ReadyPlanet.com


เผยความลับ ของ จักรวาล ช่วยคนรอดตาย จากภัยพิบัติ โรคร้าย ความอดอยาก ยากจน


ความลับ

ของจักรวาล

ได้รับอนุญาต

ให้เปิดเผยแล้ว

ที่

บ้านสวนพีระมิด

 

โปรด

คอยติดตาม

 

 

ห้าม

ผู้ไม่เชื่อถือถือศรัทธา

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ท้าวเวสสุวรรณ

พลังพีระมิด

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ

อ.อุบล

บ้านสวนพีระมิด

เข้ามาอ่าน

 

เพราะนอกจาก

เสียเวลาอันมีค่าของท่านแล้ว

ยังไม่ก่อให้เกิดผลดี

ทางที่ดี ไม่เชื่อ

อยู่ห่างๆ

อ.อุบล

บ้านสวนพีระมิด

เข้าไว้ ปลอดภัยที่สุด

ค่ะ พี่น้อง

 

(ใครที่รับทราบแล้ว เชิญร่วมสนทนา)

 



ผู้ตั้งกระทู้ อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (PAMELASOAP-at-YAHOO-dot-COM) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-09-11 19:05:43


<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 601 (1580682)

ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานของทุกท่าน  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น พิทักษ์ พงษ์ประเทศ (killy2520-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-27 11:27:19


ความคิดเห็นที่ 602 (1580720)

กราบนอบน้อมนมัสการและกราบขอบพระคุณสมเด็จองค์พระปฐม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านท้าวเวสสุวรรณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวนพีระมิดทุก ๆ พระองค์ และทั่วจักรวาลท่านอาจารย์อุบลและครอบครัวค่ะ

ลูกนางละม่อม  ทองเจือ จังหวัดสงขลา ขออนุญาตร่วมรับฟังความลับของจักรวาลด้วยค่    

                       กราบสวัสดีค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ละม่อม ทองเจือ (ohm-dot-lamom-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-27 14:54:23


ความคิดเห็นที่ 603 (1581049)

 

 

ตามหลักฐานที่ปรากฎในพระไตรปิฏกเกี่ยวกับ

การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ การเสื่อมสลายไปของโลก และจักรวาล

มี่ 3 ประสูตร คือ อัคคั ญญสูตร จักกวัตติสูตร และสุริยสูตร

๑. อัคคัญญสูตร

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำเนิดมนุษย์ สรรพสิ่งทั้งหลาย

ในจักรวาลและโลก  ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสแสดงแก่สามเณร

วาเสฎฐะ และสามเณรภารทวาระ ณ บุพพารามปราสาทของ

นางวิสาขา  กรุงสาวัตถี ทรงปรารถเหตุที่สามเณรทั้งสอง

ออกบวช จากตระกูลพราหมณ์ ถูกพวกพราหมณ์ด่างที่พา

กันมาบวชกับพระพุทธเจ้า และกล่าวอวดอ้างตนว่า พวก

พราหมณ์เป็นวรรณะที่ประเสริฐที่สุด เกิดจากปากพระพรหม

วรรณะอื่นต่ำทรามกว่า และถือว่าชาติกำเนิดเป็นเครื่องตัดสิน

ความประเสริฐของมนุษย์ พระพุทธเจ้าได้ตรัสค้านคำกล่าว

ของพวกพราหมณ์และทรงแสดงให้เห็นว่า ความประเสริฐ

และความต่ำทรามนั้น อยู่ที่ความประพฤติของมนุษย์

โดยมีธรรมเป็นเครื่องตัดสิน คนวรรณะต่าง ๆ เมื่อออกบวช

ในพระพุทธศาสนาแล้ว ย่อมชื่อว่าเป็นผู้เกิดจากธรรม

เสมอภาคกันหมด หลังจากนั้นพระองค์ทรงแสดงเรื่อง

การกำเนิดมนุษย์ ในยุคแรก ซึ่งเกิดจากพวกพรหม

ที่หมดบุญลงมากินง้วนดิน กินมากเข้า กายก็หยาบ

จากนั้นก็มีวิวัฒนาการในด้านต่าง ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

ด้านอาหาร ด้านร่างกาย การสร้างบ้านเรือน การประกอบอาชีพ

เป็นต้นไป จนกระทั่งถึงจุดเสื่อมสูงสุดของมนุษย์

๒.จักกวัตติสูตร

เป็นอีกพระสูตรหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมถอย

ของอายุมนุษย์ อันเนื่องมาจากศีลธรรม พระสูตรนี้พระพุทธเจ้า

ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ณ เมืองมาตุลา ในแคว้นมคธ

ทรงปรารถเหตุแห่งการแสดงธรรมตามโอกาส เมื่อตรัสเรียก

พระภิกษุทั้งหลายมาแล้วทรงแสดงธรรมมีใจความว่า 

ภิกษุทั้งหลายให้มีตนเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่าพึ่งสิ่งอื่น

แล้วทรงแสดงวิธีที่จะพึ่งตนเอง พึ่งธรรมโดยให้พิจารณา

สติปัฎฐาน 4 และแนะนำให้ไปยังที่โคจร เพื่อปฏิบัติตามที่

พระองค์แนะนำ มารก็จะไม่ได้ช่องทางในการขัดขวาง

บุญก็เจริญขึ้น เพราะเหตุที่ยึดมั่นในธรรมทั้งหลาย

ที่เป็นกุศล จากนั้นจึงได้ยกตัวอย่างแสดงให้ฟัง

๓. สุริยสูตร

นับว่าเป็นพระสูตรที่แสดงให้เห็นถึงการแตกแยกสลาย

ของโลกและจักรวาลโดยตรง ใจความหลักในพระสูตรนี้

พระพุทธองค์ทรงแสดงถึงความไม่เที่ยงของสังขาร

ความเสื่อมสลายของตัวเรา โลก และจักรวาล เราควรเบื่อ

หน่าย คลายกำหนัด ซึ่งเนื้อหาในพระสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัส

ไว้แก่ภิกษุ ณ อัมพปาลีวันใกล้พระนครสเวสาลี แสดงธรรมให้

ภิกษุทั้งหลายเบื่อหน่ายในสังขารที่ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม ควร

เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ควรหลุดพ้น แล้วพระองค์ทรงแสดง

ให้เห็นการแตกสลายของจักรวาล ตั้งแต่เกิดพระอาทิตย์ดวงที่ ๒

กระทั่งพระอาทิตย์ดวงที่ ๗ ปรากฎขึ้น กาลเวลาผ่านไปอีก

ยาวนาน แม่น้ำเล็กจนถึงมหาสมุทรใหญ่ย่อมแห้งลง

แผ่นดินใหญ่  และเขาสิเนรุลุกเป็นไฟ ถูกเผาไหม้จนไม่เหลือ

แม้แต่ขี้เถ้าหรือเขม่าตามลำดับ นอกจากนั้น

พระองค์ยังทรงแสดงให้เห็นว่า แม้แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างแผ่นดิน

และเขาสิเนรุยังถูกเผาไหม้ทำลาย  แม้สังขาร

ร่างกายของเราก็ไม่ยั่งยืน ย่อมเสื่อมสลายไปเช่นกัน

ควรเบื่อหน่าย คลายกำหนัด สิ่งเหล่านี้แม้บอกไป

ก็ไม่มีใครเชื่อ

นอกจากอริยสาวก ผู้รู้เห็นด้วยญาณทัสสนะ

การที่พระพุทธเจ้าท่าน   ทรงแสดงให้เห็นถึงการสลาย

ของโลกนั้นมิใช่หมายความว่า

พระองค์ต้องการที่จะให้ผู้คนหวาดกลัว

และมิได้มีพระประสงค์ที่จะแสดง เพื่อให้เห็นเป็นศาสตร์

ว่าด้วยความรู้เรื่องการเกิดและการสลายของโลก

แต่ที่พระองค์ทรงแสดงถึงการที่โลกถูกทำลายนั้น

ก็เพื่อที่จะให้สาวกเกิดความเบื่อหน่ายในโลก

เบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎ

ที่ยาวนาน จนหาเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่พบ

ถึงแม้ว่าบางภพภูมิ จะเป็นสถานที่ที่น่ารื่นรมย์

น่าอยู่อาศัยประกอบด้วยความสุขนานาประการ

เช่น สวรรค์ชั้นต่าง ๆ ที่มีเทวดาสวยสดงดงาม

สถานที่งดงาม และมีสัมผัสอันเป็นสุขอย่าง

ละเอียดก็ตาม แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น

ล้วนแต่เป็นของที่ไม่เที่ยง

แท้ถาวร ไม่มีผู้ใดเลยที่จะสามารถเป็นเจ้าของ

หรือครอบครองสิ่งใดได้ตลอดไป และไม่มีใครที่

จะสามารถรักษาให้สิ่งอันเป็นที่รักที่ปรารถนาทั้งหลาย

ไม่ให้เปลื่ยนแปลงไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งที่

เราชอบและเราไม่ชอบ  ก็ล้วนแต่ต้องจากเราไปในที่สุด 

หรือบางครั้ง เราก็ต้องเป้นผู้ที่จากสิ่งนั้นไปเสียเอง

คนที่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ  จึงต้องเผชิญกับ

ความพลัดพราก    ความเศร้าโศกเสียใจ

ความทุกข์นานาประการ

อีกมากมายไม่รู้จักจบ  จักสิ้น

ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธองค์ จึงทรงแสดงให้เห็นถึง

ความเป็นจริง และความเป็นไปของโลก ที่ต้องแตกสลายไป

สักวันหนึ่ง 

ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญ ก็คือ เพื่อให้เกิดความเบื่อหน่าย คลาย

กำหนัด ไม่เกิดความยึดมั่น ถือมั่น ดังที่ปรากใน

"สุริยสูตร"    ว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน

ไม่น่าชื่นชมนี้เป็นกำหนด  ควรเบื่อหน่าย

ควรคลายกำหนัด  ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ขุนเขาสิเนรุ โดยยาว ๘๔,๐๐๐ โยชน์

โดยกว้าง ๘๔,๐๐๐  หยั่งลงในมหาสมุทร  ๘๔,๐๐๐ โยชน์

สูงจากมหาสมุทรขึ้นไป  ๘๔,๐๐๐โยชน์

มีกาลบางคราวที่ฝนไม่ตกหลายปี

หลายร้อยปี หลายพันปี  หลายแสนปี

เมื่อฝนไม่ตก

พืชคาม ภูตคาม และติณชาติ

ที่ใช้เข้ายา ป่าไม้ใหญ่ ย่อมเฉาเหี่ยวแห้ง

ไม่ยั่งยืนไม่น่าชื่นชมนี้เป็นกำหนด ควรเบื่อหน่าย

ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

ในกาลบางครั้งบางคราว

โดยล่วงไปแห่งกาลนาน  เพราะพระอาทิตย์

ดวงที่ ๒ ปรากฎ

เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ ๒ ปรากฎ แม่น้ำลำคลอง

ทั้งหมดย่อมงวดแห้ง  ไม่มีน้ำฉันใด สังขารก็ฉันนั้น

เป็นสภาพไม่เที่ยง...ควรหลุดพ้น

 

 

 

โดยล่วงไปแห่งกาลนาน

พระอาทิตย์ดวงที่ ๓ ปรากฎ

เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ ๓ ปรากฎ

แม่น้ำสายใหญ่ ๆ

คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี วรภูมิ มหิทั้งหมด

ย่อมงวดแห้ง ไม่มีน้ำฉันใด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น

เป็นสภาพไม่เที่ยว..ควรหลุดพ้น"

หลังจากนั้น ก็ทรงตรัสต่อไปอีกให้เห็นความวิบัติ

ที่เกิดขึ้นเป็นลำดับที่มีความรุนแรงมากขึ้น

จนกระทั่งมีพระอาทิตย์ปรากฎขึ้น ๗ ดวง

จึงทำให้โลกและจักรวาล ตลอดจนสรรพสิ่งถูก

ทำลายลง ไม่เหลืออะไรอยู่เลยจึงควรที่จะ

เบื่อหน่าย คลายกำหนัด และหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

พระองค์ได้ทรงตรัสเพื่อมเติมว่า แม้จะเกิดเป็น

ท้าวสักกะ เป็นพรหม เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์

ก็ไม่พ้นจากความทุกข์ได้ เพราะยังไม่ตรัสรู้

ไม่ได้แทงตลอดธรรม ๔ ประการ คือ อริยศีล

อริยสมาธิ อริยปัญญา และอริยวิมุตติ ซึ่งหาก

ผู้ใดแทงตลอดในธรรม ๔ ประการนี้ ก็ชื่อว่าตรัสรู้แล้ว

แทงตลอดแล้ว สามารถถอนตัณหาในภพอันเป็นเหตุ

ทำให้เกิดได้แล้ว จึงไม่ต้องบังเกิดอีกต่อไป

เป็นการปลอดภัยอย่างแท้จริง

 

พวกเราอยากจะปลอดภัย

รอดพ้นจากภัยพิบัติ

อย่างถาวร

ก็จงรีบ อย่ารอช้า รีบเร่งขวนขวน

ปฏิบัติธรรม

รักษาศีล เจริญสมาธิ และเจริญปัญญากันเสีย

ตั้งแต่วินาทีนี้ อย่ามัวประมาทมัวเมา หลงใหล ยึดมั่น

ถือมั่นสิ่งต่าง ๆ จงหันหน้ามาแสวงหาความสุขนี้

ไม่มีใครทำแทนกันได้ไม่มีใตรแย่งของเราไปได้

ทุกตนต้องลงมือปฏิบัติเอง รู้แจ้งเอง เห็นเอง

คนที่ยังมัวประมาทมัวเมา   ยังมีมิจฉาทิฎฐิ

มีความเห็นผิดอยู่

ก็ย่อมจะประสบความทุกข์

ตามเหตุปัจจัยของเขา

ผู้รู้จงอย่าทำชีวิต  

ให้ตกไปสู่อำนาจของความเสื่อม

ความทุกข์ทั้งหลาย ในโลกนี้

ไม่อะไรสักอย่างที่จีรังยั่งยืน

ทุกสิ่งล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้อนิจจัง ทุกขัง

และอนัตตาทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งโลกและจักรวาล

ที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งในที่สุดมันก็ต้องแตกสลายไป

ตามเหตุปัจจัยของมัน ตัวเราและสรรพสิ่งรอบตัวเรา

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลกและจักรวาลนี้

ก็ย่อมแตกสลายไปเช่นกัน สิ่งที่เรากำลังเยื้อแย่งกัน

กำลังแสวงหากันอย่างไม่ถูกไม่ชอบธรรม

ซึ่งเราคิดว่ามันจะนำความสุข

มาให้นั้น ในท้ายที่สุดสิ่งเหล่านั้น ก็จะไม่เหลืออยู่เลย

ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของเครื่องใช้

รถ บ้าน ยศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหลาย

รวมถึงตัวเราและสิ่งรอบตัวเราทั้งหมด

ก็ต้องสูญสลายมลายสิ้น

ไม่มีอะไรสักอย่างที่จีรังยั่งยืนตลอดไป

การรอดพ้นจากมหาวิบัติจะเกิดขึ้น

ก็ต่อเมื่อมนุษย์ประพฤติกรรมอันเป็นกุศล

จึงทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นตามลำดับ

โลกเจริญ  และสงบสุขขึ้น

มนุษย์ก็จะมีอายุขัยยาวนานขึ้น

โดยเฉพาะเมื่อ

มนุษย์มีสัมมาทิฎฐิ ทำให้มนุษย์เข้าใจ

ในความเป็นจริงของโลกและชีวิต

จึงกระทำกุศลกรรม

ยิ่ง ๆ ขึ้น ตามลำดับ  โลกก็เจริญยิ่ง ๆขึ้นไป

ตามความดีของมนุษย์นั้น

ส่วนในยุคที่โลก และจักรวาลแตกสลายนั้น

พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสถึงวิธีการที่จะรอดพ้น

จากมหาวิบัติใหญ่ครั้งนี้เช่นเดียวกัน

วิธีการก็มีความสอดคล้องกันคือ

การเร่งเรีบเจริญภาวนา

เพื่อให้ได้ฌาน

จะสามารถทำให้รอดพ้น

จากความวิบัติใหญ่นั้น

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

หลังจากที่มนุษย์ได้ทราบจาก

เทวดาประเภทหนึ่งว่า โลกจะถูกทำลาย

ซึ่งก่อนที่โลกจะถูกทำลายแสนปี จะมีเทวดาที่เรียกว่า

โลกพยุหเทวดา นุ่งห่มด้วยผ้าสีแดงมาป่าวประกาศ

ให้มนุษย์ทราบ อีกแสนปีรข้างหน้าโลกจะพินาศ

รวมทั้งจักรวาล ตลอดจนสรรพสิ่งทั้งปวง 

แม้กระทั่งภูมิของสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น

จนถึงพรหมโลกชั้นที่ได้ปฐมฌาน

และยังแนะนำต่อไปอีกว่า

  อย่าประมาทให้เร่งสร้างบุญกุศล

เพื่อจะได้ไปเกิดในภูมิที่พ้นจากความพินาศนี้

หลังจากที่เทวดานั้นมาประกาศ

ให้มนุษย์ทราบแล้ว 

มนุษย์จะบังเกิดความสลดสังเวชใจ 

จึงพากันเร่งสร้างบุญกุศล

และบำเพ็ญภาวนา จนกระทั่ง

บรรลุฌานสมาบัติ หลังจากที่พวกเขาได้ตายไปแล้ว 

จึงได้ไปเกิดในพรหมโลก บรรดาเทวดา

และพรหมก็เช่นเดียวกัน

ทุกองค์เมื่อทราบว่าโลกจะเกิดการแตกสลาย

จึงเร่งเจริญภาวนา  เพื่อที่จะได้ไปเกิดในภพภูมิ

ที่ปลอดภัย 

ส่วนสัตว์ในอบายภูมิทั้งหลาย

เมื่อพ้นจากวิบากกรรม

มาเกิดเป็นมนุษย์  

และทราบเรื่องที่เทวดามาประกาศ

ก็เร่งสร้างบุญกุศล และเจริญภาวนาเช่นเดียวกัน

คงเหลือเพียง ผู้ที่มีมิจฉาทิฎฐิเท่านั้น

ที่ไม่เร่งสร้างบุญกุศล 

เมื่อโลกถูกทำลายไป

จึงไปบังเกิดในภพภูมิเดิม

ของจักรวาลอื่นที่ยังไม่ถูกทำลาย

จะเห็นว่าทางรอดของมนุษย์มีเพียงทางเดียวเท่านั้น

คือ การเร่งขวนขวายทำความดี รักษาศีล ปฏิบัติสมาธิ

และเจริญปัญญา จึงจะสามารถรอดพ้นจาก

มหาวิบัติทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเป็นความเสื่อมของสังคมมนุษบ์

หรือการแตกสลายของ

โลกและจักรวาลก็ตาม เงินทองหรือวัตถุต่าง ๆ

ที่มนุษย์ผลิตคิดค้นขึ้นมา ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะ

ช่วยเหลือมนุษย์ได้

เพราะสิ่งที่มาทำลายโลกและจักรวาลนั้น

มันมีอานุภาพมากมายมหาศาล

เราจะขึ้นยานอวกาศหนีไปก็ไม่มีทาง

ที่จะรอดได้  ทางเดียวที่จะรอด

คือ เร่งขวนขวายทำความดีจนถึงที่สุด

บุญกุศลจึงเป็นสิ่งที่มีอานุภาพมากที่

คอยช่วยเหลือในมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะในยุค

ที่เจริญหรือเสื่อม การดำเนินชีวิต

ในปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน

บุญกุศลทำให้เรามีแต่ความสุข สิ่งนี้จึงเป็น

สิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง  และมีความเป็นธรรมกับทุกคน

เพราะมันไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน

ไม่สามารถใช้อำนาจบังคับเอามาได้

แต่สามารถหาได้ด้วยการลงมือปฏิบัติ

ด้วยตนเองทั้งกายและใจ

การที่เราได้ทราบถึงความเจริญ

ละความเสื่อมของมนุษย์

รวมถึงวิธีการที่จะทำให้เรารอดจากมหาวิบัตินั้น

นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

เพราะช่วยให้เราเกิดสติปัญญา

 เตือนสติให้เราเลือกสร้างคุณงามความดี

อันเป็นแนวทาง

ที่จะทำให้พบแต่ความสุข ความเจริญ

เมื่อเป็นเช่นนี้ 

ทุกคนจึงต้องรีบทำกรรมดี

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

การที่เราได้เกิดมาในชาตินี้

นับว่ามีความโคดีมาก

เราจึงไม่ควรให้กรรมดีนั้นหมดไปง่าย ๆ

ไม่รอกินบุญเก่า

เพียงอย่างเดียว ต้องทำบุญใหม่ต่อไปด้วย

อย่ามัวประมาท

ต้องรีบสร้างกรรมดีให้ถึงที่สุด

จนกลายเป็นนิสัยไป

ทุกภพทุกชาติ ชีวิตของเราที่เกิดมาในภพชาตินี้

นับว่ามีเวลาไม่ยาวนานมากนัก

อย่างมากก็ไม่เกินร้อยปี

หากเรายังมัวประมาทมัวเมาอยู่

ก็อาจจะตกไปสู่

ความเสื่อมได้ง่าย ความสุขความเจริญ

            นอกจากทำความดีแล้ว 

 ก็ต้องไม่ก่อกรรมชั่วใหม่ด้วย

ต้องตระหนักถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นตามมาทั้งแก่ตนเอง

สังคม เพื่อนร่วมโลก และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ

การไม่ทำความชั่วไม่ใช่ว่าเราจะอยู่เฉย ๆ

ไม่ทำอะไรเลย ต้องคิดอยู่เสมอว่า การอยูเฉย ๆ

นอกจากจะไม่มีกำไรแล้ว

ยังเป็นการเอาต้นทุนเก่ามาใช้

ซึ่งนับวันมีแต่จะหมดไปเรื่อย ๆ

ทางที่ดีเราควร

ใช้ชีวิตนี้ให้มีประโยชน์

ใช้ร่างกายอันเป็น

ที่อาศัยของใจให้คุ้มค่ามากที่สุด 

แม้ว่าร่างกาย

จะสมบูรณ์มาก หรือไม่ค่อยสมบูรณ์ก็ตาม

ทุกชีวิตก็สามารถที่จะใช้สร้างกรรมดีได้ทุกคน

หากเราทำความดีอย่างเต็มกำลัง

ความสามารถของเราแล้ว

ชีวิตย่อมพบแต่ความสงบสุขทั้งกายและใจ

ย่อมไม่หวาดหวั่นต่อความเสื่อมของโลกสิ่งสำคัญ

ที่จะทำให้เราสามารถทำความดีได้อย่างต่อเนื่อง

คือ กัลยาณมิตรหรือเพื่อนที่ดี จะคอยเตือนสติ

แนะนำเรา แปในทางที่ดี การมีกัลยาณมิตรเหมือนกับ

แสงเงินแสงทองที่ขึ้นจากขอบฟ้านับวันมี

แต่จะส่องสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ  การมีมิตรที่ดีก็มีแต่

จะทำให้ชีวิตของเราใสสว่างมากขึ้น

มีความดีเพิ่มมากขึ้น  จนกระทั่งสามารถบรรุลุถึง

เป้าหมายสูงสุด คือพระนิพพานได้

 

คัดลอกจากหนังสือ

วันโลกาวินาศใกล้มาถึงแล้ว

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-29 13:41:54


ความคิดเห็นที่ 604 (1581062)

วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกสล ผู้ครองกรุงสาวัตถี

ได้เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล

ครั้นล่วงปัจฉิมยามใกล้รุ่ง ได้ทอดพระเนตรเห็น 

พระสุบินนิมิตอันใหญ่หลวง ถึง ๑๖ ประการ

อันเป็นพระสุบินที่แปลกประหลาด

จึงทรงตกพระทัยตื่นบรรทม

ครั้นรุ่งเช้า

ก็ได้ให้พวกพราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักทำนาย

พวกพราหมณ์ปุโรหิต ก็พากันทำนายว่าเป็นพระสุบินที่ร้าย 

ซึ่งพระองค์จะต้องประสบภัยอันตราย ๓ ประการ

ไม่เสียราชทรัพย์ ก็จะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน

หรือไม่ก็ต้องสวรรคต อย่างใดอย่างหนึ่ง

โดยแนะนำให้พระองค์ทำพิธีบูชายัญสัตว์ 

เพื่อสะเดาะเคราะห์  เมื่อพระนางมัลลิกา พระมเหสี

ทราบเรื่องเข้าจึงทูลให้ไปขอคำแนะนำจากพระพุทธเจ้า

ซึ่งพระองค์ก็ได้ทรงทำนายว่าเหตุร้ายนั้นมีแน่นอน

เพียงแต่มิใช่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล

หรือแว่นแตว้นของพระองค์ 

แต่เหตุร้ายเหล่านี้จะเกิดแก่สัตว์โลกทั่ว ๆ ไป

แก่พระศาสนาของพระพุทธองค์ในภายภาคหน้า 

เมื่อล่วงเลยพุทธกาลไปแล้ว ๒,๕๐๐ ปี เมื่อศาสนาเสื่อมลง 

กล่าวกันว่า อายุของพุทธศาสนา 

ในกัลป์นี้ ยืนยาวเพียง ๕,๐๐๐ ปี ๆ 

หลังจากนั้น  ต้องรอยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย์ 

พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเสด็จมาโปรดสัตว์

ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล

และคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๖ ประการ ประกอบด้วย

  พระสุบินนิมิตข้อที่ ๑ ทรงฝันว่า

มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ ๔ ตัว ต่างคิดจะชนกัน

ก็พากันวิ่งมาสู่ท้องพระลานหลวง ๔ ทิศ

ฝูงชนต่างรอดู โคทั้ง ๔ ก็ส่งเสียงคำรามลั่น

แต่แล้วต่างก็ถอยออกไปไม่ชนกัน

 

 พระสุบินนิมิตข้อที่ ๒ ทรงฝันว่า

ต้นไม้เล็ก ๆ และกอไผ่ที่โตเพียงคืบบ้าง  ศอกบ้าง

ก็ออกดอก ออกผลแล้ว 

 พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ในอนาคต

เมื่อโลกเสื่อม  มนุษย์แม้จะมีอายุเยาว์

มีวัยยังไม่สมบูรณ์ ก็จะมีราคะกล้า

และสมสู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย  และจะมีลูกแต่เด็ก ๆ

  เหมือนต้นไม้เล็ก ๆ  แต่ก็มีผลแล้ว ฉันนั้น

พระสุบินนิมิตข้อที่ ๓ ทรงฝันว่า

 ทรงเห็นแม่โคใหญ่ ๆ พากันดื่มนมของฝูงลูกโคที่เพิ่งเกิด

 พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ต่อไปในอนาคต

การเคารพนบนอบผู้ใหญ่ เช่น พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์

จะเสื่อมถอย คนเฒ่า คนแก่ พ่อแม่ เมื่อหมดที่พึ่ง

หาเลี้ยงตนไม่ได้ ก็ต้องง้อ ต้องประจบเด็ก ๆ เลี้ยงชีพ

เป็นเหมือนแม่โคใหญ่ ๆ พากันดื่มนมลูกโค ฉะนั้น 

  พระสุบินนิมิตข้อที่ ๔ ทรงฝันว่า

เห็นฝูงโคตัวใหญ่ ๆ ที่สมบูรณ์แข็งแรง

เทียมแอก ลากเกวียน กลับไปใช้โครุ่น ๆ

ที่ยังปราศจากกำลังมาลาก เมื่อมันแล่นไม่ได้

มันก็สลัดแอกนั้นเสีย

พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ในภายหน้า

เมื่อผู้มีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม  แทนที่จะยกย่อง

และมอบหมายหน้าที่ ให้กับผู้มีสติปัญญาความรู้

กลับไปมอบยศศักดิ์ ให้กับคนหนุ่มที่อ่อนหัด

ด้อยประสบการณ์ ทำให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี

กิจการงานต่าง ๆ ก็ไม่สำเร็จ  ก็เหมือนใช้โครุ่น

มาเทียมแอก เกวียนก็แล่นไม่ได้ฮันใด ก็ฉันนั้น

พระสุบินนิมิตข้อที่ ๕ ทรงฝันว่า

เห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง

ฝูงชนพากันป้อนหญ้าไปป้อนที่ปากทั้งสองข้าง

มันก็กินทั้งสองข้าง

พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ในกาลภายหน้า

เมื่อผู้บริหาร หรือผู้ที่มีอำนาจ ไม่ดำรงอยู่ในธรรม

ตั้งคนพาล หรือคนไม่มีศีลธรรมไว้ ในตำแหน่ง

อันมีผลต่อผู้อื่น คนเหล่านั้นก็จะไม่นึกถึง

บาปบุญ คุณโทษ แต่จะตัดสินคดีต่าง ๆ

ตามแต่ใจชอบ โดยเอาสินบนจากทั้งสองฝ่าย

เป็นประมาณ ดังม้าที่กินหญ้าทั้งสองปากฉันนั้น

  พระสุบินนิมิตข้อที่  ทรงฝันว่า

ฝูงชนเอาถาดทองราคาแพง ไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง

พร้อมเชื้อเชิญให้หมาจิ้งจอกตัวนั้น ถ่ายปัสสาวะใส่ถาดทองนั้น

 พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ต่อไป

คนดีมีสกุลทั้งหลายจะสิ้นอำนาจวาสนา 

คนตระกูลต่ำ หรือคนพาล จะได้เป็นใหญ่เป็นโต

คนมีตระกูลจะต้องยกลูกสาว ให้แก่ผู้ไร้ตระกูลเหล่านั้น

เหมือนเอาถาดทองไปให้หมาจิ้งจอกปัสสาวะ

พระสุบินนิมิตข้อที่  ทรงฝันว่า

มีชายคนหนึ่งนั่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปในที่ใกล้เท้า

แม่หมาจิ้งจอกโซตัวหนึ่ง นอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั้นนั่งอยู่

แล้วก็กัดกินเชือกนั้น  โดยที่เขาไม่รู้ตัว

พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ในกาลข้างหน้า

ผู้หญิงจะเหลาะแหละ โลเล ลุ่มหลงในสุรา

เอาแต่แต่งตัว เที่ยวเตร่ ประพฤติทุศีล

แล้วก็เอาทรัพย์สินที่สามีหาได้ด้วยความลำบากไปใช้

หรือให้ชายชู้ เหมือนหมาโซที่นอนใต้ตั่ง คอยกัดกิน

เชือกที่เขาฟั่น และหย่อนลงไว้ใกล้เท้าฉันนั้น

 พระสุบินนิมิตข้อที่  ทรงฝันว่า

มีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมตุ่มหนึ่งวางอยู่ตรงประตูวัง

แวดล้อมด้วยตุ่มว่างๆ เป็นอันมาก

แต่คนก็ยังไปตักน้ำใส่ตุ่มที่เต็มอยู่ จนล้นแล้วล้นอีก

โดยไม่เหลียวแลจะตักใส่ตุ่มที่ว่างๆ นั้นเลย

พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ในอนาคต

เมื่อศาสนาเสื่อม คนเป็นใหญ่หรือมีอำนาจ

จะเบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้ที่ด้อยกว่า 

คนที่รวยอยู่แล้ว ก็จะมีคนจนหารายได้

ไปส่งเสริมให้รวยยิ่งขึ้น ดังฝูงชนที่ต้องตักน้ำใส่ตุ่มใหญ่

ที่เต็มอยู่แล้วจนล้น ส่วนตุ่มว่างอยูกลับไม่ไปใส่น้ำ

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-29 16:24:15


ความคิดเห็นที่ 605 (1581107)

 

 พระสุบินนิมิตข้อที่ ๙  ทรงฝันว่า

มีบัวนานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม และมีท่าขึ้นลงโดยรอบ

สัตว์ต่าง ๆ ก็พากันดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่น้ำบริเวณที่

สัตว์เหยียบย่ำจะขุ่น กลับใสสะอาด  ส่วนน้ำที่อยู่ลึกกลางสระ

ที่สัตว์ไม่ไปดื่ม หรือเหยียบย่ำแทนที่จะใสกลับขุ่นข้น

 พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ต่อไป

เมื่อคนมีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม ขาดเมตตา

คอยใช้อำนาจ รีดนาทาเร้นหรือกินสินบน ชาวบ้านชาวเมือง

ก็จะหนีไปอยู่ตามชายแดนหรือที่อื่น ๆ ทำให้ที่นั้น ๆ

ที่คนพากันไปอยู่มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น

เหมือนน้ำรอบๆ สระที่ใส ส่วนเมืองหลวงกลับว่างเปล่า

เหมือนกลางสระที่ขุ่น

 พระสุบินนิมิตข้อที่ ๑๐  ทรงฝันว่า

เห็นข้าวที่คนหุงในหม้อใบเดียวกัน สุกไม่เท่ากัน

โดยแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนคือ ข้าวแฉะ ข้าวดิบ และข้าวสุกดี

พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ในอนาคต

เมื่อคนทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรมกันมากขึ้น

ก็จะทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือตกไม่ทั่วถึง

ทำให้การเพาะปลูกบางแห่งได้ผล บางแห่งก็ไม่ได้ผล

เช่นเดียวกับข้าวที่มีสุกบ้าง ดิบบ้าง และแฉะบ้าง ฉันนั้น

 

 

 

 

พระสุบินนิมิตข้อที่ ๑๒  ทรงฝันว่า

เห็นกระโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้

พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ต่อไป

คำพูดของคนที่ไม่ควรจะได้รับความเชื่อถือ

กลับจะได้รับความเชื่อถือ โดยเปรียบถ้อยคำของคนที่ไม่น่าเชื่อ

ถือว่ามีน้ำหนักเบาเหมือนกับผลน้ำเต้า ซึ่งปกติจะลอยน้ำ

แต่เมื่อคนเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนักหรือหนักแน่น 

จึงเปรียบคำพูดนั้นว่ามีน้ำหนัก ราวกับน้ำเต้าที่จมน้ำได้

พระสุบินนิมิตข้อที่ ๑๓ ทรงฝันว่า

เห็นศิลาแท่นทึบใหญ่ขนาดเรือนลอยน้ำได้เหมือนเรือ

พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า

ในอนาคตถ้อยคำของคนที่ควรได้รับการเชื่อถือ

ซึ่งหนักแน่น มีน้ำหนักเปรียบประดุจแท่นศิลา

กลับไม่ได้รับความเชื่อถือหรือกลายเป็นถ้อยคำที่ไม่มีน้ำหนัก

เหมือนเรือที่ลอยได้ข้อนี้ตรงกันข้ามกับข้อที่แล้ว

คือ คนหันไปเชื่อคำพูดคนที่ไม่ควรเชื่อเหมือน

สิ่งที่ควรลอยกลับจมสิ่งที่ควรจมกลับลอย

พระสุบินนิมิตข้อที่ ๑๔ ทรงฝัน
เห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆวิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่
กัดเนื้องูเห่าขาดเหมือนกัดก้านบัว แล้วกลืนกินเข้าไป
พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า
เมื่อมนุษย์ปล่อยตัว ปล่อยใจตามกิเลส
ราคะสามีจะตกอยู่ในอำนาจของเมียเด็ก
และจะถูกดุด่าว่ากล่าวเช่นเดียวกับคนรับใช้
เหมือนเขียดตัวเล็กๆแต่กลับกินงูได้
พระสุบินนิมิตข้อที่ ๑๕ ทรงฝันว่า

 เห็นฝูงพญาหงส์ทองที่มีขนเป็นทอง ถูกแวดล้อมด้วยกา

ผู้ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ เที่ยวหากินตามบ้าน

พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ในอนาคต

ผู้มีตระกูลต้องไปประจบสอพลอและสวามิภักดิ์ต่อผู้ไม่มีตระกูล

เหมือนหงส์ทองแวดล้อมด้วยกา

พระสุบินนิมิตข้อที่ ๑๖ ทรงฝันว่า

ในกาลก่อนๆเสือเหลืองพากันกัดกินฝูงแกะ

แต่ทรงเห็นฝูงแกะ พากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง

และกัดกินทำให้เสืออื่นๆ สะดุ้งกลัว

จนต้องหนีไปแอบซ่อนตัวจากฝูงแกะ

พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ต่อไปภายหน้า

คนชั่วหรือคนที่ไม่ดีจะเรืองอำนาจ และใช้อำนาจเป็นธรรม

ทำให้คนดีถูกทำร้าย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมต้องหลบหนี

ซ่อนตัวจากภัยร้ายเหล่านี้ เหมือนเรือซ่อนตัวจากแกะ

 

 จากหนังสือฤาจะถึงวันสิ้นโลก

พระสุบินนิมิตข้อที่ ๑๑  ทรงฝันว่า

ห็นคนทั้งหลายเอาแก่นจันทน์ที่มีราคาแพง

 ตั้งแสนกษาปณ์ ขายแลกกับเปรียงเน่า 

(อ่านว่า เปรียงมี ๓ ความหมาย คือ

๑. นมส้มผสมน้ำแล้วเจียวให้แตกมัน

๒. น้ำมันจากไขข้อวัว 

๓. เถาวัลย์เปรียง แต่ในที่นี้

น่าจะหมายถึงเถาวัลย์เปรียง เทียบกับแก่นจันทน์

ที่เป็นไม้เหมือนกันมากกว่า ๒ ความหมายแรก)

พระพุทธองค์ ทรงทำนายว่า ในกาลภายหน้า

พระภิกษุอลัชชี เห็นแก่ได้ทั้งหลาย แทนที่จะนำธรรมะ

ที่พระพุทธองค์ทรงสอน ไปสอนสั่งให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์

และละความโลภ กลับใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อหากิน

หาปัจจัยบริจาคเข้าตัวเอง  เหมือนเอาแก่นจันทน์

(ธรรมะคำสอนที่ดี) ไปแลกเอาเถาวัลย์เน่า (ลาภอามิสที่ได้รับมา 

ซึ่งไม่จีรังและไม่ช่วยให้พ้นทุกข์จริงๆ ได้)

ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-29 20:00:22


ความคิดเห็นที่ 606 (1581202)

 

พิจารณาจากความฝัน 16 ประการของพระเจ้าปเสนทิโกศล

จะเห็นว่าความฝันหลายข้อ  เป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ

 เช่น แม่โคกินนมลูกโค ม้าสองปาก เขียดกินงู 

 และแกะกินเสือ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้

ล้วนมีนัยอันไปสู่พุทธทำนายทั้งสิ้น

หลายคนอาจจะสงสัยว่าพระเจ้าปเสนทิโกศล

กษัตริย์ในสมัยพุทธกาล ทำไมฝันได้ไกลไปถึงอนาคต

อันไม่เกี่ยวข้องกับพระองค์ได้ถึงเพียงนี้  

เชื่อว่าเทวดาคงจะดลใจให้พระองค์ฝัน

แปลกประหลาด เพื่อให้พระบรมศาสนดาจะได้ฝาก

 “พุทธทำนาย” เป็นคำพยากรณ์อันอมตะไว้ 

เป็นเครื่องเตือนสติ ให้มนุษย์โลกได้ตระหนัก 

และระมัดระวังภัยพิบัตินานัปประการ

ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า หลังจากที่พระพุทธเจ้า

ได้ปรินิพพานไปแล้วคงเล็งด้วยญาณวิเศษแล้วว่า

นับวันคนเราก็จะห่างไกลจากหลักธรรม

คำสั่งสอนของพระองค์ จนเป็นเหตุให้

มนุษย์มุ่งทำลาย   เอารัดเอาเปรียบทั้ง

เพื่อนมนุษย์ด้วยเอง และสิ่งแวดล้อมรอบตัว 

เพื่อกอบโกยไปบำรุงกิเลสแห่งตน โดยขาดความรัก

ความเมตตาต่อกันนั้นทำให้คนเห็นแก่ตัว

มีผลทำให้สภาพแวดล้อมธรรมชาติแปรปรวนไปหมด

ในปัจจุบัน เหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้น 

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ  เช่น ฝนแล้งทำ

การเพาะปลูกได้ผลบ้าง ไม่ผลได้บ้าง ปัญหาเรี่องศีลธรรม
และจริยธรรมเช่น เด็ก และเยาวชนแก่แดดขึ้น  
 มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยเพิ่มมากขึ้น
ลูกขาดความกตัญญู ไม่มีความเคารพต่อพ่อแม่ อลัชชี
หรือพระทุศีลมีมากขึ้น ชายแก่ตกอยู่ในอำนาจเมียเด็ก 
ปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง
และสังคม เช่น คนขาดความรู้ประสบการณ์ 
ผู้มีอำนาจรับสินบน เป็นต้น
คนรวยยิ่งรวยยิ่งมีช่องทาง เอาเปรียบคนจนเปรียบ
เสมือนตุ่มใหญ่ที่คนตักน้ำไปใส่จนเต็มแล้วเต็มอีก
ปล่อยตุ่มเล็กให้ว่างเปล่า ตัวอย่างเหล่านี้
ล้วนไม่พ้นคำพยากรณ์ที่ทรงทำนายไว้ในอนาคต
ยังมีพุทธทำนายจากศิลาจารึกเขตมหาวิหาร
สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย พระพุทธองค์
ทรงตรัสกับพระอานนท์ ความว่า
“เมื่อศาสนาตถาคตล่วงเลยไป
ถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้น
จะพบกับความยาก ลำบากทุกชาติทุกศาสนา 
ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนเวียน
ไปใกล้ความแตกทำลาย แผ่นดินแผ่นน้ำ
จะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติทั่วทิศ
คนในสมัยนั้น (ปัจจุบัน) จะมีวิสัยโหด
ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต
จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ 
ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศล ตามวัจนะ
ของตถาคตก็จะระ งับร้อนไม่รุนแรง 
บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรง
ในพระรัตนตรัย และคุณบิดามารดา
เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จักหนีกฎธรรมชาติ
ไม่พ้น...ในระยะนั้นศาสนาของคถาคตเสื่อมลงมาก
เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม
เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพ
หลักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือ
ในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบ กลับไม่มีคน
เคารพยำเกรง พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศมี
ฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่ง

เมื่อมีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น

อยู่ในอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์

(น่าจะหมายถึงพระศรีอาริยเมตไตรย์)...

จะเสด็จมาเสริมสร้างพระศาสนาของตถาคต

ให้รุ่งเรืองสืบไปอีก5,000 พระวรรษา....

คำทำนายของตถา นี้

ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อนับเป็นกรรมของสัตว์

โลกที่ต้องสิ้นสุดไป

ตามกรรมชั่วของตน  ผู้ใดปรารถนารอดพ้น

จากภัยพิบัติ ให้รักษาศีล 5 เจริญเมตตากรุณา 

ประกอบสัมมาอาชีพ ใจสันโดษรู้จักพอ

ไม่หลงมัวเมาในอำนาจและลาภยศ

ตั้งใจประพฤติตน ตามคำสอนชองตถาคต

ให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในยุค

ก่อนพุทธกาล”

นี่คือพุทธทำนายที่ทรงตรัสไว้

กว่า 2,500 ปีล่วงมาแล้ว

ส่วนใครจะเชื่อ จะปฏิบัติหรือไม่อย่างไร

ก็คงเป็นไปตามกรรมของแต่ละบุคคล

ดังพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้

 จากหนังสือ  ฤาจะถึงวันสิ้นโลก
ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-30 19:45:09


ความคิดเห็นที่ 607 (1581213)

สาธุ   รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงเกือบทั้งหมดแล้วนะ

ขอบคุณครับที่นำมาเล่าสู่กันฟัง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนพันธ์ จันทร์จรูญ (watt011009-at-live-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-30 20:45:28


ความคิดเห็นที่ 608 (1581336)

 

 

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 1
 “โคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ 4 ตัว
คำรามลั่นคิดจะชนกัน วิ่งมาจากทิศทั้ง 4
แต่แล้วต่างก็ถอยออกไป” 
 เป็นเรื่องเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ
ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนในประเทศไทย
          ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง มีหลายสื่อเชื่อกันว่า
กรุงเทพฯ จะจมน้ำ สร้างความหวั่นวิตกให้กับผู้คน
เป็นอย่างมากเพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง
เป็นศูนย์รวมธุรกิจมีผู้คนอาศัยกันหนาแน่น
เพื่อเป็นแหล่งทำมาหากิจ ถ้ากรุงเทพฯ หายไป
เหลือแต่ผืนน้ำอวดโฉมอยู่บนแผนที่
ประเทศไทยเราจะทำอย่างไร
ขณะนี้ยังฟันธงไม่ได้ ต้องมีหลักฐานบ่งชี้ว่า
คำกล่าวนั้นจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตจาก
ภาวะโลกร้อนทั่วโลก
ที่ผ่านมาโลกของเรามีอุณหภูมิพุ่งสูงสุด
ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกมีอัตราการละลายที่รวดเร็ว
และทวีมากขึ้น เมื่อปริมาณน้ำทะเลเพิ่มสูง
มีผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง
โดยใน ๓๐ปีที่ผ่านมา ที่ดินชายฝั่งทะเลของอ่าวไทย
หายไป 18,000 ไร่ เกิดจากการกัดเซาะอย่างรุนแรง
การกัดเซาะจะกัดลึกลงไปในพื้นที่ท้องทะเลด้วย
เกิดการสูญเสียชายหาดโคลนทุกวินาที
แผ่นดินใต้ทะเลที่
เป็นชายหาดโคลนหายไป
ประมาณ180,000 ไร่
         ปัญหาการเกิดการกัดเซาะชายฝั่งของไทย
ตลอด 2,000 ก.ม. ถูกกัดเซาะถึง 600 ก.ม.
คิดประมาณ 22 % ถือว่าผิดปกติ มาก จากการสำรวจ
ผลกระทบของการเปลื่ยนแปลงระดับน้ำทะเลที่เกิดขึ้น
พบว่า
พื้นที่บางปู จ.สมุทรปราการ
-ในอดีต 40 ปีที่ผ่านมา เมื่อระดับน้ำทะเลลงต่ำสุด
มีหาดโคลน ที่เป็นแหล่งอนุบาลทรัพยากรสัตว์น้ำ
ชายฝั่งทะเล  โผล่พ้นน้ำกว้างกว่า 5 ก.ม.จากแผ่นดิน
         -ปัจจุบันเหลื่อเพียง 1 ก.ม
พื้นที่ มหาชัยเคยมีหาดโคลน 1.5 ก.ม.
ปัจจุบันเหลือเพียง 250 ม.เท่านั้น
พื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล จะมีอัตราการกัดเซาะ
เพิ่มเป็น 65 ม.ต่อปี ถ้าไม่มีมาตรการป้องกันใด ๆ
อีก 10 ปีข้างหน้า แผ่นดินจะหายไป 1.3 ก.ม.
อีก 50 ปีข้างหน้าหายไป 2.3 ก.ม และ
ในอีก 100ปีข้างหน้าประมาณ 6 ก.ม.
ประเทศไทย ระดับน้ำทะเลสัมพัทย์เพิ้มขึ้น 40 ม.ม.ต่อปี
นับว่าเป็นอัตราที่มากที่สุดในโลกเช่น มีน้ำทะเลหนุน
ใน จ.สมุทรปราการ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม
เป็นต้น น้ำทะเลกำลังกลืนแผ่นดินจมหายไป
ในอ่าวไทย เกือบ 3 ก.ม.
ในปัจจุบันนี้ พื้นที่ สมุทรปราการ
หายไป 1.1 หมื่นไร่
คาดว่าภายใน 20 ปีจะหายไป 3.7 หมื่นไร่
และอีก 100ปีข้างหน้ากรุงเทพฯบางส่วนอาจอยู่ใต้ทะเล
          ภาวะโลกร้อนทำให้คนขาดแคลนอาหาร ขาดน้ำ
ขาดแคลนที่อยู่อาศัย การปฏิบัติเพื่อบรรเทาความร้อน
คือ ให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด
ให้ดื่มน้ำมาก ๆ วันละไม่น้อยกว่า 8 แก้ว หลีกเลี่ยง
การออกกำลังกลางแจ้ง หากร้อนจัดเหงื่อไม่ออก
ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว หากมีอาการโรคลมแดด
ได้แก่ กระหายน้ำ ตัวร้อน ไม่มีเหงื่อ วิงเวียน
หายใจถี่ ปาก คอแห้ง ให้รีบพบแพทย์

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 2  

“ต้นไม้นานาชนิดที่ยังไม่โตเต็มที่ก็ผลิดอก

ออกผลมากมาย ทำให้กิ่งก้านทนรับน้ำหนักไม่ไหว

ต้องโน้มกิ่งลงเรื่อดิน”  

เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ปัญหาเรื่องเพศ

          ปัญหาการขาดศีลธรรม จริยธรรม เป็นเรื่องที่สำคัญ
ถือเป็นปัญหาที่จะนำพาสังคมไปสู่หายนะอย่างใหญ่หลวง
สังคมที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ คือ ปัญหาเรื่องเพศ
และกามารมณ์ของเยาวชน หรือเยาวชนมั่วสุมเสพกาม
ความหมายของพุทธพยากรณ์ของพระพุทธองค์
ยังหมายถึง สิ่งใดที่เนื่องด้วยกามารมณ์เป็นบ่อเกิด
แก่งความอยากชองกิเลส ตัณหา หรือการหมกมุ่น
ในกามทุกอย่าง เป็นเหตุให้สังคมเสื่อมจากศีลธรรม
จริยธรรมและคุณงามความดี
          คนส่วนมากในสังคมชอบและอยากรู้ในสิ่งที่ไม่ดี
ผู้ใหญ่ควรปลูกฝังสิ่งที่ดี ๆ ต่อเยาวชน เผื่อ
ในวันข้างหน้าจะเป็นคนที่มีคุณภาพ
เป็นแบบอย่างต่อเยาวขนรุ่นหลัง ๆ สืบไป

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 3

 “ฝูงพ่อโคแม่โคพากันวิ่งตาม

เพื่อดูดนมลูกโคที่เพิ่งเกิดใหม่

เป็นเรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ต้องเอาใจลูก   

          ต้องเลี้ยงดูลูก ต้องเลี้ยงดูทางโลก
โดยปลูกฝังลูกให้ทำความดี ละความชั่ว
และทางธรรม ได้แก่ การพาลูกเข้าวัด ชักนำ
ให้ลูกสวดมนต์ก่อนนอน ทำบุญ ทำสมาธิ
หากเป็นชายให้บวช
          ข้อคิดเตือนใจ  อย่าตามใจลูกจนเกินไป ไม่เคร่ง
ในระเบียบจนเกินไป มอบความอบอุ่นให้เพียงพอ
เมื่อลูกความผิดอย่าตำหนิ ควรใชหลักเหตุผล
และฝึกให้ลูกทำงานตั้งแต่ยังเด็ก
โดยเริ่มงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 4

 “ชาวไร่ชาวนา ที่เคยใช้วัวตัวใหญ่แข็งแรง

เทียมแอกคราดไถ กลับทิ้งวัวใหญ่สีย หันไปใช้ลูกวัว

ที่ไม่เคยทำงานมาก่อนนำมาไถคราดแทน” 

เป็นเรื่องเกี่ยวกับ  ผู้นำขาดประสบการณ์

บริหารบ้านเมือง

          ข้อคิดเตือนใจ ว่า 
ประชาชนควรพิจารณา
ผู้บริหารประเทศควรพิจารณาไตร่ตรอง
ในการให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้นำประเทศ
ผู้นั้นควรมีคุณธรรม จริยธรรม
 พุทธพยากรณ์ข้อที่ 5
“ม้าตัวหนึ่งมี 2 ข้าง ฝูงชนเอาหญ้า
ไปป้อนที่ปากทั้ง 2 ข้าง มันก็กินทั้ง 2 ข้าง
ไม่มีทีท่าว่าจะอิ่ม” 
เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
การตัดสินคดีความ ขาดความยุติธรรม  
                    เงินตรานั้น เป็นสิ่งที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
ใช้แลกเปลื่ยนสิ่งที่ต้องการตามกติกาของสังคม
แต่ถ้ามีมากเกินไปก็เป็นทุกข์ กลัวเขาจะปล้น ชิง ขโมย
แต่ถ้าไม่มีหรือมีน้อยเกินไปก็ไม่เพียงพอต่อการ
แลกเปลื่ยนสิ่งต่าง ๆ เพื่อสนอง 
กิเลสตน ก็นับว่าเป็นทุกข์อีกเช่นกัน
 “เงินจะสำคัญ เมื่อจำเป็นต้องซื้อเท่านั้น”
พุทธพยากรณ์ข้อที่ 6
“ผู้คนเอาถาดทองคำไปให้สุนัขถ่ายปัสสาวะรด”
เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนชั่วเรืองอำนาจ
          “อะเสวนา จะ พาลานัง” 
ไม่ให้คบคนพาล จะนำพาสู่ความหายนะ
โลกเข้าสู่ยุคเสื่อม ขาดศีลธรรม จริยธรรม
ส่วนมากจะเห็นผิดเป็นถูก และเห็นถูกเป็นผิด
หากเหล่าคนพาลบริหารบ้านเมือง ผลตามมาคือ
ความพินาศล่มจมของบ้านเมือง
          “ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าชิดใกล้ หรือคบค้าสมาคมกับ
เหล่าคนพาล แต่ถ้าจำเป็นต้องชิดใกล้
ก็อย่าเสวนาด้วย ถ้าจำเป็นต้องเสวนาด้วยก็ให้พูดแต่น้อย 
คือพูดเฉพาะธุระสำคัญเท่านั้น..”

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 7 

ชายคนหนึ่งนั่งฟั่นเชือกอยู่บนเรือน 

แล้วหย่อนปลายเชือกลงไปใต้ถุนเรือน

ปล่อยให้สุนัขกัดกินปลายเชือกอย่างสบายใจ” 

เป็นเรื่องปัญหาครอบครัวระหว่างสามีภรรยา

          เมื่อโลกถึงยุคเสื่อมฯ สตรี จะหลงลืมหน้าที่
“ภรรยา” ไม่รู้จักงานบ้านงานเรือน ที่เป็นจารึตประเพณี
ปฏิบัติสืบต่อมา คบขู้สู่ขาย
บุรุษจะหลงลืมหน้าที่ “สามี”
ขาดหลักธรรมในการครองชีวิต
นำทรัพย์สินเงินทองไปปรนเปรอตนเอง
ด้วยสุราและนารี เมื่อต่างคนต่างคบชู้คิดนอกใจกัน
มีกิเลสเข้าครอบงำ ทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด
นำไปสู่ปัญหาสังคมในอนาคต
มนุษย์เป็นผู้สร้างและเป็นผู้ทำลาย 
หากในอนาคตต้องเจอกับปัญหาความวุ่นวายต่างๆ
จนนำไปสู่ความแตกแยก ขาดความแตกแยก
ขาดความสามัคคีไม่เข้าใจกัน เกิดปัญหาตั้งแต่
ครอบครัวไปจนถึงระดับชาติ ก็ไม่ต้องตื่นตกใจ
“เตรียมตัวให้พร้อม ยอมจำนนให้ดี”
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมนุษย์เป็นผู้ก่อ....

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 8

 “ประชาชนจำนวนมากพากันตักน้ำมาเทใส่ตุ่มใหญ่จนเต็ม

จนน้ำไหลลงพื้นดินก็ยังเทใส่อยู่ ส่วนตุ่มเล็ก ๆ

ที่เหือดแห้งวางเรียงรายอยู่มากมาย

ไม่มีใครสนใจที่จะตักน้ำเทใส่” 

เป็นเรื่องของวิกฤตสังคม

          เมื่อผู้มีอำนาจในบ้านเมืองขาดศีลธรรม
จริยธรรม บริหารบ้านเมืองกดขี่ข่มเหงประชาชน
เอารักเอาเปรียบจนทำให้เดือดร้อนไปทั่ว
ประชาชนต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ คอยตอบสนอง
นโยบายที่ผู้มีอำนาจกำหนด เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ

และสังคมอย่างใหญ่หลวง เกิดข้าวยากหมากแพง

เกิดปัญหาต่างๆ อีกมากมาย

          แต่เมื่อผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจ ได้รับความเชื่อมั่น
จากประชาชน ประชาชนจะเกิดความเชื่อมั่นและเชื่อใจ
ผู้นำที่พูดจริง ทำจริง กล้าตัดสินใจ กล้าได้กล้าเสีย
ไม่โยนความผิดหรือกล่าวโทษใคร ไม่ว่าอะไร
จะเกิดขึ้นหนักหนาสาหัสแค่ไหน ผู้นำก็สามารถ
แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
 แม้จะทำการสิ่งใด ย่อมได้รับการสนับสนุน
จากประชาชนด้วยดีอย่างแน่นอน

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 9

มีสระแห่งหนึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ  

ตรงกลางสระน้ำขุ่นข้นเป็นโคลน

ส่วนตรงขอบสระกลับใสสะอาด” 

เป็นเรื่องของ คนชั่วครองเมือง

          ผู้นำจะต้องใช้หลักการปกครอง
ทศพิธราชธรรม 10 ประการ ได้แก่ ทาน (ผู้ให้)
ศีล (ประพฤติดี) ปริจจาคะ (เสียสละ)
อาชชวะ(ซี่อสัตย์สุจริต) 
มัททวะไม่เย่อหยิ่ง) ตบะ(รู้จักระงับข่มใจ)
อักโกธะ(มีเหตุผล) 
อวิหิงสา (ไม่อาฆาตพยาบาท)
ขันติ (อดทน)
อวิโรธนะ(หนักแน่น)

          เมื่อผู้นำหรือผู้ปกครองบ้านเมืองได้แสดง

ให้ประชาชนเห็นถึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัว

และได้นำมาใช้ในทางที่ถูกที่ควร แสดงความตั้งใจ

และจริงใจในการบริหารบ้านเมือง เมื่อนั้นผู้นำ

ผู้ปกครองย่อมได้ใจของประชาชนทั้งประเทศมาครอง

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 10  

 

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 11

“คนนำแก่นจันทน์ที่มีราคาแพง 

ไปแลกกับนมเปรี้ยว และนมโค ซึ่งมีราคาเพียวน้อยนิด

เหมือนนำทองคำไปแลกกับตะกั่ว”

เป็นเรื่องของ ศาสนาเสื่อมถอย

          เมื่อโลกเข้ายุคเสื่อม มวลมนุษย์ขาดศีลธรรม
จริยธรรม แม้แต่พระสงฆ์ หรือผู้นำทางศาสนา
ก็ตกอยู่ในภาวะเดียวกัน คือจะเห็นผิดเป็นถูก 
เห็นถูกเป็นผิด โดยนำหลักธรรมคำสั่งสอน
ที่เหล่าอริยสาวกทั้งหลายได้สืบทอดต่อกันมา
ไปเป็นเครื่อง มือแสวงหาลาภสักการะแก่ตน
จากประเด็นดังกล่าว ยังหมายรวมถึงความประพฤติ
คือศีลาจารวัตรของพระภิกษุทั้งหลาย
ที่แตกต่างกันออกไป นักปราชญ์ทางด้านศาสนา 
ได้แสดงทัศนะที่น่าคิดไว้ว่า  
  “สาเหตุที่จะทำให้ศาสนาเสื่อมนั้น
 เพราะศาสนาได้มีเป็นเรื่องของเหล่ากอ
ของพระเทวทัตบางหน่อกลับชาติมาเกิด”  
จึงเป็นเหตุให้ความเห็นมีความแตกต่าง  
ผิดไปจากทำนองตลองธรรม เป็นปัจจัยหนึ่งแห่ง
ความเสื่อมด้านศาสนา....................
          ศาสนิกทุกคนมีสิทธิ์รักและหวงแหนศาสนา
ของตน และเพื่อให้ศาสนานั้นตั้งมั่นเป็นปึกแผ่น
ทุกฝ่ายควรทำหน้าที่ของคนด้วยกุศลจิต
มุ่งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่มนุษย์อย่างแท้จริง

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 12

 “กะโหลกน้ำเต้าที่เอาเนื้อในออก จนหมดแล้ว

ตากให้แห้งและเป็นของเบา กลับจมน้ำได้

เป็นที่ประหลาดใจยิ่งนัก”

เป็นเรื่องของคนดีมีคุณธรรมถูกรังแก

เมื่อโลกจะเข้าสู่ยุคเสื่อม เป็นยุคที่คนดี
มีคุณธรรมทั้งหลายไม่มีบทบาท
หรืออำนาจทางสังคม เป็นยุคเสื่อมทางสังคม
ขั้นอุกฤษฎ์ อย่างแท้จริง เพราะเมื่อคนดี
มีคุณธรรมทั้งหลายถูกบีบคั้นกลั่นแกล้ง
ด้วยวิธีการต่างๆ แล้วก็ไม่มีโอกาสบอกสอน
สิ่งที่ดีให้กับประชาชนทั่วไปได้รับรู้ในสิ่ง
ที่เป็นประโยชน์ แต่ได้รับสิ่งที่ไร้ประโยชน์
จากอำนาจหรืออิทธพลต่างๆ สิ่งที่ปรากฎ
ต่อมาก็คือ ความล่มสลายของสังคม
หลักคำสอนที่ดีงามนั้นย่อมเป็นเครื่อง
ช่วยจรรโลงสังคมให้น่าอยู่ แต่หากสังคมใด
ไม่สนับสนุน ไม่ส่งเสริม ไม่ผลักดันสิ่ง
ที่ดีงามเหล่านั้นให้อยู่คู่สังคมนั้น ก็จะต้องพบ
กับความล่มสลาย เพราะขาดเหตุปัจจัย
ที่เป็นเครื่องมือยึดเหนี่ยวจิตใจ
พุทธพยากรณ์ข้อที่ 13 
“ก้อนศิลาแห่งทึบใหญ่ขนาดเท่าเรือน
และหนักมากแทนที่จะจมน้ำกลับลอยน้ำได้
เหมือนเรือเป็นที่ประหลาดใจยิ่งนัก” 
เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ผู้นำผู้ปกครองหูเบา
          จากตำนานประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ความหายนะหรือการสูญเสีย อิสรภาพ
ของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น มีมูลเหตุหลายประการ
ไม่ว่าจะเป็นความมักใหญ่ใฝ่สูง 
แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งผลประโยชน์
ไม่ลงตัวที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ผู้นำหูเบาที่บริหาร
บ้านเมืองแบบ กาคาบข่าวมาบอก เชื่อโดย
ไม่ลืมหูลืมตาเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
ทั้งหลายกล่าวเตือนหรือให้คำปรึกษา
กลับไม่ได้รับความใส่ใจ
จนเป็นเหตุให้บ้านเมืองประเทศชาติล่มสลาย
          ผู้ปกครองที่ดี จะต้องปฏิบัติต่อประชาชน
ด้วยความเมตตา กรุณาและมีความเที่ยงธรรม
คือ ต้องตั้งอยู่ในหลักการปกครองที่เรียกว่า
ทศพิธราชธรรม และละอคติ 4 อย่าง
ได้แก่ ไม่ ลำเอียงใน
ความรัก  ความโกรธ ความกลัว ความหลง

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 14 

“ฝูงเขียดตัวเล็กๆ พากันวิ่งไล่กัด

งูเห่าตัวใหญ่จนตาย เมื่อกัดเนื้องูเห่าขาด

แล้วก็กลืนกินเข้าไป”

เป็นเรื่องของมนุษย์มีกิเลสกล้า
ตัณหาจัด มั่วกามารมณ์
          นับแต่บรรพกาลเป็นต้นมา เมื่อมนุษย์มีปรากฏ
อยู่บรรณพิภพนี้ การกิน การนอน การขับถ่าย
การสืบพันธุ์  กิจกรรม 4 อย่างนี้ ถือเป็น “สัญชาตญาณ”
อย่างหนึ่งของมนุษย์ และเป็นสิ่งที่ตกทอดกันมา
ตั้งแต่อดีต กิจกรรมทางเพศของมวลมนุษย์
หมายถึง กิจกรรมทางเพศระหว่างสามีภรรยา
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบทายาท หรือเผ่าพันธุ์ของ
มวลมนุษย์มิให้หายสาบสูญไปจากโลกเท่านั้น
          แต่ปัจจุบันกิจกรรมทางเพศได้เปลื่ยนไป
จากความหมายเดิมเป็น “ความใคร่” ในการเสพสม
หรือสมสู่เพื่อความสนุกสนานหรือหากจะเรียกว่า
ความฟุ่มเฟือยในกิจกรรมทางเพศ” และ”ติด”
ในรสกามนั้นก็คงไม่ผิด
          การสืบพันธุ์ของมนุษย์ชาติ หากเป็นไปเพื่อสืบทอด
เผ่าพันธุ์มิให้สาบสูญไปจากโลก ก็ถือเป็น
เรื่องธรรมชาติ แต่หากเป็นไปเพื่อ ความอยาก
ความใคร่ ความสนุก หรือสนองตัณหา นอกจากจะเป็นสิ่ง
ที่ผิดแปลกไปจากความหมายเดิมแล้ว ยังเป็นการ
เพิ่มกิเลส เป็นบ่อเกิดของโรค และทำให้อายุสั้น
เพราะเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น โรคเอดส์ เป็นต้น

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 1๕ 

“เห็นฝูงหงส์ทองแวดล้อมกา และยอมเคารพ

นอบน้อมต่อกาทั้งหลาย” 

เป็นเรื่องของ  คนดีมีคุณธรรม

สนับสนุน ส่งเสริมคนชั่ว

เมื่อโลกจะเข้าสู่ยุคเสื่อม เหล่านักปราชญ์
ราชบัณฑิต คนดีมีคุณธรรมที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย
รวมถึงประชาชนทั่วไป จะหลงผิด หันมาคบค้า
สมาคม สวามิภักดิ์ สนับสนุน ส่งเสริม ให้ความเคารพ
นับถือ หรือยอมเป็นบริวารของคนชั่วคนพาล ทำให้
คนชั่วคนพาล ได้บริหารจัดการทุกๆ อย่าง
 เมื่อเหล่าคนดีมีคุณธรรมทั้งหลายพากันเห็นผิด
หันไปรับใช้คนชั่วคนพาล เปรียบเหมือนฝูงหงส์ทอง
แวดล้อมกาและยอมเคารพนอบน้อมต่อกาทั้งหลาย
ไม่ต้องจินตนาการเลยว่า สังคม ประเทศชาติ
จะเป็นเช่นไร โลกคงถึงกาลอวสาน...
มีแต่ความเสื่อมถ่ายเดียว เพราะเมื่อหา
คนดีมีศีลธรรมที่จะคอยบอกสอนเกี่ยวกับ
เรื่องความดี ความถูกต้องไม่ได้ โลกก็จะเข้าสู่ยุคมืด
เหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลายจะไม่มีใครรู้จัก คำว่า
“ศีลธรรม” หรือ “ความดี” อย่างแน่นอน

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 16 

“กวางและเนื้อทั้งหลายพากันไล่ต้อนฝูงเสือที่ดุร้าย

จนเสือทั้งหลายพากันหลบเข้าไปซ่อนตัวในป่า”  

เป็นเรื่องของ คนดีมีคุณธรรม

จะหายไปจากสังคม

          เมื่อโลกจะเข้าสู่ยุคเสื่อม คนดีมีคุณธรรม
ทั้งหลาย ถูกข่มเหงรังแกด้วยอิทธิพลต่างๆ
จนได้รับความเดือนร้อน หรือถึงขั้นประหัตประหาร
ให้เสียชีวิต คนดีมีคุณธรรมที่เหลืออยู่ เพียงไม่กี่คนนั้น 
เมื่อได้รับความเดือดร้อนและถูกรังแกด้วยวิธีการต่างๆ
ก็จะปลีกตัวหนีออกจากสังคม แอบไปอยู่ตามป่าเขา
หรือถ้ำจนถึงกาลอวสานแห่งชีวิต
          เมื่อไม่มีคนดีมีคุณธรรมคอยบอกสอน
เกี่ยวกับเรื่องความดี ความถูกต้อง โลกก็จะเข้าสู่ยุคมืด
เหล่ามวลมนุษย์ก็จะไม่มีใครรู้จัก
คำว่า ศีลธรรม จริยธรรม  
เมื่อนั้น อกุศล จะเกิดมีกับมนุษย์ทุกคน
อย่างหนาแน่น 
มนุษย์จะไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
 ไม่รู้จักบุญคุณ แม้กระทั่งกามตัณหา
ก็ไม่รู้จักยับยั้งในพ่อแม่ ครูอาจารย์ เครือญาติ
หรือพี่น้องร่วมสายโลหิต และจะมีตัณหาจัด
มีความกำหนัด (ราคะ) ผิดธรรมชาติ คือ
ชายกำหนัดต่อชาย หรือหญิงกำหนัดต่อหญิง เป็นต้น
          เมื่อมวลมนุษย์มีอกุศลมากขึ้นความพยาบาท
อาฆาตต่อกัน ก็จะรุนแรงขึ้น สามารถฆ่ากันได้แม้
เพียงเล็กน้อย กล่าวคือ “จิตคิดจะฆ่า” จะมีบังเกิดกับ
มนุษย์ทุกคนทุกขณะ เลือดจะท่วมโลก และจะเป็น
กาลอวสานแห่งมวลมนุษย์ชาติ

          มีเพียงผู้มีศีลธรรม จริยธรรมไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดพ้น

ได้ไปอยู่บนชั้นพรหม เมื่อเกิดน้ำท่วมโลก

 

จากหนังสือพระพุทธเจ้าพยากรณ์

นอสตราดามุสทำนาย

เป็นเรื่องของ ประเพณี วัฒนธรรม
สิ่งดีงาม ถูกทอดทิ้ง
          ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี วัฒนธรรม
ของไทย เช่น ประเพณีพื้นบ้าน หรือ
การละเล่นต่าง ๆ กำลังถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับความสนใจ
ขาดการเอาใจใส่ ความคิดของคนยุคใหม่
พยายามปฏิเสธแนวความคิดแบบเก่า ไม่ว่าจะเป็น
ศรัทธา ความเชื่อ และพิธีกรรม
          วันเวลาแต่ละคืนวัน พ้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
มันยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปอย่างไม่แยแส
หรือหันหลังมาง้อใครทั้งสิ้น ทุกขณะที่มันล่วงเลยไป
หมายถึงความเป็นไปของโลก และโอกาสของ
แต่ละชีวิตที่เหลือน้อยลงทุกที โลกยิ่งก้าวสู่
ความเจริญมากเท่าใด ก็ยิ่งเข้าใกล้ความเสื่อ
และกาลอวสานมากเท่านั้น
          ส่วนการก่อกำเนิดขึ้นของเทคโนโลยีต่างๆ
มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่ว่าดราต้องไม่ไป
หลงติดอยู่ในกระแสของมัน (กิเลส)
จนมันเป็นนายของเราก็แล้วกัน
ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-31 17:01:30


ความคิดเห็นที่ 609 (1581342)
พุทธพยากรณ์ข้อที่ 6
 
“ผู้คนเอาถาดทองคำไปให้สุนัขถ่ายปัสสาวะรด”
 
เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนชั่วเรืองอำนาจ
       
   “อะเสวนา จะ พาลานัง” 
 
ไม่ให้คบคนพาล
จะนำพาสู่ความหายนะ
 
 
โลกเข้าสู่ยุคเสื่อม
ขาดศีลธรรม จริยธรรม
 
ส่วนมากจะเห็นผิดเป็นถูก
และเห็นถูกเป็นผิด
 
หากเหล่าคนพาลบริหารบ้านเมือง
ผลตามมาคือ
ความพินาศล่มจมของบ้านเมือง
         
 
“ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าชิดใกล้
หรือคบค้าสมาคมกับ
เหล่าคนพาล
 
 
แต่ถ้าจำเป็นต้องชิดใกล้
ก็อย่าเสวนาด้วย
 
ถ้าจำเป็นต้องเสวนาด้วย
ก็ให้พูดแต่น้อย 
คือพูดเฉพาะ
ธุระสำคัญเท่านั้น..”

9999999999999999999999999999

 

สาธุ

 

ขอน้อมรับคำสอนของ

พระพุทธองค์

เจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-10-31 18:20:23


ความคิดเห็นที่ 610 (1581467)

สาธุ 

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนา จันทร์อ่อน (pouging1-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 11:15:55


ความคิดเห็นที่ 611 (1581475)

สาธุ...ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 12:00:32


ความคิดเห็นที่ 612 (1581476)

 ขอกราบพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ท่านดตาจินิน

องค์เทพสฟิงค์

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิด

อ.อุบล หนูชื่อนางอาจินต์ ภิรมย์รักษ์ ขออนุญาตร่วมลงชื่อ

ขอรู้ความลับของจักรวาลด้วยคนและขออนุญาติเพื่อบอกต่อกับสมาชิกในครอบครัวอีก 4ชีวิตดังมีรายนามดังต่อไปนี้เจ้าค่ะ

2.นายอภิชัย ภิรมย์รักษ์ สามี

3.นายณภัทร ภิรมย์รักษ์ บุตรชาย

4.นายอาชวินท์ ภิรมย์รักษ์ และ

5.ด.ญ. กฤตยวรรณ ภิรมย์รักษ์

 

ขอกราบขอบพระคุณอ.อุบลมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาจินต์ ภิรมย์รักษ์ (arjin-at-ait-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 12:17:56


ความคิดเห็นที่ 613 (1581483)

ขอบคุณอาจารย์แม่อุบลที่คอยบอกคอยเตือนลูกบ้านสวนทุกคนให้รับรู้ภัยพิบัติลูกชุตกาญจน์คนนี้จะคอยรับรู้รับฟังในสิ่งที่อาจารน์แม่อุบลแม่อุบลเตือนทุกอย่างและจะเป็นคนดีถือศิล 5 ทำความดีทุกวันรักและเคารพอาจารย์เสมอ สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชุติกาญจน์ โนวรรณา (chutikan-no-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 12:52:13


ความคิดเห็นที่ 614 (1581509)

กราบขอบคุณอาจารย์แม่ค่ะ  

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 14:41:12


ความคิดเห็นที่ 615 (1581541)

โมทนากับบทความเตือนสติของท่านอ.อุบล

และทุกๆท่านค่ะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฐิติมา พฤกษ์อำนวย (pranaijai-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 17:50:54


ความคิดเห็นที่ 616 (1581562)

 ขอกราบอนุโมทนาบุญ กับธรรมทานของอ.อุบลและคุณศภุรัฐ ด้วยค่ะ  

ที่ได้รับรู้เรืื่องราวในอนาคตที่จะได้พบเจอ  เป็นบุญจริง ๆ ค่ะ

ขอให้ทุกคนร่วมคิดดี ทำดี พูดดี ทุกขณะจิต

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ศรีวิภรณ์ ลิ่มอรุณ (nee9889-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-01 21:39:51


ความคิดเห็นที่ 617 (1581716)

 ลูกขออนุญาตคัดลอก ธรรมคำเตือน ต่างๆเก็บไว้ในโน๊ตบุคตัวเอง เพื่อเก็บไว้อ่านเตือนสติ  เเละเพื่อเผยเเพร่ธรรมทานกับเพื่อนเเละ ญาติพี่น้อง ด้วยการเล่าเรื่องตนเอง รหัสศักดิ์สิทธิ์ และคำเตือนเพื่อการเตรียมตัวรับภัยพิบัตินะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-02 15:20:44


ความคิดเห็นที่ 618 (1581785)

  

จากกระทู้ที่ 610  มีข้อมูลไม่ครบถ้วน

จึงมาลงในกระทู้นี้

พุทธพยากรณ์ข้อที่ 10  
“ข้าวที่คนหุงในหม้อใบเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน
คือมีข้าวแฉะ ข้าวดิบ ข้าวสุก และข้าวไหม้”
เป็นเรื่อง ประเพณี วัฒนธรรม
สิ่งดีงาม ถูกทอดทิ้ง
 
          ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี วัฒนธรรม
ของไทย เช่น ประเพณีพื้นบ้าน หรือ การละเล่นต่าง ๆ
กำลังถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับความสนใจ
ขาดการเอาใจใส่ ความคิดของคนยุคใหม่
พยายามปฏิเสธแนวความคิดแบบเก่า
ไม่ว่าจะเป็น ศรัทธา ความเชื่อ และพิธีกรรม
          วันเวลาแต่ละคืนวัน พ้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
มันยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปอย่างไม่แยแส
หรือหันหลังมาง้อใครทั้งสิ้น
ทุกขณะที่มันล่วงเลยไป
หมายถึงความเป็นไปของโลก และโอกาสของ
แต่ละชีวิตที่เหลือน้อยลงทุกที โลกยิ่งก้าว
สู่ความเจริญมากเท่าใด ก็ยิ่งเข้าใกล้ความเสื่อม
และกาลอวสานมากเท่านั้น
          ส่วนการก่อกำเนิดขึ้นของเทคโนโลยีต่างๆ
มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่ว่าเราต้อง
ไม่ไปหลงติดอยู่ในกระแสของมัน (กิเลส)
จนมันเป็นนายของเราก็แล้วกัน
ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-02 23:33:24


ความคิดเห็นที่ 619 (1581877)

กราบขอบพระคุณ พระพุทธองค์ที่ทรงประทาน ความรู้ความเข้าใจในทุกๆเรื่องให้แก่เวนัยสัตว์ ทั้งการทํานาย เหตุการล่วงหน้าให้ชาวโลกได้รู้เป็นเวลา หลายพันปีแ้ล้ว กราบพระบาทเจ้าค่ะ และอนุโมทนา บุญกับคุณศุภรัฐด้วย ที่เขียนธรรมทานเผยแพร่ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี (aon_aunsri-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-03 11:05:12


ความคิดเห็นที่ 620 (1581889)

 

คนส่วนมากจะคอยแต่กล่าวโทษคนอื่นตั้งแต่รัฐบาลยันเทวดาฟ้าดิน

เอาแค่คนที่หนีน้ำขึ้นไปทางเหนือ ไปปฎิบัติธรรมใส่ชุดขาวแท้ๆยังกล่าวโทษว่าเพราะคนทางภาคเหนือตัดต้นไม้ทำลายป่าแล้วอยู่สุขสบาย ปล่อยให้คนกรุงเทพลำบากต้องโดนน้ำท่วม

พูดอย่างงี้ก็สวยสิ ฮิ ฮิ

ถ้าไม่มีคนสั่งซื้อแล้วจะมีใครตัดเนาะพี่น้องเอ๋ย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-03 12:23:30


ความคิดเห็นที่ 621 (1581916)
image

เรื่องภาพของจักรวาลที่เข้ามาในโทรศัพท์มือถือของลูกนี้ถือว่าเป็นการเปิดเผยความลับของจักรวาลหรือยังค๊ะ

เพราะลูกยังโง่ยังมองไม่ออก คิดเพียงแต่ว่าท่านมาสื่อให้เลิกเล่น-ทำหวยอย่างเดียว

อยากให้คนที่ดูภาพจักรวาลออก ช่วยเฉลยให้หน่อยค๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร (varinthon_bla-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-03 14:49:19


ความคิดเห็นที่ 622 (1581989)

กราบเท้าท่านอาจารย์ อ.อุบลที่อดทน

พิมพ์ธรรมทานดี ๆ ให้ลูก ๆ ได้รับรู้

ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยเพราะทราบ

 ดีว่าท่านอาจารย์มีงานเร่งด่วนเยอะมาก

ขออนุโมทนาบุญรวมทั้งลูกบ้านสวน ฯ

ทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ...

พี่หมอวัฒขา คนนุ่งขาวปฏิบัติธรรม

ที่ว่าน่ะเขาโทษชาวเมืองเหนือตัดไม้

ทำให้น้ำท่วมกรุง  อีกหน่อย

พอหน้าแล้งเขาต้องโทษว่าคนปักษ์ใต้

ตัวดำไม่พอ  ใจดำด้วยเพราะกักน้ำไว้ใช้

เต็มทะเลเลยค่ะ ไม่แบ่งใครเลยใช่มั๊ยคะพี่

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-03 21:28:36


ความคิดเห็นที่ 623 (1582327)

น้องเกสรคะ ตอนนี้ชาวบ้านที่ชลบุรีกำลังโทษว่าเป็นเพราะคนกรุงเทพ ฯ กักตุนอาหารมากจนน้ำก็ขาดแคลนแล้วราคาข้าวของก็แพงตาม แล้วอีกหน่อยก็คงเป็นลูกโซ่ไปถึงภาคใต้แน่ๆ บ้านหมอที่กรุงเทพน้ำก็รุกคืบคลานเข้าไปในตัวบ้านเรื่อยๆแล้ว เซ็งจริงๆเลย

เมื่อวานฟังหมอดูคนหนึ่งพูดว่าหลังจากน้ำลดแล้ว จะมีไฟใหม้ครั้งใหญ่เกิดตามมมาอีก เหมือนที่อาจารย์อุบลเคยพูดไว้เลย น่ากลัวจริงๆ

แล้วเขาว่าต้องย้ายเมืองหลวงไปที่เพชรบุรี ต่างจากที่อาจารย์ดร.อาจองเคยพูดไว้ว่าควรจะไปที่ โคราช ซึ่งดูน่าจะเป็นไปใด้มากกว่า

ฟังแล้วเครียดนะ หน้าที่ของเราก็คงต้องช่วยตัวเองโดยเร่งทำในสิ่งที่อาจารย์อุบลแนะนำให้ใด้

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-06 11:21:14


ความคิดเห็นที่ 624 (1582399)

คุณพี่หมอคนสวย  ปักษ์ใต้

ท่าน อ.อุบลเตือนมาติด ๆ

เรื่มกระทบกระเทือนบ้างแล้วค่ะ

กราบขอบพระคุณเบื้องบนที่ให้

โอกาสพี่ -น้อง บ้านสวนพีระมิด

มาเจอกัน และได้พบกับครอบครัว

ท่านอาจารย์ อ.อุบล พอมีเวลาเตรียม

เสบียงบุญไว้ ไม่งั้นเมื่อถึงเวลา

ไม่มีความดีไปรายงาน

เสด็จท่านพ่อพระยายมราช

ตอนที่ท่านอาจารย์บอกเหตุการณ์ล่วงหน้า

เป็น ปี เดือน วัน พยายามไม่ประมาท

เมื่อมาถึงจริง ๆ ก็ใจหายเหมือนกันค่ะ

ชื่นใจทุกครั้งเมื่อรู้ว่าน้องชายยังตัดหญ้า

อยู่บ้านสวนพีระมิด  คิดถึงคุณพี่หมอ

หรือใคร ๆ ก็เปิดคลิปแต่ละค่าย

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

               สาธุ....

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เกสร ศรประสิทธิ์ (andabatik-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-06 22:34:06


ความคิดเห็นที่ 625 (1582458)

น้องเบญท่านคงมาเตือน

ให้น้องเบญเลิกอบายมุก

นะซิจ๊ะ

ไม่มีใครได้รับความเมตตา

จากเบื้องบนทุกคนหรอกนะ

นับว่าน้องเบญโชคดีมากๆแล้ว

ภาพที่เห็นก็หน้ามนุษย์

ต่างดาว

ไม่ใช่จะเห็นกันได้ง่ายๆ

นะน้องนะ

ท่านเมตตาเตือนแล้ว

เลิกยังจ๊ะ อิอิ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-07 12:03:50


ความคิดเห็นที่ 626 (1582461)

 

คนส่วนมากจะคอยแต่กล่าวโทษคนอื่น

ตั้งแต่รัฐบาลยันเทวดาฟ้าดิน

"""""""""""""""""""""""""""""

เห็นด้วยกับคุณหมอ มาก ๆ คะ

ที่ประเทศเราแย่ โลกเราแย่ อยู่ทุกวันนี้

เพราะส่วนใหญ่ ชอบโทษคนอื่น

 

ถ้าทุกคนมองแต่ตัวเอง

โทษแต่ตัวเอง แล้วแก้ไขตัวเอง

เหมือนในสังคมบ้านสวนฯ

ทุกที่คงจะมีแต่ความสุขนะคะ

........................................

อนุโมทนากับพี่เบญด้วยคะ

หนูก็มองไม่ออกเหมือนกัน แต่..

คิดว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่สุดยอดอีกเรื่องนึงเลยคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-07 12:30:24


ความคิดเห็นที่ 627 (1582595)

ขออนุโมทนาที่คุณศุภรัฐนำธรรมทานดีๆ มาให้อ่าน

ปัญหาก็คงจะมีแต่คนกลุ่มเล็กๆไม่มากที่มารับทราบพระพุทธวัจนะที่ สอนให้เราเร่งทำความดีเพื่อหนีภัยพิบัติ

ผู้แสดงความคิดเห็น วัฒนา ชัยจำรูญพันธุ์ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-08 13:49:02


ความคิดเห็นที่ 628 (1582616)

 

ภาพที่เห็นก็หน้ามนุษย์

ต่างดาว

ไม่ใช่จะเห็นกันได้ง่ายๆ

นะน้องนะ

 


คุณอ๊อดเก่งจังค่ะ ไอ้เราก็เพ่งอยู่นานยังไม่รู้รูปอะไร

แต่พอมองตามที่คุณอ๊อดบอก ก็อ๋อ....จริงๆด้วยหน้ามนุษย์ต่างดาว

อิอิ...เคยเห็นในหนังน่ะค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ บุตรมนต์ (opensirio-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-08 18:18:52


ความคิดเห็นที่ 629 (1582709)

กราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในบ้านสวนพีระมิด

ท่านอาจารย์อุบล แลครอบครัว

ลูกนางสาวสุกันยา  จรพินิจ

ขออนุญาตอ่านข้อความเผยความลับจากท่านอาจารย์อุบลค่ะ

ขอพระคคุณในความเมตตาที่ทำให้ลูกได้เปิดมาเจอข้อความนี้ และได้อ่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุกันยา จรพินิจ (g-dot-greengreen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-09 12:59:06


ความคิดเห็นที่ 630 (1582718)

อแตแลนติสจมหายไปใหน

ผู้แสดงความคิดเห็น สุกันยา จรพินิจ (g-dot-greengreen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-09 14:55:37


ความคิดเห็นที่ 631 (1582720)


เนื่องด้วย พระเถระองค์นึง ชื่อ พระมาลัยเถระ ชื่ออาจจะซ้ำกับ พระโพธิสัตว์บ้างองค์ หรือ ซ้ำกับพระองค์อื่นๆ ท่านได้เสด็จไปบนสวรรค์ อ่านแล้วอย่าคิดมากนะครับ เป็นเรื่องเล่าต่อมาอีกทีนึง

พระศรีอาริยเมตไตยเสด็จ

อนึ่งเทพบุตรที่เป็นหัวหน้านั้นก็รูปร่างลออตาหาผู้ใดในสามโลกธาตรีมิมีเทียบเทียมได้

รัศมีแห่งวรกายของพระองค์นั้นสว่างไสวไพโรจน์โชติช่วงเป็นยิ่งนักดัง จักกลบรัศมีแห่งเทพยดาเทพนารีทั้งมวล ให้อับแสง แลสว่างไปทั่วทั้งพิภพดาวดึงสา

เหล่าเทพยดาที่มาก่อนๆหน้าพากันอับรัศมีมิอาจจะแข่งบารมีได้ดั่งหิ่งห้อยอับ แสงไม่อาจแข่งรัศมีแห่งแสงจันทรา แต่รัศมีแห่งเทพบุตรองค์นี้มิอาจพรรณนาได้ด้วยว่าสว่างไสวมากกว่านับหมื่นนับแสนเท่า

ฝ่ายพระมาลัยเถระแลท้าวสักกบดีครั้นเมื่อเห็นขบวนของเทพบุตรองค์นี้เสด็จมา สมเด็จอัมรินทราธิราชจึงเสวนาการกับพระมาลัยว่า " ดูกรพระเถระ ขบวนที่ กำลังมานั่นคือขบวนของพระบรมโพธิสัตว์

เทพบุตรที่อยู่ตรงกลางรัศมีสว่างไสวไพบูลย์กว่าเทพยดาใดๆคือพระศรีอาริยเมตไตยหน่อพุทธางกูรในอนาคต บรรดา เหล่าเทพบุตรเทพธิดาที่นำหน้าทรงพัสตราอาภรณ์แลเครื่องประดับตลอดจนรัศมีสรีรกายก็ล้วนเป็นสีขาว

ด้วยเหตุว่าเขาทั้งหลายในชาติก่อนนั้นครั้นถึงวันอุโบสถก็ พากันนุ่งผ้าขาวห่มผ้าขาว สมาทานศีลแปดอย่างเคร่งครัด

ครั้นเวลาทำบุญนั้นวัตถุทานก็ทำด้วยข้าวของสีขาวอันสะอาดตาด้วยว่าใจรักในสีขาวนี้ ส่วนที่มีสีอื่นๆก็ กระทำดุจเดียวกันครั้นเมื่อถึงกาลกิริยาก็ได้มาบังเกิดเป็นบริวารของพระศรีอาริยเตไตย ในสวรรค์ชั้นดุสิต ขอรับพระคุณเจ้า "

ขณะที่พระมาลัยจะไต่ถามพระอินทร์ต่อก็พอดีกับพระศรีอาริยเตไตยได้พาขบวนเทพบริษัทมาถึงลานพระเจดีย์กระทำ ประทักษิณสิ้นสามรอบแล้วเข้าไปถวาย เครื่องสักการบูชานมัสการกราบไหว้เป็นปฐมก่อน แล้วจึงถอยออกมาเพื่อให้เหล่าเทพยดาบริวารพากันเข้าไปนมัสการบ้างตามลำดับ

ก็พลันทอดพระเนตรเห็นพระ มาลัยแลท้าวสักกบดีที่ประทับอยู่ตรงมุมพระเจดีย์จึงเสด็จเข้าไปหาเพื่อนมัสการ

ครั้นนมัสการแล้วจึงประทับนั่ง ในฉับพลันอัศจรรย์ก็บังเกิดมีสุวรรณบัลลังก์ปรากฏขึ้นมารองรับในทันที สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตยจึงมีปฏิสันถารกับพระมาลัย

 

ว่า " ดูกรพระคุณเจ้า พระคุณเจ้ามาจากที่ใดขอรับ " พระมาลัยวิสัชนาว่า " ดูกรมหาบพิตร อาตมามาจากชมพูทวีป " เมื่อทราบว่าพระเถระมาจากชมพูทวีปจึงดี พระทัย รับสั่งถามข่าวคราวของมนุษย์ทั้งหลายว่า " ดูกรพระคุณเจ้า ชมพูทวีปขณะนี้พวกมนุษย์พากันทำมาหากินอย่างไรกันบ้างขอรับพระคุณเจ้า "

พระมาลัยจึงวิสัชนาว่า " บางพวกก็ค้าขาย บางพวกก็เข็ญใจไร้ทรัพย์ บางพวกก็ทำการเกษตรกสิกรรม บางพวกก็ทำการประมงหาเลี้ยงชีพที่สุขสบายก็มี ที่เดือด ร้อนทุกข์เข็ญก็มากโข มหาบพิตร " สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตยจึงมีปุจฉาต่อว่า " ดูกรพระคุณเจ้า แล้วส่วนมากพวกเขาทำบุญทำทานการกุศลกันบ้างหรือไม่ หรือ จักทำแต่เรื่องบาปหยาบช้า ขอรับพระคุณเจ้า"

พระมาลัยจึงวิสัชนาว่า " ดูกรมหาบพิตร พวกที่ทำบุญทานการกุศลนั้นมีน้อย ส่วนคนถ่อยบาปหยาบช้ากลับมีมากนับไม่ถ้วน "

ลำดับนั้นสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตยใคร่จักทราบถึงวิธีการทำบุญของเหล่าชาวชมพูทวีปจึงขอให้พระมาลัยวิสัชนา พระมาลัยจึงกล่าวว่า

 

" มนุษย์บางพวกก็ให้ ทานรักษาศีล บางพวกก็จัดให้มีพระธรรมเทศนาพร้อมกับป่าวประกาศให้ชาวประชามารับฟัง บ้างก็สร้างวัดวาอารามศาลากุฎี บ้างก็สร้างสถูปเจดีย์แลพระพุทธรูป ไว้ในพระศาสนา บ้างก็ถวาย

 

เสนาสนะคิลานเภสัชแด่พระภิกษุสงฆ์ บ้างก็มีเจตจำนงถวายภัตตาหารบิณฑบาตตลอดจนสบงจีวรแด่พระภิกษุ บ้างก็เป็นบุตรกตัญญู เลี้ยงดูบำรุงบิดามารดา บ้างก็สร้างพระคัมภีร์ไตรปิฎก สุดแท้แต่กำลังแห่งทรัพย์แลปัญญาของตน มหาบพิตร "

เมื่อสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตยได้ทราบถึงวิธีการทำบุญกุศลของชาวชมพูทวีปแล้วพระองค์จึงถามถึงมโนปนิธานในการทำบุญนั้นว่าหวังผลในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ หรือนิพพานสมบัติ

 

พระมาลัยตอบว่า " ดูกรมหาบพิตร อันมนุษย์ทั้งหลายที่หมายทำบุญกุศลด้วยมิได้หวังผลในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ หรือ นิพพานสมบัติแต่อย่างใดกลับมุ่งหมายให้ได้เกิดทันศาสนาของพระองค์ทั้งนั้นเป็นส่วนใหญ่ ที่หมายใจเป็นอย่างอื่นกลับมีน้อยเป็นอย่าง "

เมื่อพระศรีอาริยเมตไตยทรงสดับเช่นนั้นก็มีพระดำรัสตรัสฝากพระมาลัยไว้ว่า "ถ้าพวกเขาเหล่านั้นอยากเกิดทันศาสนาของข้าพระองค์ ก็จงอุตส่าห์ฟังธรรมมหา เวสสันดรชาดกให้จบทั้งหมดในวันเดียว แล้วบูชาด้วยธูปเทียน ดอกไม้อย่างละพันฉัตร

 

อันประกอบด้วยดอกบัวหลวง ดอกบัวเขียว ดอกบัวขาว ดอกสามหาวอย่าง ละพัน ถ้าทำได้ดังนั้นก็จะพบกับศาสนาของข้าพระองค์

เมื่อข้าพระองค์ไปตรัสรู้ผู้นั้นได้ฟังพระธรรมเทสนาก็จะได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัทภิทา

 

ส่วนคนบาปหยาบช้าหนาหนัก เช่นกระทำปิตุฆาต มาตุฆาต ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้า แลทำสังฆเภทให้หมู่สงฆ์เกิดการแตกแยกแตกความคิดไม่สามัคคี ทำลายพระเจดีย์แลพระพุทธรูป ตลอดจนคนที่ตระหนี่ถี่ เหนียวไม่รู้จักทำบุญให้ทาน ไม่รู้กาลเทศว่าบาปบุญคุณโทษ ดำรงตนอยู่ในความประมาท

คนพวกนี้มิได้มีโอกาสพบศาสนาของข้าพระองค์เป็นแน่แท้ "

เมื่อพระมาลัยได้ฟังดังนั้นก็กำหนดจดจำไว้ในใจเพื่อว่าจะได้นำไปเทศนาสั่งสอนชาวประชาทั้งหลายให้ได้ปฏิบัติ แต่ยังมีข้อข้องขัดในใจจึงปุจฉาไปดังนี้ "

 

ดูกรมหาบพิตร เมื่อชนทั้งหลายได้รู้ข้อวัตรปฏิบัติอันจะทำให้ได้ไปบังเกิดกำเนิดทันพระศาสนาของพระองค์แล้วไซร้ อาตมาภาพใคร่ขอความกระจ่างว่าเมื่อใดที่ พระองค์จะไปตั้งพระศาสนาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อกาลเวลาใดเล่า มหาบพิตร "

ผู้แสดงความคิดเห็น สุกันยา จรพินิจ (g-dot-greengreen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-09 15:15:48


ความคิดเห็นที่ 632 (1582722)
สิ้นพระศาสนาเข้าสู่กลียุค



เมื่อพระศรีอริยเมตไตยได้ฟังปุจฉาของพระมาลัยเถระถามถึงเรื่องการจะมาตรัสรู้ของพระองค์ในอนาคตกาลข้างหน้า

 

จึงมีพระวิสัชนาดำรัสตรัสว่า

อีกไม่นานดอกพระคุณเจ้า เมื่อครบถ้วนห้าพันปีสิ้นศาสนาของพระพุทธโคดมแล้ว

 

ครั้งนั้นพวกสัตว์ทั้งหลายจะหน้ามืดตามัวประพฤติชั่วไม่รู้จักทำบุญกุศลสุจริต

 

มีแต่จะคิดกระทำกรรมอันบาปหนาหยาบช้า ขาดหิริโอตตัปปะมิรู้จักละอายต่อ บาปกรรม

แม่กับลูกจะอยู่กินด้วยกันเป็นสามีภรรยา

พี่สาวกับน้องชาย พี่ชายกับน้องสาว พี่ป้าน้าอาลุงหลานก็จะสมสู่อยู่กินกันเป็นสามีภรรยามิรู้ว่าลูกเขาเมียใคร

 

 เมา มัวในกามา ใจบาปหยาบช้าเต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง

 

ประพฤติชั่วนานานัปการอันล่วงละเมิดศีลห้า ด้วยว่ามิมีผู้ใดจะดำรงทรงจำไว้ได้พระ สัจธรรมเสื่อมหาย พระสงฆ์ทั้งหลายคนก็มิรู้จัก ด้วยมักละเมิดพระวินัยบัญญัติตัดนั่นเติมนี่ในที่สุดก็มีความประพฤติดังเช่นฆราวาสผู้ครองเรือน

 

ผ้าเหลืองแปดเปื้อน เป็นมลทินจึงเปลื้องออก ครั้นเมื่อมีกิจทางศาสนาจึงนำมาห่มคลุมเพื่อหากิน

ในที่สุดก็ลืมสื้นในวิธีการครองผ้าจึงฉีกบางส่วนออกมามัดไว้ที่คอ ข้อมือเพื่อหมายให้รู้ว่ามีอาชีพเป็นนักบวช

 

ครั้นนานเข้าก็ขาดเปื่อยไปสิ้นคิดขี้เกียจสรรหามา ใหม่ในที่สุดแล้วไซร้ก็หมดซึ่งสีของผ้ากาสาวพัสตร์

 

ความชั่วกำเริบหนักหนาอายุของสรรพสัตว์ก็จะลดน้อยถอยลงตราบจนเหลือ ๑๐ ปี เด็กเกิดมาได้เพียง ๕ ปี ก็มี ระดูแต่งงานได้ อาหารทั้งหลายจะถอยถดหมดลงไป

ข้างฝ่ายเทพยดาพากันเอ็นดูหมู่สัตว์มีวิบากทั้งหลายก็จำแลงแปลงกายเป็นคนเสียสติบ้านุ่งผ้าแดงร้องบอกแก่สรรพสัตว์กลางตลาดร้านถิ่นว่าจักเกิดมิคสัญญีว่าวัน นั้นคืนนั้นจะมีการเข่นฆ่ากัน

 

โดยบอกก่อนล่วงหน้าเป็นเวลา ๗ วัน ผู้ใดมีคุณธรรมแลสติปัญญาก็พากันจดจำหลีกหนีไปเสียได้เพียงแต่เล็กน้อย เข้าไปคอยอาศัยอยู่ ในถ้ำภูผากลางป่าเขา

 

เหลือแต่เหล่าพวกหยาบช้าพากันไม่เชื่อถือในคำพูดของเทพยดาก็พากันเยาะเย้ยถากถางเข้ารุมกระทำอันตรายหมายจะเข่นฆ่า

 

เทพยดาเจ้าก็เร้น กายหายวับกลับวิมานอันเป็นสถานที่อยู่แห่งตน

ครั้นเมื่อถึงวันกำหนดคนทั้งหลายพากันหิวกระหายออกหากินเป็นปกติวิสัย ครั้นเห็นหน้ากันไซร้ก็เข้าใจว่าเป็นเนื้อเป็นปลา จับอะไรได้เป็นต้นว่าท่อนไม้ผุก็กลับ กลายเป็นหอก

 

ดาบอาวุธศาสตรา เข้าทำการเข่นฆ่าไล่ทิ่มแทงกันจนล้มตายเป็นอันมากเหลือจะประมาณได้กลายเป็นมิคสัญญีกลียุควุ่นวายเป็นหนักหนาจนเข่นฆ่ากัน หมดสิ้น

ข้างฝ่ายพวกที่มีสติปัญญาวิชาความรู้ซ้อนเร้นอยู่ตามเถื่อนถ้ำเงื้อมผาป่าดงลึกสุด ครั้นเมื่อมนุษย์บ้าดีเดือดทั้งหลายฆ่าฟันกันจนหมดสิ้น ก็พากันออกจากที่ซ่อน กำบัง ครั้นมาพบกันเข้าก็ดีใจเหลือกำลังสวมกอดกันเข้าว่าเรานี้หนายังมีสหายรอดตายเหลืออยู่ ต่างก็พากันปรึกษาหารือกันว่า


อันความฉิบหายที่เกิดแก่พวกเราในครั้งนี้ก็เพราะมีความประมาทพลาดพลั้งในกรรมดี มีแต่ก่อบาปหยาบช้าเป็นส่วนใหญ่

 

แต่นี้ต่อไปในเบื้องหน้าพวกเราจง อุตส่าห์กระทำแต่กรรมดีมีศีลธรรมเว้นจากการฆ่าสัตว์ ประหัตประหารกัน เว้นเสียจากการลักขโมยฉ้อฉลหลอกลวงกัน เว้นเสียจากการผิดลูกผิดเมียไม่มัวเมาในกาเม มิจฉาจารปราศจากการพูดเท็จ งดเว้นจาการพูดคำหยาบช้า ไม่พูดจาส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ เว้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเห็นที่ผิดจากธรรมนอง คลองธรรม เมื่อคนมีสติปัญญาปรึกษากันแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญบุญกุศลมีให้ทานรักษาศีลเป็นต้น

ครั้นคนเหล่านี้มีลูกหลานสืบสายตระกูล ลูกก็จะอายุยืนได้ ๓ ปี มีหลานหลานก็อายุยืนขึ้นเป็น ๕ ปี จะเจริญไปดังนี้เป็นลำดับ ตราบเท่าอายุมนุษย์เจริญได้ถึง อสงไขยหนึ่งความแก่แลความตายไม่ปรากฏให้เห็นซึ่งหน้า ครานี้มนุษย์ก็จะมีความประมาทไม่ตั้งมั่นในความดี อายุของเขาเหล่านี้ก็จะเสื่อมถอยลงมาเป็นลำดับดังนี้ เหลือเพียงแปดหมื่นปีครานี้ก็จักเข้าสู่ยุคของข้าพระองค์ ขอรับพระคุณเจ้า "

ผู้แสดงความคิดเห็น สุกันยา จรพินิจ (g-dot-greengreen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-09 15:21:27


ความคิดเห็นที่ 633 (1582723)
ยุคพระศรีอารีย์



เมื่อสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ตรัสถึงกลียุคจนถึงมนุษย์อายุเสื่อมถอยน้อยลงมาถึงแปดหมื่นปีแล้วจึงตรัสต่อว่า

 

ครั้นเมื่ออายุมนุษย์ลดน้อยถอยลงได้แปดหมื่นปีตอนนั้นจักมีฝนตกทุกๆ ๑๕ วัน แลส่วนมากนั้นจักตกแต่เพลาใกล้รุ่ง

 

ทำให้มนุษย์มีความชุ่มชื่นใจพื้นดินกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ แม่น้ำลำคลองมีกระแสน้ำไหลขึ้นข้าง หนึ่งไหลลงข้างหนึ่ง เต็มเปี่ยมเพียบฝั่งไม่มีพร่อง ไม่มีล้นเป็นอยู่อย่างนี้เสมอ ดอกไม้นานาพรรณผลิดอกออกช่อบานสะพรั่งตลอดกาล

บ้านเรือนจะปลูกอยู่ใกล้ๆกันพอไก่บินถึง ปราศจากโจรผู้ร้าย บริบูรณ์ไปด้วยน้ำแลข้าวปลาอาหาร ผัวเมียจะไม่รู้จักวิวาทกัน ผู้ชายไม่ต้องทำไร่นาค้าขาย ผู้หญิงก็ ไม่ต้องทอหูกปั่นฝ้าย ผ้านุ่งผ้าใช้ล้วนแต่เป็นของทิพย์ อำมาตย์ข้าราชการตั้งมั่นอยู่ในความสุจริตธรรม ไม่เบียดเบียนอาณาประชาราษฎร์ให้เดือดร้อน

 

พระมหากษัตริย์จะไม่มีความกริ้วโกรธถือโทษลงพระราชอาญา มีน้ำพระทัยรักใคร่กรุณาแก่ประชาชนทวยราษฎร์

บรรดาสรรพสัตว์ที่เป็นศัตรูกันทั้งหลายเช่นกากับนกเค้า แมวกับหนู งูกับพังพอน หมีกับไม้สะคร้อ ทั้งหมดก็จะแผ่เผื่อเมตตาจิตต่อกันเลิกเป็นคู่เวรคูกรรมต่อกัน สรรพสัตว์อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เครื่องใช้ไม้สอยมีอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง แผ่นดินใหญ่กว้างล้วนราบเรียบเป็นหน้ากลอง ไม่มีหลักตอเสี้ยนหนาม คนทั้งหลายรูป งามเหมือนกันหมด ไม่มีคนใบ้บ้า คนหูหนวกตาบอดง่อยเปลี้ยเสียขาพิกลพิการก็ไม่มีแต่อย่างใด ทุกคนปราศจากโรคภัยเบียดเบียน เห็นกันเข้าก็มีแต่รักใคร่ไมตรีอันดี ต่อกันหาศัตรูหรือรู้จักโกรธให้กันก็ไม่มี

 

ในครั้งนี้บุรุษจะมีภรรยารักคนเดียว สตรีก็จะมีสามีคนเดียวกลมเกลียวรักใคร่ปองดองกัน ไม่มีการล่วงประเวณี แลคนในยุคนี้ มีแต่ความผาสุขสมบูรณ์มากไม่ต้องลำบากในการหากิน เพียงตั้งภาชนะปิดฝาเอาไว้ครั้นอยากกินสิ่งไรเปิดภาชนะก็ได้กินสิ่งนั้น

ครั้นว่าบริโภคโภชนากระยาหารอิ่มหนำสำราญแล้วอาหารนั้นก็อันตรธานหายไปไม่ต้องเก็บต้องล้าง ข้าวของทุกอย่างใช้สอยแต่เครื่องทิพย์ มีกิจอยู่แต่นั่งกับนอนฟังเสียงอันเป็นทิพย์ไพเราะนักหนาอันเกิดจากเวลาลมพัดต้องหมู่ไม้ใบพฤกษาก็สั่นไหว เป็นเสียงทิพยดนตรีมีความไพเราะเป็นหนักหนา ทุกคนถ้วนหน้ามีสมบัติเหมือนกันหมด ปราศจากกำพร้าอนาถา ปราศจากคนชราหรือเข็ญใจไร้ทรัพย์สมบัติ อันเหตุวิวาทแก่งแย่งชิงเอาบ้านเรือนไร่นาของกันและกันนั้นไม่มีเลย แลยุคนั้นนี้มีพืชข้าวกล้าเพียงเม็ดเดียว หากตกลงเหนือพื้นแผ่นดินแล้วก็งอกขึ้นเป็นต้นเป็นลำเป็นปล้องเป็นหน่อ แลเป็นกอใหญ่ๆออกไปได้หลายร้อยเท่าพันทวี ทั้งหมดเป็นดังนี้ก็เพราะข้าพระองค์ได้สร้างสมบุญบารมีเอาไว้มาก

ในศาสนาของข้าพระองค์ไม่มีคนบ้า คนใบ้ ด้วยเหตุที่ข้าพระองค์ไม่เคยพูดเท็จหลอกลวงใครๆ ไม่มีคนตาบอดเพราะข้าพระองค์มองสมณะ ผู้มีศีลแลยาจกวนิพกเข็ญใจด้วยนัยน์ตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักใคร่สงสาร ไม่มีคนง่อยเปลี้ยเสียขาเพราะเวลาทำบุญทานข้าพระองค์ยืนตรงเสมอ ไม่มีคนเจ็บไข้ได้ป่วยไร้โรคาพยาธิ์ก็เพราะข้าพระองค์ถวายยาเป็นทานอยู่เสมอเนืองนิจ ไม่มีมารผจญเพราะข้าพระองค์ไม่เคยทำให้คนหรือสัตว์นั้นตกใจ ในศาสนาของข้าพระองค์ไม่มีใครขี้ริ้วขี้เหร่ มีแต่คนรูปงามเพราะยามข้าพระองค์ให้ทานให้แต่ของอันเป็นที่รักแก่ยาจกวนิพกตลอดจนสมณพราหมณ์เสมอ

ในศาสนาของข้าพระองค์ทุกคนได้ไปสวรรค์ทุกคนเพราะข้าพระองค์ให้ช้างม้าราชรถยวดยานพาหนะเป็นทาน ในศาสนาของข้าพระองค์นั้นแผ่นดินราบเรียบเสมอกันหมดเพราะข้าพระองค์แผ่เมตตาจิตไปยังสรรพสัตว์เสมอ คนในศาสนาของข้าพระองค์มั่นคงสมบูรณ์ด้วยทัพย์สินโภคาเพราะเหตุว่าข้าพระองค์ให้ทานแก่ผู้ยากไร้เข็ญใจด้วยทรัพย์สิ่งของเงินทองตามที่ เขาปรารถนาอยู่เนืองนิตย์โดยทั่วถึง

ข้าแต่พระคุณเจ้า ข้าพระองค์บำเพ็ญบารมีมาช้านานถึง ๑๖ อสงไขยแสนกัป บารมี ๓๐ ทัศนั้นก็ได้บำเพ็ญมาอย่างพร้อมมูลแล้ว ข้าพระองค์จะลงไปเกิดในโลกมนุษย์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเพื่อโปรดสัตว์ทั้งหลาย โดยจะเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาลอันบริบูรณ์ด้วยสมบัติ พระบิดานั้นทรงพระนามว่า สุพรหมพราหมณ์

เป็นปุโรหิตของพระเจ้าสังขจักรพรรดิราช พระมารดานั้นทรงพระนามว่า เหมวดีพราหมณี พระอัครสาวกเบื้องขวามีนามว่า พระอโสกเถระ พระอัครสาวกเบื้องซ้ายมีนามว่า พระสุพรหมเถระ พระอัครสาวิกาเบื้องขวามีนามว่า พระปทุมาเถรี พระอัครสาวิกาเบื้องซ้ายมีนามว่า พระสุมนาเถรี อุบาสกพุทธอุปัฏฐากมีนามว่า สุทัตตคหบดีคนหนึ่ง แลนามว่า สังฆหบดีคนหนึ่ง อุบาสิกาพุทธอุปัฏฐากมีนามว่า ยสปวดีอุบาสิกาคนหนึ่ง แลนามว่า สังฆอุบาสิกาคนหนึ่ง

มีไม้กากะทิงเป็นไม้ที่ตรัสรู้ ขนาดลำต้นจากพื้นไปถึงคาคบ ๑๒๐ ศอก จากคาคบไปถึงยอด ๑๒๐ ศอก รวมจากพื้นถึงยอดปลายสุด ๒๔๐ ศอก ไม้นี้มีกิ่งใหญ่ ๔ กิ่งทอดออกไปในทิศทั้ง ๔ มีความยาวกิ่งละ ๑๒๐ ศอก มีดอกเท่ากงล้อรถแต่ละดอกมีเกสรได้ทันานหนึ่ง มีกลิ่นหอมฟุ้งขจรไปไกลถึง ๕๐๐ โยชน์

ตอนที่ข้าพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้นมีพระวรกายสูงได้ ๘๘ ศอก จากพื้นพระบาทถึงพระชานุ ๒๒ ศอก จากพระชานุถึงพระนาภี ๒๒ ศอก จากพระนาภีถึงพระรากขวัญ ๒๒ ศอก จากพระรากขวัญถึงพระอุณหิส ๒๒ ศอก พระชนมายุได้แปดหมื่นปีจึงปรินิพพาน ศาสนาของข้าพระองค์นั้นยืนยาวได้ ๘,๐๐๐ ปีจึงหมดสิ้นขอรับพระคุณเจ้า"

กาลที่พระศรีอาริยเมตไตยจะลงมาโปรดสัตว์



เมื่อพระมาลัยเถระได้สดับคำวิสัชนาของพระมหาโพธิสัตว์ตรัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ในยุคสมัยของพระองค์แล้วก็ มีใจสงสัยด้วยว่ายังไม่กำหนดกาลเวลาว่าจะลงมาโปรดสัตว์เมื่อใด จึงปุจฉาไปดังนี้ว่า ดูกรมหาบพิตร อาตมภาพได้สดับตามที่พระองค์ทรงเล่ามายังกำหนดไม่ได้ว่าพระองค์จะลงไปโปรดมนุษย์เมื่อใด

สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตยจึงตอบไปดังนี้ว่า " ดูกรพระคุณเจ้า ก็ตอนที่ข้าวสาลีเม็ดเดียวบังเกิดเป็นข้าวสารร้อยเจ็ดสิบเม็ด จุเต็มสองเล่มเกวียนกับสิบหกสัดใหญ่ ๆ เท่ากับสองกระบุงเมื่อใด ก็เมื่อนั้นแลพระคุณเจ้าที่ข้าพระองค์จะลงไปเกิดในโลกมนุษย์ โดยครั้งแรกจะเป็นมนุษย์ธรรมดาก่อน

กระทำสัตตสดกมหาทานบริจาคลูกเมียเป็นทานเหมือนพระเวสสันดรก่อน แล้วจะกลับขึ้นมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตสิ้นระยะหนึ่ง จนถึงเมื่อสัตว์ทั้งหลายมีอายุไขยน้อยลงไปจากอสงไขยเหลือเพียงแปดหมื่นปี ชมพูทวีปนี้กลับบริบูรณ์มีเม็ดข้าวสาลีเพียงเม็ดเดียวแต่ให้ผลมากมายดังก่อน ก็ตอนนั้นแลข้าพระองค์จะลงไปบังเกิดในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดยเหล่าเทพยดาในหมื่นจักรวาลมีท้าวมหาพรหมเป็น ประธานมาอัญเชิญให้ไปจุติ

***การกระทำสัตตสดกมหาทาน คือการบริจาคสิ่งของเป็นทานเจ็ดอย่าง อย่างละ ๗๐๐ มี

๑. ช้าง ๗๐๐ ตัว ๒. ม้าอาชาไนย ๗๐๐ ตัว ๓. โคนม ๗๐๐ ตัว ๔. ทาสหญิง ๗๐๐ คน ๕. ทาสชาย ๗๐๐ คน ๖. ราชรถ ๗๐๐ คัน ๗. นางสนม(หญิงผู้ดีมีสกุล) ๗๐๐ นาง

อ่านว่า สัต-ตะ-สะ-ดก-มะ-หา-ทาน มาจากคำว่า สัตตะที่แปลว่า เจ็ด สดก มาจากคำว่า สตกะ ที่แปลว่า ๑๐๐ อีกคำหนึ่งอ่านว่า ปิ-ยะ-ปุต-ตะ-ทา-ระ-ทาน ปิยะแปลว่า ผู้เป็นที่รัก ปุตตะ แปลว่า ลูก ทาระ แปลว่าเมีย***

เมื่อข้าพระองค์นี้ได้สดับรับฟังคำอัญเชิญของเทพยดาทั้งหลาย ก็จะใช้ทิพยญาณเล็งเห็นโลกด้วยเหตุห้าประการ คือ กาลอันเหมาะสม ๑ ประเทศที่เหมาะสม ๑ ทวีที่เหมาะสม ๑ ตระกูลมารดาที่เหมาะสม ๑ แลสัตว์ทั้งหลายอีก ๑ ตามเยี่ยงอย่างพระบรมโพธิสัตว์แต่ก่อนมาพิจารณาตามธรรมเนียมประเพณีก่อนที่จะมาจุติ ด้วยที่พิจารณาดูกาลอายุสัตว์ในครั้งนั้นว่าไม่มากกว่าแสนปีขึ้นไป ไม่น้อยกว่าร้อยปีลงมา เพราะถ้าสัตว์มีอายุมากกว่าแสนปี ก็ความแก่ความตายนี้จะไม่ค่อยบังเกิด ปรากฏให้เห็น สรรพสัตว์ฟังพระธรรมเทศนาแล้วไม่เห็นว่าสังขารเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแต่อย่างใดก็จะไม่เชื่อถือในพระสัจธรรม มรรคผลก็จะไม่บังเกิดขึ้น พระธรรมเทศนาก็จะไร้ประโยชน์

อีกประการหนึ่งถ้าสัตว์อายุน้อยกว่าร้อยปีลงมาก็หาเป็นการสมควรที่พระพุทธเจ้าจะลงไปตรัสรู้ไม่ เพราะสรรพสัตว์ทั้งหลายพวกนี้ยังมีกิเลสหนากล้านักจักรับ โอวาทเพียงต่อหน้าลับหลังมาก็จะพากันละทิ้งเสียไม่ผิดอะไรกับขีดรอยในน้ำก็จะกลับคืนดังเก่า ดังนั้นเล่ากาลที่เหมาะสมสำหรับการไปตรัสรู้จึงอยู่ในระหว่างแสนปี ลงมาและมากกว่าร้อยปีขึ้นไป

ประการที่สองก็คือพิจารณาทวีปใหญ่ทั้งสี่มีทวีปน้อยสองพันเป็นบริวารนั้นก็เห็นว่าโดยพุทธประเพณีอันพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะมีพระประสูติกาลทุกพระองค์ นั้นจะไปบังเกิดในชมพูทวีปแห่งเดียวอันเป็นมัชฌิมประเทศที่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอสีติมหาสาวก พระเจ้าจักรพรรดิราช แลชนผู้มีบุญญาธิการ มากมักลงมาเกิดเป็นส่วนมาก

ประการที่สามพิจารณาประเทศอันเป็นสถานที่กำเนิด ในครั้งนั้นกรุงพาราณสีจะมีชื่อนครว่ามัณฑารนคร กว้างใหญ่ได้สิบสองโยชน์พวกมนุษย์ถอยถดอายุ จากอสงไขยด้วยความประมาทเหลือเพียงแปดหมื่นปี แลกรุงมัณฑารนี้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เกตุมบดีนคร จักบริบูรณ์สถาพรด้วยวัตถุสิ่งของทั้งปวง จึงควรที่จะบังเกิดในกรุงเกตุมบดีนครนี้

ประการที่สี่พิจารณาถึงตระกูลอันสมควรตามประเพณีที่สมเด็จพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไปบังเกิดในตระกูลอันชาวโลกนับถือ คือตระกูลกษัตริย์ ตระกูลพราหมณ์ตามที่เคยมีมา ก็ตอนนั้นแลถือกันว่าตระกูลพราหมณ์ประเสริฐเลิศที่สุด จึงสมควรที่จะลงไปบังเกิดในตระกูลพราหมณ์ซึ่งเป็นปุโรหิตผู้ใหญ่ของพระเจ้าสังขจักร

ประการที่ห้าสุดท้ายพิจารณาว่าผู้ใดควรจะเป็นพุทธบิดาพุทธมารดาที่บำเพ็ญบารมีนับเนื่องกัน ก็รู้ว่าสุพรหมพราหมณ์นั้นควรเป็นพุทธมารดา นางเหมวดี พราหมณีควรที่จะเป็นพุทธมารดา ขอรับพระคุณเจ้า ส่วนนางอนุลาเทวีเป็นคู่สร้างบารมีของข้าพระองค์จะได้เป็นอัครมเหสีมีนามว่า นางจันทมุขี โอรสคือเจ้าสาลี พระโอรสแห่งพระเจ้าอภัยทุฏฐคามินีสร้างบารมีร่วมกันมาจะได้เป็นโอรสมีนามว่า พรหมวดีกุมาร

กาลที่ข้าพระองค์จะออกผนวชนั้นจะมีเทวฑูตสำแดงบุพนิมิต ๔ ประการ คือคนแก่ คนเจ็บ คนตาย แลนักบวช ปราสาทที่อยู่ของข้าพระองค์จักลอยไปกลางอากาศ เมื่อข้าพระองค์ผนวชแล้วบำเพ็ญเพียรประมาณเจ็ดวันตกวันที่เจ็ดจะไปนั่งที่ควงไม้กากะทิงแล้วได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อโปรดสัตว์ ขอรับพระคุณเจ้า "

ครั้นพระบรมโพธิสัตว์ตรัสมาถึงตรงนี้ก็มีพระราชดำรัสอันเป็นปัจฉิมสมัยว่า " ข้าแต่พระคุณเจ้า ครั้นเมื่อกลับไปยังโลกมนุษย์แล้วจงบอกแก่ชาวชมพูทวีปด้วยว่า อย่าได้สร้างเวรทั้งห้า คืออย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อย่าคิดหรือลักขโมยข้าวของเงินทอง อย่าล่วงหรือปองผิดประเวณีลูกเมียผู้อื่น อย่าได้ฝืนกล่าวลวงโป้ปดมดเท็จ อย่าได้ เสพสุราเมรัย ให้สมาทานในพระอุโบสถศีล ละเว้นอนันตริยกรรมทั้งห้าประการ ให้หมั่นสร้างกุศลผลทานแล้วจะได้พบพานศาสนาของข้าดังประสงค์ ขอพระคุณ เจ้าจงสั่งสอนเขาดังนี้ตามที่ข้าพระองค์บอกเอาไว้เถิด ขอรับพระคุณเจ้า "

ครั้นเมื่อสั่งเสร็จองค์สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ก็นมัสการลาพระเถระ ลุกขึ้นกระทำอภิวาทประทักษิณพระเจดีจุฬามณีเจดีย์แล้วเสด็จกลับพร้อมด้วยเหล่าบริวาร เหาะลอยผ่านท้องฟ้าขึ้นสู่นภากาศตรงไปยังดุสิตพิภพอันเป็นที่อยู่ของพระองค์ ส่วนพระมาลัยก็ถวายพระพรลาพระอินทราธิราช ถวายอภิวาทนมัสการ พระเจดีย์จุฬามณีกระทำประทักษิณสิ้นสามรอบแล้วจึงกลับลงมาสู่โลกมนุษย์ดังเดิม

ครั้นเมื่อวันต่อมาเวลาพระเถระออกโปรดสัตว์รับบิณฑบาตชาวบ้านกัมโพชคามตามปกติ ก็สั่งสอนชาวบุรีทั้งหลายตามที่ได้รับมอบหมายมาจาก พระศรีอาริยเมตไตย ฝ่ายมหาชนทั้งหลายครั้รได้ฟังคำบอกเล่าของพระเถระก็ตั้งหน้ามุ่งมั่นในการทำบุญกุศลมากขึ้นเป็นทวีคูณ ครั้นสิ้นบุญก็ได้ไปกำเนิดในสวรรค์โดยทั่วกันแล

ผู้แสดงความคิดเห็น สุกันยา จรพินิจ (g-dot-greengreen-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-09 15:23:51


ความคิดเห็นที่ 634 (1582725)

อนุโมทนากับธรรมทานขอคุณสุกันยาด้วยค่ะ มีข้อสงสัยอยู่ว่า 1000 ฉัตร คือเท่าไรคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ถนอมขวัญ ขวัญชื่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-09 15:30:58


ความคิดเห็นที่ 635 (1582727)

ท่านเมตตาเตือนแล้ว

เลิกยังจ๊ะ อิอิ

@@@@@@@@@

เลิกแล้วค่ะ หนูเลิกเล่นหวยแล้วค่ะ พี่อ๊อดคนสวยและทุก ๆคน

~~~~~~~~~

พอกลับมาจากบ้านสวนก็แจ้งเจ้ามือเจ้ามือตกใจ ถามว่าไปดูหมอที่ไหนมาเหรอก็บอกไปตามตรงว่าไปทำบุญที่บ้านสวนพีระมิดมา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มาสื่อแบบนี้....เจ้ามือบอกว่าถ้าจะเลิกให้ค่อย ๆ เลิกทีละคนเดี๋ยวจะเก็บเงินไม่ได้สำหรับคนที่ยังติดอยู่จึงบอกว่าถ้าสิ่งศักดิ์มาสื่อแล้วต้องเลิกเดี๋ยวนั้นต้องทำทันทีอย่างที่อ.อบุล บอกว่าถ้าจะทำความดีต้องทำทันทีทำเดี๋ยวนั้น

%%%%%%%%%

ตั้งแต่ไปสะสมบุญที่บ้านสวน

มีครั้งนี้แหละที่ได้สัมผัสกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ชัดเจนมากและหลายครั้ง

ทำให้รู้ว่าการทำงานที่บ้านสวนต้องทำแบบตั้งใจและเต็มใจทุกอย่างเพื่อแบ่งเบางานให้อ.อุบล สบายใจที่สุด อ.อุบลเป็นแบบอย่างที่สุดยอดของความดี พวกเราไม่สามารถที่จะสื่อสารจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ในเรื่องยาก ๆ แต่เรามีอ.อุบลเป็นสื่อให้เราได้รู้ได้เห็น 

ในโลกนี้ไม่มีใครที่จะสามารถสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เท่าอ.อุบลของพวกเราชาวลูกบ้านสวนฯ อีกแล้ว หนูจะรักและเทิดทูล อ.อุบล ไว้เหนือหัวตลอดไป

เดี๋ยวนี้เวลานอนก็จะกำหนดลมหายใจเข้า"อ.อุบล"หายใจออก "ช่วยด้วย" จนกว่าจะหลับไป

ขอกราบพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ องค์เทพสฟิ้งซ์ ท่านดตาจินิน มนุษย์ต่างดาวอ.อุบล-อ.มงคล ศุภาเดชาภรณ์ และเทพพรหมเทวดาทุก ๆ พระองค์ ที่มีเมตตาต่อลูก ขอกราบขอบพระคุณค่ะ สาธุ ๆ ๆ 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร (varinthon_bla-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-09 15:55:54


ความคิดเห็นที่ 636 (1582824)

อนุโมทนากับคุณพี่เบญด้วยนะคะ

ที่มุ่งมั่นและทำความดี

ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง

 

การทำบุญที่บ้่านสวนฯ

ถ้าทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ

และทำอย่างเต็มที่

ผู้ทำก็จะสามารถสัมผัสพลังบุญ

อันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างชัดเจนเช่นนี้...แล

สาธุ สาธุ ค่ะ 

......................................................

อนุโมทนากับธรรมทานจาก

คุณ สุกันยา และ คุณพี่ ศุภรัฐ ด้วยค่ะ

เข้ามาอ่านแบบสแกนๆอย่างรวดเร็วก่อน

เดี๋ยวจะหาโอกาสมาอ่าน

แบบใช้เวลาพิจารณาอีกที...จ๊า 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 06:22:37


ความคิดเห็นที่ 637 (1582874)

ขอบคุณค่ะคุณชนิดา  และอยากบอกอีกคือการทำบุญที่บ้านสวนเป็นการทำบุญด้วยแรงกายที่มีความสุขมาก ๆ

คือเราจะไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้สึกท้อเลย พี่ไปอยู่ตั้ง9+1 วัน กลับไม่มีความรู้สึกคิดถึงบ้านเพราะเรามีความสุขใช่ไหม อย่างเช่นวันที่ช่วยคุณดอกไม้ขนขยะไปทิ้งมีหนอนทั้งตัวเล็กตัวใหญ่กลับไม่รู้สึกขยะแขยง คิดดูแล้วกันขยะ 2 คันรถ แต่ถ้าลองเป็นหนอนนอกบ้านสวนซิ คงวิ่งหนีไฟแลบแน่ ๆ 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร (varinthon_bla-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-10 14:18:24


ความคิดเห็นที่ 638 (1583066)

                  ขออนุโมทนากับธรรมทานของคุณสุกันยา  จรพินิจ

                   และกระทู้ที่ ๕๘๑-๕๘๗ ของคุณชนิดาที่น่าสนใจ

 ----------------------------------

   การที่คนธรรมดา

 เห็นหมายเลข 11.11

เหมือนกับ คำใบ้

   เเละ การติดต่อสื่อสารจากพระเจ้า

  หรือ เทพเทวานั้นเอง
หรือ การเรียกร้องความสนใจ

ให้เราได้รับรู้ว่า

ถึงเวลาที่เราต้องติดต่อ

กับจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์เเล้วนั้นเอง
เเล้วหมายเลขนี้ คือ อะไร?
หมายเลขนี้ไม่ว่าจะเห็นที่ใด

ไม่ว่าจะเป็นเวลาในนาฬิกา,

ปฏิทิน และ สิ่งรอบๆตัว
หมายเลข 11 คือ

หมายถึง การรวมกันเป็นหนึ่ง

เป็น สัญลักษณ์ เเห่ง เเสงสว่าง

ตัวเเทนของ เทพเจ้า

หรือ พระเจ้านั้นเอง
ดังนั้น ผู้ใดก็ตาม

ที่เห็น หมายเลขดังกล่าว

อยู่เป็นประจำ หมายความว่า
ร่างกายของท่านกำลังปรับสภาวะ

คืนสู่ ความบริสุทธิ์เเห่งจิตวิญญาณ
หรือ ที่เรียกว่า ปรับสภาวะ DNA

เตรียมเข้าสู่ยุคเเห่งโลกใหม่

เชื่อมโยงตนเองเข้าสู่

จุดเดียวกับพระเจ้า
ผู้ใดก็ตามที่เห็นหมายเลข

11.11, 1111, 1234, 22.22

เเละเลขเรียงกันเหล่านี้
หมายความว่า ถึงเวลา

ที่คุณกำลังจะรู้จักตัวตนที่เเท้จริง

ของตนเองเสียที
นอกจากนี้ หมายเลข 1

เมื่อเทียบกับตัวอักษรโบราณ

อ่านว่า isa แปลว่า "อดทน"
ดังนั้นคนบางคนไม่ต้อง

เเปลกใจว่าทำไมถึงเห็น

หมายเลข 11.11 อยู่บ่อยครั้ง

เมื่อคุณกำลังท้อใจ

และ ต้องการกำลังใจ

เผอิญตัวเองพบเจอหมายเลขเหล่านั้นเป็นประจำ

   ๑.  เดิมบ้านเลขที่ ๑ ต่อมา กทม.มาเปลื่ยนให้เป็นหมายเลข ๑๑

         ๒.  เรียนหนังสือส่วนใหญ่จะเรียนอยู่ ในรุ่นที่ ๑ และ ๑๑

   ๓.  ไปทำงานต่างจังหวัด เลขที่ของห้องพัก ก็ลงท้ายด้วยเลข ๑๑

         ๔.  เกิดวันที่ ๒๒  ใช้เลขที่ ๒๒ เป็นเลขรหัสผ่าน ของ อีเมล์

  ๕. ใช้ เลข ๑ ๒ ๓ ๔ หรือ ๔ ๓ ๒ ๑  เป็นรหัสที่ใช้ตั้งค่าต่างๆ ของธนาคาร

                           ก็คงจะจริงเมื่อก่อนทำงานเกิดความท้อบ่อยๆ

                          ต้องการกำลังใจ แต่ก็ต้องใช้กำลังใจของตัวเอง

                         ขณะนี้ไม่ได้ทำงานแล้ว  ก็คงต้องการกำลัง

                         หรือร่างกายกำลัง  ปรับสถาพคืนสู่ความบริสุทธิ์

                                      แห่งจิตวิญญาณ หรือที่เรียกว่า

                                                                               ปรับสภาวะ DNA

                                       เตรียมเข้าสู่ยุคแห่งโลกใหม่ 

                                 ก็ต้องขอบคุณชนิดาที่นำข้อมูล

                                        มาเผยแพร่ให้ทราบ 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-11 16:04:36


ความคิดเห็นที่ 639 (1583072)

 ขอนำเรื่องราวที่เป็นประโยชน์

เรื่องของ ด.ช.ปลาบู่ พูดถึงภัยพิบัติ

และ พระศรีอริยเมตไตรย์ค่ะ

ขอคัดลอกข้อความนี้เพื่อเผยแพร่

ตามเจตนารมย์ของผู้จัดทำค่ะ

ดูแล้วอย่างร้องไห้นะคะ.. 

**********************************************

สารคดีตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ 

และแจ้งเตือนมหาภัยพิบัติ

ที่จะเกิดกับประเทศไทย

และโลกในอนาคตอันไกล้

ผ่านเด็กชายระลึกชาติได้ ชื่อ "ปลาบู่"

ซึ่งอาจช่วยเหลือชีวิต

และทรัพย์สินของท่านและบุคคลที่ท่านรัก...

              

              

วิดีโอสารคดีตอนที่ 1-2 

ตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์

"ผ่านเด็กชายระลึกชาติได้ชื่อ"ปลาบู่"

     

ปลาบู่ เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด

 รูปร่างหน้าตาดี ใครเห็นใครก็รัก

 ตอนอายุได้ประมาณ 3-4 ขวบ 

เริ่มระลึกชาติได้ มีตาทิพย์ หูทิพย์

สามารถพูดได้หลายภาษา

โดยไม่ได้ร่ำเรียน

จากตำราหรือครูอาจารย์ที่ไหนเลย

              

ปลาบู่บอกว่า สมัยพุทธกาล

ตนเองชื่อ " อชิตะภิกษุ " 

ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ว่า

จะได้เป็น 

"พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย" ในอนาคต          

              

สาเหตุที่มาเกิดเพราะต้องการ

ให้พ่อเป็น "สื่อ" ให้มีการ

แก้ไขปัญหาเรื่องเขื่อนพัง

จากแรงแผ่นดินไหวและอื่น ๆ 

ในปีที่ 38 หลังจากตนเองเสียชีวิต 

(ตรงกับ พ.ศ.2555) 

จะมาเกิดอีกครั้งเป็นลูกของ..-..


จะมาช่วยเสริมสร้างพระพุทธศาสนา

และมนุษย์ในยุคนั้น

 สัญญากับบิดาไว้ว่า

ให้จำปานไว้ให้ดี 

พอตัวโตเท่านี้จะบวชเป็นสามเณร

และจะมาหาพ่อในชาติหน้าพร้อมกับแม่ใหม่ 

(ปลาบู่เสียชีวิตตอนอายุได้ 5 ขวบ 8 เดือน 15 วัน) 

         

จุดประสงค์เพื่อเพื่อให้ข้อมูลที่สำคัญ

 แก่สำหรับผู้ที่รอคอยและติดตาม 

การลงมาจุติของ

พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์

และทีมงานของท่าน 

เพื่อช่วยเสริมสร้างพระศาสนา

และมนุษย์โลกในยุคมหาภัยพิบัติ 

และจะเป็นชาติสุดท้ายที่สำคัญที่สุด

 ก่อนจะไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5

 ในภัทรกัปป์ นี้... 


 พร้อมทั้งแจ้งเตือนภัยพิบัติ

ที่ปลาบู่ได้บอกพ่อไว้หลาย ๆ เหตุการณ์

 เพื่อให้เพื่อนมนุษย์ 

พุทธศาสนิกชน และประชาชนชาวไทย

ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท !!


เนื้อหาบางส่วน


Ø ชีวประวัติของเด็กชายสุทัศน์ คำสี หรือ “ปลาบู่”  เสียชีวิตตอนอายุ 5 ขวบ 8 เดือนกับอีก 15 วัน เมื่อ 37 ปีมาแล้ว ซึ่งมาเกิดใหม่ในชาติสำคัญเป็น “พระยาธรรมิกราชจักรพรรดิ” เพื่อช่วยพระศาสนาและมนุษย์โลกในกึ่งพุทธกาล

Ø ชีวประวัติคุณตาทองใบ คำสี พระโพธิสัตว์ผู้ถูกวางหน้าที่เอาไว้ เพื่อทำหน้าที่เป็น “ผู้เชื่อมโยง” และ”พยานบุคคล” ระหว่างอดีตชาติและปัจจุบันชาติของพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ ว่าท่านเป็นใคร? การเตรียมการก่อสร้างสถานที่สวนศรีมหาโพธิ์และวัดบนเขาลับแล ในการรองรับพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ และพระมหาเถระโพธิสัตว์ พร้อมทั้งเป็น”ทูต” ในการแจ้งเตือนและเตรียมการรับมือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

Ø เรื่องราวของพระศรีอาริยเมตไตรยในอดีตชาติต่าง ๆ

Ø เรื่องราวของภัยพิบัติของประเทศไทยและของโลกในอนาคต

Ø เรื่องราวสงครามโลกครั้งที่สามหรือสงครามนิวเคลียร์ ว่าใครรบกับใคร? ผลของสงครามเป็นอย่างไร? ประเทศไทยได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากสงครามครั้งนี้

Ø เรื่องราวของประเทศไทยในอนาคต

Ø เรื่องราวของพระพุทธศาสนาในอนาคต

Ø เรื่องราวของพระผู้มาทำหน้าที่ “พระมหาเถระโพธิสัตว์”ผู้มาอุปถัมป์  ”พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์” ในการช่วยเหลือมนุษย์โลกและเสริมสร้างพระศาสนาให้เจริญถึง 5,000 ปี ตามพุทธพยากรณ์ ฯลฯ 

             

สามารถเข้าชมได้ที่  

http://www.youtube.com/mahasurasinghanat  


(ไม่สงวนลิขสิทธิ์ กรุณานำไปเผยแพร่เป็นธรรมทาน)

ขออนุโมทนาบุญและเป็นกำลังใจ

ให้กับทีมงานเขากะลาทุกท่าน

ที่ตรากตรำ อดทน ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ 

เพื่อแจ้งเตือนและเตรียมการ

ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยุคมหาภัยพิบัติ

ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันไกล้นี้ ตามพุทธพยากรณ์...  

              

เมื่อถึงเวลานั้น "คนไทย" 

จะเข้าใจในสิ่งที่พวกท่านทั้งหลาย

เพียรพยายามทำมาตลอด...

ว่าทำไมถึงต้องทำและทำเพื่อใคร?

 

ที่มา  http://ufokaokala.com/index.php?topic=4744.0

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-11 17:24:27


ความคิดเห็นที่ 640 (1583096)

ขออนุโมทนาค่ะน้องตุ้ย ขอบคุณมากๆนะจ๊ะที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปัน

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ บุตรมนต์ (opensirio-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-11 21:19:57


ความคิดเห็นที่ 641 (1583238)

โมทนาสาธุด้วยจ๊ะน้องตุ้ย

กับธรรมทานนี้จ๊ะ

ไม่อยากเชื่ิอเลยว่าผ่านมาตั้ง 37 ปีแล้ว

 

และมาตรงกับบ้านสวน

ที่พึงจะพูดไปเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-12 21:44:06


ความคิดเห็นที่ 642 (1583373)

         อนูโมทนากับธรรมทานของคุณศิริพร  ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้

ดูเหมือนว้าคุณยุทธนา ได้ลงในกระทู้ที่ 439

แต่เป็นจดหมายของ ลุงทองใบ  คำสี

--------------------------- 

กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ท่านอาจารย์อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านสวน

กระผมขออนุญาตนำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระศรีอาริยเมตไตรมาลงในเว็บดังนี้ ข้อความดังต่อไปนี้ได้นำมาจากเว็บบอร์ดพลังจิตที่โพสโดยคุณ Little Raccoon ที่นำมาจากบทความ OKNATION ของคุณทองใบ คำสี อีกต่อดังนี้

 

 

 

 

 

บ้านเลขที่ 234/2 หมู่ 1 บ้านตามูล
ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว
จังหวัดจันทบุรี 2 2 1 8 0
 

วันที่ 28 กันยายน 2554


สวัสดีครับ ผู้ที่รักผืนแผ่นดินไทย ทุกท่าน

กระผมชื่อนายทอง ใบคำสี เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2481 อายุ 73 ปี เป็นชาวอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี กระผมมีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน บุตรชายของผมคนเดียวชื่อ “ปลาบู่” ซึ่งได้เสียชีวิตมาแล้ว 37 ปี ตอนเขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน
ก่อนตายบุตรชาย บอกกับผมว่า อีก 15 วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ และให้ผมไปซื้อเทปมาบันทึกเสียงเขา แต่ผมไม่ได้ทำตาม เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะตายจริง ๆ
กระผมได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอนที่บุตรชายได้เล่าเมื่อ วันที่ 23-25 มิถุนายน พ.ศ.2517 เป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว เรื่องสำคัญ ๆ ที่เขาเล่าคือ เรื่องอดีตชาติของเขา และบุคคลสำคัญ ๆ เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต เรื่องราวในอนาคตของประเทศไทย เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 เรื่องดวงอาทิตย์ โลก จักรวาล ธาตุ เหล็กไหล มีความเป็นมาอย่างไร เรื่องขุมทรัพย์ในแผ่นดินที่พระแม่ธรณีเก็บเอาไว้หลาย ๆ แห่ง ฯลฯ
รวมถึงต้องการให้พ่อเป็น"ทูต" หรือ "สื่อ"ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว การวางท่อใหญ่ ๆ เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเลเพราะน้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอดลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ไหลเร็วขึ้น (ปัจจุบันเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว)
ในเรื่องอดีตชาติของเขา เขาบอกว่า หนูระลึกชาติได้จริง ๆ เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้มั้ย ตาเป็นทิพย์ หูเป็นทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูรณ์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ “อชิตะ” ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น “พระศรีอาริยเมตไตรย” ไง ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้
เคยเกิดเป็นพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตหลายพระองค์จนถึงพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์คือ สมเด็จพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเจ้าหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ตายแล้วเกิดเป็นหนู ตามหาพ่อมาเกิด อยากให้พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว "แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด" เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตาก (เขื่อนภูมิพล) จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก จะได้พังไม่มาก จากหนักจะได้เป็นเบา
"หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตากนครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"
เขาถามผมว่า " รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ?" " รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?" (ปี พ.ศ.2517 ยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน) ใต้กรุงเทพฯ- ธนบุรีไม่มีลูกรัง-หิน มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ คนโบราณก่อสร้างเมืองไม่ต้องตอกเสาเข็ม เอาซุงมาทำแพบก จึงทำได้มั่นคงแข็งแรง
แม่น้ำเจ้าพระยาถูกขุดลอกให้ลึก ๆ เป็นอันตรายมาก ๆ เพราะทรายทับถมตมเลนเหลือบางมาก ๆ ทำให้ตมเลนปูดทะลักขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมาก ๆ จมดินยังไม่พอ เพราะเสาเข็มยังจมยังไม่ถึงดินดาน รถไฟยังวิ่งสะเทือนเขย่าเม็ดทรายที่หุ้มเสาเข็ม ทำให้เสาเข็มทรุดตัว
หนูอยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ ดักทรายเป็นระยะเพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึก ๆ ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลนน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ
ตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมาก ๆ การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนคร เป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก เหมือนเมื่อก่อน ครั้งนาน ๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด !!
เขียนถึงตรงนี้เด็กอายุเพียง 5 ขวบ 8 เดือน 15วัน บ่นว่า เขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ ๆ เพื่อเอาน้ำออกสู่ทะเล ไม่มีท่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน แต่ถ้ามีการวางท่อใหญ่ ๆ จากตัวเขื่อนลงสู่ทะเลเลย น้ำก็จะระบายลงท่อไปสู่ทะเล ไม่ท่วมบ้านเรือนและแผ่นดินที่อยู่ข้างบน น้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาว
ปลาบู่ถามผมว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง "ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.)
กระผมได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอน ตามเรื่องที่ปลาบู่เล่าเป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กระผมอายุ 73 ปีแล้ว เป็นห่วงประเทศชาติ เชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถึง
ปลาบู่บอกว่า พ่อครับที่ดินแปลงนี้ยกให้หนูนะ (ที่สวนศรีมหาโพธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ได้ปลูกต้นโพธิ์ตามที่ลูกชายขอไว้กว่า 200 ต้น เป็นเวลา 36 ปีแล้ว) และให้ทำถนนให้รอบเหมือนกับสนามหลวง ให้ปลูกต้นโพธิ์ให้ด้วย หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง.. ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี.. หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้งเป็นลูกของ...... ตัวโตเท่านี้จะบวชเณร ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด “สุทัศน์เทพไพฑูรย์” (สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่ จะมาทำปาฏิหารย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ลูกชายบอกว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่น ๆ ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะเสียหายเพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม) จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในปีที่ 40 หลังจากเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ. 2557)
ที่สวนศรีมหาโพธิ์จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา (ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ) บนเขาลับแล(โครงการจัดตั้งฯ วัดป่าร่มโพธิ์ศรีฯ) จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้างโน่นสร้างนี่จนสร้างไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งในปัจจุบันผมได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้งสองที่ และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว
กระผมขอวิงวอนรัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาเรื่องการนำรางรถไฟที่ไม่ใช้แล้วเพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ (ซึ่งปัจจุบันวางกอง ๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ) นำไปเสริมตัวเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการเขียนจดหมายของกระผมในครั้งนี้ และท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงในด้านธรณีวิทยาทำให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งโลก การป้องกันเตรียมการไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา

ขอแสดงความนับถือ

ทองใบ คำสี




ป.ล. มีพยานหลักฐานทั้ง พยานบุคคล และสถานที่ (อ.สอยดาว จ.จันทบุรี)

ยินดีต้อนรับท่านที่สนใจทุกเวลา เพื่อเป็นการอุทิศตนให้เป็นประโยชน์ต่อ

เพื่อนมนุษย์ พี่น้องชาวไทย ประเทศชาติ และพระศาสนา ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่..

ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-13 20:32:14


ความคิดเห็นที่ 643 (1583377)

อนุโมทนาค่ะ คุณตุ้ย

และคุณศุภรัฐ

อ่านทุกครั้ง ไม่เบื่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-13 20:58:47


ความคิดเห็นที่ 644 (1583434)

 ขอบคุณพี่ศุรัฐ และทุกท่านค่ะ 

ดีเลยค่ะ มีข้อมูลมาสนับสนุนเพิ่มเติม

อ่านดูแล้วดีมากๆ แถมพอดูคลิปวีดีโอแล้ว

ก็มีตัวตน ที่อยู่จริง ตรงหมดทุกอย่าง

ส่วนตัวตุ้ยยิ่งเชื่อมากๆ ค่ะ

ยิ่งตอนน้อง ปลาบู่ พูดคุยถามคุณลุงทองใบ

ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางนี้ได้ยังไง 

ดวงอาทิืตย์นี้เป็นดวงอาทิตย์ของกัปนี้

จริงๆ มันมีดวงอาทิตย์มาหลายดวงแล้ว

อะไรประมาณเนี้ยค่ะ

จึงทำให้รู้สึกว่าคนที่พูดเรื่องนี้ได้

ต้องเป้นผู้ที่รู้ความลับของจักรวาล 

และคงไม่มีใครยิ่งใหญ่เกินพระพุทธองค์ค่ะ

ลองดูคลิปกันนะคะ 

และเผยแพร่ได้ค่ะ เจ้าของเรื่อง

อนุญาติเอาไว้ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ้ย ศิริพร โฉมจันทร์ (kondee25121-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-14 09:35:04


ความคิดเห็นที่ 645 (1583461)

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ คุณตุ้ย

และคุณศุภรัฐ

ที่มีข้อความดี ๆ มาให้รับรู้ ขอบคุณจริง ๆ

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญ/วรินทร์ธร รัศมีจรัสฐากร (varinthon_bla-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-14 13:00:49


ความคิดเห็นที่ 646 (1583481)
ขออนุญาตคุณศุภรัฐคัดลอกข้อมูลมาขยายให้อ่านง่ายขึ้นค่ะ
บ้านเลขที่ 234/2 หมู่ 1 บ้านตามูล
ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว
จังหวัดจันทบุรี 2 2 1 8 0
 

วันที่ 28 กันยายน 2554


สวัสดีครับ ผู้ที่รักผืนแผ่นดินไทย ทุกท่าน

กระผมชื่อนายทอง ใบคำสี เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2481 อายุ 73 ปี เป็นชาวอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี กระผมมีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน บุตรชายของผมคนเดียวชื่อ “ปลาบู่” ซึ่งได้เสียชีวิตมาแล้ว 37 ปี ตอนเขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน
ก่อนตายบุตรชาย บอกกับผมว่า อีก 15 วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ และให้ผมไปซื้อเทปมาบันทึกเสียงเขา แต่ผมไม่ได้ทำตาม เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะตายจริง ๆ
กระผมได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอนที่บุตรชายได้เล่าเมื่อ วันที่ 23-25 มิถุนายน พ.ศ.2517 เป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว เรื่องสำคัญ ๆ ที่เขาเล่าคือ เรื่องอดีตชาติของเขา และบุคคลสำคัญ ๆ เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต เรื่องราวในอนาคตของประเทศไทย เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 เรื่องดวงอาทิตย์ โลก จักรวาล ธาตุ เหล็กไหล มีความเป็นมาอย่างไร เรื่องขุมทรัพย์ในแผ่นดินที่พระแม่ธรณีเก็บเอาไว้หลาย ๆ แห่ง ฯลฯ
รวมถึงต้องการให้พ่อเป็น"ทูต" หรือ "สื่อ"ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว การวางท่อใหญ่ ๆ เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเลเพราะน้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอดลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ไหลเร็วขึ้น (ปัจจุบันเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว)
ในเรื่องอดีตชาติของเขา เขาบอกว่า หนูระลึกชาติได้จริง ๆ เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้มั้ย ตาเป็นทิพย์ หูเป็นทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูรณ์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ “อชิตะ” ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น “พระศรีอาริยเมตไตรย” ไง ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้
เคยเกิดเป็นพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตหลายพระองค์จนถึงพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์คือ สมเด็จพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเจ้าหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ตายแล้วเกิดเป็นหนู ตามหาพ่อมาเกิด อยากให้พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว "แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด" เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตาก (เขื่อนภูมิพล) จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก จะได้พังไม่มาก จากหนักจะได้เป็นเบา
"หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตากนครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"
เขาถามผมว่า " รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ?" " รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?" (ปี พ.ศ.2517 ยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน) ใต้กรุงเทพฯ- ธนบุรีไม่มีลูกรัง-หิน มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ คนโบราณก่อสร้างเมืองไม่ต้องตอกเสาเข็ม เอาซุงมาทำแพบก จึงทำได้มั่นคงแข็งแรง
แม่น้ำเจ้าพระยาถูกขุดลอกให้ลึก ๆ เป็นอันตรายมาก ๆ เพราะทรายทับถมตมเลนเหลือบางมาก ๆ ทำให้ตมเลนปูดทะลักขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมาก ๆ จมดินยังไม่พอ เพราะเสาเข็มยังจมยังไม่ถึงดินดาน รถไฟยังวิ่งสะเทือนเขย่าเม็ดทรายที่หุ้มเสาเข็ม ทำให้เสาเข็มทรุดตัว
หนูอยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ ดักทรายเป็นระยะเพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึก ๆ ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลนน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ
ตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมาก ๆ การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนคร เป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก เหมือนเมื่อก่อน ครั้งนาน ๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด !!
เขียนถึงตรงนี้เด็กอายุเพียง 5 ขวบ 8 เดือน 15วัน บ่นว่า เขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ ๆ เพื่อเอาน้ำออกสู่ทะเล ไม่มีท่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน แต่ถ้ามีการวางท่อใหญ่ ๆ จากตัวเขื่อนลงสู่ทะเลเลย น้ำก็จะระบายลงท่อไปสู่ทะเล ไม่ท่วมบ้านเรือนและแผ่นดินที่อยู่ข้างบน น้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาว
ปลาบู่ถามผมว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง "ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.)
กระผมได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอน ตามเรื่องที่ปลาบู่เล่าเป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กระผมอายุ 73 ปีแล้ว เป็นห่วงประเทศชาติ เชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถึง
ปลาบู่บอกว่า พ่อครับที่ดินแปลงนี้ยกให้หนูนะ (ที่สวนศรีมหาโพธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ได้ปลูกต้นโพธิ์ตามที่ลูกชายขอไว้กว่า 200 ต้น เป็นเวลา 36 ปีแล้ว) และให้ทำถนนให้รอบเหมือนกับสนามหลวง ให้ปลูกต้นโพธิ์ให้ด้วย หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง.. ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี.. หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้งเป็นลูกของ...... ตัวโตเท่านี้จะบวชเณร ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด “สุทัศน์เทพไพฑูรย์” (สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่ จะมาทำปาฏิหารย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ลูกชายบอกว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่น ๆ ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะเสียหายเพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม) จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในปีที่ 40 หลังจากเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ. 2557)
ที่สวนศรีมหาโพธิ์จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา (ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ) บนเขาลับแล(โครงการจัดตั้งฯ วัดป่าร่มโพธิ์ศรีฯ) จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้างโน่นสร้างนี่จนสร้างไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งในปัจจุบันผมได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้งสองที่ และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว
กระผมขอวิงวอนรัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาเรื่องการนำรางรถไฟที่ไม่ใช้แล้วเพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ (ซึ่งปัจจุบันวางกอง ๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ) นำไปเสริมตัวเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการเขียนจดหมายของกระผมในครั้งนี้ และท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงในด้านธรณีวิทยาทำให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งโลก การป้องกันเตรียมการไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา

ขอแสดงความนับถือ

ทองใบ คำสี


ผู้แสดงความคิดเห็น ถนอมขวัญ ขวัญชื่น ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-14 15:18:33


ความคิดเห็นที่ 647 (1585492)

ขออนุโมทนาบุญให้กับทุกท่านที่ได้มีข้อความดีเผยแพร่ให่อ่านและเตรียมตัวกับเหตุการณืที่จะเกิดขึ้น  แต่กระนันก็ตามขอให้ทุกท่านตั้งตนอยู่กับความดี จิตใจที่คิดแต่กุศล  ผลบุญจะเกิดเองนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ศรีวิภรณ์ ลิ่มอรุณ (nee9889-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 15:50:24


ความคิดเห็นที่ 648 (1585535)

โมทนาบุญกับทุกท่านค่ะสาธุๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญภิบาล คงเขียว ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-25 21:02:59


ความคิดเห็นที่ 649 (1585567)

 

                                                                 จากกระทู้ที่ ๖๔๔

                                                   จดหมายของลุงทองใบ  คำสี คัดลอกมา

                                  จากกระทู้ที่ ๔๓๙ ของคุณยุทธนา  ยานุทัย

                                  จากเว็ปพลังจิต ต้องขอบคุณ คุณยุทธนา

                                  ที่นำมาเผยแพร่

                               -----------------------------------------------

วันสิ้นโลกตามคติพระพุทธศาสนา

 

เมื่อก้าวสู่ยุคนั้นก็จะถึงกาลเสื่อมของมนุษย์โลก แต่โลกและจักรวาลนี้ยังคงอยู่ ไม่ได้แตกสลายไปพร้อมกับศีลธรรมในตัวมนุษย์ ส่วนประเด็นที่ว่าโลกและจักรวาลจะแตกสลายนั้น หากถามว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ คำตอบก็คือ เกิดขึ้นจริง แต่ต้องอาศัยกาลเวลาที่แสนยาวนาน
            ศัพท์ทางศาสนาเรียกกาลเวลาที่ยาวนานนี้ว่า “กัป” หรือ “อสงไขย” (๔ อสงไขย เป็น ๑ มหากัป เทียบได้กับเวลาประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ ล้านล้านล้านปี)
                                                          กัป และอสงไขย
            พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานได้ให้ความหมายของ
 กัป ว่า อายุของโลกตั้งแต่พระพรหมสร้างเสร็จ จนถึงเวลาที่ไฟประลัยกัลป์มาล้างโลก
;วิธีการนับ กัป นั้น ท่านอุปมาไว้ ดังนี้
            “สมมติมีกล่องใบหนึ่ง กว้าง ๑๐๐ โยชน์ ยาว ๑๐๐ โยชน์ และสูง ๑๐๐ โยชน์ ในเวลา ทุก ๆ ๑๐๐ ปี ให้เอา
เมล็ดผักกาด ๑ เมล็ด .ใส่ลงไปในกล่องนั้น ทำอยู่อย่างนี้ จนเมล็ดผักกาดเต็มเสมอเรียบปากกล่องนั้น จึงนับเท่า ๑ กัป”
หรืออีกอุปมาว่า
“มีภูเขาอันกว้างใหญ่ สูง ๑ โยชน์ ในทุก ๆ ๑๐๐ ปี จะมีเทวดาเอาผ้าทิพย์มาเช็ดถูภูเขานั้น ๑ ครั้ง ให้ทำอยู่
อย่างนั้น  ๑ ครัง ให้ทำอยู่อย่างนั้น จนภูเขาลูกนั้นสึกเกรียน***นลงมาราบเสมอกับพื้นพสุธา จึงคำนวณนับเท่า ๑ กัป”
                กัป มี ๒ ประเภท คือ
๑.สุญญกัป หมายถึง กัปที่ว่างเว้นจากท่านผู้มีฤทธิ์หรือมีคุณวิเศษทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระขีณาสพ
   อริยสาวกทั้งหลายฯลฯ
๒.อสุญญกัป หมายถึง กัปที่ไม่ว่างเว้นจากท่านผู้มีฤทธิ์หรือมีคุณวิเศษทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระขีณาสพ
   อริยสาวกทั้งหลายฯลฯ
อสุญญกัป ยังแบ่งย่อยออกไปอีก ๕ กัป คือ
 ๑. สารกัป คือ กัปที่เป็นแก่นสาร มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๑ พระองค์
 ๒.มัณฑกัป คือ กัปที่ผ่องใส       มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๒ พระองค์
 ๓.วรกัป    คือ กัปที่ประเสริฐ     มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๓ พระองค์
 ๔.สารมัณฑกัป คือ กัปที่เป็นแก่นสารและผ่องใส มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๔ พระองค์
 ๕.ภัทรกัป คือ กัปที่เจริญ         มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์
กัปในปัจจุบันที่กำลังเป็นไปอยู่นี้เป็นประเภท “ภัทรกัป” มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธะพระพุทธเจ้า
พระโกนาคมนะพระพุทธเจ้า พระกัสสปะพระพุทธเจ้า พระโคตรมะพระพุทธเจ้า และพระศรีอริยเมตไตรยพระพุทธเจ้า (พระองค์นี้จะมาตรัสรู้เป็นองค์สุดท้ายในกัปนี้)
            คำที่ควรรู้จักก็คิอ คำว่า อสงไขย หมายถึงกาลเวลาอันยาวนานที่ไม่อาจกำหนดนับได้
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานได้ให้ความหมายของ อสงไขย ว่า มากจนนับไม่ถ้วน เป็นชื่อมาตรานับจำนวนใหญ่ที่สุด คือ โกฎิยกกำลัง ๒๐ (๔ อสงไขยเท่ากับ ๑ มหากัป)
ตัมภีร์ทางศาสนา อสงไขย มี ๒ ประเภท
๑.สุญญอสงไขย หมายถึงอสงไขยที่ว่างเว้นจากท่านผู้มีฤทธิ์หรือมีคุณวิเศษทั้งหลาย ทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
  พระขีณาสพ อริยสาวกทั้งหลายฯลฯ
๒.อสุญญอสงไขยหมายถึงอสงไขยที่ไม่ว่างเว้นจากท่านผู้มีฤทธิ์หรือมีคุณวิเศษทั้งหลาย ทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธ
   เจ้าพระขีณาสพ อริยสาวกทั้งหลายฯลฯ
ท่านได้อุปมาไว้ ดังนี้
“ปริมาณแห่งหยาดฝนทุกเม็ดที่ตกลงมาทุกวันทุกคืนติดต่อกันเป็นเวลา ๓ ปี จนท่วมสูงจรดขอบเขาจักรวาลได้ ๘๔,๐๐๐ โยชน์
ปริมาณแห่งหยาดฝนที่ตกลงมาทั้งหมดนั่นแล จักมีประมาณเท่ากับ ๑ อสงไขย”
 
ประเภทแห่งกัป ที่ถูกทำลาย และกัปที่สร้างขึ้นมา
            ในปัจจุบันอายุเฉลี่ยของมวลมนุษย์มีประมาณ ๗๐-๘๐ ปี เท่านั้น หากจะบอกว่าในยุคก่อนๆ หรือต้นกัปนั้น มวลมนุษย์มีอายุยืนถึงอสงไขยปี (คือจำนวนปีที่มีเลข ๑ ขึ้นหน้า และมีเลข ๐ ต่อท้าย ๑๔๐ ตัว)
            ในยุคต้น ๆ นั้น มวลมนุษย์มีอายุยาวนานถึงอสงไขยปี จากนั้นก็ค่อยๆ ลดลงมา กล่าวคือ เมื่อครบ ๑๐๐ ปีก็ลดลง ๑ ปี และลดลงมาเรื่อย ๆ ตามลำดับ ตัวอย่างเช่น เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่มวลมนุษย์ในสมัยนั้น มีอายุประมาณ ๑๐๐ – ๑๒๐ ปี
            นับตั้งแต่นั้นมาล่วงจนกาลปัจจุบันนี้ นับได้ ๒,๕๐๐ กว่าปี ในทุกๆ รอบ ๑๐๐ ปี อายุของมวลมนุษย์ก็จะลดลง ๑ ปี หรือ (๑๐๐-๒๕-๗๕) จึงสรุปได้ว่า ในกาลปัจจุบันนี้ อายุของมวลมนุษย์ประมาณ ๗๕ ปี และเมื่ออายุของมวลมนุษย์ลดลงไปจนเหลือประมาณ ๑๐ ปี แล้ว ในรอบ ๑๐๐ปี ก็จะค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นเช่นเดียวกับตอนที่ลดลง จนกระทั่งมวลมนุษย์มีอายุยืนยาวถึงอสงไขยปี เรียกว่า “อันตรกัป” ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ว่าด้วยเรื่อง “กัป”

            วันสิ้นโลก ที่มีผู้กล่าวถึง ในคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ไม่ได้หมายเฉพาะถึง วันที่โลกระเบิด หรือ วันที่โลกแตกสลายพินาศ ตามที่เข้าใจกันและกลัวว่าจะเกิดในระยะเวลาอันใกล้นี้ หากแต่หมายถึง ยุคเสื่อมแห่งศีลธรรม จริยธรรม จนก้าวสู่ความ “พินาศ”
            เหตุการณ์เรื่อง “โลกพินาศ” หรือ “โลกแตก” (โลกธาตุ) หลาย ๆ คนกลัวจะเกิดขึ้นจริง แต่คงจะไม่เกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ หากแต่อาศัยกาลเวลาที่แสนจะยาวนาน ซึ่งทางศาสนาเรียกว่า “มหากัป” หมายถึง ระยะเวลาที่ยาวนาน ซึ่งกำหนดอายุของโลก หรือ คำบอกถึงช่วงเวลาที่ยาวนานรอบของกัปที่ถูกทำลายและที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และหากเมื่อถูกทำลายจนพินาศก็จะถูกทำลายด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ ไฟ น้พ และลม
            ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกทำลายด้วยเหตุทั้ง  ๓ นี้ ในวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน หรือในคราวเดียวกัน และจะถูกทำลายเป็นรอบแห่งกัป เพราะในโลกธาตุ (เอกภพ) อันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ไม่ได้มีเฉพาะโลก หรือจักรวาลที่เรารู้เห็นเท่านั้น โลกที่เราอาศัยอยู่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งในโลกธาตุ (เอกภพ) เท่านั้น
            ยังมีโลกและจักรวาลอีกมากมายที่เราไม่รู้จัก จากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายในปัจจุบันพบว่า “...ดวงดาวทั้งหลายที่มองเห็นเพียง 10 % เท่านั้น ยังมีอีก 90% ของมวลในจักรวาลที่อยู่ในรูปสสารมืด..”
            ในทางศาสนา พระพุทธองค์ตรัสแสดงเรื่องโลก และจักรวาลทั้งหลายไว้เช่นกัน จะสังเกตได้จากพระพุทธพจน์ที่พระองค์ตรัสสรุป เมื่อจบเทศนาในแต่ละครั้ง พระบาลีมีว่า “ทสสหัสสโลกธาตุ” แปลว่า “หมื่นโลกธาตุ...” หรื่อที่มีปรากฏในมงคลสูตรในประโยคที่ว่า “การคิดเรื่องมงคลเกิดขึ้นในทุกที่ทุกสถาน กระทั่ง “หมื่นจักรวาล” คำพระบาลีมีว่า “ทสสหัสสจักวาฬัง”
            ในติกนิบาตร อังคุตรนิกาย พุทธภาษิตมีว่า”..ยังมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ที่ตามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้อีกมากมาย ไม่มีที่สิ้นสุด...” 
            ใน จูฬนีสูตร พระพุทธองค์ตรัสว่า “...ดูกรอานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์ พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศ สว่างไสว รุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน
ในโลกพันจักรวาลนั้น  มีพระจันทร์พันดวง  มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง  มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง
มีอุตตรกุรุททวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกา...ดาวดึงส์....ยามา..ดุสิต..นิมมานรดี..ปรนิมมิตวสสวัสดี..มีพรหมโลกพันหนึ่ง
            ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็ก มีพันจักรวาล โลกคูณ โดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างเล็ก  
           ซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างกลาง มีล้านจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างกลาง
          มีล้านจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ ประมาณแสนโกฎิจักรวาล
            ดูกรอานนท์ ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ ประมาณแสนโกฎิจักรวาล ให้รู้แจ้งได้ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย..”
            นอกจาก จูฬนีสูตร ที่ยกมาแสดงพอเป็นตัวอย่างนี้แล้ว เรื่องโลกและจักรวาล ยังปรากฏมีอยู่หลายแห่ง ผู้สนใจพึงตรวจดูใน คัมภีร์อรรถกถาสาลินี, อัคคัญญสูตร, สุริยสูตร เป็นต้น
            วันสิ้นโลก ในคติทางศาสนา หมายถึง ความเสื่อมจากศีลธรรม จนเป็นบ่อเกิดแห่งความพินาศต่างๆ กล่าวคือ หลังจากที่พระศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณโคดม พระองค์ปัจจุบันมีอายุครบ 5,000 ปี พระศาสนาก็จะอันตรธานหายสูญไป อาศัยกาลเวลาที่ยาวนาน เมื่อโลกเข้าสู่ยุคเสื่อม มวลมนุษย์จะกลายเป็นคนป่า ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ เพราะขากศีลธรรม จริยธรรม
            ในครั้งนั้น อกุศล จะเกิดมีกับมวลมนุษย์อย่างหนาแน่น มนุษย์จะไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่นู้จักบุญคุณ แม้กระทั่งกามตัณหาก็ไม่รู้จักยับยั้ง แม้อาหารการกินหรือภักษาหารทั้งหลายก็หาได้ยากยิ่ง จะเกิดทุพภิกภัยเกือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ในตำราท่านกล่าวว่า อาหารที่เลิศที่สุดของมนุษย์ในสมัยนั้น คือ หญ้ากับแก้ คือหญ้าที่ใช้เลี้ยงสัตว์ทั้งหลาย เช่น โค กระบือ เป็นต้น
เมื่อมวลมนุษย์มีอกุศลมากขึ้นความพยาบาทอาฆาตต่อกัน ก็จะรุนแรงขึ้น สามารถฆ่ากันได้แม้เพียงเล็กน้อย กล่าวคือ “จิตคิดจะฆ่า” จะมีบังเกิดกับมนุษย์ทุกคนทุกขณะ เลือดจะท่วมโลก และจะเป็นกาลอวสานแห่งมวลมนุษย์ชาติมีเพียงผู้มีศีลธรรม จริยธรรมไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดพ้น ได้ไปอยู่บนชั้นพรหม เมื่อเกิดน้ำท่วมโลก และจะเป็นกาลอวสาน (ความเสื่อม) แห่งมวลมนุษย์ชาติ จะมีเพียงผู้มีศีลธรรม จริยธรรมเท่านั้น ที่รอดพ้นไปอยู่บนชั้นพรหม (อาภัสสรพรหม) และอาศัยกาลเวลาที่แสนจะยาวนาน
ในกัปสุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้มหาศาสดา พระองค์ใหม่ พระนามว่า พระศรีอาริยเมตไรย ก็จะทรงอุบัติขึ้น....
เนื้อความที่มีปรากฏใน อัคคัญญสูตร ในพระไตรปิฎกว่าด้วยเรื่องกำเนิดโลก กำเนิดของมนุษย์ ที่พระพุทธองค์แสดงแก่วาเสฏฐะ และภารทวาชะ ดังนี้
“...อาศัยระยะเวลายาวนานที่โลกนี้จะพินาศ และเมื่อโลกกำลังพินาศอยู่ สัตว์โลกเกิดในชั้นอาภัสสรพรหม
สัตว์เหล่านั้นได้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีแผ่ซ่านออกจากกายตนเอง เที่ยวไปในอากาศ อยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในภพนั้นสิ้นกาลยืดยาว และช้านาน...”
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 05:31:35


ความคิดเห็นที่ 650 (1585569)

 

 

                                  คัมภีร์วิสุทธิมรรค ได้แสดงประเภทและความหมาย
                                        แห่งกัปที่ถูกทำลาย และกัปที่สร้างขึ้นมาใหม่ 
                                              แบ่งประเภทของกัปไว้ ๔ ประเภท
                             ๑.อายุกัป  หมายถึง สมัยที่มนุษย์มีอายุยืนถึง อสงไขย
                             ๒.อันตรกัป หมายุถึง การนับอันจรกัป ซึ่งมีวิธี ดังนี้
 
            ในสมัยต้นกัป มวลมนุษย์มีอายุยืนถึงอสงไขยปี (คือจำนวนปีที่มี เลข ๑ ขึ้นหน้า และมีเลข ๐ ต่อทม้าย ๑๔๐ ปี) ต่อมาอายุของมวลมนุษย์ก็ค่อยลดลงตามลำดับ (ทุก ๆ ๑๐๐ ปี) จนกระทั่งมวลมนุษย์มีอายุเหลือ ๑๐ ปี
            จากนั้นในทุกๆ รอบ ๑๐๐ ปี ก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงอสงไขยปีเป็นเช่นเดียวกับตอนที่ลดลง กล่าวคือ อสงไขยปีลงมาถึง ๑๐ ปี และจาก ๑๐ ปีขึ้นไปถึงอสงไขยปี ไปกลับเช่นนี้ เรียกว่า ๑ อันตรกัป
๓.อสงไขยกัป หมายถึง จำนวนอันตรกัป ๖๔ ครั้ง นับเป็น ๑ อสงไขย มี ๔ ประเภท
            ๑.สังวัฎฎายี อสงไขยกัป ได้แก่ เป็นอสงไขยกัปที่ว่างเปล่า เพราะโลกและจักรวาลถูกทำลายจนหมดสิ้น
            ๒.วิวัฎฎะ อสงไขยกัป ได้แก่ เป็นอสงไขยกัปที่กำลังเจริญไปตามลำดับ
            ๓.วิวัฎฎะฐายี อสงไขย ได้แก่ เป็นอสงไขยกัปที่ปรากฏมีโลกและจักรวาลตั้งขึ้นเรียบร้อยแล้ว มวลมนุษย์และสรรพสัตว์จะ
               เกิดขึ้นในโลกธาตุได้เฉพาะแต่อสงไขยกัปนี้เท่านั้น
            ๔.สังวัฏฏะอสงไขยกัป ได้แก่  เป็นอสงไขยกัปที่หมื่นแสนโลกจักรวาลกำลังพินาศ และถูกทำลายให้พินาศด้วยเหตุ ๓      
               ประการ คือ
                        เตโชสังวัฏฏะอสงไขยกัป     พินาศด้วย ไฟ
                        อาโปวัฏฏะอสงไขยกัป        พินาศด้วย น้ำ
                        วาโยวัฏฏะอสงไขยกัป         พินาศด้วย ลม
๔. มหากัป หมายถึง ๑ รอบ ของอสงไขยกัปทั้ง 4 คือ ตั้งแต่อสงไขยกัปที่ว่างเปล่า (สังวัฎฎายี อสงไขยกัป) จนถึงอสงไขยกัปหมื่นแสนจักรวาลที่กำลังพินาศอยูด้วย เหตุ ๓ ประการนั้น (สังวัฎฎะ อสงไขยกัป)
            1          รอบอสงไขยปี       มี          56        กัป
            64        อันตรกัป             เป็น          1       อสงไขยกัป
            1          อสงไขยกัป           เป็น          1       มหากัป
            มหากัปรอบใหญ่มีทั้งหมด 64 มหากัป แบ่งเป็น 3 ชนิด ตามลักษณะที่ถูกทำลาย
            มหากัปที่ถูกทำลายด้วยไฟนั้น จะเกิดขึ้นติดต่อกับไปถึง 7 มหากัป
                        มหากัปที่ถูกทำลายด้วยน้ำนั้น จะเกิดขึ้นติดต่อกับไปถึง 1 มหากัป    เรียกว่ามหากัปรอบเล็ก
                               และจะต่อด้วย มหากัปรอบเล็กพิเศษ  ที่ถูกทำลายด้วยไฟต่อเนื่องกันไปอีก 7 มหากับ (สลับกัน)
                        มหากัปที่ถูกทำลายด้วยลมนั้น จะเกิดขึ้นติดต่อกับไปถึง 1 มหากัป 
                       รวมมหากัปรอบเล็ก 7 รอบ และมหากัปพิเศษอีก 1 รอบ ก็จะเป็น 1 มหากัปรอบใหญ่
มหากัปที่ถูกทำลายด้วยเหตุ 3 ประการนั้ มีคำอธิบายดังนี้
1.มหากัปที่ถูกทำลายด้วยไฟนั้น ไฟประลัยกัลป์ จะเผาผลาญทำลายล้างภพภูมิที่อยู่อาศัยของสรรพสัตว์ ตั้งแต่ชั้นต่ำสุด คือ อบายภูมิ 4 อัน
   เป็นสถานที่ของนรก อสุรกาย เปรต สัตว์เดรัจฉาน ถึงโลกมนุษย์   ตลอดจนสวรรค์ 6 ชั้น คือ จาตุมมหาราช ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต 
   นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี รวมถึงปฐมภูมิ พรหมโลก 3 ชั้น คือ พรหมปาริสัชชา พรหมปุโรหิตา มหาพรหมมา
2.มหากัปที่ถูกทำลายด้วยน้ำนั้น  ฝนน้ำกรด จะตกท่วมทำลายภพภูมิที่อยู่อาศัยของสรรพสัตว์ ตั้งแต่ชั้นต่ำสุด คืออบายภูมิ 4 ถึงโลกมนุษย์
   ตลอดจนสวรรค์ 6 ชั้น ถึง ปฐมฌามพรหมโลก 3 ชั้น จนถึงทุติยฌานพรหมโลก 3 ชั้น คือ พรหมปริตรตาภา พรหมอัปปมาณาภา และ
   พรหมสุภกิณหา.........
3.มหากัปที่ถูกทำลายด้วยลมนั้น ลมกรด จะพัดพาทำลายที่อยู่อาศัยของสรรพสัตว์ ตั้งแต่ชั้นต่ำสุด คือ อบายภูมิ 4 ถึงโลกมนุษย์ ตลอดจน
   สวรรค์ 6 ชั้น ถึงปฐมฌานพรหมโลก 3 ชั้น จนถึงทุติยฌานพรหมโลก 3 ชั้น รวมถึงตติยฌานพรหมโลก 3 ชั้น คือ พรหมปริตตสุภา พรหม
   อัปปมาณสุภา และพรหมสุภกิณหา..............
 
พระพุทธเจ้าองค์ใหม่ พระนามว่า พระศรีอริยดมตไตรย
            พระศรีอริยเมตไตรย จะเสด็จอุบัติขึ้นในอนาคตกาล เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้ ซึ่งมีผู้คนหมั่นสร้างกุศลและปรารถนาจะให้ตนเองได้ไปบังเกิดในกาลศาสนาของพระองค์  เพราะประวัติกล่าวไว้ว่า ในยุคนั้นจะเป็นยุครวมของเหล่าสัตบุรุษ คนดีมีศีลธรรมทั้งหลาย คนชั่ว คนอันธพาล คนไม่ดี ที่สร้างความเดือนร้อนแก่สังคม หรือเหล่าคนที่โลกใบนี้ไม่ต้องการ จะไม่มีสิทธิ์เกิดในกาลศาสนานั้น มวล
มนุษย์จะมีอายุยืนยาวถึง 80,000 ปี จะปรากฏแสงสว่างตลอดวันตลอดคืน มวลมนุษย์จะอยู่ด้วยกันอย่างผาสุก
            ในยุคหรือกาลสมัยที่พระพุทะเจ้าแต่ละพระองค์ จะทรงอุบัติขึ้นนั้น แต่ละพระองค์ก็จะอุบัติขึ้นในยุคที่แตกต่างกันออกไป จะหมุนเวียนเปลื่ยนกันไปเหมือนฤดูกาลทั้ง 3  คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว หรือเสมือนวันทั้ง 7 ใน 1 สัปดาห์
 
                        นอกจากนั้น ระยะเวลาในแต่ละยุคก็จะแตกต่างกันออกไป ในพระพุทธศาสนา แบ่ง ยุค เป็น 4 ยุค
1.กตยุค มีระยะเวลา 1,728,000 ปี มวลมนุษย์ที่เกิดในยุคนั้น จะมีเฉพาะแต่เหล่าสัตบุรุษ หรือคนดี พระศรีอริยเมตไตรย ที่จะอุบัติขึ้น
   เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ต่อจาก พระสมณโคดมพระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันก็จะเสด็จอุบัติขึ้นในยุคนี้
2.เตรตายุค มีระยะเวลา 1,296,000 ปี มวลมนุษย์ที่เกิดในยุคนั้น จะมีสัตบุรุษ คนดี จำนวน 3 ส่วน จะมีคนชั่ว คนอันธพาล คนไม่ดี
   จำนวน 1 สวน
3.ทวาปรยุค มีระยะเวลา 864,000 ปี มวลมนุษย์ที่เกิดในยุคนั้น จะมีสัตบุรุษ คนดี ครึ่งหนึ่ง และจะมีคนชั่ว คนอันธพาล คนไม่ดี
   ครึ่งหนึ่ง
4.กลิยุค มีระยะเวลา 432,000 ปี มวลมนุษย์ที่เกิดในยุคนั้น จะมีสัตบุรุษ คนดี เพียง 1 ส่วน แต่จะมีคนชั่ว คนอันธพาล คนไม่ดี ถึง 3 ส่วน
            ในปัจจุบันนี้อยู่ในยุค กลิยุค เป็นยุคที่มีคนดี เพียง 1 ส่วน และมีคนชั่วถึง 3 ส่วน พระสมณโคดมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้เสด็จอุบัติขึ้นในยุคนี้ ฉะนั้น จะเห็นว่าในยุคปัจจุบันนี้ คนชั่ว คนพาล จึงมีอย่ทุกซอกมุมโลก ถึงแม้ศาสนธรรม จะแผ่ไปทั่วบรรณพิภพ แต่ก็ไม่ได้ทำให้
ตนเหล่านั้นซึมซาบได้ทั้งหมด อนึ่ง เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ความเสื่อมก็แทบจะหาคนดีมีศีลธรรมไม่ได้เลย เพราะศีลธรรม จริยธรรม ได้เสื่อมไปจากจิตใจของมวลมนุษยืตามกาลเวลา
                ในครั้งนั้น พระศรีอริยเมตไตรยจะบังเกิดในชมพูทวืป ณ เมืองเกตุมดี ในตระกูลพราหมณ์ที่สูงศักดิ์ บิดาของพระองค์นามว่า สุพรหมา เป็นอาจารย์และพรหมปุโรหิตของพระเจ้าสังขจักรพรรดิ ส่วนมารดามีนามว่า พรหมวดี และหลังจากให้ประสูติ 10เดือน กับ 7 วัน มารดาของพระองค์ก็จะเสียชีวิต
            ในครั้งนั้นเมื่อยังไม่ได้ออกผนวช แต่ดำรงเพศเป็นคฤหัสถ์อยู่ พระศรีอริยเมตไตรย จะมีนามว่า อชิตะส่วนพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรยพระพุทธเจ้า จะปรากฏเมื่อพระองค์ออกผนวชและตรัสรู้แล้ว เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่ก่อนออกผนวชมีพระนามว่า
สิตถัตถะ   แต่หลังจากตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็ปรากฏพระนามว่า พระสมณโคดมพระพุทธเจ้า
            หากใครมีความปรารถนาที่จะไปเกิดในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่หมั่นทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา อย่าได้ขาด และตั้งความปรารถนาไว้ หากมีจิตใจที่มั่นคงแน่วแน่ และมีความตั้งมั่นในคุณงามความดีแล้ว เชื่อแน่นอนว่าความดีทั้งหลายที่สั่งสมไว้ จะเป็นผลานิสงส์หนุนนำ พาท่านไปสู่แดน อภิมหาศิวิไลซ์ นั้นได้อย่างแน่นอน
 
 
 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภรัฐ ปานธุเดช ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-11-26 05:39:54


ความคิดเห็นที่ 651 (1587190)

 ขอกราบพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ท่านท้าวเวสสุวรรณ

ท่านดตาจินิน

องค์เทพสฟิงค์

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิด

อ.อุบล ลูก อาจินต์ ภิรมย์รักษ์ และสมาชิกในครอบครัวอีก 4 ชีวิต

นายอภิชัย นายณภัทร นายอาชวินท์ และด.ญ. กฤตยวรรณ ภิรมย์รักษ์ ขอร่วมลงชื่อ

ขอรู้ความลับของจักรวาลด้วยเจ้าค่ะ  ขอขอบพระคุณเจ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาจินต์ ภิรมย์รักษ์ (aabhiromrak-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-06 23:00:37


ความคิดเห็นที่ 652 (1587580)

ขออนุโมทนากับธรรมทานทุกท่านค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้้อย(บัวลอย สุดแดน) (bour_noy-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-08 19:16:23


ความคิดเห็นที่ 653 (1588301)

ความลับสำคัญ

ยิ่งยวด

อยู่ในรหัสจักรวาล

อาจารย์อุบล  ช่วยด้วย

 

แต่

จะมีผู้ค้นพบ

ความลับนี้ แตกต่างกัน

ตามเจตนาในการใช้

และ

ความตั้งใจจริง

ในการเผยแพร่รหัส

 

พระปฐมบรมธรรมบิดา

ตรัสว่า

 

ผู้ที่ใช้แล้วได้ผล

ยิ่งบอกต่อมากเท่าไร

ยิ่งจะใช้ได้อย่างมหัศจรรย์

มากเท่านั้น

 

สามารถดลบันดาล

สิ่งที่ไม่คาดฝัน

ได้ในบัดดล

 

ไม่ต้องเสียเงิน

ไม่ต้องเสียเวลา

แค่

มีศรัทธา และ จริงใจ

 

ปรารถนาดีต่อใครๆ

ไม่หยุดยั้ง

 

รหัสนี้มีพลัง

มีอานุภาพยิ่งใหญ่

 

ยิ่งให้ยิ่งได้รับ

 

รหัสนี้

ทำให้ มีเงิน มีงาน

มีบ้าน มีรถ มีหมดทุกอย่าง

ที่อยากมี แต่ ต้องบอกต่อ

ให้มากๆ จึงจะได้

สิ่งที่มีค่ามาก

 

บอกน้อย

ก็จะใช้ได้กับเรื่องเล็กน้อย

 

เพราะ

รหัสนี้มีอาถรรภ์

การบอกต่อ

เป็นการสะสมพลังงาน

ที่มาจากแดนทิพย์นิพพาน

คือ

เป็นรหัสทิพย์

เมื่อจิตเป็นทิพย์

ก็จะได้ความเป็นทิพย์

เรียกว่า

เพียงแค่ ปรารถนา ก็จะได้

 

แต่เงื่อนไขนี่สิ

เป็นตัวแปรสำคัญ

1.บอกต่อ ไม่หยุด ยิ่งบอกมาก

ยิ่งใช้ได้ผลมาก บอกน้อย ได้ผลน้อย

บอกบ้าง ไม่บอกบ้าง

ก็ใช้ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง

ไม่บอกต่อเลย ใช้ไม่ได้อีกเลย

 

2.ต้องมีศรัทธา บริสุทธิ์

ผู้ที่ล่วงเกิน ไม่ว่าทางความคิด

คำพูด หรือ การกระทำ

ใช้รหัสนี้ ไม่ได้เลย

 

และ

ความลับ สุดยอด

คือ

ผู้มีรหัสนี้ ใช้ตามกติกาข้างต้น

1.รอดปลอดภัย จากภัยพิบัติ

ร้ายแรงที่กำลังจะมาถึง

 

2.รักษาโรคได้ทุกโรค

แม้โรคที่หมอรักษาไม่หาย

 

3.รักษา และ ช่วยคนอื่นได้

ในยามคับขัน เพียง อธิษฐาน

ขอให้ อ.อุบล ช่วยคนนี้ด้วย

ก็จะได้รับความช่วยเหลือทันที

 

แต่

ทั้งนี้ ทั้งนั้น

ต้องช่วยด้วยจิตบริสุทธิ์

ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

ทั้งทางตรง ทางอ้อม

 

ถ้าเอารหัสนี้

ไปใช้หากิน เบียดเบียนผู้คน

จะมีเคราะห์กรรม และ อันตราย

ต่อผู้ใช้รหัสอย่างมหาศาล

 

เมื่อขอให้ช่วยได้

รหัส

ก็ทำลายล้าง ผู้มีเจตนาร้าย

ได้เช่นกัน

 

ขอให้ทุกท่าน

สุข สมหวัง กับการใช้

รหัส

อ.อุบล ช่วยด้วย

โดยทั่วกัน

 

และ

ใช้ได้เต็มที่ 24 ชั่วโมง

อย่าเกรงใจ

อ.อุบล

มาให้ท่านทั้งหลายใช้แล้ว

รีบใช้ รีบซ้อมการใช้

เมื่อมีภัยจะได้ใช้ทัน

 

ไม่ต้องเกรงใจ

 

แต่

อย่าใช้

ในเรื่องผิดกฎหมาย

ผิดศีลธรรม

 

ใช้ไปซักผ้า ล้างถ้วยชาม

ไม่ได้

 

ให้ใช้ในเรื่องสุดวิสัย

ปวดท้อง ปวดหัว อุบัติเหตุ

ของหาย มีภัย ใครรังแก

ฯลฯ

ใช้ไปเลย บอกต่อไปเลย

ไม่ต้องแคร์ใคร

 

เพราะ

ไม่ได้เก็บเงิน

ไม่คิดราคา ไม่ต้องเสียหน้า

ใครไม่เชื่อ ไม่ใช้ อย่าสนใจ

บอกคนใหม่ต่อไป

รีบบอก

 

จะได้รีบเจอ

สิ่งมหัศจรรย์ อันประหลาดใจ

เร็ว ๆ ไว ๆ ไง จ๊ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-13 23:04:21


ความคิดเห็นที่ 654 (1588313)

กราบขอบพระคุณทุก ๆ พระองค์และท่านอาจารย์อุบล

ขออนุญาตท่านอาจารย์คัดลอกเพื่อนำไปบอกต่อ

และเผยแพร่บนเว็บไซต์

และทางเมล์ถึงเพื่อนๆ ญาติ ลูกศิษย์และคนรู้จักค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-14 06:52:48


ความคิดเห็นที่ 655 (1588439)

ขอกราบอนุโมทนาและขอบพระคุณท่านอ.แม่อุบล ลูกขออนุญาตคัดลอกไว้อ่านเพื่อนำไปบอกต่อนะคะ เพราะสมองอันน้อยนิดของลูกจำไม่หมดค่ะ

ลูกจะตั้งใจเผยแพร่รหัส อาจารย์อุบลช่วยด้วย ให้มาก ให้เยอะและไม่หยุดบอกค่ะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๋อย เพ็ญศิริ บุตรมนต์ (opensirio-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-14 21:02:01


ความคิดเห็นที่ 656 (1588447)

ใช้ไปเลย บอกต่อไปเลย

ไม่ต้องแคร์ใคร

***********

กราบขอบพระคุณอาจารย์แม่ค่ะ

ที่อนุญาติให้ใช้โดยไม่ต้องแคร์ใคร

*********

วันนี้ก็บอกแม่ค้าขายเสื้อผ้าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กมลลักษณ์ โปษณกุล อ๊อด (aod5961-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-14 21:53:56


ความคิดเห็นที่ 657 (1588470)

ลูก ขออนุญาต แชร์ข้อความที่ อ. อุบล โพส มาต่อ เพื่อ เป็น ธรรมทาน ครับ ^ ^

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 00:40:08


ความคิดเห็นที่ 658 (1588475)

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอาจารย์ มากๆ

ครับที่เมตตาลูกหลาน ไม่เคยทอดทิ้งให้ตกระกำลำบาก

คอยชี้ทางส่วาง แนะวิธ๊หลุดพ้นหาทางออก

ใครไม่เอาไปใช้ ลองนำไปพิสูตร

ก็ถือว่า เป็นกรรมใคร กรรมมันจริงๆ ครับ

คิดว่าตัวเองเก่ง ทำเป็นน้ำเต็มแก้ว

เลือกทางเดินเอง ไม่เชื่อฟัง สงสัยต้องทางใครทางมัน

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์และท่านอาจารย์อีกครั้งครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 04:38:31


ความคิดเห็นที่ 659 (1588476)

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่านอาจารย์ มากๆ

ครับที่เมตตาลูกหลาน ไม่เคยทอดทิ้งให้ตกระกำลำบาก

คอยชี้ทางส่วาง แนะวิธ๊หลุดพ้นหาทางออก

ใครไม่เอาไปใช้ ลองนำไปพิสูตร

ก็ถือว่า เป็นกรรมใคร กรรมมันจริงๆ ครับ

คิดว่าตัวเองเก่ง ทำเป็นน้ำเต็มแก้ว

เลือกทางเดินเอง ไม่เชื่อฟัง สงสัยต้องทางใครทางมัน

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์และท่านอาจารย์อีกครั้งครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เกียรติศักดิ์ โพธิ์อุ่น (kiattisp-at-scg-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 04:38:38


ความคิดเห็นที่ 660 (1588478)

และ

ความลับ สุดยอด

คือ

ผู้มีรหัสนี้ ใช้ตามกติกาข้างต้น

1.รอดปลอดภัย จากภัยพิบัติ

ร้ายแรงที่กำลังจะมาถึง

 

2.รักษาโรคได้ทุกโรค

แม้โรคที่หมอรักษาไม่หาย

 

3.รักษา และ ช่วยคนอื่นได้

ในยามคับขัน เพียง อธิษฐาน

ขอให้ อ.อุบล ช่วยคนนี้ด้วย

ก็จะได้รับความช่วยเหลือทันที

 

แต่

ทั้งนี้ ทั้งนั้น

ต้องช่วยด้วยจิตบริสุทธิ์

ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

ทั้งทางตรง ทางอ้อม

 .......................................................................

กราบพระบาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ทุกๆพระองค์ทั่วสากลจักรวาล

และขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์อุบล

ที่เมตตามาเปิดเผย

ความลับของจักรวาลให้พวกเรา

ได้รู้จักกันแบบชัิดๆอีกครั้ง

 

ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคน

ได้ลองใช้ ได้สัมผัสกับความวิเศษ

และอานุภาพที่เกินขีดจำกัด

และเหนือคำบรรยายมาแล้ว

 

แต่ด้วยความไม่มุ่งมั่น

และตั้งใจมากพอ ที่จะเผยแพร่ต่อ

จึงทำให้พวกเราหลายๆคน

(โดยเฉพาะ ชนิดา นี่แหล่ะ)

เกือบจะสูญเสีย

รหัสสุดขลังจากจักรวาลนี้ไป

ทั้งๆที่มีีของดีอยู่กับตัว

แต่ก็ใช้ไม่เป็นและ รักษาไว้ไม่ได้...


กราบขอบารมีสมเด็จ

องค์พระปฐมบรมบิดา

และองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หมดทั้งแดนทิพย์นิพพาน

 

ได้โปรดเมตตาประทาน

พลัง"ปัญญา"ของพระองค์

มาสู่กาย วาจา จิต ของลูก

ขอให้ลูกเกิดความคิด และปัญญา

หาวิธีที่จะเผยแพร่รหัสอันสูงส่งนี้

สู่ผู้คนมากมาย

อย่า่งต่อเนื่องและได้ผล

ตลอดไปด้วยเถิด

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 05:30:26


ความคิดเห็นที่ 661 (1588546)

กราบเรียน อาจารย์อุบล

  หนูขออนุญาตเข้ามารับรู้ อ่านกระทู้นี้คะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อัมพิกา อภัยกุล (namfon2010-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 12:28:31


ความคิดเห็นที่ 662 (1588560)

ลูกขอกราบพระบาท

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บ้านสวนพีระมิด

ทุกๆ พระองค์และอ.แม่อุบลที่ได้ให้แสงสว่าง

แก่ตัวลูก เกดก็เป็นอีกคนหนึ้งค่ะที่

บอกบ้าง ไม่ได้บอกบ้าง

ก็ใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่ได้บอกทุกวัน

บอกเมื่อมีโอกาสเท่านั้น ต่อไปนี้เกดจะพยายาม

บอกรหัสลับนี้ต่อผู้คนให้ได้ต่อไปเรื่อยๆ ลูกขอบารมี

ทุกๆ พระองค์ได้โปรดทรงเมตตาลูกคนนี้ด้วยเจ้าค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นิพาดา กะตะศิลา (tee-ged-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 14:54:54


ความคิดเห็นที่ 663 (1588593)

ลูกกราบขอบพระคุณพระพุทธองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์  ท่าน อ.อุบล

ที่ให้ลูกได้ใช้ระหัส อ.อุบลช่วยด้วย

ลูกใช้มาตลอด ช่วยได้ตลอด และได้

บอกต่อๆ ทุกวัน ไม่สนใจว่าใครจะไม่

เชื่อ ไม่นับถือ เพราะอยากให้เขาได้

อย่างที่เราได้ หายเจ็บหายป่วยโดย

ไม่ต้องพึ่งหมอ พี่งยา  ลูกขอกราบ

ขอบพระคุณทุก ๆ พระองค์อีกครั้งค่ะ

                 สาธุ ๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 20:52:27


ความคิดเห็นที่ 664 (1588601)

รหัสจักรวาล

อาจารย์อุบล ช่วยด้วย

เป็นรหัสสำคัญ ในการคัดแยกคน

ที่จะถูกเลือกให้อยู่ในยุคพระศรีอาริย์

หรือ

ต้องถูกเก็บ กวาด ล้าง ชำระ

อย่างช้าก็ปี 2555 นี้แล้ว

 

คิดดูซิว่า

เรามีเวลาช่วยคน

ให้อยู่รอดปลอดภัยไร้ทุกข์

อีกไม่นานแล้ว

 

ไฉนเลย

เราจึงไม่อยาก

มีเพื่อน

รอด

มากๆ กันล่ะจ๊ะ

 

ในเมื่อเป็น

รหัส...ลับ

ดังนั้นเราต้องเข้าใจ

ด้วยว่า

จะให้คนทุกคน

เชื่อ

รหัสนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด

 

เบื้องบน

ท่านก็ต้องการ

ช่วย

เฉพาะคนที่พอจะช่วยได้

 

โดย

จะมีเทวดาคอย

ดลใจ

ให้คนที่พวกเราบอกรหัส

แล้ว

เชื่อ.....กับ.....ไม่เชื่อ

 

ขอย้ำว่า

คนทีจะถูกเลือกให้

รอด

 

พอบอกแล้ว เขาจะสนใจ

จะลองใช้ จะไม่ปรามาส

 

แต่คนที่จะถูกเก็บกวาด

จะไม่เชื่อ ไม่ลองใช้ จะเยาะเย้ย

ถากถาง ลบหลู่ ปรามาส

จงรับรู้ไว้เลยว่า

คนนี้น่ะ...ไม่รอดแน่

 

แล้วถ้าคนนั้น

เป็นคนในบ้าน เป็นญาติ

ก็ให้เราทำใจไว้เลยว่า

เวลาของการพลัดพราก

ใกล้ที่จะมาถึงแล้ว

 

เราได้รู้ก่อนเลย

ว่า

ใครจะอยู่ ใครจะไป

ใครจะตาย ใครจะรอด นั่นเอง

 

และ

ก็อย่าไปฝืน

กฏของกรรม ปล่อยเขาไป

อย่าไปยัดเยียด เคี่ยวเข็ญต่อไป

 

แต่

ให้รีบบอกคนอื่นต่อ

เพื่อสะสมแต้ม สะสมพลังงาน

ออร่า ให้ตัวเราเอง

เพราะ

พลังแสงนี้ เป็นพลังงาน

ลึกลับ มหัศจรรย์

ที่เมื่อเราใช้งาน ใช้รหัส

พลังงานแสงนี้จะลดลง

 

แต่

เวลาที่เราบอกต่อ

พลังงานแสงนี้ จะเพิ่มขึ้น

 

ปกติ

ใช้ได้ผล 1 ครั้ง

พลังลดไป 1 แต้ม

 

ถ้าเราบอกต่อ

1 คน พลังจะเพิ่มมา 1 แต้ม

 

ถ้าคนที่บอก

เชื่อเรา แล้วเขาใช้

 เราจะได้แต้ม 10 แต้ม

 

และถ้าเขาใช้ได้ผลแล้ว

บอกต่อ

แต้มเรา จะยิ่งเพิ่ม

 

เหมือนกับ

การจุดเทียนต่อๆกัน

 

เรา

ผู้เป็นคนถือเทียน

เล่มแรก

เทียนให้เราได้ใช้แสงสว่าง

แต่เทียนก็จะต้อง

มอดไหม้ไปเรื่อยๆ

 

แต่ถ้าเรา

ให้คนมาต่อเทียนจากเรา

1 คน

ก็จะมีแสงสว่างเพิ่มขึ้นมา

อีก 1 ดวง

 

แม้ว่าเทียนเรา

จะมอดไหม้ไป

แต่

เราจะได้ใช้แสงสว่าง

จากเทียนของคนที่มาต่อเทียน

จากเราไป

 

แล้วถ้ามีคนมาต่อเทียน

จากคนนั้นอีก

แสงสว่างก็ยิ่งมาก

 

แล้ว

เทียนทิพย์

จะปรากฎขึ้นเมื่อเรา

บอกรหัสไป 1 คน เขาใช้ได้ผล

ก็จะเหมือนกับ

คนที่มาต่อเทียนจากเรา

เอาเทียนมาให้เราด้วย

1 เล่ม ทุกคน

 

แล้วคิดดูซิว่า

ถ้าเราบอก 10 คน

เขาใช้ได้ผล เราจะมีเทียนทิพย์

ถึง 10 เล่ม

แสงสว่างจะมากสักเพียงไหน

 

แต่

ถ้าการบอกของเรา

มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ บอกแก้บน

บอกไปงั้น ไม่หวังให้เขาใช้

พูดเพื่อไม่ให้เขาเชื่อ

แต่

ต้องการแค่ ว่า ข้าบอกแล้ว

แต่ เอ็งไม่เชื่อเอง

 

อย่างนี้ถือว่า

วาจา ไม่ศักดิ์สิทธิ์

(เคยโกหก หยาบคาย มาเยอะ)

แสงสว่างก็ไม่เกิด

 

เปรียบเหมือน

เทียนเราก็ดับ อับแสงลง

 

แล้วเทียนที่เขามาต่อ

ก็ดับอับแสงลง อีกเช่นกัน

แล้วจะเอาแสงสว่างที่ไหนจ๊ะ

 

แต่

ที่บอกว่า

ให้บอกให้มาก

ไม่ต้องสนใจ ว่าใครไม่เชื่อ

ก็เพราะว่า

 

อย่ามาเสียเวลา

กับคนไม่เชื่อ

ทำให้เราไม่ได้เผยแพร่รหัส

 

หรือ

ทำให้เรา

เสียเวลา ในการค้นหา

คนที่เชื่อ หรือ คนที่จะมาต่อเทียน

ติด

 

ซึ่ง

ถ้าเราบอก 10  คน

แล้วมีคนเชื่อ 1 คน เราก็คุ้ม

 

แล้วถ้าบอก 100 คน

ก็มีคนเชื่อ 10 คน

เราก็กำไรแล้ว

 

แสงเทียนของเรา

ก็สว่างไสวแล้ว

 

แต่ถ้าเรา

เป็นพวกเล็งผลเลิศ

บอกใครแล้ว พอเขาไม่เชื่อ

ก็เครียด โกรธ หางว่าเขาโง่มั่งหละ

พาลไม่บอกต่อบ้างหละ

 

อันที่จริง

เรานั่นแหละโง่ กว่าเขา

เพราะ

เรารู้ดีกว่าเขา

 

เรารู้แล้วว่า

คนจะตายเยอะมาก

จะรอดน้อยมาก

 

ก็รู้ทุกอย่างแล้ว

ยังจะไป มัวช่วยคนที่

ไม่อยากรอด

 

เผลอๆ

เรานั่นแหละ

ที่จะไม่รอด เพราะมัวเครียด

มัวท้อ รอจนเทียนตัวเอง

ดับ อับ แสง ลง

 

นี่เป็นความลับ

ที่อาจจะดูซับซ้อน

แต่ก็ ไม่ซ่อนเงือน ทุกคน

มีแก้วสารพัดนึก

อยู่ในมือ

 

แล้วไม่รู้จักรักษาไว้

 

ใครก็ช่วยใครไม่ได้

นะจ๊ะทูนหัว

 

งานนี้

ตัวใคร ตัวมัน

พ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง

ช่วยกันไม่ได้เลย

 

จะตายกันเกลื่อนกลาด

จนน่าอนาถ น่าเวทนา

เราจะเห็น

คนที่เรารู้จัก เป็นญาติสนิท

เป็นมิตรสหาย ตายต่อหน้าต่อตา

เพราะ

ไม่มีศรัทธา ต่อรหัส

อ.อุบล ช่วยด้วย

 

แม้

ว่าการให้ใช้

ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง

ไม่ต้องมาพบ ไม่ต้องมารู้จัก

อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด

แม้แต่สักนิด ก็ไม่มี

 

อ.อุบล คนนี้

ไม่ต้องการให้ใคร

มาขอบคุณ มากราบ มาไหว้

มาหา มาเห็นหน้า เห็นตา

(แกเป็นคนขี้รำคาญ)

 

แกต้องการ

เพียงแค่ให้ผู้คน

รอดตาย

สมหวัง ดั่งเป็นเทวดา

สำเร็จทุกสิ่งที่ปรารถนา

ไร้ปัญหา ไร้อุปสรรค

 

นี่แหละ

ที่เขาเรียกว่า

อารมณ์ใจของเทวดาละ

 

เพียงแค่คิด ก็เกิด ไงล่ะ

 

คราวนี้พวกเรา

เข้าใจรึยัง

 

เราจะให้พวกสัตว์นรก

แปลงกาย เป็นเทวดา นั้นอย่าหมาย

 

เราจะช่วยได้ บอกได้

แต่

พวกเทวดา นางฟ้า

พระอริยเจ้า

หรือ

ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่

พระโสดาปฎิมรรคเท่านั้น

(ยังไม่เป็นพระโสดาบัน แต่เขากำลังพยายามอยู่)

 

ว่าแล้ว

ก็เร่งสะสม

แสงสว่างให้ตัวเอง

ให้มากที่สุด นะจ๊ะ

 

ขอให้โชคดี

ปี 55 จ๊ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 21:42:01


ความคิดเห็นที่ 665 (1588606)

กราบขอบพระคุณค่ะ

โมทนาสาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบญจรัตน์ สีทองสุก (benjarats-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 22:06:00


ความคิดเห็นที่ 666 (1588607)

อีกหนึ่งความลับ

ของจักรวาล

คือ

ทุกบ้าน ทุกสถานที่

ที่มีพีระมิดจำลอง

จากมวลสารบ้านสวนพีระมิด

หรือ

มวลสารบุปผามาลี

หรือ

รุ่นรับเสด็จพระปฐม

หรือ

ทุกรุ่น

ของบ้านสวนพีระมิด

(ของจริง)

จะแคล้วคลาดปลอดภัย

จากภับพิบัติ

 

พิสูจน์ได้จาก

น้ำท่วม

ที่ผ่านมา มีใครบ้าง

ที่มีพีระมิด แล้วรอดปลอดภัย

ให้มาเล่าในกระทู้นี้ด้วยจ๊ะ

 

อานิสงส์

จะยิ่งทำให้ท่านที่บอกเล่า

มีพลังแสง คุ้มครอง บ้านที่อยู่

ชีวิต และ ทรัพย์สิน

มากยิ่งขึ้น

 

แต่พลัง

ของแต่ละรุ่น

ก็มาก ตาม อานุภาพ

ที่ได้บอกไปแล้ว

 

อันที่จริง

การมีพีระมิดจำลอง

ต้องเสียเงินบูชา

 

ถ้าคนที่ลำบากยากจน

ให้ใช้ แต่ รหัส ก็ได้

 

แต่ถ้าคนไหน

ต้องการให้พีระมิดช่วย

คุ้มภัย แบบ ชัวร์ๆ

ก็พึ่งพีระมิดจำลอง

แต่ต้องมีทรัพย์

ไม่เดือดร้อนนะ

 

เพราะ

เบื้องบนท่านเตรียม

ทางออกไว้ให้ คนทุกฐานะ

 

อย่างรหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

คนจน คนรวย ใช้ได้เท่าเทียมกัน

 

แต่

พีระมิดจำลอง

เสื้อบ้านสวน สฟิงซ์

กำไลปะโตเมตัง ต่างหู

แหวน เครื่องสำอางพาเมล่า

ต้องมีกะตัง นะ ถึงจะมีได้

 

แต่ถ้าเป็นรหัสนะ

ใช้ไปเล้ย

 

แม้ว่าพีระมิดจำลอง

จำเป็นอีก 1 ความลับของจักรวาล

ก็คงมีความพิเศษพิสดาร

กับผู้ได้บูชา ได้ใช้

ได้พบเจอ

ความศักดิ์สิทธิ์

ถ้าฐานะทางการเงิน

ไม่ติด ไม่ขัด ก็ค่อยจัด

ค่อยหาไว้

ป้องกันอันตราย

ครอบคลุม มีรัศมีเลยนะ

 

ต่างกับรหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

ตรงที่

รหัส ต้องท่อง ต้องนึก

แล้วใช้ได้เฉพาะบุคคล

 

แต่

พีระมิดจำลอง

ช่วยได้ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน

บริวาร คนที่อยู่ในรัศมี ช่วยหมด

 

แต่ถ้าคนเลว

คนไม่ศรัทธา ไม่มีศีล 5

ก็จะมีการสร้างสาเหตุให้

ไม่ได้รับความช่วยเหลือเอง

 

พีระมิดจำลอง

นี่ก็

ยุติธรรม

เหมือน

รหัส อ.อุบล ช่วยด้วย

นั่นแหละ

 

คือ

ต้องมีศรัทธา

 

คนที่มีพีระมิด

แต่ไม่ศรัทธา ก็ไม่ช่วย

 

เจอน้ำท่วม

ก็อาจท่วมก่อนใคร

มากด้วย

 

แต่ถ้าศรัทธา

แม้อยู่ในที่ ที่คนเขาท่วม

บ้านตัวเองก็ไม่ท่วม

หรือท่วมก็ไม่เสียหาย

 

ยกตัวอย่าง

หัวหน้าการประถมศึกษา

อำเภอ มาจาก อยุธยา

แกมาขอบคุณ

เมื่อวันเสาร์

 

แกเล่าว่า

ผมอัศจรรย์ใจมาก

ที่อยุธยาน้ำท่วมมากที่สุด

ปีนี้

 

บ้านผมก็อยู่ในพื้นที่ น้ำท่วม

แต่

ลูกสาวผมมีพีระมิดจำลอง

จากมวลสารบ้านสวนพีระมิด

รุ่น 200 บาท 2 องค์

 

ทั่วทั้งหมู่บ้านผม

น้ำท่วม จนเลยหน้าต่าง

และ ผมจะมองดูบ้านใกล้กัน

ตลอดเวลา มองขอบหน้าต่าง

เห็นน้ำขึ้นตลอด สูงขึ้นเรื่อยๆ

แต่

บ้านผม

น้ำแค่ตาตุ่ม

ผมเก็บของขึ้นชั้น 2 หมดแล้ว

ไม่มีอะไรต้องกังวล

 

ที่สำคัญ

บ้านติดกัน และ

บริเวณนั้น น้ำมันขึ้นตลอด

มีบ้านผมเท่านั้น

ที่น้ำไม่ขึ้น

 

มันเป็นไปได้ยังไง

แต่

มันเป็นไปแล้ว

ผมเห็นกับตา

 

แล้วผมก็ต้องหนีไปอยู่

กทม. บ้านลูกสาว

เพราะว่า

ถึงบ้านผมไม่เดือดร้อน

แต่

ผมก็ต้องใช้เรือ

ไปซื้อหาอาหาร ทำให้ผมต้องไป

อยู่ กทม.

 

ระหว่างอยู่ กทม.

ผมก็โทร.มาถามคนข้างบ้าน

ว่าน้ำบ้านผมเป็นยังไง

 

เขาบอกว่า

บ้านผม เท่าเดิม

 

แต่บ้านเขา น้ำขึ้น

 

อันนี้

เป็นการยืนยัน

ความลับของจักรวาล

ที่จะช่วยเรื่องภัยพิบัติได้

ด้วย

พีระมิดจำลอง

บ้านสวนพีระมิด

 

ออกอากาศอาทิตย์นี้

อย่าลืมดูให้ได้

 

เผย

ความลับของจักรวาล

แล้วนะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 22:11:22


ความคิดเห็นที่ 667 (1588611)

 

กราบขอบพระคุณท่านอ.แม่เป็นอย่างยื่ง

สำหรับความลับของจักรวาล

บ้านของลูกที่สามย่ามและสมุทรปราการ

ก็พ้นภัยน้ำเช่นกันเจ้าค่ะ

ลูกก็บูชาไว้หลายองค์

ว่าจะไปบูชาเพิ่มอีกเจ้าค่ะ

สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนึงนุช พงษ์ดี (kanungnuch03-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 22:34:00


ความคิดเห็นที่ 668 (1588628)

 

    อาจารย์ขา  ทราบแล้วค่ะว่า  ทั้งรหัสลับ อาจารย์อุบลช่วยด้วย

และความลับของสิ่งบูชาต่าง ๆ ของบ้านสวน  เป็นรหัสลับ

ที่ค่อย ๆ เปิดเผย  อานุภาพให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ 

อย่างชัดเจนขึ้นทุกวัน  ยิ่งอ่านความเห็นที่ 668  ของอาจารย์

ต้องอ่านดี ๆ ถึงจะเห็นว่าอาจารย์   เปิดเผยความลับอะไรอีก

(อาจารย์ขา  ขออนุญาตแซวนิดหน่อยนะคะ )

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉวีวรรณ นภาพรรณราย (ตาล) (cha2508-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 23:45:34


ความคิดเห็นที่ 669 (1588633)

ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา บ้านอยู่แถวพัฒนาการไม่ท่วมค่ะ  หมู่บ้านข้างๆมีท่วมแต่หมู่บ้านที่อยู่ปลอดภัยดีค่ะ บูชาพีระมิดรุ่นธรรมดา 4 องค์(วางในบ้าน 4 มุมที่ชั้นล่าง) รุ่นบุปผามาลีบูชามา3องค์ ให้เพื่อนไป 1 องค์ เหลือ 2 องค์ วางที่หิ้งพระและเหนือตู้เสื้อผ้า

บ้านเพื่อนที่ให้ไปอยู่แถวบางกรวยค่ะ ท่วมถึงในบ้านประมาณอก แต่ทุกคนปลอดภัย ออกมาอยู่ข้างนอกหมดหลังจากที่กันน้ำจนกำแพงข้างบ้านถล่ม บอกรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วยไปแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าได้ใช้รึเปล่า ทรัพย์สินเสียหายตามสภาพ รถห่อไว้น้ำไม่เข้าไม่มีรา แค่อยู่รอดปลอดภัย ไม่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางน้ำ หนูก้อว่าดีมากๆแล้วค่ะ

ส่วนรหัสอาจารย์อุบลช่วยด้วย หนูก้อใช้ได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง บอกต่อไม่มาก(แอบกลัวไปก่อนว่าคนจะปรามาส) จะพยายามใหม่ค่ะ

กราบขอบารมีสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้หนูคิดและทำในสิ่งที่ถูกที่ควรด้วยค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น อรศรี ชุติเนตร (aurasri05-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-15 23:51:18


ความคิดเห็นที่ 670 (1588635)

ที่บ้านผมมี มีปิรามิดจำลอง บ้านสวน อยู่ หลายองค์ ครับแล้วก็มี องค์เทพสฟิงค์ อยู่ 1 คู่ ช่วงที่น้ำท่วม อยู่ที่บ้านยังไงก็ คิดว่ามันก็คงต้องท่วมบ้าง เพราะ ซอยข้างๆ ท่วมถึงหัวเข่า กันหมด แต่ซอยผม ไม่ท่วมน่ะครับ เท่าที่ถาม พี่ๆหลายๆคนก็เป็นนะครับ จากท่วมมากๆ ก็ ท่วมน้อย จากท่วมน้อย ๆ เหมือนแถวบ้านผม(ลาดกระบัง กทม.) ก็ไม่ท่วมเลย ผมก็คิดว่าต้องเกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และผลบุญแน่ๆ

ขอกราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆพระองค์ และท่านอาจารย์อุบล ครับ ให้ผมได้มีโอกาสมาสร้างบุญกับบ้านสวน และเกิดแต่สิ่งดีดีครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น วีร์พสุตม์ ลิ้มสกุลภักดี (เอิ้น) (weepasuth-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 00:04:13


ความคิดเห็นที่ 671 (1588673)

กราบอนุโมทนากับท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

ที่เมตตามาเปิดเผยความลับสวรรค์

และจักรวาล ให้พวกเราได้

รู้กันชัดๆ และเต็มๆในทุกๆเรื่อง

 

ชนิดาก็แอบลุ้นๆอยู่ว่า

เมื่อไหร่อาจารย์จะเมตตา

มาเขียนแบบชี้่ชัดๆหนอ

ยิ่งภัยใหญ่ระดับบิ๊กๆใกล้เข้ามาแล้ว

รู้สึกได้ทันทีถึงความเมตตา

จากเบื้องบนและท่านอาจารย์

หลังจากที่เปิดโอกาสให้พวกเรา

ได้บูชา พีระมิดจำลองรุ่นบวงสรวงฯ 

 

กราบขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ทุกๆพระองค์และท่านอ.อุบลด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 06:15:42


ความคิดเห็นที่ 672 (1588675)

บ้านผมอยู่คลองเปรมประชากรแถวนิคมนวนครแม้น้ำจะท่วมชั้น1ประมาณเอว แต่ของกินของใช้ก็มีคนนำมาแจกให้มากมายครับผมมีพีระมิดจำลองรุ่นบุพผามาลี 3 องค์ของในบ้านก็ไม่เสียหาย

ผู้แสดงความคิดเห็น ทองคูณ ชื่นชาติ (cthongkhun-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 08:17:08


ความคิดเห็นที่ 673 (1588692)
image

เมื่อวานอ่านเว็บพลังจิต

แล้วเจอรูปนี้ซึ่งเป็นรูปจากหนังสือพระมหาชนก

ทำให้คิดว่าทำไมต้องให้คนอยู่ในสามเหลี่ยม

หรือสามเหลี่ยมหมายถึงพีระมิด

ผู้แสดงความคิดเห็น อัญมณี สีทองสุก ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 09:48:35


ความคิดเห็นที่ 674 (1588703)

ถ้ามีคนมา

เจาะ

แบบ คุณอัญมณี

 

เบื้องบน

ก็จะอนุญาตให้

อ.อุบล บอกไปเรื่อยๆ

แต่ถ้า ไม่ มีแต่ รอ

ก็รอไปเรื่อยๆ เหมียนกัลล์

 

รูปทรง สมเหลี่ยม

หรือ พีระมิด อันที่จริง

คือ ทรงเจดีย์

 

เจดี หลวงพ่อฤาษี ท่าน

บอกว่า

คือสัญญลักษณ์

แทนองค์

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นั่นเอง

 

ดังนั้น

รูปที่มีผู้คนทำ

ความดี

อยู่ใน รูป สามเหลี่ยม

ก็คือ

 

การทำความดี

ของทุกคน

จะอยู่ในสายพระเนตร

พระกันฑ์ของพระพุทธองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาล

และ

จะได้รับความคุ้มครอง

ป้องกัน ให้ปลอดภัย

ด้วยเดช อำนาจ ฤทธานุภาพ

จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน

ทุกพระองค์

 

ตั้งแต่

ผู้มีบุญ บารมี

และ มีฤทธิ์ มีอำนาจ

สูงสด จนถึง ต่ำสุด ในจักรวาล

นั่นเอง

 

ให้ดูจาก

ยอดแหลมของสามเหลี่ยม

ไล่ระดับลงมา

ฐาน จะกว้าง ออกไป

เรื่อยๆ

 

นั่นหมายความว่า

ยอดสุด

คือ

พระปฐมบรมธรรมบิดา

พระศาสดา

ของ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทุกพระองค์

 

ถัดลงมา

คือพระปฐมบรมศาสดา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

ถัดมาคือ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทุกพระองค์

 

 

ถัดลงมา

คือพระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

 

(รวมพระอัครสาวก)

 

ต่อมาคือ

พระอรหันต์ทุกพระองค์

 

ต่อมาคือ

พระศาสดาของ

ทุกศาสนา

 

ต่อมา

ก็สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ทั่วทั้งจักรวาล

 

ต่อมา

ก็ผู้ทรงศีลทรงธรรม

ทุกพระองค์

ทุกคน

 

ต่อมาก็

พระอริยเจ้าทั้งหลาย

จะอยู่สูงต่ำ ตามระดับ

 

อันนี้บอก

แบบหยายๆ นะ

 

ยังมีความลับอีกมาก

ในรูปภาพนี้

 

ใครรู้แล้วก็ช่วยกัน

มาบอกเล่าที

 

แต่ถ้าใคร

ไม่อยากรู้ ก็จะบอกแค่นี้

นะตัวเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 11:10:06


ความคิดเห็นที่ 675 (1588727)

ยังมีความลับอีกมาก

ในรูปภาพนี้

 ใครรู้แล้วก็ช่วยกัน

มาบอกเล่าที

 

แต่ถ้าใคร

ไม่อยากรู้ ก็จะบอกแค่นี้

นะตัวเอง

กราบอนุโมทนาบุญสำหรับธรรมทาน

ของอาจารย์แม่อุบล เป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ

ที่เมตตาไขปัญหาความลับของพีระมิดเจ้าค่ะ

น้องทรายอยากทราบเจ้าค่ะอาจารย์แม่แต่ ด้วยสมองอันน้อยนิด ๆ ๆ ทีมีอยู่ไขความลับจากรูปข้างต้นไม่ได้เลยเจ้าค่ะ  น้องทรายขอรอความเมตตาของอาจารย์แม่มาไขความลับนะเจ้าค่ะ

พี่น้อง บ้านสวนฯคร้าบ ใครทราบก็กรุณามาช่วยตอบด่วน ๆ เลบคร้าบผม

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 13:23:28


ความคิดเห็นที่ 676 (1588733)

นี่ก็เป็นรูปพีระมิดหรือเจดีย์อีกรูป

ที่อยู่ในหนังสือพระมหาชนกเจ้าค่ะอาจารย์แม่อุบล

ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย สัญลักษณ์ของการให้การศึกษา

โดยใช้ความรู้คู่ปัญญาเพื่อการอนุรักษ์พัฒนา

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 13:35:21


ความคิดเห็นที่ 677 (1588768)

ขอความเมตตาจากอาจารย์อุบล

เมตตาไขความลับภาพพีระมิดต่อด้วยนะครับ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 17:20:37


ความคิดเห็นที่ 678 (1588770)

สาธุ  ขออนุโมทนาในธรรมทานจาก  อ.แม่อุบล และทุกคนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มาโนช ปินตามูล (vathanya108-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 17:36:47


ความคิดเห็นที่ 679 (1588779)

สาธุลูกมีความปลื้มปีติเหลือเกินที่อาจารย์อุบลได้เมตตายืนยันถึงการทรงมีอยู่ขององค์สมเด็จพระบรมธรรมบิดา

ที่ลูกทราบพระนามและรู้จักพระองค์จากแสงทิพย์นิพพานเปิดเผยโดยคุณแม่เกษร 

คุณแม่เกษรได้กราบขออนุญาตถวายพระนามพระองค์ว่า 

องค์สมเด็จพระวิสุทธพุทธรังสีบรมธรรมบิดา

ลูกเรียกพระนามพระองค์สั้นๆว่า  พระบรมธรรมบิดา  ครับ

ทุกศาสนาและทุกนิกายได้ถวายพระนามต่างๆกันมากมาย

ซึ่งในยุควิกฤตการณ์นี้  พระบรมธรรมบิดาได้มีพระมหาเมตตา

ส่องสว่างพลังแสงทิพย์นิพพานมายังสามโลก

ให้สรรพสัตว์สรรพวิญญาณทั้งสามโลก

ได้รับรู้ถึงต้นกำเนิดเดิมแท้ของจิตพุทธะประภัสสร

ซึ่งทุกดวงจิตได้รับกำเนิดมาจากพระบรมธรรมบิดา

พระองค์ได้ทรงเมตตาให้ทุกดวงจิตมาเรียนรู้โลกสมมติ

เมื่อจบหลักสูตรไม่ยึดติดในโลกทั้งสามแล้วก็กลับไปบ้านทิพย์นิพพานได้

แต่รุ่นแล้วรุ่นเล่าหลังๆมาดวงจิตที่เคยเป็นจิตพุทธะประภัสสรก้หลงในรูป  รส  กลิ่น  เสียง

ต้องวนเวียนในวัฏฏะสงสารกันนานแสนนานนับประมาณไม่ได้

องค์สมเด็จพระบรมธรรมบิดาโปรดเมตตาประทานพระศาสดาของศาสนาต่างๆ

นำพาลูกๆของพระองค์กลับบ้านพระนิพพาน

........................................................................................................

...............ในความว่างไม่ว่างเปล่า  มีจิตองค์พระบรมธรรมบิดาเจ้า  พระผู้สร้างสุริยะจักรวาลทั้งสามโลก  คือศูนย์พลังธรรมชาติ  ทุกศานาได้กำหนดหมายถวายพระนาม  ต่างๆ  นาๆ  คือ  องค์พระผู้เป็นเจ้า  (GOD)  ,  พระอนุตรธรรมมารดา,  องค์สมเด็จพระบรมธรรมบิดา,  องค์สมเด็จพระทรงปราบมาร, ท่านพ่อเกิดแม่เกิด.................................

ข้อมูลจากหนังสือแสงทิพย์นิพพาน  หน้าแรก  ย่อหน้าที่สาม  โดย  อาจารย์ใหญ่แสงทิพย์นิพพาน  คุณแม่เกษร  สุทธจิต  จันทร์ประภาพ

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 18:15:26


ความคิดเห็นที่ 680 (1588780)

และ

อ.อุบล

บ้านสวนพีระมิด

ก็ได้ขอพุทธานุญาต

 

ถวายพระนาม

พระชำระหนี้แผ่นดิน

 

องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

นี้ว่า

สมเด็จพระปฐม

บรมธรรมบิดา พระศาสดา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

มีความหมายว่า

พระองค์

คือ

ธรรมชาติ

ที่สร้างพระพุทธเจ้า

ทุกพระองค์ขึ้นมา

 

สร้างศาสดา

ทุกศาสนาขึ้นมา

 

และ

สร้างพวกเราทุกคน

ขึ้นมา ด้วย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (pamelasoap-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 18:25:16


ความคิดเห็นที่ 681 (1588781)

กราบอนุโมทนาสาธุในบุญบารมีและญาณทัศนะของอาจารย์อุบลด้วยนะครับ

ที่ได้ถ่ายทอดเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนธรรมะอันดีงามจากพระเบื้องบนพระนิพพาน

แก่ลูกๆ  หลานๆ  ที่มีบุญสัมพันธ์  เป็นเครือพันธ์แห่งพระพุทธเจ้า

ให้เข้าใจในธรรมะ  ธรรมชาติ  ที่มีอยู่แล้ว

เปิดในสิ่งที่ปิด  หงายสิ่งที่คว่ำ

ช่วยเหลือโปรดลูกหลานเรื่อยมา

โดยที่อาจารย์อุบลไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทนแม้แต่น้อย

ลูกขอสรรเสริญในคุณงามความดีของอาจารย์อุบล

สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 18:40:11


ความคิดเห็นที่ 682 (1588784)

 

               ลูกนางดวงกมล เตชะภูมิ ขอกราบขอบพระคุณท่านอ.อุบลเป็นอย่างสูงค่ะ.. บ้านที่กรุงเทพฯของลูกอยู่แถวบางแค ซึ่งกทม.

ประกาศเป็นเขตอพยพ ทั้งหมด และในหมู่บ้านก็มีน้ำท่วม แต่ที่บ้านของลูก น้ำเข้ามาแค่บริเวณที่จอดรถเท่านั้นค่ะ..เป็นเพราะลูกได้บูชาองค์

พีระมิดจำลองไว้แท้ๆค่ะ..ขออนุโมทนาสาธุ...

ผู้แสดงความคิดเห็น ดวงกมล เตชะภูมิ (duangkamol-dot-t-at-kasikornbank-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 19:29:16


ความคิดเห็นที่ 683 (1588788)

กราบอนุโมทนาสาธุบุญบารมีของท่าน อ.อุบล ที่ได้สร้างสมเด็จพ่อองค์ปฐมบรมบิดาพระผู้ยิ่งใหญ่ ที่สุดแ่ห่งแดนทิพย์นิพาน นับว่าเป็นมหาบุญ มหากุศลอันยิ่งใหญ่ที่ลูกๆจะได้ร่วมสร้างพระผู้สูงสุด ขออนุโมทนาบุญกับ ท่านอ. และครอบครัว รวมทั้งญาติธรรมทุกท่านด้วยค่ะ บ้านสวนพีระมิดก็คือ(บ้านนิพพานธรรมนั้นเอง) ขอให้ลูกมีโอกาสได้ใช้แรงกายร่วมสร้างบุญใหญ่ในครั้งนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี (aon_aunsri-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 19:56:32


ความคิดเห็นที่ 684 (1588789)

ตอนที่น้ำมาถึงจังหวัดนนทบุรี

เหลือแค่อำเภอเมืองที่น้ำยังไม่ท่วม 

แต่ก็มีข่าวลือต่างๆ ว่าคันกั้นน้ำที่ท่าน้ำนน์,

ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  หรือที่อื่นๆ พัง

แต่ก็สามารถกู้ได้ 

แถมตอนที่น้ำทะลักเข้าคลองประปาทำให้

น้ำท่วมช่วง พงษ์เพชร ก็ท่วมได้ฝั่งเดียว

ทางไป ม.เกษตร แต่น้ำไม่ข้ามมาฝั่งเดอะมอลล์

ตัวเองอยู่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ใกล้ศาลากลางนนทบุรี

ก็รับฟังข่าวสารต่างๆ เหมือนน้ำท่วมรอบๆเรา

แต่ไม่เข้ามาซะที 

 จริงๆแล้วตัวเองมีความเชื่อมั่นว่า

น้ำจะไม่ท่วมบ้านแน่นอน 

ที่บ้านมีรูปท่านอ.อุบล  องค์พีระมิดจำลองหลายองค์ ธนาบัตรขวัญถุง องค์สฟริงค์

แถมธรรมะจัดสรรให้ต้องไปทำงานต่างจังหวัด

ตลอดช่วงน้ำท่วม 

และบริษัทฯ ยังใจดี ให้เราไปอยู่ที่ไหนก็ได้

ไม่ต้องอยู่ในกรุงเทพ 

จึงใช้ชีวิตอยู่ระหว่างบ้านสวนพีระมิด

โคราชบ้านเกิด และ ขอนแก่น

อ้อยเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่า

ที่ตัวเองและทรัพย์สินต่างๆ

ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเลย

เป็นอานิสงส์ผลบุญ จากที่มาทำบุญที่บ้านสวนพีระมิด  และมีองค์พีระมิดจำลองไว้ที่บ้าน

ซึ่งสามารถคุ้มครองทั้งตัวเราและบริเวณใกล้เคียงด้วย 

กราบขอบพระคุณท่าน อ.อุบล และครอบครัว

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ที่ช่วยคุ้มครองลูกให้ปลอดภัยจาก มหาอุทกภัยที่ผ่านมา

ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อย (ปาริชาต ชมภู) (parichat-dot-chompoo-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 20:15:20


ความคิดเห็นที่ 685 (1588792)

โมทนาค่ะ

คุณอ้อย

ผู้แสดงความคิดเห็น หมวย พรรณสรลี ชูตระกูล (wattanachai-dot-chut-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 20:24:01


ความคิดเห็นที่ 686 (1588824)

กระผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์และขออนุโมทนาบุญกุศลที่ท่านอาจารย์ได้ให้ธรรมทานอันยิ่งใหญ่ ให้ความรู้เรื่องแดนนิพพานและ

สมเด็จพระปฐม

บรมธรรมบิดา พระศาสดา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

และขออนุโมทนาบุญกับคุณเบลล์ด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ยุทธนา ยานุทัย (yyanuthai-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-16 23:12:00


ความคิดเห็นที่ 687 (1588831)

ลูกขอกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนทุกพระองค์ อาจารย์อุบล ที่ยังความเมตตาแก่มวลมนุษย์ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น นงนภัส บุญเยี่ยม (chanyab6-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-17 00:30:02


ความคิดเห็นที่ 688 (1588865)

 ช่วงน้ำหลากมาจากเหนือ  อำเภอพรานกระต่าย  จ.กำเเพงเพชร น้ำท่วมคลุมพื้นที่เกือบทั้งอำเภอ

ไม่ว่าเดินไป ณ จุดใด  น้ำก็ท่วมอย่างต่ำ คือ ระดับเข่า

 ถนนทางเข้าหน้าบ้านของหนู  รวมทั้งประตูบ้านก็ท่วมสูงอย่างต่ำก็คือ เข่า  

ทั้งที่ทางเข้าบ้านเป็นทางเรียบเสมอกันเเต่น้ำกลับมาจ่อเเค่หน้าบ้านเท่านั้นไม่เข้าไปในบ้าน

 ส่วนด้านหลังบ้านที่เป็นโซนเก็บของพื้นที่ต่ำมากน้ำก็เข้ามาสูงเเค่ตาตุ่ม

 ทั้งที่บ้านอื่นท่วมเเต่บ้านของหนูด้วยอานุภาพของพีระมิดจากมวลสารบ้านสวนพีระมิด  

ทำให้ไม่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในคราวนี้

 ลูกขอกราบคุณพระพุทธองค์  เสด็จพ่อท่านท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ  

ท่านอาจารย์อุบลและครอบครัว ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาล

ขอกราบขอบพระคุณในพระเมตตาเป็นอย่างสูงสุดเจ้าค่ะ  สาธุค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประภาสิริ ถาวร (มิ้ม) (prapasiri_mim-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-17 10:34:01


ความคิดเห็นที่ 689 (1588890)

กราบอนุโมทนากับอาจารย์อุบลและทุกท่านด้วยคะ สาธุ

เรื่องพีระมิดจำลอง กับ น้ำท่วม กทม. ที่ผ่านมา

หนูเองก็ขอยืนยันอีกหนึ่งเสียงว่ามีอานุภาพสูงส่งจริง ๆ

 

หนูได้มอบพีระมิดให้แฟนบูชาไว้ในรถทุกคัน และที่บ้าน ที่ทำงาน

ขอบอกว่า..รอด..ทุกที่ น้ำไม่ท่วมเลยคะ

แต่.. ตามที่ท่านได้เมตตาบอกไว้

แม้มีความคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ทุกอย่างก็หนีไม่พ้น กรรม

รถของแฟนคันหนึ่ง ได้นำไปไว้ที่อู่ซ่อมรถ หลังจากนั้นน้ำก็ท่วมพอดี

ปรากฏว่า ตัวรถทั้งคันไม่โดนน้ำท่วม

แต่เครื่องยนต์ที่ยกออกมาจากรถโดนน้ำท่วมซะงั้น

ก็แบบนี้ คงเป็นไปตามกรรมนะคะ

 

กราบขอบพระคุณอ.อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ พระองค์คะ สาธุ ๆ ๆ

 

อยากรู้ความลับในภาพจากคุณอัญมณีต่ออีกคะ

รูปจากน้องทรายก็น่าสนใจ

ดูแล้วน่าจะมีความหมายเหมือนที่อ.อุบลบอก

เหมือนคนที่อยู่ในรูปสามเหลี่ยมจะปลอดภัยได้รับความคุ้มครอง

แม้บ้านเมืองข้างนอกจะเป็นอย่างไรก็ตาม

 

และดีใจมากที่สุดที่จะได้มีโอกาสร่วมสร้างพระที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้คะ สาธุ...

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พัทธ์ธีรา วังกาวันมณเฑียร (vann_ult-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-17 15:04:58


ความคิดเห็นที่ 690 (1588910)

บ้านอยู่ที่หลักสี่ มีองค์พีระมิดจำลองไว้ที่บ้านทั้งหมด 10 องค์ น้ำท่วมบริเวณรอบๆ บ้าน และได้ก่อกำแพงอิฐบล็อคป้องกันไว้ น้ำไม่เข้าในตัวบ้านเลยคะ

และขอกราบอนุโมทนากับอาจารย์อุบลและทุกท่านด้วยคะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น จรัญญะฌา นิธิสัมพันธ์ (ohohooi-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-17 18:31:30


ความคิดเห็นที่ 691 (1588918)

อุทกภัย ที่ผ่านมา ด้วยรหัสอ.อุบลช่วยด้วย  และความศักสิทธิ์องค์พีระมิด และทุกสิ่งทุกอย่างแห่งบ้านสวนพีระมิด ทําให้ลูกอยู่รอดปลอดภัย ทุกประการค่ะ ลูกขอขอบพระคุณ สิ่งศักสิทธิ์ทุกพระองค์เจ้าค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น อร อุ่นศรี (aon_aunsri-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-17 19:52:14


ความคิดเห็นที่ 692 (1588953)

การทำความดี

ของทุกคน

จะอยู่ในสายพระเนตร

พระกันฑ์ของพระพุทธองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาล

และ

 

จะได้รับความคุ้มครอง

 

ป้องกัน ให้ปลอดภัย

ด้วยเดช อำนาจ ฤทธานุภาพ

จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน

ทุกพระองค์

 

ตั้งแต่

ผู้มีบุญ บารมี

และ มีฤทธิ์ มีอำนาจ

สูงสด จนถึง ต่ำสุด ในจักรวาล

นั่นเอง

..........................................

กราบอนุโมทนาสาธุ

ในธรรมทานอันยิ่งใหญ่

และให้ความเชื่อมั่นกับพวกเราทุกคนว่า

การอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม

แห่งคุณงามความดีแล้ว

กรอบสามเหลี่ยมหรือพีระมิดนี้

จะคุ้มครองพวกเราทุกๆคนให้รอดปลอดภัย

และมีแนวทางในการดำเนินชีวิต

ที่เป็นสุขไปได้ชั่วนิรันดร์ 

แต่อย่างทีอาจารย์เมตตาบอกว่า

รูปภาพนี้ยัีงมีความลับซ่อนอยู่อีกมากมาย

จริงๆพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก"

ได้สอนหลักธรรมและซ่อนความลับ

กับเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้น

ไว้อย่างละเอียดและเป็นลำดับขั้นตอน

ว่าอะไรจะเกิดก่อน หลัง

และมีข้อสังเกตุให้ได้สังเกตุ

เรียกได้ว่า อ่านพระมหาชนกแล้ว

ทำให้พวกเรา

รู้ว่าจะเกิดภัยพิบัติตอนไหน?
รู้ว่าเกิดอะไรบ้าง?
รู้ว่าเกิดที่ไหนก่อน?
รู้ว่าเกิดจากอะไร?
รู้ว่าต้องเตรียมเสบียงอย่างไร?
รู้ว่าเมื่อไหร่จึงต้องหลบภัย?
รู้ว่าต้องหลบไปทางไหน?
รู้ว่าต้องทำอะไรจึงจะรอด?

รู้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ และถึงรู้ก็ยังไม่ตระหนักเชื่อ...

หมดข้อสงสัยแล้ว...

พ่อของเราทราบและเตรียมการล่วงหน้ากว่า 25ปี

พระท่านเตรียมการมา 10 กว่าปี
สร้างเงื่อนไขเสบียงบุญให้คนหมู่ใหญ่เท่าที่พอจะทำได้..

อีก 2 ปี ต้องสละเรือ

หลังจากนั้น..
ใครไม่รอดก็คงพอมีเสบียงบุญ

ใครรอดก็จะได้ทำหน้าที่ต่อ
ขอให้บุญรักษาครับ

(ข้อความนี้ เขียนโดย คุณ ธัมมะอาสา แห่งเว็บพลังจิต)

เขียนเมื่อปี 2010

...........................................................................

และจากภาพในกระทู้ที่ 675

ก็มีนัยยะซ่อนอยู่อีก

เกี่ยวกับเหตุการณ์

น้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น

เป็นการบอกว่าระดับน้ำที่จะมานั้น

ก็จะท่วมสูงมิดหลังคาบ้านเรือนผู้คน

จนถึงระดับกำแพงวัด(พระแก้ว)

แต่ไม่ท่วมถึงยอดวิหาร

..........................................

ว่าแล้วก็รอ ท่านอาจารย์เมตตา

มาเปิดเผยความลับอื่นๆต่ออีกนะคะ

 

เพราะที่ชนิดาเขียนมาทั้งหมดนี้

ก็เป็นสิ่งที่รู้ได้จากการใช้"สัญญา"

มิได้รู้ได้จาก"ปัญญา"ภายใน

เช่นท่านอาจารย์แต่อย่างใด

 

กราบอนุโมทนาล่วงหน้าค่ะอาจารย์

สาธุ สาธุ สาธุ

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-18 00:19:51


ความคิดเห็นที่ 693 (1588954)

อนุโมทนากับรูปภาพจากคุณ อัญมณี

น้องทราย รวมถึงธรรมทาน

และความคิดเห็นจากทุกๆท่านด้วยนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

.........................................

ส่วนภาพที่น้องทราย นำมา

ก็มีความหมายซ่อนอยู่มากมาย

แต่ชนิดาขอนำเวอร์ชั่นที่คุณ โฟล์คแมน

แห่งเว็บพลังจิต สรุปไว้สั้นๆมาฝากทุกๆท่าน

ดังนี้ค่ะ

 




ดูรูปนี้แล้วจะเห็นว่า

จริงๆ มีสามเหลี่ยมแรกอยู่ เป็นคนทำลายต้นมะม่วง แล้วฐานเขียนว่า "อวิชชา"

เมืองที่จะอยู่รอดจะอยู่ในสามเหลี่ยม
สามเหลี่ยมแรก - ชาวบ้าน ช่วยกันปลูกต้นมะม่วง รดน้ำ บำรุง ต่อกิ่ง ฯลฯ ให้ต้นมะม่วง


สามเหลี่ยมสอง - "เมืองมิถิลาไม่สิ้นคนดี" อยู่บนฐาน (เค้าเรียกอะไรไม่รู้) แล้วมีตราประจำพระองค์ของในหลวง ฐานประกอบด้วย "อนุรักษ์" "วิริยะ" พัฒนา และมีฐานเป็นดอกบัว

ต่อมาสามเหลี่ยมเล็กที่สาม เป็นคนบำรุงต้นมะม่วง แต่ตอนนี้ ต้นมะม่วงแผ่กิ่งก้าน เกิดต้นเล็กๆ เต็มไปหมด

สามเหลี่ยมสุดท้าย เป็นสามเหลี่ยมที่มีคนทุกอาชีพ เด็ก ผู้ใหญ่ พระ ตั้งอยู่ตรงหอนาฬิกา ฐานมีคำว่า "คุณธรรม" ตรงหอนาฬิกามีนาฬิกา เข็มสั้นชี้เลข ๙ เข็มยาชี้เลข ๑๒

บนหอมีไก่กับเข็มทิศ (เข็มทิศชี้ไปทางทิศตะวันออก) จานดาวเทียมชี้ไปทางทิศตะวันตก ล่างลงมาเป็นโดม แล้วมีแผนที่โลกอยู่ด้วย ถ้าดูดีๆ ด้ามขวานจะขาดหายไปเลย เป็นทะเลแทน ตรงกลางหอนาฬิกามีคนอ้ามืออยู่ มีตาชั่งที่ชั่ง "อนุรักษ์" และ "พัฒนา" คนก็มีแขก(โพกหัว) จีน ด้วย ตรงกลางมีคนใส่ครุย พนมมือ

คราวนี้มาสังเกตนอกสามเหลี่ยม นอกสามเหลี่ยมจะเห็นผืนแผ่นดินแห้งแล้ง (ตรงที่คนมาแย่งเก็บมะม่วง) พอถัดมาจะสังเกตเห็นน้ำท่วม (ช่วยๆ ดูหน่อย) แล้วมีเครื่องบินและฮอลิคอปเตอร์บินเต็มไปหมดเลย

สามเหลี่ยนมทั้งหมดตั้งอยู่บนน้ำ

........................................

อนุโมทนากับเจ้าของข้อความด้วยค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชนิดา เชิงสะอาด/CHANIDA ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-18 00:38:31


ความคิดเห็นที่ 694 (1589015)

  ลูกขอ กราบอนุญาตอย่างที่สุด จากสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในบ้านสวน  

 

อ .อบุล  อ. มงคล และพี่ท๊อป และทุกท่านที่มาโพส

  
ลูก  ขอ นำเรื่องราว ต่างๆ ในทุกกระทู้ ทุกข้อความที่ลูกอยากนำไปเป็นธรรมทาน

 

  เผยแพร่ต่อได้มั้ย ครับ

 

 เ ช่น  ที่ เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ พูดกับ อ อุบล  ในเรื่องต่างๆ  

 

แต่ในกระทู้ไหนที่ยังไม่ถึงเวลา ก็จะไม่นำไปเผยแพร่ ครับ

 

รู้สึกจะมีคนสนใจกันมากกกกกกกกกกกกก  

 

ถ้าไม่อนุญาต ลูกก็จะไม่ทำครับ   ^ ^!

ผู้แสดงความคิดเห็น ทศวรรษ ฉิมวงศ์ (amilk_tza-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-18 18:40:33


ความคิดเห็นที่ 695 (1589030)

 ขอกราบองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวนพีระมิด เสด็จพ่อท้าวเวสสุวรรณ อ.อาจอง อ.อุบล 

ลูกขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่ให้ธรรมทานในครั้งนี้อย่างมาก

ขอให้ทุกท่านได้พบหนทางสู่นิพพาน พบทางสว่างทางโลกและทางธรรมด้วยค่ะ

สาธุ  สาธุ  สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ศรีวิภรณ์ ลิ่มอรุณ (nee9889-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-18 21:40:19


ความคิดเห็นที่ 696 (1589039)

กราบขอบพระคุณธรรมทานของท่านอ.ค่ะ สาธุ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกธรรมทาน ของพี่ๆน้องบ้านสวนค่ะ สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุริวรรณ์ ตีรวัฒนประภา (สุ) (namo353-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-18 22:07:07


ความคิดเห็นที่ 697 (1589114)

วิเคราะห์ภาพด้านล่าง

              

กรุณาคลิ๊กที่ภายเพื่อขยาย

ความหมาย

1. สามเหลี่ยมใหญ่ด้านซ้าย : คือสถาบันพระมหากษัตริย์ สามารถดำรงคงอยู่ได้ด้วย

1.1 เมืองมิถิลาไม่สิ้นคนดี / กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี....ฉันใด.....กรุงรัตนโกสินทรืไม่สิ้นคนดี......ฉันนั้น

1.2 สถาบันดำรงคงอยู่ได้....ด้วยการ...อนุรักษ์.....วิริยะ....พัฒนา (ตรงตัว)

2. สามเหลี่ยมใหญ่ด้านขวาย : คือประเทศชาติ (ที่มีแผนที่ จานดาวเทียม เทคโนโลโยต่างๆ ผู้คนซึ่งมีศีลธรรม ปัญญา) สามารถดำรงคงอยู่ได้ด้วย.....คุณธรรม (ตรงตัว)

ปล. จานดาวเทียมหันไปทางตะวันตก(เฉียงใต้) เพราะประเทศไทยตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรเล็กน้อย ตำแหน่งดาวเทียมของไทยเมื่อขึ้นสู่วงโคจร จะคล้อยมาทางตะวันตก....ดังนั้น....เมื่อต้องการติดตั้งจานรับสัญญาณดาว เทียมในประเทศไทยจะต้อง

2.1 หันหน้าจานไปทางตะวันตก.....เพราะวงโคจรดาวเทียมของไทยคล้อยไปทางตะวันตก (ดาวเทียมทางโทรคมนาคมทุกดวง...ลอยอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรไปตามแนวตะวันออก จรดตะวันตก)

2.2 หันหน้าจากก้มลงทิศใต้เล็กน้อย......เพราะประเทศไทยอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร

รวมความว่า....ต้องหันหน้าจานรับสัญญาณ...ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

3. สามเหลี่ยมต้นมะม่วง 2 ภาพ : หมายความว่าประชาชนต้องช่วยกันฟื้นฟูประเทศที่กำลังเหี่ยวเฉาั....ให้เป็นประเทศที่งอกงาม.....ดังเดิม

4. สายน้ำใต้สามเหลี่ยม : หมายถึงแม่น้ำเจ้าพระยา / สายน้ำหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ (สายน้ำสงบ) ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว.....สามเหลี่ยมทุกรูปตั้งอยู่บนสายน้ำที่อุดมสมบูรณ์....ประชาชน มีศีล.....มีคุณธรรม

5. เฮลิคอปเตอร์ : แสดงถึงการคมนาคม ที่ทันสมัย....สะดวกสบาย....เหมาะสมกับประเทศชาติที่ได้ฟื้นฟู....ให้เจริญรุ่งเรืองแล้ว




ตัวปู : เปรียบได้ดังสรรพวิชา ความรู้ต่างๆ (มหาวิทยาัลัยปูทะเลย์) เป็นที่รองพระบาทของพระมหาชนกให้ทรงพ้นภัยอันตรายต่างๆ

ปู 8 ขา : เปรียบได้ดั่ง.....มรรค 8.....ซึ่งเป็นพื้นฐานในการค้ำจุน....ตัวปู.....ให้เข้าถึงมรรคผล

ปู 4 ขา : เปรียบได้ดั่ง.....พรหมวิหาร 4....เป็นพิ้นฐานของตัวปู....เช่นกัน

นอกจากนั้น.....หากทรงพรหมวิหาร 4 แล้ว.....จะได้ของแถมเป็น......ศีล 5 และอินธิบาท 4 อีกด้วย

ปู 2 ขา : เปรียบได้ดั่ง.....มนุษย์ที่มีจิตใจดี....พร้อมที่จะละความชั่ว....แล้วหัน มาปฏิบัติธรรมความดี....ให้มีขา(ความดี) มากขึ้น....ยิ่งๆขึ้นไป

ปล. ภาพ Mekhala แทบทุกภาพและภาพ ส.ค.ส. พระมหาชนก ปี 2542.....นั้น.....จะมีภาพปู 2/4/8 ขารวมอยู่ด้วยทั้งสิ้น....แปลความได้ว่า

แม้เหตุการณ์ต่างๆจะร้ายแรงเพียงใด....แต่....พรหมเทวดา....พระสยามเทวาธิ ราช....และความดีอันมีองค์มรรคทั้ง 8.....พรหมวิหาร 4 .....ได้อุปถัมภ์ค้ำชูพระมหาชนกและสุววรณภูมิประเทศ....ให้แคล้วคลาด ปลอดภัย....ทุกครั้งไป


ข้อมูลจาก [url=http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680]

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องทราย (นางสาวลักขณา ศรประสิทธิ์) (lukkana_1234-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-19 12:34:13


ความคิดเห็นที่ 698 (1589131)

กราบเท้าท่านอาจารย์แม่อุบล ที่เคารพรัก

เรื่องที่ 1 - อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์จากการบูชาพีระมิดบ้านสวนด้วยความศรัทธา

ลูกขออนุญาตเล่าประสบการณ์ที่ได้รับความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสวน

ด้วยการบูชาพีระมิดจำลองจากมวลสารบ้านสวน คือ

เกิดปาฏิหารย์ช่วยให้ลูกพ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้

โดยถนนที่ใช้เป็นทางผ่านเข้า-ออกทุกเส้นทาง(ถ.สุวินทวงศ์, ถ.ร่มเกล้า, ถ.รามอินทรา)

รวมถึงพื้นที่ทั่วบริเวณหมู่บ้านประภาวรรณ ถูกน้ำท่วมขังระดับตั้งแต่ข้อเท้าจนถึงเอว เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม

แต่ปรากฎว่าน้ำที่ท่วมขังได้หยุดอยู่เพียงแค่บริเวณนอกรั้วบ้านของลูกเท่านั้น

แล้ว 3 สัปดาห์ต่อมาจึงลดแห้งลง

ลูกรู้คำตอบค่ะว่านี่เป็นพลังอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์จากการบูชาพีระมิดบ้านสวน

และได้ยังเล่าสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้แก่ผู้อื่นต่อๆ ไป

 

เรื่องที่ 2 - รหัสจักรวาล .. อาจารย์อุบล ช่วยด้วย

ลูกขออนุญาตเล่าอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ที่ลูกได้รับจากการใช้รหัสว่า.. อาจารย์อุบล ช่วยด้วย..

โดยเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.54 ลูกได้กลับบ้านที่เพชรบูรณ์

ได้ทำความสะอาดบ้าน และศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา-ยาย

ซึ่งขณะที่ลูกถวายมาลัย 7 สี 7 ศอก แด่พระภูมิเจ้าที่ นั้น

ลูกถูกแตนต่อยที่นิ้วชี้ข้างขวา อาการปวดแสบสุดๆ

ทันทีนั้นลูกพูดคำว่า อาจารย์ช่วยลูกด้วย .. ดังๆ 3 ครั้ง

พร้อมกับเอานิ้วชี้จุ่มลงในน้ำพีระมิด แช่ค้างไว้สักครู่หนึ่ง

อาการปวดแสบเริ่มค่อยๆ บรรเทาลงจนพ้นจากความทรมาน

ด้วยศรัทธาและเชื่อหมดใจเลยว่า นี่คือปาฏิหารย์ที่ลูกได้รับ

จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์ของบ้านสวน

นอกจากนี้รหัสจักรวาลนี้ ลูกยังได้บอกต่อแก่ เพื่อนๆ ญาติ พี่น้อง และเพื่อนร่วมงาน

มีทั้งผู้ที่เชื่อผู้ศรัทธา ตั้งใจนำไปใช้  หรือผู้ที่ไม่ศรัทธา รับฟังเฉยๆ

ไม่ว่าจะพบเจอเหตุการณ์ใดๆ

ลูกยืนยันที่จะบอกรหัสจักรวาลนี้ให้ผู้อื่นได้ทราบและนำไปใช้ต่อๆ ไปไม่สิ้นสุด

 

ภวยา เส็งพานิช(กระเต็น)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภวยา เส็งพานิช (กระเต็น) (pavaya-dot-s-at-ghb-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-19 13:40:14


ความคิดเห็นที่ 699 (1589146)

เบื้องบน

ท่านก็ต้องการ

ช่วย

เฉพาะคนที่พอจะช่วยได้

 

โดย

จะมีเทวดาคอย

ดลใจ

ให้คนที่พวกเราบอกรหัส

แล้ว

เชื่อ.....กับ.....ไม่เชื่อ

 

ขอย้ำว่า

คนทีจะถูกเลือกให้

รอด

พอบอกแล้ว เขาจะสนใจ

จะลองใช้ จะไม่ปรามาส

************

สาธุ สาธุ สาธุ

เป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะท่านอาจารย์แม่

วันนี้พี่ใจดีคนนี้เขาคิดถึงและโทรมาหาลูก

ก่อนหน้านี้ลูกได้บอกรหัสลับ...

และรายละเอียดของบ้านสวนฯ ไปแล้ว

แต่... พี่เขาอาจจะลืม..

จึงได้ย้ำกับพี่ใจดีอีกครั้งว่ารหัสนี้สำคัญมากๆๆ

พร้อมทั้งได้ส่งเว็บลิ้งเว็บบ้านสวนไปให้ทางเมลล์

แต่พี่เขาบอกว่าเขาเปิดเมลล์ไม่ได้ตั้งแต่เช้าแล้ว

อ้าว....แล้วเช็คเมลล์ได้ยังงัยล่ะ ????

สักพักใหญ่ๆๆ ก็โทรไปหาพี่เขาใหม่ว่าเปิดได้หรือเปล่า

ปรากฏว่า.... เปิดได้แล้ว เย้ๆๆๆ

ทำไม ????? เข้าเช็คเมลล์ได้ล่ะ

พี่เขาบอกว่า...

ใช้รหัสอาจารย์อุบล... ช่วยด้วย

ถึงทำให้พี่เขาเข้าไปเช็คเมลล์ได้

พี่เขามักพูดให้ฟังเสมอว่าเขาเบื่อกับการเกิดเป็นมนุษย์แล้ว

ไม่อยากมาเกิดอีก.....

พี่เขาตั้งใจว่าจะรีบสะสมแต้มให้ครบ 9 ตอน

ยกทั้งครอบครัวมากราบอาจารย์แม่อุบลให้ทันในค่าย 11 นี้เจ้าค่ะ

(สามคนพ่อ แม่ ลูก)

สาธุ ๆๆๆ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบ็ญจากาญจน์ ศุภศิริว้ฒนา(วิ) (aungpao-dot-benjy-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-19 15:01:53


ความคิดเห็นที่ 700 (1589227)

ขอบพระคุณอ.อุบลมากค่ะ

ขอโมทนาบุญทุกท่านนะคะ

สาธุ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฐิติมา พฤกษ์อำนวย (pranaijai-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-19 21:47:38



<< ก่อนหน้า 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9 ถัดไป >>


Copyright © 2010 All Rights Reserved.