ReadyPlanet.com


บันทึกญาณทัศนะ...เมื่อวันเกิดเหตุ 2555 : บันทึกพระคุณลุงเชียงใหม่


ขอบคุณที่มา : เวปพลังจิต และจากอีเมล์

ผมเคยได้อ่านบทความนี้มาบ้างในเวปไซต์ พอได้มาอ่านอีกทีแบบเต็มๆจากอีเมล์ที่มีคนส่งมาให้ ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นข้อคิดสำหรับการเตรียมตัวสำหรับทุกๆคนได้

 

 

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นบ้านสวนฯโดยท่านอาจารย์อุบลได้แจ้งเตือนข่าวภัยพิบัติครั้งใหญ่ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว บอกกันแบบจะๆไม่ต้องแปล จากนี้ก็คงขึ้นกับบุญพวกเราที่ทำกันว่าจะพอเพียงสำหรับการเข้าสู่ยุคใหม่หรือไม่ และพวกเราจะตัดสินใจเดินตามพระพุทธองค์หรือไม่

บทความบันทึกนี้ผมนำมาลงไว้โดยไม่มีการตัดต่อหรือแก้ไขใดๆทั้งสิ้นนะครับ เพียงแค่จัดหน้าใหม่เพื่อง่ายต่อการอ่านเท่านั้น ขอให้อ่านแล้วพิจารณาดูกันเอาเองนะครับ

 

 

ผู้เขียนบันทึกปัจจุบันเป็นพระภิกษุแล้ว แต่ท่านเขียนไว้ครั้งก่อนบวช ท่านจึงใช้ชื่อว่าพระคุณลุงเชียงใหม่ และต่อมามีผู้นำมาออกมาเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทานในเวปไซต์เช่น พลังจิต เป็นต้น



ผู้ตั้งกระทู้ ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-11-24 14:10:56


<< ก่อนหน้า 1 [2]

ความคิดเห็นที่ 101 (1590102)

กราบขออนุโมทนากับทุกธรรมทานของทุกท่านนะคะ

ขออนุญาตคัดลอกเรื่องราวนี้ลงในคอมพิวเตอร์

เพื่อปรินต์ให้คนในครอบครัวและคนที่สนิทที่กำลังเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ

 ไ้ด้เพิ่มการเตรียมตัวให้รัดกุมยิ่งขึ้นนะคะ  ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-25 08:34:47


ความคิดเห็นที่ 102 (1590152)

 

 

 

 ณัชชาอนุโมทนากับคุณธนา ที่นำบทความที่สำคัญยิ่งมาให้เราได้รับรู้และเตรียมพร้อมนะคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว (phueng9574-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-25 21:32:08


ความคิดเห็นที่ 103 (1590599)

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกธรรมทานค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หน่อย (สมศรี พวงพันธ์) (noi-92012-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-28 10:47:38


ความคิดเห็นที่ 104 (1590625)

ขอบคุณ คูรธนาที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา

ขออนุโมทนากับทุกๆธรรมทานของทุกท่าน

จะหาเวลาอ่านให้ครบทุกข้อความ

ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ได้มีโอกาสได้รับทราบเรื่องราวต่างๆเพื่อการเตรียมความพร้อม

ผู้แสดงความคิดเห็น สุกันยา จรพินิจ (g-dot-greengreen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-28 14:42:30


ความคิดเห็นที่ 105 (1591004)

ขอให้ของกระทู้นี้

มีแต่ความเจริญในธรรม

ดั่งสิ่งที่กระทำอยู่ทุกขณะจิต

เอื้ออาทรณ์กระทู้ธรรมอยู่เป็นนิจ

มีชีวิตในยุคใหม่ที่ใครใฝ่ฝันหา

คงจะมีสักวันได้พานพบ

(ที่แดนทิพย์พระนิพพาน)

ล้วนเคารพว่ามีครูอยู่บ้านนา

นามว่าท่านอาจารย์แม่อุบล

คนบ้านสวนพีระมิดที่จิตใฝ่

ต่างก็ใช้รหัสขจัดนานาภัย

ทั้งใกล้ไกลต่างใช้รหัสว่า

...อาจารย์ อุบลช่วยด้วย...

ทุกคนเอย

*-*-*-*-*

ทนอ่านหน่อยนะครับเกือบ...แน่ะ

สุขสันต์วันปีใหม่2555

และ

ตลอดไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ตัวเล็ก พงษ์เดช ชาวไทย (phongdech1665-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-30 22:37:49


ความคิดเห็นที่ 106 (1591030)

ขออวยพรวันปีใหม่

กับเจ้าของกระทู้นี้

คือคุณ ธนา

ขอให้มีความสุข

สมหวัง

ดั่งใจปรารถนา

ทั้งทางโลกทางธรรม

ตราบจนเข้าสู่

พระนิพพาน

สาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจพร เลามาสุวพันธ์ (benjaporn-dot-tam-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-31 08:44:01


ความคิดเห็นที่ 107 (1622383)

ผมขออนุญาตินำข้อมูลต่างๆจากเฟสบุ๊ค ที่คิดว่าน่าสนใจ อาจเป็นข้อมูลให้กับคนที่สนใจศึกษาอ่านดู

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลนะครับ

ขอบคุณที่มา : Facebook, Nanan Mahisarakul

 

 

มนุษย์ต่างดาวช่วยโลก จากการชำระล้างในปี 2012
โดยคุณ Haruaki_n สมาชิก

พระชาวทิเบตได้ใช้ญาณ มองเห็นถึงพลังของมนุษย์ต่างดาวช่วยโลก จากการชำระล้างในปี 2012 การใช้ญาณหยั่งรู้นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ของเหล่านักบวชทิเบตเลย

หลายพันปีกับการใช้ญาณหย...
ั่งรู้ ในช่วงกลางของพิธีกรรมทางจิตวิญญาณ จนกลายมาเป็นวัฒนธรรมชาวธิเบตไปแล้ว อะไรก็ตามที่นักแสวงบุญชาวอินเดีย เข้ามาเรียนรู้จากวัดทิเบตไม่กี่แห่ง ที่อยู่ภายใต้การปกครองของจีนนั้น เป็นเรื่องน่าตื่นตระหนกและน่าชื่นชม

จากการใช้ญาณหยั่งรู้ ของเหล่าผู้แสวงบุญเหล่านั้น ทำให้เห็นถึงพลังของโลก ที่ใช้ในการทำลายตัวเอง พวกเขายังเห็นว่าโลกไม่ได้ถูกทำลายจากใคร(แต่ใช้พลังของตัวมันเอง) ในช่วงระหว่างเวลาปัจจุบันจนถึงปี 2012 พลังอันมหาศาลจะทำสัญญาต่อเนื่องจากสงครามแต่ละพื้นที่ การก่อการร้ายและสงครามดักซุ่ม จะกลายเป็นปัญหาหลัก ในระบบการปกครองของโลก จะมีบางอย่างเกิดขึ้นในปี 2010

ในช่วงนั้น พลังของโลกจะถูกคุกคาม เพื่อให้เกิดการทำลายล้างต่อกัน ในระหว่างปี 2010 และ 2012 ทั่วทั้งโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่ขั้วแม่เหล็กและเตรียมการสำหรับวันหายนะครั้งยิ่งใหญ่ การแทรกแซงการเมืองที่หนักหน่วง และการเจรจาต่อรองจะไร้ผล ปี 2012 โลกจะเริ่มกระโจนเข้าสู่การทำลายล้างโดยอาวุธนิวเคลียร์ และช่วงนั้นอะไรบางอย่างที่สำคัญ จะเกิดขึ้น คำกล่าวโดยพระชาวธิเบต

พลังเหนือธรรมชาติจะเข้าแทรก จุดมุ่งหมายของโลกไม่ใช่เพื่อการทำลายล้างตัวเองในเวลานี้ การแปลความหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ จากคำพูดของนักบวชได้สร้างหลักฐานว่า มนุษย์ต่างดาวได้กำลังเฝ้ามองเราทุกๆย่างก้าว พวกเขาจะมาปรากฎตัวในปี 2012 และช่วยเหลือโลกจากการทำลายล้างตัวเอง เมื่อถามถึงเรื่องยูเอฟโอ ที่ปรากฎในประเทศอินเดียและจีน พระท่านยิ้มและบอกว่า เหล่าผู้มีญาณหยั่งรู้เหล่านี้ กำลังเฝ้ามองเราอยู่

เหล่ามนุษย์ไม่สามารถและไม่ได้รับอนุญาต ให้เปลี่ยนแปลงอนาคตต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ มนุษย์ทุกคนแม้ว่าการกระทำที่เรียกว่า “กรรม” จะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ที่จะเกิดขึ้นในระดับหนึ่ง แต่การเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองอย่างใหญ่หลวง เพื่อเข้าสู่ระบบการเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงนั้นย่อมไม่ได้รับอนุญาต พระท่านยังกล่าวอีกว่า หลังจากผ่านพ้นปี 2012 ไปแล้ว อารยะธรรมของเราจะเข้าสู่ยุคสุดท้ายของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และจะเข้าสู่ยุคของจิตวิญญาณ ไม่เน้นด้านวัตถุธาตุและเคมี

หลังจากปี 2012 เทคโนโลยีของเราก็จะเปลี่ยนทิศทาง ผู้คนจะเรียนรู้แก่นสารแห่งจิตวิญญาณ (ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและวิญญาณ) การกลับชาติมาเกิดและความจริงจะถูกเชื่อมต่อกับสิ่งที่เรียกกันว่า “พระเจ้า” การพบเห็นยูเอฟโอในประเทศอินเดียและจีนได้เพิ่มขึ้นโดยผู้คนหลายกลุ่ม มีหลายคนพูดว่าทั้งอินเดียและจีน ต่างก็กำลังติดต่อกับพวกมนุษย์ต่างดาว

ในปัจจุบันการปรากฎตัวของยูเอฟโอ ส่วนใหญ่ได้ถูกพบเห็นในประเทศที่ได้พัฒนาเรือดำน้ำติดนิวเคลียร์นุค เมื่อถามว่าถ้ามนุษย์ต่างดาวได้ปรากฎตัวให้เห็นจริงๆ ในปี 2012 คำตอบจากผู้หยั่งรู้คือ พวกเขาจะเปิดเผยตัวเอง ในรูปแบบที่ไม่ทำให้พวกเรากลัว พวกเขาจะปรากฎโฉมเมื่อจำเป็นเท่านั้น ขณะที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของพวกเรากำลังก้าวหน้า โชคชะตาก็ดลบันดาลให้เรา ได้พบและผูกสัมพันธ์กับพวกเขาโดยปริยาย

จากการบอกเล่าของผู้หยั่งรู้ โลกของเราได้รับพรและกำลังถูกปกป้องอย่างต่อเนื่อง จากอันตรายทุกรูปแบบในทุกเวลา ที่เราไม่เคยแม้จะตระหนักถึง ขณะที่เทคโนโลยีของเราก้าวหน้า เราจะตระหนักว่ากลุ่มที่อยู่ด้านนอกนั้นรักษาเราอย่างไร

ที่มา
http://www.alienshift.com/id119.html
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-03 11:23:13


ความคิดเห็นที่ 108 (1622384)

ขอบคุณที่มา : Facebook, Nanan Mahisarakul

ถูกต้องแล้วครับ ตอนนี้สนามแม่เหล็กโลกของเรา กำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆครับ จนกระทั่งแกนแม่เหล็กโลกพลิกกลับขั้วในปี 2555-2556 นี้ จึงจะทำให้สนามแม่เหล็กโลกค่อยๆ เพิ่มความเข้มขึ้นเป็น 22 เกาส์ในปี 2560 ครับ

บทบาทของ สนามแม่เหล็กโลก ต่อสุขภาพ
โดย นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล

กายจิตของคนเรานี้ยังได้รับอิทธ
ิพลจากสนามพลังของโลกและจักรวาลด้วย ตั้งแต่สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และจักรราศีต่างๆ สนามแม่เหล...

็กโลกซึ่งยังเปลี่ยนแปรกับปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด กระแสน้ำในมหาสมุทร คลื่นใต้น้ำและเหนือน้ำ อุณหภูมิของโลก พายุฝนฟ้า เป็นต้น ท้ายที่สุดคลื่นที่คนเราประดิษฐ์ขึ้น คอมพิวเตอร์ หม้อแปลงไฟ เตาอบ ไดเป่าผม โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ กระทั่งเสียงดนตรี เพลง เสียงสวดมนต์ รวมไปถึงคลื่นข่าว คลื่นความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เหล่านี้คือองค์รวมของสิ่งต่างๆที่ส่งผลกลับไปกลับมาต่อชีวิตจิตใจของคนเรา

เป็นที่รู้กันว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายรวมทั้งคนเร
าที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ ต่างได้รับพลังงานชีวิตอยู่ตลอดเวลาจาก พลังชีวิตของโลก พลังนี้ก็คือสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง มันเป็นสนามพลังอ่อนๆที่เราได้รับอยู่ตลอดเวลา และถ้าเมื่อไหร่เราไม่ได้รับพลังนี้ ก็อาจเป็นเหตุให้เราป่วยเจ็บได้ เรื่องนี้ได้จากการสังเกตว่าคนงานที่ทำงานก่อสร้างตึกใหญ่ๆ ซึ่งบางทีต้องใช้โครงสร้างเหล็ก หรือกระทั่งแผ่นเหล็กเป็นจำนวนมาก เป็นโครงสร้างของตึก เมื่อสร้างตึกไปหลาย ๆ เดือนก็พบว่า คนงานเหล่านี้เกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว ปวดข้อ โดยไม่ปรากฏสาเหตุ อาการเหล่านี้พบอีกในเวลา 30 ปีหลัง

ในหมู่นักบินอวกาศ องค์การนาซ่าเริ่มสังเกตอาการนี
้ได้ จากนักบินรุ่นแรกๆ ซึ่งต้องออกไปนอกโลกพ้นจากแรงดึงดูดของโลก ก็ปรากฏอาการเหล่านี้เหมือนกัน เขาเรียกชื่อกลุ่มอาการนี้ว่า "โรคอวกาศ (space sickness)"

คนเราไม่รู้จักความสำคัญของสนาม
แม่เหล็ก จนกระทั่งนักบินอวกาศทั้งสหรัฐและรัสเซียเกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว มึนหัว เมื่อทำงานอยู่ในอวกาศนาน ๆ จนในที่สุดองค์การนาซาจึงต้องสร้างสนามแม่เหล็กเทียมขึ้นในสถานีอวกาศ โดยให้สนามดังกล่าวมีความถี่ที่ 7.8 ครั้ง/วินาที ซึ่งเท่ากับสนามแม่เหล็กโลก "โรคอวกาศ" จึงหายไป ขณะเดียวกัน ชุดอวกาสของรัสเซียยังได้ออกแบบให้ใส่แม่เหล็กไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของนักบินอวกาศด้วย

ในญี่ปุ่น นักวิจัยชื่อ ไคโออิชิ นาคากาวา พบว่า คนงานก่อสร้างตึกสูงที่ต้องใช้โ
ครงเหล็กเป็นจำนวนมาก มักป่วยด้วยอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง นอนไม่หลับ เขาพบว่าโครงเหล็กที่เป็นแผ่นของตึก ทำหน้าที่เป็นฉนวน ที่กันเอาสนามแม่เหล็กโลกออกไปจากพื้นที่ภายในอาคาร เป็นผลให้คนงานเกิดอาการป่วยเจ็บได้

ประเด็นนี้เป็นเรื่องน่าคิดต่อไ
ปว่า ทุกวันนี้ชาวสำนักงานทำงานอยู่ในตึกสูงเสียโดยส่วนมาก อาการเจ็บป่วยจำนวนไม่น้อย อาจเกิดจากภาวะพร่องสนามแม่เหล็กโลกก็ได้ และเหตุฉะนี้เอง การพักผ่อนตากอากาศ พาตัวเองไปอยู่ในท่ามกลางภูเขา แม่น้ำ ทะเล จึงเปิดโอกาสให้คนเราได้รับการอาบไล้จากสนามแม่เหล็กโลก เพิ่มพลังชีวิตสำหรับการทำงานอันตรากตรำในวันต่อๆไป และขณะเดียวกันการใช้อุปกรณ์ที่ให้สนามแม่เหล็กอ่อน ๆ แก่ร่างกายของคนที่เจ็บป่วยด้วยภาวะพร่องสนามแม่เหล็ก ก็จะพบว่าอาการป่วยเจ็บดีขึ้น

นักสัตววิทยายังสังเกตว่า สัตว์แต่ละชนิดรับรู้ต่อสนามแม่
เหล็กโลกที่แตกต่างกัน นกพิราบสื่อสารสามารถหาทางบินกลับรังได้ ก็เพราะบางส่วนในสมองของมันรับรู้ต่อความเข้มจางของสนามแม่เหล็กโลกในจุดต่างๆ ที่แตกต่างกัน

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งทดลองใช้เคร
ื่องปล่อยสัญญาณวิทยุขนาดเล็กติดไว้ที่หัวนกพิราบ สัญญาณดังกล่าวรบกวนการรับรู้สนามแม่เหล็กโลกของนกพิราบ ทำให้นกไม่สามารถบินกลับรังได้ ข้อคิดจากเรื่องนี้มีอยู่ว่า คนสมัยนี้ขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน แต่มัวหลงระเริงโทรศัพท์มือถือคุยกับแฟนอยู่ตลอดเวลา อาจถึงกับหลงทิศผิดทาง กลับบ้านไม่ถูกก็เป็นได้

ทีนี้มาถึงก้อนหินและแร่ธาตุบ้า
ง นักธรณีวิทยาเชื่อว่า สนามแม่เหล็กโลกเกิดขึ้นโดยเหล็กหลอมละลายที่เป็นลาวาอยู่ใต้พื้นโลก เมื่อภูเขาไฟระเบิดลาวาที่พุขึ้นแล้วเย็นตัวลงเป็นก้อนหินชนิดต่างๆ และกลายเป็นเปลือกโลกทีละชั้นๆ เปลือกโลกซึ่งก็ประกอบด้วยก้อนหินที่ปนธาตุเหล็กเหล่านี้จึงแฝงไว้ด้วยสนามแม่เหล็กแรงบ้าง ค่อยบ้าง อยู่ภายในหินชั้นต่างๆ เหล่านี้ ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ซึ่งวิวัฒนาการมาควบคู่กับกำเนิดของโลก ต่างก็มีอิทธิผลของสนามแม่เหล็กโลกแฝงอยู่ในทุกๆ อณูของชีวิตอยู่ด้วย

นี่เป็นคำอธิบายว่าทำไมนกพิราบจ
ึงรับรู้สนามแม่เหล็กได้ เหตุเพราะว่าในสมองบางพื้นที่ของนก ปรากฏมีแร่ธาตุแมกเนไตต์อยู่มากเป็นพิเศษ และงานวิจัยในระยะหลังก็พิสูจน์ด้วยว่าสมองของคนเราก็มีแมกเนไตต์อยู่ในพื้นที่บางส่วน รวมทั้งที่ต่อมหมวกไตด้วย ตรงนี้เป็นข้อสันนิษฐานด้วยว่า นักเพ่งพลังจิตบางคนที่สามารถใช้ไม้รูปตัววาย หาแหล่งน้ำใต้ดินได้ก็อาศัยแมกเนไตต์ในสมองบางส่วน และความสามารถนี้จะหมดไปทันทีถ้าให้เขาสวมหมวกและปิดพื้นที่ต่อมหมวกไตด้วยเครื่องป้องกันสนามแม่เหล็ก ความรู้ต่อมาว่าด้วยสนามแม่เหล็กกับสิ่งมีชีวิตยังพบอีกด้วยว่า

ทิศทางและการหันขั้วของสนามแม่เ
หล็ก มีผลที่แตกต่างกันต่อการเจริญเติบโตและการเผาผลาญภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองปลูกเมล็ดข้าวรายด้วยการวางเมล็ดตามยาว และตามขวางต่อสนามแม่เหล็กโลกแล้วพบว่า เมล็ดที่วางไว้ให้ทอดตัวตามแนวเหนือใต้สามารถงอกและเติบโตดีกว่าเมล็ดที่ถูกวางไว้ตามขวาง ความรู้ละเอียดกว่านั้นยังพบอีกว่า ความเข้มจางของสนามแม่เหล็กโลกแปรเปลี่ยนตามแต่ละสถานที่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเปลือกโลกในแต่ละแห่งที่แตกต่างกัน รวมทั้งปริมาณแร่ธาตุใต้พื้นดินแต่ละแห่งที่แตกต่างกันด้วย

นักธรณีวิทยาพบว่าสนามแม่เหล็กโ
ลกที่อเมริกาหรือรัสเซียมีความเข้มกว่าสนามที่บราซิล สนามแม่เหล็กยังเปลี่ยนแปรตามช่วงเวลาอีกด้วย เวลากลางคืนสนามแม่เหล็กโลกจะเข้มกว่าเวลากลางวัน สาเหตุเพราะอิทธิพลของดวงอาทิตย์ ยามกลางวันพื้นโลกส่วนนั้นหันเข้าหาดวงอาทิตย์ แรงจากดวงอาทิตย์ทำให้สนามแม่เหล็กโลกไม่อาจเปล่งพลังสู่พื้นโลกเท่าที่ควร ยามกลางคืนพื้นโลกส่วนนั้นหันออกจากดวงอาทิตย์ แรงสนามแม่เหล็กโลกจึงเปล่งพลังสู่พื้นโลกได้เต็มที่ และเนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกช่วยจรรโลงสุขภาพ

ดังนั้น การนอนกลางคืนร่างกายมีโอกาส "ชาร์จพลัง" เพิ่มขึ้น ทำให้ตื่นด้วยความสดใสกระปรี้กร
ะเปร่า ส่วนการนอนกลางวันร่างกายมีโอกาส "ชาร์จพลัง" ได้น้อยกว่า และใครที่ทำงานกลางคืนนอนกลางวัน สุขภาพจึงมักจะโทรมเร็ว
วัยรุ่นวัยหวานโปรดฟังทางนี้ การนอนดึกๆ เล่นเน็ต ไม่หลับไม่นอนนั้น โทรมเร็วสุดสุดเด้อ...สิบอกไห่

สนามแม่เหล็กโลกโดยปกติจะสั่นสะ
เทือนด้วยความถี่ 7.8 รอบ/วินาที ขณะเดียวกันยังมีการสั่นสะเทือนขนาดจิ๋วที่แปรเปลี่ยนอยู่ในระหว่างคลื่นสั่นสะเทือนพื้นฐานอีกด้วย มันมีขนาด 1 รอบจนถึง 25 รอบ/วินาที นักธรณีวิทยายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกแปรเปลี่ยนเป็นวัฏจักรคือลดลงและเพิ่มขึ้น ทั้งนี้โดยมีรอบระยะของการลดและการเพิ่มรอบละ 500,000 ปี และโลก

ณ ขณะนี้อยู่ในระยะที่ความเข้มกำล
ังลดลง จากขนาดความเข้ม 4 เกาส์ เหลือเพียง 0.4-0.5 เกาส์ในปัจจุบัน เขารู้เรื่องนี้ได้โดยเก็บตัวอย่างของฟอสซิลอายุต่างๆ กันมาเทียบปริมาณความเข้มของสนามแม่เหล็กที่แฝงอยู่ในฟอสซิลเหล่านี้

สมมติฐานจึงมีอีกว่า ปัจจัยอะไรก็ตามที่ไปลดความเข้ม
สนามแม่เหล็กโลก จะไม่ดีต่อสุขภาพ และปัจจัยที่เพิ่มสนามแม่เหล็กโลกที่มีต่อตัวเรา ด้วยความเข้มที่พอประมาณ จะช่วยจรรโลงสุขภาพ

และตรงนี้เองเกิดมีข้อสันนิษฐาน
เพิ่มเติมว่า ศาสตร์โบราณว่าด้วยการจัดทิศทางของอาคารบ้านเรือน ประตู หน้าต่าง การตกแต่งด้วยต้นไม้ สระน้ำ และก้อนหินในบ้านหรือสำนักงาน ที่เรารู้จักกันในนาม "เฟิงสุ่ย" หรือ "ฮวงจุ้ย" นั้น น่าจะมีอิทธิพลต่อสนามพลังของแม่เหล็กโลก

ข้อสงสัยมีว่า เพียงแค่ก้อนหิน ต้นไม้ คอนกรีต จะไปมีแรงเหนี่ยวนำอะไรต่อสนามแ
ม่เหล็กโลก จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ต้องรู้จักเรื่องของปฐพีวิทยา เขาแบ่งสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นโลหะ ออกตามคุณสมบัติทางแม่เหล็กออกเป็น ไดอาแมกเนติก (diamagnetic) คือสารที่ถูกปฏิเสธหรือผลักดันโดยพลังแม่เหล็กแรงๆ และสารพาราแมกเนติก (paramagnetic) มีคุณสมบัติที่ถูกดูดดึงได้โดยสนามแม่เหล็กแรงๆ ชนิดหลังนี้ได้แก่ แกรนิต ดิน หินทราย ซึ่งล้วนเป็นวัสดุก่อสร้างแต่ครั้งโบราณจนปัจจุบัน สารพาราแมกเนติกแม้จะไม่ได้กลายเป็นแม่เหล็กในตัวมันเองได้เหมือนเหล็กหรือโคบอลต์ แต่มันก็ยอมรับและดูดซับพลังแม่เหล็กระดับหนึ่ง และวัสดุก่อสร้างเหล่านี้มีผลต่อคน สัตว์ และพืชที่อาศัยอยู่ในอาคารสิ่งก่อสร้างเหล่านี้

นี่คือความลับของสิ่งก่อสร้างโบ
ราณนับตั้งแต่พีระมิดหรือแท่งหินโอเบลิสก์ของอียิปต์ สโตนเฮนช์ ในอังกฤษ สุสานซื่อซานหลิงในจีน รวมถึงตึกกลมในไอร์แลนด์ ซึ่งมีชื่อเสียงมากในแง่ของสนามพลัง และมีงานวิจัยที่สนุกสนานมากว่าด้วยสนามพลังเหล่านี้

ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 12 สิงหาคม 2548 ปีที่ 25 ฉบับที่ 1304
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-03 11:24:51


ความคิดเห็นที่ 109 (1622385)

ขอบคุณที่มา : Facebook, Nanan Mahisarakul

 

 

 

ซอพระญาอินท์ตวายโลก(พระอินทร์ทำนายโลก) ลองฟังกันดูน่าฟังมากๆ

http://www.4shared.com/mp3/14l8wntq/02-_-_.htm ดาวน์โหลดกันก่อนครับ ซอพระญาอินท์ตวายโลก(พระอินทร์ทำนายโลก) ทำนองล่องน่าน ศิลปิน สิงห์คำ-แจ่มจันทร์ ความยาว 15:19 นาที

ซอพญาอินทร์ตวายโลก คำทำนายทางล้านนา ซึ่งมีมานานแล้ว เป็นเพลงทำนองซอกล่าวถึงคำทำนาย
ในธรรมของล้านนา ดาวน์โหลดกันก่อนครับ เพลงดีมากๆ หลายๆเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว *ถอดแบบคำต่อคำ*...


* สัตว์โลกมนุษย์ที่นับถือศาสนาพุ
ทธ ทั้งหลาย ฟังคำทำนายอินทราธิราชเจ้า แต่งคำซอเอามาบอกเล่า คำทำนายเก่าจะจริงไม่จริง ในอนาคตจะบังเกิดความจริง ธัมม์พระยาอินทร์ทำนายไว้ภายหน้า ใกล้ถึงเวลาแห่งความพินาศ (สร้อย)

* ที่ดอนจะกลายเป็นที่ลาด ดอยโดนถากถาง ขุนเขาผุพังถูกบุกรุกเข้าไปก่อส
ร้างทำเป็นรีสอร์ท บังกะโล คอนโดใหญ่โต มนุษย์จะเข้าไปบุกทำลายป่าเขาสร้างเป็น โรงแรม โรงเรียน ที่ดอนจะกลายเป็นที่ลาดราบเรียบเหมือนหน้าเขียง ที่เป็นหาดทรายจะกลายเป็นวังน้ำวน ดอยจะโล่งเตียน (สร้อย)

* หาดทรายจะกลายเป็นวังน้ำวน เพราะมีการนำเรือมาดูดทรายออกไป
บ้านสวนไร่นาที่อยู่ริมตลิ่งจะพังถล่มลง กลายเป็นวังน้ำวน ดอย/ภูเขาจะร้องลั่นคำราม ฟ้าร้องฝนตกหนักเหมือนเสียงผีร้องไห้ ดังก้องไปทั้งป่า (สร้อย)

* เจดีย์พระธาตุจะร้าวแยก แตก พัง จะเกิดแผ่นดินจะไหวรุนแรง พระพุทธรูปจะมีเหงื่อไหลออกมาตา
มองค์พระ เป็นคำทำนายโบราณที่เคยมีมา (สร้อย)

* กล่าวกันว่า ร่มฉัตรจะมีฝูงแตนเข้าไปทำรัง ฟ้าจะแดงจะสว่างและร้อนผิดปกติ ควันมากมายจะปกคลุมบ้านเมืองจนม
องไม่เห็นดาว เดือน ทั้งควันพิษ ควันไฟป่า ฯลฯ เมฆจะจับตัวเป็นรูปร่างพิสดารต่างๆนานา(สร้อย)

* จะเกิดฟ้าผ่ารุนแรงทำให้ผู้คนล้
มตายจำนวนมาก ผีหัวโตจะบินวนบนท้องฟ้าส่งเสียงร้องคำรามกึกก้อง(น่าจะหมายถึงเครื่องบิน) นักปราชญ์จะจะหลอกลวงเอาเงินทองด้วยวิธีผิดกฏหมาย สิ้นคิดเพื่อเลี้ยงตัวเอง (สร้อย)

* น้ำในลำคลอง ห้วย หนองต่างๆจะกลายเป็นสีเลือด จะเกิดอุทกภัยขั้นรุนแรงมากมาย แมลงศัตรูพืชจะระบาดหนัก จะเกิดการขัดแย่งทางความคิดขึ้น
(หมาหลายฝูงออกมาหอนซ่าว) (สร้อย)

* สัตว์ป่าหรือสัตว์ที่เคยอยู่ในป
่าจะเข้ามาอยู่ในเมืองในรูปแบบต่างๆ คนนุ่งเหลืองจะอ้างตัวว่าเป็นพระ ขี้ยา ขี้เหล้าจะบวชปลอมอยู่ในพุทธศาสนา โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปและศีลธรรม ปลูกข้าวก็จะยืนต้นตายเพราะขาดน้ำ (สร้อย)

* บ่อน้ำและแหล่งน้ำจะแห้งขอด คนยากคนจนจะพากันกู้หนี้ยืมสิน โจรผู้ร้ายจะชุกชุม ผู้คนจะหันไปพึ่งสิ่งที่ไม่มีตั
วตนมากขึ้น (สร้อย)

* ที่ที่เคยเป็นแหล่งน้ำจะถูกคนรว
ยถมเพื่อสร้างบ้านเรือน จะมีเสียงหวีดร้องน่ากลัวเหมือนภูติผีปีศาจอาละวาด คนที่ทำผิดจะแพ้ภัยตัวเองในที่สุด (สร้อย)

* ชาวเขาจะเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ
้น คนหนุ่มจะได้เป็นใหญ่เป็นโตในหน้าที่การงาน ผู้คนจะได้ทำงานนอกบ้านกันมากขึ้น คนใจบาปจะร่ำรวยมั่งมีแต่จิตใจหยาบช้า แต่คนจิตใจดีกลับยากจน(สร้อย)

* พ่อแม่ลูกจะพลัดพรากจากกัน คนมีความรู้จะไม่มีใครนับถือ เพราะจิตใจหลงอยู่ในอบายมุข บางพวกก็ทำอะไรเกินตัวเองจนเป็น
หนี้เป็นสินมากมาย เห็นช้างขี้ขี้ตามช้างนั้นเอง(สร้อย)

* พ่อค้าสบคบคิดกับโจรเอารัดเอาเป
รียบลูกค้า วัวควายจะกินหญ้าร่วมกับม้า ถนนถูกสร้างแต่ไม่มีใครใช้ กลับไปใช้ถนนแคบๆเช่น ซอยหรือซอกเล็กๆ (สร้อย)

* สัตว์เพศผู้จะสู่สมกัน มีเพศสัมพันธ์แบบผิดธรรมชาติ เด็กจะใจแตก ท้องก่อนวัยอันควร ลืมบุญคุณพ่อแม่ ลืมบุญคุณผู้มีพระคุณ (สร้อย)

* คนผู้น้อยจะไม่เคารพผู้หลักผู้ใ
หญ่ คนมีบุญผู้ทำความดีจะถูกเมินเฉย จะไม่ใครศรัทธาในผู้ประพฤติในธรรม ฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล (สร้อย)

* ผู้คนจะหลงลืมหลักธรรมคำสั่งสอน
ของพระพุทธเจ้าจะครองตนอยู่บนความ รัก โลภ โกรธ หลง(ผ้าสี่แจ่งเอามาแป๋งถง) ผู้คนจะหันไปนับถือผีจนลืมพระพุทธศาสนา มีการปลอมแปลงเงิน ธนาบัตรต่างๆ คนแก่คนมีอายุจะหลงรักสาวน้อย (สร้อย)

* คนมีอายุจะหลงในกามารมณ์จนต้องห
มดเนื้อหมดตัว เด็กสาวจะท้องก่อนแต่งเพราะชอบลองอะไรแปลกๆ คนทำผิดจะบวชเพื่อหนีความผิด วัวควายผอมโซจะถูกฆ่าเพื่อใช้เป็นอาหาร ต้นข้าวจะตายเพราะถูกแดดเผา (สร้อย)

* จะได้หว่านกล้าเดือน 11,12 (เดือนเหนือ) ฝนจะตกเดือน 4,5 (เดือนเหนือ) ฤดูกาลจะผิดปกติไปหมด ตามคำทำนายโบราณในธัมม์ ต้นพระศรีมหาโพธิ์จะยืนต้นตาย ต้นไม้จะล้มตายจำนวนมาก ผู้คนจะเห็นสิ่งไม่มีค่าว่าเป็น
สิ่งมีค่า(สร้อย)

* ผู้คนจะละเลยสิ่งเก่าๆ พากันกราบไหว้สิ่งเน่าเหม็น ไม่รู้คำว่ายอม ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใ
หญ่โตเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล ทำอะไรก็จะมีอุปสรรค ผู้หญิงคนเดียวจะมีสามีมากคน หลงระเริงในกามารมณ์ (สร้อย)

* ผู้คนจะหลงระเริงในอบายมุข พระสงฆ์ พระชั้นผู้ใหญ่ จะนั่งรถเก๋งหลงใหลในอบายมุขลืม
คำสอนของพระพุทธศาสนา (สร้อย)

* มีการปลอมแปลงสินค้าเช่น ของเก่า ของโบราณ คนชั้นผู้น้อยจะทำตัวเสมอเจ้า ผู้เป็นลูกศิษย์จะไม่ฟังคำสั่งส
อนของครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้องจะเกลียดชังกัน (สร้อย)

* เจ้าจะคิดคบกับสตรีเพศนำผู้ที่ไ
ม่ใช่เชื้อสายมายกย่องให้เป็นเจ้า คนตายจะกลับฟื้นคืนชีพ คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะถูกตัดแต่งคำ สัตว์ต่างพันธุ์จะผสมพันธุ์กันจนเกิดการกลายพันธุ์ขึ้น จะเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคาขึ้นบ่อยครั้ง (สร้อย)

* ต้นไม้ที่ยังไม่เจริญเติบโตเต็ม
ที่จะติดดอกออกผล สมณเพศจะค้าขายเหมือนชาวบ้าน สัตว์ป่าจะพูดได้ คนป่าเถื่อนจะอวดอ้างความฉลาด คนแก่จะอยากเป็นหนุ่มเป็นสาว จะขายตัวเลี้ยงชีพ ผู้ดีจะเกลือกกลั้วกับไพร่ (สร้อย)

* พระอินทร์ได้ให้คำทำนายว่า คนที่ทำบาปกรรมจะต้องได้ผลกรรมน
ั้น ผู้มีอำนาจชั้นเจ้านายใหญ่จะเชื่อลัทธิใหม่ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่คนที่ทำดียึดมั่นในคำสอนของพระพุทธศาสนา ก็จะได้ผลแห่งการทำดีนั้นตอบแทน จนได้ไปอยู่บนสวรรค์ อันมีนิพพานเป็นที่ตั้ง

การถอดเทปนี้การถอดเทปโดยถอดคำต
่อคำ และมีบางส่วนที่ใช้การตีความสำนวนล้านนา อาจมีบางถ้อยคำที่หมิ่นเหม่ มิได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง เพียงแค่อยากให้ทุกท่านได้รับทราบถึงความหมายของ ซอพญาอินท์ตวายโลกนี้เท่านั้น ขอทุกท่านได้เข้าใจและให้อภัยด้วยนะครับ ผิดพลาดประการใดขอสุมามา ณ.ตี่นี่โตยเน้อครับ ด้วยความนับถือเน้อหมู่ฝูง***น้
อง

โดยคุณ อ้ายบ่าวจ๋อมตอง

ที่มา คุณลูกแม่แก้ว เวปพลังจิต ดอทคอม
See More
ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-03 11:29:48


ความคิดเห็นที่ 110 (1622386)

 

 

ขอบคุณที่มา : Nanan Mahisarakul

สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นหลังปี 2560 เป็นต้นไป !!!

ในหลวงตรัส "ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี"

---------------------------------------------

ภายหลังจากการชำระโลก(2555-2560)

...

1. มนุษย์จะมีจิตใจดีงาม เปี่ยมด้วยคุณธรรม และมีเมตตาต่อกัน

2. มนุษย์จะเลิกทานเนื้อสัตว์ จะเลิกเบียดเบียนกันโดยอัตโนมัติ

3. มนุษย์จะใช้สมองซีกขวาสูการหยั่งรู้ ได้ด้วยปัญญาญาณง่ายขึ้น

4. ประเทศไทยจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก

5. ประเทศไทยจะสร้างยูเอฟโอท่องจักรวาล ได้เป็นชาติเดียวในโลก

6. ศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย จะปรากฎพระองค์ขึ้นบนแผ่นดินไทยในไม่เกิน 6 ปี หลังวันสิ้นยุคพลังงานเก่า

7. หน้าที่การบันทึกคัมภีร์เป็นหน้าที่ของผม(อ.ปริญญา ตันสกุล) หน้าที่ในการเยียวยาปลุกปลอบหัวใจของเพื่อนมนุษย์คือ พระศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย โปรดรับทราบไว้ตามนี้ด้วย

8. มนุษย์จะมีอายุยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิม อำนาจแม่เหล็กโลกเพิ่มขึ้นจาก 14 เก๊าส์ เป็น 22 เก๊าส์ ร่างกายคุณแข็งแรง สุขภาพพลานามัยดีขึ้นโดยอัตโนมัติ

คัดลอกมาจาก หนังสือพระโอวาทแห่งองค์จิตจักรวาล ครั้งที่ 17 เรื่องพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ สื่อการถ่ายทอดพระโอวาทโดย อ.ปริญญา ตันสกุล MBA.,M.S. PARINYA TANSAKUL

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-03 11:32:10


ความคิดเห็นที่ 111 (1622387)

ขอบคุณที่มา : Nanan Mahisarakul

เล่าเรื่องความฝันที่น่าจดจำ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในปี 2012
วันที่ 29 กรกฎาคม 2555
รู้สึกตัวเมื่อเวลา 03.34 น.
ลงมาเปิดคอมพิวเตอร์ คีย์ข้อมูลนี้และหาข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อเวลา 04.35 น. คำค้นคือ Ascension

ขอเรียนให้ทุกท่านได้ทราบก่อนนะคะ ว่าที่เ
ขียนมานี้มันเป็นความฝัน ช่วงหลังๆโดยเฉพาะปีนี้(พ.ศ.2555 หรือ ค.ศ.2012)จะฝันบ่อยมากๆ ก่อนนอนในคืนที่ฝัน มักจะเกิดจาก สภาพจิตใจที่โปร่ง โล่ง สบาย บางทีก็เกิดจากการนอนทำสมาธิกำหนดลมหายใจเข้า-ออก กระทั่งหลับไป แล้วก็ไปอยู่ในที่แห่งหนึ่ง และตัวเองก็กำลังสนทนากับคนคนหนึ่งอยู่ ไม่ได้พูดกันโดยการเปล่งเสียง แต่ใช้โทรจิต หลังจากนั้นก็จะรู้สึกตัว เมื่อรู้สึกตัวครั้งแรกจะยังจำเหตุการณ์เรื่องราวได้ สักพักประมาณ 3-5 นาทีหากลุกไปห้องน้ำ หรือ ดื่มน้ำ ความทรงจำเหล่านั้นจะหายไป ระลึกย้อนยังไงก็จำไม่ได้ จะเป็นอย่างนี้ตลอด

พอมาช่วงปีนี้ (2555หรือ 2012) เริ่มจำได้และจำแม่นที่สุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. 55 เป็นต้นมา ความฝันก่อนหน้านี้จะนำความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลายๆอย่างในทางที่ดีขึ้นกับตัวเราเอง เช่น เลิกรับประทานเนื้อหมูและเนื้อไก่(ซึ่งไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะทำได้) เลิกดื่มน้ำอัดลม(เป๊บซี่)ซึ่งอันนี้ยากกว่าข้อแรกอีก ส่วนเนื้อวัวนั้นไม่ต้องเลิกเพราะไม่ทานอยู่แล้ว จากนั้นก็เริ่มมาทาน มังสะวิรัติ (ใน1วันต้องทานให้ได้อย่างน้อย 1มื้อ) และการใช้ชีวิตแบบพอเพียง เป็นผู้กินง่าย อยุ่ง่าย และการรักษาศีล 8 ในวันพระ จนกระทั่งเริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเองให้เรียบง่ายขึ้น แสวงหาน้อยลง พอใจในสิ่งที่ตนมีและเริ่มทำงานด้านจิตอาสา....อย่างจริงจัง
ในความฝันบางครั้งผู้มาเยือนจะสอนธรรมะให้กับเราเป็นธรรมะที่ลึกซึ้งมาก เข้าใจได้ทันที ใช้การสอนโดยจำลองให้เราอยู่ในเหตุการณ์นั้น เช่นสอนเรื่องโลกธรรม 8 สอนเรื่องการดิ้นรนแสวงหาที่ไม่รู้จักจบสิ้น โดยการสอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่ขัดกับหลักธรรมของพระพุทธองค์เลย ทำให้เราศรัทธาบุคคลท่านนี้มาก น่าทึ่งจริงๆ (เมื่อฝันจบเราจะลุกขึ้นมาจดในสมุดบันทึกไว้แล้วมาค้นเปรียบเทียบกับพระไตรปิฎก ออนไลน์ อีกครั้ง)

เริ่มต้นปีนี้ ผู้มาเยือนจะให้ความรู้เกี่ยวกับ ระบบสุริยะจักรวาล วัฏจักรของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับดาวโลกและสิ่งที่ชาวโลกต้องประสบพบเจอในปี 2012 รวมถึงวิธีปฏิบัติตน ให้ผ่านพ้น เพื่อเข้าสู่ยุค ศิวิไลซ์(เราก็นำไปเปรียบเทียบกับความรู้ที่ได้รับมาจากครูบาอาจารย์และกัลยาณมิตร บางส่วนก็ได้มาจากการศึกษาค้นคว้า และแน่นอนเมื่อได้รับข้อมูลมา เราจะตรวจสอบกับข้อมูลที่ค้นจาก google ด้วยเสมอๆ เราจะไม่ย้อนไปความฝันเก่า แต่ขอเล่าเฉพาะความฝันของคืนนี้ให้ฟัง

“ ณ จุดหนึ่ง ในจักรวาลนี้ ผู้มาเยือนปรากฏตัวขึ้น เราเริ่มต้นคำถาม...ที่ค้างคาใจ ทันที

คำถาม: ท่านคะ ตกลงว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติ จะเกิดช่วงสิ้นปีพ.ศ.2555นี้หรือไม่คะ หรือจะเลื่อนไปเป็นปีพ.ศ. 2560?
คำตอบ: ขณะนี้การเปลี่ยนแปลงก็กำลังดำเนินอยู่และจะเข้มข้นขึ้นในปลายปีนี้ เหล่าเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากดาวดวงอื่นและผู้มีบุญบารมีซึ่งต่างก็ประกอบไปด้วยความรักและความเมตตาได้พร้อมใจที่จะช่วยเหลือชาวโลกในผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตินี้ไปให้มากที่สุด

คำถาม: เหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จะกินเวลายาวนานขนาดไหนคะ?
คำตอบ: กินเวลานับจากนี้ไปจนกระทั่ง ปรับสมดุลเรียบร้อยสมบูรณ์ ประมาณปี พ.ศ. 2560

คำถาม: โห...ถ้าอย่างนั้น หนูไม่ต้องเตรียมตัวทุกวันหรือคะ แล้วหนูจะบอกคนอื่นๆ ให้เค้าเตรียมตัวอย่างไรกันในเมื่อครั้งที่แล้วท่านบอกหนูว่าให้เตรียมรับมือในช่วงปลายปีนี้
คำตอบ: ครั้งที่แล้วเราอาจจะให้คำตอบไม่ครอบคลุม สิ่งที่จะบอกก็คือว่า ทุกคนสามารถเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงของโลกได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในช่วงเวลาวิกฤติก็เตรียมตัวดังเช่นที่พวกเราได้ส่งสาส์นเกี่ยวกับการเตรียมตัวรับมือ มหาภัยพิบัติในปี 2012 มายังชาวโลกทุกภาคส่วนผ่านทางบุคคลที่เป็นตัวเชื่อมสัมพันธภาพ ซึ่งท่านก็ได้รับรู้ข่าวสาส์นนั้น ด้วยแล้ว ให้ทุกคนปฎิบัติตามสาส์นนั้นด้วยความไม่ประมาท อยู่รอรับมือกับช่วงเวลานั้นด้วยความรัก ความเมตตา ความดีงาม ต่อกันและกันแล้วพลังงานบวกในตัวบุคคลเหล่านั้นจะส่องแสงขึ้น เราหมายถึงแสงออร่า ที่พวกท่านรู้จักนั่นแหละ พลังงานแสงนี้จะมีสีขาวและเหลืองนวล จะเป็นเกราะป้องกันตัวและเป็นตัว identify ตัวตนของบุคคลนั้นเพื่อที่เราพวกเราจะได้นำพาและช่วยเหลือบุคคลเหล่านั้นให้ไปอยู่ในปลอดภัยและมีชีวิตรอด ต่อไป หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่า พลังงานบุญของพวกท่านที่ได้สั่งสมไว้ดีแล้ว จะพาให้พวกท่านรอดพ้นจากภัยพิบัตินั้น นั่นเอง

แม้บุคคลผู้ที่พึ่งรับรู้ หากเขาเหล่านั้น เร่งสร้างคุณความดี รู้เหตุและผล และเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัตินี้ตั้งแต่ตอนนี้ ก็ยังไม่สายเกินไป พวกเขาเหล่านั้นก็จะรอดพ้นเช่นกันแต่ต้องไปพิสูจน์ตัวตนแท้จริงของตนเองหลังช่วงวิกฤติ อีกครั้ง ร่างกายของชาวโลกกำลังอยู่ในช่วงเริ่มขึ้นของการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ การเปลี่ยนแปลงนี้จะเข้มข้นขึ้นในช่วงเวลาวิกฤติ พลังงานลบ คือความชั่วร้าย ความโกรธ ความหลง ความโลภนั้น จะส่งผลรุนแรงทำให้บุคคลผู้ที่สะสมพลังงานลบเอาไว้มาก ไม่สามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ ในขณะเดียวกันพลังงานบวกในตัวบุคคลนั้นก็จะส่งผลด้านบวกให้กับพวกเขา ผลของการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ นี้ ก็เพื่อให้คุณสามารถอยู่ในพลังงานยุคหน้าได้อย่างเหมาะสม เป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดที่พวกคุณจะได้รับ
วิกฤติของชาวโลกเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน บางแห่ง บางประเทศ วิกฤตินั้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว บางประเทศก็ใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว สำหรับประเทศของท่านก็ให้ยืดถือเอาวันเวลาที่เราได้แจ้งในสาส์น นั้นเป็นหลัก เพราะหลังจากช่วงเวลาวิกฤติจบสิ้นลงแล้ว กระบวนคัดเลือก บุคคลก็จะยังดำเนินต่อไปอีกโดยบุคคลผู้ที่จะรอดพ้นอย่างแท้จริงจะเป็นผู้พิสูจน์ตนเองด้วยการแบ่งปัน ความรัก และความเมตตา ความเกื้อกูล และเป็นที่พึ่งกับผู้ที่สูญเสีย สิ้นหวังและทุกข์ยาก ต่างคนต่างปฏิบัติต่อกันด้วยความรักและความเมตตา เมื่อภายในของพวกเขามีพลังงานบวกเพิ่มขึ้น มีแสงออร่าเพิ่มขึ้นกระบวนการการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ ก็จะดำเนินไปในทิศทางบวก บุคคลเหล่านั้นก็จะรอดพ้นเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ ผู้ใดมีความปรารถนาจะเจริญธรรม ก็จะสามารถกระทำได้ง่ายขึ้นเนื่องจากพลังงานในยุคใหม่เป็นพลังงานที่เหมาะสมกับการเจริญธรรม มีความโปร่ง โล่งสบาย เบา ไม่เหมือนพลังงานในยุคนี้ ในตอนนี้ท่านจะทำได้ยาก เพราะพลังงานลบที่ถาโถมมายังดาวโลกนั้นอัดแน่นแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ท่านเพียงแต่รักษาตัว สร้างพลังงานบวกให้กับตนเอง เตรียมรับมือกับช่วงเวลาวิกฤติปลายปีนี้ต่อต้นปีหน้า อย่างเต็มกำลัง ด้วยความไม่ประมาท ท่านก็รักษาชีวิตของท่านเอาไว้ได้ โลกแห่งพลังงานยุคใหม่ ศิวิไลซ์มาก ขอให้พวกท่านโชคดี แล้วเราคงได้พบกันอีก สวัสดี

จบความฝันของวันนี้ค่ะ

หมายเหตุ:

ช่วงเวลาวิกฤติ ที่พูดถึงนี้ คือช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2555 ซึ่งโลกและระบบสุริยะของเราจะเคลื่อนเข้าสู่การเริ่มต้นของยุคใหม่ โดยแนวการวางตัวของแกนโลกและระบบสุริยะ จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ขั้วของระบบดาวในสุริยะจักรวาลทั้งหมดที่เคยชี้ไปทางทิศเหนือเข้าหาทางช้าง เผือก จะเปลี่ยนเป็นชี้เข้าหาไตรแองกูลัมทางทิศตะวันออก และมีแนวการวางตัวของแกนอยู่ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตกแทน(ซึ่งพวกเราทราบดีอยู่แล้ว)

บุคคลที่เป็นตัวเชื่อมสัมพันธภาพ ในเว็บนี้ก็เช่น คุณ Chayutt , คุณ เกษม, คุณ Falkman เป็นต้น

ในประเทศไทยก็เช่น พระอาจารย์รัตน์ ดร.สนอง ดร.อาจอง เป็นต้น (ขออภัยด้วยค่ะไม่ได้เอ่ยนามอีกหลายๆท่านแต่ถ้าคุณศึกษาเพิ่มเติมจากบุคคลข้างต้นแล้วคุณจะทราบได้เองสำหรับผู้เชื่อมสัมพันธภาพอื่นๆ ว่าเป็นใครบ้าง)

*** เล่าสู่กันฟังนะคะ ถ้าหากไม่มีสาระ ก็อย่านำมาเป็นสาระให้ขุ่นมัวในอารมณ์นะคะ ทำจิตใจให้ผ่องใสรับวันใหม่ไปพร้อมๆ กันค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-03 11:34:46


ความคิดเห็นที่ 112 (1622412)

เพลงพระอินทร์ทำนายโลก ที่พ่อใหญ่ธนา นำมาลง คห.109 นี้

เห็นจริงมาแล้วแทบทุกข้้อเลยนะ นี่แสดงว่าใกล้เวลาแล้วนะ มีคนสักกี่คน ที่รู้และตื่นแล้วบ้าง ใครพร้อมแล้วบ้าง

ที่จะอยู่ในยุคใหม่ และ ใครไม่่ต้องการอยู่ต่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน เอ....หรือว่า.....เขาคิดว่า....ตายแล้ว.....ก็แล้วกัน.......ไม่สนใจ

หาความสุข ความสำราญ และ ตักตวงวันนี้ให้ได้มากที่สุดก่อน เป็นสิ่งที่เห็นเดี๋ยวนี้ บางคนอาจคิดอย่างนี้ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง ความสุขที่แต่ละคนแสวงหานั้น

มันก็ไม่ใช่ความสุขจริงๆ อยู่ดี ถ้าสุขจริง ก็คงไม่ต้องดิ้น ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องเร่าร้อน ไม่ต้องแบ่งปันความทุกข์ให้ใคร

แต่ที่ทุกข์แล้ว ไม่รู้ว่าทุกข์ นี่น่าสงสารมาก แต่ที่รู้ว่าทุกข์ แล้วหาทางออกจากทุกข์ไม่เจอ นี่ก็น่าสงสารกว่า

สรุปแล้ว ผู้ที่หาทางออกจากทุกข์เจอ ถือว่าโชคดีที่สุด

ขออนุโมทนากับพ่อใหญ่ธนาที่นำเพลงมาให้ฟัง

เพร๊าะ เพราะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-03 18:59:31


ความคิดเห็นที่ 113 (1622417)

ความเห็นที่ 112

(1622412)

 เพลงพระอินทร์ทำนายโลก ที่พ่อใหญ่ธนา นำมาลง คห.109 นี้

เห็นจริงมาแล้วแทบทุกข้อเลยนะ นี่แสดงว่าใกล้เวลาแล้วนะ มีคนสักกี่คน ที่รู้และตื่นแล้วบ้าง ใครพร้อมแล้วบ้าง

ที่จะอยู่ในยุคใหม่ และ ใครไม่ต้องการอยู่ต่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน เอ....หรือว่า.....เขาคิดว่า....ตายแล้ว.....ก็แล้วกัน.......ไม่สนใจ

หาความสุข ความสำราญ และ ตักตวงวันนี้ให้ได้มากที่สุดก่อน เป็นสิ่งที่เห็นเดี๋ยวนี้ บางคนอาจคิดอย่างนี้ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง ความสุขที่แต่ละคนแสวงหานั้น

มันก็ไม่ใช่ความสุขจริงๆ อยู่ดี ถ้าสุขจริง ก็คงไม่ต้องดิ้น ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องเร่าร้อน ไม่ต้องแบ่งปันความทุกข์ให้ใคร

แต่ที่ทุกข์แล้ว ไม่รู้ว่าทุกข์ นี่น่าสงสารมาก แต่ที่รู้ว่าทุกข์ แล้วหาทางออกจากทุกข์ไม่เจอ นี่ก็น่าสงสารกว่า

สรุปแล้ว ผู้ที่หาทางออกจากทุกข์เจอ ถือว่าโชคดีที่สุด

ขออนุโมทนากับพ่อใหญ่ธนาที่นำเพลงมาให้ฟัง

เพร๊าะ เพราะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-03 18:59:31

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-03 20:17:07


ความคิดเห็นที่ 114 (1622425)

อะไรที่เราพยายามคิด

บางอย่างไม่เหตุมีผล

แต่วันนึง ก็จะรู้ว่าทีคิดไว้หน่ะ ผิด

ดั่งพระพุทธองค์ทรงตรัส

ผมสรุปได้ว่า

ทุกสิ่งในจักรวาล

ล้วนเป็นเหตุ เป็นผล

ที่ลงตัวกันพอดี

เว้นแต่เราไม่รู้ ไม่ค้นหา ไม่พิสูจน์

เลยกลายเป็น ลัทธิ หาว่างมงาย

---------------------

ขออนุโมทนากับพี่ ธนา ด้วยครับ

ถึงว่าทำไมพี่เป็นผู้นำดึงจิตวิญญาณคนได้

แถบช่วยรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ทุกคนที่ยังไม่รู้

ความลับในจักรวาลนี้ได้รู้ตาม

และอีกหลายๆ ท่านของลูกบ้านสวน

เป็นการปรับระดับความรู้ที่หายไปให้เท่ากัน

รู้เสมอกัน และก็พร้อมเตรียมจิตเตรียมใจไปด้วยกัน

เป็นการกระตุ้นที่ให้ผลมาก เพราะสิ่งที่สื่อมันคือของจริง

ถึงว่าทำไมความสงสัยของพี่ ถึงสร้างประโยชน์ได้มากมาย ขนาด

 

เราดันเป็นคนขี้เกียจ ไม่ค่อยรู้อะไร ไม่ค่อยสงสัย ทุกวันนี้เลยไปไม่ถึงใหน

เป็นผู้ตามผู้รู้บ้านสวนอยู่ร่ำไป ขอเป็นตัวไรเกาะไปด้วยครับ

อนุโมทนาอีกครั้งครับ

ชาวเกาะ สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-04 06:25:07


ความคิดเห็นที่ 115 (1622463)

          ไม่ว่าจะเกิดอะไรชึ้น จากข่าวสารด้านใดหรือเหตุการณ์ใด  สิ่งที่เราต้องฝึกไว้ตั้งแต่บัดนี้คือ การฝึกการเตรียมจิตใจของเรา

1.ถ้าตายวันนี้ เดี๋ยวนี้ วินาที่นี้ ขอจิตเกาะพระนิพพานเป็นอารมณ์ได้หรือไม่

ไม่ต้องกังวลว่าบุญที่ทำมาแล้วส่งถึงหรือไม่ หรือจะไปถึงนิพพานได้หรือไม่

2.ถ้าไม่ตายเพียงใด ให้ฝึกจิตของเราต่อ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆที่จะเกิดขึ้น ที่รู้หรือได้ทราบมา จะต้องมีการสูญเสียของรักชองชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-แม่ -สามี-ภรรยา-หรือลูก

ต้องฝึกเตรียมใจต่อว่าถึงวาระกรรมของเขาแล้ว แต่ตัวเราถ้ายังคงมีชีวิตอยู่ ทำใจได้ใหมกับการสูญเสียใดๆก็ตามที่เกิดขึ้น

ฝึกซ้อมจิตตั้งแต่เนินๆที่เหตุการณ์นั้งยังไม่เกิด ให้คิดว่าการสูญเสียเป็นเรื่องปรกติ เป็นไปตามวาระกรรมของแต่ละคน

เขาก็จะหมดวาระของการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราสำหรับชาตินี้ ไม่ขออธิษฐานจิตให้ต้องผูกพันกันในชาติต่อไปอีกแล้ว

3.สมบัติหรือตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือสูญสลายหายไป ถ้าเกิดขึ้นจริง จิตเรารับสภาพได้ใหม

เราต้องทนไห้ได้ใหม กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ฝึกซ้อมไว้

4.ไม่ว่าจะเกิดหรือไม่เกิดเหตุการณ์นั้น จิตเราจะเป็นอย่างไรต่อ เราจะต้องดำรงชีวิตต่อ เพื่อตัวเราเองและเพื่อดูแลคนอื่นๆต่อไป

         สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือ โรคร้ายแรงที่สุดที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆคือ โรคทำใจไม่ได้ เหมือนตายทั้งเป็นเลย  

        ต้องฝึกซ้อมตั้งแต่วันนี้แล้วนะครับ ถ้ามีการสูญเสียหรือเกิดขึ้นกับเราจริง ก็จะได้ไม่ต้องทุกข์มาก

ผู้แสดงความคิดเห็น เทวฤทธิ์ ท้าวคำ (เอก ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-04 12:42:10


ความคิดเห็นที่ 116 (1622476)

รบกวนคุณ เทวฤทธิ์ ท้าวคำ (เอก ) (tewaritt2-at-gmail-dot-com) นิดนึง

เจ้าหน้าที่บ้านสวนรบกวนให้เลือกเอาอีเมลออกด้วยครับก่อนส่ง(ผมเคยโดนแจ้งมาแล้ว 2 หน)

เพราะจะมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาในเวปได้

ขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยครับ

-------------

ไม่รู้จะยังไงกับตัวเองดี

จะทำดี

แต่จนแล้วจนรอด

สติ

สตังค์

หมด

ไม่มีเหลือ

ขอบคุณ คุณ ครองขวัญ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-04 14:02:35


ความคิดเห็นที่ 117 (1622490)

 ขอบพระคุณคุณเกียรติศักดิ์มากครับที่แจ้งเตือน

ผู้แสดงความคิดเห็น เทวฤทธิ์ ท้าวคำ (เอก ) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-04 16:50:27


ความคิดเห็นที่ 118 (1622493)

 คห.ที่ 115 จากคุณเอก กับ คห.ที่ 116 จากคุณเกียรติศักดิ์

ไม่ได้แก้ไขเอาอีเมลออกค่ะ

และรบกวนคุณเกียรติศักดิ์ลบอีเมลของคุณเอกออกจากความคิดเห็นด้วยค่ะ

ป้องกันไว้ก่อนน่ะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ครองขวัญ วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-04 17:20:42


ความคิดเห็นที่ 119 (1622537)

แต่ที่ทุกข์แล้ว ไม่รู้ว่าทุกข์

นี่น่าสงสารมาก

 

แต่ที่รู้ว่าทุกข์

แล้วหาทางออกจากทุกข์ไม่เจอ

นี่ก็น่าสงสารกว่า

 

สรุปแล้ว

ผู้ที่หาทางออกจากทุกข์เจอ

ถือว่าโชคดีที่สุด

.................................

กราบอนุโมทนาค่ะอาจารย์

รู้สึกว่ายังมีอีกพวก

ที่น่าสงสารสุดๆเหมือนกันค่ะ

 

คือ รู้สุข เห็นทุกข์

และรู้ว่า จะออกจากทุกข์อย่างไร

แต่กลับทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

ก็เลยยังต้องสุกๆดิบๆ สุขๆทุกข์ๆต่อไป

 

เฮ้อ...เบื่อตัวเอง เจงๆเล๊ย...

............................

อนุโมทนากับทุกๆธรรมทาน

จากพ่อใหญ่ธนา

ที่ก็อปมาฝากด้วยนะคะ

 

และเท่าที่ได้ยินข่าวมา

เค้าบอกว่า วันนี้( 4ส.ค.)

ผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว

วางแผนไว้ว่า

 

จะปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ

ให้ทุกคนได้รู้ได้เห็นยูเอฟโอกันทั่วโลก

ในงานโอลิมปิค กันเลยว่างั้น...

 

ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป

แต่ที่แน่ๆองค์ความรู้ต่างๆ

ที่ได้รับการสื่อสารมาโดยตลอด

จากท่านๆมนุษย์ต่างดาว

ก็คล้ายคลึงกับที่เราได้รับรู้

มาจากพระอาจารย์รัตน์ ท่านดร.อาจอง

และจากท่านอาจารย์อุบลเลยค่ะ 

 

ส่วนอาการต่างๆ

ที่เราได้รับผลกระทบ

จากพลังสนามแม่เหล็กโลก

 

บางอย่างที่เราคิดว่า แย่ๆ

แต่ในทางกลับกัน มันก็คือ

ร่างกายเราพยายามปรับตัว

ให้เข้ากับยุคพลังงานใหม่อยู่

 

ซึ่งถ้าเราฝึกจิตควบคู่กันไปด้วย

ในอนาคตเราก็จะมีร่างกาย

ที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น หนุ่มสาวขึ้น

จนน่าทึ่งเลยทีเดียว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-04 22:57:17


ความคิดเห็นที่ 120 (1622615)

 เรื่องเล่าของนิมิตฝัน


(ภาพภูเขาไฟระเบิดแต่มองดูคล้ายระเบิดนิวเคลียร์)

 

นิมิตฝันนี้ผมได้รับรู้มาจาก ผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งซึ่งผมไม่ขอเอ่ยนามนะครับ เป็นเรื่องของความฝันเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ผมจึงขออนุญาตนำเนี้อความในฝันนั้นมาเล่าให้ท่านฟังดังนี้ครับ (ขอย้ำว่าเป็นเรื่องของความฝันเท่านั้นนะครับ)

 

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

 

เรื่องสุบินนิมิตของผมนั้น จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ต่างจากไปจากนวนิยายชวนฝันทั้งหลายหรอกครับ เพราะเป็นเพียงแค่ภาพที่เห็นจากความฝัน มิใช่สมาธินิมิตจริง ๆ ดังนั้นเรื่องราวที่เกิดจากความฝันของผม ขอคุณเกษมฟังเป็นนิทาน นะครับ

 

ก่อนอื่นขอเล่าถึงเหตุแห่งสุบินนิมิตก่อนครับ.....คือเวลานอน ผมนอนทำสมาธิแล้วก็ก้าวลงสู่ความหลับ ซึ่งบางครั้งก็ฝัน บางครั้งก็ไม่ฝันครับ...ความฝันที่เกิดต่อจากจิตสงบแล้วก้าวลงสู่ความหลับ...จึงเป็นสุบินนิมิต (ซึ่งก็คือความฝันอยู่ดีครับ) บางครั้ง หากผมอยากเห็น ผมก็อธิษฐาน หรือตั้งใจอยากเห็นอย่างแรง แล้วค่อยนอนครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฝันเห็นทันทีหลังจากอธิษฐานนะครับ จะฝันเห็นอย่างนั้นก็ต่อเมื่อ จิตของผมคลายจากความอยากนั้นแล้ว คืนต่อ ๆ มา ไม่คืนใดก็คืนหนึ่ง เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็จะฝันเห็นเองครับ...เช่นเคยอธิษฐานขอเห็น นาค นารีผล รุกขเทวดา เป็นต้น

 

คร่าว ๆ คือ ฝันเห็นช่วงเกิดภัยพิบัติ ทั้งจากคน ทั้งจากธรรมชาติครับ เช่น

 

ฝันเห็นความหนาวมาก หนาวระดับน้ำแข็งเกาะต้นไม้(เกิดหลังใช้อาวุธร้าย),

 

ฝันเห็นน้ำท่วมใหญ่สูงระดับตึกสิบสองชั้น บ้าง น้ำท่วมหลากไหลนองเต็มทุกพื้นที่ที่ไม่สูง บ้าง (ฝนตกหนักนาน),

 

ฝันเห็นความร้อน แล้ง ไม่มีอาหารจะกิน คนเป็นกินคนตาย..คนที่ไม่ตายก็ถูกฆ่าเป็นอาหาร...(ในกลุ่มคนบาปเอง จะรวมกลุ่มกันเองแล้วกินกันเอง...กลุ่มผู้มีศีล ถือศีลอดอาหารยอมตาย ไม่ยอมกินใครก็มี)...ทั้งเห็นเขาเอาแขนคนขาคน ซี่โครงคน มาแขวนแลกข้าวของ ตามข้างทาง...

 

ฝันเห็นแผ่นดินไหว, ตึกถล่ม, บ้านทรุดหายไปในดิน, คนที่อยู่ชายหาดหายไปกับน้ำ, เห็นลำแสงจากฟ้าฟาดลงพื้น จนดินแยก น้ำทะเลล้นกระแทกตึกถล่มไล่ทะลายล้มเป็นทิวแถว

 

ฝันเห็นสงครามหลายครั้ง ทั้งทหารไล่ยิงคนตามภาคพื้นบ้าง ทั้งเครื่องบินบินเต็มท้องฟ้าทิ้งระเบิดสังหารบ้าง

 

ฝันเห็นแดนเร้นภัยต่าง ๆ

 

ฝันเห็นเจดีย์ทองอันสวยงามสูงเสียดฟ้า เห็นวิหารเจดีย์ที่จมอยู่ใต้น้ำ เห็นทำเลเมืองใหม่ (เปิดตามองภาพจากอากาศ) เห็นสถานที่มุรธาภิเษกที่มีอยู่แต่ผีบังไว้หรืออยู่อีกมิติหนึ่ง ซึ่งมีหุ่นพยนต์ยักษ์รักษาไว้อยู่ แสดงว่าของทั้งหลายปัจจุบันโดยมากมีอยู่ มีเกิดขึ้นแล้ว แต่เทวดาปิดบังไว้อยู่........เป็นต้น

 

นับตั้งแต่ช่วงก่อนปี ค.ศ. 2000 ผมมักจะฝันเห็นสถานที่แปลก ๆ ฝันเห็นเจ้าลัทธิต่าง ๆ เช่นพวกเข้าทรง รวมถึงสำนักพระศรีอาริย์ทั้งหลาย ฝันเห็นพระที่เป็นมิจฉาทิฏฐินำพาคนไปสู่มิจฉาทิฏฐิดุจตน ฝันเห็นพระเกิดความโลภครอบงำ..เป็นต้น แล้วในฝันนั้น ๆ ตนเอง เข้าไปพยายามขัดขวาง แต่ก็สู้ไม่ค่อยได้ หลาย ๆ ครั้งในฝันต้องนั่งสมาธิเอาตัวรอดและก็รอดได้ทุกครั้ง และหลาย ๆ ครั้งในฝันก็ตั้งจิตอธิษฐานขอบำเพ็ญตนเพื่อเป็นคนหนึ่งที่จะสะสางชำระและรักษาพุทธศาสนาให้ผุดผ่อง


ผมเองเข้าใจว่า ภัยพิบัติใหญ่ จะเกิดขึ้นแน่นอน และตอนนี้ก็กำลังคืบคลานรุกเข้ามาเรื่อย ๆ และผมก็เข้าใจว่า คงมีผู้คนอีกมากมายคิดคล้าย ๆ ผม อยากให้โลกสงบสุข อยากให้โลกมีแต่คนดี ๆ มีเมตตา มีมุทิตา ไม่โลภ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่รังแกกันและกัน

ซึ่งก่อนนี้ ด้วยเมตตาธรรม และกรุณาธรรม ผมคิดจะช่วยผู้อื่นโดยเฉพาะเหล่าญาติสนิทมิตรสหายให้รอดจากภัยพิบัติต่าง ๆ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของตน จึงพยายามบำเพ็ญตนเพื่อให้สามารถทำได้ดังนั้น แต่ต่อมากลับมองเห็นการช่วยเหลือแบบนั้น เป็นวิธีการไม่ชอบธรรม เนื่องเพราะว่า คนเราจะอยู่จะตาย ก็ด้วยกรรมของตนบริโภคกรรมของตนเท่านั้น สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม นั่นคือ หากเราช่วยผู้คนที่มีศีลไม่ดีงามพอ มีคุณธรรมไม่งามพอ ให้รอดชีวิตจนเป็นชาวประชาแห่งเมืองใหม่แล้ว ผู้คนเหล่านั้น จักอยู่ลำบากเอง เพราะธรรมตนไม่เหมาะสมกับธรรมของคนส่วนใหญ่ เปรียบเสมือนให้คนไม่ชอบเข้าวัดฟังธรรมไปอยู่ในวัดฟังธรรมทั้งวัน เขาย่อมทนอยู่ไม่ได้ ฉะนั้น นี่อย่างหนึ่ง จักอยู่สร้างความลำบากให้คนดีคนอื่น เพราะธรรรมชาติของตนเป็นคนไม่ค่อยดีอยู่ก่อนแล้ว นี่อย่างหนึ่ง ผู้คนเหล่านี้ จักสร้างความปั่นป่วนให้เมืองใหม่ได้

แต่หาก กรรมของตนของตน เป็นผู้จำแนก คัดสรร จัดสรรแล้ว กลุ่มของสรรพสัตว์ จะเกิดการแบ่งอย่างชัดเจน คนที่รอดชีวิตก็จะรอดได้ด้วยกรรมของตนเองเป็นปัจจัย คนที่มีศีลดีงามจริง ๆ มีคุณธรรมดีงามจริง ๆ มีทิฏฐิตรงจริง ๆ มีศรัทธาเดียวกันจริง ๆ จะได้อยู่ในเมืองใหม่ เมืองที่เหลือแต่คนดี ๆ จึงจะมีแต่ความสงบสุขสมเป็นเมืองในอดุมคติได้

เมื่อเห็นดังนี้ จิตจึงก้าวเข้าสู่อุเบกขาธรรม ปล่อยให้คนทั้งหลายสร้างตนเอง บำเพ็ญทางรอดเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ...ผู้ใดได้ยินได้ฟังเรื่องราว เกิดความตื่นตัว มิใช่ตื่นตูม แล้วใคร่รู้ทางรอด วิธีการดำเนินชีวิตเพื่อความเป็นผู้รอด ผู้นั้น ก็จักขวายขวายเอง เมื่อรู้วิธีดำเนินตนแล้ว พยายามดำเนินตนตามแนวทางนั้น ๆ จริง ๆ จนคุณธรรม ศีลธรรมซึมเข้าจิตใจเป็นอันดีแล้ว เขาจักรอดเอง ด้วยคุณธรรมของเขาเอง

แม้แต่ตัวผมเอง หากมีคุณธรรม ศีลธรรมดีไม่พอ ก็ไม่รอดเหมือนกัน ดังนั้น จึงสำนึกในใจเสมอว่า ต้องประพฤติตัว บำเพ็ญตน ในคุณธรรม ศีลธรรม อันนั้นเหมือนกัน

อากาศรองรับได้แต่เฉพาะของเบากว่าหรือคู่ควร สิ่งที่หนักกว่าอากาศ หรือไม่คู่ควร ย่อมอยู่บนอากาศไม่ได้

น้ำปรับตัวเองเป็นไอน้ำ จึงอยู่บนอากาศได้

ไอน้ำเมื่อรวมตัวกันเป็นหยดน้ำ ย่อมร่วงหล่นลงภาคพื้น

ฉบับนี้ เท่านี้ก่อนนะครับ...ขอบคุณครับ

เครดิตโดย คุณเกษม จากเวปพลังจิต 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุณญิสา พูลชื่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-05 22:59:07


ความคิดเห็นที่ 121 (1622633)

อนุโมทนากับธรรมทาน

จากคุณ ปุญญิสา ด้วยนะคะ

 

คือแบบว่า

ได้อ่านเรื่องราวที่อธิบาย

เกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

แบบละเอียดๆแบบนี้ทีไร

จิตใจก็ยังหวั่นไหวทุ๊กที

 

ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่ถ่ายทอดภาพ

อันระทึกขวัญและสภาพอารมณ์

ของตัวละครแล้ว ยิ่งสะเทือนใจจริงๆ

น่ากลัวจริงๆค่ะ

 

คงต้องหัดฝึกจิตฝึกใจ

ให้พร้อมเผชิญหน้ากับทุกๆสถานการณ์

ตามที่คุณเอกแนะนำมานะคะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-06 01:50:24


ความคิดเห็นที่ 122 (1625103)

 ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเตือน อนุโมทนา สาธุค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น พุทธิมา วงศ์ดีประสิทธิ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-20 22:39:01


ความคิดเห็นที่ 123 (1625174)

ขอบคุณทุกท่านที่นำสิ่งดีๆมาให้ได้รับรู้

ก่อนที่จะสายเกินแก้

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-21 12:40:12



<< ก่อนหน้า 1 [2]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.