ReadyPlanet.com


เรียบเรียงข้อมูลสำคัญบางส่วน 27 แหล่ง


กราบอ.อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านสวนทุกๆพระองค์

ลูกขอตั้งจิตเสี่ยงทายอธิษฐาน หากแม้บทความที่ลูกจะนำมาแบ่งปันพี่น้องบ้านสวนนี้

ถ้าเสด็จปู่ท้าวเวสสุวรรณเห็นสมควรแล้ว ขอพระองค์โปรดให้ลูก post ข้อความนี้ผ่านโดยไม่ติดขัดแต่อย่างไร

บทความนี้แม้จะมาจากที่อื่น แต่ลูกเห็นว่าผู้รวบรวมมิได้ต้องการจะแสดงตนโอ่อวดกล่าวอ้างว่าเป็นภูมิธรรมความรู้ของตนเอง เและได้บอกว่าเป็นการรวบรวมข้อมูลจากครูบาอาจารย์และนักวิทยาสตร์หลายๆท่านโดยเฉพาะ

"คุณพ่อศ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา (ผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณในหอเกียรติยศขององค์การนาซ่าว่า  เป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นชั้นนำของโลก )

ที่เคารพรักของลูกๆบ้านสวนทุกคน

นอกจากนี้ข้อมูลในบทความก็ตรงกับหลักธรรมคำสอนขอพระพุทธองค์และ หลักคำสอนของ อ.แม่อุบล ที่มุ่งเน้นให้ลูกหลานบ้านสวนถือศีลและรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์



ผู้ตั้งกระทู้ เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-04-18 23:22:08


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1607013)

Credit by รวบรวมและนำมาบรรยายโดยนายมงคล  กริชติทายาวุธ

เรียบเรียงข้อมูลสำคัญบางส่วนมาจาก 27 แหล่งข้อมูล  ได้แก่
1. ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
2. รศ.ดร.เสรี ศุกราทิตย์  ผอ. ศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร  
3. รศ.ดร.ปัญญา  จารุศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและแผ่นดินไหว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
***4. ศ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา  ผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณในหอเกียรติยศขององค์การนาซ่าว่า  เป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นชั้นนำของโลก
5. ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรคนไทยที่จบปริญญาเอกทางวิศวกรรมไฟฟ้า  จากจอร์เจีย  สหรัฐอเมริกา  ปัจจุบันทำงานในองค์การนาซ่า  สหรัฐอเมริกา 
***6. พระอาจารย์รัตน์  รตนญาโณ  เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง  อ.แม่สะเรียง  จ.แม่ฮ่องสอน  ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐาน  ในสายสมาธิหมุน และ พลังปิรามิด
7. น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ 
8.  เรื่อง ด.ช.ปลาบู่ (ตีความเวลาเกิดเหตุจากเรื่องดังกล่าวที่ต่างมุม)
9. ข้อมูลจากกรมชลประทาน  
10. สรุปจากบันทึกของพระคุณลุงเชียงใหม่ผู้มีญาณวิเศษ
11. ข้อมูลจากท่านวัชรธรรม  (พระถิรธมโม)
12 - 15 : เป็นการรวบรวมคำพยากรณ์ของหมอดู ซึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสม ขออนุญาติไม่นำเสนอคะ
16. มหันตภัยจากดาวนิบิรุ
17. ข้อมูลจาก อ. สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา  นักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งที่ทำงานที่องค์การนาซ่า  สหรัฐอเมริกา
18. เรื่องที่ อ้างกันว่าได้ข้อมูลมาจากองค์การนาซ่า
19. คำทำนายของหลวงปู่สรวง(เทวดาเล่นดิน)
20. คำตอบจากพระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล
21. คำเตือนจากปู่อินทร์ตาทิพย์เขาตำแยอายุ 109 ปี 
22. ข้อมูลจากหลวงปู่ประเสริฐ 
23. โครงการ HAARP อาวุธที่ทรงอิทธิพลต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง 
24. ข้อมูลจากพระพรหมวชิรญาณ* (เจ้าอาวาสวัดยานนาวา)
25  ข้อมูลจากศิษย์อาจารย์ สันทัด มูลเครือคำ   สำนักปฏิบัติธรรม หมื่นครั้น  จังหวัดลำปาง
26  ข้อมูลจากพระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานอีกรูปหนึ่ง
27 ข้อมูลจาก  อ. คณานันท์ ทวีโภค  อ.สอนสมาธิ และ หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ  ห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ  ของเว็บไซต์พลังจิตดอทคอม

• ทำนายทายทักเรื่องเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในปี 2012-2014  หรือ  ปี  พ.ศ. 2555-2557   ส่วนใหญ่เป็นไปในทางลบเกือบทุกแหล่งข้อมูล


• ประการสำคัญที่สุด  คือ  ถ้าเป็นไปตามคำทำนาย  หรือ การคาดการณ์  ท่านต้องการให้ตัวท่าน  ครอบครัวของท่าน  ญาติสนิทมิตรสหายที่ท่านรักและผูกพัน  สามารถอยู่รอดปลอดภัย  ผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้ายดังกล่าวได้เพียงไรแต่ ถ้าไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น  จากปัจจัยใดๆก็ตาม  สิ่งที่แนะนำในวันนี้ มีแต่ทำให้ท่านมีความเจริญก้าวหน้าทั้งด้านร่างกาย และ จิตใจในการดำเนินชีวิตต่อไป  จะไม่เป็นการสูญเปล่า


• กรรมดี  จะปรากฏในรูปเทพสังหรณ์  ผ่อนหนักเป็นเบาได้  เหมือนมวลน้ำจะมาท่วมบ้านเราแน่  ก็จะทำให้เราเกิดสัมมาทิฐิ  รีบขนย้ายทรัพย์สินไปไว้ในที่ปลอดภัยมากกว่า  ก่อนที่น้ำจะมาถึง  และ อพยพทุกชีวิตในบ้าน  ทั้งคนและสัตว์  ให้ไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยก่อนที่น้ำจะท่วม  หรือ  ก่อนเกิดแผ่นดินไหว  ก็จะเห็นบรรดาสัตว์ที่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด  แสดงปฏิกิริยาให้สังเกตเห็นได้ชัด  ช่วยให้เราสามารถอพยพทุกชีวิตในบ้าน  ทั้งคนและสัตว์  ให้ไปในสถานที่ปลอดภัยได้ก่อนเกิดแผ่นดินไหว  หรือ  ไฟกำลังไหม้จะถึงบ้านเรา  ปรากฏว่ามีฝนห่าใหญ่ตกลงมาดับไฟไปหมดสิ้น  เป็นต้น 


• ความดีที่ทำไว้มากๆนั้น  ย่อมส่งผลให้เกิดความสำเร็จ  สมหวัง  ในการพูด  ในการคิด  และ ในการกระทำต่างๆ  ส่วนกรรมชั่วนั้น  หากมาตามทัน  ก็จะเป็นตัวตัดรอน  ตัวบั่นทอน  ในขณะที่กำลังจะประสบความสำเร็จ   ทำให้เกิดความไม่สำเร็จ  ไม่สมหวัง  หรือ  เกิดความล้มเหลว  พวกเราที่เชื่อเรื่องบุญบาป  เรื่องกฎแห่งกรรม  เรื่องชาตินี้ชาติหน้า  ดีกว่าการไม่เชื่อแน่นอน  หากชาติหน้ามีจริง ก็ได้ไปสวรรค์ หรือ พรหมโลก  อย่างเลว  ก็เกิดเป็นมนุษย์ที่เพียบพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ  รูปสมบัติ  บริวารสมบัติ และ มีสุขภาพที่ดี หากไม่มีชาติหน้า  ชาตินี้อย่างน้อย  เราก็จะมีความสุข  ยามบุญมาวาสนาช่วย  ที่ป่วยก็หาย  ที่มีทุกข์ก็คลาย
• อย่างน้อยที่สุด  ที่ท่านต้องฝึกฝน  ก็คือ  ต้องฝึกความมีสติ  เพื่อระวัง  และ  ป้องกัน  ต้องรู้เท่าทัน เพื่อตระหนักในปัญหา  เอาไว้แก้ปัญหา  และ  มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น


• พวกเรา  จำเป็นต้องเตรียมกาย และ เตือนใจ  รับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น  เราต้องมีความพร้อมที่จะละจากโลกใบนี้ไปในที่ซึ่งดีกว่า  มีความสุขมากกว่า  เพราะเราตอบได้ว่า  เรามีคุณความดีมากพอพร้อมแล้ว  ปิดประตูอบายภูมิสนิทแล้ว ทุกๆวัน  เราต้องตอบตัวเองได้ว่า  เรามีแต่คิดดี   พูดดี  และ ทำแต่ความดี  ตลอดเวลา  และทำกับทุกชีวิตที่เราเกี่ยวข้อง  อีกทั้ง  มีจิตใจที่สงบเย็น  และผ่องใสทุกเวลา  ก็ถือว่าหมดห่วงได้แล้วจริง


• หากไม่แน่ใจ  เราจำเป็นต้องเร่งฝึกกาย  วาจา  ใจ  ของเราให้มากขึ้น  อย่างน้อยต้องฝึกไม่โกรธใครๆ  วางเฉยในสิ่งที่เราไม่พอใจ  ข้องคับใจ  ไม่สบายใจ  ให้อภัยในความไม่ดีของคนอื่น  รู้เท่าทันในเรื่องต่างๆอย่างมีสติ  มีจิตใจที่สงบ  จะแก้ปัญหาต่างๆสำเร็จได้ด้วยปัญญา 


• หากเรา  สามารถเตรียมหาสถานที่อยู่ที่มีความปลอดภัยมากกว่าที่อยู่ในปัจจุบัน  เพื่อการอยู่อาศัยในอนาคตได้  ก็ควรเร่งหาไว้  ซื้อไว้  ปลูกไว้  หากทรัพย์สินไม่มากพอ  ลองทบทวนดูว่ามีญาติพี่น้องที่จะขอไปพักอาศัยชั่วคราวสัก 3 เดือน  ในพื้นที่ใดของญาติสนิทมิตรสหายของเราได้หรือไม่  เพียงไร


• พื้นที่มีความปลอดภัยมากที่สุด  น่าจะเป็นภาคอิสาณ  เพราะมีรอยเลื่อนน้อยที่สุด   หรือ  หาวัด  หรือ โรงเรียน  ที่พอจะมีที่พักให้ใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ใดได้บ้าง   จะต้องไปเริ่มสร้างสายสัมพันธ์  จะไปร่วมบริจาคทรัพย์สิน  หรือ  แรงกาย  แรงความคิด  ในการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์อะไรก็ได้ไว้ก่อน


• ต้องคิดเตรียมการเรื่องอาหารการกินในยามเกิดวิกฤติให้พร้อม  จะต้องไม่ประมาทในเรื่องต่างๆ  ต้องควบคุมดูแลค่าใช้จ่ายให้รัดกุม  หากมีเงินทุน  ต้องกระจายความเสี่ยงไปในหลายๆสถานที่  อย่าไปกระจุกตัวที่ใดที่เดียวนับแต่วันนี้เป็นต้นไป


• จะต้องเตรียมกระเป๋าเดินทางไว้หลายๆใบ  เพื่อใส่สิ่งของจำเป็นให้มากที่สุด  เช่น สิ่งของเพื่อการยังชีพ  อาทิ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม  ถุงนอน  ยารักษาโรค  อุปกรณ์เดินป่า  เช่น  ไฟฉาย  เชือกเส้นใหญ่  น้ำดื่มสะอาด  อาหารกระป๋อง  ฯลฯ  ส่วนทรัพย์สินมีค่าต่างๆ เช่น  พันธบัตร  หุ้นกู้  ใบหุ้น  โฉนดที่ดิน  เงินสด  ทองคำ ของรักของหวง  แยกใส่กระเป๋าเป็นใบๆไว้ล่วงหน้า  รวมทั้งแผนที่เส้นทางทั้งทางตรง  ทางลัด  ทางอ้อม โดยดูจากแผนที่ล่าสุดให้เข้าใจไว้ด้วย


• เมื่อมีภัยพิบัติมา  พ่อแม่พี่น้องคนไหนใครที่อยู่ใกล้  สามารถหยิบฉวยไปได้เลย  ผู้ที่อยู่ไกล  ห้ามกลับเข้าบ้านในปัจจุบันที่มีภัยพิบัติ   • โดยทุกคน  ต้องเดินทางไปที่จุดหมายปลายทางที่นัดพบทันที  โดยควรเป็นที่อยู่อาศัยที่ไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกได้  จะดีที่สุด  ควรรวมกันอยู่เป็นชุมชน  ไม่ควรแยกไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวหรือ ควรอยู่รวมๆกันหลายๆครอบครัว  จะได้แบ่งหน้าที่กันได้ตามถนัด  เช่น  กลุ่มนี้ดูแลปลูกพืชผักสวนครัว กลุ่มนี้ปลูกพืชสมุนไพร  กลุ่มนี้ดูแลด้านสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม  กลุ่มนี้ดูแลความปลอดภัย เป็นต้น 
แนะนำให้ไปดูงานที่โรงเรียนสัตยาไสย  ที่ลำนารายณ์  จ.ลพบุรี  ที่ ศ.ดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา  เป็นผู้บริหารสูงสุด  และ ท่าน ศ.ดร.อาจองฯ  จะจัดเป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยพิบัติในอนาคตด้วย


• เมื่อมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้น  ขอย้ำว่า  ห้ามท่านเดินทางกลับที่พักปัจจุบันในพื้นที่ที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น  มิฉะนั้น   ในช่วงเดินทางออกจากที่พัก  ถนนทุกสายจะแน่นไปด้วยรถที่วิ่งไม่ได้  จะเดินทางออกจากบ้านไม่ได้  รถจะติดแบบวินาศสันตะโร  ให้ทุกคนในครอบครัว  แต่ละคนต้องหาทางไปที่จุดหมายปลายทางโดยเร็วที่สุด หรือ นัดพบจุดที่ 1,2,3,….ระหว่างทาง เป็นต้น

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 23:33:36


ความคิดเห็นที่ 2 (1607015)

  แหล่งข้อมูลแรก – ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ   ให้ข้อมูลว่า
• โลกของเรายังไม่มีเครื่องมือทางเทคโนโลยีใดๆ  ที่จะยับยั้งไม่ให้เกิดภัยธรรมชาติได้  ดังนั้น  จึงต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า  เราจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติที่อยู่แวดล้อมตัวเราได้อย่างไร  ที่จะมีความปลอดภัยมากขึ้น  หรือ  มีอันตรายน้อยที่สุด  ก็ต้องทำความเข้าใจกับภัยธรรมชาติที่จะเกิดในแต่ละพื้นที่   โดยเฉพาะในบริเวณที่เราอยู่อาศัย   หากสามารถป้องกันล่วงหน้าได้  ความสูญเสียก็จะลดลงได้อย่างมาก  เพราะในปัจจุบัน  มีทั้งฝนตกหนัก  น้ำท่วมไหลหลาก  โคลนถล่ม  และ  กำลังจะตามมาด้วยภัยหนาว  ภัยแล้ง และแผ่นดินไหว


• เขื่อนศรีนครินทร์นั้น  สร้างบนรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์  ซึ่งก็เกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง  และ ก่อนที่จะสร้างเขื่อนนี้  ในปี 2480  มีการเกิดแผ่นดินไหวที่รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์  ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากเขื่อนนี้มากนัก  แต่มีความรุนแรงสูงในระดับถึง 7.6 ริคเตอร์มาแล้ว  โอกาสที่เขื่อนจะได้รับความเสียหายถึงกับเขื่อนแตกนั้นมีแน่นอน  หากครั้งต่อไปเกิดแผ่นดินไหวในขนาดดังกล่าวอีก


• สำหรับกรุงเทพฯ นั้น  เป็นพื้นที่ดินอ่อน  เหมือนกับเม็กซิโก  ปัจจุบันมีความเสี่ยงเพิ่มมากกว่าในอดีต  ประมาณ 2-3 เท่าตัว  ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวที่รอยเลื่อนสกาย
• ในสมัยก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อน  ได้เคยเกิดแผ่นดินไหวที่รอยเลื่อนสกายมีความรุน

แรงถึง 8.0 ริคเตอร์นั้น  ในกรุงเทพฯยังไม่มีตึกสูง จึงไม่มีความเสียหายบันทึกไว้ จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 300 กิโลเมตรเท่านั้น  ในเม็กซิโก  ที่เกิดความเสียหายขนาดใหญ่นั้น  อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวถึง 350 กิโลเมตร ก็ยังได้รับความเสียหายมาก  เป็นเรื่องที่คนไทยที่อยู่อาศัยใน กทม.จะประมาทไม่ได้


• ปัจจุบันตามถนน  ตรอก  ซอยต่างๆ  พื้นดินทรุดตัวค่อนข้างมาก  ไม่ทราบว่า  พวกเราได้มีการสังเกตเห็นความผิดปกติในการทรุดตัวของพื้นดินในกรุงเทพฯนี้กันหรือไม่  โอกาสน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 1-5 เมตรในอนาคตอันใกล้นี้นั้นมีแน่  และ ในอดีตตามธรณีสัณฐานของประเทศไทยนั้น  ชายฝั่งอ่าวไทยอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรึ  ซึ่งอาจมีผลคืนกลับมาในลักษณะดังกล่าวได้ค่อนข้างมาก  ไม่ควรประมาทในเรื่องนี้  ที่พูดเช่นนี้   มิได้ต้องการให้ตื่นตระหนก  แต่ต้องการให้ตระหนักในความเป็นไปได้ในเหตุการณ์ดังกล่าวเท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 23:35:20


ความคิดเห็นที่ 3 (1607016)

ข้อมูลแหล่งที่ 2 จาก รศ.ดร.เสรี ศุกราทิตย์  ผอ. ศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร
• รศ.ดร.เสรีฯ เล่าให้ฟังว่า  ในปี 2554  ที่ผ่านมา  ในช่วงแรกก็คาดหมายไว้แล้วว่า  บ้านของตนเองก็คงถูกน้ำท่วมแน่  แต่คาดว่า  น้ำคงจะท่วมบ้านประมาณ 30 ซม. ผลการถูกท่วม คือ เกือบ 3 เมตร  และ  เดิมคาดว่า น้ำคงจะท่วมขังประมาณ 3 สัปดาห์  แต่น้องน้ำมาอยู่เกือบ 3 เดือน  ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต


• ท่านว่า  “นับแต่นี้ต่อไป  ชั้นล่างของบ้านของท่านนั้น   ท่านจะปล่อยโล่ง  เอาเงินไปปรับปรุงตกแต่งชั้นสองของบ้านให้ดูดี  มีความสะดวกสบายเป็นหลัก  เลิกใช้เฟอร์นิเจอร์บิ๊ลท์อินในบริเวณชั้นล่าง  เพราะเฟอร์นิเจอร์บิ๊ลท์อินของบ้านทุกหลังที่ถูกน้ำท่วม  ส่วนใหญ่เสียหายใช้ไม่ได้หมด  เป็นบทเรียนที่ทุกท่านต้องตระหนักในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยชั้นล่างของบ้าน  เพราะปัญหาการเกิดน้ำท่วมในอนาคตนั้น  ต้องมีอีกแน่ๆ


• ทุกหน่วยงานของรัฐ และ กทม. ต้องเข้มงวดกับผังเมือง  เมื่อการก่อสร้างไร้ระเบียบ  ไปปิดกั้นทางน้ำไหล  คูคลองตื้นเขินอุดตัน  ย่อมไม่มีทางที่จะระบายน้ำได้  แทนที่จะเป็น Flood way มันก็เลยเกิดเป็น Flooded all way  เพราะเป็นการกระทำของคนผู้มีอำนาจหน้าที่ของรัฐ  และ กทม. ปล่อยปละละเลยนั่นเอง  อีกทั้งมีผลทำให้แผ่นดินทรุดตัวหลายพื้นที่


• เป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ต้องทำการขุดลอกทางไหลของน้ำในทุกเส้นทาง  การก่อสร้างที่ไปปิดกั้นทางน้ำต้องรื้อถอน  ต้องดำเนินการกันอย่างจริงจัง ย่อมผ่อนหนักเป็นเบาได้  
• (ณ วันนี้ (ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555)  ยังไม่มีจุดปิดกั้นทางน้ำไหลผ่านรื้อถอนสักแห่งเดียว  เพราะสืบสาวเมื่อไรก็จะทราบว่า  ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองทั้งระดับประเทศ  และ ระดับท้องถิ่น  ทั้งสังกัดพรรครัฐบาล  และ พรรคฝ่ายค้าน)


• ปริมาณน้ำที่ท่วมจะได้ไม่มาก  และ ระยะเวลาในการท่วมขังก็จะไม่นาน  หรือ สั้นลงได้มาก  ต้องลดการปิดกั้น  เลิกใช้นโยบายต่อสู้กับมวลน้ำ  โดยเปิดทางให้มวลน้ำไหลผ่านในทุกเส้นทางที่มวลน้ำต้องไหลผ่านไป  ให้ผ่านสะดวกมากที่สุด  ความเสียหายโดยรวมจะลดลง


• สิ่งที่น่าเสียดาย  คือ รายงานขององค์การสหประชาชาติ  ในเรื่องของการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วมนี้  ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนของพรรคใด  สั่งให้แปลเป็นภาษาไทย  คนไทยส่วนใหญ่เลยไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าว   
เช่น  รายงานขององค์การสหประชาชาติ  ปี 1995 (พ.ศ.2538) ได้แสดงภาพคาดการณ์ที่จะเกิดน้ำท่วม 100% ในพื้นที่จังหวัดอยุธยา  ปทุมธานี  และท่วม 70% ที่นนทบุรี  ดอนเมือง  สายไหม ฯลฯ อย่างชัดเจนไว้แล้วเมื่อ 16 ปีก่อน (พูดในปี 2554) เป็นต้น


• บรรดาผู้เชี่ยวชาญคนไทยทั้งหลาย  มักไม่ได้ประเมินความเสี่ยงที่รอบด้านพอ  และ ต่างมักไม่ค่อยยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น  เพราะหลงคิดว่าตนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเหมือนกัน  ปัญหาจึงเกิดความเสียหายตามมามาก  เป็นบทเรียนที่ต้องนำไปปรับแก้สำหรับอนาคต  ที่ต้องมีภัยพิบัติใหญ่เกิดขึ้นอีกแน่นอน

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 23:37:27


ความคิดเห็นที่ 4 (1607017)

ข้อมูลที่ 3 จากรศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและแผ่นดินไหว  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• ท่านกังวลว่า ถ้ารอยเลื่อนสกาย  ในพม่าเกิดแผ่นดินไหวเพียงขนาด 8 ริคเตอร์เท่านั้น  เขื่อนศรีนครินทร์  และ  เขื่อนวชิราลงกรณ์  ที่กาญจนบุรี  จะไม่สามารถทนอยู่ในสภาพปัจจุบันแน่ อาจส่งผลทำให้เขื่อนในจังหวัดกาญจนบุรีแตกได้ บริเวณใต้เขื่อนจากกาญจนบุรีลงมา ถึงกรุงเทพฯ และ  ปริมณฑลย่อมจมอยู่ในน้ำ 
• และ ในปัจจุบันมีข้อมูลทางธรณีวิทยาว่า  ใต้พื้นดินของกรุงเทพมหานคร  มีรอยเลื่อนอยู่แน่นอน  เป็นรอยเลื่อนที่ต่อมาจากรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์
ในประเทศไทยนั้น  มี 13 รอยเลื่อนสำคัญ  ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้   
• จุดเปราะบางของประเทศไทย  ที่อาจเกิดแผ่นดินไหวได้มาก  คือ  บริเวณแถบทิศตะวันตก  พาดผ่านไปถึงทิศเหนือของไทย  บริเวณที่ปลอดจากแผ่นดินไหวมากที่สุด คือ บริเวณภาคอิสาณ  แต่ ก็จะมีปัญหาเรื่อง ภัยแล้ง
•   ตามสถิติการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยนั้น  เคยเกิดที่แรงหน่อย เช่น    ที่เชียงใหม่  เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริคเตอร์
•  ที่ท่าสองยาง เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.6 ริคเตอร์
• ที่เจดีย์สามองค์  เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ริคเตอร์   
• สำหรับประเทศไทย  เคยมีสถิติแผ่นดินไหวแรงสูงสุด คือ 7.0 ริคเตอร์
• ประเทศไทยมีรอยเลื่อนใหญ่ๆ อยู่หลายแนว โดยสามารถจัดกลุ่มรอยเลื่อนที่สำคัญได้ 13 กลุ่ม โดยกลุ่มรอยเลื่อนทั้งหมดวางแนวพาดผ่านพื้นที่ 22 จังหวัด  ได้แก่
• 1. กลุ่มรอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง  พาดผ่านเชียงราย และเชียงใหม่
• 2. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน        พาดผ่านแม่ฮ่องสอน และตาก
• 3. กลุ่มรอยเลื่อนเมย                    พาดผ่านตาก และกำแพงเพชร
• 4. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา     พาดผ่านเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย
• 5. กลุ่มรอยเลื่อนเถิน        พาดผ่านลำปาง และแพร่
• 6. กลุ่มรอยเลื่อนพะเยา    พาดผ่านลำปาง เชียงราย และพะเยา
• 7. กลุ่มรอยเลื่อนบัว         พาดผ่านน่าน
• 8. กลุ่มรอยเลื่อนอุตรดิตถ์            พาดผ่านอุตรดิตถ์
• 9. กลุ่มรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์   พาดผ่านกาญจนบุรี และราชบุรี
• 10. กลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์        พาดผ่านกาญจนบุรี และ       อุทัยธานี
• 11. กลุ่มรอยเลื่อนท่าแขก        พาดผ่านหนองคาย และนครพนม
• 12. กลุ่มรอยเลื่อนระนอง        พาดผ่านประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และ   พังงา
• 13. กลุ่มรอยเลื่อนคลองมะลุ่ย      พาดผ่านสุราษฎร์ธานี  กระบี่ และพังงา
• จังหวัดต่างๆ  ใน 22 จังหวัดดังกล่าว  ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผ่นกินไหวได้  แต่  จังหวัดอื่นๆนั้น  แม้ไม่มีรอยเลื่อนพาดผ่าน  แต่  แรงของแผ่นดินไหวนั้น  แม้ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวจะอยู่ห่างมากกว่า 300 กม. ก็ทำความเสียหายได้

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 23:43:42


ความคิดเห็นที่ 5 (1607022)

*********ข้อมูลที่ 4 จาก ศ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา*********
• ท่านให้ข้อมูลว่า  น้ำแข็งที่ละลายจากภูเขาทางขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้  ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น  และน้ำหนักในมหาสมุทรแปซิฟิคเพิ่มมากขึ้น  ขณะที่น้ำหนักของแผ่นดินลดลง เช่น ภูเขาหิมาลัยมีน้ำหนักลดลง   เพราะน้ำแข็งละลายไหลลงมา  เมื่อน้ำหนักไม่สมดุลกันรอบๆ โลก  ทำให้แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนไหวเพื่อปรับสมดุลขึ้นใหม่  เหตุการณ์แผ่นดินไหวทั่วโลก  หรือแผ่นดินไหวรุนแรง 9.0 ริกเตอร์ที่เกิดนอกชายฝั่งของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นผลมาจากการเคลื่อนที่และชนกันของขอบแผ่นเปลือกโลกนี้เอง  
• “สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง  คือ โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แถบประเทศฟิลิปปินส์  ซึ่งจะทำให้เกิดสึนามิเข้ามาทางอ่าวไทยได้ เวียดนาม  และเขมรจะโดนหนัก  รวมถึงภาคใต้ของเราด้วย แต่จะไม่หนักเท่าที่ญี่ปุ่นโดน  ประชาชนต้องเข้าใจและรู้ทัน ต้องมีการวางแผนในทุกจังหวัดว่า  ครอบครัวของเรา   จะหนีไปอยู่ที่ไหน  จะเดินทางด้วยยานพาหนะใด”
• ดร.อาจอง บอกอีกว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น  คนไทยจะได้รับการเตือนภัยล่วงหน้าประมาณ 16 ชั่วโมง  หากมีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว  ย่อมสามารถหนีได้ทัน  จะไม่มีความเสียหายมาก   แต่ทางราชการต้องมีการเตรียมพร้อม  และซักซ้อมให้ประชาชนหนีขึ้นในพื้นที่สูงได้ทันที  โดยการเกิดสึนามิในอ่าวไทยนั้น  มีแนวโน้มที่จะเกิดในระยะเวลาไม่นานหลังจากนี้  เพราะปัจจุบันเปลือกโลกมีการชนกันค่อนข้างมาก   โดยบริเวณรอบมหาสมุทรแปซิฟิก  จึงเกิดแผ่นดินไหวค่อนข้างบ่อย ซึ่งในปี 2555 มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ๆ ที่ทำให้สึนามิเข้ามาในอ่าวไทย 
• - ศ.ดร.อาจองฯกล่าวว่า  ทุกคนต้องไม่ประมาท  อย่ามัวแต่ฟังข่าวสารแล้วไม่ทำอะไร  แต่ต้องรีบทำการอพยพโดยทันทีที่ทราบว่าเกิดภัยพิบัติดังกล่าวขึ้น  และ เวลาที่ว่ามากพอนี้  หมายถึง บุคคลที่เตรียมพร้อมในการรับมือเท่านั้น  ถ้าหากประมาท  เวลาที่มากกว่านี้อีก 10 เท่า ก็มีเวลาไม่พอ และ ไม่รอดจากภัยพิบัติ  เพราะ จะไม่มีเส้นทางให้เดินรถสะดวก  ทุกเส้นทางนั้น อาจต้องใช้การเดินเท้าแทนก็ได้
• “อีกปัญหาหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2012 – พฤษภาคม 2013  คือ ดวงอาทิตย์ที่จะปะทุขึ้นแรงที่สุดในรอบหลายปี  ซึ่งจะมีรังสีพุ่งเข้ามาที่โลกของเรา  ทำให้ระบบสื่อสารพังชั่วคราว   เราอาจจะโทรศัพท์คุยกันไม่ได้  เพราะระบบสัญญาณเสียหายแม้กระทั่งไฟฟ้าก็อาจจะดับ  เช่นเดียวกับที่ดับในอเมริกาในปีที่แล้ว”
•  เขื่อนศรีนครินทร์  ก็มีรอยเลื่อนที่เชื่อมโยงไปถึงประเทศพม่า ดังนั้น หากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพม่า  ย่อมมีแรงสั่นสะเทือนเข้ามามีผลต่อเขื่อนในประเทศไทยแน่นอน
• ส่วนจะเกิดภัยพิบัติดังกล่าวเมื่อไรนั้น ดร.อาจองฯ บอกว่าไม่ทราบกำหนดการแน่นอน  แต่ ณ วันนี้  บอกได้ว่า โลกของเราพร้อมที่จะเกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงมากแล้ว
• สภาพดินฟ้าอากาศในปัจจุบัน  มีความแปรปรวนสูง  โอกาสที่จะเกิดความหนาวเย็นมาก และ ยาวนาน  จะได้พบเห็นบ่อยมากขึ้นในประเทศไทย   
• ปรากฏการณ์ที่พวกเราหลายท่านทราบแล้วว่า  ในเคนย่า  พม่า และ เวียตนาม  ในปีที่ผ่านมา ก็มีหิมะตกแล้ว  ทั้งๆที่ไม่เคยมีหิมะตกมาก่อน  ความเป็นไปได้ที่ประเทศไทย  จะมีหิมะตกกับเขาบ้างก็ย่อมเป็นไปได้
• ได้มีการขุดค้นพบซากช้างแมมมอส  ที่  ได้พบว่า  ในขณะช้างแมมมอสตายนั้น  อยู่ระหว่างการเคี้ยวหญ้าสดอยู่ในปาก  แต่  ปรากฏว่าอุณหภูมิรอบตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  จาก 25 องศาซี  เป็น  - 50 องศาซี  ก็เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว  ที่อุณหภูมิพลิกผันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
• พวกเราชาวไทยทุกคนจึงต้องไม่ประมาทในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น  ซึ่งจากความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศที่ผ่านมา  ในหลายๆพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์บางอย่าง  ก็มีเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นมาแล้ว
• ในกรณีเขื่อนศรีนครินทร์แตก  ภายในจังหวัดกาญจนบุรี  จะมีน้ำท่วมสูงประมาณ 25 เมตร  และ  ก็จะมีมวลน้ำไหลบ่าท่วมราชบุรี  นครปฐม  และ  แน่นอนมาถึงกรุงเทพมหานคร  แต่บริเวณกรุงเทพฯ นั้น  ปริมาณน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร  ซี่งหมายถึงมิดศีรษะ
• ศ.ดร.อาจองฯ ท่านแนะนำว่า  ในช่วงนับแต่นี้เป็นต้นไป  ความรุนแรงของภัยพิบัติจะมีมากขึ้น  ถี่ขึ้น  และ  รุนแรงมากขึ้น  จึงขอให้ประชาชนคนไทยหันมาฝึกจิต  ให้มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ และ สัตว์โลกมากขึ้น  หากหันมารับประทานอาหารมังสวิรัติได้  คือ  ไม่บริโภคเนื้อสัตว์  ก็มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนได้  โดยขอยืนยันว่า  รับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นประจำแล้ว  สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง  มีภูมิต้านทานโรคสูง  ได้ทำการทดลองพิสูจน์จนได้ผลเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว  รับรองไม่ขาดแร่ธาตุสำคัญในการเจริญเติบโตอย่างแน่นอน


• ศ.ดร.อาจองฯ ยืนยันว่า  รอบๆตัวเรานั้นมีคลื่นต่างๆมากมาย  หากเราสามารถจูนคลื่นจิตของเรา  ให้เข้ากับคลื่นไฟฟ้ารอบตัวเราได้  หากคลื่นตรงกัน  เราก็สามารถรับรู้เรื่องต่างๆได้   เหมือนกับคลื่นวิทยุ  คลื่นทีวี  คลื่นโทรศัพท์  เมื่อจูนให้ตรงกันก็รับเสียง และ รับภาพได้  ซึ่งถ้าเราสามารถจูนคลื่นจิตของเรา  ให้เข้ากับคลื่นไฟฟ้ารอบตัวเราได้ตรงกัน  ย่อมทำให้สามารถล่วงรู้ไปในเรื่องอดีตที่ผ่านมานานร้อยปีพันปีแล้วได้  หรือ  เรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึงได้  แต่จะต้องฝึกฝนกันค่อนข้างหนัก  ด้วยความตั้งใจจริงๆ  รวมทั้งเราอาจเคลื่อนตัวไปในมิติกาลเวลาไปสู่อดีต และ อนาคตได้

@@@@@@@

สิ่งที่คุณพ่อคุณพ่อดร.อาจองฯ ย้ำอยู่บ่อยๆ และดูเหมือนว่าเทปรายการคุยไปแจกไป ช่วงหลังๆ ท่านอ.อบุล & อ.มงคลจะนำมาเน้นย้ำในรายการบ่อยๆเพื่อเตือนให้ลูกหลานบ้านสวนระลึกและเคร่งครัวอยู่เสมอ


บัดนี้ลูกรู้แล้วว่าอ.แม่เป็นห่วงพวกเราทุกคนไม่เฉพาะลูกหลานบ้านสวนเท่านั้นและรู้แล้วว่าอ.แม่รู้สึกอย่างไร

กราบขอบพระคุณครอบครัวศุภาเดชาภรณ์

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 23:52:33


ความคิดเห็นที่ 6 (1607024)

ข้อมูลที่ 5 จาก ดร.ก้องภพ  อยู่เย็น ปัจจุบันทำงานในองค์การนาซ่า  สหรัฐอเมริกา
•   ดร.ก้องภพฯ ให้ข้อมูลว่า นาซ่าได้ส่งดาวเทียมขึ้นไปศึกษาปฏิกิริยาของดวงอาทิตย์ ที่มีผลกระทบต่อโลกของเรา  จำนวน 4 ดวง  จำนวน 2 ดวง คือ SDO และ ACE  โคจรรอบๆโลก  อีก 2  ดวง  โคจรดักหน้า  และ หลัง  คือ STERIO A  และ B  ซึ่งได้  พบความเปลี่ยนแปลงจากมวลลมสุริยะ   การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว  ส่งผลกระทบต่อโลกของเราค่อนข้างมาก   
• นั่นคือ ดวงอาทิตย์ได้แผ่พลังงาน  ทั้งรังสีคอสมิค  และ อนุภาคขนาดเล็กในอวกาศ  ที่มีพลังงานทะลุทะลวงรูรั่วเข้ามาในสนามแม่เหล็กรอบนอกที่หุ้มห่อบรรยากาศของโลกจำนวนมาก   โดยพบว่าความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกลดลงไปประมาณ 30% ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปถึงปี 2017 (หรือ  พ.ศ. 2560)  ช่วงนี้  เรียกว่า  อยู่ในวัฏจักรที่ 24
• ในช่วงที่ดวงอาทิตย์ปล่อยพลังงานออกมามาก  สามารถทำให้วัตถุต่างๆลอยตัวได้  ทำให้เกิดกระแสลมได้  กระแสน้ำแปรปรวนได้  ภูเขาไฟระเบิดได้  มีความร้อนเกิดขึ้นมากได้  กระแสน้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลงได้   
• จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงใน DNA ของสิ่งที่มีชีวิตบนพื้นโลก  และ  อาจมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นได้  จะมีการเป็นมะเร็งมากขึ้นได้
• ดร.ก้องภพฯ กล่าวว่า  “ชั้นบรรยากาศของโลกลดลง ส่งผลให้โลกมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศนอกโลก  และ  แกนแม่เหล็กโลกมีการเคลื่อนตัวจากทิศเหนือ  ไปทางทิศตะวันออกมากขึ้น  ขั้วเหนือของแม่เหล็กขณะนี้  เคลื่อนไปถึงไซบีเรียแล้ว  โดยในปี  2011  นี้  มีรายงานทางธรณีวิทยาว่า  เกิดแผ่นดินไหวในสถานที่ต่างๆมากที่สุดเป็นประวัติการณ์  และในช่วงปลายปี 2012  ถึง ช่วงต้นปี 2013 หรือปลายปี  2555   ถึง  ต้นปี 2556 
• ต้องระวังเรื่องภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาจากพลังงานของดวงอาทิตย์ ที่จะส่งผลกระทบต่อโลก  ซึ่งจะเพิ่มระดับความรุนแรงมากกว่าเดิมประมาณ 3 เท่าของอดีต
• เหตุการณ์ในครั้งต่อไป  อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กของโลกมากขึ้น  จนทำให้โลกเกิดความร้อนเพิ่มสูงมากขึ้น  และ  อาจมีผลต่อระบบการสื่อสารขัดข้องใช้การไม่ได้  มีผลต่อหม้อแปลงไฟฟ้าอาจระเบิด  อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ในหลายพื้นที่บนโลก  อาจใช้ไม่ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว  จึงเป็นเรื่องที่ควรตื่นตัวและตระหนัก  เตรียมการป้องกัน  เพื่อลดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน  โดยเฉพาะการเดินทางด้วยเครื่องบินในช่วงเวลาดังกล่าว
• ปกติ  เมื่อไรที่ดวงอาทิตย์  ปล่อยพลังลมสุริยะออกมา  ระยะเวลาที่มีผลกระทบต่อโลก  จะมีเวลาประมาณ 3 – 5  วัน   ดังเช่น  
• ในวันที่ 22 กันยายน 2011  เกิดการระเบิดบนดวงอาทิตย์  ทำให้พายุสุริยะมาถึงโลกของเรา  ปรากฏว่า  โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐดับ  อุกกาบาตตกในอาเจนตินา  ไฟฟ้าในกรุงวอชิงตันดับ  ภูเขาไฟในสเปนเกิดการปะทุ  และ เกิดพายุนกเต็น  เป็นการเกิดในช่วงระหว่างวันที่ 25 – 27  กันยายน 2011 ( 2554)  เป็นต้น
• (ถ้าการระเบิดมีน้อย  ผลกระทบกับโลกก็น้อย  คราวใดมีการระเบิดมาก  ผลกระทบก็รุนแรง  แต่ละครั้งระเบิดไม่เท่ากัน)
• ดังนั้น  ท่านใดที่มีกำหนดการบินในช่วงที่เกิดพายุสุริยะ  พึงต้องระวัง  ควรหาเหตุมากล่าวอ้าง เพื่อเลื่อนการเดินทางด้วยเครื่องบินในช่วงเวลา 21ธ.ค.2012 – พ.ค. 2013  พึงต้องระวังให้มากๆ  จะลดความเสี่ยงลงได้มาก  เพราะถ้าท่านบินขึ้นแล้ว  ท่านอาจจะบินลงไม่ได้  เนื่องจากระบบการสื่อสาร  ระบบการนำร่อง  อาจจะเสียหายใช้การไม่ได้  อาจบินวนจนน้ำมันหมด  ท่านอาจโหม่งโลกได้  ดังนั้น  เราควรเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติตลอดเวลาในช่วง 21 ธ.ค.2012 – พ.ค. 2013 
• ในเรื่องภัยพิบัตินี้  ดร.ก้องภพฯ  อธิบายว่า  เราสามารถสังเกตได้อย่างหนึ่ง  คือ  ถ้าเรามองไปที่ท้องฟ้าแล้วเห็นก้อนเมฆ  จู่ๆเมฆก็แตกลายงา หรือ  แตกสลายเปลี่ยนรูปเร็ว  พื้นที่บริเวณนั้น  มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูง  หรือ  มีสัตว์น้ำลึกเข้ามาเกยตื้นตายจำนวนมาก  ได้พบหลักฐานอย่างมีนัยสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดแผ่นดินไหวนาดใหญ่จะติดตามมา
• อนึ่ง  ดร. ก้องภพฯ  ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  ในวันที่ 24  กุมภาพันธ์  2553 ปรากฏว่าดวงอาทิตย์ได้ปลดปล่อยพลังงานออกมามาก  และต่อมา อีก 3 วัน  ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์   2553  ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขนาด 8.6  ริกเตอร์ ที่ชิลี มีความเสียหายหนัก
• หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ที่ชิลีเมื่อต้นปี 2553 และ ที่ญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม 2554 แล้ว  นักวิทยาศาสตร์พบว่า  แกนแม่เหล็กโลกเกิดการเอียงตัวไปมากกว่าเดิมอีก 
 สำหรับพลังปิรามิดนั้น  ดร.ก้องภพฯ ได้นำต้นแบบของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ  ไปทำการทดลองที่สหรัฐอเมริกา  ในวันที่มีเมฆมาก  หลังจากเปิดเครื่องประมาณ 20 นาที  ปรากฏว่าเมฆสลายไปหมด  กลายเป็นท้องฟ้าแจ่มใส  โดยได้ถ่ายรูปเปรียบเทียบวันเวลา และ สถานที่เดียวกันไว้แล้ว  และ ในวันที่มีหิมะตกหนาจัด  ก็ปรากฏว่า  หิมะละลายหายไปเร็ว  แต่การทดลองดังกล่าวนั้น  ดร.ก้องภพฯ  ยังมิได้ทดลองติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง  การทดลองนั้น  จะต้องได้ผลไม่น้อยกว่า 80% จึงจะทำข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-18 23:58:36


ความคิดเห็นที่ 7 (1607025)

***ข้อมูลแหล่งที่ 6 จากพระอาจารย์รัตน์  รตนญาโณ  เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง  อ.แม่สะเรียง  จ.แม่ฮ่องสอน***
• ท่านให้ข้อมูลว่าในปัจจุบัน  ตามปฏิทินชาวมายันนั้น  เข้าสู่ปลายยุคที่ 5  ดิน น้ำ ลม ไฟ  จะแปรปรวนหนัก  จะมีแผ่นดินไหว  น้ำท่วม  แห้งแล้ง  เกิดลมพายุแปรปรวนผิดไปจากธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้น  รวมทั้งน้ำ  ทั้งลม และ ไฟ  ในร่างกายมนุษย์ ก็แปรปรวน  มนุษย์จำนวนไม่น้อย  จะรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง  เหนื่อยง่าย เจ็บป่วยง่าย  ภูมิต้านทานโรคลดลง  ธาตุน้ำในร่างกายจะถูกดูดออกไป  เส้นแม่เหล็กโลกจะแปรปรวนมากขึ้น  ท้องฟ้า  จะมีสีแดงปนม่วงบ่อยครั้งขึ้น
• พระอาจารย์รัตน์ ฯ ได้กล่าวถึงมหันตภัยโลกครั้งใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นในช่วง ปี 2012-2014 ว่า
• มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้  เปรียบเหมือนกับการรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุ รั่ว เกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม  การรื้อและสร้างใหม่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ โลกไม่แตก  ไม่ดับสูญแน่นอน
ช่วงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ  คือ ช่วงวันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 เป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีภัยพิบัติใหญ่เกิดขึ้น
• ช่วงเวลาดังกล่าว  น่าจะมีปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวง  ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว  ย่อมมีพลังแรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นที่   อาจมีความรุนแรงถึงขนาด  สามารถทำให้แกนแม่เหล็กโลกจากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ  ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก  แทนทิศตะวันออกก็อาจเป็นไปได้
พระอาจารย์รัตน์ ฯ  ค่อนข้างกังวลกับ 56 วันมหาอันตราย   ในช่วงวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14 ก.พ.56  มาก
-  เมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว  จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญคือ หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ  มนุษย์จะเห็นว่า  ตำแหน่งของดาวเหนือ  เปลี่ยนไปราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน   จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลง
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว  ดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนแม่เหล็กโลกต่างหาก  ที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วแม่เหล็กโลก  พร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กจากเหนือ-ใต้ เป็นขั้วแม่เหล็กตะวันออก-ตะวันตกแทน

ในช่วง 3 ปีนี้  คือปี 2012-2014 (2555-2557) คาดว่าคนไทยอาจได้พบกับปรากฏการณ์
• แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง  เสียงแผดร้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งของฟ้า  ลมพายุ  แผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ หล่นจากฟากฟ้า และ ในท้ายที่สุดคือ การเกิดน้ำท่วมใหญ่  กวาดล้างสรรพสิ่งโสโครก ปฏิกูล  ผลพวงจากโลกใบเก่าทิ้งไปกับน้ำ  ที่รุนแรงมากกว่าปี 2554 หลายเท่า ก็อาจเป็นได้  และ ในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยจะอยู่ในเขตอบอุ่น  ไม่ใช่เขตร้อนดังแต่ก่อน ก็อาจเป็นไปได้

พระอาจารย์รัตน์ ฯ ให้สังเกต และเตือนว่า
1. ในวันใดก็ตาม  ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า  เป็นแสงมหัศจรรย์  มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ  ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่  ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์  ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้ว  ให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพทำให้ตาบอดได้ทันที
2. ถัดมาในตอนกลางคืน  เวลาประมาณสามทุ่ม (21.00น.) จะเกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท  เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัดปกติอย่างมาก  เสียงคำราม  แผดก้อง  เขย่าขวัญ  เกินประมาณ  ดังมาจากทั่วสารทิศ  ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน  จึงควรหาอุปกรณ์  สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือ  ป้องกันขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น 
(เตรียมอุปกรณ์อุดหูให้พร้อมสำหรับทุกคนในครอบครัว ก่อน 21 ธันวาคม 2012  ก็น่าจะอุ่นใจดี- มงคลฯ)
• 3. การปะทะกันของพลังงานบวกกับพลังงานลบ  ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง  การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุล  และแกนโลก ทำให้มีอัตราความดังของเสียงอย่างไม่มีประมาณ  พุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้นบรรยากาศ  แผ่นดิน  ผืนน้ำ  แผ่นหินเปลือกโลก เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง   โลกตกอยู่ในความมืดสนิทอย่างไม่รู้วันรู้เวลาอย่างน้อย 3 วัน 3 คืน 

พวกเราอาจจะมีโอกาสเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์ใหญ่ ให้สังเกตดีๆ ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนในที่สุด  จะขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก
หลังผ่านช่วงวิกฤติในการเปลี่ยนแปลง
• หากเตรียมตัวพร้อมและปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท  จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้  พวกเราจะมีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้ง  กับขั้วแม่เหล็กตะวันออก แทน  ขั้วแม่เหล็กหนือ
• พระอาจารย์รัตน์ฯ  ท่านให้ข้อมูลว่า  เป็นช่วงที่ความเจริญทางจิตจะเกิดขึ้น เป็นยุคเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์ทางจิต คนจะมีอภิญญากันง่าย  และจะบรรลุธรรมกันง่ายและมากขึ้น หลังจากภัยพิบัติใหญ่ยุติลง

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:01:20


ความคิดเห็นที่ 8 (1607026)

ข้อมูลแหล่งที่ 7 จาก  ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
• เรื่องนี้  น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ  กล่าวถึงแนวโน้มเรื่องภัยพิบัติปี 2012 ว่า คงต้องมีการสร้างองค์ความรู้และเตรียมความพร้อมให้ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสถิติปริมาณน้ำ  แนะประชาชนถอดบทเรียนที่เคยประสบในปี 2554  มาปรับปรุง และ ทำแผนเอาตัวเองและทรัพย์สินให้รอด  เพราะเราไม่ทราบว่า  จะเกิดขึ้นเวลาใด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
• น.อ.สมศักดิ์ฯ ให้ข้อมูลว่า  ช่วงเวลาที่ต้องจับตา คือ ช่วงเดือน  เม.ย. ถึง พ.ค. 2555  ต้องเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อม ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำ   ปกติจะคาดการณ์จะรู้ล่วงหน้าก่อนประมาณ  7 วันเท่านั้น
• อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมตัว คือต้องเตรียมชุดยังชีพให้พร้อม ทั้งข้าว อาหาร ยารักษาโรค วิทยุใช้ฟังข่าวสาร เป็นต้น ต้องรู้จุดอพยพ จุดปลอดภัย ที่สำคัญต้องนำบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นมาใช้เพื่อปรับแผนป้องกันในกรณีที่ภัยพิบัติเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง “ประชาชนต้องช่วยเหลือตัวเองอันดับแรก   แต่ถ้ามีความพร้อม  เชื่อว่า  จะมีความปลอดภัย”

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:05:01


ความคิดเห็นที่ 9 (1607028)

ข้อมูลแหล่งที่ 8 ตีความเรื่อง ด.ช.ปลาบู่
• เหตุร้ายแรง  อาจเกิดในคืนปีใหม่ไทย  คือ  ในคืนวันที่ 13 เมษายน 2555 เวลา 22.00 – 24.00 น. หรือ
• อาจเกิดในคืนปีใหม่สากลในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2555 เวลา 22.00 – 24.00 น. จะเกิดอาเพศ แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ  กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง  
• ปลาบู่เป็นชื่อเล่นของ “เด็กชายสุทัศน์ คำสี” เป็นลูกชายคนเดียวของ “นายทองใบ คำสี” กับ “นางสุนทรา คำสี” มีพี่สาว 2 คนและน้องสาว 2 คน ปลาบู่เกิดวันที่ 23 ตุลาคม 2511 ที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2517 ที่ ร.พ.พระปกเกล้า จันทบุรี หรือเสียชีวิตมาแล้ว 37 ปีเศษ ในขณะที่ เขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน
เรื่องราวที่สุดแสนพิศวงของเด็กชายปลาบู่เกิดขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2517 เมื่อเด็กชายปลาบู่ได้บอกกับผู้เป็นพ่อว่า เขาจะตายภายใน 15 วัน ให้ไปซื้อเทปคาสเซ็ทมาอัดเสียงไว้ แต่นายทองใบก็ไม่ได้ทำตาม  เนื่องจากไม่คิดว่าลูกชายจะเสียชีวิตไปจริงๆ
- ในห้วงเวลาที่เหลืออยู่ ระหว่างนั้น เด็กชายปลาบู่ได้เล่าเรื่องหลายต่อหลายเรื่องให้พ่อฟัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ผู้เป็นพ่อ เป็นสื่อให้  เพื่อบอกเล่าภัยพิบัติที่เขาได้เห็น ได้รู้ให้คนไทยได้ระมัดระวัง   
-  แน่นอน ในขณะนั้นนายทองใบไม่เชื่อและคิดว่าลูกพูดจาเพ้อเจ้อ จากนั้น เด็กชายปลาบู่ก็เริ่มป่วย และเสียชีวิตในวันที่ 10 กรกฎาคม 2517 ตรงตามที่บอกพ่อไว้ว่าจะเสียชีวิตลงใน 15 วัน โดยแพทย์ระบุภายหลังว่าเป็นเนื้องอกในสมอง
- เมื่อเหตุการณ์ดำเนินไปตามที่ลูกชายสั่งเสียเอาไว้ นายทองใบจึงเริ่มเชื่อ และทำทุกอย่างตามที่เด็กชายปลาบู่สั่งไว้ก่อนตาย  แต่  นายทองใบ  มาเริ่มเขียนคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ   ด้วยลายมือของตัวเองเมื่อวันที่ 5 พ.ย. พ.ศ. 2535  นั่นคือ  มาเริ่มเขียนหลังจาก ด.ช.ปลาบู่  ได้ตายไปแล้ว ประมาณ 18 ปี  มิใช่เขียนทันที  หรือ  เขียนหลังจาก ด.ช.ปลาบู่  ตายไปไม่นาน  ดังนั้น  เนื้อหาบางส่วนอาจจำมาไม่หมดก็ได้  หรือ  จำมาคลาดเคลื่อนก็ได้  หาใช่ว่า  ทุกอย่างนายทองใบฯ จำได้ถูกต้องทุกเนื้อความไม่  
- สำหรับชาวบ้านในตำบลทรายขาว  ที่อยู่ในละแวกเดียวกับบ้านของนายทองใบ นั้น  ยอมรับว่า  ต่างรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติจากคำบอกเล่าของเด็กชายปลาบู่มานานกว่า 30 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้  ยอมรับว่า ไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่านายทองใบเสียสติ   เพราะเสียใจที่ลูกชายมาด่วนเสียชีวิต จนพากันเรียกว่า “ตาใบบ้า” แต่เมื่อมีหลายเหตุการณ์ในอนาคต  วันเวลามาถึงปัจจุบัน  มาตรงกับคำทำนาย หลายคนจึงเริ่มปักใจเชื่อ
- ทีมข่าวเจาะประเด็น ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้ลงพื้นที่ตำบลทรายขาว และได้ไปสัมภาษณ์พูดคุยกับ “กาญจนา นาคนันทน์” หนึ่งในพื้นเพคนทรายขาว
- ชื่อ “กาญจนา นาคนันทน์” นั้น นักอ่านรู้จักกันดี จากผลงาน  นวนิยายอันโด่งดัง  ซึ่งถูกนำมาทำเป็นละครโทรทัศน์อย่างเช่น ผู้กองยอดรัก  ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ฯลฯ  เป็นต้น  ทำให้พบเงื่อนปมที่น่าสนใจของเด็กชายปลาบู่ในหลายเรื่องทีเดียว
- คุณกาญจนาฯ เล่าให้ทางรายการฟังว่า   คำทำนายของเด็กชายปลาบู่  เป็นที่ร่ำลือของชาวบ้านที่นี่มากว่า 30 ปีแล้ว  และตนเองเคยรับรู้เรื่องนี้มานานแล้วเช่นกัน  กระทั่งมารู้จักกับนายทองใบ คำสี ผู้เป็นพ่อของปลาบู่ หลังจากที่เด็กชายปลาบู่เสียชีวิตได้ 1 ปี ในการประชุมกลุ่มเกษตรกรที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
- ทั้งนี้ นักเขียนนามอุโฆษยอมรับว่า  น่าทึ่งระคนแปลกใจ  เพราะหลายเรื่องเป็นความรู้ด้านประวัติศาสตร์  ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง กรุงศรีอยุธยา และกรุงรัตนโกสินทร์  โดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพที่ปลาบู่ เด็กชายวัย 6 ขวบ บอกไว้เมื่อ 37 ปีที่แล้วว่า"เจ้าพระยาตอนหนึ่ง  จะโค้งเหมือนกระเพาะหมู หรือ คนสมัยโบราณเรียกว่า คอคอดลูกน้ำเต้า หรือ เกือกม้า ตรงนี้ให้ทำเขื่อน เปิด-ปิด เวลาน้ำขึ้น-น้ำลง ซึ่งภายหลังก็เกิดขึ้นแล้ว คือ  คลองลัดโพธิ์ โครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นเอง"
- สำหรับตัวคุณกาญจนาฯ นั้น ปัจจุบันอายุ  91 ปี  ยอมรับว่า เชื่อเรื่องดช."ปลาบู่" เพราะบริเวณนี้ สมัยก่อนเป็นป่า ไม่มีเทคโนโลยี บ้านเรือนก็ปลูกห่างกัน ไม่มีโอกาสที่นายทองใบ ซึ่งจบประถมสี่ จะรู้ข้อมูลมากมายก่อนมาเล่า  พร้อมยืนยันว่า นายทองใบ ไม่ได้บ้า
- จากข้อมูลที่คุณกาญจนาฯเสริมว่า  ได้ทราบเรื่องนี้มามากกว่า 30 ปีแล้ว  ก็น่าจะมีมูลแห่งความจริง  เพียงแต่วันเวลานั้น  เห็นว่า  ถ้าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นจริง  ช่วงเวลาที่จะเกิดนั้น  น่าจะเป็น คืนวันที่ 13 เม.ย. 55  หรือ คืนวันที่ 31 ธ.ค. 55 เวลา 22.00 – 24.00 น. ที่จะเกิดอาเพศ แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ  กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:07:33


ความคิดเห็นที่ 10 (1607029)

ข้อมูลแหล่งที่ 9 ข้อมูลจากกรมชลประทาน
- นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน  ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยในปี 2555 ที่กำลังจะมาถึงนั้น  สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือ “ปรากฏการณ์ลานินญ่า” ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของคนไทยอย่างมากมายมหาศาล  ประเทศไทยอาจต้องประสบภาวะฝนฤดูร้อน  หรือ ฝนมาเร็วกว่าฤดูกาล เช่นเดียวกับปี 2554  ได้ค่อนข้างมาก

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:10:18


ความคิดเห็นที่ 11 (1607030)

ข้อมูลแหล่งที่ 10 ข้อมูลจากบันทึกของพระคุณลุงเชียงใหม่ผู้มีญาณวิเศษ
• เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนั้น ลุงขอเรียกว่าวันฟ้าดับก็แล้วกัน  เพราะในยามนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ทุกด้านมืดสนิท
• ก่อนหน้านั้นลุงเห็น คนที่มีจิตเป็นอกุศลกรรม ได้มีการฉลอง จุดพลุ ร้องเพลงปีใหม่และนับย้อนหลังในวันสิ้นปี (ลุงจึงคาดว่า เหตุการณ์ร้ายแรงจะเกิดขึ้นหลังฉลองสิ้นปีใหม่ ) ลุงเห็นดาวเหนือเปลี่ยนไปในลักษณะที่อธิบายไม่ถูก  แต่มีความแตกต่าง และเห็นได้ชัดเจน ทั้งขนาดและความสว่าง (จุดนี้น่าจะเป็นสัญญานเตือนให้มีการเตรียมการกันนานหลายวัน)
• ก่อนหน้าวันฟ้าดับให้สังเกตุว่า
• จะมีฝนตกต่อเนื่องกันหลายวัน  แล้วในวันฟ้าดับนั้น  จะไร้ฝน ฟ้าหม่นหมองยิ่งนัก  ใบไม้เงียบจนไม่พลิกใบ  ฝูงสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า  จะครวญครางแอบหลบหมอบ

• ก่อนฟ้าดับ  ลุงเห็นฟ้าสว่างโร่ อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน  (ทำให้ลุงนึกถึงเรื่องราวที่คนเล่า ถึงแสงสว่างจากระเบิดปรมาณู )ในยามที่เกิดแสงสว่าง  ลุงเตือนหลานและทุกคนอย่าพยายามที่จะมองหาต้นทางของแสง  เพราะหลังจากนั้น  ลุงเห็นภาพคนที่ตามืดบอด  เนื่องจากแสงจักรวาลที่ฟาดลงมาแทงทำลายตาของเขา
• แต่หลังจากเกิดแสงนี้แล้ว  หลานยังมีเวลาเตรียมตัว  ในช่วงนี้เองสัตว์ต่างๆจะตื่นกลัว วิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง  บ้านเราถ้ามีสัตว์ใดขอให้หลานอย่าได้กักขังเขา  เพราะจะเป็นอันตราย แม้แต่สัตว์ที่เชื่องที่สุด  แต่ก็มีบางตัวที่จะรอดนั้น  จะหมอบตัวสั่นใกล้ๆกับมนุษย์ 
ในยามนี้  ขอให้หลานได้เข้าไปยังสถานที่ที่มีการเตรียมการและปิดให้มิดชิด อาหาร น้ำ ยา และชุดยังชีพให้ทุกคนแยกติดตัวไว้ อย่าเอารวมกัน  เพื่อจะแบ่งกัน เพราะอาจจะลำบากมาก ในการติดต่อกันแม้แต่อยู่ใกล้ๆกัน  เพราะจะมืดสนิท
• ส่วนการย้ายเข้าที่ปลอดภัยและ ที่ที่มีการเตรียมการอพยพ  ขอให้หลานๆได้เตรียมตัวกันเต็มที่  หลังจากที่เห็นดาวเหนือเปลี่ยนไป  และ หลังจากที่มีแสงจักรวาลเข้ามาแล้ว 
• ไม่นานนัก ลุงเห็นภาพคนกำลังทานข้าวเย็นกันอยู่ จะเกิดเหตุการณ์  โลกเราเหมือนกับชนกับอะไรซักอย่าง  คนที่อยู่บนผืนดิน เหมือนคนที่อยู่บนรถขนาดใหญ่ที่มีการชน ภาพคนล้มไถล ไปกับพื้น ตึกพังทลายราบ ลงมาทันที ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
• ขอให้หลานและทุกคน เข้าไปอยู่ในที่ห้องที่แข็งแรงของเรา หรือ คนที่อยู่นอกพื้นที่  ให้เข้าไปยังที่ที่มีหลังคาที่แข็งแรงมากๆ  และปิดหูด้วยอุปกรณ์ป้องกันเสียง
• หลังจากนั้น จะมีเสียงดังที่สุด ซึ่งลุงก็บอกไม่ได้ว่า  มันดังแค่ไหน  แต่หลังจากนั้น  ลุงเห็นผู้คนเลือดออกจากรูหู  นอนกลิ้งเกลือกไปตามพื้น ตาเถลือกถลน คนที่เอามืออุดหูทันนั้น  ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้  เพราะลุงเห็นคนที่พยายามสื่อสารกัน แต่เหมือนกับว่า  คนในโลกนี้  แก้วหูขาดไปหมดสิ้นแล้ว  เสียงตะโกนโหวกเหวก แต่ต่างคนต่างไม่รู้เรื่อง  ลุงจึงขอย้ำเตือนหลานตรงนี้  ให้มีการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันหูไว้ก่อน  จะดีที่สุด อาจจะทำให้หนักเป็นเบา ได้
• หลังจากนั้น  ลุงเห็นภาพที่ทุกคน กลับมาตื่นกลัวอีกครั้ง  หลังจากแผ่นดินไหวรุนแรง และสั่นต่อเนื่องกันผิดจากครั้งแรก
• ที่เหมือนจะชนโครมเดียวแล้วหยุด แต่คราวนี้  เป็นเหมือนมีคนจับเอาเราอยู่ในกระด้ง  แล้วเคาะขอบมันอย่างแรง อย่างต่อเนื่อง  เสียงหวีดร้องตื่นกลัวดังระงม  (น่าจะอาฟเตอร์ช็อค)
• ในตอนค่ำ  ลุงเห็นคนมารวมกัน  มีการก่อกองไฟ อากาศหนาว แต่ลมสงบนิ่ง ตอนนี้ลุงเห็นขอบฟ้าแดงจ้า จนน่ากลัว แล้วสิ่งที่ลุงเรียกว่า  วันฟ้าดับก็เกิดขึ้น  ลุงเห็นมีแสงสีแดง  พุ่งมาวาบหนึ่ง  จากนั้นแสงทั้งหมด  ก็จะม้วนเข้าไปในรูปทรงกลม ลุงไม่รู้จะเรียกอะไร น่าจะเป็นพระจันทร์ดำ เพราะเป็นสีดำๆเหมือนจันทรุปราคา  (หลุมดำ) ที่มาบดบังพระอาทิตย์แต่เล็กกว่ามาก แต่ตอนนั้นพระจันทร์ก็ยังเห็นอยู่
• แล้วบรรยากาศที่เหมือนเราดับเทียนในห้องมืดที่สุด  ก็เกิดขึ้น พรึบเดียวแสงทั้งหมดจะหายไป  แม้แต่ดวงดาว  และพระจันทร์ ก็ไม่สามารถมองเห็นได้  ความมืดในขณะนั้น  ลุงเห็นคนพยายามยกมือของตนเองขึ้นมาดู  ก็ยังไม่สามารถเห็นได้   ความตื่นกลัวก็เกิดโกลาหลอีกครั้ง  คนจะกอดคนที่อยู่ใกล้ที่สุด  แล้วร้องไห้ระงม  คนที่อยู่ห่างจากคนอื่นแม้แต่วาเดียว  ก็ไม่สามารถหากันเจอ  จนกว่าจะคลำหากันเจอ ช่างเป็นภาพที่น่าอเน็จอนาจมาก อย่างนี้เองลุงถึงได้ย้ำกับหลานว่า  ให้แยกเป้ที่จัดเตรียมไว้ให้สำหรับแต่ละคน  และ เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องที่แข็งแรงปลอดภัยที่ได้เตรียมสร้างไว้จะได้หยิบกินหยิบใช้ในเป้ตนได้สะดวก
• ห้องที่แข็งแรงปลอดภัยที่ได้ให้เตรียมสร้างไว้  ขอให้หลานสร้างตามแปลนที่ลุงได้เขียนไว้ให้  คือ มีลักษณะเป็นแบบ 
• ตู้คอนเทนเนอร์ที่มีหลังคาแข็งแรงสุดๆ  เตรียมไว้ให้เป็น ทั้งตู้ใส่อาหาร ตู้หลับนอนให้ปลอดภัย  และเป็นห้องพยาบาลเคลื่อนที่พร้อมกันไปด้วย 
• แต่มีสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น ก็คือ  คนที่รอดตายขณะนั้น   ลุงเห็นภาพ น้ำแข็งก้อนเท่าบาตรพระ ทะยอยตกลงมาจากฟ้า ส่วนก้อนขนาดกำปั้น ตกกระจายไปทั่ว คนที่หลบหนี มาอยู่ในที่โล่ง ต้องมาตายกับฝนลูกเห็บยักษ์  ที่มีความเย็นจัดมาก  เพราะลุงเห็นภาพคนแข็งตายอยู่กลาดเกลื่อน เต็มไปหมด 
• ตู้คอนเทนเนอร์ที่นำมาสร้างห้องแข็งแรงนั้น  ขอให้ใช้ตู้เหล็กขนาดใหญ่ที่ลุงสั่งมา และ  ให้เร่งเสริมเหล็กกันกระแทกด้านบนและด้านข้าง ให้แข็งแรงเป็นพิเศษ  ให้เลือกประเภทที่เป็นตู้ที่ใช้เป็นห้องเย็น  เพราะจะช่วยเรื่องอากาศหนาวเย็น  หลังจากมีก้อนน้ำแข็งตกลงมาจากฟ้าได้ดี  ในส่วนของตู้สำหรับบรรจุอาหาร นั้น  ถ้าสามารถรวบรวมเงินได้ ก็ให้เปลี่ยนเป็น ตู้แบบตู้ห้องเย็นให้หมด ก็จะปลอดภัยมากขึ้น  
• ภาพที่ลุงเห็นถัดไปก็คือ หลังจากที่มีการหยุดของโลกกึ๊กหนึ่งนั้น  ภาพ น้ำข้ามภูเขามาจำนวนมากมาย  ลุงเห็นภาพกรุงเทพจมหายไปกับสายน้ำ ภาพเขื่อนภูมิพล และหลายๆเขื่อน ลุงไม่แน่ใจ
• ว่าอะไรบ้าง บิดร้าว ตัวเขื่อนแม้ไม่แตกสลาย  แต่ ขอบๆเขื่อน ที่เป็นภูเขา  เป็นดิน มีรอยร้าว และมีน้ำกัดเจาะเข้าไป จนน้ำทะลุภูเขาไปอีกด้าน  จนสุดท้ายภูเขาก็แบ่งออกเป็นสองซีก  ลุงเห็นภาพ น้ำกวาดบ้านไปเหมือนของเล่น
• ที่เชียงใหม่บ้านเรา  ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวมากไม่น้อยกว่าทีอื่นๆ  แต่เรื่องน้ำนั้น  เขื่อนแม่งัดแม่กวง แตกพังทะลาย  น้ำที่แตกมาจากเขื่อนจะกวาด บ้านเรือนที่อยู่ในส่วนตอนล่าง ลุงเห็นภาพเจดีย์ขาว ที่อยู่หน้าเทศบาล ที่ติดแม่น้ำปิงเห็นแต่ตัวยอดนิดเดียว 
• ภาพที่ลุงเห็นในเมืองเชียงใหม่  ตึกรามบ้านช่องที่พังทลาย  จากก่อนหน้านั้น  ผู้คนออกมาในคืนฟ้าดับนั้น กลับโดนกวาดไปกับสายน้ำ ที่บ้านเราจะรุนแรงและต่อเนื่องกัน  เพราะเขื่อนบ้านเราอยู่ใกล้เขื่อนน้ำ  เดินทางเพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง คนแถวสันทราย ดอยสะเก็ด ช่อแลคงเลี่ยงหนีไม่พ้น มวลน้ำทั้งหมดจะกวาด ไปผ่านลำพูน ไปทั้งหมด แต่ด้วยระยะทางของน้ำก็จะเสียหายน้อยกว่าแถว สันทราย  เมืองสันกำแพง แถวอำเภอบ้านธิ ลำพูน  
• ลุงเห็นภาพ เจดีย์วัดอรุณ เห็นเพียงยอดฉัตรเท่านั้น หมายถึงกรุงเทพ คงไม่มีที่แห้งให้ยืน  
• ลุงย้ำว่า  ตอนนี้ขอให้เลือกพื้นที่ อย่างไรก็ให้อยู่ตอนเหนือของเขื่อน  หรือ หลานจะแนะนำใคร ที่จะย้ายออกมา เพราะเชียงใหม่เองก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย
• ในยามที่โลกมืดมิดมองไม่เห็นอะไรนั้น พ้นจากแผ่นดินไหว แล้วสายน้ำก็กวาดลงมาอีก
• จะมีใครซักกี่คนหนอ  ที่จะรอดผ่านไปได้  ถ้าไม่มีการเตรียมการก่อนล่วงหน้า  รวมทั้งการเลือกพื้นที่ๆปลอดภัยก่อน   เพราะในยามนั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว
• อดคิดถึงเชียงราย  และ พะเยาไม่ได้ ถ้าน้ำจากเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลก ที่จีนสร้างแตก   คงจะทะลักมา อีกมากเท่าไหร่ หลานอย่าแปลกใจเลย  ที่จุดปลอดภัยของเชียงรายอยู่ที่ดอยตุง 
• ในช่วงของการที่มีความมืดมิดของโลกนั้น  ใช่ว่าจะเป็นความมืดแบบไม่มีแสงใดๆ  คงไม่ใช่ แต่จะมีฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ลงมา  เสียงผ่าที่ดังกว่าเสียงระเบิด เปรี้ยงๆๆ  พอๆกับเสียงระเบิดหิน เป็นเวลาก่อนที่ก้อนน้ำแข็ง จะร่วงมาจากฟ้า เพราะฉะนั้น  เวลาที่มืดมิดแล้ว  เริ่มเห็นแสงขึ้นมาอย่าออกจากห้อง  เพราะ มันจะเป็นแสงฟ้าแลบ และจะตามด้วยก้อนน้ำแข็ง
• ต้องปิดประตูให้มิดชิด ให้อยู่ในห้องแข็งแรง อยู่ในนั้นอีก 3 วัน  หรือ  จนกว่าอาหารในเป้ ที่เตรียมไว้สำหรับทุกคนหมด  ที่สั่งให้เตรียมไว้ 4 วัน  จึงต้องไม่ลืม และ ออกมาจากห้องแข็งแรงได้
• ในช่วงที่อยู่ในห้องแข็งแรง ขอให้หลาน นำสวดมนต์
• ขอย้ำเรื่องการออกจากห้องแข็งแรง  อย่าออกจนกว่าจะเห็นแสงอาทิตย์จากข้างนอก หลังจากนั้น  ถ้าขอบฟ้ายังเป็นสีเหลือง อมฟ้า อย่าได้รีบเคลื่อนย้าย ระวังอย่าให้ทุกคน หรือเด็กๆ โดนฝนเป็นอันขาด เพราะในก้อนน้ำแข็งที่หล่นมาจากฟ้านั้น  มี เชื้อโรค ที่ยาในรายการที่ลุงเตรียมไว้ให้หามาไว้ในห้องยาของเราไม่ครอบคลุม 
• วันฟ้าดับนั้นมีอยู่ประมาณ 3 วัน 3 คืน 
• ลุงกำหนดจิต  ไปที่กรุงเทพ เป็นภาพที่เอน็จอนาถใจมากกว่า  น้ำยังไม่ลดลงมากเท่าไร แต่สิ่งที่ลอยเกลื่อน  คือ  ซากศพคนตาย
• มีฝูงจรเข้ ที่ภูเขาทอง  ลุงเห็นภาพคนที่แก่งแย่งกัน ค้นหา ปล้นอาหาร ภายในซากห้างใหญ่
• ลุงเห็นภาพซากเขื่อน ที่จังหวัดตากแตก  กวาดน้ำไปตามเส้นทาง  แทบไม่เหลือสภาพ ว่าเคยเป็นเมืองที่เคยมีผู้คนอยู่มากมาย (พูดถึงเขื่อนจังหวัดตากอีกแล้ว)
• ต่อไปประเทศไทย  หลังวันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่  ลุงไม่แน่ใจว่า  ในญาณที่ลุงผ่านไปนั้น ลุงเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางดอยสุเทพ หรือ ขึ้นผิดทางที่เราเคยเห็นมา  โลกคงเปลี่ยนไปมากทีเดียว (แสดงว่า พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นทางตะวันออกเหมือนเดิม)
• ลุงใช้เวลาหลายคืน ในระยะที่ผ่านมาเพื่อกำหนดจิตไปยังที่ต่างๆ  หลานจะได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนไป   เหนือกับอีสาน  ยังพอมีเหลือคนไทยอยู่มาก ภาคใต้คนจะเหลือน้อยจริงๆ   
• ในส่วนของเมืองกรุงเทพ  ได้จมลงในน้ำ หลังจากเขื่อนพัง  มีคนตายมากมาย และ  กว่าน้ำจะลดลง จำนวนคนตายมากจน คนไม่กล้ามาอยู่ เพราะวิญญาณที่ไม่รู้ว่า  ตัวเองตายแล้ว วนเวียนหาคำตอบให้ตัวเองมากมายไปหมด   
• - ทางเหนือของเรา อาหารการกิน  ถ้าไม่ได้มีการกักเก็บไว้ล่วงหน้า  จะเจอกับปัญหาหนัก  เพราะอากาศจะหนาวมาก
• ลุงกำหนดจิตไปที่ภูเขา  เจอหิมะบนยอดเขา  ตอนแรกคิดว่าอธิษฐานผิดที่ไปเมืองนอก แต่กลับไม่ใช่ ลุงเห็นภาพพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่กลางหิมะขาวโพลน (เมืองไทยจะมีหิมะ) 
• การปลูกพืชเมืองหนาว  โรงเขี่ยเชื้อเห็ด เพาะเห็ด  ก็น่าจะช่วยเรื่องอาหารได้ นานพอสมควร ที่หลานๆจะได้ปรับตัวกันได้  เรื่องเป้  อุปกรณ์ยังชีพ วิทยุสื่อสาร ชุดป้องกันโรค อาวุธปืน มีดสนาม  เอาไว้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้าย ต้องเตรียมไว้ให้พร้อมด้วย
• ขอให้หลานได้ตั้งใจฝึกจิต  และพาน้องๆหลานๆฝึกด้วยกับหลาน  ส่วนเจ้าตัวเล็กๆทั้งหลายให้ฝึกสวดมนต์ให้ขึ้นใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:12:47


ความคิดเห็นที่ 12 (1607031)

แหล่งข้อมูลที่ 11 จากท่านวัชรธรรม  (พระถิรธมโม)
- ประเทศไทยจะมีเหตุแผ่นดินไหว และ  ภูเขาไฟระเบิดทางภาคเหนือตอนล่าง  เหตุการณ์เขย่าขวัญสั่นประสาท  ต้องรอให้ถึงวันที่ ๑๐ ถึง ๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ เหตุร้ายแรงเขย่าประสาทจึงจะเกิดขึ้นจริงๆ  มันร้ายแรงมากที่สุดเท่าที่คนไทยจะเคยเห็นเหตุร้ายภัยพิบัติรุนแรง  และมีผลทำให้ กรุงเทพต้องจมสู่บาดาลจริงๆ  ด้วยแรงดันจากน้ำหลากหลายสาย  ท่วมทับมารวมกัน ทั้งจากเขื่อนแตกในประเทศ  และเขื่อนจากมหาอำนาจจีนแตกพร้อมๆกัน
- คนกรุงเทพให้เตรียมตัวหนีตายได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  จนถึงปลายเดือนมีนาคม  2555 เป็นจุดสูงสุด อย่าอยู่ที่กรุงเทพอีก จะมีอันตรายถึงชีวิต  เพราะขาดน้ำและอาหาร  ไม่มีการสื่อสารใดๆเข้าถึงได้  จึงถือว่ามีอันตรายมากที่สุด  ให้เตรียมอพยพกันไปหาที่อยู่ใหม่กันได้แล้ว  เมืองหลวงแห่งใหม่ของชาวไทย  จะอยู่ติดกับจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์  เพราะแผ่นดินไทยใหม่  จะกลายเป็นชายทะเลเสียมาก 
- ท่านวัชรธรรม  (พระถิรธมโม) เคยจำวัดอยู่ที่ "ค่ายปฏิบัติธรรม อัครเบญจพล" อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี  ปัจจุบันออกธุดงค์

@@@@@@

เรื่องเขื่อนใหญ่ของจีน ทำให้นึกถึงเทปเก่าของรายการช่วงแรกๆที่อ.แม่อุบล เคยพูดไว้ว่าเพราะจีนได้สร้างกรรมใหญ่คือการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ ทำให้ต้องได้รับผลกรรมนั้นๆ แต่ลูกจำไม่ได้จริงๆคะว่าเป็นเทปที่ออกอากาศเมื่อไร

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:21:31


ความคิดเห็นที่ 13 (1607032)

ข้อมูลที่ 16  เรื่อง เกี่ยวกับดาวนิบิรุ
• เป็นดาวปริศนาดวงที่ 12 ของ ระบบสุริยะจักรวาล
• นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 เข้ามาอยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือก  แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้ว  ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากในช่วงเดือน พฤษภาคม 1982 (พ.ศ.2525)
• ดาวดวงนี้  เดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาก่อน แต่แล้ว  ก็ปรากฏว่า มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่ทางช้างเผือก และ มีบางคนว่า  มีแนวโน้มจะเข้ามาในวงโคจรของโลกด้วย
- มีคนเชื่อว่า แกนของดาวนิบิรุ  มีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้โลกเกิดสภาพอากาศแปรปรวน  เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ  เกิดภาวะน้ำขึ้นลงกะทันหัน  เกิดพายุต่างๆ  และ  มีการคาดการณ์ไว้ว่า  ในปี 2012 เราอาจจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้  เพราะมันเข้าใกล้เรามาก ทำให้ โลกเกิดการขาดสมดุลทางด้านแรงโน้มถ่วง และ ทำไห้โลกเราอาจจะเกิดการเปลี่ยนวงโครจรได้ 
• ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก  เป็นดาวฤกษ์ และ บางแหล่งว่าเป็นดาวเคราะห์  หรือ เป็นเพียงอุกกาบาตยักษ์เท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:23:20


ความคิดเห็นที่ 14 (1607035)

ข้อมูลที่ 17 ข้อมูลจาก อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา
• อาจารย์ สุมิตรฯ  เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย  ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง
 “อาจารย์ สุมิตร” ให้ข้อมูลว่าใน ค.ศ. 2012   โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่อย่างแน่นอน
“ท่านยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง “โทรจิต” ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ใน ค.ศ. 2012
• ท่านบอกว่า มนุษยโลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง “โทรจิต” แต่ทาง “สหรัฐอเมริกา” นั้นค่อนข้างปกปิดเรื่องนี้  ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้  ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล

• ท่านว่า  คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว  ใน ค.ศ. 2012  นั้น  เป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก  ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาว  คงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อ ช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่    
• ผู้ให้ข้อมูลแจ้งว่า  ถ้าไม่แน่ใจ ลองหา ข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยาใน Google ก็ได้

@@@@@@@@

บทความนี้ของนักวิทยาสตร์เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่อ.แม่อุบล สื่อสารกับมนุษย์ต่างด้าวหรือสิ่งที่เกิดบ้านสวนเป็นเรื่องจริง

แต่ภูมิปัญญาของมนุษย์ต่ำเกินไป ทำให้ความเขลาไปบดบังปัญญา

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:28:36


ความคิดเห็นที่ 15 (1607036)

ข้อมูลที่ 18 หลายคนอ้างว่าเป็นข้อมูลได้มาจากนาซ่าว่า
  ในปลายปี 2012 -2013 ทาง NASA ได้คํานวณไว้ว่า
- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมาก  จะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ  ระบบนำร่อง  ระบบสื่อสาร  และ ระบบ computer) จะเกิดความเสียหายจากพายุสุริยะ
- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก  สัตว์ทะเลน้ำลึก หรือ ปลาวาฬ  จะหลงทิศทางมากขึ้น เพราะ  สนามแม่เหล็กโลกแปรปรวน
- ระบบภูมิคุ้มกันโรค  ในบรรดาสัตว์ รวมถึงมนุษย์จะอ่อนแอลงอย่างมาก
• - ภูเขาไฟจะมีการประทุเพิ่มขึ้น  เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกจะเคลื่อนที่เร็วขึ้น  จะมีแผ่นดินไหว  และ แผ่นดินถล่มมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมาในอดีต
- สนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere) จะ อ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณ ถึงระดับอันตราย   ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา  ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้  เเละ ในที่สุดสัตว์ต่างๆ และ มนุษย์  ก็จะตายจากความแปรปรวนของธรรมชาติจำนวนค่อนข้างมาก

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:29:35


ความคิดเห็นที่ 16 (1607042)

  ข้อมูลที่ 19 จาก คำทำนายของหลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน)
• ท่านบอกให้บรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดทราบว่า  “พญานาค จะกวาดหางนำน้ำทะเลขึ้นมาล้างโลกในปี พ.ศ.2555  จะทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตายในครั้งนี้

"ลป.สรวง พูดถึงภัยพิบัติ


มีประมาณ ปี 2541 ลป.สรวง ท่านแวะมาที่วัดของ หลวงพ่อลมัย ในช่วงเข้าพรรษา และก่อนท่านจะจากไปท่านพูดเป็นภาษาเขมรกับหลวงพ่อลมัยว่า

"พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้"

หลวงพ่อลมัย ได้ถาม หลวงปู่สรวง ว่าถ้าน้ำท่วมมากขนาดนั้นคนดีก็คงไม่รอดเหมือนกันจะให้ทำอย่างไร

หลวงปู่สรวงบอก "คาถาเป่าน้ำ" ให้ไม่ท่วมร่างกายแก่หลวงพ่อลมัยว่า
"อุ้ม เกรอะ เกรอะ เกรอะ เตียงตึ๊ก เกรอะ ตึงได อุมสติสวาหะ"


ถาม (ทีมงานลานโพธิ์) - หลวงปู่สรวง เคยสอนวิชาอะไรให้หลวงพ่อมั้ย ?

ตอบ (หลวงพ่อลมัย) - เคยสอน แต่โยมจะได้มั้ย เคยสอนว่า ต่อไปนะ เผาของหลวงพ่อสามวันสามคืนไม่หมด พวกยา พวกอะไร หลวงพ่อให้ก็รับ เผาโยนใส่กองไฟ ให้อะไรก็รับ แล้วก็เผา ตอนหลวงพ่อมา มีคนมาถวายเสื้อ ถวายทรัพย์ เผาหมด เขาว่ายั่งงี้ ..

ต่อไปนี้ พ.ศ. 2555 คนเก่งอยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่ พ่อ - แม่ - ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้ จะตายหมด น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว มาบอกให้หยุดนะ ไม่ต้องอยากชนะกันให้ออกไป อย่ามีเวร อย่ามีกรรม 

ครั้งที่สองบอกอีก เป็นภาษาเขมรว่า ให้ออกก่อน

"พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำน้ำทะเลเต็มไปหมด" 

ให้มันไปแต่พวกนี้ ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ กลับเข้ามาก็ตีท่วมภูเขา มีทั้งดินมีทั้งโคลน 

"พวกทำไม่ดีตายหมด" แกว่า...เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง หลวงพ่อไม่กลัว(ลป.สรวง) แล้วก็ไม่หนีด้วย หลวงพ่อนี่ในตัวสังขละ ท่านสร้างมาหลายวัดเหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่นเขาเอาระเบิดเข้าไป สามปีมอบตัวกันหมด ที่ถนนดินแดงหลวงพ่อก็ไป

ถาม - ที่ หลวงปู่สรวง พูดหมายความว่ายังไง ?

ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาคเป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย 

"คนดีมันเป็น ไม่ตายจะรอด" 

ท่านบอกให้คอยดู แต่มาเป่านี่มันปี 2547 - 2550 ไม่ใช่สึนามินะ นางนาคสิเป่า ปี 55 แถวเราน้ำไม่มี เขาว่านางนาคเอาขึ้นข้างบน สามวันสามคืนก็เป็นลูกเห็บ ลูกที่หนึ่ง ลูกที่สอง ถูกใครตายระเนระนาด อย่าให้ถึงขนาดนั้น "คนดีไม่ตาย" 

แกว่างั้นนะ ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เรา 
ไม่ได้กบฎพระเจ้าอยู่หัว คนที่กบฎ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่ จะยึดแผ่นดินเป็นหลักแค่นั้นแหละ

@@@@@@

แปลกจริงหนอ...ตรงกับที่เสด็จปู่เวสสุวรรณ ที่ได้สื่อกับลูกหลานบ้านสวนว่า


คนที่โดนภัยพิบัติระลอกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ปรามาสในหลวงลงก่อน จะไม่ปล่อยอีกแล้ว กรรมหนักกว่าพวกผิดศีล

ชุดต่อไปพวกผิดศีล ดีแต่ปาก ตาขยิบ ผิดศีล จิตไม่บริสุทธิ์  เอาแต่ได้เอาแต่อยาก ผิดศีลทุกข้ออันไหนอันหนึ่ง เหลือแค่ไหนก็ไม่สนดีกว่าอยู่รกโลก

(จากกระทู้ที่ 266 ของคุณตฤณ นาคทุ่งเตา(จารุวัฒน์ธนทิต) : รวบรวมประสบการณ์การฝึกมโนมยิทธ...)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:45:22


ความคิดเห็นที่ 17 (1607044)

ข้อมูลที่ 20 จากคำตอบของพระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล

หลวงปู่พูดเปรยๆว่า: ในปี 2555 ไทยจะขาดแคลนน้ำจืด (เพราะน้ำจืดไม่มี มีแต่น้ำเค็ม) ในช่วงนั้นคนรอดก็เยอะ  คนตายก็แยะ

ข้อมูลที่ 21 คำเตือนจากปู่อินทร์ตาทิพย์เขาตำแยอายุ 109 ปี
•  หลวงปู่บอกว่าภัยพิบัติ  ในปลายปี 2555 ต่อเนื่องปี 2556 เหตุการณ์จะรุนแรงมาก ด้วยเหตุ 3 อย่าง 
• ประการแรก บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ 
• ประการที่สอง พายุจะถล่มเมืองไทย  
- ประการที่สาม  น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในโลก หลายๆประเทศ จะต้องเกิดเหมือนกัน จะรุนแรงไปเรื่อยๆ  ผู้คนจะตายมากเป็นประวัติการณ์  ผู้คนจะเหลือแค่ 30% ของประชากรในที่นั้นๆ
- หลวงปู่ท่านว่า  นี่แหละกลียุค   เหตุดังกล่าวจะเบาลง  และสิ้นสุดปี 2560 ผู้คนที่รอดพ้นจากภัยพิบัติส่วนใหญ่  คือ  ผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ในศีลธรรม  กตัญญูต่อบิดามารดา  ละอายแก่บาป   และ จะเป็นผู้รู้ในกิเลส และผู้ตื่นจากกิเลส สุดท้ายก็ไกลจากกิเลสได้
- ส่วนเส้นทางหลบหนี  หลวงปู่บอกว่า  ผู้คนจะหนีมุ่งหน้าไปทางถนนมิตรภาพ  และรถจะติดมาก  ผู้คนต่างแย่งกันโกลาหลน่าดู และ  สุดท้ายหางแถวจะหนีไม่รอด  ท่านว่าไปทางเหนือก็ได้
- สระบุรีตั้งต้นที่องค์พระนั่งสูง  ตรงนั้นแผ่นดินจะยุบตัวลง  เพราะข้างล่างเป็นบ่อน้ำใตบาดาล  ส่วนถนนที่พอจะรอดก็คือ กบินทร์-นครราชสีมา,นครนายก หรือ เส้นทางอื่นๆที่ไม่ใช่มิตรภาพ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:46:43


ความคิดเห็นที่ 18 (1607046)

ข้อมูลที่ 22 จากข้อมูลของหลวงปู่ประเสริฐ
• ท่านฝากเตือนมาว่า เวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว (ก่อน พ.ศ. 2560) ท่านว่า ผู้คนจำนวนมากต้องตายตั้งแต่ พ.ศ. 2545 แต่ที่มันไม่เกิด ก็เพราะว่า มีพระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์หลายท่าน รวมไปถึงเทวดาผู้รักษาโลกมนุษย์ ช่วยกัน อธิษฐานจิต ให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งในความเป็นจริง มันได้แค่เลื่อนออกไปเท่านั้น  ยังไงๆเหตุการณ์ภัยธรรมชาติใหญ่  และความหายนะครั้งใหญ่ ต้องเกิดขึ้นแน่นอน
• นับ แต่เวลานี้ แรงอธิษฐานมันหมดกำลังลงแล้ว และจะไม่สามารถอธิษฐานเลื่อนได้อีกแล้ว 
• หลวงปู่ท่านว่า  ต่อจากนี้ไป ภัยธรรมชาติ และความหายนะครั้งใหญ่ จะค่อยๆปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นๆ  และมากขึ้น โดยเริ่มทีละน้อย  และ จะค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้น  สารพัดภัยธรรมชาติ ไม่ว่าแผ่นดินไหว, พายุ, ภูเขาไฟระเบิด, น้ำทะเลสูงท่วมแผ่นดิน, หมู่เกาะทั้งหมดจะจมใต้ทะเล  และสารพัดเรื่องจะประดังเข้ามา ฯลฯ ทุกอย่างจะจบสิ้นในปี พ.ศ. 2560
มนุษย์ที่ศีลไม่ครบ  จะถูกภัยธรรมชาติใหญ่  คร่าชีวิตทั้งหมด และ มนุษย์ที่รอดชีวิตนั้น  มีไม่กี่คนเท่านั้น และ คนที่รอดชีวิตส่วนมาก จะเสียสติไปเลย เพราะตกใจกับเหตุการณ์แบบสุดชีวิต
• หลวงปู่บอกว่า เอายังงี้ละกันนะ  คนจะตายกันเกือบหมดโลกเลย แต่ประเทศไทย จะเหลือมากที่สุด คือ รอดประมาณ  30 % ของประชากรไทย ไปคำนวณกันเอาเอง พูดง่ายๆ ตายเกือบหมดประเทศนั่นแหละ  จะเหลือแค่คนมีศีลธรรมจริงๆเท่านั้นเอง
• หลัง ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป มนุษยชาติจะเข้าสู่ยุคใหม่  เรียกว่ายุคศิวิไลซ์  เนื่องจากคนไทยจะเหลือมากที่สุด (30 %) ต่อไป  ประเทศไทยจะได้เป็น มหาอำนาจ และ เป็นศูนย์กลางของโลก เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ผู้คนยุคนั้น  จะเปลี่ยนทัศนะคติ ในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด  ในยุคนั้น  ผู้คนจะไม่สนใจเงินทอง  แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการ บำเพ็ญบุญ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:49:57


ความคิดเห็นที่ 19 (1607047)

 ข้อมูลที่ 23  โครงการ HAARP อาวุธที่ทรงอิทธิพลต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลกด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง

• ผู้นำเวเนซุเอลา กล่าวหาสหรัฐอเมริกาว่า  เป็นต้นตอของหายนะในเฮติ จากการทดสอบอาวุธ อันก่อให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่คร่าชีวิตพลเรือนนับแสนคน
• -  โครงการ HAARP(High Frequency Active Auroral Research Project) คือ ศูนย์วิจัยไอโอโนสเฟียร์ในมลรัฐอลาสกา  ที่รัฐบาลสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีบุ๊ช  อ้างว่า  ไม่ใช่อาวุธ  เป็นเพียงเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ธรรมดา  ไม่มีความน่ากลัวอะไร  มีจุดมุ่งหมายสำรวจทรัพยากรชั้นบรรยากาศโลก  เพื่อพัฒนาระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมเท่านั้น
• แต่ วิลเลียม โคเฮน  อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ   ก็ได้เคยแสดงความกังวลต่อเครื่อง HAARP นี้ ในกรณีที่มันสามารถก่อความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ  จุดชนวนแผ่นดินไหว  และ ทำให้เกิดการปะทุของภูเขาไฟด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้

HAARP เป็นโครงการทดลองทางวิทยาศาตร์ของรัฐบาลสหรัฐ  เพื่อสร้างและควบคุมสภาพภูมิอากาศ  โดยการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ขึ้นไปที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วให้สะท้อนกลับมายังพื้นผิวโลกไปยังเป้าหมายที่ต้องการ  รวมไปถึงส่งพลังงานนั้น  ลงไปสู่ชั้นหินใต้ดิน  เพื่อก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือน  หรือก่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้นั่นเอง
• สมาชิกของคณะกรรมาธิการถึงสี่คณะ ของสภาสูงสุดรัสเซีย  หรือ สภาดูม่า และสมาชิกสภาทั้งหมด 90 ท่าน ได้เคยร่วมกันลงชื่อในรายงานเสนอต่อประธานาธิบดีวลาดีเมีย ปูติน  สหประชาชาติ  และประเทศสมาชิก องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ   ผู้นำและรัฐสภาทุกประเทศ  องค์กรทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง  และ  สื่อมวลชนชั้นนำของโลก  เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลก  มีมติห้ามสหรัฐทดลองอาวุธที่มีแสนยานุภาพสูงนี้  ในรายงานนี้ปรากฏข้อความดังนี้ 
• "ภายใต้โครงการฮาร์พ สหรัฐกำลังสร้างอาวุธใหม่ทางธรณีฟิสิกส์ ซึ่งอาจสามารถส่งอิทธิพลต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง"
"แสนยานุภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับการเปลี่ยนแปลงจากอาวุธมีคม สู่อาวุธปืน หรือ จากอาวุธธรรมดาสู่อาวุธนิวเคลียร์"

รายงานนี้ยังระบุอีกว่า  สหรัฐกำลังสร้างอาวุธฮาร์พนี้  ในพื้นที่สามแห่ง  แห่งแรกที่มลรัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา  แห่งที่สองที่กรีนแลนด์  และ  แห่งที่สามในประเทศนอร์เวย์  
• รัฐบาลสหรัฐ  ปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ในการเปิดเผยข้อมูล  และ ไม่อนุญาตให้องค์กรอิสระนานาชาติ  เข้าไปตรวจสอบโครงการฮาร์พ   
• ธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปจนน่าตกใจในขณะนี้  ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใด  แต่ที่แน่ๆจากมนุษย์ทำลายธรรมชาติอย่างแน่นอน   ตอนนี้  แม้ทุกฝ่ายจะเร่งแก้ปัญหา  แต่เหมือนยิ่งแก้ก็ยิ่งเกิดทวีความรุนแรง    แต่หารู้ไม่ว่า  กรรมใดๆที่มนุษย์ก่อ  ผลกรรมที่กระทำ  ก็กระทบกับมนุษย์โดยตรงนั่นเอง   การทำร้ายโลก   จะสร้างความปลอดภัยให้โลกได้หรือ? 
• นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (รังสีแกมม่า) นี้ได้ในบริเวณขั้วโลกเหนือ  และได้พบว่าปริมาณคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก ได้เพิ่มขึ้น  ทั้งจำนวนความถี่และความรุนแรง ท้องฟ้าในบริเวณขั้วโลกเหนือที่ปกติ มืดมิดตลอดเวลาในช่วงฤดูหนาว ปัจจุบันกลับมีแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นประจำ 
นักวิทยาศาสตร์หลายฝ่ายเชื่อว่า  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลึกลับนี้  คือ ต้นเหตุของความวิปริตทั้งหมด ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา  ทั้งนี้ มีงานวิจัยของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐที่พบว่า อิทธิพลรังสีแกมม่า  สามารถทำให้เกิดรูโหว่ในชั้นโอโซน   ฝนกรด  และ  การเกิดเมฆหมอกได้ 
• ผลของงานวิจัยนี้ได้ถูกยืนยันอีกครั้ง โดยการค้นพบของทีมนักวิทยาศาสตร์เยอรมัน จากสภาบันนิวเคลียร์ฟิสิกส์แมกส์ แพลงค์ สถาบันเลื่องชี่อของโลก ไม่เพียงแต่รังสีแกมม่า น่าจะเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศเท่านั้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่เป็นพลังงานแม่เหล็กจึงส่งผลต่อสนามแม่เหล็กโลก และอาจสามารถกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดได้อีกด้วย 
ผลการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ ประจำสภาบันภูมิฟิสิกส์ประเทศจอร์เจีย จากการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบ  สรุปว่า ปฏิกิริยาระหว่างโลกกับสนามพลังงานแม่เหล็ก เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงสูงกว่า 6 ริกเตอร์ขึ้นไป

•   มีนักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่ง ที่เชื่อว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าปริศนานี้ มีที่มาจากในโลกนี้เอง และ เกิดจากการกระทำของมนุษย์  หลายฝ่ายชี้ชัดมายังอาวุธในโครงการของกองทัพสหรัฐที่มีชื่อว่าฮาร์พ HAARP 
• ฮาร์พเป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์  การริเริ่มป้องกันทางทหาร ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการสตาร์วอร์    ฮาร์พถูกริเริ่มขึ้นในยุคของประธานาธิบดีเรแกน  โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อศึกษา "การใช้ไอโอโนสเฟีย (ชั้นบรรยากาศระดับสูง) เพื่อเป้าหมายของกระทรวงกลาโหม" 
• นายอีสแมน เจ้าของลิขสิทธิ์เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการนี้ กล่าวถึงฮาร์พว่า "สามารถรบกวนระบบโทรคมนาคมทั้งหมดในพื้นที่ขนาดใหญ่มากบนโลก...เบี่ยงเบนทิศทาง หรือ  ทำลายจรวด และเครื่องบิน... ปรับเปลี่ยนภูมิอากาศ...“
• ดอกเตอร์เมกิช นักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่ง ที่ติดตามโครงการฮาร์พ อธิบายถึงการทำงานของอาวุธนี้ว่า  ฮาร์พ "อาศัยเทคโนโลยีการส่งคลื่นวิทยุพลังมหาศาล เพื่อยกบริเวณชั้นบรรยากาศส่วนบน (ไอโอโนสเฟีย) ของโลกขึ้น  โดยเล็งพลังงานไปยังพื้นที่บนชั้นบรรยากาศ  และ เผาบริเวณนั้นจนร้อนหลอมละลายจนกลายเป็นเสมือนจานพลาสม่าขนาดยักษ์ที่สามารถรับส่งคลื่นได้
• จากนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็จะสะท้อนกลับมายังโลก และทะลุทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต“
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เคยรายงานคำพูดของนายวิเลียม โคเฮน  อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ  ที่กล่าวถึงการก่อการร้าย ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจีย ตอนหนึ่งมีใจความว่า "การป้องกันโดยใช้อาวุธที่ไม่ธรรมดาจะต้องมีเพิ่มมากขึ้น  เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายพัฒนาอาวุธเคมีและเชื้อโรคได้    รัฐบาลก็ต้องใช้กรรมวิธีทางพลังงานแม่เหล็ก ที่สามารถเปิดรูโหว่ ในชั้นโอโซน  หรือกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว  หรือภูเขาไฟระเบิดได้" 
ในอดีตวุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ   นาย เดนิส คูชินิชได้  เคยเสนอร่างกฎหมายเลขที่ HR2977 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธในอวกาศตอนหนึ่งของร่างนี้กล่าวถึง "อาวุธทางภูมิอากาศหรืออาวุธที่กระตุ้นรอยเลื่อนของชั้นแผ่นดิน" เป็นไปได้หรือ ที่ผู้ที่เป็นถึงวุฒิสมาชิกสหรัฐ  จะกล้าเสนอกฎหมายนี้  หากปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธเหล่านี้ 
นอกจากมีบุกคลสำคัญ  และองค์กรของสหรัฐเอง  มีการกล่าวถึงการพัฒนาและการทดลองอาวุธที่เปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศแล้ว บุคคลสำคัญและ องค์กรในระดับโลกต่างๆก็ได้เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้อาวุธนี้ด้วย
ที่ประชุมใหญ่องค์กรสหประชาชาติ   ก็ได้เคยมีการลงนามในอนุสัญญา "การห้ามใช้เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศเพื่อการทหาร และ การรุกราน ที่สร้างผลกระทบที่กว้างขวาง ยาวนานและรุนแรง“ " แม้มีการลงนามไปก็ตาม  สหรัฐก็พัฒนาโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง  เพื่อความได้เปรียบในการเป็นมหาอำนาจทางอาวุธต่อไป  เรื่องเช่นนี้  จะมีสักกี่คนที่ทราบเรื่อง  หากมิใช่ชาวอเมริกันที่รักสันติแอบนำเรื่องนี้มาเปิดเผย  ยากที่ประชาชนคนทั่วไปจะทราบได้  เครื่อง HARRP นี้น่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดหายนะ และ ภัยพิบัติโลก ภายในปี 2012 – 2017 ได้  ถือว่ามนุษยชาตินี้เอง  เป็นผู้ที่ก่อหายนะครั้งใหญ่ให้แก่มนุษยชาติ
 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:51:58


ความคิดเห็นที่ 20 (1607048)

แหล่งข้อมูลที่ 24 จากพระพรหมวชิรญาณ* (เจ้าอาวาสวัดยานนาวา)
• เจ้าประคุณท่าน  มีเมตตาเตือนให้ศิษยานุศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังว่า  ในปี ๒๕๕๔ นี้  เห็นว่า  เป็นเพียงแค่การทดสอบเท่านั้น  ความเสียหายที่ปรากฏ  ยังถือว่าไม่มาก  เมื่อเปรียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๕ – ๒๕๕๖ ซึ่งจะหนัก กว่าปี  ๒๕๕๔ ทุกด้าน  
• ไม่เฉพาะเรื่องภัยธรรมชาติเพียงอย่างเดียว  เรื่องเหตุการณ์บ้านการเมืองก็สาหัส  โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อ  ระหว่าง พ.ศ.๒๕๕๕ กับ พ.ศ.๒๕๕๖ ก็ต้องระวังให้มากๆ  มิใช่พูดให้ตื่นตระหนก แต่ต้องการให้เตรียมใจ  เตรียมกายอย่างมีสติ
• เพื่อเผชิญสถานการณ์ต่างๆที่อาจทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมากอีกครั้งหนึ่ง  ทั้งในด้านชีวิต และ ทรัพย์สิน
• ภัยพิบัติต่างๆนั้น  ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องไปอีก ๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ.๒๕๕๗

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:52:53


ความคิดเห็นที่ 21 (1607049)

แหล่งข้อมูลที่ 25  จากศิษย์อาจารย์ สันทัด มูลเครือคำ   สำนักปฏิบัติธรรม หมื่นครั้น  จังหวัดลำปาง

ท่านได้ให้คำพยากรณ์ก่อนปี 2545 โดยลูกศิษย์ และคนใกล้ชิดเท่านั้นที่ทราบเรื่องดังกล่าว  ท่านแจ้งให้ทราบว่า  ประเทศไทยจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น 3 เรื่อง  คือ
1. จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง ความเปลี่ยนแปลงอากาศจะไม่เหมือนเดิม
2. จะเกิดศึกกลางเมือง
3. กรุงเทพจะกลายเป็นทะเลสาบ
ศิษย์ผู้ใกล้ชิดยืนยันว่า  ท่านปฏิบัติจนได้ “อนาคตังญาณ”  แต่ท่านจะไม่พูดเรื่องดังกล่าวมากนัก  ท่านเน้นสอนให้ลูกศิษย์ปฏิบัติให้ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นหลัก  แล้วจะรู้จะเห็นเอง

แหล่งข้อมูลที่ 26 จากพระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน
ท่านพระอาจารย์  ได้กล่าวไว้ในปี 2550  โดยได้เตือนบรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดว่า  ใน 5-6 ปีข้างหน้า  (ประมาณปี 2555-2556) จะเข้าสู่ยุคมิคสัญญี  จะมีทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม สึนามิ  ความวุ่นวายทางการเมือง  ข้าวยากหมากแพง  ให้ศิษย์ทุกคนตั้งใจเร่งการปฏิบัติธรรม และ ฝึกความมีสติอย่างจริงจัง   และภัยพิบัตินั้น  ก็จะเกิดต่อไปเรื่อยๆ  จนถึงประมาณปี 2560  อาจจะเป็นปีที่หนักที่สุด  จากนั้น  ภัยพิบัติจึงจะเบาบาง  แต่จะหมดไปก็ต้องพ้นปี 2562  ไปก่อน

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:54:51


ความคิดเห็นที่ 22 (1607051)

แหล่งข้อมูลที่ 27 จาก  อ. คณานันท์ ทวีโภค  อ.สอนสมาธิ และ หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ   
• อ.คณานันท์ฯ  เตือนให้เตรียมกาย เตรียมจิตก่อนภัยพิบัติครั้งใหญ่  การเตือน คือการให้สติ เป็นการยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม แต่การเสพข่าวสาร และการจำแนกข้อมูล จำเป็นที่ต้องใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคล  ตอนนี้มีข่าวสารที่จะเตือนเพิ่มขึ้นมาจากหลายแหล่งมาก  จนกระทั่งหลายคน อาจสับสนบ้าง ตื่นกลัวบ้าง ขอเน้นย้ำเช่นเดิมว่า  ให้เราสาวไปหาเหตุ ว่าทำไมจึงเกิดภัยพิบัติ และเราจะพบทางรอดจากภัยพิบัติ  
• เมื่อเขาต้องการล้างคนชั่ว  คนอกุศลออกไปจากโลก เราก็พึงปฏิบัติจิต รักษาใจเราให้ เป็นกุศล ผ่องใส การเตรียมจิตสำคัญที่สุด  จิตเมตตา จิตผ่องใส จิตมั่นคงในพระรัตนตรัย จิตแนบในพระนิพพาน  
• สำหรับ คนที่ยังไม่ตื่นจากภายในก้าวเข้าสู่ทางแห่งธรรม แห่งกุศล มีเวลาอีก สองเดือนเท่านั้น คือไม่เกิน มีนาคม 55 คนที่เข้ามาทีหลัง แต่หากมีกุศลก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่พบเจอจริงๆจากการสอนสมาธิ  
• ความก้าวหน้าของเก่ากลับมากันเร็วมาก  ส่วนคนที่ไม่เข้าสู่ทางบุญทางกุศล ด้วยวิบากมาขวาง ก็คงไม่อาจรอดได้ แม้จะเตรียมวัตถุข้าวของมากมายเพียงใดก็ตาม  ขอย้ำว่าการเตรียมจิตสำคัญที่สุด  และสำหรับท่านที่ปฏิบัติธรรมอยู่แล้วก็ขอให้ เร่งทำจิตให้ผ่องใส  
• ละ เลิก สนใจจริยาผู้อื่น การเพ่งโทษ ตำหนิ ติเตียนผู้ใด ให้ใจตนเองมีตำหนิ เศร้าหมองอกุศล  สิ่งใดที่นอกจากแนวทางแห่งสัมมาทิฐิก็ขอจง ระมัดระวังให้มาก  อย่าได้เขวไป ชาวธรรมะที่จะรอดได้ ก็เหตุแห่งกุศล พอเหมาะพอเจาะ ที่เราไปทำบุญ ไปปฏิบัติธรรมพอดี จึงรอดไปด้วยธรรมจัดสรร  ช่วงเดือนนี้ไปจนถึง เมษายน 55 หากมีโอกาสไปทำบุญ จงเดินทางไป กับกัลยาณมิตร ถึงเวลาคนดีจะมารวมกลุ่ม   แยกไปจากคนชั่ว  คนชั่วใจบาปอกุศลก็จะมารวมกัน ภัยพิบัติก็จะมาล้างอย่างไม่ทันรู้ตัว วาระนี้  ขอให้ท่านเจริญอุเบกขา  กำหนดปลงพิจารณาในกรรมของโลก  ช่วยตามวาระแห่งกุศล   
• ท่านผู้ได้อภิญญา  เด็กอภิญญาที่เชียงใหม่  ได้เล่าให้ฟังว่า พระท่านยังไม่ให้ใช้อภิญญา  เพราะ  เราไม่อาจไปช่วย ผู้ที่มีกรรมจะถูกล้างไปได้  เพราะเป็นการละเมิดกฎของกรรม  ทำให้กระแสกรรมเปลี่ยนแปลงไป  ต้องเคารพกฎของกรรม  พระเถระผู้ทรงอภิญญาท่านก็เมตตา สอนให้  รักษาจิตใจเราให้ผ่องใสเอาไว้หน้าที่เราทุกคนขณะนี้  คือ รักษาจิตให้ผ่องใสในทุกลมหายใจ ให้กุศลเป็นเครื่องคุ้มครอง  สวดมนต์ก็จงกำหนดว่า  เราเข้าเฝ้าเคารพนบนอบในพระพุทธเจ้า  ก่อนนอนก็จงรำลึกในอารมณ์พระนิพพาน  แล้วท่านจะรอด หรือ ไปดีแน่นอน

@@@@@

สิ่งที่อ.แม่อุบลได้พยายามสอนเราคือ การเอาจิตแนบพระนิพพาน จิตเกาะติดพระพุทธองค์

สาธุ สาธุ สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:58:10


ความคิดเห็นที่ 23 (1607062)

บัดนี้ลูกรู้แจ้งแล้ว ลูกเห็นแล้ว เมื่อก่อนลูกเคยแต่ภาวนาต่อพระพุทธองค์ว่า ขออย่าให้ชีวิตของลูกอยู่ห่างพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะในยามที่ชีวิตต้องพบกับความมืดมนก็ขอให้เห็นแสงธรรมส่องนำทางเสนอ

แต่ที่ผ่านลูกนี้อกตัญญูหลงละเลิงไปกับกิเลส สิ่งที่ยั่วยุทำให้ทำผิดศีลในทุกๆข้อลูกทำตนเองให้ออกห่างพระพุทธองค์แล้วก็ในเวลาที่ชีวิตมีปัญหาได้แต่ตัดพ้อว่าพระพุทธองค์ทอดทิ้งลูกหลาน

ลูกรู้แล้วว่าพระพุทธองค์ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากลูกหลานของท่านเลย ถ้าหากเราเอาจิตเกาะติดและระลึกถึงพระพุทธองค์เสมอ...ความละอายใจ (หิริโอตัปปะ)จะบังเกิดขึ้นเอง

ข้าพเจ้าขอกราบขมากรรมที่ได้ล่วงเกิน ปรามาสหรือแม้แต่คิดเอาใจออกห่างพระพุทธองค์, ขอได้โปรดรับการขอขมากรรมและโปรดอโหสิกรรมให้กับลูกด้วยเถอะ

กราบขอขมากรรมต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ลูกไม่ได้ปกป้องหรือแสดงเจตจำนงค์ว่าลูกรักและไม่เคยสงสัยในตัวพ่อหลวง ลูกได้แต่หาข้ออ้างกับตนเองว่ากำลังท้องไม่อยากจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน

กราบขอบพระคุณสิ่งศักสิทธิ์ทุกๆพระองค์ที่บันดาลให้ลูกค้นพบเว็ปบ้านสวน, ขอบคุณคุณวิ (เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา) ที่เป็นสะพานบุญทำให้ได้พบอ.อุบล และร่วมบุญแรงกายที่บ้านสวน

และเหนือสิ่งอื่นใดกราบขอบพระคุณอ.อุบลและครอบครัวศุภาเดชาภรณ์ บัดนี้ลูกสิ้นความสงสัยในตัวอ.อุบลแล้วทุกประการ จะขอตามติดพระพุทธองค์และน้อมจิตตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของอ.อุบลทุกประการ

 


 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 01:21:38


ความคิดเห็นที่ 24 (1607117)

ขออนุโมทนา

กับธรรมทานครั้งนี้ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 11:17:57


ความคิดเห็นที่ 25 (1607169)

          โมทนาบุญกับน้องหนึ่งค่ะสาธุๆๆ 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 15:09:08


ความคิดเห็นที่ 26 (1607215)

ขออนุโมทนากับธรรมทานค่ะ.... มีประโยชน์มากๆค่ะ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัญญาภัค สีกอง (kanyapark-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 19:48:45


ความคิดเห็นที่ 27 (1607246)

คักหลาย

เป็นหยั่งบุญเน๊าะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตัวเล็ก พงษ์เดช ชาวไทย (phongdech1665-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 22:14:12


ความคิดเห็นที่ 28 (1607361)

โมทนากับธรรมทานของน้องหนึ่งด้วยนะคะ

 น้องใหม่ ไฟแรงแซงทางธรรม 

ยินดีด้วยนะคะ 

ด้วยความตั้งใจ ความอดทน ในการรวมรวมข้อมูล

แหมใช้เวลาตั้ง 2 วันแน่ะ

18 - 19 เม.ย. 2555

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-20 14:43:29


ความคิดเห็นที่ 29 (1607382)

 หลัง ปี พ.ศ. 2560

 

เป็นต้นไป

 

มนุษยชาติจะเข้าสู่ยุคใหม่

  เรียกว่ายุคศิวิไลซ์ 

 

เนื่องจากคนไทย

จะเหลือมากที่สุด (30 %)

 

ต่อไป

 

  ประเทศไทยจะได้เป็น

 

มหาอำนาจ

 

 และ

 

เป็นศูนย์กลางของโลก

 

 

 

เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์

ผู้คนยุคนั้น

  จะเปลี่ยนทัศนะคติ

ในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด

 

  ในยุคนั้น

  ผู้คนจะไม่สนใจเงินทอง

  แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการ

บำเพ็ญบุญ

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-19 00:49:57 

ขอบคุณค่ะ คุณหนึ่ง

 

บ้านสวนพีระมิด

ได้บอกเรื่องนี้มานานมากแล้ว

ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-20 19:09:12


ความคิดเห็นที่ 30 (1607390)

 

ด้วยความตั้งใจ ความอดทน ในการรวมรวมข้อมูล

แหมใช้เวลาตั้ง 2 วันแน่ะ

18 - 19 เม.ย. 2555

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) 
ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-20 14:43:29 IP : 182.52.93.179

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

พี่วิมีแซว....อายเลยอ่ะ   >๐<"

สาเหตุที่ทำให้ใช้เวลาในการโพสต์ นานก็เพราะอ.อุบลอ่ะคะ

อย่าเพิ่ง ง.งง นะคะว่าอ.อุบลมาเกี่ยวอย่างไร

ระหว่างที่โพสต์หนึ่งก็อ่านบทความไปมันเกิดความซาบซึ้งในพระคุณอ.แม่นะคะ

ยิ่งอ่านแล้วมันยิ่งเห็นภาพ...จิตระหว่างนั้นเกิดความรู้สึกแว่บขึ้นมาว่า

ท่านอ.แม่อุบลจะรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องล่วงรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเพื่อนมนุษย์

เท่านั้นแหละคะพี่น้อง

โพสต์ไปร้องไห้ไปตลอดเลย (แอบคิดตนเองเวอร์ไปเปล่า?? )

มันเกิดความรู้สึกเศร้า เวทนา และยิ่งรัก-ศรัทธา อ.แม่อุบลและเข้าใจว่าทำไมอ.แม่ถึงได้ต้องดุ ทำไมท่านปู่เวสสุวรรณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ถึงได้เร่งลูกหลานบ้านสวน

จริงๆแล้วทุกสิ่งที่ทุกทำคือความรัก ความเมตตา

ขออนุโมทนาบุญและกราบขอบคุณอ.แม่อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ด้วยคะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-20 21:00:05


ความคิดเห็นที่ 31 (1607433)

 พี่วิมีแซว....อายเลยอ่ะ   >๐<"

สาเหตุที่ทำให้ใช้เวลาในการโพสต์ นานก็เพราะอ.อุบลอ่ะคะ

อย่าเพิ่ง ง.งง นะคะว่าอ.อุบลมาเกี่ยวอย่างไร

ระหว่างที่โพสต์หนึ่งก็อ่านบทความไปมันเกิดความซาบซึ้งในพระคุณอ.แม่นะคะ

ยิ่งอ่านแล้วมันยิ่งเห็นภาพ...จิตระหว่างนั้นเกิดความรู้สึกแว่บขึ้นมาว่า

ท่านอ.แม่อุบลจะรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องล่วงรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเพื่อนมนุษย์

เท่านั้นแหละคะพี่น้อง

โพสต์ไปร้องไห้ไปตลอดเลย (แอบคิดตนเองเวอร์ไปเปล่า?? )

**********

สาธุ สาธุ สาธุ

อนุโมทนาบุญกับน้องหนึ่งด้วยใจจริงนะคะ

ฮ่าๆ แต่นี้ต่อไป

 

  เราแข่งขันในเรื่องของการ

บำเพ็ญบุญ

ดีกว่า

***********

กราบขอบคุณอาจารย์แม่เจ้าค่ะ

ที่เมตตาเตือนสติให้ลูกได้มีมโนกรรมที่ดีขึ้น

กราบ กราบ กราบ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-21 08:33:00


ความคิดเห็นที่ 32 (1607450)

 

ขอโมทนาบุญกับคุณ หนึ่งที่มาให้ข้อมูล ภัยพิบัติ  และกราบขอบพระคุณอ. อุบลที่ได้ช่วยให้ลูกหลานบ้านสวนได้ร่วมสร้างบุญอันยิ่งใหญ๋ในบ้านสวน   นันขออุทิศบุญที่ได้ทำมาแล้วทั้งหมดให้เทพ เทวดาที่ปกปักรักษา อ.อุบล อ.มงคล คุณ ท๊อป    ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ทุกๆพระองค์ ด้วยคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธันยนันท์ กิตยานพลักษณ์ (tyk246-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-21 11:00:56


ความคิดเห็นที่ 33 (1607862)

 

อนุโมทนาสาธุกับน้องหนึ่งค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หน่อย (สมศรี พวงพันธ์) (noi-92012-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-24 11:59:01


ความคิดเห็นที่ 34 (1607971)

อนุโมทนากับทุกๆข้อมูล

จากคุณหนึ่งด้วยค่ะ

ขยันรวบรวมหาข้อมูล

จากหลายๆแหล่งมั่กๆ

 

แม้หลายๆเรื่องจะเคยอ่านมาบ้าง

แต่อ่านเกี่ยวกับโครงการ HAARP ทีไร

ใจมันรับไม่ได้ทุ๊กที เพราะแค่นี้

"มนุษย์"ร่วมโลกทั้งหลาย

ก็ต้องถูกกำจัดไป

โดยให้ธรรมชาติเอาคืน อยู่แล้ว

 

แต่"มนุษย์"ด้วยกันเอง ยังคิดค้น

วิธีการที่จะทำลายล้างกัน

แทบจะให้สูญพันธ์ไปเลย อย่างงั้นแหล่ะ

 

 

แต่เท่าที่รู้ เมื่อไม่นานมานี้

รู้สึกว่า "ผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว"

ได้ทำลายฐานทัพ ที่สำคัญ

ของโครงการนี้ไปแล้ว เีรียบร้อยค่ะ..

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-25 05:28:27


ความคิดเห็นที่ 35 (1610882)

   สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ* (พระอรหันต์จี้กง)

ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะได้นำมาให้อ่านต่อไปนี้ ได้มาจากหนังสือเรื่อง “ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ ” ซึ่งท่านผู้ใช้นามปากกาว่า ศุภนิมิต”  ได้เรียบเรียงจากต้นฉบับที่เป็นภาษาจีนอีกทีหนึ่ง สาระของเรื่องได้ถ่ายทอดจากการรับรู้ของเด็กหญิงผู้วิเศษชื่อ เทียนไฉ” ที่ประเทศมาเลเซียโดยการประทับทรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจากการถอดจิตขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนไปรู้ไปเห็นมาหลายครั้งหลายหนของเธอดังนี้ 

เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า: วันที่ฟ้าดินมืดมิด 
1. ก่อนหน้า “ เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า ” วันฟ้าดินมืดมิดสองสามวัน บรรยาการของโลกดูสงบเงียบไปทั่ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเงียบสงัด ก่อนพายุฝนจะกระหน่ำมักเป็นความเงียบที่น่ากลัวเสมอ แล้วทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างเป็นแดงฉานและกลายเป็นสีเทาขาว จนกระทั่งมืดมิดลง ลมมหาประลัยทำลายสิ่งปลูกสร้าง คน และ สัตว์ทั้งหมดให้กลายเป็นจุณมหาจุณในพริบตา 

2. โลกทั้งโลกตกอยู่ในความืดมิด จนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟใดๆ ทั้งสิ้น พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง ใช้การไม่ได้ผล ต่อจากนั้นก็เกิดพายุและลมฝน เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดไม่ขาดสาย ห่าฝนเมฆสีแดงจะเทลงมาจากฟากฟ้า โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล นานถึงสี่สิบเก้าวัน 

3. มีเพียงโคมไฟสามดวงในพุทธสถานเท่านั้นที่ให้แสงสว่างได้ รอบนอกสถานธรรม ได้ถูกห่อหุ้มปกป้องด้วยรัศมีสีม่วงโดยทั่ว เมื่อนั้นคนที่บำเพ็ญ โดยแท้จริง และคนดีที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม ก็จะได้รับการดลใจ ชักนำให้เข้ามาหลบภัยในพุทธสถาน ในที่นั้น หากมีธรรมอธิการผู้อาวุโส (เฉียนเหยิน) หรืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมอยู่ด้วยก็อาจจะช่วยชี้ธรรมให้คนเหล่านั้น คนที่มีกุศลบารมีสูงก็จะรู้แจ้งในทันที และนั่นอาจจะเป็นแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายที่จะโปรดสัตว์ในธรรมกาลยุคขาวก็ว่าได้ คนที่ไม่เคยร่วมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดมาก่อนเลย เกรงว่าจะต้องตายด้วยภัยพิบัติทันทีเลยทีเดียว ถึงแม้จะรอดพ้นไปได้แต่วิถีอนุตตรธรรมก็สิ้นสุดวาระการถ่ายทอดเสียแล้ว 

4. ส่งเสริมให้ญาติธรรมทั้งหลาย สร้างพุทธสถานกันให้มาก ๆ แม้จะมีไว้เพียงเพื่อตนเองจะได้กราบไหว้เช้าเย็นก็ยังดี เพื่อให้ทุกบ้านเป็นสถานแห่งพุทธ สมดังพุทธปณิธานโดยเร็ว เมื่อถึง วันสุดท้ายฯ” พุทธสถานจะได้เป็นที่หลบภัยของสาธารณชนให้มาก ๆ เพราะพุทธสถานจะเป็นเสมือน เมืองในม่านเมฆ สำหรับผู้ใฝ่ธรรม 

5. สภาพโลกภายนอกของพุทธสถาน คือ ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก เจ้ากรรมนายเวรของคนทั้งหลายที่เป็นหนี้ติดค้างกันมาถึงหกหมื่นปีมาแล้ว จะลุกฮือกันออกมาเอาชีวิต วิญญาณทวงหนี้กัน แม้ผู้คนจะพ้นจากมหันตภัย แต่ก็อาจต้องตายด้วยเจ้ากรรมนายเวร สภาพนั้นจึงเป็นมหาโหด มหาวิปโยค เสียงร่ำไห้กู่ร้องครวญคราง เสียงผีสาง เทพพรหม ระงมก้องไปทั่วเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก 

6. เหล่าภูตสางนางไม้ในป่าเขาในบาดาล เหล่าพญามารอสูรทั้งหลายก็จะแปลงกายเป็นพระศรีอาริย์ เป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิ์สัตว์กวนอิม เป็นพระอาจารย์จี้กง หรือพระอริยเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สำแดงอิทธิปาฎิหาริย์ เรียกลมเรียกฝนเสกหว่านเมล็ดถั่วให้กลายเป็นกองทัพ ฯลฯ จะอวดอ้างศักดานุภาพว่าจะสามารถพา
ผู้คนให้พ้นจากลมมหาประลัย มุ่งคืนไปยังสุทธาวาสเบื้องบนได้ 

สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อหลอกล่อผู้ปฎิบัติธรรมโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้น ให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในศรัทธาจิตอย่างเช่นเดิม อย่าได้โลภ หลงตามไปเป็นอันขาด พอขยับใจไขว้เขวแม้เพียงขณะจิตหลงติดตามไป บุญกุศลที่สร้างมาก็จะหมดไป ดังคำที่ว่า “ ใกล้จะบรรลุธรรมยามเที่ยง แต่มาเพลี่ยงพล้ำเสียก่อนเมื่อตอนสาย  
จะขึ้นหรือลงจึงอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้ ที่แอบอ้างว่าเป็นพระบรรพธรรมาจารย์ มาเก็บงานธรรมอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นเพียงมารเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่น่าแปลก 

ต่อเมื่อวันที่มหันตภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นแหละจะน่ากลัว เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงพระองค์ต่างมุ่งอยู่แต่งาน ช่วยคนให้พ้นจากภัยพิบัติไม่มีเวลาจะมาแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ล่อใจใครให้กราบไหว้ได้เช่นนั้น พระพุทธะตรัสไว้ว่า “ แรงแห่งมารหาญกล้ากว่าพุทธะ ” พระอาจารย์จี้กงก็กล่าวว่า “ พระอาจารย์ปลอมมีอิทธิปาฎิหาริย์
แกร่งกล้ากว่า พระอาจารย์จริงเสียอีก หวังว่าหญิงชายทั้งหลายจะได้ร่วมกันบำเพ็ญธรรม อย่าลืม อย่าลืม คนที่บำเพ็ญด้วยความจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากจะสงบใจพิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือปลอม” จะเห็นใบหน้าสีเขียวเขี้ยวโง้งของปีศาจในร่างของพุทธะได้โดยไม่ต้องเทียบเคียง 

7. วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ ช่วงที่หนึ่ง วันที่ 24, 25, 26, ของช่วง เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” เพราช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อความหนาวเหน็บ

ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะทรมานมาก ช่วงที่สอง ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ 50 ถึง 70 เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสีซากศพเกลื่อนกลาด คนเคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ คนที่กินเจจะมีกำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงได้ประทานพระโอวาทคำเตือนไว้นานมาแล้วว่า “ หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์  เป็นคำเตือนที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดทีเดียว 

8. หลังการกวาดล้างแล้ว ก็จะเป็นการสร้างบ้านเมืองใหม่ มนุษย์จะเริ่มเบิกดิถี ด้วยอารยธรรมใหม่ นั่นคือมีคุณธรรมและมีคุณสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อจดจำบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติ ปรัชญาความคิดของท่านบรมครูขงจื้อและเมิ่งจื้อ จะเป็นที่เทิดทูนศรัทธาทั่วโลก ความจริงใจรักใคร่ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน จะเป็นปฎิญญาที่ทุกคนรักษาไว้ร่วมกัน 

9. พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งในศุภวาระนี้ จะทรงเปิดเผยให้เห็นฉากสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ ของพระอรหันต์แห่งธรรมกาลยุคขาวนี้ จะทรงประทานอริยฐานะตามลำดับมรรคผลบุญกุศล จากนี้โลกแห่งสันติสุขเยี่ยงสมัยพระเจ้า เหย่าซุ่น” หรือโลกพระศรีอาริย์ก็ได้เบิกวิถี ณ บัดนี้
 

 ARCHYSHOP ที่ 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-15 22:41:35


ความคิดเห็นที่ 36 (1612180)

   ขออนุโมทนาบุญกับคุณหนึ่งด้วยน๊ะค๊ะ

ที่หาข้อมูลที่ดีๆ    มาฝากพวกเราค่ะ

พวกเราต้องเตรียมตัวกันอย่างมากจริงๆ/

  แต่ลูกบ้านสวนฯ   ยังโชคดีกันอยู่มากทีเดียว

ที่พวกเราได้เตรียมตัว/ใจกันไว้มาโดยตลอด

โดยมีท่านอ.อุบลฯ คอยสั่งสอนพวกเราอยู่/

          ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กันต์สินี อัครวิชนนท์(นี/พันธ์) (podduang-dot-p-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-24 16:13:33


ความคิดเห็นที่ 37 (1612444)

อนุโมทนาบุญค่ะน้องหนึ่ง

อ่านเรื่องที่คุณลุงหมอเชียงใหม่

เขียนบันทึก

ทำให้นึกภาพที่น้องพยาบาลอ้อย

สื่อจากท่าน ดตาจินินที่บ้านสวนฯ

ช่างคล้ายกันมาก

เมื่อถึงเวลาที่ท่านดตาจินินเตือน

ก่อนหน้านี้แล้ว

ขอให้จิตระลึกถึงท่านอาจารย์อุบล

และเทวดาให้ทันด้วยเทอญ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-25 21:29:51


ความคิดเห็นที่ 38 (1613074)

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ  เก็บรายละเอียดได้เยอะมาก

ผู้แสดงความคิดเห็น อัมพิกา อภัยกุล (namfon2010-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-30 12:28:41


ความคิดเห็นที่ 39 (1613076)

 อนุโมทนา กับ ธรรมทาน ของทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น กิตติคุณ ปุ่นโหมด (parker_bp-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-05-30 12:34:36


ความคิดเห็นที่ 40 (1619680)

 

((คำทำนายของอาจารย์นันทะ))

 

สถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่จะได้เผชิญกับลาวาร้อนจากไฟใต้โลกจะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดแรกในภาคอีสานตามรอยต่อของจังหวัดที่ติดกันเป็นแนวยาว

 

เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นแนวแยกของแผ่นดินคดเคี้ยวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธารโลหะร้อนจะไหลลามแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้างข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน จากนั้นพายุที่รุนแรงจะนำน้ำมาดับไฟ ก่อให้เกิดน้ำท่วมและโรคร้ายที่จะระบาดอย่างรุนแรงจนสุดที่จะเยียวยาได้ โดยเฉพาะ อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ที่มนุษย์เชื่อว่าได้กำจัดหมดไปจากโลกนี้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังฟักตัว และจะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าเดิม ซึ่งสามารถคร่าชีวิตผู้รับเชื้อได้ในเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น ท้องฟ้ามืดมิด ฝนจะเริ่มตกหนักทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำเอ่อขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าท่วมแผ่นดินในหลายๆ พื้นที่

 

พายุไซโคลนจะพัดกระหน่ำและจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 160 ก.ม./ชั่วโมง พัดผ่านกรุงเทพฯ (*เสริมข้อมูลคะ* : หนึ่งได้มีโอกาสดูเทปปี 2552 ที่ท่านอาจารย์อุบลเคยสัมภาษณ์อ.ปริญญา ซึ่งได้กล่าวว่า กรุงเทพจะเจอพายุ 3 ลูกในเวลาเดียวกัน โดยลูกแรกจะพัดจากบางขุนเทียน ผ่านสะพานพระราม 9 ซึ่งทำให้สะพานพังและเข้ามาทางฝั่งธนบุรีและพัดวกมาทางบางกะปิและออก ทางเขตชานเมืองซึ่งก็น่าจะพัดมาทางมอเตอร์เวย์เข้ามาทางลำลูกกา, ธัญบุรี นอกจากนี้อ.ปริญญาก็ได้กล่าวว่ากรุงเทพจะเกิดแผ่นดินไหวและศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่จ.ปทุมธานีและนนทบุรี)

ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใหล้กับสะพานกลางเก่ากลางใหม่ในย่านฝั่งธนบุรีจะพังทลายลงมาจากการโหมกรุหน่ำและความบ้าคลั่งของลมพายุ มีผู้เสียในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 600 คน ในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนักตึกสีขาวที่อยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามจะพังทลายตามลงมา ยอดตึกที่พังทลายจะแลเห็นโผล่เนือน้ำให้เห็นเป็นอนุสรณ์ของคราบน้ำตา หลังคาบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงจะปลิวว่อน เสาไฟฟ้าจะล้มระเนระนาดด้วยความรุนแรงจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคยงอย่างเหลือคณานับ

 

เทือกเขาตะนาวศรีในจังหวัดราชบุรี : จะพังทลายลงมาเนื่องจากแผ่นดินไหวที่รุนแรง ซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นถึงภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่ หลังจากนั้นไม่นานภูเขาไฟลูกแรกในประเทศไทยจะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เสียงดังกึกก้องกัมปนาทดังมาถึงกรุงเทพฯ ธารลาวาจะไหลลงไปยังฝั่งพม่า

 

ไม่นานนักระเบิดลูกที่สองและลูกที่สามก็ตามมา ลู่กที่สี่จะมีความรุนแรงอย่างถึงที่สุด ซึ่งจะสร้างความอำมหิตให้กับภาคเหนือและภาคอีสานต่อไป - ณ บ้านกุดฉิม อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น (*เสริมข้อมูลคะ* : ตรงกับองค์ความรู้ของอ.ปริญญาที่บอกว่าจะเกิดภูเขาไฟระเบิดที่จังหวัดขอนแก่น ณ.บ้านกุดฉิม)

 

จะเกิดภูเขาไฟแห่งที่สองระเบิดขึ้น มีผู้เสียชีวิตประมาณ 500 คน - ที่บ้านโพธิ์ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จะเกิดแผ่นดินไหวและมีลาวาร้อนจากภูเขาไฟไหลเคลื่อนตัวทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า มีผู้เสียชีวิตร่วมพันคน

 

เกิดภูเขาไฟระเบิดในจังหวัดกาฬสินธุ์อย่างกะทันหัน จนยากที่ผู้คนในบริเวณนั้นจะตั้งตัวทัน และจะเกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดมีจำนวนเด็กผู้หญิง เสียชีวิตมากกว่าผู้ชาย

 

จังหวัดตรัง: เกาะทุกเกาะจะจมหายไปเนื่องจากลมพายุที่รุนแรง และทะเลคลั่งที่กลบกลืน หมู่เกาะให้หลับลึกไปอย่างรวดเร็ว

 

สมุทรปราการ: จะจมหายลงไปในท้องทะเลครึ่งเมืองอย่างถาวร เนื่องมาจากลมพายุที่โหมกระหน่ำบวกกับน้ำทะเลหนุนสูง น้ำจะท่วมอย่างรวดเร็วและมีสายน้ำเปลี่ยนทิศไหนผ่านเมืองอย่างน่าหวาดกลัว ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากหายนะครั้งนี้จะถูกนำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่อยุ่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านสำโรงและโรงพยาบาลแห่งนี้จะเป็นประตูต้นทางของกระแสน้ำที่ไหลเปลี่ยนทิศ แต่ก็เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดของเมืองสมุทรปราการ

 

เกาะสมุย: จะถูกลบหายไปจากแผนที่โลก เนื่องจากแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงและเกิดพายุ รวมทั้งคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำจนกระทั่งเกาะทั้งเกาะจมหายลงไปในท้องทะเลอย่างไม่มีวันหวนกลับคืน

 

เกิดแผ่นดินไหวที่ตัวเมืองบุรีรัมย์ เสียชีวิตทันที 53 คน ผู้บาดเจ็บที่เหลือจะเสียชีวิตอย่างมากมายในระหว่างทางไปโรงพยาบาล

 

เกาะปันหยี จังหวัดพังงา: เกิดน้ำท่วมสูงและพายุที่รุนแรงโหมกระหน่ำหายสาบสูญอย่างถาวร ผู้คนเสียชีวิตทั้งเกาะ อุทยานภูริน นางย่อง สิมิลัน จังหวัดพังงา: ถูกคลื่นยักษ์ซัดหาย

พังงา: น้ำท่วม แผ่นดินจะถูกกลืนจมหายไปในท้องทะเล

 

เขื่อนบางลาง จังหวัดนราธิวาส: ถูกคลื่นจากทะเลซัดกระหน่ำจนกระทั่งเขื่อนแตก น้ำไหลทะลักเข้าท่วมแผ่นดิน รวมทั้งน้ำทะเลที่ถาโถมเข้าสู่แผ่นดินอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งไม่มีนราธิวาสหลงเหลืออยู่ในแผนที่โลก

 

บ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด: จะถูกคลื่นยักษ์ไซโคลนกระหน่ำแผ่นดินหายไม่มีเหลือ

 

ยะลา: ถูกทะเลคลั่งโหมกระหน่ำ น้ำทะเลสูง แผ่นดินหายเหลือเพียงเกาะเล็กๆ เท่านั้น ที่จะมีชื่อเรียกใหม่ว่า เกาะยะลา

 

จังหวัดสงขลา: น้ำท่วมสูง เกาะทุกเกาะจมหายจะเหลือเพียงหาดใหญ่บางส่วนที่น้ำจะไม่ท่วมถาวร

 

ชลบุรี ชายฝั่งทะเลบางแสน: ถูกคลื่นยักษ์ 4 - 5 เมตร ซัดกระหน่ำอย่างรุนแรง จนกระทั่งมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพังพินาศ แต่น้ำทะเลจะไม่ท่วมถาวร

 

ฉะเชิงเทรา: น้ำจะท่วมถึงสองฝั่งบางปะกง จนถึงฐานหลวงพ่อโสธร

 

กระบี่: จะถูกพายุพัดกระหน่ำ ผืนดินทางด้านตะวันออกจะหายไปชาวประมงประมาณ 180 คน จะถูกกลืนหายไปในท้องทะเล

 

ชุมพร: จะเผชิญพายุฝนที่รุนแรง คลื่นจัด น้ำท่วมสูง ศาลกรมกลวงชุมพรจะเหลือไว้เป็นอนุสรณ์ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์

 

ภูเก็ต: ถูกพายุถล่มอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งเกาะหายไปจากแผนที่โลกมีผู้เสียชีวิตทันทีประมาณ 40,000 - 60,000 คน

นครศรีธรรมราช: จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ มีผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 คน

ปัตตานี: ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมทั้งจังหวัด แต่วัดช้างไห้ของหลวงปู่ทวดจะปลอดภัย รูปปั้นหลวงปู่ทวดจะแสดงปาฏิหาริย์ ลอยน้ำขวางกระแสน้ำเชื่ยวน้ำจะแห้ง วัดช้างไห้จะกลายเป็นเกาะกลางน้ำ

 

เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์: จะพังทลาย กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า มีผู้เสียชีวิตทันทีประมาณ 200 คน เกิดภูเขาไฟระเบิดอย่างถึกก้องกัมปนาทที่จังหวัดอุตรดิตถ์ (*เสริมข้อมูลคะ* อ.ปริญญากล่าว่าเขื่อนแห่งแรกที่จะพังทลายอยู่ที่จ.อุตรดิตถ์)

 

กาญจนบุรี เขื่อนศรีนครินทร์: จะมีปัญหาน้ำไหลอ้อมเขื่อนท่วมด้านล่างเสียหายบางส่วน รวมทั้งน้ำท่วมสูงแผ่นดินหายถาวรครึ่งจังหวัด

 

จังหวัดนครราชสีมา: เกิดน้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ กระแสน้ำจะท่วมสูงถึงฐานของอนุสาวรีย์ย่าโม

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-13 06:24:11


ความคิดเห็นที่ 41 (1619682)

((คำทำนายของอาจารย์นันทะ))ต่อ

 ทุกจังหวัดในประเทศไทยต่างก็ได้รับความบอบช้ำด้วยกันทั้งสิ้นจะมากน้อยต่างกันไป  บริเวณใดที่มีผู้คนที่มีศีลธรมอาศัยอยู่อาจได้รับการปกป้องบรรเทาภัยพิบัติให้เบาบางลงไปได้บ้าง... ข้อมูลทุกอย่างที่กล่าวมานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ระดับความรุนแรงจะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ดังเช่น ภูเขาไฟที่กล่าวว่าจะเกิดในสถานที่หลายแห่งนั้นอาจเกิดระเบิดกึกก้องกัมปนาทรวมกันในสถานที่แห่งเดียวกัน แต่จะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ กล่าวคืออาจมีลาวาจะพุ่งขึ้นฟ้าสูงเป็นพิเศษถึง 6 กิโลเมตร เป็นต้น

 

เหตุการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมานั้น จะมีอยู่วันหนึ่งที่เหตุการณ์รุ่นแรงที่สุดคลื่นพลังมหาศาสจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะอันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่ 11 (*เสริมข้อมูลคะ* : ตรงกับองค์ความรู้ของอ.ปริญญาที่กล่าวว่า 56วัน 7 ราตรี จะเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ครบ 11 จุด ซึ่งปัจจุบันเกิดขึ้นมาแล้ว 9 จุด) มนุษย์ทุกคนบนโลกจะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว บรรยากาศช่วงแรกๆ จะรู้สึกหดหู่ เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกล หลังจากนั้นไม่นานนักลมจะแรงขึ้น เสียงฟ้าเสียงลมจะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เป็นเสียงของพญามัจจุราชที่พิพากษาโลกในด้านความเป็นมนุษย์คนชั่วทุกคนจะถูกประหารชีวิต และตายอย่างทรมาน ไม่เว้นแต่ผู้นำสังคม ผู้นำเศรษฐกิจ ผู้นำลัทธิ ฯลฯ ส่วนคนดีจะได้รับการยกเว้นเอาไว้ให้ได้ทำความดีโดยไม่มีอุปสรรคต่อไป 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-13 06:32:17


ความคิดเห็นที่ 42 (1630498)

อนุโมทนาบุญกับคุณหนึ่งด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความน่าสพรึงกลัวที่กำลังจะเกิดขึ้นค่ะ

แต่ความน่ากลัวจากภัยพิบัติเหล่านี้ไม่ได้น่ากลัวน้อยกว่าภัยในจิตใจของเราเลย ถ้าพระพุทธองค์ทรงเมตตาคนที่ ทำดี ปฏิบัติดีให้มีชีวิตรอดแล้วละก้อ

เรามาช่วยกันสร้างกรรมดีด้วย กาย วาจา ใจ ของเรากันเถอะค่ะ เผื่อว่าอย่างน้อยเราช่วยเหลือคนมากมายไม่ได้ 

แต่เราช่วยเหลือตัวเองและคนในครอบครัวได้ ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

แต่การทำใจให้ดีงามนี่ล่ะยากที่สุดเลยค่ะ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติมณฑน์ ใจดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-23 10:38:01


ความคิดเห็นที่ 43 (1630588)

ขออนุโมทนากับคุณหนึ่งด้วยค่ะ

ที่ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญจากหลายแหล่ง

ที่มีประโยชน์

มาให้เพื่อนๆพี่น้องชาวบ้านสวนพีระมิด

ได้รับรู้เพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์ต่างๆ

และ

ที่สำคัญจะได้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเร่งสร้างกรรมดี

รักษาศีล 5 ให้ครบ

เพื่อจะได้ก้าวข้ามไปสู่ยุคใหม่กันทุกคนค่ะ

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธัญญาภรณ์ พุกภัย พิสมัย (ฝรั่งเศส) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-09-24 07:08:37


ความคิดเห็นที่ 44 (1632446)

 เสวนาเรื่อง คาดการณ์พิบัติภัยไทย กับการเตือนภัย และ สร้างที่หลบภัยครั้งสุดท้าย ณ.วันที่ 18 กันยายน 2555

จัดขึ้นที่โรงแรมดุสิตธานีโดย อาจารย์ปิยะชีพ วัชโรบล 

นำมาเสนอพอคราวๆ แต่ความน่าจะเป็นสูง พอจะเป็นประโยชน์ ไม่มากไม่น้อยนะครับ

1.ปี 2011 มีการปล่อยดาวเทียมสำรวจอวกาศและปฏิกริยาดวงอาทิตย์กว่า 1000 ดวง เพราะนักวิทย์ฯเขาเป็นห่วงกันมาก

2.วันที่ 21 ธ.ค.เป็นวันที่ระบบสุริยะเรียงตัวกันถึง 9 ระบบ และทำมุมกับศูนย์กลางแกแลคซี่ทางช้างเผือก แน่นอนว่าปฏิกริยาจากดวงอาทิตย์........ ย่อมเริ่มต้นรุนแรงแบบสาหัส

3.ปี 2010 ดาวเทียมถูกพายุสุริยะทำให้เสียหายถึง 8 ดวง

4.รังสีUVในอากาศระดับ8 สามารถทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ แต่ทุกวันนี้รังสีในอากาศของกรุงเทพขึ้นสูงถึงระดับ 14

5.ตอนนี้พวกนักบินและแอร์ได้รับเงินค่าความเสี่ยงมากขึ้น เพราะเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงขึ้น(ยิ่งสูงยิ่งได้รับรังสีรุนแรง)

6.ปัจจุบันมีปริมาณรังสีคอสมิคเข้ามาในโลกมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

7.โครงการอพอลโล่ 18 ที่ส่งไปดวงจันทร์ นักบินอวกาศตายทั้งหมดจริงๆ เนื่องจาก.....

8.ข้อมูลล่าสุดระบุว่า หากน้ำแข็งขั้วโลกละลายทั้งหมดระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 40 เมตร (ไม่ใช่14 เมตรแล้ว) เพราะน้ำส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มแก๊สในอวกาศที่เข้ามาในโลกแล้วรวมตัวกับออกซิเจน กลายเป็นน้ำ

9.เมืองใต้ดินของเมบิดอร์(เมืองหลวงใหม่ของพม่า) อยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 100-150 เมตร จุคนได้ห้าแสนคน

10.ประเทศนอร์เวย์ ย้ายฐานทัพการทหารและทุกอย่างที่สำคัญลงไปอยู่ในเมืองใต้ดินหมดเรียบร้อยแล้ว

11.ประเทศรัสเซียทำโดมป้องกันพายุสุริยะระดับรุนแรงครอบคลุมสถานที่สำคัญ

12.หลายๆประเทศเช่น สหรัฐ,นอร์เวย์,เดนมาร์ค,เยอรมัน,จีน,อิตาลี่ฯลฯ สร้างเมืองใต้ดินเสร็จหมดแล้ว

13.เยอรมันมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 25 โรง สั่งหยุดดำเนินการภายในเดือนตุลาคมนี้ 18 โรง เพื่อรับมือภัยพิบัติขั้นรุนแรง

14.เมืองใต้ดินของอเมริกา จุคนได้ประมาณ 10ล้านคน

15.โลงศพโพลิเมอร์ของ FEMA(หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐ) สั่งไว้ประมาณ 5 ล้านใบ 1 ใบใส่คนได้ 5 คน ดังนั้นจะมีศพ 25ล้านศพที่ถูกบรรจุในโลงศพโพลิเมอร์

16.ซอมบี้ที่กล่าวขวัญและเตือนกัน คือคนที่ได้รับผลกระทบจากอาวุธชีวภาพและกัมตภาพรังสี ซึ่งเกิดจากผลของภัยพิบัติทำให้คลังแสงและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลกระเบิด ซึ่งหากคนพวกนี้ เข้าใกล้คนปกติในระยะ 25 เมตรจะทำให้คนปกติติดเชื้อไวรัสหรือทำให้โดนกัมตภาพรังสีตายไปด้วย จึงต้องมีการตั้งค่าย FEMA เพื่อแยกคนที่ปกติกับคนที่ติดเชื้อ หากคนติดเชื้อพยายามจะเข้ามาในค่าย ก็จะถูกยิงทันที<o:p></o:p>

17.การฝึกคอบบร้าโกล คือการฝึกซ้อมการร่วมกันกำจัดซอมบี้

18.ดาวอังคารเคยถูกพายุสุริยะระดับรุนแรงทำให้ดาวไหม้ไปทั้งดวง คาดว่าโลกเราอาจจะเผชิญสิ่งนั้นด้วย แต่อาจไม่รุนแรงเท่า

19.หลายราชวงศ์ในต่างประเทศได้มาซื้อที่และทำที่หลบภัยใต้ดินในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว

20.อุณภูมิและระดับความสูงของน้ำพุร้อนมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

21.ช่วงที่โลกมีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติใหญ่ที่สุดคือ เดือนพฤษภาคม 2013 ตรงกับเรื่องพระมหาชนก ในตอนที่พระองค์จะต้องว่ายน้ำครั้งใหญ่ ที่ในหลวงทรงใช้เวลาพระราชนิพนธ์ 2ปี ใช้เวลาแก้ไขภาพวาดนานถึง 11 ปี(หากเป็นการ์ตูนธรรมดา คงไม่นานขนาดนั้น)

22.ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2012 จนถึง พ.ค.2013 โลกมีความเสี่ยงที่จะหยุดหมุนไป 1/8 วินาที ผลที่ตามมาคือจะเกิดคลื่นยักษ์สูงประมาณ 285 เมตร โถมเข้าหาฝั่ง เมืองไทยคาดว่าน้ำจะมาทางฝั่งตะวันตก

ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลอัพเดทล่าสุด หากผิดพลาดประการใดขออภัยท่านเจ้าของข้อมูลมา ณ ที่นี้ครับ

ที่มา เว็ปพลังจิต by ponpoom
ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-10-04 04:56:56



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.