ReadyPlanet.com


พระอาจารย์รัตน์เตือนภัย เมื่อวันที่ 9 ธค


 สรุป

 

 

งานสัมมนา "พระอาจารย์รัตน์ เตือนภัย 2012-2013"

17 ธันวาเป็นต้นไปเตรียมตัวให้ดี

ท่านพูดที่สวนดุสิต เมื่อวันที่ ๙ ธันวา
ข้อความทั้งหมดนี้คัดลอกมาจากเว็บพลังจิต ในส่วนภัยพิบัติและการเตรียมการณ์

ใครไม่ได้ไปวันนี้น่าเสียดายมาก
ท่านบอกทุกอย่างหมดแล้ว
แล้วท่านจะขึ้นไปอยู่บนดอยหลังจากวันที่ 16 ธันวาคมนี้



ผู้ตั้งกระทู้ เบญจรัตน์ สีทองสุก กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-12-10 06:53:08


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1644574)

เดี๋ยวรอผู้อธิบายเก่งๆๆมาเล่านะคะ
ในสัมนาท่านจะเน้นเรื่องแกนโลกที่จะเปลี่ยน
โดยวันที่17ธันวา55 เป็นต้นไป พลังงานในโลกและสุริยจักรวาลจะเริ่มม้วนตัวเข้าสู่แกนกลางพลังงานของกาแลกซี่ทั้ง3อย่างช้าๆๆ
มนุษย์จะรู้สึกว่า การเคลื่อนไหว การเดิน จะแตกต่างไปจากเดิม ลมหายใจติดขัด เกิดความแปรปรวนในระบบสื่อสาร ระบบนำร่องเดินทาง ถึงเวลาที่ต้องใช้ปิรามิดฐาน8เหลี่ยม เพื่อช่วยปรับสภาพ และช่วยให้ใจมีแรงยึดเหนี่ยว

เดี๋ยวคงมีผู้up load ลงyoutubeน่ะค่ะ
ท่านจะบรรยายอีกครั้งประมาณ15-16ธ.ค เสร็จแล้วก็จะขึ้นบนเขาที่วัดท่านเลย)
มีคำถามว่า เหตุการณ์จะเลื่อนไหม ท่านตอบประมาณว่า ไม่มีใครหนีธรรมชาติไปได้ ท่านได้พูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี2540แล้ว และนี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านได้ทำหน้าที่เพื่อช่วยมวลมนุษย์แล้ว 
(ต่อจากนี้ท่านคงจะปฏิบัติสู่ความสงบ มุ่งมรรคผลนิพพานเสียที)ข้อความในวงเล็บเป็นการตีความของข้าพเจ้าเองค่ะ

หมายเหตุ.ท่านให้เลขสำคัญคือ 314 นั่นคือตั้งแต่วันที่3ม.ค.56-14 ก.พ.56 จะเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์จะโดนกดจากแรงโน้มถ่วง จนกระทั่งไม่สามารถยืนได้ ต้องนอน หรือคลาน ค่ะ ในช่วงเวลานี้ ให้พวกเราได้ใช้ปิรามิด8เหลี่ยมเพื่อแยกกายละเอียดออกจากกายหยาบ(ในระหว่างเกิดการเปลี่ยนแปลง)
หรือไม่ก็หาสถานที่ปลอดภัย ให้พ้นจากการยุบตัวของแผ่นหินเปลือกโลกเรีบยร้อยแล้ว

หลังจาก14ก.พ.56 โลกจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ได้แกนขั้วโลกตะวันออก-ะวันตก มีสันติสุขโดยถ้วนหน้า
สิ่งที่เป็นหน้าที่หลักของมนุษย์ลำดับต่อไป มิใช่เพียงการดำรงอยู่ของ มนุษย์เท่านั้น 
หากยังต้องทำหน้าที่ที่สำคัญต่อตนเองด้วยการฝึกปฏิบัติให้เห็นแรงสืบต่อของการเกิดขึ้น ตั้งอยุ่ สลายตามแนวทางพระพุทธศาสนา สืบต่อไป
(ข้อความนี้ นำมาจาก หนังสือแจกตอนเข้าฟัง เรียบเรียงโดย คุณจีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิค่ะ)
 
ที่มาจากคุณใบย่านาง

...ต้องเตรียม มุ้งครอบกับที่นอนไว้ เพราะจะนอนกันเป็นส่วนใหญ่ อาหารและข้าวของเครื่องใช้ อย่าลืมเอาลงมาไว้ในที่ต่ำเพื่อจะหยิบจับได้ รวมทั้งยาประจำตัว มุ้งครอบกันยุง อาหารเน้นที่ทานสะดวก นอนทานได้ และให้พลังงานสูง ไม่เน้นกาก..เพื่อจะได้ไม่เหลือกากอาหารมาขับถ่าย
ว่าแต่จะเตรียมทันไหมเนี่ยคะ ต้องหาสถานที่อีก

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-10 06:53:43


ความคิดเห็นที่ 2 (1644584)
วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป พลังงานในโลกและสุริยะจักรวาลจะเริ่มหม้วนตัวเข้าหาสู่แกนกลางพลังงานของกา แลคซี่ทั้ง 3 อย่างช้าๆ

มนุษย์อาจเริ่มรู้สึกว่าการเคลื่อนไหว การเดิน ฯลฯ แตกต่างไปจากเดิม ลมหายใจติดขัด เกิดความแปรปรวนใรระบบสื่อสาน ระบบนำร่องของการเดินทาง ถึงเวลาต้องใช้พีระมิดฐาน 8 เหลี่ยม เพื่อปรับสภาพของมนุษย์ ให้เหมือนกับสภาพแวดล้อมภายนอก และพลังพีรามิดช่วยทำหน้าที่เป็นแกนพลังงานโลกชั่วคราว และช่วยให้ใจมีที่ยึดเหนี่ยว

การสร้างแกนพลังงานโลกใหม่

หากปล่อยให้พลังงานสะสม รวมตัว จนเป็นแกนพลังงานโลกตามธรรมชาติ คงต้องใช้เวลานานร่วม 4 เดือน จึงต้องหาตัวช่วยเพื่อม้วน ดึงพลังงานเข้าหาศูนย์กลางของแกนพลังงานโลกให้เร็วขึ้น โดยพลังงานจะค่อยๆ ถูกม้วนตามเข็มนาฬิกา

ในขณะที่บางส่วน หรือซึกหนึ่งของโลก พลังงายยังคงมีทิศทางการหมุนแบบทวนเข็มนาฬิกา คือ หมุนจากขวาไปซ้าย เมื่อพลังงานมีทิศทางการหมุนที่ขัดแย้งหรือสวนทางกัน สงครามพลังงานจึงเกิดขึ้นปั่นแมกม่า ลาวาร้อนจัด จากใต้มหาสมุทรปะทุขึ้นสู่บนผิวโลก แผ่กระจายกว้างใหญ่ไพศาลออกไปจนสุดประมาณ หาขอบเขตไม่ได้ ทำให้เกิดภัยธรรมชาติทุกรูปแบบ เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว เกิดการยุบตัวและเปล่ยนสลับที่ของชั้นเปลือกโลก ทำให้น้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนทิศทางตามไปด้วย เกิดคลื่นซึนามิทั่วทุกทวีป

เหตุการณ์ความรุนแรงทางกายภาพ จะยังคงดำเนินต่อไปจนเกินความสามารถที่จะกำหนดหรือบอกได้ว่า วันไหนจะเกิดเหตุการณ์ใด ณ ตำแหน่งใด ประเทศใด จึงควรสังเกตดู ฟังข่าวสารและหาที่หลบภัย

การปรับระนาบของ 3 กาแลคซี่

ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2555 พลังงานในโลกและสุริยะจักรวาลจะเริ่มม้วนตัวเข้าสู่ศูนย์กลางหรือแกนกลางของ กาแลคซี่ทั้ง 3 อย่างช้าๆ และระหว่างในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 - 14 กุมภาพันธ์ 2556 สุริยะจักรวาลจะเข้าสู่ศูนย์กลางหรือแกนกลางพลังงานของกาแลคซี่ทั้ง 3 อย่างสมบูรณ์ ส่งอิทธิพลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีผลกระทบอย่างมหาศาลอย่างคาดไม่ถึงต่อแรงโน้มถ่วงของโลกที่ตั้งอยู่ในระดับ 23.5 องศา

__________________
ที่มา A1-
WarRoom Falkman FB

 

 ต้องคอยสังเกตการณ์ดู ตั้งแต่ 17 ธค. ว่ามีอะไรเกิดขึ้นไหม แล้วเราจะวางแผนได้เองหลังจากนั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-10 07:10:02


ความคิดเห็นที่ 3 (1644587)

3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน อาจจะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะทุกชนิด และ อาจไม่มีการทำงาน และ ไม่มีการประกอบอาชีพใดๆบนโลกใบนี้ก็อาจเป็นได้ หากทุกคนไม่สามารถยืนทรงตัว และ ไม่สามารถเดินได้ด้วยสองขาของตนในช่วงเวลาดังกล่าว

พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานที่สำคัญในยุคปัจจุบันท่านหนึ่ง ในสายสมาธิหมุน (หมุนพระธรรมจักร) ท่านศึกษารายละเอียดเชิงลึกจากสาส์นของชาวมายัน และจารึกโบราณจากสโตนเฮ้นจ์ ที่ประเทศอังกฤษ และ ทำกรรมฐานเชิงลึกขั้นถอดจิตออกจากกายได้ โดยให้ลูกศิษย์ทำการตรวจสอบ เป็นข้อมูลคู่ขนาน คือ พระชัยวัฒน์ พนมยงค์ หลานฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์ และ ดร.สรัญฯ อาจารย์คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า ได้ข้อมูลตรงกัน

เนื่องจากข้าพเจ้า นายมงคล กริชติทายาวุธ ซึ่งได้เข้ารับการอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นครั้งแรกจากพระอาจารย์รัตน์ฯ และ พระอาจารย์รัตน์ฯ แจ้งว่า การอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในครั้งนี้ จะเป็นการจัดอบรมเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2555 ในระหว่างวันที่ 8-9 ธันวาคม 2555 ณ ห้องกาหลา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยได้แจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ท่านจะกลับขึ้นเขาไปที่แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อทำกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป ใครจะนินทาให้ร้ายอย่างไร จะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องที่ท่านนำมาเตือนภัยนี้ ก็สุดแต่จะพิจารณากันเอาเอง

ขออนุญาตเรียนย้ำว่า ท่านพระอาจารย์รัตน์ฯ ได้องค์ความรู้ฯ จากการศึกษาค้นคว้าในศาสตร์โบราณ และ จารึกโบราณ ว่าด้วยการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ และ เสริมด้วยองค์ความรู้ฯ ที่ได้มาจากการศึกษาทาง “จิต” ที่สงบนิ่งได้องค์ฌาน เป็นญาณทัศนะ ถอดจิตออกจากกายไปรับรู้เรื่องราวในอดีต และ ทราบเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้พระอาจารย์รัตน์ฯ รู้ถึงเหตุและผล ของแต่ละปรากฏการณ์ ในความเชื่อมโยงของแต่ละเหตุการณ์ ได้ด้วยการใช้ แรงสืบต่อ หรือ แรงสันตติ สาวหาเหตุและผล ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สลาย ของสรรพสัตว์ ปรากฏการณ์ สุริยจักรวาล กาแลคซี่ และจักรวาล ฯลฯ

ทำให้ได้เห็นความจริงที่ผูกโยงเป็นเงื่อนไขว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนั้นย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงเกิด เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนั้นย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงดับไป ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่ได้เกิดมาจากการทำงานของสมองและใจ ตามปกติที่สามัญชนกระทำกัน จึงไม่ใช่การพยากรณ์ มิใช่การทำนาย แต่เป็นการบอกแจ้งให้ทราบว่า หรือ เพียงแจ้งให้ท่านทราบว่า ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว อะไรจะเกิดตามมาในลำดับต่อไป

ตามเงื่อนไขที่ผูกโยงไว้อย่างเป็นเหตุและผลต่อกัน ส่วนท่านใดจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น หาใช่สิ่งสำคัญไม่ เพียงแต่ว่า หากมีปัจจัยนี้เกิดขึ้นแล้ว พระอาจารย์รัตน์ฯท่านจึงออกมาเตือนให้ทราบว่า จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นต่อไป เพื่อให้การช่วยเหลือมนุษยชาติให้ได้มากที่สุด

ในส่วนของการได้เรียนรู้ เกี่ยวกับการทำวิปัสสนา การตรวจหาสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่ไร้ชีวิต และ การรักษาโรคนั้น ขออนุญาตไม่กล่าวถึงในวันนี้ แต่ขอกล่าวถึงในส่วนที่ท่านพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้มาเตือนเรื่องภัยพิบัติใหญ่ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยสรุปดังนี้

“ในระหว่างวันที่ 3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน จะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะใดๆทุกชนิดในโลก ไม่ว่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยานถีบด้วยเท้า ไม่มีเรือบิน หรือ การเดินทางในทางน้ำ ระบบการสื่อสารคมนาคมล่มในทุกระบบ และ ผู้คนทั้งหลายจะไม่สามารถเดินทางไปทำงานในสถานที่ต่างๆได้ แม้จะเป็น Home office ก็ลุกจากที่นอนมาทำงานไม่ได้ หมายความว่า ในช่วงเวลา 42 วันดังกล่าว จะไม่มีการประกอบอาชีพใดๆบนโลกใบนี้ เป็นช่วงที่ไม่มีโจรขโมย เพราะ ทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ ไม่สามารถยืนทรงตัวได้ และ ไม่สามารถเดินได้ด้วยสองขาของตนในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากถูกพลังงานอันมหาศาลกดทับร่างของทุกคนบนโลก ไม่ให้ทรงตัวยืนได้ ต้องล้มลงนอนทุกคน จะกินอาหาร จะดื่มน้ำ ก็จะต้องนอนกินนอนดื่ม รวมทั้งนอนขับถ่ายด้วย”

ทั้งนี้ ท่านแจ้งว่ามีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่นั่นเอง

เพราะทุกๆรอบ 13,000 ปี สุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก และ กาแลคซี่ไตรแองกุลัม จะโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ซึ่งจะมีผลให้ โลก และสุริยจักรวาล จะเปลี่ยนเข้าสู่แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ทางทิศตะวันออก

เดิมนั้น พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เปิดสอนหลักวิปัสสนากรรมฐาน โดยการเคลื่อนที่ของจิต ด้วยอุบายหลัก 2 วิธี คือ การเจริญสติ เพื่อฝึกจิตให้เห็น การเกิด – ดับ ของการกระทบที่เกิดขึ้น เป็นปัจจุบันขณะ และ

อุบายของการหมุนธรรมจักร เพื่อฝึกจิตไม่ให้ติดในการกระทบที่เกิดขึ้นทั้งสองส่วน คือ ที่อายตนะภายนอก และ อายตนะภายใน อีกทั้งยังได้ประยุกต์ หลักการเคลื่อนที่ของจิต มาเป็นการเคลื่อนที่ของพลังจิต ของพลังงาน โดยใช้ศาสตร์พีระมิด ของชาวแอตแลนตีส เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้าง ฟื้นฟู บำบัด รักษาร่างกายด้วยตนเองให้แก่ผู้สนใจมานาน

พระอาจารย์ฯ ท่านว่า เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเราในเร็วๆนี้นั้น แท้ที่จริงแล้ว กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และ ไม่เลื่อนเวลาอีกแล้ว

เพราะโลกของ เราเคยเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ตามความรู้ที่ได้จาก สโตนเฮนจ์ (Stone Henge) ซึ่งบ่งชี้ว่า ทุกๆ 13,000 ปี จะมีการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูด ที่มีอิทธิพลต่อโลก สุริยจักรวาล เนื่องจากกาแลคซี่ ที่มีอิทธิพลต่อสุริยจักรวาลมีด้วยกันถึง 3 กาแลคซี่ ได้แก่

1. กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy) มีศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศเหนือในปัจจุบัน โลก สุริยจักรวาล ตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้

2. กาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มี ศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศตะวันออก มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือก ในอนาคตโลก สุริยจักรวาล จะถูกดึงเข้าสู่แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้ ตามวาระการวนครบรอบอีกครั้ง

3. กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่มีขนาดใหญ่มาก แผ่อิทธิพลควบคุมทั้ง 2 กาแลคซี่ ไม่ส่งผลกับโลกโดยตรง


ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า ใน 1 รอบใหญ่ คือประมาณ 26,000 ปี ตามปฏิทินดาราศาสตร์ที่สโตนเฮนจ์ โลก สุริยจักรวาล จะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้าง เผือก 13,000 ปี และสลับไปอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีก 13,000 ปี

การประสบกับภัยพิบัติอย่างรุนแรง ถึงกับมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นผิวโลก นั่นคือ จะมีการเปลี่ยนพื้นที่ตั้งของภูเขา ไปเป็นมหาสมุทร จากป่าฝนไปเป็นทะเลทราย จากเขตร้อนกลายเป็นเขตหนาว ฯลฯ นอกเหนือจากเป็นการทำงานตามวาระของธรรมชาติแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่ส่งผลร่วมอย่างร้ายแรง คือ การกระทำของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยด้วย

เมื่อประมาณ 26,000 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงวาระที่โลก สุริยจักรวาล อยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ที่สมบูรณ์ไปด้วยพลังงานที่ดี เช่น กระแสลมปราณ และ มโนธาตุ ส่งผลให้มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เจริญสูงสุดในทุกด้าน

แต่จุดเสื่อมย่อมเพาะเชื้อก่อกำเนิดมาจากจุดสูงสุดเสมอ เมื่อคนเรามีความรู้มาก เก่งมาก จึงนำไปสู่การผลิตอาวุธสงครามที่ร้ายแรง เรียกว่า “อาวุธเส้นแสง”

เมื่อ อาวุธเส้นแสง ถูกนำมาใช้ในการทำสงคราม สิ่งที่เกิดตามมา คือ เกิดแรงอัดกระแทกอย่างมหาศาลลงสู่พื้นดิน พร้อมๆ กับการโคจรมาเรียงตัวเป็นเส้นตรงของ สุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก และกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

ด้วยขนาดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกที่ใหญ่กว่า จึงทำให้แกนขั้วโลกจากทิศตะวันออก พลิกเปลี่ยนชี้ไปทางทิศเหนือ มหาอาณาจักรแอตแลนตีส จึงจมลง เปลี่ยนสภาพจากแผ่นดิน กลายเป็นมหาสมุทรในชั่วข้ามคืน เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ บนพื้นผิวโลกอย่างมโหฬารไปทั่วทุกส่วนของ โลก ตามอัตราส่วนของการมีพื้นน้ำ 3 ส่วน และพื้นดิน 1 ส่วน มนุษย์เสียชีวิตมากมายเหลือคณานับ เป็นการสิ้นสุดของยุคทองแห่งแอตแลนตีส

ชาวแอตแลนตีสกลุ่มหนึ่ง มี ผู้นำเป็นนักบวชที่มีพลังจิตสูง ได้ลงเรือเดินทางออกจาก มหาอาณาจักรแอตแลนตีส ก่อนจะเกิดเหตุภัยพิบัติอย่างรุนแรง ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ขึ้นฝั่งในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้ การถ่ายทอดอารยธรรมแอตแลนตีส จึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง สัญลักษณ์ สิ่งแรกที่ยิ่งใหญ่แสนมหัศจรรย์ที่นักบวชได้สร้างขึ้นด้วยพลังจิต และอาศัยความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร คือ การสร้างสฟิงซ์ (Sphinx) ด้วย เทคนิคการใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสง และเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นวัตถุ เป็นรูปสิงโตหมอบ เหยียดขาหน้าทั้งคู่ไปด้านหน้า ลำตัวทอดยาวไปตามแนวทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เพื่อเป็นสิ่งบ่งบอกว่า ในอนาคตข้างหน้า เมื่อถึงวาระครบ 13,000 ปีอีกครั้ง

ณ ที่ตั้งสฟิงซ์แห่งนี้ จะกลายเป็นตำแหน่งของขั้วโลกใหม่ และ ขั้วโลกจะชี้ไปทางทิศตะวันออก อยู่ในอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีกครั้ง โดยใช้เวลารอบใหม่เป็นเวลานานอีกประมาณ 13,000 ปี

ชาวแอตแลนตีส มีความชำนาญในการใช้พลังพีระมิดอย่างหลากหลาย และได้ถ่ายทอดสู่ชาวอียิปต์จากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งอีกหลายพันปีต่อมา จึงได้มีมหาพีระมิดเกิดขึ้น

เชื้อสายชาวแอตแลนตีสรุ่นต่อๆมา มีการย้ายถิ่นฐาน สร้างเมือง สร้างประเทศใหม่ อารยธรรมแอตแลนตีสจึงกระจายออกไปหลายส่วนของโลก ที่รู้จักกันดี คือ ชนเผ่ามายา หรือ มายัน ผลงานชิ้นสำคัญของพวกเขา คือ การจัดวางเสาหิน แท่งหิน ขนาดมหึมาเป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง เรียกว่า สโตนเฮนจ์ (Stone Henge) อยู่ที่เมือง ซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ มีเทคนิคการสร้างเหมือนกับการสร้างสฟิงซ์ คือ

การใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสงก่อน และ เมื่อนำไปจัดวางได้เรียบร้อยแล้ว จึงเปลี่ยนพลังงานแสง คืนกลับเป็นวัตถุอีกครั้ง

สโตนเฮนจ์ เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ ใช้หลักคำนวณจากการโคจรของกาแลคซี่ ทั้ง 3 ใน 1 รอบ คือ 26,000 ปี โดยสามารถถอดรหัสได้ว่า ในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาล จะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และ อีก 13,000 ปี จะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

ฉะนั้น การสร้างสโตนเฮนจ์ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลก เมื่อถึงวาระของการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูดอีกครั้ง

การเกิดภัยพิบัติในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นความสัมพันธ์ เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และอนาคต ระหว่างกาแลคซี่ทั้ง 3 กับสฟิงซ์ สโตนเฮนจ์ และ แกนพลังงานโลก โดยมีทั้งมนุษย์ และธรรมชาติเป็นพลังงานขับเคลื่อน

แกนพลังงานโลก เป็นแกนพลังงานที่ทอดยาวควบคู่ไปกับแกนสสาร ที่ปัจจุบันชี้ไปทางขั้วโลกเหนือและใต้ แกนพลังงานประกอบด้วยพลังงานสำคัญ 3 ประการ คือ

1. พลังงานแม่เหล็กโลก หรือ พลังงานแรงดึงดูดจากศูนย์กลางกาแลคซี่ทางช้างเผือก เป็นแรงร้อยรัดที่ดึงโลก ให้อยู่กับสุริยจักรวาล และ กาแลคซี่ ตามลำดับ เป็นพลังงานที่มีคุณสมบัติที่ร้อนและหนัก มีสีเข้ม คล้ายสีเทา เกือบดำ และอยู่นอกสุดของแกนพลังงาน

2. พลังงานกระแสลมปราณ มีสีออกเหลือง ออกส้ม เป็นพลังงานที่โลกเราได้รับมาจากดวงอาทิตย์ เป็นพลังงานที่ดี มีประโยชน์ เป็นเสมือนภูมิต้านทานร่างกาย ที่มนุษย์ทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกัน โดยลมหายใจเข้า

3. พลังงานมโนธาตุ มีสีออกขาว อยู่ชั้นในสุดของแกนพลังงาน เป็นพลังงานดี ช่วยเสริมจิตใจให้มีคุณธรรม

เทคโนโลยี ที่เกิดจากการผลิตอุตสาหกรรมหนัก ทำให้เกิดสารตกค้าง CFC หรือ สาร คลอโรฟลูออโรคาร์บอน และยังไม่มีวิธีการใดที่สามารถทำลายสาร CFC นี้ได้สำเร็จ

สาร CFC มีคุณสมบัติ “เบา กว่าธาตุอื่นๆทุกชนิด” จึง สามารถแทรกเข้าไปทำลายแกนพลังงานโลก เริ่มขบวนการทำลายมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2540-2544 จนกระทั่งแกนพลังงานโลกตัน ทำให้แรงร้อยรัด หรือ พลังงานแม่เหล็กโลก ที่ส่งออกมาจากกาแลคซี่ทุกวินาที ไม่สามารถไหลทะลุผ่านขั้วโลกเหนือ-ใต้ได้ พลังงานจึงแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของโลก ทั้งพื้นน้ำ มหาสมุทร พื้นแผ่นดิน แผ่นหิน เปลือกโลก ร่างกายมนุษย์ สัตว์ และ พืช ฯลฯ

ความร้อนและหนัก จึงฝังตัวติดแน่น สะสมเป็นเชื้อร้ายแฝงอยู่ และเพิ่มอันตรายมากทวีคูณ เกินกว่าจะ
พรรณนาได้ กล่าวได้เพียงว่า พลังงานแม่เหล็กโลก จากกาแลคซี่ทางช้างเผือกในปัจจุบัน คือ พลังงานสำคัญที่ทำลายมนุษย์ และเปลี่ยนโลกใบนี้ในอนาคต

ผู้คนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ คือ ผู้ปล่อยยักษ์ใจร้ายตนนี้ออกมาเอง และหากสมมุติว่า จะเนื่องด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำให้ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ไม่เกิดขึ้น มนุษย์ สัตว์ และ พืช ทั้งหลาย ก็อาจถูกทำลายอย่างรุนแรง ด้วยพลังงานแม่เหล็กโลก และ พลังกระแสไฟฟ้าลบ อาจสิ้นชีวิตลงเกือบ 3 ใน 4 ส่วนของประชากรโลก ภายใน 14 กุมภาพันธ์ 2556 โดยประเทศไทย จะเป็นประเทศที่มีประชากรเหลือมากกว่าประเทศอื่นๆ และ พุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสูงใน 2,500 ปีต่อจากนี้

พลังงานกระแสลมปราณ และ พลังมโนธาตุ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ได้ลอยสูงขึ้นๆ ไปอยู่ในบรรยากาศชั้นบนสูง เกินกว่ามนุษย์จะนำเข้าสู่ร่างกายได้ ด้วยลมหายใจ เข้า ดังนั้น ด้วยองค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จึงได้นำพลังพีระมิดมาใช้เพื่อช่วยมนุษยชาติในการแก้ปัญหาดังกล่าว

พลังงานกระแสแม่เหล็กขั้วลบ จากกาแล็กซี่ทางช้างเผือก และ พลังงานไฟฟ้าขั้วลบจากกาแล็กซี่อัลโดรมีด้า ได้แผ่กระจายเข้ามาในโลกอย่างรุนแรงหนาแน่นมาก ในทุกพื้นที่บนโลก โดยจะเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงของแผ่นเปลือกโลก จะเกิดการเคลื่อนที่สับเปลี่ยนของผืนแผ่นดิน แผ่นน้ำ จะเกิดลมพายุ จะเกิดน้ำท่วมใหญ่มากกว่าปรากฏการณ์ในปี 2554 หลายสิบเท่าตัว จะเกิดการหล่นกระจายของแผ่นฝ้าน้ำแข็ง เพดานโลกที่เกิดจากการสะสมของควันน้ำมัน บางก้อนมีน้ำหนักถึง 40 กิโลกรัม ฯลฯ

สิ่งที่จะยืนยันว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นนั้น จะเริ่มเห็นชัดมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ถ้า

1. การยืน หรือ เดินของตัวเรา ญาติพี่น้อง พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ลูกหลาน หากเริ่มปรากฏอาการโครงเคลงตอนลุกขึ้นยืน หรือ ในเวลาเดิน หรือ มีอาการสะดุดคล้ายตกหลุมอากาศ ภูมิต้านทานโรคลดต่ำลง มีอาการป่วยง่าย มีอาการอ่อนเพลียมาก และ/หรือ

2. มีแผ่นดินไหวในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ

3. มีภูเขาไฟระเบิดในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ

4. มีแผ่นดินยุบตัวลงในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ

5. ระบบนำร่องของเรือเดินทะเลมีปัญหา เกิดอุบัติเหตุทางเรือในสถานที่ต่างๆ ถี่ขึ้น และ/หรือ

6. ระบบนำร่องของเครื่องบินมีปัญหา ทำให้เกิดเครื่องบินตก เครื่องบินชนกัน ในสถานที่ต่างๆถี่ขึ้น และ/หรือ

7. ระบบสื่อสารคมนาคมมีปัญหา ไม่ว่าทีวี โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ท ไอแผ็ด ไอโฟน หรือ ระบบไฟฟ้าสายเมนใต้น้ำ ใต้ดินระเบิด จะมีการขัดข้องบ่อย สะดุดบ่อย สายหลุดบ่อยกว่าที่เคยปรากฏ โดยปรากฏในสถานที่ต่างๆ ถี่ขึ้น และ/หรือ

8. ระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียมทั่วโลกมีปัญหา


หากมีเหตุต่างๆหลายประการเกิดขึ้น และต่อมา ในช่วงตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ถ้า มีแรงดันที่ท้องของแต่ละคนมากขึ้น จนรู้สึกอยากโค้งตัวลง หรือ งอตัวลง จึงจะรู้สึกสบาย คือ เกิดสภาวะการยืดตัวตรงลำบาก ซึ่งจะเห็นได้จากคนอื่นๆ และ ตัวของเราเอง มีการหายใจติดขัด ไม่คล่องจมูกมากขึ้น และ สิ่งบอกเหตุ 8 ประการก็มีมากขึ้น ท่านทั้งหลายที่อยู่ในเขตภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตก ขอให้ท่านรีบเดินทางไปหาที่พักในเขตภาคเหนือ และ ภาคอิสาณโดยเร็ว น่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ท่านอยู่อาศัยในปัจจุบันโดยเร็ว (ชายทะเลใหม่อาจไปอยู่ที่สระบุรี ลพบุรี และ นครสวรรค์ สำหรับพื้นที่ภาคกลาง จะมีปริมาณน้ำท่วมสูงกว่าปี 2554 ได้)

นั่นคือ จะมีการเปลี่ยนสัณฐานของโลกครั้งใหญ่ พื้นดินในเขตภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตกนั้น อาจยุบจมหายไปได้

ความ รุนแรงมากที่สุด น่าจะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน ที่อาจไม่มีการทำงาน และ ไม่มีการประกอบอาชีพใดๆได้ นั่นคือ จะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะทุกชนิด หากอยู่ระหว่างการเดินทาง ต้องหยุดการเดินทางทั้งหมด เพราะพลังงานของกระแสแม่เหล็กโลก และ พลังงานกระแสไฟฟ้าลบ เข้ามาในโลกอย่างรุนแรงหนาแน่น จนไม่เหลือช่องว่าง และ ทุกคนอาจไม่สามารถทรงตัวยืน เดิน ตามปกติได้ และ อาจต้องเคลื่อนไหวโดยการคลานสี่เท้า รวมทั้งต้องนอนตะแคงใบหน้ากินอาหาร หรือ กรอกน้ำใส่ปากในช่วง 42 วันดังกล่าวนี้ก็อาจเป็นได้

ก่อนหน้าวิกฤติช่วง 42 วันนี้ ท่านต้องรีบเตรียมสำรองอาหาร ที่รับประทานได้ง่ายที่สุด หากเป็นแคปซูลได้ยิ่งดี อาหารที่ไม่ต้องเสียเวลาปรุง ไม่ต้องสนใจในรสชาติ ขอให้ท้องอิ่ม เพื่อให้มีลมหายใจอยู่ให้รอด 42 วันที่ยืนเดินไม่ได้ ท่านต้องเตรียมอาหารและน้ำดื่มบนพื้นห้องนอน

อาหารที่ท่านต้องรีบเตรียมการโดยด่วน อาทิ อาหารที่ใช้รับประทานในอวกาศต่างๆ เช่น อาหารที่ผลิตใส่ในแคปซูลเม็ด หากหาไม่ได้ ก็ต้องเป็นประเภทนำใส่ปากรับประทานได้เลย เพราะช่วง 42 วันดังกล่าว จะไม่มีไฟฟ้าใช้ ผู้ที่อยู่คอนโดมิเนียมทั้งหลายจะเดือดร้อน อาหารแห้งที่ต้องเตรียมพร้อม เช่น สาหร่ายประเภทต่างๆ ไมโล โอวัลติน ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เม็ดมะม่วง ข้าวเม่า ข้าวตัง กล้วยอบแห้ง ผลไม้อบแห้ง ฯลฯ ต้องหาอาหารที่ไม่ต้องขับถ่ายมากมารับประทาน
น้ำดื่มสะอาดจำนวนมาก พร้อมหลอดดูด ต้องเตรียมไว้ให้มากพอ

ท่านต้องนอนกับพื้น และ มองหาที่พอคลานไปขับถ่ายได้ อย่าลืม จะทรงตัวยืนไม่ได้ในช่วงระหว่างวันที่ 3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน สำหรับเรื่องอาบน้ำนั้น ไม่ต้องสนใจ



หลังจาก 14 กุมภาพันธ์ 2556 ไปแล้ว ในช่วง 7 วันแรก ไม่ควรออกมานอกบ้าน เพราะพลังงานในโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ยังปรับสมดุลไม่ได้ดี ร่างกายของมนุษย์อาจมีอันตราย

หลังจาก 21 กุมภาพันธ์ 2556 ไปแล้ว ต่อไปในประเทศไทยจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-24 องศาเซลเชียส มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับเกาหลี และ ญึ่ปุ่น ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2556 ประเทศไทยจะมีอากาศเย็นสบาย พระอาจารย์รัตน์ฯ ให้ติดตามดูต่อไป

สำหรับผู้ที่อยู่ภาคอิสาณนั้น พื้นที่ริมฝั่งโขงทั้งหมด จะได้รับอันตรายจากเขื่อนใหญ่หลายแห่งในประเทศจีนแตก ภูเขาหิมาลัยจะทรุดตัวลง ปริมาณน้ำแข็งจะละลายเป็นปริมาณน้ำมหาศาล ย่อมท่วมเข้ามาในพื้นดินริมโขงทุกจังหวัดของไทย และ ลาว

ช้าที่สุด คือ ต้องอพยพออกจากพื้นที่ในเขตภาคใต้ ภาคกลาง(กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงครม ฯลฯ) ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตก โดยรีบเดินทางไปเข้าที่พักในเขตภาคเหนือ และ ภาคอิสาณก่อน 24 นาฬิกาของวันที่ 2 มกราคม 55 จะปลอดภัยมากกว่า

มนุษย์เรานั้น ประกอบด้วย จิตและกาย หากยังมีความคิดว่า “ชีวิตเป็นสิ่งมีค่า ควรรักษาไว้” จึงควรแสวงหาทางรอด ตามวิถีความเชื่อของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการฝึกจิต ควรเข้าใจให้ชัดเจนว่า พลังงานแม่เหล็กโลกที่ไม่ได้อยู่ในแกนพลังงานโลก เป็นพลังงานกั้นบัง ฉุดรั้ง เป็นเสมือน ตัณหาที่ฉาบทาโลก ส่งผลให้การฝึกจิต ทำได้ยากยิ่งขึ้น หากโลกเราได้แกนพลังงานใหม่ เปลี่ยนเป็นขั้วโลกตะวันออก เป็นกาแลคซี่ใหม่ที่ สมบูรณ์ด้วยพลังงานกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ ซึ่งเหมาะแก่การฝึกจิตเป็นอย่างยิ่งในช่วงหลังจากปรากฏการณ์ครั้งสำคัญนี้ แล้ว ในช่วงเวลานี้ พีระมิดแปดเหลี่ยมเท่านั้น ที่ช่วยพอประทังให้ประคับประคองความเป็นอยู่ได้บ้าง ด้วยการถอดจิต หรือ กายละเอียดไปพักนอกกาแล็คซี่ทั้งสาม ที่ขอบอนันตจักรวาล ซึ่งบรรดาศิษย์จำนวนหนึ่งของพระอาจารย์รัตน์ฯก็ต้องเร่งฝึกทุกวัน นับแต่วันนี้ (ที่ 9 ธันวา 55) เพื่อให้ทันภายใน 3 มกรา 56

ในที่สุด คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ ก็จะสำเร็จตามจิตประสงค์ มหาอาณาจักรแอตแลนตีส ที่เคยจมหายไปร่วม 13,000 ปี จะได้มีโอกาสโผล่ขึ้นมาอวดโฉมอีกครั้ง พื้นที่มหาสมุทรแอตแลนติค จะกลายเป็นพื้นดินขึ้นมาใหม่ ส่วนที่เคยเป็นพื้นดินในทวีปอเมริกา อัฟริกา ยุโรป และ เอเชียหลายส่วน จะกลายเป็นผืนน้ำที่ถาวรใน 13,000 ปีต่อจากนี้ไป

สิ่งเตือนใจ คือ อายุขัยของมนุษย์ และ สัตว์ นั้นแสนจะสั้น มีอายุได้อย่างมากเฉลี่ยแล้วประมาณ 100 ปีเป็นอย่างมาก หากยังดับกิเลสได้ไม่หมดสิ้น ท่านย่อมจุติ หรือ ตายไป แล้วไปปฏิสนธิ หรือ ไปเกิด หรือ อุบัติบังเกิดในภพภูมิต่างๆ เวียนว่ายตายเกิดต่างภพ ต่างภูมิ ตามผลกรรมของตน หรือ ผลของการกระทำที่เคยสร้างไว้ในครั้งยังมีชีวิตอยู่ และถ้าหากไม่เคยฝึกจิต คงไม่สามารถรู้ถึงเหตุและผล ของการตกอยู่ในสังสารวัฏ และการวนรอบของปรากฏการณ์ทุกอย่างได้ จึงมักจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่รู้ได้ด้วยสมอง และ สัมผัสต่างๆด้วยตนเองเท่านั้น

ทั้งๆที่ความจริงที่มีอยู่ในโลกของเรานั้น ทุกคนเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็เชื่ออย่างสนิทใจว่ามี เช่น มีลม มีอากาศ มีคลื่นวิทยุ มีคลื่นโทรทัศน์ มีคลื่นโทรศัพท์ มีรังสีเอ็กซเรย์ มีรังสีแกรมม่า มีรังสีแอลฟ่า มีแสงอุลตราไวโอเล็ต ฯลฯ แต่ ถามจริงๆเถอะว่า มีใครมองเห็นสิ่งต่างๆตามตัวอย่างเหล่านี้บ้าง แม้จะมองไม่เห็น ทุกคนที่มีความรู้ ก็ย่อมเชื่ออย่างสนิทใจว่ามีอยู่จริง แต่ ในเรื่องพลังจิต กับถูกปฏิเสธว่า ไม่มีอยู่ จริง

เรื่องของจิต และ พลังจิตของแต่ละท่านนั้น เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง แต่มีมากน้อยแตกต่างกันเท่านั้น ท่านที่ไม่เคยมีพลังจิต หรือ มีเพียงน้อยนิด โปรดอย่าปรามาส หรือ สบประมาทครูบาอาจารย์ที่ท่านมีพลังจิตที่เหนือกว่า เข้าทำนองว่า “ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่" แต่ ก็มิได้บังคับให้ท่านต้องเชื่ออย่างงมงาย

เพียงแต่เรื่องใดที่ท่านไม่มีฐานความรู้ หรือ ไม่มีองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆมาก่อน ก็อย่าด่วนปฏิเสธทันที หรือ ดูหมิ่นความรู้ของผู้อื่น ที่นำเรื่องราวมาบอกกล่าวตักเตือน โปรดทำการศึกษาและติดตาม ทดลองและลงมือปฏิบัติ สักวันหนึ่งในอนาคต ท่านอาจได้พบความจริง เพียงแต่ หากลังเล หรือ ล่าช้าในการลงมือปฏิบัติ ในวันที่ท่านยอมรับความจริงนั้น อาจเป็นวันสุดท้ายของชีวิตท่านก็ได้ เข้าทำนองว่า “ไม่เห็นโลงศพ ก็ไม่หลั่งน้ำตา”

ขอให้ท่าน และ ครอบครัวของท่าน มีสติในทุกสถานการณ์ มีความปลอดภัย รอดพ้นจากความทุกข์ยากลำบากในช่วง 42 วันดังกล่าว เพื่อจะได้มีชีวิตในยุคพลังงานใหม่ที่ดี ที่ผู้คนมีจิตใจที่ดีงาม มีศีลธรรมสูง และ ขั้วโลกได้เปลี่ยนเป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก แทนขั้วเหนือ-ใต้


ด้วยความปรารถนาดี จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ
อดีต Senior Vice President บมจ.ธนาคารกรุงไทย และ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน เจ้าของเว็บไซต์ mongkoldham.com และ ที่ปรึกษาสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย ฯลฯ ผู้รวบรวม และเรียบเรียงอย่างกระทันหัน

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-10 07:12:39


ความคิดเห็นที่ 4 (1644589)
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ น้ำกับพายุ 
ถ้า42วันในการปรับเปลี่ยน จากเดินเป็นคลาน ผมว่าลำบากมากนะครับ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
 
 

เท่าที่ท่านบอก ก็น่าจะลำบากมาก เพราะว่าคนจะลุกไม่ได้เลย แค่ยกมือมากินข้าวยังไม่ได้ต้องนอนราบกับพื้นตลอด คิดดูถ้ามีภัยมา หนีไม่ได้ต้องยอมตาย ต้องหนีไปก่อนที่เหตุการณ์ใหญ่จะเกิด
ที่มา A1-
WarRoom Falkman FB

 

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ น้ำกับพายุ อ่านข้อความ
ปัญหา อยู่ที่ว่า การเกิดภัยนั้น พื้นที่ที่จะเกิด ผมพูดไม่เป็น จะถามประมาณว่า เราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่ามีที่ใดปลอดภัย ผมคิดเองว่า น่าจะกินพื้นที่เป็นทวีปเลยนะครับ ดังนั้น การหาที่หลบภัยก่อนเกิดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญสุด และเตรียมเสบียงให้พร้อมแต่ก็ยากมาก ในการประคองให้ผ่านไป42วัน และสุดท้ายคือกลับไปที่จุดเริ่มต้น คือหนีเมื่อไหร่ดีครับ

 

อ๋อ ท่านบอกว่า อย่างน้อยก็ให้อยู่สูงไว้ก่อน แล้วดูว่าตรงนั้นปลอดภัยจากภัยต่างๆ ที่คิดไว้ เพราะช่วงนั้นเราจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลย เหมือนกับคนที่ถูกสตาฟอยู่กับที่ ถ้ามีอะไรเกิดเราจะหนีไปไหนไม่ได้เลย ประมาณนี้

ที่มา A1-WarRoom Falkman FB

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-10 07:14:06


ความคิดเห็นที่ 5 (1644590)

Credit: Pranee Vidhyameth
องค์ความรู้ พอจ รัตน์

วันนี้ พอจ ให้ความรู้แบบเปิดหน้าตักโดยไม่หวั่นต่อคำครหา ด้วยความเมตตาต้องการให้มีผู้รอดชีวิตมากที่สุด กราบอนุโมทนาและขอบพระคุณ พอจ เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ พยายามให้บทสรุปต่อไปนี้ครอบคลุมเนื้้้อหาสำคัญๆให้ากที่สุดค่ะ และเอกสารที่แนบเป็นเพียงใบแทรกยังมีอีก 11 หน้า จะถ่ายรูปและทะยอยลงต่อไปค่ะ

- วันที่ 17/12 เริ่มมีแรงดันจากภายนอกโลกและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ให้เราสังเกตุภัยธรรมชาติที่จะมีมากขึ้นและรุนแรงขึ้น
- วันที่ 21/12 กาแล็กซี่ทั้ง 3 เรียงตัวกัน โลกจะหยุดหมุนชั่วคราว ลาวาม้วนตัว และเกิดแผ่นดินไหว
- พอจ ได้ทดลองระหว่างลูกศิษย์ในการเข้าสมาธิจำลองเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ทำการ ทดลอง (ประมาณสัปดาห์ที่แล้ว) พบว่าตั้งแต่วันที่ 17/12 มีแรงดันเข้าและมากขึ้นเรื่อยๆจนคนตัวงอเป็นรูปตัวยูและค่อยๆพลิกหงายขึ้น จนถึงวันที่ 3/1/13 แรงกดดันจะผลักให้ต้องล้มตัวนอนและไม่สามารถลุกขึ้นได้ แม้แต่จะยกแขนหรือผงกหัว เหตุการณ์จะยาวไปถึงวันที่ 14/2/13 ซึ่งในระหว่างนั้นอากาศจะหนาวเย็นมากและบางคนที่อยู่ในการจำลองเหตุการณ์ รู้สึกว่าอากาศหนาวเย็นถึงเดือนมีนาคม และ 14/2/13 โลกเราจะไปอยู่ที่กาแล็กซีไตรแองกูลัม

- ในระหว่างนั้น :
= ดาวเทียมจะตกลงมาหมด การสื่อสารจะไม่สามารถทำได้
= ให้เตรียมอาหาร น้ำ โดยต้องให้ทุกอย่างอยู่ในระดับและที่ๆเราสามารถหยิบฉวยได้ แต่จะมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย อาจทานเป็นข้างกล้องปิรามิดแคปซูลที่ให้พลังงานและสามารถอยู่ได้
= หากต้องการหลบจากสถานการณ์บนโลกก็สามารถใช้ปิรามิดแปดเหลี่ยมช่วยยกจิตไป ข้างบนและอธิษฐานให้ลงมาเมือเหตุการณ์สงบลง (รายละเอียดขอผู้ที่สามารถอธิบายได้ช่วยหน่อยค่ะ)

- ให้หาที่หลบภัยซึ่งเป็นที่สูง ท่านไม่สามารถบอกได้แต่ให้เราใช้ปิรามิดแปดเหลี่ยมในการช่วยบอกตัวเราเองว่าที่ใด

- ที่ดอยปอมิโจ๊ะ แม่ฮ่องสอน จะเป็นที่ที่มีแรงหมุนจะช่วยให้ไม่ต้องล้มตัวนอน และเป็นที่ที่มนุษย์ต่างดาวจะส่งยานสองลำมารับคนสำคัญๆ (ท่านให้ขอผ่านปิรามิดว่าให้ช่วยรับเราไปด้วย) ทั้งนี้ เหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นทั้งจักรวาลที่เราอยู่ และเกิดขึ้นตามรอบ ดังนั้น ในหมู่ดวงดาวต่างๆเป็นที่รู้และมนุษย์ต่างดาวจากหลายดวงดาวต้องการช่วยโลก ให้พ้นภัยพิบัติ มีทั้งหมด 8 กลุ่มที่จะมาช่วยแต่ก็มีมิจฉาต่างดาว 5 กลุ่มที่ต้องการทำร้ายเรา

- ทางช่วยเราได้บ้างคือให้แขวนปิรามิดแปดเหลี่ยม ตอนนี้ท่านพยายามทำตัวช่วย(ซึ่งเป็นปิรามิดเจ็ดเหลียมจำนวน 6 ชิ้นทำเป็นแกนตั้งและ 3 ชิ้นทำเป็นวงกลมพันรอบเอว - ปราณี) ตัวช่วยนี้ท่านจะพยายามให้ครอบครัวละ
1 ชุดเพื่อให้ดูแลคนอื่นๆ

- ควนออกเดินทางไปยังสถานที่ที่คิดว่าปลอดภัยภายในวันที่ 2/1/13

ข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกศิษย์
- ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจะเป็นน้ำ 3 ส่วนดิน 1 ส่วนเสมอและสลับกัน ประเทศไทยอยู่บนแผ่นเปลือกโลกเดียวกับญุี่ปุ่น เมื่อ 13,000 ปีที่แล้วอาณาจักรลีมูเลียซึ่งอยู่ใต้ญี่ปุ่นได้จมลงและขณะนี้ถึงวงรอบที่จะ ขึ้นมา หากเกิดอะไรขึ้นกับแผ่นเปลือกโกนี้โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบด้วยทั้งจากทางอันดามันและอ่าวไทย ทางเหนืออันตรายจากเขื่อนหลายแห่งจากประเทศจีนที่อาจแตกจากแผ่นดินไหว น้ำจะไปตามเส้นทางของมันแต่ถ้ามหาศาลก็จะทะลักเข้ามากลายเป็นทะเล แม่น้ำโขงจึงเป็นจุดที่ต้องระวัง

- วันฟ้าดับไม่มีเพราะยังคงมีแสงจากกาแล็กซี่อื่น
- ผลึกน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆจะตกจากฟ้า หลัง 14/2/13 ซึ่งจะละลายกลายเป็นมวลน้ำมหาศาล
- ให้ช่วยคนในครอบครัวอย่างเต็มกำลัง เตรียมอะไรได้ก็ให้เตรียมส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ ไม่ต้องสนใจ
- หากสนใจอาหารปิรามิด ติดต่อที่คุณโก้ 085-6228153 ซึ่งเป็นผู้ผลิต

หากจะแชร์ข้อมูลนี้ ขอความกรุณากระทำอย่างระมัดระวังเพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อ พอจ รัตน์ นะคะ ขอบคุณค่ะ — กับ
Pang Apimonraksa

ที่มา A1-WarRoom Falkman FB

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-10 07:18:19


ความคิดเห็นที่ 6 (1644591)

ลองเอาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ จากดร.ก้องภพ มาอธิบายจ้า

อ้างอิง:
การที่แรงโน้มถ่วงมาก
นั้นเป็นเพราะเปลือกโลกมีความเครียดอย่างรุนแรง
และมีการบีบอัดจากภายนอกอย่างรุนแรงครับ
ถ้าเกิดจริงจะมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่
และอาจเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลกอย่างฉับพลัน
ดวงอาทิตย์จะต้องมีการระเบิดอย่างรุนแรง
อย่างเห็นได้ชัด
ไม่อย่างนั้นจะต้องมีการขยายตัว
ดาวเทียมจะพังหมด
ท่านอาจจะกล่าวถึงความรุนแรงในระดับสูงสุดเท่าที่เคยเกิดในรอบหลายพันปี
โอกาสรอดน้อยมาก
ถ้าเกิดจริงต้องรีบย้ายไปในที่ปลอดภัยโดยเร็ว
น่าจะเป็นพลังงานที่เข้ามาจากภายนอก และ Heliosphere จะได้รับผลกระทบก่อน
ดวงอาทิตย์อาจจะมีการขยายตัวตามมา
ไม่แน่ใจว่าจะเตือนได้ทันหรือไม่ครับ
ในกรณีนี้ จะเหมือนกับ superwave
Heliophere อาจจะหดตัวอย่างรุนแรง
ส่งผลให้รังสีเข้ามาที่โลกเป็นปริมาณสูงมาก
หลังจากนั้นดวงอาทิตย์จะระเบิดอย่างรุนแรง
ส่งพลังงานมาที่โลกอีกต่อหนึ่ง
เป็นการผลักพลังงานเหล่านั้นออกไป
จะเป็นช่วงที่พลังงานมีการแกว่งตัวสูง
จะมีชีวิตอยู่ได้ลำบากมาก
แต่ไม่ทราบว่าจะเกิดเมื่อไหร่แน่นอน
ติดตามดูถึงปลายปีนี้ น่าจะพอบอกถึงความรุนแรงได้ครับ

__________________
ที่มาA1-
WarRoom Falkman FB

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-10 07:20:41


ความคิดเห็นที่ 7 (1644637)

โมทนาบุญกับพี่เบญจรัตน์ที่นำข้อมูลดีๆมาแบ่งปันค่ะจะเตรียมใจและเตรียมตัวค่ะสธุๆๆ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์รัตน์ ไว้ณโอกาสนี้ด้วยค่ะ

กราบ กราบ กราบ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-10 09:39:08


ความคิดเห็นที่ 8 (1644794)

 
เก็บตก: 

วันที่ 14 กุมภา จะมีแรงมหาศาลมาผลักโลก แต่อาการชาที่เกิดก่อนหน้าจะหายไป แต่ละคนจะหมดสติไป 3 วัน ถ้าตื่นมา (ถ้าได้ตื่นนะ) อย่าพึ่งออกไปข้างนอก 7 วัน เพราะว่าอากาศใหม่ต้องปรับตัวก่อน

(เราอาจไม่ได้เห็นวันฟ้าดับ เพราะว่า 3 วันนี้ฟ้าดับไป เราก็หลับไปด้วย อันนี้เดาเอาเอง) 

หลังจากตื่นมาเราก็อยู่ในกาแลคซี่ใหม่แล้ว อากาศจะเย็นสบาย ... 

ประมาณนี้ 
__________________
A1-WarRoom Falkman FB
ชีวิตคือไม่เป็นอะไรกับอะไรที่เกิดขึ้นกับกายใจ ชีวิตเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
เก็บตก: 

วันที่ 14 กุมภา จะมีแรงมหาศาลมาผลักโลก แต่อาการชาที่เกิดก่อนหน้าจะหายไป แต่ละคนจะหมดสติไป 3 วัน ถ้าตื่นมา (ถ้าได้ตื่นนะ) อย่าพึ่งออกไปข้างนอก 7 วัน เพราะว่าอากาศใหม่ต้องปรับตัวก่อน

(เราอาจไม่ได้เห็นวันฟ้าดับ เพราะว่า 3 วันนี้ฟ้าดับไป เราก็หลับไปด้วย อันนี้เดาเอาเอง) 

หลังจากตื่นมาเราก็อยู่ในกาแลคซี่ใหม่แล้ว อากาศจะเย็นสบาย ... 

ประมาณนี้ 
 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-11 04:38:09


ความคิดเห็นที่ 9 (1644862)

ขอบคุณ คุณเบญจรัตน์

ที่นำเรื่องการเตรียมตัว ทำให้หาข้อมูลได้ง่าย และต้องคอยติดตามที่ทุกคน ควรจะต้องรู้

ไม่อย่างนั้นจะเข้าสุภาษิตที่ว่า ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ๋ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-11 15:18:46


ความคิดเห็นที่ 10 (1644869)

 ขอขอบคุณท่านอ.เบญจรัตน์สำหรับการแบ่งปันข้อมูลที่มีประโยชน์นี้ค่ะ

 

อาจินต์ ภิรมย์รักษ์

ผู้แสดงความคิดเห็น อาจินต์ ภิรมย์รักษ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-11 15:43:10


ความคิดเห็นที่ 11 (1645048)

        อนุโมทนาบุญกับท่าน อ.เบญจรัตน์มากๆ ค่ะ  ต้องขอขอบพระคุณแทนทุกๆ คนด้วยค่ะ

 ที่นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มหาศาล   ชุดช่วยมนุษย์ให้หูตาสว่างมากขึ้น  เตรียมใจและกาย

ให้พร้อมน่ะค่ะ  ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ  ขอบคุณค่ะ  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น จิตจุฑา จิรนิธิ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-12 12:17:03


ความคิดเห็นที่ 12 (1645077)

 

ลางที่เกิดกับตัวดิฉันมีอาการหายใจไม่สะดวกรู้สึกอึดอัดมาเป็นอาทิตย์นั่งสมาธิเห็นพีระมิดเป็นสีเหลือง ขาวมัว สีชมพู่ปนม่วงขาว ถ้าจิตนิ่งมากจะเป็นสีขาวดั่งแก้วองค์พีระมิดองค์พระปฐมฯ  ดิฉันดูข่าวช่องไอทีวี ช่วงเวลาตี 1 รายการจัดอันดับความร้ายของการชนสุริยะมี 10 อันดับ อันดับที่1เวลาชนกันแล้วเป็นสีชมพูปนม่วงปนขาวเป็นสีที่ดิฉันเห็น มีความร้ายแรงมาก  ไม่ทราบว่าจะบอกเป็นในหรือเปล่าจากความคิดของดิฉัน  และเมื่อคืนนอนพิ่งหลับก็ได้ยินเสียงของการชนดั่งตึงห่างกันประมาน2นาทีก็ได้ยินอีกเลยตาสว่าง เวลาที่ได้ยิน 4 ทุ่มกว่าหน่อยเมื่อประมานสองอาทิตย์กว่าดิฉันขี่จักรยานจะไปซื้อโจ้กให้ลูกขี่อยู่หูได้ยินเสียงพายุพัดแรงมากเป็นลมกระโชแรงมากห่างประมาน 1 นาทีก็ได้ยินอีก บ้านดิฉันอยู่แสมสาร เวลานี้กลัวมากไม่รู้ว่าจะย้ายไปตรงไหนติดที่ลูกเรียนอยู่และสามีก็ไม่เชื่อ ขอความช่วยเหลือชี้แนะด้วยนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิตต์ กลิ่นดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-12 15:09:12


ความคิดเห็นที่ 13 (1645078)

 

ลางที่เกิดกับตัวดิฉันมีอาการหายใจไม่สะดวกรู้สึกอึดอัดมาเป็นอาทิตย์นั่งสมาธิเห็นพีระมิดเป็นสีเหลือง ขาวมัว สีชมพู่ปนม่วงขาว ถ้าจิตนิ่งมากจะเป็นสีขาวดั่งแก้วองค์พีระมิดองค์พระปฐมฯ  ดิฉันดูข่าวช่องไอทีวี ช่วงเวลาตี 1 รายการจัดอันดับความร้ายของการชนสุริยะมี 10 อันดับ อันดับที่1เวลาชนกันแล้วเป็นสีชมพูปนม่วงปนขาวเป็นสีที่ดิฉันเห็น มีความร้ายแรงมาก  ไม่ทราบว่าจะบอกเป็นในหรือเปล่าจากความคิดของดิฉัน  และเมื่อคืนนอนพิ่งหลับก็ได้ยินเสียงของการชนดั่งตึงห่างกันประมาน2นาทีก็ได้ยินอีกเลยตาสว่าง เวลาที่ได้ยิน 4 ทุ่มกว่าหน่อยเมื่อประมานสองอาทิตย์กว่าดิฉันขี่จักรยานจะไปซื้อโจ้กให้ลูกขี่อยู่หูได้ยินเสียงพายุพัดแรงมากเป็นลมกระโชแรงมากห่างประมาน 1 นาทีก็ได้ยินอีก บ้านดิฉันอยู่แสมสาร เวลานี้กลัวมากไม่รู้ว่าจะย้ายไปตรงไหนติดที่ลูกเรียนอยู่และสามีก็ไม่เชื่อ ขอความช่วยเหลือชี้แนะด้วยนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิตต์ กลิ่นดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-12 15:09:16


ความคิดเห็นที่ 14 (1645102)

ขออนุโมทนาบุญ กับ คุณเบญจรัตน์  ด้วยค่ะ

กับข้อมูลดีๆ ที่เตือนให้ได้รู้

จะได้ เตรียมตัวรับมือ

ไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นัยนา ชมภูบุตร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-12 16:28:18


ความคิดเห็นที่ 15 (1645104)

 

ขณะที่พิมพ์อยู่อาการหายใจยังขัดอยู่  และเมื่อพิมพ์เสร็จดิฉันก็ขอใช้รหัสอาจารย์อุบลช่วยให้หายใจสะดวกก็หายทันที  ดิฉันขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิที่รักษาอาจารย์อุบล  และถ้าดิฉันล่วงเกินกระทำอันไดไม่สมควรโดยที่ไม่รู้และรู้ตัวดิฉันกราบขออภัยด้วยนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิตต์ กลิ่นดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-12 16:29:17


ความคิดเห็นที่ 16 (1645137)

ส่วนผมนั้นรู้สึกตัวโคลงเคลงไปมาแล้วคับยืนไม่ได้ตรง  รู้สึกแผ่นดินไหวๆรู้สึกได้ด้วยตัวเองคับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกรียงศักดิ์ สกุลคลานุวัฒน์(เบน) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-12 22:55:12


ความคิดเห็นที่ 17 (1645194)

โมทนากับธรรมทานด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตน์ติพงษ์ พอพระ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-13 12:17:00


ความคิดเห็นที่ 18 (1645200)

ถ้าเราตามหา

พระศรีอาริย์

พบก่อน

ภัยพิบัติจะไม่เกิด

 

แต่

พระศรีอาริย์

จะนำโลกสู่สันติสุขแทน

 

แต่

ถ้าไม่มีใครสนใจ

ตามหาพระศรีอาริย์และไม่เชื่อ

ก็เป็นกรรมของสัตว์โลก

ที่จะต้องพบกับ

หายนะภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด

โดยไม่มีโอกาส

เสียใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-13 02:29:50

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคณัฐฎ์ ธรณ์วรรธ์ธนา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-13 12:53:46


ความคิดเห็นที่ 19 (1645419)

อนุโมทนาสาธุด้วยคับและขออนุญาติก็อปไปบอกต่อนะคับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกรียงศักดิ์ สกุลคลานุวัฒน์(เบน) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-13 22:49:45


ความคิดเห็นที่ 20 (1645470)

ขออนุโมทนาบุญ กับ รศ. เบญจรัตน์  ด้วยค่ะ

และขอบคุณสิ่งดีดี ความมีเมตตาที่ รศ.เบญจรัตน์

มอบให้ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัฐากาญจน์ จันทรเตมีย์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-14 08:44:15


ความคิดเห็นที่ 21 (1645482)

 

       ขออนุโมนาบุญธรรมทานกับคุณเบญจรัตน์  

ด้วยนะคะที่ได้นำข้อมูลที่พระอาจารย์รัตน์  เตือนภัย  

มาเตือนให้ทุกคนได้เตรียมตัวกันล่วงหน้า  

เพราะท่านได้เตือนมาตั้งแต่ปี  2540  แล้ว

ตนเองก็จะเตรียมอาหารและน้ำดื่ม

ไว้ให้เพียงพอต่อจำนวนสมาชิก  6  คน

 รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็น

ที่จะต้องใช้ชีวิตด้วยการนอน

 เป็นเวลา  42  วัน  ไว้ให้มากที่สุดค่ะ

และจะเตรียมให้พ่อ  - แม่  และน้องชาย

ที่อยู่ต่า่งอำเภอ  ด้วย  

 

     ขอให้บุญธรรมทานที่ได้แจ้งเตือนนี้

 ช่วยให้ครอบครัวของคุณเบญจรัตน์

 ปลอดภัย  และผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ด้วยนะคะ

                                  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลดาวัลย์ หอมเหล็ก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-14 10:43:24


ความคิดเห็นที่ 22 (1645485)

 ถ้าท่านไหน  เตรียม สิ่งของ ต่างๆ   ถ้า มีเงิน ให้แบ่งไปซื้อทอง

เก็บไว้บ้างนะครับ  

 

ท่าน ว่า เอาเป็น ทองแท่ง เล็ก ๆ เหมือนซิม ก็ได้ เพราะทองก้อนใหญ่

แลกเปลี่ยนลำบาก ถ้าเป็นทอง รูปพรรณ  เวลาจะแลกเปลี่ยน

เขาก็ต้องไป พิสูจน์ ว่า จริงๆ รึปลอม อีก  

ให้เอาเป็นแท่งเล็ก ๆ ที่เหมือนซิม

ที่มีตราประทับ รับรองว่า ทองจริง  ก็ใช้ได้แล้ว

ราคาประมาณ 1 พัน    2 พัน  ( มีคนถามว่า ใช่มั้ย ท่านว่า แบบนั้น ล่ะ )

 

    เพราะ ตอนนี้ อะไร ๆ ก็ ใช้ระบบ ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์หมด  

 ถ้าไฟ ดับนาน ๆ  ทำยังไง เงินมีมากมาย แต่เอาออกมาไม่ได้ ใช้ไม่ได้  

แล้วทอง นับวันก็ยิ่งมีราคาสูงขึ้น เรื่อยๆ    

ทองคำ ไม่ว่าจะอยุ่ยุคสมัยไหน ก็แลกเปลี่ยนได้ดีกว่า อย่างอื่น

 

เพราะช่วงที่มีสงคราม เงิน ก็เหมือนกระดาษ เงินบางที่ เขาก็ไม่รับ  

  ทองคำ ไปที่ไหน ก็ได้  

บางที ของที่เตรียมไว้ ไม่ครบ หรือ ไม่เพียงพอ  ก็ นำทองคำ ไปแลกได้  

 

น่าคิดเหมือนกัน นะครับ

( คำพูดอาจจะไม่ตรง ทั้งหมด ครับ แต่ประเด็นหลัก ๆ ประมาณนี้ )

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-14 11:34:25


ความคิดเห็นที่ 23 (1645537)

 

สด!! วีดีโอพระอาจารย์รัตน์จากภูเขาสูง 12 ธ.ค. 2555

 
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม 
ขอให้ใช้คำสุภาพในการแสดงความคิดเห็น งดการปรามาส
คำเตือน
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม 
ขอให้ใช้คำสุภาพในการแสดงความคิดเห็น งดการปรามาส


สดจากยอดภูสูง ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ่ายทำวันที่ 12 ธ.ค. 2555
จาก 1 ใน 10 กว่าสถานปฏิบัติธรรม-สำนักสงฆ์ พี่พระอาจารย์มาสร้างไว้เพื่อพัฒนาปัญญาชาวเขา สอนพุทธศาสนา และพัฒนาอาชีพ และอื่นๆเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมมากมาย
( วีดีโอชุดนี้จัดทำโดยส่วนตัว รับชมเพื่อความบันเทิงหรือประดับความรู้เท่านั้น โปรดอย่าเชื่อทันที และพระอาจารย์รัตน์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับวีดีโอชุดนี้ ท่านเป็นเพียงผู้ตอบคำถามเท่านั้น )

ปล.วีดีโอชุดนี้ได้รับการอนุญาติเพื่อเผยแพร่จาก พระอาจารย์รัตน์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



วีดีโอการเดินทางขึ้นยอดเขาที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว

เราไปกันเพราะถือว่าได้ไปเที่ยวครับ เกิดก็เกิดจะได้รู้วิธีรับมือ เตรียมการ และช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เกิดก็ถือว่ามาเที่ยว มากราบพระอาจารย์... ที่วัดดอยเกิ้งเก็บของขึ้นยอดดอยกันเรื่อยๆครับ เตรียมการณ์กันดีมากครับหากเกิด โชคดีรถวัดจะขึ้นไปธุระเลยขอติดขึ้นดอยด้วย พระอาจารย์ไม่ได้อยู่ที่ดอยเกิ้ง แต่อยู่ตามยอดดอยต่างๆเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ ชาวบ้าน ชาวเขา ให้ความเคารพพระอาจารย์มากครับ พระที่มีแต่เมตตา ... เราอยู่หลังรถกันไป-กลับ เกือบ 7 ชั่วโมง ถือว่าทรหดและลำบากเอาเรื่องครับ แต่ข้างบนผมบอกได้เลยว่าเงินไม่จำเป็นและไม่มีค่าเลย หากเกิดเหตุการณ์ตามที่ว่า ....
สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะเดาออกแล้วในอีกไม่นาน ว่าจะมีเหตุประหลาดใจให้ชาวโลกได้ตะลึงกันใกล้ๆนี้ครับ แต่จะเป็นเรื่องดี แต่ประหลาดใจแน่ๆ มากๆด้วย รอชมกันเองนะครับ
สดจากยอดภูสูง ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ่ายทำวันที่ 12 ธ.ค. 2555
จาก 1 ใน 10 กว่าสถานปฏิบัติธรรม-สำนักสงฆ์ พี่พระอาจารย์มาสร้างไว้เพื่อพัฒนาปัญญาชาวเขา สอนพุทธศาสนา และพัฒนาอาชีพ และอื่นๆเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมมากมาย

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-15 01:22:55


ความคิดเห็นที่ 24 (1645545)

อนุโมทนากับข้อมูลดีๆ เต็มๆเวอร์ชั่น

ที่คุณ เบญจรัตน์

เมตตาก็อปมาฝากด้วยนะคะ

แถมยังมีคลิปมาให้ชมกันด้วย

 

ทั้งได้อ่านและได้ฟังจากพระอาจารย์โดยตรง

เป็นประโยชน์อย่างยิ่งยวดค่ะ

 

ซึ่งฟังจากที่พระอาจารย์ท่านตอบคำถามแล้ว

ก็ทั้งน่าตกใจ แต่อีกนัยหนึ่ง ก็น่ายินดีนะคะ

 

ถ้าเรา"รอด" ได้ย้ายไปอยู่ในแกแลคซี่ใหม่

ในมิติที่สูงยิ่งขึ้น สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-15 06:37:58


ความคิดเห็นที่ 25 (1645643)

ขออนุโมทนา กับข้อมูลที่อาจารย์เบญจรัตน์นำมาเผยแผ่ให้ทราบเป็นอย่างสูงเลยค่ะ

เพื่อเป็นการบอกเล่า  และเตือนสติให้ทุก ๆ คนเตรียมตัวกันก่อนที่จะถึง 42 วันที่จะเกิดเหตุ

ดิฉันคนหนึ่งค่ะที่เริ่มรู้สึกหายใจขัด ทั้งที่ไม่ได้เป็นหวัด  มาสองวันแล้วค่ะ 

และเวลาเดินก็รู้สึกเหมือนแผ่นดินมันเคลื่อนไหวยังไงบอกไม่ถูกค่ะ

แต่ไม่กล้าจะพูดไป เพราะ คิดว่าเราคิดไปเองมั้ง  แต่เพิ่งมารู้วันนี้เองค่ะ

ต้องขอขอบคุณอาจารย์อีกครั้งเป็นอย่างสูงค่ะ 

ดิฉันและครอบครัวจะได้เตรียมตัวเตรียมกายใจได้ทันค่ะ

ขออนุโทนา  สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ศรีสมัย ฉวีศักดิ์ (srisamaipet-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-15 23:57:09


ความคิดเห็นที่ 26 (1645674)

      เมื่อคืนไว้พระขอขมาปู่ฤาษลิงดำแล้ว และขอขมาในหลวงที่ล่วงเกินพระองค์และในใจก็นึกว่าอาจารย์อุบลพูดว่าไม่มีใครตามหาพระศรีอาริย์  ในใจดิฉันนึกถึงอาจารอุบลว่าน่าจะใช่อาจารอุบล แต่อาจารอุบลก็เคยปฎิเสธว่าไม่ใช่ ก็นึกว่าจะไปตามหาที่ไหน ถึงจะเจอคนที่มีคุณสมบัติ มีคุณธรรม มีศีล สมาธิและปัญญา ดิฉันก็เลยขอถามองค์พีระมิด องค์เทพสฟิงค์ องค์พระศรีอาริย์ ว่าตัวตนจริงมีอยู่ที่ไหน โปรดช่วยบอกด้วยนะเจ้าค่ะ  ใจก็นึกถึงในหลวง ผู้ซึ่งเป็นยอดพระมหากษัตริย์ ของโลก หาบุคคลใด เปรียบเทียบไม่มีอีกแล้วในโลก ท่านสงห่วงใยประชาชน ยังเป็นกษัตริย์ยอดกตัญญู ความดี และคุณสมบัติ ของพระองค์ท่าน บรรยายเท่าไรก็ไม่รู้จักหมด

       ดิฉันขอถามอาจารอุบลว่า องค์ศรีอาริย์  ตัวจริงคือในหลวง ใช่ไหมค่ะ

        สิ่งที่เขียนมาผิดพลาดประการใด ขอโทษด้วยนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิตต์ กลิ่นดี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-16 12:49:21


ความคิดเห็นที่ 27 (1645713)

ศรีสมัย ฉวีศักดิ์

คุณกรุณาติ๊กในช่อง

ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล

ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัชรินทร์ เกษมณี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-17 00:09:03


ความคิดเห็นที่ 28 (1645921)

 วันนี้ตอนผมนอนตอนเช้าถึงบ่ายเหมือนโดนเจ้ากรรมที่เกาะเกี่ยวตามร่างกายจะเข้ามาสิงในตัวขาแ็ข็งและชาทั้งสองข้างที่รู้เพราะผมเคยไปเปิดกรรมเคยเป็นเช่นนี้มาก่อนแต่เทวดาคุ้มครองตัวไม่ให้เจ้ากรรมเข้าสิงร่างกายและได้รวมบุญอุทิศให้พวกเขาก็ดีขึ้นแต่พอนอนขายังชาอยู่นอนไม่ได้เลยจึงได้ใช้น้ำพลังพีระมิดลูบๆขาปรากฎว่าหายเป็นปกติ แสดงว่าประตูมิติได้เปิดให้เจ้ากรรมนายเวรมาเอาคืนแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น เกรียงศักดิ์ สกุลคลานุวัฒน์(เบน) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-12-18 17:50:16



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.