ReadyPlanet.com


บันทึกญาณทัศนะ...เมื่อวันเกิดเหตุ 2555 : บันทึกพระคุณลุงเชียงใหม่


ขอบคุณที่มา : เวปพลังจิต และจากอีเมล์

ผมเคยได้อ่านบทความนี้มาบ้างในเวปไซต์ พอได้มาอ่านอีกทีแบบเต็มๆจากอีเมล์ที่มีคนส่งมาให้ ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นข้อคิดสำหรับการเตรียมตัวสำหรับทุกๆคนได้

 

 

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นบ้านสวนฯโดยท่านอาจารย์อุบลได้แจ้งเตือนข่าวภัยพิบัติครั้งใหญ่ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว บอกกันแบบจะๆไม่ต้องแปล จากนี้ก็คงขึ้นกับบุญพวกเราที่ทำกันว่าจะพอเพียงสำหรับการเข้าสู่ยุคใหม่หรือไม่ และพวกเราจะตัดสินใจเดินตามพระพุทธองค์หรือไม่

บทความบันทึกนี้ผมนำมาลงไว้โดยไม่มีการตัดต่อหรือแก้ไขใดๆทั้งสิ้นนะครับ เพียงแค่จัดหน้าใหม่เพื่อง่ายต่อการอ่านเท่านั้น ขอให้อ่านแล้วพิจารณาดูกันเอาเองนะครับ

 

 

ผู้เขียนบันทึกปัจจุบันเป็นพระภิกษุแล้ว แต่ท่านเขียนไว้ครั้งก่อนบวช ท่านจึงใช้ชื่อว่าพระคุณลุงเชียงใหม่ และต่อมามีผู้นำมาออกมาเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทานในเวปไซต์เช่น พลังจิต เป็นต้น



ผู้ตั้งกระทู้ ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-11-24 14:10:56


[1] 2 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 1 (1585306)

 

บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ
 
เรียนสมาชิกทุกท่านครับ
        หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายวัน ผมตัดสินใจนำบันทึกทั้งหมดของพระคุณลุงออกนำมาเสนอก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติมากเกินไปกว่าที่จะคาดเดาได้ของมนุษย์ชาติ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยที่ผมมีส่วนได้เห็นคำบันทึกอันเนื่องมากจากญานของพระคุณลุง โดยที่ผมไม่ได้นำมาเสนอให้มีการเตรียมการกัน จะเป็นบาปติดในใจผมซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบในบันทึกที่เขียนไว้ แม้นว่าตัวผมเองจะได้วางอุเบกขา แต่ว่าถ้าไม่ได้เผยแพร่ออกไปผมสิ่งนี้ถือว่าผมขาดเมตตา จะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของบุญกรรมของท่าน ในส่วนตัวผมเองถือว่าได้เผยแพร่สิ่งที่ติดค้างในใจผมแล้ว ผมขอแบ่งบันทึกออกเป็น 4 ตอน นะครับ
1. เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันฟ้าดับ
2. เรื่องราวที่จะเกิดตามมาหลังวันฟ้าดับ 3 วัน
3. เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลัง จากวันฟ้าดับ
4. คนไทยจะเผชิญกับสิ่งใดบ้าง
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 14:12:40


ความคิดเห็นที่ 2 (1585307)

 

1.เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันฟ้าดับ

วิกรมหลานลุง หลังจากลุงได้แจ่มชัดในญานทัศนะในสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว ทำให้จิตใจของลุงเองเศร้าหมอง จนไม่อาจข่มจิตให้เป็นอุเบกขาว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตัวเอง
 
การเข้าไปก้าวล่วงกรรมของผู้อื่นนั้น ผู้ที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องเป็นผู้แบกรับกรรมนั้นๆ ไว้ หลังจากบันทึกนี้ลุงตัดสินใจที่จะออกบวช เรื่องราวที่มีการเตรียมการกันนั้น ฝากให้หลานดูแล ประสานกับคุณลุงประสิทธิ์ และกลุ่มบ้านพุทธบุตร เพื่อช่วยเหลือกันตามกำลังบุญต่อไป
 
เรื่องราวที่ลุงบันทึกทิ้งไว้ใหลานนี้ ทั้งหมดเพื่อไม่ให้หลานและคณะเกิดความประมาท ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งในด้านการเตรียมการภายนอกและการเตรียมการภายใน
 
เน้นย้ำเรื่องการฝึกตายก่อนตาย เพื่อให้จิตคุ้นเคยกับอาสัญกรรมในทางสว่าง ให้กับน้องๆ และหลานๆทุกคนด้วย เพราะกุญแจดอกแรกที่จะเปิดเข้าไปในโลกแห่งวิญญานนั้น
 
กรรมที่แรงสุดคืออาสัญกรรม เพราะถ้าจิตผูกยึดกับสิ่งใดในขณะที่ขาดห้วงลมหายใจสุดท้ายนั้นถ้าหากมีเพียงแค่เสี้ยวอึดใจ อาจจะถลำลงสู่อบายภูมิถ้า จิตเป็นอกุศล หมั่นทำทานในสิ่งที่ยากๆเพื่อไม่ให้ตนติดยึดกับคนสัตว์สิ่งของใดๆ อันจะเป็นแรงเหนี่ยวรั้งเรา ไปสู่การเกิดที่ไม่เป็นกุศล หมั่นเจริญมรณะสติ
 
เรื่องราวที่ลุงได้บันทึกไว้ให้หลานนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดจากญานทัศนะของลุง เพื่อให้หลานจะได้เตรียมตัว เตรียมใจ วันเวลาอาจจะมีการคลาดเคลื่อนบ้างตามเหตุและปัจจัย แต่ เรื่องราวที่จะเกิดขึ้น สิ่งเตือนซึ่งวันเกิดภัยพิบัตินั้น ไม่เปลี่ยนแปลง
 
        เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนั้น ลุงขอเรียกว่าวันฟ้าดับก็แล้วกัน เพราะในยามนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ทุกด้านมืดสนิท แม้แต่ในยามที่เราหลับตายังมีความสว่างมากกว่าเสียอีก ลุงบันทึกหลังจากอธิฐาน ไปยังวันก่อนหน้า ที่จะเกิดภัยพิบัติแก่บ้านเรา 3วันเจ็ดวัน
 
ก่อนหน้านั้นลุงเห็น คนที่มีจิตเป็นอกุศลกรรม ได้มีการฉลอง จุดพลุ ร้องเพลงปีใหม่และนับย้อนหลังในวันสิ้นปี (ลุงจึงคาดว่าเหตุการจะเกิดขึ้นหลังฉลองสิ้นปีใหม่ ) ลุงเห็นดาวเหนือเปลี่ยนไป ในลักษณะที่อธิบายไม่ถูก แต่มีความแตกต่างและเห็นได้เจนทั้งขนาดและความสว่าง (จุดนี้น่าจะเป็นสัญญานเตือนให้มีการเตรียมการกันนานหลายวัน)

ในวันฟ้าดับ ก่อนหน้านั้นจะมีฝนตกต่อเนื่องกันหลายวัน แล้วในวันนั้นไร้ฝน ฟ้าหม่นหมองยิ่งนัก ใบไม้ เงียบจนไม่ฟลิกใบ ฝูงสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า จะครวญครางแอบบหมอบ ลุงเห็นฟ้าสว่างโร่อย่างไม่เคนเห็นมาก่อน( ทำให้ลุงนึกถึงเรื่องราวที่คนเล่าถึงแสงสว่างจากระเบิดปรมณู )
 
ในยามที่เกิดแสงสว่างลุงเตือนหลานและทุกคนอย่าพยายามที่จะมองหาต้นทางของแสง เพราะหลังจากนั้นลุงเห็นภาพคนที่ตามืดบอดเนื่องจากแสงจักรวาลที่ฟาดลงมาแทงทำลายตาของเขา
แต่หลังจากเกิดแสงนี้แล้วหลานยังมีเวลาเตรียมตัว
 
ในช่วงนี้เองสัตว์ต่างๆจะตื่นกลัววิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง บ้านเราถ้ามีสัตว์ใดขอให้หลานอย่าได้กักขังเขา เพราะจะเป็นอันตราย แม่แต่สัตว์ที่เชื่องที่สุด แต่ก็มีบางตัวที่จะรอดนั้นจะหมอบตัวสั่นใกล้ๆกับมนุษย์ 

ในยามนี้ขอให้หลานได้เข้าไปยังสถานที่ที่มีการเตรียมการและปิดให้มิดชิด อาหาร น้ำ ยา และชุดยังชีพให้ทุกคนแยกติดตัวไว้ อย่าเอารวมกันเพื่อจะแบ่งกัน เพราะอาจจะลำบากมาก ในการติดต่อกันแม้แต่อยู่ใกล้ๆกัน
 
ส่วนการย้ายเข้าที่ปลอดภัยและ ที่มีมีการเตรียมการอพยพขอให้หลานๆได้เตรียมตัวกันเต็มที่หลังจากที่เห็นดาวเหนือเปลี่ยนไป
 
หลังจากที่มีแสงจักรวาลเข้ามาแล้ว หลังอีกไม่นานนัก ลุงเห็นภาพคนกำลังทานข้าวกันอยู่ จะเกิดเหตุการณ์โลกเราเหมือกับชนกับอะไรซักอย่าง คนที่อยู่บนผืนดิน เหมือนคนที่อยู่บนรถขนาดใหญ่ที่มีการชน ภาพคนคนล้มไถล ไปกับพื้น ตึกพังทลายราบ ลงมาทันที ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จะมีเสียงดังเหมือนวัวยักษ์ครางอือๆๆๆๆๆ
 
ขอให้หลานและทุกคนห้องแข็งแรงของเรา หรือคนที่อยู่นอกพื้นที่ให้เข้าไปยังที่มีหลังคาแข็งแรงและปิดหูด้วยอุปกรณ์ป้องกันเสียงที่ลุงได้ให้เตรียมไว้แล้ว เพราะพอเสียงวัวยักษ์ร้องเงียบลง ไม่กี่อึดใจ  ลุงเห็นภาพผู้คนวิ่งออกจากตึกเพราะกลัวแผ่นดินไหวที่จะตามมา หลังจากนั้น จะมีเสียงดังที่สุด ซึ่งลุงก็บอกไม่ได้ว่ามันดังแค่ใหน แต่หลังจากนั้นลุงเห็นผู้คนเลือดออกจากรูหูนอนกลิ้งเกลือกไปตามพื้น ตาเถลือกถลน
 
คนที่เอามืออุดหูทันนั้น ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ เพราะลุงเห็นคนที่พยายามสื่อสารกัน แต่เหมือนกับว่าคนในโลกนี้แก้วหูขาดไปหมดสิ้นแล้ว เสียงตะโกนโหวกเหวก แต่ต่างคนต่างไม่รู้เรื่อง ลุงจึงขอย้ำเตือนหลานตรงนี้เรื่องการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันหู ให้ดีที่สุด อาจจะทำให้หนักเป็นเบา ได้
 
            หลังจากนั้นลุงเห็นภาพที่ทุกคนกลับมาตื่นกลัวอีกครั้งจากแผ่นดินไหวรุนแรงและสั่นต่อเนื่องกันผิดจากครั้งแรกที่เหมือนจะชนโครมเดียวแล้วหยุด แต่คราวนี้เป็นเหมือนมีคนจับเอาเราอยู่ในกระด้งแล้วเคาะขอบมันอย่างแรงอย่างต่อเนื่อง เสียงหวีดร้องตื่นกลัวดังไประงม
 
แต่ในยามมนั้นนิมิตลุงอาจจะมีเพียงลุงในจุดนั้นที่ได้ยินเสียงเพราะภาพคนที่วิ่งไปมามีเลือดไหลออกจากหู ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนาที่ลูกหลานที่พ่อแม่หอบออกมาจากอาคารบ้านเรือนที่กลัวแผ่นดินไหว มาเจอเสียงดังก็วิงกลับไปในที่คิดว่าปลอดภัย และพอแผ่นดินไหว ก็พากันวิ่งกระเซอะกระเซิง อออกมาอีก
 
หลานวิกรม ลุงเห็นภาพที่สร้างความน่าเวทนาสงสารสรรพสัตว์ทั้งหลาย ว่าชีวิตมนุษย์มีเพียงแค่นี้เอง ยังไม่จบสิ้นแค่นี้นะ ภาพผู้คนที่วิ่งหลบแผ่นดินไหวออกมา นั่งกอดกัน ร้องไห้ เป็นกลุ่มๆ มีควันไฟ ที่เกิดจากไฟไหม้ลอยคละคลุ้งไปหมด
 
หลายคนที่เสียสติเริ่มต้นร้องไห้ ภาพพ่อแม่พยายามค้นหาลูกหลานที่ ติดอยู่ในซากปรักหักพัง ต่างคนต่างฟูทฟายร้องไห้ ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้ ในตอนค่ำลุงเห็นคนมารวมกันมีการก่อกองไฟ อากาศหนาว แต่ลมสงบนิ่ง
 
ตอนนี้ลุงเห็นขอฟ้าแดงจ้าจนน่ากลัว แล้วสิ่งที่ลุงเรียกว่าวันฟ้าดับก็เกิดขึ้น ลุงเห็นมีแสงสีแดงพุ่งมาจากพระอาทิตย์ วาบหนึ่งจากนั้นแสงทั้งหมดก็จะม้วนเข้าไปในรูปทรงกลม ลูงไม่รู้จะเรียกอะไร น่าจะเป็นพระจันทร์ดำ เพราะเป็นสีดำๆเหมือนจันทรุปราคาที่มาบดบังพระอาทิตย์แต่เล็กกว่ามาก แต่ตอนนั้นพระจันทร์ก็ยังเห็นอยู่ แล้วบรรยากาศที่เหมือนเราดับเทียนในห้องมืดที่สุดก็เกิดขึ้น พรึบเดียวแสงทั้งหมดจะหายไป แม้แต่ดวงดาวและพระจันทร์ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ความมืดในขณะนั้นลุงเห็นคนพยายามยกมือของตนเองขึ้นมาดูก็ยังไม่สามารถเห็นได้
 
ความตื่นกลัวก็เกิดโกลาหลอีกครั้ง คนจะกอดคนที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วร้องไห้ระงม คนที่อยู่ห่างจากคนอื่นแม้แต่วาเดียวก็ไม่สามารถหากันเจอ จนกว่าจะคลำหากันเจอ ช่างเป็นภาพที่น่าเอน็จอนาจมาก
 
คนส่วนใหญ่ ที่หูจะแตกดับ หรือคนที่อุดหูทันก็จะมีอาการหูอื้ออึงอยู่ แต่ก็พอยังมองเห็นกัน แต่ในยามมืดสนิทแล้ว เสียงคนพยายามตะโกนหากัน เสียงหวีดร้อง โหยหวนด้วยความกลัว แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ได้ยิน ได้แต่สะเปสะปะไขว่คว้าหากัน อย่างนี้เองลุงถึงได้ย้ำกับหลานว่าให้แยกเป้ที่จัดเตรียมไว้ให้สำหรับแต่ละคน
 
และเมื่อเข้าไปอยู่ในที่ห้องปลอดภัยที่ได้เตรียมสร้างไว้ ขอให้หลานสร้างตามแปลนที่ลุงได้เขียนไว้ให้ ตู้คอนเทนเนอร์ที่เตรียมทั้งตู้อาหาร ตู้ปลอดภัย และโรงพยาบาลเคลื่อนที่ด้วย
 
ตอนนี้ดึกมากแล้ว ลุงง่วงแล้วแต่ ยังอยากบันทึกให้หลานไว้ให้เสร็จก่อนที่เดินทางไปหาพระอาจารย์

ภาพที่เกิดมาลุงรู้สึกเศร้า ใจกับญาณทัศนะที่ลุงได้เคลื่อนไปในยามที่เด่นชัดกับเจอภาพภัยพิบัติที่หนักหนาสาหัญกว่าที่ลุงเตรียมการไว้ จนเกิดเวทนาในสัตว์โลก และเห็นการคร่ำครวญของคนที่ไม่เคยศึกษาทางธรรม และไม่ได้เตรียมตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นและ เตรียมมรณะสติ ไว้เลย
 
ในส่วนที่ลุงบันทึกนี้คนที่มีกรรมและไม่เคยฝึกสมถะกรรมฐานผ่านในขั้นรูปญาณและอรูปญาณ 4 นั้นหลานอย่าไปอธิบายเขาเลย เพราะจิตเขาหยาบกว่าที่จะเข้าใจ
 
ในวันฟ้าดับยังมีเรื่องอเนจอนาถซ้ำเติมมนุษย์ที่ไม่ได้เตรียมการอีก หลังจากที่มืดมิดแล้วลุงยังเห็นภาพคนคลานหนีหรือกอดกันร้องไห้เพราะยังมีอาการแผ่นดินไหวเป็นระยะๆ มากบ้างน้อยบ้างภาพเพดาน สิ่งของเท่าที่คนไปแอบซุกอยู่หล่นลงมา มีคนเจ็บคนตายร้องครวญคราง
 
แต่วิกรมมีสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ คนที่รอดตายขณะนั้นจะตายมากอีก ลุงเห็นภาพ น้ำแข็งก้อนเท่าทีวี เท่าบาตร หรือบางก้อนขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก ทยอยตกลงมาจากฟ้า ส่วนก้อนขนาดกำปั้น ตกกระจายไปทั่ว คนที่หลบหนีหลังคนที่หักโครมครามออกมาท่ามกลางความมืดนั้น มาอยู่ในที่โล่ง ต้องมาตายกับฝนลูกเห็บยักที่มีความเย็นจัดมาก เพราะลุงเห็นภาพคนแข็งตายอยู่กราดเกลื่อน เต็มไปหมด 
          
แต่ภาพที่เกิดหลังจากนี้ที่หลานคงคิดว่ามนุษย์ชาติจะอยู่อย่างไร เมื่อลุงอธิฐานไปยังหลังจากนี้แล้วกลับเน็จอนาจยิ่งกว่า ลุงจะได้พยายามทบทวนเรียบเรียงสิ่งที่ลุงเห็นมา บันทึกให้หลานๆได้นำไปเตรียมตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดในสิ่งที่ลุงเห็นมานั้นไม่เคยแจ่มชัดเท่านี้มาก่อน
 
แต่สิ่งที่ลุงได้อธิฐานว่าถ้าลุงมีบารมี และมีบุญที่เกี่ยวเนื่องกับพระอาจารย์โสณะ ขอโปรดเมตตา ให้ญาณทัศนะของลุงชัดเจนแจ่มใส จนได้เห็นภาพเหล่านี้ขึ้นมา ขอพระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์ทุกพระองค์ได้โปรดเมตตาสรรพสัตว์ และหลานๆด้วย
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 14:20:24


ความคิดเห็นที่ 3 (1585309)

 

2. เรื่องราวที่จะเกิดตามมาหลังวันฟ้าดับ 3 วัน

วิกรมที่ลุงฝากบันทึกนี้ให้หลานเพราะ ลุงคาดว่าต้องใช้เวลาสองสามวัน ที่จะบันทึกให้เสร็จหมด เพราะพิมพ์ได้ช้ามาก และที่มอบให้หลานเพราะ หลานเป็นญาติเพียงคนเดียวที่สามารถแยกกายจิตรวมทั้งฝึกสมถะกรรมฐานได้ในระดับที่จะสามารถสื่อสารทางจิตกับลุงได้ แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถจะไปหน้าหรือย้อนกลับในเรื่องราวของตนเองได้ดีแต่ขอให้หลานตั้งใจฝึกฝน รายชื่อพระอาจารย์ที่หลานควรจะเดินทางไปฝึกฝนต่อไป
 
บันทึกในส่วนนี้ลุงขอเล่าในเรื่องหลังจากผ่านคืนฟ้าดับมาแล้ว เพื่อให้หลานๆได้เตรียมตัว บันทึกเมื่อคืนก่อนแม้ลุงจะไม่ได้บันทึกละเอียดได้เท่าที่ลุงเห็นมา แต่ภาพรวมก็คงไม่ขาดไปมาก ที่ลุงต้องรีบบันทึกเพราะวันที่ 17 นี้ ลุงจะเดินทางตามพระอาจารย์ไปยังหลวงน้ำทา ประเทศลาวตอนบน วิกรม
 
ในส่วนของพื้นที่ๆได้มีการจัดเตรียมไว้นั้นที่ลุงประสิทธิ์เสนอย้ายให้ไกล้ลงมานั้นและรับคนในหมู่บ้านให้มากเพิ่มนั้นลุงขอเล่าเรื่องที่ลุงเห็นมา จะตัดสินใจอย่างไรแล้วแต่หลานๆจะร่วมกันพิจารณา บันทึกในส่วนก่อนลุงเล่าถึงเรื่อง มีก้อนน้ำแข็งที่ตกมาจากท้องฟ้า ทำให้อากาศหนาวเย็นและลมแรงมาก
 
ในส่วนของตู้คอนเทนเนอร์ที่นำมาสร้างห้องแข็งแรงนั้นขอให้ใช้ตู้เหล็กขนาดใหญ่ที่ลุงสั่งมา และให้เร่งเสริมเหล็กกันกระแทกด้านบนและด้านข้าง ให้เลือกที่เป็นตู้ที่ใช้เป็นห้องเย็น เพราะจะช่วยเรื่องอากาศหนาวเย็นหลังจากมีก้อนน้ำแข็งตกลงมาจากฟ้าได้ดี ในส่วนของตู้สำหรับบรรจุอาหาร นั้นถ้าสามารถรวบรวมเงินได้ ก็ให้เปลี่ยนเป็น ตู้แบบตู้ห้องเย็นให้หมด ก็จะปลอดภัยมากขึ้น
 
เหตุผลที่ไม่ควรย้ายลงมาเพราะว่า ภาพที่ลุงเห็นถัดไปก็คือ หลังจากที่มีการหยุดของโลกกึ๊กหนึ่งนั้น ภาพ น้ำข้ามภูเขามาจำนวนมากมาย ลุงเห็นภาพกรุงเทพจมหายไปกับสายน้ำ ภาพเขื่อนภมิพล และหลายๆเขื่อนลุงไม่แน่ใจว่าอะไรบ้าง บิดร้าว ตัวเขื่อนแม้ไม่แตกสลายแต่ ขอบๆเขื่อนที่เป็นภูเขาเป็นดิน มีรอยร้าว และมีน้ำกัดเจาะเข้าไป จนน้ำทะลุภูเขาไปอีกด้านจน สุดท้ายภูเขาก็แบ่งออกเป็นสองซีก
 
ลุงเห็นภาพ น้ำกวาดบ้านไปเหมือนของเล่นที่เชียงใหม่บ้านเราได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวมากไม่น้อยกว่าทีอื่นๆ แต่เรื่องน้ำนั้น เขื่อนแม่งัดแม่กวง แตกพังทะลาย น้ำที่แตกมาจากเขื่อนจะกวาด บ้านเรือนที่อยู่ในส่วนตอนล่าง ลุงเห็นภาพเจดีย์ขาวที่อยู่หน้าเทศบาล ที่ติดแม่น้ำปิงเห็นแต่ตัวยอดนิดเดียว
 
ฝากหลานไปบอกให้เจ้านิดหน่อยกับลูกๆและแฟนเขา ย้ายบ้านมารวมกับหลาน แบ่งพื้นที่หลังบ้านในส่วนของลุงยกให้นิดเลยก็ได้ หรือถ้าไม่อยากสร้างใหม่ก็มาอยู่ที่บ้านหลังเล็กของลุงเลย เพราะแถวแม่ริมนี้จะได้รับผลกระทบจากการพังของเขื่อนน้อยก็ เป็นเพียงแต่น้ำเอ่อล้นแผ่ออกมา แต่คาดว่าแผ่มาแต่ไม่ท่วมถึงหน้าวัดบ้านเราหรือว่าขึ้นมาก็คงไม่สูงมากเพราะปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดน้อยกว่าเขื่อนแม่กวง
 
ภาพที่ลุงเห็นในเมืองเชียงใหม่ ตึกรามบ้านช่องที่พังทลายจากก่อนหน้านั้นผู้คนออกมาในคืนฟ้าดับนั้น กลับโดนกวาดไปกับสายน้ำ ที่บ้านเราจะรุนแรงและต่อเนื่องกันเพราะเขื่อนบ้านเราอยู่ใกล้เขื่อนน้ำเดินทางเพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง คนแถวสันทราย ดอยสะเก็ด ช่อแลคงเลี่ยงหนีไม่พ้น มวลน้ำทั้งหมดจะกวาด ไปผ่านลำพูน ไปทั้งหมด
 
แต่ด้วยระยะทางของน้ำก็จะเสียหายน้อยกว่าแถว สันทราย เมือง สันกำแพง แถวอำเภอบ้านธิ ลำพูน ลุงจะเตือน ป้าแดงของหลาน และญาติของเราแล้วแต่เขาเคยฝึกจิต และเชื่อเรื่องการเปลี่ยนของโลกได้อย่างไร คงแล้วแต่บุญกรรมของเขา แต่การสูญเสียบ้านเราก็น้อยกว่า พื้นที่เขื่อนใหญ่ๆ ที่มีมวลน้ำจำนวนมาก อย่างเทียบไม่ได้
 
ลุงเห็นภาพ เจดีย์วัดอรุณ เห็นเพียงยอดฉัตรเท่านั้น หมายถึงกรุงเทพ คงไม่มีที่แห้งให้ยืน ลุงย้ำตอนนี้ขอให้เลือกพื้นที่ อย่างไรก็ให้อยู่ตอนเหนือของเขื่อนหรือหลานจะแนะนำใคร ที่จะย้ายออกมา เพราะเชียงใหม่เองก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยทั้งหมด ในยามที่โลกมืดมิดมองไม่เห็นอะไรนั้น พ้นจากแผ่นดินไหว แล้วสายน้ำก็กวาดลงมาอีก
 
จะมีใครซักกี่คนหนอที่จะรอดผ่านไปได้ถ้าไม่มีการเตรียมการก่อนล่วงหน้า รวมทั้งการเลือกพื้นที่ๆปลอดภัยก่อนเพราะในยามนั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว อดคิดถึงเชียงรายพะเยาไม่ได้ ถ้าน้ำจากเขื่อนที่จีนสร้างไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ แตกลงมา ที่ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็หมายถึงมีการกักน้ำได้มากที่สุด จะทะลักมาตอนนั้นอีกมากเท่าไหร่ หลานอยากแปลกใจเลยที่จุดปลอดภัยของเชียงรายอยู่ที่ดอยตุง 

มีเรื่องที่หลานต้องเตรียมไว้ด้วยนะว่า ในช่วงของการที่มีความมืดมิดของโลกนั้นใช่ว่าจะเป็นความมืดแบบไม่มีแสงใดๆ คงไม่ใช้ แต่จะมีฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ลงมาเสียงผ่าที่ดังกว่าเสียงระเบิด เปรี้ยงๆๆพอๆกับเสียงระเบิดหิน เป็นเวลาก่อนที่ก้อนน้ำแข็งจะร่วงมาจากฟ้า เพราะฉนั้นเวลาที่มืดมิดแล้วเริ่มเห็นแสงขึ้นมาอย่าออกจากห้องเพราะ มันจะเป็นแสงฟ้าแลบ และจะตามด้วยก้อนน้ำแข็ง
 
ขอให้หลานๆอย่าได้พยายามที่จะเปิดอุปกรณ์ใดที่เป็นแสงเพราะจะเกิดการผ่าเข้ามาที่บริเวณนั้น แต่ว่าในห้องสามารถที่จะใช้เส้นเรืองแสงที่ลุงให้เตรียมไว้ ในกรณีที่ต้องรักษาอาการบาดเจ็บของคน แต่ต้องปิดประตูให้มิดชิด ให้อยู่ในห้องแข็งแรง นั้นอีก 3 วันหรือจนกว่าอาหารในเป๊ ที่เตรียมไว้สำหรับทุกคนหมดที่เตรียมไว้ 4 วัน จึงออกมาจากห้องแข็งแรงได้
 
ในช่วงที่อยู่ในห้องแข็งแรง ขอให้หลาน นำน้องๆและลูก สวดบทสวดมนต์ที่ลุงได้บังคับท่องให้ขึ้นใจ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยินเพราะตอนนั้นคนส่วนใหญ่จะหูแตกหรือยังอื้ออึงอยู่ แต่จะช่วยป้องกันอมนุษย์ หรือสิ่งที่หลุดออกมาจากโลกที่ต่างมิติออกไปเข้ามา หลานเคี่ยวเข็ญให้ยายจุ๊กจิ๊ก กับหนูบ๊วย สวดด้วยอย่างน้อยต้องสวดบทชินบัญชรต้องได้
 
วิกรม อย่าลืมน้ำผึ้งที่ลุงสั่งไว้ที่ฟาร์มผึ้งสุภาพเอามาเก็บไว้ในห้องด้วย เพราะจะช่วยเด็กๆไม่ต้องทานอาหารแห้งๆอย่างไร้รสชาติไปหลายๆวัน ย้ำเรื่องการออกจากห้องแข็งแรง อย่าออกจนกว่าจะเห็นแสงอาทิตย์จากข้างนอก หลังจากนั้น หลานอย่าได้รอที่จะย้ายขึ้นไปรวมกับลุงประสิทธิ์ แต่ต้องรอสังเกตุให้ฟ้าสว่างชัด
 
ถ้าขอบฟ้ายังเป็นสีเหลืองอมฟ้า อย่าได้รีบเคลื่อนย้าย ระวังอย่าให้ทุกคนหรือเด็กๆโดนฝนเป็นอันขาด เพราะในก้อนน้ำแข็งที่หล่นมาจากฟ้านั้นมี เชื้อโรค ที่ยาในรายการที่ลุงเตรียมไว้ให้หามาไว้ในห้องยาของเราไม่ครอบคลุม ลุงได้ตรวจสอบกับครูบาอาจารย์แล้ว ตรงกันก็คือวันฟ้าดับนั้นประมาณ 3 วัน
 
ซึ่งหลานอย่าได้กังวลเกี่ยวกับวันเวลาเพราะ ในสิ่งที่ลุงไปเห็นมา มันมืดจนแยกเวลาไม่ออกอยู่แล้วว่าผ่านไปเทียบกับกี่วันในเวลาโลกปกติ ในส่วนที่อื่นๆหลานอย่ารู้มากกว่านี้เลย เพราะจำทำให้จิตใจเศร้าหมองกับการจากไปของญาติพี่น้องคนที่รู้จักมากมาย ขอให้หลานอย่าได้หยุดตั้งใจฝึกจิตของหลานให้มีร่างจิตสามารถสื่อสารได้ และสามารถแยกร่างจนชำนาญนั้นก็จะช่วยให้หลานเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆได้
 
วันนี้คงได้แค่นี้สายตาลุงชักจะไม่ใหวแล้ว ในส่วนของบัญชีเงินฝากของลุง ที่มีในธนาคาร กรุงเทพ กรุงไทย และกสิกรไทย ลุงได้เซ็นใบถอนทิ้งไว้แล้ว หลานเบิกและย้ายมารวมกันในบัญชีธนาคารกรุงไทย ที่ลุงให้หลานใช้ในการซื้อของจัดเตรียมสร้างตู้คอนเทนเนอร์ให้หมด จะได้สะดวกในการทำงาน เพราะถ้าหลังจากนี้ลุงบวชเงินก้อนนี้ก็คงไม่จำเป็นสำหรับลุงแล้ว
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 14:26:29


ความคิดเห็นที่ 4 (1585311)

 

3. เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลัง จากวันฟ้าดับ

วันนี้วันที่ 15แล้ว ลุงมีเวลาอีกสองวันที่จะบันทึก ก่อนที่จะเดินทางไปตามกำหนดที่ได้นัดหมายกับพระอาจารย์ไว้ ลุงจะพยายามบันทึกสิ่งที่มีประโยชน์กับหลานและคณะที่เตรียมการกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และความสามารถและสายตาลุงสามารถทนได้กับจอคอมพิวเตอร์นี้
 
วิกรม ที่ลุงต้องรีบให้หลานอพยพหลังจากที่ฟ้าสว่างแล้วนั้น เพราะหลังจากนั้นอีกไม่เกิน 10 วันศพคนตายที่มีจำนวนมากได้เริ่มเน่าเหม็น แม้ส่วนใหญ่สายน้ำได้จะได้พัดพาไปด้วยแล้ว แต่มีอีกเป็นจำนวนมาก ที่เสียชีวิตเนื่องจากหนาวตายจากอุณภูมิที่ก้อนน้ำแข็งได้ตกมาจากฟ้าและไม่ได้เตรียมการเอาไว้ อย่าห่วงของที่เหลือเพราะในหมู่บ้านที่มีการเตรียมการไว้แล้วนั้นมีอาหารเพียงพอสำหรับสมาชิกที่เคลื่อนขึ้นไปทานอย่างประหยัดสามารถอยู่ได้นานกว่าสองปี ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น แกนโลกก็คงสมดุลและคนอื่นๆก็คงสามารถปรับตัวได้
 
ในระหว่างเดินทางนั้น ให้สวมชุดที่ใช้สำหรับการควบคุมโรคไข้หวัดนก ที่ลุงได้ซื้อเตรียมไว้และเมื่อในระหว่างทางเจอฝนให้ใช้ผ้ายางปันโจ กาง อีกครั้งอย่าให้เด็กๆลุยฝน
 
ในช่วงหลังจากนี้วิกรมพาน้องๆ หลานๆไปออกกำลังโดยการเดินทุกวัน เพื่อในยามที่ต้องเดินเท้าจะได้ไม่ลำบาก ลุงทดลองเดินสบายๆโดยไม่หยุดเลย ออกจากบ้านแม่ริมตอนเช้า ไปถึงหมู่บ้านเรายังไม่ค่ำนัก ถ้าจำเป็นก็แบกเจ้าตัวเล็กๆ แล้วใช้ตัวลาก บรรทุกของเป๊ แบบล้อสูง ก็คงไม่ทุลักทุเลนัก แต่แน่นอนทางเสียหายหมด แต่เส้นทางที่เดินไปหลานเดินทางไปบ่อยๆ ถึงจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็คงไม่คลาดเคลื่อนมากนัก ในะหว่างทางถ้ามีการขออาหารหรือสิ่งของก็ให้ไปอย่าขัดขืน แต่ต้องรีบเดินทางให้ถึงก่อนค่ำ เพราะในยามค่ำคืนนั้น มีอมนุษย์ที่หลงหลุดมาจากต่างมิติ ที่คุ้นเคยกับความมืด จะมารบกวนเด็กๆได้
 
ลุงเล่าเรื่องที่ลุงเห็นผ่านญานให้หลานเตรียมตัวในช่วงนี้จะได้ประมาณสถานการณ์ได้ ลุงเห็นผู้คนในเมืองที่เสียสติเที่ยวไปคุ้ยเขี่ยหาอาหาร มีการปล้นฆ่ากัน ซากศพก็มีกองระเกะระกะ มีทหารถือปืนเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งไม่มีสภาพทหารออกมาปล้น โรงพยาบาลที่ลุงเคยทำงาน ตึกใหญ่ล้มพังเกลื่อนลงมา ถนนหนทางที่เราเคยไปถนนคนเดินกันเทพไม่เหลือ สภาพให้จำได้
 
ลุงกำหนดเจิตไปที่กรุงเทพ เป็นภาพที่เอน็จอนาถใจมากกว่า น้ำยังไม่ลดลงมากท่าไร แต่สิ่งที่ลอยเกลื่อนคือซากศพคนตาย มีฝูงจรเข้ ที่ภูเขาทอง ลุงเห็นภาพคนที่แก่งแย่งกัน ค้นหา ปล้นอาหาร ที่เป็นซากห้างใหญ่ลุงเห็นภาพซากเขื่อน
 
ที่จังหวัดตาก แตกกวาดน้ำไปตามเส้นทาง แทบไม่เหลือสภาพว่านี้เคยเป็นเมืองที่เคยมีผู้คนอยู่มากมาย ลุงเห็นภาพผู้คนที่รอดมาแต่คงอดอาหารบางคนใส่สูทอยู่เลยแต่รวมตัวกันไปปล้นแย่งอาหารของคนที่รอดตายคนอื่นๆ มีการฆ่ากัน ภาพคนเสียสติเดินไปเดินมาร้องไห้ หัวเราะ ตีอกชกตัวกันเต็มไปหมด
 
ลุงเห็นภาพพระ 2 รูป องค์หนึ่งหน้าตามีเมตตา ขาวๆอายุประมาณ 4-50 ปี อีกองค์ อ้วนๆคล้ำๆนิดหนึ่ง อายุกะไม่ถูก พร้อมกับลูกศิษย์นับร้อย ๆ คน เดินทางลงจากเขาลูกเตี้ยๆ มีวัดอยู่ข้างบน ลุงไม่แน่ใจว่าที่ใหนนะ ช่วยกันฝังศพ และสวดศพตามมีตามเกิด แต่ที่น่าสนใจคือเขาเป็นชาวบ้านธรรมดาแต่รอดชีวิตมาได้อย่างไร มีการเตรียมการกันอย่างไร โดยที่ไม่แสดงอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย
 
สิ่งที่ลุงพบในร่างจิตนั้น ขนาดชาวบ้านก็ยังรู้ว่างลุงผ่านไป หลายคนยิ้มให้แสดงว่า มีระดับจิตที่สูงมาก คงเป็นจังหวัดที่ลุงเคยทำงาน ที่มีภูเขาเตี้ยๆละมีวัดบนภุเขา ก็น่าจะแถวนครสวรรค์หรือ ลพบุรี อะไรแถวนั้น เพราะญานทัศนะของลุงนั้นจะกำหนดจิตไปยังพื้นที่ๆกายเนื้อเคยผ่านมาแล้ว ภาพจะชัดเจนที่สุด
 
ลุงเสนอให้หลานเดินทางไปกราบพระอาจารย์ทั้งสององค์ และหาหมู่บ้านที่มีการฝึกจิตระดับสัมผัสกับญานทัศนะของคนอื่นที่ผ่านมาได้หวังว่าหลานจะชวนน้องกิ๊บที่ทำงานกรุงเทพให้ลาออกกลับมาทำงานที่เชียงใหม่ ได้ที่เหลือก็คงเป็นภาพคล้ายๆกันถึง ความสูญเสีย
 
ขอหลานได้เตรียมใจในส่วนของการสูญเสียคนที่หลานรักด้วยลุงไม่อาจบอกได้ ว่าเป็นใคร แต่หลานต้องเตรียมพร้อมกับการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของสังขารทุกคน ที่เกิดมาร่วมกัน
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 14:30:16


ความคิดเห็นที่ 5 (1585314)

 

4. คนไทยจะเผชิญกับสิ่งใดบ้าง

บันทึกหน้าสุดท้ายที่จะเขียนถึงหลานก่อนที่พรุ่งนี้ลุงจะออกเดินทางไปเพื่อติดตามพระอาจารย์โสณะซึ่งถ้าได้รับอนุญาตจากพระอาจารย์ ลุงคงบวช ตามที่ตัดสินใจไว้ล่วงหน้าก่อนนี้แล้ว ลุงคงไม่มีภาระในทางโลกมากอยู่แล้วเพราะคุณป้าของหลานได้ลาโลกนี้ไปนานหลายปีแล้ว
 
วันเวลาที่ผ่านมาลุงก็พอมีความสุขทางโลกกับลูกๆหลานๆ และช่วยเหลือคนไข้ไปตามประสา จนสามารถที่จะมีเวลาในการศึกษาในทางธรรมจนชีวิตก้าวมาถึงจุดนี้ บันทึกนี้ลุงบันทึกไว้เพื่อให้ลูกหลานได้ระลึกถึงลุง
 
เพราะหลังจากลุงบวชแล้วต้องติดตามพระอาจารย์โสณะ เท่าที่ได้กราบพระอาจารย์พระอาจารย์จะธุดงค์เป็นส่วนใหญ่ และลุงเชื่อมั่นว่าพระอาจารย์จะมีอายุขัยมาหลายร้อยปีมาแล้ว เพราะลุงได้กราบถามพระอาจารย์ว่าพระอาจารย์ทำไมพูดได้หลายภาษา พระอาจารย์ยิ้มๆแล้วบอกว่า เมื่อจิตฝึกมาดีแล้วและมีเวลาศึกษาอะไรนานๆก็ไม่ยากที่จะเข้าใจหลายๆภาษา และถ้าไม่อยากศึกษาก็สามารถสื่อสารกันด้วยจิต
 
ลุงได้ถามว่าพระอาจารย์ชื่อพ้องกับพระในคณะพระที่เดินทางมาจากอินเดียในสมัยพระเจ้าอโศกเพื่อมายังสุวรรณภูมิ พระอาจารย์ยิ้มๆ บอกว่าทำไมคิดว่าพ้องละ ลุงเลยบอกว่าเพราะพระที่มาจากอินเดียรูปนั้น ถ้ายังอยู่อายุคงเป็นพันกว่าปีแล้ว พระอาจารย์ไม่ตอบ แต่เบี่ยงไปว่า ในดินแดนจาตุมหาราชิกา หรือรอยต่อนั้น พรรษาหนึ่งกับบ้านเรานานกว่านั้นแล้วนะ
 
และที่ลุงมั่นใจเพราะว่าระดับจิตเจโตของลุงไม่สามารถเทียบเคียงกับจิตของพระอาจารย์ได้ ที่สูงกว่าพระที่มีชื่อเสียงในบ้านเราที่ลุงไปกราบมาแล้วตั้งมากมาย จึงคาดว่าอาจจะได้พบกับหลาน หรือว่าไม่มีโอกาสอีกเลย ก็ได้ แต่หวังว่าหลานจะฝึกจิตจนร่างจิตสามารถที่จะติดต่อกับลุงได้ในที่สุด
 
วิกรม สิ่งที่ลุงได้บันทึกเล่านี้เป็นการบันทึกที่ผ่านญาณทัศนะของลุงในระดับจิตที่ลุงมีอยู่ สามารถเดินหน้าถอยหลังชัดเจนในพื้นที่ๆกายเนื้อของลุงเคยไปสัมผัสในบริเวณนั้นๆ แต่ที่ผ่านมาลุงมีโอกาสได้เดินทางไปเกือบทั่วทุกจังหวัด เพราะไปทั้งราชการและป้าของหลานเป็นคนชอบเที่ยว ทำให้การผูกจิตข้ากับจุดที่กายเนื้อผ่านไป มีความชัดเจนในภาพรวมที่พอจะช่วยหลานได้พอสมควร
 
สุดท้ายที่ลุงจะบอกกับหลานก็คือ ต่อไปประเทศไทยหลังวันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ลุงไม่แน่ใจว่าในญาณที่ลุงผ่านไปนั้น ลุงเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางดอยสุเทพ หรือขึ้นผิดทาง ที่เราเคยเห็นมาโลกคงเปลี่ยนไปมากทีเดียว ลุงใช้เวลาหลายคืนในระยะที่ผ่านมาเพื่อกำหนดยังที่ต่างๆ
 
หลานจะได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนไป เหนือกับอีสานยังพอมีเหลือคนไทยอยู่มาก น่าสงสารคนภาคใต้ ที่โชคร้าย ที่น้ำทะเลสูงเท่าตึก 5 ชั้น 7ชั้น กวาดเข้ามาในแผ่นดินตอนที่โลกเหมือนจะชนกับอะไรซักอย่างที่ลุงเล่าให้ฟังแล้ว จนคนที่รอดตายเหลือน้อยอยู่แล้วก็จะมาตายกับลูกเห็บยักษ์อีก
 
หลังจากนั้นลุงเห็นคนที่รอดตาย กำลังจะไปหาอะไรทานเพราะความหิว กลับถูกน้ำทะเลมากวาดคนลงไปให้ปลา กินเป็นอาหารอีกมากมาย ภาคใต้คนจะเหลือน้อย จริงๆ
 
ในส่วนของเมืองกรุงเทพของเราก็คงจะจมลงในน้ำที่เกิดจากเขื่อนพัง มีคนตายมากมาย และกว่าน้ำจะลดลง จำนวนคนตายมากจน คนไม่กล้ามาอยู่ เพราะวิญญาณที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายแล้ว วนเวียนหาคำตอบให้ตัวเองมากมายไปหมด
 
ใครที่เข้ามาโดยจิตที่อ่อนแอ แล้ว จะถูกดวงวิญญาณเหล่านี้พยายามที่จะเข้ามหาคำตอบ น่ากลัวจนคนไม่กล้ามาจนกลายเป็นเมืองร้าง คนที่มีมากที่สุดแต่กลับเดือดร้อนที่สุดกับคนคนภาคอีสาน เพราะขุดบ่อน้ำตรงไหนก็เจอแต่หิน บ่อที่เคยมีน้ำ กลับกินไม่ได้เลยกลายเป็นน้ำที่เค็มกว่าทะเล
 

ลุงเห็นภาพคนเป็นหมื่นเป็นแสนเดินไปอยู่ริมน้ำโขงมากมาย และสุดท้ายคนอีสานข้ามไปอยู่ฝั่งน้ำโขงไปอยู่ประเทศลาว มีพระอาจารย์ที่หูเป็นปานพาชาวบ้านเดินข้ามน้ำไปทางเหนือของเรา อาหารการกินถ้าไม่ได้มีการกักเก็บไว้ล่วงหน้าจะเจอกับปัญหา เพราะอากาศจะหนาวมาก
 
ลุงกำหนดจิตไปที่ภูเขา เจอหิมะบนยอดเขา ตอนแรกคิดว่าอธิฐานผิดที่ไปเมืองนอก แต่กลับไม่ใช่ ลุงเห็นภาพพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่กลางหิมะขาวโพลน กว่าจะปรับตัวกันได้ ก็คงจะลำบากหน้าดู แต่อย่างไรก็ตาม ลุงโซ๊ะที่ปลูกพืชเมืองหนาวมาตลอดชีวิตน่าจะช่วยให้คำแนะนำหลานได้ อีกอย่างโรงเขี่ยเชื้อเห็ด เพาะเห็ด ที่ให้พะดีดูแลอยู่ก็น่าจะช่วยเรื่องอาหารได้ นานพอสมควร ที่หลานๆจะได้ปรับตัวกันได้
 
หวังว่าสิ่งที่ลุงบันทึกนี้ จะเป็นประโยชน์กับหลาน ไม่มากก็น้อย ในการเตรียมการ ส่วนอุปกรณ์ที่ลุงได้เตรียมให้พวกเราไว้ทั้งเป๊อุปกรณ์ยังชีพ วิทยุสื่อสาร ชุดป้องกันโรค และอื่นๆขอให้หลานได้ตรวจสอบตามวงรอบที่ลุงได้ทำแผ่นบันทึกให้ตรวจสอบและสับเปลี่ยนยา อาการหลอด ในเป้ รวมทั้งชุดป้องกันเชื้อ ส่วนอาวุธปืน มีดสนาม ขอให้รักษาให้ดี ปืนนั้นทะเบียนเป็นชื่อลุง ก็คงไม่เป็นไร เอาไว้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้าย
 
ขอหลานได้ตั้งใจฝึกจิตและพาน้องๆหลานๆฝึกด้วยกับหลาน ส่วนเจ้าตัวเล็กๆทั้งหลายให้ฝึกสวดมนต์ในบทที่ลุงเตรียมไว้ ให้ ลุงเขียน Username และ Pass ไว้ที่หน้าจอแล้วถ้าไม่ลำบากคิดจะทำบุญก็ให้หลานไปตามข้อมูลและติดตามข่าวจากในเว๊ปพลังจิตก็จะได้ประโยชน์จากการหาของที่จำเป็นและวิธีการในการเตรียมความพร้อม ขอคุณพระศรีรัตนตรัยได้คุ้มครองหลานๆด้วย สิ่งใดๆที่ลุงได้ล่วงเกินหลานๆและทุกคน โปรดเมตตาอหสิกรรมลุงด้วย

ลุงหมอของหลานๆทุกคน
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 14:35:46


ความคิดเห็นที่ 6 (1585319)

อนุโมทนาบุญกับ

พี่ธนาเป็นอย่างสูง อย่างมาก ๆ

ที่ได้นำบทความข้างต้นออกมาให้ลูกหลานบ้านสวน

ได้ทราบกันนะค่ะ

น่าสะพรึงกลัวจังเลยค่ะ

แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบุญและกรรมของเราจริง ๆ ค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 15:14:12


ความคิดเห็นที่ 7 (1585320)

พี่ธนาค่ะ

น้องทรายขออนุญาตก๊อปบทความดังกล่าวข้างต้นนี้

ไปให้น้อง ๆ  ที่บ้านได้อ่านกันด้วยนะค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ ด้วยค่ะ

......

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 15:15:45


ความคิดเห็นที่ 8 (1585327)

หลานทรายโทรให้อ่านก็รีบทันที

ขออนุโมทนาบุญกับลุงหมอและ

หลานวิกรม ขอขอบคุณและ

อนุโมทนาบุญกับพ่อใหญ่

ธนาที่ช่วยย้ำไม่ให้ประมาท

พี่สรกับพี่หมอวัฒนาระลึกถึง

พ่อใหญ่เสมอเพราะความดีค่ะ

          สาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 16:51:37


ความคิดเห็นที่ 9 (1585329)

 ขออนุโมทนาค่ะคุณธนา สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการเตือนเรื่องภัยพิบัติ

ผู้แสดงความคิดเห็น จินตนา มาประชุม(แขก) (jintana1963-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 17:32:17


ความคิดเห็นที่ 10 (1585330)

 

ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง

ได้ยินท่าน อ.อุบล

บอกไว้ หลายครั้ง เฮ่อ

อย่างเช่น

วันฟ้ามืด...น่ากลัวจัง

และนี่คือ ...สาเหตุหนึ่ง

ที่ท่าน อ.อุบล

ย้ำให้พวกเรา...

ทานมังสวิรัติ กันให้ได้

ความพยาบาท อาฆาตร

ที่พวกเรา .. คือ..ต้นเหตุ

จะกลับมาหา

เราเอง

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

กราบเท้าขอบพระคุณ

อ.อุบล ที่ได้พร่ำสอน

พวกเรา..

และแมวคิดว่า

การที่ไป บ้านสวนพิรามิด

แมวเดิน ถูกทางแล้วค่ะ

-*-*--*-*-*-*-*-

ขออนุโมทนาบุญ

เจ้าของบทความ

และ

คุณธนา  ที่มอบบทความ

ให้กับ พี่ ๆ น้อง ๆ นะคะ

ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แมว ประวีณา แค้มป์ (prawinakamp-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 17:44:18


ความคิดเห็นที่ 11 (1585351)

 ขอบคุณ พีธนา และเจ้าของบทความ ที่นำบทความดีๆ

ที่ย้ำเตือนเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ทำให้เห็นภาพชัดเจน เพื่่อการเตรียมตัว

อ่านเเล้วรู้สึกถึงความน่ากลัวมากๆของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น

เป็นการตอกย้ำถึงการเปลี่ยนเเปลงตนเองตามที่ท่านอาจารย์ได้สอน

เห็นด้วยกับพี่เเมวค่ะ

มิ้มเองก็คิดว่าการที่มิ้มได้มารู้จักกับบ้านสวนพีระมิด

และพยายามปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์เป็นสิ่งทีุู่ถูกต้องเเล้วจริงๆ

ขออนุญาติ คัดลอกบทความนี้มาให้คนในครอบครัว

และผู้ที่สนใจในเรื่องของภัยพิบัติได้อ่านพื่อการเตรียมตัวนะคะ

ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 20:29:19


ความคิดเห็นที่ 12 (1585368)

ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของบทความและคุณธนาค่ะ

อ่านแล้วก้อ...อยากให้เหตุการณ์บรรเทาเบาบางลงมากถึงมากที่สุด

ขอนำบทความนี้เผยแพร่ต่อนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อรศรี ชุติเนตร (aurasri05-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 21:43:21


ความคิดเห็นที่ 13 (1585369)

ขออนุโมทนากับเจ้าของบทความและคุณธนาด้วยค่ะ

ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจได้อ่านเพื่อเตรียมใจไว้รับกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ บุตรมนต์ (opensirio-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 21:46:39


ความคิดเห็นที่ 14 (1585370)

โมทนาบุญกับคุณธนาที่นำข้อมูลดีมาฝากกัลยามิตรบ้านสวนพีระมิด   ขอบคุณนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 21:47:40


ความคิดเห็นที่ 15 (1585385)

ขอขอบคุณพี่ธนาที่นำมาลงให้พี่น้องบ้านสวนได้อ่าน

กระตุ้นเตือนให้เร่ง รีบใน การทำ สมาธิ ฝึกจิตตัวเองให้เข้มแข็ง

และเตรียมพร้อมรับมือกับภัยที่กำัลังจะเกิดขึ้น

เวลาเดินผ่านไปเร็วมากเลยนะคะ 

แป๊บเดียวเองก็จะสิ้นปีแล้ว วันนั้นใกล้เข้ามาถึงแล้ว

สิ่งที่อ.อุบล เมตตาบอก เตือนพวกเราอยู่ตลอด

ให้เตรียมตัว เตรียมเสบียง ทั้งเสบียงอาหาร

และเสบียงบุญ เพื่อให้พวกเราได้รอดพ้นจากภัยพิบัติ

ไม่อดอยาก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ก็เป็นความเมตตาจากเบื้องบนที่ท่านทำให้เรา

ได้รู้ตัวว่า เรายังห่วง ยึดติด กับอะไรอยู่อีกหรือเปล่า

ครอบครัว หน้าที่การงาน บ้าน เงินทอง รถยนต์

ยังห่วง ยังละกันได้หรือเปล่า ถึงตอนนี้คิดว่า

หลายๆคน คงได้รู้ตัวแล้วว่า

ตัวไอซ์เองก็รีบเร่ง เตรียมพร้อมกับเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน

แต่ถึงเวลานี้ ก็มีความรู้สึกว่าขนาดเราย้ายที่ถิ่นที่อยู่แล้ว

เตรียมเสบียงแล้ว เครื่องนุ่งหุ่ม ความร้อนฟืนไฟต่างๆ

หลังจากอ่านข้อความของพี่ธนาแล้ว

 

ยังมีความรู้สึกว่ายังไม่พอเลย

แต่ถึงอย่างไร

ของนอกกายพวกนี้ก็ไม่สำคัญเท่ากับ จิต

ที่ละ ความห่วง กังวล

และการที่สติที่จะรับมือ

กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้เลย

สำคัญตอนนี้คือจิต

ที่เกาะกับพระุพุทธเจ้า เกาะกับบุญกุศล

ที่ได้ทำมา เพื่อนำพาให้กลับบ้านนิพพาน

บ้านที่เราได้จากมานานแสนนานเหลือเกิน

ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของเรื่อง

และพี่ธนาที่นำมาลงให้พวกเราได้อ่านกันนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 22:47:03


ความคิดเห็นที่ 16 (1585399)

 อ่านแล้วพวกเราประมาทกันไม่ได้เลยนะคะ   ขอบคุณขอมูลดีๆที่มานำเสนอและเตือนใจกันให้ระวังและประมาทกันในชีวิต  ขอบคุณเจ้าของบทความ คุณลุงหมอ  และคุณธนามากๆคะ  ขอให้อนิสงค์นี้ให้ทุกคนลูกบ้านสวน ได้รอดและปรอดภัยกันทุกคนขอดวงจิตและความรักความเมตตาของทุกๆคนเป็นเกาะคุ้มภัยให้พ้นภัยด้วยความดีงามของเราทุกๆคนคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 23:18:11


ความคิดเห็นที่ 17 (1585406)

อนุโมทนา คุณธนา ค่ะ

จะใช้ชีวิตจากนี้ไป

อย่างไม่ประมาทค่ะ

จะรักษาศีล 5  สะสม

แต่บุญ สร้างแต่ความ

ดี   รออ่านตอนอื่นๆ

อีกนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 23:33:50


ความคิดเห็นที่ 18 (1585409)

ได้บอกไว้แล้วว่า

หลังค่ายถวายพระพร

3-5 ธ.ค.54

จะเป็นการถวายพระพรครั้งสุดท้าย

สำหรับใครบางคน

หรือหลายคน

 

และ

จะเป็นการ

เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่

สำหรับใครบางคน

หรือหลายคน

 

ที่จะต้องเตรียม

เริ่มต้นเข้าสู่ยุคพระศรีอาริย์

ซึ่งจะมีคนกลุ่มหนึ่ง

เป็นผู้นำแห่งยุค

บางคน เป็นผู้ตาม

บางคน หมดโอกาสทั้ง 2 อย่าง

เพราะ

ไม่มั่นคงในความดี

ใน

บารมีพระพุทธเจ้า

 

ใจโลเล ไม่มีหลักยึด

 

ดังนั้น

ค่ายถวายพระพรครั้งนี้

จึงเป็นการทำบุญ

ครั้งยิ่งใหญ่

 

เพื่อ

จะได้ ผ่อนหนัก เป็นเบา

จากเบา ให้ สิ้นปัญหา

ไม่ทราบว่า

จะได้สักเพียงไหน

แต่เราจะทำเต็มที่ เต็มกำลัง

 

ขอทุกท่าน

อย่าได้หวั่นไหว

ทำใจให้เบิกบาน

แต่

ทำบุญ ทำทาน ให้เต็มที่

แล้ว

รีบหนีจาก กทม.

ให้เร็วที่สุด

 

ใครที่ย้ายได้ ย้ายเดี๋ยวนี้

อย่ารอรี ไม่มีเวลาแล้ว

 

ช่วงนี้

เขาหลอกเรา

เท่านั้นเอง

 

เขาให้เราตายใจ

ให้ไปรวมกันตายตามแผน

ของเจ้ากรรมนายเวร

 

แต่

ถ้าทำกรรมมาเยอะ

ยังไงก็หนีไม่ได้

แม้จะมีคนบอก

ก็เหมือนคนหูหนวก

 

เพราะ

กรรม ปิดกั้น โอกาส

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-24 23:49:25


ความคิดเห็นที่ 19 (1585414)

 กราบขอบพระคุณอ.อุบลที่เมตตามาเน้น ย้ำ เตือนลูกหลานอีกครั้งนึง

วันนี้ไอซ์ได้รับข่าวดีมากค่ะ ทุกครั้งที่ไปบ้านสวน

ไอซ์จะไปกราบขอพรจากท่านท้าวเวสสุวรรณทุกครั้ง

ขอให้เกิดปฏิหาร

เนื่องจากไอซ์ได้ลาออกจากงานไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม

แต่มีผลสิ้นสุดการทำงานในเดือน มีนา ปีหน้า

แต่ไอซ์ไม่อยากอยู่กรุงเทพอีกต่อไปหลังจากที่น้ำท่วม

ได้แต่ขอพรจากพระองค์ให้เกิดปฏิหาร

ขอให้บริษัทไล่ออกก่อนกำหนด

หรืออะไรก็เลยที่ทำให้ไอซ์ได้ย้ายออกจากกรุงเทพให้เร็วที่สุด

แล้วเมื่อวันจันทร์สิ่งที่ไอซ์ขอ ก็เป็นจริง

เืมื่อเจ้านายมาประเมินผลงานประจำปี และให้น้อยมาก

และยังบอกอีกว่า จะให้ไอซ์ทำงานถึงสิ้นเดือนนี้

แล้วจะ่่จ่ายเงินเดือนให้สำหรับเดือนที่เหลือ

ตอนนั้นกรรมโง่เข้ามาปิดบังอย่างแรง

ยังเอาชนะความโกรธไม่ได้

เกิดอาการโมโห เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆมาไล่ออกกันง่ายๆแบบนี้

เกือบจะได้มีเรื่องกับหัวหน้าไปซะแล้ว

ตอนนั้นได้แต่เรียกอ.อุบลช่วยด้วย

ขอให้ลูกมีสติ มีใจเข้มแข็ง

คุยกับเจ้านายต่อไปจนจบเรื่อง

หลังจากนั้นได้มาคิดทบทวน เรื่องราว

ว่าทำไมตัวเองได้คะแนนน้อย

ทำไมโดนให้ออกกระทันหัน

แล้วก็ได้ความว่าคะแนนน้อย

ก็เกิดจากการกระทำของเราเองทั้งนั้น

ที่ส่งงานไม่ทัน

ชอบเถียงกับเจ้านาย

และยังขาดเมตตากับลูกน้องของตัวเองอีกต่างหาก

ทำให้ได้รับผลของกรรมนั้น 

แล้วก็มาเรื่องทำไมโดนออกจากงานกระทันหัน

สุดท้ายนึกออกว่า ก็เราไปขอพรจากพระองค์ท่านนี่น่า

เย้ เย้ ในที่สุดแล้วท่านก็เมตตาให้พรกับเรา

วันนี้ได้ตกลงกับบริษัทลงตัว

ทางบริษัทจ่ายเงินเดือนให้ตั้งแต่เดือนธค จนถึงมีค.

และแถมเงินโบนัสให้อีก 1 เดือน

รวมเป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร

ให้เราได้ไปตั้งตัว ลงทุนทำนำ ทำสวนที่ต่างจังหวัดได้สมใจ

ลูกขอกราบแทบพระบาทพระพุทธองค์

เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิด

และท่านอ.อุบลในความเมตตาที่ได้ช่วยลูก

ประทานพรให้ความฝันของลูกเป็นจริงค่ะ

หนูจะย้ายออกจากกทม.ให้เร็วที่สุดค่ะ

*********************************************

และข่าวดีอีกอย่างคือ ได้รู้จักคนในพื้นที่นครนายก

ที่เค้ารู้ัจักบ้านเช่า ที่ว่างอยู่ในขณะนี้หลายหลัง

วันเสาร์นี้จะไปดูสถานที่ให้กับพี่ๆลูกบ้านสวนที่มองหาที่อยู่นะคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 00:34:24


ความคิดเห็นที่ 20 (1585446)

 

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล

ที่คอยเตือนภัยให้กับลูกบ้านสวนได้รับรู้

ขออนุโมทนากับเจ้าของบทความ

ขออนุโมทนากับคุณธนาด้วยค่ะ

ขออนุญาตคัดลอกนำไปเผยแพร่ต่อ

ขอบคุณค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หน่อย (สมศรี พวงพันธ์) (noi-92012-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 10:29:16


ความคิดเห็นที่ 21 (1585453)

ได้แต่ขอพรจากพระองค์ให้เกิดปฏิหาร

ขอให้บริษัทไล่ออกก่อนกำหนด

ขออนุโมทนากับพี่ไอซ์ด้วยนะค่ะ

สาธุ ค่ะ

มีงี้ด้วยนะค่ะขอให้ตัวเองโดนไล่ออกจากงาน

ยังงัยก็ดีใจด้วยนะค่ะ

ที่ได้ออกจากกรุงเทพฯโดยเร็ว

แต่

ตอนนี้น้องทรายกำลังคิดเรื่องของน้องสาวค่ะ

เรียนอยู่กรมศิลปฯกรุงเทพฯ

คิดจะกลับกรุงเทพฯในวันอาทิตย์นี้

เห้อ!คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า

พูดงัยก็ไม่เชื่อกันเล้ย

...กรรม...

..........

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 11:36:45


ความคิดเห็นที่ 22 (1585489)

น้องไอซ์  ขออนุโมทนา ค่ะ

พี่คิดว่าพระพุทธองค์ได้จัด

สรรค์ชีวิตให้น้องแล้วละค่ะ

อ่านแล้วพี่ดีใจมากกว่า   พี่

คิดว่าน้องคงจะอยู่แถวต้นๆ

ที่จะได้อยู่ยุคพระศรีอาร์ค่ะ

ขอให้น้องเจอแต่สิ่งดีๆ และ

โชคดีตลอดไปค่ะ สาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 15:38:33


ความคิดเห็นที่ 23 (1585491)

 

 

                                               ขอกราบอนุโมทนาบุญกับคุณธนา คุณลุงหมอ ด้วยนะค่ะ ขออนุญาตนำข้อความเผยแผ่ และดีใจกับน้องไอซ์ด้วยที่หลุดพ้นแล้วว ดีใจมากที่มีโอกาสได้พบปะกับลูกบ้านสวนทุกคนถึงแม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นตัวจริงก็ตาม( ฮือๆ)   แต่ได้คุยกันบนเว๊ปเหมือนคุยกับตัวจริงเลยนะเนี่ยย คุยกับคนมีบุญทั้งน้านเลยเช่น คุณชนิดา น้องไอซ์ คุณโซบิเดย์ น้องทราย น้องหญิง คุณแมว คุณอ๊อด และอีกหลาย ๆ คน ส่วนณัฐธิญาณ์

ยังมีกรรมม้าก ๆๆๆ จะอยู่ถึงยุคพระศรีอารย์หรือเปล่าเนี่ยเรา ไม่ได้ไปบ้านสวนก็ขอเข้าเว๊ปแทนล่ะกัน แค่นี้ลูกก็มีความสุขอย่างหามิได้แล้วเจ้าค่ะ(อิอิอิ)

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐธิญาณ์ อนุรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 15:49:17


ความคิดเห็นที่ 24 (1585493)

พี่สรอ่านแล้วปลื้มใจกับน้องไอซ์

พี่-น้อง ทุกคนในบ้านสวนพี่รักเท่า ๆ

กับพี่มหา  ขอให้บุญนำพาให้สมหวัง

ทุกคน เพราะเบื้องบนและคุณแม่

อาจารย์และครอบครัวทำให้พวกเรา

มีความหวัง และรอยยิ้ม ตามกำลัง

ของความดีแต่ละคน

        สาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 15:51:21


ความคิดเห็นที่ 25 (1585511)

 

โหคุณธนา หมอกำลังลุ้นเรื่องงานถวายพระพรในหลวงและการต้อนรับน้องหญิงแบบไม่เคยมีมาก่อนเพลินๆ หัวใจก็แฟบทันทีที่ได้อ่านเรื่องที่คุณธนาเอามาให้ได้รับทราบ

ดูแล้วคงหนีไม่พ้นแน่ เพราะทุกท่านดูจะพูดไปในทิศทางเดียวกันหมด น่ากลัวจริงๆ สาธุขออย่าให้มีคนเดือดร้อนล้มตายกันมากเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 19:44:13


ความคิดเห็นที่ 26 (1585513)

 ขออนุโมทนาบุญกับคุณธนาด้วยค่ะทุกวันนี้ห่วงแต่คนที่ไม่รู้กลัวเขาจะรับกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขี้นไม่ได้ขนาดคนที่บ้านใกล้ตัวเราแท้ๆพูดให้เขาเชื่อมันยากมากพี่บัวลอยขออนุญาต copy ให้คนในบ้านอ่านเผื่อจะให้เขาเตรีมตัวเตีรมใจรับกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขี้นขออนุญาตนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้้อย(บัวลอย สุดแดน) (bour_noy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 19:56:46


ความคิดเห็นที่ 27 (1585520)

 ขออนุโมทนากับน้องไอซ์ที่เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณให้พรน้องไอซ์สมหวังทุกอย่างที่ตั้งใจยินดีด้วยจากใจจริงนะจ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้้อย(บัวลอย สุดแดน) (bour_noy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 20:26:01


ความคิดเห็นที่ 28 (1585545)

ขอกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ทั่วสากลพิภพ  เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ  อ.อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนพีระมิด  

ลูกขออนุโมทนาบุญกับ คุณลุงหมอ คุณวิกรม คุณธนา ที่ให้ธรรมทานเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น  ขอให้บุญบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บารมีเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ  บารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านสวนฯ  จงช่วยบรรเทาให้ภัยนี้จากหนักเป็นเบาด้วย  แต่ที่สุดแล้ว  ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคนที่กระทำมา

ขอให้ลูกหลานบ้านสวนทุกท่านจงช่วยกันหมั่นสร้างความดี  ทั้งทางโลกและทางธรรม และสุดท้ายต้องขออุทิศบุญที่ลูกได้กินเจในขณะนี้ให้กับพี่สร (คุณเกสร  ศรประสิทธิ์) ผู้ที่แนะนำให้ลูกพบกับบ้านสวนพีระมิด รู้จักธรรมะ ได้เข้าถึงแดนธรรม  และบุญทุกบุญที่ลูกทำขอส่งบุญให้กับพี่สรได้หายจากโรคที่มีอยู่  

ขอขอบคุณกับทุกท่านที่ได้เผยแผ่ความรู้เป็นธรรมทาน

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ศรีวิภรณ์ ลิ่มอรุณ (nee9889-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 22:40:03


ความคิดเห็นที่ 29 (1585573)

ขออนุญาตคัดลอกเพื่อนำไปเผยแพร่ ให้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงได้รับทราบ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้นำมาเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น รมภ์รวินท์ กระสวย (som1932-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 07:59:48


ความคิดเห็นที่ 30 (1585577)

 

     ขออุโมทนากับคุณ ธนาที่ได้นำบทความฃองพระคุณลุงเชียงใหม่ให้สมาชิกบ้านสวนพีระมิดได้ทราบ พี่่อ่านแล้วน่ากลัวมากถ้าวันนั้นมาถึงจะทำยังไงดี  คงหนีไม่พ้นเน๊าะ ทุกวันนี้ ทุกลมหายใจ ให้ท่องพระคาถา เเผ่เมตตา ขอบารมีสมเด็จองค์ปฐม จะได้มีกำลังใจเข้มแข็ง 

        ขอขอบพระคุณกับทุกท่านที่ได้ให้ความรู้เป็นธรรมทาน อนุโมทนา สาธุคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น จรีพร แก้วนวล (ศิลป์) (kaewnuan-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 09:22:51


ความคิดเห็นที่ 31 (1585609)

ขออนุโมทนากับธรรมทานที่คุณน้าธนาเอามาให้อ่านนะค่ะ

อ่านแล้วน่ากลัวจังเลยค่ะ อ่านไปขนลุกไป

เรื่องทั้งหมดนี้ท่านอาจารย์อุบล

ก็ได้เมตตาเตือนพวกเราหลายครั้งแล้ว

เกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะมาถึง

และแล้วมันก็ใกล้เข้ามาจริงๆแล้ว

อีกไม่กี่วันก็จะปี 2555แล้ว

แต่คนไทยเรายังไม่รักกันเลย ยังแก่งแย่งชิงดี

แบ่งพรรคแบ่งพวกกันอยู่เลย,,,,

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี (woranea_912_meaw-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 17:17:49


ความคิดเห็นที่ 32 (1585635)

..  อนุโมทนาบุญกับคุณธนา   อ.อุบล 

คุณวราภรณ์  และทุก ๆ  คน  ด้วยนะคะ

ปาฏิหารย์  ย่อมเกิดขึ้นเสมอกับคนจิตใจดี....

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มาโนช ปินตามูล (vathanya108-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 21:41:55


ความคิดเห็นที่ 33 (1585689)

อนุโมทนากับพ่อใหญ่ธนา ด้วยนะค๊า

แหม่...นำธรรมทานนี้มานำเสนอ

ได้เหมาะเจาะจริงๆ ขนาดชนิดา

อ่านมาบ้างแล้ว มาอ่านอีกที

ก็ยังสะเทือนใจอยู่ดีค่ะ เตือนใจ

จะได้ไม่ประมาท และเตรียมใจ

ไว้ให้พร้อม และ จะได้มั่นคง

ใน"ความดี" ยิ่งขึ้น ถึงแม้จะมี"แว่บๆ"อยู่ก็ตาม...

 

และทุกๆบันทึกญาณทัศนะ ที่คุณลุงหมอ

สัมผัสได้นั้น มันมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

รองรับทั้งสิ้นค่ะ ว่าทำไมเหตุการณ์เหล่านี้

ถึงจะเกิดขึ้นในช่วงนั้น อย่างเช่น

วันฟ้าดับโอกาสที่จะเกิดขึ้นอยู่ในช่วง 56วันนี้

(คืิอ ตั้งแต่ 21-12-12  จนถึง 14-02-12)

เดี๋ยวโอกาสเหมาะๆชนิดาจะหามาให้อ่านนะคะ

 

แต่อย่างที่อาจารย์เมตตาแนะนำแหล่ะค่ะ

 

ขอทุกท่าน

อย่าได้หวั่นไหว

ทำใจให้เบิกบาน

แต่

ทำบุญ ทำทาน ให้เต็มที่

แล้ว

รีบหนีจาก กทม.

ให้เร็วที่สุด

เพราะทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

ก็ล้วนแล้วแต่มีหนทางในการ"ป้องกัน"

และ "แก้ไข" ทั้งสิ้น และ การที่

พวกเราได้รับพลังปราณ และ มโนธาตุ

จากผลิตภัณฑ์พาเมล่า ผ่านทางผิวหนัง

รวมทั้งดื่มน้ำพลังพีระมิดอยู่ทุกๆวันนี้

ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายเรา

พร้อมต่อสู้กับพลังอันมหาศาล

ที่จะมากระทบโลกในวันนั้นได้

และ ที่สำคัญ การฝึกจิต ให้มั่นคง

จะทำให้ร่า่งกายต่อต้านหรือ ส่งผลกระทบ

ได้น้อยลงด้วย...

 

เพราะถ้ามองเผินๆ คิดดูแล้ว ไม่น่ารอด

หรือ รอดกาย แต่ใจแหลกสลายชัวร์ๆ

แต่ถ้าเรารู้วิธี ก็อาจมีทางหลีกเลี่ยง

และ รอดได้ ค่ะ

 

ชนิดาเชื่อย่างนั้นนะคะ แต่ที่สำคัญ

จงอย่าประมาท และ จงทำความดี

ให้ได้ทุกวัน อย่าอิดออด อย่าเลื่อน

และ อย่า ฯลฯ..ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-27 03:36:24


ความคิดเห็นที่ 34 (1585742)

 ขออนุโมทนากับพี่ธนาด้วยนะคะ

ที่นำบทความนี้มาให้อ่านกัน

ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนเป็นสิ่งที่

อ.แม่ พร่ำสอนเรามาตลอดเลยนะคะ

ว่าทำไมจึงต้องปฏิบัติตาม

รักษาศีล 5 ให้เคร่งครัด

เพราะจะเป็นเกาะคุ้มกันให้พวกเรานั่นเอง

ไหนจะอีกหลายๆเรื่องที่อ.แม่ท่านเคยสอนมา

หากว่าปฏิบัติตาม

คงมีโอกาสรอดเป็นแน่แท้ค่ะ

ยิ่งมาอ่านเจอเรื่องที่คุณลุงพูดเกี่ยวกับเรื่องเห็ด

ท่าน  อ.แม่ คงทราบล่วงหน้ามานานแล้ว

ที่บ้านสวนจึงได้มีโรงเพาะเห็ด

และปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง

เพราะถึงเวลานั้น เราคงไปหาที่ไหนไม่ได้แล้ว

นอกจากสิ่งที่เราเตรียมไว้เท่านั้น

อนุโมทนาสาธุกับ เจ้าของบทความด้วยนะคะ

และขอกราบขอบพระคุณ อ.แม่ด้วยค่ะ

ที่ไม่เคยทอดทิ้งพวกเราเลย

และทำทุกอย่างเพื่อพวกเรามาตลอด

สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-27 17:19:02


ความคิดเห็นที่ 35 (1585743)

คุณชนิดาคะ วันที่ บอกมาน่าจะ เป็น 21-12-11 ถึง 14-02-12  ใช่ไหมคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-27 19:14:42


ความคิดเห็นที่ 36 (1585791)

ขอบคุณ คุณหมอวัฒน์ค่ะ ที่เตือนมา

แบบว่า เขียนผิดคร๊าบ...พี่น้อง

ซึ่งช่วงภัยพิบัติใหญ่ที่ต้องจับตามอง

คือ 21-12-12 จนถึง  14-02-13 ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-27 22:24:40


ความคิดเห็นที่ 37 (1585796)

ซึ่งช่วงภัยพิบัติใหญ่ที่ต้องจับตามอง

คือ 21-12-12 จนถึง  14-02-13 ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-27 22:

แปลเป็นไทยว่า

วันที่ 

21 เดือน ธันวาคม 2555

ถึง

วันที่

14 เดือน ก.พ.2556

 

รึเปล่าคะ

คุณชนิดา

 

แต่

เสด็จพ่อเตือนว่า

ระวัง

มันมาก่อนกำหนดนะ

 

เพราะ

ภัยพิบัติ

เขาชอบมาตอน

เผลอ

 

ตอนที่เราไม่ทันระวัง

 

ตอนที่เราไม่ตั้งตัว

 

จะได้รัวเต๊มแม๊ก

ไงล่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-27 22:50:46


ความคิดเห็นที่ 38 (1585810)

เดี๋ยวขออธิบายอีกนิดนะคะว่า

วันที่ที่ชนิดาเขียนและที่อาจารย์อุบล

เมตตาชี้แจงให้ทราบชัดเจนยิ่งขึ้นนั้น

เป็นช่วงเวลาที่มีแนวโน้มจะเกิด

วันฟ้าดับสามวันสามคืนค่ะ ซึ่งสัญญาณแรก

ที่เราทุกคนจะเห็นก็คือ แสงสว่างวาบจากท้องฟ้า

(อย่าลืมนะคะ ถ้าเห็นแสงนี้อย่าไปสนใจ

ที่มาของแสง แต่ให้เตรียมหาที่ปลอดภัย)

และเหตุการณ์ต่างๆตามลำดับที่จะเกิดขึ้น

ท่านคุณลุงหมอ ก็เมตตาบันทึก

มาไว้ให้พวกเราได้อ่านแล้วค่ะ  

 

 

กราบอนุโมทนาในคำเตือนอีกครั้งค่ะอาจารย์

เพราะจะว่าไปแล้ว ก็เริ่มยิงให้เห็นตั้งแต่

ปีนี้แล้วล่ะค่ะ แต่ยังไม่เร่งสปีดรัวเต็มแม็ก

เท่านั้นเอง ...

 

สรุปว่า คงจะต้องจับตามองกันไปทุกๆวัน

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะได้ไม่ประมาท....

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-27 23:39:46


ความคิดเห็นที่ 39 (1585858)

อ่านแล้วขนลุกคะ

ขอบพระคุณในคำเตือนจากทุก ๆ ท่าน

ขออนุโมทนาด้วยคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 07:43:04


ความคิดเห็นที่ 40 (1585881)

ขออนุโมทนาบุญกับคำเตือนของท่านอาจารย์อุบลและทุกๆท่านด้วยครับ

จากที่เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณและท่านอาจารย์เมตตาเตือนว่าภัยจะมาถึงก่อนกำหนด และในอีเมลล์ที่ผมได้รับนี้มีการระบุช่วงวันที่ไว้เช่นเดียวกันว่าจะเกิดตั้งแต่ พฤษภาคม 2555 - 14กุมภาพันธ์2556

ส่วนวันที่ของเดือนพฤษภาคมนั้นอย่าเพิ่งไปสนใจเลยครับ เพราะทั้งหมดนั้นเป็นเพียงข้อมูลให้เราได้รู้และเตรียมตัวกันล่วงหน้าเท่านั้นครับ เพราะไม่มีใครระบุวันเวลาที่ชัดเจนได้ครับ เพราะทั้งหมดขึ้นกับว่าคนทั้งโลกจะพากันเปลี่ยนแปลงจิตใจหรือไม่ จะให้เกิดก็ได้ ไม่ให้เกิดก็ได้ขึ้นกับพวกเราอย่างที่อาจารย์เตือนเช่นนี้ไว้หลายครั้ง แต่เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกเวลา

พวกเราคงต้องเตรียมตัวกันให้ดีๆอย่างที่ท่านอาจารย์เตือนไว้แล้วว่าระดับมัธยมกำลังจะมา ครั้งนี้ไม่ธรรมดา ทั่วประเทศไทยเราต้องเตรียมใจ เตรียมบุญ ไว้ให้ดีๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 10:01:30


ความคิดเห็นที่ 41 (1585899)

 

    อ่านแล้วก็เริ่มปลงแล้วค่ะ 

ถ้าเป็นแต่ก่อนจะเครียดมาก

กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ 

ที่ให้ชีวิตลูกได้มาเจอกับ

อ. อุบลและบ้านสวนพีระมิดแห่งนี้

เพราะทำให้ลูกได้มีเวลาเตรียมตัว 

เตรียมใจ    เพื่อรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น 

แม้ว่าชีวิตนี้ จะไปไม่ถึงยุคศรีวิไลซ์ 

แต่เราได้รู้  ได้ฝึกจิตของเรา

ให้คิดบวกอยู่ ทุกขณะจิต  หวังเพียงว่า

เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ  เราคงไม่ทุรนทุราย

จิตเราคงสงบนิ่ง   พอที่จะพาตัวเองไปพบกับสิ่งที่ดี

ในช่วงสุดท้ายของชีวิต

      อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้บอกกล่าว

และเตือนกันมาโดยตลอด

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 11:07:08


ความคิดเห็นที่ 42 (1585924)

ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธรรมนูญ นาคสุข (naksuk4-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 13:13:24


ความคิดเห็นที่ 43 (1585934)

ขออนุโมทนากับคำเมตตาเตือนของท่านอาจารย์อุบล

และคำเตือนของทุกท่านด้วยนะค่ะ

จากที่ท่านอาจารย์ได้บอกไว้แล้วว่า

ภัยพิบัติ มักจะมาตอนที่เราเผลอ

บางครั้งเราอาจจะหลงลืมเรื่องนี้ไปชั่วคราว

จนทำให้เกิดความประมาทขึ้น

ถึงวันนี้และตอนนี้ เวลาหนูจะทำอะไร

ก็จะคิดถึงเรื่องนี้ตลอด เพื่อย้ำเตือนใจตัวเอง

ว่าอย่าประมาทในทุกๆเรื่องค่ะ

และตอนนี้ก็จะพยายามรักษาศีล5 ละความโกรธ ความอาฆาตพยาบาทค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี (woranea_912_meaw-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 14:10:32


ความคิดเห็นที่ 44 (1585997)

   กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาเตือน

ขอบคุณคุณธนาที่นำข้อมูลดีๆมาเตือนสติ

ยินดีกับน้องไอซ์ที่ได้ ออกจากงาน จะได้ย้ายออกจากกรุงเทพแล้ว  ช่างมีบุญวาสนาจริงๆ

เคยๆคุยกันกับน้องไอซ์ เรื่องคนที่ได้อานิสงส์ต่างๆเมื่อมาที่บ้านสวนฯ

น้องไอซ์บอกว่า คุณสิทธิ์ กับอ้อยดูแล้วได้อานิสงส์เรื่อง งาน เงิน ชัดนะ แต่ของไอซ์จะเป็นความสุขทางใจ

ก็เลยบอกไอซ์ว่า

ใครบอกว่าของไอซ์ไม่ชัดเจน

ไอซ์ได้อานิสงส์ที่เป็นทางธรรมอย่างแท้จริง ก็คือ ทำให้ไอซ์มีความคิดที่จะออกจากกรุงเทพ คิดออกจากงาน จะกลับไปทำไร่ ทำนาที่บ้านเกิด หลุดพ้นจากกับดักชีวิต

นี่แหละอานิสงส์ทางธรรม  ทำให้ตาสว่าง ไม่ยึดติด งาน เงิน ของลวงตา

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 19:42:00


ความคิดเห็นที่ 45 (1586001)

 

ขอบคุณคะ คุณชนิดานึกว่าจะเกิดปลายปีนี้แล้ว

เล่นเอาหัวใจจะวายเพราะน้ำที่ท่วมก็ยังไม่ลดเลย

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน ยิ่งอาจารย์อุบลว่าจะรัวเต็มแมกเสียด้วย จะเอาแบบลุงหมอซื้อตู้container แบบนั้นก็ไม่มีปัญญา ก็คงต้องปลงแล้วแต่บุญแต่กรรมเนาะ ทำไงได้

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 19:57:57


ความคิดเห็นที่ 46 (1586057)

 

ไอซ์ได้อานิสงส์ที่เป็นทางธรรมอย่างแท้จริง ก็คือ ทำให้ไอซ์มีความคิดที่จะออกจากกรุงเทพ คิดออกจากงาน จะกลับไปทำไร่ ทำนาที่บ้านเกิด หลุดพ้นจากกับดักชีวิต

นี่แหละอานิสงส์ทางธรรม  ทำให้ตาสว่าง ไม่ยึดติด งาน เงิน ของลวงตา

******************************************************

สาธุ ขอบคุณค่ะพี่อ้อย 

ตัวไอซ์เองยังปัญญาน้อยอยู่มาก ไม่ได้คิดว่านี่คืออานิสงส์ทางธรรม คิดแต่ว่่่า อยากกลับไปอยู่กับธรรมชาติเท่านั้นเอง

ตลอดเวลาไอซ์ได้รับความสุขจากธรรมชาติจากบ้านสวน ความสงบสุขจากการที่ได้กวาดใบไม้ภายในบ้านสวน ความสุขที่ได้จากธรรมะจากธรรมชาติ ธรรมะจากใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาแล้วให้เราได้กวาด มันมีความสุขมากจนบรรยายไม่ได้

จนมีความคิดที่อยากจะออกจากเมืองหลวง ออกจากงานแล้วกลับไปอยู่กับธรรมชาติ

ประกอบกับอาจารย์เมตตาเตือนเสมอว่าให้ลูกหลานบ้านสวนย้ายออกจากกรุงเทพ สิ่งนี้เป็นแรงพลักดันที่สำคัญมากที่ทำให้ตัดสินใจลาออกจากงาน

และก็พบว่าหลังจากที่ได้ออกจากงานแล้วจริงๆนั้นมันมีความสุขเหลือเกิน

ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าถ้าเราออกจากงานแล้ว เราจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย เอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ เราจะทำสวนทำไร่ได้สำเร็จจริงหรือ เงินจะพอใช้หรือเปล่า

แต่ก็คิดได้ว่า ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นหนี้เราใช้หนี้ตามกำลังที่เรามีก็แล้วกัน จะหมดเมื่อไหร่ก็ช่างมัน ดอกเบี้ยจะมากแค่ไหนก็ช่างมันเราอยากเป็นหนี้เองนี่น่า แต่เราก็จะใช้หนี้ไปตามกำลังที่เราหาได้แล้วกัน

่่ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ได้แค่ไหนก็กินแค่นั้น ไม่มีก็ค่อยอดเอา ในเมื่อเรามีมือ มีเท้าแล้ว เราก็ต้องทำให้ได้ ดินเราก็มีแล้ว ปลูกผักกินเอาก็แล้วกัน ถ้าทำก็มีกิน ไม่ทำก็อดตายแค่นั้นเอง

ที่บ้านสวนสอนทุกอย่า่งตั้งแต่การปลูกผัก การปลูกข้าว การทานอาหารแต่น้อย เห็นค่าของสิ่งของทุกอย่าง

ไอซ์จำได้เสมอวันที่เดินไปหลังบ้านสวนวันนั้น อ.อุบลท่านก็เดินไปด้วย ไปดูธงที่ปักไว้จนสุดท้ายไร่ ขากลับท่านเก็บเชือกปอที่พวกเราทำตกไว้ขึ้นมา 2 เส้น (ถ้าเป็นไอซ์เห็นไอซ์คงเดินผ่านไป ไม่ได้เก็บขึ้นมา) แล้วท่านก็บอกว่า ท่านจะใช้ของทุกอย่างที่ได้มา ที่ทุกคนให้มาอย่างรู้ค่าที่สุด ท่านจะไม่ทิ้งเลย เชือก 2 เส้นนี้ยังใช้งานได้อีกนะ

เป็นสิ่งที่ได้จำไว้จนขึ้นใช้ และนำมาปฏิบัติกับตัวเอง ว่าสิ่งของอะไรที่ยังใช้ได้อยู่จะยังไม่ทิ้ง และจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ

อ้าวไปซะไกลเลยอิอิอิ สรุปเลยดีกว่า ทุกอย่างที่ไอซ์ได้ก็มาจากบ้านสวนทั้งนั้นค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ ที่เมตตาเปิดบ้านสวนพีระมิด และขัดเกลาศีลธรรมให้กับไอซ์ค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-28 23:08:36


ความคิดเห็นที่ 47 (1586166)

 

               อนุโมทนาบุญกับน้องไอซ์ด้วยนะจ๊ะ เป็นบุญของน้องไอซ์แล้ว ขอให้น้องเจริญรุ่งเรืองทางโลกทางธรรม ดีใจด้วยจ๊ะ มีไม่เยอะนะค่ะ ที่ตัดสินใจทิ้งทางโลก โดยใช้ทางธรรมนำทางเหมือนน้อง ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ทางโลกนำทางมากกว่า ถึงวุ่นวายกันซะขนาดนั้น ขออนุโมทนาบุญครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ดวยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐธิญาณ์ อนุรักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 14:36:07


ความคิดเห็นที่ 48 (1586177)

 

โอโฮ๋!  คุณแม่อาจารย์เจ้าขา

สั้น ๆ ชัดเจน ได้ใจความ

ขนลุกวาบ

รัวเต็มแม็ก

ลูกจะมีโอกาสไปกราบเท้าคุณพ่อ-แม่

อาจารย์อีกหรือไม่ก็ตาม ทุกวันขอทำความดี

ถวายที่เมตตาย้ำเตือนสติ กราบ กราบ กราบ 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 15:44:25


ความคิดเห็นที่ 49 (1586189)

บางท่านอาจจะได้เคยอ่านแล้วนะครับ ขออนุญาตลงซ้ำ ครับ

 

 

องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
แสงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด
 

เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ
9 พฤศจิกายน 2554


 

องค์ความรู้ ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในปลายปี

พ.ศ. 2555 นั้น มีรายละเอียดแทบทุกอย่างเหมือนกับความรู้ที่ปรากฏอยู่ในกระทู้ของคุณลุงคน

เชียงใหม่ ในเว็บพลังจิต (http://board.palungjit.com/บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึง

หลานๆ-เรื่องภัยพิบัติ-311084.html) ซึ่งให้ข้อมูลโดย “คุณวิกรม หลานของพระคุณลุง”

และหลายท่านคงพร้อมที่จะเชื่อ เพื่อรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัว ฉะนั้น หากมีความเชื่อ

แล้วควรเจาะลึกลงไปในหลายๆ รายละเอียด หาข้อมูล เหตุ และผล ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ

สลาย ของแต่ละเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ


องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้กล่าวถึงมหันตภัยโลกครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นใน

อนาคตอันใกล้นี้ว่า เป็นปรากฏการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ที่เกิดขึ้นเป็น

ธรรมดา เมื่อเวียนมาครบรอบ 13,000 ปี นั่นหมายความว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปประมาณ 13,000

ปี โลกเราจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกายภาพใหม่กันอีกครั้ง และเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ใช่เป็น

เหตุการณ์ประหลาด และจำเพาะจะต้องเกิดขึ้นในยุคนี้เท่านั้น มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นเปรียบ

เหมือนกับการรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุ รั่ว

เกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม การรื้อและสร้างใหม่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด



ผู้ที่จะก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในแต่ละครั้ง ต้องอาศัย “แสงสว่าง”

ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด


1. แสงแห่งธรรม หมายถึง การบรรลุธรรม บุคคลผู้สามารถเข้าถึงแสงสว่างของจิตได้แล้ว

บุคคลผู้นั้นย่อมพ้นทุกข์ ก้าวผ่านมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน


2. แสงสว่างที่ปลายทางรอด เป็นเทคนิคของการแสวงหาทางรอดของครู อาจารย์ ผู้รู้

แต่ละท่าน ที่จะช่วยเหลือลูกศิษย์ ด้วยการให้ปัญญา แนวทางเพื่อรักษาชีวิต และการอยู่รอด

ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันตามความชำนาญ ความเป็นเลิศ ของแต่ละองค์ แต่ละท่าน

สำหรับพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ท่านได้แนะนำการใช้ “พลังพีระมิด” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540

นับเป็นเวลาร่วม 15 ปีแล้วที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้บอกถึง “เหตุ” การเปลี่ยนแปลงของ

ระบบสุริยจักรวาลมาโดยตลอด และ “เหตุ” สุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดจากการเรียง

ตัวของดาวทุกดวงในสุริยจักรวาล รวมทั้งดาวอาคันตุกะ จากนอกระบบสุริยจักรวาล ซึ่งเดิน

ทางมาเยือนในทุกๆ รอบ 13,000 ปี




ดาวอาคันตุกะดวงนี้มีมวลขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าดาวพฤหัสหลายเท่าตัว เป็นดาวเคราะห์

สีแดงลักษณะกลมรี คล้ายลูกรักบี้ และในอนาคตจะโคจรเข้ามาเรียงตัวอยู่ติดกับโลกของเรา

เลยทีเดียว


ปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวงนี้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56

ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงาน แรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด

จนถึงขั้นสามารถทำให้แกนขั้วโลกจากทิศเหนือ-ใต้

 

พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทาง

ทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก


ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจนถึงขั้นเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ได้นั้น

ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 เพียงวันเดียว แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน

ระหว่างวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14ก.พ.56 (56วัน) กำหนดวันเกิดเหตุที่แน่นอน

พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จะติดตามและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่าง

ต่อเนื่อง

จึงจะสามารถ

ระบุวันเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง



แต่ในอนาคตเมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญคือ

หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่าตำแหน่งของดาวเหนือเปลี่ยน

ราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลงด้วย

ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนขั้วโลกต่างหากที่กำลังเปลี่ยนทิศ

ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วโลกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วจากเหนือ-ใต้

 

เป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก

สงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด


พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

ได้เผยแพร่ความรู้ของชาวแอตแลนตีสเกี่ยวกับการใช้พลัง

พีระมิด ด้วยจุดมุ่งหมายหลักที่สำคัญคือเป็นการเตรียมความพร้อม ให้มนุษย์รู้จักการปรับโครง

สร้างเซลล์ เนื่องจากทั้งในภาวะก่อนจะเกิดมหันตภัยอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งเป็นช่วงการเกิดวิกฤต

พลังงานจากพายุสุริยะ และ ช่วงเวลารับผลกระทบสูงสุดจากพลังงานย้อนกลับซึ่งเป็นพลังงาน

ลบจาก กาแลคซี่อันโดรเมดาในวันที่เปลี่ยนชะตาดาวเคราะห์โลก ที่เปลี่ยนขั้วโลกจากทิศเหนือ

ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก เข้าสู่ขั้วโลกตะวันออกภายใต้แรงดึงดูดของ

 

กาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นเวลาประมาณ 13,000 ปี


ในทั้งสองช่วงเวลาที่กล่าวมา มนุษย์จะได้รับพลังงานเสียเข้าสู่ร่างกายจากปริมาณน้อยไปหา

มากตามลำดับของ วิกฤตพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการย้อนกลับของพลังงานลบจาก

กาแลคซี่ อันโดรเมดาที่ส่งแรงปะทะอย่างมหาศาล พุ่งเข้าหาพลังงานบวกของดวงอาทิตย์

ทำให้จุดดับใน ดวงอาทิตย์เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง และ ทวีความถี่มากยิ่งขึ้นตามลำดับ

โลกเป็นแหล่งรับมวลสารพิษและพลังงานแม่เหล็กโลกที่มีค่าเป็นลบซึ่งเกิดจาก ปฏิกิริยาดวง

อาทิตย์ และส่งไปถึงดวงจันทร์ ตามลักษณะของแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวที่มีต่อกัน ในเส้น

ทางการย้อนกลับของแรงดึงดูดจากดวงจันทร์มายังโลกอีกครั้งเช่นนี้ โลกได้รับโมเลกุลสี

แดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ซึ่งมีมวลที่หนักกว่าน้ำใน โลก และโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่า

นี้จะแทรกซึมลงในทุกส่วนของโลกที่มีน้ำเป็นองค์ ประกอบ เช่น ถ้ารวมตัวกับเมฆฝน

จะทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแถบชายทะเล จนทำให้ฤดูกาลเปลี่ยน

 

คือมีแต่ฤดูฝน ไม่มีฤดูหนาว ถ้าฝังตัวลงในน้ำ จะสามารถ ยก ดัน น้ำให้สูงขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำ

ให้พื้นที่ริมชายทะเลมีน้ำท่วมสูง ซึ่งการท่วมสูงเช่นนี้มิได้เกิดจากการหนุนของน้ำทะเล

หากโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้แทรกซึมเข้าสู่เซลล์ที่ประกอบด้วย น้ำ เลือด และน้ำเหลือง

ทำให้มนุษย์มีปัญหาด้านสุขภาพ เป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยที่รักษาได้ยากยิ่งขึ้น

 

เริ่มจากอาการปวด เมื่อย ถ้าไปถึงสมองจะมีอาการมึนงง หากปริมาณโมเลกุลของน้ำเพิ่มมาก

ขึ้น จะมีอาการท้องเสีย ท้องเดิน เรื้อรัง รักษาไม่หายขาด และในที่สุดเซลล์จะเน่า

เป็นการเน่าจากภายในเนื้อเยื่อก่อนและเน่าลามออกมาที่ผิวหนังออกสีแดงอมม่วง

(องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ แนะนำการใช้หลอดแกนพีระมิด ชนิดเจาะ 4 รู

 

เพื่อดึงพลังปราณช่วยดันและละลายโมเลกุลน้ำสีแดงอมม่วงจากดวงจันทร์ออกจากร่างกาย)

ยิ่ง ไปกว่านั้น หากโครงสร้างเซลล์ มืด ดำ คล้ำ ร่างกาย จะดูดซับสารพิษจากพลังงานเสียได้

มากและรวดเร็วกว่า ทำให้เสียชีวิตได้เร็วเกินคาด สำหรับบุคคลที่เคยฝึกจิตเรียนรู้หลักธรรมของ

ศาสนา (ทาน ศีล สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน) และรู้หลักการใช้พลังพีระมิดจะได้รับผล

พลอยได้อย่างยิ่งยวด คือ ได้ทำความสะอาด ฟอก และซ่อมแซมเซลล์อยู่เป็นประจำ

กระทั่งกลายเป็นเซลล์ใส จึงดูดซับสารพิษได้น้อย และยังสามารถพื้นฟูเซลล์ ดันสารพิษเหล่า

นั้น ออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว จึงยังคงรักษาชีวิตให้รอดอยู่ได้ และในครานี้มนุษย์บางคน

บางกลุ่ม จะรู้ซึ้งถึงอานิสงส์ของแสงสว่างแห่งธรรม สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าถึง “ธรรม” คงต้อง

 

อาศัยแสงสว่างจากพลังมโนธาตุในพีระมิดของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ช่วยให้พลังดุจดัง

เกราะกำบังประคองจิตให้เป็นปกติ ไม่เสียสติไปกับความโหดร้ายรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิด

ขึ้นในเวลาเดียวกัน หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนแต่ไม่เคยเจอมาก่อน

 

เช่น แผ่น ดินไหวอย่างรุนแรง เสียงแผดร้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งของฟ้า ลมพายุ แผ่นน้ำ

แข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ หล่นจากฟากฟ้า และในท้ายที่สุดคือ

การเกิดน้ำท่วมใหญ่กวาดล้างสรรพสิ่งโสโครก ปฏิกูล ผลพวงจากโลกใบเก่าทิ้งไปกับน้ำ

ถึงจุดสิ้นสุดวิวัฒนาการที่เกิดจากน้ำมัน หรือฟอสซิลดำ



มนุษย์จะมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่มีการใช้อุปกรณ์ใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย “ไฟฟ้า”

 

อาศัยอยู่ในบ้าน

หลังใหม่ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานดี จิตใจโอบอ้อมอารี แบ่งปันกันใช้

เงินตราหมดค่า และเริ่มมีวิวัฒนาการใหม่ไปตามลำดับ โดยเน้นเรื่องของ “จิต” เป็นหลัก

 

กล่าวได้ว่าเป็นอีกยุคสมัยหนึ่งที่การฝึกปฏิบัติธรรมจะกลับมาเฟื่องฟู มนุษย์จะได้ศึกษา

ปฏิบัติตามแก่นธรรมที่แท้จริงของพระพุทธองค์ เนื่องจากมีความเหมาะสมหลายๆอย่างเป็นองค์

ประกอบ เช่น พลังงานปราณ พลังมโนธาตุ สมบูรณ์ เหลือแต่ผู้มีศีลธรรม ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหา

ทรัพย์ อากาศเย็นสบาย เพราะขั้วโลกเปลี่ยนทิศ ประเทศไทยจึงอยู่ในเขตอบอุ่นไม่ใช่เขตร้อน

ดังแต่ก่อน ฯลฯ



วิธีป้องกันและแก้ไข


มนุษย์มีหลายทางเลือกเพื่อรักษาชีวิต องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เสนออีก

หนึ่งทางเลือก เพื่อถนอมรักษาชีวิตที่มีค่าไว้ด้วยวิธีปฏิบัติตัวตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน

 

วาระแห่งการปรับโครงสร้างของโลก และสุริยจักรวาล ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุ 2 ประการ

คือ การทำหน้าที่ของ ดาวถ่วงดุล และ การเรียงตัวของดาวทั้ง 12 ดวง ผนึกพลังงานบวกอัด

แน่นเข้าด้วยกัน เมื่อพลังงานรวมตัวจนถึงอัตราสูงสุด จะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง พุ่งออกจาก

กาแลคซี่ทางช้างเผือก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงเข้าหาพลังงานลบของกาแลคซี่อัน

โดรเมดา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกหลายพันเท่า

 

การ พุ่งปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ และการพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลในครั้ง

นี้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ของ แสง เสียง การสั่นไหว และน้ำในโลก ดังรายละเอียดต่อไปนี้


1. ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสง

มหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการ

ปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์

ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่ม

คนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้วให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พัก

อาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพทำให้ตาบอด

ได้ทันที



2. ถัดมาในตอนกลางคืนเวลาประมาณสามทุ่ม ( 21.00น. ) ถึงวาระที่ดาวอาคันตุกะหรือดาว

ถ่วงดุลจะได้ทำหน้าที่ถ่วงดุลโดยมิได้ตั้งใจ หากแต่เป็นเพราะ ถึงเวลาต้องโคจรออกจากระบบ

สุริยจักรวาลแล้ว ดาวถ่วงดุลจึงโคจรเคลื่อนที่ออกจากแนวเรียงตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

เข้าสู่วงโคจรเดิม คือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้วยมวลขนาดมหึมาและเข้ามาเรียงชิดติดกับ

โลกซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด เล็กกว่ามาก จึงส่งอิทธิพลแรงดึงดูดอย่างมหาศาลต่อโลก

สามารถ ดึง เบียด และ พลิกแกนขั้วโลกที่ชี้ทิศเหนือ ให้หันไปทางทิศตะวันออกได้ทันที

กระบวนการ ดีดตัว พลิกตัว ของดาวถ่วงดุล และการพลิกเปลี่ยนทิศของแกนขั้วโลก ทำให้เกิด

เสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัด เสียงคำราม แผดก้อง

เขย่าขวัญ เกินประมาณดังมาจากทั่วสารทิศ

 

ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์

สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง

แปลกประหลาดที่

บาดหู บาดใจ เหล่านั้น



3. การปะทะกันของพลังงานบวกกับพลังงานลบ ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง

การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลและแกนโลก ทำให้มีอัตราความดังของเสียงอย่างไม่มีประมาณ

พุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้น บรรยากาศ แผ่นดิน ผืนน้ำ แผ่นหินเปลือกโลก

เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง โลกตกอยู่ในความมืดสนิทอย่างไม่รู้วันรู้เวลา

ถึงนาทีชีวิตที่ต้องพึ่งพลังพีระมิดจากหลอดแกนชนิดเจาะ 4 รู ซึ่งนอกจากช่วยขับโมเลกุลสี

แดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ออกจากร่างกายแล้ว ในวาระนี้ยังทำหน้าที่เป็นแกนพลังงานให้

จิตเกาะเกี่ยว ไม่เสียสติไปในช่วงที่มีแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเกินมาตรวัด



4. ถึงเวลาของคลื่นความถี่สูง ที่เกิดจากการปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ

รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอน

นอกไซด์ ซึ่งสามารถแก้ไขและป้องกันโดยใช้พลังพีระมิดจัดเรียงเป็น เครื่องสลาย เมฆ หมอก

ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.)

ใช้ประโยชน์ได้ไกลในรัศมีโดยรอบประมาณ 5 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝนตก ฟ้าผ่า และการ

หล่นจากท้องฟ้าของแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ กระแทกกระหน่ำซ้ำเติม

ทำให้การเผชิญสถานการณ์ของมวลมนุษยชาติเลวร้ายยิ่งขึ้นอีก



5. เตรียมอาหารเสริมพลังพีระมิด รัดเก็บติดไว้กับตัวเพื่อประทังชีวิตยามรู้สึกหิว

ทานอย่างน้อยวันละ 3 เวลา ตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน และดื่มน้ำให้มาก

 

ลังมโนธาตุและพลังปราณในอาหารเสริมพลังพีระมิดเป็นพลังงานละเอียดที่จำเป็น

 

ต่อการดำรงอยู่ของจิตและกาย ในภาวะคับขันเป็นอย่างยิ่ง


หากเตรียมตัวพร้อมและปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้

 

มีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้งกับขั้วโลกตะวันออก


ตลอดระยะเวลาประมาณ 13,000 ปี ในอนาคตข้างหน้า “พีระมิด” ซึ่งมีรากฐานมาจากอารยธรรม

ของชาวแอตแลนตีส จะถูกนำมาใช้เป็นวิชาหรือศาสตร์พื้นฐานที่สำคัญของวิวัฒนาการทางจิต

หรือวิทยาศาสตร์ทางจิตอีกครั้ง และหากเมื่อถึงปลายยุคหน้า เมื่อวิทยาศาสตร์ทางจิตเริ่มก้าวสู่

จุดอิ่มตัวและจุดเสื่อม เหตุการณ์การเรียงตัวของกลุ่มดาวในระบบสุริยจักรวาลจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

และแกนขั้วโลกตะวันออกจะหันหลับไปหาขั้วโลกทางทิศเหนือ เป็นการรื้อบ้านหลังเก่าที่ผุพัง

ทิ้งและสร้างบ้านหลังใหม่กันอีก สลับไปมาเช่นนี้เป็นรอบๆ ดังความรู้ที่ปรากฏเป็นหลักฐานใน

ปฏิทินมายัน ซึ่งเป็นปฏิทินทางดาราศาสตร์ ที่บอกเล่ารายละเอียดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิด

ขึ้นในช่วงเวลาที่ระบบสุริย จักรวาลโคจรเคลื่อนที่ผ่านทั้ง 3 กาแลคซี่ในรอบเวลา 1 วันจักรวาล

หรือ 26,000 ปี ตามเวลาของโลก



มนุษย์ในยุคพลังงานน้ำมันนี้ มีโอกาสดีที่ได้ร่วมรับรู้ และมีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกิน

กว่าจะเรียบเรียงได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าแก่การจดจำ จารึก และจะกล่าวขานเป็นตำนาน

อีกครั้ง ตามกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน เฉกเช่นเดียวกับตำนานของมหาอาณาจักรแอตแลนตีส

ที่ล่มสลายไปเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา และทุกท่านคงจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า

 

 “สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ตามกาละของการเกิดขึ้น

 

ตั้งอยู่ และ สลาย” วนไปมาเป็นรอบๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 17:30:00


ความคิดเห็นที่ 50 (1586190)

 

องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
อิทธิพลของกระแสน้ำในดวงจันทร์ที่ส่งผลกระทบต่อ “น้ำ” ในโลก
เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ
9 พฤศจิกายน 2554


ความ สัมพันธ์ต่อเนื่องจากการเกิดวิกฤตพลังงานแรงดึงดูดในกาแลคซี่ทางช้างเผือก จนเป็นสาเหตุทำให้สุริยจักรวาลทั้งระบบ ถูกดันจนไปติดขอบกาแลคซี่ใหญ่ หรือกาแลคซี่อันโดรเมดาทางทิศตะวันออก จนแทบจะเรียกได้ว่า “หมดสภาพ” เหลือ แรงรับ และแรงเหวี่ยง อย่างเบาบาง มิหนำซ้ำ การย้อนกลับของพลังงานลบจากกาแลคซี่อันโดรเมดา ที่ส่งแรงปะทะอย่างรุนแรง เข้าหาพลังงานบวกของดวงอาทิตย์ ทำให้การระเบิดของดวงอาทิตย์ทวีความรุนแรงและเพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้นตาม ลำดับ และมวลสารพิษจากการระเบิดของจุดดับเหล่านั้นได้ส่งต่อมายังโลก และดวงจันทร์ ตามลักษณะของแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวที่มีต่อกัน

ในเส้นทางการย้อนกลับของแรงดึงดูดจากดวงจันทร์มายังโลกอีกครั้งเช่นนี้ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ให้ความรู้ไว้เมื่อประมาณต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ว่า จะส่งผลกับการเพิ่มปริมาณ “น้ำ” ในโลกเราอย่างมหาศาล เนื่องจาก กระแสน้ำในอากาศของดวงจันทร์จะมีโมเลกุลของน้ำที่หนักกว่าน้ำในโลก เมื่อไหลย้อนกลับมายังโลก และแทรกซึมอยู่ทั่วทุกส่วนของโลกที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ เช่น แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร และแม้แต่น้ำในร่างกายมนุษย์

หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าหรือจุดที่มีแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์จะเห็นเป็นกลุ่มมวลสีแดงอมม่วง ปรากฏอยู่มากมาย กลุ่มมวลโมเลกุลเหล่านี้คือ โมเลกุลของน้ำจากดวงจันทร์ ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับน้ำในโลกของเราได้หลายกรณี เช่น

1. ถ้ารวมตัวกับเมฆฝน จะทำให้มีฝนตกหนัก และ ตกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแถบชายทะเล จนทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง คือมีแต่ฤดูฝน ไม่มีฤดูหนาว

2. ถ้าฝังตัวลงในน้ำ จะสามารถ ยก ดัน น้ำให้สูงขึ้นได้ จึงเป็นสาเหตุทำให้พื้นที่ริมชายทะเลมีน้ำท่วมสูง ซึ่งการท่วมสูงเช่นนี้มิได้เกิดจากการหนุนของน้ำทะเล

3. หากอุณหภูมิของน้ำข้างล่างและผิวน้ำต่างกันมาก จะเป็นปัจจัยเสริม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ยก ดัน และเหวี่ยงน้ำเข้าหาแผ่นดินในลักษณะพายุหมุน เช่น พายุงวงช้าง ทอร์นาโด ฯลฯ


4. เมื่อแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ในร่างกายที่ประกอบด้วย น้ำ เลือด และน้ำเหลือง จะเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยที่รักษาได้ยากยิ่งขึ้น เริ่มจากอาการปวด เมื่อย ถ้าไปถึงสมองจะมีอาการมึนงง หากปริมาณโมเลกุลของน้ำเพิ่มมากขึ้น จะมีอาการท้องเสีย ท้องเดิน เรื้อรัง รักษาไม่หายขาด และในที่สุด ผิวหนังจะเปื่อย เน่า ออกสีแดงอมม่วง กลายเป็นโรคผิวหนังที่แพร่ระบาดและอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากการถูกน้ำท่วมขังแต่อย่างใด




วิธีแก้ไข
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เตือนผ่านทางกระทู้ในเว็บพลังจิตตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554 แล้วว่า จะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ อย่างหนักและนาน ตามกฎแห่งกรรม เกินการต้านทานหรือแก้ไขได้ แต่ยังพอมีแนวทางป้องกันและผ่อนปรน การเกิดฝนตกและน้ำทะเลยกตัวสูง ได้บ้าง

เมื่อประมาณปลายเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้มอบพลังพีระมิด ชนิดเจาะ 4 รู แก่ ดร. ก้องภพ อยู่เย็น เพื่อนำไปทดลองใช้ละลายหิมะ เมฆ หมอก ที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการทดลองใช้ได้ผลดีมากทั้งสองครั้ง ในช่วงฤดูหนาว สามารถช่วยละลายหิมะได้อย่างรวดเร็ว และช่วยป้องกันการเกิดหิมะตามการคาดการณ์ของการพยากรณ์อากาศ แต่การทดลองต้องหยุดไปชั่วคราว เพราะหมดฤดูหนาว



เครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.) ชนิดนี้ ประกอบด้วย ก้อนพีระมิด ขนาด 7 นิ้ว เจาะ 4 รู จำนวน 7 ก้อน จัดวางเรียงตัวต่อกันในแนวตั้งเป็นแท่งสูง มีสายยางพันโอบล้อมแท่งพีระมิดตามเข็มนาฬิกา ใช้มอเตอร์หรือพลังน้ำ เป็นอุปกรณ์เสริม เพื่อดึงน้ำจากตัวถังให้ไหลผ่านแท่งพีระมิดตลอดเวลาการใช้งาน ซึ่งมีรัศมีแผ่กว้างออกไปโดยรอบถึง 5 ก.ม. (นอกจากเครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ แล้ว ยังสามารถจัดวางแท่งพีระมิดเพื่อทำให้เกิดฝน หรือเปลี่ยนทิศทางลม หรือประโยชน์อื่นๆ ตามความจำเป็นได้อีกด้วย)

หากมีการจัดตั้ง เครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.)

ในเขตน้ำท่วม หรือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่โอบล้อมไปด้วยน้ำ และทะเล เมื่อพลังพีระมิดทำงาน จะสามารถสร้างพลังงานความร้อนที่เกิดจากพลังปราณ ซึ่งเป็นพลังงานที่ละเอียด แพร่กระจายออกไปและสลายโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ที่ปกคลุมอยู่ เต็มชั้นบรรยากาศ จะช่วยให้เกิดประโยชน์ 2 อย่างคือ
1. ลดปริมาณการมีฝน
2. ลดการยกตัวสูงของน้ำทะเล


สำหรับความเจ็บป่วยและการเน่าเปื่อยของผิวหนัง ที่มีสาเหตุมาจากการฝังตัวของโมเลกุลน้ำสีแดงอมม่วงจากดวงจันทร์นั้น สามารถป้องกันและแก้ไขได้ ด้วยการมีหลอดแกนพีระมิดขนาดจิ๋ว จำนวน 9 ก้อน ชนิด เจาะ 4 รู แนบติดกับเนื้อ เพราะต้องใช้ น้ำ เลือด และน้ำเหลืองในร่างกาย ช่วยให้หลอดพีระมิดทำงาน เพื่อดึงพลังปราณกระจายแทรกสู่เซลล์ ช่วยดันโมเลกุลสีแดงอมม่วงออกจากร่างกาย
ถึงแม้เราไม่สามารถแก้ไขการเกิดน้ำท่วมหนักได้ แต่ยังสามารถใช้ปัญญา ช่วยลดทอนการซ้ำเติมของ “น้ำ” ลงได้ ทำให้ถึงพร้อมทั้งประโยชน์ส่วนรวม และส่วนตนอย่างมี “ธรรม”

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 17:30:26


ความคิดเห็นที่ 51 (1586192)

อนุโมทนากับคุณทษวรรษ ด้วยนะคะ

ที่นำองค์ความรู้จากพระอาจารย์รัตน์

มาฝากทุกๆคน ชนิดา ก็คิดอยู่ว่า

จะอ่านและเขียนเป็นข้อสรุปมาโพสต์

หรือจะก็อปมาทั้งหมดดี

และแล้วก็มีพระเอก...มาจัดการให้เรียบร้อย

.........................................................

แล้วก็อนุโมทนากับหนูไอซ์

อีกครั้งกับทุกๆอย่างที่น้องทำ

และ มุมมองที่สะท้อนความเป็น

อาจารย์อุบลที่ชัดเจนในทุกๆมุม

 

เพราะจะว่าไปแล้ว คนส่วนใหญ่

ไม่ค่อยเห็นคุณค่าของสิ่งของ

หรือ คนรอบๆตัวเลย ชนิดาก็เคยเป็น

และในบางครั้งก็ยังเป็นอยู่

เพราะมันเป็นนิสัยถาวรที่ติดตัวมา

 

แต่ชีวิตที่โปแลนด์และคนที่นี่

ทำให้ชนิดา"ปรับและเปลี่ยน"

ในสิ่งที่ตัวเองเคยเป็น ได้เยอะเลย

เช่น เห็นคุณค่าของกระดาษมากขึ้น

แม้กระทั่งอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ

เพราะคุณพ่อคุณแม่สามี เค้าจะใช้

กระดาษอย่างคุ้มค่ามาก ถ้ายังมีพื้นที่ว่าง

ให้เขียนหรือพิมพ์ได้ เค้าก็จะใช้จนไม่มี

ถึงจะนำไปรีไซเคิ่ล และอะไรอีกหลายๆอย่าง

อย่างจักรยานของคุณพ่อสามีนะ

เป็นจักรยานคันแรกในชีวิต ก็น่าจะเกือบสี่สิบปีแล้ว

ตอนนี้ตกทอดมาถึงคุณสามีชนิดา

แต่เชื่อไหม๊ว่า ยังอยู่ในสภาพดี สวย

และทนมากๆ เคยดูรายการทีวีของไทย

เห็นรถรุ่นเดียวกันนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์

จักรยานของไทยด้วย ...เท่ห์ซะไม่มี อิอิ

 

อาจารย์อุบลท่านก็มีวิธีการสอน

ที่ทำให้พวกเราสังเกตและนำไปปฏิบัติต่ิอได้

แบบเป็นธรรมชาติเช่นนี้แล...

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 18:05:10


ความคิดเห็นที่ 52 (1586205)

ขอบคุณคะคุณทศวรรษ

อ่านแล้วเครียดจังเลย แต่ก็ยังอยากรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก

เผอิญได้กลับไปอ่านบทความที่คุณธนาเอามาลงเรื่อง ธรรมะจากพระนิพพาน เหมือนเจอเข็มทิศชีวิตเลยหละ ค่อยสบายใจหน่อยเหมือนท่านจะช่วยชี้แนะว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรในเรื่องที่กำลัง hot-hit นี้

พระศาสดากล่าวว่า ให้เร่งปฏิบัติตัวให้อยู่ในศีลในธรรม มากกว่าจะมัวมานั่งวิตกกังวลเพราะ " ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม"

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 19:57:10


ความคิดเห็นที่ 53 (1586208)

ขอกราบขอบพระคุณ ท่านอาจารย์อุบลและ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆ พระองค์ ที่ได้เมตตา ย้ำเตือนในเรื่อง ของภัยพิบัติ ให้พวกเราเตรียมตัว เตรียมใจ

ขออนุโมทนา กับ เจ้าของบทความ และพี่ธนา ที่นำมาเผยแพร่ ครับ

ขออนุโมทนากับ พี่ไอซ์ ด้วยนะครับ ที่คำอฐิษฐาน สัมฤทธิ์ผล

อนุโมทนากับ คุณทศวรรษ และ ทุกท่านด้วยครับ 

และขออนุญาติ นำไป เผยแพร่ด้วยครับ

  

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 20:21:04


ความคิดเห็นที่ 54 (1586218)

จากที่ ความเห็นที่ 52


ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ใครเครียด นะครับ  บังเอิญ ได้อ่านองค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์

เลย นำมาสนับสนุนเป็นหลักวิทยาศาสตร์จากที่พี่ ธนาโพสมาครับ


อ่านธรรมะจากนิพพาน  ก็ดีนะครับ  สมเด็จท่าน อธิบายง่ายดี  พี่ฝน  

พี่เค้า ถูกเลือกให้ลงมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยเฉพาะ ครับ ( จากที่อ่านประวัติมา)

แต่พี่เค้าก็ไม่คิดว่าตัวเอง วิเศษอะไร เป็นคนธรรมดา 


หรือ จะอ่านธรรมะเพื่อความหลุดพ้น  เรียบเรียงโดย

คุณหมอ พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน ก็ได้ นะครับ

 ( สมเด็จองค์ปฐม ท่านให้คุณหมอ มาทำหน้าที่นี้ เช่นกัน ครับ)  http://tangnipparn.com/


( อ่านแล้ว เพื่อความพ้นทุกข์ จริงๆ)  ^ ^

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 20:49:33


ความคิดเห็นที่ 55 (1586234)

 ขอบคุณพี่ธนาค่ะ ที่นำเรื่องเตือนภัยมาบอกพวกเรา

อ่านแล้วก็ปลงได้ดีมากๆ ค่ะ

อยากไปจากกรุงเทพฯ ซะเดี๋ยวนี้ นาทีนี้

อ่านเรื่องของไอซ์แล้วดีใจมากๆ

ที่ลูกบ้านสวน ได้นำสิ่งที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน

บอกกล่าว แล้วนำมาปฏิบัติตาม

รู้สึกมีความสุขใจไปด้วยแบบบอกไ่ม่ถูกเลย

เหมือนเราได้เริ่มกรุยทางเืพื่อกลับบ้านนิพพาน

อย่างไงอย่างงั้น

(ตุ้ยขอตามไปด้วยนะ)


ตัวเองก็คิดอยู่ตลอดค่ะว่าต้องออกจากกทม.

และตั้งใจจะลาออกจากงานเหมือนกัน

แต่เราก็ต้องดูเงินสำรองเอาไว้ด้วย

และที่ที่ตั้งใจไว้ก็คือ นครนายก

หากยังมีบุญวาสนาก็ขอให้ไ้ด้ดังตั้งใจด้วยเถิด สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-29 21:26:45


ความคิดเห็นที่ 56 (1586387)

ขอใช้พื้นที่นี้ ประชาสัมพันธ์งาน

วิทยาศาสตร์ทางจิต ด้วยนะคะ

เพราะงานนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจ

มากมายเลยทีเดียว โดยเฉพาะ

ในวันที่ 10ธันวาคม เวลา 14.00-16.00 น.

มี ศ.ดร.นพ. เทพพนม เมืองแมน

มาร่วมเสวนา เรื่อง เตือนภัยจากต่างดาว:

พร้อมรับวิกฤติโลก 2 ด้วย

 

 

ขอเชิญร่วมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ(พลังจิต VS ภัยพิบัติโลก)9-12 ธ.ค.54


 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-30 18:48:28


ความคิดเห็นที่ 57 (1586391)

คุณชนิดาคะ

มีรายละเอียดไหมคะ

คุณหมอเทพนม เสวนา วันไหน

เวลาเท่าไหร่คะ

 

ปีก่อนนี้

ก็ไปกับท่านค่ะ

 

งานนี้ ทุกครั้ง

อ.ฉาดฉาน บุนนาค

จะมาตรวจ

ออร่า

ทุกครั้งเช่นกันค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-30 19:32:11


ความคิดเห็นที่ 58 (1586451)
ตารางบรรยาย 9-12 ธันวาคม 2554

วันที่ 9 ธันวาคม 2554


__________________

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-01 06:11:39


ความคิดเห็นที่ 59 (1586452)
วันที่ 10 ธันวาคม 2554

__________________

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-01 06:14:36


ความคิดเห็นที่ 60 (1586453)

 

วันที่ 11 ธันวาคม 2554

__________________



ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-01 06:16:32


ความคิดเห็นที่ 61 (1586454)

 

วันที่ 12 ธันวาคม 2554

__________________



ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-01 06:17:36


ความคิดเห็นที่ 62 (1586455)

จริงๆต้องบอกว่า น่าสนใจแทบจะ

ทุกรายการเลยค่ะอาจารย์

แต่ชนิดาก็ไม่เคยได้ไปซักปีเล๊ย

 

ขอสรุป ประเด็นสำคัญๆ ดังนี้ค่ะ

วันที่ 10 ธันวาคม เวลา 14.00 -16.00

ศ.ดร.นพ. เทพพนม เมืองแมน ที่เวทีบรรยาย 1ค่ะ

 

วันที่  11 ธันวาคม  เวลา14.00-16.00

ดร.ฉาดฉาน บุนนาค เสวนา

เรื่อง สบาย สบาย สไตล์ ฉาดฉาน

 

วันที่ 12 ธันวาคม เวลา 11.00-12.00

ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

เสวนา เรื่องการเปลี่ยนไป

ของสภาพอากาศกับคุณภาพชีวิต

 

 

ลูกบ้านสวนฯที่อยู่แถวๆนั้น

ก็แวะไปงาน แล้วมาเหลาสู่กันฟังบ้างนะค๊า

 

อนุโมทนาล่วงหน้าเลยค่ะ เพราะดูท่าแล้ว

น่าจะมีคนไปถามเรื่อง ภัยพิบัติ เยอะทีเดียว

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-01 06:29:06


ความคิดเห็นที่ 63 (1586491)

 ขออนุโมทนาบุญกับคุณธนา และทุกท่านที่ได้นำมาเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ และขออนุญาตคัดลอกเพื่่อนำไปเผยแพร่ต่อไป  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน (pouging1-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-01 10:37:22


ความคิดเห็นที่ 64 (1586545)

ขอโมทนาบุญกับคุณธนา คุณไอซ์ และทุกๆท่านนะคะ

ขออนุญาตท่านอ.อุบลนำคำเตือนให้น้องๆของลูกได้อ่านด้วยนะคะ

กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฐิติมา พฤกษ์อำนวย (pranaijai-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-01 16:54:14


ความคิดเห็นที่ 65 (1586581)

อนุโมทนากับเรื่องเล่าของคุณธนา คุณชนิดา ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ถนอมขวัญ ขวัญชื่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-01 21:28:02


ความคิดเห็นที่ 66 (1586852)

ขออนุโมทนากับธรรมทานของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธัญภา ศรีมงคลภัทร (sita195-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-04 01:03:29


ความคิดเห็นที่ 67 (1586890)

กราบอนุโมทนา

อ.แม่อุบล ค่ะ ที่คอยเตือน

ลูกหลานบ้านสวนตลอดมา สาธุ สาธุ สาธุ

ขออนุโมทนากับคุณวิกรม คุณลุงหมอ และพี่ธนา

ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ อ่านแล้วก็ต้องปลง

และเตรียมตัว เตรียมใจ สู้กับสิ่งที่

จะเกิดขึ้น ขอบคุณพี่ชนิดา

ด้วยค่ะ ที่บอกงานดีๆ

แบบนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-04 13:57:38


ความคิดเห็นที่ 68 (1586916)

เหตุผลและบทสรุป

กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า

 

สรุปเนื้อหาในกระทู้ 2012

-ปีทองของยุคพลังงานใหม่

-ยุคศิวิไลซ์แห่งการเลื่อนระดับ

ขึ้นไปสู่มิติที่ 5 โดยคุณชยุต

1). ตอนนี้โลกเรา ตัวเรา

และระบบสุริยจักรวาลของเรา

กำลัง Ascension อยู่ ปี 2012

จะมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดขึ้นมากๆ

ทำไมถึงเชื่ออย่างนั้น

- เพราะเขามีหลักฐาน

ทางดาราศาสตร์ชี้บ่งอยู่

อย่างที่ได้กล่าวไปบ้างแล้ว


- เพราะระดับพลังงานที่เปลี่ยนไป

มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจวัดได้

2). การ Ascension นี้จะทำให้

วิวัฒนาการของมนุษย์เรา

และสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆทั้งหมด

มีร่างกาย และ ระดับจิตสำนึกที่ดีขึ้น

ในส่วนของร่างกายเนื้อ

DNA ก็จะเปลี่ยนแปลง

ไปในทางที่ดีขึ้น อายุยืนขึ้น

แข็งแรงขึ้น แก่ช้าลง เฉลียวฉลาดขึ้น

ใน ส่วนของจิตใจ และจิตสำนึก

ก็จะเป็นคนดีขึ้น รักสันติ

เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน

เมตตากรุณาต่อกันมากขึ้น

มีความสามารถทางจิตมากขึ้น

สิ่งที่เคยถูกกำจัดไว้

ก็จะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม

เช่น การโทรจิต เป็นต้น

สภาพแวดล้อมต่างๆของโลก

ก็จะกลับมาสู่สภาวะที่ดีดังเดิม

ทำไมถึงเชื่อเช่นนั้น

- เขามีรายงานการตรวจสอบ

IQ ของมนุษย์ยุคนี้

เปรียบเทียบให้เห็นถึงความเร่ง

ของวิวัฒนาการทางสติปัญญา


- เขามีอัตราการเจริญเติบโต

ด้านเทคโนโลยี และอื่นๆ

เปรียบเทียบกับหลาย 100 ปี

ที่ผ่านมาเทียบให้ดู


- รูปธรรมชีวิตต่างมิติที่สื่อสาร

ผ่านทางโทรจิตมาหาคนทั่วโลก

บอกมาแบบนั้น

3). หลักฐานของสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้

ยิ่งกว่ามีซะอีกครับ

เพราะมันมีเยอะเหลือเกิน

และโยงใยไปถึงศาสตร์

เกือบทุกแขนงเลยทีเดียว เช่น

3.1). มนุษย์ต่างดาวมีจริงไหม๊

จะมาช่วยโลก และช่วยเรา

ในการ Ascension ครั้งนี้ไหม๊

อันนี้ผมก็ได้นำเสนอไปบ้างแล้ว

และเดี๋ยวอีกไม่นานผมก็

จะตั้งกระทู้อีกกระทู้หนึ่ง

เรื่องการจะประกาศ

เปิดเผยตัวตนของมนุษย์ต่างดาว

ทางโทรทัศน์ของอเมริกา

ซึ่งประธานาธิปดี โอบาม่า

อาจจะเป็นผู้ประกาศเองด้วยครับ

 

กำหนดการของเขา

เขายังไม่เปิดเผยวันเวลา

ให้สาธารณชนรู้ แต่เห็นบอกว่า

ความยาวของรายการออกอากาศ

น่าจะประมาณ 2 ชั่วโมง

โดยมีมนุษย์ต่างดาวตัวจริง

มาร่วมรายการด้วยหลายคน

crop cycle และปรากฏการณ์ทั้งหลาย

บนท้องฟ้า และ UFO ต่างๆทั่วโลก

ที่พบเจอกันมานานนับร้อยปีแล้วนี้ก็ด้วย

ถ้าเป็นคนที่ไม่โง่งมงาย

หรือ หูตามืดบอดมากจนเกินไป

ก็น่าจะพอระแคะระคาย

อะไรได้บ้างแล้วหละนะผมว่า

3.2). ทำไมถึงบอกว่าเรากำลัง

อยู่ในระหว่าง Ascension

คำตอบคือเพราะ

ระบบสุริยจักรวาลของเรา

กำลังเคลื่อนตัว

เข้าไปสู่ Photon zone

ซึ่งเป็นโซนของพลังงาน

ด้านบวกระดับสูงอยู่จริง

3.3). แล้วทำไมถึงคิดว่าพลังงานนี้

ถึงจะส่งผลกระทบต่างๆ

ต่อวิวัฒนาการของเรา

ในทางที่ดีขึ้นจริงๆ

อันนี้ก็เพราะว่ามีผลงานวิจัยมากมาย

และรู้กันแพร่หลายมานานแล้ว

เกี่ยวกับ "รังสี" ที่มีผลต่อ

การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม

ของสิ่งมีชีวิตจริง

และก็มีผลการทดลองเกี่ยวกับ

คลื่นความสั่นสะเทือนที่ไม่ใช่รังสี

ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง

ทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตจริง

เช่น

- การทดลองส่งคลื่นเข้าไปในไข่เป็ด

แล้วนำไปฟักเป็นตัว

ลูกเป็ดประมาณ 20% เปลี่ยนไป

- การทดลองส่งคลื่นไปสู่

ไข่กบหรือไงนี่แหละ

แต่สรุปว่าเป็นของกบแน่ๆ

แล้วทำให้กบกลายเป็นซาลาแมนเด้อได้

- การทดลองส่งคลื่น

ความสั่นสะเทือนไปในกะบะทราย

ทำให้ทรายฟอร์มรูปร่าง

ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระดับ

ความถี่ที่ส่งเข้าไป

 

คือยิ่งความถี่สูง รูปแบบของรูปทรง

ก็ยิ่งซับซ้อนและสวยงามมากขึ้น

อันนี้ค้นหาคำว่า Cymatic

ใน internet นะครับ

3.4). ทำไมถึงคิดว่าคลื่น

หรือความสั่นสะเทือน

ที่มีผลกระทบต่อ DNA แล้ว

จะมาทำให้เรามีจิตสำนึกที่ดีขึ้นด้วย

คำตอบสั้นๆ

คือเพราะ DNA ควบคุมร่างกาย

และ DNA เป็นช่องทาง

ผ่านเข้า-ออก

ของพลังงานจากจักรวาลด้วย

 

ถ้าถามต่อว่า ทำไมถึงเชื่อว่า

DNA เป็นช่องทางผ่านเข้า-ออก

ของพลังงานจากจักรวาล

ก็จะตอบว่า เพราะ DNA

มีคุณสมบัติของความเป็นควอนตั้ม

อยู่ในตัวเอง และ 97% ของ DNA

ที่ปัจจุบันนี้

วงการวิทยาศาสตร์บอกว่า

มันเป็น DNA ขยะ คือไม่ได้

ถูกนำมาใช้งานอะไรนั้น

ที่แท้คือ มันทำหน้าที่

เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อยู่

และเขาก็มีการทดลอง

เอา DNA ใส่หลอดทดลอง

แล้ว ปล่อยโฟตอนเข้าไป

พบว่าโฟตอนจะไปเกาะอยู่รอบๆ DNA

 

และแม้แต่เอา DNA ออกไปแล้ว

อนุภาคโฟตอนพวกนั้น

ก็ยังทำท่าเกาะอยู่

เหมือนเดิมอย่างนั้นแหละ

เหมือนกับว่า DNA ยังอยู่อย่างนั้นแหละ

 

อันนี้ก็บอกได้ว่า ตัวเราทั้งตัวเนี่ย

ที่มี DNA อยู่ในเซลทุกๆเซลเนี่ย

มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพลังงานแสง

หรือโฟตอนอย่างมาก

แล้วนับประสาอะไร

กับที่กำลังจะเข้าไปอาบ

ไปแช่อยู่ในแถบโฟตอน

ที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นมากกว่าเดิมอีก

ไม่รู้กี่ 100 กี่พันเท่าอยู่เนี่ย

 

 

และถ้าถามต่อว่าทำไมถึงบอกว่า

DNA มีคุณสมบัติของควอนตัมอยู่

เพราะทุกอย่างล้วนประกอบ

ด้วยอนุภาคระดับควอนตัมทั้งนั้น

........................................

มีต่อด้านล่าง เด็ดสุด

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-05 00:27:21


ความคิดเห็นที่ 69 (1586917)

4). แล้วทั้งหมดทั้งสิ้นนี้

ทำไมถึงเชื่อว่ามันจะปรากฏชัดเจน

หรือเกิดขึ้นในปี 2012 ด้วย

คำตอบสั้นๆคือ

- เพราะค่าความแรง

ของสนามแม่เหล็กโลกลดลงเรื่อยๆ

และจะลดเป็น 0

(ตามกราฟที่ plot ไว้) ในปี 2012

 

ซึ่งระดับความเข้มของสนามแม่เหล็กโลก

จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสาเหตุหลัก

เพียงสาเหตุเดียว

นั่นก็คือ "อัตราเร็วในการหมุน

รอบตัวเองของโลก"

 

หรือจะแปลอีกอย่างก็คือว่า

"ในปี 2012 โลกจะหยุดหมุนชั่วคราว!!"

- ค่า Schumann resonance ของโลก

ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และจะไปเป็นเท่าไหร่ก็จำไม่ค่อยได้

ในปี 2012 ซึ่งนั่นหมายความว่า

"ขั้วแม่เหล็กโลก จะสลับขั้วกัน"

ซึ่งในช่วงเสี้ยววินาที

ที่ขั้วแม่เหล็กสลับขั้วกันนั้

โลกจะปราศจาก

สนามแม่เหล็กชั่วคราว

และจะเป็นช่วงที่เข้าสู่

ภาวะ "Zero point"

ลองไปค้นหาใน internet ดูต่อนะครับ

 

ว่าสภาวะนี้สำคัญอย่างไร

มีผลต่อร่างกาย และจิตวิญญาณ

และระดับความสั่นสะเทือน

และระดับพลังงานของเราอย่างไร

 

 

ตอนนี้แหละที่จะแยกระหว่าง

คนที่มีระดับความสั่นสะเทือนสูง

กับต่ำออกจากกัน ได้ชัดเจน

 

เพราะกลุ่มหนึ่งจะรอด

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง

ร่างกายจะทนไม่ได้

ก็จะต้องตายไป

 

ข้อมูลที่สนับสนุนคำกล่าวทั้งหมดนี้

ผมมีหมดแล้ว แต่ติดที่ว่า

ต้องอ่าน และแปลก่อน

ถึงจะเอามาเรียบเรียง

และโพสต์ให้พวกท่านอ่านได้หนะครับ

ซึ่งงานนี้ ก็หนักเอาการพอสมควรครับ

ใจเย็นๆนะครับ ทุกๆโพสต์ของผม

มีความหมายที่อยากจะสื่อหมดนั่นแหละครับ

เฮ้อ...เหนื่อนแล้ว..

ล่อซะยาวเหยียดเชียว..

ที่มา
http://board.palungjit.com/f2/2012-%...-217055-4.html

 

 

เฮ้อ..ถึงยาว แต่ก็ชอบอ่านนะคะ

อนุโมทนากับ คุณ ชยุต ด้วยค่ะ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-05 00:34:06


ความคิดเห็นที่ 70 (1587029)

อนุโมทนาสาธุกับพี่ธนาด้วยนะคับสาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกรียงศักดิ์ สกุลคลานุวัฒน์(เบน) (koy8870-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-05 22:57:12


ความคิดเห็นที่ 71 (1587097)

ขอกราบขอพระคุณอาจารย์อุบล

คุณพี่ธนา คุณชนิดา ขอขอนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านนะคะ 

ที่ได้คอนเตือนและนำเสนอเรื่องดี ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-06 13:59:49


ความคิดเห็นที่ 72 (1587108)

 ข้อความการสื่อสารจาก Ashtar
โดย Lucas
เมื่อ 1 ธันวาคม 2554

ที่มา : http://aquariuschannelings.com/2011/12/01/lucas-ashtar-disclosure-soon-explained-and-the-heart-as-your-thinking-centre-1-december-2011/



ตอนที่ 1






(Lucas) สวัสดีครับ Ashtar ผมขอขอบคุณในการติดต่อมาที่ผมอีกครั้งหนึ่งนะ 
อย่างแรกเลย คุณช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการมีอยู่ของชาวต่างดาว(disclosure) 
และการประกาศตัวครั้งแรก(first contact) บ้างสักหน่อยได้ไหมครับ 
ว่าเมื่อไม่นานมานี้มันไปถึงไหนแล้ว


ถึงเพื่อนๆที่รัก ฉันคือ Ashtar และฉันก็ดีใจที่ได้พูดกับพวกคุณทุกคน 
ฉันจะตอบคำถามของ Lucas และจะพูดถึงบางสิ่งที่เป็นประเด็นเกี่ยวพันถึงพวกคุณทุกคน 
ซึ่งเรา(Lucas+Ashtar…/LadyOfLight)ได้คุยกันไปก่อนหน้านี้เป็นการส่วนตัวแล้วด้วย

ฉันอยู่ที่นี่เพื่อบอกพวกคุณสั้นๆว่า สิ่งต่างๆกำลังก้าวหน้าไปเร็วกว่าที่คาดไว้ 
พวกเรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายของเราไปเรื่อยๆ ข่าวจะออกมาในเร็วๆนี้ 
แล้วพวกคุณก็จะได้ทราบว่าพวกเรากำลังทำอะไร และอะไรบ้างที่ถูกปิดบังไม่ให้คุณรู้ 
พวกเราจะไม่แจ้งถึงวันเปิดเผยข้อมูลการมีอยู่ของชาวต่างดาวหรือวันที่พวกเรามาถึงให้รู้ 
แต่พวกคุณก็จะรู้ทันทีที่เรื่องราวต่างๆนั้นเกิดขึ้น

คำว่า “ในเร็วๆนี้(Soon)” คือคำที่ Lucas ใช้พูดกับฉันก่อนหน้านี้ 
มันได้กลายเป็นคำที่ส่งผลต่ออารมณ์ของผู้ฟังไปเสียแล้ว 
ฉันเลยจะละเอียดสักหน่อยในประเด็นนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-06 14:22:12


ความคิดเห็นที่ 73 (1587109)

 (Lucas) ได้เลยครับ Ashtar มันสำคัญกับพวกเราทีเดียว


ในช่วงระยะที่ภารกิจต่างๆของเราในการทำแถลงการณ์การเปิดเผยข้อมูลการมีอยู่ของชาวต่างดาว 
และพันธกิจทั้งหลายเกี่ยวกับการประกาศตัวครั้งแรกของเราใกล้จะเสร็จเรียบร้อยนี้ 
การบอกให้ “บรรดาฝ่ายมืด” ได้รู้ ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย 
พวกเราตระหนักถึงความจำเป็นที่ยังต้องระมัดระวังเอาไว้ 
และพวกเราก็จะไม่พบกับการขัดขวางที่ไม่ได้รับเชิญจากการต่อต้านครั้งสุดท้ายบนดาวโลก 
ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความยินดี, เป็นที่รักใคร่และสงบสันติมากกว่าการต่อต้าน


สำหรับจิตสำนึกรู้แบบมนุษย์โลกของพวกคุณ “ในเร็วๆนี้(Soon)” และคำอื่นๆ 
อาจถูกตีความผิดเพี้ยนไปในภาษาบนดาวโลกและอาจไม่ตรงตัวพอ 
การไม่ได้กล่าวถึงวันเวลาหรือลำดับเหตุการณ์ต่างๆ 
ทำให้เกิดการตอบกลับจากพวกคุณขึ้นมากมายหลายกรณีด้วยความผิดหวัง, ความไม่พอใจ, 
การรู้สึกว่าเป็นการยืดเรื่องราวต่อ, การไม่มีความเชื่อถืออีกต่อไป 
และในลักษณะอื่นๆที่เป็นคำกล่าวถึงอารมณ์ในเชิงลบต่างๆหรือการหมดความอดทน 
ความรู้สึกและอารมณ์ทั้งหลายที่ได้กล่าวมานั้น พวกเราต่างก็รู้สึกได้ในใจของพวกเรา 

พวกเราจะมาถึง “ในเร็วๆนี้(soon)” 
พวกเราปฏิบัติภารกิจทั้งหลายที่ได้รับมาเพื่อดำเนินแผนแห่งพระเจ้า(Divine Plan)จนสำเร็จลุล่วง 

เรื่องราวต่างๆมีรูปแบบความเป็นไปของตัวพวกมันเองที่คล้ายกับของเหลว 
จงมองมันเหมือนหยาดหยดของน้ำที่ไหลต่อกันไปเป็นทาง, 
หยาดหยดของน้ำหลายสายที่ไหลมารวมกัน, การระเหยหายไปของหยาดหยดน้ำ 
บางหยดก็แข็งเป็นน้ำแข็ง และบางหยดก็ละลาย 

การเปรียบเทียบนี้แสดงให้เห็นว่า 
เรื่องราวต่างๆเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปเรื่อยๆแม้ในขณะที่พวกเราพูดกันอยู่ตอนนี้ก็ตาม 
ดังนั้น จึงสามารถพูดได้ว่า อะไรที่เป็นอยู่ในชั่วขณะหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่ในชั่วขณะอื่น 

พวกเราต้องดำเนินไปตามกฎแห่งพระเจ้า(Divine rules) และต้องคอยเฝ้าตามดูสิ่งต่างๆมากมาย 
เพราะลำดับเหตุการณ์ต่างๆ, มิติต่างๆ,จักรวาลคู่ขนานทั้งหลาย ต่างก็มีความแตกต่างกันออกไป 
และมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องคอยสอดส่องและเข้าไปจัดการ 

บางทีตอนนี้คุณอาจจะเห็นแล้วว่า 
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกล่าวถึงอะไรสักอย่างในกาลเวลาแบบสามมิติ 
แม้แต่ในข้อความการสื่อสารบางส่วนที่กล่าวถึงวันเวลาต่างๆที่ผ่านไปแล้วก็ตาม 

ดังนั้น พวกเราจึงไม่ขอกล่าวรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการมีอยู่ของชาวต่างดาว
หรือการประกาศตัวครั้งแรกให้มากไปกว่านี้ จนกว่าจะถึงเวลาที่มันเกิดขึ้นจริง 
และในขณะนั้นพวกคุณก็จะรู้ได้เอง 


งอย่าลืมว่าพวกคุณก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบในการเลื่อนระดับของตัวคุณเองและดาวโลกอยู่ด้วย 
คุณต้องทำหน้าที่ของตัวเองด้วย ซึ่งเป็นส่วนที่แยกออกไปจากส่วนที่พวกเราได้ทำลุล่วงไปแล้ว
 

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-06 14:23:15


ความคิดเห็นที่ 74 (1587113)

 ข้อความการสื่อสารจาก Ashtar
โดย Lucas
เมื่อ 1 ธันวาคม 2554

ที่มา : http://aquariuschannelings.com/2011/12/01/lucas-ashtar-disclosure-soon-explained-and-the-heart-as-your-thinking-centre-1-december-2011/



ตอนที่ 2 จบ



(Lucas) ขอบคุณครับ Ashtar , 
Ashtar ครับ คุณจะบอกหน่อยได้ไหมเกี่ยวกับการที่หัวใจได้เป็นศูนย์การนึกคิดของมนุษย์เราน่ะครับ?


ฉันจะตอบด้วยความยินดีเลยนะ 
หัวใจนั้นเป็นมากกว่าอวัยวะที่ปรากฏอยู่ในร่างกายของคุณ 
หัวใจถูกเชื่อมต่ออยู่กับความรักและอารมณ์ต่างๆของความรู้สึกรักอยู่ตลอดเวลา 
ในทางกลับกัน บาดแผลในใจหรือความเจ็บปวดใจก็ชี้ให้เห็นว่า 
การสูญเสียความรักกับความสุขทางใจนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ด้วย 

ในชั่วขณะของพัฒนาการของดาวโลกและในชั่วขณะของพวกคุณในบทบาทมนุษย์นี้ 
หัวใจของพวกคุณได้เปลี่ยนมามีลักษณะของสิ่งที่สมองของพวกคุณเคยเป็น 
ตอนนี้มันคือศูนย์การนึกคิดของคุณ มันมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย 
หัวใจเป็นการเชื่อมต่อสื่อสารกับตัวตนที่สูงส่งกว่า(higher self) 
และกับพระเจ้าหรือพระผู้สร้างแห่งความเป็นสรรพสิ่งทั้งปวงด้วย 
คุณได้รู้สึกหรือไม่คิดอีกแล้วว่าคุณจำเป็นจะต้องรู้อะไร 

นี่เป็นรูปแบบความคิดที่ค่อนข้างยากสำหรับใครหลายคน 
มันทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมากในชีวิตที่สับสนวุ่นวายอยู่แล้วของพวกคุณ 
คุณสามารถรู้สึกได้ว่าการนึกคิดได้กลายเป็นความรู้สึกกับอารมณ์ต่างๆ 
บางครั้งพฤติกรรมของคุณสามารถถูกปรับเปลี่ยนจากขวาเป็นซ้ายคนละอย่างไปเลยจากที่เคยเป็น 
นี่จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ 
คลื่นความรักที่กำลังเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดของพลังงานซึ่งกำลังหลั่งไหลเข้ามาแล้ว จะเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ
และสามารถทำให้เกิดความไม่สะดวกสบายมากขึ้นเล็กน้อย 
และยังคงมีความไม่สะดวกสบายอีกมากที่จะเกิดขึ้น


พวกคุณบางคนจะรู้สึกป่วยเหมือนมีไข้อีกด้วย จะรู้สึกอ่อนเพลียโดยที่ไม่ได้เกิดจากเหตุปกติทั่วไป 
สิ่งเหล่านี้เป็นอาการบางอย่างที่ปรากฏออกมาทางกายภาพของการโหลดพลังงานต่างๆเข้ามา 
และประสานรวมเข้าไปในความเป็นชีวิตของคุณ 

จงจำไว้ว่าให้รักและให้อภัยตัวเอง อีกทั้งให้รักและให้อภัยผู้อื่นด้วย 
มันเป็นวิธีที่ดีมากในการขจัดพลังงานของความเป็นลบที่คุณมีต่อตนเองและต่อผู้อื่นด้วย 
จงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่คุณรักและให้อภัยดูเถิด 
หัวใจของคุณกำลังเปิดกว้างมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่ทำเช่นนั้นไปแล้ว 
เหมือนกับการทำให้ความคิดโปร่งโล่ง


เอาล่ะ ฉันกำลังจะจบการติดต่อของเราลงในตอนนี้ก่อน เพราะคุณเพลียแล้วนะ Lucas 
ฉันจะพูดกับพวกคุณทุกคนว่า พวกเรารอคอยที่จะพบกับพวกคุณทุกคนในเร็วๆนี้ 
พวกเราได้ส่งความรักให้แก่พวกคุณ 
จงรู้เถิดว่าพวกเรากำลังช่วยเหลืออยู่ในรูปแบบที่เป็นไปตามแผนแห่งพระเจ้า 
และทุกอย่างจะเกิดขึ้นตามแผนที่วางเอาไว้ 
ในเร็วๆนี้จะเป็นเวลาที่พวกคุณกะไว้ว่าอย่างน้อยมันจะเป็นเช่นนั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น โซบิเดย์ ยมโดย (sobiday9-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-06 14:24:23


ความคิดเห็นที่ 75 (1587176)

โมทนาค่ะ

คุณชนิดา

คุณโซบิดย์

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-06 21:40:09


ความคิดเห็นที่ 76 (1587287)

ขอแจ้งข่าวสารการชำระโลก สื่อสารผ่านอาจารย์ปริญญา ตันสกุล โดยองค์จิตจักรวาล หรือที่เรียกว่าพระบิดา พระผู้สร้าง องค์พระบรมธรรมบิดา หรือชื่อต่างๆที่แล้วแต่ละศาสนาจะเรียกกัน

ซึ่งข่าวสารนี้เป็นเพียงข้อมูลให้ทุกท่านได้รู้ ตระหนัก และเตรียมตัว แต่มิได้ให้แตกตื่นหรือกลัวแต่อย่างใด เพราะว่าอย่างไรวันหนึ่งเราก็ต้องตาย เพียงแต่จะเตรียมตัวตาย หรืออยู่ต่ออย่างไรเท่านั้น 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-07 12:22:45


ความคิดเห็นที่ 77 (1587288)

วันที่เกิดเหตุ:

1.จำนวน 10 ใน 100 คนที่ตายจะได้กลับมาเกิดใหม่

2.จำนวน 36% หลังจากหัก 10 คน ออกไปแล้วจะถูกจองจำในนรก

3.จำนวน 52% ดวงจิตวิญญาณต้องแตกสลาย เพราะเกินจะเยียวยา

4.จำนวน 12% ได้คืนกลับบ้าน นั่นคือ กลับพระนิพพาน

ทางเลือกของผู้อยู่รอด:

1. มีปณิธานแห่งนิพพาน คือตั้งใจจะเป็นนิพพานเท่านั้น

2. มีผลกรรมไม่เกิน 30%

3. ไม่ปฏิเสธการเป็นคน 3 มิติ, ไม่ปฏิเสธพระบิดา ไม่ปฏิเสธข่าวสารการชำระโลก และไม่ปฏิเสธเรื่องพระนิพพาน

ดังนั้นหากผู้ที่ต้องการอยู่รอดต้องบอกแก่ตนเองและพระบิดาว่าตนเองจะอยู่รอดด้วยเหตุผลเบื้องต้นหรือไม่ และจะทำตนอย่างไรให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้

ขอบคุณที่มา : ถอดจากคลิปวีดีโอ ในเวปพลังจิต ขอบคุณคุณ Dukesonic ที่นำมาลง

http://board.palungjit.com/f178/วิเคราะห์-ยามสอง-คืนปีใหม่-แผ่นดินไหว-คนไทยเมา-316000.html

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-07 12:26:07


ความคิดเห็นที่ 78 (1587292)

คำเตือน : กว่าจะถึงวันนั้น

วันนั้น คือวันชำระล้างครั้งใหญ่ จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นก่อน ซึ่งให้พวกเราทุกคนเตรียมตัวให้ดี และมีการกล่าวไว้ด้วยว่าเหตุการณ์น้ำจิ้มนี้จะเกิดในปี 2012

1.กรุงเทพฯ :

  1.1 ระวังพายุหมุนพัดถล่ม

  1.2 ตึกสูง/โรงแรมสูงๆ/สะพานสูง

  1.3 โรงงาน/บ้านเรือน/คอนโด

  1.4 เสียชีวิตและเสียหายมาก

 

 

 

จะเกิดตอนที่เผลอ คือ มนุษย์กำลังอ่อนเพลียจากการไปเที่ยวในเทศกาลใหญ่ๆมา ประมาณตี3 จะตกใจตื่น ได้ยินเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า โครมครามๆ ฝนตกหนักมาก และประมาณ 9 โมงเช้า แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็จะโผล่มา และจะเกิดเหตุการณ์ดังข้างว่านี้ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-07 12:35:06


ความคิดเห็นที่ 79 (1587293)

คำเตือน : กว่าจะถึงวันนั้น

2. นนทบุรี - ปทุมธานี :

    2.1 ระวังแผ่นดินไหวรุนแรง

    2.2 เวลาบ่ายๆ

    2.3 เสียชีวิตและเสียหายมาก

เป็นจังหวัดที่คนนึกไม่ถึง นักธรณีวิทยาจะเถียงคอเป็นเอ็นว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมันเกือบจะเป็นจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเลย นี่เป็นเพียงแค่ยกตัวอย่างบางจังหวัดให้ดูเท่านั้น ที่ไหนที่คนไม่ดีเยอะก็จะเกิดแบบนี้ขึ้นมา

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-07 12:38:43


ความคิดเห็นที่ 80 (1587294)

ขออนุโมทนากับเรื่องราว

ของคุณธนา ด้วยนะค่ะ

เหตุการณ์ต่างๆนานาที่ไม่อยากให้เกิด

มักจะมาเวลาที่เราเผลออย่างที่ท่านอาจารย์เคยบอกไว้

ซึ่งก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ก็ต้องนึกถึงความตายอยู่ตลอดเวลา

เพราะวันใดวันหนึ่งเราก็ต้องตาย

ผู้แสดงความคิดเห็น วรางคณา พุฒศรี (woranea_912_meaw-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-07 12:42:38


ความคิดเห็นที่ 81 (1587297)

คำเตือน : กว่าจะถึงวันนั้น

3.ประจวบคีรีขันธ์ - พม่า

  3.1 แผ่นดินไหวรุนแรง จริงๆแล้วจะมีประเทศศรีลังกา อินเดีย และประเทศลาว งานนี้มีคนลาวตาย 2 คน

  3.2  เชื่อมอันดามันและอ่าวไทย

  3.3  เสียชีวิตและเสียหายมาก ทั้งหมดเป็นล้านคน มีคนเสียชีวิตประมาณ 3 ล้านคน คนไทยประมาณ 1 แสน2หมื่นคน ให้ดูบริเวณหลัก กม.346 บนถนนเพรชเกษม ก่อนเกิดเหตุจะพบประการังสีน้ำเงินถูกซัดเข้าฝั่งเป็นแนวยาว ส่วนศรีลังกาจมหายไปทั้งเกาะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-07 12:46:18


ความคิดเห็นที่ 82 (1587304)

คำเตือน : กว่าจะถึงวันนั้น

2. นนทบุรี - ปทุมธานี :

    2.1 ระวังแผ่นดินไหวรุนแรง

    2.2 เวลาบ่ายๆ

    2.3 เสียชีวิตและเสียหายมาก

****************************

อนุโมทนากับคุณธนาด้วยนะคะ

ที่นำขาวสารที่อยู่ใกล้ๆตัวมาแจ้งให้ทราบ

(ที่ไหนที่คนไม่ดีเยอะก็จะเกิดแบบนี้ขึ้นมา)

*******

กราบนมัสการเบื้องบนทุกพระองค์

 

ลูกไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ใดๆเกิดกับลูก

เนื่องจากมีบ้านอยู่ที่ปทุมธานี

ลูกขอตั้งจิตอธิษฐาน 

ขอเป็นลูกที่ดีของพ่อตลอดไป

พ่อหลวงของชาวไทยทุกคน

อาจารย์พ่อมงคลค่ะ

สาธุ สธุ สาธุ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-07 13:11:47


ความคิดเห็นที่ 83 (1587344)

ขออนุโมทนาบุญกับพี่ธนา และทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ

อย่างน้อยก็ให้เราได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าฝึกซ้อมการตายไว้ทุกวัน

เวลานั้นมาถึงจะได้ไม่ลืม

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-07 15:35:48


ความคิดเห็นที่ 84 (1587459)

 ไหน ๆ ก็ลง ขอ อนุญาตลงเพิ่มนะครับ ^ ^   จากเว็ป http://www.mythland.org/v3/thread-2092-1-1.html


พระอาจารย์รัตน์ยืนยัน แกนโลกกำลังจะพลิกตัวแน่นอน

กรุงเทพถึงนครสวรรค์จะจมน้ำหมด

 

" คนจะลอยเคว้งคว้างไปทั่ว บ้างหาที่เกาะแต่เกาะไม่อยู่ "

คืนหนึ่งภายหลังจากการฝึกสมาธิหมุนจบสิ้นลง หลวงพ่อมักจะเปิดโอกาสให้ถาม

 

คำถามต่าง ๆ ที่ผู้มาฝึก

 

เกิดสงสัยขึ้น หากไม่มีคำถามหลวงพ่อก็มักจะเล่าประสบการณ์ของท่านให้ฟังกั

 

 

คืนนั้นท่านพูดถึงการขึ้นไปเผยแพร่ธรรมะบนดอยของท่าน รวมไปถึงการประกอบ

 

พิธีสมโภชพระธาตุที่สร้างขึ้นบนดอย ซึ่งขณะที่

 

กำลังบรรจุพระธาตุเข้าองค์เจดีย์นั้น ฟ้าที่ขมุกขมัวก็เปิดเป็นแสงสว่างจ้าส่องลงมา

เป็นลำ สร้างความแปลก

 

ใจแก่คนที่อยู่ในพิธี หลวงพ่อบอกว่า ท่านถึงกับขนลุก ซึ่งผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์

 

 

นั้นด้วย ยังอดแปลกใจไม่ได้ 

 

จากนั้นท่านเล่าว่า ขณะที่ท่านจะแผ่เมตตานั้น ท่านไม่สามารถที่จะทำได้

 

เพราะว่าวิญญาณบนดอยไม่

 

ยอมรับการแผ่เมตตานั้น เนื่องจากถึง เวลาที่พวกเขาจะได้ลงมาเกิดแล้ว

 

ท่านได้อธิบายต่ออย่างละเอียดว่า

 

 

แต่เดิมชาวเขาไม่ได้อยู่บนดอย แต่อยู่ในที่ลุ่มเป็นเจ้าแผ่นดินเดิม

 

พระของพวกเขาจะกินเจคล้าย ๆ กับพระ

 

จีน แต่เมื่อพุทธศาสนาลังกาวงศ์เข้ามาสู่ประเทศไทยสมัยสุโขทัย พระของลัทธิลังกาวงศ์

 

 

นั้น ฉันเนื้อได้

 

และมีลักษณะเหมือนพระในปัจจุบัน พวกเจ้าถิ่นเดิมก็ถูกทำลายล้าง

 

 

จนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนดอยนับตั้งแต่

 

นั้นจนเหลือชาวเขา ในปัจจุบัน ซึ่งบัดนี้วิญญาณที่ถูกทำลายล้างไปนั้น

 

 

ได้เวลาที่จะกลับลงมาแล้ว พวก

 

เขาจึงไม่ยอมรับการแผ่เมตตาที่ได้แผ่ไปให้


" มันเป็นกรรมของพวกเขา เคยทำอย่างไรกับพวกเขาก็จะต้องโดนกลับคืนบ้าง

 

อีกหน่อยพระทั้ง

 

หลายจะต้องถูกยึดเงินจนหมด และก็ไม่สามารถอยู่ในสภาพพระเช่นนี้ได้

เมื่อเรื่องพระหมดไปหลังจากนั้นอีกประมาณปีครึ่งก็จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 "

ผมถึงกับตะลึงที่ท่านพูดถึงเรื่องนี้ออกมาโดยไม่มีใครถามท่านเลย

 

และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน

 

กับหูที่ท่านได้พูดถึงเรื่องอนาคต ท่านบอกว่า จริง ๆ แล้วไม่ค่อยอยากเล่านัก

 

เพราะจะทำให้คนตื่นกลัวกัน แต่ที่ท่านเล่าให้ฟังก็เพื่อไม่ให้พวกเราประมาท

 

และเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น

นั้นอยู่ในวิสัยของท่านที่จะรู้ได้

"

โยมก็จำเอาไว้เล่น ๆ ก็แล้วกัน ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้น

 

ก็จะนึกได้ว่า

 

อ๋อ หลวงพ่อเคยพูดไว้ " 

 

ท่านกล่าวอย่างติดตลก ในคืนถัดมาเมื่อผมได้มีโอกาสซักถามกับท่านโดยตรง

 

ท่านได้เล่าเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน มีการระบุถึงบุคคล

 

หรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย

 

แต่ผมคงจะขอข้ามส่วนนี้ไป เพราะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยเกินไป และโดยส่วนตัวแล้ว

 

ผมสนใจในภาพรวมที่จะเกิดขึ้นมากกว่า 

" ถ้าเกิดสงครามโลกแล้วเราจะทำอย่างไรดีครับ ? " มีคนถามขึ้น

" ไม่ต้องกลัวหรอกโยม " ท่านตอบ 

แต่แทนที่คำตอบของท่านจะทำให้หายกลัว สำหรับผมแล้วกลับตะลึงหนักเข้าไปอีก

 

เพราะท่านได้พูดต่อว่า


" ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้อยู่ทันดูสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่า "

 

หลายคนอาจดีใจว่า สงครามโลกอาจจะใช้เวลาอีกนานกว่าจะเกิดซึ่งตัวเองก็คงตายไป

 

เสียก่อนอะไรทำนองนั้น แต่ในความคิดของผม คนเราอาจมีสิทธิ์ตายจากภัยพิบัติ

 

อย่างอื่นได้ก่อนเกิดสงคราม ซึ่งหลัง

 

จากนั้นหลวงพ่อได้เล่าต่อไปว่า การใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองจะทำให้ ธาตุต่าง ๆ

 

ที่ประกอบขึ้นเป็นโลก

 

แปรปรวนในแกนกลางของโลกซึ่งเอียงอยู่ประมาณ 23 องศาครึ่ง จะมีมโนธาตุมากขึ้น

 

คือมันจะกลวง และ

 

เบาขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันจะพลิกตัวลงอย่างกระทันหัน (หลวงพ่อทำมือให้ดู) 

"ทำให้เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรงแก่มนุษย์ทั้งหลาย คนจะลอยเคว้งคว้างไปทั่ว

บ้างหาที่เกาะแต่ไม่อยู่"


คนที่จะรอดได้ก็คือคนที่สามารถตัด " จิตใจ " ออกจากร่างกายที่เจ็บปวดได้เท่านั้น

 

(ท่านยกตัวอย่างคนที่ถูกผ่าตัดแล้วไม่เจ็บ)

 

และท่านยังบอกว่าการทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส จะทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดเร็วยิ่ง

 

ขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าที่ท่านบอกว่าแกนโลกจะพลิกนั้นเป็นอย่างเดียว " Pole Shift " หรือเปล่า ? 

หลวงพ่อท่านกล่าวต่ออีกว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะมากขึ้น อากาศแปรปรวน

 

แผ่นดินไหว น้ำ

 

ท่วมจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ (จากกรุงเทพ ฯ ถึงนครสวรรค์จะจมน้ำหมด

 

และศูนย์กลางจะย้ายมาอยู่ที่ลำพูน)

สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น ท่านบอกว่าอาวุธนิวเคลียร์จะไม่น่ากลัวเท่า

 

 " อาวุธแสง " ซึ่งขณะนี้นัก

 

วิทยาศาสตร์สหรัฐที่ได้รับรางวัล โนเบลในปี ค.ศ. 1995 ได้ค้นพบอนุภาคที่เป็นต้นกำเนิด

 

ของอาวุธแสงแล้ว เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่ามันสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้เท่านั้นเอง

 

ซึ่งอนุภาคตัวนี้หลวงพ่อท่านบอกว่า

 

เป็นตัวที่ทำให้แรงชนิดที่ 6 (พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่าแรงมี 7 ชนิด)

 

ซึงสามารถทะลุทะลวงผ่านทุกสิ่งไปได้

 

ตัวอนุภาคนี้เองที่เป็นตัวเดียวกับที่หลวงพ่อเรียกว่า "เส้นแสง" ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของจักรวาล

ท่านยังให้ข้อสังเกตว่า 1 ปีก่อนเกิดสงครามโลก คนสามารถขึ้นไปสร้างบ้านเรือนอยู่บน

อวกาศและสามารถ

 

ทำกลางคืนให้เป็นกลางวันได้ คู่สงครามที่จะเกิดในครั้งนี้คือเอเชีย (จีน ?) กับยุโรป

 

การทำลายล้างนั้นจะ

 

ใช้อาวุธแสงยิงมาจากอวกาศ ไล่ยิงกันเป็นแนวไปสิ้นสุดที่พีรามิด บรรยากาศหลังจากที่

 

หลวงพ่อพูดจบ มัน

 

เงียบอย่างบอกไม่ถูก จนหลวงพ่อต้องถามขึ้นว่า

" ใครอยากช่วยไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้ (ภัยธรรมชาติ) เกิดขึ้นบ้าง?

 

ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์

 

เหล่านี้เกิดขึ้น ก็ต้องเลิกใช้นำมันกันให้หมดจะทำได้ไหมล่ะ ? "

ไม่มีใครตอบท่านเลย ... สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือสัญญาณเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์

 

เหล่านั้น ซึ่งพอ

สรุปได้ว่าก่อนเกิดสงครามโลก 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งจะมีเหตุการณ์

 

เหล่านี้เป็นสัญญาณคือ ... ในไทย

พระจะถูกยึดเงิน ในระดับโลกจะมีการสร้างบ้านเรือนบนอวกาศ

 

แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะเกิด

ขึ้นก่อนหน้านั้น ซึ่งมีทางเป็นไปได้ โดยตรรกะว่าเมิ่อเกิดภัยธรรมชาติ

 

จะเกิดความแร้นแค้น ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งต่าง ๆ อันจะเป็น

 

ชนวนให้เกิดสงครามขึ้นมาได้ แต่ที่สำคัญก็คือระยะ

 

เวลาเหลืออีกเท่าไร เดือนสิงหาคใมใช่หรือไม่ ? หลวงพ่อท่านบอกว่าระบุไม่ได้

 

ขนาดนั้น ผมจึงต้องถามท่านใหม่ว่า 

"อีกประมาณ 4 - 5 ปีข้างหน้านี้ใช่ไหมครับ " ท่านตอบว่า " ประมาณนั้น "

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังการฝึกในช่วงเช้ามืดจบลง หลวงพ่อท่านได้บอกเคล็ดลับ

 

ของการฝึกสมาธิหมุน

 

ให้แก่ผู้อบรมที่ยังเหลืออยู่ จากนั้นท่านก็ให้พรและกล่าวลากับทุกคน

 

ผมจากวัดของหลวงพ่อมาหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ริม 2 ข้างทางนั่นสงบเงียบ

 

เหลือเกิน แต่ในจิตใจของผมล่ะ ...

ผมเองไม่รู้สึกตื่นกลัวมากนัก ถ้าหากเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจริง

 

อาจเป็นเพราะผมเองก็มีภาพเหล่านั้นอยู่บ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะร้าย แรง

และรวดเร็วอย่างที่หลวงพ่อท่านบอก โดยส่วนตัว

 

ของผมบัดนี้ได้พบคำตอบแล้วว่า ทำไมความรู้สึกก่อนมาที่วัดนี้ของผมจึงเป็น

ต้องไปมากกว่าควรไป 

สิ่งที่ผมได้รับรู้นั้นมันทำให้คลายความยินดีในเรื่องความสำเร็จทางการงานที่เพิ่ง

ได้รับมาหมาด ๆ ลงอย่างหมดสิ้น สิ่งที่ผมนึกออกตอนนั้น ก็คือ

" ต่อไปนี้เราจะประมาทไม่ได้แล้ว "

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 00:25:02


ความคิดเห็นที่ 85 (1587467)

จริงค่ะ "ต่อไปนี้เราจะประมาทไม่ได้แล้ว"

 

อนุโมทนากับทุกๆธรรมทาน

ทั้งจากคุณ โซบิเดย์ พ่อใหญ่ธนา

และ คุณ ทศวรรษ ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 04:18:31


ความคิดเห็นที่ 86 (1587488)

ขอขอบคุณและอนุโมทนา กับ คุณโซบิเดย์ พี่ธนา น้องทศวรรษ ด้วยนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 08:36:48


ความคิดเห็นที่ 87 (1587492)

โมทนาจ๊ะพ่อใหญ่ธนา

ต่อไปนี้จะไม่ประมาทแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 08:55:29


ความคิดเห็นที่ 88 (1587520)

ขอบคุณสำหรับทุกข้อความที่นำมาเล่าสู่กันฟัง

ที่แน่ๆก็ต้องหัดตายตั้งแต่เดี๋ยวนี้

เมื่อถึงเวลาจริงๆมาถึงจะได้ไม่มีอะไรให้เสียใจว่ายังไม่ได้เตรียมตัวเลย 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 11:40:09


ความคิดเห็นที่ 89 (1587529)

 

ขอบคุณและ ขออนุโมทนากับทุกๆธรรมทาน จากพี่ธนา คุณโซบิดา และคุณทศวรรษ ด้วยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 13:21:41


ความคิดเห็นที่ 90 (1587575)

ท่านใดที่ว่างๆไม่ได้ไปไหน ศุกร์-จันทร์ ที่จะถึงนีัก็ไปฟังบรรยายสัปดาห์วิทยาศาสตร์ทางจิตกันบ้างนะครับ ดังที่คุณชนิดาสรุปให้ดูแล้วว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามพลาดนะครับ เห็นเขาร่ำลือกันว่าปีนี้มนุษย์ต่างดาวจะมาโชว์ตัวกันจะๆแบบให้เห็นด้วยตาเนื้อที่กรุงเทพเลย ม่ายรู้จะจริงเท็จแค่ไหนก็ลองไปดูนะครับ

แต่ปีก่อนๆตะลึงกันไปหมดเลย ที่อาจารย์เทพพนมท่านพาผู้คนขึ้นไปบนดาดฟ้า พันธุ์ทิพย์พลาซ่างามวงศ์วาน เพื่อดูยานมนุษย์ต่างดาว ออกสื่อต่างๆมากมาย เรียกว่าจะๆ ไม่ต้องแปล

ส่วนปีนี้เป็นปีสำคัญ ก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จริงในใจลึกๆอยากให้มีบ้านสวนสัญจรด้วยก๊าบบ  เพื่อช่วยให้ข่าวสารกับผู้คนที่ยังไม่ยอมตื่น ให้ได้รู้จัก และเข้าใจธรรมะพระพุทธองค์อย่างถูกต้องพร้อมไปกับการแจ้งเตือนภัยพิบัติที่จะมาถึง

แต่อย่างไรก็ดีเบื้องบนและท่านอาจารย์คงเตรียมการไว้หมดทุกอย่างแล้ว ลูกหลานทุกคนพร้อมที่จะทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้งานอันยิ่งใหญ่ของเบื้องบนและท่านอาจารย์สำเร็จลุล่วงและพวกเราจะกลับบ้านพร้อมกันในชาตินี้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 18:39:00


ความคิดเห็นที่ 91 (1587589)

ขออนุโมทนากับคุณโซบิเดย์ น้องทศและคุณธนาด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ บุตรมนต์ (opensirio-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 21:12:43


ความคิดเห็นที่ 92 (1587596)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามพลาดนะครับ

 เห็นเขาร่ำลือกันว่าปีนี้มนุษย์ต่างดาว

จะมาโชว์ตัวกันจะๆ

แบบให้เห็นด้วยตาเนื้อที่กรุงเทพเลย

ม่ายรู้จะจริงเท็จแค่ไหนก็ลองไปดูนะครับ

จากธนาพร

555555555555555555555555555

 

แต่ว่า

ที่บ้านสวนพีระมิด

เขามาโชว์ให้ สาวอิมพอร์ต เห็น

กันแล้ว เมื่อคืนวาน

เขาแทบไม่หลับไม่นอนกันเลย

 

เขาบอกว่า

มนุษย์ต่างดาว

มาให้เห็น จะ จะ

ด้วยตาเนื้อ

เยอะแยะไปหมดเลย

 

เขาถ่ายรูปไว้ได้ด้วยนะ

พ่อใหญ่ธนา

ลองมาถาม มาสัมภาษณ์

กันเองเน๊อะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 21:48:50


ความคิดเห็นที่ 93 (1587809)

สาวๆอินเตอร์ทั้งหลายเนี่ย..

มาครั้งแรกก็เจอะเจอกับ

ปาฏิหาริย์มากมายเลยนะคะเนี่ย

 

ยังไงก็นำรูปมาโชว์ให้ชาวเกาะ

ได้รู้ ได้เห็นและได้ร่วม"ตะลึง"ด้วยนะค๊า...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-10 07:30:28


ความคิดเห็นที่ 94 (1587821)

ขออนุโมทนาบุญ

กับท่านที่ได้เห็นด้วยนะค่ะ สาธุ

เกดว่าถ้าบุญไม่ถึงจริงๆ คงไม่ได้เห็น

ขอเกดเกาะบุญ ด้วยนะค๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-10 12:03:28


ความคิดเห็นที่ 95 (1587928)

 

ขออนุโมทนาบุญและทุกธรรมทานกับคุณลุงหมอ   คุณวิกรม คุณธนา คุณชนิดา คุณโซบิเดย์ คุณทษวรรษ์  ที่ให้ได้รับรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น  และพี่แต๋ม ขออนุญาตคัดลอก เพื่อเอาไปเผยแพร่ให้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงได้รับทราบนะค๊ะ สาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจพร เลามาสุวพันธ์ (benjaporn-dot-tam-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-11 11:20:38


ความคิดเห็นที่ 96 (1588280)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับที่นำเรื่องราวมาให้อ่าน

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-13 20:57:22


ความคิดเห็นที่ 97 (1588353)

กราบอนุโมทนาในธรรมทาน

ของทุกๆท่านด้วยนะค่ะ

สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนวดี รัชตารมย์ (thanavadee_r-at-sepo-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-14 11:56:24


ความคิดเห็นที่ 98 (1588630)

เจ้าของกระทู้นี้

หายไปไหนนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 23:48:29


ความคิดเห็นที่ 99 (1589377)

             ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุก ๆ ท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กนกกร แดงเอม (kanokkorntip-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-20 16:17:12


ความคิดเห็นที่ 100 (1590092)

 

อนุโมทนาบุญทุกๆท่านที่นำมาแจ้งเตือนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-24 23:03:19



[1] 2 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.