วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 07:56 น. 

ความรุนแรง ต่อต้านรัฐบาลอียิปต์ ยังไม่ยุติ

กลุ่มสิทธิมนุษยชน อ้าง มีคนดับเพิ่ม

        สถานการณ์ในอียิปต์ กองกำลังฝ่ายความมั่นคง

ปะทะดุเดือดกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลบริเวณ พื้นที่

จตุรัสทาห์เรียร์ กลางกรุงไคโร ติดต่อกันวันที่ 5

กลุ่มสิทธิมนุษยชน อ้างว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น จากเหตุรุนแรง

ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา 

         ชาวอียิปต์หลายหมื่นคน เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล

เฉพาะกาล ซึ่งมาจากคนในกองทัพ โดยกลุ่มผู้ประท้วง

ไม่พอใจรัฐบาลเฉพาะกาลทหาร ซึ่งให้คำมั่นต่อประชาชน

เร่งจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีขึ้นบริหารประเทศให้ได้

ภายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หรือ ภายในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

แต่ไม่ดำเนินการดังกล่าว ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงพยายาม

เคลื่อนไหวเรียกร้องถึง จอมพล ฮุสเซน ทันทาวี บุคคลสำคัญ

ในรัฐบาลเฉพาะกาลและอดีตรัฐมนตรี สมัยประธานาธิบดี

ฮอสนี มูบารัค ซึ่งถูกประชาชนลุกฮือประท้วงโค่นอำนาจ

ขับไล่สำเร็จ ตั้งแต่เดือน ก.พ. ให้ลาออกจากตำแหน่ง

เพราะจอมพลทันทาวี ดำเนินการเลือกตั้ง

ไม่ได้ตามคำมั่นสัญญา

        ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตร

แนบแน่นยาวนานกับอียิปต์ เรียกร้องถึง รัฐบาลเฉพาะ

กาลอียิปต์ ให้เร่งดำเนินกระบวนการผ่องถ่ายอำนาจปกครอง

ระบอบประชาธิปไตย สู่รัฐบาลพลเรือนโดยเร็ว 

Credit : INN

ข่าวสังคม วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 08:02 น. 

สถานการณ์น้ำ แยก คปอ. เช้านี้ ถ.พหลโยธิน

น้ำเพิ่มจากวานนี้ 22 ซ.ม. ขณะที่ด้านนอก

คันกั้นน้ำบิ๊กแบ็กเดิม ลดลง 4 ซ.ม.

        สถานการณ์น้ำท่วม บริเวณแยก คปอ. ถ.พหลโยธิน

ขณะนี้ ระดับน้ำสูงกว่า 50 ซ.ม. โดยในขณะนี้

กระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก ได้ถูกรื้อออกไปหมดแล้ว

โดย น.ท.ชัยณรงค์ ปุจฉาการ ได้กล่าวกับสำนักข่าว

ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ทางเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศ จะทำการ

วัดระดับน้ำ วันละ 2 ครั้ง คือช่วงเช้าและช่วงบ่าย โดยวันนี้

ระดับน้ำสูง 50 ซ.ม. โดยลดลงจากเมื่อวาน 4 ซ.ม. ในส่วน

ของเส้น ถ.พหลโยธิน นั้น ระดับน้ำสูง 32 ซ.ม. แต่หลังจาก

รื้อระดับน้ำสูงขึ้น ถึง 54 ซ.ม. โดยเพิ่มขึ้น 22 ซ.ม.

น.ท.ชัยณรงค์ ยังกล่าวอีกว่า บริเวณแยกพลับพลา ซึ่งเป็น

แยกก่อนถึงตลาดสะพานใหม่นั้น ระดับน้ำสูงขึ้นอีก 3 ซ.ม.

ด้วยเช่นกัน

Credit : INN

ข่าวสังคม วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 08:57 น. 

สว.จร.สน.ประเวศ เผย น้ำเอ่อจากท่อรอบสอง

เข้าท่วมถนนกรุงเทพกรีฑา ตัดศรีนครินทร์

ประชาชนตื่นตระหนก หลังน้ำแห้งมาหลายวัน

จราจรเริ่มติดขัด

          พ.ต.ท.ณรงค์วิช สุดกังวาล สว.จร.สน.ประเวศ เปิดเผย

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้ ได้มีน้ำเอ่อจากท่อระบายน้ำ

ริมถนนกรุงเทพกรีฑา ตัดกับถนนศรีนครินทร์ อีกครั้ง

โดยกินระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร แต่ระดับน้ำ

ไม่สูงมากนัก ส่วนใหญ่จะท่วมในช่องทางจราจรด้านซ้าย

รถเล็กยังสามารถสัญจรผ่านไป แต่การจราจรเริ่มติดขัด

ส่งผลถึงถนนลาดพร้าว และถนนศรีนครินทร์ บ้างแล้ว

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน

ต่างตื่นตกใจ เนื่องจากจุดดังกล่าวน้ำได้แห้งไปหลายวันแล้ว

Credit : INN

วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 10:29 น. 

สถานการณ์น้ำท่วมสงขลา ล่าสุด

ประสบอุกทกภัยแล้ว 3 อำเภอ

พื้นที่เกษตรเสียหายยับ

อ.สะบ้าย้อย ดับแล้ว 1 ราย

ฝนยังตกต่อเนื่องทั่วทั้งจังหวัด

      สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา

รายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สงขลา โดยในภาพรวมขณะนี้

เกิดน้ำท่วมแล้วใน 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ควนเนียง อ.จะนะ

และ อ.สะบ้าย้อย โดยน้ำท่วมส่วนใหญ่เกิดขึ้นในที่ลุ่มและ

พื้นที่เชิงเขา รวมทั้งพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะใน

อ.สะบ้าย้อย ซึ่งมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย

แต่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลในรายละเอียด

ว่ามีสาเหตุมาจากน้ำท่วมหรือไม่ ขณะที่สถานการณ์ใน

จ.สงขลา ขณะนี้ยังคงมีฝนตกติดต่อกันต่อเนื่องตลอดทั่วทั้ง

พื้นที่ 16 อำเภอ และเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมขยายวงกว้างมากขึ้น

Credit : INN

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 10:48 น. 

นายก อบจ.เชียงใหม่ ชี้ สถานการณ์ภัยหนาว

เชียงใหม่ ในปีนี้ จะมีความรุนแรงมากกว่าปีที่แล้ว

ขณะประกาศพื้นที่ประสบภัยหนาวแล้ว 2 อำเภอ

         นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหาร

ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปีนี้สถานการณ์ภัยหนาว

จะรุนแรงกว่าปีก่อน เนื่องจากปัญหาอุทกภัยที่มีความรุนแรง

โดยคาดการณ์ว่าจะหนาวนานไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า

และแม้จะเป็นผลดีกับบรรยากาศการท่องเที่ยว แต่จะเป็นผล

กระทบกับประชาชน โดยเฉพาะคนที่อยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับ

น้ำทะเลเกิน 1,000 เมตร เช่น อ.อมก๋อย อ.แม่แจ่ม

อ.กัลยาณิวัฒนา อ.ฝาง อ.แม่อาย อ.ไชยปราการ อ.เวียงแหง

ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบทุกปี ซึ่งเบื้องต้นปีนี้คาดว่า

จะมีผู้ประสบภัยไม่ต่ำกว่า 200,000 ราย ทางองค์การบริหาร

ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดตั้งงบประมาณไว้ 40 ล้านบาท

เพื่อจัดซื้อเครื่องนุ่งห่มกันหนาว โดยจะเร่งช่วยเหลือทันทีที่

จ.เชียงใหม่ ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากภัยหนาว

ล่าสุด มีการประกาศแล้ว 2 อำเภอ คือ อ.สะเมิง และ อ.อมก๋อย

Credit : INN

 น้ำท่วมนนท์ พัสดุ ตกค้างกว่า 3 แสนชิ้น

ข่าวอาชญากรรม วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 12:59 น.

น้ำท่วมนนทบุรี ส่งผลให้ ไปรษณียภัณฑ์

ที่ส่งไป 4 อำเภอ ตกค้างอยู่มากกว่า 320,000 ชิ้น

        นายสุวพันธ์ วาดเขียน ผู้จัดการฝ่ายไปรษณีย์

นครหลวงเหนือ กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมใน จ.นนทบุรี

ทำให้ล่าสุดมีไปรษณียภัณฑ์ ที่ส่งไปในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ

อ.บางใหญ่ อ.บางกรวย อ.ไทรน้อย และ อ. บางบัวทอง

ตกค้างอยู่มากกว่า 320,000 ชิ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่น้ำท่วมสูง

จึงเป็นอุปสรรคต่อระบบขนส่ง ส่วนพื้นที่ อ.เมืองนนทบุรี และ

ปากเกร็ด มีน้ำท่วมเฉลี่ย 20% ขณะนี้ถือว่า ยังนำจ่ายให้ผู้รับได้

แต่ก็ยอมรับว่า ค่อนข้างล่าช้า ส่วนการเปิดให้บริการไปรษณีย์

ในพื้นที่ 4 อำเภอ ขณะนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจาก

ยังต้องประเมินระดับน้ำ และความเสียหาย พร้อมกันนี้ยืนยันว่า

จะเร่งกู้ระบบการโอนเงินออนไลน์ เพื่อให้ประชาชน สามารถ

โอนเงินผ่านไปรษณีย์ ทั้ง 4 แห่ง ได้เร็วที่สุด

       นอกจากนี้ ผู้จัดการฝ่ายไปรษณีย์นครหลวงเหนือ

ได้กล่าวถึง ประชาชน ที่ต้องการตรวจสอบจุดตกค้างของ

ไปรษณียภัณฑ์ อาทิ พัสดุ จดหมาย และสิ่งพิมพ์ ที่ตกค้าง

โดยสามารถสอบถามได้ที่ หมายเลข 1545

ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ไปรษณีย์ไทย

Credit : INN

วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 17:19 น. 

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 19:50 น. 

อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พบแผ่นดินทรุด ลึก 40 ม.

คาดเกิดจากภัยธรรมชาติ และโรงถลุงแร่

ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว

       นายสกล จันทรักษ์ นายอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช

เดินทางไปยังหมู่ที่ 10 ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง หลังจากรับแจ้ง

เหตุแผ่นดินยุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่โดยไม่ทราบสาเหตุ

สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ

ในสวนยางพาราและสวนผลไม้ของชาวบ้าน แผ่นดินได้ยุบตัว

ลงเป็นหลุมขนาดใหญ่กินเนื้อที่ไปประมาณ 2 ไร่ ลึกประมาณ

40 เมตร ขณะนายอำเภอฉวาง ตรวจสอบดูที่เกิดเหตุ

ดังกล่าวพบว่า สาเหตุที่ยุบตัวของแผ่นดินนั้นมาจาก

ภัยธรรมชาติ เนื่องจากอยู่ใกล้ลำคลองและน้ำแทรกซึม

เข้าใกล้ดิน ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือ ห่างออกจากหลุม

ที่เกิดเหตุมีเหมืองแร่ยิปซัม 3 เหมืองด้วยกัน และทางเหมือง

มีการจุดระเบิดเอาแร่ทุกวัน ซึ่งแรงสั่นสะเทือนของระเบิด

อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แผ่นดินแยกและยุบตัวลง

ซึ่งตนจะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยา

ให้มาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้

ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ

Credit : INN

อนุโมทนาสำหรับทุกข่าวนะค่ะ

น้องหญิง

สาธุ จ๊ะ

พี่ทรายก็อยู่ทางใต้ค่ะ

พี่ทรายอยู่หาดใหญ่ตอนนี้ฝนตกหนัก

ทั่วภาคใต้เลยจ๊ะ

ก็ได้แต่เตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติทางน้ำแล้วจ๊ะ

แต่ได้แค่ไหนแค่นั้นแล้วแหละ

ตอนนี้อยากโกยบุญให้มากที่สุดจ๊ะ

 อนุโมทนาค่ะพี่ไอซ์

หญิงพอเห็นข่าวน้ำท่วมภาคใต้

ก็นึกถึงคำที่อาจารย์แม่ท่านเคยบอกเหมือนกันคะ

โดนกันทั่วประเทศเลยจริงๆ

แต่สิ่งเดียวที่จะช่วยได้

หลายๆคนกลับมองข้ามเน๊อะ........

กรรมของคนมีกรรม....จริงๆค่ะ

******************************

อนุโมทนาสาธุค่าพี่ทราย

หวังว่าแถวบ้านพี่ทรายน้ำคงยังไม่ท่วมนะคะ

เพราะเห็นว่ามีสงขลาด้วย

ยังไงก็ติดตามข่าว...และก็ดูแลตัวเองด้วยนะค๊า 

ข่าวต่างประเทศ วันศุกร์ที่ 25 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 07:46 น. 

เกิดเหตุระเบิด ทางตอนใต้ของอิรัก หลังทหารสหัรฐฯ

ถอนกำลังออกจากพื้นที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย

เจ็บนับ 10 ราย 

        สื่อต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกัน

3 จุด บริเวณ ตลาดนัดติดแอร์ ในเมืองบาสร่า ทางตอนใต้

ของอิรัก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บหลายสิบคน

โดยมีรายงานระบุว่า หนึ่งในจำนวนของผู้เสียชีวิต มีทั้ง

เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ของอิรัก รวมอยู่ด้วย ซึ่งทางผู้มี

อำนาจระดับสูง ห้ามเจ้าหน้าที่ไม่ให้บอกรายละเอียดใดๆ

กับนักข่าว 

          ซึ่ง คามาล อาลี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เผยกับผู้สื่อข่าวว่า

ระเบิดลูกแรกถูกจุดฉนวนบริเวณหน้าร้านขายเสื้อผ้า จากนั้น

ตนจึงวิ่งเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ อีก 5 นาทีต่อมา ระเบิด

ลูกที่ 2 ได้ถูกจุดขึ้นอีก ตนเห็นผู้คนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด

กันแบบอลหม่าน ต่อมาเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือ

และระเบิดลูกที่ 3 จึงถูกจุดขึ้นอีก ทำให้เจ้าหน้าที่ ที่เข้าไป

ช่วยเหลือได้รับบาดเจ็บ 
 
          ทั้งนี้ สื่อระบุ เหตุดังกล่าว เป็นเหมือนสัญญาณเตือนว่า

ความรุนแรงในอิรัก จะกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ทางสหรัฐฯ

ได้มีการยุติภารกิจในอิรัก และเริ่มทยอยถอนทหารกลับประเทศ

ไปบางส่วน

Credit : INN

อนุโมทนากับน้องหญิงเหมือนเดิมจร้า..

และขอบคุณที่เป็นห่วงนะจ๊ะ

น้องหญิงก็ดูแลตัวเองด้วยนะจ๊ะ

เพราะได้ข่าวมาว่าไปบ้านสวนคราวนี้

อาจโดนจัดหนัก...555

ล้อเล่น! นะจ๊ะ

****************

ข่าวทุกวันนี้มีแต่เรื่องและก็เรื่องจริง ๆ เลย

จะพูดไปโลกจะพังก็เพราะน้ำมือมนุษย์นี่แหละเน๊อะ!

ข่าวสังคม วันศุกร์ที่ 25 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 12:47 น. 

ขสมก. แจ้งเดินรถเพิ่ม เส้นพหลโยธิน

และวิภาวดีรังสิต สาย 29, 26, ปอ.26,

ปอ.555 และ ปอ.510 ในวันนี้

    องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งให้ประชาชน

รับทราบเรื่องการเดินรถ หลังน้ำลดบริเวณเส้นทาง

ถ.พหลโยธิน และ ถ.วิภาวดีรังสิต เนื่องจากขณะนี้

ถนนเส้นดังกล่าวน้ำที่ท่วมขังเริ่มลดลงแล้ว และมีประชาชน

ต้องการใช้เส้นทางนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ขสมก. จึงได้

ทำการเดินรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ

ตามเส้นทางปกติ ผ่านบริเวณดัง กล่าวประกอบด้วย สาย 29

วิ่งเส้นทางหลักสี่ - หัวลำโพง สาย 26 วิ่งเส้นมีนบุรี -

รามอินทรา - พหลโยธิน - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยเป็น

รถโดยสารธรรมดา และรถโดยสานปรับอากาศ สาย 26

วิ่งเส้นมีนบุรี - รามอินทรา - พลหลโยธิน -

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สาย 555 วิ่งเส้นหลักสี่ -

สนามบินสุวรรณภูมิ และสาย 510 วิ่งเส้น

ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต - โทลล์เวย์ - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

และ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ - วิภาวดีรังสิต - หลักสี่ 

    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 ในเวลา

05.00 - 24.00 น. เป็นต้นไป ประชาชนสามารถสอบถาม

ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ ขสมก. 184

Credit : INN

 ปทุมฯพบผู้ป่วยโรคฉี่หนูรายแรกแล้ว

พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูรายแรก ที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

แพทย์กักตัวรักษา เตือน กำลังระบาด 

         ที่โรงพยาบาลปทุมธานี น.พ.ทรงพล ชวาลตันพิพัทธ์

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้

พบผู้ป่วยโรคฉี่หนู เป็นรายแรกที่ อ.สามโคก มารักษาตัว

ทราบชื่อ นายอธิเทพ ปาณลักษณ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่

111/151 หมู่ 1 ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

สาเหตุมาจากเดินลุยน้ำรอบบ้านและถูกปลิงดูดที่น่อง

เกิดอาการปวดศีรษะ ตัวร้อน เป็นไข้ จึงได้มาพบแพทย์

ที่โรงพยาบาล เมื่อแพทย์สั่งตรวจเลือดจึงพบว่าเป็นโรคฉี่หนู

ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อมาจากฉี่ของสัตว์

เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นแหล่งรังโรค เช่น หนู วัว ควาย เชื้อโรคนี้

มีชีวิตอยู่ในน้ำได้หลายเดือน และเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล

จึงแจ้งเตือนประชาชน ไม่จำเป็นอย่าลงไปเดินลุยน้ำ

และช่วงนี้น้ำขังเป็นแอ่ง จึงไม่น่าให้เด็กลงไปเล่นน้ำด้วย

และหากป่วยเป็นโรคดังกล่าวและรักษาไม่ทัน

อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

Credit : INN

ฝนตกหนักต่อเนื่อง ในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช

ล่าสุด ประกาศภัยพิบัติแล้ว 3 อำเภอ

        จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกาศเขตภัยพิบัติ 3 อำเภอ

จากสถานการณ์ที่ฝนตกติดต่อมาหลายวันทำให้พื้นที่

จ.นครศรีธรรมราช เกินน้ำท่วมฉับพลัน ในหลายอำเภอนั้น

ล่าสุดวันนี้มีหลาย อำเภอ ที่ถูกน้ำท่วมและยังมีน้ำทรงตัวอยู่

ได้ลดระดับลงบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หลังเกิดฝนตกหนัก

ในช่วงที่ผ่านมาทาง จ.นครศรีธรรมราช ได้เปิดศูนย์อำนวยการ

เฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย

และดินโคลนถล่ม 

       สำหรับวันนี้ ศูนย์อำนวยเฉพาะกิจได้ประกาศพื้นที่

ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ใน 3 อำเภอ คือ อ.พระพรหม

อ.ชะอวด และ อ.นบพิตำ โดยพื้นที่ อ.พระพรหม ได้เกิด

อุทกภัย 4 ตำบล เดือดร้อน 40 หมู่บ้าน 430 ครัวเรือน

พื้นที่ชะอวด อ.ชะอวด เดือดร้อน 1,875 ครัวเรือน ส่วน

อ.นบพิตำ 4 ตำบล คือ ต. กรุงชิง ต.นบพิตำ ต.นาเหรง

ต.กะหรอ เดือดร้อน 4,012 ครัวเรือน

Credit : INN

 ขออนุโมทนาบุญกับคุณแมวคนสวย  ผู้มากด้วยความรู้ที่ให้พี่น้องชาวบ้านสวนได้รับข่าวสารกันทุกท่าน ขอขอบพระคุณที่ให้ความรู้กับผู้ด้อยโอกาสที่ได้พบเห็นภาพเหล่านี้  ขอขอบพระคุณมาก ๆ 

อ.บางกรวย นนทบุรี น้ำลดต่อเนื่อง ถ.นครอินทร์

เหลือน้ำท่วมขังแค่เลนซ้าย แต่ถนนที่จะไป

อ.บางบัวทอง ยังมีน้ำท่วมขังสูง 40-50 ซ.ม.

รถเล็กผ่านไม่ได้ น้ำเน่า มีกองขยะจำนวนมาก

       สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ล่าสุดที่

ถ.นครอินทร์ ระดับน้ำ ลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในช่องทาง

การจราจรช่องซ้าย ซึ่งบางช่วง ระดับน้ำประมาณ 10 ซ.ม.

ส่วนถนนที่จะมุ่งหน้าไป อ.บางบัวทอง ช่วงใต้สะพานกลับรถ

มีน้ำท่วมขังสูง ประมาณ 40 - 50 ซ.ม. รถเล็ก ยังไม่สามารถ

สัญจรไปได้ โดยจุดที่น้ำท่วมขัง ขณะนี้ น้ำเป็นสีดำ

และมีตระไคร้น้ำเกาะตามพื้นถนน และในขณะนี้ได้มีรถบรรทุก

ของกองทัพบก มาให้บริการรับส่งประชาชนเข้าออกแล้ว

ทั้งนี้พื้นที่บางจุดที่น้ำลดลง พบกองขยะและเศษไม้จำนวนมาก

ซึ่งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือ ชาวบ้าน มาทำความสะอาด

Credit : INN

ข่าวสังคม วันเสาร์ที่ 26 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 09:02 น. 

ระดับน้ำ ย่านรังสิต ลดลงต่อเนื่อง แต่

บริเวณหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี

น้ำยังสูงกว่า 1 เมตร ปชช. ยังคงต้องอาศัย

รถทหารในการสัญจร น้ำเน่า

เพราะท่วมขังนานกว่า 1 เดือน 

       สถานการณ์ บนถนนรังสิต ปทุมธานี ขณะนี้ระดับน้ำ

ยังสูง อยู่ที่ 40 - 50 ซ.ม. แม้ว่า น้ำจะลดระดับลง

บ้างแล้วก็ตาม แต่ภายในซอย บางจุดน้ำยังสูงถึงระดับเข่า

ประมาณ 60 ซ.ม. ขณะที่ ภายในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี

น้ำยังสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งความเป็นอยู่ของประชาชนในย่านนี้

ค่อนข้างลำบาก ต้องเดินทางด้วยรถกระบะยกสูง รถบรรทุกของ

ทหาร หรือ เรือ เท่านั้น จากการสังเกตพบว่าลักษณะของน้ำ

ในขณะนี้ส่งกลิ่นเน่าเหม็นมาก และมีสีดำคล้ำ เนื่องจาก

บริเวณนี้น้ำได้ไหลเข้าท่วมขัง ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม

ที่ผ่านมา ซึ่งนานกว่า 1 เดือนแล้ว

Credit : INN

“ยุงรำคาญ” พาหะนำเชื้อไข้สมองอักเสบอื้อ/ปี 54 ป่วยไข้เลือดออกตาย 56 ราย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2554 09:14 น.

Share



กรมควบคุมโรค พบยุงรำคาญมากสุด พาหะนำเชื้อไข้สมองอักเสบ แต่ยืนยันไม่พบการระบาด มีวัคซีนป้องกันอยู่แล้ว ขณะที่ช่วงน้ำท่วมห่วงยุงลาย ก่อไข้เลือดออก พบผู้ป่วยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันรวม 6 หมื่น




ยุงลาย

นพ.วิชัย สติมัย ผอ.สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สำหรับยุงที่พบในประเทศไทยนั้นมี 4 ชนิด ประกอบด้วย 1.ยุงรำคาญ ซึ่งพบมากกว่าร้อยละ 80 เนื่องจากยุงชนิดนี้จะบินไกลถึง 1-2 กิโลเมตร ซึ่งสามารถจำแนกยุงรำคาญที่มักพบในไทยได้ 3 ชนิด คือ 1.ยุงรำคาญ (Culex gelidus) มักพบตามท่อน้ำ ชอบบินข้างหู กัดเจ็บ แต่ไม่นำโรค แม้ในบางประเทศเคยมีรายงานการติดเชื้อไข้สมองอักเสบจากการโดนยุงชนิดดังกล่าวกัด แต่ในประเทศไทยยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ป่วยเป็นไข้สมองอักเสบจากการโดนยุงชนิดนี้กัด 2.ยุงรำคาญ (Culex quiquefasciatus) เป็นพาหะนำโรคเท้าช้าง แต่พบว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากไม่ถึงร้อยละ 1 และ 3.ยุงรำคาญ (Culex Tritaeniorhynchus) ซึ่งพบว่ายุงชนิดนี้เป็นพาหะนำเชื้อไข้สมองอักเสบ เจอี แต่เนื่องจากประเทศไทยมีมาตรการในการให้วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบชนิดนี้อยู่แล้ว จึงไม่พบการระบาดของโรคนี้ โดยยุงชนิดนี้มักพบตามฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เช่น หมู ม้า เป็นต้น



ยุงรำคาญ

นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า 2.ยุงลาย พบประมาณ 10% ซึ่งลูกน้ำยุงลายสามารถเติบโตได้ในแหล่งน้ำนิ่ง และเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก แต่ธรรมชาติของยุงลายจะบินไม่ไกล ประมาณ 100-200 ม.ดังนั้น จึงไม่ควรมีแหล่งน้ำขังอยู่ภายในบ้าน หากเลี่ยงไม่ได้ควรที่จะหาทางลดการสัมผัสกับยุงโดยการจุดยากันยุง นอนกางมุ้ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปัจจุบันยังเกิดปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยต้องไปพักที่ศูนย์พักพิงจำนวนมาก ทำให้อาจจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้ ทางกรมควบคุมโรค โดยสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง จึงมีการเฝ้าระวังตามศูนย์พักพิงต่างๆ ซึ่งขณะนี้พบจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากขึ้น แต่ยังอยู่ในจำนวนที่น้อย ซึ่งยังไม่ถือเป็นนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตาม ทางสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลงยังต้องจำเป็นแนะนำวิธีการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายตามศูนย์พักพิงต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับยุงชนิดที่ 3 และ 4 คือ ยุงเสือ และยุงก้นป่อง โดยทั้งสองชนิดรวมกันมีรายงานการพบไม่10 % ซึ่งในส่วนของยุงเสือ จะพบตามผักตบชวา ซึ่งเป็นพาหะทำให้เกิดโรคเท้าช้าง ขณะที่ยุงก้นป่อง มีรายงานว่าพบตามแหล่งน้ำทิ้งบ้าง แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการระบากของโรคมาลาเรีย เพราะการระบาดของโรคนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อยุงก้นป่องไปกัดคนที่เป็นมาลาเรียแล้วไปกัดคนอื่นต่อเท่านั้น

"สำหรับตัวเลขผู้ป่วยไข้เลือดออกตั้งแต่ต้นปี 2554 ถึงปัจจุบันพบ 64,000 ราย เสียชีวิต 56 ราย ขณะที่ปี 2553 พบผู้ป่วย 100,000 ราย เสียชีวิต 100 ราย ซึ่งไม่แตกต่างหรือน่ากังวลนัก” นพ.วิชัย กล่าว ว่าราย เสียชีวิตแล้ว 56 ราย

ลมหนาวมา พาให้น้ำ "แข็ง"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2554 17:25 น.

ผู้จัดการออนไลน์ / เอเอฟพี - ความหนาวเหน็บแทรกซ่านไปทั่วทุกอณู อาศัยสายลมหอบอุณหภูมิต่ำจัดกระทบวัตถุธาตุ ทั้งที่มีชีวิตและมวลสารอื่น ๆ รอบกรุงปักกิ่ง ทำให้น้ำค้างปลายใบไม้เปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง

เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ช่างภาพเก็บภาพน้ำค้างแข็งบนเรือนยอดและปลายใบของต้นไม้ ทอดย้อยห้อยสวยคล้ายโคมไฟในโรงแรมหรู

ด้วยอุณหภูมิที่เหมือนอยู่ในตู้แช่แข็ง ทำให้รัฐบาลจีนต้องออกประกาศเตือนว่าประชาชนอาจประสบปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอในเหมันตฤดูนี้ เนื่องจากราคาถ่านหินขยับสูงขึ้น และปัญหาภัยแล้งทำให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำไม่สามารถผลิตจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอ

ทัศนาภาพน้ำค้างแข็งตระการตาที่ปลายใบไม้ กรุงปักกิ่ง (ภาพเอเอฟพี)











 

สถานการณ์ ที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

ชาวบ้านได้เร่งอพยพสิ่งของ สัตว์เลี้ยง ขึ้นที่สูง

หลัง ระดับน้ำในหมู่บ้านเพิ่มสูงต่อเนื่อง

ระบายน้ำลงทะเลยาก น้ำทะเลหนุน

             สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ล่าสุด

ชาวบ้านหัวป่าเขียว ท้องที่หมู่ 7 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน

จำนวน 147 ครัวเรือน ต้องเร่งขนย้ายสิ่งของ สัตว์ลี้ยง วัว

ควาย ขึ้นที่สูงเป็นการด่วน หลังระดับน้ำในหมู่บ้านเพิ่มขึ้น

ตลอดเวลา เนื่องจากน้ำจากฝายท่าแนะ ในอำเภอศรีบรรพต

ที่ไหลผ่านเข้าอำเภอควนขนุน ตั่งแต่วันจันทร์ ได้ไหลลงมา

เอ่อท่วมพื้นที่ ก่อนที่น้ำก้อนดังกล่าวไหลลงทะเลน้อย

แต่ก็เป็นไปได้อย่างช้า ๆ เนื่องจาก น้ำทะเลหนุน จึงทำให้

น้ำท่วมพื้นที่ดังกล่าวสูง ในขณะพื้นที่ ต.มะกอกเหนือ ต.ปันแต

ต.พนางตุง อ.ควนขนุน ตำบลปรางหมู่ ตำบลชัยบุรี

ตำบลพญาขัน ต.ลำปำ อำเภอเมือง ตำบลเขาชัยสน

ต.จองถนน ตำบลควนขนุน ตำบลโคกม่วง ตำบลหารโพธิ์

อำเภอเขาชัยสน ตำบลฝาละมี ตำบลดอนประดู่

ตำบลเกาะหมากตำบลเกาะนางคำ อำเภอปากพะยูน

ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา น้ำยังคง

ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร และถนนทางเข้า

หมู่บ้าน อย่างต่อเนื่องบางแห่งระดับน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตร

ประชาชนใช้เรือในการเดินทาง

Credit : INN

น้ำท่วมนราฯยังวิกฤตแม่น้ำสายหลัก 3 สาย ล้นตลิ่งแล้ว

นราธิวาส - แม่น้ำ 3 สายหลัก จ.นราธิวาส ล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎร ประชาชนต้องใช้เรือแทนรถยนต์

วันนี้ (25 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า บรรยากาศโดยทั่วไปยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เบาบางกว่า 3 วันที่ผ่านมา แต่น้ำป่าที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ในพื้นที่ อ.สุคิริน ซึ่งมีปริมาณมากได้ไหลบ่าทะลักลงมาสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก ส่งผลทำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ตลอดแนวของริมตลิ่งในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง จำนวนกว่า 1,000 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

ทั้งนี้ มีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 180-200 ซม. โดยเฉพาะชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก มีสภาวะน้ำท่วมขังหนักสุด อยู่ที่ระดับ 210 ซม.

นอกจากนี้ บริเวณย่านธุรกิจของอำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งตั้งอยู่ ถ.เจริญเขต ซอย 1 ชาวบ้านใช้เรือยนต์เป็นพาหนะแทนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์แล้ว หากมีกิจธุระที่จะเดินทางไปยังโลกภายนอก

ส่วนแม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี ซึ่งเป็นอีก 2 แม่น้ำสายหลักนั้น ล่าสุดระดับน้ำได้เอ่อล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎรแล้ว โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 50-80 ซม. มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จำนวนกว่า 2,500 ครัวเรือน ถนนสายหลักในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมขัง จนยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถที่จะแล่นผ่านได้ จำนวนทั้งสิ้นกว่า 159 สาย พื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วมขังทั้งสิ้นกว่า 15,289 ไร่ บ่อเลี้ยงปลา กุ้ง ถูกน้ำท่วม 45 แห่ง

ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มจังหวัดนราธิวาส รายงานว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ได้อพยพชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ จำนวน 5 ชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอสุไหงโก-ลก จำนวน 41 ครัวเรือน รวม 224 คน ไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพโรงเรียนเทศบาล 4 แล้ว และหากสถานการณ์ฝนที่ตกลงมายังหนักถึงหนักมากอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์น้ำท่วมจะขยายวงกว้างทั้ง 13 อำเภอ สถานศึกษาต่างๆ รวมทั้งสถานที่ราชการอาจจะต้องหยุดทำการ และปิดการเรียนการสอนเป็นการฉุกเฉิน
 

ถนนพหลโยธิน ขาเข้า จนถึงแยก คปอ.

น้ำสูง 90 บางจุดสูง 1 เมตร . การสัญจรของ ปชช.

ต้องใช้เรือเท่านั้น พบมีการทยอยรถที่จมน้ำ

ออกจากพื้นที่ 

    สถานการณ์น้ำบน ถ.พหลโยธิน ขาเข้ามาจน ถึงแยก คปอ.

ขณะนี้ระดับน้ำยังสูงประมาณ 90 ซ.ม. ซึ่งบางจุดสูง 1 เมตร

การเดินทางของประชาชนต้องสัญจรด้วยเรือเพียงเท่านั้น

ขณะที่พบว่า มีการขนย้ายรถยนต์ ที่ถูกน้ำท่วมทั้งคัน ทยอย

ออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยตลอดเส้นทางอาคารบ้านเรือน

ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน ต้องปิดทำการลงชั่วคราว ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา

ทางด้านการช่วยเหลือของการเดินทาง ขณะนี้มี รถจีเอ็มซี

และเรือของทหาร คอยรับส่งประชาชนอยู่ตลอดเวลา

Credit : INN

มะกันพบเด็กติดเชื้อไวรัสมรณะชนิดใหม่ 3 ราย คาดแพร่จากคนสู่คน



ทางการสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ล่าสุดในประเทศเป็นเด็ก 3 ราย ในมลรัฐไอโอวา โดยผู้ติดเชื้อไม่มีประวัติการสัมผัสกับหมูมาก่อน คาดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการนี้ อาจมีการติดต่อจากคนสู่คน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ว่า ทางการสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดในประเทศเป็นเด็ก 3 ราย ในมลรัฐไอโอวา คาดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเชื้อเอช 1 เอ็น 1 อาจมีการติดต่อจากคนสู่คน

รายงานข่าวซึ่งอ้างสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ "ซีดีซี" ระบุว่า เด็กทั้ง 3 รายในมลรัฐไอโอวาได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดยทั้งหมดมีอาการป่วยในช่วงแรกคล้ายกับผู้ที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลทั่วไป แต่ผลจากการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า เป็นเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่มียีนคล้ายกับเชื้อไวรัสชนิดเอช 1 เอ็น 1 ที่เคยแพร่ระบาดไปทั่วโลก จนคร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อยไปกว่า 14,286 ราย เมื่อปี 2009

การพบผู้ป่วยเป็นเด็ก 3 คน จากมลรัฐไอโอวาในครั้งนี้ ส่งผลให้ยอดรวมของเชื้อไข้หวัดมรณะสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดในสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 10 รายจาก 4 มลรัฐแล้ว นับตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นมา และการที่ผู้ติดเชื้อไม่มีประวัติการสัมผัสกับหมูมาก่อน ทำให้คาดว่าเชื้อไวรัสชนิดล่าสุดอาจมีการติดต่อจากคนสู่คน.

โดย: ไทยรัฐออนไลน์

26 พฤศจิกายน 2554, 15:10 น.

พบอีก! ปฏิทินวันสิ้นโลก ของชนเผ่ามายา



ขณะที่ผู้เชียวชาญเตรียมเดินทางไปสำรวจ อม้จะมีคำทักท้วงว่าการแปลภาษาบนศิลาจารึกอันแรกจะผิดเพี้ยนไปก็ตาม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่ประเทศเม็กซิโก ได้มีการค้นพบปฏิทินอันที่ 2ที่อ้างถึงวันสิ้นโลกปี 2012 ของชนเผ่ามายาเพิ่มอีก 1ฉบับ ซึ่งปฏิทินฉบับล่าสุดถูกจารึกไว้ในปราสาทโคมัลคัลโคที่ตั้งอยู่ในประเทศ

ซึ่งผู้เชียวชาญเองยืนยันว่ามีการค้นพบจริง แต่ทางการเม็กซิโกได้ทำการเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดีมานานหลายปีแล้ว ขณะเดียวกันก็ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้ออกมาแสดงความเห็นว่า คำทำนายวันสิ้นโลกของชนเผ่ามายาอันแรก ที่สลักไว้บนศิลาจารึก อาจมีการแปลภาษาแบบผิดๆ จนเกิดความคลาดเคลื่อน และทำให้เกิดความตื่นกลัวไปทั่วโลก

แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งผู้เชี่ยวชาญด้านชนเผ่ามายาราว 60 ที่กำลังเดินทางไปยังสถานที่ที่พบศิลาจารึก เพื่อหาข้อสงสัยเกี่ยวกับจุดจบของยุคหนึ่ง และจุดเริ่มต้นของอีกยุคหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้

 

สถานการณ์ น้ำท่วม จ.พัทลุง ตายแล้ว 1

ที่ อ.ปากพะยูน ขณะ 5 อำเภอ ริมทะเลสาบ

น้ำสูง 80 ซ.ม. - 1 เมตร ปชช. ได้รับความเดือดร้อน 

      ผู้สื่อข่าว รายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า สถานการณ์

น้ำท่วมในพื้นที่ จังหวัดพัทลุง ล่าสุด พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว

1 ราย ทราบชื่อคือ นาย ทิพย์ บุญโท อายุ 53 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 159 ม.9 ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง

ถูกกระแสน้ำพัด จมเสียชีวิต ขณะเดินข้ามสะพานกลับบ้าน

เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพัทลุง ช่วยกันงมศพนานหลายชั่วโมง

กว่าจะเอาขึ้นมาจากน้ำที่ไหลเชี่ยวได้

     ขณะที่ ระดับน้ำในพื้นที่ริมทะเลสาบ 5 อำเภอ ประกอบด้วย

อ.ควนขนุน อ.เมือง อ.เขาชัยสน อ.ปากพะยูน และ อ.บางแก้ว

ยังคงท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรและถนน

ทางเข้าหมู่บ้าน โดยความสูงเฉลี่ย 80 ซ.ม. - 1 เมตร

ประชาชน ยังใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก และสภาพอากาศ

จนถึงขณะนี้ ฝนได้หยุดตกเป็นช่วง ๆ แต่ทะเลยังคงมีคลื่นลมแรง

Credit : INN

เกิดทอร์นาโดครั้งร้ายแรงที่สุดตั้งแต่ปี 1999 ที่ประเทศเดนมาร์ก



Orkan på Færøerne den 24/11 2011. Foto: Høgni Heinesen
Færøerne blev natten til fredag ramt af den værste orkan siden 1999. Med vindstød på helt op til 56,6 m/s eller hvad der svarer til mere end 200 km/t ramte orkanen især den sydligste ø, Suderø.
Orkanen er ifølge TV 2|VEJRET"s oplysninger den værste siden den 15. januar 1999, hvor man målte middelvinde på hele 50 m/s på øen Mykines.
Takket være den færøske avis, Nordlysid og TV 2|VEJRETs seere, kan vi nu vise billeder både fra da orkanen hærgede, men også da ødelæggelser skulle gøres op her til morgen.
Billederne fra Nordlysid.fo er taget i byen Klaksvik i den nordøstlige del af Færøerne - og altså ikke dér, hvor vinden var allerkraftigst.
Du kan se billederne via linket i linkboksen til højre.
Den voldsomme storm har fredag eftermiddag kurs mod Norge, hvor man forventer et af de værste uvejr i flere år med op til 30 meter høje bølger i Norskehavet.
Vejret.tv2.dk vil opdatere og vise flere billeder i løbet af dagen efterhånden som de kommer ind.

[url=http://vejret.tv2.dk/artikel/id-46048075:se-de-vilde-billeder-fra-nattens-orkan-p%C3%A5-f%C3%A6r%C3%B8erne.html]Se de vilde billeder fra nattens orkan p

พายุฝนกระหน่ำหลายพื้นที่ชายฝั่งศรีลังกา เสียชีวิต 14 คน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2554 15:41 น. 

       ศูนย์จัดการภัยพิบัติแห่งชาติศรีลังกา รายงานว่า เกิดเหตุฝนตกหนักและลมแรงพัดถล่มหลายพื้นที่แถบชายฝั่งทางภาคใต้ของประเทศ วานนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน ชาวประมงสูญหายอีกกว่า 30 คน และบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเกือบ 1,500 หลัง

เกิดพายุลมแรงพัดเข้าชายฝั่งทางใต้ของศรีลังกา



The gusty winds that blew across the Southern coastal belt left eight persons dead and affected thousands yesterday. A total of 6,153 persons belonging to 1,281 families were affected by the inclement weather around the country.
Matara district reported the highest number of people affected by the bad weather.
The Police and Security Forces along with government officials were deployed to provide relief to the affected. Over 120 houses were fully damaged and 1,025 houses partially damaged by the gale.
According to a spokesman at the Disaster Management Centre, the highest number of deaths were reported from the Matara district.
Traffic on many roads in the Matara, Galle and Hambantota districts were obstructed due to trees falling on roads while the power supply was also interrupted in the area. The highest number of affected persons were reported from the Matara and Weligama Divisional Secretariat divisions.
Roofs of a number of houses including schools in the Matara district were blown off.
Badulla, Batticaloa, Moneragala, Anuradhapura and Polonnaruwa districts also experienced heavy rain. Sluice gates of Nachchaduwa tank and Kala Wewa in the Anuradhapura district were opened with the water reaching spill level.
Over 700 persons belonging to 204 families were affected in the Batticaloa district.
A number of schools and houses were partly damaged due to the gusty winds experienced along the coastal belt from Tangalle to Ambalangoda.
According to the Matara District Disaster Management Co-ordinator Capt S C K Balasooriya the wind cause damages to many properties in the coastal belt. Roofs of many houses in the coastal belt in Matara have been blown away. Disaster Management Centre officials said the damage caused by the gusty winds has not been estimated.
 

ซาบซึ้ง! ชาวผู้ดีลากเปียโนขึ้นเขาเมืองกาญจน์ เล่นเพลงช่วยช้างตาบอด (ชมคลิป)

พอล บาร์ตัน หนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษ วัย 50 ปี ลงทุนขนเปียโนขึ้นภูเขาของพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าจังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย เพื่อบรรเลงเพลงคลาสสิกของบีโธเฟน ให้แก่บรรดาช้างตาบอด โดยหวังจะเรี่ยไรเงินบริจาคและรวบรวมส่งต่อเป็นความช่วยเหลือแก่โขลงช้างป่าพิการเหล่านี้

       เดลิเมล์ - ชายชาวอังกฤษเติมเต็มใฝ่ฝันบรรเลงเพลงบีโธเฟนให้ช้างตาบอดฟังสมใจปรารถนา หลังลากเปียโนขึ้นไปเล่นกล่อมโขลงช้างบนยอดเขาแห่งหนึ่งในไทย เว็บไซต์เดลิเมล์รายงานเมื่อวันศุกร์(25)
       
       พอล บาร์ตัน หนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษ วัย 50 ปี ลงทุนขนเปียโนขึ้นภูเขาของพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าจังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย เพื่อบรรเลงเพลงคลาสสิกของบีโธเฟน ให้แก่บรรดาช้างตาบอด โดยหวังจะเรี่ยไรเงินบริจาคและรวบรวมส่งต่อเป็นความช่วยเหลือแก่โขลงช้างป่าพิการเหล่านี้

 

 

ทั้งนี้ พอล ซึ่งเกิดในยอร์คเชียร์และและภรรยา ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย เมื่อ 16 ปีที่แล้ว เพราะต้องการใกล้ชิดกับช้างมากขึ้น
       
       “มันคือของขวัญวันเกิดครบรอบ 50 ปี ของตัวผมเอง ทั้งภรรยา และผม ได้ทำงานช่วยเหลือช้างตาบอดมานานหลายปีแล้ว และผมก็คิดว่า มันคงเป็นสิ่งที่ช้างน่าจะชอบฟัง ผมนั่งลง และนึกขึ้นว่า จะเล่นเพลงอะไรให้ช้างฟังล่ะ คุณมีเวลาสั้นๆ เท่านั้นนะ ดังนั้นเมื่อผมลองเปิดหาในหนังสือ ก็เจอกับบทเพลง ′สโลว มูฟเมนท์ 2′ จากบีโธเฟ่น แพตธิทีค โซนาตา” เขากล่าว
       
       เขาบอกต่อว่า“ผมต้องลากเปียโนขึ้นไปบนเขา ทั้งที่เป็นคนมีปัญหาปวดหลังแท้ๆ แต่ผมอยากพยายามดูสักครั้ง เพื่อให้รู้ว่า เราได้ผ่านความท้าทายของตัวเองแล้ว”

ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2554 02:45 น.
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000150714

.

 

ตำรวจหนองคาย ช่วยเหลือสุนัข หลังคนร้ายเตรียมส่งขายเวียดนาม

       

เจ้าหน้าที่ในจังหวัดนครพนม เข้าช่วยสุนัขจำนวนมาก หลังถูกขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติใจโหดจับใช้ลวดมัดปาก เพื่อเตรียมส่งไปปรุงเป็นเมนูคลายหนาวที่ประเทศเวียดนาม

ตำรวจภูธรนครพนม เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม เข้าช่วยเหลือสุนัขจำนวนกว่า 60 ตัว ที่ถูกขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติใจโหด จับใช้ลวดมัดปากอย่างทารุณไม่ให้ส่งเสียงร้อง ขังไว้อย่างแออัดในกรง บนรถกระบะนิสสัน ทะเบียน บง – 311 นครพนม

จากการสอบสวนเชื่อว่าคนร้ายตระเวนรับซื้อสุนัขในพื้นที่จังหวัดนครพนมและใกล้เคียง ตามคำสั่งซื้อของพ่อค้าสุนัขที่ประเทศเวียดนาม ราคาตัวละ 2,000 บาท เพื่อนำสุนัขไปปรุงเป็นเมนูอาหารคลายหนาว ขณะเตรียมส่งลงเรือริมแม่น้ำโขงในพื้นที่บ้านดอนแพง ตำบลบ้านแพง

เจ้าหน้าที่พบผิดสังเกตจึงเข้าตรวจสอบ แต่คนขับไหวตัวทิ้งรถหลบหนีไปได้ สุนัขทั้งหมดจะถูกส่งไปตรวจสุขภาพและเลี้ยงไว้ที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม ซึ่งปัจจุบันมีสุนัขที่ถูกขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติ จับมาเลี้ยงไว้เกือบ 700 ตัว


สำนักข่าวไทย
Mthai News วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2554

มาเเล้ว!

หวัดดุชิดซ้าย “เอดส์กลายพันธุ์” ร้ายตัวจริง!!

ชี้ เชื้อแพร่ง่าย หวั่นดื้อยา


ขณะที่“ไวรัส” ก่อโรคไข้หวัดใหญ่ กำลังเขย่าขวัญชาวโลก อันเนื่องจากการ “กลายพันธุ์” เจ้าไวรัสที่ก่อโรคร้ายอีกชนิดหนึ่งก็เพิ่มดีกรีคุกคามชีวิตมนุษยชาติ โดยเริ่มที่ไทย มากขึ้น - ร้ายขึ้น อย่างเงียบเชียบ...

กว่าจะถูกค้นพบและเป็นข่าวขึ้นมา...ก็น่ากลัวยิ่งขึ้นแล้ว...

มันคือ “ไวรัสเอดส์กลายพันธุ์”

ที่ร้ายกว่าไวรัสหวัดใหญ่!!

“เอดส์ (AIDS)” หรือ “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) เดิมก็มีมากกว่า 1 สายพันธุ์อยู่แล้ว ล่าสุดทีมวิจัยโรงพยาบาลศิริราชได้ตรวจพบหญิงไทย 2 รายติดเอดส์สายพันธุ์ผสม “สายพันธุ์ใหม่” ที่ไม่เคยพบมาก่อน อีกทั้งยังพบถึง 2 สายพันธุ์ใหม่ คือ สายพันธุ์เอจี/ดี (AG/D) และ สายพันธุ์เออี/จี (AE/G) ซึ่งที่ผ่านมานั้นเอดส์สายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะในไนจีเรีย ส่วนสายพันธุ์ในไทยส่วนใหญ่จะเป็นเอ/อี (A/E)

ดังนั้น การค้นพบนี้จึงน่ากังวล!!

ทั้งนี้ ข้อมูลจากงานสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 12 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอดส์ทั่วโลกราว 33.2 ล้านคน เป็นผู้ใหญ่ประมาณ 30.8 ล้านคน มีผู้หญิงติดเชื้อ 15.4 ล้านคน เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ประมาณ 2.5 ล้านคน และคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 ล้าน คนทั่วโลก คาดว่าจะมีเด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-24 ปี ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40

สำหรับในประเทศไทย ในปี 2552 คาดการณ์ว่ามีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ 1,127,168 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มราว 11,753 ราย

กล่าวสำหรับเอดส์ 2 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในไทย แม้ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะระบุในเบื้องต้นประมาณว่า “ไม่ได้ร้ายแรงกว่าสายพันธุ์ปกติ” ที่เคยพบ สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่แล้วได้ แต่กระนั้น...การเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น การป้องกันการแพร่ระบาดของเอดส์ในไทย ทั้งสายพันธุ์เดิม และโดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรวมถึงประชาชนคนไทยด้วย

กับเรื่องนี้ รศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ความเข้าใจผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า...

การพบไวรัสเอชไอวี 2 สายพันธุ์ใหม่ในไทยคือเอจี/ดีกับเออี/จีนั้น

ที่จริงก็ถือว่าเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นได้ในกระบวนการทางจุลชีววิทยาการกลายพันธุ์ของไวรัส ซึ่งกับเอดส์สาย พันธุ์ประจำถิ่นของไทยสายพันธุ์เก่าอย่างเอ/อี และรวมถึงสายพันธุ์บี (B) จะว่าไปแล้วสายพันธุ์เก่าดั้งเดิมอย่างเอ/อีถือว่าน่ากลัวและดุกว่าทั้ง 2 สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบ

“แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องกังวลก็คือเรื่องการผสมข้ามสายพันธุ์ไปมามากขึ้นไปอีก เพราะอาจจะทำให้เชื้อไวรัสมีประสิทธิภาพในการต่อต้านหรือ ดื้อต่อยาต้านไวรัสมากขึ้น!!”

หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา ม.มหิดล แจกแจงถึงระดับความรุนแรงของเชื้อเอชไอวีแต่ละสายพันธุ์ ต่อไปว่า...ในอดีตการระบุความรุนแรงของเอดส์แต่ละสายพันธุ์ จะดูที่ “อัตราการเสียชีวิต” จากระยะเวลานับตั้งแต่ผู้ป่วยได้รับเชื้อเข้าไปในร่างกาย โดยสายพันธุ์เอ/อีจะเป็นสายพันธุ์ที่ดุกว่าสายพันธุ์บี คือ เมื่อได้รับเชื้อแล้วจะมีอัตราการเสียชีวิตภายใน 8 ปี ขณะที่สายพันธุ์บีอยู่ที่ 11 ปี นับตั้งแต่รับเชื้อเข้าไป

แต่ในปัจจุบันใช้วิธีเดิมไม่ได้แล้ว “ต้องดูกันที่เรื่องของอัตราการดื้อยา” แทน ซึ่งโดยปกติเอชไอวีตามธรรมชาติจะไม่ดื้อยา แต่จะดื้อยาก็ต่อเมื่อใช้ยาต้านไวรัส ซึ่งเมื่อใช้แล้วเกิดการหยุดยา จีโนม หรือส่วนของโครโมโซมในบางตำแหน่งของไวรัส จะเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการดื้อยา แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรใช้ยาต้าน เพราะในทางการแพทย์เมื่อแพทย์ผู้รักษาตรวจพบเชื้อก็จำเป็นต้องให้ยาต้าน เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย ดังนั้น เป้าหมายในการรักษาด้วยการให้ยาต้านคือการควบคุมจำนวนของเชื้อนั่นเอง

ทั้งนี้ กับเอดส์ 2 สายพันธุ์ใหม่ ในเบื้องต้นทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าการดื้อยาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% เช่นเดียว กับสายพันธุ์เดิม อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.วสันต์ชี้ว่า... ถ้าเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างกันไปมา และระหว่างสายพันธุ์เก่าดั้งเดิม (สายพันธุ์เอ/อี กับสายพันธุ์บี) เชื้อก็อาจจะมีประสิทธิภาพในการต่อต้านยาหรือดื้อยามากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นที่ว่านี้ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง!!

“เพราะเมื่อเกิดการแพร่กระจาย ก็จะไม่สามารถใช้ยาต้านสูตรเก่าได้อีกต่อไป แต่ต้องใช้ยาต้านสูตรใหม่ที่รุนแรงกว่าแทน ซึ่งก็ย่อมจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งกับตัวผู้ป่วยและภาครัฐที่ดูแลรับผิดชอบ รวมถึงจะมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงยาต้านไวรัสตัวใหม่ด้วย!!”

รศ.ดร.วสันต์ยังระบุทิ้งท้ายอีกว่า...หากเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ไปมาจนในตัวเชื้อเอดส์มีสายพันธุ์มากขึ้น เรื่องนี้จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก ซึ่งสมมุติว่าค่าใช้จ่ายยาต้านตัวเดิมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเดือน ถ้ามีการดื้อยาจากการกลายพันธุ์จนยาตัวเดิมใช้ไม่ได้ ก็ต้องใช้ยาตัวใหม่ที่จะมีราคาแพงกว่า ซึ่งราคาที่แพงขึ้นจากเดิมนั้น น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 - 9 เท่า เมื่อย้อนดูสถิติผู้ติดเชื้อ หรือดูแค่เฉพาะจำนวนผู้ที่ได้รับยาต้านอยู่ในปัจจุบันแล้ว (ประมาณ 2 แสนราย) ก็ “ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล”

ลำพังสายพันธุ์เดิม ๆ ก็ “ร้ายสุดๆ” อยู่แล้ว...ดังที่ทราบกัน “เอดส์กลายพันธุ์” จึงยิ่งร้าย...หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่น่ะชิดซ้าย และทั้งเอดส์เก่า - เอดส์ใหม่...ก็ล้วนเป็นเพชฌฆาตทั้งนั้น !!!

ขอกราบขอบพระคูณท่านอาจารย์อุบล ที่ท่านได้เมตตาชี้เเนะเตือนลูกบ้านสวน ทั่วโลก ตลอดเวลา  

วันนี้ได้เห็นข่าวเเล้วนึกถึงทันที เพราะเคยอ่านที่ท่านอาจารย์อุบล ได้เมตตาเตือนเรื่อง โรคสายพันธ์ใหม่ ให้ระวัง ท่านลงหลายกระทู้หลายครั้ง จนวันนี้เป็นข่าวที่น่าสนใจ เเละ การค้นคว้าในวงการเเพทย์

““ไวรัสเอดส์กลายพันธุ์”  สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องกังวลก็คือเรื่องการผสมข้ามสายพันธุ์ไปมามากขึ้นไปอีก เพราะอาจจะทำให้เชื้อไวรัสมีประสิทธิภาพในการต่อต้านหรือ ดื้อต่อยาต้านไวรัสมากขึ้น!!”

นั่นน่ะสิคะ คุณ อาริยา พออ่านกระทู้

เรื่องการค้นพบ โรคเอดส์สายพันธ์ใหม่

ใจก็คิดถึงคำพูดของท่านอ.อุบล

และ คำทำนายของอภิญญาชนทั้งหลาย

ที่เคยเตือนไว้ ว่า จะมีโรคชนิดใหม่ๆเกิดขึ้น

แต่ไม่มียารักษา...

เฮ้อ...ถ้าไม่มียารักษา

ก็ป้องกันตัวเอง ด้วย"บุญ"

และ "ความดี" กันเถอะนะคะ

ขอบคุณทุกๆข่าวและทุกข้อความ

จากคุณ อาริยา และ น้องหญิง ด้วยค่ะ

สาธุ

ข่าวภูมิภาค วันอาทิตย์ที่ 27 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 09:01 น. 

นายอำเภอบางใหญ่ นนท์บุรี เผย น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย

น้ำลดเฉลี่ยวันละ 3-5 ซ.ม. เพราะการระบายน้ำดี

          นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร นายอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี

เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำล่าสุดที่ อ.บางใหญ่ ว่า สถานการณ์

ในพื้นที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยระดับน้ำลดลง

เฉลี่ยวันละ 3-5 เซนติเมตร อันเนื่องมาจากการระบายน้ำ

ในพื้นที่ลงคลองสายหลัก ซึ่งลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

และแม่น้ำท่าจีน ทำได้ดีขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่

และถนนลดลง ทำให้รถเล็กรถตู้โดยสารรถประจำทางเข้ามา

ให้บริการในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งประชาชนในบางพื้นที่

เริ่มกลับเข้ามาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว 

        แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในซอยต่างๆ น้ำยังคง

ท่วมสูงอยู่ โดยพื้นที่ต่ำระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 60 เซนติเมตร

แต่ในหมู่บ้านบางแห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำระดับน้ำยังคงสูงถึง

1 เมตร เช่น ในหมู่บ้านมิตรประชา ทั้งนี้ นายอำเภอบางใหญ่

กล่าวด้วยว่า หลังจากระดับน้ำในพื้นที่เริ่มลดลง ทำให้เริ่มที่

จะเห็นความเสียหายของถนนที่ถูกน้ำท่วมบางแล้ว

Credit : INN

วันอาทิตย์ที่ 27 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 09:25 น. 

น้ำท่วมหนักในออสเตรเลีย ประชาชน 2 พันคนถูกตัดขาด


27 พย. 2554 15:44 น.

สื่อมวลชนของออสเตรเลีย รายงานว่า เกิดน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ทางภาคเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ของออสเตรเลีย และทำให้ประชาชนราว 2 พันคน ต้องติดอยู่ตามบ้านเรือน ไม่สามารถออกไปไหนได้ในวันนี้ และผู้ที่ติดอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย อาจจะถูกโดดเดี่ยวจากโลกภายนอก เป็นเวลานานนับสัปดาห์
การเกิดน้ำท่วมในครั้งล่าสุดนี้ ทำให้เด็กชายวัย 3 ขวบ คนหนึ่ง จมน้ำเสียชีวิต หลังถูกกระแสน้ำพัดลงท่อระบายน้ำเมื่อวันเสาร์ ส่วนที่เมืองวี วา สำนักงานฉุกเฉินของรัฐนิวเซาท์เวลส์ หรือเอสอีเอส ระบุว่า ประชาชนจำนวน 1,800 คน กำลังถูกโดดเดี่ยว แต่ได้มีการส่งการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน และอาหาร เข้าไปแล้ว
ที่เมืองโมรี มีบ้านเรือนราว 3 ร้อยหลังคาเรือน ถูกโดดเดี่ยวเพราะน้ำท่วม นายไมเคิล กัลลาเชอร์รัฐมนตรีบริการฉุกเฉิน ระบุว่า น้ำท่วมครั้งนี้ สร้างความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งมองเห็นได้จากทางอากาศ และยังได้รับแจ้งเรื่องน้ำทะลักพังคันกั้นน้ำ และทำให้เมืองทั้งเมืองถูกตัดขาด

จีนหมอกลงจัด ทำเที่ยวบินล่าช้าและถูกยกเลิก


27 พย. 2554 14:30 น.

สถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีน รายงานว่า ได้เกิดหมอกลงจัดปกคลุมหลายเมืองในพื้นที่ทางเหนือ
และทางตะวันออกของจีน ในวันนี้ ส่งผลให้การเดินทางต้องล่าช้าออกไป ผู้โดยสารจำนวนหลาย
หมื่นคน ต่างติดอยู่ที่สนามบินนานาชาติ ในเมืองอุรุมฉี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียง
อุ้ยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

ที่เมืองไถ้อัน ของมณฑลชานตุง พบว่า ถนนทางหลวงหลายสายต้องปิดการจราจร ด้วยเหตุผล
ด้านความปลอดภัย เนื่องจากหมอกหนาทึบจนเกิดทัศวิสัยที่เลวร้าย สำหรับผู้ที่ขับขี่ยวดยาน
ด้านสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า หมอกที่ลงหนาจัด ทำให้สนามบินหลักต้องปิดให้บริการ เช่น
เดียวกับถนนทางหลวง 10 สาย ในมณฑลเหลียวหนิง ทางภาคตะวันออกของประเทศ

เมื่อวันเสาร์ หมอกที่ลงจัด ได้บดบังทัศนวิสัยที่เมืองอุรุมฉี ทำให้ผู้โดยสารราว 7 พันคน ต้องติด
อยู่ที่สนามบินนานประมาณ 13 ชั่วโมง โดยหมอกได้เริ่มก่อตัว เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ตาม
เวลาท้องถิ่น และได้รบกวนเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก 258 เที่ยวบิน ทั้งเที่ยวบินที่ล่าช้า
และถูกยกเลิก

สนามบินสามารถกลับมาให้บริการตามปกติได้ในช่วงบ่าย แต่ตามใจกลางเมืองอุรุมฉี ยังคงถูก
ปกคลุมด้วยหมอกหนา ลดทัศวิสัยในการมองเห็นเหลือเพียง 50 เมตร สำนักงานพยากรณ์อากาศ
ในเมืองอุรุมฉี ได้ยืนยันว่า มีหมอกลงจัดผิดปกติมาหลายวันแล้วในเดือนนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด
ที่นอกเหนือจากนี้

น้ำเสียไหลลงทะเลสาบสงขลาปลาตายเกลื่อน

ข่าวภูมิภาค วันอาทิตย์ที่ 27 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 16:53 น.




ผู้เลี้ยงปลากะพงขาว ในทะเลสาบสงขลา พื้นที่ ต.เกาะเยอ เดือดร้อนหนัก ปลาตายเกลื่อน เนื่องจากน้ำเสียไหลลงทะเลสาบ

เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง พื้นที่ ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงขาวที่ใหญ่ที่สุดใน จ.สงขลา ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากภาวะฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวัน เนื่องจากปลากะพงที่เลี้ยงไว้อายุประมาณ 3 เดือน ขนาด 10 - 12 นิ้ว ทยอยตายเกลื่อนยกกระชังทุกวัน เป็นผลมาจากปริมาณน้ำในทะเลสาบสงขลา ที่เพิ่มขึ้น และเริ่มมีสีขุ่นแดง เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำที่ไหลมาจากคลองต่างๆ ในพื้นที่ จ.สงขลา และจาก จ.พัทลุง รวมไปถึงน้ำเสียจากโรงงานที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ และน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีจากนาข้าวและนากุ้ง ที่ไหลมารวมกันในทะเลสาบสงขลา

นายจารึก กาลานุสนธิ์ หนึ่งในเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ปลากะพงที่เลี้ยงไว้ตายไปแล้ว 3 กระชัง และมีเกษตกรที่เลี้ยงปลากะพงใน ต.เกาะยอ กว่า10 ราย ที่กำลังประสบปัญหาเดียวกัน จากจำนวน
ปลากะชังในพื้นที่ ต.เกาะยอ ที่มีอยู่กว่า 500 กระชัง ทั้งในพื้นที่ หมู่4, 5, 6 และ 7 นอกจากนี้ ปลายังเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร กินอาหารน้อยลง ทำให้ปลาอ่อนแอ และตายที่สุด ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดทุนรายวัน เพราะปลาที่ตายเป็น
ปลาขนาดกลางที่ต้องเลี้ยงไปอีก 4 เดือน ถึงจะจับขายได้ จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้พื้นที่รอบทะเลสาบสงขลายังคงมีน้ำหนุนสูง

กทม.เผยภาพรวมน้ำท่วมลดลงเล็กน้อย

27 พฤศจิกายน 2554 เวลา 16:03 น. |เปิดอ่าน 380 | ความคิดเห็น 1


กทม.รายงานสถานการณ์น้ำรอบ 24 ชั่วโมงพบภาพรวมลดลงเล็กน้อย ดอนเมืองลดอีก 3 ซม.ประชาชนเริ่มกลับบ้านทำความสะอาด 

ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 27 พ.ย.2554 โดยสถานการณ์น้ำเหนือ ระดับน้ำเจ้าพระยาที่อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยาอยู่ที่ 3.17 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ลดลงจากวันที่ 26 พ.ย. 6 ซม.

ขณะที่น้ำทะเลหนุนสูง เวลา 10.00น.ระดับ 1.35 ม.ทรก.ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจวัดที่ปากคลองตลาด สูงสุด เวลา 08.15น. อยู่ที่ระดับ 2.15 ม.รทก. ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 65 ซม. ส่วนสถานการณ์น้ำทุ่ง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พื้นที่เขตดอนเมือง กทม. ระดับน้ำลดลง 3 ซม. ระดับน้ำคลองหกวาสายล่าง ที่ประตูระบายน้ำคลองสอง ระดับน้ำลดลง 2 ซม. ฝั่งธนบุรี ระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ ที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา ระดับน้ำลดลง 3 ซม.

ส่วนภาพรวมสถานการณ์น้ำในคลองในพื้นที่ กทม. 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบว่า คลองเปรมประชากร ระดับน้ำลดลง 2-7 ซม. คลองบางเขน ระดับน้ำลดลง 4-7 ซม. คลองลาดพร้าว ระดับน้ำลดลง 4-7 ซม. คลองบางซื่อ ระดับน้ำลดลง 5-7 ซม.คลองแสนแสบ ระดับน้ำลดลง 1-4 ซม.คลองประเวศน์บุรีรมย์ ระดับน้ำลดลง 2-4 ซม. คลองสายหลักพื้นที่ฝั่งธนบุรีตอนบน คลองควาย ระดับน้ำทรงตัว ส่วนคลองอื่น ๆ ระดับน้ำลดลง 1-2 ซม.

ด้านนายภูมิพัฒน์ ดำรงเกียรติศักดิ์ ผู้อำนวยการเขตดอนเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ลดลงอย่างน่าพอใจ หวังว่าจะสร้างความสุขให้กับชาวดอนเมือง และไม่เป็นเขตสุดท้ายของ กทม. ที่น้ำจะแห้งตามที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ล่าสุดน้ำได้ลดลงอีก 3 ซม. แต่ระดับน้ำโดยเฉลี่ยในพื้นที่ยังท่วมขังสูงประมาณ 20-45 ซม. โดยจุดท่วมสูงสุดอยู่ที่ถนนสรงประภา ประมาณ 45 ซม. ซึ่งเป็นผลมาจากการสูบน้ำในพื้นที่ลงคลองเปรมประชากรและคลองรังสิตประยูรศักดิ์

ขณะที่ประชาชนได้เริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าบ้านพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือนแล้ว 

ฮานอยไม่ให้สร้างตึกสูงอีก เพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นปอดคนเมือง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2554 09:58 น.



ภาพวันที่ 7 ก.ย.2554 เป็นเส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเมื่อมองเข้าไปยังย่านตัวเมืองเก่ากรุงฮานอย จะเห็นตึกสูงเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นหย่อมๆ ภาพเช่นนี้จะไม่มีอีกแล้ว ทางการกรุงฮานอยจะไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างตึกสูงใดๆ ในย่านตัวเมืองเก่าอีก และพื้นที่ว่างที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคต จะสงวนให้เป็นพื้นที่เสียเขียวทั้งหมด. --REUTERS/Kham.

       
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ทางการกรุงฮานอยจะไม่ออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารสูงในย่านใจกลางเมืองอีก ส่วนโครงการที่ได้รับอนุมัติไปก่อนหน้านี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อสงวนพื้นที่สีเขียวไว้สำหรับชาวเมืองหลวง แ ละรัฐบาลท้องถิ่นจะเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นหลัก
       
       ปรัชญาการพัฒนากรุงฮานอยต่อไปนี้ก็คือ การพัฒนาตัวเมืองจะต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและวัฒนธรรม นายเหวียนเท้ถาว (Nguyễn Thế Thảo) ประธานคณะกรรมการประชาชนหรือผู้ว่าราชการกรุงฮานอย ซึ่งเป็นกรมการเมืองคนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศเรื่องนี้ระหว่างการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองหลวงถึงปี 2573 และ วิสัยทัศน์การพัฒนามุ่งสู่ปี 2593
       
       ฮานอยเป็นที่ตั้งที่ตั้งของ กรุงเก่าเมืองหลวงของอาณาจักรทังลอง (Thang Long) ในอดีต ที่เพิ่งจะฉลองครบรอบปีที่ 1,000 การก่อตั้งเมื่อปีที่แล้ว ที่นั่นจึงเต็มไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่และบางแห่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นอกจากนั้นยังเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมล้ำค่าสมัยอาณานิคมอีกด้วย
       
       ปัจจุบันย่านตัวเมืองเก่ากับย่านทะเลสาบตะวันตกหรือ "โห่เตย" (Ho Tay) ที่มีประชากรหนาแน่นนับวันแออัด กว่า 10 ปีมานี้ได้มีสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ ผุดขึ้นอย่างมากมายรวมทั้งอาคารสูงที่กลายเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว คอนโดมีเนียมและอาคารสำนักงานต่างๆ ซึ่งรัฐบาลจะไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างอาคารสูงหลายชั้นแบบนั้นอีก
       
       ขณะเดียวกันทางการกำลังเร่งขนย้ายสำนักงานและหน่วยงานออกจากเขตเมืองออแกไปยังพื้นที่รอบนอกที่กำลังมีการก่อสร้างเมืองบริวารให้เป็นชุมชนใหม่ที่มีการพัฒนาอย่างเป็นระบบและทันสมัย ทางการยังเชิญชวนให้ประชาชนโยกย้ายออกจากย่านใจกลางเมืองเช่นกันโดยเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ ให้ หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋กล่าว
       
       นายถาวยังกล่าวอีกว่าหลังจากโยกย้ายหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย วิทยาและโรงเรียนออกไปก็จะมีที่ว่างเพิ่มขึ้นมากมายในย่านใจกลางเมือง แต่จะไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในกิจกรรมอย่างอื่นนอกจากจะให้เป็นสวนสาธารณะกับแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอันทันสมัยของเมืองหลวง
       
       ทางการจะเร่งฟื้นฟูบูรณะแหล่งโบราณคดีและศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ฟื้นฟูบูรณะอาคารเก่าที่ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม ให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับคนรุ่นหลัง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ควบคู่กับการพัฒนาปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน ถนนหนทางสายหลักต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การคมนาคมขนส่งและแก้ปัญหาการจราจรอย่างยั่งยืน ประธานคณะกรรมการประชาชนฯ กล่าว
       
       นายฟัมกวางหงิ (Phạm Quang Nghị) เลขาธิการพรรคสาขากรุงฮานอยกล่าวในงานเดียวกัน เรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ เร่งปฏิบัติแผนพัฒนาเมืองหลวง ให้เป็นไปตามแผนแม่บท และเตรียมรับการขยายตัวของเมืองออกไปทุกทิศทุกทาง
       
       เมื่อหลายปีก่อนกรุงฮานอยได้ขยายออกไปเป็นมหานครโดยผนวกเอาหลายอำเภอของจังหวัดใกล้เคียงเข้าไปด้วยกันทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6 ล้านคน และ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 10 ล้านในหลายปีข้างหน้าเมื่อการพัฒนาเมืองบริวารแล้วเสร็จสมบูรณ์ สื่อของทางการกล่าว.



ภาพวันที่ 7 มี.ค.2554 มองจากบึงฮว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem) เข้าไปในย่านเมืองเก่า อาคารสูงที่มองเห็นอยู่ 2 หลังกลายเป็นสิ่งบาดตาที่แฝงอยู่ในภูมิทัศน์ ไกลออกไปในย่านรอบๆ ทะเลสาบตะวันตก (Ho Tay) ที่นั่นกลายเป็นดงตึกกระฟ้า ทางการกรุงฮานอยจะไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างตึกสูงใดๆ ในย่านตัวเมืองเก่าอีก และพื้นที่ว่างที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคต จะสงวนให้เป็นพื้นที่เสียเขียวทั้งหมด. -- AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam.




ภาพวันที่ 7 ม.ค.2554 ชาวฮานอยควบรถจักรยานยนต์ผ่านอาณาบริเวณที่พัฒนาขึ้นเป็นย่านที่อยู่อาศัยใหม่ในเขตรอบนอกของเมืองหลวง ปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างเมืองบริวารขึ้นมาหลายแห่ง ส่วนใหญ่จะขยายออกไปทางทิศเหนือขนานไปกับแม่น้ำแดง แต่ตัวเมืองก็กำลังขยายออกไปในทุกทิศทุกทาง พร้อมกับการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่อยู่ในขั้นวิกฤติในปัจจุบัน.

ตะลึงงัน ปลาบึกนับ 100 ตัว ถูกน้ำโขงซัดโผล่ภาคใต้เวียดนาม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2554 13:58 น.



ภาพวันที่ 15 พ.ย.2554 เจ้าหน้าที่ประมงกัมพูชาชำแหละปลาบึกตัวหนึ่ง เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตหลังพบในแม่น้ำโขงใกล้กรุงพนมเปญ สถิติบ่งบอกว่าในกัมพูชาพบปลาบึกปีละไม่เกิน 10 ตัวเท่านั้น แต่น้ำท่วมใหญ่ปีนี้ทำให้ปลาบึกนับร้อยตัวถูกน้ำซัดลงไปจนถึงเวียดนาม และปรากฏตัวที่นั่นเป็นครั้งแรก. -- AFP PHOTO/Tand Chhin Sothy.

       
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- เจ้าหน้าที่กองทุนเพื่อสัตว์ป่าโลก หรือ WWF (World Wildlife Fund) พบปลาบึกราว 100 ตัวในแม่น้ำโขง ในเขต จ.ลองอาน (Long An) ที่อยู่ติดนครโฮจิมินห์ทางทิศใต้ โดยเชื่อกันว่า ถูกน้ำซัดไปที่นั่นในช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ในนั้นมี 4 ตัวถูกซัดขึ้นเกยตื้นตาย แต่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง
       
       นับเป็นปรากฏการณ์พิเศษ เนื่องจากไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นปลาบึก ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในเขตจังหวัดนี้มาก่อน รวมทั้งท้องถิ่นอื่นๆ ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง เนื่องจากปลาบึกอาศัย และเพาะพันธุ์อยู่เหนือขึ้นในเขตตอนกลางของแม่น้ำโขง
       
       ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปลาบึกจำนวนนับร้อยตัวเหล่านี้ แต่เชื่อกันว่า ถูกน้ำซัดไปจากตอนใต้ของลาว และในกัมพูชา ซึ่งประสบอุทกภัยครั้งร้ายแรงในรอบหลายสิบปี และทำให้ชาวเขมรเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 260 คน
       
       พายุไหหม่า กับ พายุนกเต็น ที่พัดเข้าภาคเหนือของลาวในเดือน ส.ค.ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในแขวงภาคเหนือกับภาคกลาง ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเอ่อขึ้นสูงก่อนไหลบ่าลงท่วมในเขตหลายเมือง (อำเภอ) ของแขวงจำปาสักที่อยู่ตอนใต้สุด ก่อนไหลบ่าลงสู่ดินแดนกัมพูชา
       
       ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้น้ำในแม่น้ำโขงกับลำน้ำสายต่างๆ ทั่วกัมพูชาไหลเอ่อขึ้นท่วมไร่นา และบ้านเรือนราษฎรเสียหายสุดคณานับ เชื่อกันว่า เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ปลาบึกถูกซัดลงไปตามลำน้ำจนถึงเขตที่ราบปากแม่น้ำ
       
       เจ้าหน้าที่พบปลาบึกฝูงใหญ่นี้ตั้งแต่เดือน ต.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง และทำให้มีชาวเวียดนามผู้เสียชีวิตกว่า 60 คน เจ้าหน้าที่ได้ศึกษาปลาที่มีขนาดต่างๆ กันจนแน่ใจว่าทั้งหมดเป็นปลาบึก (Pangasianodon gigas) ปลายักษ์ที่มีอยู่ในลำน้ำสายนี้เท่านั้น หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ กล่าว
       
       ผู้เชี่ยวชาญเวียดนาม กล่าวว่า การปรากฏตัวของปลาบึกในเขตที่ราบปากแม่น้ำนับเป็นข่าวดี ขณะที่ปลาชนิดนี้นับวันหาได้ยากจนกระทั่งถูกจัดให้เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในธรรมชาติอีกชนิดหนึ่ง หลังจากถูกล่าเป็นอาหารไปจำนวนมาก และถิ่นที่อาศัยถูกรบกวน
       
       ขณะเดียวกัน กำลังจะมีการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่งกั้นแม่น้ำโขง ทั้งในลาวและในกัมพูชา ซึ่งจะทำให้ปลาขนาดใหญ่นี้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น




ชาวบ้านในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ จ.ลองอาน (Long An) ยกปลาบึกขนาดลำตัวยาว 110 ซม. น้ำหนัก 43 กก.ให้ช่างภาพดู หลังจากพบเกยตื้นตาย ปลาเคราะห์ร้ายตัวนี้เป็นหนึ่งในปลาบึกฝูงใหญ่ราว 100 ตัว ที่พบในอาณาบริเวณดังกล่าวเป็นครั้งแรก โดยเชื่อว่าถูกกระแสน้ำซัดลงไปถึงที่นั่นช่วงเกิดอุทกภัยใหญ่ในลาวและกัมพูชาเดือน ก.ย.-ต.ค.ที่ผ่านมา. -- ภาพ: Tuoi Tre/Le Phat Quoi.

เวียดนามต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปี เคลียร์ระเบิดครั้งสงคราม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤศจิกายน 2554 12:48 น.




เจ้าหน้าที่กำลังเก็บกู้ "บิ๊กบอมบ์" ที่พบใน จ.กว๋างจิ (Quang Tri) ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ ในการออกเก็บวัตถุระเบิดในปีนี้ ปัจจุบันพื้นที่กว่า 20% ทั่วเวียดนามยังเต็มไปด้วยมฤตยูที่แฝงตัวอยู่เงียบๆ แต่พร้อมที่จะสังหารเหยื่อเคราะห์ร้ายทุกเมื่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกล่าวว่าหากเก็บกู้ได้ในอัตราปัจจุบันจะต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปี จึงจะเก็บได้หมด. -- Photo: Tuoi Tre.

       
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- เวียดนามจะต้องใช้เวลาอีกหลายศตวรรษในการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้างมาตั้งแต่ช่วงสงครามที่สิ้นสุดลงในปี 2518 และปัจจุบัน ยังเหลืออยู่อีกนับแสนๆ ตัน
       
       นายหว่างมีงห่ม (Hoang Minh Hong) รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกู้ระเบิดกับวัตถุระเบิดเวียดนามกล่าวถึงเรื่องนี้ ในที่ประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ในการเก็บกู้ระเบิด ที่จัดขึ้นในกรุงฮานอยเป็นเวลา 2 วันในสัปดาห์ที่แล้ว
       
       ปัจจุบันยังมีระเบิดที่ทิ้งลงจากเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ กับวัตถุระเบิดชนิดต่างๆ ที่ใช้ในสงครามกระจายอยู่ใน 63 จังหวัด เนื้อที่ประมาณ 6.6 ล้านเฮกตาร์ (กว่า 41.6 ล้านไร่) คิดเป็นประมาณ 20.12% ของพื้นที่ทั้งประเทศ
       
       รัฐบาลเวียดนามอาจจะต้องใช้งบประมาณราว 10,000 ล้านดอลลาร์ในการเก็บกู้ พล.ต.ฟัมกวางซวน (Pham Quang Xuan) อดีตผู้บัญชาการ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการจารกรรม (แซ็ปเบอร์) ซึ่งปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าคณะกรรมการแห่งชาติแก้ไขปัญหานี้ เปิดเผยในที่ประชุมเดียวกัน
       
       ปีที่แล้วทั่วประเทศเก็บกู้ระเบิดกับวัตถุระเบิดได้ราว 50,000 เฮกตาร์ หากกระทำได้ในจำนวนเท่านี้และในอัตรานี้ก็จะใช้อีกหลายศตวรรษในการเก็บกู้ให้หมด
       
       การประชุมดังกล่าวร่วมกันจัดขึ้นโดยมูลนิธิทหารผ่านศึกเวียดนามแห่งอเมริกากับศูนย์กลางการกู้ระเบิดเพื่อมนุษยธรรมระหว่างประเทศในนครเจนีวา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่างๆ ได้นำเครื่องมือ วิธีการกับเทคโนโลยีเก็บกู้ระเบิดที่ทันสมัยออกแสดง และมีการนำเสนอตัวเลขการปฏิบัติต่างๆ ในรอบปีที่ผ่านมา
       
       เมื่อปีที่แล้วนายกรัฐมนตรีเวียดนามเวียนเติ๋นยวุ๋ง ได้อนุมัติแผนปฏิบัติการแห่งชาติในการเก็บกู้ระเบิดและกับระเบิดระหว่างปี 2554-2568 ซึ่งจะมีการระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ เข้าในการแก้ไขปัญหานี้.

กู้ภัยอิเหนาเร่งค้นหาเหยื่อ “สะพานถล่ม” พบผู้เสียชีวิต 4 ราย-เจ็บ 19 คน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤศจิกายน 2554 12:54 น.



ยานพาหนะหลายคันร่วงหล่นลงไปในแม่น้ำมะฮากอมในจังหวัดกาลิมันตันตะวันออก หลังสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำเกิดถล่มลงมา เมื่อวันเสาร์(25)

       เอเอฟพี - หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียเร่งค้นหาเหยื่อผู้รอดชีวิตจากเหตุสะพานข้ามแม่น้ำมะฮากอมบนเกาะบอร์เนียวพังถล่มเมื่อวันเสาร์(25) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย บาดเจ็บอีก 19 คน เจ้าหน้าที่ระบุ
       
       รถประจำทาง, รถยนต์ และรถจักรยานยนต์หลายคัน ร่วงลงไปในแม่น้ำมะฮากอมในเขต กูไต การ์ตาเนการา หลังจากสะพานเหล็กยาว 720 เมตรซึ่งสร้างเลียนแบบสะพาน โกลเด้น เกต ในซานฟรานซิสโก พังถล่มลงมา
       
       “เราพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย และช่วยชีวิตไว้ได้อีก 39 คน” ฮาร์โมนี อาดี หัวหน้าหน่วยค้นหาและช่วยชีวิตในจังหวัดกาลิมันตันตะวันออก ให้สัมภาษณ์
       
       “หน่วยกู้ภัยต้องดำลงไปในแม่น้ำเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต แต่ก็ทำได้ยากลำบาก เพราะทัศนวิสัยใต้น้ำไม่ดีและกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยว เราไม่มั่นใจว่าจะพบผู้รอดชีวิตอีกหรือไม่ แต่ก็จะค้นหาต่อไป” เขากล่าว
       
       เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบต้นตอของอุบัติเหตุในครั้งนี้ แต่ สุโตโป ปุรโว โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติ ระบุว่า สายเคเบิลที่ยึดโครงสร้างเหล็กไว้ขาด 1 เส้น ระหว่างที่คนงานกำลังซ่อมแซมสะพาน
       
       “นั่นอาจเป็นสาเหตุให้สะพานถล่มลงมาก็เป็นได้” ปุรโว กล่าว
       
       “เรายังไม่ทราบว่ามีผู้สูญหายทั้งหมดกี่คน แต่ส่วนใหญ่เป็นคนงานซ่อมสะพาน”
       
       ประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน มีคำสั่งให้สืบสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น19 ราย โดย10 รายยังมีอาการสาหัส
       
       รายงานระบุว่า สะพานเหล็กแห่งนี้สร้างเมื่อปี 2002 โดยทอดข้ามแม่น้ำมะฮากอมซึ่งเป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดในจังหวัดกาลิมันตันตะวันออก เพื่อเชื่อมเมืองเต็งการง และ เต็งการง เซอบารัง เข้าด้วยกัน

 

แผ่นดินไหวในเอลซัลวาดอร์กว่า 780 ครั้ง บ้านเสียหายราว 80 หลัง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤศจิกายน 2554 13:11 น.

       เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดเล็ก วัดความรุนแรงได้ตั้งแต่ 1.8-4.6 ริกเตอร์ ทางภาคตะวันออกของประเทศเอลซัลวาดอร์ ต่อเนื่องมากกว่า 780 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน เป็นต้นมา ทำให้บ้านเรือนราว 80 หลังเสียหายจากแรงสั่นสะเทือน ท่ามกลางความวิตกว่า แรงสั่นสะเทือนต่อเนื่องที่เกิดขึ้น อาจทำให้ภูเขาถล่ม ขณะที่ทางการเร่งส่งทหารเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

ขอ100เครื่องสูบกู้พุทธมณฑล มจร.สูญ"ไตรปิฎก"5พันจมน้ำ

น้ำ ท่วม มจร.เสียหายกว่า 400 ล้านบาท รองอธิการบดีเผย"คัมภีร์อรรถกถา"แปลพระไตรปิฎกโบราณจมน้ำ 5 พันเล่ม ด้าน"พุทธมณฑล"วิกฤต มวลน้ำ 6 ล้าน ลบ.ม.ขังพื้นที่กว่า 2,500 ไร่

พระ ศรีคัมภีรญาณ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนว่า จากการประเมินความเสียหายของ มจร.ได้รับผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยในภาพรวม ถือว่าเกิดความเสียหายมาก เนื่องจากมีน้ำท่วมสูงทำให้คัมภีร์อรรถกถาเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมคำอธิบายความ ในพระไตรปิฎกของโบราณ ได้รับความเสียหายประมาณ 5,000 เล่ม รวมทั้ง ตำรา หนังสือต่างๆ ที่ขนย้ายไม่ทันประมาณ 2,000 เล่ม นอกจากนี้ยังมีเอกสาร อุปกรณ์สำนักงาน ตัวอาคาร และโครงสร้าง รวมทั้ง ระบบไฟฟ้า ระบบอินเตอร์เน็ต และภูมิทัศน์รอบมหาวิทยาลัย เสียหายเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและภูมิทัศน์เสียหายร้อยเปอร์เซ็นต์

พระศรีคัมภีร ญาณกล่าวว่า เบื้องต้นได้ยื่นของบประมาณซ่อมแซมจากรัฐบาล ผ่านสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนแผนการซ่อม แซมฟื้นฟูนั้น เนื่องจากภายใน มจร.ยังมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร ดังนั้น ยังไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่จะเร่งเป็นลำดับแรกคือ ในวันที่ 26-27 พฤศจิกายน จัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ระดมอาสาสมัครจากภาคส่วนต่างๆ ประมาณ 2,000 คน มาช่วยทำความสะอาด ขณะที่การซ่อมแซมส่วนอื่นๆ ที่เสียหายนั้น คงต้องเร่งซ่อมระบบไฟฟ้า และยกขึ้นสูงทุกอาคาร ส่วนอาคารที่เสียหายทั้งโครงสร้างและภายในตัวอาคาร มีประมาณ 8 อาคาร รวมถึงถนนภายในมหาวิทยาลัยและภูมิทัศน์นั้น จะทยอยซ่อมแซมในส่วนที่ทำได้ก่อน สำหรับแผนการป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว คงต้องหารือในระดับผู้บริหารอีกครั้ง อาทิ แนวคิดการสร้างกำแพงล้อมรอบ มจร.เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันละเอียด เพราะใช้งบจำนวนมาก เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีพื้นที่กว่า 324 ไร่

พระศรีคัมภีรญาณกล่าวว่า จากการสำรวจล่าสุด พระไตรปิฎกประมาณ 1 แสนเล่ม ไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากขนย้ายได้ทันก่อนน้ำทะลักท่วม

นาย สรายุทธ อุดม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มจร.กล่าวว่า งบ 400 ล้านบาท ที่เสนอขอเพื่อนำมาซ่อมแซม มจร.นั้น คาดว่าคงไม่เพียงพอ ดังนั้น คงต้องหางบจากส่วนอื่นๆ หรือเปิดรับบริจาค กำลังประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดและรัฐบาล ให้ช่วยสนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ประมาณ 30 เครื่อง สูบน้ำภายในมหาวิทยาลัย บริเวณที่มีอาคารเรียนตั้งอยู่ประมาณ 80 ไร่ ออกให้หมด เพื่อสามารถซ่อมแซมส่วนที่ได้รับความเสียหาย และให้ทันเปิดภาคเรียนวันที่ 13 ธันวาคมนี้

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมภายในพุทธมณฑล และสำนักงาน พศ.ยังถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่อง จากพื้นที่ภายในพุทธมณฑล ประมาณ 2,500 ไร่ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าท่วมสูงกว่าบริเวณใกล้เคียง ตอนนี้น้ำขังอยู่ในพุทธมณฑลประมาณ 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ประกอบกับบริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 4 น้ำยังท่วมสูง รวมถึงการระบายน้ำลงทะเลของคลองทวีวัฒนายังระบายได้น้อย ทำให้ปริมาณน้ำในพุทธมณฑลยังสูง และไม่มีแนวโน้มลดลง กำลังประสานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เพื่อนำมาสูบน้ำออกจากพุทธมณฑล

นายนพรัตน์ กล่าวว่า พล.ต.อ.พงศพัศ และ ทส.แจ้งว่าภายใน 2-3 วัน จะนั่งเฮลิคอปเตอร์บินไปสำรวจภาพรวมของพุทธมณฑลอีกครั้ง เพื่อหาทางระบายน้ำออก ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมาก เพราะพื้นที่ จ.นนทบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงปริมาณน้ำยังไม่ลด หากไม่วางแผนหรือวางระบบการระบายน้ำให้ดี เมื่อสูบน้ำออกจากพุทธมณฑลแล้ว น้ำที่ไหลจาก จ.นนทบุรี จะไหลเข้ามาท่วมอีก ที่สำคัญต้องคิดว่าจะระบายน้ำจำนวนดังกล่าวอย่างไร โดยไม่ให้ซ้ำเติมประชาชนที่อยู่รอบพุทธมณฑลด้วย ส่วนการระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่นั้น คงต้องใช้กว่า 100 เครื่อง และคาดว่าจะใช้เวลาสูบน้ำออกไม่ต่ำกว่า 80 วัน เพราะพื้นที่ในพุทธมณฑลเป็นที่ลุ่มและมีขนาดกว้าง ที่สำคัญปริมาณ น้ำมีจำนวนมาก

"ส่วนความเสียหายนั้น ขณะนี้แน่ชัดแล้วระบบไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตได้รับความเสียหาย เนื่องจากภายในพุทธมณฑลใช้ระบบฝังใต้ดิน ส่วนอาคารและโครงสร้าง ยังไม่ได้สำรวจ ต้องรอน้ำลด และที่เสียหายหนักสุดคือภูมิทัศน์ อาทิ ดอกไม้ ต้นไม้จำนวน โดยเฉพาะต้นไม้บางต้นอายุหลายร้อยปี ใช้เวลาปลูกนานมาก สำหรับแผนฟื้นฟูนั้น ขณะนี้ได้ประเมินเบื้องต้น และเสนอของบไปแล้ว 500 ล้านบาท แต่คาดว่าหลังน้ำลดน่าจะเสียหายมากกว่านี้" นายนพรัตน์กล่าว

นาย นพรัตน์กล่าวว่า การประเมินความเสียหายของวัดทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากอุกทกภัย ขณะนี้วัดที่น้ำลด และสามารถประเมินความเสียหายได้แล้ว มี 276 วัด โดยเสนอของบบูรณะจากรัฐบาล 70 ล้านบาท ส่วนวัดที่น้ำยังไม่ลดมีประมาณ 2,200 แห่ง โดยจากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นทั้ง 2,200 วัด คาดว่าต้องของบบูรณะหลังน้ำลดประมาณ 800-900 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนและจำนวนงบ จะต้องรอประเมินหลังน้ำลดอีกครั้ง

.

บทความดีๆ ก่อนนอนค่ะ

เกาะด้านดีก็ฝันในด้านดี เกาะด้านไม่ดีก็ฝันในด้านไม่ดี

ขอขอบคุณ
http://board.palungjit.com/f61/เกาะด้านดีก็ฝันในด้านดี-เกาะด้านไม่ดีก็ฝันในด้านไม่ดี-311667.html

ถาม : เวลาอาราธนาพระหางหมากจนหลับ ทำไมเวลาหลับจึงฝันเห็นพระ ?

ตอบ : ใคร เกาะด้านดีก็ฝันในด้านดี ใครเกาะด้านไม่ดีก็ฝันไม่ดี เท่านั้นเอง

ถาม : เห็นจริงหรือไม่ ? วันหลังผมจะได้ไม่ต้องยึดติดอะไร

ตอบ : แล้วคุณจะไปยึดอะไร ?

ถาม : หรือผมฝันเห็นจริงๆ ?

ตอบ : ถ้าหากว่าเอาแต่ฝัน ชาตินี้หาดีไม่ได้หรอก ต้องทำตอนลืมตา ความฝันสามารถบอกได้ถึงสภาพจิตของเราในระดับหนึ่ง ถ้าหากว่าสภาพจิตไม่ดีก็ฝันเห็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าหากว่าสภาพจิตดีก็ฝันเห็นสิ่งที่ดี

แต่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม อย่าลืมว่านั่นแค่เขาบอกว่าเราเป็นอย่างไร ถ้าเราไม่คิดจะทำความดีต่อก็ไม่ได้อะไรหรอก

ถาม : ที่เขาเวียนไปไหว้พระทำบุญที่โน่นที่นี่ มีผลอย่างไรต่อการปฏิบัติ ?

ตอบ : ได้อนุสติเต็ม ๆ และได้ทานบารมีด้วย สำหรับคนที่กำลังใจยังน้อยอยู่ก็ต้องทำอย่างนั้น ถึงกำลังใจสูงแล้วก็ไม่ควรประมาท ต้องกอบโกยบุญทุกอย่างให้เต็มที่ไว้ก่อน

ถาม : ผมอยากทราบว่า การชอบอ่านหนังสือธรรมะ เป็นธัมมานุสติกรรมฐานหรือเปล่าครับ ?

ตอบ : กล่าวถึงเรื่องไหน ก็เป็นอนุสติในเรื่องนั้น

ถาม : ถ้าเราอ่านหนังสือเจริญพระพุทธมนต์ แล้วเราก็คิดว่าคือการเจริญกรรมฐานนี่ใช่หรือเปล่าครับ ?

ตอบ : เหมือนกัน ทำอย่างไรก็ได้ให้ใจเกาะความดี จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

ถาม : เสร็จแล้วเราก็แผ่เมตตา อานิสงส์ก็พอๆ กับการนั่งกรรมฐาน ?

ตอบ : ถ้าคุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องนั่ง จะดีกว่าด้วย


สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔

กรรมไม่มี เอียง... หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

 


สัตว์ไปตกนรกถามถึงเรื่องกรรม กรรมของสัตว์นี้ก็มีมาตลอด มาถึงจุดนี้ๆ นั่นเห็นไหมล่ะ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ มาตกตูมเอาเลย ตกมาด้วยสายของกรรมส่งเข้ามาๆ ทั้งนั้นเมื่อส่งเข้ามานรกหลุมใด สุขที่ไหน ทุกข์ที่ไหน ภพใด ชาติใดมันก็ต้องเป็นผู้เสวยอยู่ตามภพชาตินั้นๆ เช่น ส่งมาเป็นมนุษย์นี้ เราเองไม่รู้ว่าเราเกิดมาจากอะไร เราถึงได้มาเป็นมนุษย์

นี่ให้พระพุทธเจ้าทายปุ๊บทันทีเลยไม่ต้องนานละ นี่แต่ก่อนเธอสร้างอันนั้นๆ มาได้มาเกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้คือ ความดีนั้นแหละ เรื่องความชั่วไม่มีหวัง ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็เกิดเป็นเศษมนุษย์ เศษส้วมเศษถานไปอีก ไม่ว่าจะเป็นส้วมเป็นถานยังเศษไปอีก นู่น เกิดเป็นอะไรๆ มาตามสายทั้งนั้น

เป็น มนุษย์เป็นสัตว์แต่ละประเภท มาตามสายของกรรมตัวเองที่สร้างมาๆ สร้างดีสร้างชั่ว กรรมของตัวเองสร้างมา ไม่มีผู้อื่นใดมาสร้างให้ แล้วใครจะมาลบล้างได้

นี่ละเป็นอย่างนั้น ฟังซิสัตว์ตกนรกอยู่นั้น พระพุทธเจ้าทำนายซิ สัตว์ตัวนี้ตกนรกนี้เพราะทำกรรมอะไร ทำกรรมอันนั้นๆ บอกตลอดถึงตัวเหตุเลย ทำมาจากโน้นมาถึงนี้ ทำจากโน้นมาถึงนี้ๆ สัตว์นรกแต่ละรายๆ จะบอกสายทางเข้ามาตลอดๆ นะ

ใครทำดีทำชั่วขนาดไหน บรรดาสัตว์ทั่วโลกจะมีมาตามสายทางทั้งนั้นๆ สายทางบุญทางกรรม ทำชั่วก็มาตามสายทางชั่ว กรรมดีก็มาตามสายทางดี เหมือนนักโทษ นักโทษยังมีแน่นอนบ้างไม่แน่นอนบ้าง

แต่พอเป็นหลักฐานได้ก็คือว่า ที่เป็นนักโทษนี่เพราะอะไร เพราะ เขาไปฉกไปลักไปปล้น คนนี้ไปลักคนนี้ไปขโมย คนนี้ไปปล้น มันก็มีสายทางของมันเข้ามา บางคนบริสุทธิ์แต่สู้หลักฐานพยานเขาไม่ได้ เขาเอาหลักฐานพยานมาทับ ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์เขาหาว่าไม่บริสุทธิ์ ติดคุกได้อยู่ แต่อันนี้ก็เป็นกรรมของผู้นี้อีก

เหตุแต่ก่อนที่มาเป็นคนบริสุทธิ์มาติดคุกนี้ คือแต่ก่อนไปแกล้งทำเขาอย่างนั้นๆ ให้เขาเป็นอย่างนั้นๆ แน่ะ มีอีกเข้าใจไหมล่ะ ไม่ใช่อยู่ๆ มานะ ที่ แกล้งทำเขาที่บริสุทธิ์ให้เป็นคนมีโทษมีกรรม แล้วกรรมนั้นตามมาจึงได้มาเป็นนักโทษทั้งที่ไม่ได้ขโมย แน่ะ มันมีสายกรรมมาอย่างนั้นตลอด

สายกรรมจะไม่ปล่อยสำหรับผู้ทำเลย ใครทำสัตว์ทำ สัตว์ไม่รู้กรรมก็ตาม กรรมไม่เอียง กรรมทางดีทางชั่วเป็นกรรมมาตลอดในสายสัตว์สายบุคคล ตลอดไปเลย อย่าพากันประมาทนะ ไม่พ้นจากสายกรรมติดตัวไปเอง

ไม่ว่าไปทางดี ทางชั่ว มาเกิดเป็นมนุษย์ไปสวรรค์ชั้นพรหมเพราะกรรมอะไรๆ นี้ กรรมของตัวเองนั้นแหละ ติดแนบไปเรื่อย ส่งไปด้วยๆ จนกระทั่งถึงนิพพานเพราะอะไรอีก แน่ะ ก็คือว่าสร้างบารมีคือความด้ล้วนๆ ถึงขั้นเต็มที่แล้วหลุดพ้น แน่ะ เป็นอย่างนั้นนะ พากันจำเอา

คลื่นซัดถนนเลียบชายทะเล สายสงขลา - นาทับ ในพื้นที่บ้านปึก หมู่ 10 ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา เสียหาย 2 เลน ประมาณ 100 เมตร

คลื่นลมชายฝั่ง จ.สงขลา ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ชายฝั่ง จ.สงขลา คลื่นซัดกระหน่ำถนนเลียบชายทะเล หมายเลข สข.5004 ของกรมทางหลวงชนบท สายสงขลา - นาทับ พื้นที่ หมู่ 10 บ้านปึก ต.นาทับ อ.เมือง จ.สงขลา ถนนพังเสียหายทั้ง 2 เลน รถที่ใช้เส้นทางนี้จะต้องวิ่งเข้าไปชิดขอบถนนเท่านั้น จึงจะสามารถผ่านไปได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการยุบตัวของถนน ถึงแม้ว่าจะมีการนำก้อนหินขนาดใหญ่ลงไปเสริมกันคลื่น แต่ไม่สามารถต้านทานความรุนแรงของคลื่นลมได้

ในขณะเดียวกัน ก็ได้ส่งผลกระทบต่อ นายหมูด สูเย๊าะ และครอบครัว ที่ปลูกบ้านอยู่บริเวณที่คลื่นกำลังกัดเซาะอย่างรุนแรง เนื่องจากอีกไม่ถึง 10 เมตร ก็จะเข้ามาถึงบริเวณบ้าน นายหมูด ภรรยาและบุตรชาย ต้องเร่งทำแผงทางมะพร้าวป้องกันลมและน้ำจากคลื่นซัดข้ามฟากเข้ามาที่บ้าน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน เมื่อมีฝนตก ก็จะมีทั้งลมทั้งฝนและคลื่นที่มีความรุนแรงตามมาด้วย
 
นายหมูด เปิดเผยอีกว่า ช่วงนี้ในเวลากลางคืน นอกจากได้ยินเสียงคลื่นซัดเข้ามาอย่างรุนแรงแล้ว ยังต้องนอนผวาในเรื่องลมแรงและฝนตกหนักอีกด้วย บางคืนนอนไม่หลับ กลัวว่าคลื่นจะกัดเซาะเข้ามาถึงบ้าน ที่ต้องเร่งทำแผงกั้นก็เพื่อป้องกันลมและน้ำทะเลจากคลื่นที่ซัดข้ามถนนเข้ามาที่บ้าน อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำไฟมาติดที่ป้ายเตือนถนนชำรุดให้สว่าง เพื่อเตือนชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาทางเส้นทางนี้ในเวลากลางคืน จะได้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เพราะหากถนนยุบตัว รถยนต์อาจตกลงไปในทะเลได้
 

กทม.ร่วมกับหลายภาคส่วนจัดกิจกรรม Dogs 4 Dogs Live ระดมทุนช่วยเหลือสุนัข-แมวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมพร้อมขอความร่วมมือเจ้าของสัตว์เลี้ยงรับกลับไปดูแลเองก่อนวันที่ 30 พ.ย.นี้ หากไม่มารับจะส่งต่อไปยังศูนย์สุนัขประเวศ
       
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ศูนย์พักพิงสุนัขชั่วคราว ประปาแม้นศรี เขตป้อมปราบศรัตรูพ่าย แพทย์หญิงมาลินี สุขขเวชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรม “Dogs 4 Dogs Live” ซึ่ง กทม.ร่วมกับ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เครือข่ายวิชาชีพสัตวแพทย์ช่วยน้ำท่วม และภาคเอกชน ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อระดมทุนช่วยเหลือสุนัขและแมวในศูนย์พักพิงฯ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม
       
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย มินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน ดารา อาทิ สิงโต-นำโชค, แพนเค้ก-เขมนิจ พร้อมด้วยการออกร้านจำหน่ายสินค้าหารายได้ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้ศูนย์พักพิงฯ นำไปซื้ออาหารและยาให้สุนัขและแมวที่ยังอาศัยในศูนย์พักพิงฯ ดังกล่าว
       
ทั้งนี้ ศูนย์พักพิงสุนัขชั่วคราว ประปาแม้นศรี ก่อตั้งขึ้นในช่วงวิกฤติน้ำท่วม เพื่อให้ความช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของต้องอพยพหนีน้ำท่วม โดยมีสุนัขและแมวในความดูแลกว่า 500 ตัว ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ได้เริ่มคลี่คลายลง จึงมีประชาชนเจ้าของสัตว์เลี้ยงมารับสัตว์เลี้ยงกลับไปดูแลเองบ้างแล้ว คงเหลือสุนัขที่ยังไม่มีเจ้าของมารับอีกกว่า 100 ตัว

โดยขอความร่วมมือเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่นำสัตว์มาฝากไว้ ณ ศูนย์พักพิงฯ ดังกล่าว มารับสัตว์เลี้ยงกลับไปดูแลต่อ เนื่องจากศูนย์พักพิงฯ จะดูแลสัตว์เลี้ยงดังกล่าวไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.54 นี้ หากไม่มีเจ้าของมารับสัตว์เลี้ยงดังกล่าว กทม.จะนำสัตว์เลี้ยงทั้งหมดไปดูแลต่อยังศูนย์พังพิงสุนัขประเวศ

จังหวัดนราธิวาส ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งจังหวัดแล้วแม้ฝนหยุดตก เพื่อความรวดเร็วในการตั้งงบประมาณฉุกเฉินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ให้สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่ทีมสำรวจความเสียหาย
 
(27 พ.ย.) ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนราธิวาส เช้านี้บรรยากาศโดยทั่วไปท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส และฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก 4-5 วันติดต่อกัน ได้หยุดตกลงแล้ว ทำให้ปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะริมแม่น้ำ 3 สายหลัก คือ แม่น้ำสุไหงโก-ลก บางนรา และ แม่น้ำสายบุรี มีปริมาณน้ำท่วมขังทรงตัว และมีแนวโน้มดลงอย่างต่อเนื่อง
 
อย่างไรก็ตาม นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมจากวานนี้ 8 อำเภอ เป็น 13 อำเภอแล้ว เนื่องจากต้องตั้งงบประมาณฉุกเฉินในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่ทีมสำรวจความเสียหาย ในการเร่งฟื้นฟูความเสียหายต่อบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร รวมไปถึงทรัพย์สินต่างๆที่ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถที่จะใช้การได้

โดยศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และ ดินโคลนถล่ม จังหวัดนราธิวาส ได้สรุปความเสียหายจากน้ำท่วม จำนวน 63 ตำบล 221 หมู่บ้าน มีผู้ประสบภัย จำนวน 48,583 คน รวม 13,473 ครัวเรือน

พื้นที่ทางการเกษตรได้เสียหายจากน้ำท่วมขัง จำนวน 12,080ไร่ บ่อเลี้ยงปลา จำนวน 26 บ่อ สัตว์ปีกสูญหายไปตามกระแสน้ำ จำนวน 309 ตัว บ้านเรือนถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกลากพัดเสียหายบางส่วน จำนวน 30 หลัง ถนนถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย จำนวน 56 สาย คอสะพานถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกลากพัดเสียหาย จำนวน 14 แห่งและโรงเรียนถูกน้ำท่วมขัง จำนวน 26 โรง ล่าสุดยังประกาศปิดการเรียนการสอน


ครอบครัวข่าว 3 วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 255

เตือนโลกรับมือมหาภัยพิบัติปี 2012

โพสต์ทูเดย์
27 พฤศจิกายน 2554 เวลา 07:26 น.

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในรอบเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาก็คือ เกือบทุกประเทศทั่วโลกล้วนเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่มาจากน้ำมือธรรมชาติแตกต่างกันออกไป

ทั้งพายุฝน น้ำท่วม ดินถล่ม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และคลื่นยักษ์สึนามิ

เป็นความเลวร้ายที่ส่งผลให้เกิดประเด็นคำถามขึ้นในใจประชากรโลกทั่วไปว่า หรือจะถึงวันสิ้นสุดโลก ตามที่นักโบราณคดีซึ่งได้อ่านปฏิทินจารึกของชนเผ่ามายาพูดกันไว้ว่า บันทึกดังกล่าวได้คำนวณวันเวลาและสิ้นสุดลงในเดือน ธ.ค. ปี 2012 (พ.ศ. 2555)

หรือพูดง่ายๆ ว่า เหลืออีกเพียง 1 ปี เท่านั้นที่โลกจะแตก!

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งกลับลงความเห็นตรงกันว่า โลกอาจไม่กาลดับสูญ แต่มีสิทธิเผชิญหายนะรุนแรงจากภัยพิบัติธรรมชาติซึ่งมีต้นตอสาเหตุมาจากน้ำมือของมนุษย์เอง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน และอยู่ไม่ไกลจากประชาชนคนไทยมากนักก็คือ เหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปีของประเทศไทย ที่คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วมากกว่า 600 คน และทำลายทรัพย์สินของประชาชน บริษัทเอกชน และหน่วยงานภาครัฐอย่างหนักจนตัวเลขความเสียหายพุ่งทะลุเกินหลักล้านล้านบาท

ยังไม่นับรวมความเสียหายทางจิตใจที่คนไทยกว่า 3 ล้านคนใน 19 จังหวัดทั่วประเทศได้รับ ในช่วงเวลานานกว่า 3 เดือน

ทั้งนี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านภัยธรรมชาติชั้นนำของโลกต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยรวมถึงภัยธรรมชาติอื่นๆ ที่โหมกระหน่ำประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้นเป็นเพียงปฐมบท หรือ “บทโหมโรง” ของมหันตภัยทางธรรมชาติของจริง ซึ่งเตรียมถาโถมโลกอีก ครั้งในปีหน้านี้

แถมผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ยังได้ส่งเสียงเตือนแบบหนักแน่นฟังชัดอีกว่า ดีกรีความรุนแรงของมหันตภัยทางธรรมชาติในคราวนี้ จะอยู่ในระดับที่สูงยิ่งกว่าภัยธรรมชาติครั้งใดที่โลกเคยประสบพบเจอมาในอดีตทั้งสิ้น

เรียกได้ว่า ฝันร้ายที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ดูจะยาวนานและไม่จบไม่สิ้นเสียที

ทีมนักวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) เตือนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมที่แอฟริกาว่า ในปี 2555 โลกจะต้องเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่วิปริต รุนแรง และแปรปรวนซึ่งยากต่อการพยากรณ์หรือคาดเดา

นอกจากนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์จากไอพีซีซียังย้ำอีกว่าวิกฤตน้ำท่วมไทย ภัยแล้งในรัฐเทกซัสของสหรัฐ ตลอดจนคลื่นความร้อนในรัสเซีย ล้วนเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า นับจากนี้เป็นต้นไปภัยธรรมชาติจะเกิดถี่ขึ้น และเริ่มหนักหนาสากรรจ์มากขึ้น จนอาจทำให้บางพื้นที่ไม่อาจเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ แม้ผู้คนจำนวนมากจะมองว่าภัยธรรมชาติคือเหตุสุดวิสัยที่เป็นเรื่องของดินฟ้าอากาศ ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นล้วนแต่เกิดจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น (Man Made Disaster)

ขณะที่สื่ออีกหลายสำนัก เช่น หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐ ได้เผยแพร่บทความกึ่งวิเคราะห์ซึ่งระบุว่า วิกฤตน้ำท่วมในไทยครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าการกระทำของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า การผันน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติไปใช้ประโยชน์อย่างไม่เหมาะสม การขยายตัวของเขตเมือง และการบริหารจัดการที่ย่ำแย่จากภาครัฐ คือ สาเหตุหลักที่ทำให้ภัยธรรมชาติซึ่งมักเกิดขึ้นตามปกติกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ภัยธรรมชาติจะมีจุดเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ แต่พฤติกรรมของมนุษย์กลับฉุดให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ยกตัวอย่างเช่น อุทกภัยที่เกิดขึ้นที่ปากีสถานเมื่อปี 2553 ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า ความรุนแรงนั้นเป็นผลจากการละเลยของภาครัฐในการวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน จนเป็นเหตุให้ประชาชนกว่า 1,500 คน ต้องสังเวยชีวิต

ขณะเดียวกัน ความแปรปรวนของสภาพอากาศยังเป็นผลจากปัญหาโลกร้อน ซึ่งนับวันดูจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาวะโลกร้อนเกิดจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศของโลก จนส่งผลให้อุณหภูมิภายในสูงขึ้น เป็นเหตุให้ฤดูกาลทั่วโลกเปลี่ยนแปลง โดยก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้เป็นสารอันตรายที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ทั้งทางธรรมชาติและจากพฤติกรรมมนุษย์ อาทิ การย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์ การเผาไหม้ของโรงงานอุตสาหกรรม และการเผาไหม้ของถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าก๊าซเชื้อเพลิง นั่นเอง

นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2558 ประชากรโลกที่จะตกเป็นเหยื่อของภัยพิบัติอันเนื่องจากสภาวะโลกร้อน จะเพิ่มขึ้นถึงกว่า 50% จากปัจจุบัน หรือเพิ่มสูงขึ้นถึง 375 ล้านคนต่อปี

ด้าน ออกซ์แฟม องค์กรพัฒนาเอกชนสากล ยังออกโรงเตือนอีกว่า ภาวะโลกร้อนจะส่งผลให้ภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อเป็นการลดและป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ หลายฝ่ายจึงเรียกร้องให้มีการเดินหน้าต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับระหว่างประเทศ

และหนึ่งในความพยายามดังกล่าวที่น่าจับตามองมากที่สุด คือ การลงนามในพิธีสารเกียวโตครั้งที่ 2 ของบรรดาชาติพัฒนาและกำลังพัฒนา เพื่อเป็นการสานต่อการลงนามครั้งแรกที่กำลังจะสิ้นสุดในปี 2555 โดยภายใต้พิธีสารดังกล่าว ประเทศผู้ลงนามจะต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้าที่กำหนด

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าเงื่อนไขของพิธีสารดังกล่าวกลับมีช่องโหว่บางประการที่กำลังฉุดรั้งการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ

คอนนี เฮดการ์ด กรรมาธิการยุโรปด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เปิดเผยว่า ช่องโหว่สำคัญ คือ พิธีสารเกียวโตได้แบ่งประเภทความรับผิดชอบไว้อย่างชัดเจนระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา และเรียกร้องการปฏิบัติตามจากประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้น หรือกล่าวอีกอย่างก็คือ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่า “พัฒนาแล้ว” มีภาระความรับผิดชอบในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าประเทศ “กำลังพัฒนา”

เมื่อเป็นเช่นนี้ พิธีสารเกียวโตก็ดูจะไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง เพราะตามรายงานขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ระบุว่า ในปัจจุบันการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น มาจากประเทศกำลังเติบโตทางเศรษฐกิจที่พึ่งพลังงานถ่านหินเป็นหลัก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงเดิมของพิธีสารเกียวโต ประเทศเหล่านี้ก็ไม่ได้มีภาระหน้าที่ที่จะต้องควบคุมการปล่อยก๊าซพิษมากนัก

ยกตัวอย่างสิงคโปร์และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่มีเศรษฐกิจส่งออกที่เข้มแข็ง โดยมีภาคอุตสาหกรรมที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง แต่ทั้งสองประเทศกลับถูกจัดประเภทจากพิธีสารเกียวโตให้เป็นประเทศกำลังพัฒนา

ดังนั้น เฮดการ์ด จึงเรียกร้องให้ที่ประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ ซึ่งจะประชุมร่วมกันสิ้นเดือนนี้ที่เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ สร้างกรอบการดำเนินงานระดับโลกที่มีระเบียบการปฏิบัติสำหรับประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาที่สอดคล้องกันมากที่สุด

ขณะเดียวกัน ยังมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อญี่ปุ่น รัสเซีย และแคนาดา เริ่มส่งสัญญาณแล้วว่าไม่มีเจตนารมณ์ที่จะลงนามในสัตยาบันครั้งที่ 2 นี้ โดยอ้างว่าหากประเทศพัฒนาแล้วไม่กี่ประเทศลงนาม สัตยาบันดังกล่าวก็จะครอบครองเพียงแค่ 16% ของการปล่อยของเสียทั้งหมดในโลก ในขณะที่การลงนามครั้งแรกนั้นครอบคลุมถึง 1 ใน 3 ของการปล่อยของเสียทั้งหมด ดังนั้น สัตยาบันดังกล่าวก็อาจไม่สามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

และยิ่งไปกว่านั้น การที่สหรัฐไม่ยอมให้สัตยาบันในพิธีสารเกียวโตครั้งแรก และยังไม่มีทีท่าว่าจะให้สัตยาบันในอนาคต ก็ยิ่งตอกย้ำภาพของความล้มเหลวของพิธีสารดังกล่าว เพราะต้องอย่าลืมว่าสหรัฐคือพี่ใหญ่หัวแข็งที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่กลับตัดสินใจไม่เข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าว

ล่าสุดนั้น หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า สหรัฐจะไม่ยอมลงนามในกองทุนสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เพื่อระดมทุนช่วยประเทศกำลังพัฒนาให้ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก

ในทางกลับกัน สหภาพยุโรปได้ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะจำกัดอุณหภูมิของโลกมิให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส โดยมีเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 30% เมื่อเทียบกับปี 2533 ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้านี้

ดังนั้น เมื่อโลกเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับมหันตภัยทางธรรมชาติครั้งรุนแรงในอนาคต เชื่อว่าทุกฝ่ายก็ได้แต่หวังว่าบรรดาผู้นำของโลกจะตระหนักถึงบทบาทของแต่ละประเทศในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ พร้อมกับสร้างแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนและตารางเวลาของกรอบการดำเนินงานให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้

เพราะยิ่งลงมือช้าเท่าใด ประชาคมโลกก็ยิ่งเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น


โพสต์ทูเดย์
27 พฤศจิกายน 2554 เวลา 07:26 น.

ซิดนีย์ 27 พ.ย.- ชาวออสเตรเลียหลายพันคนติดค้างเพราะน้ำท่วมทางฝั่งตะวันออกเพิ่มระดับสูงขึ้นในวันนี้ และมีเด็กเสียชีวิต 1 คน ขณะที่ชาวออสเตรเลียฝั่งตะวันตกทยอยกลับบ้านหลังเกิดไฟป่าเมื่อสัปดาห์ก่อน

เจ้าหน้าที่เผยว่า เมืองวีวา ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตอนเหนือของประเทศ ห่างจากนครซิดนีย์ไป 570 กิโลเมตร จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างมาก 1 สัปดาห์เพราะน้ำท่วม หลังจากแม่น้ำหลายสายในรัฐนี้เอ่อล้น เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงชาวเมือง 1,800 คนได้เฉพาะทางเรือและเฮลิคอปเตอร์ และกำลังเร่งจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปให้ ส่วนที่เมืองมอรี ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ชาวเมืองกำลังเร่งอพยพออกเพราะคาดว่าครัวเรือนมากกว่า 60 หลังจะถูกตัดขาดเพราะระดับน้ำถึงจุดสูงสุด และมีครัวเรือนราว 150 หลังในพื้นที่ชนบทถูกตัดขาดไปแล้ว

เจ้าหน้าที่เผยว่า มีประชาชนแจ้งขอความช่วยเหลือมากกว่า 800 ราย และช่วยผู้ประสบภัยได้ 17 คน แต่มีเด็กชายวัย 3 ขวบหนึ่งคนจมน้ำเสียชีวิตกลางกระแสน้ำเชี่ยวกราก ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจะมีฝนตกหนักอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า อันเป็นผลจากปรากฏการณ์ลานีญาในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่คงไม่ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักเหมือนเมื่อต้นปีที่มีคนเสียชีวิตหลายสิบคนและน้ำท่วมเป็นวงกว้างในเมืองบริสเบน เมืองใหญ่อันดับสามของประเทศ

ขณะเดียวกันชาวออสเตรเลียทางฝั่งตะวันตกเริ่มทยอยกลับบ้านเรือนหลังจากอพยพออกมาเพราะเกิดไฟป่าในเขตแม่น้ำมาร์กาเร็ตเมื่อวันพุธ อาคารบ้านเรือนถูกไฟเผาเสียหายหลายสิบหลัง ต้นเพลิงเกิดจากเถ้าที่ถูกควบคุมได้แล้วก่อนหน้านี้กลับปะทุขึ้นใหม่ ขณะนี้ไฟป่ายังไม่มอดแต่เจ้าหน้าที่เผยว่าสามารถควบคุมได้และสภาพอากาศเอื้ออำนวย

มอนเตวิเดโอ 27 พ.ย. -   เถ้าถ่านจากภูเขาไฟปูเยฮวยในชิลี ส่งผลกระทบไปยังอุรุกวัยทำให้ต้องยกเลิกและเลื่อนเที่ยวบินในวันเสาร์ หลังจากที่การบินขัดข้องมานับสัปดาห์แล้ว

เที่ยวบินไป-กลับจากกรุงบัวโนสไอเรส ของอาร์เจนตินา ต้องยกเลิกเนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้   ส่วนเที่ยวบินไป-กลับจากกรุงมาดริด ของสเปน ต้องล่าช้าออกไปมาก ขณะเจ้าหน้าที่ต้องประเมินความเสี่ยงจากเถ้าภูเขาไฟปกคลุม  ภูเขาไฟปะทุมาตั้งแต่ 4 มิถุนายน ส่งผลกระทบต่อการบินส่วนใหญ่ในภูมิภาคอเมริกาใต้ และไปไกลถึงออสเตรเลีย ทั้งยังทำให้เถ้าถ่านและความร้อนกระจายมาทางตะวันออกของเทือกเขาแอนดีสในเขตชิลี

มาเลเซีย 27 พ.ย. - ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในมาเลเซียยังพำนักอยู่ตามตามศูนย์พักพิงชั่วคราว 2,345 คน

ผลกระทบจากน้ำท่วมพื้นที่ชายฝั่งรัฐกลันตัน และรัฐตรังกานู ของมาเลเซีย ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัยต้องย้ายไปพักอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราวที่รัฐบาลจัดไว้ 12 แห่ง แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในมาเลเซียเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังมีผู้อพยพอยู่ในศูนย์พักพิงอีก 2,345 คน ทางการมาเลเซียอยู่ระหว่างเฝ้าระวังโรคติดต่อภายหลังน้ำท่วมหลายชนิด ตั้งแต่โรคท้องร่วง อหิวาตกโรค ไทฟอยด์ และอาหารเป็นพิษ ทั้งยังต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำทางระบายน้ำ 4 สาย แม้ว่าระดับน้ำในแม่น้ำทุกสายเริ่มลดลงแล้วก็ตาม.

สำนักข่าวไทย

เอล ซัลวาดอร์ 27 พ.ย.- เกิดแผ่นดินไหวหลายร้อยครั้งในเอล ซัลวาดอร์ ชาวบ้านนับหมื่นคนขวัญผวา เกรงว่าในที่สุดเมืองทั้งเมืองอาจถล่มลงมา

ในช่วงระยะเวลา 2-3 วันที่ผ่านมานี้ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางในภาคตะวันออกของเอล ซัลวาดอร์ กว่า 700 ครั้ง อาคารเกือบ 100 หลังพังทลาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยความรุนแรงวัดได้ระหว่าง 1.8-4.6 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเอล คาร์เมน ห่างจากกรุงซาน ซัลวาดอร์ ไปทางตะวันออกราว 163 กิโลเมตร ทางการยังไม่สั่งอพยพแต่อย่างใด แม้จะเกิดแผ่นดินไหวหลายร้อยครั้ง ส่งผลให้ชาวบ้านพากันหันไปนอนกลางแจ้งด้วยความหวั่นเกรงว่าอาคารอาจพังทลายลงมา เนื่องจากแผ่นดินยังไหวไม่หยุด

ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวระบุว่า เป็นการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่ผิดปกติอย่างมาก เอล ซัลวาดอร์เผชิญแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งในรอบ 10 ปี วัดความแรงได้ 7.6 ริกเตอร์และ 6.6 ริกเตอร์ สังเวยชีวิตผู้คนกว่า 1,150 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 1 ล้านคน
 

มหาอุทกภัยในกรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัดกำลังผ่านพ้นไป แต่ประเทศไทย ยังไม่หมดวาระที่จะประสบภัยธรรมชาติเสียทีเดียว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่อิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะพัดผ่านในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน จ.กระบี่ สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราชประสบกับอุทกภัยและมีปัญหาดินถล่มตามมา
   
นายธวัชชัยสำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดดินถล่ม (Landslide) หลายจังหวัด ซึ่งภัยพิบัติดังกล่าวมักเกิดขึ้นพร้อมกับน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตกหนักมากและบริเวณเทือกเขากรมพัฒนาที่ดิน จึงได้จัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงภัยดินต่อการเกิดถล่มและน้ำป่าไหลหลาก โดยวิเคราะห์จากลักษณะดิน สภาพการใช้ที่ดิน ความลาดชันของพื้นที่ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา และสถิติของพื้นที่ที่เคยเกิดดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก เพื่อประมวลผลและจัดทำเป็นแผนที่เตือนภัย
   
เบื้องต้นพบว่า ประเทศไทยมีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก จำนวน 52 จังหวัด ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 5,722,543 ไร่ โดยพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มสูงที่สุด คือ ภาคเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร เชียงราย น่าน พะเยา พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี รวมเนื้อที่ 2,796,066 ไร่ รองลงมา คือ ภาคใต้ 14 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุงภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี รวมเนื้อที่ 1,646,584 ไร่
   
ขณะที่ภาคกลาง มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก 7 จังหวัด ได้แก่กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี และสุพรรณบุรี รวมเนื้อที่ 896,127 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มุกดาหาร เลย สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี รวมเนื้อที่ 205,181 ไร่ และภาคตะวันออก 6 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด ระยอง และ สระแก้ว รวมเนื้อที่ 178,585 ไร่
   
“ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมนี้ จะเป็นช่วงหน้ามรสุมของภาคใต้ จังหวัดทางภาคใต้ที่น่าห่วงและเสี่ยงต่อดินถล่มมากที่สุดคือสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงาและกระบี่ ถ้ามีฝนตกหนักก็อาจจะทำให้ดินและหินที่ค้างบนร่องเขาไหลลงมาอีกรอบหนึ่งได้ ดังนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ต้องรู้และเฝ้าระวังในช่วงที่มีฝนตกต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียซ้ำอีก” นายธวัชชัยกล่าว
   
อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินกล่าวด้วยว่า ดินถล่มเป็นเหตุการณ์ที่เกิดอย่างรวดเร็วและยากต่อการเตือนภัยหรือหลบหนีได้ทัน ยังไม่มีการเตือนภัยทางตรง ใช้วิธีปริมาณน้ำฝนเป็นเกณฑ์ คือมากกว่า 100 มม./วัน ต่อเนื่องเกิน 24 ชม. รวมทั้งปริมาณน้ำฝนสะสมในพื้นที่ 3 วันมากกว่า 300 มม. ถือว่าเสี่ยง
   
ด้าน นายไพฑูรย์ คดีธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันภัยธรรมชาติ และความเสี่ยงด้านการเกษตร กล่าวว่า ตามแผนที่พื้นที่เสี่ยงภัยดินต่อการเกิดถล่มและน้ำป่าไหลหลาก แยกการดำเนินงานออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ การป้องกัน และการเตือนภัย ในส่วนของการป้องกันสามารถทำได้โดยการทำขั้นบันได ขุดคูรับน้ำรอบขอบเขา ขุดหลุมลึกเพื่อปลูกไม้ยืนต้น ปลูกหญ้าแฝก ตามความเหมาะสมของพื้นที่ แต่ทั้งหมดมีต้นทุนที่สูงมาก งบประมาณที่ได้ยังไม่เพียงพอต่อพื้นที่ที่จะเข้าไปดำเนินการได้ทั้งหมด
   
ทั้งนี้ กรมพัฒนาที่ดินได้แจ้งเตือนภัย โดยการติดป้ายประกาศทางวิทยุ ผ่านระบบออนไลน์ และเพื่อความปลอดภัยประชาชนควรหลีกเลี่ยงการสร้างบ้านอาศัยบริเวณที่เคยเกิดดินถล่ม หรือบริเวณหุบเขา พื้นที่มีความลาดชันสูง พื้นที่ราบลุ่ม แอ่งกระทะ พื้นที่ร่องน้ำ ควรปลูกหญ้าแฝกที่ยึดหน้าดินบริเวณเชิงเขาและพื้นที่ลาดชันซึ่งจะลดความเสี่ยงของดินถล่มได้ แต่หากมีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้หมั่นสังเกตสภาพอากาศ หากฝนตกหนักต่อเนื่องเกิน 100 มิลลิเมตรต่อวัน ประชาชนควรระมัดระวังเป็นพิเศษและอพยพออกนอกพื้นที่โดยเร็ว
   
“ข้อควรจำง่าย ๆ ที่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มควรสังเกตเพื่อเฝ้าระวัง คือ เมื่อเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องหรือเกิดแผ่นดินไหวให้สังเกตสีของน้ำที่ไหลผ่าน หากน้ำสีขุ่นมีเศษซากวัสดุไหลมาตามน้ำให้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดดินโคลนถล่ม หรือมีเสียงดังอื้ออึงผิดปกติมาจากภูเขาและลำห้วยและน้ำท่วมสูงขึ้น หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามเบื้องต้นให้รีบอพยพออกจากพื้นที่โดยทันทีเพื่อความปลอดภัย” นายไพฑูรย์ กล่าว
   
เหตุการณ์ดินถล่มในพื้นที่เดิมอาจเกิดซ้ำได้ เพราะตะกอนดินบริเวณที่ลาดเชิงเขาในหลายพื้นที่ของภาคใต้ยังตกลงมาไม่หมด ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ การสร้างจิตสำนึกของประชาชนให้มีความตื่นตัว เรียนรู้ที่จะอยู่กับภัยธรรมชาติอย่างปลอดภัย และสร้างเครือข่ายเตือนภัยทางธรณีพิบัติ หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำก็จะสามารถลดความรุนแรงให้ลดน้อยลงได้
   
หากสนใจข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักป้องกันภัยธรรมชาติและความเสี่ยงภัยทางการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน โทร.0-2562-5100 ต่อ 1320, 1211 หรือ http://irw101.ldd.go.th.
 

หวัดพันธ์ใหม่กลับมาแล้ว จังโก้สังเวย 4 ศพ

พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 รายในรัฐชิอัวอัวทางตอนเหนือของเม็กซิโกจากไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอช 1 เอ็น 1
และมีผู้ติดเชื้ออีก 6 ราย หลังเชื้อมรณะที่เคยระบาดไปทั่วโลกเมื่อปี 2009 กลับมาแผลงฤทธิ์อีก...

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เอช 1 เอ็น 1 แล้วอย่างน้อย 4 ราย หลังจากที่เชื้อมรณะซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปมากกว่า 18,000 รายนับตั้งแต่ปี 2009 ชนิดนี้ เริ่มกลับมาระบาดอีกครั้ง


เซซาร์ โอราซิโอ ดูอาร์เต ฮาเกซ ผู้ว่าการรัฐชิอัวอัว ทางตอนเหนือของเม็กซิโกออกมาแถลงที่เมืองซิวดาด ฮัวเรซ โดยยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 รายในรัฐของตนจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่เคยมีการระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อปี 2009

ขณะเดียวกันก็พบผู้ติดเชื้อชนิดนี้อีกอย่างน้อย 6 ราย


ผู้ว่าการ รัฐชิอัวอัว ระบุว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นสตรีรายหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากมลรัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังพบตำรวจจราจร 2 นายเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสดังกล่าว รวมถึงสตรีอีกรายหนึ่งในเมืองซิวดาด ฮัวเรซเช่นกัน


 

.

เวเนซุเอลาถอนทองออกจากธนาคารยุโรป
รัฐบาลเวเนซุเอลา เริ่มถอนทองที่ฝากไว้ในธนาคารยุโรปกลับประเทศ เพื่อปกป้องทองคำ จากปัญหาวิกฤตหนี้สินในสหรัฐฯ และยุโรป

ทองคำล็อตแรกของรัฐบาลเวเนซุเอลา ถูกลำเลียงออกจากเครื่องบินที่เดินทางมาจากฝรั่งเศสแล้วเมื่อวานนี้ โดยมีทหารพร้อมอาวุธปืนคุ้มกันอย่างแน่นหนา ทองคำเหล่านี้จะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ธนาคารกลางเวเนซุเอลา ที่เมืองคารากัส เมืองหลวงของประเทศ

นายฮูโก้ ชาเวส ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ผู้นำซ้ายจัด ที่ดำเนินนโยบายประเทศไปสู่สังคมนิยม ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมว่า

รัฐบาลจะถอนทองคำสำรองมากกว่า 211 ตัน ที่ฝากไว้ในธนาคารสหรัฐฯ และยุโรปกลับประเทศ
เพื่อปกป้องทรัพย์สินของชาติจากปัญหาวิกฤตหนี้สินในสหรัฐฯ และยุโรป

ชาเวสบอกว่า ทองคำเหล่านี้จะกลับมาอยู่ในที่ที่มันเคยอยู่ นั่นคือ ตู้นิรภัยของธนาคารกลางเวเนซุเอลา ไม่ใช่ธนาคารกลางอังกฤษ หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ เพราะมันเป็นทองคำของประเทศ ก่อนหน้านี้ชาเวสบอกว่า ทองคำได้ถูกฝากไว้ที่อังกฤษ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นธนาคารใด และทองคำที่ถอนออกมาล็อตแรกมีจำนวนเท่าไหร่
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนายชาเวส บอกว่า การถอนทองคำกลับประเทศ เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ส่วนนายเปโดร ปัลมา นักเศรษฐศาสตร์เวเนซุเอลา บอกว่า ไม่ว่าจะเก็บทองคำไว้ในประเทศหรือธนาคารในอังกฤษ ก็จะไม่มีผลใดๆ ต่อปริมาณทองคำสำรอง


http://www.komchadluek.net/detail/20111126/116125/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B.html

ถาม : "หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ...?"

ตอบ : ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน

ถาม : "เป็นไงคะ...?"

ตอบ : การปรารถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่

ถาม : "ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ เล่าคะ...?"

ตอบ : ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐีพ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้วต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน

วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง พระอานนท์จึงทูลถามว่า "พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?"

พระพุทธเจ้าถามว่า "อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม...?"

พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า "ขอทานนั่นแหล่ะคืออาฬวีเศรษฐี" แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า

"ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระสกิทาคามี เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระโสดาบัน แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีเป็นขอทานเสียแล้ว เราเทศน์จึงไม่มีผล"

ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า "ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นั่นเขามี อธิษฐานบารมี"

ถาม : เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิษฐานบารมีใช่ไหมโยม

ตอบ : "ใช่ค่ะ"

ตอบ : คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิษฐานเสียนะ

ที่มา http://www.mettajetovimuti.org/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=21&Id=539313505

หมายเหตุ

ใครที่ต้องการจะอยู่รอดปลอดภัย จากภัยพิบัติทั้งปวงในกึ่งพุทธกาลนี้ เมื่อทำบุญใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา แล้วก็อย่าลืมอธิษฐาน ขอให้บุญช่วยด้วยนะครับ เพราะเทวดาที่มีหน้าที่ดูแลรักษาคนดีมีศีลธรรม ให้อยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ท่านจะรับรู้ได้ถึงคำอธิษฐานของเราครับ ถ้าไม่เกินกฏแห่งกรรมและเรายังไม่หมดอายุขัย ท่านช่วยเราได้แน่นอนครับ

ขอรายงานสภาพอากาศที่หาดใหญ่หน่อยน๊ะค่ะ

ช่วงนี้สภาพอากาศที่หาดใหญ่ไม่ค่อยปกติเลยค่ะ

ไม่รู้ทำไมมองขึ้นไปบนฟ้า ท้องฟ้าสว่างไสว

มองเห็นดวงดาว แต่อยู่ๆฝนก็ตกลงมา

ในขณะที่ฝนตก ก็ยังมองเห็นดาว

ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่แปลกมาก

ไม่เคยได้ยินเลยค่ะ เวลาฝนตกแล้วมีดาว

หลายคืนมานี้ ฝนตก 1 นาที หยุดไปสักพัก ก็ตกอีกแปบเดียว

ในระหว่างที่ฝนหยุด ท้องฟ้าเปิด สว่าง มีดาว

ซึ่งดูแล้ว เหมือนจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

เหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเลยค่ะ

ไม่ทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จะมีอะไรให้ตื่นเต้น

ตกใจ อีกหรือเปล่า เน้อออ

ไม่อยากให้เกิดอะไรร้ายแรงอีกเลยค่ะ

ชาวบ้าน ผวา เจอจระเข้หลุด นอนในปั๊มน้ำมัน

ย่านบางเขน ปากซอย พหลโยธิน 69 จนท. ล้อมจับได้

         เมื่อช่วง 05.00 น. รับแจ้งจากชาวบ้านย่าน

ซ.พหลโยธิน 48 บางเขน ว่า พบจระเข้ นอนอยู่ภายใน

ปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามปากซอยพหลโยธิน 69

จากการสอบถาม เล่าว่า ตนพักอยู่ภายในซอยพหลโยธิน 48

แต่ช่วงเช้ามืด ได้ขับรถยนต์กระบะ ออกมารับเพื่อน เนื่องจาก

ในพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ ขณะที่ เพื่อนตนเองใช้เส้นทางลัด

ผ่านมาทางปั๊มน้ำมันดังกล่าว สังเกตเห็นจระเข้นอนอ้าปาก

อยู่ข้างตู้โชว์สินค้า ของร้านแบ่งเช่าภายในปั๊มน้ำมัน จึงส่งเสียง

ร้องด้วยความตกใจ และลุยน้ำเข้า พร้อมทั้งใช้ไฟส่องเห็นแต่

เพียงส่วนหางและขาประมาณความยาวราว 1-2 เมตร ซึ่งเป็น

จังหวะเดียวกับที่จระเข้ดังกล่าว ตีหางลงน้ำ เนื่องจากมีเสียงรถ

จักรยานยนต์ วิ่งผ่านเสียงดัง จากนั้น จึงโทรแจ้ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ จากการสอบถามภายหลังมีการจับ

จระเข้ตัวดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว

Credit : INN

ความคืบหน้าเหตุ สะพานถล่มในอินโดนีเซีย

มีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 คนแล้ว

แต่ยังมีผู้สูญหายอีก 24 คน

     เผยภาพเหตุการณ์ ขณะที่ สะพานมาฮาคาม สะพานแขวน

ที่ยาวที่สุดบนเกาะบอร์เนียวของอินโดนีเซีย ถล่มลงมา

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ขณะที่ คนงานก่อสร้าง กำลังซ่อมแซมสะพาน

ขณะเกิดเหตุมีรถยนต์ 5 คัน และมอร์เตอร์ไซค์อีก 10 คัน

อยู่บนสะพาน หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ เร่งค้นหาผู้เคราะห์ร้าย

ที่ตกลงไปในน้ำ ซึ่งการค้นหาดำเนินต่อเนื่องจนถึงวันนี้

เนื่องจาก ยังมีผู้สูญหายอีก 24 คน และพบร่างผู้เสียชีวิต

แล้ว 4 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาล

อีก 17 คน ขณะที่ ญาติของผู้สูญหาย ติดตามฟังข่าว ผู้เป็น

ที่รักอยู่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการ

ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้สะพานถล่ม

     สำหรับ สะพานข้ามแม่น้ำมาฮาคาม บนเกาะบอร์เนียว

สร้างขึ้นเมื่อ 13 ปีก่อน มีโครงสร้างคล้ายสะพานโกลเดนเกต

ที่ นครซานฟรานซิสโกของสหรัฐ ซึ่งเชื่อมระหว่าง

เมืองเตงการง และเมืองซามาริดา จังหวัดกะลิมันตันตะวันออก

ของอินโดนีเซีย

Credit : INN

 สะพานแขวนถล่มที่อินโดนีเซียดับแล้ว5ราย

พบร่างผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน

จากเหตุสะพานแขวนถล่มในประเทศอินโดนีเซีย

ขณะที่ยังมีการค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง 

     หัวหน้าหน่วยงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซีย

กล่าวแถลงเหตุสะพานมาฮาคาม สะพานแขวน ที่ยาวที่สุด

บนเกาะบอร์เนียวของอินโดนีเซีย พังถล่มลงมาเมื่อช่วงเย็น

วันเสาร์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

ได้รับบาดเจ็บ 39 คน สูญหายอีกไม่ต่ำกว่า 33 คน อย่างไรก็ดี

ยอดผู้สูญหายที่ชัดเจน ยังไม่สามารถคาดเดาได้ เนื่องจาก

ไม่ทราบจำนวนยานพาหนะที่อยู่บนสะพานในขณะเกิด

      อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย และทีมค้นหายังคง

ทำการค้นหาผู้สูญหายใต้น้ำอย่างต่อเนื่อง และได้มีการวางแผน

อย่างรัดกุม เนื่องจากมีความเสี่ยงว่า ชิ้นส่วนของสะพาน

อาจตกลงมาในน้ำ ทำให้การค้นหามีความล้าช้าอยู่บ้าง 

      สำหรับ สะพานข้ามแม่น้ำมาฮาคาม บนเกาะบอร์เนียว

สร้างขึ้นเมื่อ 13 ปีก่อน มีโครงสร้างคล้ายสะพานโกลเดนเกต

ที่ นครซานฟรานซิสโกของสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อมระหว่าง

เมืองเตงการง และเมืองซามาริดา จังหวัดกะลิมันตันตะวันออก

ของอินโดนีเซีย

Credit : INN

วันจันทร์ที่ 28 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 17:45 น. 

เกิดเหตุแผ่นดินไหว 5.8 ริกเตอร์ ในทะเลบาหลี

ประเทศอินโดนีเซีย เบื้องต้นยังไม่มี

รายงานผลกระทบใดๆ 

      สำนักธรณีวิทยาสหรัฐ แจ้งเหตุแผ่นดินไหวความรุนแรง

ขนาด 5.8 ริกเตอร์ ในทะเลบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเวลา

17.13 น. ตามเวลาท้องถิ่น (16.13 น. ตามเวลาประเทศไทย)

ที่ระดับความลึก 613 กิโลเมตร ใต้ท้องทะเล 

        โดยศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนอยู่ห่างจากมาตารัม

(Mataram) เมืองลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย ไปทาง

ตะวันออกเฉียงเหนือ ราว 199 กิโลเมตร และห่างจากเมืองดิลี

(Dili) ซึ่งเป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐ

ประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ไปทางตะวนตกราว 961 กิโลเมตร

โดยเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย รวมถึงการ

เตือนภัยสึนามิแต่อย่างใด

Credit : INN

ลูกหมูพิการสู้ชีวิต! หัดเดินด้วย 2 ขาหน้า

(28 พ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ภาพ 

ลูกหมูตัวหนึ่ง ในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน 

ซึ่งเกิดมาพร้อมความพิการไม่มีขาหลังทั้ง 2 ข้าง

แต่มันยังดิ้นรนจนมีชีวิตรอด และรู้จักเอาชนะความบกพร่องทางกาย

จนสามารถเดินได้ด้วย 2 ขาหน้าของมันเอง

เก้อ ซินผิง เจ้าของหมู เปิดเผยว่า ลูกหมูพิการตัวนี้เกิดเมื่อ

เดือนกรกฎาคม เขาคอยดูแลมันจนพ้นวัยอ่อน และค่อยๆสอน

ให้มันรู้จักยืนได้ด้วย 2 ขาหน้า จากนั้นจึงพามันออกมาเดิน

นอกบ้านบ่อยขึ้น ทุกวันนี้มันสามารถเดินได้เองโดยไม่ต้อง

มีใครช่วย และมีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ด้วยน้ำหนัก

30 กิโลกรัม อีกทั้งมันยังเป็นที่รักของชาวบ้าน

ในแถบนี้ทุกคน 

Credit : Sanook

.

น้ำท่วมหนักที่ประเทศออสเตรเลีย
 

Two thousand people stranded by Australian floods

Floodwaters caused by heavy rain have cut off roads and power isolating more than 2000 people in Australia"s south-eastern state of New South Wales.

11:08AM GMT 27 Nov 2011
More than 900 people have called for emergency help and 29 people were rescued from the floodwaters, which on Saturday claimed the life of a three-year-old boy who was swept into a surging storm-water drain.
Officials said the northern New South Wales town of Wee Waa would be cut off for up to one week by the flooding which has reached a deph of seven metres in some parts, after several rivers in the state burst their banks during heavy rains.
The township of 1,800 will only be accessible by boat and helicopter and state emergency authorities said they were working to replenish food supplies.
Evacuations were also underway at nearby Moree, where 60 homes were expected to be cut off as floodwaters reached their peak, while some 150 rural properties in the region were already isolated.
The village of Garah, on the outskirts of Moree, was completely surrounded by water after a levy broke.

เกิดดินถล่มทางตอนใต้ของจีน Guangxi Zhuang  ทำให้มีผู้สูญหายอย่างน้อย 7 คน

Landslide leaves 7 missing in South China - 27th Nov 2011



Seven people have gone missing after a landslide triggered by their illegal mining activities for rare earth metals in South China"s Guangxi Zhuang autonomous region, local authorities said Sunday.
The landslide took place at about 3:30 pm Saturday near a village in Cangwu county, a county government spokesman said.

A suspect who had been detained by police for involvement in the illegal mining activities confessed that seven people were buried, the spokesman said.

Local government has dispatched rescuers to search the missing people, he added.

Rare earth metals are vital ingredients for manufacturing an array of sophisticated products, including cell phones, wind turbines, electric car batteries and missiles.

China now produces more than 90 percent of the world"s rare earth metals but its rare earth reserves only account for about one-third of the world"s total.

The country has suspended the issuance of new licenses for rare earth prospecting and mining, imposed production caps and export quotas, and announced tougher environmental standards for rare earth production in order to control environmental damage and protect the resources.

Despite government control, illegal production remains active, seeking profits from surging rare earth prices. Source

POSTED BY LYNSEY AT 6:22 AM

.

เเผ่นดินไหว 5.8 ริคเตอร์ เกาะ บาหลี Bali Sea

MAG	UTC DATE-TIME y/m/d h:m:s	LAT deg	LON deg	DEPTH km	Region
MAP	5.8	2011/11/28 09:13:11	-7.005	116.997	613.0	BALI SEA

10-degree Map Centered at 5°S,115°E

เผย จีนลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากสุดทุบสถิติโลก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 15:19 น.




แฟ้มภาพโรงไฟฟ้าถ่านหินเมืองหลินเฟิน ขณะนี้จีนเผยว่าได้ตัดลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากสุดทุบสถิติโลก (ภาพเอเยนซี)

ซั่งไห่เดลี - จีนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 1,500 ล้านตันระหว่างปี 2549-2553 หากเทียบกับบรรดาประเทศต่าง ๆ ถือว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจีนลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากสุดในโลก

ซินหวาอ้างรายงานการพัฒนาเพื่อลดปริมาณคาร์บอนของจีน ระบุว่า ความเข้มข้นในการบริโภคพลังงานต่อหน่วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของจีนลดลง 19.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่ผ่านมาเทียบกับปี 2548 เท่ากับว่าจีนได้ประหยัดการใช้พลังงานถ่านหินไปได้ถึง 630 ล้านตัน ซึ่งปริมาณดังกล่าวทำให้จีนไม่ต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 1,500 ล้านตัน

รายงานดังกล่าวตีพิมพ์โดยสถาบันเศรษฐกิจการลดใช้พลังงานคาร์บอนแห่งโลก มหาวิทยาลัยเศรษฐกิจและธุรกิจสากล และสำนักพิมพ์สำนักสังคมศาสตร์จีน

รายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ (26 พ.ย.) ระบุว่า แม้ว่าจีนจะกลายเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนซึ่งมีฤทธิ์ทำลายชั้นบรรยากาศมากสุดในโลก แต่จีนก็ได้เป็นประเทศใหญ่สุดในโลกที่ลดการปล่อยก๊าซฯ ด้วยเช่นกัน

"นโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจีนนั้นถือว่าเข้มงวดและมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก" รายงานฯ แถลงไข

รายงานยังเผยอีกว่า "5 ปีที่ผ่านมา จีนรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยอยู่ที่ 11.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลให้อัตราการบริโภคพลังงานเพิ่มขึ้นปีละ 6.6 เปอร์เซ็นต์"

นอกจากนั้น จีนพยายามปิดแหล่งพลังงานปล่อยความร้อนที่ไร้ประสิทธิภาพหรือปล่อยมลพิษเกินมาตรฐาน ทำให้สามารถตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงไปได้ 50 ล้านตันทีเดียว

นับจากปี 2550 ถึงปี 2552 จีนได้ปิดแหล่งพลังงานที่ปล่อยความร้อนฯ ที่มีศักยภาพผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 54 ล้านกิโลวัตต์

จีนยังคงสามารถปิดโรงงานอุตสาหกรรมที่ด้อยมาตรฐานจำพวกโรงงานโลหะ โรงงานปูนซีเมนต์ และเหมืองถ่านหินในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น จีนระดมโครงการประหยัดพลังงาน 10 โครงการ รวมทั้งการพัฒนาเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าพลังไอน้ำโดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ยกระดับประสิทธิภาพเเครื่องกระจายพลังงานความร้อน สนับสนุนให้อาคารบ้านเรือนของประชาชนและสำนักงานรัฐเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมติดตั้งระบบหลอดไฟคาร์บอนต่ำด้วย

รายงานชี้ว่า โครงการเหล่านี้ช่วยให้จีนสามารถประหยัดการบริโภคพลังงานจากถ่านหินได้ถึง 240 ล้านตัน ซึ่งทำให้ลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 550 ล้านตัน

ความพยายามในการเพิ่มช่องทางพลังงานทางเลือกและโครงการปลูกป่าทดแทนนั้น จะช่วยให้สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซฯ ได้

ขณะนี้ผืนป่าในจีนมีสัดส่วนเป็น 20.36 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นจาก 18.2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2548

ในอีก 5 ปีนับจากนี้ จีนได้ตั้งเป้าหมายตัดลดความเข้มข้นในการบริโภคพลังงานอยู่ที่ 16 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มช่องทางการใช้พลังงานที่ไม่ได้เกิดจากฟอสซิลหรือพลังงานทางเลือก ขึ้นเป็น 11.4 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการบริโภคพลังงานในแต่ละปี

นอกจากนั้นยังมีแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยจีดีพีอยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์เทียบกับระดับที่ปล่อยในปี 2553 และนับเป็นครั้งแรกที่จีนบรรจุเรื่องนี้ลงในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปีของตน.

กาญจนบุรีประชุมเตรียมรับมือภัยหนาว

ข่าวภูมิภาค วันจันทร์ที่ 28 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 16:35 น.
share



จังหวัดกาญจนบุรี ได้เรียกประชุม นายก อบต. นายกเทศบาลตำบล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ปัญหาภัยหนาว ขณะที่ ข้าราชการ ภาคเอกชน กำนัน ผู้ใหญ่ ท้องถิ่น ร่วมส่ง ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี เข้ากระทรวงเป็นผู้ตรวจฯ

ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เรียกประชุม นายก อบต. นายกเทศบาลตำบล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ปัญหาภัยหนาว โดยกำชับทุกตำบลทำงานเชิงรุกมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงพื้นที่ผู้ประสบโดยเร็ว นายไชโย ฤทธิรงค์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ได้มีการสำรวจพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี พบประชาชนต้องการเครื่องกันหนาวจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะต้องการเป็นผ้าห่ม ผ้านวม โดยมีพื้นที่ประสบภัยแล้ว 3 อำเภอ คือ อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และ อ.สังขละบุรี แต่ก็มีแนวโน้มประกาศเพิ่มอีกหลายพื้นที่ เนื่องจากในช่วงต้นเดือน ธ.ค. จะมีมวลอากาศเย็นจากจีนระลอกใหม่แผ่มาปกคลุม ทำให้อุณหภูมิลดลง โดยขณะนี้ทางจังหวัดได้เตรียมใช้งบประมาณจัดซื้อเครื่องนุ่งห่มกันหนาวแล้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เตรียมเสนอของบประมาณจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดซื้อผ้าห่มเพื่อรองรับผู้ประสบภัยในปีนี้ด้วย

ปลาจำนวนมากตายในอ่าวในฟลอริด้า อย่างปริศนา แต่สงสัยอาจเกิดจาก RedTide

Purchase Image


Katie McFarland, an FGCU marine biology graduate student, prepares a dead mullet for testing. / Brian Hirten/news-press.com





Purchase Image Zoom

Dead mullet fish wash up on the shore in Estero Bay in Bonita Springs on Saturday. Scores of mullet can be found floating throughout the area. / Brian Hirten/news-press.com

It’s a mystery: Something is killing mullet in Estero Bay, but nobody knows what.


Katie McFarland, an FGCU graduate student, first saw large numbers of dead mullet floating in the bay and washed up along the shoreline Friday.


Saturday morning, McFarland took another trip onto the bay to take water samples and saw hundreds of mullet between FGCU’s Vester Field Station and New Pass.


“From what I’ve heard, it’s the whole bay,” she said. “I’ve yet to see anything but mullet. It’s crazy, the numbers of them.”
Soon after he made that comment, McFarland found one dead Atlantic spadefish.


One suspect is red tide, a natural phenomenon that occurs when the toxic single-cell alga Karenia brevis undergoes a population explosion, or bloom.


To determine the strength of a red tide, scientists take water samples and count the number of Karenia cells per liter of water.


Fish can start dying when concentrations are “low,” 10,000 to 100,000 cells per liter; the effects of medium concentrations, 100,000 to 1 million cells, are “probable fish kills.”


According to the state’s latest red tide status report, a Karenia bloom stretches for 30 miles along the shore from southern Lee County to northern Collier County and 30 miles offshore. Water samples taken Tuesday showed medium concentrations at Lighthouse Beach on Sanibel and low counts at Lynn Hall Park and Lovers Key State Park.


“Satellite imagery shows that the bloom we had up in Sarasota County worked its way down off Captiva and kept heading south,” said Gary Kirkpatrick, manager of Mote Marine Laboratory’s Phytoplankton Ecology Program. “Clearly it’s in the area, but I can’t tell what’s killing the fish without having somebody do a toxin analysis. It seems likely that it’s red tide.”


But if it’s red tide, which can kill any fish species, as well as birds, marine mammals and sea turtles, why is it killing almost exclusively mullet?


“I don’t know why mullet, unless it got into an area of the estuary that was highly loaded with mullet,” Kirkpatrick said. “It doesn’t make real good sense.”


Another possible reason for the fish kill, McFarland said, is a bloom of a different kind of algae that is depleting the water of dissolved oxygen.


As of Saturday, no dead fish have been reported outside Estero Bay.


“I’ve been fishing every day, from Chino Island to Boca Grande, and it looks good up here,” said Capt. Shane Dooley, a Pine Island fishing guide and commercial fisherman.



“Everything’s clean. There’s nothing bad.”
Jimmy Jensen, co-owner of Jensen’s Twin Palm Cottages and Marina and Jensen’s on the Gulf on Captiva, said he hasn’t heard reports of dead fish since mid-October.

“We’ve got nothing at all,” he said. “I haven’t heard anything from the bay side or the Gulf side.”

น้ำท่วมพัทลุง ป่วยแล้ว 285 ราย สธ.กำชับเจ้าหน้าที่ดูและเฝ้าระวังโรค

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤศจิกายน 2554 14:22 น.




แฟ้มภาพ
“ต่อพงษ์” ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม พัทลุง มอบยาชุดน้ำท่วม 500 ครัวเรือน พร้อมเผยยอดผู้ป่วยจากน้ำท่วม 285 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัด กำชับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เฝ้าระวังป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม และภายหลังน้ำลด เช่น โรคฉี่หนู โรคอุจจาระร่วง โรคไข้เลือดออก

วันนี้ (27 พ.ย.) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.)เดินทางตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พัทลุง โดยรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมภายในพื้นที่พัทลุง เยี่ยมผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลปากพะยูน จากนั้นเดินทางไปที่ศาลาประชาคมบ้านบางมวง หมู่ 3 ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน เยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากโรงพยาบาลปากพะยูนที่ให้บริการตรวจรักษาผู้ประสบภัย โดยได้ให้กำลังใจผู้ประสบภัย และมอบถุงยังชีพพร้อมยาชุดน้ำท่วมจำนวน 500 ชุด เพื่อให้ครัวเรือนใช้รักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น

นายต่อพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ที่จ.พัทลุง เป็นน้ำหลากจากฝนตกหนัก มีน้ำท่วมพื้นที่ทั้งหมด 11 อำเภอ 59 ตำบล 615 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 154,964 คน พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด คือ ที่หมู่ 3 ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน จำนวน 300 ครัวเรือน ประมาณ 1,000 คน ระดับน้ำท่วมสูง 1 เมตร ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ ทั้งนี้ สธ. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พัทลุง ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ให้การดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยทุกวันวันละ 5 หน่วย เบื้องต้นพบผู้ป่วย 285 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัด น้ำกัดเท้า ปวดเมื่อย ไม่มีผู้เสียชีวิต ในส่วนของสถานบริการสาธารณสุขไม่ได้รับผลกระทบใดๆ สามารถเปิดบริการได้ตามปกติ ทุกแห่งมีความพร้อมทั้งบุคลากร เวชภัณฑ์ ดูแลผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ปรับระบบการให้บริการประชาชน หากประชาชนเดินทางไปรับบริการไม่สะดวก ให้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ดูแลทั้งด้านสุขภาพกายและจิตใจควบคู่กัน พร้อมเฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำท่วมและหลังน้ำลด ได้แก่ โรคฉี่หนู โรคอุจจาระร่วง โรคไข้เลือดออก โรคตาแดง โรคไข้หวัดใหญ่ และให้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ประชาชนในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคด้วย

“สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดภาคกลาง ขณะนี้แนวโน้มดีขึ้น โดยผลกระทบด้านสุขภาพจิต ผลการตรวจคัดกรองพบผู้ประสบภัยมีความเครียดสูง 7,047 ราย ซึมเศร้า 8,818 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 1,558 ราย และต้องติดตามดูแลเป็นพิเศษ 2,513 ราย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะเร่งดำเนินการฟื้นฟูเยียวยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว” นายต่อพงษ์กล่าว