแรกที่จะได้กินปลาบึกที่จับได้ในแม่น้ำปิงกลางเมืองกำแพงเพชร.

 
ไทยรัฐ

โดย ทีมข่าวภูมิภาค
17 พฤศจิกายน 2554, 15:46 น.

แผ่นดินไหว4.5ริกเตอร์ เกาะริวกิว ญี่ปุ่น

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 07:54:29 น.

กรมอุตุนิยมวิทยาของไทยรายงานว่า เมื่อวันที่ 18พ.ย.2554 เวลา 03.17น.ได้เกิดแผ่นดินไหวที่เกาะริวกิว ประเทศญี่ปุ่น วัดแรงสั่นสะเทือนได้4.5ริกเตอร์ ลึกจากผิวดิน43กิโลเมตร


แผ่นดินไหวที่ RYUKYU ISLANDS, JAPAN
ขนาด : 4.5 ริกเตอร์
จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว : RYUKYU ISLANDS, JAPAN
วันที่ : 18 พฤศจิกายน 2554 03:17 น.
ละติจูด : 26° 55′ 48′′ เหนือ
ลองจิจูด : 126° 51′ 36′′ ตะวันออก
ความลึกจากระดับผิวดิน : 43 กิโลเมตร

เปิดประตูระบายน้ำทำน้ำคลองแสนแสบสูงขึ้น

18 พฤศจิกายน 2554 เวลา 09:05 น. |เปิดอ่าน 1,490 | ความคิดเห็น 7
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

ระดับน้ำในคลองแสนแสบเพิ่มสูงขึ้น หลังเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ เพิ่มเป็น 1 เมตร นิคมบางชันคุมเข้มเสริมบิ๊กแบ็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสำนักงานระบายน้ำยอมเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ เป็น 1 เมตร จาก 40 เซนติเมตร เนื่องจากชาวลำลูกกา จ.ปทุมธานี รวมตัวขอให้เปิดประตูระบายน้ำและกระสอบทรายบริเวณคลองหก วาสายล่าง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวลำลูกกา ทำให้มวลน้ำจากคลองหกวาไหลเชี่ยวและแรงลงสู่คลองแสนแสบอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำที่คลองแสนแสบบริเวณท่าเรือวัดศรีบุญเรือง สูงมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา แต่จะลดระดับต่ำลงเมื่อเข้าใกล้สถานีสูบน้ำพระรามเก้า

ทั้งนี้ การเปิดประตูระบายน้ำดังกล่าวยังส่งผลให้บริเวณแยกบางชัน และนิคมอุตสาหกรรมบางชัน มีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะสูงขึ้น แต่ทางนิคมอุตสาหกรรมบางชันได้วางแนวกระสอบทรายยักษ์ (บิ๊กแบ็ก) ตลอดแนวนิคม เพื่อป้องกันน้ำที่อาจจะกลับมาท่วมอีกขัง

ส่วนปัญหาการรือบิ๊กแบ็กบริเวณดอนเมือง และแยกกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (คปอ.) จน ศปภ.ต้องรื้อแนวบิ๊กแบ็กให้ต่ำลง และทำเป็นฝายน้ำล้นแทน จากการตรวจสอบยังไม่กระทบกับพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน เนื่องจากระดับน้ำในคลองบางซื่อเช้านี้อยู่ที่ประมาณ 45 เซนติเมตร ต่ำกว่าเมื่อวานนี้ 5 เซนติเมตร

นาย สมศักดิ์ พงเขียว แกนนำชุมชนลาดสวาย จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า วันนี้ประชุมตัวแทนชาวบ้านเพื่อหาจุดยืนก่อนร่วมหารือกับ กทม.วันพรุ่งนี้ (19พ.ย.) ตามที่นัดหมาย ยืนยันทำความเข้าใจชาวบ้านแล้วอย่าเข้าไปรื้อแนวกระสอบทรายที่คลองหกวาสายล่างอีก ขอให้รอฟังกทม.วันพรุ่งนี้(19 พ.ย.) ก่อน ส่วนที่มีการปาระเบิดปิงปองจนมีชาวสายไหมบาดเจ็บ เชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ของมือที่3 ทั้งนี้ขณะนี้ในพื้นที่เหนือคันกั้นน้ำยังมีระดับน้ำสูง50เซนติเมตร – 1 เมตร จึงต้องการให้ กทม. ช่วยรับน้ำไปบ้าง


ด้าน นายวสันต์ มีวงศ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า หลังเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ 1เมตร และการรื้อแนวกระสอบทรายที่คลองหกวาสายล่างเมื่อวานนี้ ส่งผลให้มวลน้ำไหลเข้ามาเพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบ ต่อเขตคลองสามวา สายไหม และบางเขน ซึ่ง กทม ต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีผลกระทบจำเป็นต้องหรี่ประตูระบายน้ำลง ซึ่งจะมีการหารือกับตัวแทนชาวลาดสวาย ปทุมธานีวันพรุ่งนี้(19พ.ย.) พร้อมเผยนักวิชาการได้ให้ความเห็นแล้วว่า การเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ให้กว้างขึ้นไม่ได้ช่วยลดระดับน้ำฝั่งปทุมธานี

ขณะที่ พ.อ.ปิยะพงษ์ กลิ่นพันธุ์ รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่12 รักษาพระองค์ เปิดเผยว่า การเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ 1 เมตร ยังไม่ส่งผลกระทบต่อนิคมอุตสาหกรรมบางชัน เช้านี้ระดับน้ำในคลองรอบนิคมลดลงเล็กน้อย คลองแสนแสบอยู่ที่95เซนติเมตร จากเดิม 97เซนติเมตร คลองหลอแหลอยู่ที่119เซนติเมตร จากเดิม 122เซนติเมตร และ บึงกระเทียม อยู่ที่ 106เซนติเมตร จากเดิม 107เซนติเมตร ส่วนถนนเสรีไทยแห้งหมดแล้ว ขณะที่แยกบางชัน-มีนบุรี ยังมีน้ำท่วมสูง 20-30เซนติเมตร และเช้าวันนี้เริ่มมีบางโรงงานทยอยนำกระสอบทรายที่กั้นไว้ออก

ไฟไหม้บ้านพักคนชราในออสเตรเลีย ตาย3เจ็บสาหัส8


18 พย. 2554 09:08 น.

เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักคนชราเควกเกอร์ ฮิลส์ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลียเมื่อเวลาราวตีห้า

เช้านี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 คนและวิตกว่าตัวเลขอาจเพิ่มขึ้น นอก

จากนี้ยังมีผู้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกราว 80 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 8 คน

ส่วนคนอื่นๆมีอาการสำลักควันหรือมีบาดแผลไฟไหม้เล็กน้อย

หัวหน้าหน่วยดับเพลิงและกู้ภัย บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นเหตุเพลิงไหม้บ้านพักคนชรา

ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 30 ปีของเมืองนี้นับตั้งแต่มีผู้สูงอายุเสียชีวิต 16 คนในบ้านพักคนชราแปซิฟิก
เมื่อปี 2524

นอกจากนี้เขาบอกว่านับเป็นฝันร้ายที่สุดของนักผจญเพลิงด้วย เมื่อต้องเข้าไปภายในและพบว่า

ผู้สูงอายุไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองออกจากสถานการณ์อันตรายได้ ภายในมีควันดำหนาทึบมาก

จนขนาดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่สวมหน้ากากยังมองอะไรไม่ค่อยเห็น แล้วผู้สูงอายุจะพยายามหนี

ออกมาได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ต้องพยายามคลานเข่าไปตามห้องต่างๆเพื่อค้นหาว่ามีผู้สูงอายุหลบ
อยู่ที่ไหนบ้าง ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าจะตรวจดูให้แน่ใจว่าทุกคนได้รับการช่วยเหลือออกไปจน
หมดแล้ว

ขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพื่อสอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้แล้ว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่

จากชุดสอบสวนวางเพลิงและเหตุฆาตกรรมมาร่วมตรวจเก็บหลักฐาน แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุป

สาเหตุ เบื้องต้นเชื่อว่าต้นเพลิงมาจากห้องนอนห้องหนึ่ง

กทม.รายงานน้ำจากศาลายาทะลักเข้าฝั่งธนไม่หยุด


18 พย. 2554 11:00 น.



ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยวาตภัยและดินโคลนถล่ม กรุงเทพมหานคร(กทม.) สรุปสถานการณ์น้ำช่วงเวลา 07.00 น. ว่า ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา วัดได้ 2,116 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวาน 75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนสถานการณ์น้ำภาพรวมในกรุงเทพฯ ฝั่งพระนครด้านดอนเมืองจตุจักร ระดับน้ำคลองเปรมประชากรตลอดลำคลองลดลง 2-4 ซม. ส่วนระดับน้ำคลองเปรมประชากรช่วงจตุจักรดอนเมืองยังคงล้นตลิ่ง ด้านสายไหมระดับน้ำคลองลาดพร้าวตลอดลำคลองลดลง 2-4 ซม.ขณะที่กรณีประชาชนเข้ารื้อแนวคันกั้นน้ำที่คลองหกวาสายล่างระดับน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ส่วนสถานการณ์น้ำฝั่งตะวันออกระดับน้ำคลองแสนแสบตลอดลำคลองระดับน้ำลดลง 1-4 ซม. คลองประเวศบุรีรมย์ตลอดลำคลองลดลง 1-2 เมตร ต้นคลองบางซื่อตลอดลำคลองลดลง 2-3 ซม. อย่างไรก็ตามฝั่งธนบุรียังคงมีน้ำจากศาลายาทะลักเข้ามาในพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่อง ส่วนระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ ช่วงคลองทวีวัฒนาลดลง 1 ซม. ขณะที่ระดับน้ำในคลองต่างๆของฝั่งธนบุรีลดลง 3-7 ซม.

.

จับตาการเรียงตัวของดาวเคราะห์ช่วงวันที่ 14 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม คศ 2011

ระดับความรุนแรง: มาก
ช่วงเวลา: Tue, 2011-11-15 - Sun, 2011-12-04

เราจะทำการทดลองการคาดการณ์ภัยพิบัติอีกครั้งด้วยทฤษฏีดาวเคราะห์เรียงตัวและปฏิกริยาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งได้ทำการพิสูจน์อย่างต่อเนื่องเพื่อนำเก็บสถิติปรับปรุงให้มีความเที่ยงตรงมากขึ้น

ในช่วงนี้คาดว่าจะเป็นช่วงที่จะมีแผ่นดินไหวบ่อยกว่าปกติโดยเฉพาะในระหว่างวันที่ 25-30 พฤศจิกายน และ

โลกมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเนื่องระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม

จากปฏิกริยาดวงอาทิตย์ที่คาดว่าจะรุนแรงเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ถึง 29 พฤศจิกายน


คาดการณ์ภัยพิบัติโดยดูปฏิกริยาดวงอาทิตย์

วันที่ 14 พฤศจิกายน พบแปลวพลังงานขนาดใหญ่ที่ดวงอาทิตย์

ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นในเวลา 22 UTC ซึ่งโลกจะมีความเสี่ยงสูงต่อภัยพิบัติระหว่างวันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน

ในรูปแบบของสภาพอากาศแปรปรวนและแผ่นดินไหวขนาด 6.5 ถึง 9 ริตเตอร์ ด้วยความน่าจะเป็น 85%



ลักษณะการระเบิดครั้งนี้มีความคล้ายคลืงกับเหตุการณ์วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010

ซึ่งมีแผ่นดินไหวขนาด 8.8 ริตเตอร์ที่ประเทศชิลีในอีก 3 วันหลังจากนั้น

ดังนั้นจึงแนะนำให้สังเกตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงนี้มากกว่าปกติโดยเฉพาะระหว่างวันที่ 16-18

เพื่อให้เกิดการแจ้งเตือนถ้ามีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที และใช้เป็นกรณีศีกษาในอนาคต

กำหนดอนาคตประเทศจากผังเมืองภาคสู่ผังเมืองไทย

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2011 เวลา 11:49 น. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ


ผอ.วิจัยทีดีอาร์ไอเผยผลศึกษา ตัวอย่างผังเมืองภาคสู่ผังเมืองไทย เช่น ผังประเทศ ผังภาค ผังอนุภูมิภาคและจังหวัดชายแดน ต้องเน้นเศรษฐกิจสีเขียว ลงทุน ถูกพื้นที่ และคุ้มค่า ชูศักยภาพพื้นที่เน้นอุตสาหกรรมเกษตรและบริการ ควรต้องโซนนิ่งพื้นที่เกษตรและอุตสาหกรรมให้เหมาะสม ไม่กระจัดกระจาย แสดงพื้นที่เสี่ยงภัย เป็นตัวอย่างเล็ก ๆ ของการวางแผนเพื่ออนาคต เนื่องจากการวางผังเมืองเป็นการกำหนดทิศทาง คาดการณ์อนาคตการเติบโตของประเทศทั้งในระดับประเทศ ภาค อนุภาค และจังหวัด แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนว่าประเทศไทยจะก้าวไปในทิศทางใด และเป็นจริงได้สักกี่มากน้อย “ผังเมือง” จึงเป็นคำถามเพื่ออนาคตจากวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้

ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน ฝ่ายการวิจัยทรัพยากรมนุษย์และ พัฒนาสังคม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่มีส่วนเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับการจัดทำผังประเทศ ผังภาคและผังอนุภูมิภาคในบางพื้นที่ของประเทศไทยในอีก 50 ปีข้างหน้า โดยทีดีอาร์ไอได้มีส่วนทำการศึกษาผัง กรุงเทพมหานคร ภาคอีสาน ผังกลุ่มจังหวัดชายแดน (มุกดาหาร สกลนคร นครพนม และสระแก้ว) และกลุ่มจังหวัดร้อย-แก่น-สาร-สินธุ์ (ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และ กาฬสินธุ์) พบข้อน่าห่วงใยหลายประการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมซึ่งจะมีการแข่งขันกันใช้ที่ดินค่อนข้างสูงและมีผลกระทบต่อกันและกัน การใช้พื้นที่ระหว่างอุตสาหกรรมกับการเกษตร จึงควรมีการจัดโซนนิ่งพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหรือศูนย์อุตสาหกรรมมิให้ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพในทางลบกับพื้นที่เพาะปลูกสำหรับพืชเกษตร 3 ส่วนหลักคือ พืชอาหาร พืชอาหารสัตว์ พืชพลังงาน เช่น การปลดปล่อยน้ำเสีย การกีดขวางเส้นทางน้ำหลาก น้ำไหล เป็นต้น

ทั้งนี้โครงการศึกษาเพื่อจัดทำกรอบการพัฒนาและแผนปฏิบัติการพัฒนาเมืองชายแดนฯ และโครงการวางผังข้อมูลของกลุ่มจังหวัด “ร้อย-แก่น-สาร-สินธุ์” เป็นกรณีตัวอย่างของการศึกษาเพื่อการวางผังกลุ่มจังหวัดและเมืองชายแดนสำหรับอนาคตประเทศว่าควรดำเนินการในทิศทางใดจึงสอดคล้องกับศักยภาพเฉพาะของแต่ละพื้นที่ มีการจัดทำแผนทั้งระยะสั้น(5 ปี) และแผนระยะกลาง (10-15 ปี )ที่ลงลึกถึงข้อมูลที่จำเป็น จัดทำฐานข้อมูลและกำหนดทิศทางการพัฒนาในรายละเอียดของแต่ละพื้นที่

ในส่วนของทีดีอาร์ไอดำเนินการในด้านเศรษฐกิจ ประเมินและมองทิศทางในอนาคต พบว่าต้องเป็นเศรษฐกิจแบบสีเขียวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม( clean and green) คือ เศรษฐกิจสร้างสรรค์และปลอดภัย มีการจัดโซนนิ่งจัดพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรมไม่ให้กระจัดกระจายโดยทำในลักษณะนิคมอุตสาหกรรมหรือศูนย์อุตสาหกรรมขนาดเล็ก มีการจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม มีการจัดโซนนิ่งพื้นที่ทางการเกษตรที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยไปตามธรรมชาติที่ใครมีที่ดินแล้วอยากทำอะไรก็ได้จนกระทบต่อโครงสร้างในการใช้ที่ดินซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อการเกษตรและเกษตรกรในภาพรวมในระยะยาว

ผลการศึกษาทั้งสองกลุ่มจังหวัดในภาคอีสาน ทำให้เห็นแนวทางการพัฒนาบนพื้นฐานศักยภาพของพื้นที่ โดยเน้นการประชาพิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรในพื้นที่ในช่วงเวลาต่าง ๆ ทำให้ได้ภาพรวมด้านเศรษฐกิจ ที่ยังเน้นพื้นที่ปลูกข้าว อ้อย และยางพารา แต่ควรปลูกในพื้นที่เหมาะสมไม่ใช่ใครอยากปลูกที่ไหน จังหวัดใดก็ได้ เช่น การนำยางพารามาปลูกในภาคอีสานและขยายตัวอย่างรวดเร็วจนตอนนี้ภาคอีสานมีพื้นที่ยางพารามากกว่า 1.5 ล้านไร่ การแข่งขันในเรื่องการผลิตพืชอาหาร พืชอาหารสัตว์ และพืชพลังงาน ต้องมีการจัดการให้สมดุล เพราะการมีพืชชนิดใด ชนิดหนึ่งมาก ๆ ย่อมมีผลกระทบต่อใช้ประโยชน์จากพืชอื่น จึงต้องมีการวางแผนการจัดแบ่งพื้นที่การปลูกพืชอาหารและพืชพลังงานให้สมดุลสอดคล้องกับความต้องการใช้ประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

การศึกษามีการกำหนดยุทธศาสตร์ตามศักยภาพความโดดเด่นของพื้นที่ในด้านต่าง ๆ เช่น เน้นการเป็นประตูการค้า อุตสาหกรรมที่สนับสนุนสินค้าที่จะส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงอินโดจีน และจีนตอนใต้ เน้นการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ภาคเกษตรยังเป็นส่วนสำคัญใหญ่สุดเนื่องจากเป็นทั้งวิถีชีวิตและแหล่งดำรงชีพของประชาชนส่วนใหญ่จึงควรสนับสนุนส่งเสริมไว้ พร้อมกับแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรค ได้แก่ ภาวะน้ำแล้งและน้ำท่วม ไม่มีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับเกษตร และปัญหาสภาพดินเสื่อมคุณภาพและดินเค็ม เป็นต้น
ดร.ยงยุทธ ยังกล่าวว่า ประเทศไทยติดกับดักอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามานานมากแล้ว แต่การก้าวไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วได้ต้องมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่ใช้จุดแข็งสิ่งที่เรามี คือ ฐานการผลิตด้านเกษตรเป็นตัวนำ เราเสนอว่าในแง่ผังเมืองควรมีการจัดโซนสำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจ ว่าพื้นที่ตรงไหนเหมาะสมกับการปลูกอะไร ซึ่งการกำหนดสัดส่วนพื้นที่ชัดเจน หากทำตามแผนที่วางไว้ก็จะเป็นผลดีต่อผู้อยู่อาศัยและประเทศชาติ

การวางผังภูมิภาคเป็นการคาดการณ์อนาคตการเติบโตของประเทศทั้งในระดับประเทศ ภาค อนุภาค และจังหวัดที่สอดรับกันสนับสนุนซึ่งกันและกัน จึงมีความสำคัญและเป็นสิ่งที่สาธารณชนควรรับรู้ และมีส่วนร่วม ทั้งนี้ในประเทศไทยมีหน่วยงานที่ทำเรื่องการกำหนดผังประเทศ ผังภาค และอนุภูมิภาคคือ สภาพัฒน์ฯและกรมโยธาธิการและผังเมือง ส่วนใหญ่สภาพัฒน์ฯจะเน้นในภาพรวมระดับประเทศ ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย มีการทำผังในทุกระดับตั้งแต่ผังประเทศ ผังภาค ผังอนุภูมิภาค และผังกลุ่มจังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินการความก้าวหน้ามากที่สุด โดยเป็นการมองไปในอนาคตข้างหน้าถึง 50 ปีซึ่งหน่วยงานทั้งสองของรัฐบาลนี้ควรจะต้องร่วมมือกันนำผลจากการศึกษามาใช้กำหนดทิศทางของประเทศในระยะยาว และสิ่งสำคัญควรผลักดันให้การใช้พื้นที่ในประเทศไทยเป็นไปตามผังเมืองที่กำหนดได้จริง.

รถไฟสายเหนือลำปางเปิดวิ่งแล้ว 4 ขบวน

ข่าวภูมิภาค วันศุกร์ที่ 18 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 12:45 น.
share

รถไฟสายเหนือลำปางเปิดวิ่งให้บริการ 4 ขบวน ช้าอีก 4 ชั่วโมง จากเหตุน้ำท่วม ส่วนประชาชนไม่หวั่นยังแห่ใช้คึกคัก


นายพนัส มงคลฤทธิ์ นายสถานีรถไฟนครลำปาง ยังคงให้ห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟ เปิดทำการจำหน่ายตั๋วรถไฟตามปกติ เพื่อบริการประชาชน และนักท่องเที่ยว ที่จะมาสอบถามการวิ่งของขบวนรถไฟ หรือ เพื่อใช้บริการขบวนรถไฟ ซึ่งขณะนี้รถไฟในสายเหนือทั้งขาขึ้น และขาล่อง ที่ยังเปิดวิ่งให้บริการ มีอยู่ 4 ขบวน เท่านั้น ซึ่งในวันนี้ ขบวนรถด่วนนครพิงค์ ที่ 1 จากกรุงเทพมหานคร วิ่งมาถึงสถานีรถไฟนครลำปาง ล่าช้าที่สุดถึง 4 ชั่วโมง โดยถึงสถานีรถไฟนครลำปาง เวลา 09.40 น. ตามปกติ จะต้องถึงเวลา 04.58 น. ดังนั้น จึงจะทำให้ขบวนรถไฟสายดังกล่าว ที่จะตีกลับจากต้นทาง จ.เชียงใหม่ ต้องล่าช้าออกไปด้วย จึงได้ออกประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ และประกาศขออภัยในความไม่สะดวก ในการบริการรถไฟทุกขบวน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมมานานกว่า 1 เดือนแล้ว แต่ถึงแม้จะส่งผลกระทบต่อขบวนรถไฟ แต่ก็มีประชาชนมาใช้บริการบ้าง ทำให้ขบวนรถไฟไม่เกิดความเงียบเหงา

สมุทรสาครเตรียมฟื้นฟู ต.อ้อมน้อย หลังควบคุมน้ำได้

ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาภาษีเจริญ สำนักชลประทานที่ 11 อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร แถลงข่าวแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของจังหวัด ว่า ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์น้ำในคลองภาษีเจริญและภาพรวมทั้งจังหวัดได้แล้ว แนวทางที่จะต้องดำเนินการในขั้นต่อไปคือ การเตรียมกู้และฟื้นฟูพื้นที่ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ที่ถูกน้ำท่วมให้กลับสู่สภาพเดิม โดยเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่เพื่อกำหนดจุดที่จะทำการสูบน้ำออกเป็นจุดๆ ไป เนื่องจากเทศบาลนครอ้อมน้อยมีเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ทำให้ไม่สามารถสูบน้ำทีเดียวได้ทั้งพื้นที่ จะต้องค่อยๆ สูบเป็นช่วงๆ ไป คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์หน้า.



บางขุนเทียนน้ำยังเพิ่มขึ้น ชาวชุมชนปักหลักไม่อพยพตาม กทม.เตือน

น้ำท่วมในพื้นที่เขตบางขุนเทียน พบว่าในซอยบางขุนเทียน 14 หรือซอยม่วงสกุล ติดกับพื้นที่เขตบางบอนและคลองสี่บาท ซึ่งกรุงเทพมหานครประกาศเป็นพื้นที่อพยพไปแล้ว ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งซอยระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระดับน้ำตั้งแต่ 40 เซนติเมตรถึง 1 เมตร ชาวบ้านกว่า 2,000 คนยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่รับจ้างในโรงงานปลากระป๋อง 3 แห่ง รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าก็ยังยืนยันจะค้าขายและอยู่ดูแลบ้านในพื้นที่ต่อไป แม้ว่าน้ำจะเริ่มส่งกลิ่นเหม็นและมีขยะจำนวนมากกับยุงชุกชุม ขณะที่บนถนนพระราม 2 ซอยต่าง ๆ ยังมีระดับน้ำสูง เช่น ซอย 61 น้ำเอ่อล้นจากคลองรางแก้วระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร ชาวบ้านเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสูบน้ำและดูแล ขณะที่บริเวณสถานีสูบน้ำคลองสนามชัย ซึ่งเป็นเส้นทางระบายน้ำหลักไปสู่คลองมหาชัยออกสู่ทะเล ได้เพิ่มเครื่องสูบน้ำอีก 5 ตัว ช่วยระบายน้ำได้เพิ่ม 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่สำนักงานเขตบางขุนเทียนได้จัดเตรียมศูนย์พักพิงไว้ที่โรงเรียนศาลเจ้าในซอยใกล้กัน รองรับได้ถึง 400 คน แต่มีผู้อพยพเข้าไปไม่ถึง 30 คนเท่านั้น.-


สถานการณ์น้ำ ถ.พุทธมณฑลสาย 5 น้ำสูง 1.20 เมตร

สถานการณ์น้ำล่าสุดที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ระดับน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 10 - 20 เซนติเมตร แต่ในบางพื้นที่ ระดับน้ำยังสูงถึง 50 เซนติเมตร รวมถึง ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ลดลงเพียงเล็กน้อย โดยระดับน้ำยังสูงมากกว่า 1.20 เมตร ส่งผลให้ต้องใช้เรือ และรถจีเอ็มซีของทหาร สัญจรเพียงเท่านั้น ส่วนทางด้านโรงงานอุตสาหกรรมใน อ.สามพราน ได้มีการนำกระสอบทราย และบิ๊กแบ็กมาตั้งเป็นคันกั้นน้ำ โดยมีความสูงไม่ต่ำกว่า 1 เมตร

 

กู้ถนนสาย 340เสร็จแล้ว

18 พฤศจิกายน 2554 เวลา 10:49 น. |เปิดอ่าน 543 | ความคิดเห็น 1
ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,

รมว.คมนาคม เผย กู้ถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนดอนเมืองยังไม่เริ่มหวั่นกระทบชาวบ้าน

พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต รมว. คมนาคม กล่าวว่า การกู้ถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่การสัญจรยังคงติดขัดเนื่องจากมีรถยนต์ของประชาชนที่นำมาจอดหนีน้ำจอดตามรายทาง ทำให้เหลือพื้นผิวการจราจรเพียงเลนเดียวในบางช่วง ขณะที่บางแห่งยังคงมีน้ำขังเล็กน้อย โดยแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวและใช้ถนนพระราม 2 เป็นหลัก

ส่วนแผนการกู้ท่าอากาศยานดอนเมืองยังคงยึดแนวทางเดิมด้วยการวางแนวคันกั้นน้ำเพื่อไม่ให้น้ำจากถนนวิภาวดี-รังสิต เข้ามาเพิ่มเติม และจะไม่มีการสูบน้ำออกจากพื้นที่เนื่องจากกังวลว่าประชาชนในชุมชนรอบข้างจะได้รับผลกระทบ โดยจะปล่อยให้น้ำแห้งไปตามธรรมชาติ ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำลดลงพอสมควร

ทั้งนี้ หากพื้นที่รอบข้างปริมาณน้ำลดลงและคลองต่างๆ สามารถระบายน้ำได้ดีก็จะสูบน้ำออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองต่อไป

ปิดเส้นทางสายหลัก-รอง ที่น้ำยังท่วมสูง



นย์ควบคุมและสั่งการจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล สรุปเส้นทางสายหลักและสายรองที่ยังปิดการจราจรเนื่องจากน้ำท่วม ...

วันที่ 18 พ.ย. ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล สรุปเส้นทางสายหลักและสายรองที่ยังปิดการจราจร เนื่องจากน้ำท่วม ดังนี้

ด้านทิศเหนือ จำนวน 8 เส้นทาง

1.ถ.พหลโยธิน ขาเข้า–ขาออก ปิดการจราจรถึงแยกรัชโยธิน

2. ถ.วิภาวดีรังสิต ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจรถึงทางเข้า ถ.เทศบาลสงเคราะห์ (วัดเสมียนนารี)

3.ถ.รัชดาภิเษก ขาเข้า–ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่ทางต่างระดับรัชวิภาถึงแยกรัชโยธิน 4. ถ.นวมินทร์ ขาเข้า- ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกรามอินทรา กม.8 ถึง ถ.นวมินทร์ ซ.111

5. ถ.รามอินทรา ขาเข้า–ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกวงเวียนบางเขน ถึงรามอินทรา กม.1 (เซ็นทรัล รามอินทรา)

6. ถ.ประเสริฐมนูญกิจ (เกษตร-นวมินทร์) ขาเข้า–ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกเกษตร ถึงแยกลาดปลาเค้า

7. ถ.แจ้งวัฒนะ ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่วงเวียนบางเขน ถึงแยกคลองประปา

8. ถ.งามวงศ์วาน ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกบางเขน ถึงแยกเกษตร

ทิศเหนือ ถนนสายรอง ปิดการจราจร จำนวน 20 เส้นทาง

1. ถ.ช่างอากาศอุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 75 ซม.

2. ถ.เลียบคลองสอง ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 75 ซม.

3. ถ.จันทรุเบกษา ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม.

4. ถ.วัชรพล ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม.

5. ถ.เพิ่มสิน ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม.

6. ถ.สุขาภิบาล 5 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม.

7. ถ.สายไหม ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 40 ซม.

8. ถ.เทิดราชันย์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 75 ซม.

9. ถ.กำแพงเพชร 6 ตั้งแต่ตัด ถ.งามวงศ์วาน ถึงสุดเขตนครบาล (สน.ดอนเมือง) ระดับน้ำ 60 ซม.

10. สรงประภา ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 55 ซม.

11. ถ.เชิดวุฒากาศ ปิดกาจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 75 ซม.

12. ถ.โกสุมร่วมใจ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 55 ซม.

13. ถ.เดชะตุงคะ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 65 ซม.

14. ถ.เวฬุวนาราม ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 45 ซม.

15. ถ.นาวงประชาพัฒนา ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 50 ซม.

16. ถ.บูรพา (ดอนเมือง) ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 35 ซม.

17. ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 5 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม.

18. ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 14 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 95 ซม.

19. ถ.พระยาสุเรนทร์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม.

20. ถ.คู้บอน ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม.

ทิศตะวันตก ถนนสายหลักปิดการจราจร จำนวน 4 เส้นทาง

1. ถ.เพชรเกษม ขาเข้า-ขาออก จากแยกพุทธมณฑลสาย 4 ถึงคลองบางไผ่ ระดับน้ำ 50-60 ซม.

2. ถ.สิรินธร ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ ซ.สิรินธร

5 (ห้างตั้งฮั่วเส็ง) ถึงทางต่างระดับสิรินธร ระดับน้ำ 40 ซม.

3. ถ.อรุณอมรินทร์ แยกอรุณอมรินทร์-ถึงสะพานอรุณอมรินทร์ ระดับน้ำ 30-40 ซม.

4. ถ.บรมราชชนนี ตั้งแต่ ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ถึง ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ระดับน้ำ 30-40 ซม.



ถนนสายรองด้านทิศตะวันตก ปิดการจราจร จำนวน 12 เส้นทาง

1. ถ.สวนผัก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกกาญจนา ถึงสะพานข้ามทางรถไฟ ระดับน้ำ 30-40 ซม.

2. ถ.บางระมาด ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.กาญจนา ถึงตัด ถ.ราชพฤกษ์ ระดับน้ำ 50-60 ซม.

3. ถ.ทวีวัฒนา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึงตัดคลองบางไผ่ 30-40 ซม.

4. ถ.พุทธมณฑลสาย 1 ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ขนส่งรถไฟสายใต้ ถึงคลองบางไผ่ ระดับน้ำ 30-40 ซม.

5. ถ.ทุ่งมังกร ขาเข้า–ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัด ถ.สวนผัก ระดับน้ำ 30 ซม.

6. ถ.ฉิมพลี ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกทุ่งมังกร ถึงหน้า สน.ตลิ่งชัน ระดับน้ำ 20 ซม.

7. ถ.ชัยพฤกษ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัดวัดชัยพฤกษ์ ระดับน้ำ 30-40 ซม.

8. ถ.บางแวก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึง สน.บางเสาธง ระดับน้ำ 30-40 ซม.

9. ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 20-30 ซม.

10.ถ.พุทธมณฑล สาย 3 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 50-80 ซม.

11. ถ.อุทยาน ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 50-70 ซม.

12. ถ.ศาลาธรรมสพน์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60-120 ซม.

ทิศตะวันออก ถนนสายหลัก ปิดการจราจร จำนวน 1 เส้นทาง คือ

ถ.สุวินทวงศ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกตัด ถ.ราษฎร์อุทิศ ถึงแยกพาณิชยการมีนบุรี ระดับน้ำ 40-60 ซม.

ขณะที่ถนนสายรอง ปิดการจราจรใน 2 เส้นทาง คือ

1.ถ.ราษฎร์อุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม.

2. ถ.หทัยราษฎร์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกตัด ถ.สุวินทวงศ์ ถึง ซ.หทัยราษฎร์ 1 ระดับน้ำ 50 ซม.

ด้านทิศตะวันตก-ใต้ ปิดการจราจรถนนสายรอง 4 เส้นทาง

1. ถ.พัฒนาการ (บางแค) ขาเข้า–ขาออก ตลอดสาย ระดับน้ำ 60 ซม.

2. ถ.กำนันแม้น ขาเข้า–ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.เทอดไท ถึงตัด ถ.กัลปพฤกษ์ ระดับน้ำ 40-80 ซม.

3. ถ.เทอดไท ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-60 ซม.

4. ถ.บางแค–บางบอน (บางบอน 1 ) ขาเข้า – ขาออก ตลอดสาย ระดับน้ำ 30-40 ซม.



โดย: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์

18 พฤศจิกายน 2554, 11:00 น.

ฝั่งธนฯน้ำทะลักต่อเนื่อง คลองเปรมประชากรจตุจักร-ดอนเมืองยังล้นตลิ่ง

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 11:28:03 น.
Share

ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยวาตภัยและดินโคลนถล่ม กรุงเทพมหานคร(กทม.) สรุปสถานการณ์น้ำช่วงเวลา 07.00 น. เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ว่า ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา วัดได้ 2,116 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวาน (17 พ.ย.) 75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนสถานการณ์น้ำภาพรวมในกรุงเทพฯ ฝั่งพระนครด้านดอนเมืองจตุจักร ระดับน้ำคลองเปรมประชากรตลอดลำคลองลดลง 2-4 ซม. ส่วนระดับน้ำคลองเปรมประชากรช่วงจตุจักรดอนเมืองยังคงล้นตลิ่ง

ด้านสายไหมระดับน้ำคลองลาดพร้าวตลอดลำคลองลดลง 2-4 ซม.ขณะที่กรณีประชาชนเข้ารื้อแนวคันกั้นน้ำที่คลองหกวาสายล่างระดับน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ส่วนสถานการณ์น้ำฝั่งตะวันออกระดับน้ำคลองแสนแสบตลอดลำคลองระดับน้ำลดลง 1-4 ซม. คลองประเวศบุรีรมย์ตลอดลำคลองลดลง 1-2 เมตร ต้นคลองบางซื่อตลอดลำคลองลดลง 2-3 ซม. อย่างไรก็ตามฝั่งธนบุรียังคงมีน้ำจากศาลายาทะลักเข้ามาในพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่อง ส่วนระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ ช่วงคลองทวีวัฒนาลดลง 1 ซม. ขณะที่ระดับน้ำในคลองต่างๆของฝั่งธนบุรีลดลง 3-7 ซม.

.

ระดับน้ำ ถ.สุขาภิบาล 5 สูง 30-35 ซ.ม.

เจ้าหน้าที่เขตสายไหม ระบุ การรื้อแนวกระสอบทราย

ของชาวลำลูกกา น้ำเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1-2 ซ.ม. เท่านั้น

       ระดับน้ำบน ถนนสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม มีน้ำท่วมสูง

ตลอดเส้นทางประมาณ 30 - 40 ซ.ม. โดยบริเวณหน้าสำนักงาน

เขตสายไหม มีน้ำท่วมสูงประมาณ 35 ซ.ม. ซึ่งการสอบถาม

เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขต ระบุว่า ระดับน้ำหน้าสำนักงาน

เขตเคยสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 50 - 60 ซ.ม. แต่ได้ลดลงมาเรื่อยๆ

และหลังจากมีการพังคันดินกั้นน้ำที่คลองหกวา ประมาณ

7 ชั่วโมง ก่อนจะมีการปิดกั้นสำเร็จ เมื่อวานนี้ระดับน้ำ

ได้เพิ่มสูงขึ้น 1 - 2 ซ.ม. 

       ส่วนบรรยากาศที่ สำนักงานเขตสายไหม ตอนนี้

มีประชาชนเดินทางมายื่นหนังสือ เพื่อรับเงินชดเชยบ้านที่

ประสบอุทกภัยหลังละ 5,000 บาท อย่างต่อเนื่อง

Credit : INN

 5 แยกลาดพร้าวปกติปชช.หวั่นน้ำท่วมอีก

สถานการณ์น้ำ ห้าแยกลาดพร้าว

เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว

ประชาชนหวั่นการเปิดแนวบิ๊กแบ็ก

ทำให้น้ำกลับมาท่วมอีก

       สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ล่าสุด

ในวันนี้ระดับน้ำเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว บนถนนแห้งไม่มีน้ำท่วมขัง

เมื่อเปรียบเทียบจากเมื่อวาน ช่วงเย็นที่ผ่านมา ยังมีระดับน้ำสูง

ประมาณ 5 - 10 ซ.ม. ขณะเดียวกัน ยังมีประชาชน

มีความเป็นห่วง ในกรณีการเปิดแนวคันบิ๊กแบ็กที่บริเวณ

ถนนพหลโยธิน ว่า อาจจะส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมที่

บริเวณห้าแยกลาดพร้าว และถนนบริเวณดังกล่าวอีกครั้ง 

       อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ระดับน้ำจะลดลงแล้ว แต่บน

ท้องถนนยังคงมีปริมาณเศษขยะ และดินโคลน ที่รอการ

ทำความสะอาดอยู่เป็นจำนวนมาก

Credit : INN

ประธานชุมชนประตูน้ำจุฬาฯ เรียกร้องประชาชน

อย่าทิ้งขยะลงน้ำ วอนเจ้าหน้าที่มาช่วยเก็บขยะ

เพราะสร้างปัญหาในการระบายน้ำ 

         จากการสำรวจปริมาณขยะ ในชุมชนตลาดรังสิต

และบริเวณใกล้เคียง พบว่า มีขยะและสิ่งปฏิกูลจำนวนมาก

ที่ยังคงลอยอยู่ในน้ำทั้งใน ถนนรังสิต - ปทุมธานี ด้านหน้า

หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ภายในตลาดสดรังสิต

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะสด ที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่า โดยขยะเหล่านี้

ส่วนหนึ่งจะลอยออกไปลงสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์

ก่อนไหลลงกันไปรวมอยู่รอบๆ เครื่องสูบน้ำของประตูระบายน้ำ

จุฬาลงกรณ์ ซึ่งหากขยะเหล่านี้ เข้าไปติดภายใน ก็จะทำให้

เครื่องสูบน้ำ หยุดทำงานได้ 

Credit : INN

 หมู่บ้านรัตนโกสินทร์200ปีน้ำท่วมสูง1-2ม.

สถานการณ์น้ำในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ล่าสุด

พบว่า น้ำท่วมสูง 1 - 2 ม. บริเวณถนนรังสิต - ปทุมธานี

ซอย 21 ท่วมสูงกว่า 1 ม.

      จากการสำรวจระดับน้ำในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี

พบว่า ปากซอยระดับน้ำสูง 1.30 เมตร ส่วนบริเวณท้ายซอย

สูงกว่า 2 เมตร ซึ่งประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ ต้องใช้ชีวิต

ด้วยความยากลำบาก เพราะบางส่วนถูกตัดกระแสไฟฟ้า

รวมถึงยังขาดแคลนอาหารและเรือพายที่ต้องนั่งเข้ามา

ภายในหมู่บ้าน ขณะที่ ถ.รังสิต -ปทุมธานี ช่วงระหว่างทางลง

โทลล์เวย์ จนถึงสะพานข้ามทางรถไฟสายเหลือ สถานีรังสิต

พบว่าระดับน้ำยังคงท่วมสูง โดยบริเวณ ถ.รังสิต - ปทุมธานี

ซอย 21 พบว่าระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ส่วนระดับน้ำเหนือ

รางรถไฟสถานีรังสิต ภายหลังจากประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์

เพิ่มปริมาณการสูบน้ำ พบว่า ระดับน้ำยังสูงกว่ารางรถไฟ

60 เซนติเมตร

Credit : INN

เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด!! ผู้รอดชีวิตจาก

เหตุแผ่นดินไหวตุรกี ต้องจบชีวิตลง

หลังไฟไหม้ศูนย์อพยพ

     สำนักข่าวท้องถิ่นของประเทศตุรกี รายงานเหตุเพลิงไหม้

ภายในที่พักชั่วคราวสำหรับผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว

2 ครั้ง ทางตะวันออกของตุรกี เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน

เป็นเด็กชายวัย 6 ปี 1 คน และพี่สาววัย 12 ปี อีก 1 คน

โดยพบเสียชีวิตภายในเต็นท์ 

    นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บจากเหตุ

เพลิงไหม้ที่หมู่บ้านคาร์ปูซาลัน ในเมืองแวน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว