ReadyPlanet.com


คนจะไปนิพพาน จะไปบ้านสวนพีระมิด ต้องเจอบททดสอบ


การไปนิพพาน

เป็นเรื่อง ไม่อยาก แต่ก็ไม่ง่าย

ไปด้วยกำลังใจอย่างเดียว

แต่

ไอ้กำลังใจอย่างเดียว

นี่แหละ

มันดันไปเกี่ยวกับอย่างอื่น

ซะมากมาย ถ้าเรา

จับจุดให้ได้

นะ

ไปลิ่วเลย

(ใครจะไปด้วยกันก็เชิญมาร่วมวงสนทนาได้นะคะ เดี๋ยวมาค่ะ)

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-03-02 23:34:04


<< ก่อนหน้า 1 [2]

ความคิดเห็นที่ 101 (1559807)

ได้อ่านธรรมของอ.อุบลทุกครั้งมีกำลังใจจะทำตัวเป็นภูเขาคำว่านิพพานไม่จากเราถ้าเราตั้งใจและทำมันอยู่แค่ปลายจมูกเรานี้เองพยามเข้านะทุกคนเราจะเป็นกำลังใจให้แก่กันและตลอดล้มรีบลุกเดินต่อไปไม่มีใครเกิดมาดีไปทั้งหมดเรามาฝึกทำความดีไปพร้อมๆกันเป้าหมายคือนิพพานชาตินีแหละ ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกท่านคะสาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-24 13:01:48


ความคิดเห็นที่ 102 (1560006)

 

หนูขอกราบอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์ด้วยคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นางมยุรีพร ภาชนะวรรณ (ma_parchanawan-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-25 12:35:35


ความคิดเห็นที่ 103 (1560150)

อนุโมทนากับทุกธรรมทาน

จริงอย่างที่ อ.อุบล บอกค่ะคนจะไปนิพพานต้องโดนทดสอบ

ตัวเองแค่ตั้งจิตว่าขอเป็นโสดาบันให้ได้ในชาตินี้ก็รู้สึกว่าจะโดนทดสอบเยอะค่ะ

ยิ่งช่วงเดือนที่ผ่านมา จิตเหมือนโดนทดสอบความศรัทธา ใน อ.อุบล อ.มงคลและบ้านสวนฯ

ยิ่งใกล้วันเข้าค่าย ๙ จิตฝ่ายอกุศลและเหตุๆต่างๆ ก็มาทำให้รู้สึกไม่อยากเข้าค่ายคิดจะไม่ไปหลายครั้ง ทั้งๆที่แรกๆอยากไปมาก

แต่สุดท้ายเมื่อใช้ปัญญาพิจารณาเหตุและผลแล้ว น่าจะเป็นบททดสอบศรัทธาหรือมารมาขวางมากกว่า สุดท้ายจึงตัดสินใจยังไงก็จะเข้าค่าย ๙ (มหามงคล)ให้ได้

สุดท้ายกราบขอขมาอ.อุบล อ.มงคล ในมโนกรรมที่คิดระแวงความบริสุทธิ์ของท่านนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นนลณีย์ พงศ์วุฒิภรณ์ (walailux20-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-25 21:58:44


ความคิดเห็นที่ 104 (1560318)

ขอกราบขอบพระคุณ อ.อุบล 

แนะนำการไปนิพพานคะ 

จะได้นำไปปฏิบัติคะ

ขออนุโมทนาบุญ

กับอ.อบุล

และ

ทุก ๆ ท่านคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาพรรณ สิงห์สกุล (kjsurat_7896-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-26 16:08:55


ความคิดเห็นที่ 105 (1560361)

กราบท่านอ.อุบล  ที่เคารพ

การที่ได้รู้จักบ้านสวน...ได้พบและเรียนรู้

ในเรื่องการดูจิตของตนเอง 

ไม่สนใจในกิริยาของผู้อื่น  สนใจแต่กิริยาของตัวเอง

ที่สำคัญคือ  อย่ามองคนที่เปลือกนอก

เจอบททดสอบ  เวลาที่ชมคลิปบ้านสวนพีระมิด

บางทีก็คิดดี   บางทีก็คิดไม่ดี   บางทีก็สงสัย

จิตคนเรานี่มันไหลลงสู่ที่ต่ำจริงๆ ค่ะ

แต่ตอนนี้...จิตของดิฉันได้พัฒนาขึ้นมาแล้วค่ะ

จากการที่ได้รับชมคลิป  การสอดแทรกข้อคิด  ที่ท่านอ.อุบล

ได้สอนบุคคลอื่น..แต่เท่ากับสอนดิฉัน  ให้หายโง่ด้วยค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น น้ำฝน พิมพ์มีลาย (rain_richer-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-26 20:27:02


ความคิดเห็นที่ 106 (1560545)

บททดสอบที่โดนมา เยอะมากๆๆค่ะ..

แต่ขอให้เรามีกำลังกาย + ใจ มุ่งมั่นคะ

  ตัวเองบางครั้งก็เผลอที่จะคิดว่า เราคงไม่มีวาสนาแล้วหล่ะในชาตินี้

ยามใดที่เจอบททดสอบจากคนใกล้ตัว เราก็ยิ่งต้องใช้ความเพียรมากๆๆ...

เพราะคิดว่าเราอยากไปสร้างบุญที่บ้านสวน อยากไปช่วยงานท่านอ.ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-27 15:50:47


ความคิดเห็นที่ 107 (1560569)

 อนุโมทนาบุญ อ.อุบล ค่ะที่มีความรู้ดีดีมาให้คนบาปอย่างหนูได้ศึกษา หนูไม่รู้ว่่าที่หนูเจออยู่ตอนนี้เปนการทดสอบหนูรึเปล่า ถูกคนด่าทั้งที่วันๆๆไม่ได้คุยกะใคร แต่เค้าคิดว่าเรื่องของเค้ามาจากหนูทั้งที่หนูยังไม่รุ้เลยว่าบ้านเค้าเกิดอะไร หนูพยายามทำใจทุกอย่าง แต่หนูยังไม่มีสมาธิพอที่จะอดทดได้เลย แต่หนูจะพยายามต่อไปค่ะให้พ้นให้ได้อยากหนีไปไกลๆๆจากพวกเค้าแต่มันก็คงอยากเพราะ ความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ญาติพี่น้องกัน 

ทุกวันนี้หนูไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับใครเลยค่ะไม่อยากมีปัญหา หนูรู้ว่าตัวหนูเองเป็นคนคิดมากไม่ปล่อยวางสักที หนูพยายามท่องพุทโธในใจเรื่อยๆๆนะค่ะ แต่บางทีก็หลุดเหมือนกัน กลัวจะไปทำอะไรหรือพูดอะไรให้ใครเสียใจ ไม่พอใจ แต่ไม่ว่าจะยังไงหนูจะพยายามอดทนค่ะ เพื่อที่วันหนึ่ง หนูจะ จิตว่าง สงบ และขอติดตามอ.อุบลไปนิพพานด้วยนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรรณิศา แก้วสะอาด (kookkai1122-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-27 19:33:28


ความคิดเห็นที่ 108 (1560580)

ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์ และท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ขออนุโมทนาบุญ ชอบท่านอาจารย์ให้ธรรมทาน อ่านเข้าใจ

ลูกเห็นทางสว่างขึ้นค่ะ ขอฝึกปฏิบัติค่ะ "คำสอนท่านอาจารย์ ไม่ว่าจะเจอ

มรสุมใด ก็ไม่ทุกข์ มีหนี้ ลูกดื้อ ผัวบ้า เมียบอ ก็ไม่ทุกข์ คิดว่า เขากับเรา

ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้น"

ลูกอธิษฐานขอบารมีพระพุทธองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด

ท่านอาจารย์อุบล ดลบันดาลให้น้ำได้รับพลังพีระมิด ส่งผลให้ลูก ผัว

ทุกคนที่ได้ดื่มได้กิน มีสุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย และเป็นคนดี คิดดี ทำดี พูดดี ในทุก ๆ ขณะจิตด้วยเถิด


                                                   กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ (ohm-dot-lamom-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-27 21:04:24


ความคิดเห็นที่ 109 (1560616)

 ส่วนมากเวลาเบลล์ได้ยินเสียงที่ไม่พอใจก็จะเกิดอาการไม่ชอบ

เบลล์พยายามวางไม่สนใจ

แต่อารมณ์ไม่ไปตามใจที่อยากให้เป็น

นี่แหละนะครับร่างกายแม้กระทั่งอารมณ์

ที่คิดว่าเป็นของเรา

ยังบังคับไม่ได้เลย

ทำให้เกิดอาการโมโห  โกรธ

ความไม่ดีในใจก็ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเลย

ตัดกันไม่หวาดไม่ไหวครับ

เวลาโดนทดสอบก็จะแพ้ครับ

ทั้งขี้เกียจ  นอนมาก  เล่นมาก

เวลาที่มีพอจะทำดีก็เอาไปทำอย่างอื่นซะงั้น

เฮ้อ.....

แต่จะอย่างไรก็ขอเริ่มต้น

และทำเพื่อพระนิพพานอยู่เสมอ

ทำทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน

กำหนดจิตไว้เลยว่า

หากตายขอไปนิพพานนะครับ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-28 00:30:33


ความคิดเห็นที่ 110 (1560940)

โมทนาสาธุค่ะ น้องเบลล์

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-29 11:15:05


ความคิดเห็นที่ 111 (1561216)

 วันนี้ไปซื้อขนมและนมและน้ำผลไม้ที่เซเว่น

จ่ายเงินปรากฏว่าพนักงานคิดเงินผิด

คือไม่ได้เช็คสินค้าหนึ่งชิ้น

เบลล์ก็แปลกใจว่าเอ๊ะ!!!!!!!

ทำไมจึงได้จ่ายน้อยกว่าซื้อจริงล่ะ

ก็เลยดูว่าเขาลืมเช็คอะไรบ้าง

เบลล์ก็เลยบอกพี่เขาไปว่า

พี่ครับคิดตังค์ผิดนะ

แต่คราวนี้เบลล์ก็เลือกให้เค้าเช็คผิด

ที่จริงต้องเลือกกล่องน้ำผลไม้กล่องละสิบแปดบาท

แต่เลือกกล่องละสิบให้เค้า

พอจ่ายตังค์เสร็จก็กลับมาบ้าน

แล้วลองเช็คดูราคาอีกพบว่า

หยิบผิดนี่นา

เราต้องเอาเงินไปจ่ายพี่เขาอีกแปดบาท

ไม่งั้นไม่สบายใจ

ตอนบ่ายๆก็ได้เอาเงินไปจ่ายเรียบร้อยแล้วครับ

สบายใจแล้วครับ

กราบขอบพระคุณธรรมะของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกๆพระองค์

ที่เมตตาสั่งสอนให้ลูกได้ดำเนินตามทางสายกลางครับ  สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-31 01:20:09


ความคิดเห็นที่ 112 (1561228)

อนุโมทนาด้วยนะจ๊ะน้องเบลล์ ถ้าเป็นเมื่อก่อน

ตอนที่ยังไม่รู้จักบ้านสวนพีระมิด

อาจจะทำเนียนๆปล่อยไปเฉยๆก็ได้ ชิมิ

แต่ตอนนี้ ความถูกต้อง..ต้องมาก่อน เนอะ..

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-31 07:34:18


ความคิดเห็นที่ 113 (1561240)

ขออนุโมทนา

กับน้องเบลล์ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-31 12:12:36


ความคิดเห็นที่ 114 (1561245)

 ลูกขอกราบอาราธนาพระบารมีของทุกๆพระองค์

ได้โปรดยกจิตใจของลูกเข้าสู่อริยมรรคอริยผล

เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาเร็วๆไวๆด้วยเทอญสาธุ

ลูกมองเห็นแล้วซึ่งทุกข์ทั้งหลายจากการเวียนเกิดและตายในโลกทั้งสาม

ทั้งความรักที่ไม่สมปราถนากลับทำให้ใจมีทุกข์

ทั้งความโลภที่ทำให้จิตใจเร่าร้อนไม่พอ

ทั้งความโกรธที่เผาไหม้จิตใจมิคลายบรรเทาเช้าค่ำ

ทั้งหลงในกิเลสคิดนึกว่าโลกนี่เที่ยงแล้ว

ขอบุญบารมีของทุกๆพระองค์ได้โปรดสงเคราะห์ลูก

ให้ลูกมีจิตหลุดพ้นมีดวงตาเห็นธรรมเร็วๆไวๆ

ขอลูกมองเห็นและไม่ตกเป็นทาสของนายช่างผู้สร้างเรือน

ตามรอยพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-31 14:05:25


ความคิดเห็นที่ 115 (1561247)

 กราบเท้า อ.อุบลที่เคารพครับ

       ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ขอตั้งจิตใจแน่วแน่มุ่งสู่นิพพานด้วยคนครับ กราบขอพระคุณอ.อุบลที่เคารพ ที่นำหลักธรรมคำสอน มาเผยแพร่ ให้เข้าใจได้ง่าย เมื่อก่อนผมมีความคิดว่านิพพานเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องของพระ นักปฎิบัติ คนสามัญอย่างเราๆคงไม่มีสิทธิ แต่คำสอนที่ อ.อุบลนำมาเผยแพร่ ทั้งเรื่องบาปกรรม เคราะห์กรรมต่างๆ การสำนึก และตระหนักระวังตัวในเรื่องที่จะทำให้เกิดเวรกรรม ทำให้มีความละอาย และเกรงกลัวต่อบาป มั่นสร้างบุญ บารมี ทำทานบารมี และระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่กับตัวเสมอเพื่อจะได้ไม่เผลอ และขาดสติ รักษาศีลอย่างละเอียดมากขึ้น ระวังมโนกรรมที่ชอบเผลอเกิดขึ้นบ่อยๆ มีสติรู้ตัว และพยายามหยุด ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความอยากได้อยากมี และพยายามเข้ามาอ่านกระทู้ ดูคลิปรายการ เพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้น จะพยายามทำให้ดีที่สุด หากบุญบารมีของลูกมีมากพอก็ขอให้ได้ถึงนิพพานแบบที่อ.อุบลบอกเล่าสอนสั่ง  กราบขอบพระคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์ทุกๆพระองค์ที่บ้านสวนพีระมิด ที่ทำให้ลูกได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด ให้ลูกได้มีโอกาสปรับปรุงตัว ปรับปรุงจิตใจ ให้สูงขึ้นจากวังวนของกิเลศ และเครื่องผูกมัด ไม่ตกต่ำลงไปสู่วังวนของสิ่งเลวร้าย กราบขอบพระคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น พสชนก พลเพชร (doodeemodernstyle-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-31 14:37:40


ความคิดเห็นที่ 116 (1562208)

ขออนุโมทนากับน้องเบลล์ด้วยคนนะจ๊ะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฐิติมา พฤกษ์อำนวย (pranaijai-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-04 21:18:03


ความคิดเห็นที่ 117 (1562723)

 

กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล ที่สุดค่ะ ต่อไปนี้ลูกจะพยายามทำจิตใจให้เหมือนภูเขาค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อังคณา สมมาก (angkhana-s2011-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-08 10:38:49


ความคิดเห็นที่ 118 (1563093)

 ไปนิพพาน...................

ร่างกายนี้เป็นทุกข์ไม่เอาแล้ว

รักษาศีลห้า

ที่พึ่งคือพระรัตนตรัย

ตัดสินใจไปนิพพาน

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-10 00:38:54


ความคิดเห็นที่ 119 (1563486)

 

   อนุโมทนาบุญกับน้องเบลล์ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี (kanungnuch03-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-11 22:17:36


ความคิดเห็นที่ 120 (1563506)

 ช่วงอาทิตย์นี้เกิดอารมณ์เบื่อหน่ายทางโลกมากเป็นพิเศษ เห็นอะไรก็เป็นทุกข์ไปหมด ทุกอย่างวนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ ตั้งแต่เกิด จนตาย ประจวบเหมาะกับที่่ท่านอาจารย์อุบล ได้ให้ธรรมะในเรื่องเกี่ยวกับ การวางอุเบกขา ซึ่งก็ดลบรรดาลให้เกิดดวงตาเห็นธรรม โดยที่ท่านอาจารย์อุบล ได้มาเพิ่มความสว่างของเส้นทางเดินให้ลูกบ้านสวนฯ และทุกๆ ท่านที่เข้ามาอ่าน ได้มีความรู้แตกฉานไปตามปัญญาของแต่ละท่าน ที่สำคัญคือ ได้มีจิตเบิกบาน ไม่จมอยู่กับความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏเหล่านั้น และพร้อมที่จะมุ่งมั่นสู่หนทาง ตามรอยพ่อแม่ครูอาจารย์ไปจนถึงที่สุด

หวนนึกถึงพระพุทธองค์...ท่านบำเพ็ญบารมีโดยแลกกับชีวิต เพื่อให้รู้แจ้ง แล้วกลับมาสอนสั่งพวกเราเพื่อให้พ้นทุกข์เช่นกัน

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ...ท่านก็น่าจะอยู่อย่างสบายแล้ว แต่ทำไมถึงยังต้องมาดูแลลูกหลาน ดึงลูกหลานให้พ้นอบาย ตราบจนเข้าพระนิพพานให้มากที่สุดจงได้

พ่อหลวงของเรา...ท่านเป็นพระราชา ซึ่งก็น่าจะอยู่อย่างสุขสบาย แต่ท่านทรงงานตลอดเวลา ยอมเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ยอมสละทุกๆ อย่าง เพื่อให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดี และมีสุขมากกว่าพระองค์ท่าน

ท่าน ดร.อาจอง...ท่านก็เคยมีทุกอย่างพร้อมมูลอย่างไม่เดือดร้อน แต่ท่านก็ยังมุ่งมั่นสร้างคนดี ช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์เช่นกัน และยินดีที่จะช่วยคนอื่นให้ไปนิพพานก่อน แล้วท่านถึงจะตามไป

มาถึงท่านอาจารย์อุบล และท่านอาจารย์มงคล ของลูกหลานบ้านสวนพีระมิด...ก็เช่นกัน แทนที่ท่านจะอยู่อย่างสุขสบายเหมือนใครๆ แต่กลับต้องคอยช่วยเหลือคนไม่รู้กี่ร้อย กี่หมื่น กี่แสน หรือกระทั้งเป็นล้านคน ยอมเหน็ดเหนื่อย ยอมสละความสุขครอบครัว ยอมสละความเป็นส่วนตัว เพื่อให้ทุกคนพ้นทุกข์เช่นเดียวกัน

กับแค่เราคิดจะไปนิพพานเหมือนกัน แต่พอมาเจองานหนักหน่อยก็เหนื่อยซะแล้ว เจอปัญหาครอบครัว ปัญหาเงินทอง ปัญหาคู่ครอง หรือแม้แต่มีเงินมากมาย ก็ยังหาความสุขได้ไม่ยั่งยืน สุดท้ายก็มีทุกข์จนได้...แล้วพระนิพพานที่หวังไว้ล่ะ มันยิ่งไกลเกินเอื้อมเข้าไปอีกหรือไม่ มันช่างเหนื่อยยากแสนเข็ญซะจริงๆ 

ลองมองกลับไปที่พ่อแม่ครูอาจารย์ของเรา ที่ทุกพระองค์ ทุกท่าน ได้ใช้ความเพียรพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นเป็นเลิศ โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ แม้ความตาย...เทียบกับตัวเราแล้ว แม้แต่ฝุ่นก็ยังเทียบไม่ได้เลย แล้วเราจะมัวท้อแท้ ท้อถอย หรือคอยให้กิเลสในเรื่องต่างๆ เข้ามาครอบงำให้จิตใจเราตกต่ำลงไปทำไมกัน...

มองจุดมุ่งหมาย มองความเพียรของพ่อแม่ครูอาจารย์ มองความปราถนาที่ท่านจะพาให้เราพ้นทุกข์ และเดินสู่กระแสแห่งพระนิพพาน มองให้เห็นความอุตสาหะของท่าน แล้วเอามาเป็นแรงผลัก แรงดันให้เราพร้อมที่จะเผชิญในทุกสภาวะ บนพื้นฐานของความเมตตาเช่นกัน

เป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน มุ่งสู่ความเพียรแห่งพระนิพพานครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณสิทธิ์(สุรสิทธิ์ ศรประสิทธิ์) (surasit2010-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-12 00:49:57


ความคิดเห็นที่ 121 (1563522)

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเช่นกันค่ะ

ทุกครั้งที่ท้อ ที่เบื่อ กับความทุกข์ต่างๆนาๆบนโลกมนุษย์

ก็จะพยายามให้กำลังใจตัวเองค่ะ

ว่า..โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้มาเกิด

เพื่อที่จะได้รีบสร้างบุญบารมี 

เพื่อเป็นบันได ในการก้าวขึ้นสู่บ้านหลังใหม่

 ที่ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เสียที 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-12 04:24:14


ความคิดเห็นที่ 122 (1563528)

อนุโมทนากับพี่มหาด้วยนะคะ เห็นทุกข์ ก็เลยเห็นธรรม

จะได้ย้ำเจตนารมย์อันมุ่งมั่น สู่นิพพาน...

เป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่านเช่นกันค่ะ เพราะช่วงนี้ก็รู้สึก

มีอาการเบื่อๆหน่ายๆ ยังไงพิกล รู้สึกว่าตัวเองย่ำอยู่กับที

หรือบางทีก็เดินถอยหลัง มองไม่เห็นพัฒนาการของตัวเองเลย

ก็เลยพาลเบื่อหน่าย ท้อ อยากจะถอดใจ ... แต่ก็ได้กระทู้

ของอาจารย์มาเป็นยากระตุ้นเตือนใจได้เป็นอย่างดี

 

แล้วก็"มอง"กลับไปที่อาจารย์ทุกครั้งว่า อาจารย์เจอศึกหนัก

ทั้งในทั้งนอก แถมยังเหนื่อยแสนเหนื่อยอาจารย์ยังไม่ถอดใจเลย

แล้วก็หันมามองตัวเองอีกทีว่า ตัวเองทำอะไรบ้างเนี่ย..

ยังจะมากระแดะ "ท้อ"อีก.. ช่างกล้า..เนอะ..

 

อ่ะ..สู้ๆนะคร๊าบ..พี่น้อง

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-12 06:57:35


ความคิดเห็นที่ 123 (1563537)

เห็นด้วยกับพี่มหาทุกประการคะ

เคยมีคนบอกว่า เวลาท้อแท้ หรือเหนื่อยล้าจากเรื่องต่าง ๆ

ให้ลองมองไปที่รูปของในหลวง แล้วคิดถึงพระราชการณียกิจที่ท่านทำ

แล้วเราจะรู้ว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่มันน้อยนิดมาก เมื่อเทียบกับท่าน

แล้วเราจะไม่เหนื่อย และมีกำลังใจขึ้นมาคะ

 

อนุโมทนากับทุกท่าน และเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันด้วยคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-12 08:12:24


ความคิดเห็นที่ 124 (1565482)

ขออนุโมทนาบุญกับอ.อุบลและทุกท่านคะตอนมีความหวังแว๊บน้อยจะใช้พุทโธกำกับตลอดมันเเว็บเมื่อไหร่ก็ดึงกลันจะชนะความไม่ดีด้วยการทำสิ่งดีๆให้จนได้ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ตุ๊กคนจะทำไม่ได้ถ้าตั้งใจทำใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จะเป็นภูเขาไม่เป็นยอดหญ้าไม่ว่าใครหน้าไหนพูดอะไรเอาศีล 5 ไปจับถ้าไม่ใช่อย่าไปสนใจถ้าใจมุ่งสู่นิพพานแล้วอ.ขาถึงตุ๊กคนยังไม่เคยเคยไปบ้านสวนเลยแต่น้อมนำธรรมของอ.ไปรับปรุงตัวเองและครอบครัวตลอดอยากบอกว่ารักและคิดถึงอ.ต้องเป็นดังอ.ให้ได้ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มแต่แค่เสี้ยวหนึ่งก็ยังดีดีกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยมิใช่หรือ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-23 14:08:11


ความคิดเห็นที่ 125 (1565561)

ช่วงอาทิตย์นี้เกิดอารมณ์เบื่อหน่ายทางโลกมากเป็นพิเศษ เห็นอะไรก็เป็นทุกข์ไปหมด ทุกอย่างวนเวียนอยู่แต่เรื่อง

*****************************

เดิมๆได้มาอ่านโดยบังเอิน***หวนนึกถึง***พระพุทธองค์

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ...พ่อหลวงของเรา...ท่านดร.อาจอง

มาถึงท่านอาจารย์อุบล...และอาจารย์มงคล

ทุกพระองค์ท่านทรงเหน็ดเหนื่อยมามาก

***************************

คือว่าตัวอ๊อดเจอปัญหาคู่ครองแค่นี้**ก็เหนื่อย+ทุกข์ซะแล้ว

แต่พอได้อ่านขอความของคุณมหา***ก็ให้มีกำลังใจขี้นค่ะ**

ขอบคุณมากนะท่านมหา***เฮ้อ***มาช่วยไดทันเวลา***ขอบคุณอีกครั้ง***ค๊า

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-23 19:53:07


ความคิดเห็นที่ 126 (1565575)

พี่ออ๊ดเหมือนกันเลยเบื่อเหมือนแต่ทำอย่างไรได้เดินมาตั้งเยอะแล้วนะคะเป็นกำลังใจให้นะคะตุ๊กซิยุ่งมีหยังสั้งของลูกที่ต้องช่วยทำหานักแสดง+พิธีกรยังไม่ได้เลยส่งก่อนเปิดเทอมนี่แหละถ้าไม่ผ่านก็ไม่จบน้ำตาลทำอะไรก็ช้าเขียนพิมพ์ภาษาไทยไม่ค่อยแข็งแรงตัวแม่เองก็เหมือนกันพิมพ์ตกหล่นอยู่เรื่อยเลยขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะคะค้า สาธุๆๆอนุโมทามิกับทุกท่านเด้อ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-23 20:31:13


ความคิดเห็นที่ 127 (1565650)

นี่แหล่ะพี่อ๊อด มันปัญหาคลาสสิคมั่กๆ

คนมีคู่ ก็มี ทุกข์เรื่องคู่ครอง

ส่วนคนคี่ ไร้คู่ครอง ก็ทุกข์เพราะอยากจะมีคู่กับเขามั่ง..

ไม่รู้ว่า มี กับ ไม่มี แบบไหนทุกข์กว่ากันเนอะ...

แต่ที่แน่ๆ ทุกสิ่งทำให้เป็นทุกข์ได้ทั้งน๊านน..

ว่าแล้วก็เป็นกำลังใจให้กับคุณพี่อ๊อด พีตุ๊ก แล้วก็ตัวเองด้วย..นะค๊า

เพราะการจะหาจุดพอดี ให้ลงตัวทั้งทางโลกและ ทางธรรม

มันต้องปรับและต้องจูนหา"จุด" นั้นให้เจอให้ได้

ซึ่งอาจจะต้องใ้ช้เวลาและความอดทนสูงพอสมควร ก็ได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-24 07:01:19


ความคิดเห็นที่ 128 (1565706)

ที่ทุกข์เขากับเรากำลังเดินสวนทางกัน**จ๊ะน้องชนิดา

แต่ก็อย่างที่น้องชนิดาบอกต้อง**จูน**กันให้ได้

ต้องเดินคู่แบบคุณเหมี่ยว+ด.ช อมร

และอีกหลายคู่ที่ไปบ้านสวน

แล้วแบบนี้มีคู่ดี**หรื่อไม่มีคู่ดีจ๊ะ**น้องชนิดา**555+++

ส่วนน้องลูกตาลป้าอ๊อด**ขอบารมีพระพุทธเจ้า**

ขอให้ลูกตาลส่งงานผ่านฉลุย***นะจ๊ะ**

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-24 13:24:30


ความคิดเห็นที่ 129 (1565755)

 โมทนากับทุกท่านครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-24 19:21:10


ความคิดเห็นที่ 130 (1566263)

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะวันเสาร์ที่จะถึงนี้ไปวังน้อยอยุธยาไปเข้าค่ายคืน1วันพี่ไอซ์ จากน้ำตาล

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-28 21:57:18


ความคิดเห็นที่ 131 (1566289)

 

อันดับแรกผมต้องขอขอบคุณพี่หมอหมวยที่แนะนำให้ผมดูรายการคุยไปแจกไป (บ้านสวนพีรมิด)ของ อ. อุบล  และตอนนี้ดูได้2ตอน

แล้วครับ และก็ขอขอบคุณรายการคุยไปแจกไปของ อ.อุบล เป็นอย่างสูงเลยครับ ที่ทำให้คนโง่ คนเลว อย่างผม มีดวงตาที่เห็นธรรม

รู้จัก ดี เลว ผมขออนุโมทนาด้วยครับ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุขุม พรมอ่อน (sukhum_aztec-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-29 01:37:23


ความคิดเห็นที่ 132 (1568754)

ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์อุบลเจ้าค่ะ

และอนุโมทนาสำหรับญาติธรรมทุกท่านด้วยค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น จินตนา อัลลาร์ด(แขก) (jintana1963-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-11 10:56:15


ความคิดเห็นที่ 133 (1569411)

ขอกราบอนุโมทนาบุญในมหาธรรมทานของท่านอาจารย์อุบล และอนุโมทนาบุญทุกบุญ ทุกท่าน กับบุญบ้านสวนพีระมิดคะ...มยุรีพร.

ผู้แสดงความคิดเห็น นางมยุรีพร ภาชนะวรรณ (ma_parchanawan-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-13 14:51:58


ความคิดเห็นที่ 134 (1571826)

      ตอบแทนคุณ                 ชาติ +ศาสนา+พระมหากษัตริย์

นำทุกชีวิต ให้หลุด จากวัฏสงสาร นี้คือ หน้าทีของพวกเราทุกคน ชาวพุทธ

     ลูกบ้านสวนทุกคน

ผู้แสดงความคิดเห็น อมรา อุตม์ทอง (ammara_ut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 12:45:06


ความคิดเห็นที่ 135 (1572289)

 สาธุ อนุโมทนาในทุกธรรมทานครับ

มีเรื่องมาเล่าครับ

ทุกวันนี้ช่องทางบนอินเตอร์เน็ตนั้นสะดวกรวกเร็วในการเผยแผ่

สิ่งต่างๆมากมายทั้งดีและไม่ดี

ซึ่งลูกก็ตกเป็นเหยื่อของสื่อไม่ดีอยู่ไม่น้อย

และบนเฟสบุคก้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร

นับว่าเป็นหน้าสื่อที่กว้างพอสมควร

ใครจะด่าใครหรือชมใครจะทำอะไรก้ส่งไปถึงกันได้รวดเร็ว


ข้าพเจ้านี้บาปหนา  ชั่วช้า  ด้อยปัญญา

ก็ต้องจิตตกเพราะข้อความบนเฟสนี่แหละครับ

เพราะมีคนเขาโพสต์เป็นข้อความลอยๆเอาไว้ว่า

มือถือสากปากถือศีล  อิอิ  ก็มาคิดถึงตัวเอง  

ก็เป็นจริงดังเขาว่า

เบลล์ต้องขอบคุณเขา  เขาเป็นรุ่นน้องอิอิ

เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วสินะครับ

ที่จะกลับตัวกลับใจ

หรือจะพูดว่าไม่มีเวลาแล้วก็ว่าได้

เพราะเราเกิดดับตลอดเวลา

หากประมาทก้คือตาย

เบลล์ตายมาหลายรอบแล้ว

ยังรู้ว่าตัวเองเลวมาก


มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า

ถึงการที่เราได้ใกล้ชิดสิ่งที่สูงส่ง

แต่ไม่รักษาศีลห้า

ก็ยังไม่ดีเท่าคนที่รักาาศีลห้าได้

เออ  จริงแฮะ  เรานี่หลงตัวเองมานาน  อิอิ

นี่ความเลวของเบลล์

อีกทั้งยังขี้เกียจ

และปัญญาทึบ

อิอิ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 12:54:33


ความคิดเห็นที่ 136 (1572290)

 ฝันว่า  มีวิญญาณดวงหนึ่งมาขอบุญ  แต่กลัวมาก  ก้เลยนึกได้ว่า

ให้กำหนดจิตถึงพระ  พอหลังจากนั้นเขาก็ไป

หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าจิตเรากำลังแยกออกจากกาย

ในใจก็ลุ้นว่าต้องการให้วิญญาณออกจากร่าง

แต่ก็กินแฮ้วซะงั้น  อิอิ

จิตก็นึกเพียงว่าหากตายขอไปนิพพาน

มโนภาพก้มองไม่เห็นนิพพาน

แต่จิตมั่นใจว่าต้องไปนิพพานให้ได้  

จบ  สาธุ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 13:00:24


ความคิดเห็นที่ 137 (1576937)


อ.อุบล

 

จึงได้ธรรมะสั้นๆ ของหลวงพ่อเสงี่ยม

 

แล้วหันมาดูตัวเอง ทำตัวเองใหม่ ขืนเป็นอย่างเดิมต่อไป

 

ชีวิตย่ำแย่  แน่นอน  เพราะแต่ละวันเจอแต่สิ่งไม่ถูกใจ

 

เจอคำพูดไม่ถูกหู  ไม่ถูกใจ  ไม่ต้องตา

 

ใครว่าก็ไม่ได้  ศักดิ์ศรีเยอะ

 

ใครด่า  ก็ไม่ได้ ศักดิ์ศรี

 

ใครสอนก็ไม่ได้

 

อัตตา

 

 

แล้วใครล่า ที่ทุกข์

 

เราทั้งนั้นนี่หว่า  คนด่า  คนว่าเรา

 

เขาลืมไปแล้ว  เขาไม่ได้ทุกข์กับเราสักหน่อย

 

ไม่เอา ไม่เอา ต่อแต่นี้ เราจะเป็นภูเขา

 

เราจะเลิกเป็นยอดหญ้า

 

แต่เราต้องใช้ปัญญา  ที่ผ่านมา

 

เรามีแต่ปัญหา  เราไม่มีปัญญา

 

แต่ปัญญานี้

 

เป็นปัญญาของหลวงพ่อเสงี่ยม โอภาสี

 

ไม่มีลิขสิทธิ์  ใครอยากเลียนแบบก็ได้ ไม่ว่ากัน

 

ถึงนิพพานได้

แน่นอน

................................................

อนุโมทนา  สาธุ

ตั้งแต่วันจันทร์ที่4/10/54 จนถึงวันนี้6/10

โดนทดสอบใจตลอดเลย  ทำงานจะถูกบ้าง ผิดบ้างก็ยอมรับแต่

ถูกตำหนิแรงๆๆตลอดเลย จนคิดว่าเราจะทนใด้หรือป่าว

พอใด้มาอ่านกระทู้ของอาจารย์ ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ 

จะทำตัวให้เป็นภูเขา  ไม่ใช่ต้นหญ้า ที่โดนฝนเล็กน้อยก็เปียกก็เน่า

ก็ดีเหมือนกันค่ะจะใด้กลับบ้านนิพพานเสียที เหนือยเหลือเกินกับโลกมนุษย์

กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล 

กราบขอบพระคุณสมเด็จองค์ปฐม  พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอาจารย์ฤๅษีลิงดำ

ท่านท้าวเวสสุวรรณ และสิงศักดิ์ทุกๆๆพระองค์

สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รุ่งสุภารัตน์ รุ่งเรือง(ภา) (parungrueang-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-06 23:19:38


ความคิดเห็นที่ 138 (1580513)

ลูกจะขอทำความดี และติดตามพระพุทธองค์ อาจารย์อุบลกลับบ้านนิพพานให้ได้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-26 16:02:04


ความคิดเห็นที่ 139 (1580565)

ลูกได้มารู้บ้านสวนพีระมิดท่านอาจารย์อุบลช้ามากเหมือนลูกคนสุดท้องพึ่งไปบ้านสวนพีระมิดค่าย10เป็นครั้งแรกถึงจะช้ามันคงไม่สายใช่ไหมค่ะอาจารย์ลูกพึ่งมาอ่านเจอกระทู้นี้ต่อไปนี้ลูกจะทําใจให้หนักแน่นทําตัวให้เหมือนภูเขาเหมือนคําสอนของหลวงพ่อเสงื่่ยม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ  ท่านอาจารย์อุบล ถึงลูกจะอยู่ท้ายแถวสุดคนสุดท้ายลูกขอตามอาจารย์ไปนิพพานด้วยคนนะค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น น้้อย(บัวลอย สุดแดน) (bour_noy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-26 21:14:49


ความคิดเห็นที่ 140 (1582594)

หนูขอกราบอนุโมทนาบุญกับท่านอ.อุบลด้วยนะค่ะ

ลูกดีใจค่ะ และโขคดีมากค่ะ ที่ได้มาพบท่านอาจารย์

ได้รู้จักบ้านสวนพีระมิด ได้มีญาติธรรมที่บ้านสวนพีระมิด 

 และลูกจะดำเนินชีวิตตามที่ท่านอาจารย์สอนไว้นะค่ะ

   ความไม่ดี โลภ โกรธ หลงในตัวลูก จะได้หายไป

   และลูกคน จะขอตามท่านอาจารย์ ไปนิพพานด้วยคนค่ะ

           สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-08 13:28:35


ความคิดเห็นที่ 141 (1594335)

หนังสือ "คิดไม่ถึง" โดย พระมหาปสัณห์ ปิยธัมโม


หากมีคนตั้งปัญหาให้เราตอบ บางปัญหาก็ตอบได้ บางปัญหาก็จนด้วยปัญญา แต่ มีบางปัญหาพอเฉลยจึงรู้ว่าง่ายเหลือเกิน ทำให้รู้สึกว่า ทำไม เราจึง “คิดไม่ถึง”


พระพุทธศาสนาเน้นพิเศษเรื่องสอนให้คนคิด ไม่ใช่คิดมาก แต่เป็นการคิดด้วยสติปัญญาค้นหาความจริง เพื่อประโยชน์แห่งจิตใจที่มืดบอด

เรื่องบางเรื่องเราอาจไม่เคยคิดและยังคิดไม่ถึงมีมากมาย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความตายด้วย คนมักไม่กล้าคิด ถือกันว่าเรื่องไม่เป็นมงคล“คิดถึงความตายมันสบายนัก มันหักรักหักหลงในสงสาร”

“คิดไม่ถึง” เล่มนี้ เขียนขึ้นเพื่อเป็นอุบายธรรม อานิสงส์มีแค่ไหน ใจคุณผู้อ่านย่อมรู้เอง “ปัจจัตตัง”


พระสวด
“กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา...”
พระสวดไป ใจยังวุ่นวาย รับรู้ไม่ได้ว่าท่านสวดอะไร คงสวดให้ผู้ตายฟัง เรานั่งเฉยๆ ก็พอ ฟังพระสวดเพื่อมารยาท คงพลาดอานิสงส์ ใจคงไม่เข้าใจ ถ้าฟังไป ภาวนาไป ใจคงเห็นความจริง ว่าที่นอนนิ่ง ๆ นั้นมิใช่ใคร คนเคยมีหัวใจเช่นเรา วันนี้เป็นโอกาสเขา “พรุ่งนี้อาจเป็นโอกาสเรา”


เคาะโลง
เสียงเคาะโลง มีเสียงพูดเบา ๆ จากผู้เคาะว่า”รับศีลนะ ทานข้าวนะ ฟังพระสวดนะ” ทำไปเพื่ออะไร หรือเพียงแค่เคยทำตามกันมา หรือว่า “เคาะประชดคนเป็น” ในยามมีชีวิตอยู่ เตือนแค่ไหน ก็เตือนเถิด ดูเหมือนไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้ ในยามนี้ เตือนไปก็คงไร้ความหมาย คนตายจะไปรับรู้อะไร
เคาะเตือนคนเป็น ให้เห็นถึงความจริง ว่า “สิ่งที่ดีเร่งขวนขวาย”
วัว ควาย ช้าง ม้า ยามมันมรณาประโยชน์ได้ มนุษย์นี่ซิเน่าเปื่อยสูญเปล่าไป ดีชั่วที่ทำไว้ส่องให้โลกเห็น

อาหารหน้าโลง
ชีวิตใครบางคน ถ้าไม่ตาย ก็คงไม่มีใครให้ความสนใจมากมายเช่นนี้
อาหาร ผลไม้นานาชนิดจัดเรียงรายด้านหน้าโลง สิ่งใดที่ผู้ตายชอบใจ แพงแค่ไหนก็แสวงหามา เพื่อเป็นเครื่องเซ่นแด่ดวงวิญญาณ ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ในยามผู้ตายมีชีวิตอยู่ เราคงได้เห็นสีหน้า และได้รับคำขอบใจ อาหารก็ยังคงเป็นประโยชน์ แก่ผู้รับด้วย แต่เวลานี้ ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง คงอยู่สภาพเดิม บุคคลที่จะรับวัตถุสิ่งของเรา ขณะนี้เขาไม่รับรู้อะไรแล้ว หรือว่าทำไป เพียงเพื่อสนองความรู้สึกเราในยามมีชีวิตถ้าเราแสดงออกซึ่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กันคงจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าเหตุการณ์ “อาหารหน้าโลง” เป็นแน่

ชุดสีดำ
ในยามสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือญาติมิตร คงไม่มีใครคิดที่จะดีใจ พกพาความสุขและรอยยิ้มหรอกนะ สีดำ เป็นสีแห่งความทุกข์ โลกให้ความหมายไว้เช่นนั้น ในยามมีงานศพ เรามักพบแต่คนใส่ชุดสีดำส่วนมาก บ่งบอกว่า “กำลังไว้ทุกข์” ความจริงแล้วความทุกข์ของคน ใช่ว่าจะมีเรื่องความตายสิ่งเดียวนั้นหาได้ไม่ “การเกิด การแก่ การเจ็บ ความผิดหวัง” สิ่งเหล่านี้ก็คือความทุกขทั้งสิ้น การใส่ชุดสีดำมางานศพเพื่อบอกว่าเป็นการไว้ทุกข์ เป็นการทำตามประเพณี แต่ถ้าจะให้ดีต้องไว้ทุกข์ด้วยใจ เพ่งถึงสภาวะความพลัดพราก ความไม่แน่นอน และบอกตัวเองว่าเหตุการณ์เช่นนี้ คงต้องเกิดขึ้นกับเรา

ทอดผ้าบังสุกุล
เสียงพระบริกรรม ในขณะพิจารณาผ้าบังสุกุลว่า... “อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน อุปปัชชิตตะวา นิรุชฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโข” แปลความว่า“ร่างกายนี้หนอ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกสลายไป ตั้งอยู่และแตกสลายไป เป็นธรรมดา การพิจารณาร่างกายให้เห็นเป็นธรรมดา นั่นแหล่ะหนา “คือ ความสงบสุข” บทพิจารณาบทนี้ ถ้ามีในใจใคร ถ้าสิ้นลมหายใจไป ดูไม่จำเป็นที่จะให้พระรูปใดต้องมาพิจารณา แต่... ดูเหมือนว่า คนไม่กล้าพิจารณา เพราะกลัวว่า “จะตายไว”

โปรยทาน
ภาพคนหมู่มากที่มาร่วมงาน วิ่งกันวุ่นเพื่อเก็บเหรียญบาทที่เจ้าภาพโปรยทาน แต่มีคน ๆ หนึ่งนิ่งเฉย ไม่สนใจว่าใครจะยื้อแย่ง หรือต้องการสิ่งใด ไม่สนใจแม้กระทั่ง เหรียญที่กระเด็นเข้ามาใกล้ตัว คงสงบนิ่งเฉยเสีย ปล่อยให้คนเหล่านั้น เก็บเอาตามอำเภอใจ เขาคนนั้นมิใช่ใคร ก็คือคนที่หมดลมหายใจ นอนในโลงบนเมรุ
อะไรปิดหัวใจไม่ให้คิดว่า.. ชีวิตเขา กับชีวิตเรา มันต่างกัน หรือเหมือนกัน ภาพนี้ควรคิดยิ่งนัก สำหรับคนเป็น

ดอกไม้จันทน์
ดอกไม้จันทน์นับพันดอก ที่เหล่าญาติมิตรวางไว้เพื่อไว้อาลัยกับการจากไปของบุคคลที่ตนรัก
บางคนวางลงพร้อมน้ำตา ในใจบ่นว่า “ไม่น่าเลย”
บางคนวางลงพร้อมเสียงร้องไห้ ในใจบ่นว่า “ทำไมต้องตายด้วย”
บางคนวางลงพร้อมด้วยสลดใจ ในใจบ่นว่า “เราก็จะเป็นเช่นคุณ”
บางคนวางลงพร้อมใจสงบนิ่งใจใจ “ไม่ได้คิดอะไรเลย”
ดอกไม้จันทน์ดอกนั้น ไม่คู่กับตัวฉันในวันนี้ แต่ ...จะคู่กับฉันในวันที่ฉนสิ้นลมหายใจ

เหรียญบาทในปากผี
การกระทำที่เกิดจากความคิด หวังให้ผู้ตายได้มีเงินใช้ จึงปรากฏเหรียญบาทในปากผี มนุษย์ผู้มีสติปัญญา มองเห็นว่า...นี่หนามนุษย์ในที่สุด...แม้เงินที่ใส่ไว้ในปาก ก็ไม่อาจเอาไปได้ แต่..ทำไมหนอ ชีวิตทั้งชีวิต จึงบ้าแต่กับคำว่า “เงิน” อยู่ตลอดวันตลอดคืน “เงิน” คือ พระเจ้า ที่สามารถดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ไม่อาจดลบันดาลให้มนุษย์พบแสงสว่างแห่งความจริงได้ว่า “ชีวิต คือ ความทุกข์” เพราะว่า...เงิน คือ สิ่งที่โกหกมนุษย์อยู่ตลอดเวลาว่า... “ชีวิต คือ ความสุข”

ดูหน้า... ครั้งสุดท้าย
ต่างอยากเห็นหน้าว่า เวลานี้ เจ้าเป็นเช่นไร พอเปิดโลงไป ทุกคนต่างเมินหน้าหนี ถึงจะสวยงดงามดังเทพี ก็คงไม่มีใครที่จะสนใจเจ้า ดูหน้าศพแล้วย้อนดูหน้าเรา คนมีชีวิตเขลาหรือไม่หนอ พยายามเสริมแต่งตามคำยอ เพื่อลวงล่อให้คนชม แท้ที่จริงเห็นความจริงมั้ย ว่าสวยสักปานใด พอเปิดโลงไป ทำไมต้องเมินหน้าหนี “ความสวย คง แพ้ความดี” พึงทำให้มีดีจะสวยตลอดกาล

กลิ่นศพ
ในสมัยยังมีชีวิตอยู่ สู้แสวงหาเครื่องสำอางที่มีราคา เพียงเพื่อว่า .. ให้ร่างกายข้าสวยสดงดงาม มาบัดนี้...เพียงสิ้นลมไม่กี่นาที กลิ่นที่ดีก็สูญสิ้นไป คนเคยชมเจ้าว่า..งามสง่า กลิ่นกายาเจ้าแสนหอม คนเคยยื้อแย่งและรุมตอม มาบัดนี้...จ้างก็ไม่ยอมเข้าชิดกายา แถมยังบ่นว่า..เจ้าช่างเหม็นจัง คิดบ้างเถอะว่า... อย่าบ้าไปกับสังขาร อย่าหลอกตัวเองเลยนาคราญ อีกไม่นานก็ทุเรศสิ้นดี เพียรสร้างตัวให้มีแต่ความดี กลิ่นเจ้านี้ก็จะหอมมั่นคง ชั่วนิจนิรันดร์ โดยไม่มีวันจืดจาง

เมรุ
“เมรุมาศสวยบาดตา รู้มั้ยว่าเราไว้ทำอะไร...”
ชีวิตก็แค่นี้ ถ้าไม่ฝังก็เผา เราเคยเดินขึ้นเมรุเพื่อวางดอกไม้จันทน์ นับครั้งไม่ถ้วน วางดอกไม้ลง ปลงใจไม่ได้ว่า
“เราก็จะเป็นเช่นเขา” เดินลงจากเมรุเริ่มคิดโครงการ ถึงเรื่องงาน และเรื่องเงิน คิดจนเพลินจนลืมคิดว่า “คนเราไม่พ้นเมรุ”

ไฟ
ไม่กี่นาที ร่างกายนี้ที่ไร้วิญญาณ ก็ถูกไฟเผาผลาญ จนเป็นเถ้าถ่านโดยสิ้นเชิง แต่นั้นไฟมันเผาตอนตายแล้ว ในตอนที่มีชีวิตอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “มนุษย์ที่ยังไม่พ้นจากกิเลสตัณหา ไฟโทสะ ไฟโมหะ ไฟโลภะ ไฟราคะ เผาอยู่ตลอดเวลา” ยอมไม่ได้ ให้อภัยไม่ได้ รู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก จมปลักกับกระแสแห่งโลกีย์ จนใครๆเตือนไม่ได้ ปรารถนาจนนอนไม่หลับ ดูซิ... ถูกเผาแค่ไหน น่าสงสารใจดวงนี้จัง

กระดูก
สัปเหร่อบรรจงเก็บกระดูกใส่ถาด เพื่อนำไปเก็บไว้ มองดูไม่เห็นมีอะไร คงเห็นเพียง “เศษกระดูก”
ชีวิตคนถ้ากระดูกจะมีค่า ก็ต่อเมื่อชีวิตทั้งชีวิตเป็นคนดี ถ้าไร้ซึ่งความดี กระดูกกองนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับกระดูกของสัตว์ บางครั้งยังสู้กระดูกสัตว์ไม่ได้ เห็นกองกระดูกในถาด อาจเห็นธรรมในใจได้ถ้าคิดเป็น
ไม่สักแต่ว่าเห็น ว่านั่นคือกระดูกคน

ที่เก็บกระดูก
ยามมีชีวิตอยู่ ใครก็รู้ว่าที่อยู่เจ้าใหญ่โต มาบัดนี้ ที่อยู่เจ้าช่างคับแคบเหลือเกิน แสวงหา กอบโกย คดโกง ต่อสู้เพื่อให้ได้มาทุกวิถีทาง ในที่สุดแห่งชีวิต “ก็...แค่นี้” ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม

ฝากไว้สะกิดใจ
คนที่ไม่เคยบอกความจริง
กับชีวิตตัวเองว่า “เดี๋ยวก็ตาย”
เป็นคนที่น่าเป็นห่วงยิ่งนัก
คนที่ไม่ยอมรับความจริง
บนความจริงที่ปรากฏกับชีวิต
เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในโลก

ฝากไว้ให้ใจคิด
ดำรงชีวิตอยู่เพื่อความสงบสุข
รู้จักพอ รู้จักละ รู้จักทำใจ
ยิ้มให้ได้ บอกตัวเองเสมอ ๆ ว่า
“เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี
สร้างความดี สร้างคุณธรรม
ไม่ใช่เกิดมาเพื่อสร้างบาปกรรม”
“ใจดวงนี้วุ่นวายไม่ได้
คิดมากไม่ได้”
“ในเมื่ออีกไม่นาน เราก็จะตายแล้ว”

ละครปิดฉาก
ละครชีวิตที่มนุษย์รับบทบาทการแสดง
เมื่อถูกปิดฉากลงด้วย“ความตาย”
ละครบทนั้นก็กลายเป็นภาพอดีตทันที
วันนี้ ตัวละครดูไม่ต่างอะไรกับท่อนไม้
ไร้ความรู้สึก ไร้แม้คนต้องการ
นี่แหละละครชีวิตจริง

อนุโมทนากับผู้เขียนด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กัลยาณี ทิมขาวประเสริฐ (ktkanlayani-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-01-26 03:15:27


ความคิดเห็นที่ 142 (1601897)

กราบ กราบ กราบ

พระบิดาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 องค์พระสมัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

อาจารย์อุบล

ที่ทรงประทานคำสั่งสอน

และประสบการณ์

ให้ลูกๆคิดได้ และลูกขอใช้

เป็นแนวทางในการที่จะขอตามไปนิพพาน

โดยการรักษาศีล 5

ลูกจะขอนึกถึงพระพุทธเจ้าไว้เสมอ

และจะทำให้พระองค์

รับทราบว่า

เรารักและเครพพระองค์ จริง ๆ

นั่นคือ

รู้จักให้ผู้อื่น

ละความโลภ+ อยากได้

แบ่งปันผู้อื่น

ไม่ตะหนี่ถี่เนียว

ทำตัวปกติ

อย่างที่เราอยากให้ผู้อื่นทำกับเรา

ทำใจให้เป็นปกติ

ไม่เครียด ไม่ทุกข์ ไม่วิตก

กายปกติ+ใจปกติ

ทำตัวเหมือนภูเขา ไม่ใช่ ต้นหญ้า

ไม่โกรธ ไม่เดือดร้อนไม่กังวล

ไม่ทุกข์ กับ ใคร ว่าเขาเป็น

มีนิสัยอย่างไร

จิตรทรง อุเบกขา

ไม่ตื่นเต้น ไม่ตกใจ

ไม่ฟูมฟายนิ่งเข้าไว้

ลูกจะจำไว้จนทุกลมหายใจเข้าออก

และสิ้นลมหายใจ

เพราะลูกรู้การทำแบบนี้

จะมีความสุขมากๆค่ะ

การมีเงินทองมากมายก็ซื้อความสุขนี้ไม่ได้ค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัคจิรา มากเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-13 08:55:57


ความคิดเห็นที่ 143 (1602483)

กลับมาอ่านข้อความอีกครั้ง

ความรู้สึกที่มีในตอนนี้คือ

ขอน้อมจิตกราบเท้าท่านอาจารย์งามๆสัก ๑ ชั่วโมง ให้จิตลูกซึมซับสิ่งดีๆ

บอกไม่ถูกค่ะ

คิดถึงอาจารย์ตลอดเวลา

ขอบคุณทุกๆอย่างที่ทำให้

มีสุกันยา ในวันนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น สุกันยา จรพินิจ (g-dot-greengreen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-16 11:28:43


ความคิดเห็นที่ 144 (1602490)

ลูกขอกราบพระบาทพระพุทธองค์

เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ ท่าน อ.อุบล

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

จากเป็นคนที่เห็นแต่ความผิดของผู้อื่น

ตัวเองผิดน้อยมาก  รวมทั้งความคิด

ของตัวจะถูกมากกว่าคนอื่น   มาตอน

นี้ ตั้งแต่ได้รู้จัก ท่าน อ.อุบล  ตัวลูก

รู้จักมองตัวเองมากขึ้น เห็นแต่ความ

ผิดพลาด อยากแก้ไข  เห็นคนอื่นทุกข์

จะเป็นห่วงเป็นใยเป็นกำลังใจ  เริ่มเห็น

ธรรม  และคำว่า อุเบกขา  รู้จักและเข้า

ใจคำนี้เป็นอย่างดี  ลูกจะพยายามทำ

ความดี รักษาศีล ถึงจะค่อยๆ ดี ก็จะทำ

ลูกขอกลับบ้านนิพพานในชาตินี้อีกคน

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-16 12:20:51


ความคิดเห็นที่ 145 (1620867)

 

กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบลที่ลูกและครอบครัวได้มีโอกาสได้ทำความดีและได้พบธรรมมะเป็นธรรมทานได้รู้จักกับการรักษาศิล5ให้บริสุทธิ์ การทานอาหารมังสวิรัติ การใช้แรงกายสร้างบุญบ้านสวนพีระมิดและวิธีการทำทาน ต่างๆเช่นการทำสังฆทาน การสร้างวิหารทาน การสร้างธรรมทานและทานที่ยิ่งใหญ่เหนือทานทั้งปวงคืออภัยทาน

ผู้แสดงความคิดเห็น อนุชิต รัตนวรรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-23 07:55:44


ความคิดเห็นที่ 146 (1621119)
image

จุดเริ่มต้นของการมาบ้านสวนพีระมิด บันไดสู่นิพพาน

ไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม

     เมื่อก่อน ไม่เคยคิดว่า อยากจะไปนิพพาน เลย จนกระทั่งได้มารู้จักธรรมมะ ที่หลวงพ่อฤาษี นำมาสอนให้คนไปนิพพาน ตอนนั้นผมเองทานก็ยังพร่อง ศีลก็ยังพร่อง สมาธิก็ยังพร่อง ทำทั้งบุญและบาปสลับกันไป ยังไม่มีเป้าหมายที่แน่นอนว่าอยากไปนิพพานจริงๆ ขอแค่เป็นพระโสดาบันให้ได้ ก็พอแล้ว 

     เพราะยังไม่เห็นโทษของการเกิดจริงๆ กำลังใจยังน้อย ไม่ลงอบายภูมิก็เกินพอแล้ว หวังไว้แค่นั้น เพราะหลายๆ อย่างก็ยังทำไม่ได้ จนเมื่อวันนึง ได้ประสบเคราะห์กรรม เป็นโรคร้าย ชีวิตคาบเกี่ยวความตาย คิดตลอดเวลา ว่าทำไม ชีวิต มันช่างทุกข์แบบนี้ การมีร่างกาย เดี๋ยวก็ต้องเจ็บป่วย ต้องเจอเรื่องกระทบ ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ 

     ตอนนั้นคิดว่าคงไม่รอดแล้ว นึกถึงพระพุทธเจ้า เพราะเคยฟังเทปหลวงพ่อ เรื่อง มัทฏกุณฑลีเทพบุตร ผู้ที่ทำบาปมาตลอดชีวิต แต่จิตสุดท้ายเกาะเกี่ยวพระพุทธเจ้า ทำให้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

     เมื่ออาการดึขึ้นก็กลับมาทำบาปอีก เหมือนว่า มันเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ แพ้กิเลสตลอด ทำบุญอย่างมาก ก็แค่ทาน มีสร้างสมเด็จองค์ปฐม สร้างวิหาร สร้างอะไรที่ไหน ทำหมด แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาศีลได้อย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่ในใจก็หวังนิพพานไว้ แต่มันแพ้กิเลสตลอด 

     จนได้มารู้จักท่านอาจารย์อุบล บ้านสวนพีีระมิด จึงมีเป้าหมายของการไปนิพพาน ที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะถ้าเราไม่ถึงนิพพาน โอกาสจะกลับไปเวียนว่ายตายเกิด ลงอบายภูมิ มีสูงมาก จึงเริ่มมารักษาศีลอย่างจริงๆจังๆ เมื่อก่อนไม่เคยทราบเลยว่าศีลนั้น ละเอียดขนาดนี้ แค่ศีลทางกาย หยาบๆ ยังรักษาไม่ได้เลยครับ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด แต่ก็แอบเข้าข้างตัวเอง นิดหน่อยไม่เป็นไร

     บททดสอบที่ทำให้เราอยากไปนิพพาน เพราะเป็นที่ๆ ไม่ต้องลงมาเกิดอีก มานั่งคิด ถ้าชีวิตเราไม่เจอความทุกข์ เจอแต่ความสุข คงไม่มีคำว่า นิพพานอยู่ในความคิดแน่นอน "ต้องขอบคุณ ความทุกข์ ที่ทำให้เรา เบื่อหน่ายการเกิด เพราะเกิดอีก ก็ต้องเจอทุกข์อีก" อีกทั้งความทุกข์ ยังทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น

คุยไปแจกไป มีรายการแบบนี้ด้วยหรือ

     วันนั้นจำได้ว่าเพิ่งกลับจากเที่ยวกลางคืน ไม่คิดเลยมันจะมาประติบประต่อกับรายการคุยไปแจกไปได้ยังไงหนอ

     วันนั้นที่กลับมาเวลาประมาณ เที่ยงคืนกว่าๆ เห็นจะได้ครับก็เปิด จานดำ เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จนมาเจอ รายการคุยไปแจกไปเห็นหลวงพ่อฤาษีฯ ก็เลยดูไปเรื่อย ก็พบ ผู้หญิงคนนึง คือท่านอาจารย์อุบล แห่งบ้านสวนพีระมิดก็ดูไปเรื่อยๆ ท่านอาจารยก็เขียนว่า ตัวเองเป็นคนโง่ ชั่ว บาปหนา รับปรีกษา เฉพาะ พวกเดียวกัน เป็น วินาที แรกที่สะดุดเลยครับ แปลกใจมากๆ ว่ามีคนแบบนี้ด้วยหรือ ปรกติ จะไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองไม่ดีเลย มีแต่ จะเก็บงำ สิ่งที่ไม่ดีไว้ไม่ให้ใคร เปิดดู เห็นการบำบัด เราก็เอะ มีแบบนี้ด้วยหรือ แต่ทุกคนที่มาบำบัด ต้อง สารภาพความจริงทุกอย่าง ทั้งบาป ที่ทำโรค ที่เป็น ไอ้เราก็เป็นโรคที่ไม่ค่อยอยากเปิดเผยให้ใครรู้เสียด้วยสิ เอาไงดีหว่า ก็เลยติดตามเรื่อยมาครับ ติดตามรายการอยู่เป็นปี แต่ก็ไม่กล้ามา 

ความอยาก มากกว่า ความกลัว

     จนวันนึงท่านอาจารย์บอกว่า วันมาฆบูชา จะเป็นวันที่สาวก ของพระพุทธองค์ จะมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ตัวผมเอง ถึงรู้ว่าศีลก็ยังพร่อง บาปกรรมก็ยังมีมาก แต่ก็เอาน่ะ ยังไงก็ต้องไปให้ได้ รวบรวมความกล้าอยู่นานครับ เพราะวันนี้ คงไม่ได้มีการบำบัด ไม่ต้องสารภาพบาป แอบติดตามรายการมาตั้งนาน อยากไปดูสักครั้งนึง เพราะว่า ที่นี่ ทำบุญก็ได้บุญแรง เห็นบางคนถอนหญ้า อาการนิ้วล๊อคหาย เราก็คิดว่า ถ้าได้ไปทำบุญบ้าง อาจจะหายกับเขาบ้าง พบท่านอาจารย์อุบลครั้งแรก กลัวจริงๆ ครับ กลัวอาจารย์รู้ว่าเราเป็นอะไร ทำอะไรมา แต่ก็ยังอยากมา เพราะ "ความอยากมากกว่าความกลัว"

     ครั้งแรกที่ไปก็ไปกับคุณแม่ครับ ท่านอาจารย์ก็เรียกไปนั่งใกล้ๆ ก็เกี่ยงให้แม่ไปนั่ง สุดท้ายก็ได้นั่งข้างๆท่านอาจารย์ แล้วท่านก็ถาม ทำไมถึงมาหาอาจารย์ อาจารย์เป็นผู้หญิงนะ ผมก็ตอบว่า พระพุทธองค์ไม่ให้วัดคนที่เปลือก ประมาณนี้น่ะครับ ท่านก็บอกว่า นี่แหละ สาวกของพระพุทธองค์ ตัวจริงเสียงจริง เราก็แอบดีใจครับ คิดว่า ความดีเราเพียงพอแล้วมั้ง แต่ต้องติดตามต่อไปครับ ไอ้ที่เรา มั่นใจแล้วนั้นจะเป็นยังไง

เวียนเทียนนรก สุดแสนประทับใจ 

     หลังจากที่ได้ร่วมบุญแรงกายแล้ว คุณแม่ก็ชวนกลับบ้าน ก็มีการแจ้งว่า จะมีการเวียนเทียน เราเองก็อยากอยู่ต่อมากๆ จึงอฐิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ขอให้ลูกได้อยู่ต่อทีเถอะ สุดท้าย แม่ก็ยินยอมครับ

     จนมาุุถึงช่วง เวียนเทียนเราก็นึกว่า จะให้เดินวนรอบวิหาร เพราะ มีการแจกดอกบัว ที่ไหนไ้ด้ เป็นการเวียนเทียนที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน นั่นก็คือ การเวียนเทียนนรก แอบคิดในใจ มันจะเป็นยังไงหนอ แอบคิดในใจ อย่างเราคงไม่ตกนรกหรอก สร้างพระ ทำทานตั้งเยอะแยะ

     จนท่านอาจารย์อุบล อัญเชีญไฟนรกเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีอาการร้อนนะครับ แต่มีอาการปวดหัว หนักมากๆ เลยคิดว่า คงต้องออกไปสารภาพบาป แรกๆก็มีผู้กล้านำทัพไปก่อนไอ้เราก็ค่อยๆ เนียนๆ ตามเขาไป คิดว่ายังไงก็มีเพื่อนล่ะนะ

     ไล่มาทีละขุม เราก็ออกไปทุกขุมครับ เพราะ ปวดหัวไม่หาย จนถึง ขุมสุดท้าย คือ แกนของโลก ปรากฏว่าที่เรามั่นใจมาตลอดว่า เราืำดีแล้ว ไม่น่าจะตกนรกหรอกน่ะ ทำทาน บ่อยๆ ที่คิดมานั้นผิดหมด ยิ่งท่านอาจารย์บอกว่า คนที่ไปโลกันต์ หรือแกนของโลก จะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เราเองก็ สะดุ้งเฮือกเลย

     เริ่มสำนึกเลยว่าเราเลวจริงๆ ส่วนผลกรรมที่ทำให้ต้องไปเป็นแกนของโลก คิดว่าเป็นการล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และผิดศีลอย่างตั้งใจ และบ่อยด้วย นั่นก็คือ

- เคยสงสัยว่าทำไม ในหลวงท่านไม่ออกมาห้าม ในช่วงที่เสื้อเหลือง เสื้อแดงทะเลาะกัน

- สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า,ปรามาสพระอริยสงฆ์ เช่นหลวงตาทำผ้าป่าช่วยชาติ ก็ไปสงสัยอีกว่าทำไม พระมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง (โง่สุดๆ เราก็เป็นคนไทยไม่เคยทำตนให้เป็นประโยชน์อย่างท่าน ยังไปตำหนิท่านอีก)

- หลวงพ่อจรัญ สอนยุบหนอพองหนอ ภาวนาอะไร ไม่รู้ไม่เห็นเหมือนที่เราทำเลย

- ดูหมิ่นศาสนาอื่น ว่าสอนไปแค่สวรรค์ ศาสนาพุทธสิ ที่สุดแล้ว

- สงสัยท่านอาจารย์อุบล ว่า ทำรายการขายเครื่องสำอางค์

     วันนั้นเหลือผมเป็นคนสุดท้าย สารภาพไป ที่นึกไม่ออกก็มี แต่ก็ แค่ไหน แค่นั้นน่ะครับ

     ซึ่งวันนั้นก็เป็นวันที่เกิด คดีดาวลูกไก่ ที่ฮือฮา ในเวปด้วย แอบคิดในใจ เมื่อไหร่จะได้กลับบ้านสักทีนะ ตีหนึ่งแว้ววววว

เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไปครับ    

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-24 18:12:15


ความคิดเห็นที่ 147 (1621128)

ตอนต่อไป ของเอิ้นนี่

พักนานจัง นะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-24 20:02:08


ความคิดเห็นที่ 148 (1621230)

 มาแล้วครับ จริง เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างปีกว่าเยอะมากๆ จะทยอยเขียนไปเรื่อยๆครับ

***

มารยาท - กฎสวรรค์ - เสื้อบ้านสวน

     เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มาบ้านสวนโดยที่ไม่ได้ขออนุญาติครับ เห็นในทีวี เขียนว่า สามารถมาร่วมบุญได้ทุกวัน เราก็คิดเอาเองว่า ที่นี่คงเหมือนวัด โดยไม่คำนึงถึงเรื่องมารยาทเลย ว่าการที่เราจะไปบ้านใคร ต้องขออนุญาติก่อน ก็เลยมาทำบุญแรงกายกับคุณแม่เหมือนเดิมครับ

     ปรากฎว่ากลับไป คุณแม่ก็มีอาการนิ้วล๊อค ส่วนผมเองก็มีอาการคันหัว เพราะ ลืมไปว่าเอาเสื้อบ้านสวนไปไว้กองๆ กับ ผ้าที่จะไปซักแถมดันอยู่ต่ำด้วย เลยเป็นเรื่องเลย ก็จึงมาขอขมา ซึ่งตอนนั้นก็มีกฎว่า ถ้าจะขอขมา ก็ต้องกราบ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ เพราะเราก็คิดซะว่ากราบพระ

     หลังจากวันนั้น คุณแม่ก็ไม่กล้ามาอีกเลย คงกลัวจะทำผิดอีก ส่วนผมเองก็ยังมาอยู่เรื่อยๆ ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากมา เพราะอยากมาสร้างบุญเรื่อยๆ แต่เรื่องสารภาพบาป ยังไงๆ ก็ยังไม่กล้าครับ คือคิดว่า หายไม่หายก็ไม่เป็นไร มาสร้างบุญ ไปเรื่อยๆ แล้วกัน เผื่อจะฟลุค แต่ รู้สึกว่าแรกๆ มา ไม่ค่อยมีแรง เพราะไม่เคยทำงานอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

     ตอนนั้นจำได้ว่าที่มีการขนหินคลุกไปไว้ที่หน้าบ้านสวน แดดร้อนมากๆ ร้อนขนาดที่ว่า ตัวระอุ ยิ่งเป็นคนผอมอยู่แล้ว เหมือนเอาน้ำไปวางกลางแดดเลย แต่เราก็สู้ คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ ซึ่งตอนนั้นไม่ค่อยได้รู้จักใครเลยครับ ไปก็ไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไหร่ จำได้ว่าตอนนั้น รู้จักพี่แมว พี่เขายังบอกเลยว่า ชื่อเอิ้น เป็นคนลาวหรอ ผมก็บอกว่าปล่าวครับ เป็นคน กทม. ครับ

แค่อนุโมทนาหน้าจอ ก็หายได้

     หลังจากที่กลับจากบ้านสวนก็ยังเกาะติด รายการคุยไปแจกไป เป็นประจำ ท่านอาจารย์อุบลก็บอกว่า แค่อนุโมทนาหน้าจอ ก็หายได้ ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน อาจจะเกิดจากการที่ชอบคุยโทรศัพท์ นินทา คนโน้น คนนี้ พูดจาเหน็บแนม เราก็เลยลองอนุโมทนาดูก็หายจริงๆ นะครับ แต่นานๆ ทีกลับมาเป็นใหม่เพราะเรายังไม่หยุดสร้างเหตุ คือ ยังมีการนินทา คุยโทรศัพท์กับเพื่อน อยู่ บางทีเพื่อนก็น้อยใจ ว่าทำไมไม่โทรมาเม้าท์กันเหมือนเดิม แต่เราเองก็ต้องพยายาม ลด ละ เลิก เพื่อจะได้ไม่เป็นการผิดศีล ซึ่งตอนนั้นก็ คิดแค่ ไม่โกหก ก็พอแล้ว เรื่อง กรรมบท 10 ทางวาจา คิดว่ายังทำไม่ได้ครับ

บ่อน้ำปิรามิด ความหวังของคนไม่อยากสารภาพบาป

     หลังจากที่กลับจากบ้านสวนฯก็กลับมาดูรายการคุยไปแจกไปก็ได้เห็น พี่อ้อย ทางทีวีที่ท่านอาจารย์พูดถึง บ่อน้ำปิรามิดนี้ สำหรับคนที่ไม่อยากสารภาพบาป

     ได้ยินแบบนั้นก็ ตาลุกเลยครับ ตั้งใจว่าจะไปขุดเต็มที่ คราวนี้ไปแบบถูกกฏ คือ ขออนุญาติ ทางหน้าเวปไซต์ แต่ช่วงนั้นก็ ยังไม่ค่อยมีแรงนะครับ ขุดได้ 4 บุ้งกี๋ก็เหนื่อยแล้ว นั่งพัก แล้วก็มาขุดต่อ ซึ่งวันนั้นก็เป็นวันแรกที่ได้เจอ พี่ธนา ครับ

     รู้สึกว่าวันนั้น จะมีพิธีอะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจว่าปิดบัญชีนรก หรือเปล่า แต่คุณแม่ก็กลัวจะดึกเหมือน วันที่เวียนเทียนนรก น่ะครับ เลยขอตัวกลับบ้านก่อน 

ศีล 3 ชั้น ที่เรามองข้ามไป

     ก่อนที่จะมารู้จักบ้านสวนฯ ก็ได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีฯมาโดยตลอดครับ ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง อย่างศีล ก็ รู้จักแต่ศีลขั้นหยาบๆ แค่ทางกายเท่านั้น ทั้งๆ ที่เราก็ เคยท่องอยู่ว่า กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ส่วนเรื่องกรรมบท 10 นั้น รักษาไม่ค่อยจะได้เลยครับ

     ยิ่งเรื่องพูดมาก พูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระ นี่ ทำเป็นกิจวัตรเลย ปรกติจะมีเพื่อนคนนึง สนิทกันมากๆ คุยกันทุกวัน เม้าท์คนโน้น คนนี้ เป็นโรคติดโทรศัพท์ เคยคุยกันต่อเนื่อง ตั้งแต่ 10 โมง ยัน 5 โมง (ไหนๆก็ใช้โปรโมชั่นโทรฟรี ก็โทรให้มันคุ้ม จริงๆแล้วไม่คุ้มหรอกครับเพราะต้องเอาเงินมาซื้อยาแก้โรคกรดไหลย้อน 55+) แถมต้องลงนรกอีก

     เข้าเรื่อง ศีล 3 ชั้น เพิ่งจะมาเข้าใจก็ ที่บ้านสวนนี่แหละครับ บางทีเราคิดว่าแค่  ไม่ลงมือทำก็ไม่น่าจะบาป เนื่องจากขาดปัญญา

     ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เราถึงตกนรกเพราะ มโนกรรมเป็นกรรมที่ผมเองก็ทำบ่อย เวลาใครทำให้เราโกรธนี่แช่งเลยครับ เช่น เมื่อไหร่จะตายไปสักที ,ทำให้เราเจ็บมันต้องเจ็บกว่าเรา 100 เท่า แต่ก็เป็นแค่คอนที่โกรธมากๆ คิดอยากได้ของคนอื่น คิดด่าคนอื่นในใจ รวมแล้วทางมโนกรรม ศีล 5 ข้อ ขาดกระจุยเลยครับ

     แรกๆก็ยังทำได้ยาก ครับ เพราะบางทีห้ามความคิดไม่ได้ เช่นคิดปรามาสท่านอาจารย์ ทำไมอาจารย์วันนี้หน้าไม่้เหมือนวันนั้นเลย ประมาณว่า ขอบตาคล้ำ น่ะครับ,ดูรูปท่านอาจารย์ในธนบัตรขวัญถุง ก็ขำ และหัวเราะออกมา คิดในใจเอาอีกแล้ว หาเรื่องลงนรกอีกแล้ว แต่ก็ไม่กลัาบอกใครครับ มโนกรรมนี่เกิดง่าย และเป็นกรรมที่เราเองก็รู้อยู่คนเดียวซะด้วย น่ากลัวสุดๆ

     หลังๆ นี่ไม่ค่อยเป็นแล้วครับมีวิธีคือ เอากรรมฐาน กองใดกองหนึ่ง มานั่งคิดแทนไม่ให้จิตมันว่างงาน เพราะเมื่อมันว่างงาน มันก็จะไหลลงไปคิดเรื่องชั่วๆ ตามสัญญาเดิมอีก คิดถึงภาพพระ ฟังธรรมมะ ให้จิตมันเกาะแต่สิ่งที่เป็นกุศล ยิ่งเราไปดู ไปฟัง สิ่งที่เป็นอกุศล จิตมันก็จะไปเกาะอันนั้น

เข้าค่ายครั้งแรก บำบัดรวม

     ช่วงนั้นติดตามรายการมีการประกาศ เข้าค่าย 9 มหามงคล เราก็เองก็ สองจิต สองใจ ช่วงนั้นก็ถือว่า ไปบ้านสวนบ่อย แต่ไม่ได้รู้จักใครเท่าไหร่ครับ ไปก็แค่ เดือนละครั้ง 2 ครั้ง ผมเองก็อยากไปเข้าค่าย 9 เหมือนกันครับ เลขดูเป็นมงคลดี แต่มาย้อนดูตัวเอง ศีล 5 ก็ยังไม่บริสุทธิ์ คิดว่าตัวเองยังไม่ดีเลยตัดใจไม่ไปดีกว่า

     จนมาถึงค่าย 10 บำบัดรวม แหมชื่อนี้ชอบจัง ไม่ต้องไต่สวนกรรมรายบุคคล บำบัดรวม เนียนๆกับเขาไป เขียนคำสารภาพบาปมา แต่ก็ยังเขียนไม่ครบ ครับ เขียนหมดทุกๆ อย่าง ยกเว้นเรื่องศีลข้อ 3 ที่ยังไม่กล้าจะบอกใครเพราะใจยังไม่เข้มแข็งพอ

     แถมค่ายนี้ก็มีโอกาสได้ขึ้นแสดงเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตเลยครับที่ได้ ขึ้นไปรำบนเวที หลังจากงานบรวงสรวงสมโภชน์ สมเด็จองค์ปฐมฯ ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ก็ผ่านมันไปได้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-25 11:18:04


ความคิดเห็นที่ 149 (1621263)

 อนุโมทนากับเรื่องราวธรรมทานจากชีวิตจริง

ของพี่เอิ้นด้วยนะคะ

อ่านแล้วย้อนกลับมามองตัวเอง

ก็ได้ข้อคิดอีกเยอะเลย

บางทีตัวเรา ใจเราก็ชอบเผลอ

ไปกับกิเลสอยู่บ่อยๆ

เป็นเหตุให้เราได้รับทุกข์อยู่เรื่ิอยๆ

ไม่รู้จักจบ จักสิ้น

แต่ก็ดีแล้วละเนอะ

คนเราถ้าไม่ทุกข์

ก็ไม่ดิ้นรนหาหนทางที่จะทำให้เราสุขอย่างถาวร

ว่าแล้วก็รอพี่เอิ้นมาเล่าต่อนะค๊าาาา

ผู้แสดงความคิดเห็น นันทนา แหกาวี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-25 13:30:38


ความคิดเห็นที่ 150 (1621293)

ลูกบ้านสวนให้ออกจาก กทม. ด่วนที่สุด!!! 

     ช่วงปีที่แล้ว กับ มหันตภัยน้ำท่วม วันนั้นจำได้ว่าไม่ได้เข้าเวป อยู่ๆ ก็มีสตรีนิรนามโทรมาหา เราก็งง ใครอ่ะ ถามไปถามมาจนรู้ว่าเป็น ป้าเตือนโทรมาบอกว่า เห็นข้อความในเวปไหม ท่านอาจารย์ให้ออกจาก กทม. ด่วนที่สุด เราก็ไม่รู้ทำไง อยู่ พี่ไอซ์ก็โทรมา บอกว่าจะมารับ ฉุกเฉินขนาดนี้แล้ว ใครจะไปเตรียมตัวทันเนี่ย มีเวลา 10 นาที จัดเสื้อผ้า สิ่งของจำเป็นลงกระเป๋า วิ่งผ่านน้ำ 2 นาที ใส่เสื้อ ออกไป รอ พี่ตัวเล็กมารับ วิ่งไปลาพ่อ ตอนนั้น ยอมรับว่าถึงเวลาจริงๆ ก็ต้องไปคิดว่าถ้าเรารอด อย่างน้อยๆ ก็คงช่วยอุทิศบุญให้ท่านได้บ้าง แต่อีกใจก็จิตตก เฮ้อ เราทอดทิ้งคุณพ่อ คุณแม่ คนอื่นๆ เอาตัวรอด เป็นอะไรที่กดดันสุด

     จนมาถึงบ้านสวน พร้อมกับ พี่ตัวเล็ก พี่ไอซ์ น้องเบส ท่านอาจารย์อุบลก็ออกมารับ อีกวัน พี่น้องคนอื่นๆ ก็ตามมา ท่านอาจารย์รู้ว่า ลูกหลาน จิตใจไม่สมประกอบ

     ในช่วงนั้นจึงพาพวกเราไปเที่ยวงานวัดครับ จำได้ว่า พี่ชนิดาทราบข่าวก็โทรมาหา พี่แมว ซึ่งตอนนั้นก็อาจจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะ เราหลายๆคนนั่งอยู่ท้ายรถกระบะ พี่น้องหลายๆคนดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่

     ประสบการณ์ครั้งนี้ มันเป็นอะไรที่กดดันสุดๆครับ แต่นี่ก็เป็นเหมือนเป็นการซ้อมใหญ่ รอวันที่มันเกิดเหตุการณ์จริงๆ เราจะได้เตรียมใจกันไว้ล่วงหน้า ถ้าวันนั้นเราต้องสูญเสียบุคคลในครอบครัว คนที่รักไปจริงๆ เป็น บททดสอบเรื่องการพลัดพรากอย่างหนึ่งเลย

     ชีวิตเรา ชีวิตหนึ่ง ต้องเจอบททดสอบหลายๆอย่าง จริงๆ แต่มันก็ทำให้เรา แกร่งขึ้นไปอีกระดับ ถ้าชีวิตเราเจอแต่เรื่องดีดี พอมาเจอ มรสุมชีวิต อาจจะ หาทางออกไม่ได้ก็ได้ ถ้าเราไม่มี"สติ" และ ในทุกๆปัญหา จะมี บทเรียนสอนเราเสมอๆ ครับและบททดสอบนี้ก็ทำให้เราเรียนรู้ถึง การพลัดพรากรสชาติเป็นยังไง 

การเข้าครัว - ความกลัวเป็นอุปสรรคของความสำเร็จ

     หลังจากที่อพยพมาบ้านสวนช่วงน้ำท่วมเสร็จ แต่ละคนก็จะมีการแบ่งงาน เข้าครัว ซึ่งท่านอาจารย์ก็มอบหมายให้ผมทำ แต่ปรกติ ไม่เคยทำให้ใครทานนะครับ เดี๋ยวเขาจะท้องเสีย

     ท่านอาจารย์ก็สอนว่า ถ้าเราทานของคนอื่นได้ เราก็ต้องทำได้ โดนชุดใหญ่เลยครับ วันนั้น ยอมรับว่าเครียด พอท่านบอกว่าทำเต็มที่นะ เราก็ ตอบว่าได้ครับ แต่ในใจ เอาไงดีน๊า เครียด นอนไม่หลับ กลัวทำออกมาได้ไม่ดี อีกอย่างกลัวจะตื่นสายด้วย

     เพราะการเตรียมอาหารก็ต้องตื่น กว่าจะนอนหลับ ก็ตีหนึ่งกว่าๆ เพราะ ได้ยินเสียงพี่ตัวเล็ก คุยกับพี่ธนา ทีแรกก็คิดว่า อ้าว เช้าแล้วเหรอเนี่ย ตายแน่เรา เดินออกมาดูปรากฎว่ายังมืดอยู่ครับ นอนต่อ ตื่นมาอีกที นาฬิิกามือถือก็แบตหมด เลยดูมุ้งคนอื่น ก็เห็นว่าเขายังนอนอยู่แสดงว่า ยังไม่เช้า แต่เพื่อความแน่ใจ ก็เดินลงมาดูนาฬิกาที่โรงทานอีกที เพื่อความชัวร์ ก็ประมาณ ตี 3 ครับ เราก็เลยไม่นอนต่อดีกว่า เดี๋ยวหลับยาว

     ขึ้นมาที่วิหารชั้น 2 เก็บที่นอนแล้วก็ลงมาเตรียมอาหารเลย ก็หั่นผักเตรียมไว้ เพราะ พี่ตัวเล็ก และ พี่เจี๊ยบมาจะได้ ทำได้เลย พอพี่ทั้งสอง ลงมาก็ เริ่มทำเลยครับ ก็เลยถามว่าทำยังไง ใส่อะไรบ้าง หลังจากนั้น ผมก็เริ่มทำ ผัดผักเต้าหู้ทอด เลย ปรากฤว่า ท่านอาจารย์เดินมาถามว่าใครทำ ก็ได้รับคำชม จากหลายๆคน ก็ทำให้เรามีกำลังใจ

     บททดสอบ นี้ก็ทำให้เราได้ข้อคิดว่า ความกลัว เป็นอุปสรรค ของการทำอะไรหลายๆ อย่าง ถ้ากลัวที่จะลงมือทำอะไร ก็เหมือนว่า เป้าหมายล้มเหลวไปหมดแล้ว แต่ถ้าเรากล้าสักหน่อย อย่างน้อยความสำเร็จ มันก็ต้องมีแน่นอน แต่ขอให้เราตั้งใจทำเต็มที่ แต่ไม่ต้องไปคาดหวัง    

 วันแรกของการสร้างสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา

     ตั้งแต่ท่านอาจารย์ประกาศว่า จะมีการสร้างสมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา วันแรกของการสร้างนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ขุดดินเพื่อหล่อฐานให้แข็งแรง

     มีเพียงลูกบ้านสวนไม่กี่คนมองไปก็มีแต่ ดินแข็งๆ ต้องใช้ อีเตอร์ขุด ยอมรับว่าหินพอสมควร ก็ได้พี่อมร ช่วยเปิดหน้าดิน และหลายๆ คนช่วยกันขุด ขุดไป หมดแรงกันไป ใช้น้ำรดให้ดินมันนิ่ม ง่ายต่อการขุดบ้าง ขุดกันจนดินแข็งหายไป  พอถึงดินที่มันอ่อน คราวนี้ก็ง่ายล่ะครับ คนไม่มากเท่าไหร่ แต่ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

     ก็ได้ข้อคิดว่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้ มีใจสู้ เราก็ต้องผ่านมันไปได้ดินแข็งๆ ก็เหมือนแรกๆ ที่เรา เริ่มเข้าหาทางธรรม กิเลสที่มันเกาะเรามาไม่รู้กี่ชาติ แรกๆ อาจจะยากหน่อย หลุดบ้าง เอาชนะมันไม่ได้บ้าง

     ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีล แรกๆที่สติ กำลังใจไม่เข็มแข็ง อาจจะดูว่ายาก แต่พอเจาะ ส่วนที่แข็ง ไปแล้ว คราวนี้ก็สบายแล้วครับ ที่สำคัญ กำลังใจครับ

โดนถีบตกบ่อ เพราะอะไร

     เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่หลายๆคนคงทราบแล้ว แต่เอามาเล่าอีกก็คงไม่เป็นไร คิดซะว่าฟังกันขำๆ แล้วกันนะครับ

     เป็นเรื่องที่เกิดในช่วงขุดบ่อสร้างสมเด็จองค์ปฐมน่ะครับ น่าจะราวๆ เข้าค่าย 11 ตอนนั้นทำหน้าที่ช่วยพี่ตุ้บ-คุณก้อยช่วยกันการแสดง จะต้องรีบหานักแสดงชาย มาร่วมในการแสดง ก็เลยชวน น้องเบส ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบว่า โดนห้ามไม่ให้เข้าบ้านสวน ก็เลยโทรชวน อันนี้สาระแนที่ 1

ส่วนสาระแนที่ 2 คือ พี่ตุ้ย คุณก้อย น้องญา เห็นว่าตอนนั้นมีงาน 2 อย่างคือ งานสร้างวิหาร กับ ขุดบ่อ ซึ่งทางพี่ตุ้ย คุณก้อย น้องญา จะกลับในอีกวัน เราเองก็ อยากให้เพื่อนได้ขุดบ่อเพราะมันใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว กล้วเพื่อนจะไมไ่ด้บุญแต่มันก็เป็นการแทรกแทรงกรรม ซึ่ง พี่ตุ้ย คุณก้อย น้องญา ไม่สะดวกมาร่วมงาน คราวนี้ การแสดงทำไงล่ะ ก็เลยชวน ออกแนว เซ้าซี้ ให้มาร่วมบุญ เป็นเรื่องเลยครับ พอตอนกลางคืนพวกเราก็ไปถ่ายรูปที่บ่อสมเด็จองค์ปฐมกัน ระหว่างที่กำลังแอคชั่น ก็ก้าวพลาด ตกบ่อ หลังฟาดพื้นดังเลย ท่ามกลางความมืด โชคดีที่หลังไม่หัก ไม่ได้บอกใครเท่าไหร่น่ะครับ ทนเอา จนพี่ธนารู้แล้วก็บอกว่าทำไม ไม่บอกท่านอาจารย์เราเองก็ ไม่อยากรบกวนท่าน เดี๋ยวมันก็คงหายเอง และก็เห็นน้ำใจของพี่ๆหลายๆคนที่ถามอยู่เสมอๆ ว่าไหวไหม ก็เป็นเรื่องดีดีที่เกิดขึ้นในความโชคร้ายน่ะครับ (คิดบวก) จนสักพักพี่ธนา เรียกไปพบท่านอาจารย์

     จึงได้ทราบว่าเป็นรางวัล ที่ไปแทรกแซงกรรมคนอื่น ชวนคนมาบ้านสวน ทั้งๆ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา เป็นบ้านของท่านอาจารย์ อีกอย่างการที่ใครจะได้มาบ้านสวน เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณจะพามาเอง ก็ถือว่าเป็นบทเรียน อีกอย่างเลยครับ ว่าอย่าชวนคนมาบ้านสวนเพราะเป็นการแทรกแทรงกรรม และ เป็นการสร้างภาระเพิ่มให้ท่านอาจารย์อุบลอีก  

งานบวงสรวง สมเด็จองค์ปฐมบรมธรรมบิดา 9 วัน 9 คืน

     ทีแรกที่ได้ยินข่าวจากท่านอาจารย์ก็คิดในใจว่า 9 วัน 9 คืน จะไหวไหมเนี่ย ปรกติ เราไปแค่ วันเสาร์-อาทิตย์กลับมาก็ สลบแล้ว แต่ได้คำแนะนำจากพี่ธนา ว่าเป็นบุญใหญ่ แต่ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะขออนุญาติที่บ้านได้หรือเปล่าเพราะต้องทำงานวันจันทร์-ศุกร์

     ก็อฐิษฐานเลย ว่าถ้าลูกจะได้มาก็ขอให้ ขอแล้วได้เลย อยู่ดีดี แม่ก็มาบอกว่า ช่วงสงกรานต์อยู่เฝ้าบ้านได้ไหม เพราะไม่มีคนอยู่บ้าน ผมก็เลยบอกว่างั้นขอไปทำบุญ 9 วัน 9 คืน แลกกัน แต่ก็ได้มารวมแล้ว 10 วัน 9 คืน ดีใจมากๆ ครับก็รีบอฐิษฐานแล้วสมัครเลย

     ยอมรับว่า ไม่เคยใช้บุญแรงกายต่อเนื่องกันขนาดนี้มาก่อน แต่จริงๆ แล้ว เหนื่อยแค่นี้มันก็ไม่ถึงตายหรอก อีกอย่างเป็นบุญใหญ่มาก เพราะ คนที่จะมาร่วมงานนี้ได้จะมีสักกี่คนในจักรวาล (พี่ธนาว่าหยั่งงั้นนะ ทำเอาเราหูผึ่ง)

     แถมงานนี้ยังได้รับโอกาสจากท่านอาจารย์อุบลให้เราทำข้าวต้มเลี้ยงอีก จับคู่กับพี่แก้ว ท่านคงเห็นแล้วว่ากรรมหนักเหมือนๆ กัน ก็จัดเตรียมทันที เป็นข้าวต้มธัญพืช รสชาติออกมาก็ได้เสียงตอบรับที่ดีครับ ทำด้วยความตั้งใจจริงๆ แถมชิมก่อน เืพื่อให้ได้รสชาติ ที่อร่อย ก่อนเสริฟ

     หลังจากที่กลับมาจากงานบุญครั้งนี้ทั้งๆ ที่ตากแดด ทำงานหนัก แต่ พอกลับมาถึงบ้าน คุณแม่ก็ทักว่า หน้าใสขึ้น ดูดีขึ้น คิดว่าคงเป็นเพราะอานิสงส์จากการสร้างพระครับ  
 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-25 15:54:47


ความคิดเห็นที่ 151 (1621311)

 อนุโมทนากับธรรมทานของเอิ้นด้วยนะจ๊ะ

 ธรรมทาน 99 ตอน ต้องครบก่อนใครแน่ ๆ

ได้อ่านแล้วก็สะท้อนตนเองเป็นอย่างมาก

จะทำความดี คิดแล้วคิดอีก มัวแต่ จะ จะ

ไม่เหมือนทำเรื่องชั่ว ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ ทำเลย

แอบกระซิบ..

ยังจำเสียงตุ๊บ ! ได้ชัด  ตอนที่น้องได้รับรางวัลนะ 

แล้วจะรอติดตามตอนไป

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญ - อนัญญา สุขถาวร ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-25 17:28:54


ความคิดเห็นที่ 152 (1621350)

 อนุโมทนาบุญกับน้องเอิ้นด้วยคะ

อ่านธรรมทานแล้วให้ข้อคิดเยอะมาก ท

ทำให้ต้องหันมาพิจารณากรรมของตนเองจริงๆจังๆสักที

โดยเฉพาะเรื่องการแทรกแซงกรรมด้วยความหวังดี

(จริงๆก็ต้องเรียกว่าสาระแนไม่เข้าเรื่อง)

รออ่านธรรมทานอยู่นะคะ

^___________^

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-26 00:20:13


ความคิดเห็นที่ 153 (1621390)

   อนุโมทนาด้วยจ้ะ  น้องเอิ้น

ขอบคุณมากนะคะ  เพราะอ่านแล้ว

ได้ข้อคิดและมุมมองตัวเองอีกเยอะเลยจ้ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-26 12:23:05


ความคิดเห็นที่ 154 (1621524)

     ขอบคุณครับ น้องหญิง พี่อัญ พี่หนึ่ง พี่ตาล ที่ติดตามอ่านครับ หายไปหลายวัน เพราะ ยังคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะต่อยังไง เอาเป็นว่าเขียนไปเรื่อยๆ แล้วกันนะครับ

วันคืนล่วงไปๆ เราทำอะไรอยู่

     คำๆนี้ เคยได้ยินบ่อยๆ เวลาฟังเทศน์ ฟังธรรม จนมาเข้าใจจริงๆ ก็เวลา ที่ "ใกล้ตาย" นี่แหละครับ คนเรามักจะใช้ชีิวิตอย่างประมาท ทั้งๆ ที่เรากำลังเดินไปสู่ความแก่ ความตายทุกวันๆ ไหนจะมีความเจ็บ ความจน จากผลกรรมที่ติดตามเรามาทั้งชาติก่อน และชาตินี้

     แต่บางคน ก็ยังหลอกตัวเองว่าโลกมีความสุข ทั้งๆที่ความสุขอาจจะเล็กน้อย แต่ความทุกข์ ในการเวียนว่ายตายเกิดอันไม่มีที่สุด ไม่รู้ต้องทุกข์อีกนานแค่ไหน

     ขอเล่าเรื่องในขณะที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลแล้วกันนะครับ ว่าได้ข้อคิดอะไรบ้าง ตอนนั้นเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากปอดติดเชื้อ เพราะมีภูมิคุ้มกันแค่ 20 เห็นสังขารตัวเอง แทบไม่อยากจะมองกระจกเลยครับ เพราะผอม และโทรมมาก ราวกับซากศพเดินได้ มีก็แค่ลมหายใจ เหนื่อยๆ ถึงขนาดต้องใช้เครื่องช่วย หายใจเลยครับ

     ตอนนั้นถ้าเกิดตายไปจริงๆ คงจะเสียดายมากๆเลย ว่าทำไม ยามที่เรามีลมหายใจ ทำไม ไม่สร้างบุญให้มากกว่านี้ ตอนนั้นก็จะมีพ่อแม่ เพื่อนๆมาเยี่ยมบ้าง แต่สุดท้ายถ้าเราตายไปจริงๆ ที่ติดตัวไปก็มีแ่ค่บุญ และบาป

     ช่วงเวลาที่นอนอยู่ใน โรงพยาบาล ก็ภาวนาพุทโธ ถึงแม้จะดูสายไปหน่อย สำหรับคนใกล้ตาย ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย (แหมน่าจะคิดแบบนี้ได้ตั้งนานแล้ว 55+) มีเพื่อนน้องคนนึงเป็นคนอิสลาม เค้ามานอนเฝ้าพร้อมๆ น้อง ปรากฎว่า ในคืนหนึ่งนั้นเขาเห็น ขาคนใหญ่ๆ มายืนที่ปลายเตียง ทีแรกก็คิดว่าเป็นขาผมจะเดินมาเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน ปรากฎว่าตอนเช้าเขาได้ถามผม ผมก็บอกเปล่า ก็เดากันไปต่างๆนานาว่าเป็น ยมทูตมั้ง

     เคยได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีฯ ท่านบอกว่า ถ้าไปถึงสำนักพยายม ลุงพุฒิท่านจะถาม 3 วาระ ว่าเราเคยทำบุญไหม ถ้าจำได้ก็ไปรับผลของบุญก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ ทุกๆครั้งที่ทำบุญ ก็จะบอกสิ่งศัิกดิ์สิทธิ์ ลุงพุฒิให้ท่านเป็นสักขีพยานบุญให้เราเผื่อว่า กรรมบังจนเราจำไม่ได้ จะได้มีท่านเป็นพยานบุญให้กับเรา

     หลังจากนั้นที่ รอดจากอาการโคม่า ก็กลับมาพักรักษาตัวที่้บ้านประมาณ 1 ปี จนร่างกายแข็งแรง แต่เราก็ยังเลิกนิสัยสำส่อนไม่ได้ ก็ยังไปเที่ยวเหมือนเดิม แต่น้อยลงมาหน่อย แบบว่า รักษาศีล 6 วัน อีกวันนึงเป็นวันปล่อยผี ว่างั้นเถอะ เรียกว่า ทำบุญ ทำบาปสลับกันไป

1.ก็คือเราเข้าใจผิดในศีล ว่า การผิดศีลข้อ 3 ต้องไปแย่งคนรักของๆ คนอื่น

2.บางทีเราไม่สามารถเอาชนะกิเลสได้ ไม่รู้ว่าสะสมมากี่อสงไขย แถมใจเรายังตัดกิเลสตรงนี้ไม่ได้

     จนมาได้รู้จักบ้านสวน ถึงได้เข้าใจศีลอย่างละเอียดมากขึ้น และ เห็นโทษของการผิดศีลอย่างแท้จริง แรกๆ ก็ยังทำไม่ได้นะครับ แต่ท้ายที่สุด ก็ต้องใช้วิธี "หักดิบ"

 

จิตแว๊บ คิดชั่ว

     แรกๆที่มาบ้านสวน ยังไม่สามารถ ละตรงนี้ได้เลย ถึงขนาดมีอยู่ครั้งนึง ที่ได้ไปดูเฟสปลอมบ้านสวน มีข้อความที่ล่วงเกินท่านอาจารย์อุบล พอตาเราไปดู ไอ้ข้อความนั้นมันก็วิ่งวนอยู่ในหัวเรา จนถึงขนาดเคยโดยไก่จิก เป็นครั้งแรก จนต้องมาขอขมาท่านอาจารย์อุบล

     วันที่ไปขอขมาท่านอาจารย์ก้บอกว่า พวกเวปไซต์แบบนี้ จะมีธาตุมืด ถ้าเราไปดูจิตเราก็จะไปซึมซับ สิ่งไม่ดีเหล่านี้เข้ามา เห็นหลายๆคนที่มาบ้านสวนก็เป็นเหมือนกันที่ จิตคิดปรามาสท่านอาจารย์ แทนที่กลับจะมาสร้างบุญ แต่ก็ได้สร้างบาปใหญ่ไปในตัวด้วย

     อีกอย่างไม่ว่าจะเป็นพวก สื่อลามก สิ่งที่เป็นอกุศลต่างๆ ดูไปก็ทำให้จิตเราไปเกาะ กับสิ่งไม่ดีเหล่านั้น แล้วสุดท้ายจิตเราจะเป็นยังไง ก็คง มืดดำ ไม่สะอาด แุุุถมการดูสิ่งเหล่านี้ ก็มีผลต่อสายตา ด้วยครับ เมื่อก่อนจะดูพวกคลิปโป๊ บ่อยพอดูแล้วก็อยาก ซึ่งเป็นผลทำให้เราไปผิดศีลข้อ 3 ได้ครับ ซึ่งการดูสิ่งเหล่านี้ยังมีผลต่อสายตาด้วยครับ เพราะตาผมก็บอดไปข้างหนึ่ง เพราะใช้ตาไปมองแต่สิ่งที่ไม่ดี ก็เป็นกรรมที่ส่งผลชัดเจนครับ

     ทีนี้ ก็มีวิธีว่าทำยังไง ไม่ให้เราไปคิดไม่ดี มองหาสิ่งที่ไม่ดี ก็คือให้จิตเราอย่าว่างจากสิ่งที่เป็นกุศล เพราะธรรมชาติของจิตที่ไม่ได้รับการฝึก มักจะไหลลงต่ำตามสัญญาเดิม เราจะใช้กรรมฐานกองใด กองหนึ่งก็ได้ เช่นนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ,สวดมนต์,นับเลข,ดูลมหายใจ

      กรรมฐานมีตั้ง 40 กอง เราก็หางานให้จิตทำ จิตจะได้ไม่ว่างไปคิดชั่ว ซึ่งที่ท่านอาจารย์บอกก็นำมาปฏิบัติ ซึ่งก็ได้ผลดีครับ ใครจะเอาวิธีนี้ไปใช้บ้างก็ได้นะครับ

 

บวชคราวนี้ ได้บุญ หรือ บาป

     เมื่ออายุ ครบ 20 ปี ชายไทยหลายๆ คน คงต้องทำหน้าที่ บวชเพื่อ ทดแทนคุณบิดา มารดา ซึ่งคุณแม่เองก็อยากให้เราบวช สัก 1 พรรษา แต่ใจ ตอนนั้นไม่อยากจะบวชเท่าไหร่ เพราะได้รับเชื้อ มาแล้ว 1 ปี เราก็เกรงว่า ถ้าเป็นพระต้องทานอาหาร วันละ 2 มื้อ กลัวว่าร่างกายจะแย่ลงไปอีก แต่ร่างกายตอนนั้นยังถือว่าปรกติมาก แต่ยังไงก็เป็นหน้าที่ๆต้องทำ จคงตอบตกลง

     ซึ่งตอนนั้นก็ยังโง่อยู่มากๆ บางทีตอนบวชก็แอบทานข้าวเย็น เพราะเพื่อนที่บวชด้วยกันทุกคนก็กินกันหลายคน แต่ไม่ได้กินทุกวันนะครับ บางวัน ถึงกับขนาดให้เด็กวัดไปซื้อหมูปิ้ง มาฉันท์กันในกุฎิเลย บางวันก็ขี้เกียจไม่เดินบาตร บางวันก็ไม่ทำวัตร เช้ากับหมู่คณะ (แบบว่านอนตื่นสาย) เงินที่ญาติโยมนำมาถวายก็เก็บสะสมไว้ พอสึกแล้ว ก็นำไปซื้อของ เอาไปใช้ เรียกว่าบวชคราวนี้ เอาหนี้สงฆ์กลับมาบานตะไท แต่เพื่อนบอกว่า ฉันท์ข้าวเย็นไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยปลงอาบัติเอา จริงๆ การปลงอาบัติ ก็คือ เราสำนึกว่าจะไม่ทำอีก แต่ ด้วยความโง่ ปลงอาบัติทุกวัน เพราะมีเรื่องให้ผิดทุกวันครับ

     บางครั้งก็มีญาติโยมมาขอให้ดูหมอให้ คือ ปรกติจะดูเป็น โดยดูให้เพื่อนพระที่บวชด้วยกัน พอข่าวเริ่มแพร่ออกไป ก็มีคนมาดู เรื่อยๆ ก็ได้เงิน ตอนนั้นก็ดีใจว่าได้เงิน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันผิดวินัยสงฆ์ ยิ่งพอมารู้จักบ้านสวนก็รู้ว่า มันผิด ขั้นมหาศีลเลย สำหรับการทำนายทายทัก

     และเพื่อนที่บวชด้วยกันเห็นว่าเราดูแม่น ก็เลยชักชวน แฟนเ้ค้ามาดูด้วย แต่บังเอิญ เพื่อนคนนี้ ดันมีทั้งเมียหลวงและ เมียน้อย พอเขามาดูเราก็ต้องโกหก แทนเพื่อนเรื่อง เมียน้อยอีก จริงๆก็รู้ตัวว่าผิดต่อฝ่ายเมียหลวง

     ตอนนั้นก็ไม่วาย ไปแอบชอบเพื่อนในวัดอีก แต่ แค่แอบชอบเฉยๆ บางวันขณะที่บวชก็ นั่งเล่นเกมส์ คือมีเพื่อนที่เค้าเอาเครื่องเกมส์มาด้วย ก็เล่นอยู่ด้วยกัน เรียกได้ว่า เหมือนอยู่บ้านยังไง ยังงั้นเลยครับ

     เรียกว่าไปบวชคราวนี้ เอาบาปกลับมาเต็มที่เลยครับ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-27 14:41:18


ความคิดเห็นที่ 155 (1621537)

           อนุโมทนา ธรรมทาน จากน้องเอิ้นด้วย นะคะ่

    อร ก็คนหนึ่ง ที่อธิฐานจิตมาตลอด ว่าอยากไปนิพพาน ไม่อยากเกิดอีก เพราะชีวิตมันมีแต่ความทุกข์  ทั้งท่อง ทั้งบ่น  เสียงแจ๋วๆ เหมือนนกแก้ว นกขุนทอง คิดได้ แต่ไม่ทํา พูดได้ แต่ทําไม่ได้ ทําตัวเป็นยอดหญ้ามาตลอด ปรารถนาอยากจะเป็นขุนเขา ก่วาจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างภูเขาได้ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เจอบท ทดสอบมากมาย ไม่เคยสอบผ่านได้เลย  อีโก้สูง ใครว่าก็ไม่ได้ อัตตาตัวตนของฉัน ก็ฉันไ่ม่ผิด   เจ็บแค้น เครืองโกรธ ข้ามวัน ข้ามคืน ต้องเอาคืน ให้รู้เรื่องกันไปเลย อคติเป็นที่หนึ่ง  รู้ว่าใครจะพูดว่าอะไรตนเอง รีบเอาคืนก่อนเลย ทีเวลาตนเอง ว่าใครต้องเหน็บแนมให้เจ็บ ถ้าอยู่ตรงหน้า จะแถมคว้างค้อนแบบขวางๆ สีเขียว ใส่ด้วย สายตาอีก  อารมณ์ ปรุงแต่งนี้ ไม่ต้องบอก ทั้ง ทางกาย วาจา ใจ  มีครบรส ยิ่งปรุงยิ่งแซ๊บ กว่าจะรู้สึกตัวได้  อาจารย์ อุบลช่วยด้วย  ก็ไม่ทันแล้ว เกิดอีกแล้ว ให้ทุกข์กับตนเองและคนรอบข้างอีกแล้ว นี้แค่สอบอารมณ์ข้อเดียว นิดๆหน่อยๆเองนะคะ สอบตกทุกข้อเลย แล้วที่เหลืออีกหลายวิชา ก็ตกอีกเหมือนเดิม พยายามติวเข้มเพื่อสอบใหม่ จะต้องผ่านให้ได้ค่ะ        

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-27 16:17:48


ความคิดเห็นที่ 156 (1621577)

 

 อ่านเรื่องจิตแว่บคิดชั่ว ของน้องเอิ้นแล้ว นึกถึงตนเองเหมือนกันคะ

 

สงสัยต้องเอาไปสารภาพบาปแล้วเหมือนกันนะเนี่ย 

 

ส่วนเรื่องบวชได้บุญหรือได้บาป

 

น้องเอิ้นเขียนจนเห็นภาพชัดเจนมาก

 

ทำให้เข้าใจว่าทำไมท่านอ.พูดว่าในนรกมีพระภิกษุสงฆ์เต็มไปหมด

 

พี่เป็นคนหนึ่งที่อยากจะไปทำบุญที่วัด

 

แต่ไปทำบุญทีไรสิ่งที่เราได้

 

มันคือความรู้สึกหดหู่เศร้าใจทุกครั้ง 

 

เพราะจิตมันไม่เกิดศรัทธาในพระภิกษุสงฆ์  

 

ทำให้สร้างกรรมทางใจ

 

เพราะเหตุนี้ในยุคใหม่ผู้นำแห่งแสงสว่างจึงไม่อยู่ในผ้าเหลือง

 

แต่เป็นนารีขี่ม้าขาวของบ้านสวนพีระมิด

 

อนุโมทนาบุญสำหรับธรรมทานนะคะ

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจิดหทัย สุวรรณากาศ (หนึ่ง) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-28 00:32:31


ความคิดเห็นที่ 157 (1621657)

ขออนุโมทนาธรรมทานของน้องเอิ้นด้วยนะคะ อ่านแล้วได้ข้อคิดสะกิดใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการบวชตามประเพณีและการปฏิบัติของพระนี่สะท้อนได้เยอะจริงๆ เหตุนี้แหละทำให้ระยะหลังพี่เลือกเนื้อนาบุญ เพราะเรามีปัจจัยไม่มากแต่ก็ งก! อยากได้อานิสงค์เยอะว่างั้นเถอะ  ยิ่งได้มาบ้านสวนได้รู้ลึกเรื่องศีล 3 ชั้น คำสอนพระพุทธองค์ ที่นำมาถ่ายทอดโดยท่านอาจารย์อุบล ยิ่งชัดเจนมากขึ้น อนุโมทนาธรรมทานจากทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนกพร เอี่ยมชัย(แป้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-28 21:26:41


ความคิดเห็นที่ 158 (1621682)

อนุโมทนาบุญกับธรรมทานของคุณ เอิ้น ด้วยครับ

ยากนะครับกว่าคนเราจะเห็นธรรมของพุทธองค์

กว่าจะรู้ตัวอันใหนผิด อันใหนถูก ต้องอาศัยบัณฑิต

ส่วนใหญ่ที่หลงผิดเพราะทำตามๆ กันมา

ไม่รู้ว่าบัณฑิตคืออะไร ใช่คนที่จบสูงๆ หรือเปล่า

ถ้าเราทำตัวต่างจากหมู่คณะเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราบ้า

ปัจจุบันนี้คงไม่สนแล้วสังคมที่เค้าสืบทอดต่อๆ กันมา

พระพุทธองค์มาชี้ทางที่ถูกต้องผ่านท่านอาจารย์

จะฟังยังไงมันก็คุ้นชินว่า อันนี้แหละคือหนทางที่ถูกต้อง

หลงมานานแล้ว คงต้องค่อยๆ สลัดมันออกที่ละนิด

ผมตั้งแต่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อจรัญ(แค่ 3 วัน)

มารู้จักหลวงพ่อฤาษีเต็มจาก CD

และสุดท้ายการสร้างพระทำให้มาพบบ้านสวนพีรามิด

ก็ไม่ได้แสวงหาครูที่ใหนอีกต่อไป

เพราะครูใหญ่มีองค์ คือพระพุทธองค์

เรื่องราวความเป็นไปของ บ้านสวน สามารถทำให้อีกหลายชีวิต

ไม่ต้องลงทุนประสบพบเจอด้วยตัวเอง

เพียงแต่เห็นเรื่องราวที่ผ่านหน้าจอ

ก็ทำให้บรรลุธรรมได้

ขออนุโมทนากับธรรมทานอีกครั้งครับ

กราบ กราบ กราบ

ทุกๆ พระองค์

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-29 14:40:36


ความคิดเห็นที่ 159 (1621782)

ขอบคุณพี่แป้น และคุณเกียรติศักดิ์ครับและทุกๆท่านครับ

ทาน และ ความบริสุทธิ์ ทั้ง 3 ส่วน

     เมื่อก่อน เคยแต่ได้อ่าน ว่าบุญจะได้เต็ม ก็ต้องบริสุทธิ์ทั้ง 3 ส่วน แต่ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม จนได้มาพบบ้านสวนพีระมิดนี่แหละครับ ที่ทำให้เราเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียวนะครับ ความบริสุทธิ์ทั้ง 3 ส่วนทั้ง ผู้ให้ วัตถุทาน เนื้อนาบุญ(ผู้รับ)

1.ผู้ให้ มีศรัทธาเต็มร้อย อีกอย่างเวลาไปทำบุญ ใจเราบริสุทธิ์ไหม(มีกิเลสไหม) ศีิลเราบริสุทธิ์ไหม

     ซึ่งเมื่อก่อน จะค่อนข้างที่จะเลือกเนื้อนาบุญ อันนี้ไม่ผิดครับ แต่ ใจเรามันก็เจือด้วยความอยากได้บุญ อฐิษฐานโน่น ขอให้ได้โน่น ได้นี่ แบบนี้ มันก็เจือด้วยกิเลส เต็ม ๆ

     เหมือนที่ เวลาคนทำบุญ เพราะอยากได้หน้า แม้จะทำมาก แต่ถ้าเทียบกับคนที่ทำน้อย แต่เขาทำด้วยกำลังใจเต็ม (คำนี้แหละที่ท่านอาจารย์เน้นย้ำพวกเราเสมอๆ)

     ใจที่บริสุทธิ์ คือสิ่งที่เราเตรียมได้เอง หรือขณะทำใจเรามีโกรธเคืองใครอยู่ไหม นั่น ใจเราก็ขุ่นมัวแล้ว

2.วัตถุทานบริสุทธิ์ เมื่อก่อนเวลาทำบุญ ก็ใช้แต่ เงินๆๆ แล้วก็ไม่รู้ว่า เงินที่เราเอามาบุญ นั้นบริสุทธิ์ไหม ได้มาจากการทำงาน แล้วเราทำงานเต็มที่หรือเปล่า อันนี้ก็ละเอียดมากๆ ครับ เมื่อก่อนก็ ทำๆๆ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย ก็มาเจอบ้านสวนพีระมิดนี่แหละครับ ที่ใช้บุญแรงกาย เพราะ เป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์ แต่ก็ยังแยกย่อยไปอีกว่า เราทำ เต็มกำลังหรือเปล่า ทุ่มเทหรือเปล่า อีก ซึ่งงานที่ต้องใช้กำลังใจสูง ก็ยิ่งได้อานิสงส์แรง แต่อย่าเผลอ มัวแต่ไปทำงานโดยหวังอานิสงส์ เดี๋ยวมันจะมีกิเลสมาเจือเดี๋ยวจะได้บุญไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอีก

3.เนื้อนาบุญบริสุทธิ์ ข้อนี้ เมื่อก่อนผมเองก็เป็นคนที่เลือกเนื้อนาบุญเช่นกันครับ เวลามี พระอริยสงฆ์บางท่านที่ท่านเป็นพระอริยบุคคลด้วยแล้ว ก็ยิ่ง สรรหาอยากจะไปทำบุญกับท่านด้วย คิดว่าอานิสงส์น่าจะแรง ซึ่งบ้านสวนเราก็สร้างบุญถวายในหลวง ซึ่งเคยฟัง อานิสงส์โดยเสด็จพระราชกุศล ที่หลวงพ่อฤาษีบรรยายว่า เราทำบุญกับท่าน บารมีเราจะเต็มไหว เพราะท่านช่วยเหลือคนทั้งประเทศ ยิ่งพอมาเจอบ้านสวน สร้างบุญถวายในหลวงซึ่งถือเป็น เนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์

     ซึ่งเมื่อความบริสุทธิ์ทั้ง 3 ส่วนมีครบอานิสงส์เกิดฉับพลันทันทีในวันนั้น จริงๆ แล้วเป็นครั้งแรกที่ได้ฟังที่นี่ครับ มาเห็นปาฎิหารย์ทั้ง กับตัวเองและผู้อื่น ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์คำสอนของพระพุทธองค์ นี่แ่ค่เรื่องของทานนะครับ ยังเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ขนาดนี้ แล้วธรรมมะอื่นๆ ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบจะขนาดไหน คิดว่าเราโชคดีแล้วที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ส่วนใครที่ พบแล้ว ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ปรามาส อันนี้เสียดายแทนจริงๆครับ

     ขอยืมคำ ของคุณโชค นะครับ ให้ทำตัวเป็นภาชนะ ที่ไม่เต็ม จะได้รองรับธรรมมะของพระพุทธองค์ได้ เพราะถ้าเราคิดว่าเราฉลาดแล้ว ดีแล้ว อันนี้ยากครับ

     ใครอยากทำตัวเป็นโอ่งเพื่อรองรับน้ำได้มากๆ หรือใครอยากทำตัวเป็นแก้ว(ใบเล็กๆ) เพื่อรองรับน้ำได้น้อยๆ ก็ตามใจชอบครับ 

     คนที่รู้ตัวว่า โง่ ย่อมขวนขวายใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม คนที่คิดว่าตัวเอง ฉลาด ย่อมไม่ขวนขวาย ความรู้จึงคงที่  

ทำร้ายตัวเอง 

     เรื่องนี้เป็นเรื่องของนิสัยโง่ๆของตัวเองที่มัก จะเป็นคน คิดมาก ขี้ใจน้อย ขี้โกรธ ทำบาป ผิดศีล 5 ทั้งหมดที่เราทำไม่ว่าจะกับ ตัวเอง คนรอบข้าง สุดท้ายผลกรรมมันก็มาตกที่เราหมด เพราะเราเป็นคนสร้างทั้งนั้น โทษใครไม่ได้

    เมื่อตอนเด็ก อยู่กับ คุณปู่ คุณย่า ก็น้อยใจ คุณพ่อคุณแม่ เหมือนกันนะครับ ว่าำทำไม ถึงไม่พาเราไปอยู่กับด้วย อยู่กับคุณปู่ คุณย่า เวลาไม่ได้อะไรก็ ชอบเอาหัวห้อยลงพื้นเอาเท้าชี้ฟ้า ประมาณว่าถ้าไม่ใ้ห้ จะทำให้เลือดไหลลงหัว ตายๆไปเลย (ช่างเป็นเด็กที่น่ากลัวจริงๆ) คือเป็นเด็กที่ประหลาด ไม่อยากมีชีวิตมาัตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ไม่แคร์ด้วยว่าจะตายก็ช่างมัน คือไม่รักตัวเองนั่นแหละครับ เอาแต่ใจสุดๆ แถมยังชอบขโมยเงิน ไปกินขนมอีก แต่จะมีวิธี คือ ไม่ขโมยเยอะๆ ครับ ส่วนใหญ่จะขโมยแต่เหรียญ เพราะคงไม่มีใครมานั่งนับ ไปวัดก็ไปเอาของวัดกลับบ้าน ผลกรรมก็คือ ไม่มีสภาพคล่องทางการเงิน

     ตอนเด็กๆ มีลูกน้องคุณปู่ สอนให้กินเหล้าด้วยนะครับ เป็นเหล้าขาว ด้วยความเป็นเด็กไม่รู้หรอกว่ากินแล้วมันเป็นยังไง แต่พอกินไป เมาสิครับ ผิดศีล ข้อสุราแต่เด็กเลย (มีคนเคยบอกว่า เมาแล้วไป เตะ คุณปู่ด้วย สุราทำให้ลืมสติ จริงๆครับ)

     พอคุณปู่ พาไปนั่งฟังธรรมมะที่วัด ก็ไม่เข้าหูครับ ฟังทีำไร หลับตลอดเลย เป็นเด็กที่ไม่ฝักใฝ่ธรรมมะเอาซะเลย คุณปู่บอกว่าให้สวดมนต์ ก็ สวดๆ ให้จบๆ ไป ไม่รู้คำแปลหรอกครับ มาที่บ้านสวน เข้าใจเลยว่า ภาษาบาลี เวลาเราสวดไปก็แปลไม่ออก แล้วจะเอาธรรมมะอะไรมาปรับใช้ไ้ด้ สู้ฟังธรรมมะ แบบภาษาบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ ปฎิบัติได้จริงไม่ดีกว่าหรือ

     จนวันหนึ่งที่เราต้องสูญเสียคุณปู่ไป เป็นวันที่เราเสียใจมากๆครับ เพราะยามที่ท่านอยู่กับเราทำไมเราไม่ทำดีกับท่าน จริงๆ แล้ว คุณปู่ คุณย่า นี่ ยอมรับว่าผูกพันและรักท่านมากเสียกว่าพ่อแม่จริงๆอีก คงเป็นเพราะเราอยู่กับท่านมาตั้งแต่เด็กๆ จนถึงวันที่ท่านค้องจากไป เป็นการพลัดพรากครั้งแรกในชีวิต เสียดายเวลาที่เราไม่ดูแลท่านเลย เมื่อย้ายมาอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่แล้วจะแวะไป ก็แค่นานๆที ไปทีก็ขอตัง(เกลียดตัวเองจริงๆ) เป็นบทเรียนที่ดี จริงๆครับ เมื่อวันที่ ผู้มีพระคุณท่านยังอยู่กับเรา ขอให้ดูแลท่านให้มาก ๆครับ เพราะวันนึงที่ท่านจากเราไป จะพูดได้แค่ คำว่า เสียดาย ตอนนี้ทำได้อย่างมากก็แค่ส่งบุญให้ท่านเท่านั้น

     มาถึง กิจกรรมยามว่าง ของเด็กที่มีบ้านอยู่ติดคลองก็ต้องตกปลาสิครับ ส่วนเหยื่อ ก็ กุ้ง ไส้เดือน ตั๊กแตน แมลง สัตว์เล้กสัตว์น้อย จับมา เกี่ยวเบ็ด แล้วก็ โยนไปเป็นเหยื่อให้ปลา คิดว่าผลกรรมที่ได้รับ ก็คือ เราเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เป็น ภูมิแพ้ ยิ่งเวลาไปหาหมอ ต้องเจาะเลือด มันเห็นภาพเลยว่าเด็กๆ เราก็เคยใช้เบ็ด เกี่ยวสัตว์ ไปตกปลา แล้วก็ดึงปลาขึ้นมาก็ทำให้เป็ดไปเกี่ยวปากเขาอีก

     ดูจากผลกรรมที่ทำผิดศีลมานั้น ไม่ว่าเราจะละเมิดผู้อื่น หรือ ไม่ทำจิตให้ร่าเริงผ่องใส (ทำร้ายตัวเอง) ก็เป็นเหตุที่ทำให้เราต้องทุกข์ทั้งนั้นครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-30 11:45:57


ความคิดเห็นที่ 160 (1623233)

ขออนุญาตบอกเล่า ประวัติของเลวๆคนหนึ่งนะคะ
ไอซ์ วราภรณ์ หล่าบรรเทา อายุ 36 ปี
ปัจจุบันอยู่ที่สุรินทร์ เป็นเกษตรกรค่ะ

เริ่มรู้จักบ้านสวนได้อย่างไร


มีเพื่อนคนนึงได้บอกเล่าให้ฟังว่า เจอเวปนึงแปลกดี เค้าใช้พลังพีระมิดในการรักษาคน เค้าสร้างพีระมิดเหมือนที่อียิปต์เลย
ลองเข้าไปอ่านดูสิ แล้วก็ส่งเวปไซด์ให้มา หลังจากที่เข้าไปดูเวปไซด์แต่ก็ดูแบบผ่านๆไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
หลังจากนั้นก็มีเพื่อนอีกคนที่ฝึกกรรมฐานด้วยกันพูดถึงบ้านสวนพีระมิดอีก แล้วก็เล่าให้ฟังว่า มีคนเข้าไปที่นั่น แล้วสารภาพความเลวที่ได้ทำลงไปในอดีต แล้วหายจากโรคด้วย ก็ได้เข้าไปดูอีกแป๊บเดียว รู้สึกกลัวเพราะตัวเองทำบาปไว้มาก ดูได้แป๊บเดียวก็หยุดดู ไม่สนใจอีก


จนกระทั่ง มาเจอคลิปเตือนภัยของพี่อ้อย ที่รับการสื่อสารจากท่านดตาจินินผ่านพี่อ้อยแล้ววันนั้นเพื่อนก็โทรมาหาอีกและพูดถึงคลิปนี้ เลยเค้าไปดูคลิป  ก็เกิดกลัวภัยพิบัติขึ้นมา จึงได้ทำการบูชาองค์พีระมิดจำลองรุ่น มวลสารบ้านสวนและทำบุญสร้างองค์เทพกับทางบ้านสวนพีระมิด

จากนั้นได้เข้าไปศึกษากฏระเบียบ อ่านกระทู้ที่ท่านอ.อุบลเขียนธรรมทานไว้ หลังจากได้รับองค์พีระมิดจำลอง ก็มีอาการแปลกๆ มีคำสั่งเข้ามาที่จิตให้นำพีระมิดไปทิ้งบ้าง ทำลายบ้าง

เกิดอาการปรามาสหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และปรามาสท่านอ.อุบล ทำให้เกิดความทุกข์และความกลัวมาก เนื่องจากได้อ่านที่ท่านได้เขียนไว้ว่าใครที่ปรามาสท่านจะเกิดอะไรขึ้น จึงได้ดูคลิปจนครบ 9 ตอนเพื่อที่จะได้มาบ้านสวนพีระมิดเพื่อขอขมาท่าน อ.อุบล

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 22:32:44


ความคิดเห็นที่ 161 (1623239)

เข้ามาบ้านสวนครั้งแรก

หลังจากที่ได้ดูคลิปครบทั้ง 9 ตอนแล้วก็ตั้งใจจะมาบ้านสวนด้วยรถโดยสาร บังเอิญพี่สาวของเพื่อนก็กำลังจะเดินทางมาเหมือนกัน เค้าให้ให้อาศัยติดรถมาด้วย การมาบ้านสวนครั้งแรกนั้นได้ทำผิดกฏ
ไม่ได้แจ้งบอก เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าพี่เค้าลงชื่อเราลงไปด้วยตอนที่ขออนุญาต แต่เค้าไม่ได้ลง ได้แต่ขอขมาท่านอ.อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในใจ หลังจากนั้นก็ระวังตัว ทำเรื่องขออนุญาติทุกคร้งก่อนที่จะเข้าบ้านสวนพีระมิด

ขอขมาท่านอ.อุบลออกทีวีครั้งแรก

วันนั้นตื่นเต้นมากและก็กลัวมาด้วยที่จะสารภาพบาป กลัวว่าคนที่บริษัทที่เราทำงานอยู่จะเข้ามาดูรายการ กลัวเค้าเกลียด ไม่คบ เพราะว่าเราได้เคยทำเลว เป็นคนชั่วบาปหนามาก่อน ยืนไปก็คิดไปว่าจะสารภาพดีหรือเปล่าฃ
มีคนมาสารภาพเยอะมาก วันนั้นมีคนแก่มาด้วย เลยถือโอกาสให้เค้าออกไปสารภาพก่อน ตัวเองก็ยืนคิดไปต่อ ในระหว่างที่รอขมา ได้อนุโมทนาบุญกับคนอื่นที่เค้าหายป่วยทันทีและได้ขอขมาพระพุทธเจ้า
ที่ทำผิดศีล วันนั้นมีน้องคนนึงเรียนอยู่เกษตรศาสตร์ มาขอขมาท่านอ.อุบลที่ปรามาส หลังจากปรามาทก็มีอาการปวดหัวและสายตามีปัญหาทั้งที่เพิ่งจะทำเลสิกมาได้แค่ 1 อาทิตย์
ท่านอ.อุบลเมตตาบอกถึงสาเหตุที่เป็นว่าทำไมถึงมีปัญหาทั้งๆที่เพิ่งทำการผ่าตัดสายตามา ก็เพราะว่าหลังผ่าตัดได้ใช้สายตาไปดูในสิ่งที่ไม่สมควรดู ทำให้ไอซ์ก็คิดขึ้นมาได้เหมือนกันว่า ตัวเองมีปัญหาสายตา
และช่วงนั้นได้ดูภาพโป๊ผ่านเมลล์ที่เพื่อนส่งมาให้เยอะมาก จึงได้ทำการขอขมาตามที่ท่านอ.อุบลนำให้พูด
เมื่อมาถึงคิวของไอซ์ด้วยความที่ยังอาย ไม่กล้ายอมรับความจริงว่าตัวเองชั่ว เลยได้แต่ขมาท่านอ.อุบลที่คิด ปรามาสล่วงเกินท่านและท่านดร.อาจองเท่านั้น
และท่านอ.อุบลก็เมตตาบอกถึงเหตุว่าทำไมเราถึงได้คิดเช่นนั้น
เป็นเพราะว่าเราเคยเป็นสาวกของพระเทวทัตมาก่อน ท่านอ.อุบลจึงได้ช่วยเหลือด้วยการให้เลือกข้างระหว่างพระพุทธเจ้าและพระเทวทัต ไอซ์ขอเลือกอยู่ฝ่ายพระพุทธเจ้า และได้ทำการขมาพระพุทธเจ้าที่เลยหลงผิดไป
เหตุการณ์วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เราได้คิดว่า เรานี้เป็นชาวพุทธ สำหรับเอาไว้กรอกเอกสารอย่างเดียวจริงๆ ไม่ได้ศึกษา ปฏิบัติตามที่ระบุไว้ว่าเป็นชาวพุทธเลย
วันนี้ได้ตั้งใจเปลี่ยนตัวเอง ว่าเราจะต้องรักษาศีล 5 ให้ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 22:55:19


ความคิดเห็นที่ 162 (1623240)

ปราฏิหารย์ที่เกิดกับตัวเองครั้งแรงหลังจากที่สารภาพบาปตามคนอื่น

วันนั้นได้อาศัยรถที่เจี๊ยบกลับกรุงเทพ เมื่อมองไปที่ป้ายข้างถนนก็แปลกใจว่า เกิดอะำไรขึ้นทำไมถึงเห็นชัดแบบนี้

ก็ได้ทำการทดสอบอีกครั้งด้วยการมองไปไกลๆ ก็สามารถอ่านป้ายออกได้อย่างชัดเจน ทั้งๆก่อนหน้าที่จะไปบ้านสวนตัวไอซ์มีปัญหาสายตา และได้ไปตัดแว่นสายตาเรียบร้อยแล้ว

แต่หลังจากที่ขมาพระพุทธเจ้าที่ตัวเองได้ใช้สายตาไปในทางที่ไม่ควร ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยได้ใช้แว่นสายตาอันนั้นอีกเลยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-08 23:02:55


ความคิดเห็นที่ 163 (1623320)

มาบ้านสวนพีระมิดครั้งที่ 2

 

ครั้งนี้ท่านอ.อุบลเมตตาให้คนที่เคยเป็นสาวกของพระเทวทัตมาก่อน ได้เลือกข้างว่าจะอยู่กับพระพุทธเจ้า หรือพระเทวทัต ไอซ์ขออยู่ฝ่ายพระพุทธเ้จ้า และตั้งใจจะทำความดี รักษาศีล 5 ให้ได้ ตอนนั้นไอซ์มีความทุกข์ใจเกิดขึ้น ทุกข์มาก ทำไงก็ไม่หาย เผลอเป็นไม่ได้ ปรามาสท่านอ.อุบลอยู่ตลอดเวลา ทำให้กลัวการเข้าใกล้ท่านอาจารย์มาก กลัวคิดไม่ดีกับท่าน ตลอดเวลาที่อยู่บ้านสวนได้เห็นพี่เหมียวตั้งใจสร้างบุญมาก และทำอย่างขะมักขะเม้น เลยทำ่ตาม ครั้งแรกที่สร้างบุญด้วยแรงกายในบ้านสวนคือ การตัดไม้ฟืนค่ะ หลังจากนั้นก็ได้ตั้งใจสร้างบุญด้วยแรงกายอย่างเต็มที่ ด้วยแรงบันดาลใจที่เห็นการสร้างบุญของพี่เหมี่ยว

 

ได้อะไรบ้างตลอดเวลาที่มาสร้างบุญในบ้านสวนพีระมิด

ไอซ์ได้เรียนรู้ธรรมะที่่เข้าใจได้ง่ายๆ จากเคยที่อ่านหนังสือแล้วไม่ค่อยจะเข้าใจเลย และได้รู้ถึงผลของกรรมว่ากรรมนั้นเกิดจากอะไร เป็นเพราะว่าเราได้เคยทำอะไรมาก่อน

จากการที่ได้ฟังคำสารภาพบาปผ่านเสียงตามสายที่อ.อุบลเปิดให้ฟังระหว่างการสร้างบุญ ทำให้ได้รู้ว่า บาปกรรมเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนจริงๆ บางอย่างเราไม่เคยคิดว่านั่นคือบาปกรรม แต่มันเป็นบาป และสิ่งเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ไอซ์ได้เคยทำไปแล้วทั้งสิ้น เช่น การล้อเลียนผู้อื่น การแอบชอบผู้อื่นในใจ แอบคิด การชอบของฟรี (อันนี้เมื่อก่อนไอซ์ชอบมาก ฝังอยู่ในสันดานเลยก็ว่าได้) การไปกินข้าวกับเพื่อนผู้ชายที่แต่งงานแล้วหรือ มีแฟนแล้ว ทั้งที่เราไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเค้าเป็นเพื่อนเรา แถมกินฟรี เค้าเลี้ยงเราอีกต่างหาก 

เพราะอาจารย์เมตตาบอกว่าเป็นบาป เพราะเราไปเบียดเบียนเงินของเค้า แทนที่เค้าจะได้เอาเงินนั้นไปเลี้ยงครอบครัว แต่ก็เอามาเลี้ยงเราแทน มันเป็นบาปมาก อันนี้โดนไปเต็มๆ ไอซ์ทำบาปมานานเลย คิดว่าข้อ 2 ต้องเป็นแค่การลักขโมยเท่านั้น แต่ที่ไหนได้ มันมีมากกว่านั้นอีก ได้ตาสว่างเข้าใจในการรักษาศีลมากขึ้น

ได้รับฟังญาติธรรมที่มาสารภาพบาป ก็ได้สำรวจตัวเองมากขึ้นไปด้วย พบว่า ตัวเองนั้นเลว บาปหนา ชั่วช้าจริงๆ ไ้ด้เคยทำมาหมดทุกอย่างเลย

และได้รับรู้ เห็นถึงความเมตตาของอ.อุบลมากขึ้นเรื่อยๆ ศรัทธาในตัวท่านก็เริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านช่วยเหลือคนอื่น ทั้งที่ไม่รู้จัก ไม่ใช่ญาติ (ดูตัวไอซ์เองเป็นหลัก) เสียสละบ้าน ที่ิดิน เงินทอง เวลา ทั้งของตัวท่านเองและครอบครัวเพื่อช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์ เรียนรู้ถึงการรักชาติ ศาสนา พระมหากษัิตริย์ ว่าจริงๆแล้วทำอย่างไร ไม่ได้แค่การพูดออกมาเฉยๆ การเคารพรักในพระพุทธเจ้า และพระเจ้าอยู่หัวอย่างจริงจังและจริงใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-09 11:14:25


ความคิดเห็นที่ 164 (1623321)

ตัดสินใจสารภาพบาป ด้วยแรงบันดาลใจจากพี่อ้อย

ขอขึ้นหัวข้อไว้ก่อนนะคะแล้วจะมาเขียนเล่า่ต่อ เนื่องจากหมดเวลาแล้ว จะพยายามมาเขียนต่อคืนนี้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-09 11:17:27


ความคิดเห็นที่ 165 (1623383)

 ตอนนี้ คุณมาร์ค ได้เปิดห้อง สารภาพบาปไว้แล้วค่ะ

ขอให้ทุกคนไปเขียน สารภาพบาป ขอบคุณ หรือ เล่าปรสบการณ์ เป็นธรรมทาน

ได้ในห้องดังกล่าวนะคะ ที่เขียนแล้ว ก็ก๊อปไปเลยค่ะ และ ใครที่เห็น ใครเขียนไว้ที่ไหน ก็ช่วยกัน

ยกไปด้วยนะคะ อนุโมทนาบุญ (ความดี มีน้ำใจ) ล่วงหน้าทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-09 19:13:33


ความคิดเห็นที่ 166 (1623385)

  ตอนนี้ คุณมาร์ค ได้เปิดห้อง สารภาพบาปไว้แล้วค่ะ

ขอให้ทุกคนไปเขียน สารภาพบาป ขอบคุณ หรือ เล่าปรสบการณ์ เป็นธรรมทาน

ได้ในห้องดังกล่าวนะคะ ที่เขียนแล้ว ก็ก๊อปไปเลยค่ะ และ ใครที่เห็น ใครเขียนไว้ที่ไหน ก็ช่วยกัน

ยกไปด้วยนะคะ อนุโมทนาบุญ (ความดี มีน้ำใจ) ล่วงหน้าทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-09 19:13:33

***

ขออนุญาติ ขยายตัวอักษรครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-08-09 19:20:35



<< ก่อนหน้า 1 [2]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.