ReadyPlanet.com


เผยความลับ ของ จักรวาล ช่วยคนรอดตาย จากภัยพิบัติ โรคร้าย ความอดอยาก ยากจน


ความลับ

ของจักรวาล

ได้รับอนุญาต

ให้เปิดเผยแล้ว

ที่

บ้านสวนพีระมิด

 

โปรด

คอยติดตาม

 

 

ห้าม

ผู้ไม่เชื่อถือถือศรัทธา

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ท้าวเวสสุวรรณ

พลังพีระมิด

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ

อ.อุบล

บ้านสวนพีระมิด

เข้ามาอ่าน

 

เพราะนอกจาก

เสียเวลาอันมีค่าของท่านแล้ว

ยังไม่ก่อให้เกิดผลดี

ทางที่ดี ไม่เชื่อ

อยู่ห่างๆ

อ.อุบล

บ้านสวนพีระมิด

เข้าไว้ ปลอดภัยที่สุด

ค่ะ พี่น้อง

 

(ใครที่รับทราบแล้ว เชิญร่วมสนทนา)

 



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-09-11 19:05:43


<< ก่อนหน้า 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 201 (1571704)

 

ขอบคุณน้องอ้อยมากค่ะที่่ช่วยชี้แนะทางบุญ

พี่ก็เคยเขียนสารภาพบาปลงเวปแล้ว มีอะไรก้จะเข้ามาเขียนเพิ่มค่ะ

และขอบคุณๆธนาที่ให้กำลังใจในสิ่งที่เราสามารถจะทำได้

ก็พยายามอยู่ค่ะ สิ่งใดที่สามารถจะช่วยท่านอาจารย์ได้ก็ยินดีค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี (kanungnuch03-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-16 21:39:46


ความคิดเห็นที่ 202 (1571733)

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์แห่งบ้านสวนพีระมิค

 

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบล ท่านอาจารย์มงคล  ศุภาเดชาภรณ์

 

ดิฉันนางวิราภรณ์  พุฒศรี ขออนุญาตชมความลับของจักวาลด้วยค่ะ

 

ขออนุโมทนา  สาธุ  สาธุ   สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วิราภรณ์ พุฒศรี ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-16 23:09:35


ความคิดเห็นที่ 203 (1571743)
image

นมัสการองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์

หลวงพ่อปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

 
สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด
ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ องค์ดตาจินิน
องค์ฟาโรห์ของอียิปต์
 
 
ท่านอาจารย์มงคล-ท่านอาจารย์อุบล
 
ที่เคารพอย่างสูงครับ
 
*************************************
  
ผมขออนุญาตนำภาพถ่ายดาวอังคาร
จากยานอวกาศของนาซ่า
เรื่องราวของเด็กที่มาจากดาวอังคาร
และคัมภีร์มรกต
นำมาให้ชมและอ่านกันครับ
 
อนุโมทนาบุญกับธรรมทานจากทุกท่าน 
ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 00:40:16


ความคิดเห็นที่ 204 (1571745)
image

ภาพที่ ๑ ใบหน้าลึกลับบนดาวอังคาร

(องค์สฟิงซ์)

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 00:47:33


ความคิดเห็นที่ 205 (1571746)
image

ภาพที่ ๒ สิ่งก่อสร้างคล้ายปิระมิด

บนดาวอังคาร

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 00:51:50


ความคิดเห็นที่ 206 (1571747)
image

ภาพที่ ๓ สฟิงซ์บนดาวอังคาร

(ใช่หรือเปล่า)

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 00:55:59


ความคิดเห็นที่ 207 (1571748)
image

ภาพที่ ๔ สิ่งที่คล้ายท่อแก้ว บนดาวอังคาร

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 00:58:43


ความคิดเห็นที่ 208 (1571749)
image

ภาพที่ ๕ สิ่งก่อสร้างใหม่ บนดาวอังคาร

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 01:00:57


ความคิดเห็นที่ 209 (1571750)
image

ภาพที่ ๖ สิ่งก่อสร้างใหม่ บนดาวอังคาร

(ซูมใกล้ ๆ)

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 01:02:18


ความคิดเห็นที่ 210 (1571767)
image

Boriska เด็กจากดาวอังคาร?

Boriska (ชื่อของเด็กคนนี้)


เด็กชาวรัสเซีย อ้างว่า ชาติก่อนเคยอาศัยอยู่ในยุค
ที่อารยธรรมดาวอังคารยังคงรุ่งเรืองก่อนที่จะเกิด
สงครามมหาประลัย

Boris Kipriyanovich เป็นเด็กอินดิโก ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในรัสเซีย
หลังจาก Gennady Belimov อาจารย์มหาวิทยาลัยในภูมิภาค Volgograd ของรัสเซีย
ตั้งแต่ Boriska อายุเจ็ดขวบ เขาทำให้ผู้ใหญ่ตกตะลึงในระหว่างการเข้าค่ายพักแรม
เป็นเวลาชั่วโมงครึ่งที่ทุกคนเคลิบเคลิ้มกับการฟังบรรยายเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของเขา

บนดาวอังคารและ Lemuria เขาได้เตือนถึงหายนะที่จะมีผลกระทบต่อโลกในปี 2009 และ 2013

Boriska บอกเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้าของเขาบนดาวอังคาร
เกี่ยวกับความจริงที่ว่าดาวเคราะห์สีแดงนั้นเคยเป็นที่อยู่อาศัยจริง
แต่เป็นเพราะมหาภัยพิบัติที่มีความรุนแรงมากที่สุด
และได้ทำลาย
จนสูญเสียชั้น บรรยากาศ และว่าในปัจจุบัน

ชาวดาวอังคารทั้งหมดจะอยู่ในเมืองใต้ดิน

Boriska ช่วยยืนยันข้อความในหนังสือว่า

ผู้คนจะพากันพบความรู้ภายใต้ปิรามิดหนึ่ง
(น่าจะเป็นคัมภีร์มรกตแห่งโธท)

มันยังไม่ได้รับการค้นพบ
"ชีวิตจะเปลี่ยนไปเมื่อสฟิงซ์จะถูกเปิด

(คัมภีร์มรกตของโธทถูกพบใต้สฟิงค์)
" เขากล่าวเสริมว่ามหาสฟิงซ์มีกลไกการเปิดอยู่ตรงไหนสักแห่ง

(แต่เขาจำไม่ได้)


ที่มา : www.unigang.com/Article/8403

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 01:34:18


ความคิดเห็นที่ 211 (1571770)
image

คัมภีร์มรกต

ผู้เขียนมังกรจักรวาล(ดร.สุวินัย) พูดถึงข่าวสารเกี่ยวกับความลับของปิรามิด ของชาวแอตแลนติสที่ชื่อ โธท(THOTH) ที่ถูกบันทึกไว้ใน "คัมภีร์มรกต"(The Emerald Tablets) (1939) ที่ท่านรู้มาว่า คัมภีร์มรกต เป็นภาษาแอตแลนติส และถูกนำมาแปลโดยคุรุแห่งศัมภาลาคนหนึ่ง

ชื่อ ดร.มูเรียล (Muriel Doreal) ( ค.ศ. 1901 - 1963 ) ในสังกัดของ Brotherhood of the White Temple ของศัมภาลา(Shambhala) ในธิเบต "คัมภีร์มรกต" นี้

ดร.โดเรียลอ้างว่า เป็นหนึ่งในความรู้ของปิรามิด ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ยกเว้นคัมภีร์ในศัมภาลานคร ใต้พิภพในธิเบต ที่ยังไม่เปิดเผยออกมาเท่านั้น

ความเป็นมาของคัมภีร์มรกต จาก ดร.มูเรียล โดเรียล

......."…ที่มาของคัมภีร์มรกตที่ผมแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษนี้

ช่างน่าพิศวงเหลือเกิน เพราะมันมีอายุเก่าแก่มาก ถึงสามหมื่นหกพันปี

ก่อนคริสต์กาลทีเดียว ผมรับรองว่า

พวกนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่มีทางยอมเชื่อในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ผู้เขียนคัมภีร์มรกตนี้ เป็นชาวแอตแลนติส ชื่อ โธท

หรือเรียกอีก อย่างหนึ่งว่า เฮลมอส

ภายหลังจากที่ทวีปแอตแลนติสล่มสลายจมลงใต้สมุทรแล้ว

โธทได้ไปสร้างอาณานิคมแห่งหนึ่งของแอตแลนติสที่อียิปต์โบราณ

โธทนี่แหละ ที่สร้างมหาปิรามิดแห่งกีซา

แต่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผลงานของพระเจ้าคีออปส์

โธทได้บรรจุองค์ความรู้และภูมิปัญญาโบราณ ของตน

ซ่อนเอาไว้ใต้มหาปิรามิด พร้อมกับบันทึกของแอตแลนติส

และเครื่องมือต่างๆ…" "โธทปกครองอียิปต์โบราณ เป็นเวลา 16,000 ปี

ในช่วง ห้าหมื่นปีถึงสามหมื่นสี่พันปีก่อนคริสต์กาล

เขาได้ฉายาจากผู้คนว่า เป็นเทพผู้อมตะ

คัมภีร์มรกตถูกเก็บเอาไว้ในมหาปิรามิด

และได้รับการดูแลโดยเหล่าศิษย์ของโธท

หลังจากที่โธทจากอียิปต์ไปแล้ว

ซึ่งคัมภีร์นี้มีอยู่ทั้งหมด 12 แผ่น ต่อมาในราว หนึ่งพันสามร้อยปีก่อนคริสต์กาล เกิดความวุ่นวายในอียิปต์

กลุ่มพระผู้ดูแลมหาปิรามิด ได้นำคัมภีร์มรกตไปที่อเมริกาใต้

ที่เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของแอตแลนติสเหมือนกัน

นั่นคือชาวเผ่ามายา"

......."ในศตวรรษที่ 10 ชาวเผ่ามายาได้อพยพไปที่อื่น

คัมภีร์มรกตได้ถูกซ่อนไว้ใต้แท่นบูชาของวิหารที่บูชาพระอาทิตย์"

มหาปิรามิดแห่งกีซามิใช่ห้องเก็บศพของพระราชา

แต่เป็นอารามถ่ายทอดวิชาเร้นลับต่างหาก

ตัวผมได้บุกป่าฝ่าอันตรายคนเดียวเข้าไปพบคัมภีร์มรกตนี้ที่

ประเทศเม็กซิโก เมื่อปี 1925 แต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้นำฉบับจริงออกมา

จึงได้แต่คัดลองคัมภีร์นี้กลับมาแทน"

.......แน่นอนว่า มีแต่ ดร.โดเรียลคนเดียวเท่านั้น ที่อ่านรู้เรื่อง

ความน่าเชื่อถือ ผมคิดว่า ยังสู้ของ เอ็ดการ์ เคซี่ที่มีผลงาน "การอ่าน"

ในอดีตพิสูจน์ยืนยันไม่ได้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า

ทั้งสองท่าน พูดเหมือนกันว่า

มหาปิรามิดถูกสร้างโดยชาวแอตแลนติสที่ชื่อ เฮลเมส"

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 1


.......กล่าวถึง ความเป็นมาของชาวแอตแลนติสชื่อโธท

 โดยโธทเล่าเรื่องตัวเองว่า

เขาต้องการบันทึกองค์ความรู้อันยิ่งใหญ่ของ แอตแลนติสไว้ให้คนรุ่นหลัง

.......โธทบอกว่า ทุกๆพันปี และทุกๆห้าสิบปี เขาจะทำการ "อวตาร"

และชุบร่างกายให้หนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง โดยเข้าไปในอารามศักดิ์สิทธิ์

และนอนใต้ "ดอกไม้แห่งชีวิต" หรือ อาบ "ไฟแห่งชีวิต"

ตอนที่โธทเขียนคัมภีร์เล่มนี้ เขามีอายุ ห้าหมื่นปีแล้ว

โธทบอกว่า เขาสามารถตั้งจิตให้ดวงวิญญาณของเขา ไปเกิดในร่างอื่นหรือชีวิตอื่นได้

โดยร่างเดิมของเขายังนอนหลับอยู่ เขาจึงสามารถเดินทางไปทั่วจักรวาลได้

โดยเพ่งจิตไปที่หัวใจของตน เพราะที่นั่นมีความเร้นลับอันยิ่งใหญ่ดำรงอยู่

โธทและผู้ติดตามนั่ง "จานบิน" ไปยังอียิปต์

และใช้ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่ควบคุมโดยอำนาจจิต

สามารถปล่อยแสงปล่อยพลังได้ต่างๆนานา สะกดให้ผู้คนที่นั่น

ยอมรับในตัวเขาคือเทพเจ้าและเป็นบุตรของพระอาทิตย์

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 2

.......โธทบอกว่า ที่ตั้งของอารามศักดิ์สิทธิ์ที่เขาใช้ชุบร่างกายทุกห้าสิบปี นั้น

อยู่ใต้ทวีปแอตแลนติส

ณ ที่อารามนั้น เป็นศูนย์รวมของ "พลังชีวิต" ที่ค้ำจุนสรรพชีวิตบนพื้นโลก

ที่เรียกว่า "ดอกไม้แห่งชีวิต" ซึ่งทำหน้าที่เดียวกับ "โซล่าเพลกซัส"

(จักรสะดือ) ในร่างกายมนุษย์

ซึ่งเป็นตำแหน่งเก็บพลังชีวิตของมนุษย์

โดยมีทางเข้าของพลังอยู่ที่กลางกระหม่อม (จักรมงกุฎ)


.......เมื่อโธทได้ฝึกฝน "พลังชีวิต" (ปราณ) จนตัวเขาบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้แล้ว

ขาสามารถเลือกวิธีแห่งการทำงานของเขาได้อย่างเสรี

จะไปอยู่ดวงดาวอื่นหรือภพอื่น

หรือจักรวาลอื่นก็ย่อมได้ดังใจปรารถนา แต่ตัวเขากลับตัดสินใจอยู่ในโลกนี้ต่อ

และทำงานให้โลกนี้ต่อ เพื่อเป็นผู้นำแห่งการชี้นำจิตวิญญาณของหมู่มนุษย์

ให้หลุดพ้นจากความมืดมิด และฟื้นฟู "ความเป็นเทพ"

หรือ "ความเป็นพระเจ้า" กลับคืนให้แก่มวลมนุษย์

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 3

........กล่าวถึงกุญแจที่จะไขไปสู่ "ปัญญา" ที่จะนำมาซึ่ง "พลัง"

และพลังจะทำให้เกิดปัญญาว่า

อยู่ที่ความถ่อมตัว

เพราะ ผู้ที่ยะโสหลงตัวเองคือคนโง่ที่ปฏิเสธที่จะเรียนรู้

........คนเราพึงปฏิบัติตามคำสั่งของ "คุรุ"

หรือสิ่งที่อยู่ในตัวเรา หรือ "อาตมัน"

ทรัพย์สมบัติเป็นเพียงวิธีการ ไม่ใช่เป้าหมาย

เมื่อความต้องการทางวัตถุได้รับการตอบสนองแล้ว

ควรหันมาสนใจยกระดับจิตวิญญาณ "อาตมัน" หรือ "ใจที่แท้"

ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งกลางของหัวใจ

ที่เชื่อมโยงกับต่อมไพนีลในสมองได้

ใจที่แท้" นี้ไม่แค่สนใจแสวงหาเรื่องความมั่งคั่งเลย

มันสนใจแต่เรื่อง "ความเป็นพระเจ้า"

หรือ "ความบริสุทธิ์ของจิตเท่านั้น"

"ความรัก" เป็นจุดเริ่มต้นของ "ทาง"

และเป็นจุดสิ้นสุดของ "ทาง"

........โธทเน้นความเป็นเอกภาพของทุกๆสิ่งในจักรวาล

ที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วย "ความรักอันยิ่งใหญ่"

ความสงบเงียบ คือกุญแจสำคัญไปสู่ความรุดหน้า

จงใช้ความสงบเงียบรักษาพลังภายในตัวเราไว้

อย่าหลงตัวเอง ว่าเรายิ่งใหญ่กว่าใครอื่น

เพราะทุกคนต่างก็เป็นเพชร

ต่างกันที่บางคนเป็นเพชรที่ยังไม่เจียระไนเท่านั้น

....ร่างกายเป็นธาตุดินที่หยาบ

จิตเป็นธาตุไฟที่ละเอียด

ก่อนที่จิตวิญญาณจะเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับ

"พระอาทิตย์ดวงแม่"

(พระอาทิตย์ในโลกทิพย์)

จิตวิญญาณจะต้องละจากร่างกายที่เป็นวัตถุหยาบเสียก่อน

........พลังสร้างสรรค์เกิดจากการเปิดตาที่สามหรือต่อมไพนีล

คนธรรมดาตาที่สามจะเปิดอยู่เล็กน้อย ต้องฝึกฝนให้ตาที่สามเปิดกว้างเต็มที่

เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปรมาตมันได้

มีแต่ความเพียรกับประสบการณ์เท่านั้น

ที่จะทำให้จิตใจหลุดพ้นจากความมืดมิดได้

วัตถุเป็นเพียงรูปการที่แสดงออกมาของจิตเท่านั้น

ขั้นสุดท้ายวัตถุกับจิตจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน


สรรพสิ่งล้วนอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

มนุษย์เพียงใส่ "จิต" เข้าไปในกฎของธรรมชาติเท่านั้น

"ปัญญา" จะมาหาแก่ผู้แสวงหามัน

สิ่งสำคัญคือ

โลกทางวัตถุคือมายาที่เกิดจากใจของผู้ที่มีอวิชชา

แต่โลกวัตถุนี้ก็เป็นการสำแดงตนของพระเจ้าผู้สร้างโลกด้วยเช่นกัน

(กฎของจักรวาล)

ไม่ว่าจะเป็นยุคใดก็ตาม "ผู้ที่ตื่นแล้ว"

จะได้รับแสงสว่าง ปัญญา และความเร้นลับเสมอ

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 4

........
โธทได้กล่าวถึงประสบการณ์ทางจิตในการท่องจักรวาล

จนเขาได้พบกับ "จิตสำนึกแห่งจักรวาล"

และได้เรียนรู้ว่ามนุษย์ เป็นส่วนหนึงของจิตสำนึกแห่งจักรวาลนี้

ดุจความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับเซลล์สมอง

โธทได้แนะวิธีถอดกายทิพย์ออกจากกายหยาบว่า

วิธีที่ดีที่สุดคือการขยาย "โซล่าเพลกซีส" (จักรสะดือ)

หรือ "ดอกไม้แห่งชีวิต" ในกายคนให้ใหญ่ขึ้น

จนพลังชีวิตไหลเข้ามากระตุ้นกายหยาบให้ทำงานอย่างมีชีวิตชีวา

เพื่อเป็นการเตรียมให้จิตออกจากร่างได้ราบรื่น

ต่อไป ทำการอดอาหารในช่วงสั้นๆ ราวๆหนึ่งวัน

เพื่อตัดความรู้สึกภายนอกและไม่พูดจาใดๆ อยู่ในความสงบ

เมื่อความสงบบรรลุถึงภาวะสมบูรณ์

โดยผ่านการโน้มนำแห่งจิตแล้ว

ให้เพ่งจิตไปที่ต่อมไพนีล ที่เป็นที่ตั้งของจิตวิญาณ

ก่อนที่จะนึกถึงสถานที่ที่กายทิพย์ต้องการจะไป

โดยจะต้องทำการสั่นขึ้นที่ต่อมไพนีล จากนั้นให้จิตหมุนภายในสมอง

แล้วให้จิตเคลื่อนที่ออกนอกศีรษะไปตามเส้นโค้งที่เกิดจากการหมุนข้างในนั้น

........
การสั่น (Vibration) เป็นความเร้นลับอันยิ่งใหญ่

สรรพสิ่งล้วนเป็นความสั่นของคลื่นทั้งสิ้น

การสั่นของคลื่น เป็นกุญแจของการสร้างจิตที่หลุดพ้น หากอยากเข้าถึงปัญญา

ก็ต้องหมั่น "ภาวนา"

เพราะการภาวนาเป็นการปรับการสั่นของคลื่น

ให้สอดคล้องกับพระผู้เป็นเจ้า

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 5

.......โธท กล่าวถึง เหล่าที่พำนักอยู่ที่เกาะอุนาล

ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดเกาะของดินแดนแอตแลนติส

และเล่าถึงการพาชาวแอตแลนติสกลุ่มหนึ่ง

รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ขึ้นจานบินมาที่อียิปต์

ก่อนที่ทวีปแอตแลนตีสจะล่มสลาย

หลังจากที่ทำให้ชาวอียิปต์นับถือบูชาได้แล้ว

โธทก็ได้สร้าง ปิรามิดกับสฟิงส์ขึ้นมา

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 6

.......โธทถ่ายทอดเคล็ดลับการเอาชนะพลังมืดเอาไว้

หากเป็นพลังมืดจากภายนอก ให้เข้าไปอยู่ในห้องมืด

และปิดวงกลมล้อมรอบตัวเองไว้

เพราะวงกลมสามารถ มีพลังป้องกันภูตร้ายได้

จากนั้นก็ท่องชื่อ คุรุทั้งเจ็ด ดังนี้

Untanas , Quertas , Chietal , Goyana ,

Huertal , Semveta , Ardal

.......แต่ถ้าเป็นพลังมืดภายในจิตใจ ให้สร้างความสั่นขึ้นภายในต่อมไพนีล

ก่อนที่จะขับออกไปจากร่างกายพร้อมกับลมหายใจออก

ความคิดเห็นที่ 212 (1571788)
image

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 7

.......โธทบอกว่า ชีวิตคนเต็มไปด้วยอุปสรรค มีหลุมพลางต่างๆ

ที่คอยฉุดให้มนุษย์ลงสู่หนทางที่ตกต่ำ

.......ดังนั้น

.......ผู้แสวงหาทุกคน ควรตั้งเป้าหมายชีวิตไว้กับ

การเป็นหนึ่งเดียวกับจิตสำนึกแห่งจักรวาล

จงเพ่งกระแสจิตและความคิด ไปข้างในตัวเอง

เพื่อค้นพบ "จิตวิญญาณที่เป็นแสง" อยู่ข้างใน

และเมื่อนั้น ตัวเราก็จะเป็น "คุรุ" ของตัวเรา


คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 8

.......โธทบอกว่า ในสัญลักษณ์ต่างๆ จะมี กุญแจ ไปสู่ปัญญาได้

โดยที่ปัญญาก็คือความรู้เกี่ยวกับ

"การประยุกต์ใช้กฎแห่งจักรวาล" นั่นเอง

บางครั้งปัญญาก็แฝงอยู่ในความมืด

ต้องใช้ความพยายามเสาะหาเอง

ความเป็นแสง ซ่อนตัวอยู่ในความมืดฉันใด

ปัญญาที่แท้จริง ก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดฉันนั้น

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 9


.........โธทบอกให้แสวงหาความเป็นวงกลม

เพราะวงกลม (จักร) เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงถึง

ความสมบูรณ์ของการเป็นช่องทางให้พลังจักรวาล

ไหลผ่านศูนย์ต่างๆในร่างกาย

การใช้ภาษาก็เป็นสิ่งสำคัญ

เพราะภาษาคือคลื่นหรือความสั่น ที่ปลดปล่อยพลังออกมา

มนุษย์ นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่วัตถุ

แต่คือแสงหรือพลังงานที่เปล่งมาจากต้นตอ

ที่เป็นนิรันดร์ต่างหาก

แต่คนเราเห็นเป็นวัตถุไปเอง

เพราะ

..
สิ่งที่เรียกว่าวัตถุนั้น

จริงๆแล้วก็คือแสงเช่นกัน

แต่คนเห็นเป็นวัตถุไป

(หากได้อ่าน ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ กับศาสนาตะวันออก

คงพอเข้าใจถึงความสัมพันธ์ ดังกล่าว)

คนเรามีปัญญาอยู่แล้ว ก็ควรที่จะแสวงหาปัญญาเพิ่มอยู่เสมอ

มนุษย์สามารถทำตัวเองให้เป็นได้ทั้งเทพและมาร

และโธทได้ให้มนตร์ในการปลุกพลังภายในตัวเอง คือ "Zin Uru"

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 10

........โธทบอกว่า จิตวิญญาณที่สามารถ

เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาลได้แล้ว

จะเป็นเหมือน "พระอาทิตย์ในหมู่แสง"

สิ่งที่ชี้นำชะตาชีวิตของคนเรานั้น

ก็คืออาตมันของผู้นั้น

ซึ่งเป็นเสียงแห่งความสงบเงียบของจักรวาล

........
ร่างกายคนเราเกิดมาจากขั้วสองขั้ว

หากขั้วใดขั้วหนึ่งเสียสมดุล จะทำให้เกิดโรคภัย

แต่ถ้าร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลโดยสมบูรณ์

ระหว่างสองขั้วนี้ คนผู้นั้นจะปลอดโรคและไม่ตาย

สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ร่ายกายเสียสมดุล

เกิดจากการเสียสมดุลของใจแทบทั้งสิ้น

ทำให้ต่อมไร้ท่อบกพร่อง

ถ้านอนเอาศีรษะหันไปทางทิศเหนือ(ขั้วบวก)

ให้วางจิตอยู่ระหว่างช่วงหน้าอกถึงศีรษะ

ถ้านอนเอาศีรษะหันไปทางทิศใต้(ขั้วลบ)

ให้วางจิตอยู่ระหว่างช่วงหน้าอกถึงปลายเท้า

หากฝึกเช่นนี้ได้ จะช่วยให้เกิดสมดุลภายในร่างกาย


........เมื่อถึงเวลาใกล้ตาย แล้วต้องรักษาความทรงจำในชาตินี้

ให้ไประลึกได้ในชาติหน้า โธทบอกให้ทำดังนี้

จงผ่อนคลายร่างกายอย่าให้เกิดความตึงเครียดใดๆ

เป็นอันดับแรก

ต่อจากนั้น เอาจิตสำนึกของตน ไปตั้งไว้ที่หัวใจ

ก่อนที่จะโน้มนำอย่างรวดเร็ว ไปที่ต่อมไพนีล

(บริเวณกึ่งกลางของสมอง)

ตั้งใจไว้ที่ต่อมไพนีลชั่วครู่

แล้วค่อยเคลื่อนจิตไปที่ต่อมพิตทูอิทารี บริเวณกึ่งกลางหัวคิ้ว

ซึ่งเป็นที่ควบคุมความทรงจำของชีวิต กำหนดจิตไว้ที่จุดนี้

จนกระทั่งความตายมาพาตัวเราไป

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 11


โธทบอกว่า

วิถีของจิตวิญญาณ มีอยู่ 3 ด้วยกันคือ

พัฒนาจากมนุษย์ที่เป็นสัตว์โลก

ไปเป็นจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ก่อน

แล้วค่อยพัฒนาเป็น "แสงสว่าง" หรือเทพเจ้า


และอุปสรรค ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ

ขาดความเพียรพยายามในการแสวงหาธรรม

ไม่เอาใจใส่ในพระผู้เป็นเจ้า

และหมกมุ่นอยู่กับความชั่วช้า

พลังในการสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ

การมีความรักอันศักดิ์สิทธิ์

การมีปัญญาในการใช้วิธีการทั้งปวง

และการมีความมุ่งมั่น ที่จะผนึกความรักอันศักดิ์สิทธิ์

กับปัญญาอันศักดิ์สิทธ์เข้าด้วยกัน

.........การพิชิตพลังแห่งความมืด

ไม่ใช่การต่อสู้กับความมืด

แต่คือการเปล่งแสงแห่งอาตมัน

หรือความเป็นพระเจ้าในตัวเรา

ให้เจิดจ้าออกมาต่างหาก

.........คำสอนเหล่านี้ อย่านำไปสอนต่อผู้มีใจไม่สะอาด และผู้มีใจอ่อนแอเลย

มันจะเป็นความสูญเปล่าโดยแท้

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 12

โธทบอกว่า บทนี้เป็นสุดยอดแห่งความลับทั้งปวง

........เพราะเขาจะถ่ายทอดพลัง

เพื่อการเป็น "เทพมนุษย์" ให้แก่ผู้เป็นศิษย์เขา

การเป็น "เทพมนุษย์"

คือ

การสำแดงออกซึ่งความเป็นแสงสว่าง

ของพระเจ้าที่อยู่ในตัวมนุษย์นั่นเอง

อันที่จริง "ความมืด" กับ "ความสว่าง"

เป็นสิ่งต่างกันแค่ภายนอกเท่านั้น

แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นสองด้านของสิ่งที่เป็นธาตุแท้เดียวกัน

ที่มาจากต้นตอเดียวกัน

ความคิดเห็นที่ 213 (1571797)

อนุโมทนาข้อมูลเพิ่มเติมทั้งจาก

คุณตุ้ยและคุณโฆษิตด้วยนะคะ

ก็ดีเหมือนกันนะคะ นำองค์ความรู้ทั้งหมด

มารวมไว้ในกระทู้นี้กระทู้เดียว เพื่อความสะดวก

ในการศึกษาของชาวบ้านสวนฯทุกๆท่าน


แต่ประเด็นต่อจากนี้คือ เมื่อเรารู้ความลับแล้ว

เราจะนำไปใช้อย่างไร ให้เราพ้นทุกข์ หายจน

หายเจ็บ รอดตายจากภัยพิบัติ ซึ่งกุญแจสำคัญที่

เราจะใช้ไขเข้าไปหา"คำตอบ"นี้ก็อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลหรอก

อยู่ในกายและใจ ในดีเอ็นเอของเรานี่เอง

เพราะเราเกิดมาพร้อมกับอุปกรณ์สำคัญนี้

ฉะนั้น หาให้เจอและใช้ให้เป็น นะคร๊าบ..พี่น้อง

เพราะชนิดาก็หา อยู่เหมือนกัลล์

 

คำชี้แนะจากท่านอ.อุบล รวมถึงองค์ความรู้

ทั้งหมดเหล่านี้ เป็นเพียงแผนที่นำทางเท่านั้น

แต่เราต้องเดิน ด้วยขาของเราเอง


อนุโมทนากับทุกๆธรรมทานจากท่านอาจารย์

และพี่น้องบ้านสวนฯทุกๆท่านด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 07:19:27


ความคิดเห็นที่ 214 (1571798)

 ขอบคุณ  อนุโมทนา  ในธรรมทานของทุกท่านนะครับ

เห็นด้วยกับพี่ชนิดานะครับ

เราต้องเดินไปตามแผนที่ที่เราได้เริ่มกางดูแล้วล่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 07:30:12


ความคิดเห็นที่ 215 (1571825)

ขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่าน แต่จะทำยังไงถึงจะไปให้ถึงดวงดาวนี่สิ ตัวของเราเท่านั้นที่จะต้องพยายามเดินต่อไปให้ถึงจุดหมายที่ได้รับมอบหมายมา

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 12:40:16


ความคิดเห็นที่ 216 (1571859)

อนูโมทนาทุกท่านค่ะ

ตอนนี้หมวยมีคำตอบคำเดิม

อยู่ค่ะ คือ พระพุทธเจ้า

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 16:25:03


ความคิดเห็นที่ 217 (1572047)

น้องตุ้ยภาพที่พี่อ๊อดได้ดูจากสารคดี

ด้านบนจะเป็นทางเดินยาวพอประมาณทั้งสองด้าน

และด้านหน้าเป็นบันไดเดินขี้นไปได้

จำได้เขาบอกว่าเอาไว้กำหนดวัน  เดือน  ปี

นี้แหละ...ที่ดูตอนนั้นยังเป็นป่ารกมาก...จ๊ะ

                                   

                                            

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 19:31:19


ความคิดเห็นที่ 218 (1572101)

 อนุโมทนากับข้อมูลจากพี่ตุ้ยและคุณโฆษิตด้วยค่ะ

มาถึงตอนนี้ทุกๆอย่างก็เริ่มเปิดเผย

อะไรที่ซ่อนเร้นก็ถูกเปิดออกมาให้เราได้รู้กัน

ดังนั้นเมื่อเจอทางที่ค้นพบ ค้นหามานานแล้ว

หญิงก็จะขอเดินหน้าต่อไป

ตามทางที่ตั้งใจเอาไว้ค่ะ

คำตอบอยู่ไม่ไกล ใจเรารู้ดีเป็นที่สุดค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 20:07:35


ความคิดเห็นที่ 219 (1572224)

 

 

 

 ณัชชา ขอลงชื่อด้วยคนนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ  

ผู้แสดงความคิดเห็น ณัชชา พรหมทองแก้้ว (phueng9574-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 22:26:24


ความคิดเห็นที่ 220 (1572230)

 ขออนุโมทนาบุญกับคุณตุ้ย คุณโฆษิตและญาติธรรมทุกท่านด้วยค่ะสำหรับข้อมูลค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น จินตนา อัลลาร์ด(แขก) (jintana1963-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-17 23:48:37


ความคิดเห็นที่ 221 (1572233)

Peramis หรือ ปิรามิด

Peramis หรือ ปิรามิด ที่คนทั่วไปใช้เรียกกันมาตลอด

คำคำนี้เป็นภาษาอังกฤษ หลักฐานที่ถูกจารึกไว้ใน

กระดาษปาปิรุส ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ

พิธีกรรมหรือตำนานของเทพเจ้า เช่น โอสิริส รา

แต่มีอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ที่มาของคำว่า

Peramis ซึ่งมีที่มาจากภาษากรีกว่า Pyramis

และเชื่อกันว่าชาวกรีกโบราณถอดเสียงอ่าน

มาจากเสียงที่แท้จริงของชาวอิยิปต์มากที่สุด

จากกระดาษปาปิรุสเล่มที่มีชื่อว่า คณิตศาตร์ของราห์ย

ที่ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษใน

กรุงลอนดอน จากบันทึกนั้นถอดออกมาเป็น

ภาษาอังกฤษได้ว่า Pur-Em-Us

Pur = พีร์ = เปลวไฟ

Em = อาม = โอม , อุม (การเปล่งเสียงในบทสวด

โบราณ เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ในการสังวัธยายมนตรา

อันหมายถึงพลังสูงสุด)

Us = อีส , อัส , อุส , ซุส = การพุ่งขึ้นสู่ที่สูง

จากคำที่มีความหมายเหล่านี้ พีร์อามอีส หรือ..ปีรามิส

คล้ายๆจะแปลได้ว่า

เปลวไฟแห่งพลังที่พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า

แต่พลังงานที่ว่ามาจากไหน และเกิดขึ้นได้อย่างไร..?


นิยามของมหาปิรามิด

อาร์คิเมดิส นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก

ผลรวมระยะทั้ง 4 ด้านของฐานหารด้วย 2 เท่าความสูง = 3.1416

(ค่าไพ = 3.1428)

ค่าการวัดเป็นนิ้ว (Pyramidal Inch) สามารถคำนวณ

ออกมาเป็นขนาดใกล้เคียงกับขนาดของโลกเช่น

50 นิ้วปิรามิด = 1 ใน 10 ล้าน ของแกนขั้วโลก

ผลรวมของด้านฐาน = จำนวนวันใน 1 ปี หรือ 365.240

สองเท่าของความสูงปิรามิดคูณด้วย 10,000,000 =

ความยาวระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์โดย

ประมาณ 1 นิ้วปิรามิดคูณด้วย 10,000,000 =

ค่าใกล้เคียงกับระยะทางของวงโคจรของโลกรอบ

ดวงอาทิตย์ (ค่าแตกต่างเพียงเล็กน้อยอธิบาย

ได้ว่าความกว้างวงโคจรตอนที่สร้างกับตอนนี้

แตกต่างกัน)

สองเท่าของความยาวด้านทั้งสี่ = 1 ลิปดา

หากวัดเป็นเมตรจะได้ 1,824.92 แต่ปัจจุบันวัดได้ 1,842.78 (ต่างกัน0.14)

ความยาวรวมของเส้นทแยงมุมของฐาน = 25,826.6

(ใกล้เคียงกับปีครบรอบของแกนขั้วโลกที่กลับเข้า

ตำแหน่งเดิมในทุกๆ 25,827 ปี)

น้ำหนักของปิรามิดประมาณ 600,000 ตัน

คูณด้วย 100,000,000,000,000 = น้ำหนัก

ของโลกโดยประมาณ

--------------------------

ชาร์ล เพียซซี สมิธ นักดาราศาสตร์แห่ง

ราชสำนักสก็อตแลนด์ ปี ค.ศ. 1865

ความยาวรอบฐาน หารด้วย ความกว้างของหินขัด

โดยเฉลี่ย = 365 : เท่ากับจำนวนวันใน 1 ปี

ความยาวนิ้วปิรามิด = ความยาว 1 ใน 25 ส่วนของ

หินลาดปูพื้นฐานทางยกพื้นจากปิรามิดไปวิหารต่ำ

หรือ 1 ใน 10,000,000 ของความยาวรัศมีโลก

ทางเดินเข้าไปภายในลาดเอียง 26 องศา 17 ลิปดา

ทางเข้าปิรามิดตรงกับตำแหน่งดาว อัลฟา ดราโคนีส

ทางขั้วโลกเหนือทุกประการ

และสันนิษฐานว่า จุดประสงค์ในการสร้างปิรามิดแห่งนี้

คือการสร้างอภินิหารของพระเจ้าให้ปรากฏแก่ชาวโลก

และนอกจากนี้ยังได้ค้นพบวิธีคำนวณอายุของโลกใน

อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ แต่นักวิชาการปัจจุบันไม่ยอมรับ

-------------------------

ดร.หลุยส์ อัลวาเรซ (รางวัลโนเบิลไพรซ์ สาขาฟิสิกส์ 1968)

ได้เดินทางไปทดสอบพลังบางอย่างในมหาปิรามิดพร้อมทีมงาน

ผลปรากฏว่า เครื่องมืออันทันสมัยพร้อมกับแมกเนติกเทป

ที่ใช้บันทึกข้อมูลเสียหายหมด แม้จะทดลองซ้ำก็ไม่เป้นผลทั้งๆที่ก่อน

ทดสอบได้ตรวจสภาพและทดลองใช้มาก่อนอย่างดีแล้ว

ข้อมูลต่างๆที่ได้ เลอะเลือนไปจนหมด
สรุปว่ามีแรงกระทำบางอย่างภายในที่มีคุณสมบัติเหนือกฏเกณฑ์

ทางวิทยาศาสตร์ของโลกปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง


แผนที่ดวงดาว โดยนายโรเบิร์ต โบวัลกับนายเอเตรียม กิลเบิร์ต

ได้ช่วยกันเขียนหนังสือ เรื่อง "ความลึกลับแห่งหมู่ดาวโอเรียน" ขึ้นมา

เพื่อแจกแจงว่าบรรดาตำแหน่งที่ตั้งของบรรดาปิระมิดใน

ทะเลทรายกิเซนั้น บังเอิญไปสอดคล้องกับตำแหน่งของหมู่ดาวโอเรียน

บนท้องฟ้าเมื่อ 10,500 ปีก่อน ค.ศ. !!! โดยทั้งสองยืนยันว่า

สิ่งก่อสร้างโบราณที่เรียงรายริมฝั่งแม่น้ำไนล์นั้นก็คือ

แผนผังหลัก (master plan) ของบรรดาดวงดาวบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น

และแม่น้ำไนล์นั้นก็คือ ตัวแทนของทางช้างเผือก (Milky Way) นั่นเอง

โดยจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ของจุดที่ตั้งมหาปิระมิดทั้งสามแห่งกิเซ

ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกันกับตำแหน่งของดวงดาว 3 ดวง

ที่ส่องสว่างที่สุดของแถบดาวโอเรียน

ซึ่งในอียิปต์นั้นถือว่าเป็นดาวประจำตัวของเทพโอซิริส

นอกจากนี้โบวัลกับกิลเบิร์ตยังชี้ให้เห็นว่าแกน "ระบายลม" ในปิระมิด

ก็มีมุมที่มีนัยสำคัญ นั่นก็คือ แกนทิศใต้ของห้องกษัตริย์จะชี้ตรง

ไปยังแถบดาวโอเรียน ในขณะที่แกนระบายลมของห้องราชินีจะชี้ไปยัง

"กลุ่มดาวซิรีอุส" ดาวประจำตัวของเทพีไอซิส มเหสีของเทพโอซิริสนั้นเอง

และเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า หลังจากองค์ฟาโรห์ทรงสิ้นพระชนม์

ดวงวิญญาณของพระองค์จะล่องลอยไปสถิตอยู่กับเทพโอซิริสในดวงดาวนั้น

เพราะเทพโอซิริสมีพลังอำนาจในการกลับคืนสู่ชีวิตอีกครั้งหลังความตาย

Peramis องค์ใหญ่แห่งกีซา มีต้นกำเนิดคลื่นรังสีไมโครเวฟ

หรือ นาโนเวฟ จากมุมทั้ง 5 ของโครงสร้าง

เป็นการแผ่ขยายรังสีจากโมเลกุลหรืออะตอมของมวลสารภายใน

พุ่งเป็นลำตัดตรงไปยังกึ่งกลางของแต่ละด้าน

จุดกึ่งกลางที่ตัดกันนั้นคือจุดศูนย์กลางแห่งพลังงานอันมหาศาลที่เกิดขึ้นภายในโครงสร้าง Peramis นั่นเอง

พลังงานจากปิรามิดที่เกิดขึ้นภายในจากมุมทั้ง 5 นั้น

มีความสัมพันธ์กันกับดาวนพเคราะห์ด้วย

ดวงดาวต่างๆ แรงดึงดูดของโลก

และมวลสารทุกชนิดในจักรวาล

พลังงานทั้งหมดนี้จะรวมกันที่จุดศูนย์กลาง

หรือบริเวณพื้นที่ที่สร้างเป็นห้องฟาโรห์ภายในปิรามิดนั่นเอง

โมเลกุลหรืออะตอมภายในบริเวณนี้จะดูดพลังเหล่านี้

โดยระบบการถ่ายเทพลังซึ่งกันและกันตลอดเวลา

ขณะที่มีพลังเพิ่มขึ้น วงโคจรของกระแสอิเล็กตรอนก็จะเริ่มขยายออก

และยิ่งพลังถูกดึงดูดเก็บไว้ก็จะยิ่งเพิ่มกำลังขยายออกไปมากขึ้น

ในบางครั้งมันคงจะมีอยู่จุดหนึ่งซึ่งถ้าพลังถูกดึงดูดเก็บไว้มากเกินไปแล้ว

อะตอมภายในมวลสารคงจะสลายตัวแตกออกเป็นส่วนๆ และอิเล็กตรอนก็คง

จะกระจัดกระจายออกไป ทำให้พลังงานถ่ายเทออกไปจากโครงสร้างปิรามิดไกลเกินกว่าที่จะดึงดูดไว้ได้

พลังงานลึกลับที่เกิดขึ้นนั้นเป็นพลังงานแบบเดียวกันกับ

พลังงานชี่ (Chi) ตามที่ชาวจีนโบราณเข้าใจ

หรือพลังลมปราณ (Prana) ที่ชาวอินเดียโบราณรู้จัก

หรือพลังงานอะตอม ตามแนวคิดของไอน์สไตน์ หรือไม่

นักวิทยาศาสตร์และนัดคิดในปัจจุบันยังตีความไม่ออก

แต่ก็ยังคงค้นคว้า และพยายามทดลองกันอย่างไม่ลดละ

โดยมีแนวความคิดเป็นสมมุติฐานใหม่ออกมา เป็นการเปิดประเด็นใหม่ ซึ่งพอจะแตกประเด็นได้ดังนี้


ประเด็นที่ 1 – เฮนรี่ มอนทัต แห่งศูนย์ปฏิบัติการค้นคว้าซานเดีย

เมือง อัลบูเควอร์เคว นิวเมกซิโก สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “พลังของปิรามิด

อาจเกิดจากโครงสร้างของผลึกทางเรขาคณิตภายในองค์ปิรามิด

แปรเปลี่ยนจากรูปแบบที่คงที่ (Static Geometry) ไปสู่รูปแบบที่ไม่คงที่

(Dynamic Geometry) “ เขาให้เหตุผลว่า

สสารและพลังงานต่างๆนั้นจะมีโครงสร้างของผลึกทางเรขาคณิตอยู่ 2 แบบ

คือแบบคงที่และแบบไม่คงที่

ประเด็นที่ 2 – ดร. นิโคไล โคเซอร์เอฟ นักฟิสิกส์แห่งรัสเซีย

“พลังเร้นลับอันนี้น่าจะเกิดจากพลังงานไทม์

พลังนี้จะก่อให้เกิดผลปฏิกริยาทางแม็คคานิก และทางเคมีต่อวัตถุได้

เป็นพลังงานที่ปรากฏได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นที่ใดภายในโลกหรือ

ในห้วงจักรวาล ถือว่าเป็นพลังงานที่มีความสำคัญ และมีค่าทางธรรมชาติ

มากที่สุด” และ ดร. การ์ดเนอร์ เมอร์ฟี่ ประธานสมาคมวิจัยพลังจิต

แห่งอเมริกา ได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า “เมื่อเรามีความเข้าใจในพลังงานใหม่นี้

แล้ว เราอาจเข้าใจพลังจิต ESP และพลังลึกลับได้ดีขึ้น” ปฏิกริยาพลังงาน

อันนี้มีคุณสมบัติในการรักษาอินทรีย์สารให้คงรูปไม่เน่าเปื่อยได้อีกด้วย

นอกจากนี้ พลังงานไทม์ยังทำงานสัมพันธ์กับพลังงานไบโอพลาสมาด้วย

เป็นพลังที่ช่วยในการส่งเสริมและรักษาระบบของสสารทุกชนิด

กล่าวคือ เพิ่มพลังงานให้มากขึ้นได้ เป็นพลังงานที่ตรงข้ามกับนิวเคลียร์

ดร. วิลเฮล์ม รีคซี ได้ทดลองพลังงานดังกล่าวแล้วพบว่า ไบโอพลาสมามี

ปฏิกริยาโต้ตอบรุนแรงกับสารกัมมันตรภาพรังสี

ประเด็นที่ 3 – แมกซ์ ท็อต และ เกร็ก นีลเซน

นักค้นคว้าพีรามิดชาวอเมริกันกล่าวว่า “เกิดจากคลื่นไมโครคอสมิคจากดวง

อาทิตย์ พลังแม่เหล็กโลก พลังแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มีความสัมพันธ์กันอยู่ภาย

ในโครงสร้างของพีระมิดนั่นเอง”

ประเด็นที่ 4 – ศาสตราจารย์ แอล. ดูเรนเน วิศวกรของฝรั่งเศษ

“พลังปิรามิดเกิดจากรูปทรงของมันเอง กล่าวคือ

รูปทรงเป็นสิ่งเร่งพลังแห่งความสัมพันธ์

อันเกิดจากพลังงานชนิดต่างๆที่อยู่รอบๆ มารวมกันเข้า”


ประเด็นที่ 5 – กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกาบอกว่า

“ปิรามิดเหมือนเลนส์ขนาดใหญ่ ดึงดูดเอาพลังลึกลับต่างๆไว้ทั้งหมด”

ประเด็นที่ 6 – เชื่อกันว่า รูปทรงของปิรามิดคล้ายคลึงกะรูปโครงสร้างแบบ

ผลึกที่มีอยู่ในโมเลกุลของสสาร ซึ่งมีคุณสมบัติเกะยึดเหนี่ยว

และเมื่อมันสลายตัว จะเกิดพลังงานขึ้น (อันนี้เป้นประเด็นใหม่สุดที่กำลังค้นคว้าและทดลองกันอยู่นะเจ้าคะ)

ประเด็นต่างๆเหล่านี้ ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น

ยังหาเหตุผลและความหมายที่แท้จริงของกลุ่มพลังงานไม่ได้

ยังไม่มีใครพิสูจน์ออกมาได้ว่า มันคืออะไรกันแน่…???

พลังงานอนันต์...
สามเหลี่ยมตั้งขึ้น หมายถึงโลก
สามเหลี่ยมคว่ำลง หมายถึง จักรวาล
ลากเส้นตรงมาจากมุมทุกมุม
จุดตัด
พลังงาน...สูงสุด
ขาดไปอย่างเดียวเท่านั้น..ตัวเชื่อมระหว่าง
ดินและฟ้า...

”เรา” เท่านั้นที่จะรู้....

[แหล่งที่มา http://www.thaipoem.com]

อ่านเวอร์ชั่นเต็ม ๆได้ที่

http://writer.dek-d.com/sixth-sense/story/viewlongc.php?id=391222&chapter=125

ผู้แสดงความคิดเห็น ณี พรรณี ศรีทะชะ (punnee-dot-nee-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 00:39:36


ความคิดเห็นที่ 222 (1572236)

ด้วยเรื่องคัมภีร์มรกตนี้ เคยถูกนำเสนอมาแล้วครั้งหนึ่ง

ซึ่งท่านอ.อุบลได้เมตตาเขียนบทสรุปที่ค่อนข้าง

ชัดเจนมากๆ ชนิดาก็เลยขอก็อปมาฝากพี่น้องบ้านสวนฯ

สมาชิกใหม่ๆที่อาจจะยังไม่ได้อ่านนะคะ

เห็นไหมว่า กฎของจักรวาล

ก็คือ กฎของธรรมชาติ

หรือ

กฎแห่งกรรม นั่นเอง

 

ในทีสุดแล้ว

คัมภีร์มรกต ก็คือ

หลักธรรมคำสอน + กรรมฐาน

การเจริญปัญญา

 

เรื่องเดียวกับ

ของพระพุทธศาสนา นั่นเอง

 

กฎของธรรมชาติ

เป็นกฎสากล ไม่ว่าใคร ค้นพบ

ก็เป็นเรื่องเดียวกัน

 

พระพุทธองค์ สุดแสนล้ำเลิศ

โธท สุดแสนประเสริฐ

 

สาธุ ค่ะ

 

 

กราบอนุโมทนากับท่านอาจารย์อีกครั้งค่ะ สาธุ 

ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเดียวกัน

แต่อาจจะได้รับการอธิบายในรูปแบบที่แตกต่างกันไปเท่านั้น..

และเคล็ดลับที่ประเสริฐและแท้จริงที่สุด ที่จะทำให้พวกเรา

ทุกคนพ้นทุกข์ หายเจ็บ หายจน ฯลฯ ไปตลอดกาล ก็คือ

ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคน

รู้ๆกันอยู่แล้ว แต่ยังทำไม่ได้ เพราะไม่คิดจะทำให้"เต็มที่" เท่านั้นเอง..

 

จะเห็นว่า เอาเข้าจริงๆ องค์ความรู้ทุกอย่างที่พวกเราควรรู้

พวกเราก็ได้รับถ่ายทอด บอกกล่าวมาตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง

และอาจารย์ก็เมตตานำเรื่องเดิมๆที่เคยพูดแล้ว มาพูดอีก

มาย้ำ มาเตือน พวกเราอยู่เสมอๆ แต่พวกเราส่วนใหญ่

ก็ยัง"ไม่ตื่น" กันซักที  บางคนตื่นแล้ว แต่ก็อาจจะ

"ง่วงๆสะลึมสะลือ" ครึ่งหลับ ครึ่งตื่นอยู่

ฉะนั้น ก็เลยต้อง"ปลุก" กันบ่อยๆแบบนี้แหล่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 02:09:00


ความคิดเห็นที่ 223 (1572253)

 อนุโมทนาค่ะคุณณี

และพี่ชนิดา สาธุ สาธุ

ตื่นขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ของเรา

ดังที่ตั้งใจไว้

อย่าทำให้ตัวเองต้องมาเป็นภาระของใคร

อย่างน้อยช่วยตัวเองได้ก็ยังดีค่ะ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 04:18:31


ความคิดเห็นที่ 224 (1572268)

ขอขอบคุณ

ท่านที่

ค้นหา และ นำ

ข้อมูลมาลง

อนุมทนาค่ะ

 

ถ้าจะให้ธรรมทานนี้

อ่านง่าย มีพลังมากขึ้น

ลองพิมพ์แบบ มีเว้นวรรคบ้าง

 

มีเว้นบรรทัดบ้าง

เพื่อให้

อ่านง่าย สบายตา

จะขอบคุณอย่างสูงค่ะ

 

จาก

ส  ว

(สวยทุกวันค๊า)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 10:58:37


ความคิดเห็นที่ 225 (1572270)

ท่านจะมาทั้งธรรมฤทธิ์

และ

อิทธฤทธิ์..

(แต่ให้ระวังคนแอบอ้างให้ดี)

ท่านจะเข้ามาช่วยกอบกู้แก้ไขปัญหาต่างๆของโลก

 

 

99999999999999

 

จริงด้วย

และก็ระวังการ

ยัดเยียดด้วยนะ

 

แต่ที่แน่นอนที่สุด

โปรด

อย่าได้ แม้แต่

คิด

 

ว่า สงสัย อ.อุบล ป่าว

อย่าหา ขี้กลาก

มาให้เกา

นะจ๊ะ

 

อ.อุบล

เป็นลูกยักษ์ใจดี

มีเมตตา

ผู้

มีพระนามว่า

 

ท้าวเวสสุวรรณ

จ้า

ท่าน ผู้ ช้ม

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 11:06:55


ความคิดเห็นที่ 226 (1572281)

ขอทราบความลับ ด้วยครับ ด้วความศรัทธายิ่งครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธรรมนูญ นาคสุข (naksuk4-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 12:20:54


ความคิดเห็นที่ 227 (1572283)

 อนุโมทนาในธรรมทานของทุกท่านนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 12:37:09


ความคิดเห็นที่ 228 (1572301)

ขอน้อมจิตกราบแทบเท้าอาจารย์อุบล

ขออนุโมทนาบุญสำหรับทุก ๆ อย่างที่อาจารย์อุบลคอย

พร่ำสอนพร่ำเตือนลูกหลานบ้านสวนพีระมิดอยู่เสมอ

โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ท้อ และ ไม่ทิ้งทุกคน

ผิดแล้วยังคอยให้อภัยให้กำลังใจให้เริ่มใหม่ได้เสมอ

กราบขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

สาธุ

และขออนุโมทนาบุญสำหรับธรรมทาน

ของญาติธรรมบ้านสวนพีระมิดทุกท่านค่ะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 14:33:00


ความคิดเห็นที่ 229 (1572302)

จริงด้วย

และก็ระวังการ

ยัดเยียดด้วยนะ

 

แต่ที่แน่นอนที่สุด

โปรด

อย่าได้ แม้แต่

คิด

 

ว่า สงสัย อ.อุบล ป่าว

อย่าหา ขี้กลาก

มาให้เกา

นะจ๊ะ

 

อ.อุบล

เป็นลูกยักษ์ใจดี

มีเมตตา

ผู้

มีพระนามว่า

 

ท้าวเวสสุวรรณ

จ้า

ท่าน ผู้ ช้ม

999999999999999999

แต่ที่รู้แน่ๆ ท่านอ.อุบล

เป็น "นางฟ้า" ใจดี

ที่ลงมา

เมตตาพวกเรา

ลูกหลานบ้านสวนฯให้

คิด

พูด

ทำ

"ในสิ่งที่ดี"

อันนี้แน่นอนค่ะ...

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนวดี รัชตารมย์ (thanavadee_r-at-sepo-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 14:37:02


ความคิดเห็นที่ 230 (1572314)

ขอกราบอนุโมทนาบุญและขอบพระคุณเมตตาธรรมของท่านอาจารย์อุบล  และขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกท่าน รวมทั้งบุญร่วมอนุโมทนาของทุกบุญทุกท่านด้วยคะ...มยุรีพร.

ผู้แสดงความคิดเห็น นางมยุรีพร ภาชนะวรรณ (ma_parchanawan-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 17:13:00


ความคิดเห็นที่ 231 (1572316)

จริงด้วย

และก็ระวังการ

ยัดเยียดด้วยนะ

 

แต่ที่แน่นอนที่สุด

โปรด

อย่าได้ แม้แต่

คิด

 

ว่า สงสัย อ.อุบล ป่าว

อย่าหา ขี้กลาก

มาให้เกา

นะจ๊ะ

 

อ.อุบล

เป็นลูกยักษ์ใจดี

มีเมตตา

ผู้

มีพระนามว่า

 

ท้าวเวสสุวรรณ

จ้า

ท่าน ผู้ ช้ม

999999999999999999

 

 ลูกขอกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล ( ขออนุญาติลบออกค่ะ )

ไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกสรุปข้อความแล้วคัดลอกเรื่อง ของพระโพธิสัตว์ที่จะมาช่วยเหลือผู้คนในโลกยุคใหม่นี้จะทำให้มีคนมีข้อสงสัยใดที่จะเกิดผลกรรมใดหรือไม่ ลูกไม่มีเจตนาร้ายเเต่อย่างใดเพียงเเต่ต้องการเผยเเพร่ธรรมทานที่ลูกรู้สึกว่าเป็นธรรมทานที่ดีที่สุดธรรมทานหนึ่งให้ผู้อ่านได้รู้

หากสิ่งที่ลูกได้กระทำไปนี้เป็นสิ่งที่ไมู่ถูกต้อง  ไม่สมควร  เป็นบาปกรรม  ลูกกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาลด้วยค่ะ  และลูกขอน้อมรับโทษค่ะ สาธุ สาธุ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 17:25:13


ความคิดเห็นที่ 232 (1572327)
image

 ขออนุโมทนาบุญด้วยนะเจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วรรณิศา แก้วสะอาด (kookkai1122-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 19:19:36


ความคิดเห็นที่ 233 (1572440)

กราบขออนุญาติท่าน อ.อุบล

ขอเอาเรื่องราวเกี่ยวกับ

จักระทั้ง 7 ที่ลูกได้เคยศึกษา

เล่าเรียนมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วยครับ

เนื่องจากผมเห็นว่า

มันเกี่ยวข้องกับหลายๆ

กระทู้

ที่หลายๆท่านทั้งหลายได้นำมาลงไว้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 20:40:19


ความคิดเห็นที่ 234 (1572484)
image

 

จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ) มีชื่อบาลีว่า มูลลัดดาจักระ สีแดง 
- อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก
- เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
- ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ
จักระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ) ชื่อบาลีว่า สวัสดิ์ธนาจักระ มีสีแสด

- อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเอง
- ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด
- ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ, ท่อปัสสาวะ, อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค
จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ) มีชื่อบาลีว่า มณีปุระจักระ มีสีเหลือง 
- อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย
- ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย
- ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต
จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ) ชื่อบาลีว่า อนัตตาจักระ มีสีเขียว
- อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ
- ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด
- ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว
จักระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ) ชื่อบาลีว่า วิสุทธิจักระ มีสีน้ำเงิน
- ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลของสติปัญญา
- อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง
- ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง
- ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง
จักระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ) ชื่อบาลีว่า อัจนาจักระ มีสีครามหรือฟ้า
- อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ห้าม ผู้สำเร็จ ระดับ1, 2,3,4 และ 5 ใช้จักระนี้ในการรักษาโรคอย่างเด็ดขาด
- ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท
- ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ทำสมาธิเท่านั้น (ถ้ารักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด)
จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ) ชื่อบาลีว่า สหัสราจักระ มีสีม่วง สำหรับบางท่านที่ปฎิบัติธรรมจนถึงขั้นสูง จะมีสีขาวสว่าง หรือเวลาติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน จักระนี้จะเป็นสีทอง 
- อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว
- ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
- ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง
จักร ทั้ง 7 นี้ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมอง เรียกว่า ไมโครเซลล์ ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้น เมื่อ ฝึกในระดับที่สูงขึ้น จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้ จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ และกายทิพย์นี้ เป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้ครับ

การที่คนเราเกิดอาการเจ็บป่วยนั้น ตามวิชา พลังจักรวาล อธิบายว่า เกิดจากการที่จักระบริเวณนั้นทำงานไม่เต็มที่หรือบกพร่อง ทำให้ แสงออร่าของจักระนั้นๆอ่อนลง

การรักษา ในวิชาพลังจักรวาลนั้นให้เราเพ่งสมาธิไปที่จักระนั้น แล้วนึกถึงสีของจักระนั้นๆไว้

หรือให้ผู้ที่มีพลังออร่าสมบูรณ์ ส่งแสงสีนั้นไปยังจักระที่แสงอ่อนลง ร่างกายก้อจะรักษาตัวเองจนหายจากอาการเจ็บป่วยได้

(ผู้ที่จะส่งพลังแสงออร่า ให้ผู้ที่เจ็บป่วยได้นั้น ต้องได้ตาทิพย์ จึงจะสามารถเห็นแสงที่อ่อนลง หรือ ออร่าของจักระของผู้ป่วยได้)

เรื่องของจักระ แสงออร่าของจักระต่างๆ ได้พิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์ โดยการถ่ายภาพจากกล้องถ่ายแสงออร่ามนุษย์ และมีการใช้วิธีนี้รักษาในโรงพยาบาลต่างๆในอเมริกาอย่างแพร่หลาย เป็นการแพทย์ทางเลือกอีกวิธีหนึ่ง มีสถาบันที่สอนอย่างถูกต้องในอเมริกา ชื่อสถาบันASTARA

วิชา พลังจักรวาลนี้ มีมาตั้งแต่สมัยอียิปโบราณ มีบันทึกอยู่บนผนัง ในพีระมิด ในอียิป ซึ่งผู้ที่ค้นพบและนำมาเผยแพร่ เป็นพระในศาสนาพุทธ มีพระนามว่า หลวงปู่ดาสิรา นาราดา ท่านเป็นผู้นำมาเผยแพร่ และสอนต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบันครับ

    ลองคลิ๊กชมลิ๊งค์วีดีโอ youtube ด้านล่าง ทั้งสี่ตอน จะพอทำให้ท่านเข้าใจการทำงานของ จักระทั้งเจ็ดการเกิด ทิพยจักขุและกายทิพย์ ซึ่งเหมือนกับในศาสนาพุทธเรา

http://www.youtube.com/watch?v=yQb8ugO_DJA&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=Y2QSEsaYXNs&feature=related


http://www.youtube.com/watch?v=1CyX3Vf9dOw

http://www.youtube.com/watch?v=7k_0Hwn7yac

  

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 20:56:22


ความคิดเห็นที่ 235 (1572533)


 

คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 3

........กล่าวถึงกุญแจที่จะไขไปสู่ "ปัญญา" ที่จะนำมาซึ่ง "พลัง"

และพลังจะทำให้เกิดปัญญาว่า

อยู่ที่ความถ่อมตัว

 

 

เพราะ

ผู้ที่ยะโสหลงตัวเอง

คือคนโง่ที่ปฏิเสธที่จะเรียนรู้

 



คนเรา

พึงปฏิบัติตาม

คำสั่ง

ของ "คุรุ"

 

 

หรือ

สิ่งที่อยู่ในตัวเรา

หรือ "อาตมัน"

โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th)

 

นี่คือ

อีกหนึ่งความลับ

ของจักรวาล ที่สำคัญยิ่ง

ที่จะทกให้

จักรวาล ส่งความรู้

ความสามารถ

ลงมาให้ ได้ อย่าง

อัศจรรย์

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 21:30:22


ความคิดเห็นที่ 236 (1572563)

พัฒนาจากมนุษย์ที่เป็นสัตว์โลก

ไปเป็นจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ก่อน

แล้วค่อยพัฒนาเป็น

 "แสงสว่าง" หรือเทพเจ้า

 



และ

อุปสรรค

ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ



(1)ขาดความเพียรพยายาม

ในการแสวงหาธรรม

(2)ไม่เอาใจใส่

ในพระผู้เป็นเจ้า

(3)หมกมุ่น

อยู่กับความชั่วช้า

 

99999999999999

 

ขอบคุณ

คุณโฆสิต ที่นำมา

เผยแพร่   อนุโมทนา

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 21:41:58


ความคิดเห็นที่ 237 (1572573)

ตาตั้ม ก็ช่าง

หาข้อมูล ดี ดี มาให้

หลายคนได้อ่าน

กันนะ

 

พิซซ่า....ว่าไง

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 21:44:01


ความคิดเห็นที่ 238 (1572585)

กราบเรียนท่าน อ.อุบล

พิซซ่าหน้าหด เขาไม่ได้ทำครับ

จบข่าว..อิอิ(เนียนอีกแระ)

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 22:10:08


ความคิดเห็นที่ 239 (1572587)

กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิด  ท่านท้าวเวสสุวรรณ

กราบคุณความดีของท่านอ.อุบล

ดิฉัน  นางสาวน้ำฝน  พิมพ์มีลาย

ขอลงชื่อรับทราบ  ความลับของจักรวาลด้วยคนค่ะ

ขอขอบพระคุณความรู้  คำสอนต่างๆ  ..

ทำให้ทราบว่าต้องพยายาม

หาทางกลับบ้านที่แท้จริงได้แล้ว

ไม่ควรหลงเพลินอยู่ในโลกใบนี้..ต้องพยายามละให้ได้

กราบขอบพระคุณค่ะ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น น้ำฝน พิมพ์มีลาย (rain_richer-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 22:24:06


ความคิดเห็นที่ 240 (1572606)

ขออนุโมทนากับพี่โฆษิต พี่ตั้ม  คุณณี คุณชนิดา ที่นำข้อมูลดีดี มาเผยแพร่ สาธุ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 23:35:36


ความคิดเห็นที่ 241 (1572627)

 

อนุโมทนากับท่านอาจารย์ที่เมตตาแนะแนวทาง

ให้เราเห็นกันชัดๆอีกครั้ง ว่าการเปิดประตูด่านแรก

เพื่อเข้าไปหากุญแจเพื่อ ไขไปสู่"ปัญญา" นั้นได้

ต้องเปิดที่ใจซะก่อน ฉะนั้น อย่าปิดกั้นทางเข้าของข้อมูล

ด้วยความ"หลง"ของตัวเอง สาธุ 

.........................................................

อนุโมทนาข้อมูลที่มาและแนวความคิดสมมติฐานต่างๆ

เกี่ยวกับ เรื่องพีระิมิด จากคุณ ณี ด้วยนะคะ

........................................................

แล้วก็อนุโมทนาข้อมูลเรื่องจักระทั้ง 7 จากคุณตั้มด้วยนะคะ

คนฝึกสมาธิสายพลังส่วนใหญ่ จะทราบดีว่า

บริเวณปีระมิดกีซ่า ประเทศอียิปต์ และ ปราสาทหิน เขาพนมรุ้ง 

จะมีพลังที่สามารถกระตุ้นจักระที่1ได้ แต่ลูกบ้านสวนฯ

โชคดีกว่านั้น เรามีพีระมิดจำลองฯ ที่มีพลังมหาศาล

เอนกอนันต์ที่จะส่งพลังให้เราอยู่ที่บ้าน โดยไม่้ต้องเดินทาง

ไปที่ไหนให้เสียเงิน เสียเวลาเลย เพียงแต่

รักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัด ทำสมาธิเป็นประจำ

เราก็จะได้รับพลังอันวิเศษนี้แล้ว..

...........................................................................

 

 

วิธีการเดินลมปราณแบบวิชาจักรวาล

การเดินลมปราณเหมือนการ

ลากเส้นจากจมูกขึ้น

ผ่านไปที่จักระที่ 6

แล้วขึ้นไปที่จักระที่ 7

แล้วผ่านมาทางด้านหลังลงมา

ผ่านที่จักระที่ 5 ลงที่ 4 3

และ 2 ตามลำดับ จากนั้น

เมื่อเริ่มหายใจออก

ให้ลากผ่านจักระที่ 1

ขึ้นมาด้านหน้าผ่านขึ้นมาที่สะดือ

และเรื่อยมาถึงกลางอก

มาถึงคอแล้วพ่นออก ยาวๆ

การทำครั้งแรกอาจจะดูอึดอัด

เมื่อทำเร็วขึ้นจะรู้สึกโล่งโปร่งสบายครับ

อย่าหยุดอยู่ที่ใดที่หนึ่งครับ

ให้รู้สึกว่าผ่านไปเฉยๆครับ

ถ้าหยุดจะรู้สึกอึดอัดที่จุดนั้นทันทีครับ

 

http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=245407&d=1196429046

 

ขอบคุณที่มาข้อมูล จากเว็บพลังจิต ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 00:19:50


ความคิดเห็นที่ 242 (1572631)

อนุโมทนากับอาจารย์แม่ และทุกๆท่านด้วยค่ะ

และขอบคุณข้อมูลจากพี่ชนิดาด้วยค่ะ

ดูจากภาพแล้วเข้าใจง่ายถึงการเดินลมปราณเลยค่ะ

สาธุ สาธุ

********************

ไขปริศนาความลับจักระและจักรวาล

โดย อ. สุมาลย์ สมิทธิสมานฉันท์ 

ขอบเขตการบรรยาย

  • อะไรกันแน่ ที่อยู่เบื้องหลัง จักระและจักรวาล

  • จักระคืออะไร ทำงานได้อย่างไร มีอะไรในจักระ

  • จักระ กับสุขภาพ จิต และจิตวิญญาณ
  • จักระกับจักรวาล สัมพันธ์กันอย่างไร
  • จักรวาลคืออะไร จักรวาลทำงานอย่างไร มีอะไรในจักรวาล
  • เราเรียนรู้จักระและจักรวาลเพื่ออะไร

จักกระคืออะไร

จักระตามแนวทางศาสตร์พุทโต ชินโต จักระคือ ทางเข้าออกของพลังงาน และสนามพลังจักรวาล การหมุนใบจักรของพลังงานที่มีตำแหน่งที่ตั้งตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย 

ตำแหน่งที่ตั้งของจักระ

จักระเบื้องต้น -ฝ่ามือ ฝ่าเท้า 
จักระ7 -จอมประสาทหรือจักรมงกุฏ 
จักระ6 -หน้าผาก และท้ายทอย 
จักระ5 -หลุมคอ และต้นคอ 
จักระ4 -กึ่งกลางหน้าผาก และแผ่นหลัง 
จักระ3 -สะดือ และหลังสะดือ 
จักระ2 -ตันเถียรล่าง และก้นกบ 
จักระ1 -พื้นฐานและฝีเย็บ

 

พลังงานมี 2 ชนิด คือ

  • พลังที่มาจากกระแสไฟฟ้า เข้ามาโดย การสั่นสะเทือน (ประจุไฟฟ้า)
  • พลังที่มาจากสนามแม่เหล็ก เข้ามาโดย การยุบตัว และอัดแน่นของประจุไฟฟ้าที่ Medulla Oblongata (ท้ายทอย) (อนุภาค)

ประจุไฟฟ้าได้มาจากการสั่นสะเทือนของคลื่น มี 2 ชนิด

  1. ทางกาย การเคลื่อนไหวทั้งหมด และน้ำเสียง
  2. อารมณ์และจิตใจความคิดโลภโกรธหลงอารมณ์ทางเพศ

จุดเริ่มต้นของเส้นสายพลังงาน

  • อยู่ที่การบีท หรือรวมคลื่น การบีท เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างจักระและจักรวาล มีผลต่อการรวมพลังภายใน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนพลังมากขึ้น เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้าออกไป นำเอาเส้นแรงจักรวาลเข้ามา ทำให้เกิดเส้นสายภายในเพิ่มขึ้น
  • รวมคลื่นได้สำเร็จเมื่อไม่มีแรงต้านอันเกิดจากการบีท
  • การสั่นสะเทือนที่ง่ายที่สุด คือ การออกกำลังกาย การสวดมนต์ (จักระเปิดชั่วคราว) 
  • การบีท ทำให้จักระเปิดถาวร
  • การรับรู้ อาการตึงที่สมอง, เกิดการลอยตัวของพลังงานจากช่วงล่าง ขึ้นสู่บน, ที่ Medulla เป็นแหล่งยุบตัวของพลัง ผลักดันกระแสไฟฟ้า สู่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า พื้นฐาน เป็นการรวมเส้นแรงไว้ที่แนวกระดูกสันหลัง ผลักดันพลังงานจากช่วงล่าง ขึ้นบน เพื่อไปแยกอนุภาคและประจุ

ที่ตั้งของการรับรู้และรู้สึก

  1. ฝ่ามือซ้าย และฝ่ามือขวา
  2. ที่ตั้งของจักระในแต่ละจักระโดยตรง
  3. การไหลของกระแสภายในร่างกายเช่นวงแขนวงขาและแนวกระดูกสันหลัง

การทดสอบและการสร้างการรับรู้อย่างง่ายๆ

  • ทำ Concentrate โดยการอมลูกอมในช่องปาก
  • ทำการบีท ด้วยการบีทแขนช่วงล่างทั้งสองเข้าหากัน
  • ทำการหมุนวน ตั้งฝ่ามือขวาโดยหันปลายนิ้วมือไปที่อุ้งมือซ้าย และทำการหมุนวน สังเกตความรู้สึกที่ฝ่ามือ

วิธีการทดสอบจักระ

  • นำนิ้วชี้มือขวาชี้ไปที่อุ้งมือ และตามตำแหน่งของจักระว่ามันหมุนหรือไม่
  • ให้ใช้หลังมือไปที่ Medulla ว่ามีไฟฟ้าหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าที่ฝ่ามือฝ่าเท้ามีประจุไฟฟ้าเช่นกัน

การเปิดจักระแบบเบื้องต้น

  • ตั้งมือซ้าย มือขวาบิด ดึงมือขวายืดขึ้นมาเป็นแนวตั้ง
  • อีกวิธีหนึ่ง หมุนฝ่ามือซ้าย ยกฝ่ามือขวายืดขึ้นเหนือศีรษะ มือซ้ายนิ้วกลาง กระดกขึ้น
  • ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างเปิดจักระ โดยหันหัวแม่มือเข้าหาตำแหน่งแต่ละจักระ และดันหัวแม่มือออกจากจักระ ให้เส้นสายพลังพุ่งออกมา 

ทดสอบการหมุนของจักระ

  • โดยใช้ภาพวงกลมซ้อนกัน
  • ใช้นิ้วชี้ที่รูปภาพ ถ้ารู้สึกหมุน แสดงว่าจักระทำงาน

จักรวาลคืออะไร

  • แหล่งรวมเส้นแรง เหมือนตารางกราฟสามมิติ กว้าง x ยาว x ลึก
  • แหล่งรวมเส้นสายของสนามแม่เหล็ก
  • แต่ละเส้นสาย ยืดหยุ่นไปตามภาวะแรงขับเคลื่อน
  • มีสภาวะการขับเคลื่อน หรือถ่ายเทพลังงานอยู่ตลอดเวลา
  • มีสภาพทั้งหดตัว และขยายตัว
  • ใจกลางของจักรวาลอยู่ที่พระอาทิตย์

สัมผัสการเชื่อมต่อจักระและจักรวาล

  • โดยการ ใช้มือซ้ายหาแหล่งพลังงาน มือขวาเป็นสุ่มที่จุดกึ่งกลางหน้าอก
  • การหมุนฝ่ามือซ้าย และขวา และสาวเส้นสายไปที่ฝ่าเท้า แล้วเหวี่ยงฝ่ามือขวาออกไป 
    จักรวาลภายในเรียกว่า จักระ จักรวาลภายนอกเรียกว่า จักรวาล 

อรรถประโยชน์

  1. การเรียนรู้จักระและจักรวาล เพื่อการพัฒนาจิต และจิตวิญญาณอย่างถูกวิธี
  2. นำเอาพลังจักรวาลมาใช้เพื่อสุขภาพกาย จิต จิตวิญญาณ
  3. เป็นการสร้างเหตุปัจจัยให้ถึงพร้อมในอัตราเร่ง
  4. เกิดผลแห่งความสำเร็จทางด้านจิต อย่างมีคุณภาพ
  5. เกิดทักษะการเรียนรู้ตนเองโดยอัตโนมัติ 

ปริศนา-ความลับ

  • การเคลื่อนไหวอย่างไม่มีรูปแบบ 
  • การเคลื่อนไหวตามวาระจิต และจิตวิญญาณ 

    __________________________________________________________________________

การพัฒนาสมาธิด้วยไฮเทคโนโลยี 
โดย อาจารย์พัชนี จันทร์เจริญ

สุดยอดแห่งฌานสมาธิพัฒนาด้วยไฮ-เทคโนโลยีจริงหรือ!!!

วัตถุประสงค์

  • เพื่อให้ทำฌานสมาธิขั้นสูงได้สะดวกรวดเร็วและง่ายดาย
  • เพื่อให้สมาธิสอดคล้องกับวิทยาการสมัยใหม่อย่างเป็นรูปธรรม 
  • เพื่อให้เห็นจิตอันวิเศษเป็นเรื่องธรรมดาและง่ายดาย 
  • เพื่อใช้ในการตรวจสอบและเรียนรู้จิตในทุกแขนงได้สะดวก รวดเร็วและง่ายดาย 
  • เพื่อใช้ติดตามการเรียนรู้พลังงานของจิตทั้งภายในและภายนอกได้ 

อรรถประโยชน์

  • เป็นสมาธิได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย 
  • ยกระดับฌานในระยะเวลาอันสั้น 
  • เกิดจิตอันวิเศษอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม 
  • ทำให้เกิดการรับรู้พลังทุกรูปแบบ 
  • ทำให้เห็นวิวัฒนาการของจิตได้ทุกแขนงอย่างเป็นรูปธรรมสามารถนำพลังต่างๆ มาใช้ทุกรูปแบบ 
  • สามารถนำพลังต่างๆ มาใช้ทุกรูปแบบ 

สมาธิ คือ

  • การมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ณ เวลานั้น 
  • การมุ่งมั่นที่จะประคองความรู้สึก พลังความรู้สึก หรือสิ่งนี้ให้อยู่ได้ตลอดเวลาและต่อเนื่อง 
  • การดำรงความรู้สึกกับสิ่งนั้นๆ ให้ยาวนาน โดยปล่อยความคิดให้อิสระ จนกระทั่งจบกระบวนทางความคิด ให้เหลือแต่เพียงความรู้สึกเพียงอย่างเดียว 
  • องค์ประกอบของสมาธิ จะเน้นให้มีการดำรงความรู้สึกให้ยาวนานและต่อเนื่อง

ความรู้สึกมี 2 แบบ

  • ความรู้สึกทางกายภาพ รับรู้ลมหายใจเข้า- ออก การเฝ้าดูการยุบของท้อง
  • ความรู้สึกที่เป็นพลังความรู้สึก การรับรู้พลังงานการไหลเวียนภายในและภายนอก 

ความแตกต่างระหว่างความรู้สึกทางกายภาพและพลังความรู้สึก

ความรู้สึกทางกายภาพ

1. เป็นกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ใน ระบบประสาท
2. มีขีดจำกัด ทั้งระยะทาง เวลา และความเร็ว
3. รับรู้ได้เฉพาะจุด
4. ควบคุมไม่ได้

พลังความรู้สึก
1. เป็นเส้นสายสนามแม่เหล็กอยู่ในเส้นเลือดและระบบประสาท โดยมีเหล็กออกไซด์เป็นสื่อนำ 
2. ไม่มีขีดจำกัด อันเนื่องมาจากความเป็นสนามแม่เหล็กที่เชื่อมต่อระบบ 
3. รับรู้พลังงานทั้งภายใน ภายนอก 
4. ควบคุมได้

การเตรียมพลังไปสู่การทำสมาธิเพื่อการรับรู้และรู้สึกให้ได้ตลอด

การฝึก

  • อมลูกอม 
  • การบีทด้วยฝ่ามือ 
  • ชั้นคู่ขนานโดยการบิดเป็นเกลียว 
  • การใช้ฝ่ามือในระดับพื้นฐานบีทเป็นเกลียว 
  • หมุนฝ่ามือเป็น AC 180 องศา จ่อที่จักระ 
  • เหตุผล – เพื่อรวมเส้นสาย และทำให้ประจุเคลื่อนตัว เพื่อเข้าไปทำสมาธิกับ visualization ของ media player

วิธีการทดสอบการไหลของประจุ

  • มือขวาชี้วงกลม นิ้วชี้มือซ้ายชี้สำทับง่ามนิ้วก้อยมือขวา 
  • ให้ดูภาพวงกลม หลายๆ เส้น หลายชั้น ว่ารู้สึกไหม 

วิธีการฝึกกับ media player

  • เปิดเล่นเพลงที่ชอบในโปรแกรม windows media player 
  • เปิด visualization ที่เป็นวงกลม (the world) 
  • เมื่อภาพ แสง สี เสียงมาแล้ว ให้ทำการ concentrate มองให้ได้ตลอดและต่อเนื่องจนจบเพลง 
  • เมื่อเสร็จสิ้นแล้วให้นั่งสมาธิจนกระทั่งหมดความรู้สึก 
  • การทำสมาธินิ่ง การรับรู้ลมหายในตั้งอยู่ที่ – จมูก และส่วนต่างๆ ของร่างกายที่รู้สึกได้ 

สิ่งที่ได้จากการฝึก เมื่อพลังงานเคลื่อนตัวแล้ว

  1. ทำการเปิดจักระให้รู้สึก
  2. ทะลุทะลวงจุดเปิดพลังให้เชื่อมต่อด้วยการเดินพลัง
  3. พัฒนาพลังด้วยการถักทอสายป่านของจักรวาล
1

เครดิตจาก http://buddhto-shinto.9f.com/present51.htm

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 00:48:38


ความคิดเห็นที่ 243 (1572642)

กราบท่านอ.อุบล ลูกขออนุโมทนากับทุกธรรมทานและกับทุกๆท่านค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธนันท์ รูปโฉม (pattanan_ya-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 03:52:00


ความคิดเห็นที่ 244 (1572655)

ลูกขอกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล ( ขออนุญาติลบออกค่ะ )

ไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกสรุปข้อความแล้วคัดลอกเรื่อง ของพระโพธิสัตว์ที่จะมาช่วยเหลือผู้คนในโลกยุคใหม่นี้จะทำให้มีคนมีข้อสงสัยใดที่จะเกิดผลกรรมใดหรือไม่ ลูกไม่มีเจตนาร้ายเเต่อย่างใดเพียงเเต่ต้องการเผยเเพร่ธรรมทานที่ลูกรู้สึกว่าเป็นธรรมทานที่ดีที่สุดธรรมทานหนึ่งให้ผู้อ่านได้รู้

หากสิ่งที่ลูกได้กระทำไปนี้เป็นสิ่งที่ไมู่ถูกต้อง  ไม่สมควร  เป็นบาปกรรม  ลูกกราบขอขมาท่านอาจารย์อุบล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาลด้วยค่ะ  และลูกขอน้อมรับโทษค่ะ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-18 17:25:13

 

 

 

หนูมิ้มจ๊ะ

การที่หนูเข้าใจว่า

อ.อุบล คือ พระศรีอาริย์นั้น

หนูไม่ได้

ปรามาส อ.อุบล

หรอกค่ะ

 

แต่

หนู  วาง อ.อุบล ไว้

สูงเกินไป

 

อ.อุบล

รับไม่ได้ เองต่างค่ะ

เพราะ

 

การที่ อ.อุบล

รู้สึกยินดี ที่ปล่อยให้หนู

คิดเช่นนี้

 

เท่ากับว่า

อ.อุบล หลงตัวเอง

คิดว่าตัวเอง

เก่ง เริ๊ด ไม่ธรรมดา

 

แต่

แท้จริง

อ.อุบล คือ คนธรรมดา

เหมือนหนูนั่นแหละ

 

จะต่างกับหนูมิ้ม

อยู่บ้าง

(นิดหน่อย)

ก็ตรงอายุนี่แหละค๊า

แหะ แหะ แหะ

(นิดหน่อยจิงป่ะ)

 

แต่เรื่อง สวย สูสี

55555

 

เห็นไหมว่า

พระศรีอารย์ที่ไหน

จะมาคิดเช่นนี้

 

คราวนี้

เรื่องพระศรีอาริย์

อาจารย์ได้ยินมานานแล้ว

และ

หลายคนก็รับรู้ว่า

ท่าน

มาเกิดบนโลกใบนี้แล้ว

ในกึ่งพุทธกาล

 

ดังนั้น

เรามาช่วยกัน

มองหาท่าน ด้วยกัน

ดีกว่าไหม

(เขาบอกไม่ต้องไปตามหา

แต่เราเลี่ยงบาลี ด้วยการ มองหา)

 

ว่า

ท่านจะอยู่แห่งหนใด

เพื่อที่เราจะได้

ไปขอพึ่ง พระบารมี

 

อ.อุบล

ต้องการพึ่งใบบุญ

ผู้มีบารมีตัวจริง ที่เดินตาม

รอยพระบาทพระพุทธเจ้าจริง

 

เมื่อวาน

ได้คุยกับ พี่มหา คุณธนา

บอกว่า

ตามเวปไซด์นะ

 

มีคนเขา

โฆษณากันมาก

ว่า

เขาคือ พระศรีอาริยเมตไตร

 

พวกเราเคยเข้าไปดู

กันบ้างไหมจ๊ะ

 

เขาเหล่านั้น

อาจใช่ก็ได้ แต่เนื่องจาก

ว่า

มีหลายคน อันนี้ทำให้เรา

สบสนได้

 

หรือว่า

พระศรีอาริย์

ท่านจะมีหลายคน

อันนี้ใครพอมีความรู้ช่วย

บอกที

 

คนที่มาบ้านสวนพีระมิด

ก็ยังมีเลย

ที่คิดวา ตน คือ พระศรีอาริย์

 

มีทั้งหญิง ทั้งชาย

 

ส่วนหญิงคนหนึ่ง

ที่คิดว่าตนเอง เป็นพระศรีอาริย์นั้น

บัดนี้

เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ

จัดหนักให้แล้ว

 

แถม

ท่านให้เผยตัวตน

ว่า แท้จริงเป็นใคร มาจากไหน

ก็เลย จบเห่ เหมือน

โคลง คุณแมว เลย

 

คราวนี้

อ.อุบล อยากให้

หนูมิ้ม และ ท่านทั้งหลาย

ที่ยังสนใจ และ อยากมีชีวิตอยู่

รอดจนได้พบ

หรือ

อยู่ร่วมสมัย

 

กับ

พระศรีอาริยเมตไตร

ได้มองหา

ผู้มีคุณสมบัติที่พวกเรา

ได้รับมา

 

เป็นเครื่องมือค้นหา

 

ไม่ใช่เชื่อ อวิชา

ตามที่ใครๆ จะมาพูดเล่นกันได้

 

งานนี้นะ

เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ

ตรัสว่า

 

ข้าจะต้อง

สั่งสอน จัดหนักให้

กาฝากศาสนา

 

เพราะ...ข้า

ท้าวเวสสุวรรณ

มีหน้าที่ อารักขา พระศาสนา

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

รวมทั้ง

พระศรีอาริย์ที่ลงมา

จุติแล้ว

 

พร้อมทั้ง

ยังร่วมแสดง

ฤทธานุภาพ ธรรมานุภาพ

พรหมมานุภาพ เทวานุภาพ อานุภาพ

 

และ

คอยปกป้อง

ถวายงาน เมื่อพระพุทธองค์

ทรงเสด็จลงมา

แสดงฤทธิ์  ด้วย

 

พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ

สังฆานุภาพ

 

ตลอดจน

ปาฏิหารย์(การแสดงธิฤทธิ์ )

อาเทศนาปาฎิหารย์

และ

อนุศาสนีย์ปาฏิหารย์

 

เพราะ

ฤทธิ์ทั้ง 3 ประการนี้

เป็นสิทธิ์ของพระพุทธองค์

ที่ต้องทรงอนุญาต

และ

เห็นชอบ จึงจะแสดงได้

และ

การแสดงนั้น

ต้องเป็นไปเพื่อความสิ้นทุกข์

เปลี่ยนใจคน ให้สนใจ

บาป บุญ คุณ โทษ

กฎของกรรม

 

เห็นฤทธิ์ 3 ประการนี้แล้ว

ให้สอนใจตัวเอง ว่า

เราต้องเลิกทำชั่ว

เราต้องเปลี่ยน ทำตัวเป็นคนดี

เราต้องมีใจเบิกบาน ไม่เครียด

ไม่ทุกข์ ไม่เศร้า เราต้องพยายาม

 

นี่

ฤทธิ์ของพระพุทธเจ้า

ใช้เพื่อการนี้

 

มิใช่เอาไว้คุย

ว่าฉันทำได้ ฉันไม่ธรรมดา

คนอื่นต่ำต้อยด้อยค่า

หรือ เอาไว้ หาลาภสักการะ

 

พระพุทธองค์

ทรงมีพุทธญาณแจ้งโลก

 

เห็นทั้งหมด

ว่าใคร ทำอะไร คิดอะไร

 

ทุกพระองค์จึง

ให้

พระศรีอาริย์ ลงมาเกิด

 

เพื่อแสดงธรรม

อันงดงาม ของพระพุทธเจ้า

เพื่อ

ฟื้นฟูพระศาสนาใหม่

ด้วย

 

เหล่ามาร

เจ้าลัทธิทั้งหลาย

ทั้งพราหมณ์ + ยักษ์ฝ่ายชั่วร้าย

เอาศาสนาพุทธ

และ

พระธรรมคำสอนที่แท้จริง

ของพระพุทธเจ้า

มาบิดเบือน

 

มาหลอกล่อ

ให้คนเดินหลงทาง

หลงพิธีกรรม อันไม่เกิดปัญญา

ไม่นำพาให้สิ้นทุกข์

 

ชี้นำการปฎิบัติ

ที่ก่อให้เกิดปัญหา

ให้ตำต่ำ ย่ำแย่ มีแต่ทุกขเวทนา

ทั่วทุกหย่อมหญ้ากันไปแล้ว

 

ดังนั้น

การเสด็จลงมาจิติ

ของพระศรีอารย์ครั้งนี้

จึงมีหน้าที่

นำพระธรรม ลงมาแสดง

ให้แจ้งประจักษ์

เพื่อให้

ผู้คนทั้งหลายเห็นด้วยตา

รู้ได้ด้วยใจตัวเอง

ว่า

 

พระธรรม

ที่แท้จริงนั้น ถ้าน้อมนำ

มาปฎิบัติจริง ย่อมเกิดผลจริง

 

ทำดีใด ทำบุญใด

ย่อมได้อานิสงส์ ในชาตินี้

 

ไม่ใช่ ทำบุญไป

ก็ไม่รู้ว่าบุญเป็นยังไง

จะได้อานิสงส์ชาติไหน

ไม่เคยแน่ใจ ไม่มีหลักฐานแสดง

 

เพราะ

ธรรมะ ที่แท้จริง

ของพระพุทธเจ้า คือ

วิชา วิทยาศาสตร์

พิสูจน์ได้ทุกข้อ

 

ได้ทันที ไม่ต้องรอ

 

 

คราวนี้

พวกเราทั้งหลาย

ที่สนใจ

พระศรีอาริยเมตไตร

จงช่วยกัน

ใช้ปัญญา ค้นหาท่าน

 

อย่าใช้ความเห็นส่วนตัว

ที่ปราศจากเหตุผลประกอบ

ปราศจากหลักฐานแสดง

หรือ

ปราศจาก การเห็นด้วย

ของผู้ไม่รู้เรื่อง ให้เห็นด้วยได้

ด้วยเหตุผล และ หลักฐาน

ที่ท่านกล่าวอ้างไว้แล้ว

 

ผู้หนึ่งซึ่งรู้ดี

น่าจะได้แก่ ดร.จิตรา+สามี

เพราะดูท่านมั่นใจ

พูดกับใคร หลายคน

รวมทั้ง กับ อ.อุบล

 

แต่

ท่านทั้งสอง

ไม่เคยบอก หรือ ยืนยันว่า

อ.อุบล คือ พระศรีอาริย์

ดังนั้น

อ.อุบล จึงขอให้พวกเรา

อย่าคิด และ เชื่อ

เพราะเป็นศิษย์ อ.อุบล

 

เดี๋ยวจะกลาย

เป็น

พวกศิษย์ หลงกล

ครูบาอาจารย์

 

เมื่อท่าน

เน้นย้ำมาแล้วว่า

 

ระวังคนแอบอ้าง

 

เรา

ก็อย่าได้มา

แอบอ้าง หรือ ยัดเยียด

ความเป็น พระศรีอาริย์

ให้อาจารย์อุบล

กันเลย

 

อ.อุบล

คนนี้ จะขอทำหน้าที่

ในฐานะเดิมต่อไป

 

ไม่ต้องการเกียรติยศ

ไม่ต้องการชื่อเสียง

ไม่ต้องการคำชมเชย

ไม่ต้องการคำสรรเสริญ

ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

ไม่ต้องการลาภสักการะ

ไม่ต้องการทุกสิ่ง

ที่จะมาบำรุงกิเลส

ของตัวเองอีกต่อไป

ด้วย

ที่ทำมาแล้ว และกำลัง

ทำต่อไป

 

ทำเพื่อ

ละวางกิเลส

 

เพื่อ

เป้าหมายเดียว

คือ

นิพพาน

 

ดังนั้น

ไม่ว่า อ.อุบล จะมีชื่อ

อย่างอื่น

แม้ไม่ใช่พระศรีอาริย์

ก็ไม่อาจหยุดยั้ง

ความหวัง

 

ที่จะพา

สาวกที่ติดตาม

พระพุทธเจ้ามา

เข้าสู่นิพพานชาตินี้ได้

 

เอ้าเดินหน้า

สร้างสมบุญ ลดบาป

ค้นหา

พระศรีอาริย์

ซึ่งอาจจะเป็นท่านเอง

ก็ได้

 

หรือ

อาจเป็นคนที่

ท่านรู้จักก็ได้ ใครจะไปรู้

 

แต่ อ.อุบล ยังไม่รู้

 

ถ้าใครรู้แล้ว

ช่วยบอกที ช่วยแจ้ง

ข่าว

ในกระทู้นี้

 

พร้อมเหตุผล

หลักฐาน ที่เชื่อถือได้

แล้ว อ.อุบล

และ ผู้คนทั้งหลาย

จะได้รับฟัง

 

จะได้รีบ

ไปพบท่าน เป็นบุญ

ว่าเกิดมาชาตินี้ไม่เสีย

ชาติเกิดแล้ว

ได้พบ

พระศรีอาริย์

 

พระพุทธเจ้าพระองค์

ใหม่

หลังกึ่งพุทธกาล

แล้ว สาธุ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 09:33:58


ความคิดเห็นที่ 245 (1572662)

ขออนุโมทนาธรรมทาน

ของพี่ๆ น้องทุกท่านค่ะ 


 *********************

วันนี้ก็มีอีกเรื่องมาฝากค่ะ 


****************************************

ใบหน้าบนดาวอังคาร (Face on Mars)

เป็นรูปร่างของพื้นผิวขนาดยาวประมาณ 3 ก.ม.

และกว้างประมาณ 1.5 ก.ม.

ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณที่เรียกว่าไซโดเนียบน

 

 

 

"มนุษย์ดาวอังคาร"


ดาวเคราะห์โลกหรือโลกของเรา

ไม่ได้เป็นดาวเพียงดวงเดียว

ในสุริยจักรวาล ดาวอังคาร

ก็เป็นเพียงดาวดวงหนึ่ง

ในจำนวนดาวหมื่นแสนล้านๆๆ ดวง

ในสุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก

 

 และจักรวาล เฉกเช่น

เดียวกับโลกของเรา

 ฉะนั้นผู้ที่ศึกษาจึงไม่ควร

รีบด่วนที่จะปฏิเสธว่า

 ไม่มีสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่บนดาวอังคาร

หรือดาวดวงอื่นๆ เนื่องจาก

มนุษย์เราตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูด

จากศูนย์กลางที่เรียกว่า

 “แรงโน้มถ่วงของโลก” 

จึงทำให้เราไม่สามารถเดินทาง

ไปยังดาวดวงอื่นๆได้ 

 

นักวิทยาศาสตร์ได้พยายาม

ศึกษาค้นคว้ามาเป็นเวลานาน 

จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ 

จึงสามารถค้นพบวิธีเดินทางไปถึง

ดาวดวงอื่นได้สำเร็จ แต่ก็ยัง

ไม่สามารถเจาะลึกไปจนถึงขั้น

ทำความรู้จักและมีความสัมพันธ์

ต่อกันกับสิ่งมีชีวิตบนดาวอื่นๆ

 โดยเฉพาะบนดาวอังคารได้เลย 

พวกเราเคยจินตนาการหรือไม่ว่า

 ภาพของมนุษย์ชายหญิง

อย่างพวกเราที่มี 2 ขา 2 เท้า 2

 แขน 2 มือ ฯลฯ ได้กลายเป็นภาพ

ของสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์ต่างดาว

ในสายตาของชาวดาวอังคาร 

ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ฯลฯ ไปเสียแล้ว



โครงสร้างทางกายภาพหรือ

องค์ประกอบของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

 บนดาวอังคารมีความแตกต่างจาก

ดาวเคราะห์โลก โดยสิ้นเชิง จึงเป็นเหตุ

ให้ชาวดาวอังคารมีรูปร่าง 

ตลอดจนการดำรงชีวิตที่ไม่เหมือน

มนุษย์โลกด้วยเช่นกัน อาทิ 

การเกิดและการมีอายุขัย 

มนุษย์โลกอาศัยการเกิดจาก

เชื้อของพ่อและฝังตัวอ่อนอยู่ในท้อง

ของแม่ประมาณ 9-10 เดือน

 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการลบ

ความทรงจำที่มีในอดีต จนกระทั่ง

คลอดออกมาเป็นทารก 

เจริญวัยเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ชรา 

และเสียชีวิต มีอายุได้ไม่เกิน 100 ปี

หรือ 100 ปีเศษเท่านั้น 

แต่สำหรับชาวอังคาร

 พวกเขามีสภาพเป็น “พลังงาน”

 ไม่ได้ประกอบโครงสร้างเป็น 

“รูป” หรือ “ร่างกาย” อย่างชัดเจน



การเกิดของพวกเขา

น่าจะเรียกว่าเป็นการ “อุบัติ” 

ขึ้นมากกว่าเพราะเป็นการรวมตัว

ของพลังงานขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่

 โดยอาศัยพลังงานจากธาตุสีเหลือง

 หรือธาตุเมตตาเป็นตัวกำหนด 

(ไม่ต้องอาศัยการตั้งครรภ์) 

เมื่อกระบวนการเกิดใหม่เสร็จสิ้น 

พวกเขาจะดำรงความเป็น “พลังงาน” 

ไปเรื่อยๆ มีชีวิตเป็นนิรันดร์ 

คือมีอายุขัยมากเป็นหมื่นๆ ปี 

จึงทำให้พวกเขาได้รู้เห็น

ปรากฏการณ์และการเปลี่ยนแปลง

ครั้งสำคัญที่เคยเกิดขึ้นบน

ดาวเคราะห์โลกมาโดยตลอด

 

 และเนื่องจากพวกเขา

เป็นผู้ที่มีพลังจิตสูง

จึงสามารถล่วงรู้ถึงเหตุการณ์

ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย


เนื่องจากโครงสร้างของร่างกาย

มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 มนุษย์โลกประกอบด้วยกายหยาบ

และกายละเอียด ในขณะที่ชาว

ดาวอังคารมีสภาพเป็นกายละเอียด

หรือพลังงานเพียงอย่างเดียว 

ดังนั้น “อาหาร” และ “การดำรงชีวิต”

 ของมนุษย์โลกและชาวดาวอังคาร

จึงแทบจะไม่เหมือนกันเลย



กายหยาบ เป็นโครงสร้าง

ที่ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างกาย 

และมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตา 

อาหารที่ใช้บำรุงหล่อเลี้ยง 

คือ อาหารหลัก 5 หมู่ นำเข้าสู่

ร่างกายโดยทางปาก ระบบทางเดินอาหาร

 และอาศัยก๊าซออกซิเจน

เพื่อช่วยในการสันดาป

และการทำงานของหัวใจและปอด



กายละเอียด เป็นกายในรูปของ

พลังงานที่เนื่องด้วยกระแสลมปราณ

และวิญญาณ (ธาตุรู้) ฉะนั้น

อาหารของชาวดาวอังคารจึงอยู่

ในรูปของพลังงานด้วยเช่นกัน 

ได้แก่กระแสลมปราณ 

และธาตุเมตตา (กุศล) ซึ่งเป็นธาตุสีเหลืองๆ 

และมีอิทธิพลต่อความนึกความคิด 

ดังนั้นการกระทำหรือการทำลาย

ชีวิตอื่นๆ ฯลฯ จะเป็นสาเหตุทำให้พลังงาน

หรือกายละเอียดและพลังจิต

ของพวกเขาอ่อนกำลังลง 

และจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างลำบาก



อาหารที่สำคัญสำหรับพวกเขา

อีกอย่างหนึ่ง คือ “น้ำ” 

พระภิกษุสงฆ์หรือผู้ฝึกจิต

ที่เข้ากรรมฐานเป็นเวลาหลายๆ วัน 

หรือเป็นแรมเดือน บุคคลเหล่านี้

มิได้ทานอาหาร พวกเขาดำรง

ชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำ ปิติ และกระแสลมปราณ



ชาวดาวอังคารไม่มีศาสนา

 ไม่รู้จัก “นิพพาน” 

เพราะพวกเขาส่วนใหญ่พอใจใน

การมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์ 

เหตุการณ์วิกฤตใดๆ ที่เคยเกิดขึ้น

บนดาวเคราะห์โลกในอดีต

 ชาวดาวอังคารเคยรู้เคยเห็นมาก่อนแล้ว

 โดยเฉพาะการวนรอบ

ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครบรอบ 10,000 ปี 

ด้วยความปราถนาดี

และอยากช่วยเหลือมนุษย์โลก

 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนบ้าน

ที่อยู่ในครอบครัว “สุริยจักรวาล”

 เดียวกัน ชาวดาวอังคาร

จึงได้ติดต่อสื่อสารกับมนุษย์โลก

ตั้งแต่ยุค “อาณาจักรแอตแลนตีส”

 

 ซึ่งเป็นยุคที่มีผู้สนใจศึกษาเกี่ยวกับ

 “พลังจิต” อย่างแพร่หลาย

 พร้อมทั้งได้ถ่ายทอดความรู้

เกี่ยวกับการสร้างและการใช้

ประโยชน์จากรูปทรงสามเหลี่ยมพีระมิ



ชาวดาวอังคารสร้างบ้านเรือน

อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน 

เพื่อให้ปลอดภัยจากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต

จากดวงอาทิตย์ เนื่องจากสภาพ

ของการมีกายละเอียด (พลังงาน) 

ทำให้พวกเขาทนต่อแสงแดดได้ไม่มากนัก

 ประตูทางเข้าจะปิดสนิทเมื่อเวลา

 03.00 น. เพื่อป้องกัน

อันตรายจากแสงแดด



ชาวดาวอังคารสามารถใช้พลังจิต

สร้างรูปหยาบให้ปรากฏต่อสายตา

มนุษย์โลกได้ แต่เนื่องจากการที่

พวกเขาส่วนใหญ่มีพลังจิตสูงคลื่น

ความถี่จากพลังงานของพวกเขา

อาจจะทำให้เกิดอันตราย

ต่อมนุษย์โลกได้ พวกเขา

จึงจำเป็นต้องสะกดจิตมนุษย์โลก

ให้หยุดการเคลื่อนไหวก่อน

ที่พวกเขาจะปรากฏตัวขึ้น

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 09:53:07


ความคิดเห็นที่ 246 (1572670)

งานนี้นะ

เสด็จพ่อ

ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ตรัสว่า

 

ข้าจะต้อง

สั่งสอน จัดหนักให้

กาฝากศาสนา

 

เพราะ...ข้า

ท้าวเวสสุวรรณ

มีหน้าที่ อารักขา พระศาสนา

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

 

รวมทั้ง

พระศรีอาริย์ที่ลงมา

จุติแล้ว

999999999999999

 

จะเห็นว่า

ท้าวเวสสุวรรณ

มีบทบาทสำคัญยิ่ง

ในการ

ปกปักรักษา

พระศาสนา และ

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

รวมทั้ง

พระศรีอาริย์

 

คราวนี้ก็คงสงสัย

นะ

 

ว่าทำไม

 

ท้าวเวสสุวรรณ

จึงมีความสำคัญมาก

 

ด้วย

ท้าวเวสสุวรรณ

เคยเป็นกษัตริย์ เป็น

พระสหาย

กับพระพุทธเจ้ามา

ในกาลก่อน

 

และ

จะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในอนาคตกาล

(อันนี้ท่านปิดมาตลอดนะ)

ลูกขอทำหน้าที่

เชิดชูศักดิ์ศรีของ

พ่อ...ฯ

ท้าวเวสสุวรรณ

ผู้เป็นใหญ่ทุกสวรรค์

ชั้นฟ้า ตลอดจน

3 โลกา

 

ด้วยท่านตกลง

กับพระพุทธเจ้าตั้งแต่

ครั้งยังเป็นพระสหายกัน

ว่า

ถ้าใครบรรลุธรรม

ก่อน

ก็ให้กลับมาช่วยเพื่อน

ให้บรรลุได้เหมือนกัน

 

เมื่อพระพุทธเจ้า

บรรลุก่อน

พระองค์ก็ทรงรักษา

สัญญา

 

นี่เห็นไหม

นัย ยะ ที่ว่า

ทำไม

ท้าวเวสสุวรรณ

จึงจะได้เป็น

พระพุทธเจ้า

ในอนาคตกาล

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 10:16:56


ความคิดเห็นที่ 247 (1572675)

จะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในอนาคตกาล

(อันนี้ท่านปิดมาตลอดนะ)

สาธุ สาธุ สาธุ

ขอกราบขอบพระคุณความเมตตา

ของท่านอ.อุบล

ที่บอกให้พวกเรารู้ว่า

ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ผู้เป็นใหญ่แห่ง 3 ภพ

จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 10:26:51


ความคิดเห็นที่ 248 (1572677)

สิ่งใดๆ ที่ข้าพเจ้าไดเคยล่วงเกินมาใน พระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้มีพระคุณ ทุกท่าน ด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี  ข้าพเจ้าขอขมาโทษ ขอทุกท่าน จงงดโทษ อดโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธรรมนูญ นาคสุข (naksuk4-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 10:29:07


ความคิดเห็นที่ 249 (1572678)

ขออนุโมทนากับธรรรมทาน

ของท่าน อ.อุบล ด้วยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

ไม่ว่าท่าน อ.อุบล จะเป็นใคร

ลูกศิษย์โง่ๆคนนี้ ก้อขอติดตาม

รับใช้ท่านฯ ในชาตินี้ จนกว่าจะถึง

ลมหายใจสุดท้ายของผมครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 10:30:55


ความคิดเห็นที่ 250 (1572684)

ขอกราบสักการะ

เสด็จพ่อท้าวเวชสุวรรณ

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล

ลูกขออธิษฐานจิต

ขอติดตามรับใช้พระองค์ท่านฯ

จนกว่าจะถึงยุคของพระองค์ฯ ที่จะได้

เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญฯ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนาธิป มานีมาน(ตั้ม) (cntip-dot-m-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 10:40:51


ความคิดเห็นที่ 251 (1572687)

 

จะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในอนาคตกาล

(อันนี้ท่านปิดมาตลอดนะ)

***********

ขอกราบฝ่าพระบาท

สเด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ

อ.แม่อุบลที่เมตตาบอกให้ลูกๆบ้านสวนทราบ

ว่าสเด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ

จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลต่อไป

สาธุ  สาธุ  สาธุ เจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 10:50:37


ความคิดเห็นที่ 252 (1572690)

อนุโมทนาสาธุกับธรรมทานของท่านอาจารย์อุบลครับ อ่านแล้วได้ปัญญามากครับ อย่าเชื่อมงคลตื่นข่าว ดังนั้นเรามาช่วยกันมองหา พระศรีอาริย์ผู้มาช่วยโลกหลังกึ่งพุทะกาลด้วยกันนะครับ

ดังที่ท่านอาจารย์บอกนะครับ ปัจจุบันนี้ มีผู้คนมากมายปฏิบัติผิดเพี้ยนจน "วิปริต" หลงคิดว่าตนเองเป็นพระศรีอาริย์ ต่างพากันออกมาเทศน์ แสดงธรรมของตนเองแก่ผู้คน ผ่านทางเวปไซต์มากมาย ต่างแย่งกันเป็นพระศรีอาริย์ 

อืม!! แล้วองค์จริงท่านหากได้รู้ว่าลูกหลานพระพุทธเจ้าพากันบิดเบือนคำสอนที่ถูกต้อง ปฏิบัติผิดๆจนเพี้ยนแบบนี้ ท่านคงเสียใจน่าดูนะครับ ผมว่า องค์จริง ท่านคงไม่มาเร่ ป่าวประกาศ ใครต่อใครหรอกว่า "ข้าเองเว้ยย พระศรีอาริย์"

ว่าไปแล้ว บางคนที่มีจิตมาร อาจใช้เล่ห์กลอุบาย หลอกลวงผู้ที่นับถือตนเองให้หลงคิดว่าเป็นพระศรีอาริย์ ไม่ว่าด้วยการพูดตรงๆ หรือว่าสร้างภาพให้เข้าใจต่างๆนาๆ

ผมมั่นใจนะครับว่ามารรูปแบบนี้ มักอยู่ในรูปของนักบุญ ที่ทำอะไรมักมีรูปแบบ พิธีการต่างๆ ให้ดูหรูหรา อลังการงานสร้าง โดยอาศัยความหลงผิดของลูกศิษย์ที่เชื่อมั่นว่าอาจารย์ตนเป็นพระศรีอาริย์

และนักบุญ(ใจบาป)แบบนี้มักจะคอยสอดส่องดูว่าที่ไหนบ้างที่มีครูบาอาจารย์ที่ผู้คนนับถือมากมาย และแนวโน้มว่าจะเป็นพระศรีอาริย์มาแข่งกับตนเอง นักบุญแบบนี้ก็มักจะเข้ามาหาสถานที่แห่งนั้น เพื่อหาช่องทางคอยขัดขวาง ทำลายชื่อเสียง เพื่อให้หมดคู่แข่ง เออแน่ะ คิดไปด้ายย

ผมมีประสบการณ์ตรงนะครับ ผมเคยเห็นนักบุญที่หลงตนเอง หลอกลวงลูกศิษย์ลูกหา ว่าเป็นท่านนั้น ท่านนี้มาเกิด คิดทำลายครูบาอาจารย์ท่านอื่นที่ตนเองคิดว่าเป็นคู่แข่ง เชื่อไหมครับ ว่ามีการเอากระดูกผีตายโหง มาใส่ของสูง เช่นเศียรพระพุทธรูป เป็นต้น

ใส่ไว้ทำไมเหรอครับ นั่นคือคุณไสย์ มนต์ดำ เพื่อต้องการสะกดหรือหาทางทำให้ผู้อื่นหมดทางเจริญในธรรม ทำลายผู้อื่นที่คิดว่าเป็นคู่แข่งของตนเอง เพื่อการแย่งชิง เพื่อการเป็น พระศรีอารยิ์ในยุคหลังกึ่งพุทธกาลนั่นเอง เฮ่อ น่าสงสารนะครับ คนแบบนี้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 10:57:06


ความคิดเห็นที่ 253 (1572709)

ทุกคนที่ แอบอ้าง

ว่าตนคือ

พระศรีอาริยเมตไตร

ต้องเจอ จัดใหญ่

 

จาก

 

เสด็จพ่อ

ท้าวเวสสุวรรณ

 

ด้วยวิธีการ

ต่างๆ

 

ให้ผู้คน สังคม

ได้คิด ได้ เห็น ได้ พิจารณา

ด้วยปัญญา

 

ว่า

 

พระศรีอาริย์

ที่ไหน ที่จะพาบริวาร

ออกนอกธรรม

อันงดงาม

 

แต่

ไปหลงพิธี

พราหมณ์ พิธีกรรม

 

หรือ

หลงตนอวดดี

ยกตนข่มท่าน

อวดผลงาน บุญขั้นทาน

 

ซึ่งพระศรีอาริย์

ท่านจะต้องพาพวกเรา

ทำบุญขั้นสูง

 

เพื่อ

มุ่งสู่ นิพพาน

 

ซึ่งก็คือ

ต้องมีจิต หลุดพ้น

ดวงตาเห็น

ธรรม

 

ที่แท้จริง

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 11:46:18


ความคิดเห็นที่ 254 (1572726)

เพราะ...ข้า

ท้าวเวสสุวรรณ

มีหน้าที่ อารักขา พระศาสนา

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

 

รวมทั้ง

พระศรีอาริย์ที่ลงมา

จุติแล้ว

999999999999999

อาจารย์...ขา เท่าที่ได้อ่านมา

และได้รู้จักบ้านบ้านสวนมา

และที่อื่นๆและที่ได้ฟังธรรมะมา

ธรรมะบ้านสวนเข้าใจง่ายที่สุด

และได้ประมวลแล้วว่า

อ.แม่ใช่พระศรีอาริย์(ไม่ได้ตามใครค่ะ)

เหตุผล

ฟังมาจากเสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ

สื่อผ่านมาทาง อ.แม่อุบล

ลูกข้าใครอย่าแตะ

และเสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณก็

คุ้มครอง อ.แม่มาตลอด

และก็อยู่บ้านสวนตลอด

อ.แม่ไปไหนเสด็จพ่อฯก็เสด็จไปคุ้มครองตลอด

ด้วยสติและปัญญาอันน้อยนิดค่ะ

ถ้าหนูเข้าใจผิด

หนูกราบขอขมาขอโทษด้วยค่ะ

แต่หนูมีความเห็นความเข้าใจเช่นนี้ค่ะ

หนูเชื่อค่ะ

จะใช่หรือไม่ใช่หนูขอไปนิพพาน

กับอาจารย์แม่อุบลค่ะ

กราบเท้าอาจารย์แม่อุบล

อาจารย์พ่อมงคล

 

อย่า...ทิ้งลูก..โง่ๆคนนี้นะค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 12:43:50


ความคิดเห็นที่ 255 (1572729)

กระดูกผีตายโหง มาใส่ของสูง เช่นเศียรพระพุทธรูป เป็นต้น

พ่อใหญ่ธนา

ธรรมะย่อม ชนะ อวิชชา

แน่นอนเสมอค่ะ

ใครทำสิ่งที่ไม่ดีเขาก็ต้องได้รับในสิ่ง

ที่ไม่ดีกลับไปเช่นกัน...จ๊า

น่าสงสารเขานะพ่อใหญ่

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 12:55:29


ความคิดเห็นที่ 256 (1572738)

ลูกขอกราบพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

ท่านดตาจินิน,ท่านท้าวเวสสุวรรณ,หลวงพ่อปาน,หลวงพ่อฤาษีลิงดำ,ท่านพยายม,ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว ที่ได้เมตตานำความลับจักรวาลมาบอกให้ลูกหลานได้รับรู้

ตัวลูกเองมีความศรัทธาต่อท่านอาจารย์อุบลและสิ่งศักสิทธิ์บ้านสวนเกิน100%

ลูกขออนุญาติลงชื่อรับทราบความลับของจักรวาลด้วยค่ะ..

ผู้แสดงความคิดเห็น สายรุ้ง ศรีแตง (sairung23-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 13:35:17


ความคิดเห็นที่ 257 (1572748)

      จากความเห็นที่ 96,97 หนูขอกราบขอบพระคุณเบื้องบนทุกพระองค์รวมทั้ง อ.อุบล ที่มีเมตตาเตือนลูกหลานบ้านสวนทุก ๆ คน ค่ะ  หนูขอสัญญาว่าจะหมั่นทำความดี และจะยึดมั่นในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ตลอดไป เพื่อจะได้ไปถึงซึ่งนิพพาน ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้อีกครั้งค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กนกกร แดงเอม (kanokkorntip-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 13:55:58


ความคิดเห็นที่ 258 (1572749)

"เอากระดูกผีตายโหง มาใส่ของสูง เช่นเศียรพระพุทธรูป เป็นต้น"

..............................

คิดว่าตัวเองไปใหญ่ยิ่งใหญ่มาจากไหน

ถึงกล้ามาทำสิ่งเลวทราม ต่ำช้า

บังอาจนำไปใส่พระเศียรของพระพุทธเจ้า

คนที่กระทำแบบนี้ ถือว่าเป็น"มาร"

 และของเลวทรามแบบนี้

ย่อมกลับไปหาตัวผู้กระทำ

แน่นอนค่ะ

....................

 

 

 

รวมทั้ง

พระศรีอาริย์ที่ลงมา

จุติแล้ว

.....................

พระศรีอาริย์

คือบุคคลที่เปี่ยมไปด้วย

ศีลและบารมี
ย่อมนำพาทุกชีวิต

ให้พ้นจากความทุกข์

ด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้า

ทางที่พ้นจากความทุกข์

เป็นสุขตลอดการคือ

การไปนิพพาน

ซึ่งเป็นธรรมสูงสุด

(ดังที่อ.อุบลได้สอนพวกเรา)

และธรรมะคือธรรมชาติ

ต้องเข้าใจได้ง่าย

ปฏิบัติได้ง่าย

ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก

ไม่เน้นพิธีกรรม

ไม่เน้นการบรวงสรวง

ซึ่งไม่เกิดปัญญา

เพราะฉะนั้นผู้ที่แอบอ้าง

และยังแสดงตัว

โอ้อวด อวดว่าตัวเองดี

ตัวเองเก่ง

ย่อมไม่ใช่

พระศรีอาริย์แน่นอนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 14:01:26


ความคิดเห็นที่ 259 (1572750)

โมทนาบุญกับทุกท่านค่ะดิฉันแค่แม่บ้านคนหนึ่งได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนแต่ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่นักยังโง่เหมือนเดิม และชอบชนิดาสรุปจังพอจะเข้าใจบ้าง กรรมฐาน 40 กองก็เพิ่งจะรู้จักขออ่านและโมทนาบุญนะค่ะกระทู้นี้เป็นวิชาชั้นสูงยังไม่ถึงค่ะบายๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 14:04:19


ความคิดเห็นที่ 260 (1572753)

ดังนั้น

ทุกคนให้ช่วยกัน

(คนที่มีสัญญาเดิม จะรู้หน้าที่เอง)

ค้นหา ความลับ นี้มา

เผยแพร่

 

ส่วนสิ่งไหน

 

คือ

 

ของจริง  ของปลอม

 

พระพุทธองค์

 

เบื้องบน

 

มนุษย์ต่างดาว

 

และ

เสด็จพ่อ

ท้าวเวสสุวรรณ

 

จะทรงวินิจฉัยเอง

แล้ว

 

ให้ อ.อุบล นำมา

บอกอีกที

จ๊ะ

ขอให้ทุกๆท่าน หยุด การโพสลงชื่อเพื่อขอรับฟังความลับของจักรวาลได้แล้วนะครับ โปรดอ่านที่ท่านอาจารย์เขียนไว้ชัดเจนดีแล้ว มาช่วยกันหาความลับ และช่วยกันเผยแผ่ดีกว่าครับ

คนที่คอยจะเกาะข่าวสารอย่างเดียว ไม่ช่วยกันสร้าง หรือว่าไม่ทำหน้าที่ แล้วท่านคิดว่าเบื้องบนจะให้โอกาสคนเหล่านี้ รอดไปสู่ยุคใหม่ได้หรือครับ

ขอโทษนะครับ ที่ต้องออกมากระตุ้นกันตรงๆแบบนี้ ไม่ให้เสียเวลา เพราะเวลาแต่ละนาทีมีค่ามากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนา อรุณภิญโญพล (nirvana_time-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 14:13:05


ความคิดเห็นที่ 261 (1572759)

 อยากกลับบ้านไปหาพ่อ

ขอทำตามท่านอ.อุบลทุกอย่าง

ขอร่วมช่วยอ.อุบลแผ้วถางทาง

ไม่หลงพิธีกรรม

ไม่หลงตนอวดดี

ไม่ยกตนข่มท่าน

ขอร่วมทำบุญขั้นสูง

เพื่อมุ่งสู่นิพพาน

ซึ่งก็คือ 

ต้องมีจิตหลุดพ้น

ดวงตาเห็น

ธรรม

ที่แท้จริง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สมจิต โพธิ์นิล (shindo_ploy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 14:20:49


ความคิดเห็นที่ 262 (1572761)

ขอกราบอนุโมทนาบุญและกราบขอบพระคุณธรรมทานของท่านอาจารย์อุบล และธรรมทานทุกท่าน ทุกบุญด้วยคะ...มยุรีพร.

ผู้แสดงความคิดเห็น นางมยุรีพร ภาชนะวรรณ (ma_parchanawan-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 14:30:32


ความคิดเห็นที่ 263 (1572783)

"คนที่คอยจะเกาะข่าวสารอย่างเดียว ไม่ช่วยกันสร้าง หรือว่าไม่ทำหน้าที่ แล้วท่านคิดว่าเบื้องบนจะให้โอกาสคนเหล่านี้ รอดไปสู่ยุคใหม่ได้หรือครับ"

มาช่วยพี่ธนาปลุกอีกแรง

คืนวันก่อนได้ยิน

ลูกหลานท่านท้าวเวสสุวรรณ

รับปากว่า "ตื่นแล้ว"

เมื่อตื่นแล้วก็ต้องลุกขึ้นมา

ทำหน้าที่กันได้แล้วนะคะ

เมื่อก่อนไอซ์ก็เป็น "ชาวเกาะ"

เหมือนกัน 555+

แต่พอได้พิมพ์ ได้แสดงความคิด

ได้แสดงความกล้า

ที่ละน้อย จนกระทั่งเยอะขึ้น

ไม่กลัวว่าใครจะคิดว่าเราเป็นยังไง

ในเมื่อเราทำความดี

แล้วเราจะกลัวทำไม

อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่ง

พูดไม่เก่ง เขียนไม่เก่ง

เหมือนคนนั้น คนนี้

สมองเรา

ปัญญาเรา

มันก็เหมือนกับมีด

ที่ยิ่งลับก็ยิ่งคม

อย่าคิดให้ใครมาช่วยเรา

อย่าร้องขอปัญญาจากคนอื่น

ถ้าเราไม่ลงมือสร้างปัญญาด้วยตัวเอง

แล้วใครจะช่วยเราได้

ก็เหมือนกับเรื่องภัยพิบัติ

ถ้าเรายังไม่เริ่มช่วยตัวเองก่อน

แล้วใครเค้าจะมาช่วยเรา

ท่านว่าจริงไม๊ค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น วราภรณ์ หล่าบรรเทา (iceteaza-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 15:08:18


ความคิดเห็นที่ 264 (1572787)

หน้าที่พระโพธิสัตว์และพระมหาโพธิสัตว์

หน้าที่ร้องต่อเบื้องบนโปรดผู้อยู่เบื้องล่างทำประโยชน์ให้ตนเองและให้ผู้อื่น โพธิสัตว์จึงเป็นนามและหน้าที่ของผู้ปฎิบัติธรรมด้วยมหากุศลอย่างยิ่งใหญ่กว้างออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

  • พระ เป็นนาม ใช้แทนคำขึ้นต้นหรือนำหน้าใช้เรียกแทนชื่อ
  • โพธิ หมายถึง ตรัสรู้
  • สัตว์ หมายถึง สิ่งที่มีชีวิตอำนวยประโยชน์ให้ผู้อื่น
  • มหา หมายถึง ยิ่งใหญ่

พระโพธิสัตว์ คือบุคคลที่มีจิตปรารถนาพระโพธิภูมิ มีจิตผูกพันมุ่งมั่นต่อโพธิญาณเป็นหลักสำคัญ เพื่อทำหน้าที่เผยแผ่พระธรรมของพระพุทธเจ้าและโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อยังไม่หมดหน้าที่ ที่ต้องการช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่อยู่ในโลกทั้งหลายก็จะไม่ยอมเข้าสู่พระนิพพาน เพราะฉะนั้นพระโพธิสัตว์จึงเป็นผู้มีปัญญาและมหาปัญญาในการรู้แจ้ง เห็นแจ้งในหลักธรรมจึงไม่ตกเป็นทาสของกิเลสไม่มีสิ่งใดที่จะเข้ามากระทบได้ เพราะมีจิตที่หนักแน่นและมั่นคงมีจิตใจเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้พ้นจากทุกข์

พระโพธิสัตว์ มีวิธีการอันชาญฉลาดในการแนะนำอบรมสั่งสอนให้ผู้อื่นเพื่อให้ได้เข้าถึงสัจธรรม ดังนั้นพระโพธิสัตว์จึงประกอบไปด้วยกุศโลบายต่างๆ นาๆ นับประการในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ จะต้องประกอบไปด้วยไหวพริบปฏิภาณที่จะเข้าถึงจิตใจในระดับจิตวิญญาณของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อที่จะได้เข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นก่อนแล้วจึงจะช่วยเหลือตัวเอง เพราะการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว์นั้นรู้แจ้งในจิต รู้แจ้งในธรรมและรู้แจ้งในความทุกข์ของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่จมอยู่ในกองทุกข์

พระโพธิสัตว์ จึงต้องอดทนเป็นอย่างมากในการสร้างบารมีเพื่อได้มาฉุดช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลาย

  1. พระโพธิสัตว์ ต้องทำให้แจ้งในตัวบุคคลและในธรรม
  2. พระโพธิสัตว์ ต้องมีความสามารถอดทนต่อสิ่งกดดันเพื่อโปรดสัตว์
  3. พระโพธิสัตว์ ต้องรักษาศีลประกอบด้วยอินทรีย์ สังวรศีล กุศลสังคหศีล
  4. พระโพธิสัตว์ ต้องสละทรัพย์อวัยวะและชีวิตเพื่อสัตว์โลกได้โดยไม่อาลัย
  5. พระโพธิสัตว์ ต้องสำเร็จญาณสมาบัติทุกชั้น มีจิตไม่คลอนแคลนเพราะคุณแห่งอารมณ์
  6. พระโพธิสัตว์ ต้องไม่ท้อถอยต่อพุทธภูมิ ไม่รู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อการช่วยเหลือสรรพสัตว์

ดังนั้น พระโพธิสัตว์ คือผู้ที่ตั้งจิตแน่วแน่ในการบำเพ็ญเพียรเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต จึงมีการสร้างสมบารมีอย่างมากมายเรียกว่า.. พระโพธิสัตว์ จนได้เป็นมหาโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียรจนได้เป็นพุทธเจ้า การโปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นเข้าถึงพระนิพพานจริงๆ พระโพธิสัตว์เป็นอะไรก็ได้จะอยู่ในรูปปางต่างๆ เพื่อการบำเพ็ญเพียรสั่งสมบารมี พระโพธิสัตว์จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดคือนิรมาณกายในวัฏฏะแห่งภพชาติต่างๆ สุดแล้วแต่กระแสแห่งกรรมของตน สุดแล้วแต่เป็นไปตามภพชาตินั้นๆ พระพุทธเจ้าเคยเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์เคยเกิดเป็นมนุษย์เคยเกิดเป็นเทวดาและเกิดเป็นพรหม เวียนว่ายอยู่ในกระแสแห่งกรรมทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นมนุษย์บางท่านอาจจะเหมาะสมที่จะเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียรทางใจเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า มนุษย์บางท่านอาจเหมาะสมที่จะเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า คือ พระอรหันต์ ไม่ว่าจะเป็นการหลุดพ้นอย่างพุทธะพระโพธิสัตว์และพุทธะมหาโพธิสัตว์ หรือเป็นพุทธะสาวกต่างก็เข้าถึงพระนิพพานได้เหมือนกัน แต่มีความต่างกันคือการสั่งสอนผู้อื่นได้มากน้อยไม่เท่ากันอยู่ที่พระบารมีที่สั่งสมมาในภพชาติ

ผู้ที่ปฏิบัติตามหลักโพธิสัตว์ธรรม คือ ผู้ที่ตั้งจิตปรารถนาพุทธภูมิ จะต้องมีความเด็ดเดี่ยวในความพากเพียรเพื่อให้ผลนั้นเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลในการสั่งสอนหรือชี้แนะให้เข้าถึงพระนิพพาน ซึ่งกระทำโดยพระพุทธเจ้า มีพุทธานุภาพมากกว่าการชี้แนะให้เข้าถึงนิพพาน จะต้องมุ่งเน้นโพธิสัตว์ธรรมพุทธภูมิเพื่อช่วยสัตว์ให้ได้มากที่สุดด้วยพระสัจจะวาจาที่ว่าเราจะบำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า เราจะฉุดช่วยสัตว์โลกทั้งหลายให้เข้าถึงพุทธภูมิ ดังนั้นพระโพธิสัตว์สำเร็จเป็นมหาโพธิสัตว์สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าแล้วมามากมายในหลายแสนอสงไขยในอดีตกาล ซึ่งเสด็จลงมาตรัสในโลกมนุษย์ก็มี พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ นี้เองที่สำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านได้ตั้งปณิธานขอโปรดสัตว์โลกในไตรภูมิอีกต่อไปในหลายๆ แสนอสงไขยด้วยพระเมตตากรุณาของพระองค์ที่ต้องการให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้หลุดพันจากห้วงของความทุกข์

***********************************

ทั้งหมดนี้ตรงกับสิ่งที่อาจารย์ทำทุกอย่างอยู่ขณะนี้
อาจารย์แม่ คือ พระโพธิสัตว์
สาธุ สาธุ สาูธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น หญิง < นันทนา แหกาวี > ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 15:14:32


ความคิดเห็นที่ 265 (1572789)
image

 ขอนำเรื่องราวดีๆ ที่อ่านเจอจากเว็บหนึ่ง

ตุ้ยขอคัดมาบางส่วนค่ะ
เพราะเนื้อหายาวมากค่ะ

***********************

ความจริงที่เราหนีไม่พ้น
กำลังคืบใกล้เข้ามาทุกทีๆ
คิดกันให้ดี ถึง

คำทำนายวันสิ้นโลก
- ภัยพิบัติล้างโลก
- โลกาวินาศ 12-2013)
(Civilization’s end หรือ
 Apocalypse 
หรือ End Time 2012-2013

พระจักรพรรดิรู้วิธีหยุดโลกาวินาศได้ 
แต่ผู้คนต้องหาความจริงใน 
พระจักรพรรดิ (พระศรีอารย์)
 ที่มีองค์จริงขณะนี้
หาข้อเท็จจริงได้ตามหลักฐาน 

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ 
มีพระสงฆ์ไม่น้อยทำลายพระพุทธศาสนา
เพราะขาดกาลามสูตร สอนผู้คนผิดๆ 


โปรดค้นดูใน พระไตรปิฏก ๒๐ กัณฐ์  พระศรีอารย์


มาร เมื่อได้พระพุทธศาสนามาแล้ว 
จึงทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลงเสียใหม่
 บอกชี้สิ่งที่ถูกให้เป็นผิด 
บอกสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก
 ทำสิ่งชั่วร้ายให้เห็นเป็นของดี 
เห็นการทำดีเป็นสิ่งชั่วร้าย 
จนเป็นที่มาของคำว่า
ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป
 
 และเมื่อชาวพุทธจะสร้างบารมี
 ด้วยการนั่งสมาธิภาวนาก็บอกว่า
 เดี๋ยวจะบ้านะอย่านั่งเลย
 ไปหาพระประพรมน้ำมนต์
ขอของขลังดีกว่า ไปสะเดาะเคราะห์
ดีกว่ามานั่งปฏิบัติธรรมเอง 
พญามารหลอกลวงชาวพุทธ
ให้วนเวียนอยู่ในอำนาจมาร 
ให้หลงโง่งมงายในเดรัจฉานวิชชา
 
 ทำให้จิตใจมืดบอด 
ทำให้ชาวพุทธไม่รู้หนทาง
การปฏิบัติที่ถูกต้อง 
ประกอบการกุศลครั้งใด
แทนที่จะเป็นบุญเป็นกุศล 
ก็กลับเป็นเวรเป็นกรรม
อย่างหาที่สุดมิได้ เพราะนิมิตหมาย
แห่งคุณงามความดี และทางที่บริสุทธิ์ 
พวกมารได้ตัดได้ปิดได้ฝังลงดิน
ไปเสียแล้ว และถูกทางฝ่ายมาร
เข้าแทนที่ โดยปรมัตถ์แห่งการ
ตัดหวายตัดลูกนิมิต เพราะหวายเป็นเส้นยาว
เปรียบประดุจเส้นทางแห่งมรรคผล
 
นิมิต คือ ความสว่าง
 ความรู้แจ้งแห่งปัญญา เมื่อถูกปิด
 ถูกตัดเสียแล้ว มนุษย์ก็เดินหลงทาง 
ปฏิบัติไปไม่ได้อะไรก็เลยท้อใจ
 และเบื่อหน่าย ละเลิกทอดถอน
การปฏิบัติไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง 
ยักษ์ เมื่อมารใช้ให้พราหมณ์ไป
ขอพระพุทธศาสนาจากพระพุทธโคดม
 
ในครั้งนั้น พระพุทธองค์
ทรงยกให้ 2,500 ปีหลัง 
ส่วนที่หนึ่ง พราหมณ์เอาไป
ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ 
ส่วนที่สอง มาร เอาไปตัดไปปิด
 และเอาฝังเอาไว้ 
 
ส่วนที่สามนั้น พวกยักษ์เอาไปขายกิน 
เมื่อยักษ์ได้รับส่วนแบ่ง
พระพุทธศาสนามาแล้ว
 ตามประสาของยักษ์ชอบใช้แรง
 ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เมื่อความ
เป็นยักษ์เริ่มสิงจิตใจผู้คน 
จนทั่วถึงกันทุกชนชั้นวรรณะ
 ตลอดจนถึงพระสงฆ์ ก็เริ่มโอ้อวดฤทธิ์เดช
ความสามารถ ความอยู่ยงคงกระพัน 
วัตถุมงคลเกิดขึ้นมากมาย
แทนการปฏิบัติบูชาที่ถูกต้อง
 
 ผู้คน เริ่มมีนิสัยละโมบ อวดใหญ่ 
ลำพอง คะนองเดช ตามสันดานของยักษ์
 ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น 
จากการเห็นผิดเป็นชอบด้วยไฟแห่งโลภะ
 โทสะ และโมหะ ผล......
...........


... เข้าไปอ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ที่ ...

ที่มา  http://www.metteya.org/sriann/Truth_of_Buddha.html
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 15:19:27


ความคิดเห็นที่ 266 (1572805)

กราบเรียนท่านอาจารย์อุบลค่ะ

หนูพยามจะเปลี่ยนรูปภาพของตนเอง หลายครั้งแล้วแต่เปลี่ยนไม่ได้เลยค่ะบีมรูปก็แล้ว เซฟใหม่ ให้น้องช่วยทำก็เปลี่ยนไม่ได้เลยค่ะ

ต้องขออภัยด้วยนะคะที่ยังเปลี่ยนรูปที่หน้าชัดไม่ได้แต่ก็จะพยามทำต่อไปคะ มีพี่ชาวบ้านสวนพีระมิดพอแนะนำหนูได้บ้างหรือปล่าวค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มยุรฉัตร สุดจิตต์ (mayurachut-dot-ch-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 16:26:52


ความคิดเห็นที่ 267 (1572807)

กราบพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  และสิ่งศักดิ์สิทธ์บ้านสวนพีระมิดเสด็จปู่ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านอ.อุบล อ.มงคล

ลูกขออนุโมทนาบุญกับท่านอ.อุบล ศาสดาของลูกบ้านสวนฯ(ศาสดาแปลว่าครูผู้นำธรรมของพระพุทธเจ้ามาสั่งสอน)

และขออนุโมทนากับคุณโฆษิตที่นำความรู้มาให้อ่าน  และขอบคุณผู้ใหญ่ธนา กับน้องไอซนะคะที่ช่วยปลุกชาวเกาะแบบพี่อีกคนให้ตื่น

อนุโมทนาบุญค่ะ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สุรดา ศรีสุข (นก) (su_rada-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 16:30:44


ความคิดเห็นที่ 268 (1572832)

กราบขอบพระคุณอาจารย์อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

ที่คอยเตือนพวกเราทุกคน

ถ้าอาจารย์บอกให้ทำสิ่งใด ต้องเร่งทำทันที

อนุโมทนา สาธุ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น จันทร์เพ็ญ อังคุกานนท์ (หนิง) (janpen-dot-ank-at-rd-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 18:03:19


ความคิดเห็นที่ 269 (1572983)

ขอบคุณหนูตุ้ย

และ ทุกคนที่หาข้อมูลดีๆ

มาลง

 

โดยเฉพาะ

เรื่องภัยพิบัติ และ เกี่ยวข้องกับ

พระศรีอาริย์

 

ซึ่ง ดร.อาจอง

และ พุทธสาสนิกชน

ทุกคนรู้จักชื่อ

พระศรีอาริย์

มานานมาก

 

เมื่อก่อน

คิดว่า ท่านคงลงมา

ตอนที่เราตายไปกันแล้วกระมัง

 

แต่

ดร.อาจอง ดร.จิตรา

บอกเหมือนกัน

ว่า

เราจะมีผู้นำ

คือ

พระศรีอาริย์

 

แต่

ดร.อาจอง ท่านบอกว่า

จะมาเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้

 

แต่

ไม่ว่าเราจะได้พบ

พระศรีอาริย์

หรือไม่

 

เราก็จะต้องทำความดีกันไป

ทำให้ได้ ตามคำสอน

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

 

ท่านสอนตรง

ตามพระไตรปิฎก

 

ฟังเข้าใจง่าย ไม่ต้องแปล

 

เราจะทำต่อไป

ระหว่างนี้ เราก็หวังว่า

พระศรีอาริย์

อาจจะมาโปรดเรา

 

เมื่อวันเสาร์

เราก็คาดเดากันว่า

น่าจะเป็นใคร

 

บรรดา

นักบุญ เจ้าสำนัก

ทั้งหลาย

 

แต่

พระศรีอาริย์

ไม่มีป้ายบอกชื่อ

ว่าคือ

พระศรีอาริย์

 

เราเลยมืดแปดด้าน

จะไปตามหาที่ไหน

 

แถม ดร.จิตราบอก

ไม่ให้ตามหา

 

ว่าแล้วก็

สร้างบุญที่บ้านสวน

กันไปก่อนดีกว่า

ถ้าท่านจะมาช่วยเรา

 

เดี๋ยวท่าน

อาจลงทะเบียนมา

เข้าค่าย 10

ก็ได้ ใคร จะไปรู้

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 19:41:24


ความคิดเห็นที่ 270 (1573031)

ไม่ว่าเราจะได้พบ

พระศรีอาริย์

หรือไม่

 

เราก็จะต้องทำความดีกันไป

ทำให้ได้ ตามคำสอน

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

 

ท่านสอนตรง

ตามพระไตรปิฎก

 

ฟังเข้าใจง่าย ไม่ต้องแปล

************

จริงค่ะอาจารย์

คำสั่งสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ไม่ต้องแปลเลยค่ะ

ฟังง่ายมากและเข้าใจง่ายด้วยค่ะ

กราบขอบพระคุณ อ.แม่ค่ะ

จะขอทำดีไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจค่ะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 20:01:28


ความคิดเห็นที่ 271 (1573059)

กระผม นายสุขเดช  ถิ่นรัตน์  ขอกราบพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ละสมเด็จองค์ปฐม  หลวงพ่อปาน  หลวงพ่อฤษีลิงดำ  ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ท่านดตาจินิน  องค์เทพสฟริ่งค์  องค์มหาพีระมิด  และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ

พระองค์ที่บ้านสวนพีระมิด

ท่าน อ. บล และครอบครัว  กระผมขออนุญาตลงชื่อ ขอรับรู้ความลับของ

จักรวาล ด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุขเดช ถิ่นรัตน์ (sukdet-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 20:56:01


ความคิดเห็นที่ 272 (1573060)

   อย่ามัวแต่มองหาตัวบุคคล

แต่จงมองดูคุณสมบัติ

พระศรีอาริย์

ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

ความปรารถนาเดียวของพระพุทธเจ้าก็คือ พาลูกหลานทุกคนกลับบ้าน นิพพาน เพราะพวกเราลงมาหาประสบการณ์ในโลกนี้ยาวนานเกินไปแล้ว จนหลงลืมหนทางกลับบ้านที่แท้จริง

ตอนนี้ลูกหลานของท่าน จมปลักอยู่ในกองกิเลส

โลภ โกรธ หลง

จนแทบโงหัวไม่ขึ้น จมอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์

ดังนั้นท่านจะทำทุกวิถีทางที่จะปลุกลูกหลานให้ตื่น

โดยนำธรรมะของพระพุทธองค์มาแสดง

ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ

เหตุดับ ผลย่อมดับ

ความทุกข์ของพวกเราเป็นผล

จากการกระทำของเราเอง จากการผิดศีล 5

ดังนั้นถ้าเราระลึกได้ถึงเหตุ สำนึกผิด และตั้งใจจะไม่ยอมทำผิดซ้ำอีก อุทิศบุญที่ทำมาให้คนที่เราทำร้าย เบียดเบียนก็จะทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ได้

นี่คือสิ่งที่ท่าน อ.อุบลได้สั่งสอนพวกเรา

และยังทำให้พวกเรารู้เป้าหมายชีวิตที่แท้จริง

ซึ่งก็คือ

กลับบ้านนิพพาน

นอกจากภารกิจพาลูกหลานพระพุทธองค์กลับนิพพานแล้ว อ.อุบล ท่านยังมีหน้าที่ เป็นผู้นำ กอบกู้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ซึ่งจะเห็นว่าตอนนี้ท่านได้ทำแล้ว  ที่จะจัดการกับคนอกตัญญู ทำลาย 3 สถาบันหลักของพวกเรา  คนพวกนี้มีมากเหลือเกินในสังคมตอนนี้ ดังนั้นพวกเราทุกคนต้องตื่น และมาช่วยท่านอาจารย์ทำหน้าที่

 

พวกที่ชอบแอบอ้างว่าตัวเองเป็น

พระศรีอาริย์ นั้นดูไม่ยาก

ของปลอม จะทำให้ลูกศิษย์ไม่พึ่งพาตนเอง หวังพึ่งครูบาอาจารย์  ของขลัง หรือพิธีกรรมต่างๆ  เน้นทำบุญด้วยเงิน โดยที่ไม่ต้องรักษาศีล 5 ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง  ควักกระเป๋าจ่ายเงินมา ใช้เงินซื้อบุญ แล้วก็กลับไปนอนฝันหวานว่า จะได้อานิสงส์  แต่สุดท้ายก็ยัง

โง่ จน เจ็บ อยู่

แถมยังชอบบอกว่าตัวเอง สำเร็จระดับนี้ โน้น นั้น  ชอบสร้างภาพ  เน้นเครื่องแบบ เช่นชุดขาว มีกริยา ผิดธรรมชาติ พูดช้า เดินช้า ลีลาเยอะ พูดถึงแต่ความดีของตนเอง  ลูกศิษย์มักจะเป็นคนมีเงิน  (คนจนไม่มีสิทธิ์นะครับ)

ของจริง จะเน้นที่ลูกศิษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ละความชั่ว ทำจิตให้เบิกบาน  แสดงธรรมะของพระพุทธเจ้าตามความเป็นจริง อ้างอิงได้จากพระไตรปิฎก  ที่สำคัญต้องเห็นผลชัดเจน  เน้นสอนธรรมะที่แท้จริง ซึ่งจะเรียบ ง่าย แต่ทำได้จริง   เข้าถึงจิตวิญญาณของคนทุกระดับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 20:56:20


ความคิดเห็นที่ 273 (1573093)

อนุโมทนาธรรมทานจากทุกท่าน

จากความฝัน แบบคนทานข้าวเย็นเยอะไปหน่อย

พระศรีอาร์ ที่ดิฉันคิดว่าตัวเองเจอแล้วก็คือ

บุคคล หรือพระก็ได้ แต่ที่ฝันไม่ใช่พระ ไม่ใช่

ผู้ชายด้วย และสถานที่ก็ไม่ใช่วัด  หากเราเจอ

ผู้สอนเราให้รู้จักบุญ กรรม ความดี ชั่ว  สร้าง

บุญ  แก้ไขความชั่ว รู้จัก ทาน ศีล สมาธิ ประ

มาณนี้ค่ะ   และให้สังเกตว่าท่านผู้นั้น สอนเรา

ตามพระไตรปิฏก หรือคำสอนของพระพทธเจ้า

แบบเราแทบไม่ต้องได้อ่าน  หรือให้สังเกตุที

ท่านสอนให้เราทำความดี  รักษาศีล จนถึง

คำว่าอยากไปนิพพาน  ก็แสดงว่าคุณเจอแล้ว

ดิฉันเจอแล้วจะไม่เสียเวลาตามหาให้เหนือย

หรอกค่ะ อายุมากแล้วแรงก็ไม่ค่อยมี  ขอคิด

แบบความคิดสั้นๆ ก็แล้วกันว่าเจอแล้ว  

(คิดเอง หากผิดพลาดก็ขอพลาดคนเดียวค่ะ) 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 22:40:07


ความคิดเห็นที่ 274 (1573097)

"พุทธพยากรณ์ วันที่ 20 สิงหาคม 2531" 

พระที่จบ ป.4 มี 4 องค์ 
พระที่จบ ป.3 กำลังเรียน ป.4 มี 17 องค์ 
พระที่จบ ป.3 ยังไม่เข้าเรียน ป.4 มี 13 องค์ 
ป.2 ที่เป็นพระจบ 1 องค์ ที่เป็นฆราวาสจบ 32 คน 
ป.1 พระ 13 องค์ ฆราวาส 137 คน 
อีก 10 ปี พระจบ ป.4 อีก 7 องค์ นอกนั้นจบเมื่อใกล้ตาย 
ฆราวาสจะจบ ป.4 เมื่อใกล้ตายจากนี้ไปอีก 50 ปี อีกนับแสนคน 
(ป.1=พระโสดาบัน, ป.2=พระสกิทาคามี, ป.3=พระอนาคามี, ป.4=พระอรหันต์) 

หมายความว่า ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2531 ในประเทศไทยมีพระอรหันต์ 4 องค์ 
พระอนาคามี 17+13 = 30 องค์ 
พระสกิทาคามี 1 องค์ (ที่กำลังบวชเป็นพระอยู่ ณ เวลานั้น) + 32 องค์ (ที่ยังเป็นฆารวาสอยู่) = 33 องค์ 
พระโสดาบัน 13 องค์ (ที่กำลังบวชเป็นพระอยู่ ณ เวลานั้น) + 137 องค์ (ที่ยังเป็นฆารวาสอยู่) = 150 องค์ 
รวม ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2531 ในประเทศไทยมีพระอริยเจ้าทั้งสิ้น 4+30+33+150 = 217 องค์ 

"พุทธพยากรณ์ที่ตึกกองทุน" 

สมเด็จองค์ปัจจุบันท่านพูดว่า 
ดีแล้ว...เรื่องเบื้องต้นไม่ต้องห่วง....เรื่องฌานโลกีย์พวกแกนะไม่มีหรอก ไม่ต้องห่วงสั้น ตียาวเลย พวกแกไม่มีใครเหลือหรอก 

ถามว่าเมื่อก่อนนี้ละ ท่านบอกว่า เมื่อก่อนนี้ยังไม่ถึงเวลา ท่านสอนยากมาเรื่อย เพราะยังไม่ถึงเวลา ถามว่าถ้าเขามาใหม่ล่ะ ตอบว่ามาใหม่ก็เหมือนกันมันเต็ม การฟักตัวแม้จะอยู่ที่อื่นก็ตาม มันก็เต็ม 

เวลานี้ เทปและหนังสือสั่งมาซื้อกันตั้งเยอะ เทปนี่มีประโยชน์มาก 
สมเด็จท่านทรงตรัสต่อไปว่า "อีก 20 ปีข้างหน้า จะมีพระอรหันต์นับแสน" 

ไม่ใช่เราผู้เดียวเป็นผู้สอน คือว่าทั่วๆไป กลุ่มเรานี่จะมาก คำว่า 
"กลุ่มเรา" นี่อาจไม่มีตัวมาอยู่นะ เขาอาจมีหนังสือมีเทป 

แล้วท่านตรัสต่อไปว่า 

ที่ฉันให้บันทึกเสียงใหม่ ทำเป็นตำราใหม่ เพราะว่าถึงเวลา 
เวลานี้คนที่จะถึงเวลาเข้าถึงมุมง่ายแล้ว นี่เป็นเวลานะ คำว่า "เวลา" หมายถึง กำลังใจมันตีขึ้นมา มีแรงขึ้นๆ 

ก็เลยถามท่านว่า ตอนก่อนทำไมไม่ให้สอนแบบนี้ ท่านบอกว่าสอนไม่ได้หรอกคุณ...! คนมันหาว่าง่ายเกินไป เลยไม่เอาเลย ต้องยากๆ.." 

"พุทธพยากรณ์ วันที่ 26 ตุลาคม 2535 (บ้านสายลม กรุงเทพฯ)" 

สัญญาต่ออายุหมดไปเมื่อวันที่ 18 แล้วก็ต่อมาวันที่ 26 
เสมหะก้อนใหญ่มันออกทุกอย่างหายหมด 

แล้วท่านก็บอกว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปให้สอนเฉพาะสังโยชน์" 
ท่านบอกต่อไปว่า ขอให้อยู่ต่อไปสักหน่อยหนึ่ง ถามท่านว่า 
ถ้าอยู่แล้วจะมีประโยชน์อะไร 

ท่านบอกว่า"นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (ท่านไม่ได้บอกกำหนด) จะมีคนบรรลุอรหันต์ถึง 700,000 คนเศษ" 

"แผ่นทองคำจารึกและคำพยากรณ์" 

แผ่นทองคำจารึกนี้ หลวงพ่อบรรจุไว้ในโบสถ์ วัดท่าซุง เมื่องานฝังลูกนิมิต วันที่ 24 เมษายน พุทธศักราช 2520 

เรามหาวีระ มีพระราชานามว่า "ภูมิพล" เป็นผู้อุปถัมถ์ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา 

เมื่อศักราชล่วงไปได้ 2700 ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช นามว่า "ศิริธรรมราชา" สืบเชื้อสายเชียงแสนบวกสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้สืบพระศาสนาต่อไป คณะเราขอโมทนาด้วย แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปนิพพานหมดแล้ว 

"พุทธพยากรณ์ ณ พระอุโบสถ วัดท่าซุง" 

"นับจากนี้ไปอีก 180 ปี จะมีพระอรหันต์องค์หนึ่ง มีอายุ 27 ปี 
รูปร่างสูงขาวท้วม พร้อมกับพระเจ้าธรรมิกราช ร่วมกันบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง 

ต่อจากนี้ไป 10 ปีแรก จะมีพระอรหันต์ 3 องค์ และอีก 7 ปีหลัง จะมีพระอรหันต์ 5 องค์...." 

"พุทธพยากรณ์" 

"สถานที่นี้จะเป็นศูนย์ที่มีความสำคัญต่อไปในเบื้องหน้า 
วัดนี้ถ้ามันจะพังจริงๆ ก็ต้องพุทธศักราชสิ้นไป 4,500 ปีเศษ คือ 4,500 ปีเศษ วัดนี้จึงจะสลายตัว" 

นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หลังจากฝังลูกนิมิตในปี พ.ศ. 2520 แล้ว ท่านบอกว่า 

"จากนี้ไป 3 ปี วัดนี้จะมีพระอริยะเจ้าประจำตลอดไป จนถึงพระพุทธศาสนาล่วงไปถึง 4,500 ปี หลังจากนั้นจึงขาดพระอริยเจ้า..." 

ใครจะเป็นผู้มาบูรณะ...? 

หลวงพ่อบอกว่า ท่านที่จะต้องมารับช่วงต่อไปนั้น จะต้องมาจาก "พุทธภูมิ" เดิมเหมือนกัน แล้วขอลาพุทธภูมิในภายหลัง เพราะผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์มาก่อน ย่อมมีความเข้มแข็งเป็นพิเศษ สามารถที่จะอดทนต่อสู้อุปสรรค เพื่อดำรงไว้ซึ่งอายุพระศาสนาให้สืบต่อไปได้อีก 

อีกหลายปีต่อมา เมื่อหลวงพ่อพร้อมด้วยคณะของท่าน ได้มีโอกาสเดินทางไปยุโรป จำนวน 7 ประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศษ อิตาลี เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น 

ครั้งนั้นหลวงพ่อได้สงเคราะห์ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งในอดีตเป็นนักรบผู้แกล้วกล้า สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เอง จึงเรียกกันว่า "5 ทหารเสือ" 

ท่านเหล่านั้นพลาดไปอยู่ในนรก หลวงพ่อจึงจำเป็นต้องช่วยอย่างเต็มที่ 

โดยพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาเป็นประธาน แล้วให้หลวงพ่อเข้าสมบัติเต็มกำลัง พร้อมกับคณะเดินทางทุกท่าน ช่วยกันอุทิศแผ่ส่วนกุศลทั้งหมด ให้พ้นจากขุมนรกอันร้อนแรงนั้น 

ท่านกล่าวว่า โอกาสที่จะช่วยนั้นมิใช่จะช่วยนั้นมิใช่จะมีได้ง่ายๆ 
ทั้งนี้ต้องเคยเกี่ยวเนื่องถึงกัน และเขาก็ได้เคยสร้างสมบุญกุศลไว้แล้ว 
เมื่อวาระมาถึงจึงจะช่วยได้ 

เมื่อกลับมาถึงวัดแล้ว หลวงพ่อจึงได้เป็นเจ้าภาพบวชพระให้ 1 องค์ บวชเณรให้ 2 องค์ โดยลูกชาย 2 คนของ พ.อ.(พิเศษ) สถาพร พงษ์พิทักษ์ เป็นผู้อาสาบวรเณร ส่วนพระฉัตรชัยเป็นผู้อาสาบวชพระ 

หลังจากได้รับอนุโมทนาส่วนกุศลทั้งหมดนี้แล้ว ผู้ล่วงลับเหล่านั้นได้เป็นเทวดาอยู่ชั้นจาตุมหาราช เวลานี้ได้มาอารักขาเขตวัดแห่งนี้ด้วย 

ผู้ที่จะมาบูรณะวัดในกาลข้างหน้า ท่านบอกว่าในจำนวน 5 ทหารเสือนี้แหละ ในจำนวน 2 คนนี้ ซึ่งมีเชื้อสายมาจาก "พุทธภูมิ" ในอดีตทั้งสองคนนี้เคยอยู่ที่ อิตาลี และ เยอรมัน 

คนหนึ่งจะมาเกิดเป็นพระอรหันต์องค์นั้น ส่วนอีกคนหนึ่งจะมาเกิดเป็นพระเจ้าธรรมิกราช ตามพระพุทธพยากรณ์นั้น 

และสถานที่แห่งนี้ หลวงพ่อได้เคยเล่าให้พระฟัง หลังจากทำสังฆกรรมในพระอุโบสถ เมื่อประมาณ 2-3ปีก่อนว่า สถานที่บริเวณวัดท่าซุงแห่งนี้ ต้งแต่อดีตกาลนานมาแล้ว ได้มีผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว 72 องค์ โดยท่านทั้งหมดได้มาปรากฏแล้วบอกให้หลวงพ่อทราบ 

มีบางท่านบอกผมว่าบุคคลที่มาจากเยอรมัน 1 ในนั้น ก็คือ ฮิตเลอร์นั่นเอง 

ข้อมูลคัดลอกมาจาก เว็ปพลังจิต ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ


  ชมข้อมูลของ burrendo      แก้ไข/ลบ กระทู้นี้   ตอบกลับด้วย quote

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 22:57:16


ความคิดเห็นที่ 275 (1573101)

 โมทนาบุญกุศลทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงพระนิพพาน ซึ่งกันและกัน นะครับ

 

ควรใช้หลัก กาลามสูตร 10 และ อจินไตย 4

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 23:13:04


ความคิดเห็นที่ 276 (1573106)

 ความจริงสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งพระนามกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญว่า "พระองค์เจ้ายอร์ช

วอชิงตัน" รัชกาลที่สี่ทรงรำคาญชื่อฝรั่ง จึงเปลี่ยนเป็น"พระองค์เจ้ายอดยิ่งประยุรยศ"

 

 ไม่มีอะไรที่ในหลวงรัชกาลที่สี่แก้ไม่ได้ ทรงแก้ได้ทุกอย่าง 

 


แม้กระทั่งภายหลังที่เขาบอกว่า วังหน้าต้องคำสาปของสมเด็จพระราชวังบวรสถานมงคลใน
 
รัชกาลที่ ๑ ถ้าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านแล้ว ใครมายึดวังหน้าไปใช้ก็ขอให้ถึงแก่ความวิบัติ
 
ฉิบหาย จึงไม่มีใครกล้าไปแตะต้องวังของท่าน รัชกาลที่สี่พิจารณาแล้วจึงส่งลูกไปแต่งงานกับ
 
เชื้อสายของวังหน้าในรัชกาลที่ ๑ กลายเป็นญาติ จึงยึดวังไปใช้ได้ จึงกล่าวกันว่า ไม่มีอะไรที่รัชกาลที่สี่ทรงแก้ไม่ได้ 

รัชกาลที่สี่ตรวจดูดวงเมืองแล้ว พบว่าการผูกดวงเมืองในวันเวลาอย่างนี้ จะอยู่ได้แค่ ๑๕๐ ปี
 
เท่านั้น พระองค์ท่านจึงผูกดวงเมืองใหม่ เพื่อที่จะได้อยู่ยั้งยืนยงต่อไป จึงมีการฝังศาลหลักเมือง
 
ซ้ำอีกหนึ่งต้น ฉะนั้น..เราจะเห็นว่าศาลหลักเมืองมีสองต้น ไม่ได้มีต้นเดียว ไม่มีอะไรที่รัชกาลที่สี่แก้ไม่ได้จริง ๆ"

 

ไม่อย่างนั้นเราคงจะได้ฉลองกรุงแค่ ๑๕๐ ปี แสดงว่าพระองค์ท่านรู้จริง ถ้าไม่ได้แก้ดวงเมืองไว้

ก่อนตั้งแต่สมัยพระองค์ท่าน ราชวงศ์จักรีคงหมดอยู่แค่นั้น ต้องถือว่าพระองค์ท่านเป็นหนึ่งในสุด

ยอดโหราจารย์ของเมืองไทย ใครเรียนโหราศาสตร์ นอกจากบูชาพระยาพิเภกหรือบูชาท่านท้าวมหาพรหมแล้ว ให้บูชารัชกาลที่สี่ด้วย 

หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล กล่าวกับเสด็จพ่อ คือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุ

ภาพ ว่า "เสด็จพ่อคงต้องจนไปตลอดชีวิต เพราะทูลกระหม่อมปู่ ไม่ได้อวยพรให้เสด็จพ่อ

รวย" รัชกาลที่สี่ทรงผูกดวงให้ลูกหลานทุกคน แล้วอวยพรให้ตามพื้นฐานดวง รัชกาลที่สี่ไม่ได้

อวยพรให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพร่ำรวย เพียงแต่อวยพรให้ประสบความสำเร็จตาม

หน้าที่การงานของตนเท่านั้น

 

จาก เว็ปวัดท่าขนุน  ^^

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 23:28:23


ความคิดเห็นที่ 277 (1573107)

ไม่ว่าเราจะได้พบ

พระศรีอาริย์

หรือไม่

 

เราก็จะต้องทำความดีกันไป

ทำให้ได้ ตามคำสอน

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

 

ท่านสอนตรง

ตามพระไตรปิฎก

 

ฟังเข้าใจง่าย ไม่ต้องแปล

**************
 
 
หนูขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์อุบลเป็นอย่างสูงค่ะและขออนุโมทนากับธรรมทานของท่านอาจารย์อุบลด้วยค่ะ  ในตอนต้นจิตใจหนูเศร้าหมองมากเพราะคิดว่าตนได้กระทำกรรมหนัก  เเต่เมื่อท่านอาจารย์ตอบกลับมาทำให้จิตใจของหนูเบิกบานขึ้นทันที กราบขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ  

 

 

 

ไม่ว่าท่านอาจารย์จะเป็นใคร หนูถือเป็นบุญอย่างสููงที่หนูได้มารู้จักบ้านสวนพพีระมิด

ได้มาพบท่านอาจารย์อุบล ได้ฟังธรรมที่ลึกซึ้งเเต่เข้าใจง่าย นำไปปฏิบัิติไม่ยาก

เเล้วทำให้หนูเปลี่ยนเเปลงพฤติกรรมทั้งทางกาย วาจา ใจ

หนูก็ขอติดตามรับใช้ท่านอาจารย์ไปทั้งกายหยาบและกายละเอียดจนกว่าจะเข้าสู่นิพพานค่ะ สาธุ สาธุ

 

จะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในอนาคตกาล

(อันนี้ท่านปิดมาตลอดนะ)

*************************************

กราบพระบาทสมเด็จท่านท้าวเวสสุวรรณ ลูกขอกราบขอพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์อุบลที่ทำให้ลูกได้

ทราบบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จท่านท้าวเวสสุวรรณ

ขอบพระคุณเหลือเกินในความเมตตาของพระองค์ท่าน

ผู้ใหญ่ในสวรรค์ทุกชั้นฟ้า 3 โลกา  

สาธุ สาธุ สาธุ 

**************

 

        เมื่อสักครู่หนูได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์สอนกรรมฐานที่วัดท่าซุง  อาจารย์โทรมาเล่าด้วยเสียงเเหบเล่าให้ฟังว่าตอนนี้น้ำท่วมใหญ่ที่วัดท่าซุง  น้ำท่วมสูงมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีการขนกระสอบทรายกว่า 3 หมื่นกระสอบวางไว้รอบวัดทุกจุดที่น้ำจะเข้า  เเต่ในที่สุดก็กันน้ำไม่ได้ ตอนนี้วัดท่าซุงเป็นทะเลไปเเล้ว ความสูงของน้ำเเต่ละจุดสูง 2 ถึง 3 เมตร  

 

-  กำเเพงทางเข้าไปศาลา 12 ไร่ เห็นกำเเพงเหลืออยู่เพียงเเค่ศอกเดียวเท่านั้น

-  ศาลานวราชน้ำก็เข้าไปท่วม  

-  ธรรมสถิตที่พักของญาติธรรมน้ำท่วมเกือบถึงหลังคาชั้นล่าง

-  ปราสาททองคำเหมือนลอยอยู่ในน้ำ  

-   น้ำท่วมเข้าไปในพระองค์ที่ 11

 

       ****พระครูท่านเห็นว่าน้ำมามากจึงให้มีการเคลื่อนพระศพของหลวงพ่อไปที่ตึกขาวชั้นที่ 4  หลังเคลื่อนพระศพหลวงพ่อไปเพียงครึ่งวัน ประมาณตี 5 น้ำก็พังทลายกำเเพงอิฐที่่ก่อไว้รอบวิหารเเก้วเข้ามา ทุกอย่างจมอยู่ในน้ำ น้ำท่วมในวิหารเเ้ก้วนับจากพื้นที่เราเดินบนวิหารเเก้วขึ้นไปเกือบ 2 เมตร พัดยศหลวงพ่อจมอยู่ใต้น้ำ สิ่งของต่างๆที่ยกขึ้นไว้บนที่สูงก็ไม่พ้นน้ำโดนน้ำท่วม

หลวงพี่ที่สอนกรรมฐานพูดว่า ทุกอย่างมันถึงเวลาใช้กรรมเเล้ว

นี่เป็นเพียงออร์เิดริฟ ปี 2555 จะรุนเเรงกว่านี้มาก

ตอนนี้ที่วัด  โดยสารโดยใช้เรือ  ข้าวของเครื่องใช้  อาหารเริ่มร่อยหรอ รอญาติธรรมนำของเข้ามาส่งในวัด  พระต่างหาที่พักที่ตนพอจะอยู่ได้  ตอนนี้ที่วัดประกาศให้กักเก็บน้ำดื่มไว้กิน  เพราะว่ามีบางจุดไฟรั่ว จึงอาจจะต้องตัดไฟฟ้า

 

มิ้มขออนุญาติพี่น้อง อาจารย์สอนกรรมฐานที่วัดท่าซุง  นำเรื่องราวที่ได้รับฟังมาเล่าเพื่อเป็นธรรมทานเตือนถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น  มันน่ากลัวมากๆๆเลยค่ะ

ครึ่งหนึ่งในตัวเมืองสุโขทัยก็เต็มไปด้วยน้ำ  มองเห็นเป็นทะเลเช่นกันค่ะ  






ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 23:31:14


ความคิดเห็นที่ 278 (1573112)

 หลวงพ่อฤาษี ท่านตั้งใจผูกดวงประเทศวัดกับดวงวัดท่าซุง ครับ

แสดงว่าท่านตั้งเล็งเห็นความสำคัญ จึงได้ทำการผูกดวง

 อะไรที่จะเกิดขึ้นภายในประเทศก็จะเกิดที่วัดด้วย

อะไรที่เกิดที่วัดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เช่นกัน เหตุการณ์ระยะเวลาจะใกล้กันมาก

  ดังนั้น วัดท่าซุงก็เหมือนประเทศไทยขนาดย่อ  

แหล่งที่มา จากวัดท่าขนุน  ( ผมพยามยามหาที่่่่่่เคยอ่านมาแล้ว แต่หาไม่เจอจริงครับ - - )

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-19 23:54:38


ความคิดเห็นที่ 279 (1573126)

ลูกขอกราบพระบาทพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ องค์พระปฐมบรมศาสดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในบ้านสวนพีระมิด และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านอ.อุบล ท่านอ.มงคล และทุกๆท่านที่ได้แนะนำและบอกทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้รับรู้   ขออนุโมทนา  สาธุ กับทุกท่านด้วยค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจพร เลามาสุวพันธ์ (benjaporn-dot-tam-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 01:51:57


ความคิดเห็นที่ 280 (1573129)
image

ลูกศิษย์ถาม

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

เรื่อง "จานบิน" มีจริงหรือไม่ ?

(28 ตุลาคม 2516)

หลวงพ่อตอบ :

เมื่อคืนนี้มีใครถามว่า จานบินมีจริงหรือเปล่าน่ะ

ตอนตี 4 เลยฝันว่าขึ้นไปข้างบนตั้งใจจะไปหาโยม

พอดี สมเด็จองค์ปัจจุบัน ท่านเสด็จไปถึง

ท่านก็ถามว่า สงสัยเรื่องจานบินหรือ

ทูลตอบท่านว่าสงสัย แต่ไม่กล้าถาม

เกรงจะเป็นเรื่องเหลวไหล

ท่านก็บอกว่า

เรื่องอย่างนี้เป็นความรู้ ถามได้ไม่เหลวไหล

แล้วท่านอธิบายว่า จานบินที่มาเมื่อเร็ว ๆ นี้

มาจาก 2 แห่ง แห่งหนึ่งเป็นดาวเล็กๆ

เลยพระศุกร์ไปทางซ้ายเล็กน้อยเรียกว่า

จามรทวีป

อยู่ในจักรวาลเดียวกับเรา เป็นจานบิน

ขนาดสูงไม่เกิน 4 เมตร สีเขียว ๆ

ใช้เวลามาบ้าน เรา 8 ชั่วโมง

แล้วสมเด็จก็พาไปที่นั่น


ไปนั่งอยู่นอกประตูเมือง ให้เขาเห็นรูปคนธรรมดา

แถวนั้นมีเพชร แก้วเกลื่อนกลาด เป็นของไม่มีค่า

เอามาประดับตามโต๊ะเก้าอี้ก็มี

ท่านบอกว่า ประเดี๋ยวจะมีผู้หญิงเดินมา ก็มีมาจริง ๆ

คนของจามรทวีปผิวขาว เนื้อเต็ม สวย

ผู้หญิงแต่งกางเกงรัดเหนือเข่า เสื้อแขนสั้น

รัดแขนเป็นสีเขียว ๆ มีลายทางดิ่ง

คนเมืองนี้ไม่มีอาวุธสำหรับประหัตประหาร

มีวิทยาการก้าวหน้ามาก

ที่เขามาโลกเราเพราะ อยากเที่ยวไปทุกแห่งในจักรวาล

แต่ที่ไปอเมริกาก็เพราะเห็นว่า ปล่อยจรวดบ่อย ๆ

คิดว่า จะติดต่อด้วยได้ ที่เขาจับคนไปบ้างนั้น

ก็เพื่อตรวจดูอารมณ์ด้วยเครื่องตรวจอารมณ์

ตรวจแล้วก็บอกว่า

มีความโลภอยู่มาก

ระยะทางของเขาอยู่ห่างจากเราเป็นแสนๆ โยชน์

ผู้หญิงที่เดินมานั้นเขามองเห็นเรา

ก็ยิ้มแต่ไม่ได้ พูดว่าอะไร


สำหรับที่ตัวดาวพระศุกร์เองนั้น

มีอยู่หลายบริเวณ ตอนหนึ่งเป็นเขาหัวโล้น

ร้อนจัดมาก อีกตอนหนึ่งหนาว มีหิมะ

ไม่มีคนอยู่แต่มีสัตว์ ขนยาวกว่าชะนี

อาศัยอยู่มากในแดนอบอุ่นที่มีต้นไม้

ส่วนอีกแห่งหนึ่ง อยู่ทางทิศพระอาทิตย์ขึ้น

เยื้องไปทางซ้าย เล็กน้อย เรียกว่า

สูตู

คนในโลกนั้น มีผิวคล้ำ

ยานของเขา มีขนาดสูงไม่เกิน 10 เมตร

มีสีเหลือง ๆ ใช้เวลาเดินทางมาโลกเรา

17 ชั่วโมง

ในจานบิน ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรนี่

มีลูกอะไรกลม ๆ ใส ๆ

ป็นแหล่งกำลังงานอยู่อย่างเดียว

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ที่มา : board.palungjit.com

ผู้แสดงความคิดเห็น โฆษิต ควรหาเวช (kosit-dot-koanhavej-at-nectec-dot-or-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 02:05:47


ความคิดเห็นที่ 281 (1573134)

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆธรรมทาน  สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจพร เลามาสุวพันธ์ (benjaporn-dot-tam-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 02:38:46


ความคิดเห็นที่ 282 (1573152)

อนุโมทนากับทุกๆธรรมทานจากท่านอ.อุบล

รวมถึงข่าวมหามงคลที่ท่านท้่าวเวสสุวรรณ

จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล สาธุ สาธุ สาธุ ..

 

อนุโมทนาธรรมทานจากคุณตุ้ย คุณโฆษิต

คุณ ทศวรรษ รวมถึงข่าวคราวความคืบหน้าเรื่อง

น้ำท่วมวัดท่าซุง จากครูมิ้ม ด้วยนะคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 05:38:55


ความคิดเห็นที่ 283 (1573153)

ความจริงเรื่องพระศรีอาริย์

 

ภัยพิบัติและความเลวร้ายต่างๆ

จะหยุดเมื่อคนทั่วไปรู้ความจริงของสวรรค์

พระศรีอารย์ ที่ศาสนาและลัทธิสำคัญๆ

ของโลกยอมรับ มีพระองค์จริง


จะปรากฏในปัจจุบัน เพื่อสันติสุข

และเสรีภาพที่แท้จริงของมนุษยโลก


สรุปที่มาของเรื่องพระศรีอารย์

(พระจักรพรรดิ) ด้วยข้อเท็จจริง มีที่มาที่ไป

ผู้เขียนใช้เวลากว่า 16 ปี ศึกษาเรื่องพระศรีอารย์

หรือพระศรีอาริยเมตไตรย์

ตามความเชื่อของพุทธศาสนา

ศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลก

ด้วยหลักฐานและเหตุผล

ไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์เกี่ยวข้อง

และยังได้ศึกษาคำทำนาย

ของผู้มีญาณวิเศษ เช่น
นอสตราดามุส (นอสตระดามัส)

สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็นต้น

 

ข้อมูลส่วนใหญ่ค้นคว้าจากตำรา

ของคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ

คำภีร์ต่างๆ และหนังสือ

ที่มีคุณค่าต่อการศึกษา เป็นต้น

 

แล้ววิเคราะห์ความคล้ายกัน

การสนับสนุนกัน ความต่อเนื่อง

ความเป็นไปได้ของแต่ละ

ข้อมูลและเรื่องราว

เพื่อสรุปให้ผู้อ่านเข้าใจได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 05:48:32


ความคิดเห็นที่ 284 (1573154)

พระจักรพรรดิเป็น

พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง

จากตำราทางพุทธศาสนา

ลัทธิขงจื้อ ศาสนาอิสลาม

และคำภีร์ไบเบิล เป็นต้น ได้ชี้ชัดว่า

 

พระจักรพรรดิถึงแม้จะเป็นฆาราวาส

แต่เป็นพระพุทธเจ้า (ผู้รู้เองโดยชอบ)

โดยเฉพาะ อิสลาม

(Nahjul Balagha, Sermon 141 and 187)

 

บ่งไว้ตอนหนึ่งว่า

"ถ้ามีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง

พระจักรพรรดิจะป้องกันตนเอง

ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์

และความรู้ที่สูงส่ง"

 

สำหรับคำภีร์ไบเบิล

บ่งถึงพระจักรพรรดิ

จะพิพากษามนุษยโลก

 

พระจักรพรรดิหรือพระศรีอารย์

เป็นผู้ตัดแล้วซึ่งกามกิเลส

เป็นผู้ไม่ยึดในโลกธรรม

เสียสละความสุขส่วนตน

เพื่อความสุขของผู้อื่น

ไม่มีสาวก ลูกศิษย์

หรือไม่มีสมาชิก

 

และสามารถสละชีวิตตน

เพื่อให้เกิดสันติสุขที่แท้จริง

แก่ผู้คนทั้งหลายได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 05:59:33


ความคิดเห็นที่ 285 (1573155)

ผู้ช่วยเผยแผ่เรื่องพระศรีอารย์

หรือช่วยให้มีการพิสูจน์ความจริงทางทีวี

ที่จะหลอกลวงไม่ได้

ในเรื่องพระศรีอารย์ขึ้น

เพื่อสันติสุขโลก เป็นผู้ต้องการทำดี

เพื่อตนเองและผู้อื่น

ย่อมเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม

 

ซึ่งผลการกระทำดีนี้จะเป็นมหากุศล

แก่ตนในการสร้างบุญ

และบารมีที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดๆ

 

สำหรับผู้ทำให้ผู้อื่นเข้าใจ

เรื่องพระศรีอารย์ผิดไป

จากข้อเท็จจริงด้วยความ ตั้งใจ

หรือเพื่อปกป้องความเชื่อของตน

หรือเพราะไม่รู้จริง ย่อมได้รับบาปกรรม

ที่ตนกระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

(ความจริงจะถูกเปิดเผย

เมื่อมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องพระศรีอารย์)

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 06:06:25


ความคิดเห็นที่ 286 (1573156)

พระศรีอารย์มีจริงหรือไม่

พระพุทธเจ้าโคตมตรัสกับพระอานนท์ว่า

พระธรรมมิกราช (ผู้ใช้ธรรมะชนะอธรรม)

หรือพระศรีอารย์จะปรากฏในกึ่งพุทธกาล

เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา

ให้อยู่ไปตลอด กัป หรืออยู่ถึง

พ.ศ. 5,000 ก่อนโลกจะแตกสลาย

ตามศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลก

ก็มีคำทำนายต่างๆที่คล้องจองกัน


ได้บ่งบอกว่าพระศรีอารย์

มีพระองค์จริงในปัจจุบันนี้

แต่จะไม่ปรากฏพระองค์

หรือแสดงตนต่อผู้คนทั่วไป

 

การที่จะให้พระศรีอารย์ปรากฏได้

ก็มีวิธีเดียวคือ ผู้คนทั้งหลาย

จะต้องพิสูจน์หาข้อเท็จจริง

อย่างเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสในกาลามสูตร

 

คือไม่ให้เชื่อไม่ว่าแบบไหนทั้งสิ้น

นอกจากสิ่งนั้นจะเป็นกุศลกรรม

ซึ่งการพิสูจน์หลักฐานความเป็นจริง

นับว่าเป็นความยุติธรรมที่ดีที่สุด

แก่ทุกๆฝ่ายและประชาชนทั่วไป

 

 

สำหรับมีผู้กล่าวว่าพระศรีอารย์

จะปรากฏในปี พ.ศ. 5,000 บ้าง

เมื่อนั้นเมื่อนี้บ้าง

ขอให้ศึกษาหาข้อเท็จจริงกันบ้าง

ไม่ควรเชื่อ ไม่ควรกล่าวไป

โดยขาดการศึกษา

ขาดการวิเคราะห์พิจารณา

ด้วยหลักฐานความเป็นจริง

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 06:14:43


ความคิดเห็นที่ 287 (1573157)

สิ่งที่ควรคิดคือพระศรีอารย์

ของทุกชาติศาสนานั้นเป็นบุคคลเดียวกัน

 

และมีเพียงพระองค์เดียว

ที่จะปรากฏในปัจจุบัน

 

 

สิ่งสำคัญยิ่งที่พระศรีอารย์

จะต้องทำคือการเปลี่ยนจากกลียุค

ที่มีคนดีเพียง 1 ใน 4 ส่วน

ให้เป็นคนดีทั้ง 4 ส่วน

ฉะนั้นถ้ามีพระศรีอารย์อีกพระองค์หนึ่ง

ที่เป็นที่หวังของชนบางกลุ่ม

ที่จะ ปรากฏในเวลาที่แตกต่างไป

ก็ย่อมไม่ควรเป็นเช่นนั้น

ท่านใดที่สอนให้ผู้อื่นเชื่อ

โดยปราศจากความเป็นจริงที่มีประโยชน์

ย่อมขัดกับคำตรัสสอน

ของพระผู้มีพระภาค

ในเรื่องกาลามสูตร 10 ประการ

ซึ่งในข้อ 10 พระพุทธองค์ตรัส

ไม่ให้เชื่อไม่ว่าจะเป็นครูอาจารย์

ซึ่งรวมถึงพระพุทธองค์ ด้วยเช่นกัน

 

ยกเว้นแต่จะเห็นว่าเป็นประโยชน์

เป็นกุศลกรรมถึงค่อยนำไปยึดถือปฏิบัติ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 06:21:52


ความคิดเห็นที่ 288 (1573158)

พระศรีอารย์กับ

พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

เมื่อกล่าวถึงพระศรีอารย์

เป็นพระโพธิสัตว์ ตามความเข้าใจ

ของเถรวาทคือ

เป็นมนุษย์ผู้รู้ชอบด้วยพระองค์เอง

เช่นพระพุทธเจ้าโคตม

 

สำหรับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

เป็นพระโพธิสัตว์ผู้คอยช่วยเหลือ

สรรพสัตว์ใน ภัทรกัปเช่นกัน

ที่ต่างกันตรงที่พระอวโลกิเตศวร

เป็นเทพที่อวตารหรือเทพผู้แบ่งภาค

มาเกิดเป็น มนุษย์

 

เช่นพระศรีอารย์ก็คือพระนารายณ์

อวตารเป็นภาคสุดท้ายหรือภาคที่ 10

มาเป็นเกากี ผู้ขี่ม้าขาวถือดาบเป็นอาวุธ

เพื่อมาสร้างสันติสุข

ให้เกิดบนโลกมนุษย์

(Vishnu Purana) ตลอดไป

.................................................

 

 

พระแม่กวนอิมโพธิสัตว์

ก็คือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

 

ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ชาย

ที่ปลอมเป็นพระโพธิสัตว์หญิง

เพื่อมาช่วยเจ้าหญิง พระองค์หนึ่ง

ให้พ้นจากโรคภัย

(ได้ยินมาจากพระพรหมคุณาภรณ์

- ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

 

 

สำหรับความเชื่อของคนถิ่นอิสาน

เมื่อพันปีหลังพุทธกาล

เชื่อว่าพระศรีอารย์

ก็คือพระนารายณ์อวตารมาช่วยมนุษย์

(ดูหน้า www.metteya.org

ภาพที่สองจากซ้าย - Ancient Thai Esan)

 

 

สรุป ไม่ว่าจะเป็นพระศรีอารย์

หรือพระอวโลกิเตศวร

ก็เป็นพระองค์เดียวกัน

ที่จะมาสร้างสันติสุขที่แท้จริง

ให้กับโลกมนุษย์นั่นเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 06:32:42


ความคิดเห็นที่ 289 (1573159)

ตัวอย่างคำทำนายที่เรามองข้าม
ในเรื่องพระศรีอารย์นั้น

มีข้อมูลอยู่มากที่เป็นเหตุผล

มีที่มาที่ไป ยกเป็นตัวอย่าง เช่น

พระศรีอารย์เกิดที่ไหน
เรื่องนี้สมเด็จพระพุทธยอดฟ้า

จุฬาโลกมหาราชทรงตรัส

ชื่อกรุงเทพมหานคร

ไว้ตอนหนึ่งคือองค์เทพ

ผู้ที่จะมาปราบยุคเข็ญ

หรือพระศรีอารย์นั้น

ได้ให้พระวิษณุกรรม(พระวิศวกรรม)

มาสร้างกรุงเทพฯเพื่อจะได้มาจุติ

 

ดังนั้นพระศรีอารย์ประสูติที่กรุงเทพฯ
ในขณะที่นอสตราดามุส (นอสตระดามัส)

ได้บ่งว่าพระศรีอารย์เป็นลูกคนจน

เกิดที่เมืองที่เคยเป็นทะเลมาก่อน

และเมืองนี้ไม่สามารถวัดระยะได้

ซึ่งนอสตราดามุสได้ชี้ถึง

เมืองที่วัดไม่ได้นั้นคือเมืองเทวดา

และเมืองเทวดาที่เคยเป็นทะเลมาก่อน

คือกรุงเทพมหานครของประเทศไทย

 

นอกจากนี้ยังมีพุทธทำนาย

ที่บ่งบอกสถานที่ที่พระศรีอารย์

มาจุติคือ ประเทศในชมพูทวีป

หรือทวีปของพระพุทธศาสนา

ซึ่งประเทศไทย

เป็นประเทศหนึ่งในชมพูทวีป

และเป็นประเทศเดียว

ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข

ฉะนั้นพระศรีอารย์จึงเป็นคนไทย

 

ที่น่าสนใจ นอสตราดามุสบ่งไว้ว่า

พระศรีอารย์จะรูุ้้ว่า

นักวิทยาศาสตร์ทำอะไรผิด

และจะแก้ไขอย่างไร

 

 

คำทำนายและตำนานต่างๆ

ได้บ่งบอกเกี่ยวกับพระศรีอารย์ไว้มาก

เช่นเวลาประสูติในช่วงปีอะไร

เวลาที่ตรัสรู้ (ตามที่พระพุทธเจ้าโคตมตรัสไว้)

ที่อยู่ปัจจุบัน

ความรู้ความสามารถ เป็นต้น

 

ดังนั้นหลักฐานต่างๆจะช่วยให้

ผู้ที่ไม่ใช่พระศรีอารย์จริง

ไม่สามารถหลอกลวง

ผู้อื่นได้ไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจหรือไม่

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 06:41:56


ความคิดเห็นที่ 290 (1573160)

ยุคพระศรีอารย์เป็นอย่างไร

ยุคพระศรีอารย์เป็นกฤดายุคหรือยุคทอง

ยุคที่ความลับของสวรรค์ถูกเปิดเผย

สันติสุขและสันติภาพไม่มีที่สิ้นสุด

นั่นหมายความว่า

คนเลวคนชั่วจะหมดไปจากโลก

การฆ่ากัน ข่มขืนกัน หลอกลวงกัน

การทำผิดศีลธรรมจะไม่มี

การรังเกียจเช่นผิว

การแบ่งแยกเช่นภาคใต้ของไทย

การเอารัดเอาเปรียบจะหมดไป

ความเมตตากรุณาจะเกิดขึ้น

ในทุกผู้คนไม่ว่าจะเป็นเด็ก

เป็นผู้ใหญ่หรือ ผู้สูงอายุ

สำหรับผู้อ่อนแอจะมีผู้ดูแลรักษา

ไม่ถูกทิ้งขว้าง

 

ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล

พืชผลการเกษตรอุดมสมบูรณ์

ป่าไม้จะเขียวชอุ่ม

เรื่องโลกร้อนหรือเกิดความผิดปกติ

ของโลกจะหยุดลง

 

ผู้คนมีกินมีใช้ไม่อดหยาก

มีที่อยู่อาศัย มีเครื่องนุ่งห่ม

มียารักษาโรค

ทุกรุ่นทุกวัยจะได้รับการศึกษา

ตามความประสงค์

และความสามารถของแต่ละบุคคล

โดย ไม่แยกว่าเป็นคนรวยคนจน

ทุกๆคนจะไม่มีหนี้สิน

การค้าขายเป็นไปด้วยความยุติธรรม

 

ทุกคนมีความรู้จริง "อริปัญญา"

รู้หลักการปฏิบัติตน

ให้ได้ผลนำไปสู่นิพพาน

 

เมื่อทุกๆคนมีความสุขทั่วหน้า

การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่มี

เพราะมนุษย์จะรู้กฎเกณฑ์

การลงโทษผู้ทำบาป

ทำให้การทำบาป

เป็นสิ่งที่มนุษย์กลัวเกรงมากที่สุด

 

สิ่งที่กล่าวมามีอยู่ในคัมภีร์ของศาสนา

และลัทธิที่สำคัญของโลก

คำทำนายต่างๆ ที่ใครๆก็หาอ่านได้

 

 

ในยุคทองเป็นยุคที่โลกมนุษย์

เหมือนเมืองหนึ่งบนสวรรค์

มีศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย

ที่มีชื่อระดับโลกหลายท่าน

ที่ศึกษาเรื่องพระศรี อารย์

มีคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้

เช่น พระศรีอารย์จะทำอย่างไร

ให้เกิดศาสนาเดียวทั้งๆ

ที่พระศรีอารย์ไม่ได้เป็น

ศาสดาหรือผู้สอนศาสนา

และ พระศรีอารย์จะแก้ด้านเศรษฐกิจ

และสังคมของมนุษย์ได้อย่างไร เป็นต้น

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 06:51:31


ความคิดเห็นที่ 291 (1573161)

ดังนั้นถ้ามีการพิสูจน์ความจริง

พระศรีอารย์องค์จริง

จะต้องปรากฏต่อ หน้าผู้คนทั่วไป

และจะต้องทำตามคำทำนาย

และี่ตำนานได้บ่งไว้

และพระศรีอารย์จะพามนุษย์

ผ่านกลียุคเข้าไปสู่ยุคทอง

โดยไม่เกิดโลกามหาวินาศ (2012) ขึ้น

 

 

ประเทศไทยและคนทั่วโลก

ได้อะไรจากพระศรีอารย์

การพิสูจน์ความจริงเรื่องพระศรีอารย์

เกิดขึ้นในประเทศไทย

จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลาง

แห่งศรีวิไลของโลก

และการเปลี่ยนกลียุคเป็นกฤดายุค

จะเป็นไปโดยสันติวิธี

แต่ถ้าคนทั่วไปไม่สนใจ

ที่จะหาความจริงในเรื่องพระศรีอารย์

ที่จะมาช่วย มนุษยโลก

โลกามหาวินาศ (2012) น่าจะเกิดขึ้น

 

เพื่อให้การเปลี่ยนยุคเป็นไปได้

การที่มนุษย์จะโทษสวรรค์ทำรุนแรง

ก็ไม่ควร

เพราะเขาให้โอกาสแล้ว

แต่มนุษย์ไม่สนใจ

เอาแต่ฝักใฝ่แต่เหล่ามาร

หรือมองเห็นความเห็นแก่ตนเป็นสำคัญ

 

 

ฉะนั้นเราควรมีสติ

เราทั้งหลายคิดอะไรกันอยู่

ถึงไม่สนใจสิ่งดีงาม

หรือถูกมารสิงสู่ให้หมดสติหมดความคิด

ในสิ่งที่ถูกที่ควร

อะไรหรือที่มาปกบิดบดบังดวงตา

ดวงจิตอันบริสุทธิ์ของท่าน

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 07:00:03


ความคิดเห็นที่ 292 (1573162)

 
คัดลอกจากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม" ฉบับพิเศษเล่ม ๒ 
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
 
จาก ป้าตุ๊กตา ๑๔ ก.ค. ๒๕๔๙
 
 
 
ผู้ถาม "กระผมได้ยินมาว่าเมื่อครบ ๕๐๐๐ ปีแล้ว ก็จะมีศาสนาของ พระศรีอาริยเมตไตรย สืบต่อจากศาสนานี้ใช่ไหมครับ"
 

หลวงพ่อ "หมายความว่า เมื่อสิ้นศาสนา ๕๐๐๐ ปีแล้วใช่ไหม แล้วพระศรีอาริยเมตไตรยจึงมาตรัส
 

ผู้ถาม "ใช่ครับ"
 

หลวงพ่อ "ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณ ถ้าศาสนานี้ครบ ๕๐๐๐ ปีแล้ว พระศรีอาริยเมตไตรยยังไม่มาตรัส จะต้องว่างจากพระพุทธศาสนาไปหนึ่งพุทธันดรก่อน แต่ว่าในช่วงที่ว่างพระพุทธเจ้านี่ก็จะมี พระปัจเจกพุทธเจ้า ขึ้นมาแทน
 

สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้านี่ ต่ำกว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้วก็ทรงสอนคนตั้งแต่อันดับต้นให้รู้จักการให้ทาน ให้รู้จักการรักศีล ให้รู้จักการเจริญภาวนาให้รู้จักการครองเรือนให้อยู่เป็นสุข และให้รู้จักการปฏิบัติตนให้เข้าถึงกามาวจรสวรรค์ ให้เข้าพรหมโลก ให้เข้าถึงพระนิพพาน
 

สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่เช่นนั้น ท่านตรัสแล้วท่านก็เฉยๆ หากว่าจะสงเคราะห์กันก็สงเคราะห์ในขั้นต้น คือ ทานกับศีล ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า ทีนี้เมื่อเวลากาลล่วงไปหนึ่งพุทธันดร อาตมาตอบไม่ได้นะว่ากี่ปี ถ้าจะให้รู้กันจริงๆ คุณก็จงอย่าตายนะ อยู่ไปจนกว่าพระศรีอาริย์จะมา อยู่ไหวไหมล่ะ...?
 

ผู้ถาม : "ผมอยากจะถามว่า พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่าอะไรครับ...? "
 

หลวงพ่อ "พระกกุสันโธ เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกสำหรับกัปนี้ แต่องค์แรกจริงๆ ไม่ใช่องค์นี้ ที่เราเรียกว่า องค์ปฐม องค์ปฐมน่ะท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก เคยถามท่านว่าใช้เวลาถอยหลังไปเท่าไร ท่านบอกว่า ให้ตั้งเลข ๕ ขึ้นมา แล้วเอาศูนย์ใส่ไป ๕๐ ตัว ได้เท่าไรบอกฉันด้วย นับเป็นอสงไขยกัปนะ ไม่ใช่นับเป็นกัปเฉยๆ อสงไขยของกัป
 

ถ้าจะถามว่ามากเกินไปไหม ก็ต้องตอบว่าไม่มากหรอก เราต้องดูซิว่า พระพุทธเจ้าขั้นปัญญาธิกะ ต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขยกับแสนกัป 
ถ้าศรัทธาธิกะ ต้องใช้เวลา บำเพ็ญบารมีถึง ๘ อสงไขยแสนกัป 
ถ้าวิริยาธิกะ ต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ไม่เท่ากัน 
ทีนี้กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้ากี่องค์
 

สำหรับสูญญากัป อันตรายกัปนี่ไม่มีพระพุทธเจ้า มีแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า อันตรายกัปนี่เป็นกัปที่มีอันตรายมาก รบราฆ่าฟันกันเป็นประจำ มันมีแต่พวกมาจากอบายภูมิมาเกิด อันนี้เป็นเรื่องจริง บางกัปก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว บางกัปมี ๒ องค์ ๕ องค์ ยังไม่เคยเจอ แต่กัปนี้มีถึง ๑๐ องค์นะ ฉะนั้นคนที่เกิดในกัปนี้เฮงที่สุด แล้วก็ซวยที่สุด"
 

ผู้ถาม "เป็นยังไงครับ....?"
 

หลวงพ่อ..."เฮงที่สุดก็คือ เกิดมาแล้วตั้งใจทำความดี ตายไปเป็นเทวดาหรือพรหม เมื่อเป็นเทวดาหรือพรหมแล้วพระพุทธเจ้าไปเทศน์ครั้งเดียวก็เป็นพระโสดาบัน
 
ไอ้ซวยที่สุดก็คือ เกิดมาชาตินี้ไม่ทำความดี ตายไปก็ลงนรกลงนรกแล้วพระพุทธเจ้าอีก ๖ องค์มาตรัส นึกว่าจะเกิดมาได้พบ ไม่มีทาง อีก ๓๐ องค์ก็ยังไม่ได้พบ"
 

ผู้ถาม (หัวเราะ) "ไม่ไหวครับ"
 

หลวงพ่อ.. "เป็นอันว่าเมื่อครบหนึ่งพุทธันดรแล้ว พระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในกัปนี้ แต่ว่าสำหรับกัปนี้ไม่ได้มีพระพุทธเจ้าเพียง ๕ พระองค์ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่า หลังจากพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าต่อไปอีก ๕ พระองค์ คือ ในกัปนี้ทรงพระพุทธเจ้าได้ ๑๐ พระองค์
 

ศาสนาพระศรีอาริย์ ท่านว่าศาสนาของท่านนั้นมีผลดังนี้
 
 
 
๑. คนสวยทุกคน มีผิวเหลือง เนื้อละเอียด คนแก่ที่สุดมีทรวดทรงเท่ากับคนอายุประมาณ ๒๐ ปีเศษ ของสมัยนี้เท่านั้นเอง อายุคนสมัยนั้นท่านว่า มีอายุถึง ๔ หมื่นปีเป็นอายุขัย
 

๒. สมัยของท่าน ไม่มีคนจน มีแต่คนรวย มีต้นไม้สารพัดนึกอยู่ในที่ทุกสถาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ที่มีจิตใจชั่วร้ายยังไม่มีโอกาสเกิดในสมัยของพระองค์ ท่านที่จะไปเกิดนั้น ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมเท่านั้น โลกจึงมีแต่ความสุข ไม่มีตำรวจทหารมีแต่พ่อบ้านแม่เรือน
 

๓. การสัญจรไปมาก็สะดวกสบาย ไปทางไหนก็พายตามน้ำ
 

๔. คนเข้าถึงธรรมทุกคน ท่านว่าคนที่เจริญสมถะพอมีญาณ หรือมีวิปัสสนาญาณบ้าง พอสมควร จะเข้าถึงธรรมาพิสมัยได้โดยฉับพลัน คือเป็นพระอริยะเจ้า คนที่ได้อริยะต้นแล้ว จะเข้าถึงอรหัตผลได้โดยฉับพลัน คนที่ทำบุญไว้น้อย คือฟังคาถาพัน และปฏิบัติตามแต่ไม่สมบูรณ์ อย่างต่ำก็เข้าถึงไตรสรณคมน์ อย่างสูงก็ได้อริยะ
 

ที่เป็นอย่างนี้ เป็นเพราะว่าท่านบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ท่านบำเพ็ญบารมีมาก คนเลวจึงเข้าแทรกแซงในศาสนาของพระองค์ไม่ได้ น่าเกิดจริงนะ
 

ผู้ถาม "โอโฮ้....ทีนี้ผลต่างกันไหมครับ ที่ใช้เวลาบำเพ็ญบารมีไม่เท่ากัน....?"
 

หลวงพ่อ... "ผลมันต่างกันแน่ อย่างพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้บำเพ็ญมีขั้น "ปัญญาธิกะ" จะเห็นว่าโลกมันเป็นอย่างนี้ละ มีการรบราฆ่าฟันกัน มีคนจน มีคนรวย
 
ถ้า "ศรัทธาธิกะ" ละก็คนจนไม่มี มีแต่คนรวย เพราะพระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมาก
 

ส่วน "วิริยาธิกะ" ละก็เพียบพร้อมไปทุกอย่าง สมัยโน้นจะหาคำว่าลำบากสักนิดไม่มี ความป่วยไข้ไม่สบายเกือบหาไม่ได้ ที่ท่านต้องบำเพ็ญบารมีมาก ก็เพื่อสั่งสมความดีให้มาก แล้วก็คนที่ไปเกิดในสมัยนั้นก็ต้องเป็นคนที่ต้องบำเพ็ญบารมีตามกันไป
 

พระพุทธเจ้าแต่ละองค์มิใช่จะโปรดคนได้หมด ต้องโปรดคนได้เฉพาะคนที่บำเพ็ญบารมีร่วมกันมาแต่ละชาติที่เกิดร่วมกันมา เป็นพวกเป็นพ้อง ทำอะไรก็ทำด้วยกัน เวลาทำบาปก็ทำด้วยกัน ไปสวรรค์ก็ไปด้วยกัน ไปนรกก็ไปด้วยกัน
 
หลวงพ่อลาพุทธภูมิแล้วจะไปนิพพาน ลูกหลานจะอยู่หรือจะไปด้วยล่ะ?
 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 07:01:52


ความคิดเห็นที่ 293 (1573163)

 




1)ปุจฉา-หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยจริงหรือ? แล้วพระศรีอาริย์เป็นใครครับ?



วิสัชนา-ใช่...ท่านบารมีเต็มแล้ว 100 ปีเกิดมาช่วยโลกครั้งหนึ่ง เป็นองค์เดียวกับหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ และ สมเด็จพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี แต่เป็นคนละภพ โดยใช้ญาณผ่าน....



พุทธญาณ-ข้อมูลนี้ตรงกับพระศิวพล วชิโร(พ.ธรรมรังษี) ปราจีนบุรี(เข้าใจว่ามีญาณติดต่อหลวงปู่ทวดได้อยู่) แต่ธรรมญาณ- แจ้งว่าหลวงปู่ทวด เคยมาบอกเองที่อาคารอริยสัจ 4 ว่า พระศรีอาริย์ท่านกำหนดอายุศาสนาของท่านไว้แล้ว 20,000 ปี (หลังพระพุทธศาสนามีอายุครบ 5,000 ปีแล้ว)ท่านจะมารับช่วงต่อจากพระศรีอาริย์อีกที แต่ยังไม่ได้กำหนดอายุศาสนาของยุคท่าน ผมเข้าใจและคิดเอาเอง(จะถูกก็ได้หรือจะผิดไปบ้างก็ได้เหมือนกัน)ว่าท่านคงแบ่งช่วงเวลาเป็นภาค -เป็นยุคของท่านก็ได้ แท้จริงแล้ว-ก็คือองค์เดียวกันนั่นแหละ แล้วก็บอกด้วยว่า หลังยุคของท่านก็เป็นยุคของหลวงพ่อโต ก็องค์เดียวกันอีก ตกลงยุคพระศรีอาริย์นั้น คงจะยืนยาวกว่า 20,000 ปีอย่างน้อยก็สามเท่าหรือมากกว่าด้วยซ้ำไป



 

 



 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 07:08:31


ความคิดเห็นที่ 294 (1573164)

ทำไมผู้คนส่วนมาก

ไม่สนใจในเรื่องพระศรีอารย์

 

เมื่อพระศรีอารย์ปรากฏพระองค์

มารย่อมพ่ายแพ้

ดังนั้นมารจำเป็นต้องหาวิธีการ

ทำลายพระศรีอารย์อย่างเช่น

ที่เคยทำกับพระพุทธเจ้าโคตมมาแล้ว

 

มารยังสิงสู่จิตใจของ

ผู้ที่มีความผูกพันกับมาร

หรือผู้เป็นมารโดยชาติกำเหนิด

มาเกิดในเมืองมนุษย์

ผู้ขาดปัญญาธรรมที่แท้จริง

ผู้มีจิตอ่อน ผู้มีทิฐิ เช่นผู้อวดรู้อวดดี

ขาดการพิจารณาถึงเหตุผล

ทำให้ไม่้สนใจเรื่องพระศรีอารย์

โดยกลอุบายต่างๆของมาร

บาปทำให้ไม่เห็นความจริง

 

เมื่อเราไม่เข้าใจกาลามสูตร

เราจะเชื่ออะไรๆ

ที่ตรงกับความต้องการของตน

จนหมดโอกาสมีความคิดความอ่าน

ที่อาจเป็นประโยชน์กว่า

ดังตัวอย่างที่กล่าวมาเบื้องต้น

 

..................................................................

ทุกๆข้อความที่เกี่ยวกับพระศรีอาิริย์

ที่่ชนิดานำมาให้พี่น้องบ้านสวนฯ

 

ทุกท่านพิจารณานี้ นำมาจาก

http://www.metteya.org/sriann/conquerer.html

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 07:13:14


ความคิดเห็นที่ 295 (1573167)

จากที่ได้รับทราบคุณสมบัติของพระศรีอาริย์แล้ว

ต้องบอกได้ว่า การจะพิจารณาหรือตัดสินว่า "ใคร"

คือพระศรีอาริย์ "ตัวจริง" นั้น

ต้องให้ผู้อื่นเป็นคนตัดสิน โดยมีเหตุผล หลักฐาน ประกอบ

ตอบได้ทุกข้อสงสัย ไม่เหลือข้อโต้แย้ง

มีการปฏิบัติชัดเจนให้เห็นเป็นรูปธรรม พิสูจน์ได้

และตัวท่านเอง(พระศรีอาริย์ตัวจริง)

จะไม่ตัดสินตัวเอง

จะไม่ยกตน มาบอกใคร ๆ ว่าคือ ท่านเอง

(ถึงแม้ท่านจะรู้ได้ด้วยตัวเองก็ตาม)

 

ดังนั้น ขออนุญาติ เรียบเรียงคุณสมบัติของ

พระศรีอาริย์ เทียบ กับ อ.อุบล

บุคคลที่หนูมั่นใจว่าท่านเป็นพระศรีอาริย์

ที่พวกเราควรสนใจ รู้จักท่าน

เพื่อจะได้อาศัยเกาะบุญบารมีท่านไปได้ ดังนี้คะ

 

1. เป็นผู้มีบารมีตัวจริง

ที่เดินตามรอยพระบาทพระพุทธเจ้า

การเดินตามรอยพระพุทธเจ้านั้น คือต้องมีวิธีคิด ปฏิบัติเช่นท่าน

ดังนั้น ทุกอย่างที่พระศรีอาริย์ทำ ต้องทำตามพระไตรปิฎก

(พระไตรปิฎก คือ สิ่งที่รวบรวมคำสอนต่าง ๆ

แนวทางปฏิบัติของพระพุทธเจ้า)

เรื่องนี้มั่นใจ อ.อุบล สอนและปฏิบัติตามพระไตรปิฎก

แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์

เชิญทุกท่านอ่านพระไตรปิฎกด้วยตัวเองได้

 

2. ท่านท้าวเวสสุวรรณ

มีหน้าที่ อารักขา พระศาสนา  พระพุทธเจ้าทุกพระองค์

รวมทั้งพระศรีอาริย์ ที่ลงมาจุติแล้ว

สำหรับ อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด เว็ปไซด์นี้

ท่านท้าวเวสสุวรรณคุม คอยดูแลทุกอย่าง

มีตัวอย่างผู้ถูกลงโทษให้เห็นมากมาย (เมื่อทำผิด

คิดร้าย คิดไม่ดี ทำไม่ดี เพื่อให้ทุกคนประจักษ์จริง

ด้วยความเมตตา ให้คนทำดีเว้นชั่ว เมื่อทำดีมีให้รางวัล

ให้ผู้คนมั่นใจในความดี และเร่งทำความดียิ่งขึ้น)

(ท่านท้าวเวสสุวรรณร่วมแสดงฤทธานุภาพ ธรรมานุภาพ

พรหมมานุภาพ  เทวานุภาพ อานุภาพ)

ข้อนี้ทุก ๆ ท่านสามารถลองพิสูจน์ดูได้ด้วยตัวเอง

เชิญอธิฐานจิตถึงท่านได้ทางหน้าจอ ขณะนี้ได้เลยคะ

 

3. การแสดงปาฏิหาริย์ เป็นสิทธิ์ของพระพุทธองค์

ที่ต้องทรงอนุญาต เห็นชอบ จึงจะแสดงได้

และการแสดงนั้น ต้องเป็นไปเพื่อความสิ้นทุกข์

เปลี่ยนใจคน ให้สนใจ บาป บุญ คุณ โทษ กฏของกรรม

ซึ่ง ปรากฏการณ์ บ้านสวนพีระมิด คือ สิ่งที่เกิดขึ้น

จากหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ตามพระไตรปิฏก ในหมวดพระสุต

มาตีแผ่พิสูจณ์ให้เห็นว่า

คำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก

ไม่ใช่นิยายปรัมปรา แต่เป็นสิ่งที่พิสูจณ์ได้ให้เห็นได้จริง

เป็นวิทยาศาสตร์ล้ำยุค ที่นักวิทยาศาสตร์ยังตามไม่ทัน

ด้วยยังไม่สามารถ คิดค้นเครื่องมือแพทย์

หรือ วิธีการบำบัด รักษา ให้เกิดผล

ให้หายทันตา ให้พ้นทุกข์ใจได้จริง

อนุศาสนีปาฏิหาริย์คือ  ปรากฏการณ์บ้านสวนพีระมิด

ผู้ที่ได้รับธรรมอันงดงามจาก อ.อุบล

สามารถสอนใจตัวเอง ว่า

เราต้องเลิกทำชั่ว  เราต้องเปลี่ยน ทำตัวเป็นคนดี

เราต้องมีใจเบิกบาน ไม่เครียด

ไม่ทุกข์ ไม่เศร้า เราต้องพยายาม

ชี้แนะแนวทางปฏิบัติ ซึ่งเป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ได้จริง

 

ซึ่งตรงกับเป้าหมาย  การมาจุติของพระศรีอาริย์

คือมีหน้าที่  นำพระธรรม ลงมาแสดง  ให้แจ้งประจักษ์   

เพื่อให้ผู้คนทั้งหลายเห็นด้วยตา  รู้ได้ด้วยใจตัวเอง

ว่าพระธรรมที่แท้จริงนั้น ถ้าน้อมนำมาปฎิบัติจริง ย่อมเกิดผลจริง

 

 

 

ทุกท่านทั้งหลาย

ที่สนใจ  พระศรีอาริยเมตไตร

จงช่วยกัน   ใช้ปัญญา ค้นหาท่าน

ด้วยเหตุผล และ หลักฐาน

ที่กล่าวอ้างไว้แล้ว

 

 

 

การค้นหา   เป็นไปเพื่อ

จะได้รีบ  ไปพบท่าน

น้อมนำคำสอนของท่านมาปฏิบัติ

เพื่อความสงบสุขที่แท้จริง เตรียมตัวสู่ยุคใหม่

เป็นบุญว่าเกิดมาชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดแล้ว

ได้พบพระศรีอาริย์  พระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่

หลังกึ่งพุทธกาล  แล้ว สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 07:59:15


ความคิดเห็นที่ 296 (1573181)

กราบเท้าอ.อุบลที่เคารพยิ่ง

ที่ต้องตามกราบทุกกระทู้ เพราะลูกผิดจริงๆค่ะ

จิตใจคิดลังเล สงสัย เอาล่ะสิ พระศรีอาริย์

เคยแต่ได้ยิน ไม่ได้ศึกษาเลย เค้ารู้กันไปทั่ว

ตกข่าวตาล๊อด ไม่ขยันหาความรู้ แถมไม่อ่านอีก

ทำให้จิตวิตกกังวล คิดระแวงว่า

เราจะมุ่งไปไหนดี วัดไหนดี ทำไงต่อไปดี

ทดสอบใจ คิดว่า ถ้ายังมีใจฝักใฝ่ทางธรรม

จะต้องค้นหาว่า พระศรีอาริย์ เป็นใคร มาหรือยัง ต่อไปหรือเปล่า

ต้องการอะไรจากการมีชีวิต

และอ.อุบล ก็มาโปรด คนโง่ เหมือนเคยค่ะ สาธุ

ไม่รู้ ไม่เป็นไร ให้ทำความดี

ทุกลมหายใจ ทำดีต่อไป สู้ๆๆ (มารร้ายที่สุด คือ ใจที่สงสัยนี่เองค่ะ)

กราบขอบพระคุณค่ะ

ลูกไม่ลังเลอีกแล้วค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แอ๊ด อร่ามศรี สุวัตถิกุล (adda_bkk-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 09:56:38


ความคิดเห็นที่ 297 (1573182)

 

Mission for Angelic Human Race

ข่าวสารต่อมนุษย์เทพ Code 111

http://www.youtube.com/watch?v=2PJnrgk8hcU

ไม่ทราบว่าเคยดูกันหรือยังนะครับ เพราะ คลิปนี้ เผยแพร่มานานแล้ว  

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 09:57:26


ความคิดเห็นที่ 298 (1573200)

 

ไม่ว่าเราจะได้พบ

พระศรีอาริย์

หรือไม่

 

เราก็จะต้องทำความดีกันไป

ทำให้ได้ ตามคำสอน

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

 

ท่านสอนตรง

ตามพระไตรปิฎก

 

ฟังเข้าใจง่าย ไม่ต้องแปล

999999999999999999999999

หากมั่นคงในความดี!

และทำแต่สิ่งดีแล้วไซร้

ก็จักพบสิ่งที่ดี

ได้เจอท่านอ.อุบล

 

 ที่จะนำพา

สาวกที่ติดตาม

พระพุทธเจ้ามา

เข้าสู่นิพพานชาตินี้ได้

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ธนวดี รัชตารมย์ (thanavadee_r-at-sepo-dot-go-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 11:49:27


ความคิดเห็นที่ 299 (1573253)

เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก

ไม่รู้จักการปฏิบัติธรรม

รู้แต่เพียงว่าการทำบุญ

คือการใส่บาตร

หรือไปวัดทุกวันพระ

คือสิ่งที่แม่ให้ทำเสมอ 

ก่อนใส่บาตรก็อธิษฐาน

ตามที่ผู้ใหญ่แนะนำ

"ข้าวของข้าพเจ้าขาวดั่งดอกบัว 

ยกขึ้นทูลหัวตักบาตรพระสงฆ์ 

จิตใจจำนงค์ตรงต่อพระนิพพาน 

ขอให้ถึงดวงแก้ว 

ขอให้แคล้วบวงมาร

ขอให้พบพระศรีอาริย์

นะปัจจะโยโหตุ"

ท่องเหมือนนกแก้วนกขุนทอง

พระนิพพาน คืออะไรก็ไม่รู้

พระศรีอาริย์ คืออะไรก็ไม่รู้

ปัจจุบันก็ยังโง่อยู่

ต้องขอบคุณทุกธรรมทาน

อ่านแล้วทำให้มีความรู้ขึ้นบ้าง

แต่สมองทื้อ ๆ อ่านยังไงไม่ยักกะจำ

งั้นปฏิบัติแบบโง่ ๆ เชื่อโง่ ๆ

ไปก่อนเน๊าะ

จริง ๆ แล้วชื่นชมหลายท่าน

ที่ได้แสดงความคิดเห็น

และนำความรู้มาเผยแพร่

ได้อย่างยอดเยี่ยม เช่น คุณชนิดา  คุณธนา  คุณตุ้ย คุณแมว คุณโฆษิต คุณอ้อย คุณสุ คุณมิ้ม

และอีกหลาย ๆ ท่านที่ไม่ได้ใส่ชื่อต้องขออภัยด้วย

ขออนุโมทนาบุญ

กับทุกท่านด้วยนะคะ

จริง ๆ แล้วทุกคนล้วนใจตรงกัน

คือ รักท่านอาจารย์อุบล

ท่านคือ แม่พระในใจเราทุกคน

เสียสละเพื่อช่วยเหลือ

ให้ผู้คนพ้นทุกข์

จะมีสักกี่คนในโลกนี้ที่ทำได้?

ผู้แสดงความคิดเห็น นางมยุรีพร ภาชนะวรรณ (ma_parchanawan-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 15:07:15


ความคิดเห็นที่ 300 (1573552)

สงสัยตอนนี้

พวกเรา

 

คงจะลืม

 

ค้นหาคุณสมบัติ

พระศรีอาริย์กันไปแล้วนะ

 

ยังไง

อ.อุบล ก็สนใจ

พระศรีอาริย์ มาก

เพราะ

ได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้ว

 

ยิ่งบอกว่า

มาเกิดแล้ว ในกึ่งพุทธกาล

 

แสดงว่า

พวกเราต้องมีโอกาสเจอท่าน

ในช่วงคับขันนี้แน่นอน

 

แต่ก่อน

คิดว่าท่านคงยังไม่มา

ในชั่วชีวิตนี้ของเรา

 

แต่

ท้าวเวสสุวรรณ

และ

เบื้องบนท่านเล็งเห็น

เมืองมนุษย์

 

เต็มไปด้วยความ

เดือดร้อน ทุกหย่อมหญ้า

 

ท่านจึงได้

ส่งพระศรีอาริย์

ลงมาตรัส

 

เป็นโอกาส

ของพวกเราแล้ว

 

ขอบคุณ

ทุกความเห็น

ทั้งคุณชนิดา คุณแหวน

และอีกหลายๆ

คน

 

ที่วนเวียนแวะ

มาหา อ.อุบล ว่ามีคุณสมบัติ

ใกล้เคียงพระศรีอาริย์

 

อ.อุบล

อยากให้พวกเรา

ช่วยกันค้นหาคุณสมบัติ

กันต่อไป

 

ว่ามีคุณสมบัติใดอีก

 

เผื่อว่า

เราเจอ หรือ มีคนเข้ามา

อ้างว่าเป็น

พระศรีอาริย์ เราจะได้

ช่วยกันพิจารณาด้วยใจเป็นธรรม

 

อย่าลำเอียง

เพราะเป็นศิษย์ อ.อุบล

 

ยังไงก็ไม่หลงกล

หรอกนะ

 

ชอบและพอใจที่จะ

 

เป็นลูกสาว

เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ

 

(นี่ก็เป็นบุญแล้ว กว่าจะกล้ายอมรับ

ก็อึดอัดแทบตายอยู่แล้ว)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-09-20 22:55:20



<< ก่อนหน้า 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.